ศาสนาพราหมณ์

เทวสถานอุทยานพระพฆิ เนศ



นิกายในศาสนาฮนิ ดู นิกายสรภทั ธะ (Sarabhadh) เป็ นนิกาย ขนาดเล็ก ในสมัยก่อนบูชาพระอาทติ ย์ (สูรยะ) มผี ู้นับถอื มากในอดตี ปัจจุบันมี จานวนน้อย นิกายนีม้ พี ธิ ีอยา่ งหนึ่งคอื กาย ตรี หรือ กายาตรี (Gayatri) ถอื ว่ามี อานาจศักดสิ์ ิทธิ์ คอื การกลับมาของพระ อาทติ ยเ์ ป็ นฤๅษีวิศวามติ ร

นิกายในศาสนาฮนิ ดู 7. นิกายสมารธะ (Samardha) เป็ นนิกายทใ่ี หญ่พอสมควร นับ ถอื ทกุ เทพเจา้ ทุกพระองคใ์ นศาสนา ฮนิ ดู ความเชอื่ แบบนีเ้ ป็ นทน่ี ิยม อย่างแพร่หลาย เพราะสามารถบชู าเจา้ ไดต้ ามต้องการ

พธิ ีกรรมของพราหมณ์ 1.กฎเกย่ี วกับวรรณะ ➢ หา้ มแต่งงานข้ามวรรณะ ➢ คนวรรณะต่าจะปรุงอาหารใหค้ นวรรณะสูงรับประทานไม่ได้ ➢ หา้ มประกอบอาชีพนอกเหนือจากทกี่ าหนดในแตล่ ะวรรณะมไิ ด้ ➢ หา้ มมถี นิ่ ฐานบา้ นเรือนนอกประเทศอนิ เดยี และหา้ มเดนิ เรือในทะเล







พธิ กี รรมของพราหมณ์ 2. พธิ ีสังสการ or พธิ ปี ระจาบา้ น เป็ นพธิ ีกรรมทจ่ี ะมขี นึ้ เฉพาะกับคนวรรณะ พราหมรณ์ กษัตรยิ ์ และ แพศยเ์ ทา่ นั้น มอี ย1ู่ 2 ประการแตป่ ัจจบุ นั เหลือเพยี ง 4 ประการเทา่ นั้นคอื • นามกรรม = พธิ ีตงั้ ชื่อเดก็ • อันนปราศนั = พธิ ีป้อนข้าวเดก็ • อุปนัยน์ = พธิ ีเริ่มการศกึ ษา (ผู้หญิงหา้ มทา) • วิวาหะ = พธิ ีแต่งงาน

พธิ ีกรรมของพราหมณ์ 3. พธิ ศี ราทธ์ เป็ นพธิ ีทาบุญให้แก่บรรพบุรุษ เคร่งครัดมาก จะกระทาในเดอื น 10 ตงั้ แตว่ ันแรม1 ค่า ถงึ วันแรม 15 ค่า



พธิ กี รรมของพราหมณ์ 4. พธิ บี ชู าเทวดา เป็ นพธิ ีทมี่ วี ธิ ีการแตกตา่ งกันไปตามวรรณะ หากเป็ นพธิ ีของวรรณะสูง จะมกี ารสวดมนตภ์ าวนาหรือมกี ารไปบาเพญ็ กุศลในเทวาลัย

พธิ ศี ิวาราตรี (ลอยบาป)

หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู หลักอาศรม4 = ขัน้ ตอนการดาเนินชวี ติ ของมนุษย์ เป็ นทางปฏบิ ตั ยิ กชีวติ ใหส้ ูงขนึ้ 1.พรหมจรรย์ : วัยศกึ ษาเล่าเรียน ไม่ยุง่ เร่ืองเพศ เชื่อคาส่ังสอนครูอาจารย์ 2.คฤหสั ถ์ : วัยครองเรือน แต่งงาน มลี ูก ทาอาชพี สุจริต 3.วานปรัสถ์ : เข้าป่ า แสวงหาความสงบเป็ นครั้งคราว ฝึ กจติ ใหบ้ ริสุทธิ์ 4. สันยาสี : สละโลก ออกบวช เพอ่ื จุดมุ่งหมายของชวี ติ คอื “โมกษะ”

หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู หลักปุรุษารถะ = จุดมุ่งหมายของชีวติ 4 อย่าง 1.อรรถ : หาทรัพยส์ มบตั ิ สร้างฐานะทางเศรษฐกจิ 2. กาม : หาสุขทางโลกตามแนวทางของหลักธรรม 3. ธรรม : การเป็ นผู้มคี ุณธรรม 4.โมกษะ : การหลุดพน้ จากทุกข์

หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู หลักปรมาตมัน อาตมนั และโมกษะ 1.ปรมาตมนั or พรหมนั or วญิ ญาณสากล = เป็ นปฐมวญิ ญาณทเ่ี กดิ ขึน้ เอง เป็ นตน้ กาเนิดของสรรพส่งิ รวมทงั้ อาตมัน

หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู หลักปรมาตมนั อาตมันและโมกษะ 2.อาตมัน or ชวี าตมนั = เป็ นดวงวญิ ญาณย่อยทเ่ี กดิ จากปรมาตมัน จะไปอยใู่ น ส่ิงมชี ีวติ ตา่ งๆ และจะตอ้ งเวยี นว่ายตายเกดิ ไปเรอ่ื ยๆ (สังสาระ) จนกว่าบรรลุโมกษะ ส่งิ ทข่ี ัดขวางคืออวชิ า

หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู หลักปรมาตมัน อาตมันและโมกษะ 3.โมกษะ = การหลุดพน้ จากวฏั สงสาร โดยวธิ ีการหลุดพ้นเรียกว่า โมกษคติ ทาได้โดยปฏิบตั ิ โยคะ3 หรือ มรรค4

หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู หลักปรมาตมัน อาตมันและโมกษะ โยคะ 3 = หนทางนาไปสู่การพน้ ทกุ ข์ • กรรมมรรค (กรรมโยคะ) = ทาหน้าทข่ี องตนเองใหด้ ที สี่ ุด • ชญานมรรค (ชญานโยคะ) = มีปัญญาระดบั สูง • ภกั ตมิ รรค (ภกั ตโิ ยคะ) = ภกั ดตี อ่ God • ราชมรรค = การฝึ กฝนจิตใจอยา่ งเคร่งครัด

อาตมนั ตาย! ปรมาตมัน เวียนว่ายตายเกิด หลุดพ้นทกุ ข์ อวชิ ชา อาตมัน บรรลุโมกษะ

นักเรียนคดิ วา่ โมกษะ กับ นิพพาน เหมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ?

เปรียบเทยี บ ความแตกตา่ ง การบรรลุโมกษะ = กำรเขำ้ รวมเป็นหนงึ่ กบั ปรมำตมนั ซง่ึ มตี วั ตน เป็น อตั ตำ การบรรลุนิพพาน = กำรหลดุ พน้ จำกกิเลส เป็นควำมวำ่ งเปลำ่ เป็น อนตั ตำ ความเหมอื น เป็นกำรหลดุ พน้ จำกกำรเวียนวำ่ ยตำยเกิด

เทศกาลขว้างไฟของชาวฮนิ ดู จัดขึน้ ในเดอื นเมษายนของทุกปี และใช้เวลาในการทาพธิ ีกรรมตา่ งๆ นาน 8 วัน เพอ่ื บชู าพระแมท่ ุรคา เทพแี หง่ สงครามตามความเชอ่ื ของศาสนาฮนิ ดู



โฮล:ี เทศกาลแหง่ สสี ันแดนภารตะ

ผงสวี ำงขำยในเมืองชยั ปรุ ะ รฐั รำชสถำน ก่อนถึงเทศกำลโฮลี ในอดตี นยิ มใชผ้ งสีท่ีทำจำกวสั ดุ ธรรมชำติ เชน่ ดอกไม้ เปลอื กและรำกไม้ ปัจจบุ นั ผงสสี ว่ นใหญ่เป็นสำรสงั เครำะหซ์ ่ึงอำจทำให้ เกิดกำรระคำยเคืองผวิ หนงั และดวงตำ

ใน “ลัฏฐมารโฮลี” หรือเทศกาลแหง่ ไม้และสีสัน หนุ่มๆ จากนันทคามพากันมาหาสาวๆ ทบี่ รสนา ก่อนถูกสาดสีใส่และตดี ว้ ยไม้ หรือ “ลัฏฐ” หากหนุ่มคนใดถกู สาวจบั ได้ จะตอ้ งสวมใส่เสือ้ ผ้า ผู้หญงิ และเตน้ ราในทส่ี าธารณะ