Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน BBL ชั้น ป.3

แผนการสอน BBL ชั้น ป.3

Published by มูนาลีซา หะยียูโซะ, 2022-08-25 06:23:08

Description: ilovepdf_merged

Search

Read the Text Version

แผนจัดการเรียนรู้ อ่านออกเขียนได้ ชั้นประถมศึกษาปีทีี 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

บรษิ ัทธารปญั ญา จำากดั สงวนลิขสทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ ห้�มมิให้น�ำ แผนก�รจดั ก�รเรียนรนู้ ี้ ไปใช้เพอ่ื ก�รจ�ำ หน่�ยหรอื ก�รค�้ ใดๆ ในทกุ รปู แบบ ไม่ว�่ จะเปนหนงั สอื หรอื ในระบบคอมพวิ เตอรท์ กุ ชนดิ แผนจดั ก�รเรยี นรู้ อ�่ นออก เขยี นได้ ประถมศกึ ษ�ปที ่ี ๓ เลม่ ๑ กลุ่มส�ระก�รเรยี นรู้ภ�ษ�ไทย ต�มหลักสูตรแกนกล�งก�รศึกษ�ขัน้ พน้ื ฐ�น พุทธศกั ร�ช ๒๕๕๑

ค�ำ แนะน�ำ การใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรอู้ า่ นออก เขยี นได้ 2 หนังสืออ่านออก เขียนได้ ชุดน้ี ออกแบบข้ึนมา เพ่ือให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่มี การขา้ มข้นั ตอน แต่ละเลม่ จะก้าวไปทลี ะข้นั (step) คุณครูทุกท่านท่ใี ชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้นี้ โปรด ท�ำ ความเข้าใจหลักการของแผนการจัดการเรยี นรชู้ ุดน้ี ดังน้ี ๑. กระบวนการสอน ๕ ขน้ั แบบ Brain-based Learning (BBL) กระบวนการสอนอา่ นออก เขยี นได้ ในแผนการจัดการเรยี นร้นู ี้ ยดึ การสอนท่ีแบง่ ออกเปน็ ๕ ขั้น ดังรายละเอียดขา้ งล่างนี้ เพอื่ ประกันผลส�ำ เร็จ ว่านกั เรียนจะอ่านออก เขียนได้แม่นยำ� คือ ๑.๑ อนุ่ เครอื่ ง (Warm-up) การอนุ่ เครอื่ ง (warm-up) เปน็ กจิ กรรมทที่ �ำ เพอื่ ใหส้ มองตน่ื ตวั เตรยี มพรอ้ มทจี่ ะเรยี นรวู้ ชิ า ตอ่ ไป หรือระหวา่ งช่ัวโมง ถ้าเนื้อหาทจี่ ะเรยี นรู้น้นั ค่อนขา้ งยาก คุณครูสงั เกตวา่ นักเรียน เรมิ่ หมดความสนใจหรอื อ่อนล้า ควรใหท้ ำ� Warm-up เพอ่ื กระตนุ้ สมอง การ Warm-up น้นั ทำ�ได้ ๓ วธิ ี คือ ๑) Brain Exercise ๒) การเคลื่อนไหวเปน็ จงั หวะ (Rhythm) อาจมี เสียงเพลงและค�ำ กลอนประกอบ และ ๓) ยืดเส้นยืดสาย (Stretching) ๑.๒ ข้นั นำ�เสนอความรู้ (Present) นักเรียนทุกคนมีความต่างกัน มีประสบการณ์ มีพ้ืนฐานเฉพาะตัว ดังนั้น การนำ�เสนอ ความรู้ (การสอน) จึงควรเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย น�ำ เสนอความรู้ใหม่ ผ่านสอ่ื การเรียนรู้ทน่ี ่าสนใจ เช่น สื่อของจริง บตั รภาพ บัตรคำ� บัตร ตัวเลข ชาร์ตบทกลอน บทเพลง กระดานเคลอ่ื นท่ี เปน็ ต้น ๑.๓ ขนั้ ลงมอื เรียนร้-ู ฝึกทำ�-ฝกึ ฝน (Learn-Practice) เปิดโอกาสให้นักเรียนฝึกทำ� โดยลงมือทดลองใช้ความรู้ ด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น ฝึกทำ� โดยใช้ส่อื จากมมุ สื่อ BBL พานักเรียนไปดูของจรงิ สำ�รวจและบนั ทึกจากสงิ่ ที่พบเหน็ ท�ำ กิจกรรมจากใบงาน เชน่ กิจกรรมตัดปะ เล่นเกมบงิ โก ใช้อุปกรณเ์ คาะลงบนข้อความหรอื ค�ำ ศพั ท์ ใหเ้ ดก็ ได้เคล่อื นไหว เช่น ลุกขึน้ จากโต๊ะเพ่อื ไปทำ�กิจกรรม และควรมใี บงานท่ใี ห้ นักเรยี นได้ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ และคิดสร้างสรรคด์ ว้ ยตวั เอง ๑.๔ ข ้นั สรุปความรู้ (Summary) แม้ว่าการเรียนรู้จะดำ�เนินมาตั้งแต่ข้ันเร่ิมเรียนรู้ความรู้ใหม่ (present) ขั้นที่นักเรียนได้ ทดลองน�ำ ความรใู้ หมน่ นั้ มาลงมอื ปฏบิ ตั ิ ฝกึ ลองท�ำ ดว้ ยตวั เอง (learn-practice) ลงมอื ท�ำ แบบฝกึ หัดแลว้ กต็ าม แตใ่ นทีส่ ดุ การน�ำ ประสบการณ์ทงั้ หมดมาสรุปรวบยอด เป็นความ รทู้ ชี่ ัดเจนอีกครั้งหน่งึ กม็ ีความจ�ำ เปน็ อยา่ งยิง่ โดยเฉพาะเรามักสังเกตได้ว่า นักเรยี นอาจ ทำ�การฝกึ ผดิ พลาด ทำ�แบบฝกึ หดั ไมถ่ กู สรา้ งความรจู้ าก concept ทผี่ ดิ เป็นตน้ ความ ผิดพลาดเหล่าน้ี แม้จะเกิดขึ้นเพียง ๑๐-๓๐% แต่ก็แสดงว่า มีส่ิงผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว การเขยี นกากบาทหรือ comment นกั เรยี นวา่ ยงั มสี งิ่ ผิดพลาด ก็ไมไ่ ด้ชว่ ยอะไรมากนกั ทางเดียวที่จะแก้ไขไดก้ ็คือ การใหฝ้ กึ ซํา้ ในส่วนผิดน้ัน และตอ้ งทำ�การสรปุ ความร้รู ว่ มกับ นักเรียน บริษัทธารปญั ญา จำ�กดั สงวนลิขสทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒

๑.๕ ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ (Apply) ถ้าเป็นไปได้และมีเวลา กระบวนการเรียนรู้ควรทำ�ไปถึงข้ันให้นักเรียนประยุกต์ใช้ความรู้ ในสถานการณใ์ หมๆ่ ในข้นั น้ี โดยมากนักเรียนจะเรม่ิ นำ�ความรไู้ ปสร้าง (make) หรอื ผลิต (produce) ช้นิ งานใหมๆ่ เชน่ แตง่ นิทาน ท�ำ หนงั สอื เลม่ เล็ก แสดงละคร โตว้ าที จัดบอรด์ ผลงาน นทิ รรศการ เปน็ ตน้ แตง่ านขน้ั นี้ เปน็ ไปไดย้ ากทจี่ ะท�ำ ทกุ ชว่ั โมง ทกุ เนอ้ื หาทเ่ี รยี น เพราะเวลาเรียนไม่พอ อีกท้ัง เนื้อหาท่ีเรียนมีมากเกินกว่าท่ีจะเน้นให้นักเรียนลงมือทำ� กิจกรรมต่างๆ ไดห้ มดสิ้น ดว้ ยเหตุน้ี ขนั้ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ จงึ อาจเลอื กท�ำ เฉพาะหัวขอ้ ท่ี สำ�คัญ หรือหวั ขอ้ ทพี่ อจะน�ำ ไปประยุกต์ใช้ไดส้ ำ�หรบั เด็กแตล่ ะวัย ในหัวข้อง่ายๆ เช่น การ ประสมพยญั ชนะกบั สระ อาจจะยงั ไมม่ คี วามจ�ำ เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ เปน็ ตน้ แต่ ทั้งนี้ กข็ ้ึนอยู่กบั ความรู้ ความสามารถ และความชำ�นาญของผสู้ อนเอง ๒. วิธีการปรับแผนการจดั การเรียนร้ใู นช่ัวโมงการสอนจรงิ แมว้ า่ ในแผนการจดั การเรยี นรชู้ ดุ นี้ ในทกุ บทจะเสนอแนะการสอนครบ ทกุ ขนั้ ตอน แตใ่ นชว่ั โมง การสอนจริง คณุ ครูอาจปรบั แผนบางข้นั การสอนให้กระชบั รวดเร็ว ลัดขนั้ ตอนได้ตามความเหมาะสม ไม่จำ�เป็นตอ้ งเดิน ๕ ข้นั อย่างเครง่ ครดั สำ�หรับอา่ นออก เขยี นได้ เล่ม ๑ นกั เรยี นยังไม่รจู้ ักพยัญชนะ และสระ คณุ ครูอาจต้องสอนละเอียด ใชเ้ วลายาวนาน และอดทน แต่เมื่อนักเรยี นเร่ิมแม่นย�ำ แล้ว ก้าว สู่เล่มที่ ๒ และ ๓ นักเรียนอาจจะอ่านได้มากข้ึน สะกดได้ดีข้ึน ทำ�ให้เรียนคำ�ท่ีมีวรรณยุกต์และคำ�ที่ มีตัวสะกดได้รวดเร็ว เม่ือนักเรียนเรียนเร็วขึ้นมากแล้ว บางข้ันคุณครูก็ไม่ควรเสียเวลามากเกินไป เช่น จ�ำ นวนใบงานในข้นั ลงมอื เรยี นรู้ กับข้ันสรุปความรู้ อาจลดจำ�นวนลง หรือบรู ณาการสองขัน้ น้ี รวบเปน็ ขนั้ เดยี วกนั กไ็ ด้ สว่ นขน้ั ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรนู้ นั้ เราเพมิ่ เขา้ มาเพอ่ื ใหแ้ ผนการจดั การเรยี นรสู้ มบรู ณ์ เสนอ แนะครบถ้วน แตค่ ุณครูอาจไมม่ เี วลาท�ำ ในชั่วโมงการสอนจรงิ เพราะจ�ำ นวนชัว่ โมง ๒๐๐ ช่ัวโมงต่อปีท่ี กำ�หนดไว้นัน้ น่าจะไม่พอสำ�หรับกระบวนการสอนให้ครบทุกขัน้ ๓. ท่านสามารถสรา้ งแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ดีกวา่ คณุ ครทู กุ คน โรงเรยี นทกุ โรงเรยี นลว้ นมคี วามแตกตา่ งกนั ไมม่ แี ผนการจดั การเรยี นรใู้ ดใชไ้ ดก้ บั ทกุ หอ้ งเรยี น ๑๐๐% คณุ ครทู มี่ คี วามรคู้ วามสามารถ มปี ระสบการณส์ งู เอาใจใสน่ กั เรยี นมาก จะทราบดี วา่ แผนการจดั การเรยี นรแู้ ตล่ ะแผนจะตอ้ งเพมิ่ หรอื ลด แมก้ ระทงั่ ตอ้ งเปลยี่ นกระบวนการใดบา้ ง เพอ่ื ให้ เหมาะสมกบั นักเรยี นในหอ้ งเรียนของตน ดงั นนั้ คณุ ครูสามารถนำ�แผนการจดั การเรียนรู้ชดุ นี้ ไปพัฒนา ต่อยอด สร้างเป็นแผนการจดั การเรยี นร้ใู หมๆ่ เพอ่ื ใหเ้ ป็นประโยชนส์ ูงสดุ ต่อการเรียนร้ขู องนกั เรยี น ๔. ในกรณีท่ตี ้องการปรบั ใชแ้ ผนการจัดการเรียนรนู้ ี้กบั หนังสอื เรยี นชดุ อื่นๆ ทีไ่ มใ่ ช่ ชดุ อ่านออก เขยี นได้ ชดุ น้ี ในกรณีท่ีคุณครูใช้หนังสือเรียนชุดอื่นๆ ท่ีไม่ใช่ชุดอ่านออก เขียนได้ ของเรา ท่านสามารถนำ� แผนการจดั การเรยี นรชู้ ดุ นไ้ี ปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ แมจ้ ะไมค่ รบขนั้ ตอน ท�ำ ไมไ่ ดท้ ง้ั หมด และเนอื้ หาของหนงั สอื ไมต่ รงกนั คณุ ครกู ส็ ามารถน�ำ เอาเทคนคิ การสอนในบางขนั้ ตอน เขา้ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชว่ั โมงการสอนของ ทา่ น โดยเลอื กขน้ั ตอนทจ่ี ะชว่ ยใหน้ กั เรยี นมคี วามสขุ ในการเรยี นรู้ สนใจการเรยี นมากขนึ้ เรยี นไดเ้ รว็ ขน้ึ มีสื่อและใบงานชว่ ยในการสอนตามความเหมาะสม บริษทั ธารปัญญา จำ�กดั สงวนลิขสทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 3

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ อา่ นออก เขียนได้ เลม่ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ หนว่ ยท่ี ช่ือหน่วย จำ�นวนช่วั โมง ๑ เลย้ี งกระตา่ ย ๔ ๒ ป๋องขี้โม้ ๔ ๓ หนเี ทีย่ ว ๔ ๔ ผจญภัย ๔ ๕ ความลบั เปดิ เผย ๔ ๖ ชนกว่าง ๔ ๗ ยานประหลาด ๔ ๘ ปราชญ์ชาวบา้ น ๔ ๓๒ รวม หมายเหตุ จ�ำ นวนบทเรียน กิจกรรมการเรียนรู้ หรอื เวลาในการสอน สามารถปรับเปลี่ยนและ ยดื หย่นุ ได้ตามความเหมาะสม ขึน้ อย่กู ับดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน บรษิ ทั ธารปัญญา จำ�กัด สงวนลขิ สทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 4

แผนก�รจัดก�รเรียนรู้ หน่วยก�รเรียนรู้ อ�่ นออก เขยี นได้ เล่ม ๑ กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรู้ภ�ษ�ไทย ชน้ั ประถมศกึ ษ�ปีที่ ๓ บทท่ี ๑ เลย้ี งกระต่�ย (๑) จำานวน ๒ ชัว่ โมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ิต และมนี สิ ัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี น เขียนส่อื สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวในรูปแบบ ต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ๒. ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขียนบรรยายเกย่ี วกับสง่ิ ใดสิง่ หนง่ึ ไดอ้ ย่างชัดเจน ส�ระสำ�คญั การเรยี นรู้ การเขยี นและการอา่ นเรอ่ื งส้นั ๆ หรอื นทิ าน เพือ่ บอกข้อคดิ ทีไ่ ดจ้ ากการอ่าน การจบั ใจความสำาคัญ หรือประเดน็ สาำ คัญ การแสดงความคดิ เหน็ และการเรยี บเรยี งหรอื ลาำ ดับความสาำ คัญ จดุ ประสงค์ก�รเรียนรู้ ๑. สามารถอา่ นเรอ่ื งส้ันๆ หรอื นิทานได้ ๒. สามารถจับใจความสาำ คัญของเร่ืองท่ีอ่านได้ ๓. สามารถบอกข้อคดิ จากการอ่านเรอ่ื งส้ันๆ ได้ ส�ระก�รเรียนรแู้ กนกล�ง ๑. การเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ลักษณะของ คน สัตว์ สิง่ ของ สถานที่ ๒. การอ่านจบั ใจความจากส่ือตา่ งๆ เชน่ นทิ าน เรือ่ งเลา่ สั้นๆ บทเพลง และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ๓. การอา่ นขอ้ มลู จากแผนภาพ แผนที่ และแผนภมู ิ ๔. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทป่ี ระกอบ ด้วยคำาพืน้ ฐานเพิ่มจาก ป.๒ ไมน่ ้อยกว่า ๑,๒๐๐ คาำ กระบวนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ ๑. ข้ันนำ�เข�้ ส่บู ทเรยี น ๑. คณุ ครใู หน้ กั เรยี นทอ่ งและเคลอื่ นไหวประกอบบทคลอ้ งจอง “ตาหวงั หลังโกง” ตามจงั หวะ ๒. ทจมับือ่าเซคค้าู่ ลยหอ่ื เันพนห่ือไหนนว้าสทเขล่ีใ้าชบั ห้คมาวอื กรขเันปวาน็ มหทือง่าซาทย้าส่ียมนหือกุ งซสาา้ยนยมาคนือวข่ำาเชวตาน่ คบใวบห่ำาน้นมตักอื เบรขบียวนนา เพ่ือนทำาสลับกนั ไปมาตามจังหวะจนจบ ตมบือซบา้นยมหอื งซาา้ยยมเพืออ่ืขนวา ตมบอื ซบา้นยมหืองซา้ายยมเพอื ือ่ขนวา ๓. คุณครูติดชาร์ตบทร้อยกรอง “ตาหวังหลังโกง” และพา 5 นกั เรียนช้อี า่ นไปทีละประโยคจนคล่อง บรษิ ัทธารปัญญา จำากดั สงวนลิขสทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒

๒. ขั้นนำ�เสนอความรู้ ๑. คณุ ครูสอนนักเรยี นอา่ นเรื่อง เลย้ี งกระต่าย ในหนงั สือเรยี น ๒. โดยใหน้ กั เรยี นเขยี นหมายเลขก�ำ กบั ยอ่ หนา้ ทุกย่อหนา้ เพ่อื ใหน้ ักเรียนรวู้ ่าคณุ ครกู ำ�ลงั อา่ นยอ่ หนา้ ใด ๓. คุณครพู านักเรียนอา่ น และให้นกั เรยี นช้อี ่านไปทลี ะย่อหนา้ ๔. เมอ่ื จบหนง่ึ ย่อหน้า คณุ ครคู วรพดู คุย หรือถามนกั เรียนวา่ ยอ่ หน้านกี้ ล่าวถงึ ใคร กำ�ลงั ท�ำ อะไร ๕. ให้นกั เรยี นตอบคำ�ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลต์ค�ำ ตอบของคำ�ถามน้ันๆ ๖. ให้นักเรยี นช้ีอ่านคำ�ศพั ทจ์ ากบทเรียน ในหนังสอื เรยี น พร้อมกันทงั้ ห้องเพอ่ื เปน็ การทบทวน เกขำ�ียกนบั หแมตาย่ลเะลยข่อหนา้ ใหน้ ักเรยี นช้อี ่าน (ตัวอยา่ งการสอนอา่ น) ๓. ขนั้ ลงมอื เรยี นรู้ ๑. ค ณุ ครใู ห้นักเรียนชีอ้ ่านบทคล้องจอง หดั อา่ นดู รวู้ ิชา ในหนงั สือเรยี น พรอ้ มกันทัง้ ห้อง ๑ รอบ ๒. จากน้ัน แบ่งนักเรียนออกเปน็ สองกลุ่ม กลมุ่ ชายและหญิง ๓. ให้กลุม่ หน่ึงอา่ นขอ้ ความแรก ข้อความตอ่ มาใหอ้ ีกกลุ่มอา่ น ผลัดกันอ่านสลับไปเร่อื ยๆ กลมุ่ ละขอ้ ความ จนจบ ๔. เมอ่ื นกั เรยี นอา่ นได้จนคล่องแล้ว คณุ ครูให้นกั เรยี นทกุ คนปดิ หนงั สอื แล้วลองทอ่ งโดยทไ่ี มด่ หู นงั สือ ๕. การท่ีใหน้ กั เรยี นทอ่ งบทคล้องจอง จะทำ�ใหเ้ ด็กมคี วามสามารถในการจำ�ทีย่ าวขึน้ ๖. นักเรียนทำ�แบบฝึกหัดในหนังสือเรียน ๔. ขั้นสรุปความรู้ ๑. ให้นกั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนังสอื เรียน ๒. คณุ ครแู จกใบงาน “ใครเปน็ ใคร” ใหน้ กั เรยี นทกุ คน เพอื่ ฝกึ ทกั ษะการ สงั เกตลกั ษณะเดน่ ของตวั ละคร และสรปุ ใจความส�ำ คญั จากเรอ่ื งทอี่ า่ น ๓. ตดิ ใบงานลงในสมุด และเฉลยพร้อมกนั ในหอ้ งเรียน ๕. ข้ันประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. คณุ ครใู ห้นักเรียนจับค่กู บั เพือ่ นทน่ี งั่ ข้างกัน ๒. ให้นักเรียนผลัดกันเป็นคนต้ังคำ�ถามและตอบคำ�ถาม จากเรื่อง เล้ียง กระต่าย เครือ่ งมือ - สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. ชาร์ตบทคล้องจอง “ตาหวงั หลังโกง” ๒. หนังสือเรียนอ่านออกเขยี นได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “ใครเปน็ ใคร” การวดั และประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการอ่าน / การออกเสียง / การสะกดค�ำ ของนักเรยี น ๒. ประเมนิ ผลจากคะแนนการท�ำ แบบฝกึ หัดของนกั เรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรียน - หลังเรียน การเขียนตามค�ำ บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บรษิ ทั ธารปัญญา จ�ำ กดั สงวนลขิ สทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 6

ใบง�นประกอบแผนก�รจดั ก�รเรียนรู้ บทท่ี ๑ (๑) : ใครเปน ใคร  อา่ นเรื่อง “เลย้ี งกระตา่ ย” แล้วเขยี นชอ่ื ตัวละครลงใตภ้ าพให้ถูกต้อง --------------------------------------------------- --------------------------------------------------- --------------------------------------------------- ---------------------------------------------------  อ่านเรื่อง “เล้ยี งกระตา่ ย” แลว้ ตอบคาำ ถามต่อไปนี้ โดยระบายสีในชอ่ งที่ ใช่ หรอื ไม่ใช่ ไมใ่ ช่ ไม่ใช่ ๑. บ้านคณุ ปา ของตุ่นกับแตม้ อยู่ท่จี งั หวัดชลบุรี ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ๒. คณุ ปา เลีย้ งกระต่ายไว้เปน็ จาำ นวนมาก ใช่ ไม่ใช่ ไมใ่ ช่ ๓. ตนุ่ กบั แต้มตกลงกันว่าจะเลี้ยงกระตา่ ยไว้ในกรง ใช่ ๔. กระตา่ ยกนิ พชื ผกั แทบทกุ อยา่ งในสวนครวั ใช่ ๕. กระต่ายออกลูกมาท้ังหมด ๕ ตวั ใช่ ๖. กระตา่ ยไมย่ อมใหล้ กู กนิ นมเพราะมันหิว ใช่ บริษัทธารปัญญา จำากดั สงวนลิขสทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 7

แผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ หน่วยก�รเรยี นรู้ อ�่ นออก เขียนได้ เล่ม ๑ กลุ่มส�ระก�รเรียนรู้ภ�ษ�ไทย ชน้ั ประถมศกึ ษ�ปีที่ ๓ บทท่ี ๑ เลี้ยงกระต�่ ย (๒) จาำ นวน ๒ ชวั่ โมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ติ และมีนสิ ัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ ๒. ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอ่ื งสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๓/๔ แต่งประโยคงา่ ยๆ ส�ระส�ำ คัญ การเรยี นรู้ การเขยี นและการอา่ นเรือ่ งส้ันๆ หรือนทิ าน เพ่อื บอกข้อคดิ ทไี่ ด้จากการอ่าน การจับใจความสำาคัญ หรือประเดน็ สำาคญั การแสดงความคดิ เหน็ และการเรียบเรยี งหรอื ลำาดบั ความสาำ คญั จดุ ประสงค์ก�รเรยี นรู้ ๑. สามารถอา่ นเรื่องสั้นๆ หรือนทิ านได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคญั ของเรอื่ งท่ีอ่านได้ ๓. สามารถบอกขอ้ คดิ จากการอา่ นเร่อื งสัน้ ๆ ได้ ส�ระก�รเรียนรู้แกนกล�ง ๑. การอ่านจับใจความจากส่อื ตา่ งๆ เชน่ นทิ าน เร่ืองเล่าสั้นๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ๒. การแต่งประโยคเพ่ือการส่ือสาร ได้แก่ ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำาถาม ประโยคขอร้อง ประโยคคำาสั่ง ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ดว้ ยคาำ พน้ื ฐานเพมิ่ จาก ป.๒ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจดั ก�รเรียนรู้ 1 มตบือขมวอื าซา้ ย 2 ตคบร้งั โต๊ะ ๒ 3 ๑. ข้ันนำ�เข�้ สู่บทเรียน ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคล่ือนไหวประกอบบทร้อยกรอง “คำากลอน มือขวาตบมอื ซ้ายเพือ่ น แม่ ก กา” ตามจังหวะ ๒. ท่าเคล่อื นไหวทใี่ ช้ควรเปน็ ท่าที่สนกุ สนาน เช่น เคล่ือนไหวประกอบตาม จังหวะ โดยหงายมือซ้ายขึ้น มือขวาตบมือซ้าย มือขวาตบโต๊ะ ๒ คร้ัง แลว้ เอามอื ขวาตบมอื ซา้ ยเพอื่ นทหี่ งายอยู่ ทาำ ตามจงั หวะไปเรอื่ ยๆ จนจบ ๓. คณุ ครตู ดิ ชารต์ บทรอ้ ยกรอง “คาำ กลอนแม่ ก กา” และพานกั เรยี นชอี้ า่ น ไปทีละประโยคจนคล่อง บรษิ ทั ธารปญั ญา จาำ กัด สงวนลขิ สิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 8

๒. ขัน้ น�ำ เสนอความรู้ ๑. คณุ ครสู อนนกั เรยี นอา่ นนิทานวรรณคดเี ร่ือง เจ้าชายหแู หวง่ จมูกวนิ่ ในหนงั สอื เรยี น ๒. คุณครพู านกั เรยี นอา่ น และให้นักเรียนชีอ้ ่านไปทลี ะย่อหนา้ ๓. เมือ่ จบหนึง่ ยอ่ หน้า คณุ ครูควรพูดคุย หรือถามนักเรยี นว่า ยอ่ หนา้ นี้กล่าวถงึ ใคร ก�ำ ลังทำ�อะไร ๔. ใหน้ ักเรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลต์คำ�ตอบของคำ�ถามน้ันๆ ๓. ขั้นลงมอื เรียนรู้ ๑. ค ุณครูใหน้ ักเรียนชอี้ า่ นสารคดี ทอ่ งปา่ แอฟริกา ในหนังสือเรียน พรอ้ มกนั ทัง้ หอ้ ง ๑ รอบ ๒. จากนน้ั คณุ ครถู ามคำ�ถามจากสารคดเี รื่อง ท่องป่าแอฟริกา อย่างนอ้ ย ๕ คำ�ถาม เชน่ ตัวละครในเร่ืองน้ี ช่ืออะไร ทำ�อาชีพอะไร เปน็ ต้น การถามค�ำ ถามเป็นการฝึกให้นกั เรียนจบั ประเดน็ ส�ำ คญั จากเรอื่ งที่อ่าน ๓. นกั เรียนท�ำ แบบฝึกหดั ในหนังสือเรียน ๔. ขนั้ สรุปความรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น ๒. คุณครูแจกใบงาน “ค�ำ วา่ อะไร” ให้นักเรียนทุกคน เพ่อื ฝึกทกั ษะการ อ่านเพอื่ จับประเดน็ ส�ำ คญั จงึ จะสามารถบอกได้วา่ ข้อความหรอื คำ� ใบท้ ่กี ำ�หนด ตรงกับคำ�ใด ๓. ตดิ ใบงานลงในสมดุ และเฉลยพร้อมกันในห้องเรียน ๕. ขัน้ ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้ ๑. ค ุณครูให้นักเรียนคัดคำ�ศัพท์เฉพาะชื่อสัตว์ในสารคดีเร่ือง ท่องป่า แอฟริกา ลงในสมดุ ๒. ให้นักเรียนเลือกชื่อสัตว์มา ๕ ชื่อ จากนั้นแต่งประโยคลงในสมุด นักเรียนไม่จำ�เป็นต้องเลือกหรือ แตง่ ประโยคเหมอื นกันทง้ั หอ้ ง เครอื่ งมอื - สอ่ื การเรียนรู้ ๑. ชาร์ตบทรอ้ ยกรอง “คำ�กลอนแม่ ก กา” ๒. หนังสือเรียนอ่านออกเขียนได้ ป.๓ เล่ม ๑ ๓. ใบงาน “ค�ำ ว่าอะไร” การวัดและประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤตกิ รรมการอา่ น / การออกเสยี ง / การสะกดค�ำ ของนกั เรียน ๒. ป ระเมนิ ผลจากคะแนนการทำ�แบบฝึกหัดของนักเรียน (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรยี น - หลังเรียน การเขยี นตามค�ำ บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บริษัทธารปัญญา จ�ำ กัด สงวนลิขสิทธิ์ © ๒๕๖๒ 9

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ บทท่ี ๑ (๒) : ค�ำ ว�่ อะไร  อา่ นเรอื่ ง “เจา้ ชายหูแหวง่ จมูกว่นิ ” ดคู ำาใบ้จากข้อความท่กี าำ หนดให้ แล้วเขยี นพยญั ชนะท่หี ายไปลงในช่องวา่ ง ๑. เจ้าเมืองผู้ครองเมอื งสามนต์ ๕. คนทพ่ี ระธดิ าทัง้ หกของทา้ วสามนต์ ๒. พระธดิ าองคส์ ุดท้องของท้าวสามนต์ เลอื กเป็นค่คู รอง ๖. ช่ือของกวางชนิดหนง่ึ ๓. นางยกั ษท์ ี่เปน็ แม่เลีย้ งของเจ้าเงาะ ๗. รองเท้าวิเศษทที่ าำ ใหเ้ จา้ เงาะเหาะได้ ๔. มนตศ์ กั ดส์ิ ิทธทิ์ ใี่ ช้เรยี กปลา เรยี กเน้อื ได้ ๘. เจ้าชายท่นี างรจนาเลือกมาเป็นคคู่ รอง ๑ ๕ ๒ ท้ ๓ ๔ ห � จิ ด � ๗� น ต์ เ๘เ งส กื พ ข � ง พั ๖ เ นื้ ท � จ กะ นน ธุ แ สั ต์ รั ก้ ข์ บริษัทธารปญั ญา จาำ กัด สงวนลขิ สิทธิ์ © ๒๕๖๒ 10

แผนก�รจัดก�รเรียนรู้ หนว่ ยก�รเรยี นรู้ อ่�นออก เขียนได้ เล่ม ๑ กลุม่ ส�ระก�รเรยี นรภู้ �ษ�ไทย ช้นั ประถมศึกษ�ปที ี่ ๓ บทที่ ๒ ปองข้ีโม้ (๑) จาำ นวน ๒ ชั่วโมง ม�ตรฐ�นก�รเรียนรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ นำามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ๒. ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๕.๑ ป.๓/๑ ระบุขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากการอ่านวรรณกรรมเพอื่ นำาไปใช้ในชีวิตประจำาวัน ส�ระสำ�คญั การเรียนรู้ การเขียนและการอ่านเรอื่ งสั้นๆ หรอื นิทาน เพอื่ บอกข้อคิดทีไ่ ด้จากการอ่าน การจบั ใจความสาำ คัญ หรอื ประเดน็ สาำ คญั การแสดงความคดิ เหน็ และการเรียบเรยี งหรือลาำ ดบั ความสาำ คญั จดุ ประสงคก์ �รเรยี นรู้ ๑. สามารถอา่ นเรอื่ งสน้ั ๆ หรือนทิ านได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคญั ของเรื่องทีอ่ ่านได้ ๓. สามารถบอกข้อคิดจากการอา่ นเร่ืองสั้นๆ ได้ ส�ระก�รเรียนรู้แกนกล�ง ๑. การอา่ นจับใจความจากสื่อต่างๆ เชน่ นทิ าน เร่อื งเล่าส้ันๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ๒. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ด้วยคาำ พื้นฐานเพ่มิ จาก ป.๒ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจัดก�รเรียนรู้ ๑๒ สองมือตบโตะ๊ มือขวาตบโต๊ะ ๑. ขั้นนำ�เข�้ สบู่ ทเรียน ๑. คณุ ครใู หน้ กั เรยี นทอ่ งและเคลอ่ื นไหวประกอบบทรอ้ ยกรอง “คาำ ๓๔ กลอนแม่ กก” ตามจังหวะ ๒. ท่าเคล่ือนไหวท่ีใช้ควรเป็นท่าที่สนุกสนาน เช่น สองมือตบโต๊ะ สองมอื ตบโต๊ะ มือซ้ายตบโต๊ะ มอื ขวาตบโตะ๊ สองมอื ตบโตะ๊ มอื ซา้ ยตบโตะ๊ สลบั ไปตามจงั หวะ จนจบ ๓. คณุ ครตู ดิ ชารต์ บทรอ้ ยกรอง “คาำ กลอนแม่ กก” และพานกั เรยี น ชีอ้ า่ นไปทลี ะประโยคจนคลอ่ ง บรษิ ัทธารปญั ญา จำากัด สงวนลขิ สทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 11

๒. ข้ันน�ำ เสนอความรู้ ๑. คณุ ครูสอนนกั เรยี นอา่ นเร่อื ง ป๋องข้โี ม้ ในหนงั สือเรยี น ๒. โดยให้นกั เรยี นเขยี นหมายเลขก�ำ กบั ย่อหน้า ทกุ ย่อหนา้ เพอื่ ให้นกั เรียนรวู้ า่ คณุ ครกู ำ�ลังอา่ นยอ่ หน้าใด ๓. คณุ ครูพานกั เรียนอา่ น และใหน้ ักเรยี นชอ้ี า่ นไปทลี ะยอ่ หน้า ๔. เมื่อจบหนึ่งยอ่ หนา้ คุณครูควรพดู คยุ หรือถามนกั เรยี นว่า ยอ่ หนา้ น้ีกล่าวถงึ ใคร กำ�ลังท�ำ อะไร ๕. ให้นักเรยี นตอบคำ�ถามที่ครถู าม โดยการไฮไลตค์ ำ�ตอบของคำ�ถามนน้ั ๆ ๖. ใหน้ ักเรียนชีอ้ า่ นค�ำ ศัพท์จากบทเรียน ในหนงั สอื เรยี น พรอ้ มกนั ทงั้ หอ้ งเพอ่ื เป็นการทบทวน เกขำ�ียกนบั หแมตายล่ เะลยข่อหน้า ให้นกั เรยี นช้อี า่ น (ตวั อยา่ งการสอนอ่าน จากเรื่อง เลี้ยงกระตา่ ย) ๓. ขั้นลงมอื เรียนรู้ ๑. ค ณุ ครใู หน้ ักเรียนชี้อ่านบทคล้องจอง ไปตลาด ในหนังสือเรียน พร้อมกันท้งั ห้อง ๑ รอบ ๒. เมือ่ นกั เรียนอา่ นไดจ้ นคลอ่ งแล้ว คุณครูให้นกั เรียนทกุ คนปิดหนงั สอื แล้วลองท่องโดยท่ไี มด่ ูหนังสอื ๓. การทใ่ี ห้นักเรยี นท่องบทคล้องจอง จะทำ�ใหเ้ ด็กมคี วามสามารถในการจ�ำ ทีย่ าวขนึ้ ๔. นกั เรียนทำ�แบบฝกึ หดั ในหนงั สือเรียน ๔. ขั้นสรุปความรู้ ๑. ให้นักเรียนทำ�แบบฝกึ หดั ในหนังสอื เรยี น ๒. คุณครูแจกใบงาน “ป๋องขี้โม้จริงหรือ” ให้นักเรียนทุกคน เพื่อฝึก ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับข้อคิดท่ีได้จากการอ่าน ฝึก วิเคราะหต์ ัวละคร ๓. ตดิ ใบงานลงในสมุด และเฉลยพร้อมกันในหอ้ งเรยี น ๕. ขั้นประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. คณุ ครใู หส้ นทนาแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ จากการอา่ นเรอ่ื ง ปอ๋ งขโี้ ม้ ๒. ค ุณครูกำ�หนดหัวข้อที่ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เช่น เธอ คดิ ว่าปอ๋ งขโ้ี มจ้ รงิ หรอื ถ้าเธอเป็นป๋องเธอจะท�ำ อยา่ งไร ทำ�ไมปอ๋ งต้องพดู อะไรเกนิ จริง เป็นต้น หรือจะ นำ�หวั ข้อในใบงาน ป๋องขี้โมจ้ ริงหรอื มาสนทนาก็ได้ เครื่องมือ - สอื่ การเรยี นรู้ ๑. ชาร์ตบทรอ้ ยกรอง “ค�ำ กลอนแม่ กก” ๒. หนงั สือเรียนอา่ นออกเขียนได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “ป๋องขีโ้ มจ้ ริงหรอื ” การวัดและประเมินผล ๑. ส ังเกตพฤตกิ รรมการอา่ น / การออกเสียง / การสะกดคำ� ของนกั เรียน ๒. ประเมนิ ผลจากคะแนนการทำ�แบบฝกึ หดั ของนกั เรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางชั้นเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรียน - หลังเรยี น การเขยี นตามค�ำ บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บริษทั ธารปญั ญา จำ�กดั สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 12

ใบง�นประกอบแผนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ บทท่ี ๒ (๑) : ปองขโี้ มจ้ รงิ หรือ  อ่านเร่อื ง “ปอ๋ งข้ีโม้”แล้ววเิ คราะห์ลักษณะของปอ๋ ง ตามหวั ขอ้ ท่กี าำ หนดใหต้ อ่ ไปน้ี เธอคิดวา่ ป๋องเปน็ คนข้โี ม้ เธอคิดว่าป๋องควร หรือไม่ เพราะอะไร ปรับปรุงตวั เรอ่ื งใด ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ทุกคนคดิ วา่ ป๋องเปน็ คน แบบใด --------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------- เธอคดิ วา่ ปอ๋ งมจี ดุ เดน่ อะไร บางคร้งั ปอ๋ งพดู เกนิ จรงิ บา้ ง นั่นเพราะอะไร ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- บริษทั ธารปญั ญา จาำ กดั สงวนลิขสทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 13

แผนก�รจัดก�รเรียนรู้ หนว่ ยก�รเรยี นรู้ อ�่ นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรูภ้ �ษ�ไทย ชั้นประถมศกึ ษ�ปีที่ ๓ บทท่ี ๒ ปอ งขีโ้ ม้ (๒) จำานวน ๒ ช่วั โมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ิต และมีนสิ ัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรือ่ งราวในรปู แบบ ต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ๒. ตวั ชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอ่ื งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขยี นบรรยายเกย่ี วกับส่ิงใดสิ่งหน่งึ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ส�ระสำ�คญั การเรียนรู้ การเขยี นและการอา่ นเรื่องสั้นๆ หรือนทิ าน เพื่อบอกขอ้ คดิ ทไี่ ด้จากการอา่ น การจับใจความสาำ คญั หรือประเด็นสำาคัญ การแสดงความคดิ เหน็ และการเรียบเรยี งหรอื ลำาดบั ความสาำ คญั จุดประสงคก์ �รเรยี นรู้ ๑. สามารถอา่ นเรอ่ื งสัน้ ๆ หรอื นิทานได้ ๒. สามารถจบั ใจความสำาคัญของเร่ืองที่อา่ นได้ ๓. สามารถบอกข้อคิดจากการอ่านเร่อื งสน้ั ๆ ได้ ส�ระก�รเรียนรู้แกนกล�ง ๑. การอา่ นจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เช่น นิทาน เรอ่ื งเล่าส้ันๆ บทเพลง และบทร้อยกรองง่ายๆ ๒. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ด้วยคาำ พ้นื ฐานเพ่ิมจาก ป.๒ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจัดก�รเรยี นรู้ ๑ ๒ ๑. ขน้ั น�ำ เข�้ สู่บทเรยี น แตะหัว แตะไหล่ ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคลื่อนไหวประกอบบทร้อยกรอง ๓ ๔ “คาำ กลอนแม่ กง” ตามจงั หวะ ๒. ท่าเคลอ่ื นไหวทใี่ ชค้ วรเปน็ ทา่ ท่ีสนุกสนาน เชน่ แตะหัว แตะไหล่ ตบมอื ตบโตะ๊ ตบโต๊ะ ตบมือ นับเป็นหน่ึงรอบ ทำาสลับไปเร่ือยๆ ตามจังหวะ จนจบ ๓. คณุ ครตู ิดชาร์ตบทร้อยกรอง “คำากลอนแม่ กง” และพานกั เรยี น ชอ้ี า่ นไปทีละประโยคจนคลอ่ ง บริษทั ธารปญั ญา จาำ กัด สงวนลิขสทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 14

๒. ขั้นน�ำ เสนอความรู้ ๑. ค ณุ ครูสอนนักเรยี นอา่ นนทิ านเรอ่ื ง ใครจะข้ามก่อนดี? ในหนังสอื เรยี น ๒. คุณครูพานักเรียนอา่ น และให้นกั เรียนชอ้ี ่านไปทีละย่อหน้า ๓. เมือ่ จบหน่งึ ย่อหน้า คณุ ครูควรพดู คุย หรอื ถามนักเรยี นวา่ ย่อหน้านี้กลา่ วถึงใคร กำ�ลงั ทำ�อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนน้ั ๆ และท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น ๓. ขน้ั ลงมอื เรยี นรู้ ๑. ค ณุ ครใู หน้ กั เรียนชี้อา่ นวรรณคดีเรือ่ ง ทศกัณฐ์ ในหนังสือเรียน พร้อมกันท้ังหอ้ ง ๑ รอบ ๒. จากน้ัน ใหน้ ักเรยี นจบั คู่กับเพื่อนที่นงั่ ขา้ งๆ ผลัดกันอ่านคนละยอ่ หน้า ไปเร่อื ยๆ จนจบเร่ือง ๓. ให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด เพื่อทบทวนความเข้าใจ หรือจับประเด็นจากการอ่าน ในหนังสือเรียน หน้า ๕๐-๕๒ ๔. ขนั้ สรปุ ความรู้ ๑. ให้นกั เรียนอา่ นสารคดีเร่อื ง โลมาหัวบาตรพรอ้ มกันทัง้ ห้อง ๒. ใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนังสอื เรยี น ๓. เพื่อทบทวนความเข้าใจและฝึกการสรุปใจความสำ�คัญ คุณครูแจก ใบงาน “สรุปได้วา่ ” ใหน้ กั เรียนทกุ คน ๔. เม่ือนักเรียนทำ�ใบงานเสร็จแล้ว คุณครูเฉลยพร้อมกันในห้องเรียน และให้ตดิ ใบงานลงในสมุด ๕. ขน้ั ประยุกตใ์ ช้ความรู้ ๑. คณุ ครสู มุ่ นกั เรยี นออกมาเล่าเรือ่ งจากใบงาน “สรปุ ไดว้ า่ ” ๓-๕ คน ๒. ใหน้ กั เรียนแลกเปล่ยี นและพดู คยุ เรอื่ งท่ตี นเองสรุปได้ เครอ่ื งมอื - สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. ชารต์ บทรอ้ ยกรอง “ค�ำ กลอนแม่ กง” ๒. หนงั สือเรยี นอา่ นออกเขยี นได้ ป.๓ เล่ม ๑ ๓. ใบงาน “สรุปได้วา่ ” การวดั และประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น / การออกเสียง / การสะกดค�ำ ของนักเรียน ๒. ป ระเมินผลจากคะแนนการท�ำ แบบฝึกหัดของนักเรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรียน - หลงั เรียน การเขยี นตามคำ�บอก การทดสอบการอ่าน ฯลฯ) บรษิ ัทธารปญั ญา จ�ำ กดั สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 15

ใบง�นประกอบแผนก�รจดั ก�รเรียนรู้ บทท่ี ๒ (๒) : สรปุ ไดว้ �่  อา่ นสารคดีเรือ่ ง โลมาหวั บาตร แล้วสรปุ ใจความสาำ คัญที่อ่าน โดยเติมคาำ ลงในช่องว่างใหถ้ ูกต้อง คร้งั หนงึ่ ชาวประมงบริเวณทะเลสาบ ----------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- โลมาหวั บาตรเป็นสัตว์ที่น่ารกั -------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทจี่ รงิ โลมาคือวาฬขนาดเลก็ ชนิดหน่งึ ------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- บรษิ ัทธารปญั ญา จำากดั สงวนลิขสทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 16

แผนก�รจัดก�รเรียนรู้ หน่วยก�รเรียนรู้ อ�่ นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรภู้ �ษ�ไทย ช้ันประถมศกึ ษ�ปีท่ี ๓ บทท่ี ๓ หนเี ที่ยว (๑) จาำ นวน ๒ ชั่วโมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชีวิต และมีนิสยั รกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวในรปู แบบ ตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ๒. ตัวชี้วดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขียนบรรยายเกี่ยวกับส่งิ ใดสงิ่ หนึง่ ไดอ้ ย่างชัดเจน ส�ระสำ�คัญ การเรยี นรู้ การเขียนและการอ่านเร่ืองส้ันๆ หรอื นทิ าน เพือ่ บอกขอ้ คิดท่ีได้จากการอา่ น การจับใจความสาำ คญั หรือประเดน็ สาำ คัญ การแสดงความคดิ เหน็ และการเรียบเรียงหรอื ลาำ ดบั ความสำาคญั จุดประสงคก์ �รเรยี นรู้ ๑. สามารถอ่านเร่อื งส้ันๆ หรอื นทิ านได้ ๒. สามารถจบั ใจความสาำ คัญของเรื่องทอ่ี า่ นได้ ๓. สามารถบอกข้อคิดจากการอ่านเร่ืองส้นั ๆ ได้ ส�ระก�รเรียนรู้แกนกล�ง ๑. การเขยี นบรรยายเกีย่ วกบั ลักษณะของ คน สัตว์ สง่ิ ของ สถานที่ ๒. การอ่านจับใจความจากสอื่ ตา่ งๆ เช่น นทิ าน เรอ่ื งเล่าส้ันๆ บทเพลง และบทร้อยกรองง่ายๆ ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทป่ี ระกอบ ด้วยคาำ พ้ืนฐานเพิม่ จาก ป.๒ ไมน่ อ้ ยกว่า ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ ๑ ๒ ตบมอื กาำ มือขวา ๑. ขัน้ น�ำ เข�้ สูบ่ ทเรียน แบมือซ้าย ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคล่ือนไหวประกอบบทคล้องจอง “ของเล่น ๓ ไทย” ตามจงั หวะ ๒. ท่าเคลอ่ื นไหวท่ใี ช้ควรเป็นทา่ ทีส่ นุกสนาน เชน่ ตบมือ กำามือขวาตบมอื กำามอื ซา้ ยตบมอื นับเป็น ๑ รอบ ทำาสลับไปมาตามจงั หวะ จนจบ ๓. คุณครูติดชาร์ตบทคล้องจอง “ของเล่นไทย” และพานักเรียนช้ีอ่านไป ทลี ะประโยคจนคล่อง แกบำามมอื ือซขา้วยา บริษทั ธารปญั ญา จาำ กัด สงวนลขิ สิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 17

๒. ข้ันนำ�เสนอความรู้ ๑. ค ณุ ครูสอนนักเรียนอ่านเรอื่ ง หนีเทีย่ ว ในหนังสอื เรียน ๒. คุณครูพานักเรียนอ่าน และให้นักเรียนช้ีอ่านไปพร้อมกันท้ังห้องจน จบ (ในกรณีท่นี ักเรยี นยังไมส่ ามารถอ่านดว้ ยตวั เองได้ คุณครูจ�ำ เปน็ (ตัวอยา่ งการสอนอ่าน ตอ้ งพาอา่ นไปทลี ะยอ่ หนา้ กอ่ น ขน้ั ตอนการสอนคณุ ครสู ามารถปรบั จากเรื่อง เล้ยี งกระตา่ ย) ให้เหมาะสมหรอื ดคู วามพร้อมของนกั เรยี นได้) ๓. เม่ือจบท้ังเร่ืองแล้ว คุณครูอาจจะพูดคุย หรือถามนักเรียนว่า ใน เรื่องนก้ี ล่าวถึงใคร กำ�ลงั ท�ำ อะไร ๔. ใหน้ ักเรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รูถาม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของคำ�ถามนน้ั ๆ และอา่ นค�ำ ศพั ท์เพอื่ ทบทวนใน หนังสือเรยี น ๓. ขั้นลงมือเรยี นรู้ ๑. ค ุณครใู ห้นกั เรียนชี้อา่ นสารคดีเรอ่ื ง หมูปา่ ในหนงั สอื เรียน พร้อมกนั ท้ังห้อง ๑ รอบ ๒. คุณครูถามนักเรียน เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิด โดยถามเก่ียวกับเร่ืองหมูป่า ถามถึง ลกั ษณะเดน่ ท่สี �ำ คัญ ๓. ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตอบคำ�ถาม และระดมความคิดวา่ คำ�ตอบคืออะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝึกหัดในหนังสือเรียน ๔. ขั้นสรุปความรู้ ๑. ให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัดใน หนงั สอื เรยี น ๒. คุณครแู จกใบงาน “สมดุ เล่มเล็ก บรรยายภาพ” ให้นักเรียนทุก คน เพอ่ื ฝกึ ใหน้ กั เรยี นสงั เกตและ เขียนบรรยายภาพท่กี �ำ หนดให้ ๓. ติดใบงานลงในสมดุ ๕. ขน้ั ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. คุณครใู ห้นักเรยี นจับกลมุ่ กลุ่มละ ๓-๔ คน และแจกกระดาษเอสามใหก้ ลุม่ ละ ๑ แผ่น ๒. ค ุณครูให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิด สรุปความรู้จากเร่ืองที่อ่าน โดยใช้หัวข้อหลักว่า หมูป่า และมี หัวขอ้ ยอ่ ย เชน่ ลักษณะ ท่ีอยู่อาศยั อาหาร เปน็ ต้น ใหน้ ักเรียนสรุปในรูปแบบของแผนผงั ความคดิ เคร่อื งมอื - ส่ือการเรยี นรู้ ๑. ชารต์ บทคลอ้ งจอง “ของเล่นไทย” ๒. หนงั สอื เรียนอ่านออกเขยี นได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “สมดุ เล่มเลก็ บรรยายภาพ” ๔. กระดาษเอสาม การวัดและประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการอ่าน / การออกเสยี ง / การสะกดคำ� ของนกั เรยี น ๒. ประเมินผลจากคะแนนการท�ำ แบบฝกึ หดั ของนักเรียน (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรยี น - หลงั เรยี น การเขียนตามคำ�บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บรษิ ัทธารปัญญา จ�ำ กัด สงวนลิขสทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 18

ใบง�นประกอบแผนก�รจดั ก�รเรียนรู้ บทท่ี ๓ (๑) : สมุดเลม่ เลก็ บรรย�ยภ�พ  อ่านเรอื่ ง “หนีเทีย่ ว” ดูรปู ภาพทีก่ ำาหนดให้ และเขียนบรรยายภาพ จากน้ันทำาเป็นสมดุ เล่มเล็ก ปงปอง ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- โจ ------------------------------------------------------------------------------------------------- ฟ�ง ------------------------------------------------------------------------------------------------- โดม ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------- บรษิ ัทธารปัญญา จาำ กัด สงวนลขิ สิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 19

แผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ หนว่ ยก�รเรียนรู้ อ่�นออก เขียนได้ เล่ม ๑ กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูภ้ �ษ�ไทย ช้ันประถมศึกษ�ปีท่ี ๓ บทที่ ๓ หนเี ทย่ี ว (๒) จำานวน ๒ ชวั่ โมง ม�ตรฐ�นก�รเรียนรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ิต และมนี ิสยั รักการอ่าน มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๒. ตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๓/๑ เขียนสะกดคำาและบอกความหมายของคำา ส�ระส�ำ คญั การเรยี นรู้ การเขียนและการอา่ นเร่อื งสั้นๆ หรือนิทาน เพ่อื บอกขอ้ คดิ ท่ีได้จากการอา่ น การจับใจความสำาคญั หรือประเดน็ สำาคัญ การแสดงความคดิ เห็น และการเรยี บเรยี งหรอื ลำาดบั ความสำาคัญ จุดประสงคก์ �รเรียนรู้ ๑. สามารถอ่านเร่ืองส้นั ๆ หรอื นทิ านได้ ๒. สามารถจบั ใจความสาำ คญั ของเรอ่ื งทอ่ี ่านได้ ๓. สามารถบอกข้อคดิ จากการอา่ นเรอ่ื งสนั้ ๆ ได้ ส�ระก�รเรยี นรูแ้ กนกล�ง ๑. การอา่ นจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เช่น นิทาน เรอ่ื งเลา่ สน้ั ๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ๒. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ด้วยคาำ พ้ืนฐานเพ่ิมจาก ป.๒ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจัดก�รเรียนรู้ ๑๒ ๑. ข้นั นำ�เข�้ ส่บู ทเรยี น ตบมอื ไขว๒ม้ ือคตรบ้ังโตะ๊ ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคลื่อนไหวประกอบบทดอกสร้อย ๓ “เดก็ เอย๋ เดก็ น้อย” ตามจังหวะ ๒. ทา่ เคลอื่ นไหวทใี่ ชค้ วรเปน็ ทา่ ทส่ี นกุ สนาน เชน่ ตบมอื ไขวม้ อื ตบโตะ๊ สองมอื ตบโต๊ะ นับเปน็ หนง่ึ รอบ ทำาสลับไปเร่อื ยๆ จนจบ ๓. คุณครตู ิดชาร์ตบทดอกสร้อย “เด็กเอย๋ เด็กนอ้ ย” และพานักเรยี น ชีอ้ า่ นไปทลี ะประโยคจนคลอ่ ง สองมือตบโตะ๊ บรษิ ทั ธารปญั ญา จำากดั สงวนลขิ สิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 20

๒. ข้นั น�ำ เสนอความรู้ ๑. คณุ ครสู อนนกั เรยี นอ่านนิทานเร่ือง ปาก มือ เท้า ในหนงั สือเรียน ๒. ค ุณครพู านักเรยี นอ่าน และให้นกั เรยี นชี้อา่ นไปทีละยอ่ หน้า ๓. เม่ือจบหนง่ึ ย่อหน้า คณุ ครูควรพดู คุย หรือถามนกั เรยี นวา่ ยอ่ หนา้ นี้กลา่ วถึงใคร กำ�ลงั ท�ำ อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทคี่ รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนนั้ ๆ และท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น หนา้ ๖๘ ๓. ข้ันลงมือเรยี นรู้ ๑. ค ุณครูใหน้ ักเรยี นช้อี ่านวรรณคดเี ร่อื ง ศรีปราชญ์ ในหนงั สอื เรียน พร้อมกนั ทงั้ ห้อง ๑ รอบ ๒. จากนั้น ให้นักเรียนจับคกู่ ับเพื่อนท่ีนง่ั ข้างๆ ผลดั กนั อ่านคนละยอ่ หน้า ไปเร่อื ยๆ จนจบเรอื่ ง ๓. ให้นักเรยี นทำ�แบบฝกึ หัด เพ่ือทบทวนความเขา้ ใจ หรอื จับประเด็นจากการอา่ น ในหนังสือเรียน ๔. ขน้ั สรุปความรู้ ๑. ค ณุ ครแู จกใบงาน “ตอบไดไ้ หม” ใหน้ กั เรยี นทกุ คนในหอ้ ง ค�ำ ถามจะ ชว่ ยใหน้ กั เรยี นทราบวา่ ประเดน็ หรอื ใจความส�ำ คญั ทน่ี กั เรยี นจะตอ้ ง สนใจมอี ะไรบา้ ง นักเรียนจะตอ้ งจบั จดุ ที่ส�ำ คัญอยา่ งไร ๒. เมือ่ นกั เรียนทำ�ใบงานเสรจ็ แล้ว คุณครูพานักเรียนเฉลยในหอ้ ง เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดแ้ ลกเปล่ยี นความคิดกัน ๓. ติดใบงานลงในสมดุ ๕. ข้นั ประยุกต์ใชค้ วามรู้ ๑. คณุ ครใู ห้นกั เรยี นแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ กบั เพื่อนท่นี ั่งขา้ งๆ ๒. ให้นกั เรยี นท่นี ่งั ขา้ งกนั ผลดั กันถามค�ำ ถามและตอบค�ำ ถาม (อาจจะ ใช้คำ�ถามจากใบงาน หนงั สอื เรยี น หรือคดิ ค�ำ ถามขนึ้ ใหม่กไ็ ด)้ เครอ่ื งมอื - ส่ือการเรียนรู้ ๑. ชาร์ตบทดอกสร้อย “เดก็ เอ๋ย เด็กน้อย” ๒. หนังสือเรยี นอ่านออกเขียนได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “ตอบไดไ้ หม” การวดั และประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการอา่ น / การออกเสยี ง / การสะกดค�ำ ของนกั เรียน ๒. ป ระเมินผลจากคะแนนการทำ�แบบฝึกหัดของนักเรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรยี น - หลังเรยี น การเขียนตามค�ำ บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บรษิ ทั ธารปัญญา จำ�กัด สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 21

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรียนรู้ บทที่ ๓ (๒) : ตอบไดไ้ หม  อ่านเร่ือง “ปาก มือ เท้า” และ “ศรีปราชญ์” จากนั้นตอบคาำ ถามตอ่ ไปน้ี ให้ถูกต้อง ป�ก มอื เท�้ ๑. อวยั วะในร่างกายทีก่ ล่าวถึงในเรือ่ งน้ี ไดแ้ ก่ ------------------------------------------------------------------------------------ ๒. ปากทาำ หนา้ ทอ่ี ะไรบา้ ง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๓. อวยั วะใดทำาหนา้ ท่ี ลุก เดิน ว่ิง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๔. ทำาไมอวัยวะทงั้ สามจึงทะเลาะกัน ----------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๕. เกดิ อะไรข้ึน เม่ืออวัยวะท้ังสามไม่ยอมทาำ หน้าท่ีของตนเอง ------------------------------------------- ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๖. ข้อคดิ ท่ไี ด้จากการอา่ นเรอ่ื งน้ี คือ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศรปี ร�ชญ์ ๑. เรอ่ื งศรีปราชญ์เกดิ ขึ้นในสมัยใด ------------------------------------------------------------------------------------ ๒. บดิ าของศรปี ราชญค์ อื ใคร ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๓. ศรีปราชญ์มคี วามสามารถโดดเด่นในเรื่องใด -------------------------------------------------------------------------------- ๔. คนท่ีศรีปราชญ์ตอบโต้เรื่องแหวนด้วยคอื --------------------------------------------------------------------------------------- ๕. ในขณะทีศ่ รีปราชญอ์ ายุได้ ๑๒ ปี เขาได้แสดงใหเ้ ห็นถึงความสามารถได้ อยา่ งไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๖. ศรีปราชญ์มีอีกชอ่ื หนงึ่ วา่ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ บรษิ ทั ธารปัญญา จำากัด สงวนลขิ สิทธิ์ © ๒๕๖๒ 22

แผนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ หน่วยก�รเรียนรู้ อ่�นออก เขียนได้ เล่ม ๑ กลมุ่ ส�ระก�รเรียนร้ภู �ษ�ไทย ชั้นประถมศกึ ษ�ปที ่ี ๓ บทที่ ๔ ผจญภัย (๑) จาำ นวน ๒ ชว่ั โมง ม�ตรฐ�นก�รเรียนรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี น เขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรือ่ งราวในรปู แบบ ตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ ๒. ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอ่ื งสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๔ ลำาดบั เหตกุ ารณแ์ ละคาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรอ่ื งทอ่ี า่ นโดยระบุเหตผุ ลประกอบ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขยี นบรรยายเกีย่ วกับสิ่งใดสิ่งหน่ึง ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ส�ระสำ�คัญ การเรียนรู้ การเขียนและการอ่านเรื่องสน้ั ๆ หรอื นทิ าน เพือ่ บอกข้อคดิ ทไี่ ด้จากการอ่าน การจับใจความสำาคัญ หรอื ประเด็นสำาคัญ การแสดงความคดิ เห็น และการเรียบเรยี งหรอื ลำาดับความสำาคญั จดุ ประสงคก์ �รเรียนรู้ ๑. สามารถอา่ นเร่ืองส้นั ๆ หรือนิทานได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคญั ของเรือ่ งทอ่ี า่ นได้ ๓. สามารถบอกเหตุผลหรือให้เหตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจได้ ส�ระก�รเรียนรแู้ กนกล�ง ๑. การเขยี นบรรยายเก่ียวกับลกั ษณะของ คน สัตว์ สง่ิ ของ สถานท่ี ๒. การอ่านจบั ใจความจากสื่อต่างๆ เชน่ นิทาน เรอื่ งเล่าสน้ั ๆ บทเพลง และบทร้อยกรองง่ายๆ ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ดว้ ยคำาพ้ืนฐานเพมิ่ จาก ป.๒ ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ ๑. ข้ันน�ำ เข้�สูบ่ ทเรยี น ๑๒ ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคลื่อนไหวประกอบบท คล้องจอง “มือซ้ายมอื ขวา” ตามจงั หวะ ๒. ท่าเคลือ่ นไหวทใี่ ชค้ วรเป็นทา่ ทีส่ นกุ สนาน เชน่ จับคู่กับ เพอ่ื น กำาสองมอื ทุบโตะ๊ ชสู องมอื ตบมือเพ่ือน ทำาสลบั ไปเร่ือยๆ ตามจงั หวะจนจบ กำาสองมอื ทบุ โตะ๊ ชมู ือตบมือเพ่ือน ๓. คุณครตู ิดชารต์ บทคล้องจอง “มอื ซา้ ยมือขวา” และพานกั เรยี นชอ้ี ่านไปทลี ะประโยคจนคลอ่ ง บริษทั ธารปัญญา จาำ กดั สงวนลขิ สทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 23

๒. ขนั้ น�ำ เสนอความรู้ (ตวั อย่างการสอนอ่าน ๑. คณุ ครสู อนนกั เรยี นอา่ นเรอ่ื ง ผจญภัย ในหนังสือเรยี น จากเร่อื ง เลย้ี งกระตา่ ย) ๒. คุณครูพานักเรียนอ่าน และให้นักเรียนช้ีอ่านไปพร้อมกันทั้งห้องจน จบ (ในกรณีท่ีนักเรียนยังไม่สามารถอ่านด้วยตัวเองได้ คุณครูจำ�เป็น ต้องพาอ่านไปทลี ะยอ่ หน้ากอ่ น ขน้ั ตอนการสอนคณุ ครูสามารถปรบั ให้เหมาะสมหรอื ดูความพรอ้ มของนักเรียนได)้ ๓. เมอื่ จบทง้ั เรอ่ื งแลว้ คณุ ครอู าจจะพดู คยุ หรอื ถามนกั เรยี นวา่ ในเรอ่ื งนี้ กล่าวถงึ ใคร กำ�ลังทำ�อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทคี่ รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนนั้ ๆ และอา่ นคำ�ศพั ทเ์ พอ่ื ทบทวนในหนงั สอื เรียน ๓. ข้ันลงมือเรียนรู้ ๑. ค ุณครูให้นักเรียนอา่ นเรื่อง ผจญภัยอกี คร้ัง โดยใหอ้ า่ นตามเลขที่ เลขท่ี ๑ อา่ นต้งั แต่เร่มิ ตน้ เมอ่ื คุณครู บอกวา่ หยุด เลขที่ ๒ จะต้องอา่ นต่อ อา่ นแบบนต้ี อ่ ไปเรือ่ ยๆ จนจบเร่ือง ๒. คณุ ครูใหน้ ักเรียนท�ำ แบบฝึกหดั ในหนงั สอื เรยี น (สามารถแบง่ แบบฝึกหัดใหน้ กั เรยี นท�ำ ได้ ไมจ่ ำ�เปน็ ตอ้ ง ท�ำ ทัง้ หมดภายในวันเดียว) ๓. การฝกึ อ่านบอ่ ยๆ หรอื อ่านซ้าํ ๆ ผ่านกจิ กรรมท่ตี อ้ งท�ำ ร่วมกบั เพอื่ น จะท�ำ ใหน้ ักเรียนรู้สึกสนุกทจ่ี ะอ่าน อยากอา่ นจนจบ นกั เรยี นจะใจจดจอ่ กบั เรอื่ งทกี่ �ำ ลงั อา่ น และลนุ้ วา่ ตวั เองกบั เพอื่ นจะไดอ้ า่ นชว่ งใด ท�ำ ให้ เด็กมสี มาธอิ ย่ทู ่หี น้าหนังสือ ๔. ขน้ั สรปุ ความรู้ ๑. ให้นกั เรยี นท�ำ ใบงานทบทวน เพ่ือฝกึ การใช้เหตุผลหรอื ใหเ้ หตุผล ๒. คุณครแู จกใบงาน “เปน็ เหตุเปน็ ผล” ๓. คุณครเู ฉลยพรอ้ มกนั ในห้องเรียน จากนน้ั ติดใบงานลงในสมดุ ๕. ขนั้ ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. ค ุณครูให้นักเรียนนำ�ข้อความท่ีได้ จากใบงาน เป็นเหตุเป็นผล มา เรยี งลำ�ดับเหตกุ ารณใ์ ห้ตรงกับเนื้อเรือ่ ง ๒. นำ�มาเขียนเรยี งต่อกนั โดยใสห่ มายเลขก�ำ กับ ลงในสมดุ เคร่อื งมือ - ส่อื การเรยี นรู้ ๑. ชาร์ตบทคล้องจอง “มือซ้าย มอื ขวา” ๒. หนงั สอื เรยี นอา่ นออกเขียนได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “เป็นเหตุเปน็ ผล” การวัดและประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการอา่ น / การออกเสียง / การสะกดค�ำ ของนกั เรียน ๒. ป ระเมินผลจากคะแนนการทำ�แบบฝึกหดั ของนกั เรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ กอ่ นเรยี น - หลงั เรียน การเขยี นตามคำ�บอก การทดสอบการอ่าน ฯลฯ) บรษิ ัทธารปัญญา จ�ำ กัด สงวนลขิ สทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 24

ใบง�นประกอบแผนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ บทที่ ๔ (๑) : เปน เหตุเปนผล  อา่ นเรื่อง “ผจญภัย” จากนนั้ นาำ ขอ้ ความทีก่ าำ หนดให้ เขียนลงในช่องว่างในแต่ละขอ้ ที่เปน็ เหตุเป็นผลกนั ปิงปองชวนแก้มไปกินขา้ ว แสดงวา่ ฝนกำาลังจะตก จึงถูกเจา้ หน้าทปี่ ่าไมด้ ุ เพราะเขาห้ามนำาสิง่ ใดออกจากนำ้าตก ปงิ ปองจงึ เดนิ ตามหาเพื่อนลำาบากข้ึน โดมกบั ฟางหลงทาง ฝนจึงตกเกือบจะทกุ วนั ทำาใหม้ แี ผลทหี่ ัวเขา่ ๑. มลี มกระโชกแรง ท้องฟาดาำ มดื ----------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๒. เพราะตอนน้ีใกล้จะเทย่ี งแลว้--------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๓. ปงิ ปองล่ืนล้ม ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๔. พวกเขาจงึ หาทางกลับทางเดมิ ไมไ่ ด้---------------------------------------------------------------------------------------------- ๕. แก้มต้องปลอ่ ยปลาคืนลงในน้าำ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๖. เด็กๆ มาเทยี่ วกันเองตามลาำ พัง --------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๗. ฤดนู ้ี เป็นฤดฝู น ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๘. ฝนเรม่ิ ตกลงมาอย่างหนัก -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- บริษทั ธารปญั ญา จำากัด สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 25

แผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ หน่วยก�รเรียนรู้ อ่�นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลุ่มส�ระก�รเรยี นรภู้ �ษ�ไทย ชนั้ ประถมศึกษ�ปีที่ ๓ บทที่ ๔ ผจญภัย (๒) จาำ นวน ๒ ชั่วโมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ติ และมีนสิ ัยรกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรือ่ งราวในรปู แบบ ต่างๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒. ตัวชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขียนบรรยายเกย่ี วกบั สิ่งใดส่งิ หน่ึง ได้อยา่ งชัดเจน ส�ระสำ�คญั การเรียนรู้ การเขยี นและการอา่ นเรื่องสน้ั ๆ หรอื นิทาน เพ่อื บอกขอ้ คดิ ที่ไดจ้ ากการอา่ น การจับใจความสำาคัญ หรอื ประเด็นสาำ คัญ การเขยี นบรรยายลกั ษณะเด่นหรอื ลกั ษณะสำาคญั ของส่ิงทกี่ าำ หนด จดุ ประสงคก์ �รเรียนรู้ ๑. สามารถอ่านเรอ่ื งส้ันๆ หรือนิทานได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคัญของเรอ่ื งทอี่ า่ นได้ ๓. สามารถเขียนบรรยายหรอื อธิบายเกีย่ วกบั สงิ่ ท่กี ำาหนดใหไ้ ด้ ส�ระก�รเรียนรู้แกนกล�ง ๑. การอา่ นจบั ใจความจากสือ่ ต่างๆ เช่น นิทาน เร่ืองเลา่ สนั้ ๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ๒. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ดว้ ยคำาพืน้ ฐานเพม่ิ จาก ป.๒ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ ๑. ข้นั นำ�เข�้ ส่บู ทเรียน ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคล่ือนไหวประกอบบทร้อยกรอง ๑ ๒ “วชิ าหนาเจ้า” ตามจังหวะ ๒. ท่าเคล่ือนไหวท่ีใช้ควรเป็นท่าท่ีสนุกสนาน เช่น ตบมือ สอง ตบตกั มือตบตัก ไขว้มือตบตัก สองมือตบตัก นับเป็นหน่ึงรอบ ทำา ตบมือ ๔ ไปเร่ือยๆ ตามจงั หวะจนจบ ๓ ๓. คุณครูตดิ ชาร์ตบทรอ้ ยกรอง “วชิ าหนาเจ้า” และพานักเรียน ช้ีอา่ นไปทลี ะประโยคจนคลอ่ ง ไขว้มือตบตกั ตบมือ บริษัทธารปญั ญา จำากัด สงวนลขิ สทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 26

๒. ขน้ั นำ�เสนอความรู้ ๑. ค ุณครูสอนนกั เรยี นอา่ นนทิ านเรอ่ื ง หญิงสาวกบั นกโกลก ในหนังสือเรียน ๒. คุณครูพานกั เรียนอา่ น และให้นักเรียนชอ้ี ่านไปทลี ะย่อหนา้ ๓. เมือ่ จบหนง่ึ ย่อหนา้ คณุ ครูควรพูดคุย หรอื ถามนกั เรียนวา่ ย่อหน้านีก้ ล่าวถงึ ใคร กำ�ลงั ทำ�อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนน้ั ๆ และท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น ๓. ขน้ั ลงมอื เรยี นรู้ ๑. ค ณุ ครูใหน้ กั เรยี นช้อี า่ นสารคดเี รือ่ ง จระเข้กนิ คน ในหนังสอื เรยี น พรอ้ มกนั ท้งั ห้อง ๑ รอบ ๒. จ ากนัน้ ใหน้ กั เรียนจับคู่กับเพื่อนทน่ี ง่ั ข้างๆ ผลัดกนั อา่ นคนละยอ่ หนา้ ไปเรือ่ ยๆ จนจบเรื่อง ๓. ใหน้ กั เรียนทำ�แบบฝกึ หัด เพ่อื ทบทวนความเข้าใจ หรือจับประเดน็ จากการอ่าน ในหนังสอื เรยี น ๔. ข้นั สรปุ ความรู้ ๑. คณุ ครแู จกใบงาน “บอกรายละเอียด” ให้นกั เรยี นทกุ คนในหอ้ ง เพอื่ ใหน้ กั เรยี นฝกึ การเขยี นอธบิ าย หรอื บอกรายละเอยี ดของสตั ว์ หรอื สถานท่ี ทไี่ ดจ้ ากอ่านเรื่องราวต่างๆ ๒. เมื่อนักเรียนทำ�ใบงานเสร็จแล้ว คุณครูพานักเรียนเฉลยในห้อง เพอื่ ใหน้ กั เรียนได้แลกเปลย่ี นความคดิ กัน ๓. ตดิ ใบงานลงในสมุด ๕. ข้นั ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. ค ณุ ครเู ตรยี มภาพสตั วห์ รอื สถานทไี่ วใ้ หน้ กั เรยี นหลายๆ ภาพตาม จำ�นวนของนักเรียน (ใช้ภาพท่ีซํ้ากันได้ เพราะนักเรียนแต่ละคน ไม่จำ�เปน็ ตอ้ งเขยี นรายละเอยี ดเหมอื นกัน) ๒. ให้นักเรียนติดภาพลงในสมุด จากน้ันเขียนบรรยายหรืออธิบาย รายละเอียดทเี่ หน็ ลงใตภ้ าพ เครื่องมือ - สือ่ การเรยี นรู้ ๑. ชาร์ตบทรอ้ ยกรอง “วิชาหนาเจ้า” ๒. หนังสอื เรยี นอา่ นออกเขียนได้ ป.๓ เล่ม ๑ ๓. ใบงาน “บอกรายละเอยี ด (3D-GO : flip)” การวดั และประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการอ่าน / การออกเสียง / การสะกดค�ำ ของนักเรยี น ๒. ประเมินผลจากคะแนนการท�ำ แบบฝกึ หัดของนกั เรียน (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม บางชั้นเรียนอาจมีการทดสอบ กอ่ นเรยี น - หลังเรยี น การเขยี นตามคำ�บอก การทดสอบการอ่าน ฯลฯ) บริษัทธารปัญญา จำ�กดั สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 27

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ บทท่ี ๔ (๒) : บอกร�ยละเอยี ด (3D-GO : flip)  อา่ นสารคดีเร่อื ง “จระเขก้ ินคน” แลว้ เขยี นอธบิ ายรายละเอยี ดของจระเข้ตามหวั ข้อท่กี าำ หนดให้ ชื่อ  ลกั ษณะ -------------------------------------- อ�ห�ร ก�รว�งไข่ ทากาว ทากาว ทากาว บรษิ ัทธารปญั ญา จาำ กดั สงวนลขิ สิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 28

แผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ หนว่ ยก�รเรยี นรู้ อ�่ นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลุม่ ส�ระก�รเรยี นรภู้ �ษ�ไทย ช้ันประถมศึกษ�ปีท่ี ๓ บทท่ี ๕ คว�มลับเปด เผย (๑) จำานวน ๒ ชว่ั โมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ิต และมีนสิ ัยรักการอา่ น มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนาำ มาประยุกต์ใช้ในชีวติ จริง ๒. ตวั ชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอ่ื งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๕ สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากเรือ่ งท่ีอ่านเพ่อื นำาไปใชใ้ นชีวติ ประจาำ วัน มาตรฐาน ท ๕.๑ ป.๓/๑ ระบุข้อคดิ ทีไ่ ด้จากการอ่านวรรณกรรมเพ่อื นาำ ไปใช้ในชวี ติ ประจาำ วนั ส�ระสำ�คัญ การเรยี นรู้ การเขยี นและการอา่ นเรื่องสั้นๆ หรือนทิ าน เพ่ือบอกขอ้ คดิ ที่ได้จากการอ่าน การจบั ใจความสำาคัญ หรอื ประเด็นสาำ คญั การแสดงความคิดเห็น และการเรยี บเรยี งหรือลำาดบั ความสาำ คญั จุดประสงค์ก�รเรียนรู้ ๑. สามารถอ่านเร่อื งสน้ั ๆ หรือนิทานได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคญั ของเรอ่ื งทอ่ี ่านได้ ๓. สามารถระบขุ ้อคิดทไี่ ดแ้ ละนาำ ไปปรับใชใ้ นชวี ิตประจาำ วันได้ ส�ระก�รเรยี นรูแ้ กนกล�ง ๑. การอา่ นจับใจความจากสอื่ ตา่ งๆ เชน่ นทิ าน เรอ่ื งเลา่ ส้นั ๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ๒. วรรณคดี วรรณกรรม และเพลงพ้ืนบ้าน เช่น นิทานหรือเร่ืองในท้องถิ่น เร่ืองส้ันง่ายๆ ปริศนาคำาทาย บทร้อยกรอง เพลงพนื้ บ้าน เพลงกล่อมเดก็ วรรณกรรมและวรรณคดีในบทเรยี นและ ตามความสนใจ ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทป่ี ระกอบ ดว้ ยคำาพนื้ ฐานเพมิ่ จาก ป.๒ ไม่น้อยกวา่ ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจดั ก�รเรียนรู้ ๑. ข้นั นำ�เข้�สบู่ ทเรยี น ๑. คุณครูให้นกั เรยี นท่องและเคลอ่ื นไหวประกอบบทเพลง “อยา่ เกยี จคร้าน” ตามจังหวะ ๒. ทา่ เคล่อื นไหวทใี่ ช้ควรเปน็ ท่าทสี่ นุกสนาน โดยคุณครูสามารถคิดทา่ ทางได้ตามจงั หวะและเนือ้ เพลง ๓. คณุ ครตู ดิ ชารต์ บทเพลง “อย่าเกยี จครา้ น” และพานักเรียนชี้อา่ นไปทลี ะประโยคจนคล่อง บรษิ ทั ธารปญั ญา จำากัด สงวนลิขสิทธิ์ © ๒๕๖๒ 29

๒. ขัน้ น�ำ เสนอความรู้ (ตวั อยา่ งการสอนอา่ น ๑. คณุ ครสู อนนกั เรยี นอา่ นเรอ่ื ง ความลับเปดิ เผย ในหนังสือเรียน จากเรอ่ื ง เลยี้ งกระต่าย) ๒. ค ุณครูพานักเรียนอ่าน และให้นักเรียนชี้อ่านไปพร้อมกันทั้งห้องจน จบ (ในกรณที ี่นกั เรียนยงั ไม่สามารถอา่ นด้วยตวั เองได้ คณุ ครูจำ�เปน็ ตอ้ งพาอา่ นไปทลี ะยอ่ หนา้ กอ่ น ขนั้ ตอนการสอนคณุ ครสู ามารถปรบั ให้เหมาะสมหรือดคู วามพรอ้ มของนักเรียนได้) ๓. เมอื่ จบทง้ั เรอ่ื งแลว้ คณุ ครอู าจจะพดู คยุ หรอื ถามนกั เรยี นวา่ ในเรอื่ งนี้ กลา่ วถงึ ใคร กำ�ลังท�ำ อะไร ๔. ให้นักเรียนตอบคำ�ถามที่ครูถาม โดยการไฮไลต์คำ�ตอบของคำ�ถา มนนั้ ๆ และอา่ นค�ำ ศพั ทเ์ พ่ือทบทวนในหนงั สือเรียน ๓. ขน้ั ลงมือเรียนรู้ ๑. ค ุณครถู า่ ยเอกสาร เรือ่ ง ความลบั เปดิ เผย ให้นักเรียนทุกคน คนละ ๑ แผ่น ๒. ค ณุ ครูให้นกั เรียนตดั เป็นทอ่ น ตามยอ่ หน้า ให้นกั เรยี นวางคละกนั บนโต๊ะ ๓. คุณครูอา่ นทลี ะย่อหน้า เมอ่ื คณุ ครอู า่ นจบย่อหน้า ให้นักเรยี นหยิบยอ่ หน้าน้ันมา แล้วอ่านพรอ้ มกัน ๔. คณุ ครใู ห้นกั เรยี นท�ำ แบบฝึกหัดในหนงั สอื เรยี น (สามารถแบง่ แบบฝกึ หัดใหน้ กั เรยี นทำ�ได้ ไมจ่ �ำ เป็นตอ้ ง ทำ�ทั้งหมดภายในวันเดียว) ๔. ขน้ั สรปุ ความรู้ ๑. คุณครูแจกใบงาน “ข้อคิดท่ีได้” ให้ นักเรียนทกุ คน ๒. ใบงาน “ขอ้ คดิ ทไี่ ด”้ การอา่ นเรอื่ งและ จับใจความสำ�คัญ สามารถบอกข้อคิด ท่ีได้ จะทำ�ให้เด็กได้คิดด้วยตัวเองว่า สิ่งท่ีตัวละครในเรื่องทำ�น้ัน ส่งผลดี และผลเสียอย่างไร และนักเรียนควร ท�ำ ตามหรือไม่ ๓. คุณครเู ฉลยพร้อมกันในห้องเรียน จาก นั้นติดใบงานลงในสมุด ๕. ขัน้ ประยกุ ต์ใช้ความรู้ ๑. คณุ ครใู ห้นกั เรียนพดู คยุ แลกเปลี่ยนกับเพือ่ นที่นง่ั ข้างๆ วา่ เพอ่ื นไดข้ ้อคดิ อะไรบา้ ง ๒. น กั เรยี นเขียนความคิดเหน็ ของเพอ่ื น ลงใต้ใบงาน “ขอ้ คดิ ท่ีได”้ ในสมดุ เคร่ืองมือ - สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. ชาร์ตบทเพลง “อยา่ เกยี จครา้ น” ๒. หนงั สอื เรียนอ่านออกเขียนได้ ป.๓ เล่ม ๑ ๓. ใบงาน “ขอ้ คิดท่ไี ด้ (3D-GO : Windows 2 บาน)” การวดั และประเมินผล ๑. ส ังเกตพฤติกรรมการอา่ น / การออกเสยี ง / การสะกดค�ำ ของนกั เรยี น ๒. ป ระเมินผลจากคะแนนการทำ�แบบฝึกหัดของนกั เรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางชั้นเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรยี น - หลงั เรยี น การเขยี นตามค�ำ บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บรษิ ทั ธารปญั ญา จำ�กดั สงวนลิขสิทธิ์ © ๒๕๖๒ 30

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรียนรู้ บทท่ี ๕ (๑) :ปง ปอง๑. ปงิ ปองกบั นอ้ งโจควรจะโกหก พอ่ กบั แมห่ รอื ไม่ เพราะอะไร ข้อคดิ ทไ่ี ด้ (3D-GO : Windows 2 บ�น)นอ้ งโจ -------------------------------------------------------------------------------------  อ่านเร่ือง “ความลับเปิดเผย” แลว้ ตอบคาำ ถามต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง------------------------------------------------------------------------------------- บรษิ ัทธารปัญญา จาำ กดั สงวนลิขสิทธิ์ © ๒๕๖๒ 31๒. ปงิ ปองควรทาำ อยา่ งไรเมอื่ พอ่ กบั แมร่ คู้ วามจริง ------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------- ๓. ปิงปองควรจะโกรธน้องโจ หรือไม่ เพราะอะไร ------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------- 

แผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ หน่วยก�รเรียนรู้ อ�่ นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กล่มุ ส�ระก�รเรียนรภู้ �ษ�ไทย ช้นั ประถมศึกษ�ปีท่ี ๓ บทท่ี ๕ คว�มลับเปดเผย (๒) จำานวน ๒ ชว่ั โมง ม�ตรฐ�นก�รเรียนรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ิต และมนี ิสยั รักการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขียนสอ่ื สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรือ่ งราวในรูปแบบ ต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ๒. ตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขยี นบรรยายเกย่ี วกับส่ิงใดสงิ่ หน่ึง ได้อยา่ งชัดเจน มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๕ เขยี นเร่อื งตามจนิ ตนาการ ส�ระสำ�คญั การเรยี นรู้ การเขยี นและการอา่ นเร่อื งส้ันๆ หรอื นทิ าน เพอ่ื บอกข้อคิดทีไ่ ด้จากการอา่ น การจบั ใจความสำาคญั หรอื ประเดน็ สำาคญั การเขียนบรรยายลกั ษณะเดน่ หรอื ลกั ษณะสำาคัญของสิง่ ทีก่ าำ หนด จุดประสงคก์ �รเรยี นรู้ ๑. สามารถอ่านเรอ่ื งสัน้ ๆ หรือนิทานได้ ๒. สามารถจบั ใจความสำาคัญของเร่ืองท่อี ่านได้ ๓. สามารถเขยี นบรรยายลักษณะสำาคญั ของตัวละครได้ ส�ระก�รเรยี นรู้แกนกล�ง ๑. การอ่านจบั ใจความจากสือ่ ตา่ งๆ เชน่ นทิ าน เร่ืองเลา่ สน้ั ๆ บทเพลง และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ๒. การเขียนบรรยายเก่ยี วกับลักษณะของ คน สัตว์ ส่งิ ของ สถานที่ ๓. การเขียนเรื่องตามจินตนาการจากคำา ภาพ และหวั ขอ้ ท่กี ำาหนด ๔. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ดว้ ยคำาพนื้ ฐานเพิม่ จาก ป.๒ ไม่น้อยกวา่ ๑,๒๐๐ คาำ กระบวนก�รจัดก�รเรียนรู้ ๑. ข้นั น�ำ เข�้ สบู่ ทเรยี น ๑. คณุ ครใู ห้นักเรียนทอ่ งและเคลอ่ื นไหวประกอบบทเพลง “อยา่ เกยี จคร้าน” ตามจงั หวะ ๒. ทา่ เคล่ือนไหวที่ใชค้ วรเป็นท่าทีส่ นุกสนาน โดยคณุ ครสู ามารถคิดทา่ ทางได้ตามจังหวะและเนือ้ เพลง ๓. คณุ ครูติดชารต์ บทเพลง “อย่าเกียจครา้ น” และพานักเรยี นชีอ้ า่ นไปทลี ะประโยคจนคล่อง บรษิ ัทธารปญั ญา จาำ กดั สงวนลขิ สทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 32

๒. ข้นั น�ำ เสนอความรู้ ๑. คณุ ครสู อนนกั เรยี นอ่านนทิ านเรือ่ ง สี่ชายประหลาด ในหนงั สือเรียน ๒. คุณครูพานักเรยี นอ่าน และใหน้ กั เรียนชอี้ ่านไปทลี ะยอ่ หน้า ๓. เมอ่ื จบหน่ึงย่อหน้า คณุ ครูควรพดู คุย หรอื ถามนักเรียนวา่ ยอ่ หน้านี้กล่าวถึงใคร ก�ำ ลงั ท�ำ อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนน้ั ๆ และท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น ๓. ข้ันลงมอื เรียนรู้ ๑. ค ณุ ครูให้นักเรยี นชีอ้ า่ นสารคดเี รอื่ ง ออสเตรเลยี : แดนจิงโจ้ ในหนงั สือเรียน พร้อมกนั ทง้ั หอ้ ง ๑ รอบ ๒. จ ากนนั้ ให้นกั เรยี นจบั คกู่ บั เพ่ือนที่นั่งขา้ งๆ ผลดั กันอ่านคนละยอ่ หนา้ ไปเร่ือยๆ จนจบเร่อื ง ๓. ให้นกั เรียนท�ำ แบบฝกึ หัด เพอ่ื ทบทวนความเข้าใจหรอื จับประเด็นจากการอ่าน ในหนังสือเรียน ๔. ขน้ั สรปุ ความรู้ ๑. ค ุณครูแจกใบงาน “ใครนะ” เพื่อฝึกให้ นกั เรยี นจบั ใจความ รวมไปถงึ บรรยายหรอื อธบิ ายรายละเอียดของตวั ละคร ๒. เมื่อนักเรียนทำ�ใบงานเสร็จแลว้ คณุ ครสู ุ่ม ถามนกั เรยี นใหอ้ ธบิ ายรายละเอยี ดของตวั ละครทนี่ กั เรยี นเขียน ๓. ติดใบงานลงในสมดุ ๕. ขน้ั ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ ๑. คุณครูให้นักเรียนนำ�ตัวละครจากนิทานส่ีชายประหลาด ได้แก่ นายมือใหญ่ นายหูใหญ่ นายก้นแหลม และนายขี้มูก มาแต่งเรือ่ งใหมต่ ามจินตนาการของนักเรยี นลงในสมุด ๒. ค ณุ ครสู มุ่ นกั เรยี นออกมาเลา่ เรือ่ งท่ตี นเองแตง่ ใหเ้ พอ่ื นฟงั หนา้ หอ้ ง เคร่ืองมอื - สอ่ื การเรียนรู้ ๑. ชาร์ตบทเพลง “อยา่ เกยี จคร้าน” ๒. หนงั สอื เรียนอ่านออกเขยี นได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “ใครนะ (3D-GO : Windows 4 บาน)” การวดั และประเมนิ ผล ๑. ส ังเกตพฤติกรรมการอ่าน / การออกเสียง / การสะกดค�ำ ของนักเรยี น ๒. ป ระเมินผลจากคะแนนการท�ำ แบบฝึกหัดของนกั เรียน (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางชั้นเรียนอาจมีการทดสอบ กอ่ นเรียน - หลงั เรียน การเขยี นตามคำ�บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บริษัทธารปัญญา จ�ำ กดั สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 33

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ บทที่ ๕ (๒) : ใครนะ (3D-GO : Windows 4 บ�น)  อา่ นเรอื่ ง “ส่ชี ายประหลาด” แลว้ เขียนบรรยายลักษณะของตวั ละคร ลงใน 3D-GO ให้ถกู ต้อง  บริษัทธารปัญญา จำากดั สงวนลขิ สทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 34

แผนก�รจดั ก�รเรียนรู้ หน่วยก�รเรยี นรู้ อ่�นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลุ่มส�ระก�รเรียนรภู้ �ษ�ไทย ช้ันประถมศึกษ�ปีท่ี ๓ บทท่ี ๖ ชนกว่�ง (๑) จาำ นวน ๒ ชัว่ โมง ม�ตรฐ�นก�รเรียนรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรักการอา่ น มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณคา่ และ นาำ มาประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จริง ๒. ตวั ช้วี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอ่ื งสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๒ อธิบายความหมายของคาำ และข้อความทอี่ า่ น มาตรฐาน ท ๕.๑ ป.๓/๔ ทอ่ งจาำ บทอาขยานตามทก่ี ำาหนดและบทร้อยกรองท่มี คี ณุ คา่ ตามความสนใจ ส�ระสำ�คัญ การเรยี นรู้ การเขียนและการอ่านเรือ่ งส้ันๆ หรอื นิทาน เพอ่ื บอกขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการอ่าน การแสดงความคิดเห็น และการเรยี บเรียงหรือลำาดบั ความสำาคัญ จดุ ประสงค์ก�รเรยี นรู้ ๑. สามารถอา่ นเร่อื งส้นั ๆ หรอื นทิ านได้ ๒. สามารถจบั ใจความสำาคญั ของเรอ่ื งทอี่ า่ นได้ ๓. สามารถระบุข้อคิดทไ่ี ด้และนาำ ไปปรับใช้ในชีวติ ประจาำ วันได้ ส�ระก�รเรียนรแู้ กนกล�ง ๑. การอ่านจบั ใจความจากสือ่ ตา่ งๆ เช่น นิทาน เร่ืองเลา่ ส้ันๆ บทเพลง และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ๒. วรรณคดี วรรณกรรม และเพลงพื้นบ้าน เช่น นิทานหรือเร่ืองในท้องถ่ิน เร่ืองส้ันง่ายๆ ปริศนาคำาทาย บทรอ้ ยกรอง เพลงพนื้ บา้ น เพลงกล่อมเด็ก วรรณกรรมและวรรณคดใี นบทเรยี นและ ตามความสนใจ ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทป่ี ระกอบ ดว้ ยคาำ พืน้ ฐานเพิม่ จาก ป.๒ ไม่นอ้ ยกว่า ๑,๒๐๐ คาำ กระบวนก�รจดั ก�รเรียนรู้ ๑. ขัน้ นำ�เข้�สู่บทเรียน ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคล่ือนไหวประกอบบท ดอกสร้อย “นกกระจาบ” ตามจังหวะ ๒. ทา่ เคลอื่ นไหวท่ใี ชค้ วรเปน็ ท่าทีส่ นกุ สนาน เชน่ ชหู นา้ มอื ตบหนา้ มอื เพอื่ น ชหู ลงั มอื ตบหลงั มอื เพอื่ น ทาำ สลบั หนา้ มอื ตบหนา้ มอื หลังมอื ตบหลงั มอื ไปเรือ่ ยๆ ตามจงั หวะจนจบ ๓. คณุ ครูติดชาร์ตบทดอกสรอ้ ย “นกกระจาบ” และพานกั เรยี นชอ้ี ่านไปทีละประโยคจนคลอ่ ง บรษิ ทั ธารปญั ญา จำากัด สงวนลขิ สทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 35

๒. ขน้ั นำ�เสนอความรู้ ๑. ค ณุ ครสู อนนกั เรยี นอ่านเรือ่ ง ชนกวา่ ง ในหนังสือเรียน ๒. ค ุณครูพานักเรียนอ่าน และให้นักเรียนชี้อ่านไปพร้อมกันทั้งห้องจน จบ (ในกรณีท่ีนักเรียนยังไม่สามารถอ่านด้วยตัวเองได้ คุณครูจำ�เป็น (ตวั อยา่ งการสอนอ่าน ต้องพาอ่านไปทลี ะย่อหนา้ กอ่ น ขัน้ ตอนการสอนคณุ ครูสามารถปรบั จากเร่อื ง เล้ียงกระตา่ ย) ใหเ้ หมาะสมหรือดูความพรอ้ มของนักเรียนได้) ๓. เม่ือจบทั้งเรื่องแล้ว คุณครูอาจจะพูดคุย หรือถามนักเรียนว่า ใน เร่อื งนกี้ ลา่ วถงึ ใคร กำ�ลงั ท�ำ อะไร ๔. ให้นักเรียนตอบคำ�ถามท่คี รถู าม โดยการไฮไลตค์ ำ�ตอบของคำ�ถามนน้ั ๆ และอา่ นคำ�ศัพทเ์ พือ่ ทบทวนใน หนังสือเรยี น ๓. ขั้นลงมอื เรียนรู้ ๑. แบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุม่ กลุม่ ละ ๓-๔ คน ๒. ใหน้ ักเรยี นอ่านเรือ่ ง ชนกว่าง อกี รอบในกลุม่ ของตนเอง ๓. จากนน้ั ให้นักเรยี นท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น ๔. ขน้ั สรุปความรู้ ๑. ค ณุ ครแู จกใบงาน “คำ�พูดของใคร” ให้ นักเรียนทกุ คน ๒. ให้นักเรียนเลือกข้อความที่เป็นคำ�พูด ของตัวละคร ทกี่ ำ�หนดเขยี นลงใน GO ใหต้ รงกบั ตวั ละคร เพอ่ื เปน็ การทบทวน ว่า ท่ีนักเรียนอ่านนักเรียนสามารถจับ ประเด็นสำ�คัญได้หรือไม่ ว่าตัวละคร พดู อะไรบ้าง ๓. เมือ่ นกั เรียนท�ำ ใบงานเสรจ็ แล้ว คณุ ครู เฉลยพร้อมกนั ในหอ้ ง ๔. ใหน้ ักเรยี นตดิ ใบงานลงในสมุด ๕. ขนั้ ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. ค ุณครูให้นักเรียนค้นข้อมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับกว่างรัก กว่างแซม และกว่างตัวเมีย เพ่ิมเติมจากที่อ่านใน หนังสือเรยี น ๒. จากน้นั ให้นกั เรียนเขียนขอ้ มลู ท่ีได้ ลงในสมดุ เคร่ืองมอื - สอื่ การเรียนรู้ ๑. ชาร์ตบทดอกสร้อย “นกกระจาบ” ๒. หนงั สือเรยี นอ่านออกเขียนได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “ค�ำ พูดของใคร (3D-GO : Windows 10 บาน) การวดั และประเมนิ ผล ๑. ส ังเกตพฤติกรรมการอา่ น / การออกเสยี ง / การสะกดคำ� ของนักเรียน ๒. ป ระเมนิ ผลจากคะแนนการทำ�แบบฝกึ หัดของนกั เรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม บางชั้นเรียนอาจมีการทดสอบ กอ่ นเรียน - หลงั เรยี น การเขียนตามคำ�บอก การทดสอบการอ่าน ฯลฯ) บรษิ ทั ธารปัญญา จำ�กดั สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 36

ใบง�นประกอบแผนก�รจดั ก�รเรยี นรู้ บทที่ ๖ (๑) : คำ�พูดของใคร (3D-GO : Windows 10 บ�น)  คาำ พดู ของใคร เลอื กคำาพดู ทีก่ าำ หนดให้ เขยี นลงใน GO ให้ตรงกบั ตัวละคร ห้ามทาำ แบบนี้อีกเด็ดขาด ในมือพโ่ี ดมนน่ั ตวั อะไรครบั คนเราไมค่ วรโกหกผใู้ หญ่ ร้ไู หม ทาำ ไมเธอเกง่ จัง ดกั กว่างก็เปน็ ด้วย ตัวนคี้ อื กว่างแซม กว่างแซมตวั สแี ดง แมข่ องปง ปอง พ่อของปง ปอง ปงปอง น้องโจ โดม  บริษัทธารปัญญา จำากัด สงวนลขิ สทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 37

แผนก�รจดั ก�รเรียนรู้ หนว่ ยก�รเรยี นรู้ อ�่ นออก เขียนได้ เลม่ ๑ กลุม่ ส�ระก�รเรยี นรภู้ �ษ�ไทย ชัน้ ประถมศกึ ษ�ปที ่ี ๓ บทท่ี ๖ ชนกว�่ ง (๒) จำานวน ๒ ช่วั โมง ม�ตรฐ�นก�รเรียนรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ิต และมีนสิ ยั รกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ๒. ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอ่ื งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๓/๔ แต่งประโยคง่ายๆ ส�ระสำ�คัญ การเรยี นรู้ การเขยี นและการอา่ นเรื่องสั้นๆ หรือนทิ าน เพือ่ บอกขอ้ คิดที่ไดจ้ ากการอ่าน การเขยี นประโยคหรอื แต่งประโยคท่ีต้องการส่อื สาร จดุ ประสงค์ก�รเรยี นรู้ ๑. สามารถอา่ นเร่อื งสน้ั ๆ หรือนทิ านได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคัญของเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ ๓. สามารถแต่งประโยคประเภทตา่ งๆ ได้ ส�ระก�รเรียนรูแ้ กนกล�ง ๑. การอา่ นจับใจความจากสอื่ ต่างๆ เชน่ นทิ าน เร่ืองเลา่ สั้นๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ๒. การแต่งประโยคเพ่ือการสื่อสาร ได้แก่ ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำาถาม ประโยคขอร้อง ประโยคคาำ สั่ง ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทป่ี ระกอบ ด้วยคำาพ้นื ฐานเพ่ิมจาก ป.๒ ไมน่ ้อยกวา่ ๑,๒๐๐ คาำ กระบวนก�รจัดก�รเรียนรู้ ๑. ขั้นนำ�เข�้ สบู่ ทเรียน ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคลื่อนไหวประกอบบท ดอกสรอ้ ย “นกกระจาบ” ตามจังหวะ ๒. ทา่ เคลอ่ื นไหวทใ่ี ชค้ วรเปน็ ทา่ ทสี่ นกุ สนาน เชน่ หนั หนา้ เขา้ หาเพอ่ื น ชมู อื ขนึ้ สองขา้ ง มอื ขวากาำ มอื ซา้ ยแบ แลว้ ทาำ สลับกันไปตามจงั หวะ สลับเป็น มือซ้ายกำา มือขวาแบ สลับไปเร่ือยๆ ตาม จังหวะจนจบ ๓. คุณครูตดิ ชาร์ตบทดอกสรอ้ ย “นกกระจาบ” และพานักเรยี นช้ีอา่ นไปทีละประโยคจนคลอ่ ง บริษทั ธารปญั ญา จำากัด สงวนลขิ สทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 38

๒. ข้นั นำ�เสนอความรู้ ๑. ค ณุ ครสู อนนกั เรียนอา่ นนทิ านเรื่อง นกกระจาบแตกสามคั คี ในหนงั สือเรียน ๒. คณุ ครูพานักเรยี นอ่าน และให้นกั เรยี นชอี้ ่านไปทีละยอ่ หนา้ ๓. เม่อื จบหน่งึ ย่อหนา้ คณุ ครคู วรพูดคุย หรอื ถามนักเรยี นวา่ ยอ่ หนา้ น้กี ลา่ วถงึ ใคร ก�ำ ลงั ทำ�อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนนั้ ๆ และท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น ๓. ขนั้ ลงมือเรยี นรู้ ๑. คุณครูให้นักเรียนชอี้ า่ นสารคดเี รอ่ื ง ด้วงขคี้ วาย ในหนังสอื เรียน พร้อมกนั ทง้ั ห้อง ๑ รอบ ๒. จากนั้น ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพอ่ื นท่ีนั่งขา้ งๆ ผลัดกนั อา่ นคนละยอ่ หนา้ ไปเรอ่ื ยๆ จนจบเรอื่ ง ๓. ใหน้ ักเรียนท�ำ แบบฝึกหัด เพ่อื ทบทวนความเขา้ ใจ หรือจับประเด็นจากการอ่าน ในหนงั สือเรยี น ๔. ขั้นสรุปความรู้ ๑. คุณครแู จกใบงาน “ประโยคแสนสนุก” เพ่ือฝึกให้นักเรียน แต่งประโยคได้ หลากหลาย จากค�ำ ท่ีครูก�ำ หนดให้ ๒. เม่ือนักเรียนแต่งประโยคเสร็จแล้ว ให้ คณุ ครแู ละนกั เรยี นแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กนั สมุ่ ถามนกั เรยี นวา่ แตง่ ประโยค ไดป้ ระโยคใดบา้ ง ๓. ติดใบงานลงในสมุด ๕. ขัน้ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. ค ณุ ครูใหน้ ักเรียนน�ำ ค�ำ ในใบงาน “ประโยคแสนสนุก” มาแต่งประโยคชนิดอ่ืนๆ เพิ่มเตมิ เช่น ประโยค ขอร้อง ประโยคปฏเิ สธ และประโยคคำ�ส่งั เปน็ ต้น เขียนลงในสมดุ ๒. ค ณุ ครูให้นักเรยี นเลือกคำ�จากในหนงั สือเรยี นเพิ่มอกี ๕ คำ� แลว้ แตง่ ประโยคลงในสมดุ เครื่องมอื - สื่อการเรยี นรู้ ๑. ชารต์ บทดอกสร้อย “นกกระจาบ” ๒. หนังสอื เรียนอ่านออกเขียนได้ ป.๓ เล่ม ๑ ๓. ใบงาน “ประโยคแสนสนุก (3D-GO : Fan)” การวัดและประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการอ่าน / การออกเสียง / การสะกดคำ� ของนกั เรยี น ๒. ป ระเมนิ ผลจากคะแนนการท�ำ แบบฝึกหดั ของนักเรยี น (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางชั้นเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรยี น - หลงั เรยี น การเขียนตามคำ�บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บริษทั ธารปญั ญา จำ�กัด สงวนลขิ สทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 39

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ บทท่ี ๖ (๒) : ประโยคแสนสนุก (3D-GO : Fan)  แตง่ ประโยคจากคาำ ที่กาำ หนดใหต้ ่อไปนี้ ประโยคแสนสนุก  นกกระจ�บ ประโยคบอกเล่า --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประโยคคาำ ถาม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- น�ยพร�น ประโยคบอกเล่า --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประโยคคำาถาม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ส�มัคคี ประโยคบอกเล่า --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประโยคคำาถาม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ต�ข�่ ย ประโยคบอกเลา่ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประโยคคำาถาม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คว�มสขุ ประโยคบอกเล่า --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประโยคคำาถาม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทากาว บริษัทธารปญั ญา จาำ กดั สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 40

แผนก�รจดั ก�รเรียนรู้ หนว่ ยก�รเรียนรู้ อ�่ นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลุม่ ส�ระก�รเรียนรูภ้ �ษ�ไทย ช้ันประถมศกึ ษ�ปีท่ี ๓ บทท่ี ๗ ย�นประหล�ด (๑) จาำ นวน ๒ ช่ัวโมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรักการอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรอื่ งราวในรูปแบบ ต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ตวั ชว้ี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๔ ลำาดบั เหตุการณแ์ ละคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเร่ืองทอ่ี า่ นโดยระบุเหตุผลประกอบ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขียนบรรยายเกีย่ วกบั ส่ิงใดส่งิ หน่ึง ไดอ้ ย่างชดั เจน ส�ระส�ำ คญั การเรยี นรู้ การเขียนและการอา่ นเรอ่ื งสัน้ ๆ หรอื นทิ าน เพ่ือบอกขอ้ คิดที่ได้จากการอา่ น การเขียนบรรยายและ เขียนสรปุ ใจความสาำ คญั จุดประสงค์ก�รเรียนรู้ ๑. สามารถอ่านเร่ืองสนั้ ๆ หรอื นทิ านได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคญั ของเร่ืองทอ่ี า่ นได้ ๓. สามารถเขยี นบรรยายและเขยี นสรุปใจความสำาคัญได้ ส�ระก�รเรียนรู้แกนกล�ง ๑. การเขียนบรรยายเกี่ยวกับลักษณะของ คน สตั ว์ สิ่งของ สถานท่ี ๒. การอา่ นจบั ใจความจากส่อื ตา่ งๆ เชน่ นิทาน เรือ่ งเล่าส้ันๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทป่ี ระกอบ ด้วยคำาพืน้ ฐานเพิม่ จาก ป.๒ ไมน่ อ้ ยกว่า ๑,๒๐๐ คำา กระบวนก�รจัดก�รเรียนรู้ ๑๒ ๑. ข้ันน�ำ เข�้ ส่บู ทเรยี น ตบมอื ควา่ำ มือตบโตะ๊ ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคล่ือนไหวประกอบบทร้อยกรอง ๓ “ปราศรัยดเี ป็นศรีปาก” ตามจังหวะ ๒. ท่าเคล่ือนไหวที่ใช้ควรเป็นท่าท่ีสนุกสนาน เช่น ตบมือ ควำ่า หงายมอื ตบโตะ๊ สองมอื ตบโตะ๊ หงายสองมอื ตบโต๊ะ นบั เป็นหน่ึงรอบ ทำาสลบั ไปเรื่อยๆ ตามจงั หวะจนจบ ๓. คุณครูติดชาร์ตบทร้อยกรอง “ปราศรัยดีเป็นศรีปาก” และ พานกั เรยี นช้อี า่ นไปทลี ะประโยคจนคลอ่ ง บริษทั ธารปญั ญา จาำ กัด สงวนลิขสทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 41

๒. ข้ันนำ�เสนอความรู้ (ตัวอย่างการสอนอ่าน ๑. คณุ ครูสอนนกั เรียนอา่ นเร่ือง ยานประหลาด ในหนงั สือเรยี น จากเร่อื ง เลย้ี งกระต่าย) ๒. คุณครูพานักเรียนอ่าน และให้นักเรียนชี้อ่านไปพร้อมกันทั้งห้องจน จบ (ในกรณีที่นักเรียนยังไม่สามารถอ่านด้วยตัวเองได้ คุณครูจำ�เป็น ตอ้ งพาอา่ นไปทีละยอ่ หน้ากอ่ น ขนั้ ตอนการสอนคุณครูสามารถปรบั ใหเ้ หมาะสมหรอื ดคู วามพรอ้ มของนกั เรยี นได้) ๓. เม่ือจบท้ังเร่ืองแล้ว คุณครูอาจจะพูดคุย หรือถามนักเรียนว่า ใน เรอ่ื งน้กี ล่าวถงึ ใคร กำ�ลังท�ำ อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนน้ั ๆ และอา่ นคำ�ศัพท์เพอ่ื ทบทวนในหนังสอื เรียน ๓. ขน้ั ลงมอื เรียนรู้ ๑. ค ณุ ครูให้นักเรยี นเขยี นหมายเลขก�ำ กบั ยอ่ หน้า ในแตล่ ะย่อหน้าจนครบ ๒. ให้นักเรียนเลน่ เกม อา่ นยอ่ หนา้ ไหน คือ จับคูก่ บั เพอ่ื นทีน่ ่ังข้างๆ ผลดั กันอ่านคนละย่อหนา้ อา่ นแบบไม่ เรยี งไปตามเนื้อเรื่อง เมือ่ เพอ่ื นคนหนงึ่ อา่ นจนจบหนา้ ยอ่ ให้เพื่อนอีกคน ทายว่า เปน็ ย่อหนา้ ท่ีเท่าไหร่ โดยดจู ากหมายเลขที่เขยี นกำ�กบั ๓. เวลาในการเลน่ เกม อา่ นย่อหนา้ ไหน ขึน้ อยู่กบั คณุ ครู ๔. ให้นักเรียน ทำ�แบบฝกึ หัดในหนงั สือเรียน ๔. ขน้ั สรุปความรู้ ๑. ค ุณครูแจกใบงาน “สรุปให้หน่อย” ให้ นกั เรยี นทุกคน ๒. ให้นักเรียน เขียนสรุปใจความสำ�คัญจาก ข้อความท่ีกำ�หนดให้ ลงใน GO ให้ได้สั้น ท่ีสุด ไมเ่ กิน ๓ บรรทัด เพ่อื ใหน้ ักเรียนฝกึ การคดิ และเขียนสรปุ ใจความสำ�คัญไดด้ ว้ ย ตวั เอง ตามความเขา้ ใจ ๓. คุณครูเฉลยพร้อมกันในห้องเรียน โดยสุ่ม ถามนักเรียนว่านักเรียนสรุปได้ว่าอะไรบ้าง (นักเรยี นสามารถคิดต่างกนั ได้) จากนนั้ ตดิ ใบงานลงในสมดุ ๕. ข้นั ประยุกต์ใช้ความรู้ ๑. ค ณุ ครใู หน้ ักเรยี นพดู คยุ แลกเปลี่ยนกับเพอ่ื นท่ีน่ังข้างๆ ว่าเพอ่ื นไดข้ ้อคิดอะไรบา้ ง ๒. นักเรียนเขยี นความคดิ เหน็ ของเพ่ือน ลงใต้ใบงาน “ข้อคดิ ทไ่ี ด”้ ที่ตดิ ในสมุด เครือ่ งมอื - สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. ชารต์ บทรอ้ ยกรอง “ปราศรยั ดเี ปน็ สีปาก” ๒. หนงั สือเรียนอา่ นออกเขียนได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “สรุปใหห้ นอ่ ย (3D-GO : Flip)” การวดั และประเมนิ ผล ๑. ส ังเกตพฤติกรรมการอา่ น / การออกเสียง / การสะกดค�ำ ของนกั เรียน ๒. ป ระเมนิ ผลจากคะแนนการทำ�แบบฝกึ หดั ของนกั เรียน (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรียน - หลงั เรยี น การเขยี นตามค�ำ บอก การทดสอบการอ่าน ฯลฯ) บริษทั ธารปญั ญา จ�ำ กดั สงวนลขิ สิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 42

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ บทท่ี ๗ (๑) : สรปุ ใหห้ น่อย (3D-GO : Flip)  เขียนสรปุ ใจความสาำ คญั จากขอ้ ความทกี่ ำาหนดให้ ไมเ่ กนิ ๓ บรรทดั เท่าน้นั วนั หน่งึ โจพาเจ้าหมูแฮมออกไป โจน้นั ถงึ จะตวั เลก็ แตด่ ว้ ยความอยากรู้ เดินเลน่ เหมอื นเชน่ เคย แตใ่ นขณะทโี่ จ อยากเห็น เร่อื งพารามอเตอร์มาก โจจงึ กำาลังหลอกล่อเจา้ หมแู ฮม ให้ว่งิ ไล่อย่าง ปีนข้นึ ไปบนชน้ั หนังสือ หยบิ หนังสือภาพ สนุกสนาน เขาตอ้ งหยุดกึก เม่ือไดย้ ิน เครื่องบนิ และเครอื่ งร่อน ทพ่ี อ่ ซอ้ื ให้ ลง เสยี งดังคลา้ ยเครื่องตัดหญา้ แต่ดังกว่า มาเปิดดู โจคิดในใจวา่ ไม่ไดข้ น้ึ ไปจริงๆ มาก ทสี่ าำ คญั เสียงนน้ั ดังอย่บู นทอ้ งฟา ขอแค่ลูบคลาำ จากหนงั สอื กย็ งั ดี โจเงยหน้าขึ้นดู เขาเหน็ ผชู้ ายคน พอตกคาำ่ หลังอาหาร พ่อเหน็ วา่ โจ หนง่ึ ลอยอยูใ่ นอากาศด้วยร่มขนาด ยงั อ่านหนังสอื ไม่ออก จงึ เล่าเร่ือง พารา ใหญ่ ตวั ติดอยกู่ บั เครอ่ื งยนตช์ นดิ หน่งึ มอเตอร์ให้โจฟงั ว่า “พารามอเตอรเ์ ปน็ มนั ไมใ่ ชเ่ ครือ่ งบิน ไมใ่ ชเ่ ฮลิคอปเตอร์ เคร่อื งยนตเ์ ล็กๆ นกั บนิ สามารถแบกบน ไม่ใชบ่ อลลนู โจร้แู ลว้ มนั ต้องเปน็ หลงั เหมอื นแบกเป ผกู โยงกบั รม่ คลา้ ยร่ม “พารามอเตอร”์ แน่นอน ชูชพี ที่จรงิ ร่มน้ี จะทำาหนา้ ท่แี บบเดียวกับ ปกี เคร่อื งบิน” บรษิ ัทธารปญั ญา จาำ กดั สงวนลิขสิทธ์ิ © ๒๕๖๒ 43

แผนก�รจัดก�รเรียนรู้ หน่วยก�รเรียนรู้ อ่�นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรู้ภ�ษ�ไทย ชัน้ ประถมศกึ ษ�ปีที่ ๓ บทที่ ๗ ย�นประหล�ด (๒) จาำ นวน ๒ ช่วั โมง ม�ตรฐ�นก�รเรียนรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชีวิต และมนี ิสยั รกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นสอ่ื สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวในรูปแบบ ต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ๒. ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอ่ื งสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๔ ลาำ ดบั เหตุการณแ์ ละคาดคะเนเหตุการณจ์ ากเร่ืองท่ีอ่านโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขยี นบรรยายเก่ียวกบั สงิ่ ใดส่งิ หนึ่ง ได้อย่างชดั เจน ส�ระสำ�คัญ การเรียนรู้ การเขียนและการอา่ นเรื่องสน้ั ๆ หรอื นทิ าน เพือ่ บอกขอ้ คิดที่ไดจ้ ากการอา่ น การเขยี นบรรยายและ เขียนสรุปใจความสาำ คัญ จดุ ประสงคก์ �รเรียนรู้ ๑. สามารถอ่านเร่อื งสั้นๆ หรือนทิ านได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคญั ของเรือ่ งที่อา่ นได้ ๓. สามารถเขียนสรุปใจความสำาคญั ได้ ส�ระก�รเรียนรูแ้ กนกล�ง ๑. การอ่านจบั ใจความจากส่ือตา่ งๆ เชน่ นทิ าน เรือ่ งเลา่ ส้ันๆ บทเพลง และบทร้อยกรองง่ายๆ ๒. การเขียนบรรยายเก่ียวกบั ลักษณะของ คน สัตว์ สง่ิ ของ สถานท่ี ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทปี่ ระกอบ ดว้ ยคำาพน้ื ฐานเพมิ่ จาก ป.๒ ไมน่ ้อยกวา่ ๑,๒๐๐ คาำ กระบวนก�รจัดก�รเรยี นรู้ ๑๒ ๑. ขัน้ นำ�เข้�สบู่ ทเรยี น ๑. คุณครูให้นักเรียนท่องและเคลื่อนไหวประกอบบทร้อยกรอง “ปราศรัยดีเป็นศรีปาก” ตามจังหวะ ๒. ทา่ เคลอ่ื นไหวทใ่ี ชค้ วรเปน็ ทา่ ทสี่ นกุ สนาน เชน่ ตบมอื มอื ซา้ ย ตบมือ มมอื ือซข้าวยาหคงวาำา่ ย หงายตบโต๊ะ มือขวาคว่ำาตบโตะ๊ มือซ้ายควา่ำ ตบโตะ๊ มือขวา ๓ หงายตบโต๊ะ นบั เป็นหนึ่งรอบ ทาำ สลับไปเร่อื ยๆ จนจบ ๓. คุณครูติดชาร์ตบทร้อยกรอง “ปราศรัยดีเป็นศรีปาก” และ พานักเรียนชี้อ่านไปทลี ะประโยคจนคลอ่ ง มือขซวา้ ายหคงวาา่ำ ยมอื บรษิ ทั ธารปญั ญา จำากดั สงวนลิขสทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 44

๒. ขัน้ น�ำ เสนอความรู้ ๑. คณุ ครูสอนนักเรียนอ่านต�ำ นานเร่อื ง จระเข้สามพนั ในหนงั สอื เรียน ๒. ค ุณครพู านักเรียนอา่ น และใหน้ ักเรียนช้อี า่ นไปทีละยอ่ หน้า ๓. เม่อื จบหนงึ่ ย่อหนา้ คุณครคู วรพูดคุย หรือถามนกั เรียนวา่ ย่อหน้านีก้ ล่าวถงึ ใคร กำ�ลังทำ�อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทคี่ รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนนั้ ๆ และท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี น ๓. ข้นั ลงมอื เรยี นรู้ ๑. ค ณุ ครใู หน้ ักเรยี นช้อี ่านสารคดีเร่ือง โลกสมยั ใหม่ ในหนังสอื เรียน พรอ้ มกนั ทั้งหอ้ ง ๑ รอบ ๒. จากนน้ั คณุ ครูถ่ายเอกสาร สารคดีเรือ่ ง โลกสมยั ใหม่ ใหน้ กั เรียนทุกคน คนละ ๑ แผ่น ๓. ค ณุ ครูใหน้ ักเรียนตัดเป็นท่อน ตามย่อหนา้ ใหน้ กั เรียนวางคละกันบนโต๊ะ ๔. คุณครูอ่านทลี ะย่อหน้า เมือ่ คุณครอู ่านจบยอ่ หนา้ ให้นกั เรียนหยิบยอ่ หนา้ นั้นมา แลว้ อ่านพร้อมกัน ๕. ค ุณครูใหน้ ักเรียนทำ�แบบฝึกหดั ในหนังสือเรียน ๔. ขัน้ สรุปความรู้ ๑. ค ณุ ครแู จกใบงาน “เลา่ เร่อื งผา่ นภาพ”ให้ นักเรียนทุกคน เพื่อฝึกให้นักเรียนเขียน อธิบายหรือบรรยายเหตุการณ์แบบสรุป จากเรื่องทอ่ี ่าน โดยการดภู าพประกอบ ๒. เม่ือนักเรียนทำ�ใบงานเสร็จแล้ว ให้แลก เปลย่ี นความคดิ เหน็ กบั เพอ่ื นทน่ี ง่ั ขา้ งๆ วา่ สรปุ เรื่องไดว้ า่ อยา่ งไร ๓. ตดิ ใบงานลงในสมุด ๕. ขัน้ ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ ๑. จ ากสารคดี โลกสมัยใหม่ คุณครูให้นักเรียนสรุปความรู้ในรูปแบบของแผนผังความคิด โดยใช้หัวข้อ ท่ีคุณครูกำ�หนด เช่น “ยานพาหนะ” แยกเป็นประเด็นย่อย ๒ ประเด็น ได้แก่ ยานพาหนะสมัยก่อน ยานพาหนะสมยั ใหม่ ๒. คุณครูใหน้ กั เรียนค้นข้อมลู เพอ่ื นำ�มาทำ�แผนผังความคิด สรุปความรู้ ใหท้ �ำ ลงในสมดุ เครือ่ งมอื - สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. ชารต์ บทรอ้ ยกรอง “ปราศรยั ดเี ปน็ ศรีปาก” ๒. หนงั สอื เรยี นอ่านออกเขยี นได้ ป.๓ เล่ม ๑ ๓. ใบงาน “เลา่ เรือ่ งผ่านภาพ (3D-GO : Windows 6 บาน)” การวดั และประเมนิ ผล ๑. ส ังเกตพฤติกรรมการอา่ น / การออกเสียง / การสะกดค�ำ ของนักเรยี น ๒. ป ระเมนิ ผลจากคะแนนการทำ�แบบฝึกหดั ของนกั เรียน (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรียน - หลังเรียน การเขยี นตามค�ำ บอก การทดสอบการอ่าน ฯลฯ) บริษทั ธารปญั ญา จำ�กดั สงวนลิขสิทธิ์ © ๒๕๖๒ 45

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรียนรู้ บทท่ี ๗ (๒) : เล่�เรอ่ื งผ�่ นภ�พ (3D-GO : Windows 6 บ�น)  อ่านเรอ่ื ง “จระเขส้ ามพัน ” แลว้ เขียนบรรยายภาพลงใน GO ทากาวดานหลงั  บริษัทธารปญั ญา จำากดั สงวนลขิ สิทธิ์ © ๒๕๖๒ 46

แผนก�รจัดก�รเรียนรู้ หน่วยก�รเรียนรู้ อ่�นออก เขยี นได้ เลม่ ๑ กลุ่มส�ระก�รเรียนรู้ภ�ษ�ไทย ชัน้ ประถมศกึ ษ�ปีท่ี ๓ บทที่ ๘ ปร�ชญ์ช�วบ้�น (๑) จาำ นวน ๒ ชัว่ โมง ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรู้ ๑. ม�ตรฐ�น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาำ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาำ เนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนาำ มาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจริง ๒. ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคาำ ขอ้ ความ เรอื่ งสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓/๕ สรุปความรแู้ ละขอ้ คิดจากเรือ่ งทีอ่ า่ นเพื่อนาำ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำาวัน มาตรฐาน ท ๕.๑ ป.๓/๑ ระบุขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากการอ่านวรรณกรรมเพื่อนาำ ไปใช้ในชวี ติ ประจาำ วัน ส�ระสำ�คัญ การเรียนรู้ การเขยี นและการอา่ นเรื่องสนั้ ๆ หรือนิทาน เพ่ือบอกขอ้ คิดท่ีได้จากการอา่ น การแสดงความคดิ เหน็ และการเรียบเรียงหรอื ลำาดบั ความสำาคัญ จดุ ประสงค์ก�รเรยี นรู้ ๑. สามารถอ่านเรอ่ื งส้นั ๆ หรือนทิ านได้ ๒. สามารถจับใจความสำาคัญของเรื่องทอ่ี า่ นได้ ๓. สามารถเขยี นสรุปเร่ืองท่ีอ่านได้ ส�ระก�รเรยี นรแู้ กนกล�ง ๑. การอา่ นจับใจความจากสอ่ื ตา่ งๆ เช่น นทิ าน เรือ่ งเล่าสนั้ ๆ บทเพลง และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ๒. วรรณคดี วรรณกรรม และเพลงพื้นบ้าน เช่น นิทานหรือเร่ืองในท้องถิ่น เร่ืองส้ันง่ายๆ ปริศนาคำาทาย บทร้อยกรอง เพลงพน้ื บ้าน เพลงกล่อมเด็ก วรรณกรรมและวรรณคดใี นบทเรยี นและ ตามความสนใจ ๓. การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของคาำ คาำ คลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ทป่ี ระกอบ ดว้ ยคาำ พืน้ ฐานเพ่ิมจาก ป.๒ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ คาำ กระบวนก�รจัดก�รเรียนรู้ ๑๒ ๑. ข้นั นำ�เข้�สูบ่ ทเรียน ตบมอื มือขวาตบโต๊ะ ๑. คณุ ครใู หน้ กั เรยี นทอ่ งและเคลอื่ นไหวประกอบบทรอ้ ยกรอง “เมอื ง ไทยใหญอ่ ุดม” ตามจงั หวะ ๓๔ ๒. ทา่ เคลือ่ นไหวท่ใี ชค้ วรเปน็ ท่าทสี่ นกุ สนาน เชน่ ตบมอื มือขวาตบ โตะ๊ ตบมอื มอื ซา้ ยตบโตะ๊ นบั เปน็ หนง่ึ รอบ ทาำ สลบั ไปเรอื่ ยๆ ตาม จงั หวะจนจบ ตบมือ มอื ซ้ายตบโต๊ะ ๓. คุณครูติดชาร์ตบทรอ้ ยกรอง “เมอื งไทยใหญ่อดุ ม” และพานักเรยี นช้ีอา่ นไปทลี ะประโยคจนคล่อง บริษัทธารปญั ญา จำากัด สงวนลขิ สิทธิ์ © ๒๕๖๒ 47

๒. ขน้ั น�ำ เสนอความรู้ (ตวั อยา่ งการสอนอา่ น ๑. คุณครูสอนนักเรียนอ่านเร่ือง ปราชญ์ชาวบา้ น ในหนังสือเรยี น จากเรื่อง เล้ียงกระต่าย) ๒. ค ุณครูพานักเรียนอ่าน และให้นักเรียนชี้อ่านไปพร้อมกันทั้งห้องจน จบ (ในกรณีท่ีนักเรียนยังไม่สามารถอ่านด้วยตัวเองได้ คุณครูจำ�เป็น ตอ้ งพาอ่านไปทีละย่อหนา้ ก่อน ขน้ั ตอนการสอนคุณครสู ามารถปรบั ให้เหมาะสมหรือดคู วามพรอ้ มของนักเรยี นได้) ๓. เมอื่ จบทงั้ เรอ่ื งแลว้ คณุ ครอู าจจะพดู คยุ หรอื ถามนกั เรยี นวา่ ในเรอื่ งนี้ กล่าวถึงใคร ก�ำ ลงั ท�ำ อะไร ๔. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำ ถามทค่ี รถู าม โดยการไฮไลตค์ �ำ ตอบของค�ำ ถามนน้ั ๆ และอ่านคำ�ศพั ท์เพ่ือทบทวนในหนงั สอื เรียน ๓. ขั้นลงมือเรยี นรู้ ๑. คณุ ครใู ห้นักเรียนอ่านเรอื่ ง ปราชญ์ชาวบ้าน โดยให้อา่ นตามเลขท่ี เลขที่ ๑ อา่ นตง้ั แต่เรม่ิ ตน้ เม่ือคณุ ครู บอกวา่ หยดุ เลขท่ี ๒ จะต้องอ่านตอ่ อา่ นแบบน้ตี อ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนจบเรื่อง ๒. คุณครูให้นักเรียนท�ำ แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรียน (สามารถแบง่ แบบฝึกหดั ให้นักเรยี นทำ�ได้ ไมจ่ ำ�เป็นตอ้ ง ทำ�ท้งั หมดภายในวันเดียว) ๓. การฝกึ อา่ นบอ่ ยๆ หรอื อา่ นซํา้ ๆ ผ่านกจิ กรรมที่ต้องท�ำ รว่ มกับเพือ่ น จะทำ�ใหน้ ักเรยี นรูส้ ึกสนุกทจี่ ะอา่ น อยากอา่ นจนจบ นกั เรยี นจะใจจดจอ่ กบั เรอ่ื งทก่ี �ำ ลงั อา่ น และลนุ้ วา่ ตวั เองกบั เพอ่ื นจะไดอ้ า่ นชว่ งใด ท�ำ ให้ เด็กมสี มาธิอยทู่ ีห่ น้าหนงั สือ ๔. ขน้ั สรปุ ความรู้ ๑. เพอ่ื ทบทวนความเข้าใจ คุณครูให้นกั เรยี นท�ำ ใบงานเพิ่มเตมิ ๒. คณุ ครแู จกใบงาน “สรปุ เรอ่ื งผา่ น GO” ใหน้ กั เรยี นทกุ คน เพอื่ ใหน้ กั เรยี น ฝึกเขียนสรุปเร่ือง หรือสรุปใจความสำ�คัญจากเรื่องที่อ่านตามหัวข้อท่ี กำ�หนดให้ ดว้ ยภาษาของตนเอง ๓. ติดใบงานลงในสมดุ ๕. ข้นั ประยุกต์ใช้ความรู้ ๑. ค ุณครูเตรียมนิทานหรือเรื่องส้ันๆ ไม่เกิน ๑ หน้ากระดาษเอสี่ไว้ให้ นกั เรียน ๑ เรือ่ ง ๒. แ จกเรื่องทเี่ ตรียมไว้ ใหน้ ักเรียนทกุ คน จากนน้ั ใหน้ กั เรียนสรปุ ใจความส�ำ คัญ โดยใชร้ ูปแบบตาม ใบงาน “สรุปเรอ่ื งผา่ น GO” เขยี นสรปุ ลงในสมุด เครอ่ื งมอื - สือ่ การเรียนรู้ ๑. ชารต์ บทร้อยกรอง “เมอื งไทยใหญอ่ ุดม” ๒. หนงั สอื เรียนอ่านออกเขียนได้ ป.๓ เลม่ ๑ ๓. ใบงาน “สรปุ เร่อื งผ่าน GO (3D-GO : Picture)” การวดั และประเมินผล ๑. สังเกตพฤตกิ รรมการอ่าน / การออกเสียง / การสะกดคำ� ของนกั เรยี น ๒. ป ระเมินผลจากคะแนนการทำ�แบบฝึกหดั ของนักเรียน (การวัดและการประเมินผล คุณครูสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม บางช้ันเรียนอาจมีการทดสอบ ก่อนเรียน - หลังเรยี น การเขยี นตามค�ำ บอก การทดสอบการอา่ น ฯลฯ) บรษิ ทั ธารปญั ญา จ�ำ กัด สงวนลขิ สทิ ธ์ิ © ๒๕๖๒ 48

ใบง�นประกอบแผนก�รจัดก�รเรยี นรู้ บทท่ี ๘ (๑) : สรุปเรื่องผ่�น GO (3D-GO : Picture)  อา่ นเรื่อง “ปราชญ์ชาวบา้ น” แลว้ ตอบคาำ ถามตามหัวข้อท่ีกำาหนดให้ตอ่ ไปนี้ ตัวละคร ทช่ี อบ ตัวละครในเรอ่ื ง ฉ�ก / สถ�นท่ี เรือ่ งยอ่ ตอนแรก ตอ่ ม� ในทสี่ ุด บรษิ ทั ธารปัญญา จาำ กัด สงวนลิขสทิ ธิ์ © ๒๕๖๒ 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook