๙๔ (๔.๒) เมื่อพบบุคคลหน่ึงแทบจะทันทีทันใด หลังจากการกระทําผิดในถ่ินแถว ใกลเคียงกับที่เกิดเหตุน้ัน และมีสิ่งของท่ีไดมาจากการกระทําผิด หรือมีเครื่องมือ อาวุธ หรอื วัตถอุ ยา งอ่นื อนั สันนษิ ฐานไดวา ไดใชใ นการกระทาํ ผิด หรือมีรองรอยพิรุธเหน็ ประจักษทีเ่ สอื้ ผา หรือเนือ้ ตัวของผูนั้น àÁ×è;ººØ¤¤ÅÁÕ¾ÄμÔ¡ÒóÍѹ¤ÇÃʧÊÑÂNjҼٌ¹éѹ¹‹Ò¨Ð¡‹ÍàËμØÃŒÒÂãËŒà¡Ô´ÀÂѹμÃÒ ᡺‹ ¤Ø ¤ÅËÃÍ× ·Ã¾Ñ ÂÊ ¹Ô ¢Í§¼ÍŒÙ ¹×è โดยมเี ครอื่ งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอนื่ อนั สามารถอาจใชใ นการกระทาํ ความผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘(๒) การจับตามกรณีนี้ เปนการจับในลักษณะของการปองกันการกระทําผิดหรือปองกันเหตุรายที่จะเกิดขึ้น คือ ผูกระทําผิด ยงั มิไดลงมือกระทาํ ผดิ เปนเพียงการตระเตรยี มหรือการเตรียมการทีจ่ ะกระทาํ ผดิ การตระเตรียมการ เชนวาน้ี ก็คือการมีเครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุอยางอ่ืนอันสามารถอาจใชในการกระทําผิดไดดังกลาว มาแลว และเม่ือมีการจับกุมผูกระทําผิดดังกลาวแลว เจาพนักงานตํารวจจะตองปฏิบัติตามขั้นตอน ตา งๆ ดงั นี้ (วรี พล กุลบุตร, ๒๕๔๘) (๑) การจับน้ันใชวิธีการจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๘๓ โดยแจงใหผ ถู ูกจบั ทราบวา เขาจะตองถูกจับ (๒) หากเปนการจับในกรณีท่ีผูถูกจับยังไมไดลงมือกระทําความผิด อาจอยูในขั้น ตระเตรีมการกระทําผิดหรือกําลังจะกอเหตุอันตรายประการอื่น เมื่อจับกุมตัวผูกระทําความผิด สงพนักงานสอบสวนแลว พนักงานสอบสวนตองนําตัวผูถูกจับยื่นฟองตอพนักงานอัยการภายใน สี่สิบแปดช่ัวโมง เพ่ือใชวิธีการเพื่อความปลอดภัย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔๖ และพระราชบัญญัตใิ หใชประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๔๙๙ มาตรา ๗ ÁÕàËμØÍÍ¡ËÁÒ¨ѺºØ¤¤Å¡Ã³Õà˧´‹Ç¹ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖(๒) แตมีความจําเปนเรงดวนท่ีไมอาจขอใหศาลออกหมายจับบุคคลน้ันได ความจําเปน เรงดวนทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั นน้ั ตอ งมเี ง่อื นไข ดงั นี้ (๑) มีหลกั ฐานตามสมควรวาผนู ้ันนาจะกระทําความผดิ อาญา (๒) มีเหตุอันควรเช่ือวาจะหลบหนี หรือจะไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐานหรือกอเหตุ อนั ตรายประการอื่น (๓) ตองมีความจําเปนเรง ดว นไมอ าจขอใหศาลออกหมายจับบุคคลน้นั ได ¨Ñº¼ÙŒμŒÍ§ËÒËÃ×ͨíÒàÅ·Õè˹ջÃСѹã¹ÃÐËNjҧ¶Ù¡»Å‹ÍªèÑǤÃÒÇ ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘(๔) หรือมาตรา ๑๑๗ การจับผูตองหาในกรณีนี้จะกระทําได กต็ อ เม่อื (๑) เม่ือผูตองหาหรือจําเลยหนีหรือจะหลบหนีใหพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ทีพ่ บการกระทาํ ดังกลา วมอี ํานาจจบั ผูตองหาหรอื จําเลยน้ันได
๙๕ (๒) แตในกรณีท่ีบุคคลซึ่งทําสัญญาประกันหรือเปนหลักประกันเปนผูพบเห็น การกระทําดงั กลาว อาจขอใหพนกั งานฝายปกครองหรือตาํ รวจท่ใี กลท ส่ี ุดจบั ผตู องหาหรือจาํ เลยได (๓) ถาไมสามารถขอความชวยเหลือจากเจาพนักงานไดทันทวงที ก็ใหมีอํานาจ จับผูต อ งหาหรอื จําเลยไดเ องแลวสงไปยังพนกั งานฝา ยปกครองหรือตาํ รวจทใี่ กลท ส่ี ดุ ๔) และใหเจาพนักงานนั้นรีบจัดสงผูตองหาหรือจําเลยไปยังเจาพนักงานหรือศาล โดยคดิ คาพาหนะจากบุคคลซงึ่ ทาํ สัญญาประกนั หรือเปน หลักประกนั นนั้ ¡ÒèºÑ ¢Í§ÃÒɮà ในการจับน้นั ราษฎรจะสามารถจบั ผูตองหาโดยไมม หี มายได ดวยเหตุ ดังตอไปน้ี (๑) เจาพนักงานขอใหช ว ยจับ (๒) จบั ผูก ระทําความผิดซงึ่ หนา ตามความผิดท่ีไดระบไุ วในบญั ชที ายประมวลกฎหมาย วธิ พี ิจารณาความอาญา เม่ือจับตัวผูตองหาไดแลว กรณีเปนการจับโดยเจาพนักงาน ณ สถานท่ีจับตามประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓ และ ๘๔ (๑) ตองแจงแกผถู ูกจบั วา เขาตองถูกจบั (๒) ถามีหมายจับใหแสดงหมายจับตอผถู กู จับ (๓) แจง ขอ กลาวหาใหผ ูถูกจับทราบ (๔) แจงสทิ ธิใหผ ูถูกจับทราบวา (๔.๑) มสี ทิ ธิทีจ่ ะใหการหรือไมใหก ารกไ็ ด (๔.๒) ถา ใหก าร ถอ ยคาํ ทใี่ หก ารนนั้ อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดไี ด (๔.๓) มีสทิ ธิท่ีจะพบและปรึกษาทนายความหรือผูซ่งึ จะเปน ทนายความ (๕) สั่งใหผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีที่ถูกจับพรอมดวยผูจับ เวน แตสามารถนําไปทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวนผรู ับผิดชอบ ¢ŒÍ¤ÇÃÃÐÇ§Ñ กรณคี วามผิดตามพระราชบัญญตั จิ ราจร เจา หนา ท่ีตํารวจจับกมุ ตัวผูกระทํา ความผิดไมไ ด หากผูกระทาํ ความผดิ ขดั ขนื ไมไปพบพนกั งานสอบสวนใหอ อกใบส่ัง (๖) ถา จําเปน ก็ใหจบั ตัวไป (๗) ถา ผถู กู จบั ขดั ขวางการจบั หรอื หนหี รอื พยายามจะหลบหนี ผทู าํ การจบั มอี าํ นาจใชว ธิ ี หรือการปองกนั ท้ังหลายเทาที่เหมาะสมพฤตกิ ารณแ หง เร่ืองการจบั น้นั
๙๖ *ถา มกี ารตอ สขู ดั ขนื จะมคี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ *ถามีการทํารายรางกายเจาพนักงานจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๒, ๒๗๔ (๘) ถา ผถู ูกจบั ประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซงึ่ ตนไววางใจทราบถงึ การจบั กมุ ซง่ึ (๘.๑) สามารถดําเนนิ การไดโดยสะดวกและ (๘.๒) ไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผูถูกจับ หรือกอใหเกิดความไม ปลอดภยั แกบ คุ คลหน่งึ บุคคลใด (๙) ใหเจาพนักงานอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควรแกกรณี และให เจา พนักงานผจู บั น้นั บนั ทึกการจับดังกลาวไวดวย (๑๐) ถาผถู กู จบั ไดรับบาดเจบ็ เจา พนักงานผจู บั จะจดั การพยาบาลผถู กู จบั เสยี กอนนําตวั สง พนกั งานสอบสวนก็ได (๑๑) ถอ ยคาํ ใดๆ ทผี่ ถู กู จบั ใหไ วต อ เจา พนกั งานผจู บั หรอื พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ในช้ันจบั กมุ ถาถอยคาํ นน้ั เปน คาํ รบั สารภาพของผถู กู จบั วาตนไดก ระทาํ ความผดิ หามมใิ หรบั ฟงเปน พยานหลกั ฐาน (๑๒) แตถาเปนถอยคําอื่น จะรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจนความผิด ของผูถูกจับไดก็ตอเม่ือไดมีการแจงสิทธิตามวรรคสองของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓ แกผ ถู กู จบั ¡ÒèºÑ â´Âà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹μÒÁ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ øô (๑) ใหผ จู ับแจงขอกลา วหาและรายละเอยี ดเกี่ยวกบั เหตุแหง การจับใหผ ูถกู จบั ทราบ (๒) ถามหี มายจบั ใหแจง ผูถ กู จบั ทราบและอานหมายจบั ใหฟ ง (๓) ถายงั ไมไ ดเ ขียนบนั ทกึ การจบั ใหเ ขยี นบันทกึ การจบั ¢ÍŒ ¤ÇÃÃÐÇѧ เจาพนกั งานทไี่ มไดร ว มจบั กุม น่ังอยูใ นหอ งแอรแตมารว มลงชื่อในบันทกึ การจบั กมุ ถอื วา เปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ ผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ แตบ นั ทกึ การจบั กมุ น้ันไมเสียไป สามารถใชเปนพยานหลักฐานลงโทษผูกระทําผิดในชั้นศาลไดเพราะมีการจับจริง (โปรดดูแนวคําพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๒๖๑๒/๒๕๔๓) ใหอานบันทึกการจับกุมใหผูถูกจับฟง และถามีขอความใดเขียนผิดใหขีดฆาแลวเขียนใหมและใหเจาพนักงานลงช่ือกํากับตรงบรรทัดน้ัน แตถ า มกี ารแตง เตมิ หรอื เพมิ่ ถอ ยคาํ ใหเ จา พนกั งานลงชอื่ กาํ กบั ตรงตาํ แหนง ทแี่ ตง เตมิ หรอื เพม่ิ เตมิ ถอ ยคาํ นนั้ ทกุ แหง ในระหวา งทดี่ าํ เนนิ การยงั ไมเ สรจ็ สน้ิ น้ี เจา พนกั งานผจู บั มอี าํ นาจแกไ ขบนั ทกึ นน้ั ใหถกู ตองได แตเ ม่อื มกี ารสง มอบบันทกึ การจับกมุ น้ีใหพนกั งานสอบสวนแลว จะมาแกไ ขเพิ่มเตมิ ไมได ถา ทาํ มีความผิดฐานปลอมเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา
๙๗ (๔) มอบสําเนาบนั ทกึ การจบั ใหผ ูถกู จับนน้ั จํานวน ๑ ฉบบั ¢ŒÍ¤ÇÃÃÐหÇา§Ñ(๔กไ)มมมออบบสสําําเเนนาาบบันันททกึึกกกาารรจจับับใหมผีผถู ลูกดจังบั ตนอนั้ไปจนํานี้ เวจนาพ๑นฉักบงาบั นผูจับมีความผิดฐานละเวน การปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ เจาพนักงานผูจับกระทํา ละเมดิ ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๔๒๐ ผถู กู จบั อาจฟอ งเรยี กคา สนิ ไหมทดแทน ทางแพงได และเจาพนักงานผูจับมีความผิดทางวินัยดวย ในกรณีท่ีเจาหนาที่ตํารวจไดใหผูถูกจับ ลงลายมอื ชอื่ ไวเ ปน หลกั ฐานวา (ไดร บั มอบสาํ เนาบนั ทกึ การจบั กมุ ไวแ ลว ) แตค วามจรงิ ไมไ ดม อบให ถือไดวาเจาพนักงานไมไดมอบสําเนาบันทึกดังกลาว เพราะเจาพนักงานไมมีการกระทําในเร่ืองนี้ จรงิ แตอยา งใด (๕) ใหสงตัวผูถูกจับแกพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจของที่ทําการพนักงานสอบสวน นั้น (๖) ถอยคําใดๆ ที่ผูถูกจับใหไวตอเจาพนักงานผูจับ หรือพนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจในชั้นรับมอบตัวผูถูกจับ ถาถอยคําน้ันเปนคํารับสารภาพของผูถูกจับวาตนไดกระทํา ความผิดหา มมิใหร ับฟงเปน พยานหลักฐาน (๗) แตถาเปนถอยคําอื่น จะรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจนความผิด ของผูถูกจับไดก็ตอเมื่อไดมีการแจงสิทธิตามวรรคหน่ึงของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๔ ¡ÒèºÑ â´ÂÃÒɮà ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓ และ ๘๔ ¡Òû¯ÔºÑμÔ แจง ณ สถานท่ีจับ กรณีจับโดยราษฎร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๓ (๑) แจง แกผทู ี่จะถกู จับวาเขาตองถูกจบั (๒) สั่งใหผูถูกจับไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองที่ท่ีถูกจับพรอมดวยผูจับ เวน แตสามารถนาํ ไปทที่ ําการของพนกั งานสอบสวนผรู ับผดิ ชอบ (๓) ถาจาํ เปน กใ็ หจ ับตวั ไป (๔) ถาผูจับขัดขวาง หรือจะขัดขวางการจับหรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ผจู บั มีอํานาจใชวธิ หี รอื การปอ งกนั ทั้งหลายเทาทเ่ี หมาะสมแกพฤติการณแ หง เรือ่ งในการจับนน้ั (๕) ถา ผถู กู จบั ไดร บั บาดเจบ็ ราษฎรผทู าํ การจบั จะจดั การพยาบาลผถู กู จบั เสยี กอ นนาํ ตวั สง พนกั งานสอบสวนกไ็ ด ¡Òû¯ÔºÑμÔ แจง ณ ที่ทําการของพนักงานสอบสวน กรณีจับโดยราษฎร ตามประมวล กฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๔ (๑) ใหสงตัวผูถูกจับแกพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจของที่ทําการพนักงานสอบสวน น้นั
๙๘ (๒) ใหพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ซ่ึงรับมอบตัวผูถูกจับเขียนบันทึกการจับ โดยบนั ทกึ ช่อื อาชพี ทอี่ ยูของผจู บั อีกท้ังขอ ความและพฤตกิ ารณแหง การจับน้ันไว (๓) ใหผูจ ับลงลายมือชอื่ ในบันทึกการจบั ไวเ ปน สําคญั (๔) ใหพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ แจงขอกลาวหาและรายละเอียดแหงการจับ ใหผูถกู จบั ทราบ (แจง คร้ังเดียว) (๕) ใหเ จา พนักงานผูรบั มอบตัวแจงสทิ ธิใหผ ถู ูกจบั ทราบวา (๕.๑) มสี ิทธิทีจ่ ะใหก ารหรอื ไมใหการกไ็ ด (๕.๒) ถา ใหก าร ถอ ยคาํ ของผถู กู จบั อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดไี ด (๖) เมื่อสงตัวผูถูกจับใหแกพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจของท่ีทําการของพนักงาน สอบสวนดงั กลา วแลว ใหพ นกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ มผี นู าํ ผถู กู จบั มาสง แจง ใหผ ถู กู จบั ทราบ ถึงสทิ ธิตามทีก่ าํ หนดไวในประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ (๗) รวมทั้งจัดใหผูถูกจับสามารถติดตอกับญาติหรือผูซึ่งผูถูกจับไววางใจ เพื่อแจง ใหทราบถงึ การจับกุมและสถานท่ีทถ่ี กู ควบคุมไดในโอกาสแรกเมอ่ื ผูถ ูกจบั มาถงึ พนักงานสอบสวน (๘) หรอื ถา กรณผี ถู กู จบั รอ งขอใหพ นกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจเปน ผแู จง กใ็ หจ ดั การ ตามคํารอ งขอนนั้ โดยเร็ว (๙) และใหพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจบันทึกไว ในการนี้มิใหเรียกคาใชจายใดๆ จากผถู กู จับ ¢ŒÍáμ¡μ‹Ò§¢Í§¡ÒèºÑ â´Âà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹áÅСÒèѺâ´ÂÃÒɮà ปรากฏดงั ตารางตอ ไปน้ี ลาํ ´Ñº ÊÒÃÐสํา¤ÞÑ การจบั โดยเจาพนกั งาน การจับโดยราษฎร ๑. การแจงขอกลาวหา ๒ ครง้ั คอื สถานทจี่ บั และทท่ี าํ การ ๑ ครัง้ คอื ทที่ าํ การของ ของพนักงานสอบสวน พนกั งานสอบสวน ๒. การแจงสทิ ธิ แจง ๓ ขอ แจง ๒ ขอ ๓. การลงชอื่ ในบนั ทึก - จะใหการหรือไมก ็ได - จะใหการหรอื ไมก ไ็ ด - ถอ ยคาํ ทใ่ี หอาจใชเปน พยาน - ถอ ยคําทใ่ี หอ าจใชเปน การจบั กมุ หลกั ฐานในชั้นศาลได พยานหลกั ฐานในชน้ั ศาลได - มีสิทธทิ ี่จะพบและปรึกษา ราษฎรมีอาํ นาจ ทนายความ ลงชอ่ื ในบันทกึ การจบั กุม เจาพนักงานผไู มไ ดจบั ลงช่อื ในบนั ทึกการจับกมุ ไมได
๙๙ ลํา´Ñº ÊÒÃÐสาํ ¤ÑÞ การจบั โดยเจาพนักงาน การจบั โดยราษฎร ๔. การแจงสิทธชิ ัน้ ผูจ บั และผูรับมอบตวั เปน คน ผูรบั มอบตวั มีหนา ที่เขยี น ละคนกนั ผรู บั มอบตัวมหี นา ท่ี บนั ทกึ การจบั กมุ และแจง สทิ ธิ รบั มอบตวั แจงสิทธิชน้ั รับมอบตวั ชั้นรบั มอบตัวดวย ๕. การมอบสาํ เนาบันทึก ตอ งมอบสําเนา ไมต องมอบสาํ เนา การจบั กุม ¡ÒèѺ¾ÃÐÀ¡Ô ÉÊØ ÒÁà³Ã ËÅÑ¡¡Òà กรณีที่พระภิกษุสามเณรกระทําความผิดอาญา เจาหนาที่ตํารวจสามารถทําการจับกุมได เชนเดียวบุคคลทั่วไป ไมมีกฎหมายใดหามมิใหจับกุมพระภิกษุดังกลาว แตพึงระลึกเสมอวาพระภิกษุ สามเณรเปนท่ีเคารพกราบไหวของพุทธศาสนิกชน การกระทําใดๆ ตอพระภิกษุสามเณรน้ันจะตอง กระทาํ ดว ยความเคารพสุภาพ และออนโยนในทุกกรณแี ละตอ งคาํ นึงถงึ หลกั สทิ ธิมนษุ ยชนดว ย á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºÑμÔ (๑) นอกจากเจาหนาที่ตํารวจจะสามารถจับกุมพระภิกษุสามเณรไดนอกเหนือ จากการกระทาํ ผดิ ทางอาญาแลว เจา หนา ทต่ี าํ รวจยงั สามารถจบั กมุ พระภกิ ษสุ ามเณรทล่ี ะเมดิ พระพทุ ธ บัญญัติประถมปาราชิกอีกสวนหน่ึง และควบคุมตัวสงมอบใหกับสํานักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ เพอ่ื ดําเนินการตอไป แตก ็ตอ งกระทําดวยความเคารพและสภุ าพออ นโยนทกุ กรณี (๒) เจาหนาท่ีตํารวจสามารถท่ีจะนําพา หรือพาตัวพระภิกษุสามเณรไปสงมอบ ใหแกเจาคณะทองถ่ินดําเนินการตอไปได กรณีท่ีพระภิกษุสามเณรนั้นไมเอ้ือเฟอปฏิบัติตามอาณัติ ของคณะสงฆดวยดี แตก็ตองกระทําดวยความเคารพและสุภาพออนโยนเชนเดิม การไมเอ้ือเฟอ ตอ อาณัตขิ องคณะสงฆด ังกลา วไดแ ก (๒.๑) การเทยี่ วเตร็ดเตร เปนพระจรจัดเปน พระไมม หี ลกั แหลง (๒.๒) การฉนั ยาทีม่ คี ติเหมือนสุราเมรัย (๒.๓) การเทย่ี วแทรกแซงในทชี่ มุ ชน คอื เท่ยี วดูการเลน ดูการกฬี าหรือการมหรสพ ในสถานทีต่ างๆ ปะปนกับประชาชน (๒.๔) การไมใหไปท่ีอโคจร คือ การเท่ียวไปในท่ีประชุมเกี่ยวกับการมหรสพ หรอื กระบวนแห หรือเขา ไปในทอ่ี โคจรเทย่ี วเบยี ดเสียดกับคฤหัสถใ นงานตางๆ (๒.๕) การฉันนมสด นมขนและเนยในเวลาวิกาล คือ เที่ยงวันลวงไปแลวจนถึง เชา ตรูวนั รุงขน้ึ แมจ ะใชเ จือปนในนํ้าชาหรอื กาแฟกไ็ มค วร
๑๐๐ (๒.๖) การฉนั น้าํ มหาผลในเวลาวกิ าล ซ่งึ ไดแก นํา้ มะพรา ว เปนตน ตง้ั แตเทย่ี งวัน ลวงไปจนถึงเชาตรูข องวันรุงข้ึน (๒.๗) การไมใ หส อบแขงขนั เพือ่ รับราชการและการอาชีพอยางคฤหสั ถ (๒.๘) การเทีย่ วสัญจรขอเงินชาวบาน และ (๒.๙) การจดสลากกินแบงและซือ้ หรอื มสี ลากกินแบง ไวเปนของตัว ถาเปนความผิดเล็กนอย ๙ ประการนี้ ใหจัดสงคณะสงฆพิจารณา เจาคณะตางๆ เปนผูดําเนินสึกตอไป แตหากวาเปนความผิดรายแรง เจาคณะตางๆ ส่ังใหสึก แตถาหากขัดขืน ไมยอมสึกใหดําเนินคดีอีกฐานหนึ่งได มีความผิดจําคุกไมเกินหกเดือน (พระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ.๒๕๐๕ หมวดท่ี ๔ “วาดวยนคิ หกรรมและการสละสมณเพศ” มาตรา ๔๒) ¡ÒèºÑ à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹ ËÅÑ¡¡Òà โดยทว่ั ไปแลว หา มมิใหจบั กุมเดก็ ซ่งึ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ เวน แตเ ดก็ น้ันไดก ระทําผดิ ซ่ึงหนา หรอื มหี มายจบั หรอื คาํ ส่ังของศาล สว นการจบั กุมเยาวชนน้ันใหเ ปน ไปตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญาและพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว มาตรา ๖๖ á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºμÑ Ô (๑) ตองแจง แกเดก็ หรอื เยาวชนวา เขาตอ งถูกจบั (๒) แจงขอกลา วหา รวมท้ังสิทธติ ามกฎหมายใหท ราบ (๓) หากมหี มายจับใหแ สดงตอ ผถู กู จบั (๔) กอนสงตัวผูถูกจับใหพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีท่ีถูกจับใหเจาพนักงานทําบันทึก การจับกุม โดยแจง ขอกลาวหาและรายละเอียดเหตุแหงการถูกจบั แตห ามมิใหถามคําใหก ารผูถูกจบั (๕) นําตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทีท่ ําการของพนกั งานสอบสวนทนั ที (๖) ถาขณะจับกุมมีบิดา มารดา ผูปกครอง บุคคลหรือผูแทนองคการซ่ึงเด็ก หรอื เยาวชนอาศยั อยดู วยในขณะน้นั ใหผูจ บั แจงเหตุแหง การจบั ใหบุคคลดงั กลาวทราบดว ย แตถ าใน ขณะนนั้ ไมม บี คุ คลดงั กลา วอยกู บั ผถู กู จบั ใหผ จู บั แจง ใหบ คุ คลดงั กลา วคนใดคนหนง่ึ ทราบถงึ การจบั กมุ ในโอกาสแรกเทาทีส่ ามารถกระทาํ ได (๗) หากผูถูกจับกุมประสงคจะติดตอส่ือสารหรือปรึกษาหารือกับบุคคลเหลาน้ัน ซึ่งไมเปนอุปสรรคตอการจับกุมและอยูในวิสัยที่จะดําเนินการได ใหผูจับดําเนินการตามควรแกกรณี โดยไมช กั ชา (๘) การจับกุมเด็กหรือเยาวชนตองกระทําโดยละมุนละมอม โดยคํานึงถึงศักดิ์ศรี ความเปนมนุษยและไมเ ปน การประจาน (๙) ในกรณีที่พนักงานสอบสวนไดรับตัวเด็กหรือเยาวชนซ่ึงถูกจับ ใหพนักงานสอบสวน นําตัวเด็กหรือเยาวชนไปศาลเพื่อตรวจสอบการจับกุมทันที ภายในย่ีสิบสี่ช่ัวโมงนับต้ังแตเวลาที่เด็ก หรือเยาวชนไปถึงทีท่ าํ การของพนกั งานสอบสวนผูร บั ผิดชอบ ไมน ับเวลาเดินทาง
๑๐๑ ¢ŒÍ¤ÇÃÃÐÇ§Ñ ๑) หามควบคมุ เด็กหรอื เยาวชนผูถูกจบั เกนิ กวาท่ีจาํ เปน ๒) หา มใชเ ครอื่ งพนั ธนาการแกเ ดก็ ผถู กู จบั เวน แตม คี วามจาํ เปน เพอื่ ปอ งกนั การหลบหนี หรอื เพ่ือความปลอดภัยของเด็ก ผูถ กู จับหรอื บุคคลอื่น ò. ¡Ò乌 ËÅ¡Ñ ¡Òà การคนตัวบุคคลหรือการกระทําการใดอันกระทบตอสิทธิและเสรีภาพ กลาวคือ สิทธิเสรีภาพในชีวิตและรางกายที่จะไมถูกทรมาน ถูกทารุณกรรมหรือถูกลงโทษดวยวิธีการโหดราย หรือไรมนุษยธรรม จะกระทํามิไดเวนแตมีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๘ วรรคสาม á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºμÑ Ô เจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจเทา นนั้ ทม่ี อี าํ นาจในการคน ได การคน มี ๒ กรณี คือ การคน โดยมีหมายคน และการคนโดยไมมหี มายคน ¡Ò䌹â´ÂäÁ‹ÁÕËÁÒ¤Œ¹ โดยทั่วไปแลวจะไมสามารถกระทําได เวนแตพนักงาน ฝายปกครองหรอื ตํารวจเปนผคู น ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๒ ในกรณี ดงั ตอ ไปน้เี ทานนั้ ¡Ò䌹â´ÂÁÕËÁÒ¤Œ¹ เหตุท่ีจะออกหมายคน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๖๙ ได คอื (๑) เพื่อพบและยึดส่ิงของซ่ึงจะเปนพยานหลักฐานประกอบการสอบสวนไตสวน มลู ฟอ ง หรอื พจิ ารณา (๒) เพื่อพบและยึดส่ิงของมีไวเปนความผิดหรือไดมาโดยผิดกฎหมาย หรือมีเหตุ อนั ควรสงสยั วาไดใชห รอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทําความผดิ (๓) เพื่อพบและชวยบคุ คลซ่งึ ไดถ กู หนวงเหน่ียว หรอื กักขังโดยมิชอบดว ยกฎหมาย (๔) เพ่ือพบบคุ คลซงึ่ มีหมายใหจับ (๕) เพอื่ พบและยดึ สง่ิ ของตามคาํ พพิ ากษาหรอื คาํ สง่ั ศาล ในกรณที จ่ี ะพบหรอื จะยดึ โดยวิธีอืน่ ไมไ ดแ ลว ¡Ò䌹 ẋ§μÒÁʶҹ·èÕ มี ๒ ประเภท คือ (๑) การคนในท่ีสาธารณะ (๒) และการคนทร่ี โหฐาน
๑๐๒ ¡Ò䌹㹷ÕèÊÒ¸ÒóРËÅÑ¡¡Òà (๑) หา มมใิ หท าํ การคน บคุ คลใดในทส่ี าธารณสถาน เวน แตเ จา พนกั งานฝา ยปกครอง หรอื ตาํ รวจเปน ผคู น ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๓ เมอ่ื มเี หตอุ นั ควรสงสยั ดงั น้ี (๒) มเี หตอุ นั ควรสงสยั วา บคุ คลนนั้ มสี งิ่ ของในความครอบครองเพอ่ื จะใชใ นการกระทาํ ความผิด (๓) มเี หตอุ นั ควรสงสยั วา บคุ คลนน้ั มสี ง่ิ ของในความครอบครองซงึ่ ไดม า โดยการกระทาํ ความผดิ (๔) มเี หตอุ นั ควรสงสยั วา บคุ คลนน้ั มสี งิ่ ของในความครอบครองซง่ึ มไี วเ ปน ความผดิ á¹Ç·Ò§¡Òû¯ÔºÑμÔ (๑) กอนการตรวจคนแสดงความบริสุทธิ์ใจของผูตรวจคน ใหผูถูกคนดูกอนลงมือ ตรวจคน (๒) การคน ผูหญงิ ตอ งใหเ จา หนา ท่ตี ํารวจหญงิ เปน ผูตรวจคน (๓) หากคนพบสิ่งของในความครอบครองซึ่งใชในการกระทําความผิด ไดมาโดย การกระทําความผิดหรือมีไวเปนความผิดใหทําบันทึกรายละเอียดแหงการคนและสิ่งของที่คนได และใหอานบันทึกการคน ใหผ ถู กู คนฟงและใหลงลายมือชอ่ื รับรองไว (๔) หากมกี ารขดั ขวางมยิ อมใหต รวจคน เจา พนกั งานผคู น มอี าํ นาจเอาตวั ผนู นั้ ควบคมุ ไวหรือใหอยูในความดูแลของเจาพนักงานในขณะท่ีทําการคนเทาท่ีจําเปน เพ่ือมิใหขัดขวางถึงกับ ทาํ ใหก ารคน นัน้ ไรผ ล ¢ŒÍ¤ÇÃÃÐÇѧ การท่ีเจาหนาท่ีพบเห็นผูตองหามีพฤติการณอันควรสงสัยวาจะกระทําความผิด และพาอาวธุ ปน ติดตวั ไปในเมืองโดยไมไ ดร ับอนญุ าต ซึง่ เปน ความผิดซงึ่ หนา แมจ ะไมมีหมายจบั แตไ ดแ สดงตวั วา เปน เจา พนกั งานตาํ รวจใหผ ตู อ งหาทราบแลว จงึ มอี าํ นาจตรวจคน และจบั ผตู อ งหาได ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘(๑) (๓) และมาตรา ๙๓ การทผี่ ูตองหา ใชมือกดอาวุธปนไมใหเจาพนักงานที่ดึงออกมาจากเอวเพ่ือยึดเปนของกลาง จึงเปนการขัดขวาง เจาพนักงานในการปฏิบัติตามหนาที่โดยใชกําลังประทุษราย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ วรรคสอง (แนวคาํ พพิ ากษาศาลฎีกาท่ี ๓๙๑๒/๒๕๓๙)
๑๐๓ ¢ŒÍ¤ÇÃÃÐÇѧ การคนในที่สาธารณสถานไมมีการจํากัดเวลาในการคน สามารถคนในเวลากลางคืนได และการคนในท่ีสาธารณสถานไมจําเปนตองมีหมาย นอกจากน้ันยังไมจํากัดวาผูทําการคน ตอ งเปน พนกั งานตาํ รวจตาํ แหนง ใด แตก ารคน จะตอ งมเี หตผุ ลอนั สมควรและอยใู นขอบเขตทไ่ี มก อ ความเดอื ดรอ นราํ คาญใหก บั ประชาชน โดยใหพ ยายามปฏบิ ตั ใิ นหลกั การทาํ นองเดยี วกนั กบั การคน ในทร่ี โหฐานเทา ที่สามารถจะปฏบิ ตั ไิ ด (วรี พล กุลบุตร, ๒๕๕๐) ¡Ò乌 ã¹·ÃèÕ â˰ҹËÃÍ× ¤¹Œ ºŒÒ¹ ËÅ¡Ñ ¡Òà ทรี่ โหฐาน คอื สถานทีส่ ว นตัว ทบ่ี คุ คลท่วั ไปหรือประชาชนจะเขาออกตามอําเภอใจ ไมได เชน บานพักอาศัย คือ หามมิใหคนในที่รโหฐาน โดยไมมีหมายคนหรือคําสั่งของศาลเวนแต พนกั งานฝายปกครองหรือตาํ รวจเปนผคู นตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๒ ในกรณีดังตอ ไปนี้ (๑) เมื่อมีเสียงรองใหชวยมาจากขางในท่ีรโหฐานนั้น หรือมีเสียงหรือมีพฤติการณ อนื่ ใดอันแสดงไดวามีเหตุรา ยเกิดขึน้ ในท่ีรโหฐานน้นั (๒) เมอ่ื ปรากฏความผดิ ซึง่ หนากาํ ลังกระทาํ ลงในทร่ี โหฐาน (๓) เมื่อบุคคลท่ีไดกระทําความผิดซ่ึงหนา ขณะท่ีถูกไลจับหนีเขาไป หรือมีเหตุ อนั แนน แฟน อนั ควรสงสยั วา ไดเ ขา ไปซกุ ซอ นตวั อยใู นทร่ี โหฐานนนั้ เชน สมศกั ด์ิ ลกั ทรพั ยแ ลว หลบหนไี ป ตํารวจเห็นเหตุการณในขณะลัก จึงวิ่งไลจับเพื่อจะจับแตสมศักด์ิว่ิงหลบหนีเขาไปในบานวิทยาเสีย ตํารวจติดตามเขาไปในบานนั้นเพื่อคนและจับสมศักดิ์ได แตถาตํารวจว่ิงไลหางไปหนอย ทําให คลาดสายตาตํารวจไปช่ัวระยะเวลาหน่ึง และเมื่อไลติดตามไป ปรากฏวาเห็นวามีบานอยูบริเวณนั้น เพยี งหลงั เดยี ว และสมศกั ดหิ์ ายไปเชน นี้ ถอื วา มเี หตอุ นั แนน แฟน ควรสงสยั วา สมศกั ดไ์ิ ดเ ขา ไปซกุ ซอ น ตวั อยใู นบา นนน้ั ตาํ รวจกเ็ ขา ไปทาํ การคน เพื่อจบั ได แมจ ะไมเหน็ ขณะท่วี ง่ิ เขาไปในบาน (๔) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรวาส่ิงของท่ีมีไวเปนความผิดหรือไดมา โดยการกระทาํ ความผดิ หรือไดใชห รอื มไี วเ พือ่ ใชในการกระทําความผิด หรอื อาจเปน พยานหลกั ฐาน พสิ จู นก ารกระทาํ ความผดิ ไดซ อ นหรอื อยใู นนนั้ ประกอบกบั ตอ งมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา เนอ่ื งจากการเนน่ิ ชา กวาจะเอาหมายคนมาได สง่ิ ของนน้ั จะถูกโยกยายหรือทําลายเสยี กอน (๕) เม่ือท่ีรโหฐานนั้นผูจะตองถูกจับเปนเจาบาน และการจับนั้นมีหมายจับ หรอื จบั ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๘ ผตู อ งถกู จบั เปน เจา บา น ไมใ ชค นอนื่ ที่หลบหนีมาซุกซอนอยู คนใชหรอื ญาติอน่ื ทีอ่ าศยั อยูก็ไมเ ขา ขอนี้ เจาบา นหมายถงึ ผเู ปนหวั หนา ของ บุคคลท่ีพักอาศัยอยูในบานหลังนั้นและรวมตลอดถึงคูสมรสของผูเปนหัวหนาเทาน้ัน เพราะบุคคล
๑๐๔ ดังกลาวเปนผูรับผิดชอบในการครอบครองบานและปกครองผูอยูอาศัยในบานหลังน้ัน หาไดรวมถึง ผอู ยใู นบานทกุ คนไม ¡Ã³ÕμÑÇÍÂÒ‹ § จําเลยอยูในฐานะบุตร มิไดอยูในฐานะเจาบานการที่ผูเสียหายกับพวกเขาไปจับกุม จําเลยในบานดังกลาวตามหมายจับแตไมมีหมายคน เปนการจับกุมโดยไมชอบ จําเลยจึงชอบท่ีจะ ปอ งกนั สทิ ธขิ องตนได หากจาํ เลยชกตอ ยผเู สยี หายจรงิ กเ็ ปน การกระทาํ เพอ่ื ปอ งกนั ไมม คี วามผดิ ฐาน ตอสูขดั ขวางเจา พนักงาน (คาํ พพิ ากษาฎกี าที่ ๑๐๓๕/๒๕๓๖) á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºμÑ Ô (๑) ใหพ นกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจสงั่ ใหเ จา ของหรอื คนทอ่ี ยใู นนน้ั หรอื ผรู กั ษา สถานที่น้ันใหยอมใหเขาไปและอํานวยความสะดวกในการคน โดยพนักงานผูคนตองแสดงหมายคน ถา เปนการคน ไดโดยไมมหี มายคน ตอ งแสดงนามและตําแหนง (๒) เจา ของหรอื คนทอี่ ยใู นนนั้ หรอื ผรู กั ษาสถานทไ่ี มย อมใหค น เจา พนกั งานมอี าํ นาจ จะใชก าํ ลงั เพอื่ เขา ไป ในกรณจี าํ เปน จะเปด หรอื ทาํ ลายประตบู า น หนา ตา ง รว้ั หรอื สง่ิ กดี ขวางอยา งอนื่ ทาํ นองเดียวกนั นน้ั ก็ได (๓) กอนลงมือคน เจาพนักงานผูคนตองแสดงความบริสุทธ์ิเสียกอน และใหคน ตอหนาผูครอบครองสถานที่หรือบุคคลในครอบครัวของผูนั้น ถาหาไมไดก็ตองคนตอหนาบุคคลอ่ืน อยา งนอ ยสองคน ท่ไี ดม าเปน พยาน (๔) การคนหาสิ่งของที่หาย จะใหเจาของหรือผูครอบครองส่ิงของนั้นหรือผูแทน ของเขาไปกับเจา พนกั งานในการคนก็ได (๕) การคนตองกระทําระหวา งพระอาทิตยข ้นึ และตก เวน แต (๕.๑) เมอ่ื ลงมอื คนในเวลากลางวนั แลวไมเสร็จ จะคนตอในเวลากลางคนื กไ็ ด (๕.๒) ในกรณีฉุกเฉินอยางยิ่ง หรือมีกฎหมายอ่ืนบัญญัติใหคนไดเปนพิเศษ จะทําการคนในเวลากลางคืนก็ได เชน กรณี มาตรา ๓๐(๑) ของพระราชบัญญัติคุมครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อวา หากไมดําเนินการในทันทีเด็กอาจไดรับอันตรายแกรางกาย หรือจิตใจ หรือถูกนําพาไปสถานท่ีอ่ืนซึ่งยากแกการติดตามชวยเหลือ ก็ใหมีอํานาจเขาไปในเวลา ภายหลังพระอาทิตยตกได (๖) การคนเพื่อจับผูดุรายหรือผูรายสําคัญจะทําในเวลากลางคืนก็ได แตตองไดรับ อนญุ าตพิเศษจากศาล (๗) การคนจะคนไดเฉพาะเพ่ือหาตัวคนหรือสิ่งของที่ตองการคนเทาน้ัน แตมี ขอ ยกเวน ดังนี้ (๗.๑) ในกรณีที่คนหาส่ิงของโดยไมจํากัดส่ิง เจาพนักงานผูคนมีอํานาจยึด สง่ิ ของใดๆ ซ่งึ นาจะใชเ ปนพยานหลกั ฐานเพ่ือเปน ประโยชน หรอื ยนั ผูตองหาหรือจาํ เลย
๑๐๕ (๗.๒) เจาพนักงานซ่ึงทําการคนมีอํานาจจับกุมบุคคล หรือส่ิงของอื่นในท่ีคน นั้นไดเ มื่อมีหมายคนอกี ตา งหากหรือในกรณีความผดิ ซ่งึ หนา (๘) ในการคน เจา พนกั งานตอ งพยายามมใิ หม กี ารเสยี หาย และกระจดั กระจายเทา ท่ี จะทาํ ได (๙) ถามีเหตุอันควรสงสัยวา บุคคลซ่ึงอยูในท่ีซึ่งคนหรือจะถูกคน จะขัดขวาง ถึงกบั ทําใหการคนไรผล เจาพนกั งานคนมอี าํ นาจเอาตัวผูนัน้ มาควบคุมไว หรือใหอ ยูใ นความดูแลของ เจา พนกั งานในขณะที่ทาํ การคนเทาทจ่ี าํ เปน เพอื่ มิใหข ัดขวางถงึ กับการทําใหการคนนัน้ ไรผ ล (๑๐) ถามีเหตุอันควรสงสัยวา บุคคลท่ีจะคนน้ันไดเอาสิ่งของที่ตองการพบซุกซอน ในรางกาย เจาพนักงานผูคนมีอํานาจคนตัวผูนั้นได เชนเดียวกับพนักงานผูจับหรือรับตัวผูถูกจับไว ท่ีมีอํานาจคนตัวผูตองหาและยึดสิ่งของตางๆ ที่อาจใชเปนพยานหลักฐานได แตการคนตอง กระทําการดงั น้ี (๑๐.๑) การคนตอ งทําโดยสุภาพ ถาคนผหู ญงิ ตองใหหญงิ อน่ื เปน ผูคน (๑๐.๒) สิ่งของที่ยึดไว เจาพนักงานมีอํานาจยึดไวจนกวาคดีถึงท่ีสุด เมื่อคดี เสร็จแลว จึงใหคืนแกผูตองหาหรือแกผูอื่น ซ่ึงมีสิทธิเรียกรองขอคืนสิ่งของน้ัน เวนแตศาลจะส่ังเปน อยา งนนั้ (๑๑) การคนท่ีอยูหรือสํานักงานของผูตองหาหรือจําเลย ซึ่งถูกควบคุมหรือขังอยู ใหทําตอหนาผูน้ัน ถาผูน้ันไมสามารถหรือไมติดใจมากํากับ จะตั้งผูแทนหรือใหพยานมากํากับก็ได ถาผแู ทนหรอื พยานไมม ี ใหคน ตอหนา บคุ คลในครอบครัว หรอื ตอ หนา พยาน (๑๒) สงิ่ ของทย่ี ดึ ไดต อ งใหผ คู รอบครองสถานท่ี บคุ คลในครอบครวั ผตู อ งหา จาํ เลย ผูแทนหรอื พยานดูเพือ่ ใหร บั รองวาถกู ตอง ถาบคุ คลดังกลาวนัน้ รับรองหรอื ไมร ับรองกใ็ หบ นั ทกึ ไว (๑๓) เจาพนักงานผูคน ตองบันทึกรายละเอียดแหงการคนและสิ่งของท่ีคน ไดน้ันตองทําบัญชีรายละเอียดไวและใหอานบันทึกการคนและบัญชีส่ิงของใหผูครอบครองสถานที่ บคุ คลในครอบครวั ผตู อ งหา จาํ เลย ผแู ทนหรอื พยานฟง แลว แตก รณี แลว ใหผ นู น้ั ลงลายมอื ชอื่ รบั รองไว (๑๔) เจา พนกั งานทคี่ น โดยมหี มาย ตอ งรบี สง บนั ทกึ และบญั ชสี งิ่ ของพรอ มดว ยสงิ่ ของ ทย่ี ึดมา ถาพอจะสง ไดไปยังผอู อกหมายหรือเจาพนกั งานอ่นื ตามที่กําหนดไวใ นหมาย ¡Ò乌 μÑǺ¤Ø ¤Å การคนตัวบุคคลหรือกระทําการใดอันกระทบตอสิทธิและเสรีภาพจะกระทํามิได เวนแตม เี หตุตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ติ ามรฐั ธรรมนูญแหง ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๒๘ ¡Ò䌹μÑǺ¤Ø ¤ÅÁÕ ó ¡Ã³´Õ ŒÇ¡ѹ ¤Í× (๑) การคนบุคคลในสาธารณสถาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๓ การคนตัวบุคคลในท่ีสาธารณะไมตองมีหมายคนโดยผูคนจะตองเปนเจาพนักงาน ฝายปกครองหรือตํารวจ และตองมีเหตุอันควรสงสัยวา บุคคลน้ันมีส่ิงของในความครอบครอง
๑๐๖ เพื่อจะใชในการกระทําผิด หรือซ่ึงไดมาโดยการกระทําความผิด หรือซ่ึงมีไวเปนความผิด เม่ือตรวจคนพบวาเปนความผิดซ่ึงหนา และสิ่งของนั้นไมจําเปนตองอยูท่ีตัวของผูท่ีถูกคน ซึ่งดูจาก พฤติการณหรอื เจตนาในการแสดงความครอบครองกเ็ พยี งพอแลว (๒) การคนตัวบุคคลในที่รโหฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๐ วรรคสอง สืบเน่อื งจากการคนในที่รโหฐาน และมคี นในทน่ี น้ั ขัดขวางการคน โดยมีเหตุ อันควรสงสัยวาบุคคลน้ันไดเอาส่ิงของที่ตองการพบซุกซอนในรางกาย เจาพนักงานผูตรวจคน มีอาํ นาจคนตวั ผูน้นั ได (๓) การคนตัวผูตองหา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๕ เจาพนักงานผูจับหรือผูรับตัวผูถูกจับ มีอํานาจตรวจคนตัวผูตองหาและยึดส่ิงของตางๆ ใชเปน พยานหลักฐานได ¡Ò䌹ÂÒ¹¾Ò˹Рยานพาหนะนน้ั ไมถ อื วา เปน ทร่ี โหฐาน ไมจ าํ เปน ตอ งมหี มายคน เจา พนกั งานฝา ยปกครอง หรือตํารวจสามารถตรวจคนเม่ือมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๓ หรอื เพื่อความเขาใจงายข้ึน ใหเปรยี บเทยี บวายานพาหนะก็คือ กระเปา ใบหนึ่งเทานั้น ¢ÍŒ ¤ÇÃÃÐÇ§Ñ กอนการตรวจคน ทกุ ครัง้ ผูตรวจคน ตองแสดงความบริสุทธใ์ิ จ ó. ¡ÒÃãªàŒ ¤Ãè×ͧ¾¹Ñ ¸¹Ò¡Òà ËÅÑ¡¡Òà การใชเคร่ืองพันธนาการในการควบคุมตัวผูกระทําความผิดนั้นจะกระทําไดก็ตอเม่ือ มคี วามจาํ เปน เพอื่ ปอ งกนั ไมใ หผ กู ระทาํ ความผดิ หลบหนไี ปจากการควบคมุ ของเจา หนา ท่ี อยา งไรกต็ าม ถึงแมวาเจาหนาที่ตํารวจจะมีอํานาจในการควบคุมตัว และมีอํานาจท่ีจะใชเคร่ืองพันธนาการ กับผูกระทําความผิดได แตก็เปนการใชอํานาจที่กระทบตอสิทธิเสรีภาพของบุคคล แตเม่ือบุคคลใด ก็ตามกระทําความผิดอันมีโทษตามกฎหมายก็สมควรที่จะตองไดรับการลงโทษ ซ่ึงการลงโทษ ผกู ระทาํ ความผดิ นนั้ เปน ไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ไดแ ก ประหารชวี ิต จาํ คุก กกั ขงั ปรบั และรบิ ทรพั ย ซงึ่ การใชอ าํ นาจดงั กลา วของเจา หนาที่ตํารวจ ก็ตอ งคาํ นึงถงึ ศักด์ิศรีของความเปน มนุษยด วย á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºÑμÔ (๑) ใชเ ทา ทจ่ี าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั มใิ หเ ขาหลบหนเี ทา นนั้ (ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญา มาตรา ๘๖) (๒) หากจําเปนตองใชเครื่องพันธนาการ เชน กุญแจมือกับโซรอย ในการควบคุม ผตู อ งหา เจา หนา ทตี่ าํ รวจไมจ าํ เปน ตอ งใชท กุ กรณี ดงั นนั้ กอ นทจ่ี ะใชเ ครอ่ื งพนั ธนาการจงึ ควรพจิ ารณา จากปจจยั หลายๆ ดา น ดงั น้ี (ระเบยี บการตาํ รวจเกี่ยวกับคดี ขอ ๑๔๖)
๑๐๗ (๒.๑) ใหพิจารณาถึงฐานความผิด วาเปนความผิดอุกฉกรรจหรือเล็กนอย หากเปนความผดิ อุกฉกรรจหรอื ไมแ นใ จวา จะหลบหนีกค็ วรใชกญุ แจมือ (๒.๒) ใหพิจารณาถึงตัวบุคคล หากเปนบคุ คลท่คี วรใหเกียรติ เชน การกระทาํ ความผิดของขาราชการท่ีรับราชการมีหลักฐานมั่นคง พระภิกษุ สามเณร นักพรตตางๆ ทหาร สวมเครื่องแบบ หญิงชรา เด็ก คนพิการและคนปวยเจ็บท่ีไมสามารถจะหลบหนีไดดวยกําลังตนเอง ถาไมไ ดก ระทาํ ความผดิ อกุ ฉกรรจ หรอื ไมไดแสดงกิรยิ าจะขดั ขืนหรือหลบหนีแลว ไมควรใชกุญแจมือ ¢ÍŒ ¤ÇÃÃÐÇ§Ñ หา มใชเ ครอ่ื งพนั ธนาการแกเ ดก็ ไมว า กรณใี ดๆ เวน แตม คี วามจาํ เปน เปน อยา งยง่ิ อนั มอิ าจหลกี เลยี่ งไดเ พอ่ื ปอ งกนั การหลบหนี หรอื เพอื่ ความปลอดภยั ของเดก็ ผถู กู จบั หรอื บคุ คลอน่ื (พระราชบัญญัติ ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๖๙ วรรคสาม) (๓) ใหพิจารณาถึงสถานที่ที่จะควบคุมไป หากเปนทางเปล่ียน มีโอกาสที่ผูตองหา จะหลบหนี หรือทาํ อนั ตรายแกผ คู วบคมุ ไดง ายควรใสกุญแจมอื (๔) ใหพิจารณาถึงเวลา หากเปนเวลาคํ่าคืนหรือจําเปนตองพักคางคืน ณ ท่ีใด ในระหวางทางท่ีไมมที ่คี วบคมุ เพื่อปอ งกนั การหลบหนแี ละการตอ สู ควรใชก ญุ แจมอื (๕) ใหพิจารณาถึงกิริยาและความประพฤติ วามีความประพฤติเปนอยางไร เชน เคยตองโทษอาญามาแลว หรือเคยหลบหนีการควบคุม มีอากัปกิริยาแสดงออกทําใหสงสัยวา คดิ จะทํารา ยผูควบคมุ ควรใชก ุญแจมอื (๖) หากตองใชกุญแจมือ ผูใสจะตองตรวจดูใหกุญแจมือพอดีกับขอมือผูตองหา คือ ตองไมใหหลวมหรือคับเกินไป เพราะถาหลวมมากก็จะหลุดจากขอมือไดงาย ถาคับมากก็จะ เปนการทรมานแกผ ตู อ งหา เม่ือใสก ญุ แจมอื แลว ในกรณที ีม่ คี วามจาํ เปน จะมีโซร อ ยสาํ หรับถือควบคมุ ไปกไ็ ด ใหผ ตู อ งหาเดนิ หนา ผคู วบคมุ ถอื ชายโซเ ดนิ ตามหลงั หรอื เดนิ ตามไปขา งๆ (ประมวลระเบยี บการ ตํารวจเกย่ี วกับคดี ขอ ๑๔๗) ô. ¡ÒÃμ§Ñé ¨´Ø μÃǨ¨Ø´Ê¡Ñ´ μÒÁËÅÑ¡Ê·Ô ¸ÁÔ ¹ÉØ Âª¹ ËÅ¡Ñ ¡Òà ภารกิจหลักของตํารวจอีกอยางหน่ึงก็คือ การปองกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งหากการปฏิบัติตามภารกิจมีประสิทธิภาพยอมทําใหเปาหมายในการปองกันอาชญากรรมบรรลุ ผลสําเร็จได ทั้งน้ีโดยตองระลึกอยูเสมอวาการปฏิบัติภารกิจใดๆ ก็ตาม ตองอยูภายใตขอบเขตของ กฎหมายท่ีใหอํานาจโดยคํานึงถึงหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกําหนด และ หลักสทิ ธมิ นษุ ยชนสากลดวย
๑๐๘ ¡ÒÃμ§éÑ ¨Ø´μÃǨ ¨Ø´Ê¡Ñ´ ÁÇÕ μÑ ¶»Ø ÃÐʧ¤·สèÕ ํา¤ÞÑ ¡¤ç ×Í (๑) เพื่อควบคุมพืน้ ทีล่ อ แหลมตอ การเกิดอาชญากรรม (๒) เพื่อเปน การปอ งกนั และปราบปรามการกระทําผิด (๓) เพื่อเปนการตัดชองโอกาสในการกระทําผิดโดยเฉพาะการปดเสนทางที่คนราย จะหลบหนี (๔) เพอ่ื ตรวจคน บคุ คล หรอื ยานพาหนะทผี่ า นเขา ออกพนื้ ที่ เพอื่ ปอ งกนั การกระทาํ ผดิ หลบหนี (๕) เพื่อคนหาสง่ิ ผิดกฎหมาย อาวธุ เครือ่ งมือเครือ่ งใชท ่ีจะใชใ นการกระทําผดิ á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ºÔ μÑ Ô (๑) การต้งั ดา นตรวจ จดุ ตรวจ หรอื จุดสกัดในเขตทางเดินรถหรือทางหลวง ใชเ ม่อื กรณีท่ีมเี หตุจําเปนหรือเหตุการณฉ ุกเฉินเรงดวน ตอ งมนี ายตํารวจชั้นสญั ญาบัตรเปนหัวหนาควบคุม โดยไดรับอนุมัติจากผูบังคับบัญชา โดยตองแตงกายเคร่ืองแบบในการปฏิบัติหนาท่ีและใหทุกหนวย ประสานการปฏิบตั ิระหวา งหนว ยใกลเคียงใหชัดเจนเพอ่ื ไมใหเกิดการซํ้าซอนกัน (๒) ตองปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ระเบียบ คําส่ังของหนว ยงาน (๓) มแี ผงกน้ั แสดงเครอ่ื งหมายวา “จดุ ตรวจ” และควรจดั ใหม สี ง่ิ กดี ขวางหรอื สญั ญาณ อื่นใดใหสังเกตไดงายในระยะไกล เชน กรวยยางคาดแถบสีสะทอนเพื่อชวยปองกันอุบัติเหตุท่ีอาจ เกดิ ขน้ึ (๔) ในเวลากลางคืนตองใหมีแสงไฟสองสวางใหมองเห็นไดอยางชัดเจน ในระยะ ไมน อ ยกวา ๑๕ เมตร กอ นถงึ จดุ ตรวจ (๕) กําหนด “เขตพื้นท่ีปลอดภัย” ไวสําหรับเปนบริเวณตรวจคน เพื่อใหเกิดความ ปลอดภยั ทัง้ แนวทีต่ รวจคน และเจา หนา ทีต่ ํารวจ ระหวา งทท่ี าํ การตรวจคน (๖) ควรวางกําลังสวนหน่ึงไวบริเวณทางแยกหรือจุดกลับรถกอนถึงจุดตรวจ หรือจดุ สกัด เพือ่ ไวท ําจุดสกัดกัน้ หรือไลตดิ ตามผทู เี่ ล้ยี ว หรือกลบั รถหลบหนกี ารตรวจคน (๗) พงึ ใชความระมัดระวงั และตัง้ อยใู นความไมประมาททกุ ขณะทําการตรวจคน (๘) พึงเปนผูมีมารยาทที่ดีงามและรักษากิริยาวาจาระหวางการตรวจคน เชน ไมสอ งไฟบรเิ วณใบหนาประชาชนผถู ูกตรวจคน โดยตรง และรูจ กั ใชคําพูดทีส่ ุภาพ (๙) ใชการสังเกตและใหความสนใจเปนพิเศษแกพาหนะที่มีลักษณะพิรุธ เชน รถจักรยานยนตไมติดแผนปายทะเบียนหรือพับงอแผนปายทะเบียนเพื่อปดบังอําพรางหมายเลข หรอื พาหนะที่มีการดดั แปลงสภาพ (๑๐) ในการต้ังจุดตรวจหรือจุดสกัด ใหคํานึงถึงความปลอดภัยของเจาหนาท่ีตํารวจ ทปี่ ฏิบตั ิงานและประชาชน และไมกอ ใหเกิดปญหาความเดือดรอ นแกป ระชาชนผูใ ชทางโดยไมจําเปน
๑๐๙ ¢Ñé¹μ͹¡Òû¯ºÔ ÑμÔ ¡ÒäǺ¤ÁØ áÅСÒÃμÃǨÊͺ¡Òû¯ºÔ μÑ Ô (๑) เรียกแถวตรวจยอดกําลังพล ตรวจความพรอมของเจาหนาท่ีตํารวจ ผูปฏบิ ัติ รวมทง้ั อปุ กรณเ ครื่องมือเครอื่ งใชในการต้ังจดุ ตรวจ (๒) อบรมชี้แจงสถานภาพอาชญากรรมการปฏิบัติงานของเจาหนาที่ตํารวจ ในชวงเวลาทีผ่ า นมา แนวนโยบายและคาํ ส่ังของผูบ ังคบั บญั ชา และขอ ราชการตางๆ ทเ่ี กย่ี วของ (๓) กาํ หนดตวั เจา หนา ทต่ี าํ รวจผปู ฏบิ ตั ใิ นแตล ะสว นของพนื้ ทจี่ ดุ ตรวจ และทาํ ความ เขา ใจกบั บทบาทหนาทีข่ องแตล ะคนใหช ดั เจน (๔) การต้ังจุดตรวจหรือจุดสกัด ใหรายงานทางศูนยวิทยุ ใหผูบังคับบัญชาทราบ เมือ่ เรมิ่ ตน และเลกิ ปฏิบตั ิ (๕) เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติใหรายงานผลการปฏิบัติเปนลายลักษณอักษร เสนอผบู งั คบั บัญชาตามลําดับชนั้ จนถงึ ผูอ นมุ ตั ิ ภายในวนั ถัดไปเปนอยางชา (๖) ใหผูบังคับบัญชาต้ังแตระดับสารวัตรข้ึนไป ผลัดเปล่ียนหมุนเวียนกันควบคุม การปฏบิ ตั ิ รวมทงั้ รายละเอียดเกยี่ วกบั ลักษณะและพฤติการณแ หงการกระทําผดิ ใหละเอียดชดั เจน (๗) ในระหวางการปฏิบัติหนาที่ตรวจคนของเจาหนาที่ผูปฏิบัติ ผูที่ทําหนาที่เปน ผคู วบคมุ จะตอ งกาํ กบั ดแู ลใหเ ปน ไปตามระเบยี บกฎหมาย เพอื่ มใิ หเ จา หนา ทผ่ี ปู ฏบิ ตั แิ สวงหาประโยชน โดยมชิ อบเกดิ ขึ้นระหวา งการปฏิบัตหิ นาที่ ¢ÍŒ ¤ÇÃÃÐÇѧ ๑) ไมค วรตงั้ จุดตรวจหรอื จดุ สกัดในบริเวณทางโคง เชิงสะพาน ทล่ี าดชัน และบรเิ วณท่ี เปน มมุ อบั สายตา เพอื่ ปอ งกนั อบุ ตั เิ หตทุ อี่ าจเกดิ ขน้ึ จากการมองไมเ หน็ ของผขู บั ข่ี หรอื การหยดุ รถ ไมท ันในระยะกระชน้ั ชิด ๒) ในเวลากลางคนื ตองมแี สงสวา งอยา งพอเพยี ง ใหผ ูขับข่ีเหน็ ไดใ นระยะไกล อุปกรณ แสงสวางตองหมัน่ ตรวจสอบและปรบั ปรุงใหทาํ งานไดอ ยางมีประสทิ ธภิ าพอยเู สมอ ๓) ในการเรยี กรถใหห ยดุ ไมว ากรณีใดๆ อยาเอาตัวหรอื สว นของรา งกาย เชน แขน ขา เขาไปขวางหรือสกัดก้ันใหรถหยุด เพราะอาจถูกชนจากรถที่หยุดไมทัน ระหวางการตรวจคนใน “เขตพนื้ ทปี่ ลอดภยั ” อยา ยนื ขวางหนา รถทก่ี าํ ลงั ตรวจคน เพราะอาจจะถกู รถชนได กรณผี ตู อ งสงสยั พยายามขบั รถหลบหนกี ารตรวจคน ๔) ในกรณีท่ีผูขับขี่พยายามขับขี่รถฝาจุดตรวจเพื่อหลีกเล่ียงการตรวจคน เจาหนาที่ ตํารวจประจําจุดตรวจไมควรสรา งสงิ่ กีดขวางข้ึนอยางกะทนั หนั เชน ขบั รถเขา ขวาง หรอื เขน็ แผง ปายสัญญาณขวางทางเพื่อพยายามหยุดรถ เพราะอาจจะทําใหผูขับข่ีหยุดรถไมทันแลวหักหลบ สงิ่ กดี ขวางจนเกดิ อบุ ตั เิ หตเุ ฉย่ี วชนประชาชนหรอื เจา หนา ทตี่ าํ รวจทป่ี ฏบิ ตั หิ นา ทบี่ รเิ วณจดุ ตรวจได ๕) ในกรณีท่ีสงสัยวาคนรายอาจมีอาวุธอยูในรถ เจาหนาที่ตํารวจท้ังชุดตรวจคน และชุดคุมกันควรหาที่กําบังในขณะที่รถเขามาในบริเวณจุดสกัด และอาจใชเครื่องขยายเสียง จากรถยนตส ายตรวจบงั คบั รถเพ่ือตรวจคน
๑๑๐ õ. ¡ÒäǺ¤ÁØ ½§Ù ª¹/¡ÒûÃÒº¨ÅҨŠËÅ¡Ñ ¡Òà (๑) หลักการท่ีเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของผูชุมนุม ประชาชนพลเมืองทุกคน ยอ มมสี ิทธเิ สรภี าพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวธุ การจํากัดเสรภี าพจะกระทํามไิ ด เวนแต โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะและเพ่ือคุมครอง ความสะดวกของประชาชนทจี่ ะใชท ส่ี าธารณะ หรอื เพอื่ รกั ษาความสงบเรยี บรอ ยในระหวา งเวลาทป่ี ระเทศ อยูในภาวะสงครามหรือในระหวางเวลาท่ีมีประกาศสถานการณฉุกเฉินหรือประกาศใชกฎอัยการศึก บุคคลยอมมีเสรีภาพในการเปนสมาคม สหภาพ สหพันธ สหกรณกลุมเกษตรกร องคการเอกชน องคก ารพฒั นาเอกชนหรอื หมูคณะอน่ื ขาราชการหรอื เจา หนาที่ของรฐั ยอมมีเสรภี าพในการรวมกลุม เชนเดียวกับบุคคลทั่วไป แตท้ังนี้ตองไมกระทบกับประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผนดิน และ ความตอ เนอ่ื งในการจดั ทาํ บรกิ ารสาธารณะ ทงั้ นต้ี ามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ การจาํ กดั เสรภี าพตามวรรคหนง่ึ และวรรคสองจะกระทํามิได เวนแตโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติกฎหมาย เฉพาะเพื่อคุมครอง ประโยชนสวนรวมของประชาชน เพื่อรักษาความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อปองกันมิใหมีการผูกขาดตัดตอนในทางเศรษฐกิจผูชุมนุมจะตองระมัดระวังใหการชุมนุม อยูภายใตขอบเขตของกฎหมาย มิฉะน้ันหากมีการกอความวุนวาย ใชกําลังขวางปาทําลายสิ่งของ ของบุคคลอื่นหรือกีดขวางทางสัญจรจนเกิดความเดือดรอนรําคาญ อาจเปนความผิดตามกฎหมาย ซ่ึงเจาพนกั งานอาจกลา วอางเปน ความผิดได ทัง้ ตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติจราจร ทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ และพระราชบัญญตั ิควบคมุ การโฆษณาโดยใชเ ครอ่ื งขยายเสียง พ.ศ.๒๔๙๓ (๒) หลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนตามกตกิ าระหวา งประเทศเนอื่ งจากประเทศไทยเปน สมาชกิ ขององคการสหประชาชาติ จึงตองระมัดระวังมิใหมีการลวงละเมิดสิทธิมนุษยชนข้ึน มิฉะน้ันอาจถูก รองเรียน หรือสงรายงานการลวงละเมิดสิทธิมนุษยชนตอคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ และสหประชาชาตอิ าจดาํ เนนิ มาตรการทมี่ ผี ลกระทบตอ ประเทศไทยได นอกจากน้ี การทปี่ ระเทศไทย ไดเขาเปนภาคีกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง พ.ศ.๒๕๐๙ ประเทศไทยจึงมีพันธกรณีที่จะตองพัฒนากฎหมายและดําเนินการใหสอดคลองกับบทบัญญัติ แหงกตกิ าดังกลา ว ซึ่งไดแก (๒.๑) ปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ พ.ศ.๒๔๙๑ (Universal Declaration of Human Rights, ๑๙๔๘) ขอ ๒๐(๑) บุคคลมีสิทธิในเสรีภาพ แหง การชุมนุมและการสมาคมโดยสงบ (๒.๒) กติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง พ.ศ.๒๕๐๙ (International Covenant on Civil and Political Rights, ๑๙๖๖) ขอ ๒๑ สทิ ธใิ น การรว มประชมุ โดยสงบยอมไดรับการรบั รอง การจาํ กัดการใชสิทธนิ ้จี ะกระทาํ มิไดน อกจากจะกําหนด โดยกฎหมายและเพียงเทาท่ีจําเปนสําหรับสังคมประชาธิปไตยเพ่ือประโยชนแหงความมั่นคงของชาติ หรอื ความปลอดภยั ความสงบเรยี บรอ ย การสาธารณสขุ หรอื ศลี ธรรมของประชาชน หรอื การคมุ ครอง สทิ ธิและเสรภี าพของบุคคลอ่ืน
๑๑๑ á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ºÔ μÑ Ô กรณีมีการชุมนุมเรียกรองตองปฏิบัติตามนโยบายหลักของรัฐบาลและหนวยงาน ภาครัฐคือ การรักษาความสงบในการชุมนุมใหเปนไปดวยความเรียบรอยและกําหนดแผนข้ันตอนใน การปฏิบัติรองรับเม่ือเหตุการณลุกลามจนกลายเปนการจลาจล โดยใหเปนในทิศทางเดียวกันรวมทั้ง ตอ งมกี ารซกั ซอ มความเขา ใจใหก ารแกป ญ หาเปน ไปอยา งมรี ะบบและมปี ระสทิ ธภิ าพโดยยดึ ถอื หลกั ดงั น้ี (๑) ใชห ลกั เมตตาธรรม โดยใหค าํ นงึ ไวเ สมอวา ในการชมุ นมุ เรยี กรอ งของประชาชน ที่มารวมตัวกันนั้นมีความเดือดรอนจริงๆ ซึ่งตองการใหรัฐบาลชวยเหลือขาราชการและพนักงาน เจา หนา ทที่ ร่ี บั ผดิ ชอบกต็ อ งตรวจสอบขอ เทจ็ จรงิ วา มคี วามเดอื ดรอ นและมคี วามทกุ ขต ามขอ เรยี กรอ ง จรงิ หรอื ไม ถามจี รงิ กต็ องใหก ารชวยเหลอื ตามอํานาจหนาที่ (๒) การดําเนินการตั้งแตมีการชุมนุมโดยสงบไปจนกระท่ังเกิดการจลาจลนั้น ใหใชมาตรการการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนัก และมีการประกาศขั้นตอนในการปฏิบัติของ เจาหนาท่ีควบคุมฝูงชนใหทราบกอนทุกครั้ง พึงระลึกเสมอวาการชุมนุมในขอบเขตของกฎหมาย เปน สิทธิของผูช ุมนมุ ทจี่ ะกระทาํ ไดตามกฎหมายรฐั ธรรมนูญ ฉะนนั้ เจาหนาท่ีตํารวจทุกคนตองปฏิบัติ อยา งละมนุ ละมอม ใชก ารเจรจา ประชาสมั พันธ สรางความเขาใจ หลีกเลยี่ งการใชก าํ ลังจนถงึ ทสี่ ดุ (๓) การใชหลักกฎหมาย หากผูชุมนุมเรียกรองใชวิธีการรุนแรง โดยกระทําผิด กฎหมายและเปนการละเมิดสิทธิผูอ่ืนใหขาราชการและพนักงานเจาหนาที่ที่รับผิดชอบใชวิธีการ เจรจากอ นโดยเสนอแนะใหปฏิบัตใิ หถกู ตอ งตามกฎหมาย หากไมปฏบิ ัตติ ามกฎหมายหรอื ยังคงมกี าร กระทาํ ทก่ี า วรา ว รนุ แรงกใ็ หด าํ เนนิ การตามกฎหมายโดยใหด าํ เนนิ การในระดบั ถอ ยทถี อ ยอาศยั และตอ ง มองวาทุกคนเปนเพอ่ื นรว มชาติ (๔) หากจําเปนตองใชกําลังสลายการชุมนุม หลังจากมีการสลายการชุมนุมแลว ตองเขาสูกระบวนการฟนฟู สงตัวผูบาดเจ็บ หรือดําเนินการตางๆ ใหเกิดความปลอดภัยตอบุคคล สถานที่ที่เกิดเหตุ และควบคุมสถานการณใหอยูในภาวะปกติ มาตรการทั้งปวงในการรักษา ความเปน ระเบียบเรยี บรอยตอ งเคารพสิทธิมนุษยชน ไมเลอื กปฏบิ ตั แิ ละตอ งคาํ นงึ เสมอวา การจาํ กัด สทิ ธใิ ดๆ จะตอ งเปน ไปตามบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายเทา นนั้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ พอื่ ดาํ รงไวซ งึ่ ความเคารพ ในสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของบุคคลอ่ืน เคารพในศีลธรรมจรรยา ความเปนระเบียบเรียบรอย ของสาธารณะและสวสั ดภิ าพทว่ั ไปของประชาชน ตอ งใชว ธิ กี ารทไี่ มใ ชค วามรนุ แรงเปน ลาํ ดบั แรกกอ นการ ใชก าํ ลงั กรณจี ะใชก าํ ลงั ไดต อ งเปน กรณจี าํ เปน อยา งยง่ิ และตอ งเปน ไปอยา งเหมาะสมและไดส ดั สว นกบั วตั ถปุ ระสงคที่ชอบดว ยกฎหมาย หากมผี บู าดเจ็บตอ งไดร บั การรกั ษาเยยี วยาทนั ที ตองไมมกี ารบังคบั ในขอ จาํ กดั ใดๆ ในเรอื่ งเสรภี าพความคดิ เหน็ การพดู การชมุ นมุ การคบหาสมาคมหรอื การเคลอ่ื นยา ย
๑๑๒ ö. ¡ÒÃÃ¡Ñ ÉÒ¤ÇÒÁʧºã¹¡ÒêÁØ ¹ØÁàÃÕ¡ÃÍŒ § ËÅ¡Ñ ¡Òà การรักษาความสงบในการชุมนุมเรียกรองน้ัน จะตองคํานึงถึงสิทธิเสรีภาพ สว นบคุ คลและหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนเปน หลกั และจะตอ งพยายามหลกี เลยี่ งการใชก าํ ลงั และความรนุ แรง เปน สาํ คญั พยายามใชห ลกั การเจรจาและการปอ งกนั กอ นเปน อนั ดบั แรก แตห ากจะใชก าํ ลงั จรงิ ๆ กค็ วร จะใชในสถานการณท่ีคับขันถึงขีดสุดเทานั้น และจะตองใชใหไดสัดสวนกับความรุนแรงและชอบธรรม ตามกฎหมายเทาน้นั á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºμÑ Ô (๑) ตองเตรียมกําลังใหพรอมท่ีจะจับกุมแกนนําและจับกุมกลุมผูชุมนุมขนาดใหญ เมื่อมีการทําผิดกฎหมายเกิดขึ้น ใหพรอมท่ีจะจับกุม แตตองเตรียมกําลังใหพนจากสายตาของกลุม ผูช มุ นุม และการแสดงกาํ ลงั นจี้ ะตอ งไมมลี ักษณะเปนการขม ขูผูช ุมนมุ ทีย่ ังไมมกี ารทําผดิ กฎหมาย (๒) โดยท่ัวไป การรักษาความสงบในการชุมนุมเรียกรอง ตํารวจตองทํางาน เปนหมขู ้นึ ไปจะไมแ ยกปฏบิ ตั เิ ปนรายบคุ คล (๓) ตํารวจผูปฏิบัติงานจัดการเหตุชุมนุมเรียกรองหรือควบคุมฝูงชนตองติด เครอื่ งหมายยศ สงั กดั ปา ยชอื่ ใหม คี วามสงู ของตวั อกั ษรอยา งนอ ยสองนวิ้ บนดา นนอกของเครอื่ งแบบ หรือบนหมวก ซึ่งจะทาํ ใหส ามารถตรวจสอบ ถงึ ชือ่ และสังกดั ได ไดชัดเจนในระยะพอสมควร (๔) การใชกําลังเขาควบคุมฝูงชนหรือการสลายฝูงชนถาเปนไปได ตองใชหนวยท่ี ไดร บั การฝก มาเพอื่ ทาํ หนา ทนี่ โ้ี ดยตรง หรอื หากจะใชเ จา หนา ทตี่ าํ รวจจากหนว ยอน่ื กค็ วรเปน เจา หนา ท่ี ตาํ รวจทไ่ี ดร บั การฝกฝนมาทางดานนโ้ี ดยเฉพาะ (๕) ไมว า การรวมตวั ของฝงู ชน จะถกู ตอ งเปน ไปตามกฎหมายหรอื ไม ตาํ รวจจะตอ ง อํานวยความสะดวกการจราจรและจัดการไมใหฝูงชนกีดขวางการจราจร ในการชุมนุมเรียกรอง ทไี่ มไ ดม กี ารเตรยี มการมากอ น ผบู ญั ชาการเหตกุ ารณ ตอ งตดั สนิ ใจโดยดจู าํ นวนผมู าชมุ นมุ วา จะใหเ ดนิ หรอื อยูบนทางเทา หรือจะใหใ ชถ นนชองทางใดชอ งทางหนง่ึ โดยพิจารณาปจจยั ความสมดลุ ระหวา ง สทิ ธใิ นการชมุ นมุ โดยสงบและปราศจากอาวธุ ในทส่ี าธารณะกบั การกดี ขวางการจราจรและการกระทบ สิทธิเสรีภาพของผูอ่ืนและสวนรวมในการเดินทาง ตํารวจตองติดตอกับผูประสานงานหรือแกนนํา ผชู มุ นมุ เพอื่ แกป ญ หาเหลา น้ี ดว ยการเจรจา การจดั การจราจรมคี วามจาํ เปน ทง้ั การรกั ษาความปลอดภยั ใหผูช ุมนุม และชว ยในการควบคุมพืน้ ทีช่ ุมนุม การจํากัดผลกระทบการชุมนมุ และการสลายการชุมนุม (๖) ตํารวจพึงระลึกไววาผูชุมนุมไมไดเปนผูกระทําผิดเหมือนกันทั้งหมด แมวา จะมีผูชุมนุมบางคนใชความรุนแรงหรือทําลายทรัพยสิน ซ่ึงกลุมผูชุมนุมที่ไมไดใชความรุนแรงดวย อาจถูกกักหรือก้ันไวไมใหออกจากพื้นท่ีชุมนุม ดังน้ันตํารวจจะตองคํานึงถึงความเสี่ยงในการจับกุม หรือใชกาํ ลงั กบั ผูช ุมนุมทไี่ มไดทําผดิ กฎหมาย หรือมีสวนกอ เหตรุ ุนแรงในระหวา งการชุมนุม
๑๑๓ (๗) ตํารวจตองหลีกเลี่ยงการโตเถียงหรือใชคําพูดดาทอกับกลุมผูชุมนุม การดาทอ ของกลมุ ผชู มุ นมุ หรอื ใชค าํ พดู หยาบคายดา วา ตาํ รวจ ไมเ ปน เหตเุ พยี งพอใหจ บั กมุ ผชู มุ นมุ แตล ะบคุ คล (๘) ตํารวจจะตองไมแสดงอาวุธหรือกําลังวาจะเขาใชกําลังในเหตุการณชุมนุม ท่ีไมผิดกฎหมาย จะแสดงไดเม่ือมีการแจงเตือนวาจะมีการสลายการชุมนุม หรือมีการแจงผูชุมนุม วาเปน การชมุ นมุ ท่ผี ดิ กฎหมายกอเหตุวนุ วาย ใหเ ลกิ การชมุ นมุ ตามท่ีกฎหมายกําหนด (๙) หนวยตํารวจจะตองไมสงตํารวจเขาไปเจรจาหรือพูดคุยกับกลุมผูชุมนุม ที่มีลักษณะใชความรุนแรง ตํารวจจะไมฝาฝูงชนเขาไปจับกุมผูชุมนุมเปนรายตัว ในพื้นที่การชุมนุม เวนแตผูชุมนุมที่กอเหตุรุนแรงดังกลาวไดกระทําผิดอยางรุนแรงและคําส่ังดังกลาวเปนคําส่ังของ ผูบญั ชาการเหตุการณ (๑๐) ผูบัญชาการเหตุการณและผูบังคับบัญชาจะตองใชความพยายามเพ่ือใหแนใจ วาภารกิจทไ่ี ดร ับมอบประสบความสาํ เรจ็ อยางมปี ระสิทธภิ าพและมคี วามละมนุ ละมอ ม ตามหลกั การ สากล โดยคาํ นงึ ถงึ สทิ ธมิ นษุ ยชนและเสรภี าพสว นบคุ คล และพยายามใชก าํ ลงั หรอื อาํ นาจแตน อ ยทส่ี ดุ เทา ทจ่ี ะทาํ ได การใชก าํ ลงั ตอ งเปน ไปตามกฎการใชก าํ ลงั และสงิ่ แวดลอ มหรอื ระดบั ของความจาํ เปน ของ สถานการณค วามรุนแรงของกลุมผูช ุมนุมทเ่ี ผชิญอยู ทง้ั น้มี ิไดห มายถงึ การตดั สทิ ธิการใชก าํ ลงั ปองกนั ตนเอง และการกระทาํ อนั จาํ เปน เพอ่ื ทจี่ ะปอ งกนั ภยนั ตรายทจี่ ะเกดิ ขนึ้ แกก ลมุ ผชู มุ นมุ ประชาชนทว่ั ไป และเจา หนาทีห่ รอื ตัวตํารวจเอง ÷. ¡®¡ÒÃ㪌กําÅ§Ñ ¨Ò¡àºÒä»ËÒ˹¡Ñ μÒÁËÅ¡Ñ ÊÒ¡Å ËÅ¡Ñ ¡Òà ผบู งั คบั บญั ชาทคี่ วบคมุ การปฏบิ ตั ใิ นแตล ะสถานการณ มหี นา ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบ ตอการใชกําลัง เครื่องมือเครื่องใชตลอดจนอาวุธอื่นใด โดยยึดหลักความจําเปน สมเหตุสมผล ภายใตก ฎหมาย เพอื่ คลค่ี ลายสถานการณ เพอ่ื รกั ษาสทิ ธเิ สรภี าพ สวสั ดภิ าพตลอดจนปอ งกนั มใิ หเ กดิ อนั ตรายหรอื ความเสยี หายตอ ชวี ติ และทรพั ยส นิ ของปวงชนทบี่ รสิ ทุ ธแ์ิ ละทไ่ี มเ กย่ี วขอ งไมว า กฎการใช กําลังจะไดกําหนดไวอยางไร ผูบังคับหนวยทุกระดับช้ันและผูปฏิบัติงานทุกนายพึงระลึกไวเสมอวา กฎการใชกําลังนั้นไมไดเปนขอจํากัดท่ีจะทําใหเจาพนักงานเสียสิทธิในการปองกันตามสมควรแกเหตุ เพอื่ ใหต นเอ่ งหรอื ผอู น่ื พน จากภยนั ตรายทใี่ กลจ ะถงึ และไมส ามารถหลกี เลย่ี งโดยวธิ อี นื่ ใดได เนอื่ งจาก ภยันตรายนั้นตนไดกอใหเกิดจากความผิดของตน อยางไรก็ดีก็จะตองคํานึงถึงสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคลตามหลกั รัฐธรรมนญู และสิทธมิ นษุ ยชนตามหลกั สากลเปนหลกั สําคญั ดว ย á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ºÔ ÑμÔ (๑) ใชกาํ ลงั นอยทสี่ ุดเทาท่จี าํ เปนของสถานการณ (๒) การปองกันเปนข้ันตอนท่ีจําเปนอยางยิ่ง และหากมีการใชสิทธิเสรีภาพ เกินกวาทีก่ ฎหมายบญั ญตั ไิ ว ใหเ จา พนกั งานดําเนินการดังนี้ (๒.๑) บันทกึ รายละเอยี ดและพฤตกิ ารณใ นการกระทาํ ผิด
๑๑๔ (๒.๒) การกระทําใดท่ีผิดกฎหมาย ประกาศโฆษณา ประชาสัมพันธ ใหย ุตกิ ารกระทาํ (๒.๓) กรณีไมแ นช ัดวาผิดกฎหมายหรอื ไมใ หรอ งขอตอศาลเพ่อื คมุ ครองสิทธิ (๒.๔) การปฏิบัติตอผูหญิง เด็ก และคนชราจะตองเพิ่มความระมัดระวัง และปฏบิ ัติเปน พิเศษ โดยใหเหมาะสม และคํานึงถึงสิทธมิ นษุ ยชนของคนเหลา นัน้ เปนหลกั ø. ¡ÒÃãªÍŒ ÒÇ¸Ø áÅÐà¤Ã×Íè §ÁÍ× ËÅ¡Ñ ¡Òà ในการใชอาวุธและเครื่องมือน้ัน ผูใชจะตองตระหนักถึง สิทธิและเสรีภาพของ บุคคลตามหลักรัฐธรรมนูญและสิทธิมนุษยชนที่เปนหลักสากลเปนหลัก จะตองพยายามไมใชวิธีการ ความรนุ แรง คอื พยายามใชว ธิ กี ารปอ งกนั หรอื ใชว ธิ กี ารเจรจาเปน อนั ดบั แรกกอ น หรอื หากจะใชก าํ ลงั กค็ วรใชเ ฉพาะสถานการณท วี่ กิ ฤต หรอื คบั ขนั ทไ่ี มส ามารถหลกี เลยี่ งไดจ รงิ ๆ เทา นนั้ และจะตอ งพยายาม ใชก าํ ลงั ใหน อ ยทสี่ ดุ เทา ทจ่ี ะทาํ ได และการใชก าํ ลงั จะตอ งเปน ไปตามกฎการใชก าํ ลงั จากเบาไปหาหนกั ตามหลกั สากลเปน หลกั เชน การใชอาวธุ ท่ีไมเปน อนั ตรายตอ ชวี ิตกอน เปน ตน á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ºÔ ÑμÔ (๑) ควรใชเฉพาะในสถานการณท่ีวิกฤต หรือสถานการณที่คับขันจริงๆ และ ไมสามารถหลกี เลี่ยงตอ การปกปอ งคุม ครองชวี ติ ไดเ ทา น้นั (๒) โดยใชเ ทา ทจ่ี าํ เปน เหมาะสมกบั สถานการณแ ละไดส ดั สว นระหวา งความรนุ แรง กับวตั ถปุ ระสงคใ นการใชท ่ชี อบดวยกฎหมาย หรือชอบธรรมเทา นนั้ (๓) เจาหนาท่ีตํารวจหรือผูบังคับใชกฎหมาย ควรใชวิธีการปองกันตนเองกอน กอนท่ีจะใชอาวุธและเครื่องมือ อยางเชน การใชโลหมวกกันน็อก เสื้อกันกระสุนฯ เหลานี้เพ่ือเปน การหลีกเลี่ยงการใชอ าวธุ ใดๆ ท่กี ลา วมาแลว (๔) หากมีการใชอาวุธ เมื่อวิธีการอื่นใดใชไมไดผลก็ควรจะตองใชอาวุธที่ไมเปน อันตรายตอชีวิต หรือไมเปนอันตรายถึงตาย (Non-Lethal Weapon) กอนเปนอันดับแรก กอ นท่ีจะไปใชอ าวุธที่เปนอันตรายแกชวี ติ (๕) ในกรณที ใี่ ชอ าวธุ ทไ่ี มเ ปน อนั ตรายแกช วี ติ ดงั กลา ว เจา หนา ทผ่ี ใู ชจ ะตอ งประเมนิ ความเสย่ี งทจ่ี ะกอ อนั ตรายตอ บคุ คล (The Risk of Endangering) อยา งระมดั ระวงั และจะตอ งเสย่ี ง ใหนอยทีส่ ดุ (๖) หากมกี ารใชอ าวธุ ทเี่ ปน อนั ตรายตอ ชวี ติ กรณกี ารใชป น จรงิ ในการควบคมุ ฝงู ชน ในเวลากลางวนั จะตองใชกระสนุ ปนซอมยงิ และควรยิงเฉพาะจดุ ที่ทาํ ใหไมเสยี ชวี ติ เทาน้ัน (๗) กรณีท่ีใชอาวุธท่ีไมเปนอันตรายแกชีวิตหรือถึงตายอาจเร่ิมเปนลําดับข้ัน โดยอาศยั ระยะหา งท่ีจะใชเครื่องมือเปนตวั กําหนด ดงั น้ี (๗.๑) การแสดงกาํ ลัง (ประมาณ ๓๐๐ หลา)
๑๑๕ (๗.๒) การประกาศแจง เตือน (ประมาณ ๒๕๐ หลา) (๗.๓) การใชเ ครอ่ื งเสยี งระยะไกล (ประมาณ ๒๐๐ หลา) (๗.๔) การใชแกส นาํ้ ตาชนดิ ยงิ (ประมาณ ๑๕๐ หลา) (๗.๕) ฉีดน้าํ ผสมแกส (ประมาณ ๕๐ หลา) (๗.๖) ฉีดนาํ้ ผสมสี (ประมาณ ๓๐ หลา) (๗.๗) การใชแกส นา้ํ ตาชนิดขวาง (ประมาณ ๒๕ หลา) (๗.๘) การใชฉีดนาํ้ แรงดัน (ประมาณ ๒๐ หลา) (๗.๙) การใชกระสนุ ยาง (ประมาณ ๑๕ หลา) (๗.๑๐) ปน ชอ็ ตไฟฟา (ประมาณ ๑๐ หลา) (๗.๑๑) ปนยิงแห (ประมาณ ๕ หลา) (๗.๑๒) แกสนา้ํ ตาชนดิ สเปรย (ประมาณ ๒.๕ หลา) (๗.๑๓) การใชก ระบอง (ประมาณ ๑ หลา) (สาํ นกั งานตํารวจแหง ชาต,ิ ๒๕๕๕) (๘) อุปกรณเคมีสารเคมี (Tactical Use of Riot Control Agents and Chemical Weapon) เชน แกส นาํ้ ตา สเปรยพ รกิ ไทย การใชจ ะตอ งคาํ นงึ ถงึ ความเขม ขน ทเ่ี หมาะสม อาณาบรเิ วณ สภาพการถา ยเทของอากาศ สาํ รวจทศิ ทาง ระยะปลอดภยั หลกี เลย่ี งการไปโดนตวั ผใู ดผหู นงึ่ พยายาม มุงใหตกที่พื้นเปนหลัก และระมัดระวังการโดนผูไมเก่ียวของ ผูมีอํานาจสั่งการวางแผนและตัดสินใจ จะตองอยูสถานที่ที่เกิดเหตุ ควรเปนผูท่ีมีความเปนผูนําอยางดีย่ิง สามารถกลั่นกรองสถานการณ และวางแผนใชขัน้ ตอนของกลยทุ ธไ ดโดยทันที (๙) กระบองหรืออุปกรณและอาวุธท่ีไมเปนอันตรายถึงตายอ่ืนๆ ใหใชเฉพาะ สถานการณวิกฤตไมสามารถหลีกเลี่ยงได โดยใชเทาที่จําเปนและไดสัดสวนเหมาะสมกับสถานการณ เทา น้ัน ù. ¡ÒÃ㪌กําÅ§Ñ áÅÐÍÒÇØ¸»„¹ ËÅ¡Ñ ¡Òà ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน บคุ คลยอ มมสี ทิ ธใิ นชวี ติ ความมน่ั คงปลอดภยั และมเี สรภี าพ จากการไมถูกทรมาน หรือการกระทําอื่นใดท่ีโหดราย ไรมนุษยธรรมหรือลดทอนย่ํายีศักดิ์ศรีของ ความเปนมนุษย การใชกําลังจะใชไดก็ตอเมื่อมีความจําเปนอยางย่ิงเทาน้ัน และจะตองใชอยาง เหมาะสมและไดส ดั สวนกับวตั ถปุ ระสงคทชี่ อบดวยกฎหมายเปน สาํ คญั á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ºÔ ÑμÔ (๑) เมื่อมีการชุมนุมหรือประทวง เจาหนาที่ตํารวจจะตองใชความอดทนอดกล้ัน ใหมากท่ีสุด ไมคุกคามหรือแสดงตัวเปนปฏิปกษกับผูชุมนุม หลีกเล่ียงการกระตุนย่ัวยุเพื่อปองกัน ไมใ หส ถานการณล กุ ลามบานปลาย (๒) ควรจัดใหม ีการติดตอ ประสานงาน เจรจาตอรองกับตวั แทนของผูช มุ นุม
๑๑๖ (๓) ตองมีการฝกอบรมอยางตอเนื่องและจริงจังเก่ียวกับการปฏิบัติตอการชุมนุม เรียกรองตางๆ ในเร่ืองการใชอุปกรณเคร่ืองมือการปฐมพยาบาลเบื้องตน รูปขบวน รวมถึงการใช จติ วทิ ยาในการเจรจา (๔) จดั ทําและบงั คบั ใชระเบยี บปฏบิ ัตงิ านที่ชัดเจนในเรือ่ งการใชก าํ ลงั และอาวุธ (๕) การควบคุมฝูงชนท่ีมีประสิทธิภาพท่ีสุด จะตองดํารงไวซ่ึงความเปนระเบียบ เรยี บรอย ความปลอดภยั ของสาธารณะและไมล ะเมิดสิทธมิ นุษยชน (๖) ในกรณีภาวะฉุกเฉิน จะตองมีประกาศอยางเปนทางการกอนจึงจะสามารถ ใชมาตรการพิเศษได แตยงั ตอ งเคารพในหลักสทิ ธมิ นษุ ยชน (๗) อาวุธปนจะใชไดตอเมื่อตกอยูในสถานการณคับขับสุดขีดเทานั้น และตองใช เพอ่ื ปอ งกนั ตนเองหรอื ผอู นื่ เพอื่ มใิ หเ สยี ชวี ติ หรอื ไดร บั บาดเจบ็ จากภยั คกุ คามทกี่ าํ ลงั จะมาถงึ เพอื่ การ จับกุมหรือปองกันการหลบหนีของบุคคลท่ีกอ อาชญากรรมรายแรงเปนพเิ ศษ ที่อาจนําไปสภู ัยคุกคาม รา ยแรงตอชีวิต (๘) ในเวลากลางคืนน้ัน ไมควรใชอาวุธปนอยางเด็ดขาดเพราะจะทําใหเกิดปญหา การจํากัดขอบเขตความรนุ แรง แตอาจใชอ าวธุ อยางอื่นที่ไมเ ปนอันตรายตอ ชวี ติ หรอื ถึงตายได (๙) ข้นั ตอนการใชอาวธุ ปน ตองแสดงตัวใหทราบวาเปนเจาหนาทต่ี าํ รวจ แลว ออก คําสั่งเตือนชัดเจนโดยตองใหเวลาที่เพียงพอสําหรับการปฏิบัติตามคําส่ังเตือนได แตถาหากทําตาม ขน้ั ตอนแลว ลา ชา อาจสง ผลใหเ จา หนา ทห่ี รอื บคุ คลอน่ื ไดร บั อนั ตรายถงึ แกช วี ติ หรอื ไดร บั บาดเจบ็ สาหสั ก็ไมจ าํ เปนตองปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนการใชอ าวธุ ปนได (๑๐) หากมีการใชอาวุธปน ก็จะตองระมัดระวังในการใชใหไดสัดสวนระหวาง ความรุนแรงของการกระทาํ ผดิ กบั วัตถุประสงคของการใชอ าวุธทถ่ี กู ตองและชอบธรรมตามกฎหมาย (๑๑) การใชอาวุธปนนั้น จะตองใชใหเกิดการสูญเสียและบาดเจ็บนอยที่สุด (Minimize Damage and Injury) และจะตอ งเคารพและรกั ษาไวซง่ึ ชวี ติ ของเพื่อนมนษุ ย (๑๒) ภายหลังที่มีการใชอาวุธปนแลวตองรีบใหการชวยเหลือทางการแพทยกับ ผูท ี่ไดร ับบาดเจบ็ แลวแจงใหญ าตหิ รือผูที่ไดร บั ผลกระทบจากเหตุดงั กลา วทราบ (๑๓)เมอื่ มกี ารใชอ าวธุ ปน แลว ตอ งมหี ลกั ประกนั วา ญาตหิ รอื เพอ่ื นสนทิ ของผทู ไี่ ดร บั บาดเจบ็ หรือของผทู ีไ่ ดรบั ผลกระทบ ตอ งไดรับการเคลื่อนยายออกจากบริเวณทเี่ กดิ เหตุใหเรว็ ทีส่ ดุ (๑๔)หมั่นฝกฝน และศึกษาหาความรูเกี่ยวกับการใชอาวุธปน รวมถึงเทคนิค การจูงใจ การไกลเ กลี่ย การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการใชก าํ ลงั หรอื อาวธุ ปนดังกลา ว
๑๑๗ ¢ÍŒ ¤ÇÃÃÐÇѧ¡ÒÃ㪌กําÅ§Ñ áÅÐÍÒÇ¸Ø »¹„ ๑) ตอ งอยูภายในขอบเขตของกฎหมายทใ่ี หอ าํ นาจ ๒) ตองใชความอดทนอดกลั้นและควบคุมอารมณของตนเองใหมากที่สุด พยายาม หลกี เลีย่ ง การใชกาํ ลงั และอาวธุ ๓) พยายามใชหลักจิตวิทยาช้ีแจงทําความเขาใจ ชักจูง โนมนาวใหผูชุมนุมเคารพ กฎหมาย รกั ษาความสงบเรยี บรอ ยเพอ่ื ความสงบสขุ และใหเ หน็ แกป ระโยชนข องประชาชนสว นใหญ กลุมอื่นๆ ดวย หากการชุมนุมทวีความรุนแรงมากขึ้นจนกลายเปนการจลาจลขึ้น เจาพนักงาน ผปู ฏบิ ตั งิ านจะตอ งรบี รายงานใหผ บู งั คบั บญั ชาเหนอื ชนั้ ขน้ึ ไปทราบและสง่ั การแกไ ขปญ หาโดยดว น หากไมส ามารถหลีกเล่ียงการใชก ําลังได เจา พนกั งานผปู ฏบิ ตั ิจะตอ งใชวิจารณญาณในการใชกาํ ลัง เทา ทจี่ าํ เปน โดยเฉพาะการเรม่ิ ใชอ าวธุ ทไ่ี มเ ปน อนั ตรายตอ ชวี ติ หรอื ถงึ ตายกอ นและการใชก าํ ลงั นน้ั จะตอ งไดสัดสวนกับความรุนแรงของฝูงชนนัน้ ดวย ๔) ตองคํานึงถึงหลักสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของความเปนมนุษย ของผูชมุ นุมเสมอ ʋǹÊÃ»Ø ในการปฏิบัติหนาที่ของขาราชการตํารวจท่ีเก่ียวของกับหลักสิทธิมนุษยชนนั้นคือ การปฏิบัติงานท่ีไมสงผลกระทบตอสิทธิและเสรีภาพที่ประชาชนไดรับการรับรองและคุมครองไว ดังนั้นเจาหนาที่ตํารวจผูปฏิบัติจะตองมีกรอบและแนวทางการปฏิบัติหนาท่ี เพ่ือใหเปนมาตรฐาน ตามหลักสากลและเปนไปตามหลักกฎหมายที่บัญญัติใหการรับรองและคุมครองในเร่ืองสิทธิ มนุษยชนเอาไว ซึ่งกรอบและแนวทางในการปฏิบัติหนาที่ท่ีขาราชการตํารวจจะตองยึดถือ ไดแก การยดึ ถอื ปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานสทิ ธมิ นษุ ยชนสากลสาํ หรบั เจา หนา ทผี่ บู งั คบั ใชก ฎหมาย ซงึ่ ประกอบดว ย การยดึ ถอื ประมวลกฎหมายและจรยิ ธรรม การรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยภายใตก ารปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย การไมเลือกปฏิบัติในการบังคับใชกฎหมาย เปนตน นอกจากนี้ในการปฏิบัติหนาท่ี เจาหนาที่ตํารวจจะตองมีหลักและแนวทางในการปฏิบัติหนาท่ีในดานตางๆ ตามหลักสิทธิมนุษยชน นนั้ คือการปฏบิ ตั หิ นา ท่ใี นดา นการสบื สวน การสอบสวน การสอบปากคํา การจบั การคน การควบคมุ รวมไปถงึ การใชก าํ ลงั และอาวธุ เพอื่ มใิ หก ารปฏบิ ตั หิ นา ทส่ี ง ผลกระทบตอ หลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนทปี่ ระชาชน ไดรับการคุมครองและยังเปน การสงเสรมิ และคมุ ครองสทิ ธิมนษุ ยชนอกี ดวย
๑๑๘ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ ๑. ใหอ ธบิ ายถงึ มาตรฐานสทิ ธมิ นษุ ยชนสากลสาํ หรบั เจา หนา ทต่ี าํ รวจผบู งั คบั ใชก ฎหมาย มาพอสังเขป พรอ มทัง้ ยกตวั อยา งประกอบคําอธบิ าย ๒. ใหอธิบายถึงแนวทางในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีตํารวจในดานการปองกัน ปราบปรามอาชญากรรมตามหลักสิทธมิ นษุ ยชน ๓. กําหนดสถานการณสมมุติ โดยใหนักเรียนแสดงบทบาทเปนเจาหนาที่ตํารวจ ผูบังคับใชกฎหมายซ่ึงตองปฏิบัติหนาท่ีในสถานการณที่กําหนด เพื่อทดสอบความรูความเขาใจ และปฏิภาณไหวพริบในการปฏบิ ัติหนา ที่ใหเปน ไปตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธมิ นษุ ยชนสากล
๑๑๙ àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §ÍÔ§ วนั ชยั ศรนี วลนดั และคณะ. (๒๕๕๖). ¤Á‹Ù Í× ¡Òû¯ºÔ μÑ §Ô Ò¹¢Í§à¨ÒŒ ˹Ҍ ·ตèÕ าํ ÃǨμÒÁËÅ¡Ñ Ê·Ô ¸ÁÔ ¹ÉØ Âª¹. กรงุ เทพฯ : สาํ นักงานคณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแหง ชาติ
๑๒๐ จัดพมิ พโ ดย โรงพิมพตํารวจ ถ.เศรษฐศิริ ดุสติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท ๐-๒๖๖๘-๒๘๑๑-๓ โทรสาร ๐-๒๒๔๑-๔๖๕๘
“เปนองคกรบังคับใชกฎหมายที่นําสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพ�อใหประชาชนเช�อมั่นศรัทธา” พลตํารวจเอก สุวัฒน แจงยอดสุข ผูบัญชาการตํารวจแหงชาติ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128