มะเร็งก้อนแขง็ หรือมะเร็งเนื้องอกร้ายNeuroblastomaมะเร็งไต Wilms’tumorมะเร็งตา Retinoblastomaเนื้องอกทสี่ มอง มะเร็งกล้ามเนื้อลาย (Rhabdomyosarcoma)
เนื้องอกชนดิ ร้ายแรงของระบบประสาท (Neuroblastoma)เกิดจากเซลลป์ ระสาท Neural crest ท่ีตามปกติจะเจริญเป็น Sympathetic ganglion cell พบไดต้ ามแนวเสน้ ประสาทซิมพาเธติค อาจพบกอ้ นในช่องทอ้ ง ช่องอก แต่พบมากที่สุดคือ ส่วนเมดลั ลา ของต่อมหมวกไต สาเหตุ ไม่ทราบ อาจถ่ายทอดทางพนั ธุกรรมได้
กอ้ นเน้ืองอกอาจเกิดข้ึนท่ีจุดใดกไ็ ดต้ ามแนวของSympathetic nervous system chain ที่พบมากที่สุดคือ abdominal บริเวณ adrenal medulla
อาการและอาการแสดงมีก้อนในช่องท้อง หรือส่วนอ่ืนๆ ของร่างกาย เช่น ช่องอก ก้อนบริเวณ หลงั ลูกตา มีกอ้ นแขง็ ในช่องทอ้ ง กอ้ นอยกู่ บั ที่ อาการของการทก่ี ้อนกดอวยั วะต่าง ๆ ถ้ามีการแพร่กระจายของมะเร็ง กอ็ าจทาให้เกดิ ตาโปน มีรอยช้ารอบ ๆ ตา ปวดกระดูก หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว ความดนั โลหิตสูง อาการทัว่ ไป มีไข้ นา้ หนักลด ถ่ายเหลวบ่อยคร้ัง
การวนิ ิจฉัยตรวจร่างกาย จะพบอาการซีด หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิต สูง หรืออาจพบก้อนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การเจาะไขกระดูก อาจพบเซลล์มะเร็งกระจายไปทไ่ี ขกระดูก มลี กั ษณะ การรวมตัวกนั เป็ นแบบเฉพาะ เรียกว่า rosettle formation CBC ซีด เกร็ดเลือดต่า หากมกี ารกระจายไปทกี่ ระดูก U/S IVP CT abdomen ในรายทเี่ ป็ นทตี่ ่อมหมวกไต ผล IVP จะพบไตปกตแิ ต่ไตข้างทีอ่ ยู่ข้าง เดยี วกบั ก้อนมะเร็งจะถูกดันลงตา่ ตรวจปัสสาวะ 24 ชั่วโมงหาสาร VMA พบว่าสูง
การแบ่งระยะของโรคตาม the International Staging System for Neuroblastoma คือระยะที่ 1 มีก้อนเฉพาะท่ี ผ่าตัดออกได้หมด ไม่มีก้อนที่ต่อมนา้ เหลืองระยะท่ี 2A มีก้อนข้างเดยี วของเส้นแบ่งกลางลาตวั ผ่าตดั ออกไม่หมด ยงั ไม่มีก้อนทตี่ ่อมนา้ เหลืองระยะท่ี 2B มกี ้อนข้างเดยี วของเส้นแบ่งกลางลาตวั ผ่าตัดออกไม่หมด มี ก้อนท่ีต่อมนา้ เหลืองด้านเดยี วกนัระยะท่ี 3 ก้อนโตข้ามเส้นแบ่งกลางลาตวั พร้อมด้วยมหี รือไม่มกี ้อนที่ ต่อมนา้ เหลือง หรือเป็ นก้อนท่ีด้านเดียวและมตี ่อมนา้ เหลืองด้านตรงข้าม หรือมกี ้อนตรงกลางพร้อมกบั ต่อมนา้ เหลืองโตท้งั สองข้าง
การแบ่งระยะของโรคระยะท่ี 4 โรคกระจายไปทต่ี ่อมนา้ เหลืองทอ่ี ยู่ไกล กระดูก ไขกระดูก ตบั และ/หรืออวัยวะอ่ืน นอกจากระยะท่ี 4 - Sระยะท่ี 4S มกี ้อนเฉพาะท่ีแบบระยะ 1 หรือ 2 แต่มกี ารกระจายไป เฉพาะทตี่ ับ ผวิ หนังและ/หรือไขกระดูก
การรักษาการผา่ ตดั จะทาไดใ้ นระยะท่ี 1 – 2 ถา้ ผา่ ตดั ไดห้ มด หรือถา้ ไม่แน่ใจวา่ หมดกใ็ ชร้ ังสีรักษาร่วมกบั เคมีบาบดั รังสีรักษา เน้ืองอกชนิดน้ีไวต่อการรักษาดว้ ยรังสียกเวน้ ผปู้ ่ วยในระยะที่ 1 ซ่ึงสามารถผา่ ตดั ออกไดห้ มด ในผปู้ ่ วยเดก็ และวยั รุ่นที่มีกอ้ นโตมาก ๆ กอ็ าจใชร้ ังสีรักษาเพือ่ ใหก้ อ้ นเลก็ ลงก่อนการผา่ ตดั เคมีบาบดั มกั จะใชร้ ักษาร่วมกบั การผา่ ตดั หรือรังสีรักษา การรักษาดว้ ย วิธีน้ีจะใชเ้ ม่ือมีการกระจายของโรคไปยงั อวยั วะต่าง ๆ แลว้ การรักษาดว้ ยการปลูกถ่ายไขกระดูก ทาในผปู้ ่ วยท่ีมีการพยากรณ์โรคไม่ ดี โดยทาร่วมกบั การใชย้ าเคมีบาบดั
เนื้องอกทไี่ ต (Wilms’ tumor หรือ nephroblastoma)มะเร็งของไตเป็ นภาวะทเ่ี นื้อไตช้ันพาเรนไคมา (parenchyma) มกี ารเจริญ ผดิ ปกติ จนกลายเป็ นก้อนเนื้องอกภายในเนื้อไต ส่วนใหญ่มขี นาดใหญ่จน คลาได้ทางหน้าท้อง พบได้บ่อยในเด็กเลก็ โดยเฉพาะอายุ 2-3 ปี
สาเหตุไม่ทราบแน่นอน เชื่อวา่ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของเน้ือเยอื่ ช้นั mesoderm ผดิ ปกติต้งั แต่ระยะท่ีทารกเป็น ตวั อ่อน (embryo)
พยาธิสรีรภาพมะเร็งของไตน้ีมีตน้ กาเนิดจากเซลลเ์ น้ือเยอื่ ช้นั มีโซเดริ ์ม (mesoderm) ซ่ึง เกิดไดใ้ นทุกส่วนของไต ดงั น้นั เซลลม์ ะเร็งมีต้งั แต่ส่วน epithelium cell, blastema cell และ stroma cell กอ้ นมะเร็งมกั มีขนาดใหญ่ ทาใหม้ ี อาการทอ้ งโตหรือคลากอ้ นไดใ้ นทอ้ ง มะเร็งมกั จะลุกลามไปอวยั วะ ขา้ งเคียงผา่ น capsule หรืออาจลุกลามเขา้ หลอดเลือดไต(renal vein) ทา ใหม้ ีอาการถ่ายปัสสาวะเป็นเลือดได้ อวยั วะท่ีลุกลามบ่อยคอื ต่อม น้าเหลืองใกลเ้ คียงและปอด
อาการคลาพบกอ้ นในช่องทอ้ งเป็นอาการที่พบมากที่สุดการคลากอ้ นบ่อยๆอาจทาใหก้ อ้ นแตกหรือมะเร็งกระจายไปที่อื่นได้มกั ไม่คอ่ ยมีอาการปวดทอ้ งแมก้ ่อนค่อนขา้ งใหญ่ซ่ึงจะต่างจาก neuroblastoma แต่อาจพบได้ ปัสสาวะเป็นเลือดซีด จากเลือดออกในกอ้ นปวดทอ้ ง มีไข้ เบ่ืออาหาร คล่ืนไสอ้ าเจียน ความดนั โลหิตสูง จากการท่ีกอ้ นมะเร็งกดเน้ือไตทาใหเ้ กิดการหลงั่ สาร เรนิน (rennin) เพม่ิ ข้ึน
การวนิ ิจฉัยการซกั ประวตั ิ อายขุ องเดก็ การพบกอ้ นในทอ้ ง อาการท่ีพบร่วมเช่น ปัสสาวะเป็นเลือด น้าหนกั ลด เบ่ืออาหารการตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ ตรวจเลือดอาจพบเมด็ เลือดแดงต่ากรณีท่ีมี เลือดออกอาจพบ ภาวะเลือดแดงมากกวา่ ปกติ(Polycythemia) ค่าครีเอตินิน (creatinine) BUN มกั ปกติ ยกเวน้ กรณีท่ีเป็นท่ีไตท้งั สองขา้ งอยา่ งรุนแรงจะ มีคา่ สูง ตรวจปัสสาวะอาจพบเมด็ เลือดแดง
การวนิ ิจฉัยการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจโดยการฉีดสารทึบแสงเขา้ ในหลอดเลือดดา เพอื่ ขบั ออกที่ไต (intravenous pyelogram,IVP) มกั พบวา่ ไตขา้ งที่เป็นมี ขนาดใหญ่ข้ึน มีการขบั ถ่ายเลวลง(poor excretion)calyx ของไตจะบิดเบ้ียวหรืออยผู่ ดิ ท่ี เน่ืองจากถูกกดหรือเบียดดว้ ยกอ้ น เน้ืองอก หรือสารทึบแสงที่ฉีดเขา้ ไปอาจไม่ถูกขบั ออกมาเน่ืองจาก กอ้ นมะเร็งอุดก้นั ระบบการทางานของไตขา้ งท่ีเป็นโรค
การวนิ ิจฉัยการตรวจรังสีปอด (chest x-ray) อาจพบ nodular infiltration เพอื่ ดูการ ลุกลามของมะเร็งการทา CT scan การทา Ultrasound พบวา่ มีกอ้ น บอกไดว้ า่ มี tumor thrombus ใน renal vein สามารถแยกcyst ออกจาก solid tumor บางที่มี การใชc้ omputerized tomography หรือ magnetic resonance imaging
การแบ่งระยะของโรคตาม National Wilms Tumor RegistryStage I กอ้ นมะเร็งจากดั อยทู่ ่ีไตและถูกตดั ออกไดห้ มดไม่มีเน้ือ มะเร็งกระจายผา่ นผนงั ไต และกอ้ นเน้ือไม่แตกขณะผา่ ตดัStage II กอ้ นมะเร็งกระจายอยนู่ อกไตแต่ถูกตดั ออกไดห้ มด เน้ือ มะเร็งกระจายเขา้ หลอดเลือดนอกไต หรือมีกอ้ นเน้ือลอยในหลอดเลือด (tumor throbi)Stage III เน้ือมะเร็งเหลืออยใู่ นช่องทอ้ ง ไดแ้ ก่ 1. พบโรคในต่อมน้าเหลืองในช่องทอ้ ง 2. กอ้ นมะเร็งแตกและมีการกระจายของน้า เน้ือไปทว่ั ในช่องทอ้ ง
การแบ่งระยะของโรคตาม National Wilms Tumor Registry 3. พบเน้ือมะเร็งกระจายบนเยอ่ื บุช่องทอ้ ง 4. มะเร็งกระจายไปนอกขอบเขตผา่ ตดั อาจเป็นการกระจายในระดบั จุลภาค หรือกระจายใหเ้ ห็นไดเ้ ป็นกอ้ น 5. ผา่ ตดั นากอ้ นเน้ือออกมาไดไ้ ม่หมดเพราะมะเร็งกระจายแทรกไปใน อวยั วะสาคญั อื่นStage IV มะเร็งกระจายทางกระแสเลือดไปส่วนต่างๆของร่างกายStage V พบโรคท่ีไตท้งั สองขา้ งเมื่อวนิ ิจฉยั โรคคร้ังแรก
การรักษาการรักษาจะขนึ้ อยู่กบั ระยะของโรคเป็ นสาคญั การรักษาจะได้ผลดที ส่ี ุด เมื่อใช้ การผ่าตดั รังสีรักษาและยาเคมีบาบัดร่วมกนั
โรคมะเร็งทจี่ อตา (Retinoblastoma)มะเร็งท่ีจอตาเป็นมะเร็งของตาที่พบบ่อยที่สุดในเดก็ เลก็มกั พบในเดก็ ที่อายนุ อ้ ยกวา่ 4 ปี (ปรีดา วาณิชยเศรษฐกลุ ,2542:1758)เกิดจากความผดิ ปกติของเซลลใ์ นเรตินา เป็นโรคท่ีอาจมีการถ่ายทอดทาง พนั ธุกรรม เช่น ครอบครัวมีบุตรคนหน่ึงเป็นมะเร็งท่ีจอตา (Retinoblastoma) มีโอกาสที่บุตรคนอื่นๆจะเป็นโรคน้ี
สาเหตุไม่ทราบ แต่พบว่าสามารถถ่ายทอดทางพนั ธุกรรมแบบ autosomal dominantบางรายพบวา่ มีความผดิ ปกติของยนี ท่ีแถบ14 บน โครโมโซมคูท่ ่ี 13 (13 q 14, retinoblastoma gene) ซ่ึงเป็นตาแหน่งของ retinoblastoma gene ขาดหายไป เช่ือกนั วา่ retinoblastoma gene เป็น tumor suppressor gene ซ่ึงเป็นยนี ท่ีควบคุมการเจริญเติบโต ของเซลล์
พยาธิสรีรภาพเซลลม์ ะเร็งจะแทรกเขา้ ไปในช้นั vitreous ของตา หรืองอกไปที่ช้นั เรตินา (retina) ทาใหเ้ กิดการลอกหลุดของจอประสาทตา และทาใหเ้ กิดความ ผดิ ปกติในการมองเห็น
อาการและอาการแสดงมีลกั ษณะตาวาวคลา้ ยตาแมว คือจะเห็นแกว้ ตาสีเหลืองปนเทา (leukocoria)ถา้ กอ้ นมะเร็งมีขนาดใหญ่หรือมีจอตาหลุดลอก อาการที่พบรองลงมาคือตาเหล่ มกั พบในระยะเริ่มเป็น เกิดจาก กอ้ นมะเร็งท่ี macula ทาใหเ้ สีย central vision และเสีย fusional reflex จึง เกิดตาเหล่อาการอ่ืนๆที่พบคอื ตาแดง ปวดตา ลูกตาอกั เสบ hyphema ม่านตาคงท่ี (fixed pupil) heterochromia iridis และสายตาไม่ดีในเดก็ เลก็ ท่ีเป็นโรคที่ ตาขา้ งเดียวจะไม่สามารถรู้สึกวา่ มองเห็นไม่ชดั และจะไม่มีอาการปวดตา
https://www.youtube.com/watch?v=gOSYpzz_5b0
การวนิ ิจฉัย1. ตรวจตาดว้ ย ophthamoscope จะมองเห็นกอ้ นสีชมพปู นครีมจนถึงสี ขาวเหลืองยน่ื เขา้ มาใน vitreous2. ภาพรังสีลูกตา (plain x-ray orbital) พบร่องรอยของมะเร็งท่ีรอบลูกตา (extraorbital spread)3. CT scan, MRI เพื่อดูลกั ษณะการลุกลามของมะเร็ง4. ตรวจไขกระดูกและน้าไขสนั หลงั เพอื่ ดูการแพร่กระจายของมะเร็ง
การรักษาการผา่ ตดั เอากอ้ นเน้ืองอกออกพร้อมท้งั ลูกตา (enucleation หรือ exenteration) เคมีบาบดั ยาที่ใชไ้ ดผ้ ลคือ vincristine, cyclophosphaminde รังสีรักษาอาจใหท้ ้งั ก่อนและหลงั การผา่ ตดั
Rhabdomyosarcoma มะเร็งของกลา้ มเน้ือลาย เกิดไดต้ ามอวยั วะต่างๆทวั่ ร่างกาย พบไดท้ ้งั เดก็ เลก็และเดก็ โต เด็กเลก็ อายุตา่ กว่า 2 ปี มกั พบที่กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก ช่องคลอดและเชิงกราน มากท่ีสุด รองลงมาพบที่ โพรงจมูก ช่องหู และตา เด็กโตและวยั รุ่น พบไดท้ วั่ ไป เช่น ตา หู คอ ทรวงอก ช่องทอ้ ง ช่องคลอดลูกอณั ฑะ และขา Rhabdomyosarcoma ที่เกิดในช่องคลอดมีลกั ษณะพเิ ศษคลา้ ยพวงองุ่นยนื่ ออกมาและมีเลือดออกมาทางช่องคลอดได้
เนื้องอกสมอง (BRAIN TUMOR) ไม่ว่าจะเป็ นเนื้องอกธรรมดา หรือเนื้องอกมะเร็ง จดั ว่าเป็ นโรคท่ีมี ความรุนแรง อาการของเนื้องอกสมองขนึ้ อยู่กบั ตาแหน่งของสมองทเ่ี ป็ น ตาแหน่งที่พบบ่อยคือ cerebellum อ่ืนๆ ได้แก่ cerebrum , pons, สมองส่วนกลาง โพรงสมอง ต่อมต่างๆในสมอง สาเหตุ ความผดิ ปกตทิ างพนั ธุกรรม สารเคมี มารดาสูบบุหรี่ อาการ ปวดศีรษะ ชัก แขนหรือขาด้านเดยี วกนั อ่อนแรง เดนิ เซ ล้ม สายตาผดิ ปรกติ ความดนั กะโหลกศีรษะสูงในเดก็ เลก็
เนื้องอกสมอง (BRAIN TUMOR)❖ การรักษาทส่ี าคญั ทส่ี ุด คือ การผ่าตดั แต่ขนึ้ อยู่กบั ตาแหน่งท่ีเป็ น ด้วย ขนาดของก้น ชนิดของเนื้องอก❖ รังสีรักษา❖ เคมีบาบดั
เดก็ โรคมะเร็งเสียชีวติ จากอะไร??❖ เสียชีวติ จากโรคเอง ดือ้ ต่อยาเคมบี าบดั โรคย้อนกลบั เป็ นซ้า❖ การตดิ เชื้อรุนแรง เม็ดเลือดขาวตา่❖ ภาวะเลือดออกอย่างรุนแรง
การรักษาโรคมะเร็ง การผ่าตดั ยาเคมีบาบัด การฉายรังสี การปลูกถ่ายไขกระดูก ยาชีวภาพ(Biologic therapy)
การรักษาด้วยยาเคมบี าบัดหมายถึง การรักษาโรคมะเร็งดว้ ยการให้ยาเพื่อทาลายหรือขดั ขวางการ แบ่งตวั ของเซลลม์ ะเร็ง เป็นการยบั ย้งั การเจริญเติบโตและการแพร่กระจาย ของเซลลม์ ะเร็งไปยงั อวยั วะอื่น แต่ละคร้ังของการให้ยาจะใชเ้ วลาเท่าใด ข้ึนอยู่กับชนิดของโรคหรือเน้ืองอก ชนิดยาเคมีบาบัด แผนการรักษา ผลตอบสนองต่อการรักษาและสุขภาพร่างกายของผปู้ ่ วยที่มีต่อผลขา้ งเคียง ของยา
จุดประสงค์ในการใช้ยาเคมบี าบัด เพื่อรักษาโรคมะเร็งโดยสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ทว่ั ร่างกายโดยไม่ทา อนั ตรายต่อเซลล์ปกติ ยาส่วนใหญ่ไม่สามารถผ่านเข้าสู่สมอง
ประโยชน์การรักษาด้วยเคมบี าบัดแบ่งเป็ น 3 กลุ่ม1. การรักษาให้หายขาด (Cure) ทาให้ผู้ป่ วยมีอายุยืนยาวเท่ากบั คนปกติ ทไี่ ม่เป็ นมะเร็ง (เพศและกล่มุ อายุเดยี วกนั )2. การควบคุมโรค (Control) เพ่ือคุมให้มะเร็งหยุดเจริญเตบิ โตชั่วคราวโดยอาจช่วยยืดอตั ราการรอดชีวติ และเวลากลบั เป็ นซ้าของโรค3. การบรรเทาอาการ (Palliative) เพื่อให้ผู้ป่ วยสุขสบายขึน้ ไม่ได้ยืดอตั ราการรอดชีวติ แต่ผู้ป่ วยจะมชี ีวติ อยู่ อย่างมีคุณภาพชีวติ
ชนิดของยาเคมบี าบัด โดยท่วั ไปมี 6 กลุ่มคือ1. Alkylating agents ออกฤทธ์ิต่อเซลลม์ ะเร็งทุกระยะของวงจร (Cell cycle non-specific) ยาในกลุ่มน้ีไดแ้ ก่ Cyclophosphaminde, Ifosfamide2. Antimetabolites ออกฤทธ์ิจาเพาะต่อระยะหน่ึงของวงจรชีวติ ของเซลล์ (Cell cycle specific) ในระยะ S phase ที่กาลงั สร้าง DNA ไดแ้ ก่Cytarabine HCL (Cytosine arabinoside)Fluorouracil (5-FU)Methotrexate (MTX)Mercaptopurine (6 MP)Thioguanine (6TG)
ชนิดของยาเคมบี าบัด โดยทัว่ ไปมี 6 กล่มุ คือ3. Anibiotics ออกฤทธ์ิยบั ย้งั การแบ่งเซลลใ์ นระยะ metaphase อยใู่ นกลุ่ม Cell cycle specificBleomycinDactinomycin (Actinomycin D)Doxorubicin (Adriamycin)Mitomycin C
ชนิดของยาเคมบี าบัด โดยท่ัวไปมี 6 กลุ่มคือ4. Alkaloids ยบั ย้งั การสร้าง RNA และ DNA ยาในกลุ่มน้ีไดแ้ ก่Vinblastine sulfateVincristine sulfate5. HormonesHydroxprogesterone caproateMedroxyprogesterone acetate (Provera)Megestrol acetate (Megace)
ชนิดของยาเคมบี าบดั โดยทว่ั ไปมี 6 กลุ่มคือ6. Corticosteroids ไดแ้ ก่ Dexamethazone , Prednisolone7. Other เป็ นยากล่มุ Synthetic compound ไดแ้ ก่Cis-platinum diammine dichlorideVP-16213 (epipodophyllotoxin ethylidine glucoside)
ยาอ่ืนๆทใี่ ช้ร่วมกบั ยาเคมบี าบดัLeucovorin เป็นวติ ะมินใชร้ ่วมกบั 5-FU ช่วยเพิ่มฤทธ์ิของยาใหม้ ากข้ึน และช่วยป้องกนั การเกิดอาการขา้ งเคียงของยา MTXMesna เป็นยาที่ใหเ้ พือ่ ป้องกนั การเกิดกระเพาะปัสสาวะอกั เสบ ถ่าย ปัสสาวะเป็นเลือด จากการใหย้ า Ifosphamide และ Cyclophosphamide ใน ขนาดที่สูงๆZofran(Ondansetron &Plasil เป็นยาแกอ้ าเจียน ที่นิยมใหผ้ ปู้ ่ วย รับประทานก่อนไดร้ ับยาเคมีบาบดั ประมาณ 30 นาที
ยาเคมบี าบดั ทใี่ ช้ฉีดเข้าหลอดเลือด แบ่งได้ 3 กลุ่ม1. Non – Vesicants เป็นยาเคมีบาบดั ชนิดท่ีไม่ทาอนั ตรายต่อเน้ือเยอ่ื เช่น MTX, 5-FU, Endoxan, Bleomycin, Cisplatinum2. Irritants เป็นยาเคมีบาบดั ชนิดที่ทาอนั ตรายต่อเน้ือเยอื่ แต่ไม่รุนแรงมาก คือ ออกนอกหลอดเลือด จะทาใหเ้ กิดการอกั เสบ ปวดแสบปวดร้อน แต่ไม่ พบอนั ตรายถึงข้นั กลา้ มเน้ือตาย เช่น Carmustine, Dacarbaszine3.Vesicants เป็นยาเคมีบาบดั ชนิดท่ีทาอนั ตรายต่อเน้ือเยอื่ ไดอ้ ยา่ งรุนแรง ถา้ ออกนอกหลอดเลือด จะทาใหเ้ น้ือเยอื่ ตาย มีอาการรุนแรงมาก ปวดแสบ ปวดร้อน เช่น Adriamycin, Mitomycin C, Actinomycin D, Nitrogen mustard, Vincristine
หลกั การใช้ยาร่วมกนัไดร้ ับการพิสูจน์แลว้ วา่ มีผลดีในการรักษามะเร็งจะตอ้ งออกฤทธ์ิในระยะต่างกนัมีพิษขา้ งเคียงต่างกนั
- พษิ ขา้ งเคียงของยาเคมีบาบดั แต่ละระบบ- ยาเคมีบาบดั ที่ใชบ้ ่อยในเดก็
การพยาบาลก่อนให้ยาเคมบี าบดัการเตรียมยาควรมสี ถานทเ่ี ตรียมยาเคมีบาบดั โดยเฉพาะ บางแห่งจะมหี น่วยเฉพาะสาหรับ ผสมยาเคมีบาบัดซ่ึงผสมโดยเภสัชกร ในสถานทแี่ ยกต่างหาก มตี ู้พเิ ศษ ( vertical laminar air – flow hood ) ซ่ึงมรี ะบบการหมุนเวยี นของอากาศ ทป่ี ้องกนั การฟุ้งกระจายของยา ถ้าไม่มีสถานทดี่ ังกล่าว ควรจัดสถานท่ี แยกต่างหาก ไม่ควรอยู่ในสถานทมี่ ีลมพดั อยู่ตลอดเวลา เพราะจะเกดิ การ ฟุ้งกระจายของยา ถังผงทใี่ ส่ของทส่ี ัมผสั หรือแปดเปื้ อนกบั ยาควรแยก ต่างหากกบั ขยะอ่ืนๆ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115