ห น ้ า | 45 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ข้นั ท่ี 2 รถฮมั วี หรอื ประจำปี 24 = 24 เดอื น หรือประจำ 2 ปี วธิ กี ารปฏิบตั ิ งาน (ล) และ ประจำเดือน (ด) ตามที่กำหนดไว้ในตารางการ ปบ. การตรวจ 9-2320-280-10 จนแลว้ เสร็จ แล้วจงึ ดำเนินการตรวจต่อไป อซ่อมบำรุงระบบแบตเตอร่ีในขณะสูบบุหร่ี ,ใกล้กองไฟ, นำไฟเข้ามาใกล้ หรือ กายไฟ เพราะแบตเตอรอ่ี าจระเบิดข้นึ ทำใหย้ ทุ โธปกรณ์ รือตายได้ บ ต่าง ๆ ท่ีเป็นโลหะ เช่นแหวน,สร้อยคอ,กำไล,นาฬิกา ฯลฯ ออกจากตัว ดับเหล่านี้ สัมผัสกับขั้วแบตเตอร่ีหรือสายแบตเตอรี่ อาจทำให้เกิดการลัดวงจร บุคคลบาดเจบ็ หรือยทุ โธปกรณเ์ สียหายได้ มความต้องการและกำหนดไว้ใน คท.9-6140-200-14 รอ้ ย, ความม่นั คงและการทำงานของสง่ิ เหล่าน้ี ผงควบคุม ต่าง ๆ รทาน, คำแนะนำ และขอ้ ควรระวงั ตา่ ง ๆ สมอยู่ เช่นโคลน,กรวดทราย,ใบไม้ ฯลฯ ออกจากใต้ทอ้ งรถ,ดา้ นหลงั แผง
ตารางท่ี 15 การปรนนบิ ตั บิ ำรงุ การตรว ค = 6 เดือน หรอื ครึง่ ปี 12 = 12 เดือน ลำดบั ชว่ งระยะเวลา ส่ิงทีต่ ้องตรวจ วิธกี ารปฏบิ ัติ ค 12 24 ปดิ อุปกรณ์ และโครงรถ โ 12 * ตวั รถ (ต่อ) (2.) ล้างทำความสะอาดใต (3.) ตรวจความหลวมคลอ 13 * ระบบระบายความรอ้ น และการชำรุดเสยี หายโดย หอ้ งเครื่องยนต์ * สายพาน (1.) ตรวจความมั่นคงของ 14 * ระบบไอดี หม้อนำ้ รังผึง้ , กรอบพัดลม 15 * ตรวจสภาพและทำความ เครอ่ื งระบายความร้อนนำ้ (2.)ตรวจสภาพของนำ้ ระบ ตรวจสายพานทุกเส้นด้ว นิวตัน.เมตร) ถ้าสายพานม ทำความสะอาดไสก้ รองอ
ห น ้ า | 46 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ข้นั ท่ี 2 รถฮัมวี หรอื ประจำปี 24 = 24 เดือน หรอื ประจำ 2 ปี โดยใช้เหลก็ แซะ, แปรงลวดหรือเครื่องมอื ที่เหมาะสม ตามความจำเป็น ตท้ ้องรถ และซอกมุมตา่ ง ๆ ของรถ อนของหมุดย้ำ ต่าง ๆ การหลวมคลอนหรือหลุดหายของสลักเกลียว ตา่ ง ๆ ยทวั่ ไปของตวั รถ งแท่นยึด,ส่วนรองรับ, การร่ัวไหลและการเสือ่ มสภาพของหม้อเก็บน้ำล้น, ม, เคร่ืองระบายความรอ้ นนำ้ มนั เครื่อง, ท่อยาง ทกุ อนั และข้อต่อ ต่าง ๆ มสะอาดหลอดน้ำ,หลอดน้ำมัน,ครีบระบายความร้อนของหม้อน้ำรังผ้ึงและ ำมันเครอ่ื งตามความจำเปน็ บายความรอ้ น วยเครื่องวัดความตึง สายพาน ควรได้ความตึงอย่างน้อยที่สุด 50 ปอนด์(222 มีความตงึ นอ้ ยกวา่ น้ใี หป้ รบั สายพาน (หัวข้อท่ี 3-76) อากาศ และหม้อกรองอากาศ
ตารางท่ี 15 การปรนนิบตั บิ ำรุง การตรว ค = 6 เดอื น หรือ คร่ึงปี 12 = 12 เดือน ลำดบั ช่วงระยะเวลา สิง่ ทีต่ อ้ งตรวจ วิธกี ารปฏิบัติ ค 12 24 (1.) ตรวจความมน่ั คงของ (2.) ตรวจการขนั แนน่ ของ 16 * * หบี ควบคมุ วงจรไฟฟ้า 17 * สายไฟ ตรวจสภาพสายไฟ และช เรียบรอ้ ย ถ้าสายไฟชำรดุ
ห น ้ า | 47 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ข้ันท่ี 2 รถฮมั วี หรือประจำปี 24 = 24 เดือน หรือประจำ 2 ปี งอุปกรณย์ ึดหบี ควบคมุ วงจรไฟฟ้า (2) งปลอกเกลยี ว (1) ขวั้ ตอ่ สายไฟ หีบควบคุมวงจรไฟฟ้า (2) ชุดสายไฟ ต่าง ๆ เพื่อหาการหลุดลุ่ย แยกตัว ฉนวนฉีกขาด หรือต่อไว้ไม่ ดจนแกไ้ ขไมไ่ ดใ้ หร้ ายงานสง่ ซ่อม
ตารางที่ 15 การปรนนิบตั บิ ำรงุ การตรว ค = 6 เดือน หรือ ครง่ึ ปี 12 = 12 เดอื น ลำดบั ช่วงระยะเวลา สิ่งทต่ี ้องตรวจ วธิ กี ารปฏิบตั ิ ค 12 24 (1.) ตรวจรอยบบุ หรอื แตก (2.) เปล่ียนไส้กรองนำ้ มัน 18 * ระบบนำ้ มนั เช้อื เพลิง (3.) ตรวจการร่ัวไหลหรือ ต่อ ตา่ ง ๆ ถ้าพบขอ้ บกพร * (4.) ตรวจการหลวมคลอ น้ำมนั เชื้อเพลงิ ให้ขันแน * *
ห น ้ า | 48 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ขั้นท่ี 2 รถฮัมวี หรอื ประจำปี 24 = 24 เดอื น หรือประจำ 2 ปี กรา้ วของหมอ้ กรองนำ้ มนั เชือ้ เพลิง (1) ท่อี าจทำใหเ้ กดิ การรั่วไหลข้ึนได้ นเช้ือเพลงิ อการชำรุดเสียหายของป๊ัมสูบฉีดน้ำมันเช้ือเพลิง ท่อน้ำมันแรงดันสูง และข้อ รอ่ งดังกลา่ วใหร้ ายงานส่งซอ่ ม อน ฉีกขาด แตกรา้ วหรอื คดงอทอี่ าจทำให้เกดิ การรั่วไหลของท่อทางเดิน น่นข้อตอ่ ท่ีหลวมคลอน และเปลย่ี นส่ิงทีช่ ำรุด
ตารางที่ 15 การปรนนิบตั ิบำรงุ การตรว ค = 6 เดือน หรือ ครง่ึ ปี 12 = 12 เดือน ลำดบั ชว่ งระยะเวลา ส่ิงทีต่ ้องตรวจ วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ค 12 24 19 * เคร่ืองพยุงตัวรถ และระบบ (1.) ถอดลอ้ รถ และตรวจ * บังคบั เลยี้ ว (2.) ตรวจปีกนก (1) แหน เปลี่ยนสิง่ ทชี่ ำรุดเสยี หายห
ห น ้ า | 49 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ขน้ั ที่ 2 รถฮมั วี หรอื ประจำปี 24 = 24 เดือน หรอื ประจำ 2 ปี จสภาพลกู หมากปกี นกตัวลา่ งและตวั บน นบรถ (2) เคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน (3) และแท่นยึด เพื่อดูความเสียหาย ให้ หรอื รายงานส่งซอ่ ม
ตารางที่ 15 การปรนนิบตั บิ ำรุง การตรว ค = 6 เดือน หรือ ครงึ่ ปี 12 = 12 เดอื น ลำดับ ชว่ งระยะเวลา สง่ิ ที่ตอ้ งตรวจ วธิ ีการปฏิบตั ิ ค 12 24 19 * เครื่องพยุงตัวรถ และระบบ (3.) ตรวจการหกั , แตกร้า บังคับเล้ียว (ต่อ) แขนคนั ชัก (5) , คนั ชกั (6 * (4.) ตรวจความม่ันคงของ ดว้ ยแรงบดิ 60 ปอนด/์ ฟตุ * (5.) ตรวจการรว่ั ไหลหรือช ลิ้นควบคุมคลัตช์พัดลม แ ส่ิงทชี่ ำรดุ เสียหาย
ห น ้ า | 50 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ขัน้ ที่ 2 รถฮมั วี หรือประจำปี 24 = 24 เดือน หรือประจำ 2 ปี าว, คดงอ และการสึกหรอของขอ้ ต่อออ่ นแกนพวงมาลยั , คนั ส่ง (4), 6) ,และแขนพยงุ คนั ชัก (7) ใหเ้ ปล่ยี นสงิ่ ทช่ี ำรดุ บกพร่อง งอุปกรณย์ ึดหีบเฟอื งพวงมาลัย และขนั แน่นสลักเกลียวยดึ หีบเฟืองพวงมาลัย ต (81 นิวตัน. เมตร) ชำรดุ เสยี หายของปมั๊ ระบบบงั คับเลี้ยว, เครอื่ งทวกี ำลงั บงั คบั เล้ยี ว, และท่อทางเดินน้ำมันไฮดรอลิก ให้ขันแน่นข้อต่อที่หลวมคลอน และเปล่ียน
ตารางที่ 15 การปรนนบิ ตั ิบำรงุ การตรว ค = 6 เดอื น หรอื ครง่ึ ปี 12 = 12 เดือน ลำดบั ชว่ งระยะเวลา สิ่งท่ตี อ้ งตรวจ ค 12 24 20 * ยางรถ (1.) ตรวจการสึกหรอไม่เท ตามภาพทีแ่ สดงไว้ * (2.) ขันแน่นแป้นเกลียว ตามลำดบั การขันแนน่ ทแ่ี ส
ห น ้ า | 51 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ขน้ั ท่ี 2 รถฮัมวี หรือประจำปี 24 = 24 เดือน หรอื ประจำ 2 ปี วธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ท่ากันของยางรถ และถา้ พบวา่ ยางสึกหรอไม่เท่ากนั ให้ทำการหมุนเวียนยาง วยึดกงล้อ (1) ด้วยแรงบิด 90-110 ปอนด์/ฟุต(122-149 นิวตัน.เมตร) สดงไว้น้ี ผังแสดงลำดบั การขันแนน่
ตารางที่ 15 การปรนนิบตั ิบำรุง การตรว ค = 6 เดอื น หรอื ครึง่ ปี 12 = 12 เดอื น ลำดับ ชว่ งระยะเวลา สิง่ ทตี่ ้องตรวจ วิธกี ารปฏิบตั ิ ค 12 24 (3.) ตรวจสอบ และจัดปรบั (1.) ตรวจการร่ัวไหล และก 20 * ยางรถ (ตอ่ ) นำ้ มันและข้อตอ่ ต่าง ๆใหข้ หมายเหตุ 21 * ระบบห้ามลอ้ ใหเ้ ปล่ยี นแผ่นผ้าห * นำรถไปใช้งานในพ (2.) ตรวจการสึกหรอของแ นอ้ ยกว่า 1/8 นว้ิ (3.2 มม.)
ห น ้ า | 52 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ข้นั ที่ 2 รถฮมั วี หรือประจำปี 24 = 24 เดือน หรอื ประจำ 2 ปี บแนวล้อของล้อหนา้ และลอ้ หลัง การชำรุดเสียหายของแม่ปั๊มห้ามล้อ, เคร่ืองทวีกำลังห้ามล้อ, ท่อทางเดิน ขันแน่นข้อตอ่ ท่ีหลวม และเปล่ียนสว่ นท่ชี ำรุด ห้ามล้อทเ่ี หลือความหนาน้อยกว่า 3/16 นว้ิ (4.8 มม.) เมื่อคาดว่าจะต้อง พ้ืนทีเ่ ปน็ โคลนเลน แผน่ ผ้าห้ามล้อหลัก (1) และให้เปลี่ยนแผ่นผ้าหา้ มล้อ (1) ที่เหลือความหนา
ตารางท่ี 15 การปรนนบิ ตั ิบำรงุ การตรว ค = 6 เดอื น หรอื ครึง่ ปี 12 = 12 เดือน ลำดับ ชว่ งระยะเวลา สิ่งที่ตอ้ งตรวจ ค 12 24 21 * ระบบห้ามล้อ (ตอ่ ) (3.) ตรวจการสึกหรอของ หนาน้อยกวา่ 1/8 นว้ิ (3. * โครงรถ, คานขวาง และสว่ น (4.) ทำการตรวจและจดั ป ยดึ โยง ใต้ทอ้ งรถ 22 * (1.) ตรวจการแตกร้าว, ห * ตา่ ง ๆ ของโครงรถและสว่ สญู หาย (2.)ตรวจการแตกร้าว, หัก ต่าง ๆ ของคานขวางแล เปล่ยี นสิ่งทชี่ ำรุดหรอื สญู ห
ห น ้ า | 53 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ขน้ั ที่ 2 รถฮมั วี หรือประจำปี 24 = 24 เดือน หรือประจำ 2 ปี วิธกี ารปฏิบัติ งแผ่นผ้าห้ามล้อจอดรถ (2) และให้เปล่ียนแผ่นผ้าห้ามล้อ (2) ที่เหลือความ .2 มม.) ปรบั ห้ามลอ้ จอดรถ หัก, คดงอ, สึกหรอ, เสื่อมสภาพ,สูญหาย หรือหลวมคลอนของเคร่ืองยึดตรึง วนประกอบ ใหข้ ันแนน่ สิง่ ทีห่ ลวมคลอน และเปล่ียนสิ่งทชี่ ำรุดหรอื ก, คดงอ, สึกหรอ, เส่ือมสภาพ,สูญหาย หรือหลวมคลอนของเคร่ืองยึดตรึง ะส่วนยึดโยงโครงรถและส่วนประกอบ ให้ขันแน่นส่ิงที่หลวมคลอน และ หาย
ตารางที่ 15 การปรนนิบตั บิ ำรงุ การตรว ค = 6 เดือน หรอื คร่งึ ปี 12 = 12 เดือน ลำดบั ช่วงระยะเวลา สงิ่ ที่ตอ้ งตรวจ ค 12 24 23 * แท่นเครื่องยนต์ และแทน่ เครือ่ ง (1.) ใช้ข้อต่อกุญแจวัด เปลีย่ นความเร็ว แท่นเคร่ืองยนต์ ด้วยแ แท่นเคร่ืองยนต์ด้วยแ เครอื่ งยนตก์ ับโครงรถด * (2.) ใช้ขอ้ ต่อกญุ แจวดั เฟืองช่วยไว้กับเครอ่ื งเ 24 * มอเตอรห์ มุนเครอ่ื งยนต์ ตรวจความมั่นคงของแ แรงบิด 40 ปอนด/์ ฟุต 25 * องค์ประกอบของหน่วยส่งกำลัง (1.) ตรวจความม่ันคง, ขับเคลอ่ื น ปลายเพลา ให้ขันแนน่ * (2.) ตรวจการรั่วไหล ยางกนั ร่วั ทีช่ ำรดุ หรือ * (3.) ปรบั ลกู ปืนดมุ ล้อ * (4.) ตรวจความมน่ั คง, ทดเล้ยี ว ให้ขันแน่นส่ิง * (5.) ตรวจการร่วั ไหล ห สง่ ซอ่ มหีบเฟอื งทดเลยี้
ห น ้ า | 54 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ข้นั ท่ี 2 รถฮมั วี หรอื ประจำปี 24 = 24 เดือน หรอื ประจำ 2 ปี วิธีการปฏบิ ัติ ดแรงบิดขนาด 9/16 นิ้ว และขนาด 3/4 นิ้ว ทำการขันแน่นสลักเกลียวยึด แรงบิด 37 ปอนด์/ฟุต(50 นิวตัน.เมตร) และขันแน่นสลักเกลียวยึดลูกยาง แรงบิด 37 ปอนด์/ฟุต(50 นิวตัน.เมตร) และขันแน่น แป้นเกลียวยึดแท่น ด้วยแรงบดิ 60 ปอนด/์ ฟุต(82 นิวตนั .เมตร) ดแรงบดิ ขนาด 9/16 นิว้ และขนาด 3/4 น้ิว ทำการขันแนน่ สลกั เกลียวยดึ หบี เปลยี่ นความเร็วด้วยแรงบดิ 65 ปอนด/์ ฟุต(88 นิวตนั .เมตร) แทน่ ยดึ มอเตอรห์ มนุ เคร่ืองยนต์ และทำการขันแนน่ สลกั เกลยี วยึดดว้ ย ต(54 นวิ ตนั .เมตร) , แตกร้าว และเสื่อมสภาพของท่อระบายแรงดัน และข้อต่อของหีบเฟืองขับ นสิ่งท่ีหลวมคลอน และเปลีย่ นส่วนทีช่ ำรดุ หรอื สญู หาย หรือการชำรุดเสียหายของยางกันรั่วของหีบเฟืองขับปลายเพลา ให้เปลี่ยน อหบี เฟืองทชี่ ำรดุ (หัวขอ้ ท่ี 6-12) , แตกร้าว และเสอื่ มสภาพของทอ่ ระบายแรงดัน และขอ้ ต่อของหีบเฟอื ง งทีห่ ลวมคลอน และเปล่ยี นสว่ นทช่ี ำรดุ หรอื สญู หาย หรือการชำรดุ เสียหายของยางกันรว่ั ของหบี เฟอื งทดเลย้ี วและให้รายงาน ยวท่พี บว่ายางกันรั่วทช่ี ำรุด หรือหบี เฟอื งท่ีชำรุด
ตารางที่ 15 การปรนนิบตั ิบำรงุ การตรว ค = 6 เดอื น หรือ ครึง่ ปี 12 = 12 เดือน ลำดบั ชว่ งระยะเวลา สง่ิ ทตี่ อ้ งตรวจ วิธกี ารปฏบิ ตั ิ ค 12 24 25 * องค์ประกอบของหน่วยส่งกำลัง (6.) ตรวจการชำรุดเส ขับเคล่ือน (ต่อ) เปลีย่ นหัวอัดไขขน้ ท่ีช * (7.) ขันแน่นสลักเกลีย เมตร) ขันแน่นสลักเก และแป้นเกลียวเหล็กร (8.) ขนั แนน่ สลักเกลีย 26 * เครื่องเปลย่ี นความเร็ว (1.) ตรวจความมั่นคง เปล่ียนความเร็ว ใหข้ ัน * (2.) ตรวจการคดงอ, เคร่อื งเปลยี่ นความเร็ว 27 * เสียหาย (1.) ตรวจความม่ันคง, * หีบเฟอื งช่วย ให้ขันแน (2.) ตรวจการคดงอ, แ หบี เฟอื งช่วยท่จี ะทำให
ห น ้ า | 55 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ขนั้ ท่ี 2 รถฮัมวี หรอื ประจำปี 24 = 24 เดือน หรือประจำ 2 ปี สียหาย, การหลวมคลอน และช้ินส่วนสูญหายของข้อต่ออ่อน ต่าง ๆ ให้ ชำรุด, ชนิ้ สว่ นที่สูญหาย หรอื ชำรดุ ยวยึดหน้าแปลนเพลาหน้าด้วยแรงบิด 13-18 ปอนด์/ฟุต (18-24 นิวตัน. กลียวยึดหน้าแปลนเพลาหลังด้วยแรงบิด 60 ปอนด์/ฟุต (80 นิวตัน.เมตร) รปู ตัวยู \"U\" ดว้ ยแรงบิด 21 ปอนด/์ ฟตุ (28 นิวตัน.เมตร) ยวยดึ เพลาขับหน้าดว้ ยแรงบดิ 48 ปอนด/์ ฟุต (65 นวิ ตัน.เมตร) ง, แตกร้าว และเส่ือมสภาพของท่อระบายแรงดัน และข้อต่อของเครื่อง นแน่นสิ่งทีห่ ลวมคลอน และเปลยี่ นส่วนทช่ี ำรดุ หรือสูญหาย แตกร้าว ,ระยะฟรีมากเกินควร และการชำรุด อ่ืน ๆ ของก้านโยงคันเกียร์ ว ที่จะทำใหเ้ กิดความลม้ เหลวในการทำงาน และเปลี่ยนสว่ นทีช่ ำรุด , แตกรา้ ว และเสอ่ื มสภาพของทอ่ ระบายแรงดัน และขอ้ ต่อของ นน่ สงิ่ ทีห่ ลวมคลอน และเปล่ยี นสว่ นท่ชี ำรุดหรือสญู หาย แตกรา้ ว ,ระยะฟรมี ากเกินควร และการชำรดุ อ่ืน ๆ ของก้านโยงคันเกียร์ ห้เกดิ ความล้มเหลวในการทำงาน และเปล่ยี นสว่ นทช่ี ำรดุ เสยี หาย
ตารางที่ 15 การปรนนิบตั ิบำรุง การตรว ค = 6 เดือน หรอื ครึ่งปี 12 = 12 เดือน ลำดับ ช่วงระยะเวลา ส่งิ ทตี่ ้องตรวจ วิธีการปฏบิ ัติ ค 12 24 (1.) ตรวจการคดงอ, แตก เครือ่ งยนตท์ ี่จะทำให้เกดิ ค 28 * ก้านโยงคนั เร่งเครอ่ื งยนต์ หมายเหตุ ใหก้ ารหล่อลื่นรถตามทกี่ ำ 29 * สว่ นประกอบของท่อไอเสีย ตรวจการแตกร้าว หรือหล รัว่ ไหลของไอเสีย ให้ขนั แน ------------------------------
ห น ้ า | 56 วจ และการบรกิ าร (PMCS) ขัน้ ที่ 2 รถฮัมวี หรอื ประจำปี 24 = 24 เดือน หรือประจำ 2 ปี กร้าว ,ระยะฟรีมากเกินควร และการชำรดุ อ่นื ๆ ของกา้ นโยงคันเรง่ ความลม้ เหลวในการทำงาน และเปล่ยี นส่วนทชี่ ำรดุ เสยี หาย ำหนดไวใ้ น คล.9-2320-280-12 ลวมคลอนของทอ่ ไอเสยี , หม้อเก็บเสียง และเครอ่ื งแขวนโยง ตรวจการ นน่ ส่ิงทห่ี ลวมคลอน และเปลย่ี นส่ิงท่ชี ำรดุ เสยี หาย -------
ห น ้ า | 57 วชิ า การใช้และซ่อมบารุง รยบ. 1 1/4 ตนั 4 X 4 ยูนิมอ็ ก แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศึกษา โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดศิ ร สระบุรี
ห น ้ า | 58 โรงเรียนทหารมา้ ศนู ยก์ ารทหารมา้ แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศึกษา คา่ ยอดิศร สระบุรี ---------- คท.ประจำรถยูนิม็อก (UNIMOG U1100 L/29, 4 x 4 ) วชิ าคณุ ลักษณะและมาตราทาน รยบ.1 1/4 ตนั 4x4 “ ยนู มิ ็อก ” 1. คุณลักษณะทั่วไป รยบ.1 1/4 ตัน, 4 x 4 (UNIMOG U 1100 L/29) เป็นรถใช้งานราชการท่ัวไปที่ ออกแบบเพ่ือใช้กับสภาพถนนทุกประเภท ทั้งในภูมิประเทศและทุกสภาพอากาศ รถแบบน้ีสามารถขับ เคลื่อนท่ีได้ 4 ล้อ (ขับเคลื่อนได้ 4x2 และ 4x4, 4x4 ล็อคเฟืองทดเลี้ยว) โดยสามารถขับเคล่ือนล้อหน้าไดต้ าม สภาพของถนนและภูมิประเทศ แต่ควรจะปลดออกการขับเคล่ือนล้อหน้าออกขณะวิ่งบนถนนท่ีมีพ้ืนท่ีแข็ง และราบเรียบ กำลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถได้จากเคร่ืองยนต์ดีเซล 4 จังหวะ แบบฉีดตรงลงห้องเผาไหม้ ระบายความร้อนด้วยของเหลว (น้ำ) 6 สูบแถวเรียงเดี่ยว ระบบห้ามล้อเป็นระบบทำงานด้วยของเหลว (น้ำมัน) ร่วมอากาศ ชนิด 2 วงจร ท้ัง 4 ล้อ และมีห้ามล้อมือซึ่งทำงานด้วยกลไกบังคับท่ีล้อหลัง (โดยใช้สาย หา้ มล้อมือโยงมาที่ล้อหลัง) และที่ตวั รถ จะมีทส่ี ำหรับเก็บเครื่องมอื สนามดว้ ย และมีขอลากจูงทางด้านหน้า 2 ตวั ด้านหลงั 2 ตวั ทางท้ายรถจะมีขอพ่วงสำหรบั ลากรถพว่ ง รยบ.1 1/4 ตัน 4 x 4 UNIMOG U 1100 L/29 สามารถใชล้ ุยน้ำทมี่ ีพื้นดินรับนำ้ หนักรถได้ลกึ 0.8 เมตร 2. มาตราทาน อา่ งน้ำมนั เครอ่ื งมีความจุ 11.0 ลิตร หีบเฟอื งทดเล้ยี ว 2.5 ลติ ร เครอ่ื งเปลีย่ นความเร็ว 2.5 ลติ ร ระบบระบายความร้อน ด้วยนำ้ ยาง -จำนวนผา้ 12 ชนั้ -ขนาด 12.5 x 20 นว้ิ -จำนวน 5 เส้น ความดันลมยาง ลอ้ หนา้ - บนถนน 3.5 บาร์ (51 ปอนด/์ ตร.นว้ิ ) - ภูมปิ ระเทศ 2.0 บาร์ (30 ปอนด/์ ตร.นว้ิ ) ล้อหลงั - บนถนน 4.1 บาร์ (60 ปอนด/์ ตร.นว้ิ ) - ภูมิประเทศ 2.5 บาร์ (40 ปอนด/์ ตร.นว้ิ ) * (1 บาร์ = 14.7 ปอนด์/ตร.นว้ิ ) ขนาด ความยาว -ความยาวตัวรถ 5,100 มม. -ความยาวชว่ งล้อ 2,900 มม. ความกว้าง -ความกวา้ งตวั รถ 2,150 มม. -ความกวา้ งชว่ งลอ้ 1,616 มม.
ห น ้ า | 59 ความสงู -ไม่มนี ำ้ หนักบรรทกุ 2,700 มม. พลประจำรถ (พลขบั ) 2 นาย ความเร็วสงู สดุ 96.7 กม./ ชวั่ โมง ระยะปฏบิ ตั ิการ 600 กม. การลุยน้ำลกึ 120 มม. รศั มวี งเลี้ยว 625 มม. นำ้ หนักบรรทกุ - บนถนน 2,500 กก. - ในภมู ิประเทศ 1,250 กก. น้ำหนกั รวมสูงสดุ 6,000 กก. น้ำหนักลากรถพ่วงสูงสดุ (ไมม่ หี า้ มล้อ) 1,500 กก. น้ำหนักกดท่ีขอพว่ งสงู สุด 350 กก. พนื้ ทบ่ี รรทกุ 6 ตร.ม. มุมถงึ ลาด (ไม่มีกว้านหน้ารถ) 45 องศา มุมจากลาด (ไม่มีกันชนท้าย) 45 องศา ระยะต่ำสุดใต้ทอ้ งรถ 440 มม. แครร่ ถ แบบโครงรถ Chassis UNIMOG U 1100 L/29 (4x4) เครอื่ งยนต์ Mercedes-Benz OM 352 เคร่อื งดเี ซล 6 สูบ 4 จังหวะรอบ เรียงแถวเดย่ี ว ชนดิ ฉีดนำ้ มนั เช้ือเพลิงลงหอ้ งเผาไหม้โดยตรง ระบายความรอ้ นด้วยของเหลว - แรงมา้ 110 แรงม้า (DIN) - ลำดบั การจุดระเบดิ 1 - 5 - 3 - 6 -2 - 4 -รอบเครือ่ งยนต์สูงสดุ 2,800 รอบ/นาที -อุณหภมู ิปฏิบัติงาน 71 - 95 องศา ซ.( 170 - 190 องศา ฟ.) -แรงดันน้ำมนั เครอื่ งปกติ 2 - 5 บาร์ -แรงดันนำ้ มันเคร่ืองเดินเบา 0.6 บาร์ - ความเร็วสูงสุด 96.7 กม./ชม. - ความสิ้นเปลืองนำ้ มนั เชอ้ื เพลิง (บนถนน) 5 กม./ลิตร (ในภมู ิประเทศ) 2 กม./ลิตร ความจุ ความจุถงั นำ้ มันเช้อื เพลิง 120 ลติ ร ความจุนำ้ มนั เครือ่ งยนต์ 11 ลติ ร ความจนุ ้ำมันไฮดรอลกิ ระบบบงั คับเลย้ี ว 3 ลติ ร ความจนุ ำ้ มันระบบหา้ มลอ้ 0.8 ลิตร ความจุนำ้ มันหล่อล่ืนกว้านหนา้ 4.5 ลติ ร แรงดึงสงู สุดของกว้านหนา้ 6,400 กก. ลวดกว้านยาว 45 เมตร เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 13 มม.
ห น ้ า | 60 ระบบไฟฟา้ 24 โวลท์ จำนวนแบตเตอร่ี 2 หม้อ 12 โวลท์ 70 แอมป.์ - แบบ แบบอนั ดับ ขั้วลบลงดนิ การต่อวงจร 5 - 10 มม. ความตึงหยอ่ นของสายพานพดั ลม สารหล่อล่ืน เกรด 40 เกรด 10 -นำ้ มนั เครื่องยนต์ เกรด 90 -นำ้ มันบงั คบั เล้ียว -น้ำมันเครอ่ื งเปลีย่ นความเรว็ ***************
ห น ้ า | 61 แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรยี นทหารม้า ศูนย์การทหารมา้ ค่ายอดิศร สระบรุ ี ---------- เอกสารเพิ่มเตมิ วิชา เคร่ืองควบคุม คนั บงั คบั และเครอื่ งวัด และการใช้ รยบ.1 1/4 ตนั , ยูนมิ ็อก \" UNIMOG U 1100 L/29 (4x4) \" 1. กล่าวท่ัวไป ในลำดบั ตอ่ ไปนี้จะกล่าวถึงตำแหน่งติดต้ัง หน้าที่ และรายละเอยี ดขององคป์ ระกอบตา่ งๆ ของ เครอื่ งควบคุม คันบงั คับ และเครือ่ งวัดต่าง ของ รยบ.1 1/4 ตนั ยูนิมอ็ ก \" UNIMOG U 1100 L/29 (4x4) \" 2. เครือ่ งควบคมุ และคนั บังคบั ที่ใช้ในการขบั รถ มีดังนี้ 2.1 คันบังคับเครื่องเพิ่มเพลาขับหรือคันเกียร์ช่วย (TRANSFER) จะใช้เพื่อต่อหรือปลด การขับคันบังคับนี้ มี 4 ตำแหนง่ คอื (1) LOW (ขบั ในภมู ิประเทศ) (2) HI (ขับทางเรียบ) (3) N (ปลดหรอื วา่ ง) (4) R (ถอยหลัง) การเปล่ียนตำแหน่งคันเกียร์ช่วยกระทำได้โดยไม่ต้องหยุดรถหรือเหยียบคลัตช์ การเปล่ียนเกียร์ช่วย เกียร์หลักต้องวา่ งเสียก่อน 2.2 คนั เกียรห์ ลัก จะเปน็ คันเกยี รเ์ ครอ่ื งเปลย่ี นความเรว็ มี 4 ความเรว็ คือ (1) เกียร์ 1 (2) เกียร์ 2 (2) เกยี ร์ 3 (4) เกยี ร์ 4 การเปลีย่ นตำแหนง่ เกยี ร์จะต้องเหยียบคลัตชท์ กุ ความเรว็ 2.3 ปมุ่ เปล่ยี นการขบั เคลอื่ น ปุ่มนจ้ี ะอยูข่ า้ งคนั เกียรห์ ลัก มรี ปู รา่ งคลา้ ยหางปลา ใช้บดิ มี 3 ตำแหน่ง คือ (1) 4 x 2 (2) 4 x 4 (3) 4 x 4 ล็อค (จะมไี ฟแดงตดิ ) หมายเหตุ การใช้ตำแหน่ง 4 x 4 ล็อค ต้องให้ล้อทั้ง 4 ล้อ หมุนด้วยความเร็วเท่า ๆ กันเสียก่อน แล้วจึงเข้า 4 x 4 ล็อค 2.4 สวิตชไ์ ฟใหญ่แบตเตอร่ี มี 2 ตำแหนง่ คือ (1) ตำแหนง่ 0 เปน็ ตำแหน่ง \"ปดิ \" กระแสไฟฟา้ ทกุ อยา่ งในรถ (2) ตำแหน่ง 1 เปน็ ตำแหนง่ \"เปดิ \" อุปกรณ์ไฟฟา้ ภายในทำงานไดต้ ามปกติ 2.5 สวติ ช์กญุ แจไฟฟา้ มี 3 ตำแหนง่ คอื (1) ตำแหนง่ 0 เป็นตำแหนง่ \"ตัดกระแสไฟฟ้า\" (2) ตำแหน่ง 1 เปน็ ตำแหน่ง \"ไฟแสดงการประจุไฟ\" (3) ตำแหน่ง 2 เปน็ ตำแหน่ง \"สตารท์ เคร่อื งยนต\"์
ห น ้ า | 62 2.6 ป่มุ หมนุ ติดเครอ่ื งยนต์ ป่มุ น้ีอยดู่ ้านหน้าของแผงหนา้ ปัดรถ ใชก้ ดเม่อื ตอ้ งการหมนุ ติดเครอื่ งยนต์ 2.7 คนั เรง่ มือ มดี ้วยกนั 3 ตำแหนง่ คือ (1) ตำแหนง่ 0 เปน็ ตำแหนง่ \"ดบั เคร่ืองยนต\"์ (2) ตำแหน่ง 1 เปน็ ตำแหน่ง \"เดนิ เบา\" (3) ตำแหน่ง 2 เป็นตำแหน่ง \"เร่งเคร่อื งยนต\"์ คันเร่งมือจะใช้เพ่ือตั้งรอบเดินเบาเคร่ืองยนต์ ดับเคร่ืองยนต์ และเพื่อเร่งเคร่ืองยนต์ไว้ในรอบท่ี ต้องการใช้งาน 2.8 สวิตชไ์ ฟแสงสวา่ ง เป็นสวติ ชล์ ูกบดิ มตี ำแหนง่ ไฟขบั ปกติ และตำแหน่งไฟพราง ดังนี้ 2.8.1 ตำแหนง่ ไฟสอ่ งสวา่ งปกติ มี 2 ตำแหน่ง คอื (1) ตำแหนง่ 1 เป็นตำแหนง่ \"ไฟหร\"่ี (2) ตำแหน่ง 2 เปน็ ตำแหนง่ \"ไฟใหญ่\" (สงู -ต่ำ) หมายเหตุ ตำแหน่ง “TAG” ปิดของสวิตช์ระบบไฟแสงสว่าง 2.8.2 ตำแหนง่ ไฟพราง มี 4 ตำแหนง่ คือ (1) ตำแหน่ง 0 เปน็ ตำแหนง่ \"ปิดระบบไฟพราง\" (2) ตำแหนง่ S1 เป็นตำแหน่ง \"ไฟพรางหา้ มล้อ\" (3) ตำแหนง่ S2 เป็นตำแหน่ง \"ไฟพรางหนา้ \" (4) ตำแหน่ง S3 เป็นตำแหนง่ \"ไฟพรางหนา้ -หลัง\" วิธีเปดิ ไฟพราง ให้ปฏิบตั ิ ดงั น้ี - บดิ ลกู บดิ ไปทตี่ ำแหน่ง “TAG” - กดลกู บดิ ลงพร้อมกับบิดไปท่ี 0 - ดันสลักล็อคสวิตช์ มาทางซา้ ยมือ แล้วบดิ ลกู บดิ ไปยังตำแหนง่ S1, S2 หรอื S3 ข้อควรระวัง 1. กอ่ นดนั สลกั ล็อคเพือ่ เปล่ียนตำแหน่งไฟ ใหบ้ ดิ ลกู บดิ ไปท่ีตำแหน่ง “TAG” ก่อน 2. การบดิ ลกู บิดระหวา่ งตำแหนง่ “TAG” กบั ตำแหนง่ 0 จะต้องกดลูกบดิ ลงพร้อมกบั การบิดเสมอ 2.9 สวิตช์ไฟเล้ียว สวิตช์ แตรและและสวิตช์ไฟสูง-ต่ำ จะรวมกันไว้เป็นสวิตช์รวมอยู่ทางด้านซ้ายของ ปลอกแกนพวงมาลัยรถ 2.9.1 แตร ใชก้ า้ นของสวิตชร์ วม เมอื่ กดยบุ เขา้ ไปจะเปน็ การเปดิ แตร 2.9.2 สวติ ช์ไฟสูง-ตำ่ อยูท่ ี่ กา้ นสวิตช์ไฟรวม โดยการผลักข้นึ -ลง 2.9.3 สวติ ช์ไฟเล้ียว อยทู่ ี่กา้ นสวติ ชไ์ ฟรวม เมอื่ ผลักทวนเขม็ นาฬกิ า จะเปน็ ตำแหนง่ เลี้ยวซ้าย และเมอื่ ผลกั ตามเขม็ นาฬิกาจะเปน็ ตำแหน่งเลีย้ วขวา 2.10 เคร่ืองควบคมุ และคนั บงั คับอนื่ ๆ (1) สวติ ชไ์ ฟสอ่ งสวา่ ง (6) สวติ ช์ปัดน้ำผน (2) แป้นคลตั ช์ (7) สวิตช์กญุ แจไฟฟ้า (3) ห้ามล้อมือ (8) สวิตชไ์ ฟสญั ญาณฉุกเฉิน (4) คนั เร่งมือ และดบั เครื่องยนต์ (9) พวงมาลัยบังคับเลย้ี ว (5) คนั หา้ มล้อจอดรถ (10) เครอ่ื งวัดรวม (11) เคร่ืองวดั ความเรว็
ห น ้ า | 63 2.11 เคร่ืองวัดรวม เครื่องวัดต่าง ๆ ของ รยบ.1 1/4 ตัน \"UNIMOG U 1100 L/29 (4x4)\" และไฟสัญญาณ แสดงการทำงาน จะตดิ ต้ังอยบู่ นแผงเครอื่ งวัด (1) ไฟแสดงการใช้ไฟสูง ไฟดวงนี้จะตดิ สีฟา้ เม่อื ใช้ไฟสงู (2) ไฟเตอื นห้ามลอ้ มอื ไฟติดเมื่อเราห้ามลอ้ เอาไว้ (3) เคร่ืองวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องวัดนี้จะแสดงระดับน้ำมันเชื้อเพลิงภายในถังน้ำมัน เชื้อเพลิง (4) ไฟเตือนไฟเลี้ยว เปน็ ไฟสเี ขยี วจะติดเมือ่ เราใชส้ ัญญาณไฟเลย้ี วรถ (5) เครือ่ งวดั แรงดันนำ้ มันเคร่ือง แรงดันใชง้ านปกติ 3-5 บาร์ (6) ไฟเตือนแรงดันลมสำหรับใช้ในหา้ มล้อ เป็นไฟสีแดง ซึ่งจะข้ึนเมื่อลมในระบบมแี รงดันไม่เพียงพอ สำหรบั การใช้งาน (7) เคร่ืองวดั อุณหภูมขิ องเครื่องยนต์ อุณหภูมิใชง้ านปกติ 80 องศา - 90 องศา C. (8) เครอื่ งวัดแรงดันลมหา้ มลอ้ (9) เครื่องวัดความเร็ว เคร่ืองวัดน้ีจะแสดงความเร็วรถวิ่งเป็น กม./ชม.ภายในเครื่องวัดความเร็วจะ บันทกึ ระยะทางเป็น กม.ไว้ (10) สวติ ช์ไฟส่องสว่างหนา้ ปดั เครอ่ื งวดั จะส่องสวา่ งหน้าเคร่อื งวดั รวมทัง้ สองอนั เพอ่ื ชว่ ยให้ สามารถอ่านเคร่ืองวัดต่างๆ ได้ในเวลากลางคืน (11) สวิตช์ปัดน้ำฝน และสวติ ช์ล้างกระจก มีลักษณะการใช้งาน ดงั น้ี - เม่อื กดลงสุด จะเปน็ ตำแหนง่ ปดิ - เม่ือดงึ ขนั้ แรก จะเป็นตำแหน่งปัดช้า และเมื่อดึงข้ันท่ี 2 เป็นตำแหน่งปดั เร็ว - เมอ่ื บดิ ปุม่ สวิตช์ตามเขม็ นาฬิกา เปน็ การฉีดน้ำลา้ งกระจก 3. การใช้งานรถในสภาพปกติ กล่าวโดยทั่วไป รยบ.1 1/4 ตัน \"UNIMOG U 1100 L/29 (4x4)\" ในตระกูลน้ีมีกำลังขับเคลื่อนสูง ตอบสนองการเรง่ ได้ดี ระบบพยุงตวั รถเป็นแบบอิสระ ทั้ง 4 ล้อ เพื่อช่วยใหส้ บายขึ้นเม่ือว่ิงในภูมิประเทศและ ลักษณะพิเศษ สามารถวิง่ เอียงทางข้างไดม้ าก ฉะน้ันพลขับจึงจำเป็นตอ้ งทำความคุ้นเคยกับรถน้ี ให้มีความเคย ชิน และใช้รถอย่างระมดั ระวงั เพ่อื ความปลอดภัย คำเตอื นการใช้รถ 1. ใช้ความระมัดระวังเปน็ อย่างมากในการขับ รยบ.1 1/4 ตนั \"UNIMOG U 1100 L/29 (4x4)\" เพราะรถนี้มี ความคล่องตัวสูง 2. อยา่ ใช้เท้าวางบนแปน้ คลตั ช์ในขณะขบั รถ 3. อยา่ ใช้คลตั ช์เม่อื รถลงลาด ให้ใช้เกยี ร์ตำ่ ลงลาด 4. ใชค้ วามดนั ลมยางให้ถูกตอ้ งตามเกณฑ์ที่กำหนดให้ 5. อยา่ ใช้การขบั เคล่อื น 4 x 4 ล็อค บนทางเรยี บพนื้ แข็ง นอกจากข้นึ ลาดสงู ชนั หรือขบั ในภูมิประเทศ 6. ก่อนเขา้ เกียร์ถอยหลงั ตอ้ งหยดุ รถใหส้ นทิ เสยี กอ่ น 7. อยา่ เขา้ ตำแหนง่ 4 x 4 ล๊อค ในขณะลอ้ ใดล้อหน่งึ หมุนฟรีอยู่ 8. พลขบั ตอ้ งทำความคนุ้ เคยกับรถก่อนนำรถออกใช้งาน 9. เมอ่ื ลากจงู รถ ต้องเพ่มิ ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ใชค้ วามเร็วไมเ่ กิน 25 กม./ชม. 10. การใช้ 4 x 4 ลอ๊ ค ใช้แตเ่ มื่อจำเป็น ทางตรง, ลงน้ำ, ฉดุ ลาก
ห น ้ า | 64 4. การปรนนิบัติบำรงุ ก่อนใช้งาน ใหท้ ำการตรวจ ดงั น้ี 1. ระดับนำ้ ระบายความรอ้ น 2. ระดับน้ำมนั เชอ้ื เพลิง 3. ระดับนำ้ มันเครื่องยนต์ 4. ระดับน้ำมนั ระบบบงั คบั เลยี้ ว 5. ระดบั นำ้ มันห้ามลอ้ 6. ตรวจถังลม โดยการถ่ายน้ำออกถงั ลม 7. ตรวจระดับน้ำยาแบตเตอร่ี 8. บนั ทกึ การตรวจตามแบบพิมพ์ สพ.110 5. การตดิ เคร่อื งยนต์ ขั้นตอนและวธิ ีปฏบิ ตั ิ 1. จัดคันเกียรห์ ลกั ไวใ้ นตำแหน่งว่าง “N” และจดั คันเรง่ มือใหอ้ ยใู่ นตำแหนง่ เดินเบา ( ตำแหนง่ กลาง ) 2. เปิดสวิตช์ไฟแบตเตอรี่ 3. บดิ สวิตช์กุญแจไฟฟ้าไปในตำแหนง่ ท่ี 2 4. ไฟเตือนระบบประจไุ ฟสีแดงจะตดิ ขนึ้ เขม็ วดั ระดับนำ้ มันเชอื้ เพลิงทำงาน 5. เหยยี บคลัตช์ใหส้ ดุ เหยยี บคนั เรง่ เล็กนอ้ ย 6. กดปมุ่ ตดิ เคร่อื งยนต์ พอเครือ่ งยนตต์ ดิ ให้ปลอ่ ยมอื ทนั ที 7. การสตาร์ทเคร่ืองยนต์แต่ละครั้งจะต้องไม่เกิน 30 วินาที และให้รอ 30 วินาทีเม่ือจะสตาร์ทเครื่องยนต์ซ้ำ อีก 8. เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วให้สังเกตเครื่องวัดต่างๆ หากเข็มวัดแรงดันน้ำมันเครื่องไม่ทำงานภายใน 10 วินาที ให้ดับเครอ่ื งยนตท์ นั ที และแก้ไขขอ้ ขดั ขอ้ ง 9. เม่ือเคร่ืองยนต์ตดิ แลว้ ให้ใช้คันเร่งมือปรับเครื่องยนตใ์ หเ้ ดนิ น่งิ จนกระทัง่ ร้อนถงึ อุณหภมู ปิ ฏบิ ัตงิ าน หลังจากเครอื่ งยนต์ตดิ แลว้ ให้สังเกตการทำงานของสงิ่ ตอ่ ไปนี้ 1. แรงดนั น้ำมนั เครื่องยนต์ 2. อณุ หภูมิเคร่อื งยนต์ 3. ระบบบงั คบั เลี้ยว 4. ระบบหา้ มลอ้ 6. การดับเคร่ืองยนต์ 1. ใหด้ ันคันเร่งมอื ไปข้างหน้าจนสดุ เคร่อื งยนตจ์ ะดับทนั ที แล้วจงึ ดึงกลับมาไวใ้ นตำแหนง่ เดนิ เบา 2. ปดิ สวิตชไ์ ฟแบตเตอรี่ 3. ปิดสวติ ช์กุญแจไฟฟ้า กลบั คืนมาตำแหนง่ 0 4. กอ่ นดบั เครอื่ งยนต์ ทีร่ ้อนจัดใหเ้ ดนิ เบาไว้ 2 นาที แลว้ จึงดับเคร่ืองยนต์ *************
ห น ้ า | 65 วชิ า การใช้และซ่อมบารุง รยบ. 2 1/2 ตนั 6 X 6 เอม็ 35 เอ 2 แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศึกษา โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดศิ ร สระบุรี
ห น ้ า | 66 แผนกวิชายานยนต์ กองการศึกษา โรงเรยี นทหารม้า ศูนย์การทหารมา้ คา่ ยอดศิ ร สระบรุ ี ---------- เอกสารนำ วชิ า การใช้ และการปรนนบิ ัตบิ ำรงุ รยบ. 2 1/2 ตนั 6 x 6 M35, M35A2 และ M35A2C 1. ขอ้ แนะนำในการศกึ ษา วิชานี้ทำการสอนเชิงประชุม, สาธิต, ฝึกตรวจสภาพ และปรนนิบัติบำรุง รยบ. 2 1/2 ตัน 6 x 6 M35, M35Aและ M35A2C 2. หัวขอ้ สำคญั ในการศกึ ษา 2.1 คุณลกั ษณะขดี ความสามารถของรถ 2.2 คณุ ลกั ษณะและการทำงานของเครือ่ งยนตด์ เี ซล MULTIFUEL 2.3 การปรนนบิ ตั บิ ำรุงประจำวนั 2.4 รายการตรวจสอบการ ปบ.ประจำวัน 2.5 การลยุ ข้ามน้ำ 2.7 ความรับผิดชอบของพลประจำรถในการ ซบร.ข้ันท่ี 1 และการ ปบ.ประจำวนั 3. งานมอบ ให้นักเรียนอ่านเอกสารเพิ่มเติม และคู่มือเทคนิค คท.9-2320-209-10 ประจำเดือน ต.ค.1976 คำส่ังการหล่อลื่น คล. 9-2320-209-12 ประจำเดอื น ต.ค.1971 THE MULTIFUEL ENGINE OPERATION DA PAMPHLET 750-1,PS MAGAZINE ISSUED 252 NOV 1973 4. คำแนะนำพิเศษ ให้นักเรียนนำเอกสารเพ่ิมเติม และคู่มือเทคนิค ประจำรถมาเพ่ือเป็นหลักฐานประกอบ การศกึ ษา 5. เอกสารซึง่ จา่ ยพรอ้ มเอกสารนำ เอกสารเพิ่มเตมิ ************* แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรียนทหารมา้ ศูนย์การทหารมา้
ห น ้ า | 67 ค่ายอดศิ ร สระบรุ ี ---------- เอกสารเพิม่ เตมิ วิชา คุณลักษณะขดี ความสามารถ การใช้ และการปรนนิบตั บิ ำรงุ รยบ. 2 1/2 ตัน 6 x 6 M35,M35A1, M35A2 และ M35A2C 1. กล่าวโดยท่ัวไป รยบ.2 1/2 ตัน 6 X 6 ตระกูล M 44 , M 35, M35A1,M35A2 และ M35A2C ออกแบบให้เหมาะสมกับการใชง้ านทางยุทธวิธี โดยสามารถปฏิบตั ิการได้ทุกสภาพถนน ท้ังบนทางหลวงและ ในภูมิประเทศสามารถลุยข้ามน้ำที่มีดินแข็งได้ลึก 30 นิ้ว โดยไม่ต้องติดต้ังอุปกรณ์พิเศษ เคร่ืองยนต์ท่ีให้กำลัง ขบั เคล่ือนรถ มี 4 แบบ คอื 1.1 รยบ.M35 ใช้เครือ่ งยนต์แก๊สโซลนี 6 กระบอกสูบ ระบายความรอ้ นด้วยน้ำแบบ REO OA 311 มี กำลังแรงมา้ 146 แรงม้า เมื่อเครอื่ งยนต์หมนุ 3,400 รอบ/นาที 1.2 รยบ.M35A1 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล MULTIFUEL 6 กระบอกสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ จุด ระเบดิ ดว้ ยกำลังอัด แบบ LDS 427-2 มีกำลงั 140 แรงม้า เมอ่ื เครอ่ื งยนต์หมุน 2,600 รอบ/นาที 1.3 รยบ.M35A2 ใช้เคร่ืองยนต์ดีเซล MULTIFUEL 6 กระบอกสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ จุด ระเบดิ ดว้ ยกำลังอัด แบบ LD 465-1 มกี ำลัง 126 แรงม้า เมื่อเคร่ืองยนตห์ มนุ 2,600 รอบ/นาที รถร่นุ นีไ้ ด้รบั การปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น มีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็ คือ M35A2 นี้มีสวิตช์หมุนเคร่ืองยนต์ แบบใช้ปุ่มกดด้วย มือ และรุ่นลำดับท้าย ๆ ได้ติดต้ังท่อไอเสียแบบตั้งขึ้นทางด้านบน ติดกับบังโคลนด้านขวาของรถและโคมไฟ เลย้ี ว โคมไฟทา้ ยรถรนุ่ ใหมม่ ีขนาดใหญส่ ามารถมองเห็นได้ชัดเจนยงิ่ ขนึ้ 1.4 รยบ.M35A2C เป็นรถรุ่นใหม่สุด ใช้เคร่ืองยนต์ DIESEL MULTIFUEL 6 กระบอกสูบ ระบาย ความร้อนด้วยน้ำ จุดระเบิดด้วยกำลังอัด แบบ LDT 465-1 C มีกำลงั 140 แรงม้า เมื่อเครื่องยนตห์ มนุ 2,600 รอบ/นาที ซ่ึงรถรุ่นน้ีได้รับการปรับปรุงให้ดีย่ิงข้ึนไปอีก โดยใช้เคร่ืองกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ขนาด 60 แอมแปร์ รยบ. 2 1/2 ตัน ตระกูล M 44 ทั้งหมดมีการวางเคร่ืองยนต์แบบธรรมดา คือ วางอยู่ทางด้านหน้ารถ ใชเ้ ครื่องเปล่ียนความเร็ว แบบ ซินโครเมช มีความเร็วเดินหนา้ 5 ตำแหน่ง ว่าง 1 ตำแหน่ง และความเรว็ ถอย หลัง 1 ตำแหน่ง การเลือกเปล่ียนตำแหน่งความเร็ว ตา่ ง ๆ นั้นกระทำได้โดยใชค้ ันบังคับด้วยมือในห้องพลขับ สำหรับที่ตดิ ตั้งกว้านหน้านนั้ จะมีเครื่องส่งกำลงั ขบั กว้านตดิ ตั้งอยทู่ างด้านซ้ายของเครอ่ื งเปลย่ี นความเร็ว และ มีคนั บังคบั การทำงานของกว้านอย่ใู นห้องพลขบั 2. เครอื่ งเพิม่ เพลาขับ (TRANSFER) มีไว้เพื่อให้สามารถส่งกำลังขับไปยงั เพลาล้อหน้าไดแ้ ละเพมิ่ กำลังในการฉุ กลากมากย่ิงขึ้น ในการปฏิบตั ิงานในพื้นทย่ี ากลำบาก เคร่อื งเพมิ่ เพลาขับมีคันบังคบั ใช้ 2.1 ตำแหน่ง HIGH ใช้ในการขับเคลือ่ นบนถนน เมอื่ ตอ้ งการความเรว็ สงู 2.2 ตำแหนง่ LOW ใช้เมอ่ื ต้องการ กำลังฉุดลากเพมิ่ มากข้นึ 2.3 ตำแหน่ง N ในตำแหน่งนี้ รถจะไม่เคลอื่ นท่ไี ม่วา่ คนั บังคบั เครื่องเปลี่ยนความเร็วจะอยใู่ นตำแหน่ง ความเรว็ เดินหน้าหรอื ถอยหลงั กต็ าม ทางด้านหน้าของเคร่ืองเพ่ิมเพลาขับของรถแบบ M35, M35A1 และ M35A2 จะมีเครื่องขับเพลาหน้า อตั โนมัติติดตัง้ อยู่ด้วย เครื่องอุปกรณ์นี้ จะทำหน้าที่ส่งกำลังขับไปยังเพลาล้อหน้า โดยอตั โนมัติ ในกรณีท่ีล้อ หลัง ล้อใดลอ้ หน่ึง เกิดการล่ืนไถล หรือหมุนฟรี เนอ่ื งจากสูญเสียการเกาะพนื้ เครื่องขับเพลาหน้าน้ีจะทำงาน ตลอดเวลา จนกวา่ ล้อหลังจะมกี ารขับเคล่อื นตามปกติ และเมอื่ ลอ้ หลงั
ห น ้ า | 68 มีการขับเคลื่อนตามปกติแล้ว เครื่องขับเพลาหน้าจะตัดกำลังขับท่ีส่งไปยังเพลาหน้าโดยอัตโนมัติ การทำงาน ของเครื่องขับเพลาหน้าอัตโนมัติจะทำงานเช่นเดียวกัน ไม่ว่าคันบังคับเคร่ืองเพ่ิมเพลาขับจะอยู่ในตำแหน่ง HIGH หรือ LOW สำหรบั รถร่นุ M35A2 ลำดับล่าสดุ และ M35A2C จะไม่มีเครื่องขับเพลาหน้าอตั โนมัติ แต่จะได้รับการ ตดิ ต้งั เครอื่ งเข้าเพลาหน้าแบบธรรมดา ทำงานด้วยกระบอกสูบลม บังคับการทำงาน เขา้ และ ปลด การขับล้อ หน้าดว้ ยสวิตช์บังคับบนแผงหน้าปัดในห้องพลขับ นอกจากน้ี รถทุกรุ่นจะมีกระจกบังลม โครงหลังคา และแผงกระบะท่ีนั่ง สามารถถอดพับเก็บลงได้ เพือ่ ใหส้ ามารถลดความสูงของรถลงไดอ้ กี 3. รายละเอียด - เครื่องยนต์แกส๊ โซลีน REO OA331 - เครื่องยนตด์ ีเซล LDS 427-2 - เคร่ืองยนตด์ ีเซล LD 465-1 - เคร่ืองยนตด์ ีเซล LDT 465-1C 3.1 ระบบระบายความร้อน ประกอบด้วยหม้อน้ำรังผ้ึง และฝาปิดหม้อน้ำแบบควบคุมแรงดันพัดลม ระบายความร้อน เครื่องอุณหภูมิ ปั๊มน้ำ เข็มวัดอุณหภูมิ ลิ้นถ่ายน้ำมัน ท่อทางเดินต่างๆ ของระบบระบาย ความร้อน และสายพานขบั ปัม๊ นำ้ และพดั ลมระบายความร้อนแบบสายพานคูร่ ปู ตวั V 3.2 ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถทุกรุ่นติดต้ังอยู่กับโครงรถทางด้านขวา มีความจุ 50 US GALLONS - ระบบน้ำมันเช้ือเพลิงของเคร่ืองยนต์แก๊สโซลีน ประกอบด้วยถังน้ำมันเช้ือเพลิง เข็มวัดปริมาณน้ำมัน เชื้อเพลงิ คาร์บูเรเตอร์ และเครื่องควบคมุ ความเรว็ ทอ่ ทางเดนิ นำ้ มันเชื้อเพลงิ และลิน้ ปดิ -เปดิ นำ้ มนั เช้อื เพลิง - ระบบน้ำมันเช้ือเพลิงของเคร่ืองยนต์ดีเซล ประกอบด้วย ถังน้ำมันเชื้อเพลิง หม้อกรองน้ำมันเช้ือเพลิง จำนวน 3 ตัว ป๊ัมไฟฟ้า ปั๊มป้อนน้ำมันเชื้อเพลิง (SUPPLY PUMP) ปั๊มสูบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง (FUEL INJECTION PUMP) ท่อน้ำมันความดันสูง หัวฉีดน้ำมันเช้ือเพลิง และท่อทางเดินต่าง ๆ ของระบบน้ำมัน เชื้อเพลิง ถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถทุกแบบ ติดต้ังอยู่กับโครงรถทางด้านขวา มีความจุ 50 แกลลอน ระบบน้ำมันเช้ือเพลิงของเคร่ืองยนต์ดีเซลท้ัง 3 แบบของ รยบ.2 1/2 ตัน 6x6, M35A2 สามารถใช้กับน้ำมัน เชอ้ื เพลิงไดห้ ลายประเภท แต่จะตอ้ งเลอื กใชไ้ ปตามลำดับดงั น้ีคอื อนั ดบั หน่งึ - นำ้ มันเช้ือเพลิง VVF 800 (เกรด DF-2) อนั ดับสอง - น้ำมันเชื้อเพลิง JP-4, JET A และ JET A1 อันดับสาม - น้ำมันเช้อื เพลงิ แก๊สโซลีน( หา้ มใชน้ ้ำมนั แกส๊ โซลีนชนดิ ท่ใี ชก้ ับอากาศยาน) หมายเหตุ ในกรณีฉุกเฉิน สว่ นผสมของน้ำมันเชื้อเพลงิ ต่าง ๆ ที่กลา่ วมาแลว้ สามารถใชไ้ ด้ 3.3 ระบบไอเสยี - ระบบไอเสียของเครอ่ื งยนต์แกส๊ โซลีน ประกอบด้วยทอ่ รว่ มไอเสีย, ทอ่ ไอเสยี ท่อนหน้า หม้อเก็บเสยี ง และทอ่ ไอเสยี ทอ่ นปลาย - ระบบไอเสยี ของเคร่ืองยนต์ดีเซล LD 465-1 มีองค์ประกอบเชน่ เดียวกับเครอื่ งยนตแ์ ก๊สโซลีน - ระบบไอเสียของเคร่ืองยนต์ดีเซล LD 427-2 และเคร่ืองยนต์ดีเซล นั้นจะมีเคร่ืองเพ่ิมไอดี (TURBO SUPERCHAGER) ซึ่งทำงานด้วยกำลังขับของไอเสีย ติดตั้งอยู่ท่ีท่อร่วมไอเสีย และอุปกรณ์นี้ จะทำให้กำลังดูด ของเคร่อื งยนตม์ ากยงิ่ ขนึ้ ซงึ่ เป็นการเพิม่ กำลงั ของเคร่ืองยนต์นนั่ เอง
ห น ้ า | 69 3.4 ระบบไฟฟ้า ใช้ระบบไฟฟ้ากระแสตรง 24 โวลท์ มีแบตเตอร่ี แบบ 6 TN 23 หม้อละ 12 โวลท์ จำนวน 2 หม้อ ตอ่ กนั แบบอันดับ เอาข้วั ลบลงดนิ - ระบบประจุไฟ ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง 24 โวลท์ 24 แอมแปร์ เครื่องควบคุม กระแสไฟฟ้า เข็มวัดไฟฟ้า สวิตช์ไฟ และสายไฟต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้าระบบประจุไฟจะทำหน้าท่ีประจุไฟ ให้กับแบตเตอรี่และใช้ในระบบแสงสว่าง ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ของรถท่ีทำงานด้วยไฟฟ้า โดยเครื่องกำเนิด ไฟฟ้า ซง่ึ ได้รับกำลังขับจากสายพานพัดลม 3.5 ระบบห้ามล้อ - ห้ามล้อเท้า ใช้ของเหลวในการทำงาน และมีเคร่ืองทวีกำลังห้ามล้อทำงานด้วยลมเพื่อช่วยให้สามารถ หยดุ รถได้แน่นอนยง่ิ ข้ึน ระบบห้ามล้อประกอบดว้ ย แมป่ ๊ัมห้ามล้อ เครอ่ื งทวีกำลังห้ามล้อลูกป๊ัมหา้ มล้อของแต่ ละล้อ ท่อทางเดินน้ำมันและท่อลมของระบบห้ามล้อ ที่ด้านท้ายรถ จะมีหัวต่อท่อลมสำหรับรถพ่วง ติดต้ังอยู่ ดา้ นซ้ายและดา้ นขวา - ห้ามลอ้ มอื ใช้สำหรับจอดและช่วยในการออกรถในพ้นื ท่ีลาดชนั ประกอบด้วยจานห้ามล้อ ซ่งึ ติดตั้งอยู่ กับเพลาส่งกำลังออกของเครื่องเพ่ิมเพลาขับ ผ้าห้ามล้อด้านนอกและด้านในของจานห้ามล้อทำงานด้วย กระเดือ่ งหา้ มล้อ โดยมสี ายลวดต่อเข้าไปยังคนั ห้ามลอ้ มอื ซ่งึ ตดิ ตัง้ อยบู่ นพ้นื รถทางดา้ น ซา้ ยมือของทน่ี ั่งพลขบั 3.6 ระบบบังคับเล้ียว ประกอบด้วย พวงมาลัยซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของรถ หีบเฟืองพวงมาลัยแขนคันชัก คนั สง่ แขนสะบ้าเลย้ี ว และชุดหวั ต่อกา้ นโยงตา่ ง ๆ ของระบบบงั คบั เลี้ยว 3.7 ระบบเคร่ืองทำลม ประกอบด้วย ป๊ัมลม ซึ่งติดต้ังอยู่ด้านหน้าทางซ้ายของเครื่องยนต์ ขับด้วย สายพานเส้นเดียวรูปตัว V จากรอกเพลาข้อเหวี่ยง เคร่ืองควบคุมความดันของลม ลิ้นนิรภัยเคร่ืองสัญญาณ เตือนความดันลมต่ำ ถัง เก็บลมจำนวน 2 ถัง และท่อทางเดินต่าง ๆ ระบบเคร่อื งทำลมนี้ ใชช้ ่วยในการหา้ มล้อ และใช้กบั อปุ กรณ์ต่างๆ ของรถทท่ี ำงานด้วยลม เช่น แตร และเคร่อื งปัดนำ้ ฝน 3.8 ระบบหลอ่ ล่นื ใชน้ ้ำมนั เครอื่ ง OE-30 - ระบบหล่อล่ืนของเคร่ืองยนต์แก๊สโซลีน ประกอบด้วย อ่างน้ำมันเครื่อง ปั๊มน้ำมันเครื่องเหล็กวัด น้ำมันเคร่ือง เข็มวัดความดันน้ำมันเคร่ือง หม้อกรองน้ำมันเคร่ืองจำนวน 1 ตัว ล้ินระบายและลิ้นควบคุม ความดนั นำ้ มันเครื่อง - ระบบหล่อลื่นของเคร่ืองยนต์ดีเซล มีองค์ประกอบเช่นเดียวกันกับเคร่ืองยนต์แก๊สโซลีนโดยมีข้อ แตกต่างกันบ้าง คือ หม้อกรองของน้ำมันเคร่ืองของเคร่ืองยนต์ดีเซล มี 2 ตัว และมีเคร่ืองระบายความร้อน น้ำมันเครื่อง (OIL COOLLER) ซึ่งจะช่วยอุ่นน้ำมันเครื่องถึงอุณหภูมิใช้งานได้โดยเร็ว และช่วยระบายความ ร้อนออกเม่อื นำ้ มนั ร้อนจดั 3.9 ระบบอากาศ - เครื่องยนต์แก๊สโซลีน จะมีหม้อกรองอากาศแบบ อ่างน้ำมัน ท่อร่วมไอดี ซ่ึงต่อเข้า คาร์บูเรเตอร์ และ ท่อระบายความดันของห้องเพลข้อเหวย่ี ง - เคร่ืองยนตด์ เี ซล ใช้หมอ้ กรองอากาศแบบแห้ง ท่อร่วมไอดี หลอดแสดงภาพของไสก้ รองอากาศ และ ท่อระบายความดันของหอ้ งเพลาข้อเหวีย่ ง 3.10 ระบบอุ่นไอดี เครื่องยนต์ดเี ซลทุกแบบ จะมีเคร่ืองอุ่นไอดี ซ่ึงทำหน้าท่ีเผาอากาศที่ไหลผ่านเข้าไปยัง กระบอกสูบของเคร่ืองยนต์ให้ร้อน เพื่อช่วยในการติดเครื่องยนต์ง่ายขึ้นในสภาพอากาศหนาวเย็นจัด และจะ ช่วยให้สามารถติดเคร่ืองยนต์เก่าท่ีมีกำลังอัดต่ำได้ง่ายข้ึนด้วย แต่ปกติแล้วสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย ถ้า เคร่ืองยนต์สภาพดีกไ็ ม่มีความจำเป็นตอ้ งใช้ ระบบอุ่นไอดี ประกอบด้วย ป๊ัมไฟฟา้ ตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิง หัวฉีด คอยล์จุดระเบิด หัวเทียน ห้อง อุ่นไอดี ทอ่ ทางเดินนำ้ มนั เชื้อเพลงิ สายไฟในวงจรไฟฟ้า และสวติ ช์อนุ่ ไอดี ซง่ึ อยู่ในห้องพลขับ
ห น ้ า | 70 3.11 ระบบหมุนเคร่ืองยนต์ ใช้มอเตอร์กระแสไฟตรง 24 โวลท์ แบบโอเวอร์รันน่ิงคลัตช์ซ่ึงจะทำงานโดย ไดร้ ับกระแสไฟจากแบตเตอร่ีโดยตรง ระบบหมุนเคร่ืองยนต์ของรถ M35 และ M35A1 ใช้คันบงั คับการทำงาน ระบบปุ่มกดโดยใช้เท้าเหยียบ ส่วนรถ M35A2 และ M35A2Cนัน้ สวติ ชห์ มนุ เคร่อื งยนต์ เป็นแบบกดดว้ ยมอื อยู่ บนแผงหน้าปดั 3.12 ระบบพยุงตัวรถ แหนบหน้าและเคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน แหนบหน้าเป็นแหนบแผ่นวางซ้อนกัน ตามลำดับ เป็นรูปก่ึงวงรี โดยแหนบตัวยาวท่ีสุดอยู่ทางดา้ นบนและแหนบท้ังตับ ยึดกันไว้ด้วยสลักเกลียวและ ปลอกรัดใบแหนบ แหนบหน้าวางอยู่บนสาแหรกแหนบท้ังสองด้านของเพลาล้อหน้า และยึดติดกับเพลาล้อ หน้าดว้ ยสลักเกลยี ว รปู ตวั ยู (U BOLT) ปลายทั้งสองข้างของแหนบหน้า มจี ุดหมุนที่โตงเตงหแู หนบ ซึ่งยืดติด กับแผ่นอยู่กับโครงรถ มีเคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน 2 ตวั แบบรูปทรงกระบอกตดิ ตัง้ ไวโ้ ดยปลายด้านบนยึดติดกับ โครงรถ ด้านซ้าย-ขวา และปลายด้านล่างยึดติดกับแผ่นเหล็กรองของสลักเกลียวรูปตัว U รัดแหนบทาง ด้านซ้ายและดา้ นขวา - แหนบหลังและแขนรับแรงบิด แหนบหลังเป็นแหนบแผ่นรูปกึ่งวงรเี ช่นเดียวกันกับแหนบหน้า แตว่ าง ซ้อนกันโดยมีแหนบตัวยาวที่สุดอยู่ทางด้านล่าง แหนบหลังยึดแน่นอยู่บนสายสาแหรกแหนบ ของแท่นแหนบ หลัง ซึ่งมีจุดอยู่บนเพลาโบกี้ ปลายท้ังสองข้างของแหนบหลังสอดเป็นอิสระอยู่ในชอ่ งรับแหนบบนเพลาล้อหลัง แต่ละเพลา แขนรับแรงบิดจำนวน 6 ตัว จะยึดเพลาล้อหลังทั้งคู่ให้ติดกับโครงรถ เพื่อรักษาแนวของเพลาล้อ หลงั กับโครงรถ - ยางและกงลอ้ รยบ. 2 1/2 ตนั ใช้ยาง ขนาด 9.00 X 20 3.13 ระบบระบายอากาศ เน่ืองจากระบบต่างๆ ของเคร่ืองยนต์เป็นแบบกันน้ำได้ ดังนั้นจึงต้องมีการ ระบายอากาศให้กับระบบต่างๆ เพื่อให้การทำงานของระบบน้ันๆ เป็นไปตามปกติ ท่อระบายอากาศของถัง นำ้ มันเช้ือเพลงิ ระบบห้ามลอ้ และหอ้ งเพลาขอ้ เหวีย่ งจะต่อรวมกันไวแ้ ละระบายความดันออกไปทางเดยี วกัน 4. มาตราทานรถ เครอื่ งยนต์ รายละเอยี ด เครอ่ื งยนต์แก๊สโซลีน เคร่ืองยนตด์ ีเซล แบบ REO OA331 LDS 427-2 LD 465-1 LDT 465-1C จำนวนกระบอกสูบวางเปน็ แนวตรง 6 6 แรงม้า 146/3400 รอบ/นาที 126/2600 รอบ/นาที ระบบจุดระเบดิ หัวเทียน กำลงั อัด ลำดบั การจุดระเบิด 1-5-3-6-2-4 1-5-3-6-2-4 การระบายความรอ้ น ดว้ ยของเหลว ด้วยของเหลว อณุ หภมู ิปกติ 160 ถึง 185 องศา ฟ. 180 ถึง 200 องศา ฟ. ความเร็วสงู สุด 60 ไมล์/ชม. 56 ไมล์/ชม. ระบบไฟฟา้ 24 โวลท์ แบตเตอร่ี แบบ 6 TN 23 จำนวน 2 หม้อ ต่อแบบอันดับ เอาขั้วลบ ลงดนิ
ห น ้ า | 71 ขนาด ความยาว มกี วา้ น 277 น้ิว ไมม่ กี วา้ น 263 นว้ิ ความสูง 112 น้วิ ความสงู ลดลงไดต้ ำ่ สดุ 81 นิ้ว ความกว้าง 96 นว้ิ ความสูงของขอพว่ ง 75 น้วิ ระยะพ้นพื้นตำ่ สดุ 12 1/2 นว้ิ นำ้ หนกั - นำ้ หนกั รถเปลา่ มกี ว้าน 13,530 ปอนด์ - น้ำหนักรถเปลา่ ไม่มีกวา้ น 13,115 ปอนด์ - นำ้ หนักรวมบนทางหลวง 23,530 ปอนด์ - น้ำหนักรวมในภูมปิ ระเทศ 18,530 ปอนด์ - น้ำหนักบรรทกุ บนทางหลวง 10,000 ปอนด์ - นำ้ หนกั บรรทุกในภมู ิประเทศ 5,000 ปอนด์ - น้ำหนกั ลากจูงบนทางหลวง 10,000 ปอนด์ - นำ้ หนกั ลากจูงในภูมิประเทศ 6,000 ปอนด์ กวา้ นหน้า - น้ำหนักฉุดลากสูงสุด 10,000 ปอนด์ - ความยาวของลวดกว้าน 200 ฟตุ - ความโตของลวดกว้าน 1/2 น้ิว ความเรว็ สูงสุดของเกียรต์ า่ ง ๆ ( ไมล์/ชม.) เคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว เคร่ืองเพมิ่ เพลาขับตำแหนง่ LOW เครอ่ื งเพิ่มเพลาขบั ตำแหน่ง HIGH เกยี ร์ 1 5 9 28 16 3 14 27 4 22 44 5 28 56 ถอยหลัง 5 9 ความจุของระบบต่าง ๆ - ถงั น้ำมนั เชอ้ื เพลงิ 50 แกลลอน ระบบระบายความรอ้ น - เครือ่ งยนต์แกส๊ โซลนี 22 ควอต - เครือ่ งยนต์ดเี ซล 34 ควอต ระบบหลอ่ ลื่น - เครอื่ งยนต์แกส๊ โซลนี 9 ควอต - เครื่องยนตด์ ีเซล 22 ควอต เครอื่ งเปลี่ยนความเรว็ - มีเครือ่ งส่งกำลงั ออก 10 1/2 ไปนต์ - ไม่มเี คร่อื งส่งกำลังออก 8 1/2 ไปนต์ เคร่ืองเพ่มิ เพลาขับ 7 ควอต กว้านหน้า 2 1/4 ไปนต์
ห น ้ า | 72 หีบเฟอื งทดเลี้ยว (ตวั ละ) 6 ควอต รศั มวี งเลี้ยว 37 ฟตุ 6 นว้ิ - มีกวา้ นหน้า 36 ฟุต -ไมม่ กี วา้ นหน้า 1 1/2 - 2 นิ้ว ระยะวา่ งแปน้ คลตั ช์ 1/4 - 1/2 นว้ิ ระยะว่างแปน้ หา้ มลอ้ ความตงึ หยอ่ นของสายพาน 1/2 นว้ิ - พดั ลมระบายความร้อน 1/2 นว้ิ - ปัม๊ ลม สารหลอ่ ลนื่ OE 30 นำ้ มันเครอ่ื งยนต์ GO 90 - นำ้ มนั หบี เฟอื งเกียร์ตา่ งๆ GAA - ไขข้น HB - น้ำมนั ห้ามล้อ ความดันลมยาง (ปอนด/์ ตร.นว้ิ ) แก๊สโซลีน ดีเซล สถานภาพใช้งาน 45 50 35 35 บนถนน 15 15 ในภมู ิประเทศ ทราย,โคลน,หิมะ ************
ห น ้ า | 73 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรียนทหารม้า ศูนยก์ ารทหารมา้ คา่ ยอดศิ ร สระบรุ ี ---------- เอกสารเพิม่ เตมิ วชิ า คุณลักษณะและการทำงานของเคร่อื งยนต์ LDS 465-1, LDS 465-1A, LD 465-1, LD 427-2 และ LDT 465-1C กล่าวท่ัวไป คำบรรยายนี้จะกลา่ วถึงรายละเอียด คุณลักษณะ และการทำงานของเครอื่ งยนตด์ เี ซล ที่ ใช้นำ้ มนั เชอื้ เพลิงได้หลายประเภท ความมงุ่ หมาย เพ่อื ให้นกั เรียนไดท้ ราบถงึ 1. คุณลกั ษณะทั่วไปของเคร่อื งยนต์ 2. นำ้ มนั เช้ือเพลิงประเภทตา่ ง ๆ ท่ีสามารถใช้ได้ 3. การตดิ -ดบั เครือ่ งยนต์ 4. การใช้งาน และขอ้ ควรระมดั ระวงั 5. การปรนนบิ ัติบำรงุ และการบริการ ขอบเขต คำบรรยายนี้เปน็ เพียงมูลฐานเบอ้ื งต้นท่ัวไปของเคร่ืองยนต์ท่ีพลขับและผใู้ ช้ควรทราบ เอกสารอ้างองิ - DA PAMPHLET 750-11 - TM 9-2320-211-10 APR.1973 - LO 9-2320-211-12 1963 **************
ห น ้ า | 74 คณุ ลกั ษณะ และการทำงานของเคร่ืองยนต์ MULTIFUEL LDS 427-2,LD 465-1,LDS 456-1A และ LDT 465-1C เคร่ืองยนต์ท่ีใช้น้ำมันเช้ือเพลิงได้หลายประเภทนี้ก็คือเคร่ืองยนต์ดีเซลซึ่งเป็นเคร่ื องยนต์ที่มีการจุด ระเบิดด้วยกำลังอัด กล่าวคือ เช้ือเพลิงน้ันจะถูกจุดให้ลุกไหม้ด้วยอากาศร้อน ซ่ึงเกิดจากการอัดของลูกสูบ ขณะเคล่ือนท่ีข้ึนไปทางด้านบนในจังหวะอัด อากาศในกระบอกสูบจะร้อนจัด และในช่วงเวลาน้ีเองเช้ือเพลิงก็ จะถูกฉีดเข้าไปกระทบกับอากาศร้อนและเกิดการลุกไหม้ขึ้น ก๊าซร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ก็จะกดดันให้ลูกสูบ เคล่ือนท่ีลงมาทางด้านล่าง ในจังหวะกำลัง ท่านจะศึกษารายละเอียด หลักการทำงานของเคร่ืองยนตด์ ีเซลได้ จาก TM 9-8000 JAN 56,CHAP 6 เคร่ืองยนต์นี้ออกแบบองค์ประกอบต่าง ๆ ใหม่ล่าสุด เพ่ือให้มี คุณลักษณะใช้ได้กับน้ำมันเช้ือเพลิงได้หลายประเภท ซ่ึงจะทำให้ได้เปรียบเคร่ืองยนต์ดีเซล แบบธรรมดาที่ใช้ นำ้ มันเชอื้ เพลงิ ดเี ซลไดเ้ พียงอย่างเดียว ที่จะกล่าวต่อไปน้ี เป็นเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ท่ีสามารถใช้กับเครื่องยนต์แบบน้ี และพลขับจะต้อง เลือกใช้ตามลำดับกอ่ นหลัง เพราะแม้ว่าเครอื่ งยนต์น้ีจะสามารถใช้ได้กบั เชื้อเพลงิ หลาย ๆ อย่าง หรือแมแ้ ต่กับ สว่ นผสมระหว่างนำ้ มันเชือ้ เพลิงเหล่านี้ก็ตามแต่น้ำมันดีเซลจะให้กำลังงาน และประสิทธิภาพของเครือ่ งยนตไ์ ด้ ดีกวา่ นำ้ มันแกส๊ โซลนี นำ้ มนั เช้อื เพลิงทใ่ี ชเ้ ปน็ หลกั และตอ้ งเลอื กใชต้ ามลำดบั คือ อันดับแรก - VVF - 800 DIESEL FUEL - MIL - F- 46005 COMPRESSION IGNITION ENGINE FUEL - CIE MIL - F-16884 MARINE FUEL OIL อันดับสอง - JET FUEL SPEC MIL-J-5624 JP-4 - KEROSENE JET A, JET A-1 ซงึ่ เป็น COMERCIAL AVIATION FUEL อันดับสาม - MIL-G-3056 COMBAT GASOLINE ซงึ่ มีอัตรา OCTANE 83-95 น้ำมันแก๊สโซลีนน้ี ควรจะได้พิจารณาใช้เป็นอันดับสุดท้าย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นเช้ือเพลิงฉุกเฉิน เพราะน้ำมันแก๊สโซลีนจะทำให้กำลังงานและสมรรถภาพของเครื่องยนต์ลดลงมาก และถ้าใช้ต่อเนื่องกันเป็น เวลานานๆ จะทำให้อายุการใช้งานของเครื่องยนตส์ น้ั ลงอยา่ งรวดเรว็ เครื่องยนต์ที่ใชน้ ำ้ มนั ไดห้ ลายประเภท ในปัจจุบนั น้ไี ด้พัฒนาข้นึ มาตามลำดบั 5 แบบ ดว้ ยกนั คอื - เครื่องยนต์ LDS 427-2 เป็นเครื่องยนต์รุ่นแรก ใช้กับ รยบ.2 1/2 ตัน ลำดับ6742 หรือเรียกว่า รยบ.2 1/2 ตัน M35A1 ( M44A1 ) - เครื่องยนต์ LD 465-1 ใชก้ ับ รยบ.2 1/2 ตัน M35A2 ( M44A2 ) - เครือ่ งยนต์ LDT465-1C ใชก้ ับ รยบ. 2 1/2 ตนั M35A2 C - เครอ่ื งยนต์ LDS 645-1 ใชก้ ับ รยบ. 5 ตนั ลำดบั 6744 หรอื รยบ. 5 ตัน M52A2 - เคร่ืองยนต์ LDS 465-1A เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการดัดแปลงให้ดีขึ้น ใช้กับ รยบ. 5 ตัน หรือรถกู้ ขนาด 5 ตนั M543A2 ความหมายของตัวย่อ L = ระบายความรอ้ นด้วยของเหลว ( LIQUID COOLED ) D = เครือ่ งยนต์ดีเซล ( DIESEL ) S = เคร่ืองเพิ่มไอดี ( SUPERCHARGER ) T = เครอื่ งเพิม่ ไอดีแบบกังหนั ( TURBOCHARGER )
ห น ้ า | 75 การปฏบิ ัตกิ อ่ นติดเคร่ืองยนต์ กอ่ นที่จะติดเครอ่ื งยนต์ ควรจะทำการปรนนิบัตบิ ำรุงก่อนใช้งานทุกครง้ั โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ควรตรวจ - ระดับนำ้ มนั เครือ่ งยนต์ - ระดับน้ำยา และสภาพของแบตเตอร่ี - ระดับน้ำมนั เชอ้ื เพลิงในถัง - ระดบั น้ำระบายความรอ้ น เนื่องจากเครื่องยนต์นี้จัดว่าเป็นเคร่ืองยนต์พิเศษแบบหน่ึง ดังน้ันจึงมีข้อกำหนดให้ปฏิบัติผิดแปลก ออกไปบ้างคอื ก่อนที่เริม่ ติดเคร่ืองยนต์ครง้ั แรกของวนั น้ัน จะตอ้ งถ่ายน้ำมันและฝุ่นผงส่งิ สกปรกออกจากหม้อ กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตัวแรกเสียก่อนทุกคร้ัง หม้อกรองตัวนี้ติดตั้งอยู่ใต้บังโคลน ทางด้านซ้ายของรถ การถ่าย นำ้ มนั เชื้อเพลงิ ใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั น.ี้ 1. เปิดสวติ ชแ์ บตเตอรไี่ ปยงั ตำแหน่ง \" ON \" เพ่อื ใหป้ ั๊มไฟฟา้ ทำงาน 2. คลายควงผีเส้ือทางด้านใต้หม้อกรองออก ใช้ภาชนะรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงท่ีไหลออกมา และ ตรวจดวู ่ามีนำ้ และฝนุ่ ผงเจือปนอยมู่ ากนอ้ ยเพยี งใด 3. ถ่ายน้ำมันเช้ือเพลิงออกจากหม้อกรองตัวท่ี 2 อีก ถ้าปรากฏว่ามีน้ำและฝุ่นผงในหม้อกรองตัวแรก มาก 4. ถ่ายน้ำมันเช้ือเพลิงออกจากหม้อกรองตัวสุดท้าย ถ้าปรากฏว่ามีน้ำและฝุ่นผงในหม้อกรองตัวท่ี 2 มาก แต่ถ้าพบว่ามีน้ำและฝุ่นผงอยู่ในหม้อกรองท้ัง 3 ตัวมาก จะต้องแจ้งให้ช่างยานยนต์ทราบ เพ่ือท่ีจะได้ทำ ความสะอาดหม้อกรองท้งั หมด และเปลี่ยนไสก้ รองใหม่ การตดิ เครอื่ งยนต์ การตรวจของเหลวอัดหัวกระบอกสูบ ( CHECK FOR HYDROSTATIC LOCK )เป็นส่ิงท่ีจำเป็นมาก ในบางโอกาส น้ำหรือน้ำมันเช้ือเพลิงอาจเข้าไปสะสมอยู่ภายในกระบอกสูบภายหลังจากเลิกใช้งานแล้วก็ได้ ซึ่ง ของเหลวเหล่านี้ถ้าถูกอัดตัวอย่างแรงโดยลูกสูบในขณะท่ีเคร่ืองยนต์ติด จะทำให้เคร่ืองยนต์ชำรุดอย่างหนัก เช่น ก้านสูบหกั , ลูกสบู แตก หรือเคร่ืองยนตร์ ะเบดิ ออกมากไ็ ด้ ดังนัน้ ก่อนทจ่ี ะทำการตดิ เครือ่ งยนต์ พลขบั ทด่ี ี ควรปฏิบตั ดิ ังน้ี 1. จัดคันเกียร์เครอื่ งเปลยี่ นความเร็วไวใ้ นตำแหน่ง วา่ ง ( N ) และตงั้ คนั หา้ มล้อมือ 2. ดงึ ปุ่มดบั เครอื่ งยนต์ออกมาให้สดุ แล้วปล่อยค้างไว้ 3. เปดิ สวติ ชแ์ บตเตอร่ี ไปยังตำแหนง่ เปิด (ON) 4. เหยียบคลตั ช์ลงให้สดุ 5. กดปุ่มหมุนเคร่ืองยนต์โดยแรง ประมาณ 2-3 วินาที ฟังเสียงผิดปกติขณะท่ีเคร่ืองยนต์หมุน และ สงั เกตวา่ เคร่อื งยนต์หมุนได้สะดวกหรือไม่ ถ้ามีเสียงผดิ ปกติหรือเครอ่ื งยนต์ไม่หมุน แจ้งให้ชา่ งยานยนต์ทราบ เพือ่ ทำการแก้ไขตอ่ ไป เมือ่ ปรากฏวา่ เครอื่ งยนตห์ มนุ ได้สะดวกเป็นปกตใิ หต้ ดิ เครื่องยนต์ตามขน้ั ตอนดังนี้. 6. ดันป่มุ ดับเคร่ืองยนตเ์ ข้าไปให้สดุ 7. กดปุ่มเครอ่ื งยนต์อกี เพ่ือติดเครอื่ งยนต์ ขอ้ ควรระวัง การใช้มอเตอร์หมุนเคร่ืองยนต์นั้น ไม่ควรกดปุ่มหมุนเคร่ืองยนต์ครั้งหน่ึงนานเกินกว่า 10 วินาทีและ ให้คอย 10 วนิ าที ถ้าจะต้องกดปุ่มหมุนเครอื่ งยนตค์ ร้ังต่อไป และถ้าปรากฏวา่ ท่านได้พยายามติดเครื่องยนต์ถึง 3 คร้ังแล้ว แต่เครื่องยนต์ยังไม่ติด แจ้งให้ช่างยานยนต์ค้นหาสาเหตุบกพร่อง และทำการแก้ไข การกดปุ่ม เครื่องยนต์นั้นจะต้องกดให้แรงและแน่นสนิท มิฉะนัน้ จะทำให้สวิตชเ์ สียหายหรือทำให้มอเตอรห์ มุนเครือ่ งยนต์
ห น ้ า | 76 ชำรุดได้ อย่าใช้เท้าป๊ัมคันเร่งน้ำมัน เพราะจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลย นอกจากจะทำให้คันเร่งและก้าน โยงคดงอเสียหายได้ และหา้ มมใิ ห้พยายามทจ่ี ะตดิ เคร่อื งยนต์แบบน้โี ดยการฉุดลาก หรอื การผลกั ดัน เพราะจะ ทำให้สังเกตอาการบางอย่างของ HYDROSTATIC LOCK ไม่ได้ ซึ่งการฉุดลากรถน้ีจะเป็นการบังคับให้ เครื่องยนต์หมุน และเครื่องยนต์ติดข้ึนอาจจะทำให้เคร่ืองยนต์ระเบิดออกมาได้ ดังนั้นจึงควรใช้สายไฟ ต่อพ่วง ไฟจากยานยนตค์ นั อ่ืนเขา้ มาช่วยการหมนุ ตดิ เคร่ืองยนต์ การอุ่นเครอ่ื งยนต์ 1. หลังจากติดเครื่องยนต์แล้วให้เครื่องยนต์เดินเบาไว้ประมาณ 3-5 นาที จนกระท่ังเคร่ืองยนต์ได้ อุณหภูมิ 140 องศา ฟ. รอบที่ใช้ในการอุ่นเคร่ืองยนต์ไม่ควรต่ำกว่า 800 รอบ/นาทีและไม่เกิน 1,000 รอบ/ นาที การปล่อยใหเ้ คร่อื งยนต์เดินดว้ ยรอบเดินเบาตำ่ เกินไปน้ัน จะทำให้เกิดอาการสนั่ สะเทือนมาก ซ่ึงจะทำให้ ส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องยนต์หลวมคลอน หรือแตกหักได้การอุ่นเครื่องยนต์น้ี จะช่วยให้การทำงานของ องค์ประกอบตา่ งๆ ของเคร่อื งยนตเ์ รยี บรอ้ ยสมบรู ณ์ยงิ่ ขนึ้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการอุน่ เคร่อื งยนตน์ มี้ ีความสำคญั เป็นพิเศษเฉพาะกับ \"เครื่องเพ่ิมไอดี\" ของเคร่ืองยนต์ แก๊สไอเสียของเครื่องยนต์จะเป่าให้กังหันของเคร่ืองเพิ่ม ไอดีหมุนด้วยความเร็ว 30,000 รอบ/นาทีในรอบเดินเบา เม่ือเครื่องยนต์เดินด้วยรอบสูงกังหันจะหมุนเร็วถึง 60,000 รอบ/นาที การอุ่นเคร่ืองยนต์จะชว่ ยให้น้ำมันเครื่องยนต์ขึ้นไปหล่อเลี้ยงตลับลูกปืนของเคร่ืองเพ่ิมไอดี อยา่ งเพียงพอ ดงั น้นั จงอย่างเรง่ เครอ่ื งยนตโ์ ดยแรงแล้วปล่อยคันเร่งทันทที ันใด 2. ตรวจดูการทำงานของเข็มวัดความดันน้ำมันเครื่องโดยใกล้ชิดในระยะ 20 วินาที แรก หลังจาก เคร่ืองยนต์ติดแล้ว ถ้าปรากฏว่าเข็มวัดความดันช้ีแสดงค่าไม่ถึง 15 ปอนด์/ตร.นิ้ว ณ ย่านความเร็ว 800 ถึง 1,000 รอบ/นาที ให้ดบั เครอื่ งยนตท์ ันที และแจง้ ใหช้ ่างยานยนต์ทราบ 3. เมื่อท่านจะออกรถ ควรจะให้อุณหภูมิของน้ำระบายความร้อนสูงถึง 140 องศา ฟ. เสียก่อน และ อุณหภมู ิจะสูงข้นึ อกี เมื่อทา่ นออกรถ แต่กอ่ นที่ท่านจะเร่งเคร่ืองยนต์เตม็ ท่ี เม่อื ต้องการความเร็วสงู กค็ วรจะให้ เคร่ืองยนต์ได้อุณหภูมิใช้งาน 160 - 180 องศา ฟ.เสียก่อน และไม่ควรเปิดฝาปิดด้านข้างของห้องเคร่ืองยนต์ ออก เพราะจะทำให้การหมุนเวยี นของอากาศในหอ้ งเคร่ืองยนตผ์ ิดปกติได้ 4. จงสังเกตการทำงานของเครื่องยนต์และควันจากท่อไอเสีย เคร่ืองยนต์ควรจะเดินเรียบไม่มีอาการ สะดุด หรือเดินไม่ครบสูบ เคร่ืองยนต์ไม่มีกำลังและไอเสียมีควันดำมาก และแสดงว่าหม้อกรองอากาศสกปรก มากหรืออุดตัน ซึ่งเคร่ืองบอกสภาพของหม้อกรองอากาศจะแสดงให้ท่านทราบได้ทันที เม่ือแถบสีแดงขึ้นมา ครึ่งหนึ่ง แสดงว่าไส้กรองกรองอากาศสกปรกมาก ให้ดับเคร่ืองยนต์ และทำความสะอาดไส้กรอง ในภูมิ ประเทศท่ีมีฝุ่นมากควรจะทำความสะอาดไส้กรองอากาศทุกๆ วันการทำความสะอาดไส้กรองให้ใช้ลมเป่าหรือ ล้างด้วยนำ้ สบู่ แตห่ า้ มมิใหใ้ ชน้ ำ้ มนั แร่ใด ๆ ล้างทำความสะอาด เพราะจะทำให้ไสก้ รองอากาศเส่อื มสภาพได้ การออกรถ สำหรับรถท่ีใช้เครื่องยนต์แบบนี้ ควรจะออกรถด้วย เกียร์ 1 เท่านั้น และออกรถช้าๆ ด้วยความนิ่ม นวล เพราะรถแบบนี้ไม่ใชร่ ถสปอร์ตหรือรถแข่ง ต้องค่อยๆ ผ่อนคลัตช์อย่ากระตุกคลัตช์โดยแรงจะทำให้คลัตช์ หรือเคร่ืองเปล่ียนความเรว็ ชำรุดเสียหายไดใ้ นขณะขับรถ ไม่ควรวางเท้าไว้บนแป้นคลัตช์ (RIDE CLUTCH) จะ ทำใหต้ ลบั ลกู ปนื ปลดคลัตช์ และแผน่ คลตั ชส์ ึกหรออยา่ งรวดเรว็ โดยไม่จำเปน็ จงจำไวว้ ่า \"แป้นคลัตช\"์ ไม่ใช่ทพ่ี ัก เทา้ ในขณะขับด้วยความเร็วสูง บนถนนหรือขับลงจากลาดเนิน จงระมัดระวังอย่างให้รอบหมุนของ เครื่องยนต์เกิน 2,600 รอบ/นาที เพราะจะทำให้เคร่ืองยนต์หมุนเร็วเกินขีดกำหนด ทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ชำรุด สึกหรออย่างรวดเร็ว จนทำให้ต้องซ่อมใหญ่เคร่ืองยนต์ ซึ่งมีราคาแพงมากกว่าการเปลี่ยนผ้าห้ามล้อ
ห น ้ า | 77 ดังนั้นเมื่อท่านต้องการลดความเรว็ ลง ไม่ควรกระทำโดยการทดเกียร์ลง ให้ใชห้ า้ มลอ้ ในการลดความเร็ว และใน การลงเนนิ ใหเ้ หยยี บหา้ มล้อแลว้ ปล่อยในลกั ษณะการป๊ัมห้ามล้อ อย่าเหยียบแชไ่ ว้ จะทำใหผ้ า้ หา้ มล้อไหมไ้ ด้ การดบั เคร่ืองยนต์ หลังจากใชง้ านมาแล้ว ก่อนท่ีทา่ นจะดับเคร่ืองยนต์ ท่านจะต้องปล่อยให้เครอ่ื งยนต์เดินเบา 800 - 1,000 รอบ/นาที เป็นเวลา 5 นาที แล้วจึงดึงปุ่มดับเคร่ืองยนต์และปล่อยค้างไว้ การที่ต้องเดินเบาเคร่ืองยนต์ ก็ เพราะว่าตอ้ งการให้ระบบระบายความร้อนของเคร่ืองยนตท์ ำการระบายความรอ้ นออกจากเคร่ืองยนตท์ รี่ ้อนจดั จากการใช้งานหนักเสียก่อน และมีความสำคัญสำหรับกังหันของเคร่ืองเพิ่มไอดีอีกด้วย เพราะการดับ เครื่องยนตท์ ันที จะทำให้ไม่มีน้ำมันเครื่องไปหล่อเล้ียงตลับลูกปืนซึ่งยังหมุนอยู่ดว้ ยความเร็วสูง และทำให้ตลับ ลูกปืนไหม้จนละลายได้ และการเดินเบายังช่วยให้ชุดกังหันลมน้ีลดความเร็วและอุณหภูมิลงได้มากจนถึงขีด ปลอดภยั (เมือ่ ดบั เคร่อื งยนต์แล้วอย่าลืมปดิ สวิตชแ์ บตเตอร่ีไปยงั ตำแหน่ง ปดิ OFF) เน่ืองจากเครื่องยนตเ์ ป็นเครื่องยนต์ดีเซล จึงต้องดับเคร่ืองยนต์โดยการดงึ คันตดั น้ำมันเช้ือเพลิงเท่านั้น และถ้าเกิดขัดข้องกับคันดับเคร่ืองยนต์ ทำให้ดับเคร่ืองยนต์ไม่ได้ ในกรณีฉุกเฉินให้ดับเครื่องยนต์โดยการเข้า เกยี ร์สูงและเหยยี บหา้ มลอ้ เพอ่ื ทำให้เครือ่ งยนต์กระตุก และดับลง รอบเคร่ืองยนตท์ ่กี ำหนดไว้สำหรบั การใช้งานของเครอื่ งยนตด์ ีเซล MULTIFUEL 1. 1,200 รอบ/นาที - คือ รอบต่ำสุดระหว่างบรรทุก เพ่ือให้เครือ่ งยนตท์ ำงานคงที่ 2. 1,400 - 1,800 รอบ/นาที และรถไม่มีการกระตุก 3. 1,400 - 2,200 รอบ/นาที - คือ รอบหมุนของเครือ่ งยนต์ในเกณฑท์ ี่จะเปล่ียนเกียร์จากสูง 4. 2,600 รอบ/นาที ลงตำ่ และอยา่ เปล่ียนเกยี รต์ ำ่ ลงในขณะรอบเครือ่ งยนต์สูงกว่าน้ี - คอื ระหวา่ งตวั เลขแสดงรอบ 2 จุดน้ี เช้ือเพลงิ 1 แกลลอน รถจะวิง่ ไดไ้ กลสุด กำหนดน้ใี ช้สำหรบั ปฏบิ ัติการตามปกติ - รอบสูงสุดที่กำหนดให้ใชเ้ ม่อื รถบรรทุกเตม็ ที่ รถวงิ่ ขึน้ ที่สูงชนั ลงจากทล่ี าดชัน แต่จะตอ้ งระวงั ไมใ่ หร้ อบของเครื่องยนต์ สูงกวา่ นจี้ ะทำให้เครื่องยนตช์ ำรดุ เสียหาย ***************
ห น ้ า | 78 การปรนนิบตั ิบำรุงประจำวนั รยบ.2 1/2 ตัน 6 x 6 ก่อนใช้งาน ตรวจสภาพความเรยี บรอ้ ยต่าง ๆ ด้านหน้ารถ 1. เครอ่ื งมอื และอปุ กรณป์ ระจำรถ ให้เร่มิ ตรวจตงั้ แตด่ า้ นหนา้ ซา้ ยของรถ แตต่ ้องแนใ่ จ วา่ ท่านมีเครอ่ื งมอื อุปกรณ์ประจำรถ, คมู่ ือเทคนิค และเอกสารแบบพมิ พ์ตา่ ง ๆ ถา้ รถของท่านมเี ครือ่ ง ดบั เพลงิ ติดต้งั อยูด่ ้วย จะตอ้ งตรวจดวู า่ ยังสามารถ ใช้งานไดแ้ ละติดตัง้ ถกู ทีเ่ รียบรอ้ ย ให้ทา่ นทำการ ตรวจต่อไปและบนั ทกึ ลงในแบบพมิ พ์ สพ.110 2. การชำรุดเสยี หาย ต่อไปให้ทำการตรวจความชำรดุ เสียหายของสิ่งต่างๆ เหลา่ นี้ 2.1 บังโคลน ตรวจดรู อยบุบ,แตก,หกั ,บริเวณท่เี ปน็ สนมิ การหลวม คลอน หรอื หลุดหายของแปน้ เกลยี ว และสลักเกลยี ว ตา่ ง ๆ 2.2 ตะแกรงกนั หม้อนำ้ ตรวจดรู อยแตกหักการหลวมคลอน และหลุดหายของ แปน้ เกลยี ว และสลักเกลยี วตา่ งๆ 2.3 หมอ้ น้ำรังผง้ึ ตรวจรอยรว่ั ไหล, รอยทะล,ุ หรือคดงอของหลอดนำ้ และสงิ่ ทขี่ วางก้นั ทางเดินอากาศระหวา่ งหลอดน้ำ และครบี ระบายความร้อน 2.4 โคมไฟหน้า ตรวจดูรอยแตกร้าวของกระจก ความหลวมคลอนของ กรอบโคมไฟหน้า ตลอดจนความม่นั คงในการยึดตรงึ ของกรอบโคมไฟหนา้ ตลอดจนความมั่นคงในการยึด ตรึงของโคมไฟต่าง ๆ 2.5 กนั ชน ตรวจดรู อยบุบ, รอยแตก, หกั , ความหลวมคลอน หลดุ หายของแป้นเกลียว สลักต่าง ๆ และบริเวณใดบา้ ง ทตี่ อ้ งการทาสี 2.6 ฝาครอบหอ้ งเคร่ืองยนต์ ตรวจดรู อยบุบ, รอยแตก, หกั , ความหลวมคลอน หลุดหายของแป้นเกลียว สลักตา่ ง ๆ และบรเิ วณท่ี ตอ้ งการทาสี 2.7 หวั ทอ่ ลม ฝาปิดท่อลมไดร้ ับการตดิ ตั้งม่ันคงเรยี บรอ้ ย หวั ตอ่ ลม อยู่ในสภาพเรยี บรอ้ ย ไม่แตกรา้ ว 3. การร่วั ไหลท่วั ๆ ไป ท้ังบนพนื้ ดนิ และบรเิ วณใตท้ อ้ งรถ 4. ระดับน้ำระบายความร้อนและ ตรวจระดบั นำ้ มนั เครื่องให้มีปริมาณเพียงพอตอ่ การ นำ้ มนั เครอ่ื งยนต์ ใช้งาน การตรวจระดับทถี่ กู ตอ้ ง ให้กระทำดงั นี้ ในการตรวจวัดระดับทา่ นต้องไม่หมุนเกลียวก้านเหลก็ วัด น้ำมนั เครอ่ื งลงไป การวัดระดบั เมอื่ เครื่องยนตเ์ ย็น (เครอ่ื งยนต์ดเี ซลเทา่ น้นั ) - ระดบั น้ำมนั อยูใ่ นบรเิ วณ ADD - 1 1/2 นิว้ เหนอื ขีด FULL แสดงวา่ อยใู่ นเกณฑ์ปลอดภยั สำหรับ การติดเคร่ืองยนต์ ตำ่ กว่าขดี ADD ถอื ว่าไมป่ ลอดภัย
ห น ้ า | 79 การวดั ระดบั น้ำมันเมื่อเครอ่ื งยนต์ร้อน (เคร่ืองยนต์ดเี ซลเทา่ น้ัน) - การวดั ระดับเม่ือเคร่ืองยนต์ร้อน หมายความว่าทำการวัดหลงั จากท่านอุน่ เครื่องยนต์ประมาณ 3 - 5 นาที แลว้ ดบั เครอื่ งยนต์ และทำการวัดภายใน 1 นาที (ทอ่ี ณุ หภมู ิ 140 องศา F.) หมายเหตุ - การวัดระดับน้ำมันเคร่อื งของเคร่ืองยนต์ - ระดบั นำ้ มันอยู่ระหวา่ งขดี L และขดี F ถอื วา่ อยู่ แกส๊ โซลีนน้นั ระดับนำ้ มันจะต้องไม่เกนิ ขดี ในเกณฑป์ ลอดภยั F ไมว่ ่าเคร่ืองยนตจ์ ะร้อนหรอื เยน็ ข้อควรระวงั - อย่าเติมนำ้ มันเครื่องใหเ้ กนิ กว่าขีดกำหนด - ระดับนำ้ ระบายความรอ้ น เติมใหไ้ ดร้ ะดับตำ่ กวา่ และอยา่ เตมิ น้ำใหล้ น้ ทอ่ น้ำล้น ฝาปิดหมอ้ นำ้ ลงไปประมาณ 2 1/2 น้วิ ตรวจดู รอยรา้ ว การหลวมคลอน การรวั่ ไหลของท่อยาง ความมนั่ คงของเข็มขดั รัดท่อยาง - ตรวจรอยร่ัวไหลของนำ้ มนั เครอื่ งในตำแหนง่ ตา่ ง ๆ ของเคร่อื งยนต์ ตรวจสภาพท่ัว ๆ ไป และ การรัว่ ไหลของทอ่ ทางเดนิ นำ้ มันเชอ้ื เพลงิ ด้านขวาของรถ 1. การชำรดุ เสียหาย - ตรวจความชำรุดเสียหายท่วั ไป ทางด้านขวาของ รถซง่ึ อาจเกดิ ขึ้นได้ดว้ ยเหตุผลใดก็ตามในตอน กลางคนื ท้งั นร้ี วมถึงสง่ิ ตา่ งๆ เช่น หน้าตา่ งแตก รอยบบุ ทวั่ ไป, รอยขดี ข่วนตา่ ง ๆ 2. ยางและกงลอ้ - ต้องม่ันใจว่ายางทุกเส้นได้เติมลมด้วยความดันท่ี กำหนดไว้ทุกเส้นตามภมู ิประเทศทนี่ ำรถออกใชง้ าน ดงั น.้ี บนถนนหลวง ในภมู ปิ ระเทศ ในโคลน,ทราย,หมิ ะ เคร่อื งยนตแ์ ก๊สโซลีน 45 ปอนด/์ ตร.น้วิ 35 ปอนด/์ ตร.นิ้ว 15 ปอนด/์ ตร.นว้ิ เครือ่ งยนต์ดเี ซล 50 ปอนด/์ ตร.น้วิ 50 ปอนด/์ ตร.นว้ิ 15 ปอนด/์ ตร.นว้ิ - ตรวจดูยางและลอ้ ไดร้ ับการติดตง้ั มั่นคงเรยี บร้อย และแป้นเกลียวต่าง ๆ สลกั เกลียวได้ขันแน่นไม่ หลวมคลอน แรงขนั บดิ ของแป้นเกลียวล้อ 400 - 450 ฟุตปอนด์ 3. ฝาปิดถงั น้ำมันเชื้อเพลงิ - ตรวจสภาพเรียบรอ้ ยของปะเก็นฝาปิดถงั นำ้ มนั เช้อื เพลิง 4. การรวั่ ไหลทั่วไป - ท้งั บนพืน้ ดินและบริเวณใตท้ อ้ งรถ ใหท้ ่านตรวจ บริเวณเหลา่ น้ี คือ บริเวณด้านในของล้อรอบ ๆ เครื่องเปลย่ี นความเรว็ , หีบเฟืองช่วย, หอ้ งข้อเหวีย่ ง และหบี เฟอื งทดเล้ียว 5. แบตเตอร่ี - ขัว้ ต่อสายไฟต่าง ๆ และสะพานไฟตอ้ งยดึ แน่นไม่ หลวมคลอน,ขั้วต้องสะอาด,ฝาปดิ ชอ่ งเตมิ น้ำยาอย่คู รบ ระดบั น้ำยาในแบตเตอร่ีมที ่วมแผน่ ธาตุ 3/8 นว้ิ การติดต้ังยึดแน่นไม่หลวมคลอน ด้านหลงั รถ 1. การชำรุดเสียหาย - ตรวจดูความชำรดุ เสียหายของฝาปดิ กระบะท้าย, โคมไฟด้านหลังรถ, เตา้ เสยี บไฟสำหรับรถพ่วง,
ห น ้ า | 80 2. หัวต่อท่อลม ขอลากจงู ไม่เปน็ สนิมไดร้ ับการหลอ่ ลนื่ ตามสมควร - ตรวจสภาพความเรียบรอ้ ยของหวั ตอ่ ทอ่ ลม และ ลิ้นปดิ -เปดิ ลมและมฝี าปดิ อยู่เรียบร้อย ถ้ามีรถพ่วง อยดู่ ้วยต้องตรวจว่าแนใ่ จวา่ ได้ต่อสายลมไว้ ถกู ตอ้ งตามตำแหนง่ ใชง้ าน 3. กระจกสะท้อนแสง - ต้องไมห่ ลุดหาย, แตกรา้ ว, สกปรก หรือซดี จนไม่มีสี 4. กนั ชนหลงั - ไมค่ ดงอ, หลวมคลอน, หรอื แตกหัก 5. ยางกันสาด - ไม่หลุดหาย หลวมคลอน ฉีกขาด สลกั เกลียวยดึ ด้านซา้ ยรถ และในห้องพลขับ ไมห่ ลุดหาย 1. แปน้ ห้ามล้อ - เหยยี บแปน้ ห้ามลอ้ ลงไปโดยตรง แล้วกดน่งิ ไว้ แป้นห้ามล้อจะต้องไม่เกดิ อาการคอ่ ย ๆ ยุบตัวลง ซง่ึ เปน็ การแสดงอาการรวั่ ไหลในระบบห้ามลอ้ ถ้าเป็นดงั นี้ ต้องใหช้ า่ งยานยนต์ทำการแกไ้ ข โดยเร็วท่สี ดุ และจงสงั เกตว่า เมือ่ เหยียบแป้น ห้ามล้อลงจนสุดแล้ว จะตอ้ งมรี ะยะหา่ งระหว่าง แปน้ ห้ามลอ้ กบั พื้นรถมากพอ ถา้ ปรากฏว่าระยะ ห่างน้นี อ้ ยกวา่ 1/2 น้วิ ของระยะเคล่ือนที่ของ แปน้ ห้ามลอ้ ท้งั หมด ควรจะได้ตรวจสอบและปรับ ตั้งระบบห้ามลอ้ 2. การปรับแป้นคลตั ช์ - จงตรวจดวู ่าแป้นคลตั ชข์ องรถมีระยะว่างเพยี งพอ 3. ตดิ เครอ่ื งยนตแ์ ละตรวจเสียงผดิ ปกติ หรอื ไม่ ระยะว่างของแป้นคลัตช์ คือระยะ เคลื่อนทข่ี องคลตั ช์ ก่อนทคี่ ลัตชเ์ ริม่ ทำงาน การตรวจระยะว่างน้ี ควรกระทำโดยใชม้ อื กด อย่าใชเ้ ท้าเหยยี บ ระยะวา่ งของแปน้ คลตั ชค์ วร วัดได้ 1 1/2 - 2 นว้ิ - ปลอ่ ยใหเ้ คร่ืองยนตเ์ ดนิ เบาดว้ ยรอบสงู ประมาณ 800 - 1,000 รอบ/นาที (อย่าเร่งเครือ่ งยนต์ โดยแรงดว้ ยการปั๊มคันเร่ง) ตรวจภายใน หอ้ งเครอื่ งยนต์และฟงั เสยี งดังผิดปกติ ถา้ ปรากฏ วา่ มเี สยี งดงั ผดิ ปกตเิ กดิ ข้นึ ใหด้ บั เครือ่ งยนตแ์ ละ รายงานขอ้ บกพร่องทีเ่ กดิ ข้นึ และถ้าเขม็ วดั ความดันน้ำมันเครือ่ ง ไม่แสดงค่าความดนั ภายใน 20 วินาที ให้ดับเครอื่ งยนตท์ ันที และรายงานให้ ชา่ งยานยนต์ทราบเพือ่ ทำการแกไ้ ข 4. เครื่องควบคุมการทำงานของเคร่อื งยนต์ - ตรวจสอบการทำงานของคนั เรง่ ปมุ่ ดับ เครอ่ื งยนต์ คันเร่งมอื วา่ ทำงานถูกตอ้ ง
ห น ้ า | 81 เรยี บรอ้ ยหรอื ไม่ 5. ตรวจสอบการทำงานของเคร่อื งวัดต่าง ๆ - หลงั จากติดเครื่องยนต์ อุ่นเครือ่ งยนต์ไวป้ ระมาณ 3 นาที ใหท้ า่ นตรวจการทำงานของเครอ่ื งวดั ดังน้ี - เขม็ วัดความดันนำ้ มันเครอื่ ง เม่อื เครือ่ งยนต์เดนิ เบา ไม่ควรจะต่ำกวา่ 15 ปอนด์ คา่ ความดันนีแ้ สดงว่า ปั๊มน้ำมันเครื่องทำงาน แต่พึงระลึกว่าค่าความดันนี้ มไิ ด้แสดงว่าระดับนำ้ มันเคร่อื งในหอ้ ง เพลาขอ้ เหวย่ี งจะมรี ะดับ FULL เสมอไป ค่า ความดันท่ีอา่ นจะเพ่ิมขึน้ หรอื ลดลงตามรอบความ เรว็ ของเคร่ืองยนต์ แต่ค่าความดันที่ลดลงโดย กระทันหนั หรอื เปลี่ยนแปลงไปอยา่ งผิดปกติ จะ แสดงถึงข้อขดั ข้องของระบบหล่อล่ืน ให้ดับ เครือ่ งยนต์และค้นหาสาเหตุของขอ้ ขัดข้องนน้ั ๆ - เข็มวดั ไฟฟา้ ซึ่งแสดงการทำงานดว้ ยแถบสี ดังนี้ (1) เมอื่ เปดิ สวติ ชแ์ บตเตอร่ี และเคร่อื งยนต์ยัง ไม่ตดิ เขม็ วดั ไฟฟา้ ควรจะชีค้ ่าอย่ใู นบริเวณ แถบสเี หลอื ง (แสดงศกั ยไ์ ฟของแบตเตอรี่) (2) เมอ่ื เคร่อื งยนต์ติด และเร่งเครอื่ งประมาณ 1,500 รอบ/นาที เข็มวดั ควรจะช้ีแสดงค่า อยูใ่ นบริเวณแถบสีเขียว (แสดงว่าเครอื่ ง กำเนิดไฟฟา้ ทำงาน) 6. เข็มวัดรอบเครอื่ งยนต์ - จะต้องชแ้ี สดงคา่ รอบความเร็วของเครือ่ งยนต์ โดยแสดงคา่ เป็นจำนวนรอบ/นาที 7. เขม็ วัดปรมิ าณน้ำมันเชอ้ื เพลงิ - ควรจะแสดงคา่ ประมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง 8. เขม็ วดั ความดนั ลม - แสดงความดนั ของลมในระบบเครือ่ งทำลม เกณฑ์ปลอดภัยในการใชง้ านปกติ 100 - 105 ปอนด/์ ตร.นว้ิ ความดันใชง้ านต่ำสุด 65 ปอนด/์ ตร.นว้ิ โดยจะมีเคร่อื งชว่ ยความปลอดภัย คือ เสยี งสัญญาณไฟฟา้ แสดงค่าความดนั ลมต่ำกวา่ เกณฑใ์ ช้งานปลอดภยั โดยสง่ เสียงดังตลอดเวลา และจะหยดุ ดังเมอ่ื ความดนั ลมถึง 65 ปอนด/์ ตร.นวิ้ ข้อควรระวงั ท่านไม่ควรจะออกรถจนกวา่ เสียงดงั เตือนจะหยดุ ดัง 9. เขม็ วดั อณุ หภมู ิ - อุณหภูมใิ ชง้ านปกติ 160 - 180 องศา F. หลัง จากการอุน่ เครอ่ื งยนตแ์ ล้ว 10. โคมไฟต่างๆ - ทดสอบการทำงานของสวติ ชไ์ ฟแสงสวา่ ง เพอ่ื ให้แนใ่ จว่าโคมไฟ ตา่ ง ๆ ทำงาน เรยี บรอ้ ย รวมท้งั การทำงานของสวิตชก์ ดลำแสง 11. กระจกมองหลัง - สามารถปรบั ได้โดยสะดวก กระจกไม่แตกรา้ ว หรอื ขุ่นมัว เสอ่ื มสภาพ 12. แตร - ทำงานได้เรียบร้อย
ห น ้ า | 82 13. เครือ่ งปดั น้ำฝน - ตรวจสภาพใบปดั นำ้ ฝนอย่ใู นสภาพใชก้ ารไดด้ ี และมอเตอรท์ ำงานเรยี บรอ้ ย ขณะใชง้ าน การปรนนบิ ัตบิ ำรงุ ขณะใช้งานจะไม่มีกำหนดเวลาทีแ่ นน่ อนในการตรวจสอบ แตอ่ ย่างไร กต็ าม ควรจะไดก้ ระทำเปน็ ระยะ ๆ ไปในระหวา่ งการใชง้ านประจำวนั ตามความจำเป็น ขณะขับรถ 1. หา้ มลอ้ - การทำงานของหา้ มล้อตอ้ งเทา่ กันทกุ ลอ้ ใหส้ ังเกต การทำงานของห้ามลอ้ วา่ มอี าการหยุน่ ตวั ห้ามล้อ ไม่ทำงานอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ผา้ หา้ มล้อไม่ตดิ คา้ ง 2. เสยี งผิดปกตติ ่าง ๆ - คอยเงยี บหฟู ังเสียงทแี่ สดงว่าเครอ่ื งยนต์ทำงาน ผิดปกติ คลตั ช,์ เคร่อื งเปล่ยี นความเร็ว,หบี เฟอื ง ชว่ ยเพลาขับต่างๆ ทำงานไดเ้ รยี บร้อยไม่มเี สยี ง ดงั ผดิ ปกตขิ ณะขบั รถ 3. พวงมาลัยบงั คบั เลีย้ ว - ระยะวา่ งต้องไม่มากเกนิ ควร (ควรมี 1 นว้ิ ) การบังคับเล้ยี วคลอ่ งตัวไมม่ ีอาการสะบดั ในขณะ ขบั หรอื เซไปข้างใดขา้ งหน่ึงหรือวิ่งสา่ ยไปมาโดย อาการตปุ ดั ตุเป๋ ถ้าท่านเกดิ ข้อบกพร่องให้หยุดรถ และตรวจหาสาเหตุ 4. การทำงานของคลตั ช์ - ตอ้ งไม่มีอาการลน่ื หรือสนั่ สะทา้ นเมอื่ คลตั ชเ์ ร่ิมจับ ในขณะขับรถอยา่ งวางเท้าไว้บนแปน้ คลตั ช์ จงจำไว้วา่ แป้นคลตั ช์ไม่ใช้ทพ่ี ักเทา้ 5. การทำงานของเครือ่ งยนต์ - ตอ้ งแน่ใจว่าเครอ่ื งยนตท์ ำงานอยา่ งเรียบร้อย เปน็ ปกติตลอดเวลาไมม่ ีเสยี งเคาะ (เสียงเคาะ ของลน้ิ หรือเสยี งเคาะของการเผาไหม้) เครอื่ งยนต์ตอ้ งทำงานครบทุกกระบอกสูบ และ ความสิ้นเปลอื งของน้ำมันเชอ้ื เพลิง การเร่ง การลดความเร็วเรียบรอ้ ย อย่าลืมรายงานข้อ บกพรอ่ งที่เกดิ ขน้ึ 6. การทำงานของเคร่ืองวดั ตา่ ง ๆ - ควรสังเกตการทำงานของเครอื่ งวดั ต่าง ๆ บน แผงหนา้ ปัดเสมอ ๆ ในขณะขบั รถ โดยการเหลอื บ มองอย่เู สมอๆ เครือ่ งวัดตา่ ง จะบอกสภาพการ ทำงานของระบบต่างๆ ของเคร่ืองยนต์ อาทเิ ช่น ระบบหล่อล่นื , ระบบไฟฟ้า, ระบบเครือ่ งยนต,์ ความเรว็ ของเครอ่ื งยนต,์ ความเรว็ ของรถ, อณุ หภมู ิใช้งาน,ความดนั ของลมและประมาณของ นำ้ มันเชือ้ เพลงิ ในถัง
ห น ้ า | 83 ขณะหยุดพักรถ ในขณะหยุดพักรถนานเกินกวา่ 10 นาที ท่านควรจะได้สละเวลาสกั เลก็ น้อย เพอ่ื ทำการตรวจยานพาหนะของทา่ นในสิ่งต่างๆ ดงั น้ี. 1. การรวั่ ไหลท่วั ไป - การเดินไปรอบ ๆ รถ ตรวจดูรอยหยดของน้ำมัน และนำ้ บนพนื้ ดนิ และบริเวณใต้รถดว้ ย 2. ยางและล้อรถ - ตรวจดสู ภาพของยางและความดันลม โดยการ เคาะดว้ ยกุญแจขันลอ้ รถ ดูความหลวมคลอนของ แปน้ เกลยี วยดึ ลอ้ รถ เอาหนิ หรือสงิ่ ตา่ ง ๆ ทีต่ ดิ ค้างอยใู่ นระหว่างยางคู่หลังออก 3. ดคู วามหลวมคลอนของแปน้ เกลียว - ตรวจดรู อบๆ รถ และบริเวณไต้รถวา่ มกี ารหลวมคลอน และสลักเกลียวยดึ ช้ินสว่ นต่างๆ ของรถ หรือหลุดหายขององค์ประกอบใดบ้าง หลังการใช้งาน เม่อื ท่านจอดรถหลงั จากเสรจ็ ส้ินภารกิจใช้งานประจำวนั แล้ว ควรจะตรวจและเตมิ นำ้ มนั เครื่องยนต์ นำ้ ระบายความร้อน และนำมันเช้ือเพลิงให้เรียบร้อย และบันทึกความส้ินเปลืองลงในบัตรใช้รถประจำวัน (สพ.110) เครอื่ งยนต์ - ตรวจฟงั เสยี งผดิ ปกติอีกครั้งหนงึ่ ซึง่ อาจจะสงั เกต ไม่พบในขณะปฏิบตั ิงาน ต่อไปตรวจอปุ กรณ์ช่วย ในความปลอดภัย เชน่ - เสียงสัญญาณเตอื นความดนั ลมต่ำควรทำงาน ตามที่กำหนด - กระจกมองหลงั ตรวจดใู ห้อยู่ในสภาพใชก้ ารได้ - โคมไฟตา่ งๆ ตรวจดูการทำงานและสภาพ ความเรยี บรอ้ ย การตดิ ต้งั มัน่ คงแขง็ แรง - เครอื่ งปัดน้ำฝน ตรวจสภาพความเรยี บรอ้ ย ของใบปัดน้ำฝนและการทำงานของมอเตอรป์ ดั น้ำฝน - แตร ทำงานเรยี บร้อยดี ภายในหอ้ งเครอ่ื งยนต์ ปล่อยให้เคร่ืองยนตเ์ ดินเบา แล้วเปิดฝาปิดห้องเครื่องยนต์ข้ึน และตรวจสภาพภายในห้องเครื่องยนต์ ดสู ่งิ ต่าง ๆ เหล่านี้ การรั่วไหลทั่วไป - ตรวจดบู รเิ วณรอบๆ ฝาครอบล้นิ ,หมอ้ กรองนำ้ มนั เครอ่ื ง และท่อทางเดินน้ำมนั เคร่ือง ตลอดจนระบบน้ำมันเช้ือเพลงิ - การหลวมคลอนขององค์ประกอบตา่ งๆ - ความส่นั คลอนของเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา้ ,ป๊มั น้ำ, ใบพดั ลม, หม้อกรองอากาศ, สายไฟต่างๆ และ ฐานติดตงั้ เคร่อื งยนต์ อน่ึงใหท้ ่านตรวจดูทอ่ รว่ ม ไอดวี ่าไม่แตกร้าวคดงอ หรือมแี กส๊ ร่วั ไหลออกได้ ตรวจดรู อยร่ัวไหลรอบๆ บรเิ วณปะเกน็ ฝาเรอื น สูบ ดูสภาพทวั่ ไปของหม้อนำ้ รังผง้ึ และระบบ ระบายความร้อนแต่จงระวังอยา่ งให้มอื หรอื อวยั วะอืน่ ใดไปกระทบเขา้ กบั สายพาน หรอื ใบพดั ลม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155