ห น้ า | 42 - 41 - รูปท่ี 6.3 แผนผงั วงจรหมุนเครื่องยนต์ 1. แบตเตอร่ี 2.แผงฟิวส์ 3. รีเลยแ์ บตเตอร่ี 4.และ 5. ขวั้ ต่อสายไฟแผงเคร่ืองวดั 6. สวิตช์หมุนเคร่ืองยนต์ 7. สวิตช์แบตเตอร่ี 8. ไฟเตอื นอุ่นไอดี 9. ตัวตา้ นทานเคร่ืองอนุ่ ไอดี 10. แผงต่อสายไฟ 11. มอเตอรห์ มุนเครอ่ื งยนต์ 12. หัวอนุ่ ไอดี 13. ลิ้นโซลินอยดเ์ คร่ืองอุ่นไอดี
ห น้ า | 43 ตอนที่ 8 การใชเ้ ครอ่ื งมอื พเิ ศษประจำรถ 1. การเลือกใช้เครื่องมือพิเศษประจำรถเพื่อซ่อมแก้ และปรนนิบัติบำรุง รสพ.แบบ 85 ให้ปฏิบัติตาม คำอธิบาย และวธิ ปี ฏบิ ตั ิทกี่ ล่าวไว้ในตอนที่ 8 น้ี 2. เครื่องมอื พเิ ศษประจำรถ รสพ.แบบ 85 มีดังน้ี ลำดบั หมายเลขเครื่องมือ ชือ่ เครือ่ งมือ 1. 531. 28. 34 เครื่องมอื ใส่แหวนยดึ สลกั สายพาน 2. 531. 28. 36 ทอ่ ยางถา่ ยถงั น้ำมันเชอื้ เพลิง 3. 231. 28. 38 กญุ แจกระบอก 4. A531. 28. 81 เคร่อื งมือกตู้ นเอง 5. A531. 28. 99 กุญแจเปดิ ประตูหลัง และพนื้ รถ 6. 531. 28. 183 เหล็กตอกสลกั สายพาน 7. 531. 28. 184 กญุ แจหัวส่ีเหลย่ี ม 8. A531. 28. 346 กญุ แจขันแปน้ เกลียวดุมล้อกดสายพาน 2.1 เคร่อื งมอื ใสแ่ หวนยึดสลกั สายพาน ( 531. 28. 34 ) เครอ่ื งมอื นใี้ ชส้ ำหรบั ใส่แหวนยึดเขา้ กับปลายสลกั สายพาน โดยปฏิบตั ดิ งั นี้ - ใส่แหวนยดึ สลักสายพาน (2) เข้ากบั เครื่องมอื (1) - สวมเครื่องมือพรอ้ มแหวนเขา้ กับปลายสลักสายพาน (3) - ใชค้ อ้ นตอกหัวเครอื่ งมือจนแหวนยึด (2) สวมติดเข้ากบั ร่องแหวนบนสลักสายพาน 32 1 1. เคร่ืองมือใส่แหวนยดึ สลักสายพาน
ห น้ า | 44 2. แหวนยดึ สลักสายพาน 3. สลักสายพาน 2.2 ท่อยางถ่ายถงั นำ้ มันเชอื้ เพลงิ ( 531. 28. 36 ) ใช้สำหรบั ถา่ ยถงั น้ำมันเชอ้ื เพลงิ โดยปฏิบตั ิดังน้ี - ถอดจกุ เกลียวปิดชอ่ งถา่ ยนำ้ มนั เชื้อเพลิง - ขันเกลยี วหวั ทอ่ ยางถา่ ยถงั น้ำมนั เชอ้ื เพลงิ (3) เข้าไปยันล้นิ ถ่ายน้ำมนั เชื้อเพลิง (2) - หวั ทอ่ ยางจะดันลกู ปืนกลม (1) ใหย้ กตัวขึน้ พน้ จากบา่ ลิ้น - นำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ จะไหลออกจากถงั น้ำมันทางท่อยาง 1 2 3
ห น้ า | 45 1. ลกู ปืนกลม โดย 2. ลิ้นถา่ ยนำ้ มนั 3. ท่อยางถา่ ยถังนำ้ มนั 2.3 กญุ แจกระบอก ( 531. 28. 38 ) 2.3.1 ใช้สำหรับหมุนแกนเกลียวเครื่องปรับสายพาน เพ่ือปรับความตึงของสายพาน ปฏบิ ตั ิดังน้ี - ใช้ปลายด้านใหญข่ องกุญแจ (1) สวมเข้ากบั หัวหกเหลี่ยมของแกนเกลียว (2) - หมนุ ดา้ มกญุ แจตามเข็มนาฬกิ าเพอ่ื ให้สายพานตงึ ขน้ึ - หมุนด้ามกญุ แจทวนเขม็ นาฬิกาเพ่ือใหส้ ายพานหยอ่ นลง 1 2 1. กญุ แจกระบอก 2. แกนเกลยี วเครื่องปรับสายพาน 2.3.2 ใช้สำหรับคลาย หรือขันแน่นจุกถา่ ยน้ำมันใต้หีบเฟืองเกียร์เคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว โดย ปฏิบัตดิ งั น้ี - ใชป้ ลายด้านเลก็ ของกุญแจ (1) สวมเข้ากับหัวจุกถ่ายน้ำมนั (2)
ห น้ า | 46 - หมุนดา้ มกุญแจทวนเขม็ นาฬกิ าเพ่อื คลายเกลียวจุกถา่ ยน้ำมนั - หมนุ ดา้ มกญุ แจตามเข็มนาฬกิ าเพอ่ื ขนั แนน่ เกลียวจกุ ถา่ ยน้ำมัน 21 1. กญุ แจกระบอก 2. จกุ ถา่ ยน้ำมนั 2.3.3 ใช้สำหรบั คลาย หรือขนั แนน่ สลักเกลยี ว ( 10 ตวั ) ยดึ ลอ้ ขับสายพาน โดยปฏิบัติ ดงั น้ี - ใช้กญุ แจปากตายยดึ แปน้ เกลียวทางด้านในล้อขับสายพานไว้ - ใชป้ ลายด้านเลก็ ของกญุ แจ (1) สวมเขา้ กับหัวสลกั เกลียว (3) - หมนุ ด้ามกญุ แจทวนเข็มนาฬกิ าเพ่อื คลายสลกั เกลยี ว - หมุนด้ามกุญแจตามเข็มนาฬิกาเพ่ือขันแน่นสลักเกลียว และใช้ด้ามชะแลงเล็กสวมต่อ ดา้ มกุญแจ เพือ่ ทำให้ขนั เกลยี วไดแ้ นน่ ยิ่งขึ้น
ห น้ า | 47 1. ดมุ ลอ้ ขับสายพาน 2. ลอ้ ขบั สายพาน 3. สลกั เกลยี ว 4. กญุ แจกระบอก 2.4 เคร่ืองมือกตู้ นเอง ( A531. 28. 81 ) ใช้สำหรบั กตู้ นเองเมื่อติดหล่มโคลน หรอื พน้ื ที่ดินอ่อน หรอื เม่ือรถตดิ อก โดยปฏิบัตดิ ังนี้ - สอดเดือยขัดท่ีปลายห่วงสายลวดของเคร่ืองมือเข้ากับช่องรับเฟืองขับสายพานของข้อสายพาน ระหวา่ ง ล้อขับสายพาน กับล้อกดสายพานล้อที่ 1 จากทางด้านใต้ของสายพาน แล้วพลิกเดือยขัดให้ขวางกับ ชอ่ งรับเฟืองขับสายพานไว้ตามรปู ในวงกลม เพอื่ ยดึ เครือ่ งมอื และหว่ งสายลวดไวก้ บั สายพาน - ใส่ห่วงสายลวดของเคร่ืองมือเข้ากับสายพานอีกข้างหน่ึง โดยปฏิบัติเช่นเดียวกันกับท่ีกล่าว มาแลว้ - สอดท่อนไมก้ ูร้ ถเข้ากับห่วงสายลวดแตล่ ะขา้ ง แลว้ ขบั รถเดนิ หน้าข้ามพืน้ ทีอ่ ปุ สรรค ช้า ๆ - เมื่อท่อนไม้เลื่อนตำแหน่งมาอยู่ระหว่างล้อกดสายพานกับล้อปรับสายพานแล้ว จึงถอดท่อนไม้กู้ รถ และเครื่องมอื ออกจากสายพาน - ถ้ารถยงั ไมพ่ น้ จากพืน้ ทีอ่ ปุ สรรค ให้ปฏิบัตซิ ำ้ อกี จนกวา่ รถจะข้ามพื้นทีอ่ ุปสรรคนน้ั ไดส้ ำเรจ็
ห น้ า | 48 1. ขอ้ สายพาน 2. เครอื่ งมือกู้ตนเอง 3. ทอ่ นไมก้ ูร้ ถ 2.5 กญุ แจเปดิ ประตูหลงั และพน้ื รถ ( A531. 28. 99 ) 2.5.1 เมื่อใชเ้ ปดิ ประตูหลัง ใหป้ ฏบิ ตั ดิ ังนี้ - สวมกุญแจ (1) เขา้ กับหวั สลกั กลอน (2) ในรูกญุ แจของกลอนประตหู ลัง (3) - หมุนดา้ มกญุ แจ (1) ตามเข็มนาฬกิ าเพ่ือปลดกลอนประตู
ห น้ า | 49 1. กุญแจเปิดประตูหลงั 2. หวั สลกั กลอน 3. กลอนประตู 2.5.2 ใช้เปน็ กญุ แจเปดิ พ้นื รถดา้ นซ้าย ดา้ นขวา และด้านหลงั โดยปฏิบตั ดิ ังน้ี - สอดปลายกญุ แจด้านเปดิ พนื้ รถ (1) เข้าไปในรูกุญแจบนพนื้ รถ (3) โดยให้ปลายกุญแจสวมเข้า กับหัวเดอื ยกลอน (2) ตามรูป - หมุนดา้ มกุญแจไป 180 องศา เพอ่ื ให้เดือยกลอน พ้นจากบา่ ขดั กลอน (4) บนตวั รถ
ห น้ า | 50 1. กญุ แจเปดิ พื้นรถ 2. หวั เดอื ยกลอน 3. พืน้ รถ 4. บา่ ขดั กลอน 2.6 เหล็กตอกสลักสายพาน ( 531. 28. 183 ) ใช้สำหรับตอกปลายสลักสายพานให้หลุดเมื่อต้องการถอดข้อสายพาน หรือถอดสายพานรถ โดย ปฏบิ ตั ดิ งั น้ี - ใช้คอ้ นตอกปลายสลกั สายพาน (2) เข้าไปจนเสมอกับขอบขอ้ สายพานดา้ นนอก (3) - จรดปลายเหลก็ ตอกสลกั สายพานดา้ นปลายเรียว (1) เข้ากับปลายสลักสายพาน และใช้ค้อนตอก หัวเหลก็ ตอกสลักสายพานจนสลกั สายพานหลุด
ห น้ า | 51 1 2 3 1. เหล็กตอกสลักสายพาน 2. สลักสายพาน 3. ขอ้ สายพาน 2.7 กญุ แจหวั สเี่ หลี่ยม ( 531. 28. 184 ) ใช้สำหรับคลาย หรือขันเกลียวฝาปิดพ้ืนรถใต้จุกถ่ายน้ำมันของหีบเฟืองเปล่ียนความเร็ว หีบเฟือง ถ่ายทอดกำลัง และจุกถ่ายน้ำมันเคร่ืองยนต์ รวมท้ังการคลาย และการขันฝาปิดช่องระบายฝุ่นของถาด รองฝนุ่ เมอ่ื ต้องการทำความสะอาดหมอ้ กรองอากาศข้ันแรก
ห น้ า | 52 1. กุญแจหัวสเ่ี หลย่ี ม 2. ฝาปิดพืน้ รถ 3. แผน่ เกราะใตท้ ้องรถ 2.8 กุญแจขนั แป้นเกลยี วดุมล้อกดสายพาน ( A531. 28. 346 ) ใช้สำหรับการคลาย หรือขันเกลียวของแป้นเกลียวดุมล้อกดสายพาน เม่ือต้องการถอด หรือใส่ล้อกด สายพาน ดว้ ยการสวมกญุ แจใหซ้ ีฟ่ นั ของกุญแจสวมกบั รอ่ งบากของแป้นเกลยี วจนสนทิ แล้วหมุนดา้ มกญุ แจ 1. ล้อกดสายพาน 2. กญุ แจขนั แป้นเกลียว 3. แป้นเกลยี วลอ้ กดสายพาน 4. เพลาล้อกดสายพาน
ห น้ า | 53 วชิ า การใช้และซ่อมบารุง รถสายพานลาเลยี งพล เอม็ 113 เอ 2 แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศึกษา โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดศิ ร สระบุรี
ห น้ า | 54 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรยี นทหารม้า ศนู ยก์ ารทหารม้า ---------------------------------------- ( คท. 9-2350-261-10 ฉบบั 8 พ.ค.1984 ) วิชา คณุ ลกั ษณะ ขีดความสามารถ และการใช้ รสพ.M113A2 ตอนที่ 1 คณุ ลักษณะ ขีดความสามารถ และมาตราทานรถ 1. กล่าวทั่วไป รถสายพานลำเลียงพล M113A2 เป็นยานรบประเภทสายพานท่ีมีน้ำหนักเบา ทรวดทรง ตำ่ ออกแบบให้เหมาะสมในการบรรทุก ทหาร 12 นาย และพลขบั 1 นาย รสพ.M113A2 สามารถใช้เป็น รถบรรทุกสัมภาระ รถพยาบาล และรถลาดตระเวน อาวุธประจำรถ คอื ปืนกลขนาด. 50 นิว้ 1 กระบอก ติดต้ังทปี่ ้อมตรวจการณแ์ บบหมุนได้รอบตัวของ ผบ.รถ 2. ขดี ความสามารถ และคณุ ลกั ษณะสำคัญ 2.1 เคลอื่ นทีผ่ า่ นภมู ปิ ระเทศยากลำบากได้สะดวก และรวดเรว็ 2.2 สามารถปฏบิ ตั กิ ารสะเทินนำ้ สะเทินบกไดใ้ นบรเิ วณพ้ืนทล่ี ุ่มเชน่ บงึ แม่นำ้ ลำคลอง ฯลฯ 2.3 สามารถวง่ิ ด้วยความเร็วสูงบนถนนหลวง และถนนทีไ่ ดร้ ับการปรบั ปรุงแลว้ 2.4 สามารถทิง้ ส่งทางอากาศดว้ ยร่ม ใหแ้ กห่ น่วยทหารในสนาม 2.5 เคล่ือนท่ี และบงั คบั เลีย้ วด้วยสายพานท้งั บนบกและในน้ำ 2.6 ติดตั้งกลอ้ งตรวจการณ์ M17 โดยรอบช่องพลขบั และช่อง ผบ.รถเพ่ือใช้ตรวจการณ์ขณะปดิ ป้อม 2.7 มีกล้องตรวจการณ์อินฟราเรด M19 เก็บไว้ในกล่องท่ีห้องพลขับ เพื่อใช้ตรวจการณ์เวลากลางคืน ในสถานการณพ์ รางไฟ 2.8 ใช้ปฏิบัติการได้ในสภาวะแวดล้อมของ นชค.โดยสามารถติดต้ังระบบเคร่ืองกรอง นชค.เคร่ืองทำ ความอบอนุ่ ของพลประจำรถ และชดุ กระจกกนั ลมหน้าหอ้ งพลขับ 2.9 รถรุ่นแรกตดิ ต้ังถงั นำ้ มันเชือ้ เพลงิ 1 ถัง ที่มุมด้านหลังซ้ายในห้องผู้โดยสาร รถรุ่นหลังจะติดตั้ง ถังนำ้ มันเช้ือเพลิง 2 ถงั ทางด้านท้ายภายนอกตวั รถ 2.10 สามารถติดตัง้ ชดุ เปลพยาบาล ชุดอุปกรณ์กูซ้ อ่ ม และชดุ กว้านประกอบสมอบกกู้ตนเอง
ห น้ า | 55 1. ตะแกรงปดิ ชอ่ งอากาศออก 13. ชอ่ งระบายนำ้ ของปั๊มน้ำตวั หนา้ 2. ฝาปิดห้องพลขับ 14. หหู ่วงยกรถ 3. กล้องตรวจการณ์อนิ ฟราเรด M19 15. ชุดโคมไฟหน้า ดา้ นซา้ ย 4. กลอ้ งตรวจการณ์ M17 16. ลอ้ ขบั สายพาน 5. ฝาปิดด้านบน (ห้องผู้โดยสาร) 17. ข้อสายพานอะไหล่ 6. คนั เคร่ืองดบั เพลงิ ประจำรถ 18. หูรับขอลากจงู 7. ฝาครอบชอ่ งรบั อากาศ 19. กลอนยึดแผ่นลยุ ข้าม 8. ฝาครอบชอ่ งเตมิ นำ้ มนั เชอื้ เพลงิ 20. กระเด่ืองยดึ ขาค้ำแผน่ ลยุ ขา้ ม 9. ยางครอบสายพาน 21. แผน่ ลยุ ข้าม 10. ล้อปรับสายพาน 22. ชุดโคมไฟหน้า ด้านขวา 11. สายพาน 23. แตร 12. ล้อกดสายพาน
ห น้ า | 56 1. ชอ่ งเตมิ นำ้ มนั เช้ือเพลิง 10. โคมไฟท้าย 2. ฝาครอบชอ่ งรบั อากาศ 11. ถงั น้ำ 3. โครงกันฐานเสาอากาศ 12. ลวดลากจงู 4. ปอ้ มตรวจการณข์ อง ผบ.รถ 13. หูลาดบรรทุก 5. กล้องตรวจการณ์ M17 14. เตา้ เสยี บสายไฟรถพว่ ง 6. ปืนกลขนาด .50 นว้ิ 15. หว่ งลากจูง 7. ยางครอบสายพาน 16. ลาดบรรทุก 8. สายพาน 17. ประตูลาดบรรทุก 9. ช่องระบายน้ำของปัม๊ นำ้ ตวั หลงั 18. หูห่วงยกรถ 1. ห้องพลขับ
2. ฝาปดิ ผนังห้องเคร่ืองยนต์ ด้านข้าง ห น้ า | 57 3. เสาทนี่ ง่ั ผบ.รถ 4. ทน่ี ่ัง ผบ.รถ ( อันบน ) 12. ท่นี ั่งผโู้ ดยสาร 5. ที่น่ัง ผบ.รถ ( อันลา่ ง ) 13. หอ้ งผู้โดยสาร 6. แท่นยนื ของ ผบ.รถ 14. เดือยกลอนยดึ ลาดบรรทกุ 7. ทีต่ อ่ สายโทรศัพท์ 15. คันกลอนยดึ ลาดบรรทกุ 8. ช่องระบายน้ำของปม๊ั นำ้ ตัวหลัง 9. หหู ่วงยกรถ 10. โคมไฟท้าย 11. ถงั นำ้ 1. แครว่ ิทยุ 7. เครื่องทำความอบอนุ่ 2. หบี ควบคมุ ชุดวทิ ยุ 8. เสาท่นี งั่ และท่ีนงั่ ผบ.รถ ( อนั บน ) 3. โคมไฟเพดาน 9. ทีน่ ัง่ ผบ.รถ ( อนั ลา่ ง ) 4. เคร่ืองดับเพลิงประจำที่ 10. ทน่ี ่ังผ้โู ดยสาร 5. เครอื่ งตดิ ต่อภายในรถ 11. หีบเกบ็ แบตเตอร่ี 6. ฝาปดิ ผนงั หอ้ งเคร่ืองยนต์ 12. ถงั น้ำมนั เช้อื เพลิง ( รถรนุ่ แรก )
ห น้ า | 58 รสพ. M113A2 รนุ่ หลัง ( ถังนำ้ มนั อยู่ภายนอกรถ ) 1. ฝาครอบชอ่ งเตมิ น้ำมนั เช้ือเพลงิ 3. โคมไฟท้าย 2. ถังน้ำมันเชอ้ื เพลิง 4. ถงั น้ 3. องคป์ ระกอบหลกั ท่ตี ิดตัง้ และลักษณะท่ัวไป 3.1 ห้องเครื่องกำเนิดกำลัง อยู่ทางด้านขวาของตัวรถเป็นที่ติดต้ังเคร่ืองยนต์ หีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง เครื่องเปลี่ยนความเร็ว และหีบเฟืองทดเล้ียวบังคับรถ เครื่องกำเนิดกำลังสามารถเข้าถึงได้ทางฝาปิดห้อง เคร่ืองยนต์ด้านหน้ารถ ทางฝาปิดผนังห้องพลขับ และทางฝาปิดผนังห้องผู้โดยสาร การตรวจ และการ บริการหีบเฟืองทดเล้ียวบังคับรถ และ หีบเฟอื งขับขั้นสุดท้าย กระทำได้ทางฝาปิดห้องเคร่ืองยนต์ดา้ นหน้า รถ 3.2 ฝาปดิ ผนงั ห้องพลขบั เม่ือเปิดออกสามารถเข้าถึงองค์ประกอบต่าง ๆ เหลา่ น้ี คอื (1) ช่องเติมนำ้ มันเคร่ืองยนต์ (3) ช่องตรวจระดบั น้ำมันลาดบรรทุก (2) คนั คลตั ช์ตัด-ตอ่ กำลงั เคร่ืองยนต์
(4) ช่องเติมน้ำมันหีบเฟอื งถ่ายทอดกำลงั ห น้ า | 59 (5) หม้อกรองน้ำมนั เครือ่ งยนต์ (6) ช่องเติม และตรวจน้ำมันเคร่ืองเปลี่ยน ความเร็ว 3.3 ฝาปดิ ผนังหอ้ งผโู้ อดงยคส์ปารระกเอมบือ่ ทเปเี่ ขิด้าอถอึงกไสดา้เมม่ืาอรถถอเดขฝา้ ถาปึงอิ ดงผคน์ปังรปะิ กดอหบ้อตงพา่ งลๆขับเหล่าน้ี คือ (1) ช่องระบายอากาศของอ่างน้ำมนั ลาดบรรทุก (2) หม้อน้ำรงั ผึ้ง (3) หมอ้ เก็บนำ้ ลน้ (4) ชอ่ งตรวจระดบั นำ้ มนั พดั ลมระบายความรอ้ น (5) ลิน้ ถ่าย ของหม้อกรองน้ำมันเชอื้ เพลิงตวั แรก (6) ลิน้ ถา่ ย ของหมอ้ กรองนำ้ มนั เชอื้ เพลิงตัวท่ีสอง (7) ชุดสายพานเคร่ืองกำเนดิ ไฟฟา้ (8) ชุดสายพานพดั ลมระบายความรอ้ น (9) เหล็กวดั นำ้ มนั หบี เฟอื งถ่ายทอดกำลงั (10) เหลก็ วดั นำ้ มันเครอื่ งยนต์
ห น้ า | 60 องค์ประกอบทส่ี ามารถเข้าถึงเม่อื ถอดฝาปดิ ผนงั ห้องผ้โู ดยสาร 3.4 หน่วยกำลังขับเคลื่อนรถ ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญต่าง ๆ ทำหน้าที่ให้กำเนิด และถ่ายทอด กำลังขบั จากเคร่อื งยนตไ์ ปขบั เคลื่อนสายพานของรถ คือ (1) เครื่องยนต์ดีเซล 6V53 เปน็ หน่วยตน้ กำลงั (2) หบี เฟืองถ่ายทอดกำลงั ทำหนา้ ทถ่ี ่ายทอดกำลังจากเครอ่ื งยนต์เข้าสู่เครือ่ งเปล่ยี นความเรว็ (3) เครื่องเปลี่ยนความเร็ว ทำหน้าที่เปลี่ยนเกียร์ตามตำแหน่งท่ีเลือกใช้ ให้เหมาะสมกับความเร็ว และภารกรรมของ รถโดยอตั โนมตั ิ (4) เพลาขบั ทำหนา้ ทตี่ ่อกำลงั จากเคร่อื งเปลีย่ นความเร็วไปยงั หีบเฟอื งทดเล้ียวบงั คับรถ (5) หีบเฟอื งทดเลยี้ วบงั คับรถ ทำให้เกดิ การบงั คบั เลยี้ ว และการหา้ มลอ้ รถ (6) เพลาขับ ทำหนา้ ทีต่ อ่ กำลงั จากหีบเฟอื งทดเลยี้ วบังคบั รถไปยังหบี เฟอื งขบั ขัน้ สดุ ทา้ ย (7) หีบเฟืองขบั ขนั้ สุดทา้ ย ทำหนา้ ท่ีขับเฟอื งขบั สายพาน
ห น้ า | 61 (8) เฟืองขบั สายพาน ทำหนา้ ที่ขบั สายพานใหร้ ถเคลื่อนทไ่ี ปได้ องคป์ ระกอบของหนว่ ยกำลงั ขับเคลือ่ นรถ 3.5 ระบบระบายความรอ้ นเครือ่ งยนต์ และระบบไอดี อากาศสำหรับการสันดาปของเคร่ืองยนตแ์ ละการ ระบายความร้อน จะถูกดูดผ่านตะแกรงช่องรับอากาศเข้า และหม้อน้ำรังผ้ึง ไหลเวียนรอบเครื่องกำเนิด กำลังแล้วออกจากห้องเคร่ืองกำเนิดกำลังทางตะแกรงช่องอากาศออกซึ่งอยู่เหนือพัดลมระบายความร้อน ในห้องพลขบั จะมีคันบงั คับล้ินอากาศ ให้พลขับเลือกว่าจะรับอากาศ จากห้องผู้โดยสาร หรือ รับอากาศจาก ห้องเคร่ืองยนต์ เน่ืองจากในขณะใช้งานอากาศในห้องเครื่องยนต์จะร้อน ( มีความหนาแน่นน้อยกว่า ) การดูดอากาศท่ีเย็นกว่า ( มีความหนาแน่นมากกว่า ) จากห้องผู้โดยสารจะทำให้เคร่ืองยนต์มีกำลังเพ่ิมข้ึน นอกจากนี้หม้อกรองอากาศของเคร่ืองยนต์ จะมีเคร่ืองวัดสภาพไส้กรองอากาศ เพ่ือเตือนให้พลขับทราบว่า ไส้กรองอากาศอุดตันจนตอ้ งทำความสะอาด
ห น้ า | 62 การไหลเวยี นของอากาศในหอ้ งเครอื่ งยนต์ 1. ตะแกรงชอ่ งอากาศออก 2. พดั ลมระบายความรอ้ น 3. ขอ้ ต่อทอ่ รับอากาศเข้าเครอ่ื งยนต์ 4. ทอ่ ยางรบั อากาศเขา้ หมอ้ กรองอากาศ 5. ตะแกรงช่องอากาศเข้า 6. หมอ้ นำ้ รังผงึ้ 7. หมอ้ กรองอากาศ 8. ลน้ิ บังคบั อากาศ 3.6 ระบบเคร่ืองพยุงตัวรถ และสายพาน รสพ.M113A2 ใช้ระบบพยุงตัวรถด้วยคานรับแรงบิด มี ลอ้ กดสายพานด้านละ 5 ล้อ สำหรบั รองรับน้ำหนักรถ คานรับแรงบิดแตล่ ะอันจะสวมตดิ เข้ากับปลายข้าง หน่ึงของแขนล้อกดสายพาน และปลายอีกข้างหน่ึงถูกยึดติดไว้กับตัวรถด้วยสมอคานรับแรงบิด คานรับ แรงบิดจะทำหน้าที่พยุงน้ำหนักของรถ และกดล้อกดสายพานให้แนบชิดสายพานตลอดเวลา สายพานแตล่ ะ ข้างจะถูกขับด้วยซ่ีเฟืองล้อขับสายพานของหีบเฟืองขับขั้นสุดท้าย สายพานสามารถปรับ และรักษาความ ตึงหย่อนได้ด้วยชุดกระบอกปรับสายพานซึ่งยึดติดอยู่กับล้อปรับสายพานแต่ละข้าง ระบบพยุงตัวรถแต่ละ ด้านจะมีเคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน ติดตั้งไว้ท่ีล้อกดสายพาน ล้อท่ี 1 ล้อที่ 2 และล้อที่ 5 เพ่ือดูดกลืน แรงสนั่ สะเทือนเมือ่ รถเคลื่อนทไ่ี ปในภมู ิประเทศ สายพานของรถเปน็ สายพานแบบสลกั เด่ยี ว มปี ลอกรองสลักสายพาน และใชย้ างรองสายพานแบบ ถอดเปลี่ยนได้ สายพานด้านซา้ ยมขี ้อสายพาน 63 ข้อ และสายพานด้านขวามขี ้อสายพาน 64 ข้อ
ห น้ า | 63 องค์ประกอบของเคร่อื งพยุงตัวรถ และสายพาน 1. ล้อกดสายพาน 2. คานรบั แรงบิด 3. แขนลอ้ กดสายพาน 4. เครอ่ื งผอ่ นแรงสะเทือน 5. กระบอกปรบั สายพาน 6. ลอ้ ปรับสายพาน 7. สายพาน 8. เฟืองขับสายพาน
ห น้ า | 64 3.7 ระบบไฟฟา้ เป็นระบบไฟตรง 24 โวลท์ ประกอบดว้ ยแบตเตอรี่ 12 โวลท/์ 100 แอมแปร์ จำนวน 2 หมอ้ ตอ่ วงจรแบบอันดับ ขวั้ ลบลงดิน เม่ือเครอื่ งยนตต์ ิด แบตเตอร่จี ะได้รบั การประจไุ ฟด้วย เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 100 แอมแปร์ 28 โวลท์ ขับหมนุ ดว้ ยชุดสายพานจากหีบเฟืองถ่ายทอดกำลงั อาวธุ ประจำรถ ปืนกลขนาด .50 นิว้ จำนวน 1 กระบอก อตั ราบรรทกุ พลขบั 1 นาย และ ผบ.รถ 1 นาย พลประจำรถ 11 นาย พรอ้ มยทุ โธปกรณเ์ ต็มอัตรา ผู้โดยสาร 11,752 กก. (25,886 ปอนด)์ น้ำหนกั พรอ้ มรบ 0.58 กก./ตร.ซม. (8.25 ปอนด/์ ตร.นว้ิ ) นำ้ หนกั กดพื้นดิน 13 ชนั้ สะพาน (น้ำหนักพร้อมรบ) 10 (นำ้ หนกั รถเปล่า) 486.41 ซม. (191.5 นว้ิ ) 268.61 ซม. (105.75 นว้ิ ) ขนาด 222.25 ซม. (87.5 นว้ิ ) ความยาวท้ังหมด 43.26 ซม. (17.12 นว้ิ ) ความกวา้ งทั้งหมด ความสูงถงึ ยอดฐานติดตัง้ ปนื กล 64 กม./ชม. (40 ไมล์/ชม.) ระยะหา่ งใต้ท้องรถ 5.7 กม./ชม. (3.6 ไมล์/ชม.) ไมจ่ ำกัดความลึก สมรรถนะ 483 กม. (300 ไมล์) ความเรว็ สูงสดุ (บนพ้นื ดิน) 60 % 30 % (ในน้ำ) 70 ซม. (24 นว้ิ ) การลยุ ข้ามน้ำลกึ 167 ซม. (5 ฟุต 5 นว้ิ ) ระยะปฏบิ ัตกิ าร (ความเรว็ เฉล่ยี 25 ไมล์/ชม.) บรษิ ัท ดีทรอย จเี อ็มซี ความสามารถในการไต่ลาด (ลาดตรง) เคร่ืองยนตด์ เี ซล สองจังหวะรอบ 6 สูบ รูปตวั \"V\" ระบายความร้อนดว้ ยน้ำ (ลาดขา้ ง) 6 สูบ รูปตวั \"V\" ระบายความรอ้ นดว้ ยน้ำ ข้ามเคร่ืองกดี ขวางทางดง่ิ จุดระเบดิ ด้วยกำลงั อดั แบบ 6 V 53 ขา้ มคูกวา้ ง 210 ณ 2,800 รอบ/นาที เคร่ืองยนต์ ( ผสู้ ร้าง ) 650 - 750 รอบ/นาที ชนิด 2,800 รอบ/นาที 2,925 - 2,975 รอบ/นาที แรงมา้ รอบเดนิ เบา 160 ฟ. - 200 ฟ. ( 71 ซ. - 93.3 ซ.) รอบสงู สุด (มภี ารกรรม) (ไม่มภี ารกรรม) อณุ หภมู ิใชง้ านปกติ
อปุ กรณท์ ัศนะ ห น้ า | 65 กลอ้ งตรวจการณ์ M17 - รอบชอ่ งทางเข้า-ออก ห้องพลขับ 4 กล้อง กล้องตรวจการณ์ อินฟราเรด M19 - ป้อมตรวจการณ์ ผบ.รถ 1 กล้อง - กล้องอะไหล่ 1 กลอ้ ง ตดิ ตัง้ ทฝ่ี าปดิ ห้องพลขับ 1 กล้อง และมีหวั กลอ้ งอะไหล่ 1 อัน
ห น้ า | 66 ตอนที่ 2 คำแนะนำในการใช้งาน คำอธิบายการใช้งานเครือ่ งควบคุม คนั บงั คบั และไฟเตอื น เคร่อื งควบคุม คนั บังคบั เครอ่ื งวัด และไฟเตือนตา่ ง ๆ ในห้องพลขบั ลำดับ ชอ่ื อุปกรณ์ หนา้ ท่ี และการใชง้ าน 1. แผงเครื่องวดั เป็นท่ีติดต้ังเครื่องวัด และไฟเตือน ท่ีจำเป็นสำหรับการใช้ 2. แผงไฟเตอื น งานรถเป็นที่ติดตั้งไฟเตือนเครื่องยนต์ ไฟเตือนเครื่อง เปล่ียนความเร็ว ไฟเตือนหีบเฟืองทดเลี้ยวบังคับรถ สวิตช์ 3. กลอ้ งตรวจการณ์ M17 แตร และไฟเตือนไฟสูง 4. คันบังคบั เลี้ยวฉกุ เฉิน เป็นทต่ี รวจการณข์ องพลขบั เม่ือขับรถด้วยการปดิ ปอ้ ม ใช้สำหรับการบังคับเลี้ยวในน้ำ การบังคับเล้ียวหมุนอยู่กับ 5. เคร่อื งวดั สภาพ ไส้กรองอากาศ ท่ี และการห้ามล้อฉุกเฉินจะแสดงค่าเป็นแถบสีแดงเม่ือไส้ กรองอุดตนั จนต้องทำความสะอาดหรอื เปลี่ยนใหม่ 6. คนั เกียร์เปลย่ี นความเร็ว ห้ พ ล ขั บ เลื อ ก ต ำ แ ห น่ ง เกี ย ร์ ใ ช้ ง า น ข อ ง เค ร่ื อ ง เป ล่ี ย น ความเร็วมีเกียร์เดินหน้า 4 ตำแหน่ง เกียร์ว่าง 1 ตำแหน่ง และเกียร์ถอยหลัง 1 ตำแหน่งพลขับใช้ปลดกลอน และขัด 7. คันกลอนยึดลาดบรรทกุ กลอนยึดลาดบรรทุกพลขับใช้ในการยกลาดบรรทุกขึ้น-ลง 8. คนั บงั คบั ลาดบรรทกุ พลขับใช้ดับเครื่องยนต์ เม่ือดึงออกเป็นตำแหน่งดับ 9. คนั ดับเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ และเป็นตำแหน่งเดินเคร่ืองยนต์เม่ือดันกลับท่ี เดิม
ลำดับ ช่อื อปุ กรณ์ ห น้ า | 67 10. คนั เรง่ มอื 11. คันบังคับลน้ิ อากาศ หนา้ ท่ี และการใช้งาน 12. คันเรง่ เคร่อื งยนต์ พลขับใช้ยดึ คันเรง่ เครื่องยนตไ์ วใ้ นรอบความเรว็ ทต่ี ้องการ 13. สวติ ชไ์ ฟสูง-ตำ่ ก่อนติดเครื่องยนต์ให้ดึงคันบังคับออก เมื่ออุ่นเคร่ืองยนต์ 14. คนั บงั คับเลย้ี ว แล้วให้ดนั คันบงั คับกลับ เพ่ือให้อากาศเย็นในห้องผู้โดยสาร ไหลเข้าสู่ห้องเคร่ืองยนต์ ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังเพ่ิมข้ึน 15. แผงยดึ ปืน ควบคุมความเร็วของเครื่องยนต์ โดยกดลงเพอื่ เพมิ่ ความเร็ว 16. แผงสวิตช์แบตเตอรี่ และผ่อนคันเร่งเพอื่ ลดความเร็ว เลือกลำแสงไฟสูง-ต่ำของโคมไฟใหญ่หน้ารถ และโคมไฟ อินฟราเรดบังคับการเลี้ยวรถ และการห้ามล้อ โดยการดึง คันบงั คับดังนี้ - ดึงคันบังคบั อันขวา เม่ือต้องการเลย้ี วขวา - ดงึ คันบงั คบั อนั ซ้าย เมือ่ ต้องการเล้ียวซ้าย - ดงึ คนั บังคบั ทงั้ คู่ เพ่อื ชะลอความเร็ว และหยุดรถ - ดงึ คนั บงั คบั ทงั้ คูไ่ ว้ และกดปมุ่ ยดึ ลงเพื่อใสห่ า้ มลอ้ จอดรถ - ดึงคันบังคับท้ังคู่มาข้างหลัง ให้ปุ่มยึดดีดตัวขึ้นเพื่อปลด ห้ามล้อ จอดรถ เก็บ ปลย.เอ็ม 16 ติดตั้งสวิตช์แบตเตอร่ี เต้าพ่วงไฟ และท่ี เก็บสายไฟแรงสงู ของกล้องตรวจการณอ์ นิ ฟราเรด - ดึงสวิตช์แบตเตอร่ีไว้ หมุนตั้งฉาก และปล่อยสวิตช์เม่ือ ต้องการเปดิ ไฟ - ดึงสวิตช์แบตเตอรี่ไว้ หมุนขนานกับพ้ืน และปล่อยสวิตช์ เม่ือต้องการปิดไฟ
ห น้ า | 68 แผงเครื่องวัดของพลขบั ลำดบั ชอ่ื อุปกรณ์ หนา้ ที่ และการใช้งาน 1. สวติ ช์ไฟอินฟราเรด (IR.POWER) เปิด-ปิด กระแสไฟฟ้าแรงสูงของกล้องตรวจการณ์ 2. สวิตชเ์ ลอื กตำแหนง่ ไฟพรางขบั อนิ ฟราเรด ( I.R.-BO. ) เลือกตำแหน่งโคมไฟพรางขับอินฟราเรด หรือตำแหน่งไฟ 3. สวติ ชห์ มนุ เคร่ืองยนต์ พรางขับธรรมดา 4. เคร่ืองวดั ไฟฟา้ ใช้หมุนเครื่องยนต์ด้วยการกด สวิตช์จะกลับคืนสู่ตำแหน่ง ปดิ \"OFF\" เองเม่ือปลอ่ ยมือ 5. สวติ ช์เลอื กวดั นำ้ มนั เช้อื เพลงิ จะแสดงสภาพของแบตเตอร่ีเมื่อเครื่องยนต์ดับ และแสดง อั ต ร า ก า ร จ่ า ย ก ร ะ แ ส ไ ฟ ข อ ง เค ร่ื อ ง ก ำ เ นิ ด ไ ฟ ฟ้ า เมื่ อ 6. ไฟส่องหนา้ ปัดเคร่อื งวัด เครื่องยนต์ติดเลือกถังน้ำมันเชื้อเพลิงท่ีต้องการวัดระดับ 7. เครอ่ื งวัดนำ้ มันเชอื้ เพลิง น้ำมันส่องสวา่ งหน้าปดั เคร่อื งวัดตา่ ง ๆ 8. สวติ ช์อุ่นไอดี 9. เคร่ืองวัดความเรว็ และบันทกึ แสดงระดบั นำ้ มนั เชอื้ เพลงิ ในถัง ใช้เมือ่ ติดเคร่อื งยนต์ในอากาศเย็นจัดถึง 0 ซ. ระยะทาง แสดงความเรว็ ของรถในขณะว่งิ บนพื้นดนิ เป็นไมล์/ชม. 10. ไฟเตือนสวิตชแ์ บตเตอร่ี 11. เครอ่ื งวัดอณุ หภูมเิ ครื่องยนต์ และบันทึกยอดรวมระยะทางทร่ี ถวงิ่ เป็นไมล์ ตดิ สว่างข้ึนเม่อื สวติ ช์แบตเตอรอี่ ยู่ในตำแหน่งเปิด \"ON\" 12. ไฟเตือนเครือ่ งสบู น้ำ แสดงอุณหภูมิของน้ำระบายความร้อนเคร่ืองยนต์เปน็ องศา 13. เครือ่ งวัดรอบ และบันทึกชว่ั โมง ฟ.อุณหภมู ใิ ชง้ านปกติ 160-200 ฟ. (71-93.3 ซ.) ติดสว่างข้ึนเมื่อเคร่ืองสูบน้ำพ้ืนรถ ตัวหน้าหรือตัวหลัง 14. สวิตช์เครอื่ งสูบน้ำพืน้ รถ ทำงานแสดงรอบความเร็วเครื่องยนต์ในหนึ่งนาที (รอบ/ 15. สวติ ชค์ วบคุมระบบแสงสวา่ ง นาท)ี และบันทึกยอดรวมช่ัวโมงเดนิ เคร่อื งยนต์ เปดิ -ปิด เครือ่ งสบู นำ้ พ้นื รถทั้งตัวหนา้ และตวั หลงั เปิด-ปิด ระบบแสงสว่างภายนอกรถ และไฟส่องหน้าปัด เครื่องวัด
ห น้ า | 69 แผงไฟเตือน ลำดบั ช่อื อุปกรณ์ หนา้ ท่ี และการใช้งาน 1. ไฟเตือนน้ำมันหีบเฟืองทดเล้ียว ติดสว่างขึ้นเม่ือน้ำมันหล่อล่ืนหีบเฟืองทดเลี้ยวบังคับรถมี บังคบั รถ อุณหภมู ิสงู อณุ หภมู ิสูงเกนิ เกณฑป์ ลอดภยั ใชง้ าน 2. ไฟ เตือน น้ ำมัน เคร่ืองเปล่ียน ติดสว่างข้ึนเม่ือน้ำมันเคร่ืองเปลี่ยนความเร็วมีอุณหภูมิสูง 3. ความเร็ว อณุ หภมู สิ ูง เกินเกณฑป์ ลอดภยั ใช้งาน ไฟเตือนน้ำมันเคร่ืองยนต์ ความ ดันต่ำ ติดสว่างขึ้นเมื่อน้ำมันเคร่ืองยนต์มีความดันต่ำกว่าเกณฑ์ ปลอดภัยใช้งาน หรือเม่ือน้ำมันเคร่ืองยนต์มีอุณหภูมิสูง 4. สวิตชแ์ ตร เกนิ เกณฑป์ ลอดภัยใช้งาน 5. ไฟเตอื นไฟสงู ใช้กดเม่ือต้องการเสยี งแตรสญั ญาณ ติดสว่างขึ้นเมอื่ ไฟใหญห่ น้ารถ และโคมไฟอนิ ฟราเรด อยใู่ นตำแหน่งไฟสูง
ห น้ า | 70 แผงสวิตชแ์ บตเตอร่ี ลำดับ ช่ืออปุ กรณ์ หนา้ ที่ และการใช้งาน 1. สวิตช์แบตเตอรี่ ตดั -จา่ ย กระแสไฟฟา้ ทั้งหมดของตัวรถ 2. เตา้ พว่ งไฟ ใช้ต่อสายพ่วงไฟเพื่อรับ-จ่าย กระแสไฟ 24 โวลท์สำหรับ หมนุ ตดิ เครอ่ื งยนต์ฉกุ เฉิน 3. ทเี่ ก็บสายไฟแรงสงู เก็บข้ัวเสียบสายไฟแรงสูงของกล้องตรวจการณ์อินฟราเรด 4. เต้าเสียบสายไฟเล็ก M 19 จ่ายกระแสไฟ 24 โวลทใ์ หก้ ับอปุ กรณท์ ่ีนำมาต่อใชง้ าน
ห น้ า | 71 ตอนที่ 3 การใช้งานรถ การปฏบิ ตั ิทคี่ วรกระทำก่อนติดเคร่ืองยนต์ 1. ตรวจเคร่อื งดบั เพลงิ ประจำรถใหแ้ น่ใจว่าอย่ใู นสภาพใช้การได้ 2. ตรวจระดับนำ้ มันเครอ่ื งยนต์ นำ้ มนั หีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง น้ำมันหีบเฟืองทดเลีย้ วบังคบั รถ และนำ้ มนั เครอื่ งเปล่ยี นความเรว็ วา่ มีระดบั อยูใ่ นเกณฑป์ ลอดภัยในการเดนิ เคร่อื ง การตรวจเคร่ืองวดั และไฟเตอื นกอ่ นตดิ เร่ืองยนต์ ก่อนติดเครื่องยนต์ควรตรวจการทำงานของ เครอ่ื งวัด และไฟเตอื น ดงั น้ี 1. เข็มเคร่ืองวัดไฟฟ้าควรชี้แสดงค่าที่บริเวณกง่ึ กลางแถบสเี หลอื ง ซ่งึ แสดงว่าแบตเตอร่ีมไี ฟพอใชง้ าน 2. เข็มเคร่ืองวัดน้ำมนั เชื้อเพลงิ ควรแสดงระดับนำ้ มันเช้อื เพลิงพอเพยี งในถงั 3.ไฟเตอื นความดันนำ้ มันเคร่ืองยนต์ตำ่ ควรตดิ สว่างข้นึ ( ดวงท่ี 3 จากซา้ ย )
ห น้ า | 72 4. ดนั คนั ดบั เครือ่ งยนต์ (4) กลบั คืนใหส้ ดุ 5. ดงึ คันบังคบั ลนิ้ อากาศ (5) ออกใหส้ ุด 6. กดคันเร่งเล็กน้อย และกดสวิตช์หมุนเคร่ืองยนต์ (6) ให้ปลอ่ ยสวติ ช์ทันทเี มื่อเคร่อื งยนต์ตดิ หมายเหตุ ถ้าเคร่ืองยนต์ไม่ติดภายใน 30 วินาที ให้ปล่อยสวิตช์ และคอย30 วินาที ก่อนติดเคร่ืองยนต์ซ้ำอีก ถ้า เคร่ืองยนต์ไม่ติดหลังจากพยายามแล้ว 3 คร้ังให้ ดำเนนิ การแกไ้ ขขอ้ ขัดข้องตอ่ ไป 7. เมื่อเคร่ืองยนต์ติดแล้ว ไฟเตือนความดันน้ำมัน เครื่องยนตต์ ่ำ( 7 ) ควรดบั ลงภายใน 10 วินาที 8. ตั้งคันเร่งมือ (8) ไว้ให้เคร่ืองยนต์เดิน 800-1000 รอบ/นาที นาน 3-5 นาทีเพ่ืออุ่นเคร่ืองยนต์ไว้ และให้ น้ำมันหลอ่ ล่ืนไหลเวียนตามปกติ 9. ดันคันเร่งมือ (8) กลับ เคร่ืองยนต์ควรเดินเบาที่รอบ เดินเบาปกติ 650-700 รอบ/นาที 10. ดนั คนั บงั คับลิ้นอากาศ (5) กลบั ให้สุด ขอ้ ควรระวัง ควรหลีกเลี่ยงการเดินเครื่องยนต์ 650-700 รอบ/นาที เป็นเวลานานเพราะอุณหภูมิของน้ำระบายความร้อนจะ ลดลงจนตำ่ กว่าอณุ หภมู ิใชง้ าน
ห น้ า | 73
ห น้ า | 74 เมื่อเครื่องยนตต์ ดิ และอนุ่ เครอ่ื งยนตเ์ รียบรอ้ ยแล้ว ปลอ่ ยเครือ่ งยนต์เดินเบาปกติ แล้วตรวจการทำงาน ของเคร่ืองวัด และไฟเตือน ดงั น้ี หมายเหตุ หลอดไฟเตอื นทกุ ดวงบนแผงไฟเตอื นควรดบั สนทิ ถา้ ไมด่ บั ให้ดำเนนิ การ แกไ้ ขขอ้ ขัดขอ้ งตอ่ ไป เครื่องวัด และการแสดงคา่ 1. เครือ่ งวดั ไฟฟา้ การแสดงคา่ ของเขม็ เคร่อื งวดั - อย่ใู นยา่ นสแี ดงด้านซ้ายมอื แสดงว่าแบตเตอรไ่ี ม่มไี ฟหรือเกิดการลดั วงจร - อย่ใู นย่านสีเหลืองแสดงว่าเคร่อื งกำเนิดไฟฟ้าไมท่ ำงาน - อย่ใู นยา่ นสีเขียวแสดงว่าเครื่องกำเนิดไฟฟา้ ทำงานปกติ - อยู่ในย่านสีแดงขวามือ แสดงว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าประจุไฟเกิน ให้ดบั เคร่ืองยนต์ และรายงาน ชา่ ง ซอ่ มบำรุง ประจำหนว่ ย 2. เครื่องวัดน้ำมันเชื้อเพลิง ควรแสดงระดับน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง และควรเติมน้ำมันให้เพียงพอ สำหรบั การใชง้ าน 3. เคร่ืองวัดอุณหภูมิเคร่ืองยนต์ เข็มเคร่ืองวัดอาจแสดงค่าอยู่ระหว่าง 160-200 ฟ. (71-93 ซ.) ซ่ึงเป็นย่านอุณหภมู ิใช้งานปกติ ถ้าเข็มเคร่ืองวดั ชี้แสดงอณุ หภมู ิสูงกว่า 200 ฟ. (93 ซ.)ให้ดำเนินการ แก้ไขข้อขัดข้องเคร่อื งยนต์ ถา้ เคร่ืองวดั ไม่ทำงานใหร้ ายงานช่างซ่อม บำรุงประจำหน่วย การดบั เครอื่ งยนต์ (ขน้ั ตอน) 6 การขบั รถ การปฏ1บิ . ตัจิัดค(ขันัน้ บตังอคนับ)เลย้ี ว (6) ท้ังค่ไู ว้ในตำแหนง่ ใส่หา้ มลอ้
ห น้ า | 75 การเลอื กตำแหนง่ ใช้งานของเคร่อื งเปลี่ยนความเร็ว ข้อควรระวงั ก่อนเข้าเกียร์ถอยหลัง\"R\"ต้องหยุดรถให้สนิท และ ปล่อยให้ เคร่อื งยนต์ เดนิ เบา 650-700 รอบ/นาที - เกยี ร์ถอยหลงั \"R\" ใช้สำหรบั การขบั รถถอยหลังในทุก สภาวการณ์ - เกยี รว์ ่าง \"N\" ใช้สำหรับการตดิ เครอื่ งยนต์ การเดิน เบาเครอื่ งยนต์ และเมื่อใชง้ านเคร่ืองอุปกรณ์ ชว่ ยต่าง ๆ - เกียร์ 2-3 ใช้สำหรับขบั รถด้วยความเรว็ สูงบน ถนน หรอื ในภูมิประเทศราบเรยี บ เมอ่ื รถบรรทกุ น้ำหนกั เบา - เกยี ร์ 1-3 ใชส้ ำหรบั ขบั รถตามปกตบิ นถนน ใน ภูมิประเทศราบเรียบ และในภูมปิ ระเทศที่มลี ักษณะเป็น ลูกคล่ืน ( ROLLING TERRAIN ) ขอ้ ควรระวัง อย่าเปลี่ยนลงเป็นเกียร์ 1-3 ถ้ารถมีความเร็วสูงกว่า 40 ไมล์/ชม. - เกยี ร์ 1-2 - ใชส้ ำหรับขบั รถในภูมิประเทศขรขุ ระ หรอื พ้ืนดินอ่อน - ใชส้ ำหรบั ขบั รถขึน้ -ลง ลาดชนั ทีม่ ชี ่วง ลาดยาว - ใชส้ ำหรบั การขับเคลอื่ นรถในนำ้ ข้อควรระวงั อยา่ เปลย่ี นลงเป็นเกยี ร์ 1-2 ถ้ารถมคี วามเรว็ สงู กวา่ 21 ไมล์/ ชม. - เกียร์ 1 - ใชส้ ำหรบั ขบั รถขึน้ -ลง ลาดชันมาก - ใชส้ ำหรบั ขบั รถ ลง-ขึน้ จากนำ้ หมายเหตุ ผลักคันกเากรียใรช์ไ้คปนั ทบาังคขบั้างเล(้ยี ฝวืนแแลระงกแาหรนหบ้าม)ลเ้อพ่ือให้คันเกียร์พ้น จจะากเปรล่อ่ยีงนบจังคากกับาเรกกแียดลรปะ์ 1ตมุ่ -้อก2งลแไอปนนย่ใยจังดึ เวกค่ายีันไรดบ์้บ1งั คีบบักเรละย้ี เวดใ่ือนคงขปำณเลตะดอื รกนถลเอคนลอื่เมน่ือท่ี สามารถทำให้หา้ มลอ้ ถูยดึ เกิดชนกับรถคนั อน่ื หรอื บคุ คล จะตอ้ งเอามอื ออกหา่ งจากป่มุ กลอนเสมอ เวน้ แต่จะ ใส่หา้ มล้อจอดรถเท่าน้ัน
ห น้ า | 76 ความเรว็ ในการเลี้ยวของรถจะขน้ึ อยกู่ ับแรงดงึ คันบังคบั ดังน้นั พลขับต้องใช้สามญั สำนกึ ในการบงั คับเลีย้ ว เชน่ เดยี วกับการเหยยี บคคนั ำหเต้าอืมนล้อรถ และผา้ หา้ มล้ออาจจบั แนน่ หรอื อาจไมจ่ บั เลยถ้าเกดิ ร้อนจัด จงใชค้ นั กบารังคกบัดเปลุ่มย้ี วกอลยอ่านงนยิ่มึดนควันลบแังลคะับวงเลเล้ีย้ยี ววใขนอขงรณถะจระกถวเคา้ งลม่ือานกขทนึ้ี่ ตามความเร็วของรถ อีกประการหนึง่ เพ่อื ใหร้ ถ สาเลมีย้ าวรไถปทไดำ้อใหยา่้หง้าสมมลำ่ ้เอสถมูกอยพึดลเขกับิดจชะนตกอ้ ับงเรถง่ เคันรื่องื่นยหนรตือเ์ พชม่ินขึ้นเล็กน้อยเพื่อชดเชยกำลังทเ่ี สียไปในการยดึ ชดุ บหุคค้ามลลจอ้ ึงบตงั ้อคงับเอเลาี้ยมวือออกห่างจากปุ่มกลอนเสมอ เว้นแต่จะ ใส่ห้ามล้อจอดรถเท่านั้นคันบังคับเล้ียวแต่ละข้างจะใช้ สำหรับควบคุมการบังคับเลี้ยว และห้ามล้อรถ เป็นอิสระ จากกัน โดยการทำงานท้ังหมดจะเกิดขึ้นภายในหีบเฟืองทด เล้ียวบังคับรถ พลขับสามารถชะลอความเร็วของสายพาน หรือหยุดสายพานข้างใดข้างหน่ึงเม่ือต้องการให้รถเลี้ยว โดยการดึงคันบังคับเลี้ยวด้านที่ต้องการเลี้ยว และสามารถ ชะลอความเร็วหรือหยุดสายพานท้ังสองข้างพร้อมกัน โดย การดึงคันบังคับเล้ียว ท้ังสองข้างพร้อมกันเม่ือต้องการห้าม ล้อ และหยุดรถ ปุ่มกลอนบนด้ามคันบังคับแต่ละอัน จะใช้ เพื่อยึดคันบังคับเล้ียวไว้ในตำแหน่งการห้ามล้อจอดรถ เท่านน้ั การเล้ียวรถ รสพ.M113A2 จะหันเล้ียวไปทางดา้ นท่ี สายพานหมนุ ช้ากว่าเสมอทัง้ ในขณะรถเดินหนา้ หรือถอย หลัง ดังนนั้ การเล้ียวซา้ ย ใหด้ ึงคันบงั คับเล้ยี วซ้ายมาข้างหลังเม่ือจะ เลี้ยวซ้าย การเล้ียวขวา ให้ดึงคันบงั คบั เลี้ยวขวามาข้างหลงั เม่อื จะ เลย้ี วขวา การหยุดรถ ผ่อนคันเร่งให้สุด และดงึ คันบังคับเลย้ี วทงั้ คู่ พรอ้ มกัน โดยใช้หลักการเช่นเดยี วกันกบั การดงึ เลยี้ ว ปรบั น้ำหนกั ในการดึงคันบังคับแต่ละขา้ งใหร้ ถชะลอความเร็วลง และหยดุ เป็นแนวตรงโดยไม่ส่ายไปมา การใส่ห้ามลอ้ จอดรถ เมือ่ รถหยุดสนทิ แล้ว กอ่ นลงจากรถ ใหใ้ สห่ า้ มล้อจอดรถ โดยดงึ คันบงั คบั เลย้ี วทั้งคู่มาขา้ งหลงั จนตงึ แล้วกดปุม่ กลอนลงยดึ คันบงั คบั ไว้ การปลดห้ามลอ้ จอดรถ ดงึ คันบังคบั ทั้งคู่มาขา้ งหลัง โดย ไม่แตะต้องปมุ่ กลอน จนปุ่มกลอนดดี ตวั ขึ้น และปลดคนั บังคับจากบากยดึ
ห น้ า | 77 การหมนุ อยู่กับท่ี และการหา้ มล้อฉกุ เฉนิ ( PIVOT STEERING AND BRAKING ) คำเตือน - การใช้คนั บงั คบั เลยี้ วฉกุ เฉนิ ผดิ วิธี อาจเกดิ อนั ตรายรา้ ย แกบ่ คุ คลหรือทำใหท้ รพั ยส์ นิ เสียหายอย่างหนักได้ - อยา่ ใชค้ นั บงั คบั เลี้ยวฉุกเฉนิ เมอื่ รถแล่นเรว็ กวา่ 15 ไมล์/ชม. - อยา่ ใช้คนั บงั คบั เลี้ยวฉุกเฉินเม่อื ใชเ้ กยี ร์สงู กว่า 1- 2 - อยา่ ใชค้ ันบังคบั เล้ยี วฉกุ เฉนิ พร้อมกนั กับคนั บังคบั เลยี้ วปกตเิ ปน็ อันขาด เพราะจะทำให้ชุดเฟืองทดเลยี้ วเสยี หายอย่างหนกั คันบงั คับเลยี้ วฉุกเฉนิ ( PIVOT STEERING ) จะทำงานเชน่ เดียวกับคันบงั คับเลี้ยวปกติ แตก่ ารตอบสนอง การบังคับจะรวดเร็วกว่า เนื่องจากเป็นระบบดิสค์เบรค เม่ือดึงคันบังคับจะทำให้จานห้ามล้อถูกยึดแน่น ทนั ที การหมนุ เลี้ยวซา้ ย ดงึ คันบงั คับเลีย้ วฉกุ เฉินซ้ายมาข้างหลัง การหมุนเล้ียวขวา ดึงคันบงั คบั เล้ียวฉุกเฉนิ ขวามาขา้ งหลัง การห้ามล้อฉุกเฉิน ผ่อนคันเร่งให้สุด และดึงคันบงั คับเลี้ยวฉุกเฉินทั้งคู่พร้อมกันในขณะท่ีรถมีความเร็ว ต่ำ และคันบังคับเลี้ยวปกติชำรุดเสียหาย หากพลขับดึงคันบังคับนี้ในขณะรถมีความเร็วสูง จะทำให้เกิด ความเสยี หายอย่างใดอย่างหนง่ึ ขน้ึ ได้ ข้อควรระมัดระวงั ในการขับรถ
ห น้ า | 78 1. ใชเ้ กยี ร์ 1-2 จนกว่าจะคุ้นเคยกับการบังคับควบคมุ รถ 2. อย่าใช้คันบังคับเล้ียวมากเกินควร หรือขับรถด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะเม่ืออยู่บนถนน ผิว แข็ง อาจทำให้สญู เสียการควบคุมรถได้ง่าย 3. ดันคันบังคับล้นิ อากาศกลับใหส้ ุด เพอ่ื ให้เคร่ืองยนตไ์ ด้รับอากาศเย็นจากห้องผ้โู ดยสาร ช่วยให้ เครอ่ื งยนตม์ ีกำลงั เพม่ิ ข้นึ 4. ผ่อนคันเร่งเม่ือหน้ารถถึงขอบคู หรือร่องน้ำ ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 1-2 เคล่ือนท่ีไปช้า ๆ เร่ง เครื่องยนต์ขึ้นเมื่อสายพานแตะขอบคู ฝั่งตรงข้าม ความกว้างสูงสุดของคูท่ีสามารถข้ามได้อย่างปลอดภัย คือ 5.5 ฟุต (1.67 เมตร) 5. เร่งเคร่ืองยนต์ไว้เมื่อรถไต่ลาดชัน ผ่อนคันเร่งเมื่อรถถึงยอดของลาด และในขณะลงลาดให้ใช้ เกียร์ 1 สำหรับลาด 30-60 % และใชเ้ กียร์ 1-2 สำหรับลาดไมถ่ งึ 30 % 6. ควรใชก้ ารดึงเลีย้ วเป็นวงแคบ ๆ เปน็ ลำดับไป เมอ่ื ขบั รถบนลาดเอียง เช่นไหลเ่ ขา มากกวา่ ใช้ การบังคับเลีย้ วเป็นวงกวา้ งคร้งั เดียวสม่ำเสมอกัน เพราะจะช่วยใหส้ ายพานคายดินได้ดีขึ้น และควรใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 1-2 7. ให้ขับรถลงลาดชันอย่างช้า ๆ โดยเปล่ียนเกียร์ลงต่ำก่อนลงลาด ต้องเคลื่อนที่ลงลาดอย่างระ มัด ระวัง ให้ใช้เกียร์ 1 สำหรับลาดชัน 30-60 % และใช้เกียร์ 1-2 สำหรับลาดชันไม่ถึง 30 % อย่าใช้ เคร่อื งยนต์ และเคร่อื งเปล่ียนความเรว็ เพอื่ ยดึ รถไวบ้ นลาดแทนห้ามล้อ 8. ถ้าไฟเตอื นอณุ หภมู ิสูงหรือความดันต่ำ อย่างใดอย่างหนึ่งติดสว่างข้ึนให้หยุดรถ ดับเครอ่ื งยนต์ และค้นหาสาเหตุขดั ขอ้ งที่ เครอ่ื งยนต์ เครื่องเปล่ยี นความเรว็ และหบี เฟืองทดเลย้ี วบงั คับรถ 9. ควรเหลือบมองเข็มวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์เป็นครั้งคราว อย่าขับรถต่อไปถ้าเข็มวัดอุณหภูมิ แสดง คา่ สูงกว่า 200 ฟ. (93 ซ. ) ให้หยุดรถ ดับเครอ่ื งยนต์ และแก้ไขข้อขัดข้องของเครือ่ งยนต์
ห น้ า | 79 8. ถ้าไฟเตอื นอุณหภมู ิสูงหรอื ความดนั ต่ำ อย่างใดอย่างหนง่ึ ตดิ สวา่ งขน้ึ ใหห้ ยดุ รถ ดบั เครื่องยนต์ และคน้ หาสาเหตุขดั ข้องที่ เครื่องยนต์ เคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว และหบี เฟืองทดเลีย้ วบังคับรถ 9. ควรเหลือบมองเข็มวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์เป็นคร้ังคราว อย่าขับรถต่อไปถ้าเข็มวัดอุณหภูมิ แสดงคา่ สูงกว่า 200 ฟ. (93 ซ. ) ใหห้ ยุดรถ ดบั เคร่อื งยนต์ และแก้ไขขอ้ ขัดขอ้ งของเครอื่ งยนต์
ห น้ า | 80 การใชง้ านลาดบรรทกุ คำเตอื น การเปดิ ลาดบรรทกุ โดยไม่ระมดั ระวัง อาจทับบุคคลจนบาดเจบ็ สาหัส ตอ้ งตรวจใหแ้ น่ใจวา่ ไม่มีผใู้ ดอยใู่ ต้แนวรศั มี ก่อนเปิดลาดบรรทุก และ ถา้ สถานการณ์ทางยุทธวธิ ีเอ้อื อำนวย ให้กดแตรเตอื นก่อนเปดิ ลาดบรรทกุ การเปดิ ลาดบรรทุก ( ขนั้ ตอน ) 1. ถา้ เครือ่ งยนตต์ ิดอยู่ ให้จดั คนั เกียร์ไว้ในตำแหนง่ ว่าง \"N\" และใสห่ ้ามลอ้ จอดรถ 2. กดสวิตชแ์ ตรเตือนเพ่อื ความปลอดภยั 3. บบี กระเด่ืองปลดคนั กลอนยึดลาดบรรทกุ (1) ไว้ และดันคันกลอนฯ (2) ไปข้างหลงั ใหส้ ดุ ข้อควรระวงั อย่าวางลาดบรรทุกลงบนพ้ืนท่ีไม่ได้ระดับ หรือปล่อยลาดบรรทุกลงอย่างแรงจะทำให้ลาดบรรทุกชำรุด เสยี หาย 4. ดันคันบังคับลาดบรรทุก (2) ไปข้างหน้า ความเร็วในการเปิดลาดบรรทุกจะเพ่ิมขึ้นตามระยะที่คัน บงั คับถูกดนั ไป การหยดุ ลาดบรรทกุ ให้ปล่อยคันบงั คบั ลาดบรรทุกจะคา้ งอยใู่ นตำแหน่งนีจ้ นกว่าคนั บงั คับ ฯ จะถกู ดนั ไปข้างหนา้ อีก การปิดลาดบรรทุก (ขัน้ ตอน) 1. ตดิ เคร่อื งยนต์ จัดคันเกียรไ์ ว้ในตำแหนง่ วา่ ง \"N\" 2. บีบกระเด่ืองปลดคนั กลอนยึดลาดบรรทกุ (1) ไว้ และดันคันกลอนไปขา้ งหลงั ใหส้ ดุ 3. กดแตรเตอื นเพอื่ ความปลอดภยั 4. ดนั คนั บงั คับลาดบรรทกุ ไปข้างหลัง และยดึ ไวจ้ นกระทั่งลาดบรรทุกยกขึน้ สดุ จงึ ปลอ่ ยคันบงั คับ
ห น้ า | 81 5. ดนั คันกลอนยึดลาดบรรทุกไปขา้ งหนา้ ใหส้ ุด จนได้ยินเสยี งขัดกลอนอย่างชัดเจน 6. ตรวจใหแ้ น่ใจว่ากลอนยึดลาดบรรทกุ ท้งั สองขา้ งดงึ ลาดบรรทกุ ใหอ้ ดั ตวั กบั ยางกนั ร่ัวอยา่ งมน่ั คง และแนบสนทิ หมายเหตุ ลาดบรรทกุ จะปดิ ตวั ไดเ้ รว็ ขน้ึ หากเร่งเคร่อื งยนตเ์ พ่ิมขึน้ ( ลาดบรรทกุ จะปดิ สนทิ ภายใน 15 วนิ าทีเมอ่ื เรง่ เครอื่ งยนต์ 1500 รอบ/นาที ) การติดเคร่อื งยนต์โดยใชก้ ำลังไฟจากแหล่งภายนอก เมื่อแบตเตอรี่ประจำรถหมดไฟ เราสามารถติดเคร่ืองยนต์ได้โดยใช้สายไฟต่อพ่วงไฟจากแหล่ง กำลังไฟภายนอกซ่ึงอาจเป็นชุดแบตเตอรี่ท่ีมีไฟเต็มหรือจากรถคันอื่น คำแนะนำต่อไปนี้จะเป็นวิธีติด เคร่ืองยนต์โดยใช้สายไฟต่อพ่วงไฟมาจากรถคันอ่ืน และสามารถใช้รถของเราต่อไฟไปช่วยติดเครื่องยนต์ ใหแ้ กร่ ถคนั อน่ื ไดด้ ว้ ย คำเตอื น อยา่ ยืนขวางอยู่ระหว่างรถสองคันท่ีกำลังตดิ เครือ่ งยนตด์ ว้ ยวิธกี ารใชส้ ายพว่ งไฟ การปฏิบัติ 1. นำรถท่ีเป็นแหล่งจ่ายกำลังไฟช่วยมาจอดใกล้ พอที่จะต่อสายพ่วงไฟระหว่างรถท้ังสองคันได้ สะดวก 2. ตรวจใหแ้ น่ใจว่าสวิตช์แบตเตอร่ขี องรถท้งั 2 คนั อยูใ่ นตำแหนง่ ปิด “OFF” 3. เปดิ ฝาปดิ เต้าพว่ งไฟ 4. ตอ่ สายพว่ งไฟเขา้ กบั เตา้ พ่วงไฟของรถท้ัง 2 คัน ขอ้ ควรระวัง ตรวจให้แน่ใจว่าได้ต่อขั้วสายไฟของสายพ่วงไฟเข้ากับเต้าพ่วงไฟอย่างถูกต้อง คือข้ัว + เข้ากับขั้ว + และ ขวั้ - เข้ากบั ขวั้ - 5. จัดสวิตช์แบตเตอรขี่ องรถทแ่ี บตเตอรี่มไี ฟดไี ว้ในตำแหน่งเปิด “ON” และตดิ เคร่ืองยนต์ไว้
ห น้ า | 82 6. จัดสวิตช์แบตเตอร่ีของรถท่ีแบตเตอรี่หมดไฟไว้ในตำแหน่งเปิด “ON” และติดเคร่ืองยนต์ด้วย วิธปี กติ 7. หลังจากเครื่องยนตต์ ิดแลว้ จึงถอดสายพ่วงไฟออกจากรถท้ัง 2 คัน และใส่ฝาปิดเต้าพ่วงไฟเข้า ท่ี การลากจูงรถ การลากจงู รถกระทำเพอื่ ความมุ่งหมาย ดังนี้ - การลากจูงเพ่ือตดิ เคร่อื งยนต์ - การลากจงู เพอื่ เคลอ่ื นย้ายรถท่ีใช้การไมไ่ ด้ 1. การลากจูงเพื่อติดเคร่ืองยนต์ รสพ.M113A2 ที่ไม่สามารถติดเครื่องยนต์ได้ด้วยวิธีการปกติ และ ด้วยวิธกี ารต่อ สายพ่วงไฟ สามารถติดเคร่อื งยนตไ์ ดด้ ว้ ยวธิ ีการลากจูง โดยปฏิบัตดิ ังนี้ 1.1 การลากจูงด้วยคานลากจูงให้ตอ่ คานลากจูงเข้ากับขอลากจูงทั้งสองตัวที่อยู่ทางด้านหน้าของ รถคันที่ถูกลาก แล้วเอาห่วงคานลากจูงคล้องเขา้ กบั ห่วงลากจงู ทที่ า้ ยรถลาก 1.2 การลากจูงด้วยลวดลากจูง ให้ต่อลวดลากจูงสองเส้นเข้ากับขอลากจูงท้ังสองตัวที่อยู่ทางด้าน หนา้ ของรถคันทถ่ี ูกลาก กบั ขอลากจูงทง้ั สองตัวที่ท้ายรถลาก ในลกั ษณะไขว้กนั เป็นรูปตวั เอก็ ซ์ ( X ) และ จดั ใหข้ อลากจูงหงายขึน้ คำเตือน เมื่อลากจูงรถด้วยลวดลากจูง ให้ปิดฝาปิดช่องเข้า-ออกของพลขับ ของรถคันถูกลากไว้ เพื่อ ป้องกนั อันตราย เมื่อลวดลากจูงขาด 1.3 ตรวจให้แน่ใจวา่ สวิตช์แบตเตอรี่อยู่ในตำแหน่งเปิด “ON” , คันดับเคร่ืองยนต์ถูกดันกลับเข้า ไปไปจนสดุ และคันเกยี รเ์ ครือ่ งเปลยี่ นความเร็วอยู่ในตำแหน่ง วา่ ง “N” 1.4 ปลดห้ามล้อจอดรถ (2) โดยดึงคันบังคับเล้ียวท้ังคู่มาข้างหลัง จนปุ่มยึดปลด ตัว แล้วปล่อย คันบังคบั เลยี้ ว ไปข้างหนา้ จนสุด 1.5 นำรถออกจากท่ี โดยเลือกไปตามเส้นทางทตี่ รง และราบเรียบ ใช้ความเร็วในการลากจงู 20 - 25 ไมล์/ชม. เมื่อรถที่ถูกลากแล่นด้วยความเร็วประมาณ 20 ไมล์/ชม. ให้เลื่อนคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง 1-3 และกดคนั เรง่ ลงคร่ึงหนึ่ง ของระยะคนั เร่ง ขอ้ ควรระวงั อย่าปล่อยคันเกียร์เปล่ียนความเร็วไว้ในตำแหน่งการขับ เกิน 5 วินาที ถ้าเครื่องยนต์ไม่ติด ให้เลื่อนคัน เกียร์ไปทีต่ ำแหน่งว่าง “N” และปล่อยใหเ้ ครือ่ งเปลี่ยนความเรว็ ได้พัก 2 - 3 วินาที 1.6 เม่ือเคร่ืองยนต์ติดแล้ว ให้เลื่อนคันเกียร์ไปท่ีตำแหน่งว่าง “N” แล้วดึงคันบังคับทั้งคู่มาข้าง หลังเล็กน้อยเพ่ือชะลอความเร็ว แล้วให้สัญญาณหยุดแก่รถลากจูง ถ้าได้พยามยามถึง 3 คร้ัง แล้ว เคร่ืองยนตย์ งั ไมต่ ดิ ใหห้ ยุดรถ และค้นหาสาเหตุขัดขอ้ งของเครื่องยนต์ตอ่ ไป 2. การลากจูงเพ่อื เคลือ่ นย้ายรถทใ่ี ชก้ ารไมไ่ ด้ 2.1 การลากจูงด้วยความเร็วไม่เกิน 10 ไมล์/ชม. และระยะทางไม่เกิน 30 ไมล์ ให้ทำการต่อคาน ลากจงู หรือต่อลวดลากจงู ดว้ ยวธิ ีการเช่นเดียวกับการต่อเพื่อลากติดเคร่ืองยนต์ 2.2 ถ้าต้องการลากจูงด้วยความเร็วเกิน 10 ไมล์/ชม. หรือระยะทางเกิน 30 ไมล์ การลากจูง จะต้องกระทำโดยใชค้ านลากจูง และให้ถอดข้อต่ออ่อนเพลาขับระหว่างหีบเฟืองทดเล้ียวบังคับรถ กับหีบ เฟอื งขับขนั้ สุดท้ายออกท้ัง 2 ข้าง
ห น้ า | 83 คำเตอื น การลากจูงรถด้วยความเร็วเกิน 10 ไมล์/ชม. หรือระยะทางเกิน 30 ไมล์ จะทำให้เครื่อง เปลยี่ นความเรว็ และ/หรือหีบเฟืองทดเล้ียวบงั คับรถชำรดุ เสยี หายเนอื่ งจากปั๊มนำ้ มันหลอ่ ลน่ื ไมท่ ำงาน ข้อควรระวงั ห่วงลากจูงของรถคันที่จะใช้ลาก รสพ.M113A2 จะต้องรับน้ำหนักลากจูงได้อย่างน้อย 20,000 ปอนด์ คำเตือน การลากจงู รถท่ีถกู ถอดขอ้ ต่อออ่ นเพลาขบั จะต้องใช้คานลากจูงเสมอ และต้องตอ่ คานลากจงู เข้ากับรถท้ังคู่ให้เรียบร้อยก่อนทำการถอดข้อต่อออ่ น เนื่องจากคันบังคับเล้ียวและห้ามล้อจะใช้ การไม่ได้ คำเตอื น การลากจูงรถดว้ ยลวดลากจูง ห้ามถอดข้อต่ออ่อนเพลาขับออก เน่ืองจากคันบังคับเล้ียวและ ห้ามล้อจะใชก้ ารไมไ่ ด้ การปฏิบตั กิ ารในน้ำ การเตรียมการและการตรวจก่อนลงน้ำ คำเตอื น รถสามารถจมน้ำได้ ถ้าจุกถ่าย และฝาปิดช่องบริการต่าง ๆ ไม่มี ใส่ไม่เข้าท่ี หรือใส่ไม่แน่น ก่อน ตรวจสิง่ เหล่านีใ้ หห้ นนุ สายพานไว้ เพอื่ ไมใ่ ห้รถเคลื่อนที่ คำเตือน อย่าพยายามขับรถในน้ำโดยไม่มีแผ่นยางครอบสายพาน แผ่นยางครอบสายพานมีไว้เพ่ือให้รถ ขับเคลอ่ื นไปในนำ้ ได้ เมอ่ื รถลอยน้ำ 1. ตรวจใหแ้ นใ่ จว่าเครอ่ื งยนตด์ ับ และยึดคนั บงั คับไวใ้ นตำแหนง่ ใส่หา้ มลอ้ จอดรถ ก่อนท่ีจะคลาน เข้าไป ใต้ทอ้ งรถ 2. ตรวจฝาปิดช่องบริการที่ตัวรถด้านหน้า ฝาปิดช่องถ่ายน้ำออกจากตัวรถ และจุกถ่ายใต้หีบ เฟอื งขบั ข้นั สดุ ทา้ ย ตรวจส่งิ เหล่านวี้ ่ามอี ย่คู รบทกุ อัน ใส่เข้าทอ่ี ย่างถกู ตอ้ ง และขนั แน่น 3. ตรวจฝาปดิ ถงั นำ้ มนั เชื้อเพลิงว่าปดิ ไว้แน่นสนทิ ไม่เปิดแง้มไว้โดยสายโซ่ยดึ ฝาปดิ ขวางอยู่ 4. ตรวจแผ่นยางครอบสายพานทั้ง 2 ข้าง ให้แนใ่ จวา่ มสี ภาพเรียบร้อย และตดิ ต้ังถกู ตอ้ ง แผน่ ยางครอบ สายพานจำเป็นต้องมีไว้เพ่อื ให้รถสามารถขับเคลือ่ นไปในน้ำ ได้ เม่อื รถลอยน้ำ 5. จัดสวิตชแ์ บตเตอรไ่ี วใ้ นตำแหนง่ เปดิ “ON” 6. จัดสวติ ชป์ ั๊มสูบน้ำไว้ในตำแหน่งเปิด “ON” ไฟเตือนป๊ัมสูบน้ำตัวหน้า และตัวหลังควรติดสวา่ ง ขึ้น ถ้ามีน้ำขังอยู่ที่พื้นท้องรถ ควรจะเห็นน้ำไหลออกจากช่องน้ำออก ถ้าไม่มีน้ำไหลออก ให้ใช้มือปิดช่อง นำ้ ออกเพื่อตรวจวา่ มีลมดันออกมาหรือไม่ 7. ตรวจให้แน่ใจวา่ ฝาปดิ ห้องเครอื่ งยนต์ปดิ สนิท 8. ปิดลาดบรรทุกและขัดกลอนให้เรียบร้อย ตรวจให้แน่ใจว่าคันกลอนยึดลาดบรรทุกถูกผลักไป ขา้ งหน้าจนสุด เพือ่ ใหล้ าดบรรทุกปดิ สนิทและอัดตัวแน่นกับยางกันรวั่ 9. ตรวจให้แน่ใจวา่ ประตูหลงั ทล่ี าดบรรทุก ถกู ปดิ และขัดกลอนไว้ 10.ตดิ ตั้งกล้องตรวจการณ์ M17 เขา้ ทใ่ี ห้ครบและเรยี บรอ้ ยทกุ อัน
ห น้ า | 84 11. เปิดไฟสอ่ งสวา่ งภายในรถ 12. เปิดและขดั กลอนฝาปิดช่องทางเข้าออกทุกอนั ไว้ในตำแหน่งเปิด ( เพอ่ื ความปลอดภยั ในกรณี ที่รถเกดิ จมน้ำ ) 13. กางแผน่ ลุยขา้ ม และขดั กลอนยดึ ใหม้ นั่ คง 14. ตรวจการเฉล่ียน้ำหนักบรรทกุ ดังน้ี คำเตือน บุคคลในรถ อาจจมน้ำ ถา้ ไม่ทำการเฉล่ียนำ้ หนกั บรรทกุ ใหเ้ รียบร้อยก่อนนำรถลงนำ้ 14.1 รสพ.M113A2 ท่ีไม่ได้ติดตั้งโล่กันกระสุนที่ป้อมตรวจการณ์ ผบ.รถ เมื่อบรรทุก ผู้โดยสาร 6 คน และสัมภาระอีก 3,500 ปอนด์ เมื่อบรรทุกแบบนี้จุดศูนย์ถ่วงจะอยู่ประมาณกึ่งกลางใต้ ฝาปดิ ช่องบรรทุกสมั ภาระผโู้ ดยสาร 4 คนจะตอ้ งน่ังใหเ้ ท่า ๆ กันทีแ่ ตล่ ะด้านของจุดศนู ยถ์ ว่ ง 14.2 รสพ.M113A2 ท่ีติดต้ังปืนกล และโล่กันกระสุน เม่ือบรรทุกผู้โดยสาร 6 คน และ สัมภาระอีก 2,000 ปอนด์ เม่ือบรรทุกแบบน้ีจุดศูนย์ถ่วงจะอยู่ประมาณขอบหลังใต้ฝาปิดช่องบรรทุก สมั ภาระ ผ้โู ดยสาร 4 คนจะต้องนง่ั ให้เทา่ ๆ กันที่แต่ละดา้ นของจุดศูนยถ์ ่วง หรอื ให้ชดิ จุดศนู ยถ์ ่วงให้มาก ทส่ี ดุ การขา้ มลำธาร การข้ามลำธารทมี่ ีนำ้ ตนื้ ประมาณ 2 ฟตุ 1. เลือกตำบลลงน้ำ และตำบลขึ้นจากน้ำ ซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีดนิ แน่น ตลิ่งไม่ชัน และถ้าเป็นไปได้ไม่ควร มีก้อนหินตอไม้ ขยะ หรือสง่ิ กดี ขวางที่ทำให้สายพานหลดุ หรอื ติดขัด 2. จัดคันเกียรไ์ วใ้ นตำแหน่งเกียร์ 1 และขับรถลงน้ำ ถ้าเป็นลาดชัน หรือมีสิ่งกีดขวางให้ขับรถลง ลาด ชา้ ๆ และเปน็ แนวตรงเทา่ ที่จะทำได้ ถ้าเห็นว่ารถอาจจมนำ้ ใหถ้ อยกลบั และเลือกตำบลลงน้ำใหม่ 3. ขับรถข้ามลำธาร โดยใช้เกียร์ 1 เคล่ือนทไ่ี ปชา้ ๆ อยา่ ให้เกดิ ระลอกคลื่นขนาดใหญใ่ นขณะข้าม นำ้ การขบั รถในนำ้ คำเตือน อยา่ นำรถลงน้ำเมื่อเห็นว่าคลนื่ อาจกระแทกให้รถจมนำ้ คลื่นท่สี งั เกตได้วา่ สูงกวา่ 1 ฟุต นับว่าไม่ปลอดภัย ต่อการแล่นในนำ้ อย่าพยายามพ่วงหรือลากจูงรถคันอน่ื ในน้ำ เพราะอาจทำใหร้ ถจมน้ำท้ัง 2 คัน 1. ดำเนนิ การเตรยี ม และตรวจก่อนลงนำ้ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ 2. จดั สวติ ช์ปัม๊ สบู นำ้ ไว้ในตำแหน่งเปดิ “ON” และใหเ้ ปดิ ป๊ัมสบู น้ำไวต้ ลอดเวลาที่รถอย่ใู นนำ้ 3. ถ้าปั๊มตัวหนึ่งตัวใดสูบน้ำไดไ้ ม่เร็วพอ อาจเป็นเพราะมีอากาศก้ันขวางอยู่ ให้ปดิ สวติ ช์ แล้วเปิด ใหม่ ถา้ ตะแกรงกรองและทอ่ ระบายนำ้ ออก สะอาด นำ้ จะไหลออกไดส้ ะดวกและไมม่ ีอากาศปนน้ำ 4. เลือกตำบลลงน้ำ และตำบลขึ้นจากน้ำ ซึ่งเป็นพื้นท่ีดนิ แน่น ตลิ่งไม่ชัน และถ้าเป็นไปได้ไม่ควร มีกอ้ นหิน ตอไม้ ขยะ หรอื สิง่ กดี ขวางที่ทำใหส้ ายพานหลดุ หรือติดขดั 5. สิ่งท่ีเก่ียวข้องในการเลือกตำบลลงน้ำ และตำบลขึ้นจากน้ำก็คือความเร็วของกระแสน้ำ ถ้า กระแสน้ำมีความเร็ว 2 ไมล์/ชม. หรอื น้อยกวา่ เราสามารถนำรถข้ามไปในทางใดก็ได้ รวมทั้งการขา้ มทวน น้ำ การข้ามที่เร็วท่ีสุดคือข้ามโดยต้ังหน้ารถให้ตรง และยอมให้กระแสน้ำพารถไปได้ ถ้ากระแสน้ำมี ความเร็วเกิน 2 ไมล์/ชม. ให้นำรถข้ามโดยแล่นเฉียงไปทางท้ายน้ำ ( ซึ่งจะปลอดภัยกว่าถ้ารถเกิดชนหรือ ปะทะเข้ากับสง่ิ กดี ขวางใต้นำ้ ) คำเตือน
ห น้ า | 85 หลังจากท่ีรถลงน้ำแล้ว ให้ตรวจแผ่นลุยข้าม และความสงู พ้นนำ้ ของหลังคารถ เล่ือนตำแหน่งสัมภาระและ ผโู้ ดยสารถ้าจำเป็น เพือ่ ให้รถทรงตัวดีในน้ำ ไมเ่ อยี งหรือจมไปข้างใดข้างหนึง่ คอยสังเกตการทรงตัวของรถ ในนำ้ ใหห้ ลงั คาสูงพน้ นำ้ อย่างนอ้ ย 4.5 นิ้ว โดยวดั ทมี่ มุ ดา้ นหน้าขวาของรถ 6. จัดคันเกียร์ไว้ในตำแหน่งเกียร์ 1 และขับรถลงน้ำ ถ้าเป็นลาดชัน หรือมีส่ิงกดี ขวางให้ขับรถลง ชา้ ๆ และตรวจว่านำ้ ไม่ไหลเข้ารถทางตะแกรงรับอากาศเข้า และตะแกรงระบายอากาศออก ถ้าเหน็ ว่ารถ อาจจมน้ำ และรถยังไม่ลงไปในน้ำทั้งคัน ให้ถอยกลบั แต่ถ้ารถอยู่ในน้ำทั้งคนั แล้วให้ดบั เครื่องยนต์เพอื่ ยก หน้ารถขนึ้ และทำใหร้ ถลอยนำ้ 7. เมื่อรถลอยตัวในน้ำเต็มที่แล้ว จึงเล่ือนคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง 1 - 2 และให้ใช้เกียร์ 1 - 2 ขับ ในน้ำตลอดเวลา เว้นแตจ่ ะหยุด หรอื ถอยหลังรถเทา่ นัน้ คำเตือน ถ้าดับเครื่องยนต์เมื่อรถลอยน้ำได้ระดับแล้ว ท้ายรถอาจจมน้ำ จึงควรดับเคร่ืองยนตเ์ ม่ือหัวรถจมน้ำ มีน้ำ เข้ารถ และไม่สามารถถอยหลังรถขน้ึ เท่าน้ัน คำเตือน ถ้ารถเกิดจมลงโดยที่ฝาปิดช่องทางเข้า-ออกของรถถูกปิดไว้ บุคคลจะถูกกักให้ติดอยู่ในรถและจมน้ำ ต้อง ตรวจใหแ้ นใ่ จวา่ ฝาปิดช่องทางเข้า-ออกทุกแห่งถูกยึดไว้ในตำแหน่งเปิดและใสส่ ลกั กลอนขดั ไว้ 8. การบังคับเลี้ยวในน้ำ ให้ใช้คันบังคับเลี้ยวฉุกเฉิน หรือคันบังคับเล้ียวปกติเช่นเดียวการเล้ียว บนพ้ืนดิน แต่การตอบสนองต่อการบังคับจะเป็นไปได้ช้ากว่ามาก และเพื่อหลีกเล่ียงการเลี้ยวเกิน ให้ ปลอ่ ยคันบังคับกอ่ นทก่ี ารเล้ียวจะเสร็จสนิ้ ลง และใหร้ ถเล้ยี วต่อไปเองจนหนา้ รถหันตรงทิศทางทตี่ ้องการ การหยดุ รถในน้ำ 1. การหยุดเมื่อรถเดินหน้า ให้เล่ือนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งว่าง “N”, ดึงคันบังคับเลี้ยวฉุกเฉิน ทั้งคู่มาข้างหลังเพื่อให้สายพานหยุดหมุน, เล่ือนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งถอยหลัง “R” , ปล่อยคันบังคับ และเร่งเครอ่ื งยนต์ขึ้นช้า ๆ จนรถหยดุ 2. การหยุดเมื่อรถถอยหลัง ให้เลื่อนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งว่าง “N”, ดึงคันบังคับเลี้ยวฉุกเฉิน ทั้งคู่มาข้างหลังเพื่อให้สายพานหยุดหมุน, แล้วเล่ือนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งเดินหน้า 1 - 2, ปล่อยคัน บังคบั และเรง่ เครอ่ื งยนตข์ ึน้ ชา้ ๆ จนรถหยุด การถอยหลงั รถในนำ้ ให้เลื่อนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งว่าง “N”, ดึงคันบังคับเลี้ยวฉุกเฉินท้ังคู่มาข้างหลังเพื่อให้ สายพานหยุดหมุน, แล้วเลื่อนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งถอยหลัง “R” , ปล่อยคันบังคับ และเร่งเครื่องยนต์ ข้นึ ช้า ๆ จนรถถอยหลัง การขน้ึ จากน้ำ 1. ถ้าคดิ วา่ รถจะเกิดอันตรายจากการจมน้ำ ให้หันหัวรถเข้าหาฝ่ังท่ใี กล้ท่ีสดุ อาจเร่งความเร็วข้ึน ได้ถ้าจะชว่ ยให้สถานการณ์ดขี ้ึน แต่ต้องทำอย่างนมุ่ นวล 2. การข้ึนจากน้ำ ให้หันหัวรถเข้าหาฝ่ัง ตั้งฉากกับชายฝ่ังมากที่สุดเท่าท่ีจะทำได้ ก่อนที่สายพาน จะแตะพ้นื ดนิ ให้ผ่อนคันเรง่ เมื่อสายพานสัมผัสพื้นดินแล้ว จึงเล่ือนคันเกียร์ไปท่ีเกียร์ 1 เร่งเคร่ืองยนต์ ขนึ้ เลก็ นอ้ ยเพือ่ ให้สายพานทัง้ คู่ เกาะติดพ้ืนดินได้ดี แล้วเรง่ เคร่อื งยนต์ตอ่ ไปเพื่อนำรถขนึ้ ฝ่ัง
ห น้ า | 86 ขอ้ ควรระวัง การบังคับเล้ียวจะยาก ถา้ สายพานสมั ผัสพ้ืนข้างเดียว ให้ขับรถตอ่ ไปช้า ๆ จนแน่ใจวา่ สายพานเกาะพ้ืนดนิ ได้ดีทง้ั 2 ข้าง 3. เมื่อรถขนึ้ พน้ จากน้ำ และไมม่ ีน้ำไหลออกจากท่อระบายนำ้ ของปมั๊ แล้ว ให้จัดสวิตช์ปม๊ สูบน้ำไว้ ในตำแหน่งปดิ “OFF” 4. พบั เก็บแผ่นลุยขา้ ม 5. ถ้าใช้งานรถในพื้นท่ีซ่ึงเป็นน้ำเค็ม ให้ล้างทำความสะอาดรถด้วยน้ำจืดโดยเร็วท่ีสุดเท่าที่จะทำ ได้ 6. ตรวจและให้การซ่อมบำรุงรถหลังการปฏิบัติการในน้ำโดยเร็วท่ีสุดเท่าที่จะทำได้ ถ้า สถานการณท์ างยุทธวิธี อำนวยให้ การซ่อมบำรุงหลังการปฏิบัติการในน้ำ โดยปกติรถสายพานลำเลียงพลจะมีความต้านทานต่อการท่ีน้ำจะร่ัวเข้าไปในลูกปืนล้อ และส่วน ทำงานอืน่ ๆ การใช้งานรถในน้ำต้นื ( ความลึกไม่เกนิ 12 นว้ิ ) ไม่จำเปน็ ต้องทำการบริการพเิ ศษ การซอ่ มบำรุงหลงั การปฏิบตั กิ ารในนำ้ ให้กระทำดังนี้ 1. ตรวจการชำรุดเสยี หายของแผน่ ลุยข้าม และลา้ งรถใหส้ ะอาด 2. ตรวจหีบเฟืองขบั ขนั้ สุดทา้ ยว่ามนี ำ้ รั่วเข้าไปปนกับน้ำมันเครอื่ งหรือไม่ 3. ทำการหล่อลื่นระบบเคร่ืองพยุงตัวรถตามท่ีกำหนดไว้ใน คล.9-2350-261-12 โดยเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ 4. รักษาป๊มั สบู น้ำให้สะอาด ส่งิ สกปรก หรอื ขยะ สามารถทำให้ปม๊ั สบู น้ำอุดตันได้ 5. ถ้าใช้งานรถในพื้นท่ีซึ่งเป็นน้ำเค็ม ต้องถอดจุกถ่ายและแผ่นปิดใต้ท้อง ที่ตัวรถทุกจุด แล้วล้าง ทำความ10สะอาดน้ำที่ขังอยู่ในรถและป๊ัมน้ำด้วยน้ำจืดโดยเร็วท่ีสุดเท่าท่ีจะทำได้ แล้วใส่จุกถ่ายและแผ่น ปิดท่ีถอดออกกลับเข้าท่ีให้เรียบร้อย ระวังอย่าฉีดน้ำไปท่ีชุดวิทยุ สายไฟต่าง ๆ และ เครื่องอุปกรณ์ ตดิ ต่อส่อื สารประจำรถ การใชร้ ถในสภาพผดิ ปกติ ข้อปฏิบัติและข้อห้ามต่าง ๆ สำหรับการใช้รถในสภาพผิดปกติ เช่นอากาศร้อนจัด ความชื้นสูง หรอื ในสภาวะนำ้ เค็ม ข้อปฏิบตั ิ 1. ในขณะขับรถตอ้ งหมน่ั ตรวจเคร่ืองวดั และไฟเตอื นบอ่ ย ๆ 2. ตรวจระดบั นำ้ ในหมอ้ เก็บนำ้ ลน้ และเตมิ น้ำตามความจำเป็น 3. ตรวจระดับน้ำกรดในแบตเตอร่ี และเติมน้ำกลั่นรักษาระดับ ถ้าไม่มีน้ำกล่ันให้ใช้น้ำฝนหรือน้ำ ด่มื 4. ตรวจหม้อกรองอากาศและทำความไส้กรองตามความจำเปน็ 5. พยายามนำรถเข้าท่ีกำบัง หรือร่มเงาให้มากท่ีสุดเท่าท่ีจะทำได้ ให้คลุมรถด้วยผ้าใบเมื่อจอดรถ ถ้าไม่สามารถปิดรถไดท้ ้งั คัน อยา่ งน้อยทส่ี ุดใหป้ ิดตะแกรงชอ่ งรับอากาศเขา้ และตะแกรงช่องอากาศออก
ห น้ า | 87 6. หยุด และขจัดปัญหาตา่ ง ๆ ที่เกิดขั้นโดยเร็วที่สุดเท่าท่ีจะทำได้ หรือในทันทีที่สถานการณ์ทาง ยุทธวิธอี ำนวยให้ 7. รักษารถให้สะอาด เชื้อรา และเห็ดต่าง ๆ จะเกดิ ข้ึนและเติบโตไดร้ วดเรว็ ในสภาพอากาศร้อน และความชนื้ สงู จงึ ต้องหมน่ั ตรวจและทำความสะอาดรถบ่อย ๆ 8. ให้การหล่อล่ืนถ่ีข้ึนกว่าปกติ ความร้อน ทราย ฝุ่น ความช้ืน และความเค็ม ทำให้เกิดผล กระทบเลวรา้ ยต่อสารหล่อลื่น และสว่ นเคลอ่ื นท่ีต่าง ๆ ( ศึกษา คล.9-2350-261-12 ) ขอ้ หา้ ม 1. อย่าขบั รถด้วยช่วงเกยี รต์ ่ำ ถา้ ไม่จำเป็น 2. อย่าปล่อยให้ส่ิงสกปรก ทราย หรือแมลงสะสมอยู่ในครีบหม้อน้ำรังผึ้ง หมั่นทำความสะอาด โดยใชน้ ้ำฉดี ลา้ งออก การใชร้ ถในภูมิประเทศยากลำบาก ข้อปฏบิ ัติ 1. ใช้ช่วงเกยี ร์ตำ่ ซ่ึงช่วยให้รถเคล่ือนที่ไป โดยทรงตัวได้อยา่ งม่ันคงและไม่จมลงเมื่อขับผ่านโคลน หรอื ทราย 2. กำจัดโคลนออกจากสายพาน และลอ้ กดสายพานโดยเรว็ ท่ีสุดเท่าที่จะทำได้ หลังใชง้ าน หมายเหตุ ถ้าตอ้ งใชง้ านรถบอ่ ย ๆ ในโคลน ทรายลึก หรอื ป่าพ่มุ ไม้หนาแนน่ ให้ถอดแผ่นยางครอบสายพานออก ข้อหา้ ม 1. ถ้ารถเกิดติดหล่มโคลน อย่าพยายามขับหรือดิ้นรนให้รถจมลึกลงไปอีก ให้หารถคันอื่นมาช่วย ฉดุ ลากรถขน้ึ 2. อยา่ เล้ียวรถเป็นมุมแคบ ในบริเวณที่เปน็ โคลน ทราย หรือพมุ่ ไมห้ นา ให้ค่อย ๆ เลย้ี วทีละน้อย เป็นชว่ งสน้ั อย่าดึงเล้ยี วทีเดียวเป็นชว่ งยาว เพือ่ ให้สายพานมโี อกาสสลดั โคลนทราย ออก การซ่อมบำรงุ สายพาน โดยปกติ รสพ.ในชุด M113A2 จะใช้สายพาน T130E1 แต่บางครั้งอาจเป็นไปได้ว่ารถบางคัน ยงั คงตดิ ตง้ั สายพาน T130 ตกคา้ งมาแตเ่ ดิม - สายพาน T130E1 จะมียางรองสายพานทีว่ ัดได้ 4 3/4 นิ้ว จากดา้ นหน้าถงึ ด้านหลังตรงก่งึ กลาง ของยางรองสายพาน - สายพาน T130 จะมียางรองสายพานที่วัดได้ 5 3/4 นิ้ว จากด้านหน้าถึงด้านหลังตรงก่ึงกลาง ของยางรองสายพาน - รสพ.ในชุด M113A2 จะใช้สายพาน T130E1 หรือสายพาน T130 อย่างใด อย่างหน่ึงก็ได้ แต่ต้องเป็นสายพานแบบเดียวกันทั้งเส้น จะใช้ปะปนกันไม่ได้การตรวจความตึงและการปรับสายพาน กระทำดังนี้ 1. ขบั รถไปบนพ้ืนท่รี าบเรยี บ ไดร้ ะดบั และปล่อยให้รถหยดุ เองโดยไม่ใช้ห้ามล้อ 2. สอดก้านตอกสลักสายพาน (หรือแท่งวัตถุกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1/2 น้ิว หรือ 13 มม.) เข้าไป ระหว่างใต้สายพานกบั ด้านบนของลอ้ กดสายพานล้อที่ 2 และตรวจว่า 2.1 ถ้าสามารถสอดก้านตอกสลักสายพานเข้าไปได้สะดวก และสายพานแตะกับด้านบน ของลอ้ กดสายพานลอ้ ท่ี 3 แสดงวา่ สายพานมคี วามตึงท่ีถกู ตอ้ ง
ห น้ า | 88 2.2 ถ้าสามารถสอดก้านตอกสลักสายพานเขา้ ไปได้สะดวก แตส่ ายพานไมแ่ ตะกบั ด้านบน ของล้อกดสายพานล้อท่ี 3 แสดงวา่ สายพานตงึ มากเกินไป ใหท้ ำการหย่อนสายพาน โดยใช้กุญแจคลายจุก เกลยี วระบายไขขน้ ออกจากกระบอกปรับสายพาน 2.3 ถ้าสอดก้านตอกสลักสายพานเข้าไปไม่ได้ แสดงวา่ สายพานหย่อนเกินไป ให้ทำการ ปรับสายพานให้ตึงข้ึน โดยอัดไขข้นเข้าไปในกระบอกปรับสายพานจนสายพานแตะกับด้านบนของล้อกด สายพานลอ้ ท่ี 3 พอดี หมายเหตุ ถ้ากระบอกปรับสายพานยืดออกจนสุดระยะ 17 น้ิวแล้ว ( วัดระหว่างก่ึงกลางของสลักเกลียวหูกระบอก ปรบั สายพานแต่ละปลาย ) สายพานยังคงหย่อนมาก ใหถ้ อดสายพานออก 1 ข้อ แล้วปรับสายพานอกี คร้ัง หนง่ึ ข้อควรระวงั ถ้ากระบอกปรับสายพานยืดออกจนเกิน 17 นิ้ว จะทำให้กระบอกปรับสายพานชำรุดเสียหายเม่ือนำรถไป ใช้งาน การตดั และตอ่ สายพาน กระทำ ดังนี้ 1. ขับรถไปบนพ้ืนที่ราบเรียบ ได้ระดับ และหยุดรถให้สลักสายพานอันที่ต้องการถอดประมาณ กงึ่ กลางระหว่างล้อปรบั สายพาน กับล้อกดสายพานลอ้ ท่ี 5 2. ใช้ท่อนไม้หนุนสายพานใต้สายพานด้านตรงข้ามไว้ เพ่ือไม่ให้รถเคล่ือนท่ี อย่าใช้การใส่ห้ามล้อ จอดรถ 3. หย่อนสายพานให้สุด 4. ประกอบแม่แรงจบั สายพานทงั้ 2 ตัว คร่อมสลักสายพานอันทีจ่ ะถอดออก และขนั แกนแม่แรง จนข้อสายพานถูกดึงรั้งเป็นมุมแก่กันประมาณ 20 องศา ( แกนแม่แรงห่างจากสลักสายพานประมาณ 2 น้วิ ) 5. ถอดแป้นเกลียวยึดสลักสายพานอันที่จะถอดตรงปลายด้านนอกรถ แล้วตอกสลักสายพานให้ หลดุ จากยางรองสลกั สายพานโดยใช้คอ้ นกับเหล็กตอกสลกั สายพาน 6. ถ้าตอ้ งการจะใสเ่ พิ่ม หรอื ถอดขอ้ สายพาน ให้เอาแม่แรงจับสายพานออก 7. ถ้าถอดข้อสายพานเสร็จแล้ว ให้ประกอบแม่แรงจับสายพาน เข้ากับข้อสายพานที่จะต่อเข้า ดว้ ยกนั 8. ใช้น้ำมันหรือไขข้นชะโลมสลักสายพาน และใส่แป้นเกลียวเข้ากับปลายสลักสายพานข้างหน่ึง ใหส้ ุดเกลยี ว 9 จัดแนวของปลอกยางรองสลักสายพานที่ข้อสายพานให้ตรงแนวกัน โดยขันแกนแม่แรงจับ สายพานให้ข้อสายพานทำมุมกันประมาณ 20 องศา ท่านจะต้องใช้ชะแลงช่วยงัดแต่งจนได้มุมถูกต้อง และเม่ือได้มุมที่ถูกตอ้ ง เหล่ียมของรูในยางรองสลัก สายพานตรงแนวกันดแี ล้วจงึ ใสส่ ลักสายพานและตอก ใหเ้ ขา้ ที่ 10. ใส่แป้นเกลียวยึดปลายสลักสายพาน แล้วขันแป้นเกลียวให้แน่นทั้ง 2 ข้าง โดยให้ปลายสลัก แตล่ ะดา้ นโผล่พ้นแป้นเกลยี วประมาณ 1/8 น้ิว ถ้านับเกลยี วท่ีโผล่พ้นปลายสลักได้ 2 - 3 เกลียว แสดงว่า ถกู ต้อง หมายเหตุ แจ้งให้ชา่ งประจำหน่วย ทำการตรวจการขนั แน่นที่ถูกต้องด้วยกุญแจวัดแรงบดิ โดยเรว็ ท่ีสดุ เท่าทีจ่ ะทำได้ 11.ถอดแม่แรงจบั สายพานออก และทำการปรบั ความตึงของสายพาน
ห น้ า | 89 ตอนท่ี 6 เครือ่ งกำเนดิ กำลงั รสพ. M113A2 เคร่อื งยนต์ ผูส้ รา้ ง ………………………………………..……… ดีทรอย ดีเซล - จเี อม็ ซี แบบ …………………………………………….…… 6 V 53 N ชนดิ ………………………………………….……… ดีเซล, สองจังหวะรอบ, จุดระเบิดด้วยกำลังอัด จำนวนกระบอกสูบ …………………………………. 6 ปริมาตรรวมของกระบอกสูบ ……………………….. 318 ลบ.นว้ิ กำลงั อัดในกระบอกสบู (เมอ่ื หมุน 600 รอบ/นาที ) …. 510 ปอนด์/ตร.นว้ิ ลำดับการจุดระเบดิ ……………………………….…. 1L - 3R - 3L - 2R - 2L - 1R รอบเดนิ เบา …………………………………………. 550 - 600 รอบ/นาที รอบสูงสุดทค่ี วบคุมไว้ (ไมม่ ภี ารกรรม) และปลดคันตดั ตอ่ กำลังขับ ………………………………….…… 2,925 - 2,975 รอบ/นาที กำลงั ……………………………………………….. 210 แรงม้า แรงดันในระบบหลอ่ ล่นื (เมื่อหมุน 2,800 รอบ/นาท)ี .. 40 - 60 ปอนด์/ตร.นว้ิ ระหา่ งลิ้นไอเสีย (อณุ หภมู ใิ ชง้ าน 160 - 200 ฟ. ) 0.025 นว้ิ ( 0.27 น้วิ ไม่ผ่าน ) 1. กล่าวทว่ั ไป 1.1 ขอบเขต ในบทน้จี ะให้ คำแนะนำในการการยกฝาปดิ หอ้ งเคร่อื งยนต์ และดาดฟ้า การ ยกเครอื่ งกำเนิดกำลงั ออกจากรถ การตรวจ และการยกเครือ่ งกำลังของ รสพ.M113A2 เข้าตดิ ตงั้ 1.2 อธิบาย เคร่ืองกำเนดิ กำลังประกอบดว้ ยองค์ประกอบสำคญั 3 สว่ น คือ เครื่องยนต์ เครอ่ื งเปลยี่ นความเร็ว และหบี เฟอื งถ่ายทอดกำลัง ( หีบเฟืองชว่ ย ) ซึง่ ต่อเชื่อมโยงระหวา่ งเคร่ืองยนตแ์ ละ เปลีย่ นความเรว็ องค์ประกอบยอ่ ยของเครอ่ื งกำเนดิ กำลังได้แก่ เครื่องกำเนิดไฟฟา้ มอเตอรห์ มนุ เครอื่ งยนต์ เคร่ืองควบคมุ ความเรว็ เครือ่ งอนุ่ ไอดี หม้อกรองน้ำมันเครอ่ื งยนต์ หมอ้ ระบายความร้อน นำ้ มันเครอื่ งยนต์ หมอ้ กรองน้ำมันเคร่ืองหีบเฟืองทดเล้ียวบงั คบั รถ หม้อระบายความร้อนนำ้ มนั เคร่อื ง เปล่ียนความเรว็ และหีบเฟืองทดเล้ยี วบังคับรถ ปมั๊ นำ้ ระบายความรอ้ นเครือ่ งยนต์ ปมั๊ น้ำมนั และถัง น้ำมนั ระบบลาดบรรทุก หมายเหตุ เกณฑก์ ารขนั แน่นด้วยกญุ แจวดั แรงบดิ ทจี่ ุดสำคัญต่าง ๆ จะกำหนดไว้ใน ตารางที่ 16 การยกฝาปิดหอ้ งเคร่อื งยนต์ และดาดฟ้าข้นึ และการใส่กลบั ท่เี ดมิ 1. การเตรียมการ 1.1 เครือ่ งมือ - เครื่องมอื ชา่ งท่ัวไป - เคร่อื งมอื ทดสอบน้ำยากันนำ้ แขง็ ตัวและน้ำกรดแบตเตอร่ี - กุญแจกระบอก - กุญแจวัดแรงบิด 1.2 ชน้ิ สว่ นซอ่ ม และสิ่งอุปกรณ์ - นำ้ ยากนั แข็ง - ยากันร่ัว - แปน้ เกลียวกันคลาย
ห น้ า | 90 - แหวนรอง 1.3 เจ้าหนา้ ที่ - ช่างซอ่ มบำรงุ ประจำหน่วย - ผชู้ ่วยช่าง (พลประจำรถ ) 1.4 หลักฐานอ้างอิง - คท.9-2350-261-10, คท.9-2350-261-20-1 และ คล.9-2350-261-12 1.5 สถานภาพของยทุ โธปกรณ์ - เครื่องยนตด์ บั - ใช้ทอ่ นไมห้ นนุ สายพานรถไว้ไมใ่ หร้ ถเคล่ือนท่ี - แผ่นลยุ ข้ามพับลงด้านล่าง - เปิดฝาปิดห้องเครือ่ งยนตด์ ้านหนา้ - ถอดแผน่ ปิดห้องเคร่ืองยนต์ในห้องพลขบั - ถอดแผน่ ปิดหอ้ งเคร่อื งยนต์ในหอ้ งผ้โู ดยสาร - ถอดเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา้ ( รถM577A2 เทา่ น้ัน ) - ถอดสายดนิ ออกจากขัว้ ลบของแบตเตอรี่ 2. การยก ( ลำดับขนั้ ตอน ) (1) ถอดหมอ้ กรองอากาศ พร้อมไส้กรองออกจากฝาปิดหมอ้ กรอง (3) ถอดสายไฟเสน้ บนสุดออกจากเตา้ เสยี บสายไฟทผ่ี นงั หอ้ งพลขับ แลว้ ถอด ปลอกยึดสายไฟออกจากที่ยึด (4) ถอดทอ่ อากาศจากหม้อกรองอากาศเขา้ เครื่องยนต์ (5) ถอดทอ่ เครือ่ งวดั สภาพไส้กรองอากาศออกจากข้อต่อทีผ่ นงั หอ้ งพลขับ (5) ถอดท่อไอเสียท่อนบนออกจากเครื่องยนต์ (6) เปิดฝาปดิ หม้อน้ำ และเปิดลน้ิ ถา่ ยน้ำ 2 ตัว ท่ีเรือนลน้ิ ควบคุมอุณหภูมิ เพอื่ ถ่ายน้ำประมาณ 57 ลิตรออกจากระบบระบายความร้อน (7) ถอดท่อนำ้ ออกจากหม้อเก็บน้ำล้น (8) ถอดทอ่ นำ้ เล็ก ( ทอ่ ระบายอากาศ ) ท้งั 2 ทอ่ ออกจากหมอ้ เก็บนำ้ ลน้ (9) ถอดท่อน้ำด้านท้ายห้องเครอ่ื งยนตอ์ อกจากหมอ้ นำ้ รังผึ้ง (10) ถอดทอ่ นำ้ ดา้ นห้องพลขับออกจากหมอ้ น้ำรังผงึ้ (11) คลายแปน้ เกลยี วยดึ แกนแขนรอกปรบั สายพานพดั ลม (12) ถอดสายพานพดั ลม (13) ยกฝาปดิ ห้องเครือ่ งยนต์ และดาดฟา้ โดยปฏิบตั ิ ดงั น้ี (13.1) ถอดสลกั เกลียวใหญท่ ย่ี ดึ หหู ่วงยกรถด้านซ้ายตัวล่างออก 1 ตวั (13.2) ถอดสลกั เกลียวยดึ ดาดฟา้ จำนวน 13 ตัว (13.3) พบั ขาคำ้ ฝาปิดหอ้ งเครื่องยนตเ์ ขา้ ท่ีเก็บ (13.4) ถอดสลกั เกลยี วยดึ ขาค้ำดาดฟ้า (13.5) ประกอบโซ่ยกดาดฟา้ และใชป้ ัน้ จั่นรถกยู้ กดาดฟ้าขึน้ ให้ต้ังขน้ึ (13.6) ใสข่ าคำ้ ดาดฟา้ และยดึ ไวด้ ว้ ยสลักเกลียว
ห น้ า | 91 3. การใสก่ ลับท่เี ดมิ หมายเหตุ กอ่ นลดดาดฟา้ ลงให้ใชย้ ากันรวั่ อุดรอยตอ่ ระหว่างตวั รถกบั ดาดฟ้าเพอื่ ปอ้ งกันน้ำร่ัวเขา้ รถ (1) ประกอบโซย่ กดาดฟา้ และใชป้ ั้นจั่นยกพยุงดาดฟ้าไว้ (2) ถอดขาค้ำออกจากดาดฟ้า ข้อควรระวงั ตรวจใหแ้ น่ใจวา่ ขอเกาะโซ่ เกาะเกี่ยวดาดฟ้าไว้อย่างมัน่ คง โดยไม่หลดุ จากที่เกาะเม่อื ดาดฟา้ เคลอื่ นตวั ผ่านตำแหนง่ ตง้ั ฉาก (3) ลดดาดฟ้าและฝาปิดห้องเคร่ืองยนตล์ งสทู่ เ่ี ดมิ (4) ใส่ขาคำ้ ดาดฟา้ กลบั เขา้ ที่เดมิ (5) เปดิ ฝาปิดหอ้ งเครือ่ งยนต์และใส่ขาค้ำใหฝ้ าปิดเปิดไว้ (6) ใส่สลกั เกลยี วพร้อมแหวนรองจำนวน 13 ตวั ทใี่ ชย้ ดึ ดาดฟ้าเข้ากับตัวรถ และขันแนน่ ดว้ ยแรงบิด 100 - 120 ปอนด.์ ฟุต (7) ใส่สลกั เกลยี วใหญ่ยึดหูหว่ งยกรถดา้ นซา้ ยตัวล่าง 1 ตัว เขา้ ทีเ่ ดิม และขัน แน่นดว้ ยแรงบิด 175 - 200 ปอนด.์ ฟุต (8) ใสส่ ายพานพัดลม และปรับสายพานพัดลม (9) ใส่ทอ่ นำ้ ดา้ นทา้ ยห้องเครอ่ื งยนต์เขา้ กบั หม้อนำ้ รงั ผ้ึง (10) ใส่ทอ่ นำ้ เล็ก ( ทอ่ ระบายอากาศ) ทง้ั 2 ท่อ เขา้ กบั หมอ้ เก็บนำ้ ลน้ (11) ใสท่ อ่ น้ำเข้ากบั หมอ้ เกบ็ น้ำล้น (12) ใสท่ ่อนำ้ ด้านห้องพลขับ เขา้ กับหม้อนำ้ รังผึ้ง (13) ใสท่ อ่ ไอเสยี ทอ่ นบน (14) ใส่ท่อเครอื่ งวัดสภาพไสก้ รองอากาศเข้ากับขอ้ ต่อที่ผนังห้องพลขบั (15) ใสถ่ อดทอ่ อากาศจากหม้อกรองอากาศเขา้ เครอ่ื งยนต์ (16) ใสห่ มอ้ กรองอากาศและไส้กรอง โดยใหร้ รู ะบายอยู่ทางดา้ นลา่ ง (17) ใสส่ ายไฟเสน้ บนสุดเข้ากับเตา้ เสียบสายไฟทีผ่ นังห้องพลขับ แล้วใสป่ ลอก ยึดสายไฟเขา้ กบั ท่ยี ดึ (18) ปดิ ลน้ิ ถา่ ยน้ำท้ัง 2 ตัวทเ่ี รือนลนิ้ ควบคมุ อุณหภูมิ (19) เตมิ น้ำระบายความร้อน จนได้ระดบั ตำ่ จากคอชอ่ งเติม 1/2 นว้ิ (20) ใส่ฝาปดิ หม้อนำ้ (21) ใส่สายดนิ เขา้ กบั ขั้วลบของแบตเตอร่ี (22) ติดเคร่ืองยนต์ ตรวจการรั่วไหลของน้ำ และความถูกต้องในการใสด่ าดฟา้ (23) ตรวจระดับนำ้ ระบายความรอ้ น การปฏิบตั ิขนั้ ตอ่ ไป 1. ดบั เครอ่ื งยนต์ 2. ใสแ่ ผน่ ปดิ หอ้ งเครอ่ื งยนต์ในห้องพลขบั 3. ใส่ ถอดแผน่ ปดิ หอ้ งเครอ่ื งยนต์ในหอ้ งผโู้ ดยสาร 4. ใสฝ่ าปิดห้องเครอื่ งยนต์ด้านหน้า 5. ยกแผน่ ลุยขา้ มขึน้ เก็บ 6. ใสเ่ ครื่องกำเนิดไฟฟ้า ( รถM577A2 เทา่ น้นั )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155