Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา การเตรียมสนามรบด้านการข่าว IPB

วิชา การเตรียมสนามรบด้านการข่าว IPB

Published by qacavalry, 2021-03-10 02:38:41

Description: วิชา การเตรียมสนามรบด้านการข่าว IPB
รหัสวิชา ๐๑๐๒๐๑๐๓๐๖
หลักสูตร ชั้นนายพัน
แผนกวิชาฝ่ายอำนวยการ กศ.รร.ม.ศม.

Search

Read the Text Version

โรงเรียนทหารมา้ วชิ า การเตรยี มสนามรบดา้ นการขา่ ว IPB รหสั วิชา ๐๑๐๒๐๑๐๓๐๖ หลักสตู ร ชน้ั นายพนั แผนกวิชาฝา่ ยอำนวยการ กศ.รร.ม.ศม. ปรัชญา รร.ม.ศม. “ฝกึ อบรมวชิ าการทหาร วทิ ยาการทันสมยั ธำรงไวซ้ ง่ึ คณุ ธรรม”

ปรชั ญา วิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ วตั ถปุ ระสงคก์ ารดาเนินงานของสถานศึกษา เอกลกั ษณ์ อตั ลกั ษณ์ ๑. ปรชั ญา ทหารมา้ เป็นทหารเหล่าหน่งึ ในกองทพั บกทใ่ี ชม้ า้ หรอื สงิ่ กาเนดิ ความเรว็ อ่นื ๆ เป็นพาหนะเป็นเหล่าทม่ี ี ความสาคญั และจาเป็นเหลา่ หน่งึ สาหรบั กองทหารขนาดใหญ่ เช่นเดยี วกบั เหลา่ ทหารอ่นื ๆ โดยมี คณุ ลกั ษณะทม่ี คี วามคลอ่ งแคล่ว รวดเรว็ ในการเคล่อื นท่ี อานาจการยงิ รุนแรง และอานาจในการทาลาย และขม่ ขวญั อนั เป็นคณุ ลกั ษณะทส่ี าคญั และจาเป็นของเหลา่ โรงเรยี นทหารมา้ ศูนยก์ ารทหารมา้ มปี รชั ญา ดงั น้ี “ฝึ กอบรมวิชาการทหาร วิทยาการทนั สมยั ธารงไว้ซ่ึงคณุ ธรรม” ๒. วิสยั ทศั น์ “โรงเรยี นทหารมา้ ศูนยก์ ารทหารมา้ เป็นศูนยก์ ลางการเรยี นรวู้ ชิ าการเหล่าทหารมา้ ทท่ี นั สมยั ผลติ กาลงั พลของเหลา่ ทหารมา้ ใหม้ ลี กั ษณะทางทหารทด่ี ี มคี ุณธรรม เพอ่ื เป็นกาลงั หลกั ของกองทพั บก” ๓. พนั ธกิจ ๓.๑ วจิ ัยและพฒั นาระบบการศกึ ษา ๓.๒ พัฒนาคุณภาพครู อาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษา ๓.๓ จดั การฝกึ อบรมทางวชิ าการเหลา่ ทหารมา้ และเหล่าอ่นื ๆ ตามนโยบายของกองทัพบก ๓.๔ ผลติ กาลงั พลของเหล่าทหารมา้ ใหเ้ ป็นไปตามวตั ถุประสงคข์ องหลกั สตู ร ๓.๕ พฒั นาสอื่ การเรยี นการสอน เอกสาร ตำราของโรงเรยี นทหารมา้ ๓.๖ ปกครองบงั คบั บญั ชากาลงั พลของหน่วย และผูเ้ ขา้ รบั การศึกษาหลกั สูตรต่างๆ ให้อยู่บน พน้ื ฐานคุณธรรม จรยิ ธรรม ๔. วตั ถปุ ระสงคข์ องสถานศึกษา ๔.๑ เพ่อื พฒั นาครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ให้มคี วามรู้ความสามารถในการถ่ายทอด ความรู้ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การศกึ ษาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๔.๒ เพ่อื พฒั นาระบบการศกึ ษา และจดั การเรยี นการสอนผ่านส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ให้มคี ุณภาพอย่าง ต่อเน่อื ง ๔.๓ เพอ่ื ดาเนินการฝึกศกึ ษา ใหก้ บั นายทหารชนั้ ประทวน ทโ่ี รงเรยี นทหารมา้ ผลติ และกาลงั พลท่ี เขา้ รบั การศกึ ษา ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถตามทห่ี น่วย และกองทพั บกตอ้ งการ ๔.๔ เพ่อื พฒั นาระบบการบรหิ าร และการจดั การทรพั ยากรสนับสนุนการเรยี นรู้ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ สงู สุด ๔.๕ เพ่อื พฒั นาปรบั ปรุงส่อื การเรยี นการสอน เอกสาร ตารา ให้มคี วามทนั สมยั ในการฝึกศกึ ษาอย่าง ต่อเน่อื ง ๔.๖ เพ่อื พฒั นา วิจยั และให้บรกิ ารทางวิชาการ ประสานความร่วมมอื สร้างเครอื ข่ายทาง วชิ าการกบั สถาบนั การศกึ ษา หน่วยงานอน่ื ๆ รวมทงั้ การทานุบารงุ ศลิ ปวฒั ธรรม ๕. เอกลกั ษณ์ “เป็นศูนยก์ ลางแห่งการเรยี นรูท้ างวชิ าการ และผลติ กาลงั พลเหล่าทหารมา้ อย่างมคี ุณภาพเป็นการ เพมิ่ อานาจกาลงั รบของกองทพั บก”

๖. อตั ลกั ษณ์ “เดน่ สงา่ บนหลงั ม้า เก่งกลา้ บนยานรบ”

สารบญั หนา้ เรอื่ ง 1. 2. - การเตรยี มสนามรบด้านการข่าว 4. - IPB : ขั้นตอนท่ี 1 กำหนดสภาพแวดล้อมของสนามรบ 12. - IPB : ขั้นตอนที่ 2 อธบิ ายผลกระทบของสภาพแวดลอ้ ม 16. - IPB : ข้นั ตอนท่ี 3 ประเมินคา่ ภยั คกุ คาม 26. - IPB : ข้ันตอนท่ี 4 พิจารณาเลือกหนทางปฏบิ ตั ิของภัยคุกคาม - IPB กบั การนำไปใช้

1 การเตรยี มสนามรบดา้ นการขา่ ว (INTELLIGENCE PREPARATION OF THE BATTLEFIELD : IPB) 1. กลา่ วทว่ั ไป 1.1 IPB คอื กระบวนการที่ตอ่ เนื่องและเปน็ ระบบกระบวนการหน่ึง สำหรับการวิเคราะหภ์ ยั คุกคาม และ สภาพแวดลอ้ มในพื้นท่ีทางภมู ิศาสตรใ์ นพ้นื ทใี่ ดพ้นื ท่ีหน่ึงโดยเฉพาะ โดย IPB จะพิจารณาหนทางปฏบิ ตั ทิ ่ี เป็นไปได้ท้ังสน้ิ ของภยั คุกคาม (Threat) รวมทัง้ กำหนดความน่าจะเปน็ ไปได้ของหนทางปฏบิ ัตเิ หลา่ น้ัน นอกจากนั้น IPB จะกำหนดผลกระทบของสภาพแวดล้อมทีจ่ ะมีต่อหนทางปฏบิ ตั ขิ องฝา่ ยเราและฝา่ ยภยั คกุ คาม IPB เป็นส่วนสำคญั ยิ่งของวงรอบข่าวกรอง จดั ทำขึ้นเพ่ือสนับสนุนงานด้านข่าวกรองให้แก่ข้นั ตอนต่าง ๆ ของกระบวนการแสวงข้อตกลงใจทางทหาร ผลผลิตของ IPB เปน็ มูลฐานของประมาณการขา่ วกรอง และ แผน รวบรวมข่าวสาร IPB จะกำหนดเปา้ หมาย และที่หมาย ตลอดจนความเร่งด่วนใหก้ ับแผนการยิง และ แผนการดำเนนิ กลยุทธ์ IPB จะจดั หาขา่ วกรองลา่ สดุ เพื่อสนับสนนุ การตกลงใจของ ผบ.อย่างตอ่ เน่ือง ต้ังแต่ ก่อนการ ส้รู บจะเริ่มขน้ึ ไปจนถึงหลังการส้รู บได้ส้นิ สุดลง ซง่ึ จะช่วยให้ ผบ.สามารถจะใช้อำนาจกำลงั รบของตน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ณ ตำบลและเวลาท่ีต้องการ 1.2 ผลผลติ หลกั ของ IPB เชน่ รปู แบบ ห/ป.ของภยั คุกคาม (Threat COA model), แผ่นภาพเหตุการณ์ และตารางเหตุการณ์ (Event template and matrix) เป็นส่วนสำคญั ในการจำลองยทุ ธ์ (Wargaming) ห/ป. ของ ฝ่ายเรา การพัฒนาแผ่นภาพตกลงใจและตารางตกลงใจ (Decision support template and matrix) ในขน้ั ตอนการจำลองยทุ ธ์ จะเป็นพนื้ ฐานในการจัดทำแผนรวบรวมข่าวสาร และจะชว่ ยให้การปฏบิ ตั ิการตา่ ง ๆ ในสนามรบเปน็ ไปอย่างประสานสอดคล้อง กระบวนการ IPB จะใช้ภาพ (Graphic) เปน็ จำนวนมาก เพ่ือช่วยให้ การวเิ คราะห์ง่ายขนึ้ 2. IPB เปน็ กระบวนการทตี่ ่อเน่อื งแบง่ ออกเปน็ 4 ขั้นตอน คือ : 2.1 ขั้นตอนท่ี 1 – กำหนดสภาพแวดลอ้ มของสนามรบ (Define the battlefield environment) 2.2 ข้ันตอนที่ 2 - อธบิ ายผลกระทบของสภาพแวดล้อม (Describe the battlefield's effects) 2.3 ขน้ั ตอนที่ 3 - ประเมินค่าภยั คกุ คาม (Evaluate the threat) 2.4 ข้นั ตอนที่ 4 - พจิ ารณาเลอื กหนทางปฏิบัตขิ องภยั คกุ คาม (Determine threat COAs)

2 IPB : ขนั้ ตอนท่ี 1 กำหนดสภาพแวดลอ้ มของสนามรบ 1. กำหนดสภาพแวดลอ้ มของสนามรบ กำหนดสภาพแวดลอ้ มของสนามรบ เปน็ การกำหนดลักษณะของสภาพแวดล้อมหรือกิจกรรมใด ๆ ใน สนามรบซ่ึงอาจมผี ลกระทบต่อ ห/ป. ของฝา่ ยเรา อาจแบ่งได้เป็น 5 ขัน้ ตอนย่อย ดังนี้ : 1.1 กำหนดลักษณะสภาพแวดลอ้ มท่สี ำคญั 1.2 กำหนดพืน้ ทป่ี ฏิบัติการ (Area of Operations; AO), พ้นื ทีอ่ ิทธิพล (Battle space) และพ้นื ทีส่ นใจ (Area of Interest; AI) 1.3 กำหนดหว้ งเวลาในการจดั ทำ IPB 1.4 กำหนดความตอ้ งการข่าวกรอง และสมมุตฐิ าน (Assumptions) 1.5 รวบรวมขา่ วสารสำหรับการจัดทำ IPB 2. กำหนดลกั ษณะสภาพแวดลอ้ มทสี่ ำคัญ ลกั ษณะสภาพแวดลอ้ มทส่ี ำคญั ซง่ึ จะมผี ลกระทบต่อ ห/ป.ของทงั้ สองฝา่ ยโดยปกติจะประกอบดว้ ย 2.1 สภาพทางภูมิศาสตร์, ภูมิประเทศ และสภาพลมฟ้าอากาศ 2.2 ขอ้ มูลประชากร เชน่ เผา่ พนั ธุ์, ศาสนา, กลุ่มอายุ, กลุ่มรายได้ ฯลฯ 2.3 ปจั จยั ด้านการเมอื ง, เศรษฐกจิ และสังคม เช่น บทบาทของกลมุ่ ต่าง ๆ, กลุม่ อิทธพิ ล 2.4 โครงสร้างพนื้ ฐาน เชน่ การคมนาคมขนสง่ , การโทรคมนาคม ฯลฯ 2.5 กฎการปะทะ (Rules of engagement; ROE), ข้อห้ามตามกฎหมาย, สนธสิ ญั ญาและข้อตกลงต่าง ๆ 2.6 ขีดความสามารถโดยทวั่ ไปของภัยคุกคาม, ท่ตี ้งั , ความคลอ่ งแคลว่ ในการเคลือ่ นที่, ชนดิ ของอาวุธท่ใี ช้ ตลอดจนระยะยงิ 3. กำหนดพนื้ ทปี่ ฏบิ ตั ิการ (AO), พน้ื ทอี่ ิทธพิ ล (Battle Space) และพืน้ ทส่ี นใจ (AI) 3.1 พน้ื ทป่ี ฏบิ ตั กิ าร ของหนว่ ยโดยปกตจิ ะกำหนดขอบเขตดว้ ยเส้นแบง่ เขต สำหรับขอบเขตของพืน้ ท่ี อทิ ธิพลจะขึน้ อยู่กับขีดความสามารถของระบบการคน้ หาเป้าหมายและระยะของเคร่ืองมือ ซง่ึ หน่วยสามารถมี อทิ ธิพลเหนือพื้นทใี่ นขอบเขตดงั กล่าว โดยจะหมายรวมถึงผวิ พน้ื และหว้ งอากาศ ปกตแิ ล้วขอบเขตของพืน้ ที่ อิทธิพลจะมีขนาดใหญ่กว่าพื้นท่ีปฏบิ ตั กิ าร 3.2 พ้ืนทสี่ นใจ คือ พื้นทที่ างภมู ิศาสตร์ และหว้ งอากาศ ท่ีมีความจำเป็นต่อการรวบรวมขา่ วสารเพ่ือการ วางแผนและปฏิบตั ิการให้บรรลุภารกจิ ในพน้ื ทีป่ ฏบิ ัติการ ปกตแิ ลว้ จะมีขนาดใหญ่กวา่ พื้นที่ปฏบิ ตั กิ ารขอบเขต ของพ้ืนทสี่ นใจจะขน้ึ อยูก่ บั : 3.2.1 ทต่ี ้ังของกำลังฝา่ ยเดยี วกนั ซึง่ อาจมผี ลกระทบต่อการบรรลุภารกิจของหนว่ ยตามเจตนารมณ์ ของ ผบ.หนว่ ยเหนือ 3.2.2 พ้นื ท่ีซึง่ หน่วยคาดว่าจะนำกำลงั เข้าไปวางเพ่อื ปฏิบตั ิภารกิจในอนาคต 3.2.3 พืน้ ทปี่ ฏิบตั ิการและขีดความสามารถของกำลังฝา่ ยเดยี วกัน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการ ปฏบิ ตั กิ ารของหน่วยก่อนที่จะบรรลุภารกิจ 3.2.4 ทตี่ ง้ั ของภยั คุกคาม ซึ่งมีอิทธิพลหรือสามารถเคล่ือนยา้ ยกำลังเขา้ สู่พืน้ ทป่ี ฏิบัตกิ าร และจะทำให้ มีผล กระทบต่อการบรรลุภารกิจของหนว่ ย

3 3.2.5 พ้ืนท่ีสนใจอาจแบ่งออกเป็นพ้ืนท่ีสนใจยอ่ ย ๆ เช่น พ้ืนที่สนใจทางพ้ืนดิน, พื้นที่สนใจทางอากาศ หรือพื้นท่ีสนใจทางด้านการเมือง ฯลฯ เพื่อกำหนดให้สะดวกในการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว และประสาน การรวบรวมข่าวสาร 3.2.6 ไม่มีข้อจำกัดในการกำหนดขอบเขตของพ้ืนที่สนใจ ท้ังน้ีย่อมข้ึนอยู่กับการพิจารณาว่ามีปัจจัย ใดบ้างในสนามรบ ท่จี ะมีผลกระทบตอ่ ความสำเรจ็ ภารกิจของหน่วย นข. ฟา้ หมน่ นข. อาชา XXX X พนื้ ทส่ี นใจ X พืน้ ทปี่ ฏบิ ตั กิ าร ( Area of Interest ) X X (Area of Operations ) X XXX นข. ฟา้ หมน่ นข. อาชา ภาพที่ 1 : พนื้ ทปี่ ฏบิ ตั ิการ (AO) และพนื้ ทส่ี นใจ (AI) 4. กำหนดหว้ งเวลาในการจดั ทำ IPB เวลามกั เปน็ เครอื่ งจำกดั ในการจดั ทำ IPB ฉะนั้นจงึ ต้องมีการวางแผนการใชเ้ วลาท่มี อี ยู่อยา่ งเหมาะสม เพ่ือ ใหไ้ ด้ผลผลิตอันเปน็ มูลฐานของกระบวนการแสวงขอ้ ตกลงใจได้อย่างทนั เวลา การวิเคราะห์สง่ิ ที่ไม่ เกี่ยวข้องกับการบรรลุภารกิจตามเจตนารมณข์ อง ผบ. มกั จะทำใหส้ ิ้นเปลอื งเวลาโดยใช่เหตุ ในแต่ละ สถานการณ์จะมลี ักษณะ เฉพาะการพจิ ารณาปัจจยั ทเ่ี ก่ียวข้องเพอ่ื นำมาวเิ คราะหใ์ นแต่ละสถานการณเ์ ปน็ ส่งิ ท่ี สำคญั 5. กำหนดความตอ้ งการข่าวกรองและสมมตุ ฐิ าน โดยปกติข่าวสารและข่าวกรองท่ีมีอยู่มักไม่เพียงพอต่อการวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มของสนามรบ ข่าวสาร และข่าวกรองท่ีขาดหายไปน้ีจะถูกนำมาพิจารณากำหนดความเร่งด่วน และจะกลายเป็นความต้องการข่าว กรองขั้นต้นของหน่วย แต่ขีดความสามารถในการรวบรวมข่าวสารของหน่วยภายใต้ข้อจำกัดของเวลาในการ จัดทำ IPB จะสามารถสนองตอบความต้องการข่าวกรองได้เพียงบางส่วนเท่าน้ัน จึงจำเป็นต้องมีการกำหนด สมมุติฐานท่ีเป็นไปได้ข้ึนมาสำหรับข่าวสารและข่าวกรองที่ขาดหายไป เพ่ือให้กระบวนการวางแผนของหน่วย ดำเนินไปไดอ้ ยา่ งต่อเนอ่ื ง

4 ภาพท่ี 2 : ขา่ วสารและขา่ วกรองทขี่ าดหายไป 6. รวบรวมขา่ วสารสำหรับการจดั ทำ IPB การรวบรวมข่าวสารจะดำเนนิ ไปเพ่ือสนองตอบความตอ้ งการขา่ วกรองขัน้ ต้นของหนว่ ย กระบวนการ IPB จะพัฒนาไปอย่างต่อเน่ืองจากข่าวกรองที่ได้รับเพ่ิมเติมมาใหม่ สมมุติฐานท่ีกำหนดไว้ในขั้นต้นอาจได้รับการ ยนื ยัน, ปรบั ปรุงหรือยกเลิก สมมตุ ฐิ านบางตวั จะเป็นพ้นื ฐานทีส่ ำคัญในการวางแผนและตกลงใจของ ผบ. ความ ถูกต้องแม่นยำในการกำหนดสมมุติฐาน จึงมีผลต่อการตกลงใจของ ผบ. ตลอดจนความสำเร็จและความ ลม้ เหลวในภารกิจของหนว่ ย ---------------------------- IPB : ขนั้ ตอนท่ี 2 อธบิ ายผลกระทบของสภาพแวดลอ้ ม 1. การอธบิ ายผลกระทบของสภาพแวดลอ้ ม การอธิบายผลกระทบของสภาพแวดล้อม เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมท้ังมวลที่มีผลกระทบต่อการ ปฏิบตั ิของท้ังฝ่ายเราและภัยคกุ คาม โดยจะแสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของสนามรบในทุก ๆ ดา้ น ตลอดจน ขีดความสามารถ และ ห/ป. โดยท่ัวไปของภัยคุกคามที่สามารถปฏิบัติได้ ซ่ึงจะช่วยให้ ผบ.สามารถแสวง ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมของสนามรบ รวมทั้งเตรยี มการตอบโต้การปฏิบัติของภัยคุกคามได้ในทุกรูปแบบ ในขั้นนอี้ าจแบ่งออกได้เป็น 4 ข้นั ย่อย ดงั นี้ 1.1 วเิ คราะหภ์ ูมิประเทศ (Terrain analysis) 1.2 วิเคราะหส์ ภาพลมฟ้าอากาศ (Weather analysis) 1.3 วิเคราะห์ลกั ษณะอนื่ ๆ ของสนามรบ 1.4 อธิบายผลกระทบของสภาพแวดลอ้ มท่มี ีต่อขีดความสามารถ และ ห/ป โดยทวั่ ไปของทง้ั สองฝา่ ย 2. วเิ คราะหภ์ มู ปิ ระเทศ (Terrain analysis) 2.1 การวิเคราะห์ภูมิประเทศ เป็นการประเมินค่าภูมิประเทศในสนามรบตามแง่คิดทางทหาร 5 ประการ คือ การตรวจการณ์และพื้นการยิง, การกำบังและการซ่อนพราง, เครื่องกีดขวาง, ภูมิประเทศสำคัญ และ แนวทางการเคลื่อนท่ี (OCOKA) แล้วนำผลการประเมินคา่ มารวมไวใ้ นแผน่ ภาพเพยี งแผ่นเดียวซ่ึงเรียกวา่ \"แผ่น

5 บริวารเคร่ืองกีดขวางผสม\" (Modified Combined Obstacle Overlay ; MCOO) โดยแผ่นบริวารเครื่องกีด ขวางผสมน้ี จะเป็นแผ่นภาพพนื้ ฐานสำคญั ของแผ่นภาพอืน่ ๆ ในกระบวนการ IPB ตอ่ ไป 2.1.1 การตรวจการณ์และพื้นการยิง (Observation and Fields of Fire) การตรวจการณ์เป็น ความสามารถในการมองเห็นฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าด้วยสายตาหรือการใช้เครื่องมือตรวจการณ์ ซ่ึงพืชพรรณไม้ และลกั ษณะภูมิประเทศจะเปน็ เครอื่ งจำกดั ส่วนพื้นการยงิ จะเป็นพ้นื ท่ีซ่ึงอาวุธชนดิ หนง่ึ ชนิดใด สามารถทำการ ยิงอย่างได้ผลจากจุดที่กำหนด ซึ่งลักษณะภูมิประเทศจะเป็นตวั กำหนดท่ีสำคัญ แผ่นภาพของการพิจารณาการ ตรวจการณ์และพื้นการยิงในข้ันนี้ อาจแสดงพ้ืนที่ที่มีการตรวจการณ์และพื้นการยิงดีด้วยเส้นขนานขีดขวาง (ภาพที่ 3) ซง่ึ แผ่นภาพน้จี ะช่วยในการกำหนด : 2.1.1.1 พ้ืนทโ่ี จมตี (Engagement Area ; EA หรอื Killing area, Fire sac, Killing zone ฯลฯ) ท่เี ปน็ ไปได้ 2.1.1.2 ภมู ปิ ระเทศที่เหมาะสมในการตั้งรบั และวางอาวธุ /เคร่ืองมือชนดิ ตา่ ง ๆ 2.1.1.3 พ้นื ทซ่ี ่ึงลอ่ แหลมตอ่ หน่วยดำเนินกลยุทธ์ 2.1.1.4 ตำบลตรวจการณ์ 2.1.2 การกำบงั และการซอ่ นพราง (Cover and Concealment) การกำบงั เปน็ การป้องกันจากการยงิ ส่วนการซ่อนพรางเป็นการป้องกันให้พ้นจากการตรวจการณ์ ผลผลิตในการพิจารณาปัจจัยเหล่าน้ีอาจใช้แผ่น ภาพแสดงพนื้ ที่ต่าง ๆ ทอี่ ำนวยตอ่ การกำบงั และการซ่อนพราง ซงึ่ จะช่วยในการกำหนด.- 2.1.2.1 ภมู ิประเทศทีเ่ หมาะสมในการตัง้ รับ และจัดทำที่มั่นรบ 2.1.2.2 พนื้ ทีท่ เี่ หมาะสมในการวางกำลัง, กระจายกำลัง และใชเ้ ปน็ พน้ื ทร่ี วมพล ระยะ พสนื้ายทตีอ่ าบั 3,000 พสนื้ายทต่ีอาบั พสืน้ายทตอี่ าบั 2,000 1,000 แนว ตรวจการณ์ ภาพที่ 3 : การตรวจการณแ์ ละพน้ื การยงิ , การกำบงั และการซอ่ นพราง 2.1.3 เครือ่ งกดี ขวาง (Obstacles) เครอ่ื งกดี ขวางในทีน่ ี้หมายรวมถงึ เครอื่ งกีดขวางตามธรรมชาติ และ เคร่ืองกีดขวางที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งสามารถทำให้การเคลื่อนท่ีหยุดชะงัก ช้าลง หรือต้องเปลี่ยนแปลงทิศทาง การประเมินค่าในข้ันนี้สามารถแบ่งออกเปน็ 2 ขน้ั ตอน คอื :

6 2.1.3.1 กำหนดผลกระทบของเคร่ืองกีดขวางแต่ละชนิดท่ีมีต่อการเคลื่อนที่ของทั้งสองฝ่าย แผ่น ภาพตา่ ง ๆ ซงึ่ จะตอ้ งจัดเตรียมในขน้ั น้ี อาจพจิ ารณาจากปจั จัยตา่ ง ๆ ดงั น้ี (1) พชื พรรณไม้ (ระยะห่างระหวา่ งตน้ และขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลางของลำตน้ ) (2) ทางนำ้ ไหล (ความกว้าง, ความลึก, ความเรว็ กระแสนำ้ , ความสูงและความลาดเอียงของ ตล่งิ ) (3) ลักษณะผวิ พ้นื (ชนิดและสภาพของดิน) (4) ทรวดทรงผิวพ้ืน (ทสี่ ูงตำ่ , ความลาดเอียง) (5) เคร่ืองกีดขวางตามธรรมชาติ และท่ีมนุษย์สร้างขึ้น (พิจารณาท้ังทางพ้ืนดิน และทาง อากาศ สำหรับอากาศยานร่อนตำ่ ) (6) ระบบคมนาคมขนสง่ (ชน้ั ของสะพาน และถนน) (7) ผลกระทบของสภาพลมฟ้าอากาศ (นำ้ ทว่ ม, ไฟไหม,้ ฝนุ่ ฯลฯ) 2.1.3.2 นำผลกระทบของเครื่องกีดขวางทั้งปวง มารวมไว้ในแผ่นภาพเพียงแผ่นเดียวซ่ึงเรียกว่า \"แผ่นบริวารเคร่ืองกีดขวาง\" (Combined Obstacle Overlay : COO) โดยแผ่นภาพนี้จะแสดงให้เห็นถึงการ ประเมินคา่ เครอ่ื งกีดขวางโดยรวม (ภาพที่ 4) ซ่งึ จะมีผลกระทบต่อการเคลือ่ นท่ีในระดบั ตา่ ง ๆ 3 ระดบั ดังนี้ : (1) ผา่ นได้ (GO) ภูมิประเทศไม่มขี ้อจำกัดตอ่ การเคลอื่ นท่ี มีเครือขา่ ยถนนอยา่ งดี สามารถ ดำเนนิ กลยทุ ธไ์ ด้อยา่ งกว้างขวาง สำหรบั หน่วยยานยนตห์ รอื ยานเกราะโดยปกติแล้ว จะเปน็ พ้นื ทร่ี าบ จนถึง พน้ื ท่ลี าดเอียงในระดับปานกลาง ระยะห่างระหว่างเครื่องกดี ขวาง เช่น ตน้ ไม้ หรือ หิน มมี าก เราจะไม่ใส่ เครอื่ งหมายใด ๆ ลงบนแผน่ บรวิ าร เพอื่ แสดงภมู ิประเทศผา่ นได้ (GO) (2) ผา่ นไดช้ า้ (SLOW-GO) ภมู ปิ ระเทศท่ีหนว่ ยเคลอ่ื นทหี่ รอื ดำเนินกลยุทธ์ผา่ นไปได้ แตต่ ้อง ใชค้ วามพยายามในระดับหน่ึง เพอื่ เพ่มิ ขีดความสามารถในการเคลื่อนท่ี ภมู ิประเทศผา่ นไดช้ า้ (SLOW-GO) สำหรบั หน่วยยานยนต์หรือยานเกราะ จะเปน็ พนื้ ทีล่ าดเอยี งในระดับปานกลางจนถงึ ลาดชัน หรือพ้นื ที่ทม่ี ีเครื่อง กดี ขวาง เชน่ ตน้ ไม้, หิน หรือส่ิงปลกู สรา้ ง มีระยะหา่ งปานกลาง เสน้ ทางคมนาคมอยู่ในสภาพจำกดั ภมู ิประเทศ ผ่านได้ช้า (SLOW-GO) ปกติจะแสดงบนแผน่ บรวิ ารด้วยเส้นขนานขีดขวาง (3) ผา่ นไมไ่ ด้ (NO-GO) ภูมปิ ระเทศทหี่ นว่ ยไม่สามารถเคลอื่ นที่ หรอื ดำเนนิ กลยทุ ธผ์ ่านไปได้ หากไม่ใช้ความพยายามอยา่ งมาก เพือ่ เพิม่ ขีดความสามารถในการเคลือ่ นท่ี ภมู ปิ ระเทศผ่านไมไ่ ด้ (NO-GO) สำหรับหนว่ ยยานยนต์ หรือยานเกราะ ปกตแิ ลว้ จะเป็นพนื้ ท่ลี าดชนั มเี ครื่องกดี ขวางอยา่ งหนาแน่น ไม่มี เครอื ข่ายถนนหรือ มีเพยี งเลก็ นอ้ ยเท่านั้น รูปขบวนที่เหมาะสมในการเคลื่อนท่ีผ่านภูมิประเทศผ่านไม่ได้ (NO- GO) นี้ คอื รูปขบวนแถวตอน สว่ นรูปขบวนอ่ืน ๆ กระทำไดย้ าก การพิจารณาภมู ปิ ระเทศผา่ นไม่ได้ (NO-GO) สำหรับหน่วยยานยนตห์ รือยานเกราะ เป็นสิง่ ทต่ี ้องพึงระมัดระวังเปน็ พเิ ศษ เนื่องจากหากหนว่ ยเหลา่ นั้นลงรบ เดินดิน (Dismouted infantry) ภมู ิประเทศผา่ นไม่ได้ (NO-GO) จะกลายเปน็ ภมู ิประเทศผา่ นไดช้ า้ (SLOW- GO) ทันที นอกจากนนั้ แลว้ บทเรียนจากประวตั ิศาสตรไ์ ด้แสดงให้เห็นวา่ การจูโ่ จม สว่ นใหญ่น้นั สมั ฤทธิ์ผลด้วย การใช้ภมู ิประเทศที่อกี ฝ่ายหนึง่ ไม่คาดคิดมาก่อนทั้งส้นิ สำหรบั ภูมิประเทศผา่ นไม่ได้ (NO-GO) อาจแสดงบน แผน่ บริวารดว้ ยเสน้ ขนานขีดขวางตัดกนั

7 พืชพรรณไม้ ทางนา้ ไหล ลกั ษณะอ่ืนๆ เครอ่ื งกีดขวาง ภาพท่ี 4 : แผน่ บรวิ ารเครอ่ื งกีดขวาง 2.1.4 ภูมิประเทศสำคัญและภูมิประเทศสำคัญยิ่ง (Key and Decisive Terrain) ภูมิประเทศสำคัญ คอื ตำบลหรือพ้ืนท่ี ซ่ึงหากฝา่ ยหนึ่งฝ่ายใดเข้ายึด, ครอบครอง หรือควบคุมไว้ได้จะได้เปรียบอีกฝ่ายหน่ึง ภูมิ ประเทศสำคัญมักถูกกำหนดให้เป็นที่มั่นรบหรือที่หมาย ความสำคัญของภูมิประเทศสำคัญย่อมข้ึนอยู่กับการ พิจารณาผลกระทบที่มีต่อผลการรบหากฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงเข้ายึดครองภูมิประเทศน้ัน ๆ ได้ ภมู ิประเทศสำคัญใน แผ่นภาพจะแสดงด้วยอักษร \" K \" ล้อมรอบด้วยวงกลม สำหรับภูมิประเทศสำคัญย่ิงจะหมายถึง ภูมิประเทศ สำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติการเป็นอย่างย่ิง (ภูมิประเทศแตกหัก) ภูมิประเทศเช่นน้ีอาจจะไม่มีใน ทุกการปฏิบัติการ การกำหนดให้มีภูมิประเทศสำคัญย่ิงข้ึนก็เพื่อให้ทราบว่าความสำเร็จของการปฏิบัติการท้ัง ปวงจะขึ้นอยู่กับการเข้ายึดหรือครอบครองภูมิประเทศนั้น ภูมิประเทศสำคัญย่ิงจะแสดงด้วย อักษร \" D \" ลอ้ มรอบด้วยวงกลม 2.1.5 แนวทางการเคล่ือนท่ี (Avenue of Approach ; AA) แนวทางการเคลื่อนที่หมายถึง แนวทาง ทางอากาศหรอื ทางผิวพ้ืน ซง่ึ กำลังฝ่ายเข้าตีขนาดใดขนาดหน่ึง สามารถเคลื่อนท่ีเข้าสู่ท่หี มาย หรือภูมิประเทศ สำคัญได้ ในการปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุก การวิเคราะห์แนวทางการเคลื่อนที่จะช่วยกำหนด แนวทางท่ีดีที่สุด สำหรับฝ่ายเราในการรุกเข้าสู่ที่หมาย และแนวทางที่ภัยคุกคามสามารถถอนตัว หรือเคล่ือนย้ายกองหนุนได้ ในทางกลับกันการวเิ คราะหแ์ นวทางการเคลอ่ื นท่ีในการรบด้วยวิธีรบั จะช่วยกำหนดแนวทางของภยั คุกคามใน การรุกเข้าสู่ที่มั่น ต้ังรับ และแนวทางของฝ่ายเราในการถอนตัว และเคล่ือนย้ายกองหนุน แนวทางการ เคลื่อนที่สามารถกำหนดได้ 2.1.5.1 กำหนดช่องทางการเคล่ือนท่ี (Mobility Corridor ; MC) ช่องทางการเคล่ือนที่ คือ พื้นท่ี ซง่ึ อำนวยให้หน่วยทหารขนาดใดขนาดหน่ึงสามารถเคล่ือนท่ีได้ตามหลักนิยมและอำนวยให้สามารถใช้หลักการ ในเรือ่ งการรวมกำลัง, ความหนุนเนื่อง, การข่มขวัญ และความเร็วในการเคลอื่ นท่ีได้ แผน่ บรวิ ารเครื่องกีดขวาง จะเป็นเครื่องช่วยกำหนดความกว้างของช่องทางการเคล่ือนท่ีว่าจะเหมาะสมกับหน่วยขนาดใดในการด ำเนิน กลยุทธ์ ช่องทางการเคล่ือนที่โดยท่ัวไปจะเป็นภูมิประเทศผ่านได้ (GO) ตามแนวถนนหรือเส้นทางอย่างไรก็ ตามในบางสถานการณ์ช่องทางการเคลื่อนท่ีอาจใช้ภูมิประเทศผ่านได้ช้า (SLOW-GO) หากภูมิ-ประเทศส่วน ใหญเ่ ปน็ ภูมปิ ระเทศผา่ นไม่ได้ (NO-GO)

8 2.1.5.2 จัดประเภทช่องทางการเคลื่อนที่ โดยพิจารณาจากความกว้างของช่องทางและประเภท ของหน่วยท่ีเหมาะสมกับช่องทางน้ัน โดยปกติแล้วจะพิจารณาช่องทางการเคลื่อนท่ีของหน่วยต่ำลงไปสอง ระดับจากหน่วยท่ีจัดทำ IPB เช่น ในระดับกองพลเราจะพิจารณาชอ่ งทางการเคลื่อนที่ของหน่วยระดับกองพัน และสงู กว่า แตอ่ าจพิจารณาหนว่ ยต่ำลงไปอกี ได้ในภูมปิ ระเทศผ่านไมไ่ ด้ (NO-GO) 2.1.5.3 กำหนดแนวทางการเคลื่อนท่ี แนวทางเคล่ือนท่ีหนึ่งควรกว้างขวางเพียงพอท่ีจะรวม ช่องทางเคลื่อนที่ต่าง ๆ ไว้เพื่อที่สนับสนุนให้หน่วยทหารสามารถดำเนินกลยุทธ์ และเคล่ือนท่ีได้อย่างรวดเร็ว ตามแนวทางน้ัน โดยปกติจะกำหนดขนาดแนวทางการเคลื่อนท่ีของหน่วยต่ำกว่าระดับของหน่วยท่ีพิจารณา 1 ระดบั ขึน้ ไป เชน่ ในระดับกองพลจะพจิ ารณาแนวทางการเคล่ือนทข่ี องหน่วยระดับกรม และสงู กว่า ทีห่ มาย กองพนั กองพนั กองพนั กองพนั กองพนั กองพนั กองพนั สญั ลกั ษณ= ์ พนื้ ที่ผ่านไดช้ ้า ภาพท่ี 5 : การกำหนดแนวทางการเคลอ่ื นทขี่ องกรม 2.1.5.4 ประเมนิ ค่าความเหมาะสมของแนวทางการเคลื่อนท่ี แตล่ ะแนวทางดว้ ยปจั จัยดังตอ่ ไปนี้ (1) การม่งุ เข้าสู่ภมู ปิ ระเทศสำคญั และความสัมพนั ธ์กบั แนวทางการเคล่ือนท่ใี กล้เคยี ง (2) การอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนที่ (3) การกำบังและการซอ่ นพราง (4) การดำรงสภาพ (Sustainability) (5) ความต่อเนื่องในการสนับสนนุ (6) การมงุ่ เข้าสู่ท่ีหมาย 2.1.5.6 พิจารณาผลของแนวทางการเคลื่อนท่ีที่มีต่อหนทางปฏิบัติ วิเคราะห์ภูมิประเทศในแต่ละ แนวทางการเคลื่อนท่ี เพื่อหาผลกระทบท่ีจะมีต่อหนทางปฏิบัติโดยท่ัวไปท่ีเป็นไปได้ของทั้งสองฝ่ายด้วยการ กำหนดพื้นที่ ในแต่ละแนวทางการเคล่ือนทีท่ ม่ี คี วามเหมาะสมและเปน็ ไปไดส้ ำหรับการใชเ้ ปน็ : (1) พ้ืนทโี่ จมตี หรอื พ้ืนท่ีซุ่มโจมตี

9 (2) ทม่ี นั่ รบ ซง่ึ ควบคมุ พ้นื ท่ีโจมตี หรือพ้ืนทซ่ี ุม่ โจมตี (3) ที่หมายระหวา่ งทาง (ภมู ิประเทศสำคัญซึง่ ควบคุมแนวทางการเคล่ือนทหี่ รือทห่ี มาย) (4) พ้ืนที่อนื่ ๆ ตามความจำเป็น เช่น ท่รี วมพล, ตำบลตรวจการณ์ ที่ต้ัง ป., ท่ีตง้ั ปภอ., ชอ่ งทางแทรกซึม ฯลฯ 2.1.5.7 จดั ลำดบั แนวทางการเคลือ่ นทต่ี ามความสามารถในการสนับสนุนการดำเนินกลยุ ทธ์อยา่ สบั สนระหว่างแนวทางการเคลือ่ นท่ีกบั ทิศทางเขา้ ตี หรือเสน้ หลกั การรุก เนอ่ื งจากหากตอ้ งการผลการจโู่ จม ทิศทางเข้าตีหรือเสน้ หลักการรุก อาจไมอ่ ยู่บนแนวทางการเคลื่อนท่ีก็ได้ 2.2 แผน่ บรวิ ารเครอื่ งกดี ขวางผสมดดั แปลง (Modified Combined Obstacle Overlay ; MCOO) เป็น การนำเอาผลของการวเิ คราะห์ภมู ปิ ระเทศมารวมกนั (ดู ผนวก ข) โดยจะประกอบไปด้วยแผ่นบริวารเครื่องกีด ขวาง และผลผลติ ของการพจิ ารณาปจั จยั ตา่ ง ๆ ดงั น้ี : 2.2.1 ขดี ความสามารถในเคลอื่ นท่ีในภูมิประเทศ (ผา่ นได้, ผ่านไดช้ ้า, ผา่ นไม่ได้) 2.2.2 แนวทางการเคล่ือนท่ี และช่องทางการเคลื่อนท่ขี องทั้งสองฝ่าย 2.2.3 ระบบเคร่อื งกีดขวางของท้ังสองฝ่าย 2.2.4 ภมู ปิ ระเทศท่เี หมาะสมในการต้ังรบั (ทมี่ นั่ รบท่เี ป็นไปได้) 2.2.5 พื้นทโ่ี จมตี (EA) ตา่ ง ๆ 2.2.6 ภมู ปิ ระเทศสำคัญ (โดยปกตจิ ะสมั พันธ์กับที่มัน่ รบ, ทีห่ มายระหว่างทาง ฯลฯ) 3. วเิ คราะหส์ ภาพลมฟา้ อากาศ (Weather analysis) ในขั้นตอนการวเิ คราะห์สภาพลมฟ้าอากาศสามารถแบ่งออกเป็น 2 ข้ันตอนย่อย คือ วิเคราะห์สภาพลมฟ้า อากาศตามแงค่ ดิ ทางทหาร และกำหนดผลกระทบของสภาพลมฟ้าอากาศท่ีมตี ่อการปฏบิ ตั ิการทางทหาร 3.1 วเิ คราะหส์ ภาพลมฟา้ อากาศตามแงค่ ดิ ทางทหาร จะหมายถึงการวเิ คราะห์ปัจจยั ต่าง ๆ ดังนี้ : 3.1.1 ทศั นวสิ ยั สภาพทัศนวสิ ัยไม่ดี จะช่วยซ่อนพรางการดำเนนิ กลยทุ ธ์ในสนามรบ ปจั จัยทีจ่ ะมผี ล กระทบต่อทัศนวิสัย ได้แก่ : 3.1.1.1 อุณหภูมทิ ี่สงู หรอื ต่ำมาก จะสง่ ผลต่อเคร่อื งมือตรวจการณ์ท่ใี ช้ความรอ้ น (Thermal sight) 3.1.1.2 เมฆ จะทำใหท้ ัศนวิสยั ในพน้ื ท่ที ี่ถกู ปกคลมุ ลดลง 3.1.1.3 ฝนและหิมะ จะลดความสามารถในการมองเห็น 3.1.1.4 แสงสวา่ ง จากดวงอาทติ ย์และดวงจนั ทรใ์ นหว้ งเวลาต่าง ๆ มีผลตอ่ ทศั นวิสยั แตกตา่ งกันไป 3.1.2 ลม ประสิทธิภาพในการรบของหน่วยท่เี คลอื่ นท่ีทวนลมจะลดลงเน่ืองจาก ลมจะพัดพาฝุ่น, ควัน, ทราย, ฝน หรือหิมะเข้ามา ในขณะท่ีหน่วยท่ีเคลื่อนที่ตามลมจะมีขีดความสามารถในการมองเห็นและสามารถ ใช้อาวุธ นชค.ได้ดีกว่า ลมจะมีผลต่อการยุทธส่งทางอากาศ, การยุทธเคล่ือนที่ทางอากาศ และการปฏิบัติการ ทางอากาศทั้งปวง นอกจากนั้นแลว้ ลมอาจพดั พา ฝ่นุ , ทราย, ฝน, หิมะ ฯลฯ ทำความเสียหายให้แก่อาวุธและ ยุทโธปกรณไ์ ดอ้ กี ดว้ ย

10 3.1.3 ฝน/หิมะ จะมีผลต่อการรับน้ำหนักการจราจรของพ้ืนดิน, ทัศนวิสัย และการทำงานของระบบ การตรวจการณ์ด้วยไฟฟ้า, ฝน/หิมะท่ีตกหนักจะมีผลต่อคุณภาพส่ิงอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ ที่สะสมไว้, ระบบ การตดิ ต่อส่ือสาร, ประสทิ ธภิ าพของอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนการปฏิบัติการทางอากาศ 3.1.4 เมฆ จะเป็นเครื่องจำกัดทัศนวิสัย, ระบบการตรวจการณ์, ระบบการค้นหาเป้าหมาย, ระบบนำ วิถดี ้วยแสงอินฟาเรด และการปฏบิ ัตกิ ารทางอากาศ 3.1.5 อุณหภูมิและความชื้น จะทำให้ประสิทธิภาพของกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ลดลง นอกจากนั้นยังทำให้ความสามารถในการบรรทุกของอากาศยาน และประสิทธิภาพของระบบค้นหาเป้าหมาย ด้วยความร้อนลดลง 3.2 กำหนดผลกระทบของสภาพลมฟ้าอากาศท่ีมีต่อการปฏิบตั ิการทางทหาร ผลกระทบของลมฟ้าอากาศ อาจแสดงด้วยตาราง และแสดงในแผ่นบรวิ ารเครือ่ งกดี ขวางผสม ตามความเหมาะสม ผลกระทบเหลา่ นจ้ี ะ พจิ ารณาจากประสทิ ธภิ าพของกำลังพล, อาวธุ ยุทโธปกรณ์และแบบของการปฏบิ ัติการทางทหาร ตวั อย่างเช่น หมอก อาจทำให้แนวทางการเคล่อื นที่, ท่ีหมายหรือพืน้ ที่โจมตีใดมีความเหมาะสมยิ่งข้ึน หรอื ในอากาศที่ร้อน จดั แหล่งนำ้ อาจจัดเป็นภูมปิ ระเทศสำคญั หรือทัศนวสิ ัยทีต่ ่ำกว่า 200 ม. อาจจำกดั ต่อการยทุ ธสง่ ทางอากาศ แต่เหมาะสมต่อการดำเนินกลยทุ ธทางพนื้ ดิน ผลกระทบของลมฟ้าอากาศนี้ จะพิจารณาแบ่งออกเป็น 3 ระดบั คือ เกื้อกูล (FAVOURABLE), ไมเ่ กื้อกูล (UNFAVOURABLE) และเปน็ กลาง (MARGINAL) พนื้ ท่ีปฏิบตั ิภารกิจ หว้ งเวลาพยากรณอ์ ากาศ ( 2535 ) 8ต.ค. ความคลอ่ งแคลว่ 6 ต.ค. 7 ต.ค. ( ทางผวิ พื้น ) 6 12 18 24 6 12 18 24 6 12 18 24 การกาหนดเป้าหมาย ยิงเลง็ ตรง การยทุ ธเคลอ่ื นทท่ี างอากาศ ( พนื้ ที่สง่ ลง ) นชค. ความหมาย : สแี ดง ) เป็นกลาง ( สเี หลอื ง ) เกือ้ กลู ( ไมไ่ ดแ้ รเงา - สีเขยี ว ) ไมเ่ กือ้ กลู ( ภาพที่ 6 : ตารางแสดงผลกระทบของสภาพลมฟา้ อากาศ 4. วเิ คราะหล์ กั ษณะอนื่ ๆ ของสนามรบ ลักษณะอนื่ ๆ ในทีน่ ้ีจะหมายรวมถึงสภาพของสนามรบในทุก ๆ ดา้ น เว้นภมู ิประเทศ และสภาพลมฟ้า อากาศ การวเิ คราะหใ์ นขัน้ น้ีแบง่ ได้เปน็ 2 ข้ันตอนยอ่ ย คือ วิเคราะหล์ กั ษณะอ่ืน ๆ ของสนามรบ และกำหนด ผลกระทบของลักษณะอนื่ ๆ ทีม่ ตี อ่ การปฏบิ ัตกิ ารทางทหาร

11 4.1 วเิ คราะหล์ ักษณะอน่ื ๆ ของสนามรบ มปี ัจจยั ตา่ ง ๆ มากมายในสนามรบ การนำปัจจยั ใดมาพิจารณา ย่อมขึน้ อย่กู ับสถานการณ์ ปัจจยั ต่าง ๆ เหล่านั้นอาจหมายรวมถึง 4.1.1 โครงสร้างพนื้ ฐานดา้ นการส่งกำลังบำรุง เช่น แหลง่ นำ้ , คลังน้ำมนั , ระบบการคมนาคมขนสง่ , ระบบการส่ือสาร, แหลง่ ทรพั ยากรธรรมชาติ, แหลง่ พลังงาน ฯลฯ 4.1.2 ขอ้ มูลประชากร เชน่ ขนบธรรมเนียม, ภาษา, ความเช่อื ทางศาสนา ความพอใจและไม่พอใจ ทางการเมอื ง, ระดับการศกึ ษา ฯลฯ 4.1.3 เศรษฐกิจ เชน่ แหลง่ เศรษฐกิจและผลประโยชน์ ตง้ั แตร่ ะดับทอ้ งถน่ิ จนถึงระดบั ชาติ ตลอดจน ในต่างประเทศ 4.1.4 การเมอื ง ต้งั แตร่ ะดบั ท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ (ระบบรฐั บาล, สนธิสญั ญา, ข้อตกลง, ข้อจำกดั ทางดา้ นกฎหมาย, กลุ่มอทิ ธิพล ฯลฯ) 4.2 กำหนดผลกระทบของลกั ษณะอน่ื ๆ ทม่ี ตี อ่ การปฏบิ ตั ิการทางทหาร โดยเฉพาะผลกระทบท่ีมีตอ่ ห/ ป. โดยทั่วไปของทัง้ สองฝ่าย ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะในการปฏบิ ตั ิการทมี่ ิใชส่ งคราม (Operations Other than War ; OOTW) ผลกระทบเหล่านี้จะมมี ากกว่า ผลกระทบท่เี กิดจากภมู ิประเทศ และสภาพลมฟ้า อากาศ ผลผลติ ทีไ่ ด้ในขั้นน้ี ควรจดั ทำเปน็ แผน่ ภาพ หรอื ตารางกำหนดผลกระทบท่มี ตี ่อขดี ความสามารถและ ห/ป. ของทง้ั สองฝ่าย 5. อธบิ ายผลกระทบของสภาพแวดลอ้ มทมี่ ตี อ่ ขดี ความสามารถ และ ห/ป.โดยทวั่ ไปของทัง้ สองฝา่ ย นำผลผลิตทไี่ ด้จากการกำหนดผลกระทบจากภูมปิ ระเทศ, สภาพลมฟ้าอากาศ และลักษณะอน่ื ๆ ในสนาม รบ มารวมกับแผ่นบรวิ ารเครื่องกดี ขวางผสม (MCOO) เราก็จะได้ผลกระทบของสภาพแวดลอ้ มท้ังหมดท่ีมีต่อ ห/ป.โดยทว่ั ไปของท้ังสองฝา่ ย ซง่ึ จะแสดงใหเ้ หน็ ว่า ห/ป.โดยท่ัวไปใดของท้งั ฝ่ายเรา และฝ่ายภัยคกุ คามมีความ เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในสนามรบมากทีส่ ดุ และน้อยทส่ี ุด ------------------------------------

12 IPB : ขน้ั ตอนท่ี 3 ประเมนิ คา่ ภยั คกุ คาม 1. การประเมนิ คา่ ภยั คกุ คาม การประเมนิ คา่ ภยั คกุ คาม ในขนั้ นเี้ ป็นการพิจารณา ขีดความสามารถ, หลกั นยิ ม, ยุทธวธิ ี, เทคนคิ และ รปจ. ทภี่ ยั คุกคามจะนำมาใช้ เป็นการประเมินคา่ อยา่ งมีเหตผุ ลเพ่ือใหท้ ราบว่าอะไรท่ฝี ่ายคุกคามสามารถ ปฏิบตั ไิ ด้ และปฏิบัติไมไ่ ด้ การประเมินคา่ ภัยคุกคามแบง่ ออกเปน็ 2 ข้นั ตอน คือ : 1.1 จัดทำรูปแบบการปฏบิ ตั ิของภัยคุกคาม (Threat model) 1.2 กำหนดขีดความสามารถของภัยคกุ คาม 2. จดั ทำรปู แบบการปฏบิ ตั ขิ องภยั คกุ คาม 2.1 รปู แบบการปฏบิ ตั ิของภัยคกุ คามจะแสดงให้เห็นว่า ภยั คกุ คามจะปฏบิ ตั ิอยา่ งไรหากไม่มีข้อจำกดั ใด ๆ ในสนามรบ รปู แบบการปฏิบัติของภัยคุกคามจะมสี ่วนประกอบท่สี ำคญั 4 ส่วนคือ : 2.1.1 แผ่นภาพหลักนิยม (Doctrinal template) 2.1.2 ยุทธวิธี และทางเลอื กในการปฏิบตั ิ (Tactics and Options) ที่ภยั คกุ คามจะนำมาใช้ 2.1.3 เป้าหมายคมุ้ ค่า (High Value Target ; HVT) 2.1.4 แฟม้ ทำเนียบกำลงั รบ 2.2 แผ่นภาพหลักนิยม คือ แผ่นภาพตามมาตราส่วนซึ่งแสดงรูปแบบ การวางกำลัง และการกระจายกำลัง ตามหลักยุทธวิธี แบบมาตรฐานของภัยคุกคาม เมื่อไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ในสนามรบ การวิเคราะห์หลักนิยมของ ภัยคุกคามจะทำให้มองเห็นว่า โดยปกติจะมีการจัดกำลัง วางกำลัง และใช้หน่วย ตลอดจนระบบปฏิบัติการใน สนามรบ (Battlefield Operating System ; BOS) อย่างไร แผ่นภาพหลักนิยม สำหรับการรบตามแบบ จะ แสดงให้เห็นรูปแบบการปฏิบัติทั้งในการรบด้วยวิธีรุก และด้วยวิธีรับ เช่น รูปแบบของกรมเคลื่อนท่ีเข้าปะทะ, รปู แบบของกองพลตั้งรบั แบบคล่องตัว ฯลฯ สำหรับการปฏิบัติการที่มิใช่สงคราม (OOTW) แผ่นภาพหลักนิยม จะแสดงรูปแบบของการซุ่มโจมตี, การก่อวินาศกรรม ฯลฯ ผนวก ค แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของแผ่นภาพหลัก นยิ ม 2.3 ยุทธวธิ แี ละทางเลอื กในการปฏบิ ตั ิ (Tactics and Options) ทีภ่ ัยคกุ คามจะนำมาใช้ ไดแ้ ก่ : 2.3.1 การดำเนินกลยุทธ์ตามหลักนิยมของหน่วยรองหลักของภัยคุกคาม ซ่ึงโดยปกติแล้วจะพิจารณา หน่วย ขนาดต่ำกวา่ หน่วยเรา 1 ระดับ เช่น หากเราอย่ใู นระดับกองพล จะพจิ ารณาภัยคกุ คามในระดับกรม 2.3.2 การใช้ระบบปฏิบัติการในสนามรบ (BOS) ในการสนับสนุนข้ันตอนต่างๆของการดำเนินกลยุทธ์ ของภัยคุกคาม 2.3.3 ลำดับเหตุการณ์ ซึ่งใช้ในการวางแผนการยุทธ์ตามหลักนิยม และการประสานสอดคล้องของ ระบบปฏบิ ตั ิการในสนามรบ (BOS) เพือ่ สนบั สนนุ ขนั้ ตอนของการดำเนินกลยุทธข์ องภัยคกุ คาม 2.3.4 ทางเลือกในการปฏิบัติ (Options) ที่ภัยคุกคามจะนำมาใช้ เช่น หากเข้าตีประสบความสำเร็จ หรอื หากเขา้ ตลี ้มเหลว เปน็ ตน้ 2.4 เป้าหมายคุ้มค่า (High Value Target ; HVT) กำหนดเคร่ืองมือ ซ่ึง ผบ.หน่วยของภัยคุกคาม จำเป็นต้องมีไว้เพื่อการบรรลุภารกิจเป็นเป้าหมายคุ้มค่า (HVT) ลงในแผ่นภาพหลักนิยม จัดลำดับเป้าหมาย

13 คุ้มค่า (HVT) ตามความสำคัญที่มีต่อการปฏิบัติการของภัยคุกคามที่กำลังพิจารณาอยู่ รวมทั้งความสำคัญของ เป้าหมายท่ีจะเกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติการลงในตารางเป้าหมายคุ้มค่า ซ่ึงได้แบ่งประเภทของเป้าหมายคุ้มค่า ออกเป็น 13 ประเภท (ภาพท่ี 7 แสดงตัวอย่างของตารางเป้าหมายคุ้มค่า) ตารางเป้าหมายคุ้มค่าจะได้รับการ พัฒนาอย่างต่อเน่ือง ตามการพัฒนาของสถานการณ์ท่ีเปลี่ยนแปลงไป ซ่ึงหมายถึงความสำคัญของเป้าหมาย คมุ้ ค่า (HVT) ตา่ ง ๆ จะเปลยี่ นแปลงไปเชน่ กนั 13 ประเภทเป้าหมาย ได้แก่ : 2.4.1 ร ะ บ บ ค ว บ คุ ม , บั งคั บ บั ญ ช า แ ล ะ ก าร ติ ด ต่ อ สื่ อ ส า ร (Command, Control and Communications ; C 3) 2.4.2 ระบบการยิงสนับสนุน เช่น ระบบการค้นหาเป้าหมาย, ระบบกระสุน, เคร่ืองบิน และระบบการ ควบคมุ การยงิ เป็นตน้ 2.4.3 หนว่ ยดำเนินกลยทุ ธ์ 2.4.4 ระบบ ปภอ. 2.4.5 ทหารช่าง 2.4.6 ระบบการลาดตระเวน และเฝา้ ตรวจ 2.4.7 ระบบ นชค. 2.4.8 ระบบสงครามอเิ ลคทรอนกิ ส์ 2.4.9 ท่ตี ั้งคลงั สป.3 และตำบลจ่าย 2.4.10 ทีต่ ้ังคลงั สป.5 และตำบลจ่าย 2.4.11 หน่วยปรนนบิ ตั บิ ำรุง และซ่อมบำรุง 2.4.12 การขนสง่ 2.4.13 เส้นหลักการคมนาคม (Line of communication) เช่น ถนน, สะพาน, สิ่งอำนวยความ สะดวกในการยกขน, สนามบนิ , ทา่ เรอื เป็นต้น ห ่นรวบงเกววลนา ศนู ยก์ ารบงั คบั บญั ชาประสาน จา ักด การเคลอื่ นยา้ ย และการใชก้ องหนนุ กลุม่ เป้าหมาย กาหนดคา่ ศนู ยอ์ านวยการยงิ ท่ีอยใู่ กลเ้ คยี ง X C3 เสน้ ทางทีอ่ านวยความสะดวกใน X X การยงิ สนบั สนนุ การเคลอ่ื นยา้ ยกองหนนุ และ X X X ดาเนินกลยทุ ธ์ เพิ่มเติม สป. ปภอ. กองหนนุ ท่มี คี วามสาคญั อยา่ ง X X คลงั สป.3 วกิ ฤติในการตงั้ รบั คลงั สป.5 รวมอานาจการยงิ เพอื่ สนบั สนนุ การ การซอ่ มบารุง ตงั้ รบั และการใชก้ องหนนุ เขา้ ปฏบิ ตั ิการ X เสน้ หลกั การ ทตี่ งั้ กระสนุ ตถ.และ ป.ซงึ่ ลอ่ แหลม ตดิ ตอ่ สื่อสาร ตอ่ การโจมตี ภาพท่ี 7 : ตารางเปา้ หมายคุ้มคา่

14 2.5 แฟ้มทำเนยี บกำลงั รบ เป็นเคร่ืองมอื ท่สี ำคัญท่ีจะทำความเขา้ ใจการปฏิบัตขิ องภัยคุกคามต่าง ๆ ไดเ้ ป็น อย่างดี แฟ้มทำเนียบกำลังรบจะได้รับการพัฒนาไปอย่างต่อเน่ืองตามข่าวสาร/ข่าวกรองที่ได้รับรายงานเข้ามา และตามสถานการณ์ท่เี ปลี่ยนแปลงไป โดยแฟม้ ทำเนยี บกำลงั รบ ควรมขี อ้ มลู ของภัยคกุ คาม ดังตอ่ ไปนี้ 2.5.1 การจัดกำลัง 2.5.2 การวางกำลงั 2.5.3 อำนาจกำลังรบ 2.5.4 ยทุ ธวิธหี รือรปู แบบการปฏิบตั ทิ ่ีใชอ้ ยู่เสมอ 2.5.5 การฝึก 2.5.6 การสง่ กำลงั บำรุง 2.5.7 ประสิทธภิ าพในการรบ 2.5.8 ขอ้ มูลทางเทคนิค 2.5.9 ขอ้ มูลอ่ืน ๆ (บุคลกิ ลกั ษณะ ผบ.หนว่ ย, นามแฝงหรอื ช่อื จัดตั้ง ฯลฯ) 3. กำหนดขดี ความสามารถของภยั คกุ คาม 3.1 ขีดความสามารถของภยั คกุ คาม คอื หนทางปฏิบัติโดยท่ัวไปและการปฏบิ ัติสนบั สนนุ ซงึ่ ภยั คุกคาม สามารถนำมาใชไ้ ดแ้ ละหากนำมาใช้จะมีผลกระทบตอ่ การปฏิบตั ิการของฝ่ายเรา ซง่ึ โดยปกตแิ ล้วในการปฏบิ ัติ การตามแบบ จะหมายถงึ หนทางปฏบิ ัติในการรุกและรับ ซึง่ มรี ปู แบบการดำเนินกลยุทธท์ แี่ ตกตา่ งกนั ไปมาก มาย เช่น การเคล่อื นท่ีเข้าปะทะ, การลาดตระเวนด้วยกำลงั , การเข้าตเี รง่ ดว่ น, การเข้าตปี ระณตี , การต้ังรบั แบบยดึ พน้ื ท,่ี การตงั้ รับแบบคล่องตัว, การถอนตัว, การรบหน่วงเวลา และการถอย นอกจากนั้นแต่ละแบบของ การดำเนินกลยุทธ์ ยงั มีความแตกตา่ ง ๆ กนั ออกไปอีก เช่นหนทางปฏิบตั ิในการเข้าตี อาจแบง่ ออกเป็น เข้าตี ตรงหน้า, การเข้าตเี จาะ, การเข้าตีโอบปีกเดยี ว, การเข้าตีโอบสองปีก เป็นต้น สำหรับหนทางปฏบิ ัติในการ ปฏบิ ตั ิไม่ตามแบบ ก็มีมากมายเชน่ เดยี วกัน เช่น การใช้ฝงู ชนทั้งแบบรุนแรง และไมร่ ุนแรง, การปฏิบตั ิการก่อ การร้ายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การลอบสงั หาร, การวางระเบดิ , การกอ่ วินาศกรรม ฯลฯ 3.2 การปฏบิ ตั กิ ารสนบั สนนุ หมายถงึ ขีดความสามารถของภัยคุกคามทจี่ ะปฏบิ ัติการเพอ่ื สนับสนนุ หนทาง ปฏิบัติโดยทั่วไป เชน่ การปฏิบตั ิการทางอากาศ, การปฏิบตั กิ ารสงครามอเิ ล็กทรอนิกส์, การรวบรวมขา่ วสาร, การปฏบิ ัติการของทหารช่าง, การโจมตที างอากาศ, การยกพลขึ้นบก, การปฏบิ ตั ิการจิตวทิ ยา, การลวง ฯลฯ 3.3 แฟ้มทำเนียบกำลังรบ เมอื่ ได้พฒั นาแลว้ จะแสดงใหเ้ หน็ สภาพทแ่ี ทจ้ ริงของภัยคกุ คามเปรียบเทยี บกับ ภาพในอุดมคตติ ามหลกั นยิ ม, การจัดกำลงั พลและอาวธุ ยุทโธปกรณ์ ระดับของการฝกึ จะแสดงใหเ้ หน็ ขดี ความสามารถในการรบในเวลากลางคืน, ในสภาพอากาศท่เี ลวรา้ ย, ในภูมปิ ระเทศทีย่ ากลำบาก หรอื ความสามารถในการใช้อาวธุ ยทุ โธปกรณข์ องภยั คกุ คาม ภยั คุกคามอาจจะกระจายกำลงั เป็นแนวกวา้ งมากจนไม่ สามารถรวมกำลงั กันได้อย่างรวดเร็ว หรือระบบควบคมุ บังคบั บัญชาของภัยคุกคามในบางห้วงอาจจะใชก้ ารไม่ ได้ผล หรือฝ่ายภยั คุกคามอาจจะถึงจดุ ผกผัน และขาดแคลนการสนับสนนุ การชว่ ยรบท่สี ำคญั จนไมส่ ามารถ ตอบโต้การปฏิบตั ิได้อยา่ งรวดเร็ว จุดมุง่ หมายในขน้ั นี้ ก็คือ การกำหนดขดี ความสามารถที่แท้จรงิ ของภัย คกุ คามในสถานการณ์ท่กี ำลงั เปน็ อยู่ ซ่งึ แน่ นอนวา่ ย่อมแตกตา่ งกับขดี ความสามารถในทางทฤษฎี ขดี

15 ความสามารถท่แี ท้จรงิ จะเป็นตัวกำหนดวา่ ห/ป. ตามหลักนิยมซึ่งไม่สามารถปฏิบตั ิไดใ้ นสถานการณ์ปัจจุบัน จะตอ้ งมกี ารดัดแปลงอยา่ งไร หรอื ในบาง ห/ป อาจต้องตัดทง้ิ ไป สำหรบั ผลผลิตในข้นั น้ี ก็คอื ห/ป. โดยทว่ั ไป ของภยั คุกคามใดบา้ งทสี่ ามารถปฏิบตั ไิ ดจ้ ริงในสถานการณ์ท่กี ำลงั เผชญิ หน้ากันอยใู่ นขณะนน้ั 3.4 ห/ป. โดยท่วั ไปของภัยคกุ คาม ควรมลี ักษณะดังน้ี : 3.4.1 ข้าศกึ จะมขี ีดความสามารถในการเข้าตีดว้ ยกำลังไม่เกิน 3 กองพลปืนเลก็ ยานยนต์ และ 1 กองพลรถถัง สนบั สนุนด้วย การปฏิบัติการทางอากาศ 80 เท่ยี วบนิ ตอ่ วนั ภายใน 10 วนั 3.4.2 ข้าศึกสามารถต้ังรับแบบยึดพื้นที่ด้วยกำลัง 2 กรมปืนเล็กยานยนต์ได้ใน 29 พ.ค. 3.4.3 ขา้ ศกึ สามารถเพ่มิ เตมิ กำลงั ด้วยการยุทธเคลื่อนทีท่ างอากาศได้ 2 กองพนั ทหารราบ ภายใน 1 วนั 3.4.4 ผลู้ ักลอบขนยาเสพตดิ สามารถตรวจจบั เรดาร์ที่ใช้ในที่ต้ังที่ตรวจการณ์ของเราได้ 3.4.5 ภัยคกุ คามสามารถปฏิบัติการลกั ลอบหนีภาษีได้ 3 จุด ในเวลาเดียวกนั 3.4.6 กลุ่มผูช้ ุมนุมสามารถปดิ การจราจรอย่างเดด็ ขาดได้ 7 สแ่ี ยก 3.4.7 กองพลยานเกราะขา้ ศึก สามารถยดึ ที่หมายทอี่ ยู่ไม่เกินแนว บ.เสอื -บ.สิงห์ ได้เทา่ นน้ั เนื่องจาก น้ำมันเชอ้ื เพลงิ สำรองไมเ่ พียงพอ 3.4.8 ข้าศึกสามารถเข้าตีได้ หลงั จากการเปล่ียนย้ายท่ตี ้งั ของหน่วยรองหลักของกองทพั น้อยท่ี 1 แลว้ จากที่ตั้งในปัจจุบนั ไม่สามารถทำการเข้าตไี ด้ก่อน 9 พ.ค. 3.4.9 ผู้ก่อการรา้ ยจะมกี ำลงั พลเพียงพอที่จะปฏิบัติการเชิงรุกได้ หลังจากเก็บเก่ียวขา้ วเสร็จภายใน 20 วนั นี้ ------------------------------------

16 IPB : ขน้ั ตอนท่ี 4 พจิ ารณาเลอื กหนทางปฏบิ ตั ขิ องภยั คกุ คาม 1. การกำหนดและพฒั นา ห/ป.ที่เปน็ ไปไดข้ องภยั คกุ คาม การกำหนดและพัฒนา ห/ป.ที่เป็นไปได้ของภัยคุกคาม เป็นการประเมนิ คา่ ห/ป.ต่าง ๆ ที่เป็นไปได้ของภัย คุกคาม ตลอดจนกำหนดพ้ืนท่ีหรือการปฏิบัติใด ๆ ท่ีจะเป็นเครื่องยืนยันว่า ห/ป ใด ท่ี ผบ.หน่วยฝ่ายภัย คุกคามจะเลือกปฏิบัติ ซึ่งจะมูลฐานในการกำหนดและพัฒนา ห/ป ของฝ่ายเราต่อไป ในขั้นตอนนี้จะเป็นการ นำข้อมูลทไี่ ด้จากการประเมินคา่ ภัยคุกคามมาสนธิกบั แผ่นบรวิ ารเคร่ืองกดี ขวางผสม (MCOO) และผลผลิตตา่ ง ๆ ในขั้นตอนที่ 2 ของกระบวนการ IPB เพื่อพัฒนาเป็น ห/ป.ต่าง ๆ ท่ีเป็นไปได้ของภัยคุกคาม (ภาพที่ 8) การ พจิ ารณาเลือก ห/ป.ของภัยคกุ คามแบ่งเป็น 5 ขนั้ ตอน ดังนี้ : 1.1 กำหนดที่หมายทีเ่ ป็นไปได้ และผลลพั ธ์ (Endstate) ทภี่ ยั คกุ คามต้องการ 1.2 กำหนด ห/ป. ทเ่ี ปน็ ไปไดท้ ั้งส้ินของภัยคุกคาม 1.3 ประเมินค่า และกำหนดลำดบั ความน่าจะเปน็ ไปได้ของแตล่ ะ ห/ป. 1.4 พฒั นา ห/ป. 1.5 กำหนดแนวทางในรวบรวมขา่ วสารข้นั ต้น 2. กำหนดทห่ี มายที่เปน็ ไปไดแ้ ละผลลัพธ์ (End state) ทภี่ ยั คกุ คามตอ้ งการ 2.1 การกำหนดท่ีหมายและผลลัพธ์ท่ีต้องการ เริ่มด้วยการกำหนดท่ีหมายที่เป็นไปได้ และผลลัพธ์ท่ี ต้องการของภัยคุกคามในระดับท่ีสูงกว่าหน่วยพิจารณา 1 ระดับ หลังจากนั้น กำหนดท่ีหมายที่เป็นไปได้และ ผลลัพธท์ ี่ต้องการของหน่วยรองลงไปจนถึง 2 ระดบั ต่ำกวา่ หน่วยพิจารณา ตวั อย่างเช่น กองพลจะพิจารณา ที่ หมายที่เป็นไปได้ และผลลัพธ์ที่ต้องการของภัยคุกคาม ตั้งแต่ระดับกองทัพน้อย ลงไปจนถึงระดับกองพัน ใน การปฏบิ ัติงานจริงเป็นการยากท่ีงานดา้ นข่าวกรองจะสามารถยืนยันท่ีหมายและผลลัพธท์ ่ีภยั คุกคามตอ้ งการได้ ดังนัน้ จึงต้องมีการกำหนดสมมุติฐานขึ้นเพื่อให้การวางแผนดำเนินต่อไปได้ โดยสมมุตฐิ านท่กี ำหนดขนึ้ ตอ้ งไดร้ ับ การอนุมัติจาก ผบ.ก่อนเสมอ และจะต้องมีการทบทวนสมมุติฐานดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตามภาพข่าวกรองท่ี เปล่ยี นแปลงไป 2.2 รูปแบบของท่ีหมาย ในสงครามตามแบบทห่ี มายของภยั คกุ คามมกั จะกำหนดดว้ ยภูมิประเทศหรอื กำลัง ท่ีหมายภูมิประเทศไม่ว่าจะเป็นที่หมายระหว่างทาง หรือที่หมายข้ันสุดท้าย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นภูมิประเทศ สำคัญ ส่วนท่ีหมายกำลังน้ันปกตจิ ะเปน็ กำลงั ในพื้นทีส่ ่วนหลังหรือกองหนุน 2.3 การปฏบิ ัติการท่ีมิใช่สงคราม (Military Operations Other Than War) ในการปฏิบตั ิที่มิใช่สงคราม ที่หมายและผลลัพธ์ที่ภัยคุกคามต้องการต้องกำหนดขึ้นในทุกระดับ ทั้งหน่วยท่ีสูงและต่ำกว่าหน่วยพิจารณา วัตถุประสงค์ทางด้านเศรษฐกิจ และวัตถุประสงค์ทางด้านการเมือง จะมีอิทธิพลโดยตรงต่อ ห/ป. ของภัย คุกคามในทุกระดับ ในบางสถานการณ์ความสำเร็จของการปฏิบัติการของฝ่ายเราอาจไม่มีผลต่อ ห/ป. ของภัย คุกคามเลย ดังน้ัน การควบคุมหรือแสวงประโยชน์จากสถานการณ์ อาจจะมีผลดีกว่าการตอบโต้ก็เป็นได้ ความสลับซับซ้อนของการปฏิบัติการที่มิใช่สงครามในแต่ละสถานการณ์เป็นส่ิงเฉพาะตัว ไม่มีรูปแบบ ฉะนั้น การศกึ ษารปู แบบของแต่ละสถานการณ์จึงเปน็ ส่งิ ท่ีจำเป็น

17 3. กำหนด ห/ป. ทเี่ ปน็ ไปได้ทง้ั สนิ้ ของภยั คุกคาม 3.1 ในข้ันน้ีจะเป็นการนำเอา ห/ป. โดยท่ัวไปของภัยคุกคาม ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ตามหลักนิยม ซึ่งกำหนด ไว้ในข้ันตอนท่ี 3 ของ IPB (วิเคราะห์ภัยคุกคาม) มาเทียบเคียงกับท่ีหมายที่เป็นไปได้ ห/ป. โดยทั่วไปใดที่ไม่ บรรลุที่หมายดังกล่าวจะถูกตัดท้ิงไปในข้ันตอนนี้ นำ ห/ป. โดยทั่วไปที่เหลือไปสนธิกับผลกระทบของ สภาพแวดล้อมในสนามรบ ซึ่งกำหนดไว้ในข้ันตอนท่ี 2 ของ IPB (อธิบายผลกระทบของสภาพแวดล้อม) จะทำ ให้มองเห็นว่า ห/ป. โดยทั่วไปเหล่านั้นในแต่ละ ห/ป. จะปฏิบัติได้อย่างไร ภายใต้ภูมิประเทศ, สภาพลมฟ้า อากาศ และปจั จยั อื่น ๆ ในสนามรบท่เี ปน็ อยู่ 3.2 ห/ป. โดยทัว่ ไปภัยคุกคามสามารถปฏิบัติได้จากข้ันตอนท่ี 3 ของ IPB เชน่ เข้าตปี ระณีต, เขา้ ตเี ร่งดว่ น, ตัง้ รับ หรือรบหน่วงเวลา จะถูกนำมาพฒั นาเปน็ ห/ป. เฉพาะ โดยการพิจารณาปจั จยั ดงั ต่อไปน้ี ภาพท่ี 8 ผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่มีต่อรปู แบบการปฏบิ ตั ขิ องภัยคุกคาม 3.2.1 เจตนารมณ์หรือผลลัพธ์ที่ต้องการของภัยคุกคาม 3.2.2 ทีห่ มายการเขา้ ตหี รือทหี่ มายในการตโี ต้ตอบที่เปน็ ไปได้ 3.2.3 ผลกระทบของสภาพแวดลอ้ มในสนามรบตอ่ การปฏบิ ัติการ และ ห/ป. โดยท่ัวไป 3.2.4 ความลอ่ แหลม หรอื ความขาดแคลนกำลังพลหรอื อาวุธยุทโธปกรณ์ของภัยคกุ คาม 3.2.5 ทีต่ ้งั การวางกำลังในปจั จบุ ัน 3.2.6 ทต่ี ัง้ ความพยายามหลัก และความพยายามสนบั สนนุ 3.2.7 การรบั รู้ขา่ วสารกำลงั ฝ่ายเรา ของภัยคกุ คาม 3.2.8 การลวงของภยั คุกคาม 3.3 นำแตล่ ะ ห/ป.ของภยั คุกคาม มาวิเคราะหแ์ ละพฒั นา โดยยดึ ถือบรรทดั ฐานดังต่อไปนี้ : 3.3.1 ความเหมาะสม ห/ป. ของภัยคุกคามต้องบรรลทุ ่ีหมายทเ่ี ปน็ ไปได้ หรอื ผลลัพธท์ ภี่ ัยคกุ คาม ตอ้ งการ

18 3.3.2 ความเป็นไปได้ ภัยคุกคามต้องมีทรัพยากร, เวลา, พ้ืนท่ี และหว้ งอากาศเพียงพอทจ่ี ะปฏิบัตติ าม ห/ป. น้ันได้ ควรพิจารณาการออมกำลังและรวมกำลังของภัยคุกคาม เพ่ือให้มีอำนาจกำลังรบเพียงพอในการ ปฏบิ ตั ิตาม ห/ป. ด้วย 3.3.3 การยอมรับได้ อัตราการเส่ียงของแต่ละ ห/ป. ต่อผลที่จะได้รับต้องยอมรับได้ พิจารณาเหตุผลท่ี ภยั คกุ คามจะทำการเสีย่ งทั้งในแงเ่ ก้ือกลู และจำกดั แลว้ บันทกึ ไว้ 3.3.4 ความแตกต่าง แต่ละ ห/ป. ของภยั คุกคามต้องมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นำแต่ละ ห/ป. มาเปรยี บเทียบความแตกต่างกนั ในเร่ืองดงั ต่อไปนี้ : 3.3.4.1 ผลที่จะมตี อ่ การปฏิบัติการของฝา่ ยเรา 3.3.4.2 การใช้กองหนุนหรอื กำลังในระลอกที่สอง 3.3.4.3 ความพยายามหลกั 3.3.4.4 แผนการดำเนินกลยุทธ์ 3.3.4.5 การจัดเฉพาะกจิ 3.3.5 ความเป็นไปตามหลักนิยม ห/ป. ของภัยคุกคามควรเป็นไปตามหลักนิยมหรอื วธิ ีปฏิบตั ิซ่ึงมอี ย่ใู น แฟ้มทำเนียบกำลังรบ ในทางปฏิบัติแล้วจะเป็นการนำเอาหลักนิยมตามทฤษฎีท่ีได้บันทึกไว้มาเทียบเคียงกับ การประยุกต์ใช้หลักนิยมของภัยคุกคามที่เป็นอยู่จริง อย่างไรก็ตามไม่ควรมองข้ามการจู่โจม การพิจารณา บุคลิกลักษณะของ ผบ.หน่วย ฝา่ ยภัยคุกคาม ซึ่งจะทำให้มองเห็นความเป็นไปได้ในการจู่โจม หรือความเป็นไป ไดท้ ่ีภัยคุกคามจะไม่ปฏิบัติตามหลักนิยมของตน 4. ประเมนิ คา่ และกำหนดลำดบั ความนา่ จะเปน็ ไปไดข้ องแตล่ ะ ห/ป. 4.1 ในท้ายที่สุดของกระบวนการ ผบ.ฝ่ายเราต้องการพัฒนาแผนหลักเพียงแผนเดียว เพ่ือเผชิญกับ ห/ป. หน่ึงของภัยคุกคาม และพัฒนาแผนเผชิญเหตุต่าง ๆ ขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์หากภัยคกุ คามเลือก ห/ป. อ่ืน ๆ ดังน้ัน ห/ป. ที่เป็นไปได้ท้ังสนิ้ ของภัยคุกคามต้องได้รับการประเมินค่าและกำหนดลำดับความน่าจะเปน็ ไปได้ โดยดำเนนิ การตามขัน้ ตอนดงั นี้ : 4.1.1 กำหนดจุดแขง็ และจุดอ่อน, จุดศนู ยด์ ลุ ย์ และจดุ แตกหักของแต่ละ ห/ป. 4.1.2 ใหค้ ่าความเหมาะสม, ความเปน็ ไปได,้ การยอมรับได้ และความเป็นไปตามหลักนยิ มของแตล่ ะ ห/ป. 4.1.3 ประเมนิ ค่าผลกระทบของสภาพแวดล้อมทมี่ ีต่อแตล่ ะ ห/ป. ทั้งในแงเ่ ก้อื กูลและจำกดั 4.1.4 กำหนดผลทจ่ี ะไดร้ ับเปรียบเทยี บกับความเส่ียงของแต่ละ ห/ป. 4.1.5 พจิ ารณาโอกาสท่ีจะประสบความสำเร็จด้วยการจู่โจมของแต่ละ ห/ป. 4.1.6 พิจารณาการวางกำลังและการปฏิบัติของภัยคุกคามในปัจจุบันว่า ห/ป. ใดท่ีภัยคุกคามพร้อมที่ จะปฏบิ ตั ิได้ทันที แตต่ อ้ งพงึ ระลกึ ไว้เสมอเกยี่ วกบั เรื่องการลวง 4.2 เปรียบเทียบ ห/ป. ของภัยคุกคามทั้งส้ินด้วยปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้น แล้วจัดลำดับ ห/ป. เหล่านั้น ตามลำดับความน่าจะเป็นไปได้ ลำดับความน่าจะเป็นไปได้น้ีจะได้รับการปรับปรุงเมือ่ ภาพขา่ วกรอง และสถาน- การณ์เปลี่ยนไป นอกจากน้ันแลว้ การเลือก ห/ป. ของฝา่ ยเรา หนทางใดหนทางหนึง่ และผลของการปฏบิ ตั ิตา่ งๆ

19 ในสนามรบต่อภัยคุกคาม อาจทำให้ลำดับความน่าจะเป็นไปไดข้ อง ห/ป. ของภัยคุกคามต้องมีการเปลยี่ นแปลง อกี ครงั้ หนงึ่ 5. พฒั นา ห/ป. 5.1 หลังจากจัดลำดับความน่าจะเป็นไปได้ของ ห/ป.ของภัยคุกคามแล้ว แต่ละ ห/ป. จะถูกนำมาพัฒนาใน รายละเอียดให้ได้มากที่สุดเท่าทเี่ วลาและสถานการณ์จะอำนวยให้ ส่วนมากแลว้ ขั้นตอนน้ีจะไม่พฒั นาทุก ห/ป. เพราะจะทำให้ส้ินเปลืองเวลามาก ผบ. อาจจะกำหนดให้พัฒนา ห/ป. ของภัยคุกคามท่ีน่าจะเป็นได้มากที่สุด และ ห/ป. ของภยั คุกคามที่จะเปน็ อันตรายตอ่ ฝา่ ยเรามากท่ีสุด เพ่ือเปน็ การประหยัดเวลา ถึงขน้ั ตอนนขี้ อง IPB แล้ว เราควรจะได้ ห/ป. ทุกหนทางที่ภัยคุกคามสามารถปฏิบัติได้ ไม่เช่นน้ันแล้ว เราจะไม่รู้จักภัยคุกคามอย่าง แท้จรงิ ห/ป. ของภัยคุกคามทส่ี มบรู ณต์ อ้ งตอบคำถามเหลา่ น้ีได้ : 5.1.1 ทำไม - ทำไมภัยคกุ คามจึงต้องการบรรลทุ ่ีหมายหรือผลลัพธ์ของ ห/ป.นัน้ 5.1.2 อะไร - อะไรคอื รูปแบบของ ห/ป.น้นั (เชน่ เข้าต,ี ตง้ั รบั , เพ่มิ เตมิ กำลัง ฯลฯ) 5.1.3 เม่อื ไร - เวลาทเี่ รว็ ทส่ี ุดที่จะเร่มิ ห/ป.นั้นได้ 5.1.4 ทีไ่ หน - พน้ื ท่ีปฏิบตั กิ าร, เสน้ หลักการรุก, แนวทางเคลอ่ื นท่แี ละที่หมายของ ห/ป.นน้ั 5.1.5 อย่างไร - วิธีการ (เช่น การวางกำลัง, ความพยายามหลัก, แผนดำเนินกลยุทธ์, การสนับสนุน การรบ, การสนับสนุนการช่วยรบ ฯลฯ) ของภัยคุกคาม ซ่ึงจะนำมาใช้ด้วยเครื่องท่ีมีอยู่ ตั้งแต่หน่วยท่ีสูงกว่า หน่วยเราหน่งึ ระดบั ลงไปจนถึงหนว่ ยต่ำกว่าสองระดับ 5.2 ห/ป ของภัยคุกคามซ่ึงไดร้ ับการพฒั นาแลว้ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลกั คอื : - แผ่นภาพสถานการณ์ (Situation template) - ส่วนที่เป็นขอ้ ความของ ห/ป และทางเลือกในการปฏบิ ัตติ ่าง ๆ (Options) - รายการเปา้ หมายคุ้มคา่ (HVT) 5.2.1 แผ่นภาพสถานการณ์ (Situation Template) คือ แผ่นภาพซึ่งแสดงภาพการวางกำลังของ ภัย คุกคามซึ่งน่าจะเป็นในแต่ละ ห/ป. โดยพื้นฐานแล้วเป็นการผสมผสานกันระหว่างแผ่นภาพหลักนิยม (Doctrinal Template) กับผลกระทบของสภาพแวดล้อม เช่น ภูมิประเทศ, สภาพลมฟ้าอากาศ และปัจจัย อน่ื ๆ แผ่นภาพสถานการณ์จะแสดงให้เห็นว่าภัยคุกคามจะประยุกต์ใช้หลักนิยมอย่างไรในแงข่ องการวางกำลัง, ความลึก และความกว้างของการปฏิบัติการ ฝอ.2 ต้องจัดเตรียมแผ่นภาพสถานการณ์ 1 แผ่น หรือมากกว่า สำหรับแต่ละ ห/ป. เพื่อบรรยายสรุปในขั้นตอนการบรรยายสรุปวิเคราะห์ภารกิจ (Mission Analysis brief) แผ่นภาพสถานการณ์โดยปกตแิ ล้วควรแสดงจุดวิกฤติท่ีสำคัญของการปฏิบัติการ ตามท่ีได้รับการประสานจาก ฝอ.3 ให้ครบถ้วนตามต้องการ (ตัวอย่างหนึ่งของแผ่นภาพสถานการณ์ได้แสดงไว้แล้วใน ผนวก ง) การจัดทำ แผน่ ภาพสถานการณค์ วรทำตามข้นั ตอนดังต่อไปน้ี : 5.2.1.1 นำแผ่นภาพหลักนิยม วางทาบทับลงบนแผ่นบริวารเครื่องกีดขวางผสม (MCOO) และ แผน่ ภาพอื่น ๆ ทเี่ ปน็ ผลผลิตจากข้ันตอนท่ี 2 ของ IPB 5.2.1.2 ปรับที่ตั้ง, การวางกำลังบนแผ่นภาพหลักนิยมให้เข้ากับผลกระทบของสภาพแวดล้อมใน สนามรบ และความรู้เก่ียวกับภัยคุกคามในเรื่อง หลักนิยม, ท่ีหมาย, เจตนารมณ์, ความพยายามหลกั , การลวง, การจโู่ จม ฯลฯ โดยต้องแนใ่ จวา่ ไมห่ ลงลืมเครอ่ื งมือใด ๆ ของภัยคุกคาม

20 5.2.1.3 ลงรายละเอียดท่ีเกี่ยวข้อง เช่น พ้ืนท่ีโจมตี, ท่ีหมาย, ท่ีตั้ง และการปฏิบัติของเป้าหมาย คมุ้ คา่ (HVT) ลงบนแผ่นภาพสถานการณ์ 5.2.1.4 พิจารณาขนั้ ตอนการดำเนินกลยุทธ์ของ ห/ป.โดยละเอียด เพื่อกำหนดตำบลซ่งึ ภัยคุกคาม จะเปลี่ยนการปฏิบัติจากรูปแบบหน่ึงไปสู่อีกรูปแบบหน่ึง เช่น พ้ืนท่ีรวมพล เป็นต้น และเพื่อกำหนดว่า ระบบปฏิบตั ิการในสนามรบ (BOS) ของภัยคกุ คามจะสนบั สนนุ การปฏบิ ตั ิการได้อย่างไร 5.2.1.5 ลากเส้นข้ันเวลา (Time Phase Line; TPL) ลงบนแผ่นภาพสถานการณ์ เพ่ือแสดงการ เคล่อื นที่ของกำลังฝา่ ยภัยคุกคามที่คาดไว้ไมว่ ่าจะเป็นการเขา้ ตี, การเคลอ่ื นทีเ่ ขา้ ปะทะ, การตีโต้ตอบ, กองหนุน , กำลังในระลอกสอง, กำลังในทางลึก และในพื้นท่ีส่วนหลัง ฯลฯ เส้นขั้นเวลา (TPL) จะมีพื้นฐานมาจาก อัตราเรว็ ในการเคล่อื นท่ีตามหลักนยิ ม ผสมผสานกับสภาพแวดลอ้ มของสนามรบ, อัตราเร็วในการเคลื่อนท่ขี อง ภัยคกุ คามที่ตรวจพบ และความล่าช้าท่ีคาดว่าจะเกดิ ข้ึนจากการตอบโต้ของฝ่ายเรา โดยไม่ตอ้ งคำนึงถึงเวลาใน การตัดสินใจของภัยคุกคาม พิจารณาเพียงปัจจัยทางกายภาพท่ีจะมีผลต่อการเคล่ือนท่ี เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจู่ โจม ในขั้นต้น เส้นขั้นเวลา (TPL) ต่าง ๆ จะกำหนดเวลาเป็นเวลาสมมติที่คาดไว้เท่านั้น เช่น น.-5 ชม. เม่ือ ทราบเวลาทแี่ ทจ้ รงิ ก็จะนำเวลานน้ั เข้ามาแทนทีไ่ ด้ทนั ที 5.2.1.6 จัดทำแผ่นภาพต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ ห/ป. มีความชัดเจนมากย่ิงข้ึน เช่น ห/ป. ของภัย คุกคามอาจเร่ิมต้นด้วย การเคลอ่ื นทเ่ี ข้าปะทะ แลว้ เปลี่ยนเปน็ การเข้าตีเร่งด่วน และการไล่ติดตาม ซ่ึงจะมีการ ข้ามลำน้ำแบบเรง่ ด่วน ขนั้ ตอนต่าง ๆ เหลา่ นี้อาจแสดงด้วยแผน่ ภาพในทุกข้นั ตอน ภาพท่ี 9 แผน่ ภาพสถานการณ์

21 5.2.1.7 ปรบั ปรุงแผ่นภาพสถานการณ์ใหเ้ หมาะสมกับการบรรยายสรุปสถานการณ์ให้แก่ ผบ. ตาม ความต้องการ ในหน่วยระดับสูงแผ่นภาพสถานการณ์อาจแสดงเก่ียวกับจุดผกผัน, ที่ต้ังสำคัญ ๆ, จุดแตกหัก และการปฏิบัติที่เก่ียวกับจุดศนู ยด์ ุลย์ เป็นสำคัญ แต่ในหนว่ ยระดับลา่ งแผ่นภาพสถานการณ์ควรแสดงให้เห็นถึง หน่วยทางยุทธวิธีต่างๆ, ท่ีต้ัง, การวางกำลัง, พ้ืนที่ปฏิบัติการ, ที่หมาย, เส้นหลักการรุก, เส้นทาง, ท่ีรวมพล, ขั้นของการดำเนินกลยทุ ธ์ เป็นตน้ 5.2.2 ส่วนที่เป็นข้อความของ ห/ป. และทางเลือกในการปฏิบัติต่างๆ (Options) เป็นข้อความท่ี บรรยายภาพการปฏิบัติของภัยคุกคามในแผ่นภาพสถานการณ์ โดยอาจจัดทำเป็นข้อความบรรยายธรรมดาไป จนถงึ ตารางประสานสอดคล้อง ซง่ึ จะแสดงให้เห็นการปฏิบัตติ า่ ง ๆ ของแต่ละหนว่ ย รวมท้งั ระบบปฏิบตั ิการใน สนามรบ (BOS) ในรายละเอียด และควรจะครอบคลมุ ถงึ เวลาท่เี รว็ ทส่ี ุดทีจ่ ะเร่ิมปฏบิ ัตติ าม ห/ป.ได้, การปฏบิ ตั ิ ในห้วงเวลาต่าง ๆ, ขนั้ การปฏิบัติ, การตกลงใจ และจดุ ตกลงใจตา่ ง ๆ ซง่ึ ผบ.หน่วยฝ่ายภยั คกุ คามจะทำการตก ลงใจในระหว่างและหลังจากการปฏิบัติตาม ห/ป. น้ันแล้ว ส่วนข้อความที่จัดทำข้ึนน้ีจะนำไปใช้ในข้ันตอนการ จำลองยทุ ธ์ (War gaming) และพัฒนาไปเป็นแผ่นภาพเหตุการณ์ รวมท้ังการจัดทำรายการสิ่งบอกเหตุอีกด้วย การจดั ทำสว่ นข้อความของ ห/ป. และทางเลอื กในการปฏิบัติตา่ ง ๆ ปฏิบตั ิตาม 3 ข้นั ตอน ดังน้ี : 5.2.2.1 กำหนดเหตุการณ์สำคัญ กำหนดตำบลและเวลาท่ีคาดว่าภัยคุกคามจะปฏิบัติการอย่างใด อย่างหน่ึง หรือจะตกลงใจในระหว่างการปฏิบัติตาม ห/ป. แล้วบันทึกเป็นเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งในแต่ละเหตุ- การณจ์ ะสมั พนั ธ์กับเส้นขน้ั เวลา (TPL) และลักษณะทางภมู ศิ าสตรบ์ นแผ่นภาพสถานการณ์เสมอ 5.2.2.2 กำหนดทางเลือกในการปฏิบตั ิตา่ ง ๆ กำหนดจดุ ตา่ ง ๆ บนสนามรบ ซึ่งภยั คุกคามมีทาง เลือกในการปฏิบตั ิ เชน่ การปฏิบตั ิหลงั จากปฏบิ ัติการอย่างใดอย่างหนึง่ สำเรจ็ หรอื ล้มเหลว (branch or sequel) จดุ ต่าง ๆ เหล่าน้จี ะกำหนดใหเ้ ปน็ จุดตกลงใจ พร้อมท้ังบันทกึ ทางเลือกทั้งสน้ิ ทีม่ อี ยแู่ ละห้วงเวลา รวมท้ังเงอื่ นไขในการตกลงใจทจ่ี ะมีผลต่อการตกลงใจ ณ จุดตกลงใจน้ัน ๆ 5.2.2.3 กำหนดการปฏิบัติของระบบปฏิบัติการในสนามรบ (BOS) กำหนดว่าในแต่ละระบบ ในระบบปฏิบัติการในสนามรบ (BOS) จะสนับสนุนเหตุการณ์วิกฤติต่าง ๆ อย่างไร และท่ีไหน ตลอดจนจุด ตกลงใจทเ่ี ปน็ ไปไดต้ ลอดหว้ งการปฏบิ ตั กิ าร 5.2.3 รายการเป้าหมายคุ้มค่า (HVT) ทบทวนผลของแต่ละระบบของระบบปฏิบัติการในสนามรบ (BOS) ของภัยคุกคามท่ีมีต่อ ห/ป. แล้วนำมาเปรียบเทียบกับรายการเป้าหมายคุ้มค่า (HVT) ซึ่งได้จัดเตรียมไว้ แล้ว จัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายคุ้มค่า (HVT) ใหม่ตามสำคัญของแต่ละระบบที่จะมีผลต่อความสำเร็จ ของแต่ละ ห/ป. กำหนดระบบปฏิบัติการในสนามรบ (BOS) ใด ๆ ท่ีภัยคุกคามมีความจำเป็นต้องใช้ ณ เวลา ขั้นตอน หรือ ในสภาพแวดล้อมใด ๆ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในแต่ละ ห/ป. รวมทั้งเวลาและสถานท่ีท่ี ระบบปฏิบตั ิการในสนามรบ (BOS) จะมีค่าสงู สุดเมื่อนำมาใช้ โดยในขัน้ ตอนต่อ ๆ ไป เวลาและสถานที่เหล่าน้ี กจ็ ะกลายเปน็ เปา้ หมายสนใจ (Target Area of Interest; TAI) และพืน้ ที่โจมตี 6. กำหนดแนวทางในการรวบรวมขา่ วสารขน้ั ตน้ 6.1 แนวทางในการรวบรวมข่าวสารขั้นต้น จะถูกกำหนดข้ึนมาเพื่อระบุให้ได้ว่า ห/ป. ใดที่ภัยคุกคามจะ นำมาใช้ โดยการกำหนดพื้นท่ี และเหตุการณ์หรือการปฏิบัติท่ีสำคัญอันเฉพาะเจาะจง ซึ่งหากปรากฏขึ้นจริง จะเปน็ เครอ่ื งแสดงวา่ ภัยคกุ คามได้เลือก ห/ป.ใดแล้ว พ้นื ท่ีซ่ึงคาดว่าเหตุการณ์หรือการปฏิบตั ิท่ีสำคัญจะเกิดข้ึน

22 เราเรียกว่า “พื้นท่ีสนใจกำหนด” (Named area of interest; NAI) ส่วนการปฏิบัติใด ๆ ซ่ึงจะแสดงถึง ห/ป. ท่ภี ัยคุกคามเลอื กนำมาใชเ้ ราเรยี กวา่ “ส่ิงบอกเหตุ” (Indicator) 6.2 พนื้ ทสี่ นใจกำหนด (NAI) อาจจะเป็นจดุ , เสน้ ทาง หรอื พน้ื ทใี่ ด ๆ ซงึ่ คาดวา่ ภัยคุกคามจะเคลือ่ นทีผ่ า่ น หรอื ปฏิบัตกิ ารใด ๆ ซึ่งจะสามารถยนื ยนั หรอื ปฏิเสธ ห/ป.ของภัยคุกคามได้ โดยพื้นท่สี นใจกำหนด (NAI) จะถกู กำหนดลงบนแผน่ ภาพเหตุการณ์ (Event template) พรอ้ มทั้งกำหนดหมายเลข และจัดลำดับความเร่งดว่ นไว้ ซ่งึ ในภายหลังพ้นื ที่สนใจกำหนด (NAI) เหลา่ นีก้ ็จะกลายเป็นพน้ื ทที่ ่ีสำคญั ในการรวบรวมขา่ วสาร พน้ื ที่สนใจ กำหนด (NAI) อาจจะเป็นลักษณะภูมปิ ระเทศทส่ี ังเกตเห็นไดเ้ ด่นชัดสมั พันธ์กบั เส้นขั้นเวลา (TPL) หรอื พน้ื ที่ โจมตี แตพ่ น้ื ท่ีเหล่านัน้ ควรกว้างขวางเพียงพอทจ่ี ะครอบคลมุ การปฏบิ ตั ิ หรือเหตกุ ารณ์ที่จะใช้เปน็ ส่งิ บอกเหตุ ตัวอยา่ งเชน่ หากภยั คกุ คามจะใช้แนวทางเคลื่อนทน่ี จ้ี ะต้องเคล่ือนที่ผา่ นช่องเขาก่อน ดงั นน้ั ชอ่ งเขาจงึ กลายเปน็ พน้ื ทสี่ นใจกำหนด (NAI) หนว่ ยลาดตระเวนซ่ึงควบคุมชอ่ งเขาจะสามารถยืนยนั ได้ว่าภัยคุกคามจะ เลอื กใช้ ห/ป ซง่ึ ต้องใช้แนวทางเคลื่อนทนี่ ีห้ รือไม่ และเม่ือใด 6.3 พนื้ ทสี่ นใจกำหนด (NAI) อำนวยประโยชน์ต่อระบบการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ โดย : 6.3.1 มุ่งความสนใจไปยังพื้นท่ีซึ่งจะปรากฏการปฏิบัติของภัยคุกคามข้ึน หากภัยคุกคามเลือกปฏิบัติ ตาม ห/ป. ใดหนทางหนงึ่ 6.3.2 ระบุเหตกุ ารณส์ ำคญั ทีจ่ ะเกดิ ขึ้น โดยสามารถกำหนดเวลา และสถานที่ทจ่ี ะเกิดข้ึนได้ 6.3.3 พิสูจน์ทราบเจตนารมณ์ของภัยคุกคาม โดยการเทียบเคียงเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในพื้นท่ีสนใจ กำหนด (NAI) ตา่ ง ๆ 6.4 แผ่นภาพเหตุการณ์ (Event template) ความแตกต่างระหว่างพื้นท่ีสนใจกำหนด (NAI), สิ่งบอกเหตุ และเส้นขั้นเวลา (TPL) ของแต่ละ ห/ป. เป็นรูปแบบพื้นฐานขั้นต้นในการจัดทำแผ่นภาพเหตุการณ์ แผ่นภาพ เหตุการณ์จะแสดงพื้นที่ที่จะรวบรวมข่าวสารซึ่งจะช้ีให้เห็นว่าภัยคุกคามเลือกใช้ ห/ป.ใด ซึ่งจะเป็นแนวทางใน การรวบรวมข่าวสาร และการทำแผนลาดตระเวนและเฝ้าตรวจต่อไป (ตัวอย่างของแผ่นภาพเหตุการณ์ และ ตารางเหตุการณไ์ ด้แสดงไวแ้ ลว้ ในผนวก จ) การจดั ทำแผ่นภาพเหตุการณ์ มี 3 ขั้นตอนดงั นี้ 6.4.1 วเิ คราะหแ์ ตล่ ะ ห/ป. เพอื่ กำหนดพน้ื ท่ีสนใจกำหนด (NAI) ภาพที่ 10 : การเทยี บเคยี ง ห/ป ตา่ ง ๆ ของภยั คกุ คามเพอ่ื จัดทำแผน่ ภาพเหตุการณ์

23 6.4.2 กำหนดพื้นที่ ซ่ึงการดำเนนิ กลยุทธ์และการปฏิบัตขิ องเป้าหมายคมุ้ ค่า (HVT) จะเกิดขึ้น หากภัย คุกคามเลือก ห/ป.นั้น กำหนดพ้ืนท่ีและเวลา ซ่ึงคาดว่าภัยคุกคามจะตกลงใจเพ่ือปฏิบัติตามทางเลือกในการ ปฏิบัติ (Options) ในระหว่างการปฏิบัติตาม ห/ป. ซ่ึงพ้ืนที่และเวลาต่าง ๆ เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนจุดตก-ลงใจ เพ่ือปฏิบัติตามทางเลือกในการปฏบิ ัติตา่ ง ๆ เช่น การเข้าปฏิบัตกิ ารของกำลังในระลอกทีส่ องเพื่อเพ่ิมเตมิ กำลัง ใหก้ บั กำลังในระลอกแรก หรือการขยายผลของความสำเรจ็ ซ่ึงไมค่ าดฝนั มากอ่ นโดยใช้กองหนุน 6.4.3 นำพ้ืนที่สนใจกำหนด(NAI) และส่ิงบอกเหตุของทุก ห/ป.มาเทียบเคียงกันเพ่ือหาความแตกต่าง เน่ืองจากพื้นท่ีสนใจกำหนด (NAI) และส่ิงบอกเหตุที่แตกต่างกันจะชี้ให้เห็นถึง ห/ป ที่ภัยคุกคามนำมาใช้หลัง จากนั้นนำพื้นทเี่ หล่านบี้ ันทกึ ลงในแผน่ ภาพเหตุการณ์ 6.5 ตารางเหตุการณ์ (Event Matrix) ตารางเหตุการณ์เป็นตารางท่ีจัดทำขึ้น เพ่ือสนับสนุนแผ่นภาพ เหตกุ ารณ์ โดยจะให้รายละเอียดเกย่ี วกบั การปฏิบัติทคี่ าดว่าจะเกิดขึ้นในแต่ละพื้นท่ีสนใจกำหนด (NAI), เวลาท่ี คาดวา่ จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตลอดจนความสัมพันธ์กับเหตุการณ์อ่ืน ๆ ในสนามรบ ตารางเหตุการณ์นอกจากจะ เป็นมูลฐานในการจัดทำแผนรวบรวมข่าวสารแลว้ ยังเป็นเครื่องมือช่วยในการติดตาม และพัฒนาสถาน-การณ์ อกี ดว้ ย (ผนวก จ) หมายเลข ไม่เรว็ กวา่ ไม่ช้ากวา่ ส่ิงบอกเหตุ NAI ( ช.ม. ) NAI 1 น - 7 น - 2 ทหารชา่ งเตรยี มทีต่ งั้ ยงิ ป. NAI 1 น - 2 น - 30 นาที ป. เขา้ ที่ตงั้ ยงิ NAI 1 น - 1 น - 15 นาที ป. ยงิ เตรยี ม NAI 2 น - 2 น - 1.5 หน่วย ลว. เรม่ิ ลาดตระเวนเสน้ ทาง NAI 2 น - 30 นาที น - 30 นาที รอ้ ย.อวบ. ( + ) จดั รูปขบวนรบ ภาพท่ี 11 : ตารางเหตกุ ารณ์ 6.6 เหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดข้ึนในแต่ละพ้ืนที่สนใจกำหนด (NAI) ในแผ่นภาพเหตุการณ์ ซึ่งเราเรียกว่า “ส่ิงบอกเหตุ” จะแสดงไว้ในตารางเหตุการณ์พร้อมด้วยเวลาที่คาดว่าส่ิงบอกเหตุน้ันจะเกิดขึ้น ซึ่งสามารถ กำหนดได้จากเส้นข้ันเวลา (TPL) จากแผ่นภาพสถานการณ์ โดยปกตคิ วามแตกต่างระหว่าง ห/ป. จะตรวจพบ ในพ้นื ที่สนใจกำหนด (NAI) ทแี่ ตกต่างกัน แต่ในบางครั้งพนื้ ท่ีสนใจกำหนด (NAI) เดียวกันอาจแสดงถึง ห/ป. ที่ แตกต่างกันได้ หากพื้นท่ีสนใจกำหนด (NAI) นั้นมีเส้นข้ันเวลา (TPL) หรือส่ิงบอกเหตุท่ีต่างกัน ดังนั้นการ พิจารณาความแตกต่างระหว่างการปฏิบัติการลวงกบั สิ่งบอกเหตขุ อง ห/ป. จึงเป็นเรื่องท่ไี ม่ควรละเลย 6.7 แผ่นภาพเหตุการณ์ จะช่วยในการวิเคราะห์ลำดับการปฏิบัติที่น่าจะเกิดข้ึนในแต่ละ ห/ป.ของภัย คุกคาม และความสัมพันธ์ของการปฏิบัติเหลา่ น้ัน แผ่นภาพเหตกุ ารณ์เปน็ หน่ึงในผลผลิตหลักของกระบวนการ IPB ซ่งึ จะใช้เปน็ มลู ฐานในการจำลองยุทธ์ (War gaming ) กับ ห/ป ของฝ่ายเรา ต่อไปปรบั ปรุง ห/ป.

24 6.8 ห/ป. ของภยั คุกคามต่าง ๆ จะไดร้ ับการปรับปรุงในข้ันตอนท่ี 3 ของกระบวนการแสวงข้อตกลงใจ (ข้ัน การวิเคราะห์ ห/ป ในขั้นตอนการจำลองยุทธ์) ผลของการจำลองยุทธ์ (War gaming) จะทำให้เกิดการ ปรับปรุงแผ่นภาพเหตุการณ์ และผลผลิตท่ีเรียกว่า “แผ่นภาพตกลงใจ” (Decision Support template; DST) แผ่นภาพตกลงใจ (DST) จะใช้ข้อมูลจากแผ่นภาพเหตุการณ์ กำหนดจุดตกลงใจ (Decision Point; DP) ต่าง ๆ ขึ้น เพ่ือให้ ผบ.ฝ่ายเราสามารถตกลงใจเพ่ือตอบโต้การปฏิบัติของภัยคุกคามและเหตุการณ์วิกฤติที่จะ เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม นอกจากน้ันแผ่นภาพตกลงใจ (DST) ยังแสดงพื้นท่ีต่าง ๆ ท่ีเหมาะสมต่อการโจมตี เป้าหมายเพ่ือสนบั สนุนการปฏิบตั กิ ารในระยะใกล้และการปฏิบัติการทางลกึ (Close and deep Operations) แผน่ ภาพ 8 DP DP = จดุ ตกลงใจ ตกลงใจ 7 TAI = พน้ื ทเ่ี ป้ าหมาย TAI ทก่ี าหนด(พจต) 8 น+4 นข. แดง น+5 DP (จุดตกลงใจ)ระบบปฏิบัติ หมายเลข 6 หมายเลข 7 เวลาการในสนามรบ การปฏบิ ตั ขิ องขา้ ศึก น+ 2 น+ 4 การขา่ ว ขศ.ตงั้ รบั ทาง ต/อ ของ กรม ปล.ยน. ดาเนนิ กลยทุ ธ์ นข.แดง 1- 2 พนั .ร. ตโี ตต้ อบ ยิงสนบั สนนุ UAV ลาดตระเวน NAIs ม/2 รวบรวมฯ 21,22,23,24,26 ฮ.จต. โจมตี TAI 7 เปล่ียนจาก กองพนั น+5 แถวหนา้ กระดาน เป็ น แถวตอน น.+5 TAI 7 รบกวน C2 พนั ปล.ยน., ภาพท่ี 12 แผน่ ภาพตกลงใจและตารางตกลงใจผลผลติ จากการจำลองยทุ ธ์ (WAR-GAMING) โดยข้อมูลท่ีจำเป็นต่อการตกลงใจในการโจมตี หรือตอบโต้ต่อเป้าหมายภัยคุกคามจะบรรจุไว้ในแผ่นภาพ ตกลงใจ (DST) และตารางตกลงใจ (Decision Support Matrix) ซึ่งตารางน้ีจะแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ ระหวา่ งจดุ ตกลงใจ (DP) และเปา้ หมายสนใจ (Target Area of Interest; TAI) 6.9 เปา้ หมายสนใจ (Target Area of Interest; TAI) คือจุดหรือพื้นท่ี (โดยปกตแิ ลว้ จะอย่ตู ามชอ่ งทาง เคลอ่ื นที่) ซง่ึ หากฝา่ ยเราสามารถปฏบิ ตั ิการขัดขวางไดส้ ำเร็จ ไมว่ ่าจะดว้ ยการดำเนินกลยทุ ธ์, การยงิ หรือการ รบกวน จะให้ขดี ความสามารถของกำลงั ฝ่ายภัยคุกคามท่ีเปน็ เปา้ หมายนนั้ หมดลง หรือลดลงอย่างเห็นได้ชดั ฝอ.2, ฝอ.3 และนายทหารการยิงสนบั สนุน จะรว่ มกนั พิจารณากำหนดเป้าหมายสนใจ (TAI) ขึน้ โดย ฝอ.2 จะ พิจารณาในเรื่องกำลงั ฝา่ ยภยั คุกคาม และผลของการปฏิบัติการขัดขวางทจ่ี ะมีตอ่ ขดี ความสามารถของ ภยั คกุ คาม ในขณะท่ี ฝอ.3 และนายทหารการยิงสนับสนุนจะพจิ ารณาถงึ ขีดความสามารถและทรัพยากรทมี่ ีอยู่ ในการขดั ขวางผลของการปฏิบัตกิ ารขัดขวางทีจ่ ะมผี ลต่อการบรรลุภารกจิ ของฝ่ายเรา และความเร่งดว่ นในการ ใชท้ รัพยากรทม่ี ีอยู่

25 6.10 จุดตกลงใจ (Decision Point ; DP) หลังจากได้เลือกเป้าหมายสนใจ (TAI) แล้ว ก็ต้องกำหนดจุดตก ลงใจ (DP) จุดตกลงใจ คือจุด หรือแนว (โดยปกตแิ ลว้ จะอยู่ตามชอ่ งทางเคลอื่ นที่) ซ่ึง ผบ.หน่วยต้องการการตก ลงใจ หากกำลงั ฝา่ ยเราหรอื ฝา่ ยภัยคุกคามปรากฏ ณ จดุ หรือแนวนนั้ จดุ ตกลงใจอาจจะสัมพนั ธก์ ับเป้าหมาย สนใจ (TAI) หรอื เป็นอสิ ระก็ได้ ในกรณีสัมพันธ์กับเป้าหมายสนใจ (TAI) จุดตกลงใจ (DP) จะเป็นจดุ สุดท้าย ซ่ึง ผบ.หน่วย ต้องตกลงใจว่าจะโจมตีต่อเป้าหมายสนใจ (TAI) น้ันหรือไม่ จุดตกลงใจ (DP) จะกำหนดด้วยการ พจิ ารณาเวลาท่ีต้องการใช้ในการปฏิบัติตามการตกลงใจ, อตั ราเรว็ ในการเคลือ่ นที่ของภัยคุกคาม และระยะทาง เชน่ หากกองหนุนของเราต้องใช้เวลา 20 นาทีนับแตไ่ ด้รบั คำส่ังในการเขา้ ตีโต้ตอบ ณ ตำบลตีโต้ตอบหน่ึง ซ่ึง เราได้กำหนดให้เป็นเป้าหมายสนใจ (TAI) ไว้ ดังน้ัน จุดตกลงใจ (DP) เพ่ือเริ่มการตีโต้ตอบ ควรเป็นจุดซ่ึงภัย คุกคามอยู่หา่ งจากตำบลตโี ตต้ อบ หรือเปา้ หมายสนใจ (TAI) น้ัน เป็นเวลาอย่างนอ้ ย 20 นาที จุดตกลงใจ (DP) บนแผ่นภาพตกลงใจ (DST) ไม่ได้แสดงว่าตกลงใจจะปฏิบัติอะไร แต่จะแสดงจุดหรือเวลาสุดท้ายซ่ึงต้องการ การตกลงใจเท่าน้ัน จึงสรุปได้ว่าความสัมพันธ์ของพ้ืนที่สนใจกำหนด (NAI), เส้นข้ันเวลา (TPL), เป้าหมาย สนใจกำหนด (TAI) และจุดตกลงใจ (DP) บนแผน่ ภาพจะชว่ ยสนบั สนุนการตกลงใจของ ผบ. -----------------------------

26 IPB กบั การนำไปใช้ 1. ใครจดั ทำ IPB 1.1 กำลังพลทุกนายในกองทัพบก จัดทำ IPB ในรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น พล.ปล. จะพิจารณาการปฏิบัติที่ เป็นไปได้ของทหารฝ่ายตรงข้าม ซึ่งคาดว่ากำลังจะเข้าปะทะ ตลอดจนภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศท่ีเป็นอยู่ จะมีผลอย่างไรกับตัวเขาและฝ่ายตรงข้าม หรือ ผบ.ร้อย ถ. จะพิจารณาว่า พัน.ถ. ของฝ่ายตรงข้าม ซึ่ง เผชิญหน้าอยู่น้ันจะสามารถปฏิบัติอย่างไรได้บ้าง และพื้นที่ปฏิบัติการจะมีผลอย่างไรต่อ ห/ป ของฝ่ายตรง ขา้ ม รวมทั้งจะส่งผลอย่างไรต่อความสำเร็จในภารกิจของเขา ทั้งสองตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วคงแสดงให้เห็นถึง การใช้ IPB อย่างไม่เป็นทางการท้ังในแง่ของการกำหนดผลของสภาพแวดล้อมและการกำหนด ห/ป. ของภัย คุกคามซึ่งเป็นเรื่องของสามัญสำนึก (Common Sense) เพียงแค่ได้รับการศึกษาเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อยก็ สามารถทำได้ 1.2 ในหน่วยที่ใหญ่ข้ึนความต้องการในรายละเอียดของ IPB ย่อมเพิ่มขึ้น IPB อย่างไม่เป็นทางการของ ผบ.ร้อย ถ. ทำเพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามน่าจะปฏิบัติอย่างไรในระหว่างการปะทะ แต่ IPB ในระดับกองพลควร จะต้องมี : 1.2.1 การวเิ คราะห์สภาพภูมปิ ระเทศในรายละเอยี ด 1.2.2 สรปุ ลมฟ้าอากาศ 1.2.3 การศึกษาในรายละเอียดของภยั คุกคาม (ยทุ โธปกรณ,์ หลักนิยม) 1.2.4 รปู แบบ ห/ป. ของภยั คุกคามทส่ี มบรู ณ์ ซึ่งจะแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ห/ป.ของภยั คกุ คามทุกหนทางท่ี เปน็ ไปได้ 1.3 ในหน่วยระดับกองพันข้ึนไป อย่างน้อยท่ีสุดควรท่ีจะจัดทำ IPB อย่างเป็นทางการให้ได้ ถึงแม้จะไม่ สมบูรณ์นักก็ตาม ฝอ.2 มีความรับผิดชอบทางฝ่ายอำนวยการต่อ IPB ของหน่วย ซึ่งจะสนับสนุนกระบวนการ แสวงข้อตกลงใจ แต่ไม่ได้หมายความว่า ฝอ.2 จะเป็นเพียงผู้เดียวที่จัดทำหรือเข้าใจ หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ใช้ IPB 1.4 ผบ.และฝ่ายอำนวยการทุกนาย จะต้องเข้าใจและสามารถนำ IPB ไปใช้ได้ในระหว่างการวางแผน กระบวนการ IPB จะแสดงให้เห็นถึง \"ข้อเท็จจริง\" และ \"สมมุติฐาน\" (Assumption) ของสนามรบ และภัย คุกคาม นอกจากนั้น IPB ยังช่วยในการกำหนด ห/ป. ของฝ่ายเรา ตลอดไปจนถึงข้ันตอนการจำลองยุทธ์ (Wargaming Process) และขั้นตอนการเปรยี บเทียบและปรับปรุงหนทางปฏิบัติ ถึงแม้ ฝอ.2 จะรับผิดชอบใน การจัดทำ IPB ของหน่วยก็ตาม แต่ ฝอ.2 คงไม่สามารถที่จัดทำได้อย่างสมบูรณ์ตามท่ีหน่วยต้องการได้ ผบ. และฝ่ายอำนวยการทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องคิดคำนึงอยู่ตลอดเวลา ถึงผลกระทบของสภาพแวดล้อมท่ีจะมีต่อ การปฏิบัติของทั้งสองฝ่าย นอกจากน้ัน ฝ่ายอำนวยการทุกฝ่ายควรที่จะได้จัดเตรียมรายละเอียดของ IPB ใน สว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับงานของตนไวใ้ ห้พร้อม เช่น : 1.4.1 นายทหารสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW officer) ของกองพลจะต้องปรบั ปรุงผลผลติ ของ IPB เพื่อให้ครอบคลมุ การจดั เตรยี มสนามรบด้านอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic preparation of the Battlefield)

27 1.4.2 ผบ.รอ้ ย ช. สนบั สนนุ กรม จะนำรปู แบบ ห/ป ของภัยคุกคามมาพฒั นา ห/ป ที่เป็นไปได้ของ ภยั คกุ คามในการใช้เครอ่ื งกดี ขวาง และการรื้อถอนเครื่องกีดขวาง 1.4.3 สว่ นตอ่ ต้านขา่ วกรอง จะวิเคราะห์ผลผลติ IPB เพือ่ มุ่งค้นหาระบบข่าวกรอง และขีดความ สามารถ ในการรวบรวมข่าวสารของภยั คุกคาม 1.4.4 นายทหารป้องกนั ภยั ทางอากาศ จะใช้ IPB เป็นมลู ฐานในการพฒั นา รูปแบบ ห/ป.ทางอากาศ ของภัยคุกคาม รวมทัง้ แผ่นภาพเหตุการณ์ พร้อมตารางเหตุการณ์ เพื่อสนบั สนนุ แผน่ ภาพเหตกุ ารณห์ ลกั 1.4.5 ฝา่ ยอำนวยการดา้ นการชว่ ยรบ จะพัฒนา IPB มงุ่ ไปสภู่ ารกิจการช่วยรบ และจัดทำ IPB สำหรับงานโดยเฉพาะของตนในแต่ละสายงาน 1.4.6 นายทหารเคมี จะพฒั นารปู แบบ ห/ป ของภัยคกุ คาม เพื่อคน้ หา ห/ป.ในการใชอ้ าวุธ นชค.ของ ภยั คกุ คาม ซึ่งจะนำไปส่กู ารปรับปรงุ แผนการลาดตระเวน นชค. และการหลกี เล่ยี งพนื้ ทเ่ี ปื้อนพิษท้ังทางเทคนิค และทางยุทธวธิ ี 2. หลักการ IPB และการนำไปใช้ 2.1 หลักการ IPB มีเหตุมผี ล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกสถานการณใ์ นทุกระดบั หน่วย การประยุกต์ หลักการ IPB เพื่อนำไปใชจ้ ะแตกต่างกนั ไปตามภารกิจ, ขา้ ศึก, ภมู ปิ ระเทศ, หน่วยทหาร และเวลาท่มี ีอยู่ (METT-T) หลักการ IPB ตอ้ งการ : 2.1.1 การวิเคราะหผ์ ลกระทบของสภาพแวดล้อมของสนามรบที่มีต่อการปฏิบัตขิ องทัง้ สองฝ่าย 2.1.2 การกำหนด ห/ป. ท่เี ป็นไปได้ของภัยคกุ คามพรอ้ มท้งั ลำดับความเปน็ ไปได้ท่ีภยั คุกคามจะ นำ ห/ ป.เหลา่ นัน้ มาใช้ 2.1.3 การพิสูจน์ทราบเคร่อื งมือแห่งความสำเรจ็ ของภัยคุกคามใน แต่ละ ห/ป.(HVT) และสิ่งเหลา่ น้ัน จะปรากฏท่ีใดในสนามรบ (TAls) 2.1.4 กำหนดส่ิงบอกเหตุ และตำบลทจ่ี ะรวบรวมข่าวสาร เพอื่ ยืนยันหรอื ปฏิเสธ ห/ป.ของภยั คกุ คาม 2.2 ในทางปฏิบัติแล้ว การนำ IPB ไปใช้ เราอาจจะใช้ภาพสเกตซ์แทนการใช้แผ่นบริวาร เพื่อแสดงผล กระทบของสภาพแวดล้อมของสนามรบ หรือ ห/ป. ที่เป็นไปได้ของภัยคุกคาม ทั้งน้ี ข้ึนอยู่กับสถานการณ์ที่ แตกต่างกันออกไป นั่นคอื รูปแบบและวิธกี ารนำเสนอข้อมูลรายละเอียดในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการ IPB จะขน้ึ อยูก่ บั ปจั จยั METT-T, นโยบาย และระเบียบปฏิบตั ิของหนว่ ย 3. IPB กบั ประมาณการขา่ วกรอง ฝอ.2 จะตอ้ งจดั ทำประมาณการข่าวกรองใหแ้ ลว้ เสร็จกอ่ นการประมาณการของฝ่ายอำนวยการอื่น ๆ เพราะว่าประมาณการข่าวกรองจะเป็นมูลฐานในการกำหนดข้อเทจ็ จรงิ และสมมตุ ฐิ านของกระบวนการแสวง ขอ้ ตกลงใจ อีกทั้งยังเปน็ พ้ืนฐานของการประมาณการของฝา่ ยอำนวยการอนื่ ๆ อีกดว้ ย ผลผลิตของ IPB เป็น พ้นื ฐานของการจัดทำประมาณการขา่ วกรอง ในกรณีที่ ฝอ.2 ไม่มเี วลาพอท่ีจะจัดทำประมาณการข่าวกรองเป็น ลายลกั ษณ์อกั ษร ก็อาจจะใช้แผน่ ภาพซง่ึ แสดงผลของการประเมินค่าและการวิเคราะห์ จาก IPB ทดแทนได้ หัวขอ้ ที่ 1 ภารกิจ : กจิ แถลงใหม่ หัวข้อท่ี 2 พ้ืนที่ปฏิบัติการ : ได้มาจากขั้นที่ 2 ของกระบวนการ IPB การอธิบายผลกระทบของ สภาพแวดลอ้ ม หัวข้อย่อยที่สำคัญที่สดุ ของขอ้ น้ี ก็คือ \"ผลของพืน้ ท่ีปฏิบัติการต่อหนทางปฏบิ ัติของภัยคุกคาม\"

28 และ \"ผลของพื้นทป่ี ฏบิ ัติการที่มีต่อหนทางปฏบิ ัติของฝ่ายเรา\" นั่นคือ การอธบิ ายผลกระทบของสภาพแวดล้อม ของสนามรบทมี่ ตี ่อการปฏิบตั ิของทั้งสองฝ่าย หัวข้อที่ 3 สถานการณ์ข้าศึก : จากข้ันที่ 3 ของกระบวนการ IPB การประเมินค่าภัยคุกคาม ซ่ึงจะ กลา่ วถงึ สง่ิ ทเ่ี รารเู้ กย่ี วกับภัยคุกคาม (ข้อเทจ็ จริง) และผลของการวิเคราะห์ขอ้ เท็จจรงิ ดังกลา่ ว ซึ่งจะกำหนดให้ เปน็ สมมตุ ิฐานการปฏบิ ตั ิทีเ่ ป็นไปไดข้ องภัยคุกคาม หัวข้อท่ี 4 ขีดความสามารถของข้าศึก : กล่าวถึง ห/ป ที่ภัยคุกคามสามารถปฏิบัติได้ ซ่ึงควรจะ เหมือนกับรูปแบบ ห/ป. ของภยั คุกคาม ซ่ึงได้จดั พัฒนาขึน้ ในข้ันที่ 4 ของ IPB หัวข้อที่ 5 สรุป : ได้มาจากการวิเคราะห์ต่าง ๆ ในขั้นตอนของ IPB ซ่ึงจะสรุปผลกระทบของ สภาพแวดล้อมของสนามรบท่ีมีต่อ ห/ป. ฝ่ายเรา และที่มีต่อ ห/ป.ของภัยคุกคาม, ห/ป. ของภัยคุกคาม ตามลำดบั ความเป็นไปได้ และความล่อแหลมของภัยคกุ คามท่ีฝา่ ยเราอาจแสวงประโยชน์ได้ 4. IPB กบั กระบวนการแสวงขอ้ ตกลงใจ ผบ.และฝ่ายอำนวยการ ใช้กระบวนการแสวงข้อตกลงใจในการเลือก ห/ป.ของฝ่ายเรา และพัฒนาไปเป็น แผน/คำสั่งยุทธการ หรือคำส่ังเป็นส่วน ๆ เพ่ือนำไปปฏิบัติ ผลผลิตของ IPB ซึ่งเป็นส่วนหน่ึงของประมาณการ ขา่ วกรอง เป็นส่วนสำคัญย่ิงของกระบวนการแสวงข้อตกลงใจ โดย IPB จะมบี ทบาทสำคัญตัง้ แต่ก่อนรับภารกิจ และในขน้ั ตอนการวเิ คราะห์ภารกิจ ตลอดจนขนั้ ตอนต่อ ๆ ไป ของกระบวนการแสวงข้อตกลงใจ กระบวนการแสวงข้อตกลงใจเป็นกระบวนการที่ต่อเน่ืองจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายอำนวยการจะปรับปรุงประมาณการของตนไปตามความก้าวหน้าของการยุทธ์ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุง ห/ป.ของฝ่ายเรา เพื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เปล่ียนแปลงไปได้อย่างทันท่วงทีในทำนองเดียวกัน IPB ซึ่งเป็น สว่ นสำคัญในการสนับสนนุ กระบวนการแสวงข้อตกลงใจ ก็ต้องพัฒนาไปตามผลการดำเนินกรรมวิธีต่อข่าวสาร ท่ไี ดร้ บั มาใหม่ กบั ขอ้ เท็จจริงที่มีอยู่แลว้ หรอื สมมตุ ฐิ านทไ่ี ดก้ ำหนดไว้ เชน่ กนั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกระบวนการ IPB กบั แต่ละขน้ั ตอนของกระบวนการแสวงข้อตกลงใจมีดังน้ี การปฏิบัตขิ อง ผบ. และ ฝอ.(กรรมวธิ ีแสวงขอ้ ตกลงใจ) . แผน่ บริวารยุทธการ ประกอบคาส่งั ยุทธการ ท1่ี /40 xxx ขัน้ วิเคราะห์ ทม.1 หนทาง ขนั้ วิเคราะห์ ขนั้ พัฒนา ปฏบิ ัติ ทาคาส่งั แผน/ ทม.2 ภารกจิ หนทาง ยุทธการ คาส่งั ปฏบิ ัติ ยทุ ธการ ทม.3 xxx . แผนรวบรวม ขา่ วสาร แผ่นภาพเหตุการณ์ หนทางปฏิบตั ิ ของข้าศกึ # 1 ตารางประสานสอดคล้อง{ HVTs ดา้ นการข่าว ห/ป ขา้ ศกึ ท่ีปรบั ปรุง, ห/ป ขา้ ศกึ จดั ลาดบั ความเรง่ ดว่ น น น+1 น+2 น+3 น+4 ทเ่ี ป็นไปได้ และรา่ งแผน่ ภาพเหตกุ ารณ์ UAV ม/30 แผนรวบรวมข่าวสาร

29 ภาพท่ี 13 : ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง IPB กบั กระบวนการแสวงขอ้ ตกลงใจ 4.1 ขนั้ การวเิ คราะหภ์ ารกจิ 4.1.1 ในข้นั นี้ IPB จะทำให้ ผบ.ไดท้ ราบถงึ ข้อเท็จจริงของสนามรบ และสมมุติฐานการปฏิบัติของกำลัง ฝา่ ยเราและภัยคุกคาม เม่ือเผชิญหน้ากนั ในสนามรบ การกำหนดผลกระทบของสภาพแวดล้อมของสนามรบจะ แสดงให้เห็นสภาพจำกัดที่จะมีต่อ ห/ป.ของฝ่ายเรา ซ่ึงอาจนำไปสู่การกำหนดกิจแฝงต่าง ๆ นอกจากน้ันจะ แสดงให้เห็นสภาพท่ีเกื้อกูลท่ีเป็นอยู่ในสนามรบ เช่น แนวทางการเคลื่อนที่, พื้นที่โจมตี (Engagement Area) หรือ พื้นท่ีสง่ ลง/รอ่ นลง ฯลฯ ซ่งึ ฝา่ ยอำนวยการสามารถนำไปใช้ในการพัฒนา ห/ป. ของฝา่ ยเราและนำไปใช้ใน การประมาณการของตน 4.1.2 ขีดความสามารถและความล่อแหลมของภัยคุกคาม ซึ่งจัดทำข้ึนในข้ันการประเมินค่าภัยคุกคาม จะช่วย ผบ.และฝ่ายอำนวยการในการกำหนดสมมุติฐานเก่ียวกับรูปแบบของการปฏิบัติที่เป็นไปได้ของฝ่ายเรา นอกจากนั้นแล้วการวิเคราะห์ภัยคุกคามยังช่วยให้ข้อมูลเก่ียวกับที่ต้ัง, การวางกำลัง, การปฏิบัติท่ีผ่านมาของ ภัยคกุ คาม ฯลฯ ซงึ่ ฝา่ ยอำนวยการมีความจำเป็นตอ้ งใช้ในการจัดทำประมาณการและวางแผนงานในหน้าทีข่ อง ตน 4.1.3 รูปแบบ ห/ป. ของภัยคุกคาม ซึ่งพัฒนาขึ้นในข้ันที่ 4 ของ IPB จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนา ห/ป. ของฝ่ายเราและเป็นการส้ินสุด ข้ันตอนของการประมาณการข่าวกรอง กระบวนการ IPB จะแสดงให้เห็น ความต้องการข่าวกรองเก่ียวกับสภาพแวดล้อมของสนามรบ และสถานการณ์ของภัยคุกคาม ผบ.จะนำความ ต้องการข่าวกรองดงั กล่าวนี้ประกาศเป็นความตอ้ งการข่าวกรองขั้นต้น ในข้นั การใหแ้ นวทางในการวางแผน 4.2 ขน้ั การพฒั นา ห/ป ฝ่ายอำนวยการจะพัฒนา ห/ป.ต่าง ๆของฝ่ายเราโดยอาศัยพ้ืนฐานจากข้อเท็จจริงและสมมุติฐานท่ีได้ กำหนดขึ้นจากการจัดทำ IPB และจากการวิเคราะห์ภารกิจ การผสมผสานผลกระทบของสภาพแวดล้อมของ สนามรบ และสถานการณ์ของภัยคุกคามที่เป็นอยู่เข้ากับข้ันตอนการพัฒนา ห/ป.จะช่วยให้ ห/ป.ของฝ่ายเราที่ กำหนดข้ึนมาสามารถใช้ข้อได้เปรียบต่าง ๆ จากสภาพแวดล้อมของสนามรบและสถานการณ์ของภัยคุกคามที่ เปน็ อยู่ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ 4.3 ขนั้ การวเิ คราะหแ์ ละเปรียบเทยี บ ห/ป. 4.3.1 ในระหว่างข้ันการจำลองยุทธ์ (War gaming session) ฝา่ ยอำนวยการจะใช้ ห/ป.ต่าง ๆ ของภัย คกุ คาม ซ่งึ ไดพ้ ัฒนาข้ึนในขน้ั ตอนท่ี 4 ของกระบวนการ IPB วาดภาพการรบกับแตล่ ะ ห/ป.ท่ีเป็นไปได้ของฝ่าย เรา ในขณะเดียวกันการประชุมพิจารณาเป้าหมายก็จะกระทำไปพร้อม ๆ กับการจำลองยุทธ์ เพ่ือเลือก เป้าหมายคุ้มค่า(HVT) จากรูปแบบ ห/ป.ของภัยคุกคาม กำหนดเป็นเป้าหมายให้ค่าสูง(HPT) เพ่ือสนับสนุน ห/ป. ของฝ่ายเรา (ภาพท่ี 14 จะแสดงให้เห็นการจำลองยุทธ์) จากผลของการจำลองยุทธ์ (War gaming) แต่ละ ห/ป. ของฝา่ ยเรา ฝา่ ยอำนวยการจะต้อง : 4.3.1.1 จดั ทำแผน่ ภาพตกลงใจ (Decision Support template, DST) และตารางประสาน สอดคล้อง (Synchronization matrix) 4.3.1.2 กำหนดความต้องการข่าวกรอง สนับสนุน ห/ป.

30 4.3.1.3 ปรับปรงุ รปู แบบ ห/ป.ของภัยคุกคาม, แผ่นภาพเหตุการณ์และตารางเหตกุ ารณ์ โดย เพง่ เลง็ สู่ความต้องการข่าวกรอง สนับสนนุ ห/ป.ของฝ่ายเรา 4.3.1.4 จัดลำดับความนา่ จะเป็นไปได้ของ ห/ป.ของภยั คุกคาม 4.3.1.5 กำหนด ห/ป.ของภยั คุกคามทีจ่ ะเป็นอันตรายท่สี ุด (The most dangerous COA) ฝ่ ายน้าเงิน (เป็นผู้นำการวาดภาพการรบ ฝ่ ายแดง ผปยส./น.สอ. แลว้ แตส่ ถานการณแ์ ละระดบั หนว่ ย) ผบ./รอง รอง/เสธ ฝอ.4/นอต. เป็ น ผบ.และ ฝอ.ขา้ ศกึ น.เคมี/ผบ.ช. ฝอ.2 มี ห/ป ของขา้ ศกึ และ แผน่ ภาพเหตกุ ารณ์ ฝอ.3 ผช.ฝอ.3 หรือ ปตอ. ผช.ฝอ.2 ส. บันทกึ ตรางตกลงใจ มี ห/ป ของฝ่ ายเรา และ ตารางประสานสอดคลอ้ ง ภาพที่ 14 : ฝา่ ยอำนวยการทกุ สายงานรว่ มกนั จำลองยทุ ธ์ (WARGAMING) 4.3.1.6 ปรับปรุง ห/ป.ของฝ่ายเราให้ครอบคลุมทางเลือกในการปฏิบัติ (Options) ต่าง ๆ ท่ีจะ เป็นไปได้ (Branches and sequels) 4.3.1.7 กำหนดความน่าจะเปน็ ในการบรรลุภารกจิ ของ ห/ป.ฝ่ายเรา 4.3.2 การจำลองยุทธ์แต่ละ ห/ป.ของฝ่ายเรา ต่อ ห/ป.ต่าง ๆ ที่เป็นไปได้ของภัยคุกคาม จะช่วยฝ่าย อำนวยการในการจัดทำขอ้ เสนอ ห/ป.ที่ดีที่สดุ ของฝ่ายเราและจะช่วย ฝอ.2 ในการประเมินค่าขีดความสามารถ ของระบบข่าวกรองในการสนับสนุน แต่ละ ห/ป.อีกดว้ ย 4.4 การตกลงใจและการปฏบิ ตั ิ 4.4.1 การตกลงใจ จากขอ้ เสนอของฝา่ ยอำนวยการตา่ ง ๆ ผบ.จะตกลงใจเลือก ห/ป.ของฝ่ายเราขึน้ มา 1 ห/ป. และจัดทำเป็นคำสั่งท่ีสมบูรณ์แจกจ่ายออกไป นอกจากน้ัน ผบ. จะอนุมัติรายการความต้องการ ข่าว กรองต่าง ๆ ซ่ึงสนับสนุน ห/ป.ท่ีได้เลือกไว้ และกำหนดรายการความต้องการดังกล่าว ที่มีความต้องการ เร่งด่วนสูงสุด เป็นหัวข้อข่าวสารสำคัญ (หขส.) โดยฝ่ายการข่าวกรองจะนำผลของ IPB ไปพัฒนาแผนรวบรวม ข่าวสาร และการรวบรวมข่าวสาร เพื่อตอบสนองความต้องการข่าวกรองเหล่านั้น ต่อไป (ดู IPB กับการ ปฏิบตั ิงานด้านการขา่ วกรอง) 4.4.2 การปฏิบัติ เมื่องานทางด้านข่าวกรองยืนยันหรือปฏิเสธสมมุติฐานต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมในสนามรบ หรือ ห/ป.ของภัยคุกคาม ซ่ึงได้กำหนดไว้ในขั้นการวางแผน กระบวนการ IPB จะ ช่วยกำหนดความต้องการข่าวกรองใหม่ ๆ ขึ้นมา ในขณะท่ีการยุทธ์ดำเนินไป กระบวนการ IPB จะวิเคราะห์ สถานการณ์ท่ีเผชิญหน้าอย่างต่อเน่ือง กระบวนการแสวงข้อตกลงใจ และวงรอบข่าวกรอง จึงพัฒนาอย่าง ต่อเนอื่ งตามไปเช่นกนั

31 5. IPB กับการดำเนินกรรมวธิ เี ป้าหมาย (IPB and the Targeting Process) การดำเนินกรรมวิธีเป้าหมาย มผี ลให้เกดิ แนวทางกำหนดเปา้ หมาย (Targeting guidance) สนบั สนนุ ห/ ป. ของ ผบ. แนวทางน้ีจะก่อให้เกิดความต้องการข่าวกรองเพิ่มเติม ซ่ึงจะสนับสนุนแต่ละ ห/ป. ของฝ่ายเราใน แตล่ ะข้ันตอนดงั น้ี 5.1 ขั้นการตกลงใจ การตกลงใจ เป็นส่วนหน่ึงของการวิเคราะห์และเปรียบเทียบ ห/ป. ในกระบวนการ แสวงข้อตกลงใจ ปกติ ฝอ.จะเร่ิมดำเนินกรรมวธิ เี ปา้ หมาย ด้วยการประชมุ พิจารณาเปา้ หมายโดยใช้ผลของการ จำลองยุทธ์และ IPB เป็นแนวทาง ซ่ึงจะช่วยให้เกดิ การตกลงใจในเรื่องเหล่านี้ : 5.1.1 เป้าหมายอะไรบา้ ง ทตี่ ้องโจมตี (HPTs) 5.1.2 จะนำมาตรฐานการเลอื กเป้าหมาย (Target Selection Standards) (ความถกู ต้อง และ ทนั เวลา) ใดมาใช้ 5.1.3 เปา้ หมายดังกล่าว จะปรากฏทไี่ หน เม่ือใด (NAI , TAI) 5.1.4 จะโจมตเี ป้าหมายเหลา่ นน้ั อย่างไร (ขึ้นอยู่กบั แนวความคิดของ ผบ.) 5.1.5 ต้องการการประเมินค่าความเสียหายแตล่ ะเป้าหมาย เพื่อสนับสนนุ เจตนารมณ์ของ ผบ. หรือ ห/ป. ของฝ่ายเราหรือไม่ ถ้าต้องการ มรี ายละเอยี ดอะไรบ้าง 5.2 ขั้นการค้นหา ในข้ันนี้ ฝอ.2 จะพัฒนาแผนรวบรวมข่าวสาร เพ่ือสนองตอบความต้องการของ กระบวนการดำเนินกรรมวิธีเป้าหมาย โดยจะเพ่งเล็งไปยังเป้าหมายคุ้มค่า (HVT) ในแต่ละขั้นตอนของ ห/ป. ของฝ่ายเรา และหากตอ้ งมีการประเมนิ ค่าความเสยี หาย ฝอ.2 ก็จะวางแผนรวบรวมข่าวสารทตี่ ้องการควบคกู่ ัน ไปด้วยเช่นกัน หากเป็นไปได้ ฝอ.2 จะต้องจัดให้มีการกระจายข่าวกรองเป้าหมายจากเจ้าหน้าที่รวบรวม ข่าวสารไปยังสว่ นคน้ หาเป้าหมาย หรอื ส่วนยิงสนับสนุนทเ่ี หมาะสมไดโ้ ดยตรง ประเภทเปา้ หมาย เปา้ หมายค้มุ คา่ เมอื่ ใด อยา่ งไร ขอ้ กำหนด (HPT s) 1. ระบบการควบคุม บช. 46, 48 เร่งดว่ น ตดั รอน/EW ประสานการโจมตีกับ EW และ ส. (C3) 2. หนว่ ยยงิ สนบั สนนุ 1, 2, 7 ร้องขอ ตดั รอน ไมใ่ ช้จรวดหลายลำกลอ้ ง เกนิ 10 นาที 3. หน่วยดำเนินกลยุทธ 25, 28 รอ้ งขอ ขม่ ชุดสุดทา้ ยใช้กระสนุ โปรย หว่านทุน่ ระเบดิ ต่อสู้ ถ. และ สังหารบคุ คล 4. หน่วย ปภอ. 58 ตามแผน สธ.2 / ฝอ.2 ขม่ ปภอ. ตามแผน 120 5. หน่วยทหารชา่ ง 58 ตามแผน ตัดรอน ตามแผนต่อต้านความคล่อง แคล่วในการเคลื่อนที่ เมื่อสง่ั ภาพที่ 15 : IPB สนับสนนุ การพฒั นาตารางกำหนดการโจมตี

32 5.3 ขั้นการโจมตี จากผลการวิเคราะห์ของกระบวนการ IPB จะช่วยให้ ฝอ.2 สามารถให้ข้อเสนอแนะแก่ ผบ.และนายทหารการยงิ สนบั สนนุ ในการปฏบิ ัตติ ามแผนการยิงสนับสนุนทีไ่ ด้วางไวไ้ ดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ 6. IPB กับการปฏบิ ตั งิ านดา้ นการขา่ วกรอง 6.1 การปฏิบตั งิ านด้านการข่าวกรองที่ประสานสอดคล้องกับกจิ กรรมของหน่วย และระบบงานต่าง ๆ จะ ชว่ ยให้ ผบ.ไดร้ บั ข่าวสารที่ต้องการในการบรรลภุ ารกิจตาม ห/ป. และข่าวสารทจี่ ำเป็นตอ่ การดำเนนิ กรรมวธิ ี เป้าหมาย โดยกระบวนการ IPB จะช่วย ผบ.ในการกำหนดความต้องการขา่ วกรอง และหนทางซึ่งจะให้ได้มา ซ่งึ คำตอบต่อความต้องการเหลา่ น้ัน ความต้องการข่าวกรองในข้ันตน้ ของ ผบ. ซง่ึ กำหนดขนึ้ มาระหว่างการ จดั ทำ IPB ในขน้ั การวิเคราะหภ์ ารกจิ ของกระบวนการแสวงข้อตกลงใจจะถูกกลั่นกรอง และปรบั ปรุงให้ทนั สมยั หลงั จากการจำลองยุทธ์ และการเลือก ห/ป.ของฝ่ายเราแล้ว 6.2 ในระหว่างการจำลองยุทธ์ ฝอ.2 จะใช้รปู แบบ ห/ป.ของภยั คุกคามต่าง ๆ ซ่งึ ได้จัดทำขึ้นในขัน้ ตอนท่ี 4 ของ IPB วาดภาพการรบกับ ห/ป ท่ีเป็นไปได้ของฝ่ายเราแต่ละ ห/ป. ร่วมกับฝ่ายอำนวยการอ่ืน ๆ และบันทึก ว่า ท่ีไหน เมื่อใด ที่ต้องการการตัดสินใจกระทำส่ิงหน่ึงส่ิงใด เพ่ือให้ ห/ป น้ัน ประสบความสำเร็จ นอกจากนน้ั แล้วจะต้องพจิ ารณาว่ามคี วามต้องการข่าวกรองใดบา้ งทจี่ ำเป็นต่อการตัดสินใจนั้น ๆ แลว้ บนั ทึกลง ในรายการความต้องการข่าวกรองท่ีจะนำเสนอต่อ ผบ. เม่ือ ผบ.เลือก ห/ป.ของฝ่ายเราแล้ว ก็จะอนุมัติและ กำหนดความเร่งด่วนของความต้องการข่าวกรอง ซึ่งสนับสนุน ห/ป. น้ัน ๆ ด้วย นอกจากนั้นแล้ว IPB ยังช่วย ในการพัฒนาความต้องการข่าวกรองต่าง ๆ โดยการกำหนดการปฏิบัติของภยั คุกคาม ตลอดจนเวลา และพื้นท่ี ที่คาดว่าการปฏิบัตินั้นจะเกิดข้ึน โดยแผ่นภาพเหตุการณ์ (Event Template) จะแสดงพ้ืนที่ดังกล่าว ด้วยการ กำหนดพื้นท่ีสนใจท่ีกำหนด (NAI) ขึ้นมา และตารางเหตุการณ์ (Event matrix) จะแสดงความสัมพันธ์ของการ ปฏิบตั ิของภัยคกุ คามกบั ส่งิ บอกเหตตุ ่าง ๆ นอกจากนั้นแล้วท้งั แผ่นภาพเหตกุ ารณแ์ ละตารางเหตกุ ารณ์จะแสดง ให้เห็นถึงเวลาท่ีคาดว่าการปฏิบัติต่าง ๆ ของภัยคุกคามจะเกิดขึ้น ซ่ึงรายละเอียดต่าง ๆ เหล่าน้ีจะเป็นพื้นฐาน ในการวางแผนรวบรวมขา่ วสาร ไดเ้ ป็นอยา่ งดี 6.3 แผ่นภาพตกลงใจ (DST) และตารางประสานสอดคล้องของระบบปฏิบัติการในสนามรบ (Battlefield operating system (BOS) synchronization matrix) (ภาพท่ี 12) เป็นผลผลิตของ IPB ที่จะช่วยให้การ ปฏิบัติงานของฝ่ายอำนวยการประสานสอดคลอ้ งกัน นอกจากนั้นยังช่วยให้ฝ่ายขา่ วกรองม่ันใจไดว้ ่า แผนรวบ รวมข่าวสารจะประสานสอดคลอ้ งไปกับการปฏิบตั ิอ่นื ๆ ของหน่วย และตารางประสานสอดคล้องด้านการข่าว กรอง (The Intelligence synchronization Matrix, ISM) (ภาพท่ี 16) จะแสดงให้เห็นแนวทางในการ รวบรวมขา่ วสาร เพือ่ สนบั สนนุ ห/ป. ของหนว่ ย 6.4 การประสานสอดคล้องด้านการข่าวกรอง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การกำหนดให้เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ในระบบ การรวบรวมข่าวสารปฏิบัติงานได้ 24 ชม.ต่อวนั เท่าน้ัน แต่ ฝอ.2 จะต้องอำนวยการให้ระบบงานด้านการข่าว- กรองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่รับข่าวสารเข้ามาดำเนินกรรมวิธีจนกระทั่งแจกจ่ายข่าวกรองออกไป เพ่ือให้ ผบ.ตกลงใจได้อย่างทันเวลา น่ันคือ การประสานสอดคล้องดา้ นการขา่ วกรอง คือ ความสอดคล้องของ วงรอบขา่ วกรองท้งั วงรอบ

33 จดุ ตกลงใจ #7 น+1 น+2 น+3 น+4 น -ตารางประสาน สอดคลอ้ งดา้ น IMINT UAV การขา่ ว -แผนรวบรวมขา่ ว HUMINT ม/30 -ตารางเวลา SIGINT { ใคร เป็ นผู้{ เมื่อไรจะ เวลาท่ีใช้ เม่ือไร ที่ตอ้ ง รวบรวมขา่ ว รวบรวมขา่ ว เริม่ รวบ รายงานขา่ ว รวมขา่ ว สญั ลกั ษณ์ จดุ ท่ี ผบ.หนว่ ย IMINT = Imaginary Intelligence ตอ้ งการขา่ ว HUMINT = Human Intelligence เวลาท่ีสธ.2 ใชด้ าเนนิ กรรมวิธตี อ่ ขา่ ว SIGINT= Signal Intelligence ภาพท่ี 16 : ตารางประสานสอดคลอ้ งดา้ นการขา่ วกรอง 7. IPB กบั การอำนวยการยทุ ธ์ของ ผบ. และ ฝอ 7.1 ฝอ.2 จะใช้ IPB เป็นเคร่ืองมือในการประเมินค่า ข่าวสาร และข่าวกรองท่ีได้รับเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุท่ีว่า IPB สัมพันธ์กับตารางประสานสอดคล้องด้านการข่าวกรอง และแผ่นภาพตกลงใจ จึงทำให้ ผบ. สามารถตกลงใจในระหว่างการปฏิบัติตาม ห/ป. และสามารถยืนยัน หรือ ปฏิเสธสมมุตฐิ าน ท่ีได้กำหนดขึ้นใน ขน้ั ตอนการพัฒนา ห/ป. ไดอ้ ย่างรวดเร็ว 7.2 ในระหว่างการรบ ผบ. และฝา่ ยอำนวยการจะใช้ แผ่นภาพตกลงใจ และตารางประสานสอดคล้องด้าน การข่าวกรอง เปรียบเทียบกับรายงานที่ได้รับ เมื่อใกล้จะถึงจุดตัดสินใจ (DP) ฝอ.2 จะเป็นผู้จัดหาข่าวกรอง เพ่ือสนับสนุนการตัดสินใจนนั้ ๆ แต่ในบางครั้งการยทุ ธ์ไม่ได้ ดำเนินไปในทิศทางท่ีคาดไว้ในระหว่างการจัดทำ IPB และการจำลองยุทธ์ (ซ่ึงเป็นเพียงแค่การประมาณการเทา่ นั้น) ดงั นนั้ ฝ่ายอำนวยการตา่ ง ๆ จึงต้องนำ IPB ไปใช้ในลกั ษณะออ่ นตวั เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ เม่ือสถานการณ์เริ่มกระจ่าง เจตนารมณ์ของภัยคกุ คาม เร่ิมมองเห็นชัดเจนขึ้น การพัฒนาผลผลิตของ IPB และกระบวนการแสวงข้อตกลงใจ จึงเป็นส่ิงท่ีจำเป็นฝ่าย อำนวยการหลักจะร่วมปรึกษาหารอื หรืออาจจะจดั ให้มีการจำลองยทุ ธ์แบบย่อ ๆ ข้นึ โดย ฝอ.2 จะทบทวน IPB ท่ีได้จัดทำขึ้นในขั้นต้น และสิ่งท่ีเปล่ียนแปลงไป เพื่อหาหนทางท่ีดีท่ีสุดในการตอบโต้กับภัยคุกคาม ตามที่ IPB ได้คาดการณ์ไว้ การตัดสินในคร้ังใหม่น้ีย่อมส่งผลไปถึงการปรับปรุง/พัฒนาแผนรวบรวมข่าวสาร, ตาราง ประสานสอดคล้องดา้ นการข่าวกรอง และเครอ่ื งมอื ในการสนับสนุนการตัดสนิ ใจอ่ืน ๆ อกี ด้วย 8. ความสัมพนั ธข์ อง IPB กบั สงิ่ อน่ื ๆ 8.1 IPB เป็นส่วนสำคัญยิ่งของวงรอบข่าวกรอง ผลผลิตท่ีจัดทำขึ้นในระหว่างข้ันตอน IPB มีความจำเป็น อย่างย่ิงต่อวงรอบข่าวกรอง และการวางแผนของฝ่ายอำนวยการ จนทำให้เป็นการปฏิบัติท่ีแยกออกจากกัน ไม่ได้ การข่าวกรองและสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Intelligence and electronic warfare ; IEW) กำหนดให้มี งานหลกั ที่ต้องจดั ทำ 6 งาน เพอ่ื พฒั นา : 8.1.1 ผลผลิตของ IPB 8.1.2 ผลผลติ เก่ียวกับการติดตามและพัฒนาสถานการณ์ (Situation Development Products)

34 8.1.3 ผลผลิตเก่ียวกับการตรวจสอบส่งิ บอกเหตแุ ละการแจง้ เตือน (Indications and warnings products) 8.1.4 ผลผลิตเกีย่ วกับการพัฒนา และผลิตเป้าหมาย (Target Development and target acquisition Products) 8.1.5 ผลผลติ เกี่ยวกับการประเมินค่าความเสยี หายจากการรบ (Battle damage assessment products) 8.1.6 ผลผลติ เกย่ี วกบั การพิทกั ษ์หนว่ ย (Force protection products) 8.2 งานต่าง ๆ ของ IEW จะประสบความสำเร็จด้วยระบบงานการขา่ วกรองของระบบ (Intelligence System of Systems ; ISOS) เพ่ือตอบสนองต่อความต้องการขา่ วกรองของ ผบ. ฝอ.2 ใชผ้ ลผลติ IPB เพื่อ ดำเนินกรรมวิธตี อ่ ข่าวสาร/ข้อมลู จำนวนมากที่ได้มาจาก ISOS และวงรอบข่าวกรอง 8.3 ผลผลิตของ IPB ยังช่วยให้ฝ่ายอำนวยการสามารถแสวงประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของ ISOS โดยให้แนวทางการรวบรวมข่าวสารต่อระบบรวบรวมข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันสามารถรายงานข่าวสารได้ เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ (Near real time) และมีรายละเอียดพอเพียงที่จะทำการ ดำเนนิ การตอ่ เปา้ หมายนัน้ ๆ โดยตรง (Direct targeting) ผนวก ก : สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเตรียมสนามรบดา้ นการขา่ ว ผนวก ข : ตัวอยา่ งแผน่ บรวิ ารเครอื่ งกีดขวางผสม ผนวก ค : ตวั อย่างแผน่ ภาพหลกั นยิ ม ผนวก ง : ตัวอย่างแผ่นภาพสถานการณ์ ผนวก จ : ตวั อยา่ งแผ่นภาพเหตุการณ์

35 ผนวก ก (สัญลกั ษณ์ทใี่ ชใ้ นการจดั เตรยี มสนามรบดา้ นการขา่ ว) ความหมาย สี สญั ลักษณ์ ความหมาย สี สญั ลกั ษณ์ ผ่านได้ช้า เขียว หรอื AA 2 เสน้ ข้ันเวลา แดง (ขศ.) ¹ +1 ¹ +2 (Siow-Go) น้ำตาลหรือ AA3 (TPL) นำ้ เงนิ (ฝา่ ยเรา) 3 นำ้ เงนิ MC 2 18 ผ่านไมไ่ ด้ เขยี ว หรือ K NAI (จดุ ) ไม่จำกัด 4 11 (No-Go) นำ้ ตาล หรอื 7 น้ำเงิน 9 เครอ่ื งกีดขวาง ดำ NAI (พ้ืนท)่ี ไมจ่ ำกัด (สร้างข้ึน) นคท.หลัก แดง (ขศ.) NAI (เสน้ ) ไม่จำกัด นำ้ เงนิ (ฝ่ายเรา) นคท. รอง แดง (ขศ.) TAI (จุด) ไมจ่ ำกัด นำ้ เงนิ (ฝ่ายเรา) ชคท. แดง (ขศ.) TAI (พืน้ ท่ี ) ไม่จำกัด นำ้ เงนิ (ฝา่ ยเรา) ภูมปิ ระเทศ น้ำเงิน หรอื จดุ ตกลงใจ แดง (ขศ.) น้ำเงิน (เรา) สำคญั มว่ ง หมายเหตุ : 1. นคท. - แนวทางการเคลือ่ นที่ ( Avenue of Approach; AA ) 2. ชคท. - ช่องทางการเคลื่อนที่ ( Mobility Corridors; MC ) 3. NAI - Named Area of Interest (พื้นทส่ี นใจกำหนด) 6. TAI - Target Area of Interest (เปา้ หมายสนใจกำหนด)

36 ผนวก ข ตวั อยา่ งแผน่ บรวิ ารเครอื่ งกดี ขวางผสม ; Modified Combined Obstacle Overla ) ทม.ตอ่ ไป K ทม. พจต. K ชคท. 1 ข ชคท. 2 ข ชคท. 2 ก ชคท. 1 ก นคท.1 นคท.2 แนวทางจัดเตรยี มแผน่ บรวิ ารเครอ่ื งกดี ขวางผสม เรม่ิ ต้นทำแผ่นบริวารเคร่ืองกีดขวางพน้ื ฐานแล้วเพิ่มเติมสัญลักษณ์ท่ีแสดงถึง : 1. ความคล่องแคล่วในภมู ิประเทศ, ประเภทของภูมิประเทศ ; ผา่ นได้ (Slow - Go), ผา่ นไม่ได้ (No - Go) 2. ชอ่ งทางการเคลอ่ื นท่ีและแนวทางการเคลื่อนท่ี ; กำหนด ชคท.แลว้ รวมกลมุ่ เขา้ ดว้ ยกนั เป็น นคท., จัด ตามขนาดหนว่ ยและจัดลำดบั ความเรง่ ด่วน (ความพยายามหลกั ) พิจารณาท้งั นคท.ฝ่ายเราและของข้าศึกแต่ ละ นทค. ควรประกอบด้วย 2 ชคท. เป็นอยา่ งน้อย 3. ระบบฉากขัดขวาง ; ทั้งเครือ่ งกดี ขวางของฝา่ ยเราท่ีมแี ผนจะวางในอนาคตและที่คาดวา่ ข้าศึกจะวาง 4. ภมู ิประเทศในการตั้งรับ ; ประเมินคา่ ภมู ปิ ระเทศในแต่ละแนวทางเคลอ่ื นที่เพื่อพิจารณาพืน้ ที่ท่ี เหมาะสมสำหรับจัดทำที่ม่นั ตั้งรบั , ผสมผสานผลการประเมินคา่ ภมู ิประเทศในการต้ังรับกบั ผลการประเมินค่า การตรวจการณ,์ และพนื้ การยิง เพ่อื กำหนดพ้ืนที่โจมตที ี่อาจเปน็ ไปได้ 5. ภมู ปิ ระเทศสำคญั ; พิจารณาพืน้ ทหี่ รือภูมิประเทศใดทีควบคมุ แนวทางการเคลื่อนที่ หรือนา่ จะกำหนด เปน็ ทหี่ มาย

37 ผนวก ค (ตวั อยา่ งแผน่ ภาพหลักนยิ ม ; Doctrinal Template) ตถ. ค. ปตอ. รปู ขบวนเคลอื่ นทเี่ ขา้ ปะทะของกองพันปนื เล็ก (หมายเหตุ : ตอ้ งใชม้ าตราสว่ นทเ่ี หมาะสมกบั แผนที่)

38 ผนวก ง (ตวั อยา่ ง แผน่ ภาพสถานการณ/์ SITUATION TEMPLATE) ทม.ตอ่ ไป ทม. พจต. K ตถ. ปตอ.

39 ผนวก จ (ตวั อยา่ งแผน่ ภาพเหตุการณ์ และตารางเหตกุ ารณ์ ; Even Template and Matrix) ทม.ตอ่ ไป น + 2 ทม. น + 2 พจต. K K 2 น+1 น+1 3 1 น. น ตารางเหตกุ ารณ์ NAI เหตกุ ารณ์ เวลา สงิ่ บอกเหตุ เรว็ ทส่ี ดุ ชา้ ทสี่ ดุ 1 ตง้ั ฐานยงิ สนบั สนุนของ ค./ป. 0400 0530 ห/ป.1 2 ขา้ มลำน้ำ 0600 0730 ห/ป.2 3 ผา่ นแนวออกตี 0600 0700 ห/ป.1, ยืนยันสว่ นเข้าตหี ลัก ----------------------------------

40 สภาวะแวดลอ้ มในการปฏิบตั ิการทางทหาร บทบาทและหน้าทข่ี องทหารนนั้ ถูกบญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย มาตราท่ี ๗๗ วา่ “รฐั ตอ้ งพทิ กั ษ์รกั ษาไวซ้ ่งึ สถาบนั พระมหากษตั รยิ เ์ อกราช อธปิ ไตย และบูรณภาพแห่งเขตอานาจรฐั และตอ้ งจดั ใหม้ กี าลงั ทหารอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยที ่ที นั สมยั จาเป็น และเพยี งพอ เพ่อื พทิ กั ษ์ รกั ษา เอกราช อธปิ ไตย ความมนั ่ คงของรฐั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ผลประโยชน์แห่งชาติและการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ และเพอ่ื การพฒั นาประเทศ” ด้วยกรอบความมัน่ คงในปัจจุบันนัน้ มิได้มีความหมายเพียงแค่การป้องกันรักษา เอกราช อธปิ ไตยและบรู ณภาพแห่งดนิ แดน ใหร้ อดพน้ จากการรุกรานของศตั รูจากภายนอกเท่านนั้ มติ คิ วามมนั่ คง ในปัจจุบนั นนั้ ไดข้ ยายขอบเขต ทม่ี ลี ะเมดิ ความทบั ซ้อนและเก่ยี วเน่ืองกนั ในหลายๆมติ ิ ซ่งึ ผลกระทบในมติ ิ ต่างๆเหล่าน้ลี ว้ นก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบจากทงั้ ภายนอกและภายในประเทศตอ่ ความไม่มนั่ คงของชาตทิ งั้ สน้ิ ดงั นนั้ การปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ของ ทบ. จงึ มบี ทบาทใน ๒ ลกั ษณะ คอื ในกรอบของ ทบ. กบั ในกรอบ ของ กอ.รมน.ทบ. จงึ มขี อบเขตในการ ปฏบิ ตั กิ ารทางทหารใน ๓ สภาวการณ์ดว้ ยกนั คอื ๑. ยามปกติ (PEACE) ๒. เมอ่ื เกดิ วกิ ฤตกิ ารณ์ (CRISIS) ๓. ยามสงคราม (WAR) การดาเนินการเพอ่ื ใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงคด์ า้ นความมนั่ คงดงั กล่าวนนั้ ทบ.จงึ ต้องใช้ขดี ความสามารถ ในการดาเนินการทัง้ ในรูปแบบของการปฏิบตั กิ าร(OPERATIONS) และ การปฏิบตั ิการขอ้ มูลข่าวสาร (IO) ควบค่กู นั ไป สภาวะ การปฏิบตั ิการทางทหาร ความหมายของการปฏิบตั ิการขา่ วสาร (IO) การปฏบิ ตั กิ ารข่าวสาร (INFORMATION OPERATIONS:IO) นนั้ ถอื เป็นกลไกอนั สาคญั อนั หน่ึง ในการปฏิบตั ิการทางทหารในปัจจุบนั ทงั้ การรบตามแบบและการปฏบิ ัติการในรูปแบบอ่นื ๆ เช่นการ ป้องกนั และปราบปรามการก่อความไม่สงบ(ปปส.)และการปฏบิ ตั ิการทางทหารอ่นื ๆนอกเหนือจากการ สงคราม IO นัน้ ได้ถูกใช้กนั ทวั่ ไปในการปฏิบัติการทางทหารมาตัง้ แต่อดีต แต่เป็นการปฏิบัติใน ลักษณะของแต่ละกจิ กรรมย่อยๆ ทไ่ี ม่ได้มกี ารประสานสอดคล้องกนั ในภาพรวมทาใหบ้ างครงั้ ไม่เสรมิ กนั หรอื ขดั แยง้ กนั เอง ทาใหข้ าดประสทิ ธภิ าพหรอื อาจสง่ ผลกระทบรุนแรง ซ่งึ อาจนาไปสู่ความลม้ เหลว ของภารกิจ จึงเกิดแนวความคิดในการนาเอากิจกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการใช้ข้อมูลข่าวสารมา

41 รวมเขา้ ไว้ดว้ ยกนั เพ่อื ใหส้ ามารถกาหนดแนวทางและดาเนินการไดอ้ ย่างประสานสอดคลอ้ งกนั มากขน้ึ แลว้ เรยี กกจิ กรรมเหล่าน้ีว่า IOในการใช้ IO กบั การปฏบิ ตั กิ ารทางทหารนัน้ อาจมคี วามแตกต่างกนั บา้ งใน เร่อื งเทคนิคการปฏบิ ตั ิ ในการรบตามแบบ, การรบไม่ตามแบบ, การปฏบิ ตั กิ ารอ่นื ๆ แต่จะมหี วั ใจในการปฏบิ ตั ทิ ไ่ี ม่ แตกต่างกนั หวั ใจของการทา IO นนั้ ประกอบดว้ ย องคป์ ระกอบหลกั ๓ สว่ นดว้ ยกนั คอื ๑. ขอ้ มลู ขา่ วสาร เพอ่ื ใหฝ้ ่ายเรา : ไดร้ บั ขอ้ มลู ขา่ วสารทถ่ี กู ตอ้ ง, ทนั เวลา, สมบรู ณ์ไม่ตดิ ขดั เพอ่ื ใหก้ ลุ่มเป้าหมาย/ฝ่ายตรงขา้ ม :ไมไ่ ดร้ บั ขอ้ มลู , รบั ขอ้ มลู ทผ่ี ดิ , ขอ้ มลู ขา่ วสารไมไ่ หลเวยี น, ตดิ ขดั , ไมท่ นั เวลา ๒. การตกลงใจ เพอ่ื ใหฝ้ ่ายเรา : ตกลงใจได้ ถูกตอ้ ง, เหมาะสม, ทนั เวลา เพอ่ื ใหก้ ลมุ่ เป้าหมาย/ฝ่ายตรงขา้ ม : สบั สน, ไมต่ ดั สนิ ใจ, ตกลงใจไมเ่ หมาะสม, ไม่ทนั เวลา ,ตดั สนิ ใจผดิ /ในทศิ ทางทเ่ี ราตอ้ งการ ๓. พฤตกิ รรม เพอ่ื ใหฝ้ ่ายเรา : ปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ ง เหมาะสม, รเิ รม่ิ , เกอ้ื กูล เพอ่ื ใหก้ ลมุ่ เป้าหมาย/ฝ่ายตรงขา้ ม :ไม่กระทา, ทาผดิ , ไม่เหมาะสม, ตามทเ่ี ราตอ้ งการ ความเหนือกว่าด้านข้อมูลข่าวสาร (INFORMATION SUPERIORITY)

42 ในการปฏบิ ตั ิการทางทหารนัน้ จะมุ่งเน้นที่ ความได้เปรยี บต่อฝ่ ายตรงขา้ มทางด้านข้อมูล ข่าวสาร ซ่ึงจะนาไปสู่ความเหนือกว่า ในการตกลงใจ เพ่อื เก้ือกูลต่อการบรรลุภารกิจของฝ่ ายเรา ซ่ึง จะตอ้ งใช้ IO เป็นกลไกหลกั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเหนือกว่าในดา้ นขอ้ มลู ขา่ วสาร นนั่ คอื “ความสามารถ ในการทจ่ี ะรวบรวม, ดาเนินกรรมวธิ ,ี ใชแ้ ละกระจาย ขอ้ มลู ข่าวสารและใหข้ อ้ มูล ข่าวสารเหล่านัน้ สามารถไหลไปได้อย่างต่อเน่ืองไม่ตดิ ขดั และในขณะเดยี วกนั ก็สามารถช่วงชงิ ความ ไดเ้ ปรยี บและปิดกนั้ ไม่ใหฝ้ ่ายตรงขา้ มมขี ดี ความสามารถดงั กลา่ วทดั เทยี มกบั ฝ่ายเราได้” ความเหนือกว่าด้านข้อมูลข่าวสารน้ีมคี วามสาคญั ในทุกสภาวการณ์ แต่จะมีความสาคญั ใน ลกั ษณะเป้าประสงคส์ งู สดุ ในการปฏบิ ตั กิ ารรบตามแบบเพราะเป็นการมุ่งเน้นในการเอาชนะฝ่ายตรงขา้ ม ใหไ้ ดเ้ ป็นเป้าหมายหลกั ความเหนือกว่าในด้านข้อมูลข่าวสารนัน้ จะเกิดข้นึ ได้จากองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ การ บรหิ ารจดั การขอ้ มลู ขา่ วสาร (IM), IO, การขา่ วกรอง/การเฝ้าตรวจ/การลาดตระเวน (ISR)ความเหนอื กว่า ในด้านข้อมูลข่าวสารนัน้ จะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเม่อื จะต้องมคี วามเข้าใจใน สภาวะแวดล้อมด้านข้อมูลข่าวสาร (INFORMATION ENVIRONMENT: IE) เสยี ก่อน เพราะทงั้ ฝ่ายเราและฝ่ายตรงขา้ มลว้ นปฏบิ ตั ิการอยู่ ใน IE เดยี วกนั การบรหิ ารจดั การขอ้ มลู ขา่ วสาร (INFORMATION MANAGEMENT: IM) คอื การจดั การให้การส่งขอ้ มูลข่าวสารทม่ี คี วามสาคญั ยง่ิ ต่อการท่จี ะเขา้ ใจในสถานการณ์ซ่งึ จะ นาไปสกู่ ารตกลงใจ สามารถไปถงึ ยงั บคุ คลทต่ี อ้ งการไดอ้ ย่างทนั เวลา การขา่ วกรอง/การเฝ้าตรวจ/การลาดระเวน (INTELLIGENCE, SURVILLANCE, RECONNAISSANCE: ISR) ช่วยในการสนธกิ ารประสานสอดคลอ้ งของ ระบบปฏบิ ตั กิ ารในสนามรบทุกระบบในการรวบรวม ขา่ วสารต่างๆและผลติ ขา่ วกรองทเ่ี กย่ี วขอ้ งเพ่อื สนับสนุนการตกลงใจของ ผบ.และการคน้ หาและกาหนด เป้าหมาย จงึ ตอ้ งอาศยั การประสานงานกบั สธ. และหน่วยร่วมดว้ ย

43 สภาวะแวดลอ้ มด้านขอ้ มูลข่าวสาร (INFORMATION ENVIRONMENT: IE) สภาวะแวดลอ้ มดา้ นขอ้ มูลข่าวสาร คอื “การผสมผสานกนั ของ บุคลากร, องคก์ ร, หรอื ระบบท่ี ดาเนินกจิ กรรมการรวบรวม, ดาเนินกรรมวธิ ี หรอื ใชแ้ ละกระจายขอ้ มลู ข่าวสาร ทงั้ น้ีรวมไปถงึ ตวั ขอ้ มูล ข่าว สารเอ งด้ว ย ”ซึ่ง IE นี้ก็คอื อ งค์ป ระก อ บ ห นึ่งข อ ง สภ าว ะแ วด ล้อ ม ในการปฏิบัติการ (OPERATIONAL ENVIRONMENT)นนั่ เองแต่จะมุ่งเน้นเฉพาะดา้ นทเ่ี ก่ยี วกบั ขอ้ มลู ข่าวสารเป็นหลกั IE นนั้ จะประกอบดว้ ย ๓ มติ ิ คอื ๑. ดา้ นกายภาพ (PHYSICAL DIMENSION) ๒. ดา้ นขอ้ มลู ขา่ วสาร (INFORMATIONAL DIMENSION) ๓. ดา้ นการรบั รู้ (COGNITIVE DIMENSION) นอกจากน้ี IE ยงั สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น ๒ ลกั ษณะ คอื ๑. ลกั ษณะทเ่ี ป็นทางกายภาพ/สามารถจบั ตอ้ งได้ (PHYSICAL ASSETS) ซง่ึ กค็ อื ระบบของ ขอ้ มลู ขา่ วสาร (INFORMATION SYSTEM: INFOSYS) นนั่ เอง ๒. ลักษณะท่ีเป็ นแนวคิดและจับต้องไม่ได้ (NON PHYSICAL CONCEPTS) คือ ข่าวสาร, กระบวนการบนพน้ื ฐานของการขา่ ว, กระบวนการตดั สนิ ใจของมนุษย์ หากเปรยี บเทยี บง่ายๆ กค็ อื ตวั ของ INFOSYS เปรยี บเหมอื น HARDWARE ของคอมพวิ เตอร์ และสว่ นของ CONCEPTS กเ็ ปรยี บเหมอื น SOFTWARE นนั่ เองจะเหน็ ไดว้ ่าการปฏบิ ตั กิ ารขา่ วสารนัน้ จะต้องอาศยั ข่าวกรองท่ดี ี จงึ จะก่อให้เกดิ ความเขา้ ใจต่อ สภาวะแวดลอ้ มดา้ นข้อมูลข่าวสาร (IE) และ สภาวะแวดลอ้ มทางยุทธการ (OE) ในเร่อื งองคป์ ระกอบต่างๆ ดา้ นขอ้ มูลข่าวสาร เช่น ขดี ความสามารถ ดา้ น IO ของฝ่ายตรงขา้ ม, ช่องทางการรบั รขู้ องกลุ่มเป้าหมาย, ระบบการสง่ ผ่าน/กระจายขอ้ มูลข่าวสาร เป็นต้น ความเขา้ ใจอย่างถ่องแทน้ ้ีเองจะส่งผลใหเ้ กดิ ความไดเ้ ปรยี บต่อฝ่ายตรงขา้ ม และสามารถใชข้ ดี ความสามารถและเคร่อื งมอื ต่างๆของ IO ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

44 สรปุ การปฏบิ ตั กิ าร IO ในปัจจุบนั นัน้ มเี ป้าประสงคท์ แ่ี ตกตา่ งไปจากอดตี คอื ในอดตี จะมุ่งเน้นทส่ี ภาวะ สงคราม คอื ต้องการความเหนือกว่าด้านขอ้ มูลข่าวสารเป็นหลักแต่ในปัจจุบนั จะมุ่งเน้นการปฏบิ ตั ิการใน สภาวะปกติ และวกิ ฤตกิ ารณ์ จงึ มุ่งเน้น IO เพ่อื การเสรมิ ความมนั่ คงมากกว่า แต่ทงั้ น้ีกาลงั พลจะต้องมี ความรู้ ความสามารถพรอ้ มทจ่ี ะเขา้ ปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นทุกสภาวการณ์ องคป์ ระกอบของขีดความสามารถในการปฏิบตั ิการข่าวสาร ขีดความสามารถในการ IO นัน้ แท้จรงิ แล้วคือ เคร่อื งมือย่อยๆท่ีเก่ียวข้องกับการ IO เพ่ือ นาไปใชต้ ามคุณลกั ษณะเฉพาะของแต่ละชนิด ดว้ ยการประสานสอดคลอ้ งกนั ตามแนวทางและหว้ งเวลา ทก่ี าหนด เพอ่ื ใหส้ ามารถสรา้ งผลกระทบ (EFFECTS) อนั จะนาไปสกู่ ารบรรลภุ ารกจิ ของฝ่ายเรา การกาหนดขดี ความสามารถเหล่าน้ีมกี ารปรบั เปล่ยี นอยู่เสมอ ตามขอบเขตระดบั ของหน่วยท่ี ปฏบิ ตั แิ ละ เทคโนโลยที เ่ี ปลย่ี นแปลงไป ในขนั้ ต้นจะเสนอตามหลกั นิยมของสหรฐั ฯ (เดิม) แล้วจึงเสนอการดดั แปลงให้เหมาะกบั บริบทของไทย และแนวคิดของสหรฐั ฯล่าสดุ ทัง้ นี้เพื่อให้ผู้ใช้คู่มือเล่มนี้เหน็ ถึงแนวคดิ หลกั และ การพฒั นาท่เี กดิ ข้นึ และสามารถประยุกต์องค์ความรู้ ให้เหมาะสมกบั แต่ละหน่วยตามสถานการณ์ท่ี เผชญิ ไดเ้ หมาะสมยงิ่ ขน้ึ ตามแนวคิด IO เดิมนั้น จะแบ่งขีดความสามารถ IO ท่ีสอดคล้องกับขอบเขต และขีด ความสามารถของเคร่อื งมอื ท่มี อี ยู่ ตามระดบั ของหน่วยคือ ระดบั กองทพั บก และ ระดบั การปฏบิ ตั ิการ รว่ ม (JOINT) ซง่ึ ของไทยเทยี บไดก้ บั กองบญั ชาการกองทพั ไทย แต่ทัง้ ๒ ระดับน้ี มีการแบ่งเคร่ืองมือ IO ออกเป็ นกลุ่มขีดความสามารถ ๓ กลุ่มหลักๆ เหมอื นกนั คอื ๑. ขดี ความสามารถหลกั (CORE CAPABILITIES) ๒. ขดี ความสามารถสนบั สนุน (SUPPORT CAPABILITIES) ๓. กจิ กรรมทเ่ี กย่ี วเน่อื ง (RELATED ACTIVITIES)

45 โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี แปลเป็นไทยไดด้ งั น้ี การปฏบิ ตั กิ ารเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การปฏบิ ตั กิ ารเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ๑. ขดี ความสามารถหลกั (CORE CAPABILITIES) ไดแ้ ก่ การ ปจว. (PSYOP/MISO), การลวงทางทหาร (MIL DEC), การ รปภ.ทางการยุทธ์(OPSEC), สงครามอเิ ลคทรอนกิ ส์ (EW), การปฏบิ ตั กิ ารเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ (CNO) ๑.๑ สงครามอเิ ลคทรอนิกส์ (ELECTRONIC WARFARE) กจิ กรรม ทางทหารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การใชค้ ลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและพลงั งานโดยตรง เพอ่ื ควบคมุ /โจมตี การใชค้ ล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า มี ๓ กจิ กรรม ยอ่ ย คอื ๑.๑.๑ การโจมตที างอเิ ลคทรอนิกส์ (ELECTRONIC ATTACK: EA) คอื การใชค้ ลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า/พลงั งานโดยตรง หรอื ใชอ้ าวธุ ตอ่ ตา้ นการแพร่กระจายคล่นื เพอ่ื โจมตตี ่อ บุคคล, อุปกรณ์, สง่ิ อานวย ความสะดวก เพอ่ื ลดิ รอน, ลดขดี ความสามารถ,ทาลายขดี ความสามารถในการรบ ของฝ่ายตรงขา้ ม

46 ๑.๑.๒ การป้ องกันทางอิเลคทรอนิ กส์ (ELECTRONIC PROTECTION: EP) คือ กจิ กรรมทงั้ ในเชงิ รบั และเชงิ รกุ เพอ่ื ป้องกนั บุคคล, อุปกรณ์, สง่ิ อานวยความสะดวก จากผลกระทบตา่ งๆ ทัง้ จากฝ่ ายเดียวกันและฝ่ ายตรงข้ามท่ีจะใช้ EW เพ่ือลิดรอน, ลดขีดความสามารถ, ทาลายขีด ความสามารถในการรบของฝ่ ายเรา ๑.๑.๓ การสนบั สนุนทางอเิ ลคทรอนิกส์ ( ELECTRONIC WARFARE SUPPORT:EWS/ES) คอื กิจกรรมซ่ึงกาหนดข้นึ โดย ผบ.หน่วยทาง ยุทธการ เพ่อื ค้นหา, สกดั กนั้ , กาหนด, ระบุท่ตี งั้ ของแหล่งแพร่กระจายคล่นื ต่างๆ ทงั้ ท่ตี งั้ ใจและไม่ ตงั้ ใจเพ่อื ตรวจจบั กิจกรรมของฝ่ายตรงขา้ ม, การกาหนดเป้าหมาย และเพ่อื การวางแผนการปฏบิ ตั ใิ น อนาคต ๑.๒ การปฏิบตั ิการเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ (COMPUTER NETWORK OPERATIONS:CNO) คอื การปฏบิ ตั กิ ารทงั้ ปวงบนระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ มี ๓ กจิ กรรมยอ่ ยคอื ๑.๒.๑ การโจมตีเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์(COMPUTER NETWORK ATTACK: CNA) คอื กจิ กรรมต่างๆที่ ขดั ขวาง, ปฏเิ สธ, ลดขีดความสามารถ, ทาลาย ข้อมูลข่าวสารต่างๆท่ีอยู่ใน คอมพวิ เตอร/์ เครอื ขา่ ย ตลอดจน เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ์ ละตวั เครอื ขา่ ยเอง ๑.๒.๒ การป้ องกันเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (COMPUTER NETWORK DEFENSE: CND) คอื มาตรการต่างๆท่ใี ช้เพ่อื ป้องกนั ขอ้ มูล, คอมพวิ เตอร์, การเช่อื มโยงเครอื ข่ายต่างๆ ไม่ใหถ้ ูก ขดั ขวาง, ปฏเิ สธ, ถูกลดขดี ความสามารถ/ทาลาย ๑ .๒ .๓ ก า ร ข ย า ย ผ ล เค รื อ ข่ า ย ค อ ม พิ ว เต อ ร์ (COMPUTER NETWORK EXPLOITATION: CNE) คือ การใช้ระบบคอมพวิ เตอร์เพ่อื สนับสนุนการปฏิบตั ิการ และการรวบรวม ขอ้ มลู ขา่ วสารจากเป้าหมาย หรอื ระบบเครอื ข่ายขอ้ มลู อตั โนมตั ขิ องฝ่ายตรงขา้ ม ๑.๓ การรกั ษาความปลอดภยั ทางการยทุ ธ์ (OPSEC) คอื มาตรการ/กระบวนการ/วธิ กี ารต่างๆท่ี ผบ.และ ฝสธ. กาหนดข้นึ เพ่อื รกั ษาความลับข้อมูลท่ีสาคญั ยง่ิ ของฝ่ ายเราด้วยการระบุข้อมูลสาคัญ เหล่านัน้ (ESSENTIAL ELEMENT OF FRIENDLY INFORMATION: EEFI) และป้องกนั มใิ ห้ฝ่ ายตรง ข้ามเข้าถึงหรอื ได้ไปซ่ึงข้อมูลดังกล่าวมิฉะนัน้ ฝ่ ายตรงข้ามจะทราบถึงเจตนารมณ์ กิจกรรม ความ ล่อแหลม ของฝ่ายเรา ๑.๔ การลวงทางทหาร (MIITARY DECEPTION) คอื กจิ กรรม/ชุดของกจิ กรรม ทก่ี ระทาเพอ่ื ให้ ผู้ตดั สนิ ใจของฝ่ ายตรงข้ามหลงเช่อื /เขา้ ใจผดิ เก่ยี วกบั ขดี ความสามารถ, เจตนา, การปฏิบตั ิของฝ่ ายเรา และสง่ ผลใหฝ้ ่ายตรงขา้ ม กระทา/ละเวน้ การกระทา ซ่งึ จะสง่ ผลทเ่ี ก้อื กูลต่อการสาเรจ็ ภารกจิ ของฝ่ายเรา เช่น การเขา้ ตลี วง การแสดงลวง เป็นตน้ ๑.๕ การปฏบิ ตั กิ ารจติ วทิ ยา (PSYOP/MISO) คอื กระบวนการในการสง่ ผ่าน ขอ้ มลู /สงิ่ บอกเหตุ ทก่ี าหนด ไปยงั เป้าหมาย เพอ่ื ใหเ้ กดิ อทิ ธพิ ลต่อ อารมณ์, แรงจงู ใจ, กระบวนการคดิ ตามเหตุผล อนั จะทา ใหก้ ลุ่มเป้าหมายเหล่านนั้ มพี ฤตกิ รรมท่จี ะ กระทา/ละเวน้ การกระทา ซ่งึ จะส่งผลสุดท้ายท่เี ก้อื กูลต่อการ สาเรจ็ ภารกจิ ของฝ่ายเรา ๒. ขดี ความสามารถสนบั สนุน (SUPPORT CAPABILITIES)


วิชา การเตรียมสนามรบด้านการข่าว IPB

Enter your Authorization ID to access.

Enter
Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook