Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาการขี่ม้า

วิชาการขี่ม้า

Published by qacavalry, 2021-01-12 02:38:25

Description: วิชาการขี่ม้า
รหัสวิชา ๐๑๐๒๐๓๐๘๐๑
หลักสูตร ปฐมนิเทศนายทหารใหม่ เหล่า ม.
แผนกวิชาการขี่ม้า กศ.รร.ม.ศม.

Search

Read the Text Version

๑๐๑ ๘.มาตรฐานในการฝึกก็คอื การเคล่อื นท่ีไปข้างหน้าอย่างอสิ ระในข้ันตน้ ควรมผี ชู้ ว่ ย ๒ คน คนหนง่ึ อยทู่ าง ตอนหัวม้าเพ่ือใหร้ างวัลในเม่ือปฏบิ ตั ติ ามเสยี งส่ังอกี คนหน่ึงตามหลงั เพ่ือกระตนุ้ ในเมื่อม้าไมเ่ คล่ือนท่ีไปข้างหนา้ ครู ฝึกไม่ควรพยายามยกหวั ม้าข้ึนเพราะจะทาให้ม้ากา้ วส้ันลงและขัดต่อการเคล่ือนที่ไปขา้ งหนา้ อย่างอิสระนคี้ รฝู ึกไม่ ควรใชข้ าต่อม้า เพราะยอ่ มจะทาให้ม้าไวนอ่ งได้ ในขณะที่ฝกึ ใหม้ า้ เรยี นรู้การเคล่ือนทไี่ ปข้างหนา้ อย่างอิสระนีค้ รูฝึก ค่อย ๆ ให้มา้ ร้จู ักแรงกดของน่องและใช้น่องกดแทนเสียงสัมพนั ธไ์ ปตามลาดับเมื่อใช้น่องมากขนึ้ กใ็ ชเ้ สยี งนอ้ ยลงไป ดว้ ย ๙.เมอ่ื มา้ เดนิ ได้ดีมีแรงดนั จากสว่ นทา้ ยแล้วก็ยกหัวใหด้ โี ดยทาคร้งั ละสั้น ๆ ทั้งนเ้ี พื่อเป็นการเริ่ม เตรยี มสาหรับอาการทรงตัวของม้า ศนู ยจ์ าเพาะของมา้ ท่ยี ังไมไ่ ด้ฝกึ นั้นค่อนข้างไปข้างหนา้ ปละหวั ยกต่ากว่าหวั มา้ ที่ทรงตวั ถูกต้องดี การยกหัวม้าและการเก็บส่วนท้ายน่องแหลมเข้าใต้ตัวม้า เป็นการทาให้ศูนย์ถ่วงจาเพาะเคลื่อนท่ีมาทางข้างหลัง ครูฝึกพึงระมัดระวังอย่าให้กล้ามเนื้อคอ และเอวท่ียังไม่สมบูรณ์ให้มากเกินไปด้วยการให้ม้าต้องยกหัวสูงเป็น เวลานาน ๆ ๑๐.ในตอนนอ้ี าจจะฝกึ ใหม้ า้ ทาการเลี้ยวและหยุดดว้ ย การเล้ยี วต้องจงู ใหถ้ ูกตอ้ งดว้ ย การไมใ่ ห้ สว่ นทา้ ยปัดไปในเวลาใหห้ ยุดตอ้ งระมดั ระวงั อยา่ ให้มีการกระตุกปาก ตอ้ งอดั น่องและร้งั บังเหยี นใหพ้ อเหมาะ การฝกึ ขนั้ ที่ ๒ การสอนให้รจู้ ักเช่อื ฟังการประสานเคร่ืองมือบงั คบั ให้มากขึ้น ๑.ความมุง่ หมายเพ่อื จะฝึกให้ม้าใหมร่ จู้ กั เข้าใจและเช่ือฟงั เครอื่ งมอื บงั คับม้าให้มากข้ึน อาจเรม่ิ ตน้ ได้ในเมื่อ - ม้าได้ยกหัวและตัง้ คอดีแล้ว - รจู้ กั การเดนิ และว่ิงเรยี บดี รู้จักการเล้ยี วและการหันอย่างถูกต้อง ๒.ควรจะใหม้ รี ะยะเวลาการฝึกเดิน ว่งิ เรยี บด้วยการยกหัวอย่างถูกต้อง และสามารถใหเ้ คล่อื นที่ อย่างอิสระด้วย ต้องฝึกการทาวงทั้งสองข้างในการนี้ต้องระมัดระวังให้ม้าเบนตัวได้อย่างถูกต้องคือให้ส่วนท้ายตาม แนวทางของหนา้ มอื กนั อยตู่ ลอดและต้องรักษาให้มแี รงส่งจากท้ายมา้ ให้ต่อเนื่องตลอดเวลา ๓.เป็นระยะทจี่ ะต้องสอนให้มา้ รจู้ ักการเคลื่อนที่ทางขา้ งและการถอยหลงั ข้อระมกั ระวังในการ ถอยหลงั น้นั จะต้องให้มา้ อยู่ในการบงั คบั ของผู้บังคับอยา่ งแท้จริงอยา่ ให้เฉหรอื ถอยออกไปจากกรอบบงั คับ ในตอน แรก ๆ นั้นไม่ต้องบังคับให้มา้ ยกหัวสูงเพราะจะทาให้เปน็ การเพ่ิมน้าหนักให้ทา้ ยม้ามากเกนิ ไป ๔.เม่อื มา้ รจู้ ักการบงั คับของนอ่ งดีแลว้ ก็ควรเรม่ิ หดั ออกวิ่งโขยกนี้ควรจะได้ตั้งต้นหัดใหว้ งิ่ จากการ ทาวงด้วยการวิ่งเรียบช้า ถ้าม้าชักขานาวิ่งออกถูกขาก็ปล่อยให้ม้าว่ิงต่อไปแล้วก็ตบคอเบา ๆ แสดงความพอใจ ถ้า ม้าชกั ขาผิดครฝู ึกต้องค่อย ๆ บังคับให้ม้าว่ิงเรียบแล้วตั้งต้นใหม่อีกคร้ังในระยะสุดท้ายของข้ันนี้ม้าควรจะได้รับการ ฝึกใหอ้ อกวิง่ โขยกด้วยความเรียบร้อยและน่ิมนวลในการเบี่ยงท้ายม้านิดหน่อยใช้เคร่ืองมือบังคับอย่างเบาที่สุด การ ฝึกนี้จะสาเรจ็ ได้ดดี ้วยความมานะอดทนในการฝกึ อย่าใจร้อน ๕.ในระยะท้าย ๆ ของข้นั นีค้ วรจะไดร้ บั การฝกึ การหันโดยใชข้ าหลังเป็นหลักให้มาก ๆ พร้อมด้วย การขฝี่ ึกปล่อยบังเหยี นท้ังการวงิ่ เรยี บวิ่งโขยกและทาวง ๖.การพจิ ารณาว่าม้ามคี วามสมบูรณพ์ ร้อมที่จะเขา้ รับการฝกึ ในขัน้ ท่ี ๓ ได้มดี งั นี้ - มา้ ควรจะสามารถเดินวง่ิ เรยี บหรอื วิ่งโขยกด้วยบงั เหียนคุมหรือปล่อยบงั เหยี นได้ ทง้ั มี ความสามารถรู้จักเก็บตัวไดท้ ุกฝเี ท้าดว้ ย - มา้ ควรจะสามารถหยุด ถอยหลังและเคลื่อนท่ีทางข้างในเวลาเดินไดเ้ รยี บร้อยและเช่ือฟัง

๑๐๒ - มา้ ควรจะสามารถผา่ นสง่ิ ตา่ ง ๆ โดยไม่ตนื่ สามารถข่ีไปบนถนถนเป็นหมู่ หรือเดย่ี วได้และ สามารถเข้าแถวไดเ้ รียบร้อย การเคลื่อนที่ทางขา้ ง ความมุ่งหมายในการเคล่ือนทีท่ างข้างนนั้ กล่าวไวใ้ นผนวกท่ี ๑ จะตอ้ งทาการหดั เคล่ือนที่ทาง ขา้ งใหแ้ ก่มา้ เปน็ ๒ ขั้นตอนคือ ขั้นท่ี ๑ ข้ันฝึกบนพื้นดินครูฝึกอยู่ทางซ้ายม้า มือซ้ายจับสายรัดดั้งใต้คางสายบังเหียนคงพาดไว้บนคอ ผชู้ ว่ ยคนหนงึ่ ยนื อยูท่ างซา้ ยมา้ ถือแสเ้ ตรยี มไว้ เพอื่ พร้อมจะทาใหม้ า้ รกั ษาแรงสง่ เรียบรอ้ ยแล้วครูฝึกออกคาสั่งบอก ว่า “หน้า….เดิน” แล้วใช้แส้ที่อยู่ในมือขวากดด้านหลังรัดทึบเป็นพัก ๆ โดยการกระทาเช่นนี้ม้าจะก้าวขาข้ามกัน และเคลอ่ื นท่อี อกไป เมือ่ เคล่อื นท่ไี ปทางข้างได้ ๒ – ๓ ก้าว ก็ใหห้ ยดุ แล้วปลอบแสดงความพอใจด้วยการตบคอเบา ๆ ถ้ามา้ ยงั งงหรือมีกรณยี งุ่ ยากอ่นื ๆ เกิดข้ึนก็ครูฝึกออกไปยนื ทางขา้ งหน้าม้าหันหน้าเข้าหาม้าแล้วใช้มือทั้งสองข้าง จับสายบังเหียนในท่า “จัดแถว” ต่อจากน้ันครูฝึกก้าวไปทางข้างพร้อมกับผู้ช่วยใช้ด้ามแส้กดท่ีหลังสายรัดทึบ เม่ือ ม้าเคลือ่ นทไ่ี ปทางข้างได้แล้ว ก็กลบั มาทาซ้าทางซา้ ยอีก ข้ันท่ี ๒ ขนั้ ฝึกบนหลงั ม้า ครฝู ึกขึ้นหลงั ม้าแล้วพยายามใหม้ ้ารจู้ ักการบังคับด้วยนอ่ งตอนแรกให้มีผู้ชว่ ยยืน อยขู่ ้างมา้ ก่อน พร้อมทีจ่ ะใชด้ ้ามแสด้ ังอธบิ ายในขั้นที่ ๑ ในกรณีมา้ ยงั ไมร่ ู้จักและไมป่ ฏบิ ัติตามการบังคับด้วยน่อง ในทัง้ ๒ ขั้นนี้ ครฝู ึกต้องพยายามใหม้ า้ เก็บคอโดยโค้งท่หี ลังท้ายทอยและเบนไปในทิศทางทเ่ี คลื่อนทส่ี ว่ นที่ เหลือคือส่วนคอและสว่ นลาตัวตรง อย่างไรก็ดใี นคร้ังแรก ๆ มา้ อาจจะเบนไปในทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม ดังนัน้ จงึ ต้อง คอ่ ย ๆ ฝึกตามลาดบั การฝกึ ข้นั ท่ี ๓ การเกบ็ ม้า และการฝึกขั้นสูงขนึ้ ๑.ข้ันน้ีเป็นการสอนให้ม้าเก็บคอ เพราะเป็นเคร่ืองช่วยสาหรับม้าเก็บตัว การเก็บสอนให้ มา้ สามารถกระทาการเคล่ือนที่ทางข้างได้ทุกฝีเท้า ทาให้ม้าเปล่ียนขาในเวลาวิ่งโขยกทาให้ม้าสามารถไปบนพ้ืนที่ไม่ ราบเรยี บได้อยา่ งเรยี บรอ้ ย วิ่งหอ้ เป็นหมู่โดยไม่ดึงบังเหียนว่าโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว การเก็บม้าก็คือการนาม้าเข้าสู่ อานาจของผู้ขี่นน่ั เอง ถงึ ตอนสุดท้ายของข้นั นีม้ า้ ควรได้รับการขเ่ี ขา้ แถว การฝึกของกองพันในระยะเวลาสั้น ๆ บา้ ง ๒.ในการเกบ็ ม้านน้ั ครฝู ึกตอ้ งทาให้เกิดแรงดนั จากส่วนทา้ ยใหม้ ากอยตู่ ลอดเวลา ความสาคญั ของ การฝึกท่ีดีนั้นอยู่ท่ีการเคล่ือนที่ไปข้างหน้าอย่างอิสระม้าส่วนมากพยายามหลีกเลี่ยงการถูกบังคับให้ทาให้เกิดกาลัง ดัน ซ่ึงถ้าม้าไม่ได้เรียนรู้และกระทาส่ิงนี้แล้วครูฝึกย่อมไม่อาจทาให้ปากม้ารับบังเหียนและม้าอยู่ภายใต้อานาจที่ ถูกตอ้ งได้ ๓.การฝึกส่วนมากจะตอ้ งฝึกใหอ้ ิสระแตกต่างกนั ดังน้นั ครูฝึกอาจจะเชื่อได้ว่าม้าอยูใ่ นบงั คับของ การบังคบั ไมใ่ ช่วา่ ทาตามมา้ อืน่ หรือทาเพราะความเคยหรอื ทาเพราะนสิ ยั ทีไ่ ด้เรียนรูม้ าถ้าสารวจพบว่าม้าเริ่มนิสัย เสยี หลังจากการตรวจสอบทางกาลังแลว้ กน็ ากลับมาฝึกมาแตเ่ ดิมให้มากขนึ้ ๔.การเปลี่ยนขาในเวลาวิ่งโขยกนน้ั ควรกระทาบนรูปเลข ๘ เบอ้ื งแรกใช้การเดนิ กงึ่ ก่อนแล้วในที่ สุดทาบนเส้นตรง การนี้อาจเริ่มด้วยการโขยกม้าไปตามทางขวาของโรงฝึกด้วยการใช้ขาซ้ายนาเมื่อถึงมุมโรงฝึกก็ บังคับให้มา้ เปลยี่ นขา การว่ิงโขยกน้ีควรให้ม้ายกหัวสูง ใช้ฝีเท้าช้าและเก็บให้มากที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ ในตอนแรก ๆ นน้ั ควรลดฝเี ท้าเป็นว่ิงเรยี บ ๒ – ๓ ก้าวกอ่ นแลว้ จงึ บังคับใหอ้ อกโขยกให้ถูกขาตามที่ต้องการ ในการฝึกวิ่งโขยกถ้า หากม้าตวั หนง่ึ หรือสองตัววิง่ โขยกผิดขาก็ไมจ่ าเป็นตอ้ งให้เปล่ยี นขา เป็นแตส่ ่งิ ให้ผขู้ โ่ี ขยกผดิ ขาเขา้ มาในวง ๕.สว่ นมากของการเลยี้ วยกลับหลังด้วยการใชข้ าหลงั เปน็ หลักในการวิ่งโขยกนัน้ ควรจะกระทา อย่างแคบโดยม้าไมต่ ื่นเตน้ หรือดึงบงั เหยี นหากทาดังกลา่ วจะตอ้ งรบี แก้ทนั ทีด้วยการหยุดและถอยหลงั

๑๐๓ ๖. ม้าที่ออกวงิ่ โขยกผดิ ขาเวลาหยุดอยู่กับท่ดี ว้ ยบงั เหยี นปลอ่ ยนน้ั จะต้องมีการทรงตวั ดแี ละ ดว้ ยการขมี่ า้ เกบ็ น้ีเองจะทาใหม้ า้ โขยกด้วยฝเี ท้าชา้ ท่สี ดุ และหยุดเม่ือถูกบงั คบั อย่างเบาที่สุด ๗. ควรต้องสอนให้ม้ารูจ้ กั การสงิ่ ห้ออยา่ งสมา่ เสมอ มา้ ดึงบงั เหยี นพอให้ผขู้ ี่ควบคมุ อาการทรง ตวั ของตนไดแ้ ต่ก็พร้อมทจี่ ะลดฝเี ทา้ ลงและเปล่ยี นการทรงตัวได้โดยเรว็ ๘. ตอ้ งสอนให้ม้ารู้จักการเขา้ แถวเป็นตอนหรือกองร้อย ข้ันแรกคอื ระยะเคียงหา่ ง ๆ แลว้ ก็คอ่ ยลด ลงตามลาดับ ตอ้ งหัดใหค้ นุ้ เคยกับสี,แสง,เสยี ง และสิ่งต่าง ๆ ทใ่ี ช้ในกิจการทหารต้องสอนใหม้ า้ ผละจากมา้ อ่นื ๆ ได้ ในทกุ ฝเี ท้าและรจู้ ักยืนน่ิง ๆ เมอื่ เห็นมา้ อ่ืน ๙. ม้าใหม่ทไ่ี ด้รับการฝึกดแี ล้ว ควรมลี ักษณะดงั น้ี - ยืนนง่ิ เวลาขึ้นมา้ และลงจากม้า - จงู ได้ดี - มอี าการทรงตัวดี - ปฏบิ ัตติ ามบังคบั ได้อยา่ งถูกต้อง - สามารถเคลื่อนท่ีทางขา้ ง ถอยหลงั หยดุ และทาเลข ๘ ได้ถูกต้อง และอยู่ในอาการเกบ็ ทั้ง สามารถขด่ี ้วยบงั เหียนบังคบั มอื เดียวได้ - หนั ดว้ ยขาหน้าเป็นหลัก - สามารถกระโดดข้ามเครื่องกดี ขวางและไปได้ในทุก ๆ ภูมปิ ระเทศ - เข้าแถวได้เรยี บรอ้ ยและต้องไม่กลวั แสงสี และสง่ิ ต่าง ๆ - สามารถไปโดยตามลาพงั และเปน็ พวกในทุกฝเี ท้าตามท่ตี ้องการ ปากออ่ นลดฝเี ท้าได้เรว็ และ เรยี บร้อย - คุน้ เคยกับการบรรทุก เครื่องสนามและอาวธุ - ออกจากแถวได้โดยเรยี บร้อยไม่เกะกะ การเกบ็ คอ ๑.การเก็บคอแบง่ เปน็ ๒ชนดิ - เก็บคอตรง ในการเกบ็ คอตรงนน้ั ม้าจะต้องเก็บคางและโคง้ หวั ตรงหลงั ทา้ ยทอย - การเก็บคอเอีย้ ว ในการเก็บเอี้ยวน้ันม้าหันหัวไปทางข้างหวั โคง้ ตรงทา้ ยทอยและเก็บคาง ในการเกบ็ คอทัง้ ๒ ชนิดน้ี คอ (นอกจากส่วนตรงหลงั ท้ายทอย) และลาตัวตง้ั ตรงและขณะที่ทา การเกบ็ คอนี้ปากม้าจะต้องยอมรบั เหล็กบังเหยี นเข้าที่ ๒.ส่งิ สาคญั ควรทราบคือ ม้าจะเห็บตัวไดด้ ีต่อเม่ือม้าเกบ็ คอได้ถูกตอ้ งแล้ว ๓.กอ่ นท่จี ะสอนให้ม้ารูจ้ ักการเกบ็ คอแล้ว ครูฝกึ จะต้องทาการฝึกให้ม้ายกหวั และคอพร้อมกับรูจ้ กั การเคล่อื นทไี่ ปข้างหน้าไดอ้ ย่างถูกต้องเสียก่อน ม้าบางตัวท่มี รี ูปรา่ งไม่ดี เช่น คอหอยหนาจะเก็บคอได้ต่อเม่ือได้ลด หวั ตา่ ลงไป ๔.การเก็บคอตรง เร่ิมต้นดว้ ยครฝู ึกเกบ็ สายบงั เหียนให้มา้ ยกหัวอยู่ด้วยสายบังเหยี นปากอ่อนและ ในเวลาเดียวกันดึงสายบังเหียนเบา ๆ ใหม้ า้ ร้สู ึกและเก็บคาง เมอ่ื ม้าถกู บังคับและยอมเก็บคางแม้แตแ่ สดงอาการ เพียงเลก็ น้อย ครฝู ึกก็ควรแสดงความพอใจและตบคอเบา ๆ และปลอ่ ยให้มา้ เคล่ือนที่ไปขา้ งหน้าโดยอิสระดว้ ยการ หย่อนบงั เหียน เน่อื งดว้ ยลักษณะการเคลอื่ นที่ไม่ใช่เปน็ สิง่ ธรรมดาดงั น้ัน ในบางกรณจี ึงต้องใช้เวลาก่อนทมี่ ้าจะเขา้ ใจความตอ้ งการและปฏิบัติการตามบังคบั ๕.เม่อื มา้ รจู้ ักการเกบ็ คางตามความรสู้ กึ ทรี่ ับจากบงั เหียนแข็งดีแล้วตอนนก้ี ารบังคับของสาย

๑๐๔ บังเหียนปากแข็งจะมั่นคงกว่าเดิมและการเก็บคอท่ีต้องการก็จะเข้ารู้แน่ชัดข้ึนในทั นทีที่ม้าเก็บคางครูฝึกก็ต้องให้ การผอ่ นการบังคบั ของสายบงั เหียนปากแขง็ การปฏิบตั ิต้องรบี กระทาทันที ๖.การเก็บคอเอีย้ ว เม่ือม้าไดเ้ ก็บคอตรงถูกต้องแล้วครูฝกึ จงึ เร่มิ สอนการเกบ็ คอเอ้ียวการสอน ดาเนนิ ไปในแนวเดยี วกับการสอนการเกบ็ คอตรงโดยใชบ้ ังเหยี นปากอ่อนหันหัวม้าเก็บคางด้วยสายบังเหียนปากแข็ง ในขณะทม่ี า้ เคลือ่ นตรงไปบนเสน้ ตรงการกระโดด ๗.การกระโดดน้นั จะ ไดห้ ดั ตลอดระยะเวลาการฝกึ ม้าใหมต่ อ้ งพยายามทาใหม้ ้ารบั การกระโดด ด้วยการใหร้ างวลั แกม่ า้ ทนี่ ิสัยดี ม้าซึง่ แสดงความเจ็บปวดให้เหน็ แมเ้ พยี งเลก็ นอ้ ยนั้นไม่ควรให้กระโดด ครูฝึกควรจะ ให้ตรวจม้าทุกวันเพ่ือดูว่าม้าบาดเจ็บหรือไม่การให้ม้าที่ยังอ่อนหัดหรือที่แข้งขาเจ็บกระโดดนั้นเป็นสาเหตุทาให้ม้า เกเรไม่ยอมกระโดด ๘.เครอ่ื งกระโดดควรทาด้วยของแข็งเพอื่ ให้มา้ รู้แต่เริ่มตน้ ทเี ดียวว่าหากเตะติดเครื่องแลว้ จะต้องได้ รบั ความเจ็บปวดจดั ทาหลายชนดิ รวมทง้ั คดู ว้ ย ๙.การฝึกควรเร่ิมตน้ ในคอกกระโดดควรตงั้ เคร่ืองใหต้ ่ามากความสงู ๑ – ๒ ฟตุ ควรใหค้ รฝู กึ จงู มา้ กระโดดไปตามลาพังการจูงใช้วิธีจูงทั้งสองข้างสลับกันในการกระโดดนี้ไม่ควรทาให้ม้าตื่นเต้นหรือรีบร้อนจนเกิน ควร แต่เมือ่ ม้าคุ้นกบั คอกกระโดดและร้ถู งึ ความตอ้ งการในการปฏิบัตแิ ลว้ ในตอนนไ้ี ม่ควรใหม้ า้ ลังเลหรอื หยดุ ได้ ๑๐.การฝกึ ในโรงฝกึ ทง้ั สองขา้ งสลบั กนั เชน่ ฝึกทางขวา ๑ สปั ดาห์แล้วเปลี่ยนไปเคลื่อนท่ที างซา้ ย ในสปั ดาห์ตอ่ ไป ในการฝึกกระโดดในคอกนน้ั ถ้าหากได้ใช้ม้าเก่านามา้ ใหมก่ ระโดดแลว้ ก็จะทาให้ม้าใหม่มีความ เชอ่ื มนั่ และกระโดดได้ดีขึน้ การฝึกกระโดดครงั้ แรกนนั้ ควรให้มา้ กระโดดดว้ ยฝเี ทา้ ว่งิ เรยี บวิธที าใหม้ า้ มกี ารทรงตวั ดี และกระโดดออกดว้ ยการยนั ขาหลัง ( ยอ่ ทีข่ ้อน่องแหลมแล้วยันตวั ส่ง) เม่ือกระโดดข้ามเครอ่ื งกระโดดไปแลว้ กใ็ ห้ รบี ดึงมา้ อย่าดึงช้าเกินไป การใช้เครือ่ งกระโดดในการข่ีกระโดดนี้ก็ใชเ้ คร่ืองตา่ ๆ ดงั อธิบายมาแลว้ ในข้ันนี้ควรได้ใช้ สายคลอ้ งคอทุกคราว เพื่อให้ผขู้ ี่รกั ษาอาการทรงตวั และเพ่ือบรรเทาอนั ตรายทจี่ ะเกดิ จากการกระตุกปากมา้ ๑๑.ในการข่ีกระโดด ๒ – ๓ คร้ังแรก หากมา้ ได้กระโดดขา้ มเคร่อื งเรยี บรอ้ ยแลว้ ผู้ขี่ควรจะไดล้ งจาก หลงั ม้าและเอารางวัลใหก้ ิน ๑๒.ถ้ามา้ เขา้ เครื่องได้เรียบร้อยดีแล้วไม่ควรให้กระโดดตามกนั ให้กระโดดทลี ะตวั ๑๓.ถา้ ม้าชอบเชด็ เครื่องหรอื หัวทมิ่ ในตอนกระโดดถึงพื้นเครอื่ งท่ีควรใชช้ นดิ นฝี้ ึกกระโดดหรือ เครอ่ื งท่ีมีความสงู แตกต่างกันวางรวมกันในระยะตา่ ง ๆ กนั ๑๔.พงึ หม่ันตรวจตราทางวง่ิ ในทางกระโดดให้มากอย่าให้เป็นหลมุ เลน ๑๕.ถึงมา้ จะแสดงทท่ี ี่ดีก็ไม่ควรรีบเรง่ การฝึกให้เข้าเคร่ืองแรง การเคลอ่ื นท่ีทางขา้ ง ( ขัน้ ท่ี ๑ ) ๑.การเคลื่อนท่ีทางขา้ งซ่ึงกระทาในโรงฝึกมี ๔ อย่าง คอื - การเคลือ่ นทเ่ี ก็บไหลเ่ ขา้ ใน ( Showlder In ) - การเคลื่อนทเี่ กบ็ ไหล่นอก ( Showlder Out ) - เคลื่อนท่ีทางกึ่งโดยหนั หน้าเข้าหามมุ ฝกึ ทามุม ๓๐ องศา (Travers) - เคลื่อนที่กงึ่ โดยหนั ตะโพกม้าเขา้ หามุมฝึกทามุม ๓๐ องศา (Revers) ๒.การเคลอื่ นทีเ่ กบ็ ไหล่ซ้ายกระทาได้ดงั นี้ ขณะทมี่ ้าเร่ิมเลี้ยวซา้ ยเขา้ ด้านยาวของโรงฝึกดงึ บงั เหยี น หลังตะโหงกซา้ ยบังคับให้ไหลข่ วานาและเอียงไปขา้ งหน้าจะเกบ็ ไหล่ซา้ ย น่องซา้ ยกดหลังสายรัดทึบและกากบั การ เคล่ือนท่ี น่องขวาคุมอย่าให้ท้ายม้าปดั ออกนอกทาง ๓.การใช้คาบอก

๑๐๕ - “หน้า……เดิน” - “หยุด” - “ไหลข่ วาออกนอก – เดิน” หรอื “เกบ็ ไหลซ่ า้ ยเข้าใน – เดิน” ๔.สง่ิ ทคี่ วรสังเกต - หัวของมา้ โค้งที่ท้ายทอย ไมใ่ ช่ทไ่ี หล่ ถา้ ม้าโคง้ คอทีไ่ หล่แทนการโคง้ หวั ที่ท้ายทอยแลว้ ผู้ขจ่ี ะไม่ สามารถควบคุมส่วนหน้ามอื ไดแ้ ละถ้ามา้ เคลื่อนท่ีอยา่ งบงั คับทางเดียว คือหวั ม้าโค้งตรงข้ามกับ การเคลอื่ นท่ี ผลทเี่ กิดทาให้ม้าขาดการทรงตวั และความอ่อนตัวนอกจากนั้นอยา่ ให้สว่ นหลังมือ นาหน้าสว่ นหนา้ มือและอย่าให้ม้าก้าวถอยหลงั ได้ ปากม้าต้องรบั เหลก็ บังเหียนตลอดเวลาและ พร้อมทจ่ี ะเคล่ือนทีต่ รงไปขา้ งหน้าในเมื่อต้องการ - อยา่ ใหส้ ่วนหนา้ มอื และส่วนหลังมอื เคล่ือนท่สี ลับหนั - อย่าใช้บังเหียนยาวเกินไป - อยา่ ใชน้ อ่ งคุมกระแทกขา้ งของม้าในเม่ือมา้ เคลื่อนทมี่ ากเกินไป - ผู้ข่ีตอ้ งมองไปในทางทบี่ งั คบั ให้มา้ เคลือ่ นท่ีไป ๕.การบงั คับเช่นเดียวกบั การเคลอ่ื นทเี่ กบ็ ไหลซ่ ้าย (การเคลอื่ นทไ่ี หล่ขวาออกนอก) การเคล่ือนที่ทางขา้ ง (ข้ันท่ี ๒) ๑.การเคลื่อนที่ทางกึ่ง (Half Pass) การบงั คบั มา้ ให้เคลื่อนที่ทางก่ึงกระทาเช่นเดยี วกบั การเคล่อื นท่ี Travers และ Renvers ๒.การเคลื่อนที่กึง่ กระทาได้ท้ังวงิ่ เรียบและวิ่งโขยก (รวมทง้ั ฝีเทา้ เดนิ ดว้ ย) ๓.สิ่งที่ควรจา - เก็บมา้ ก่อนทจี่ ะเร่ิมเคลื่อนทกี่ ึ่ง - Travers ทางซา้ ย หมายความถึง บงั คบั ม้าใหห้ นั หนา้ เขา้ หาโรงฝึกทามมุ ๓๐ องศา และเคลอ่ื นท่ี ไปทางซ้ายของโรงฝกึ , Renvers ทางซา้ ยหมายถึงบังคับใหม้ ้าหันท้ายมา้ เข้าหาโรงฝึกทามุม ๓๐ องศา และเคลื่อนท่ีไปทางซา้ ยของโรงฝึก - ดึงบงั เหียนให้มา้ โค้งหัวไปในทิศทางทีเ่ คลือ่ นท่ี (บงั เหียนตรงหรอื บงั เหยี นเปดิ ) การดึงนี้กระทา กอ่ นการบงั คบั ให้กระทาการเคลอ่ื นที่กง่ึ ท้งั นเ้ี พื่อนาสว่ นหนา้ มือให้เขา้ ที่ถูกต้องกอ่ น - ใช้น่องคมุ มา้ ให้ปากรับเหลก็ บังเหยี นและเพอื่ กันไม่ใหท้ ้ายม้านาส่วนหน้ามอื และใช้ บงั เหียนชว่ ยในการปฏิบัติการควบคุมส่วนหนา้ มอื ๔.เมื่อม้าทาการเดนิ ก่ึงไดด้ ีแล้วจึงปฏิบตั ิในทานองเดียวกันสาหรบั วง่ิ เรียบกง่ึ และก่งึ ๕.การเคลอ่ื นที่ทางข้างกระทาเช่นเดยี วกัน การเคลอ่ื นท่กี ึง่ ผิดกันท่มี ุมองศา การเคล่ือนท่ีกึง่ เคล่ือนท่ี เฉียงเป็นมมุ ๔๕องศา การเคล่ือนท่ที างขา้ งตั้งฉากได้เปน็ มุม ๙๐ องศา คาแนะนาสาหรับการฝึกมา้ ใหมใ่ นโรงฝึก ขอ้ พจิ ารณาโดยทว่ั ไป มา้ ท่ไี ด้รับการฝึกแล้วตอ้ งมีสิง่ ตา่ ง ๆ ดังน้ี - มีอาการทรงตัวดแี ละมคี วามสามารถในการบรรทุกนา้ หนกั เดนิ ทางไกลได้ - อย่ใู นบงั คับและไวในการปฏบิ ัตติ ามการบังคับที่ถูกต้อง - สามารถขบี่ งั คับมือเดยี วได้ในทุกฝเี ท้าท้ังไปเป็นหมู่และตามลาพัง ม้าทีม่ ีอาการทรงตวั ดีนน้ั คอื ม้าทส่ี ามารถปรบั ศนู ย์ถ่วงจาเพาะไดเ้ มาะสมกับรูปลักษณะกาลงั กาย

๑๐๖ และกลา้ มเนื้อได้โดยไมย่ ากไม่วา่ จะเคลอื่ นทไ่ี ปทางหลงั ทางหน้าหรอื ทางขา้ งง และดว้ ยความปรับศนู ยถ์ ว่ งน้นั เอง ทาไดง้ า่ ยต่อการลดหรือเพมิ่ ฝีเทา้ หรือเปลี่ยนทิศทางได้สะดวกเหมาะสมตามความต้องการ มา้ จะเปลี่ยนศูนย์ ถ่วงจาเพาะไปทางหลงั ไดโ้ ดยการยกหวั และคอส่วนหนงึ่ กบั อกี สว่ นหนึ่งด้วยการเกบ็ ขาหลงั และส่วนท้ายเขา้ ใต้ตัว และใชส้ ว่ นเอวรบั นา้ หนักทาใหส้ ว่ นหนา้ มือเบา ถงึ แม้วา่ จะมรี ปู รา่ งลกั ษณะดเี พียงใดกต็ ามถา้ หากไม่ไดร้ บั การฝกึ ดีหรอื ไมส่ มบูรณ์ดีแลว้ เวลา ช่ังตัวกล้ามเน้ือในการทรงตัวจะล้าเร็ว ส่วนใหญ่คือกล้ามเน้ือที่คอ ที่ตะโพกและเอวทั้งนี้ในไม่ช้าก็จะหมด ความสามารถในการปรับตวั การทรงตัวตามความต้องการได้หรือจะกล่าวอีกในหนึ่งก็ได้ว่า ม้าเร่ิมหนักหน้าและยัน บงั เหยี นโดยธรรมชาติของม้า มา้ บางตัวอาจจะปากอ่อนบางตัวอาจเบาน่องหรือบางตัวเกลียดแมลงแต่ไม่มีม้าตัวใด ถึงแม้จะเป็นม้าทึบก็ตามจะฝืนใจอดทนต่อความเจ็บปวดจากเหล็กบังเหียนในเมื่อรู้ว่าทาอย่างไร จะหลีกได้และ กาลังกายสามารถให้ม้าหลีกได้ความกดของเหล็กบังเหียนปากแข็งอาจทาให้ม้าที่ไม่สมบูรณ์ทรงตัวอยู่ได้ใน ระยะเวลาหนึง่ เพราะม้าพยายามหลเี ลย่ี งไม่ให้ปากเจบ็ นานเท่าที่กล้ามเน้ือต่าง ๆ จะทนได้แต่เม่ือมาถึงจุดล้าเต็มท่ี ท่ีจะทาให้ถูกต้องแล้ว ในตอนน้ีม้าก็จะไม่มีกาลังท่ีจะเก็บขาหลังเข้าใต้ตัวไม่ยอมอยู่ในบังคับของเหล็กบังเหียน ปากแข็งอย่างที่กล่าวมาแล้วด้วย เมื่อมาถึงจุดนี้เหล็กบังเหียนท่ีกดนั้นไม่เพียงแต่ว่าจะทาให้ม้าปากแข็งดึงเหล็ก บังเหยี นและด้ือเทา่ นน้ั ยังอาจเป็นผลทาใหช้ อ่ งเหงือก (BAR) ซึง่ จะเป็นการทาลายมา้ ในระยะเวลาต่อไปได้ ในการกฬี าน้นั เราเหมอื นวา่ เห็นคนเลน่ ดี บางคนเลน่ ไมด่ ี ทงั้ นีเ้ พราะว่ารา่ งกายและกล้ามเนื้อ แขนขาท่ีแตกต่างกัน ม้าก็เหมือนกันบางตัวก็มีการทรงตัวดีกว่าตัวอื่นแต่อาการทรงตัวน้ีสามารถทาให้เจริญขึ้นได้ ด้วยระยะเวลาเช่นเดียวกบั คนให้เป็นนักกีฬาเหมือนกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าม้าจะมีอาการทรงตัวดีตามธรรมชาติ แล้วก็ตามก็จะต้องให้มีการฝึกและฝึกฝนให้มีการชั่งตัวดีท้ังนี้ผู้ข่ีอยู่บนหลังม้าหรือไม่มี ในการเพ่ิมกาลังกล้ามเน้ือ ตอ้ งเพิม่ กาลังกลา้ มเนอ้ื สาหรบั นา้ หนกั และกาลงั กายทงั้ หมดดว้ ย การนจ้ี าเป็นต้องใช้ระยะเวลาหน่ึงเช่นเดียวกับคน หดั กีฬาเหมือนกัน การฝึกหัดที่ถูกต้องในโรงฝึกยอ่ มเปน็ การเพ่ิมกาลังกล้ามเน้ือและทาให้ตวั ม้าอ่อนดว้ ย ก่อนท่ีมา้ จะเรยี บร้อยและไวตอ่ การปฏิบัตติ ามการบังคับท่ีถกู ต้องและสามารถข่ีด้วยมือเดียวใน ทุกฝีเท้าได้นั้นม้าต้องมีการช่ังตัวท่ีดี ในการฝึกหัดตามรายการนี้นอกจากจะทาให้การทรงตัวดีขึ้นแล้ว ยังทาให้ คณุ ลกั ษณะอน่ื ๆ อีก ๒ ข้อ ดีขน้ึ แล้วยงั ทาใหม้ ้าไดเ้ รียนรู้การปฏบิ ตั ิตามมอื และน่องแนน่ อนอีก นับต้งั แต่เรมิ่ การฝึกผ้ฝู กึ จะต้องระลึกอยเู่ สมอว่า มคี วามมงุ่ หมายที่จะใช้มา้ ท่ีได้รบั การฝึกแลว้ น้ัน ทางานทุกชนิดด้วยการด้วยบังเหียนมือเดียว เม่ือม้าได้เลี้ยวและทาวงด้วยบังเหียนแยกและใช้บังเหียนถูกต้อง แล้ว ก็ควรสอนให้ม้ารู้จักการปฏิบัติตามบังเหียนกลับต่อไป ครั้งแรกผู้ขี่ใช้บังเหียนแยกโดยใช้บังเหียนตรงมือหนึ่ง ส่วนอีกมือหน่ึงใช้บังเหียนกกลับ และหลังจากน้ันก็ใช้บังเหียนกลับเพียงมือเดียวเท่านั้น เมื่อม้าได้รับการฝึกให้ สามารถทาแบบฝึกหัดตามลาดบั ได้ถกู ตอ้ งด้วยข่ีแยกบงั เหียนแล้วตอ่ จากน้ันก็ฝึกใชบ้ งั เหียนมอื เดียว การฝึกควรใช้เหลก็ บังเหียนปากอ่อนอยู่ตลอดเวลาจนกระท่งั ครฝู ึกเชอ่ื แนว่ ่าเข้าใจการบังคับดี และมีอาการทรงตัวดีพอที่จะยกหัวอยู่ในท่าที่ถูกต้อง และตอบรับบังเหียนโดยไม่ยุ่งยากและชักช้าแล้วจึงกอยใช้ บังเหียนปาแข็ง ถ้าใช้เหล็กบังเหียนปากแข็งเร็วเกินไปอาจจะทาให้ม้าไม่รับบังเหียน หนีบังเหียน หรือเก็บคอมาก เกินไป และแล้วก็จะต้องเริ่มต้นหัดใหม่เสีย ในการใช้เหล็กบังเหียนปากอ่อนนั้นจะต้องจาไว้ว่าในบางกรณีเหล็ก บังเหียนปากอ่อนชนิดน้ีมีข้อต่ออย่างธรรมดา อาจก่อความเจ็บปวดให้แก่ปากม้าอย่างมากมายได้ มันมี ประสิทธิภาพในการยกหัวม้ามากกว่าเหล็กบังเหียนปากอ่อนชนิดครึ่งดวงจันทร์ หรือเหล็กบังเหียนปากแข็งของ กองทัพบกท่ีดึงบังเหียนและบางทีพยายามท่ีจะหลีกหนีความเจ็บปวดด้วยการเงยหัวข้ึน และเป็นม้าสอยดาว ง่อง ชว่ ยไม่ได้ เพราะเหตุวา่ มันเพียงแตป่ ูองกนั ไมใ่ หม้ ้าเงยหัวข้ึนเท่านัน้ แต่มา้ คงมีการต้านทานอยู่ตลอดเวลาและถ้าเป็น เชน่ นนั้ มา้ น้ันจะไม่เป็นม้าที่มีอาการทรงตัวดีและข่ีสบายเลย สาหรับม้าบางชนิดทางท่ีดีที่สุดควรใช้เหล็กบังเหียนท่ี

๑๐๗ ไม่มีข้อต่อจะทาให้ม้าไม่เจ็บปากและเคล่ือนท่ีไปอย่างเรียบร้อยด้วยเหล็กปากอ่อนชนิดครึ่งดวงจันทร์ม้าจะไม่ค่อย เอาขนึ้ ไว้บนเหลก็ บังเหยี น แบบฝกึ หดั ในโรงฝึกซงึ่ กาหนดไว้ตอนต้นต่อไปนเ้ี ปน็ ไปตามลาดับแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่า ม้าตอ้ งเรียนบทหนึ่งใหเ้ รยี บร้อยสมบรู ณจ์ งึ ต้ังบทต่อไปได้ ถ้าฝึกได้ถกู ต้องและเป็นไปตามกาหนดจะได้มา้ ทด่ี ีมี คณุ ลกั ษณะดงั กลา่ วไวใ้ นข้อ ๑ ขา้ งตน้ เป็นทร่ี ้กู ันอยู่แล้ววา่ ก่อนต้ังต้นฝกึ สอน แบบฝึกหัดเหลา่ นจี้ ะต้องมีความรู้ถึง ตอนตน้ ของการฝกึ ในขน้ั ที่ ๒ ของตามหลกั สูตร คือได้แก่ม้าที่อยใู่ นสภาพทด่ี ีเรยี บร้อยที่จะขี่ เคลื่อนที่ไดอ้ ย่างอิสระ และรบั บงั เหียน สามารถกระทาการหนั -เล้ียว กับทาวงอย่างงา่ ย ๆ ในเวลา เดนิ ว่งิ วิง่ เรียบ และว่ิงโขยกได้ เพอ่ื ท่ีจะใหเ้ ป็นผลเร็วและดีทสี่ ดุ ผูฝ้ ึกตอ้ งกาหนดการให้อาหาร การออกกาลังและการฝึกสอน ม้า จะต้องให้แต้มการขแี่ ละแต้มบทเรียนทีฝ่ กึ สอนดว้ ยตัวเองทกุ ๆ วัน หากวา่ วนั ใดไม่มีเวลาว่างพอที่จะดาเนินการ ได้เตม็ ท่กี ็ควรให้ผู้อ่ืนดาเนนิ การแลว้ ตวั เองควรจะไดข้ ่ีและฝกึ ในระยะเวลาสัน้ ๆ จะต้องจาไวเ้ สมอวา่ แบบฝกึ หัดทีใ่ ช้เหล่านที้ าใหม้ า้ เหนอื่ ยมากซ้าตอ้ งใช้กลา้ มเน้อื ท่ียงั ไม่ สมบูรณ์และไม่เคยชินกับการปฏิบัติ ดังนั้นเมื่อเร่ิมต้นจึงควรทาการหัดเพียงในระยะเวลาสั้น ๆ ระยะเวลาก็ยืด ออกไปตามความแขง็ แรงของกล้ามสาหรบั การขป่ี ล่อยบังเหียนน้นั ควรกระทาให้มาก ในเม่ือการฝึกตามแบบฝึกและ อาการทรงตวั ดขี ึ้น แบบฝกึ หดั บทเรยี นที่ ๑ การวิ่งเรยี บเก็บและว่ิงเรยี บยาว จากฝีเท้าวงิ่ เรยี บธรรมดา ท่ีใช้ระยะ ๘ไมล์/๑ชม. โดยที่ผู้ข่ีกดน่องให้ม้ากับบังเหียนแล้วใช้มือบังคับให้ม้า ยกหัวขนึ้ ตอนนี้ม้าวิง่ เรียบเก็บกา้ วสัน้ ๆ ยกขาสงู และปากรบั เหลก็ บงั เหียน ผูข้ จ่ี ะตอ้ งกดน่องอยู่ตลอดเวลาเพ่ือให้ ม้าเก็บขาหลังเข้าใต้ตัว ความสาคัญอย่างงยิ่งในท่ีน้ีและสาหรับแบบฝึกหัดต่อ ๆ ไป มีอยู่ว่าแรงกดของน่องนั้น จะต้องกระทาก่อนใช้บังเหียน แบบฝึกหัดน้ีจะทาให้ม้าเหนื่อยอ่อนมาด ดังนั้นตอนแรกคราวหน่ึง ๆ จึงหัดให้ม้าวิ่ง เรียบยาวถึงระยะ ๑๐ ไมล์ /๑ ชม. โดยเร่งนอ่ งจากการฝกึ วิง่ เรยี บธรรมดาจนกระทัง่ ยาวออกไปและเร็วเท่าที่จะเร็ว ได้ไปรอบ ๆ โดรงฝึก ต่อจากน้ันก็นากลับมาว่ิงเรียบธรรมดาโดยกดน่องแล้วดังบังเหียนและจากการวิ่งเรียบ ธรรมดาเป็นวิ่งเรียบเก็บการซ้าทวนและเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ คือการวิ่งเรียบธรรมดา – ว่ิงเรียบยาว ว่ิงเรียบ ธรรมดา – ว่ิงเรียบเก็บ แล้วว่ิงเรียบธรรมดา – ว่ิงเรียบยาว วิ่งเรียบธรรมดา – วิ่งเรียบเก็บ มีประโยชน์มากท่ีสุด สาหรับฝึกม้าให้มีการทรงตัวดีและสอนให้ม้ารู้จักและพร้อมท่ีจะปฏิบัติตามบังเหียนพร้อมด้วยเก็บขาหลังใต้ตัว ใน เมอ่ื ตอ้ งการจะลดฝเี ท้าผู้ขี่จะตอ้ งใชน้ อ่ งใหม้ ้าเกบ็ ขาหลังสว่ นทา้ ยเขา้ ใต้ตัวไม่ใช้บงั เหยี นแต่เพียงอยา่ งเดียว หมายเหตุ หลังจากท่ไี ดฝ้ กึ หัดแล้วควรผ่อนให้มา้ ว่งิ เรยี บและเดนิ ดว้ ยการหย่อนบังเหยี นให้หมด เพอ่ื ให้ยดื หวั และคอออกไปและขึ้นลงตามใจชอบ การกระทาเช่นนีเ้ ปน็ การคลายความตึงเครยี ดกลา้ มเน้ือและทา ให้เลอื ดลมเดินสะดวก นอกจากนั้นยังเป็นการฝึกให้ม้าเคล่ือนทีไ่ ปโดยไม่ดึงบังเหยี นอักด้วย บทท่ี ๒ การเดินกง่ึ , การเดินทางข้างและวิ่งเรยี บกึ่ง โดยธรรมดาแล้วทางทดี่ ีท่สี ดุ ควรใหม้ ้าทาเดินก่ึงกอ่ นเพราะเป็นการสะดวกในการรักษาแรงดัน น้นั ง่ายกว่าการเคล่ือนท่ที างข้าง การเดินกึง่ เป็นการฝึกหัดทด่ี มี าก เพราะเมือ่ ไดท้ าถกู ตอ้ งเป็นการเพ่ิมกล้ามเนื้อการ

๑๐๘ ทรงตัวของม้าจะทาให้ม้าอ่อน ทาให้ม้าอยู่ในการบังคับของมือและน่อง ส่วนหลังมือและส่วนหน้ามืออยู่ในความ ควบคมุ อย่างแทจ้ รงิ มา้ จะตอ้ งได้รับการฝกึ กระทาด้วยการบังคบั ทางไขว้ คือ เมอื่ เคลื่อนที่ทางข้างขวานั้นหัวจะต้อง เบนไปทางขวาเล็กน้อยและโค้งท้ายทอยกับอยู่ในการบังคับของแรงกดจากน่องซ้าย ใช้น่องและบังเหียนข้าง เดียวกัน (การเคลื่อนที่ด้วยการบังคับทางเดียวก็คือ เคล่ือนท่ีไปทางขวาด้วยแรงกดของน่องซ้ายและเบนหัวไป ทางซ้าย การปฏิบัติเช่นน้ที าใหเ้ สยี ความอ่อนตวั และสว่ นหนา้ มอื จะไม่อยู่ในความควบคุม) กอ่ นท่ีจะทาให้ม้าเดินก่ึง หรอื เคล่ือนทที่ างข้างน้นั ม้าควรจะไดร้ บั การหดั ให้ยกหวั สูงและเก็บขาหลังใต้ตวั รวมทั้งสามารถเดินและวิ่งเรียบเก็บ ม้าได้แล้ว ควรจะให้หัดติดต่อกันทุก ๆ วัน ช้า ๆ และค่อย ๆ ไป เม่ือม้าเดินกึ่งและเคลื่อนท่ีได้คล่องทั้ง ๒ ข้าง รวมทัง้ สามารถเปล่ยี นจากข้างหนง่ึ เปน็ อีกข้างหน่งึ ไดด้ ี หัวยกไดส้ ูงเหมาะและโค้งถูกทางแล้ว ตอนน้ีก็อาจพาไปฝึก ท่ไี หนก็ได้ อาจจะทาทถี่ นนจากซอยหนึง่ ไปอีกซอยหนึ่งแลว้ กลบั กันหรอื จะทาในภูมิประเทศโล่งก็ได้ม้าจะเรียนรู้ไป ตามลาดับ จนสามารถกระทาไดด้ ้วยใชแ้ รงกดของนอ่ งที่เบาท่ีสุด และในเวลาเดียวกันก็เป็นการเพ่ิมกาลังกล้ามเนื้อ บรรทุกน้าหนักและกล้ามเนื้อทรงตัวดีด้วยเพ่ือให้เป็นที่เชื่อแน่ว่าม้าได้อยู่ในบังคับของมือและน่องโดยแน่นอนแล้ว ขั้นแรกให้ม้าเดนิ กง่ึ ไปทางขวา ๓ – ๔ กา้ ว แลว้ ทางานทางซา้ ยเช่นเดียวกันแลว้ ทาซา้ อีกความเร็วในการเปล่ียนทาง และก้าวไปนั้นเป็นเครือ่ งหมายแสดงถงึ ผลการบังคบั ม้าเคลือ่ นท่ีทางข้างไดด้ ีมากเพยี งไรย่อมฝึกให้เล้ียวและหันโดย ใช้ขาหลังเป็นหลักและชักเท้าออกวิ่งโขยกได้ถูกขาได้ง่ายเพียงน้ัน ความจริงการเคลื่อนที่ทางข้างเป็นการเร่ิมต้นท่ี สาคญั ยง่ิ สาหรับการฝึกแบบฝึกต่อไป บทท่ี ๓ การถอยหลงั (หลงั เดนิ ) ควรเร่มิ ดว้ ยการให้ผชู้ ว่ ยยนื อยู่ทางขา้ งหนา้ ม้า ขณะเมื่อผู้ขีด่ งึ บงั เหียนก็ให้ผู้ช่วยเอาไม้เตะที่ขาม้า หรือใช้เท้าเข่ียก็ได้ ทาดังน้ีในไม่ช้าก็จะเรียนรู้ถึงการถอยหลังจากการกดของน่องให้ม้ารับบังเหียนโดยไม่ต้องมี ผชู้ ่วย เมอ่ื มา้ ไมร่ ู้ถึงความต้องการแล้ว ต่อจากนี้ผู้ขี่จะต้องใช้การอัดน่องให้ม้ารับบังเหียนเก็บขาหลังเข้าใต้ตัวเสมอ การทาเช่นนี้จะทาให้ม้าถอยหลังด้วยการทรงตัวท่ีถูกต้อง การถอยหลังได้ ๒ – ๓ ก้าว จะต้องหยุดน่ิงคร้ังหนึ่ง การหยุดกระทาได้ด้วยการเพ่ิมแรงกดของน่อง พร้อมกับผ่อนบังเหียนและแล้วควรจะให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าแล้ว ย้อนกลับมาทาอีกการถอยหลังนี้กระทาในเมื่อหยุดจากการเดิน , วิ่งเรียบ และวิ่งโขยก แล้วให้ม้าเคลื่อนท่ีไป ข้างหน้าด้วย การเดิน,วิ่งเรียบหรือวิ่งโขยกแล้วแต่กรณีทาอย่างน้ีเป็นการดียิ่งในการทาให้ม้ามีการทรงตัวดี และ ส่วนหน้ามือเบาควรให้ม้าถอยหลังแล้วข้ึนลาดด้วย การพิจารณาว่าม้าปฏิบัติได้เรียบร้อยสมบูรณ์นั้นก็พิจารณาได้ ด้วยใหผ้ ขู้ ่หี ยดุ มา้ มา้ จะหยดุ ทนั ทที ใี่ ชแ้ รงกดของนอ่ งเพมิ่ ขนึ้ มา้ กจ็ ะเคลอ่ื นท่ีไปขา้ งหนา้ ทันที บทที่ ๔ การหมนุ (เล้ียว,หัน) ดว้ ยขาหลงั เป็นหลัก ในตอนน้ีม้าควรจะมีความรู้ในการเดินไปทางข้าง ทางหน้า และถอยหลังด้วยการบังคับจากมือและ น่องอย่างเบาที่สุด ข้ันแรกของการฝึกบทนี้ คือการบังคับให้ม้าเดินทางข้างเป็นวงกลมแทนที่จะเดินตรงไป ถ้าม้า ได้รับการฝึกการเดินทางข้างดีแล้วความยากในการเดินทางข้างเป็นวงกลมก็มีเพียงเพิ่มแรงดึงของมือในการนาไป ทางขวาหรือซ้ายแล้วแต่กรณีเท่าน้ัน ผู้ขี่ควรจะเอนน้าหนักไปข้างหลบังและทางข้างท่ีให้ม้าหมุนไปเล็กน้อยเพ่ือให้ น้าหนักตัวกดขาด้านในสาหรับเป็นแกนหมุน ในตอนแรกนั้นม้าจะทาวงกลมด้วยขาหน้าวงหน่ึงและทาวงกลมเล็ก ดว้ ยขาหลงั อกี วงหน่ึง ด้วยการฝกึ ตามลาดับไปตามวงกลมทัง้ สองน้ีจะเลก็ ลง ๆ จนหมุนด้วยขาหลังด้านใดก็ได้ โดย ธรรมชาติของมา้ ๆ จะหันครงั้ แรกดว้ ยสว่ นหน้ามือไปทางหน่ึงและส่วนหลังมือไปอีกทางหน่ึง (ไๆม่มีขาใดเป็นหลัก) ดงั น้นั ถา้ จะใหม้ า้ หมุนด้วยการใช้ขาหลังเป็นหลักหากม้าแสดงอาการปัดส่วนท้ายขืนขาผู้ข่ีและหมุนขาหลังไปด้วยผู้

๑๐๙ ข่ีก็ควรกลับมาบังคับให้เดินทางข้างใหม่โดยทาวงกลมเล็ก ๆ แทนทาแกนขาหลังหมุนเม่ือฝึกไปม้าไม่ใช่แต่มีอาการ ทรงตัวและเช่ือฟังการบังคับดีข้ึนเท่านั้น การฝึกนี้ยังทาให้ม้ารู้จักการเก็บขาหลังเข้าใต้ตัวซึ่งเป็นข้อสาคัญข้อหน่ึง ของการฝึกม้า เม่ือหัดให้ม้าหมุนตัวด้วยขาหลังเป็นหลักในการเดินถูกต้องและทาวิ่งเรียบก่ึงกับวิ่งโขยกก่ึงดีแล้ว ก็ หดั ให้ม้าหมุนตวั ดว้ ยฝีเท้าวิง่ เรยี บและวิง่ โขยกตามลาดับในทานองดงั กลา่ ว บทที่ ๕ วิ่งโขยกเก็บ และว่ิงโขยกยาว แบบฝึกหัดบทน้ีมีหลักการเหมือนกับการวิ่งเรียบเก็บมาก และทาการสลับกับการว่ิงโขยกธรรมดา และการว่งิ โขยกยาว ม้ายกเท้าสูงและก้าวสนั้ ด้วยการกดนอ่ งใหร้ บั บังเหยี นและเก็บขาหลังเข้าใต้ตัวในขณะเดียวกัน ดึงบงั เหียนให้มั่น การใชน้ อ่ งในการลดฝเี ทา้ เปน็ ความสาคัญพิเศษตอนแรกควรหัดระยะส้ัน แล้วค่อยเพ่ิมตามลาดับ อย่างเดียวกับการเดินเก็บและว่ิงเรียบเก็บ ข้อระวังคืออย่ายกหัวม้าให้มากเกินไปเพราะอาจมีอันตรายในการดุน หลังม้าและทาให้เป็นม้าสอยดาวทั้งจะทาให้ม้ามีอาการทรงตัวไม่ดี เช่นเดียวกับการกดหัวลงต่ามาก ควรหัดให้ ต่อเนื่องกันจนกระท่ังม้าก้าวส้ันและอยู่มือเรียบร้อยน่ิมนวลเช่นเดียวกับการวิ่งเรียบเก็บและสามารถยืดหัวออกได้ ทันทีในเม่ือต้องการได้ บทนี้เป็นบทสาคัญสาหรับม้าทหารหรือนายทหารซ่ึงในบางขณะจะต้องลดฝีเท้าจากการวิ่ง หอ้ เต็มท่ีมาเป็นวงิ่ โขยกเก็บ บทที่ ๖ การซัดเท้าออกว่ิงโขยกตามขานาที่ตอ้ งการ (บทน้แี ละบทการวงิ่ โขยกกึ่งเป็นการเริ่มตน้ ทส่ี าคัญในการหดั เปล่ียนขาในเวลาโขยก) การบังคับม้าให้ว่ิงโขยก ด้วยขวานาน้ันทาดังน้ีดึงบังเหียนขวาให้ม้าหันหัวไปทางนิดหน่อย เอนน้าหนักตัวไปทางหลังและทางซ้ายเล็กน้อย แล้วกดน่องให้ม้าวิ่งโขยกด้วยแรงกดของน่องทั้งสอง น่องซ้ายแรงกว่าเม่ือม้าซัดขาออกถูกแล้วก็ให้หย่อนบังเหียน ขวาใหม้ ้าว่งิ หัวตรง ในตอนนีจ้ ะเหน็ วา่ มา้ ท่ไี ดร้ บั การฝกึ ให้เคล่ือนท่ีทางข้างได้ดีท้ังสองข้างและเช่ือฟังการบังคับของ นอ่ งถูกตอ้ งแลว้ จะหดั ใหม้ า้ ซัดขาออกใดโขยกตามต้องการโดยไมเ่ บนหัวไดเ้ ร็วและไมย่ ุ่งยาก ม้าจะรู้จักการออกแรง ดว้ ยการกดนอ่ งแตอ่ ยา่ งเดยี วในเม่ือไดเ้ ก็บมา้ ถูกต้องก่อนการใชน้ อ่ งบงั คับ การว่ิงโขยกด้วยการเบนหันไปคนละทาง กับขานา ม้าจะมีอาการทรงตัวและเก็บไม่ดีกับส่วนหน้ามือไม่อยู่ในการบังคับอย่างแท้จริง การหัดในโรงฝึกถ้าผู้ข่ี ต้องการให้ม้าวงิ่ โขยกซ้ายนาก็บังคบั ม้าวิ่งเรยี บเก็บไปทางซ้ายรอบโรง ก็ใช้วิธีบังคับให้ม้าซัดขาซ้ายออกนาถ้าม้าทา ได้ตบคอเบา ๆ แสดงอาการพอใจ แล้วโขยกไปรอบ ๆ สักครู่ก็บังคับม้าออกวิ่งเรียบแล้วกลับมาว่ิงโขยกอีก ๑ ครั้ง หรือ ๒ คร้ัง ต่อจากน้ันก็เปลี่ยนเป็นทางขวา แล้วใช้กรรมวิธีให้ซัดขาขวานาบ้าง การซัดขาน้ีถ้าม้าซัดขาผิดให้ลด ฝเี ทา้ ลงทนั ทีแล้วบังคับไปจนกว่าม้าจะซัดขาได้ถูก เม่ือม้าทาถูกแล้วก็ตบคอเบา ๆ แล้วว่ิงโขยกไผรอบ ๆ ภายหลัง จากไดห้ ัดดงั กล่าวก็หัดให้มา้ ใช้ขานอก (ขาชิดโรงฝึก) นาบ้างโดยกระทาในรอบด้านยาวของโรงฝึกเม่ือจะถึงมุมก็ลด ฝีเทา้ ลงเป็นวง่ิ เรียบแลว้ บังคบั ใหซ้ ัดขาในนา เมื่อโขยกไปรอบในโรงฝึกแล้วก็กลับมาวิ่งเรียบและเร่ิมต้นด้วยขานอก ใหม่ทาอย่างน้ีบ่อย ๆ ในไม่ช้าม้าก็จะซัดขาได้คล่องและถูกต้องตามความต้องการต่อจากนั้นก็หัดทาบนเส้นตรง และนอกโรงฝึกผู้ข่ีจะต้องระมัดระวังในการใช้น้าหนักตัวอย่างมากเพราะถ้าใช้มากเกินไปแล้วจะทาให้ม้ายุ่งเหยิง แทนท่จี ะเปน็ เครอื่ งช่วยกลับเปน็ ผลอาจให้มา้ วงิ่ โขยกไมส่ ัมพันธ์ การนห้ี ากผขู้ ีไ่ ม่อาจใช้น้าหนักตัวได้ถูกต้องแน่นอน แล้วอย่าใช้เสียเลยดกี วา่ แบบฝกึ หัดบทนคี้ วรจะทาตอ่ เนอื่ งกนั จนกระทงั่ ผูข้ ีส่ ามารถบังคับให้ม้าซัดขานาบนเส้นตรง ไดท้ ุกครง้ั ตามตอ้ งการทงั้ นุ่มนวลปราศจากการดงึ บังเหียนและหงุดหงดิ ตอ่ จากนัน้ ควรนาออกว่ิงเรียบสลับกันในภูมิ ประเทศจนเป็นท่ีเช่ือได้แน่ว่าม้าซัดขานาออกว่ิงโขยกได้ตามต้องการ บทน้ีทาให้ม้าตัวอ่อนและมีการทรงตัวดีต้อง ค่อย ๆ ทาดว้ ยความอดทนอย่าเรง่ ใหม้ า้ เหน่อื ยมากหรอื มอี ารมณ์หงดุ หงิด

๑๑๐ บทท่ี ๗ การวิ่งโขยกกึ่ง กระทาจากการว่ิงโขยกเก็บในทานองเดียวกับว่ิงเรียบกึ่งจากว่ิงเรียบเก็บ ทางท่ีดีท่ีสุดควรตั้งต้นทาใน เม่ือมา้ ว่งิ โขยกพ้นมุมของโรงฝึกเข้าด้านยาวแล้วทาเพียง ๒ – ๓ ก้าวก่อน แล้วก็โขยกตรงเล้ียวกลับในทางเดิมโดย ไมใ่ ห้มีการเปลย่ี นขา ตอ่ จากน้นั กเ็ พ่ิมจานวนกา้ วขึ้นเร่ือย ๆ จนสามารถโขยกก่ึงได้เกินคร่ึงโรงฝึกแล้ว ลดเป็นฝีเท้า วิ่งเรยี บตรง แล้วจงึ ให้มา้ วงิ่ โขยกซัดขาอีกข้างหน่ึงออกนา จนม้าอยู่ในบังคับด้วยความนิ่มนวลและสงบไม่หงุดหงิด ม้าท่ีไดร้ ับหดั จบบทท่ี ๖ และ ๗ เรียบร้อยแล้วจึงหดั ตอ่ บทท่ี ๘ การเปลี่ยนขาในเวลาวง่ิ โขยก ตามหลกั แลว้ มา้ จะตอ้ งไดร้ บั การหดั ในบทที่ ๖และ ๗ มาเป็นอย่างดแี ล้วจงึ หดั เปล่ยี นขาเวลาว่ิงโขยกได้ ม้าที่หัดซัดขานาออกได้ตามใจและรู้ปฏิบัติในการว่ิงโขยกก่ึงดีแล้วย่อมไม่ยากในการหัดให้เปลี่ ยนขาด้วยการบังคับ ด้วยน่องเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องเบนหัว แต่ว่าก่อนเปล่ียนขานั้นจะต้องเก็บม้าเสียก่อน การหัดควรกระทาดังน้ี ผู้ขี่สามารถบังคับให้ออกวิ่งโขยกเก็บไปตามทางขวาของโรงฝึกต่อจากนั้นบังคับให้ม้าว่ิงโขยกผ่านกึ่งกลางโรงฝึก ตอ้ งคมุ ม้าใหด้ เี มอ่ื มา้ ถงึ ดา้ นตรงกันข้ามผู้ข่ีผ่อนการกดของน่องซ้ายแล้วกลับใช้น่องขวาให้มากข้ึน ดังนี้จะเห็นได้ว่า ม้าที่รับการฝึกดีแล้วในบทท่ี ๖ จะเปล่ียนขาได้ในไม่ช้าแม้ว่าคร้ังแรก ๆ จะต้องใช้ความพยายามบังคับหนักก็ตาม การหัดเปลี่ยนขาควรจะได้ทาไปตามลาดับ ในการทาว่ิงโขยก “เปลี่ยนเส้น” น้ันคือ ทาวิ่งโขยกกึ่งทางหนึ่งแล้ว เปลยี่ นขาว่ิงโขยกก่งึ อกี ทางหนง่ึ จะตอ้ งหัดใหม้ า้ เปลย่ี นขาไดถ้ ูกต้องทุก ๆ ๒ – ๓ ก้าว ด้วยการใช้น่องแต่อย่างเดียว ถ้านา้ หนักตวั ไปข้างหน้ากดขาหน้ามา้ ท่ีต้องการใหเ้ ปล่ียนจะเปน็ ผลใหม้ ้าเปล่ยี นแต่ขาหน้าเท่าน้ัน การใช้น้าหนักตัว ถา้ หากใช้ไม่ถกู ตอ้ งแลว้ ใชน้ อ่ งอย่างเดียวเปน็ ดีกว่า บทท่ี ๙ การเดนิ เกบ็ การหดั บทนี้ควรจะกระทาก่อนการว่งิ เรยี บแตเ่ ปน็ การยากมา้ สาหรบั ม้าใหมย่ งั ไมม่ ีแรงสิ่งเพียงพอท่ีจะปฏิบัติให้ ถูกต้องทเี ดยี วไดจ้ ึงเอาไวใ้ นตอนท้ายแต่ในทางปฏบิ ตั แิ ล้วอาจเริ่มต้อนไดใ้ นเม่ือผูข้ รี่ ูส้ ึกม้าตอบรับน่องควรจะได้พยายามทาก้าวหนึ่ง หรอื สองก้าวก่อนท่ีจะทาให้ม้าเดนิ กง่ึ จากการเดินยาวด้วยนา้ หนักตวั อย่ทู างขา้ งหน้าหัวและคอยดื ออกไปน้ัน จะต้องหัดให้ม้าเก็บขา หลังเขา้ ใตต้ ัวยกหวั แล้วก้าวส้ันลง คือผู้ข่ีกดน่องให้ม้ารับบังเหียนใช้มือยกหัวม้าและบังคับให้ก้าวสั้นลงเมื่อทาได้ ๒ – ๓ ก้าว ควร ผ่อนบังเหียนให้ม้าเดินตามสบายปล่อยบังเหียนให้ม้ายืดหัวและคอออกไปควรหัดทาซ้าบ่อย ๆ จนกระทั่งม้าทาได้ดีและสามารถ กระทาได้งา่ ยบทนที้ าให้ม้าเหนอ่ื ยล้า สาหรบั คนกเ็ หน่ือยในการออกแรงอัดนอ่ งมากด้วยและกระทาเพิ่มข้ึนเรอื่ ย จากคร้งั ละ ๒ – ๓ กา้ ว เปน็ ครัง้ ละ ๑ หรือ ๒ รอบโรงฝึก ๑.การใสเ่ หลก็ บังเหยี นปากแข็งและการใชบ้ งั เหียน ๔ สาย กอ่ นทีจ่ ะใสบ่ งั เหยี น ๔ สาย นั้น จะต้องได้ พจิ ารณาว่าอาการทรงตวั และการยกหัวของม้าดีพอ และม้าอยู่ในการบังคับของมือและน่องดีด้วย ถ้าม้าวางและตั้ง หัวตรงด้วยบังเหียนปากอ่อนได้ถูกต้องและทาแบบฝึกต่าง ๆ ได้คล่องแคล่วแล้ว จึงสมควรฝึกใส่บังเหียนปากแข็ง หากม้ายังด้ือไมอ่ ย่ใู นบงั คบั ของมือแล้วม้านนั้ ก็ยังไม่พร้อมท่จี ะหัดใส่บงั เหยี นปากแขง็ ๒. คร้ังแรกใส่บังเหียนปากแข็ง อย่าเพิ่งข้ึนหลังควรหัดภาคพื้นดินก่อนจนม้าเข้าใจในการปฏิบัติของ บังเหยี นปากแขง็ ก่อน ในตอนสดุ ทา้ ยของการหดั ตามแบบฝกึ ควรใชเ้ วลาประมาณ ๒๐ นาทีของทุก ๆ วัน ประมาณ ๒ – ๓ อาทิตย์ ใสบ่ ังเหยี นปากแข็งแลว้ หดั ดังนี้ ผู้ฝึกยืนอยทู่ างซ้ายม้า ขา้ งขวาของม้าอยู่ข้างโรงฝึกสายบังเหียนทั้ง ๔ สายคล้องคอมา้ ผฝู้ ึกเอาบังเหียนปากอ่อนออกจากคอม้าถือไว้ในมือซ้ายแล้วก็นาม้าให้เดินไปทางข้างหน้าคอยดู ยกหัวให้ม้าอยู่ในท่าที่ถูกต้อง เม่ือม้าเคล่ือนที่ไปข้างหน้าแล้วใช้มือซ้ายจับบังเหียนปากแข็งใต้คางม้าดึงพอรู้สึกเบา ๆ ในตอนนี้ควรมีผู้ชว่ ย ในการทาให้ม้าเคล่ือนทแี่ ล้วไปขา้ งหน้า เมื่อมา้ โคง้ หวั และอ้าปากรับความรู้สึกสายบังเหียน

๑๑๑ ปากแข็งและอยู่ในการบังคับอย่างสงบต่อจากน้ันผู้ฝึกควรข้ึนขี่ด้วยบังเหียนปากอ่อนและปากแข็งระยะเวลาสั้น ๆ ทุกวันแตท่ ั้งนี้ตอ้ งกระทาตอ่ เม่ือขี่ดวั ยบงั เหียนปากอ่อนนั้นมา้ เก็บคอได้ถกู ตอ้ งดีแลว้ ๓. เมอื่ มา้ เขา้ ใจการใชบ้ ังเหียนปากอ่อนและปากแข็ง โคง้ หัวและอ้าปากรบั ดีแล้วตอนนค้ี วรใสบ่ ังเหยี น ปากแข็งหดั ตามแบบฝกึ อกี จนกระทั่งม้าทาไดเ้ รียบร้อย ครั้งแรกควรถือบังเหียน ๒ มอื และต่อมากเ็ หลอื ถือมือเดียว ๔. ข้อควรระวัง ม้าทไ่ี ด้รบั การฝึกใหป้ ฏบิ ัตติ ามความประสงคข์ องผู้ข่ี ไมใ่ ช้เปน็ ผลเนอื่ งมาจากการปฏิบัติ ประจาหรือเคยชินเปน็ นสิ ยั และตอ้ งใหเ้ ป็นท่เี ช่ือได้ว่าม้าสามารถปฏิบตั ิแบบฝึกหัดตา่ ง ๆ ได้ทกุ เวลา และทุกโอกาส ในภูมปิ ระเทศด้วย ดงั ตวั อย่างสาหรบั แบบฝกึ หัดที่เหลือนัน้ สามารถใหก้ ระทาได้ในระยะเวลาและทีซ่ ึ่งมีพน้ื ท่ีเหมาะ แกก่ ารว่ิงโขยกเท่านน้ั ๕. พงึ ระวงั ให้มาก ว่าฝีเทา้ ไม่ไดช้ ดิ สนั้ ลงด้วยการเก็บมากเกนิ ไป ควรจะไดห้ ัดข่ลี งจากเขาเพ่ือหัด ใหม้ า้ ใชไ้ หล่ และเมอื่ ม้ามีความชานาญคลอ่ งแคลว่ ในการว่ิงโขยกเกบ็ และเบามือดแี ลว้ กค็ วรหดั ให้ม้าว่ิงห้อยาวใน ระยะส้นั ๆ ในบางโอกาส เริ่มต้นใช้ระยะ ๒๐๐ หลา แล้วค่อย ๆ เพ่ิมขนึ้ ตอนนีต้ อ้ งระวงั อยา่ ให้ม้าอยู่นอกอานาจ มือและดึงบังเหยี นได้ ๑. เมือ่ มา้ ไดร้ บั การฝึกหดั ดีและเบามือจากการใชฝ้ เี ท้าเร็วแล้ว กไ็ ม่มีอนั ตรายในเรอ่ื งปากท่ผี ู้ขี่ (ชานาญ) คนอ่นื จะทาให้เสียได้ เหมือนมา้ ปากเบาแต่ได้รับการฝกึ มาครึง่ เดียวเทา่ น้ัน ………………………………………………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook