Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อการสอน หลักการเกษตร บทที่ 3

สื่อการสอน หลักการเกษตร บทที่ 3

Published by จิตราพร มงคลเดช, 2023-06-18 12:56:57

Description: สื่อการสอน หลักการเกษตร บทที่ 3

Search

Read the Text Version

การเจริญเติบโตของพืช ตอ้ งการปั จจัย 1) ดิน หลายประการที่สาคัญ คือ น้า แสง ธาตุ 2) นา้ อ า ห า ร ต่า ง ๆ พื ช เ ป็ น ส ่ ง มี ชี วิ ต มี ก า ร 3) ธาตอุ าหารหรือป๋ ยุ เจริญเติบโตและดารงชีวิตอยูไ่ ดโ้ ดย 4) อากาศ ตอ้ งการส่งแวดลอ้ มที่เหมาะสม สภาพของ 5) แสงแดด ส ่ ง แ ว ด ล ้อ ม ต่ า ง ๆ ที ่ มี ผ ล ต่ อ ก า ร 6) อุณหภูมิ เจริญเติบโตของพืช ไดแ้ ก ่

เป็นปั จจัยสาคัญอันดับแรก ดินที่ 1) ดินร่วน เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช 2) ดนิ เหนียว ต้องเป็ นดินที่อุ้มน้าไดด้ ี ร่วนซุย มี อินทีรียวัตถุมาก แตเ่ มอ่ ใชด้ นิ ปลูกพืชไป 3) ดนิ ทีราย นาน ๆ ดินอาจเส่อมสภาพ เชน่ หมด แร่ธาตุ จาเป็นตอ้ งมีการปรับปรุงดินให้ อุดมสมบูรณ ์ ไดแ้ ก ่ การไถพรวน การ ใส่ป๋ ยุ การปลกู พืชหมนุ เวียน เป็นตน้

เป็นดินที่มีลักษณะซุย บาง ชนิดมสี ีคอ่ นขา้ งดามนี ้าหนักเบา เนอ่ งจากมี อินทีรียวัตถุผสมอยูม่ าก มีอาหารบริบูรณ ์ การอุม้ น้าของดินพอเหมาะแกพ่ ืช อากาศ ถา่ ยเทีไดส้ ะดวก การระบายน้าดี

เป็นดินที่มีลักษณะเป็นเม็ด ละเอียดมาก เวลาแหง้ จะจับกันเป็นกอ้ นแข็ง แตกระแหง เวลาถูกน้าจะเป็นโคลนตม ทีาใหส้ มบัติของดินเปล่ยนไป เวลาฝนตก น้าซึมลงชา้ เพราะเม็ดดินละเอียด สามารถ อุม้ น้าไดด้ ีกวา่ ชนิดอ่น ๆ อากาศถา่ ยเทีหรือ ผา่ นเขา้ ออกระหวา่ งเมด็ ดนิ ไมค่ อ่ ยดี

เป็นดินที่มีทีรายอยูเ่ ป็น ส่วนใหญ ่ ดินชนิดน้มีเน้อหยาบร่วน ไม่ จับกันเป็นกอ้ น น้าซึมผา่ นไปไดง้ า่ ย อุม้ นา้ ไดน้ อ้ ย

ค ว า ม ช ้ น ข อ ง ดิ น ป ร ะ ก อ บ ด้ว ย 2 สถานะ คือ สถานะที่เป็นของเหลว เรา เรียกวา่ และสถานะที่เป็นกา๊ ซ เรา เรียกวา่ ในประเทีศที่มีอากาศ หนาวจัด ความช้นของดินอาจจะอยูใ่ นรูปของ น้าแข็ง ส่วนประเทีศในเขตร้อน ส่วนใหญ ่ นา้ ในดนิ จะอยใู ่ นรปู ของของเหลว

มีความสาคัญต่อการเจริญเติบโต ของพืชมาก น้าชว่ ยละลายแร่ธาตุอาหาร ในดิน เพ่อใหร้ ากพืชดูดอาหารไปเล้ยง ส่วนตา่ ง ๆ ของลาตน้ ได้ และยังชว่ ยให้ ดินมีความชุม่ ช้น พืชสดช่นและการทีางาน ของกระบวนการต่าง ๆ ในพืชเป็นไป อยา่ งปกติ

ธาตุอาหารหรือป๋ ุยเป็ นส่งที่ชว่ ยให้พืชเจริญเติบโตดีย่งข้น แต่ธาตุที่พืช ตอ้ งการมากและในดินมักมีไมเ่ พียงพอ คือ ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทีสเซียม ธาตุอาหารเหลา่ น้จะต้องอยูใ่ นรูปสารละลายที่พืช นาไปใชไ้ ดแ้ ละตอ้ งมีปริมาณที่พอเหมาะ จึงจะทีาใหก้ ารเจริญเติบโตของ พืชเป็นไปดว้ ยดี แตถ่ า้ มีไมเ่ พียงพอตอ้ งเพ่มธาตุอาหารใหแ้ กพ่ ืช ในรูป ของป๋ ยุ

มีที้งหมด 9 ธาตุ โดย แบง่ เป็น 3 กลุม่ หลกั ๆ ดงั น้ มี 3 ธาตุ ไดแ้ ก ่ คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) และออกซเิ จน (O)

มี 3 ธาตุ ไดแ้ ก ่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และ โปตัสเซียม (K) มักเรียกธาตุวา่ อาหาร หลักหรือป๋ ุย เพราะพืชต้องการใชม้ าก และดินมักจะขาดธาตุเหลา่ น้ จึงมักใช้ เป็นป๋ ุยสาหรับพชื ที่วไป

มี 3 ธาตุ ไดแ้ ก ่ แคลเซยี ม (Ca) แมกนเี ซยี ม (Mg) และ กามะถัน (S) เรียกวา่ ธาตรุ อง เพราะ พืชตอ้ งการใชม้ ากรองจาก N, P, K

8 ธาตุ Fe Mn ไดแ้ ก ่ เหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) สังกะสี (Zn) ทีองแดง (Cu) โบรอน (B) Zn โมลิบดีนัม (Mo) คลอรนี (Cl) และนกิ เกลิ Cu (Ni) พชื ตอ้ งการในปริมาณนอ้ ยแตข่ าด ไมไ่ ด้ B Mo Cl Ni

ในอากาศมีกา๊ ซหลายชนดิ แต่ กา๊ ซที้งสองชนิดน้มีอยู ่ ในดนิ ดว้ ย ในการปลกู พืชเราจงึ ควรทีาให้ ดินโปร่งร่วนซุยอยูเ่ สมอ เพ่อใหอ้ าหารที่ อยใู ่ นชอ่ งวา่ งระหวา่ งเมด็ ดนิ มีถา่ ยเทีได้

พืชตอ้ งการแสงแดดมาใชใ้ นการสร้าง อาหาร ถ้าขาดแสงแดด พืชจะแคระ แกรน ใบจะมีสีเหลืองหรือขาวซีดและ ตายในที่สุด พืชแต่ละชนิดต้องการ แสงไมเ่ ที่ากันพืชบางชนิดต้องการ แสงแดดจัด แตพ่ ืชบางชนิดก็ตอ้ งการ แสงราไร

มีส่ วนชว่ ยในการงอกและ เจริญเติบโตของพืชเชน่ กัน จะเห็นไดว้ า่ พืชบางชนิดชอบข้นในที่มีอากาศหนาวเย็น แตพ่ ืชบางชนิดก็ชอบข้นในที่มีอากาศร้อน ก า ร น า พื ช ม า ป ลู ก จึ ง ค ว ร เ ลื อ ก ช นิ ด ที่ เหมาะสมกับอุณหภูมิที่เปล่ยนไปตาม ฤดกู าล ในแตล่ ะที้องถ่นดว้ ย

ในการเลี้ยงสัตวโ์ ดยทั่ว ๆ ไปนน้ มีหลีกั 3 ประการ ทั่ผเู ้ ลี้ยงควรปฏิบัติ เพือ่ ใหก้ ารเลีย้ ง สัตวไ์ ดผ้ ลีดีทั่สดุ คอื ใชพ้ ืันธุด์ ี อาหารดี แลีะการ จดั การดี ซึง่ มีรายลีะเอียดดงั น้

เพืราะสตั วพ์ ืันธุด์ จี ะ โตไวใชเ้ วลีาเลีย้ งส้นใหผ้ ลีผลีิตสูงแลีะ กนิ อาหารไมเ่ ปลีอื ง มีคุณคา่ ทัางอาหาร ครบถว้ นตามความตอ้ งการของร่างกายสัตว์ ในแตล่ ีะระยะการเจริญเติบโตใหผ้ ลีผลีิต รวมไปถึง มีวิธีการให้อาหารทั่ถูกต้อง ยอ่ มจะทัาให้สัตว์ เจรญิ เติบโตไดเ้ ตม็ ทั่

การรู้หลีักการ จัดการฟาร์มทั่ดี ทัาใหป้ ระหยัดตน้ ทัุนแลีะแรงงาน ในการเลี้ยงดูสัตว์ การใชป้ ระโยชนจ์ ากทั่ดินแลีะ โรงเรือนเป็นไปอยา่ งมีประสิทัธิภาพื ปั ญหา มลีภาวะทัจ่ ะเกิดจากการเลี้ยงสัตว์ เชน่ กลี่นเนา่ เหม็น ของมูลีสัตวม์ นี อ้ ยแลีะป้ องกนั โรค ระบาด ซึ่งจะกอ่ ใหเ้ กิดความเสยี หาย ตอ่ สัตวเ์ ลีย้ งได้

ผูท้ ั่จะเร่มต้นเลี้ยง สัตว์น้นจะต้องมีการศึกษา ขอ้ มูลี หาความรู้เพื่มเติม เป็นผูท้ ั่มีความกระตือรือร้น ขยัน อดทัน ทั้งน้ เพืราะ สัตวเ์ ป็นส่งมีชีวิตทั่ตอ้ งการ การเอาใจใส่ดแู ลีเป็นพืิเศษ

ก. ตอ้ งมนี สิ ัยรกั แลีะชอบสัตว์ ข. ตอ้ งแสวงหาความรคู้ วามชานาญอยเู ่ สมอ ค. ตอ้ งเป็นคนลีะเอยี ดรอบคอบ ง. ตอ้ งเป็นคนส้งู าน จ. ตอ้ งเป็นคนกลีา้ แลีะมีมานะ

ในการเลี้ยงสัตว์ ถ้าเป็นการ เลี้ยงแบบหลีังบา้ นหรืองานอดิเรก สถาน ทั่เ ลี้ยงสัตว์ไ ม่ค่อยมีปั ญหา เพืียงแต่เลีือกทั่ใดทั่หน่งในบริเวณ บา้ นหรือทั่ดินของตนให้เหมาะสม เนอ่ งจากปรมิ าณสัตวท์ ั่เลีย้ งไมค่ อ่ ยมาก แตใ่ นการเลี้ยงเป็นอาชีพืหลีัก สถานทั่ ใ น ก า ร เ ลี ้ ย ง นั บ ว่า เ ป็ น ส ่ ง ส า คั ญ ทั ่ มี ผลีกระทับต่อความสาเร็จหรือลีม้ เหลีว ในการทัาฟาร์ม

ก. สถานทัค่ วรอยูห่ า่ งไกลีจากชุมชนแลีะผูเ้ ลีย้ งรายอน่ ๆ พือสมควร ข. ตอ้ งอยูใ่ นทัาเลีทัเ่ หมาะสม ค. ศตั รู ง. ดิน จ. น้า ฉ. ควรมพี ื้นทั่กวา้ งขวาง

ก. ในการเลีย้ งสตั วน์ น้ ทันุ ทั่ลีงไปแบง่ ไดเ้ ป็น 2 อยา่ ง คือ ทัุนหมุน แลีะ ทัุนนอน ข. ลีงทัุนจากนอ้ ยไปหามาก ค. ลีงทัุนในสัตวท์ ัเ่ ลีย้ งงา่ ยไปหาสัตวท์ ั่เลี้ยงยาก ง. ลีงทันุ เร่มตน้ ดว้ ยสัตวพ์ ืนั ธุด์ ี

ปั ญหาการตลีาด แมจ้ ะอยู ่ นอกเหนือวงจรการผลีิต แ ต่ปั ญ ห า ก า ร ต ลี า ด ก็ นั บ ว่า เ ป็ น หั ว ใ จ ส า คั ญ ใ น ก า ร ทั า ก า ไ ร ห รื อ ขาดทัุนใหแ้ กผ่ เู ้ ลี้ยงสัตว์

ในการเลีย้ งสตั วม์ ปี ั จจยั ทัส่ าคญั 4 ประการดว้ ยกัน คอื 1. พืนั ธุส์ ัตว์ 2. อาหารสัตว์ 3. การจัดการดูแลี 4. โรคสัตว์

เกษตรกร ไทัยยังไมใ่ หค้ วามสาคัญ ต่อพืันธุ์สัตว์ ทั่นามาใช้ เลี้ยงมากนัก จึงมิไดใ้ ห้ ความสาคัญตอ่ คุณภาพืทัาง พืั น ธุ ก ร ร ม ข อ ง สั ต ว์ ทั่ นามาใชเ้ ลี้ยง โดยเฉพืาะ ในโคแลีะกระบอื

เกษตรกรผูเ้ ลี้ยงสัตว์ จึงควรทั่จะไดเ้ ลีือกหาซึ้อ สัตวพ์ ืันธุด์ ีมาเลี้ยง ไมใ่ ชส่ ัตวอ์ ะไรก็ได้ แลีะควรจะได้ สงวนสัตวท์ ั่ดี มีรูปร่างใหญ ่ ใหน้ มมาก ใหเ้ น้อมาก ให้ ลีูกดก ใหล้ ีูกบอ่ ย มีความทันทัานตอ่ โรค เก็บไวเ้ ลี้ยงทัา พืันธุ์ โดยเฉพืาะควรจะเปลี่ยนวธิ ี ตอนสตั วเ์ สียใหม่ โดยใหต้ อน ตวั เลีก็ ๆ ใหห้ มด แลีะเก็บตัวใหญ ่ เอาไวท้ ัาพืันธุ์

เกษตรกรจานวน มาก ยงั ไมใ่ หค้ วามสนใจตอ่ การใหอ้ าหารโคแลีะกระบือ เทั่ากบั ผเู ้ ลีย้ งสุกร ไก ่ แลีะเป็ด โดยคดิ เอาวา่ โคแลีะกระบือ หาอาหารกินเองได้ ไมจ่ าเป็น ตอ้ งจัดหาอาหารให้ แมแ้ ตส่ ุกร ไก ่ แลีะเป็ดเอง แมร้ ู้วา่ ตอ้ ง จัดหาอาหารให้ ก็ยังไมร่ ู้วา่ ระยะใดสัตวต์ อ้ งการอาหารชนิด ใด มากนอ้ ยเทั่าใด จงึ จะเหมาะสม

มีความจาเป็ นสาหรับการ เจริญเติบโต การใหน้ ม การใหเ้ น้อ แลีะการผสมพืันธุ์ ซึ่งมอี ยมู ่ ากในปลีาป่ น เนอ้ ป่ น กากถ่วเหลีือง กากถว่ ลีสิ ง กาก มะพืรา้ ว กากเมลี็ดฝ้าย แลีะ ในพืืชตระกลู ีถว่ เชน่ ใบกระถิน แลีะถว่ ฮามาตา เป็นตน้

อาหารแป้ ง เม่อกินเขา้ ไปแลีว้ ก็ถูกเปลี่ยนรูปเป็ นอาหารพืลีังงาน เพื่อให้ระบบต่างๆ ของร่างกายได้ทัางาน ตามปกติ เชน่ การเคลี่อนไหว การเค้ยว การยอ่ ย แลีะอ่น ๆ อาหารแป้ งหรืออาหารพืลีังงาน มีมาก ในปลีายขา้ ว ขา้ วโพืด ขา้ วฟ่าง มันสาปะหลีงั แลีะราขา้ ว เป็นตน้

นับวา่ มีความสาคัญต่อระบบโครงสร้าง หรือกระดูก โดยเฉพืาะธาตุแคลีเซึียม แลีะฟอสฟอรัส ซึ่งมี มากในกระดูกป่ น หรือเปลีือกหอยป่ น นอกจากน้สัตวก์ ็ยัง ตอ้ งการแร่ธาตุอ่นๆ อีก สาหรับระบบการทัางานตา่ ง ๆ ของ ร่างกายแลีะระบบการผสมพืันธุ์ เชน่ ธาตุเหลี็ก ทัองแดง โคบอลีต์ สงั กะสี แมงกานสี แมกนีเซึยี ม ซึลี ีเี นียม โซึเดียม แลีะโพืแทัสเซึียม เป็นต้น ซึ่งเกษตรกรจะต้องจัดหาให้ สัตวก์ ินเพื่มเติม ทั้งในรูปเกลีือธรรมดาแลีะเกลีือประเภทั พืวก แรธ่ าตปุ ลีีกยอ่ ย ซึ่งอาจเป็นผง สาหรับผสมอาหารสัตว์ หรือทัาเป็นกอ้ นสาหรับใหส้ ัตวเ์ ลีียกิน

สตั วโ์ ดยทัว่ ๆ ไปตอ้ งการวิตามินสาหรับ การเจริญเติบโต แลีะการผสมพืันธุ์ แมว้ า่ สัตวบ์ างชนิด เชน่ สัตวเ์ ค้ยวเอ้อง จะสามารถสังเคราะหว์ ิตามินบีเองได้ วิตามนิ ทัส่ าคัญทั่ควรใหแ้ กส่ ตั วเ์ ลีย้ ง กค็ ือ วติ ามินเอ ดี บีตา่ ง ๆ เค อี แลีะซึี

สัตวเ์ ลี้ยงนอกจากต้องการอาหารแลีว้ ก็ยัง ตอ้ งการน้าดว้ ย สัตวจ์ ะตายในเวลีาอันรวดเร็ว หากวา่ ขาด น้า แต่จะยังมีชีวิตอยูไ่ ดน้ าน ถ้าขาดอาหาร น้านับว่ามี ความสาคัญต่อระบบ การทัางานต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพืาะระบบ หมุนเวียนของโลีหิตแลีะระบบขับถา่ ย จึงควรทั่เกษตรกรจะตอ้ งดูแลีใหส้ ัตวม์ ีน้าสะอาดกินตลีอด เวลีา ตามปริมาณความตอ้ งการของสตั วน์ น้ ๆ

สัตวเ์ ลี้ยงก็เชน่ เดียวกับคน ทั่ ตอ้ งการใหเ้ จา้ ของดูแลี จึงจะสามารถเจริญเติบโต แลีะ ใหผ้ ลีิตผลี หรือการสืบพืันธุท์ ั่ดีได้ ส่งสาคัญทั่จะตอ้ งให้ ความดูแลีใหแ้ กส่ ตั วก์ ค็ อื

การเลี้ยงสัตวต์ อ้ งมีโรงเรือนใหส้ ัตว์ อยูต่ ามความเหมาะสม มิใชเ่ ลี้ยงตามใตถ้ ุนบา้ น หรือเลี้ยง ปลีอ่ ย เพื่อสัตวจ์ ะไดม้ ีทั่อยูห่ ลีับนอนตามความเหมาะสม ไมถ่ ูกสตั วอ์ น่ หรือคนมารบกวน คอกจะตอ้ งสะอาดแลีะมกี าร ระบายอากาศทัด่ ี ไมช่ น้ แฉะ หรือมีน้าขงั เป็น หลีมุ เป็นบอ่ มีการตักมลู ีสัตวอ์ อกทั้งเป็น ประจา ไมใ่ หม้ กี ารหมักหมม

การเลี้ยง สัตวท์ ั่ดี จาเป็นตอ้ งมีการใหอ้ าหาร แลีะน้าตามเวลีาทั่กาหนด (ยกเวน้ กรณีทั่ใหต้ ลีอดเวลีา ซึ่งก็ตอ้ งดูแลี ใหอ้ าหารแลีะน้าตลีอดเวลีา) ไมค่ วร เปลี่ยนเวลีาใหอ้ าหารแลีะน้าแกส่ ัตว์ หากไมจ่ าเป็น เพืราะจะทัาใหส้ ัตว์ เ กิ ด ค ว า ม เ ค รี ย ด แ ลี ะ เ ป็ น ผ ลี กระทับกระเทัือนต่อการใหน้ ้านม ใหไ้ ข ่ ตลีอดจนการผสมพืันธุ์

การจัดการผสม พืันธุต์ ามระยะทั่เหมาะสมของการผสมพืันธุ์ จะทัาใหส้ ัตว์ ต้งทั้อง แลีะมีลีูกมากข้น ปริมาณหรืออัตราส่วนของตัวผู ้ แลีะตัวเมียก็มีความสาคัญตอ่ เปอร์เซึ็นตก์ ารผสมติดของ สัตวใ์ นฝูง การคัดเลีือกสัตวท์ ั่เป็นหมัน ผสมไมต่ ิดหรือ ติดยาก ก็เป็นอีกส่วนหน่งทั่ต้องทัาใน การเลี้ยงสัตว์ แทันทั่จะเลี้ยงสัตวแ์ ลีว้ ไมไ่ ดผ้ ลี ตอบแทัน สัตวท์ ั่ให้ ผลีิตผลีนอ้ ย เชน่ นมนอ้ ย ไขน่ อ้ ย หรือลีูกครอกเลี็กก็ควร จะไดท้ ัาการคัดทั้ง แทันทั่จะทันเลี้ยงตอ่ ไปซึ่งจะทัาใหผ้ ู ้ เลี้ยงขาดทัุน

การรีดนมเป็นเวลีา ตามทั่กาหนดไวเ้ ป็นประจา จะชว่ ยทัาใหผ้ ูเ้ ลี้ยงไดน้ ้านม มากข้น ดังน้นจึงไมค่ วรเปลี่ยนแปลีงเวลีารีดนม หากไม่ จาเป็น

เชน่ การทัาราง กันไมใ่ หแ้ ม่ สุกรทัับลีูกสุกรเม่อลีูกสุกรสยังเลี็ก หรือการแยกสัตว์ เลี็กออกเลี้ยงต่างหาก ตามอายุ หรือความเหมาะสม แทันทั่จะปลีอ่ ยเลี้ยงรวมฝูง ก็นับวา่ มีส่วนสาคัญในการ ทัาใหผ้ ูเ้ ลี้ยงมีกาไรหรอื ขาดทันุ ไดเ้ ชน่ กนั

โรคของสัตวเ์ ลี้ยงยังนับวา่ เป็นปั ญหา ทั่สาคัญของการเลี้ยงสัตวใ์ นบา้ นเรา ปั จจุบันน้ เพืราะมี โรคระบาดต่างๆ ทั่กอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายต่อชีวิตสัตว์ แลีะเศรษฐกิจหลีายโรค ผูเ้ ลี้ยงสัตวจ์ ึงจาเป็นตอ้ งเรียนรู้ สาเหตุ อาการ การป้ องกัน แลีะการรักษาโรคสัตวน์ ้น ดว้ ย ตนเอง สาหรับใชด้ าเนินการในเบ้องตน้ เพื่อจะไดแ้ กไ้ ข ปั ญหาไดท้ ันั เหตุการณ ์

ลีว่ งหนา้ วิธีป้ องกันทั่ดี ทั่สุดในการป้ องกนั มใิ หส้ ตั วเ์ ลี้ยงเป็นโรคระบาดตายก็คือ การทัา วัคซึีนป้ องกันโรคสัตว์ลีว่ งหน้า กอ่ นทั่สัตวจ์ ะป่ วย เป็นโรค เพืราะวัคซึีนมีไวส้ าหรับป้ องกันโรค มิใชร่ ักษาโรค อยา่ งไรก็ ตามวัคซึีนชว่ ยใหโ้ อกาส ทั่สัตวป์ ่ วยเป็นโรคนอ้ ยลีง แต่มิได้ หมายความวา่ เม่อทัาวัคซึีนแลีว้ สัตวจ์ ะไมเ่ ป็นโรค โดยทั่ว ๆ ไป สัตวท์ ั่ทัาวัคซึีน 100 ตัวจะไมเ่ ป็นโรคประมาณ 70-80 ตัว อีก 20-30 ตัวอาจจะเป็นโรคได้ ถา้ สัตวอ์ อ่ นแอหรือมเี ชอ้ โรคเขา้ ไป มากๆ จงึ ควร ทัเ่ กษตรกรจะเขา้ ใจตามน้ดว้ ย

1) การจดั หาทัใ่ หส้ ตั วอ์ ยู ่ เป็นหลีักแหลีง่ ไมป่ นกับสัตวเ์ ลี้ยงอ่นๆ ของ ชาวบา้ น 2) การจดั ทัาร้วก้นโดยรอบ เพื่อมิใหส้ ัตวห์ รือคนเขา้ ไปในคอก สัตว์ 3) การไมใ่ หบ้ ุคคลีภายนอก เขา้ ไปในคอก เพื่อป้ องกันการนา โรคจากภาย นอกเขา้ มา 4) การใชย้ าฆา่ เช้อโรค ภายในคอกแลีะทัางผา่ นกอ่ นเขา้ คอก 5) การใหอ้ าบน้าเปลี่ยน เคร่องแต่งตัวกอ่ นเขา้ คอก หาก จาเป็นตอ้ งทัา 6) การไมน่ าอาหารจากทั่ อน่ เขา้ ไปกินในคอก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook