สงวนลิขสิทธิ์ ลิขสิทธข์ิ องมหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช พิมพ์ท่ี โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช พิมพค์ รั้งท่ี 1 พ.ศ. 2558 จ�ำ นวนพมิ พ์ 1,000 เล่ม จดั ท�ำ โดย ฝา่ ยตำ�รา ส�ำ นกั วิชาการ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช ออกแบบโดย หนว่ ยศลิ ปะ สำ�นกั พมิ พ์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช
(3) คำ�น�ำ เอกสารเรอ่ื ง “การอา้ งองิ และการเขยี นรายการเอกสารอ้างอิงตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี 6” ฉบับ นี้ เปน็ เร่อื งเก่ยี วกับการอา้ งองิ ในเนือ้ หาของงานเขยี นและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งองิ ทา้ ยบท ซ่งึ ผเู้ ขียนได้ ศึกษา แปลความ และเรียบเรียงโดยใชเ้ นอื้ หาจากต้นฉบับหนงั สอื ชอื่ “Publication Manual of the American Psychological Association” ฉบับพมิ พค์ รง้ั ท่ี 6 ปพี มิ พ์ ค.ศ. 2010 ของ American Psychological Association โดยเฉพาะในบทท่ี 6 ซ่ึงวา่ ด้วยเรอื่ ง Crediting Sources ทีก่ ล่าวถึงแนวทางในการอา้ งองิ แหลง่ ท่ีมาของขอ้ มูล และบทท่ี 7 ว่าด้วยเรอ่ื ง Reference Examples ท่แี สดงตัวอยา่ งการเขียนอ้างองิ ตามประเภท เอกสาร การเรยี บเรียงเน้อื หาของเอกสารนี้ นำ�เสนอเป็น 5 เรื่อง คอื 1) การอ้างถึงแหลง่ ท่มี าของข้อมลู ในงาน เขยี น การอ้างองิ กรณีคัดลอกข้อความและการถอดความข้อเขยี นหรอื แนวคิดจากงานเขียนอื่น รวมถงึ การวาง ขอ้ ความท่ไี ด้คดั ลอกมาและการเขียนอา้ งองิ แหล่งท่มี าลงในเนอ้ื หา 2) รปู แบบการเขยี นอา้ งองิ แบบแทรกในเนือ้ หา ท้ังด้วยระบบนาม—ปี และการเขยี นขยายความหรอื การระบแุ หล่งและสถานภาพดา้ นลขิ สิทธ์แิ บบเชิงอรรถตามแบบ APA 3) แนวทางการเขียนหรอื ระบขุ ้อมูลอ้างองิ ใน 4 องค์ประกอบยอ่ ย (คือ ชื่อผู้แต่ง ปพี ิมพ์ ชือ่ เรอ่ื ง และ ข้อมูลการพิมพ/์ เผยแพร่) ของเอกสารอ้างอิงตามแบบ APA ซงึ่ เปน็ การใหร้ ายละเอียดทสี่ �ำ คญั เก่ียวกบั เอกสาร ทผี่ ู้เขียนงานน�ำ มาอา้ งองิ 4) รปู แบบการเขยี นเอกสารอ้างองิ ส�ำ หรับประเภทเอกสาร 11 กล่มุ ตามแบบ APA เปน็ การน�ำ เสนอตัวอย่างรปู แบบการเขยี นเอกสารอ้างองิ (Reference Examples) ของ APA สำ�หรับกลุ่ม เอกสารท่ี APA จำ�แนกเปน็ 11 กลุม่ และ 5) ตวั อย่างการเขียนเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ทัง้ ภาษาองั กฤษ และภาษาไทย ตามประเภทเอกสาร 15 กลุ่ม ทมี่ กี ารอา้ งองิ ในงานเขียนโดยทั่วไป นอกจากนี้ ไดผ้ นวกการเขียน อ้างอิงส�ำ หรบั งานด้านกฎหมายตามที่ APA Style กำ�หนดใช้ ไวใ้ นส่วนภาคผนวกท้ายเลม่ ดว้ ย ผู้เขียนหวังเป็นอยา่ งยิ่งว่า เอกสารนี้จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผ้สู นใจบา้ ง ไมม่ ากก็นอ้ ย ผูเ้ ขยี นยนิ ดีน้อมรับ ค�ำ แนะนำ�เพือ่ น�ำ มาปรับปรงุ เอกสารนี้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อผู้สนใจมากยิ่งขึ้น นนั ทพร ธนะกลู บริภณั ฑ์ ส�ำ นกั บรรณสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช มกราคม 2558
(4) สารบัญ หนา้ ค�ำ นำ� (3) ความนำ� (6) 1. การอ้างถงึ แหลง่ ที่มาของข้อมูลในงานเขียน 1 1.1 การเขยี นอ้างอิงในกรณีคดั ลอกข้อความ 1 2 1.1.1 การเขียนอ้างองิ ในกรณคี ัดลอกขอ้ ความท่ียาวไม่เกนิ 2 40 คำ� หรือประมาณ 3 บรรทดั 3 1.1.2 การเขยี นอา้ งอิงในกรณคี ัดลอกข้อความท่ียาวเกิน 3 40 คำ� หรือเกิน 3 บรรทัด 4 4 1.1.3 การเขียนอ้างองิ ในกรณีคัดลอกข้อความจากแหลง่ ขอ้ มูล 18 23 ออนไลนท์ ี่ไม่มีเลขหน้า 23 23 1.2 การเขียนอ้างองิ ในกรณีถอดความจากงานอ่ืน 23 2. การเขียนอา้ งองิ แบบแทรกในเนื้อหา ตามแบบ APA 24 2.1 การเขียนอ้างอิงในเนือ้ หาตามระบบนาม—ปี 26 26 2.2 การเขียนอ้างองิ ในเนอื้ หาแบบเชิงอรรถ 29 3. การเขยี นเอกสารอา้ งอิงในแตล่ ะองคป์ ระกอบ ตามแบบ APA 31 3.1 ความถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ของข้อมลู เอกสารอา้ งอิง 33 37 3.1.1 การใชต้ วั เลข 37 42 3.1.2 การใช้คำ�ย่อในเอกสารอ้างอิง 45 46 3.1.3 การจดั เรยี งเอกสารอ้างอิงในรายการเอกสารอ้างอิง 3.2 แนวทางการเขียนเอกสารอา้ งองิ ในแตล่ ะองค์ประกอบ ตามแบบ APA 3.2.1 สว่ นช่อื ผแู้ ตง่ และช่ือบรรณาธิการ 3.2.2 ส่วนปีพิมพ์ 3.2.3 ส่วนช่อื เรื่อง 3.2.4 ส่วนขอ้ มูลการพมิ พ์ 4. รูปแบบการเขยี นเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ส�ำ หรบั ประเภทเอกสาร 11 กลุ่ม 4.1 วารสารหรอื สือ่ ตอ่ เน่อื งอ่ืน ๆ 4.2 หนังสือ หนงั สอื อ้างองิ และบทในหนังสือ 4.3 รายงานทางเทคนิคและรายงานการวจิ ยั 4.4 เอกสารการประชุมทางวิชาการ/การสมั มนา/การอภิปราย
(5) 4.5 ดษุ ฎนี ิพนธแ์ ละวิทยานิพนธ์ หนา้ 48 4.6 บทวจิ ารณ์ คำ�วจิ ารณ์ 49 50 4.7 ส่ือโสตทัศน์ 51 52 4.8 ชุดขอ้ มูล ซอฟต์แวร์ อุปกรณแ์ ละเครื่องมอื วัด 53 56 4.9 งานท่ไี มไ่ ดจ้ ดั พิมพ์และงานท่จี ดั พิมพอ์ ยา่ งไมเ่ ป็นทางการ 58 58 4.10 เอกสารจดหมายเหตุ และคอลเลก็ ชันจดหมายเหตุ 60 61 4.11 ขอ้ ความสื่อสารในสังคมออนไลน์บนอนิ เทอรเ์ นต็ รปู แบบตา่ ง ๆ 61 5. ตัวอยา่ งการเขยี นเอกสารอา้ งอิงภาษาอังกฤษและภาษาไทย ตามแบบ APA 61 5.1 หนงั สือ 61 61 5.2 หนงั สอื ทพี่ ิมพ์ในโอกาสพิเศษ 62 62 5.3 หนังสือแปล 62 62 5.4 บทความในวารสาร 63 63 5.5 บทความในหนังสือพิมพ ์ 63 64 5.6 บทความในสารานกุ รม 65 76 5.7 วทิ ยานพิ นธ ์ 5.8 จุลสารและเอกสารไม่ไดต้ ีพิมพเ์ ผยแพร ่ 5.9 แผ่นพบั 5.10 บทสมั ภาษณ ์ 5.11 โสตทศั นวัสด ุ 5.12 สอื่ อิเล็กทรอนกิ ส์ 5.13 สารสนเทศจากซีดีรอม 5.14 สารสนเทศจากวารสารอิเลก็ ทรอนกิ ส ์ 5.15 สารสนเทศจากฐานข้อมลู ออนไลน์ ภาคผนวก: การเขยี นอา้ งอิงงานทางดา้ นกฎหมาย (Legal Materials) บรรณานกุ รม
(6) ความนำ� ในการเขยี นงานต่าง ๆ ไม่วา่ จะอยใู่ นรปู ของตำ�รา บทความ วทิ ยานพิ นธ์ ดุษฎนี ิพนธ์ หรอื งานวจิ ยั ผูเ้ ขยี นตอ้ งไม่น�ำ เอาข้อคดิ ความเห็น ขอ้ ความ ค�ำ พดู ผลการทดลอง ฯลฯ ทเี่ ป็นของคนอน่ื มาเป็นของตนเอง แต่ต้องใหเ้ กียรติ แสดงหลกั ฐาน/บอกแหล่งทมี่ าของข้อมูล/ข้อความทน่ี ำ�มาใช้อย่างเหมาะสม ชดั เจน และถูก วธิ ี การน�ำ ข้อคดิ ความเห็น ข้อความฯ ของผอู้ ่ืนมาใส่ไวใ้ นเนื้อหาของงานเขยี นของตน จงึ ต้องมีการอ้างองิ หรอื ระบุแหลง่ ท่ีมาของงาน ด้วยขอ้ มูลท่ีสำ�คญั เกย่ี วกบั งานนนั้ อาทิ ระบชุ ่อื เจา้ ของงาน ชอื่ งาน ปที ีพ่ ิมพ์/ผลิต สถานทีพ่ มิ พ/์ ผลติ ในรูปแบบการเขียนอา้ งอิงตามแบบแผนท่ีกำ�หนดใช้ การเลอื กใช้รูปแบบและแบบแผนในการเขยี นอา้ งอิง ควรเลือกรปู แบบทเ่ี ปน็ สากล/เป็นทน่ี ิยมในสาขา วิชานั้น ๆ และเมอ่ื เลือกก�ำ หนดใชร้ ูปแบบใดแล้ว ควรใชเ้ พียงรูปแบบเดียว ไม่ควรน�ำ รปู แบบอนื่ มาปะปนใน เอกสารเดียวกัน ซึง่ แต่ละรูปแบบมีกฎเกณฑ์ในการอ้างองิ การเขียนเชิงอรรถ และการเขยี นเอกสารอ้างอิงหรอื บรรณานกุ รมแตกตา่ งกันไป ตัวอยา่ งรูปแบบการเขยี นอา้ งอิงแบบตา่ ง ๆ ที่เปน็ ทนี่ ยิ มในสาขาวชิ าต่าง ๆ อาทิ — AMA Manual of Style ของ American Medical Association เปน็ รปู แบบการเขยี น อา้ งองิ ทเ่ี ปน็ ทีน่ ิยมในสาขาแพทยศาสตร์ สาธารณสขุ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์สขุ ภาพ และชวี วิทยา — APA Style ของ American Psychological Association เป็นรปู แบบการเขยี นอ้างองิ ส�ำ หรบั สาขาวชิ าจติ วิทยา และเปน็ ท่นี ยิ มแพร่หลายในสาขาศึกษาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาขาสงั คมศาสตร์ — Chicago Manual of Style ของ Chicago University เปน็ รูปแบบการเขยี นอ้างอิงในทกุ สาขาวชิ า ใช้ทั่วไป โดยเฉพาะเหมาะกบั การอ้างองิ งานประเภทหนงั สือ นติ ยสาร หนังสือพมิ พ์ และเอกสารทีไ่ ม่ใช่ วิชาการ — MLA Style ของ Modern Language Association เป็นรปู แบบการเขยี นอ้างอิงที่เปน็ ท่ี นิยมในสาขามนุษยศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และศลิ ปศาสตร์ — Turabian Style เปน็ รปู แบบการเขยี นอ้างองิ ในสาขาวชิ าท่วั ไป นยิ มใช้ในสถาบนั การศึกษา ระดบั อุดมศึกษา — Vancouver Style เป็นรปู แบบการเขียนอ้างองิ ท่เี ป็นทีน่ ยิ มในสาขาวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ และการแพทย์ เอกสารนี้ได้แปลความและนำ�เสนอแนวทางการอ้างถึงงานของผู้อื่นท่ีผู้เขียนได้นำ�มาใช้ในงานเขียน ของตนตามหลักการ แนวทาง และรายละเอยี ดเฉพาะแบบของ APA (APA Style) ภายใต้ชือ่ เรือ่ ง Publication Manual of the American Psychological Association ฉบบั พิมพค์ ร้งั ที่ 6 ปพี ิมพ์ ค.ศ. 2010 ซึง่ APA Style มเี นื้อหาครอบคลมุ การเขยี นอา้ งองิ ในเน้ือหา ซง่ึ เป็นการระบขุ อ้ มลู อย่างยอ่ เกี่ยวกับท่มี าของข้อมลู ท่นี �ำ มาอ้างอยา่ งมแี บบแผน และการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ท้ายเร่อื งหรือท้ายบท ซง่ึ เปน็ การใหร้ ายละเอียด เพอื่ ขยายความจากขอ้ มูลอย่างยอ่ นั้น ตามรปู แบบที่ก�ำ หนด เพ่อื การติดตามคน้ คว้าแหล่งขอ้ มลู ฉบบั เต็มตาม ความสนใจของผอู้ า่ นต่อไป โดยในสว่ นของการเขียนอา้ งองิ ในเน้ือหา กลา่ วถงึ การเขยี นอา้ งองิ อยา่ งถกู วิธี ในการ คัดลอกขอ้ ความ (Quotation) หรือการถอดความหรอื การเขยี นในลกั ษณะแตกต่างจากเดิม แตม่ ีความหมาย
(7) ไมแ่ ตกต่างจากแนวคิดหรือข้อความของผอู้ น่ื (Paraphrasing) การอ้างอิงแบบแทรกในเนอ้ื หา (Citing References in Text) และการระบขุ ้อความหมายเหตุบอกท่มี าแบบเชิงอรรถ (Footnote) เมอ่ื แทรกท่ีมาของข้อความ อยา่ งย่อไว้ในเนอ้ื หาแลว้ ต้องเขยี นรายละเอยี ดของงานท่ีอ้างองิ นนั้ ในรูปแบบที่ APA เรยี กว่า เอกสารอา้ งองิ (References) ทไ่ี ด้จัดท�ำ เปน็ บญั ชีรายการเอกสารอ้างอิง (Reference List) เรียงไว้ตามล�ำ ดับของช่ือ ผู้แต่ง (หรือชอ่ื เรอ่ื งของงาน กรณีไมม่ ีชอ่ื ผแู้ ต่ง) ท่ที ้ายบทหรอื ท้ายเรื่อง ซึง่ ตามแบบของ APA ไมใ่ ช้ ค�ำ วา่ “บรรณานกุ รม” (Bibliographies) (American Psychological Association, 2010, p.180) โดยชี้ ความแตกต่างกนั ตรงวัตถุประสงคข์ องการนำ�มาใช้งาน เอกสารอ้างองิ นำ�มาใชอ้ า้ งถึงงานหรือเอกสารของผอู้ ่นื ท่ี ผเู้ ขยี นงานไดค้ ดั ลอกความคดิ ขอ้ ความ ค�ำ พูด ขอ้ คน้ พบ ฯลฯ มาเขยี นสนับสนุนไว้ในเนื้อหาในงานของตน สว่ นบรรณานุกรม ใช้อา้ งถงึ งานหรอื เอกสารทผี่ ู้เขยี นงานไดใ้ ช้เปน็ พื้นฐานความคดิ (for Background) หรอื เปน็ งานหรือเอกสารทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับเนื้อหา ซ่ึงผู้เขียนแนะนำ�ส�ำ หรบั การอ่านเพ่มิ เติม (for Further Reading) (APA, 2010, p.180n1.)
การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบับพมิ พค์ รง้ั ที่ 6 1 1. การอา้ งถึงแหลง่ ที่มาของข้อมูลในงานเขียน การเขยี นข้อมูลระบุแหล่งที่มาของเอกสารหรือข้อมูลทผ่ี ู้เขียนงานหนึ่ง ๆ ไดน้ ำ�ข้อคดิ ความเห็น ข้อความ ฯลฯ จากงานของผอู้ นื่ มาใส่ไวใ้ นงานเขยี นของตน เป็นการแจ้งใหผ้ ้อู ่านทราบว่าเจ้าของความคิด คอื ใคร หรอื มงี านหรือแนวความคิดของใครบา้ งทีม่ าเก่ียวข้องหรือมอี ิทธพิ ลต่องานเขยี นดังกลา่ ว และท่สี ำ�คญั หากสนใจอ่านเนอื้ หาทมี่ ีการอ้างองิ น้ันเพมิ่ เตมิ สามารถค้นหาต่อไปได้ ซึ่งผเู้ ขยี นงานจะต้องแจง้ ข้อมลู เก่ียวกบั งานทีไ่ ดอ้ ้างถึงอยา่ งมแี บบแผน เน้ือหาทีจ่ ะกลา่ วตอ่ ไปนี้ จะเปน็ กฎพื้นฐานในการแจ้งรายละเอยี ดเก่ียวกับช้นิ งาน ทผี่ ู้เขยี นงานน�ำ มาสนับสนนุ งานเขียนของตน ในท่นี ้ีกลา่ วถงึ ลกั ษณะการอา้ งถงึ งานของผอู้ ่ืน ทงั้ ด้วยวธิ กี าร คัดลอกท้ังข้อความ (Quoting) และการถอดความ (Paraphrasing) จากงานของผ้อู นื่ การเขียนอา้ งองิ ตาม ลกั ษณะการนำ�ขอ้ ความหรือความคดิ ของผอู้ นื่ มาใสไ่ ว้ในงานของตน (Citing References in Text) และ การเขยี นรายละเอียดของสารสนเทศทอ่ี า้ งถึงตามรูปแบบหรือสไตลท์ ่กี ำ�หนดใช้ (Listing References) 1.1 การเขียนอ้างอิงในกรณคี ดั ลอกข้อความ (Quoting) การคัดลอกขอ้ ความ เป็นการนำ�ขอ้ ความจากงานเขยี นของผอู้ ื่นท่เี หมอื นต้นฉบบั ทุกประการมาวางไว้ เป็นส่วนหนง่ึ ในงานของผูเ้ ขียน มีการเลือกข้อความท่เี ปน็ ใจความสำ�คัญ การคัดลอกตอ้ งคงวิธเี ขยี นเหมอื น ตน้ ฉบับเดมิ ทง้ั การใช้คำ� การสะกดค�ำ เคร่อื งหมายวรรคตอน และรกั ษารูปประโยคเดิม ถา้ การสะกดค�ำ เคร่อื งหมายวรรคตอน หรือรปู ประโยคของต้นฉบบั เดมิ ไมถ่ กู ต้อง หรอื อาจท�ำ ให้ผอู้ า่ นสบั สนได้ ผ้เู ขยี นตอ้ ง แทรกคำ�/สญั ลกั ษณ์เพอื่ ระบวุ า่ ไมถ่ ูกต้อง โดยใชค้ ำ�ว่า “[sic]” หรือ “[ไมถ่ ูกตอ้ ง]” เปน็ ตวั เอนและอยใู่ นวงเลบ็ เหลี่ยม ตามหลังค�ำ หรอื ขอ้ ความที่ไม่ถูกตอ้ งน้ันทันที ตวั อย่าง Miele (1993) found the following: The “placebo effect,” which had been verified in previous studies, disappeared when behaviors were studied in this manner. Furthermore, the behaviors were never exhibited again [emphasis added], even when reel [sic] drugs were administered. Earlier studied (e.g., Abdullah, 1984; Fox, 1979) were clearly premature in attributing the results to a placebo effect (p. 276) ในกรณีทีเ่ ป็นการแปลจากงานในภาษาอืน่ ต้องแปลแบบค�ำ ต่อคำ� ข้อความอาจเป็นแนวความคิด ค�ำ พดู ของคนส�ำ คัญ ทฤษฎี ฯลฯ เมื่อคดั ลอกข้อความแล้ว ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา โดยระบุชื่อผู้แต่งเดิม ปพี มิ พข์ อง งานนัน้ และเลขหนา้ ท่ีขอ้ ความฯ ปรากฏอยู่ ก�ำ กับข้อความไว้ อยา่ งไรก็ตาม APA ได้ก�ำ หนดวิธีการเขยี นอา้ งองิ ทม่ี าของขอ้ ความทีไ่ ดค้ ดั ลอกมา โดยมรี ายละเอยี ด/รูปแบบตา่ งกัน ข้นึ อยกู่ ับความยาวของขอ้ ความทีค่ ดั ลอก มา ท้ังขอ้ ความทย่ี าวไม่เกิน 40 คำ� หรอื ประมาณ 3 บรรทัด และที่ยาวเกนิ 40 คำ� หรอื เกนิ 3 บรรทดั รวมทัง้ การเขียนอา้ งอิงกรณคี ัดลอกเอกสารออนไลน์ที่ไมม่ เี ลขหน้า
2 การอ้างองิ และการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบับพมิ พ์ครั้งท่ี 6 1.1.1 การเขยี นอ้างองิ ในกรณีคัดลอกขอ้ ความทีย่ าวไมเ่ กนิ 40 ค�ำ หรือประมาณ 3 บรรทัด เป็นการอ้างถึงเจ้าของงานเดมิ จากการที่ผูเ้ ขยี นไดน้ �ำ ข้อความมาวางไว้ในงานเขยี นของตน ทั้งนี้ ต�ำ แหน่งในประโยคท่ีน�ำ ขอ้ ความมาวาง มผี ลตอ่ การเขยี นอ้างอิง ดังน้ี 1) ขอ้ ความทีค่ ดั ลอกมาวางอยู่กลางประโยค โดยทีล่ กั ษณะการเขยี นประโยคมชี ่อื ผู้แต่งเดมิ เปน็ ผ้เู ลา่ คอื อยูต่ น้ ประโยคให้ระบุปพี ิมพไ์ วใ้ นวงเลบ็ กลมตอ่ ท้ายชื่อผู้แตง่ ใช้เครอื่ งหมายอัญประกาศคู่(Quotation Mark) (“ ”) กำ�กบั ข้อความทค่ี ดั ลอก และระบเุ ลขหน้าในวงเล็บกลม ต่อจากเคร่อื งหมายอัญประกาศปิด แลว้ จึง ตามด้วยประโยคต่อเนือ่ ง ไมใ่ ชเ้ ครอ่ื งหมายวรรคตอน ยกเว้น เครอื่ งหมายวรรคตอนเป็นส่วนของประโยค ตวั อย่าง Interpreting these results, Robbins et al. (2003) suggested that the “therapists in dropout cases may have inadvertently validated parental negativity about the adolescent without adequately responding to the adolescent’s needs or concerns” (p. 541), contributing to an overall climate of negativity. 2) ข้อความที่คดั ลอกมาวางอยทู่ า้ ยประโยค ใส่ข้อความทอี่ ้างในเครื่องหมายอัญประกาศคู่ (“ ”) เวน้ 1 ระยะ และระบชุ อ่ื ผูแ้ ต่ง พร้อมปีพมิ พ์ และเลขหนา้ ไว้ในวงเลบ็ กลมเดยี วกัน ต่อท้ายเครอื่ งหมาย อัญประกาศปดิ แลว้ จบดว้ ยเครอื่ งหมายมหัพภาค (.) หรือเคร่ืองหมายอ่นื ๆ นอกวงเล็บปดิ ตัวอยา่ ง Confusing this issue is the overlapping nature of roles in palliative care, whereby “medical needs are met by those in the medical disciplines; nonmedical needs may be addressed by anyone on the team” (Csikai & Chaitin, 2006, p. 112). 1.1.2 การเขียนอา้ งอิงในกรณคี ดั ลอกขอ้ ความทยี่ าวเกิน 40 ค�ำ หรือเกิน 3 บรรทดั เป็นการวางขอ้ ความท่ีคัดลอกมายาวเกนิ 3 บรรทดั ให้เปน็ หนึ่งบล็อกของข้อความโดยการ ย่อหน้าในบรรทัดถัดไป เยอื้ งเขา้ มาประมาณ 0.5 นิ้วจากขอบซา้ ย (ทุกบรรทัดเยอ้ื งเขา้ มาเทา่ กนั ) และให้ขึ้น ยอ่ หนา้ ใหมส่ ำ�หรับขอ้ ความทย่ี าวกว่า 3 บรรทดั แต่ย่อหน้าใหมต่ อ้ งอย่ภู ายในบลอ็ กเดียวกนั โดยบรรทดั แรก ของยอ่ หน้าใหมน่ ้ี ให้เยอ้ื งเขา้ ไปอีก 0.5 นิว้ จากยอ่ หน้าเดิม (รวมเปน็ เย้อื ง 1 นวิ้ จากขอบซา้ ย) แตเ่ มอ่ื ขึ้นบรรทดั ใหม่และบรรทัดต่อๆ ไปของยอ่ หนา้ ท่ี 2 ให้เย้อื งแค่ 0.5 นิ้วแรก ซึ่งจะทำ�ให้ข้อความทัง้ หมดอยูด่ ้วยกันในรปู ของ บล็อกเดยี ว แตแ่ บ่งข้อความด้วยการย่อหน้า เยอื้ งลึกเขา้ ไปอีกเฉพาะบรรทัดแรกของขอ้ ความใหม่ และสว่ นท้าย สดุ ของทั้งบลอ็ กขอ้ ความ เมือ่ จบข้อความใสเ่ ครอ่ื งหมายมหัพภาค (.) หมายถงึ จบประโยค ให้เว้น 2 ระยะ แล้ว ระบุขอ้ มูลแหลง่ ท่มี าของข้อความ คือ ระบุชอ่ื ผูแ้ ตง่ ปีพมิ พ์ และเลขหนา้ อยู่ภายในวงเลบ็ กลมเดียวกนั
ตัวอย่าง การอา้ งองิ และการเขียนรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบับพิมพ์คร้ังท่ี 6 3 Others have contradicted this view: Co-presence does not ensure intimate interaction among all group members. Consider large-scale social gatherings in which hundreds or thousands of people gather in a location to perform a ritual or celebrate an event. In these instances, participants are able to see the visible manifestation of the group, The physical gathering, yet their ability to make direct, intimate connections with those around them is limited by the sheer magnitude of the assembly. (Purcell, 1997, pp. 111-112) 1.1.3 การเขียนอา้ งอิงในกรณีคัดลอกขอ้ ความจากแหลง่ ข้อมลู ออนไลนท์ ่ีไม่มเี ลขหน้า ในการเขยี นอา้ งอิงแหลง่ ข้อมลู ออนไลน์ ให้ระบชุ ่ือผ้แู ต่ง ปีพิมพ์ และเลขหนา้ ในวงเล็บกลม แต่เน่อื งจากแหลง่ ขอ้ มูลทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์จ�ำ นวนมากไมม่ เี ลขหนา้ ถ้างานน้ันมีหลายย่อหน้า ให้ระบเุ ลขย่อหนา้ แทนเลขหน้า โดยใชค้ �ำ ย่อว่า “para.” ตัวอยา่ ง Basu & Jones (2007) went so far as to suggest the need for a new “intellectual framework in which to consider the nature and form of regulation in cyberspace” (para. 4). กรณีที่งานไมม่ ีเลขหนา้ แต่มีหลายยอ่ หนา้ และมชี อื่ เรื่องยาวมาก ไม่สะดวกในการอา้ งอิง ให้ใชช้ ่อื เรอ่ื ง สนั้ ๆ ไวใ้ นเครื่องหมายอญั ประกาศ (“ ”) ตวั อยา่ ง “Empirical studies have found mixed results on the efficacy of labels in educating consumers and changing consumption behavior” (Golan, Kuchler, & Krissof, 2007, “Mandatory Labeling Has Targeted,” para. 4). (ชอื่ เรื่องเต็ม คอื “Mandatory Labeling Has Targeted Information Gaps and Social Objectives.”) 1.2 การเขียนอ้างอิงในกรณีถอดความจากงานอื่น (Paraphrasing Material) การถอดความจากงานอนื่ เป็นการยอ่ ใจความส�ำ คญั หรอื เรยี บเรียงใหมห่ รอื จัดลำ�ดบั ค�ำ /ข้อความของ ประโยคใหม่ หรอื เปล่ยี นไปใชค้ �ำ อน่ี ๆ แทน เพือ่ ท่ีจะอธบิ ายหรอื แสดงความหมายของขอ้ ความจากงานอ่นื ท่ี น�ำ มาแสดงไวใ้ นงานเขียนของตน โดยใช้ค�ำ วลี หรอื ขอ้ ความของผู้อธิบาย เพือ่ ใหส้ อดคลอ้ งกับบริบทของงาน หรือเพ่ือใหเ้ ขา้ ใจได้งา่ ยหรอื ชัดเจนขึ้น และเมอ่ื ได้ถอดความหรอื แปลความหรือกล่าวถึงความคดิ ทีอ่ ย่ใู นงาน ของผู้อื่น ผู้เขียนต้องระบเุ ลขหนา้ หรอื เลขยอ่ หนา้ ทคี่ วามนน้ั ปรากฏอยู่ เพื่อชว่ ยผ้อู ่านทสี่ นใจ สามารถไปอ่าน จากแหล่งเดิมไดต้ อ่ ไป
4 การอ้างองิ และการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ รั้งท่ี 6 2. การเขยี นอา้ งอิงแบบแทรกในเนือ้ หา ตามแบบ APA การเขียนอา้ งอิงแบบแทรกในเนือ้ หา (Citing References in Text) เปน็ รปู แบบวธิ เี ขียนอา้ งถงึ งานของ ผเู้ ป็นเจ้าของความคิดหรอื ขอ้ ความ ท่ผี ู้เขยี นงานได้นำ�มาอ้างไวใ้ นเนอื้ หาของงานของตน เพอ่ื สนับสนุนความคิด หรือข้อเขียนของผเู้ ขยี นเอง ขอ้ มูลทเี่ ขยี นแสดงการอา้ งถงึ นี้ มักระบชุ ื่อผู้แต่งและแหล่งที่มาของขอ้ ความอย่าง ย่อ ไว้ทีห่ นา้ ข้อความหรือท้ายข้อความที่มกี ารอ้างองิ ซงึ่ อาจใช้ระบบนาม—ปี (คือ ช่ือผแู้ ต่ง—ปพี ิมพ)์ หรือใช้ ระบบตวั เลข คือการเขยี นอา้ งองิ แบบเชิงอรรถ ท่ีใชร้ ะบบการโยงค�ำ อธิบายความหรือระบแุ หล่งท่ีมาของขอ้ ความ อย่างย่อไว้ทท่ี า้ ยหนา้ ทข่ี อ้ ความอา้ งองิ นั้นปรากฏอยู่ ส่วนการเขียนเอกสารอา้ งอิงทา้ ยบทหรอื ท้ายเรือ่ ง คำ�ภาษา องั กฤษอาจใชว้ ่า “References หรอื Reference List หรอื Reference Cited, หรอื Literature Cited” ซง่ึ ในกรณีของ Reference List เปน็ การท�ำ บญั ชีรายช่อื เอกสารอ้างองิ ไว้ท้ายบทหรือทา้ ยเรอื่ ง โดยเขยี นระบุ รายละเอียดของเอกสารประเภทต่าง ๆ ทีผ่ ู้เขยี นได้น�ำ มาอ้างอิงไวใ้ นเนื้อหาทกุ รายการดว้ ยรูปแบบการเขียนทมี่ ี แบบแผน ภายใต้หัวข้อว่า “References” หรือ “เอกสารอา้ งอิง” โดยรายการในเอกสารอ้างองิ ท้ายบท หรอื ท้ายเรือ่ งทกุ รายการ จะตอ้ งมรี ายละเอยี ดตรงกับขอ้ มูลทอ่ี า้ งองิ ในเน้ือหา ส่วนบัญชรี ายช่ือเอกสารทา้ ยบทหรือ ท้ายเลม่ ทีเ่ รียกว่า “Bibliography” หรอื “บรรณานกุ รม” เปน็ การน�ำ รายช่อื ของเอกสารทเี่ กี่ยวขอ้ งกับเนอื้ หาที่ เขยี นมารวมไว้ตามล�ำ ดับอกั ษรชอื่ ผ้แู ตง่ หรือข้อมูลนำ�อนื่ ๆ เพิม่ เติมจากเอกสารอ้างองิ เพอื่ แนะนำ�ใหผ้ อู้ า่ นได้ ศึกษาคน้ ควา้ เรอื่ งดงั กลา่ วเพิ่มเติม ซ่ึงอาจจะไม่ปรากฏในเนอ้ื หา 2.1 การเขยี นอ้างอิงในเน้อื หาตามระบบนาม-ปี การเขียนอ้างอิงในเนอ้ื หา ตามแบบ APA ฉบับพมิ พ์ครั้งท่ี 6 ก�ำ หนดใชร้ ะบบนาม—ปี (Author-date Citation System) และจัดเรียงรายชือ่ เอกสารทีไ่ ดน้ ำ�มาอา้ งในเน้อื หาตามลำ�ดับอกั ษรชื่อผ้แู ต่ง (หรืออ่ืน ๆ ส่วนใหญเ่ ป็นชือ่ ผูแ้ ต่ง) ไวท้ า้ ยบทหรอื ทา้ ยเรือ่ ง การเขยี นอ้างองิ ในเนือ้ หา (In—text Citation) เป็นการเขยี น ขอ้ มลู ระบุแหล่ง/เอกสารที่นำ�มาอ้างอย่างยอ่ เพอ่ื แจ้งใหผ้ ู้อ่านทราบที่มาของความคิดหรอื ขอ้ ความทนี่ ำ�มาอ้างไว้ ในเบ้ืองต้นและผู้ใช้สามารถใช้ข้อมูลขยายความในรายการเอกสารอ้างอิงที่เรียงตามลำ�ดับอักษรช่ือที่ท้ายบท (Reference List) ไปค้นหาแหล่งหรือเอกสารนั้นต่อไปได้ ดงั น้ัน ขอ้ มูลของแหล่งที่อา้ งในเนื้อหาอย่างย่อน้ี ทกุ รายการต้องปรากฏอยู่ใน Reference List และข้อมูลน�ำ ของ Reference List ตอ้ งตรงกบั ขอ้ มลู นำ�ของการ อา้ งองิ ในเน้อื หา ผเู้ ขยี นต้องตรวจสอบให้แนใ่ จว่าข้อมลู ของเอกสารท่นี ำ�มาอา้ งองิ นั้น ปรากฏอย่ใู นทง้ั 2 แหง่ และถกู ต้องตรงกนั ท้งั การสะกดชื่อและเลขของปี รปู แบบการเขยี นอา้ งอิงในเนือ้ หาทีว่ างข้อมูลนาม-ปี ไวท้ ่ีหนา้ ข้อความและทา้ ยขอ้ ความ 1) งานเดยี วโดยผูแ้ ตง่ 1 คน (One Work by One Author) ข้อมูลเพ่อื การเขยี นอ้างอิงในเน้ือหา ในระบบนาม—ปี ประกอบด้วยขอ้ มูลชอื่ ผ้แู ต่ง (หรือช่ือ เร่ือง ในกรณีไม่มชี ือ่ ผแู้ ต่ง) ช่ือผ้แู ต่งใช้เพยี งนามสกลุ ทีไ่ มม่ ีคำ�ตอ่ ท้าย เช่น Jr. (ชอ่ื คนไทย ใชช้ ื่อต้น√ชือ่ สกลุ ) และปพี มิ พ์/ปีผลติ โดยวางข้อมลู นาม—ปี น้ี ในประโยคอยา่ งเหมาะสม กลา่ วคอื ถา้ ชอื่ ผู้แตง่ นัน้ เป็นผู้เลา่ และ
การอา้ งอิงและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบับพิมพค์ รั้งที่ 6 5 อยตู่ ้นประโยคหรือหนา้ ขอ้ ความ กจ็ ะเขียนดว้ ย นามสกลุ และตามดว้ ยปีพมิ พ์/ปีผลติ ในวงเล็บกลม หรือถา้ ในเนอื้ หาไม่ไดเ้ อ่ยถึงชื่อผแู้ ต่ง การเขียนอา้ งองิ ใช้ นามสกลุ และปีพมิ พอ์ ยใู่ นวงเล็บด้วยกนั คนั่ ด้วยเครอื่ งหมาย จลุ ภาค และวางอยู่ท้ายขอ้ ความกไ็ ด้ ขอ้ มูลนาม-ปี อย่หู นา้ ขอ้ ความ: ชอ่ื ผู้แตง่ ของงานทนี่ ำ�มาอ้างปรากฏเป็นส่วนหนง่ึ ของขอ้ ความ ท่อี า้ ง หรือเปน็ ผู้เล่า ใหใ้ สป่ ีพมิ พ์ไวใ้ นวงเล็บกลมตอ่ จากช่ือผแู้ ตง่ นน้ั ตัวอย่าง Kessler (2003) found that among epidemiological samples ขอ้ มลู นาม-ปี อยทู่ า้ ยขอ้ ความ: ช่อื ผแู้ ต่งไม่ไดอ้ ยใู่ นขอ้ ความทน่ี ำ�มาอ้าง ให้ใส่ช่อื ผูแ้ ต่งและ ปพี ิมพ์ คัน่ ดว้ ยเครอ่ื งหมายจลุ ภาค (,) ไวใ้ นวงเลบ็ กลม วางไวท้ ้ายขอ้ ความท่ีอา้ ง ตัวอย่าง Early onset results in a more persistent and severe course (Kessler, 2003). ถ้าชือ่ ผูแ้ ต่งปรากฏเปน็ สว่ นหน่ึงของเร่อื ง/ข้อความทอ่ี า้ งใหร้ ะบปุ ีพิมพ์ไวใ้ นวงเล็บกลมต่อท้าย ชื่อผแู้ ต่ง ตามตวั อยา่ งแรก หรือใสช่ ื่อผู้แตง่ และปพี ิมพอ์ ยใู่ นวงเลบ็ เดยี วกนั ค่นั ดว้ ยเคร่อื งหมายจุลภาค (,) ตามตัวอยา่ งถดั มา ถา้ ข้อมลู การพมิ พม์ ที ั้งเดอื นและปี ใหร้ ะบเุ ฉพาะปีเทา่ นน้ั ในบางกรณี ถา้ ท้งั ปีและชื่อผูแ้ ตง่ ปรากฏเปน็ สว่ นหนึง่ ของขอ้ ความแลว้ ไม่ต้อง ระบุข้อมลู ในวงเล็บอีก ตวั อย่าง In 2003, Kessler’ s study of epidemiological samples showed that… ในยอ่ หนา้ หนึ่ง ๆ ถา้ ช่อื ผู้แต่งของงานทน่ี �ำ มาอา้ งเป็นสว่ นหนึ่งของขอ้ ความ และไดต้ ามด้วย ปพี มิ พใ์ นวงเลบ็ ไปแล้ว หากมีการอา้ งขอ้ ความของผแู้ ต่งคนเดิม โดยเอ่ยชือ่ ผแู้ ต่งนน้ั นำ�ขอ้ ความและความยงั ตอ่ เนื่องกนั มา เช่ือได้วา่ อา้ งจากงานชิน้ เดียวกัน กรณีนี้ ไมจ่ �ำ เปน็ ต้องระบปุ ีพิมพใ์ นวงเลบ็ ซ้ําอกี ตราบใดทยี่ ังไม่ ทำ�ใหเ้ ปน็ ทส่ี บั สนกับงานช้นิ อ่ืนในบทความน้นั แตโ่ ดยท่ัวไปตอ้ งระบุปพี ิมพ์ในวงเลบ็ กลมทกุ คร้ังของการอา้ งอิง ตัวอย่าง Among epidemiological samples, Kessler (2003) found that early onset social anxiety disorder results in a more potent and severe course. Kessler also found …… The study also showed that there was a high rate of comorbidity with alcohol abuse or dependence and major depression (Kessler, 2003).
6 การอา้ งอิงและการเขียนรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พิมพ์ครัง้ ท่ี 6 อย่างไรกต็ าม ในย่อหน้าหนง่ึ ๆ การอ้างอิงคร้ังต่อมาท่อี ้างตามการอ้างอิงแบบท้ายข้อความ (คอื ทง้ั ชอื่ ผู้แต่งและปีพมิ พ์อยู่ในวงเล็บเดียวกัน คัน่ ด้วยเครือ่ งหมายจลุ ภาค (,)) ต้องระบุปพี มิ พก์ ำ�กบั ช่อื ผู้แต่ง ด้วย ตวั อย่าง Early onset results in a more persistent and severe course (Kessler, 2003). Kessler (2003) also found……… ตวั อยา่ ง การอ้างองิ ในเนื้อหาหน้าและท้ายขอ้ ความส�ำ หรับงานเดยี วโดยผ้แู ตง่ คนเดยี ว การอ้างอิงในเน้อื หาหน้าขอ้ ความ การอา้ งอิงในเนอื้ หาทา้ ยข้อความ ช่อื —สกุล (ปีพมิ พ์, น. ) / Surname (Date, pp. ) (ชอ่ื —สกุล, ปีพมิ พ์, น. ) / (Surname, Date, pp. ) ขจรี ัตน์ ดวงดาว (2555) (ขจีรัตน์ ดวงดาว, 2555) ชศู รี วงศร์ ตั นะ (2525, น. 42) (ชูศรี วงศร์ ัตนะ, 2525, น. 42) Adam (2010) (Adam, 2010) Kidd (1987, pp. 15—16) (Kidd, 1987, pp. 15—16) 2) งานเดียวโดยผู้แตง่ หลายคน (One Work by Multiple Authors) งานทมี่ ีผแู้ ตง่ 2 คน ให้ระบทุ งั้ 2 ชือ่ ทกุ ครั้งของการอ้างองิ ในเนือ้ หา สว่ นงานท่ีมผี ู้แตง่ ต้งั แต่ 3—5 คน ใหร้ ะบทุ ุกชอ่ื ในการอ้างอิงคร้ังแรก แตก่ ารอา้ งองิ ครัง้ ต่อมา ใหร้ ะบเุ พียงนามสกลุ ของผแู้ ต่งคนแรก ตาม ด้วยค�ำ วา่ “et al.” (ไมต่ ้องท�ำ เปน็ ตัวเอน และใสเ่ ครอ่ื งหมายมหพั ภาค (.) ท่ี “al.” เสมอ) แลว้ ตามดว้ ยปีพมิ พ์ ตวั อย่าง Kisangau, Lyaruu, Hosea, and Joseph (2007) found… กรณอี า้ งองิ ในเน้ือหาหน้าขอ้ ความครั้งแรก Kisangau et al. (2007) found… กรณอี า้ งองิ ฯ หน้าขอ้ ความคร้งั ต่อมา Kisangau et al. found… กรณีอา้ งองิ ฯ หนา้ ขอ้ ความครัง้ ต่อ ๆ มา โดยยังอ้างตอ่ เนื่องกับงานช้นิ กอ่ นหนา้ (ไม่ใส่ปีพมิ พ์) ยกเวน้ : งาน 2 ช้ินงาน ทตี่ า่ งมีนามสกลุ ของผ้แู ต่งมากกว่า 3 ช่ือ และมปี ีพมิ พเ์ ดียวกนั ซ่ึงเมือ่ เขยี นอ้างองิ ครั้งตอ่ มาแบบย่อแลว้ (คอื ระบุนามสกุลของผูแ้ ตง่ คนแรก ตามด้วย et al. (ปีพมิ พ)์ ) จะมขี ้อมลู อ้างองิ ซา้ํ กัน เชน่ งานแตล่ ะชิ้นเขียนอา้ งองิ ทา้ ยขอ้ ความครง้ั แรกได้วา่ — งานชิ้นแรก (Ireys, Chernoff, DeVet, & Kim, 2001) — งานช้ินท่ี 2 (Ireys, Chernoff, Stein, DeVet, & Silver, 2001)
การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบับพมิ พ์ครัง้ ที่ 6 7 เมื่อเขียนอา้ งอิงทา้ ยข้อความครง้ั ตอ่ มาในรปู แบบยอ่ จะได้ขอ้ มูลเหมอื นกนั คอื (Ireys et al., 2001) ในกรณีน้ี การเขียนอ้างอิงคร้ังต่อ ๆ มา ใหเ้ พม่ิ นามสกุลของผ้แู ต่งคนที่ 2, 3, .. หน้าคำ�วา่ et al. ไปจนกว่าข้อมูล อา้ งอิงของงาน 2 ช้ินงานน้ี จะไม่ซํา้ กนั ดงั นี้ Ireys, Chernoff, DeVet, et al. (2001) and Ireys, Chernoff, Stein, et al. (2001) งานทม่ี ผี ู้แตง่ ตงั้ แต่ 6 คนขึน้ ไป ให้ระบนุ ามสกลุ ของผู้แตง่ คนแรก แลว้ ต่อด้วยค�ำ วา่ “et al.” หรือ “และคณะ” แล้วตามดว้ ยปพี มิ พ์ ส�ำ หรบั การอ้างอิงคร้ังแรกและคร้งั ตอ่ ไป ตัวอย่าง การอา้ งองิ ในเนื้อหาหน้าและท้ายข้อความครัง้ แรก สำ�หรบั งานเดยี วโดยผูแ้ ตง่ ต้งั แต่ 2 คน ขน้ึ ไป (1) งานเดยี วโดยผู้แต่ง 2 คน การอา้ งองิ ในเน้อื หาหน้าข้อความ การอ้างอิงในเนอ้ื หาทา้ ยขอ้ ความ ช่ือ—สกลุ คนท่ี 1 และคนที่ 2 (ปพี ิมพ,์ น. ) (ชื่อ—สกลุ คนท่ี 1 และคนท่ี 2, ปีพิมพ์, น. ) Surname 1 and surname 2 (Date, pp. ) Surname 1 & surname 2, Date, pp. ) กนกอร ทปี ชัย และสณุ ี ไทธนา (2554) (กนกอร ทปี ชยั และสุณี ไทธนา, 2554) ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ (2536, น. 45) (ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ, 2536, น. 45) Drucker and Keegan (2009) (Drucker & Keegan, 2009) Anderson and Pratl (1995, p. 156) (Anderson & Pratl, 1995, p. 156) (2) งานเดยี วโดยผูแ้ ต่ง 3 คน การอา้ งอิงในเน้ือหาหนา้ ขอ้ ความ การอา้ งองิ ในเนอื้ หาท้ายข้อความ ช่ือ—สกุลคนที่ 1, คนที่ 2, และคนที่ 3 (ปพี มิ พ,์ น. ) (ช่อื —สกลุ คนท่ี 1, คนที่ 2, และคนท่ี 3, ปพี มิ พ์, น. ) Surname 1, surname 2, and surname 3 (Date, (Surname 1, surname 2, & surname 3, Date, pp. ) pp. ) คมศร เมธกี ุล, นดั ดา คมคาย, และก่ิงแกว้ ทวี (คมศร เมธกี ุล, นัดดา คมคาย, และกิ่งแกว้ ทวี, (2553) 2553) พชิ ัย สหี โ์ สภณ, ธญั ลกั ษณ์ ทองงาม, และรักบญุ (พิชัย สีห์โสภณ, ธัญลกั ษณ์ ทองงาม, และรักบญุ คงสำ�ราญ (2536, น. 56) คงส�ำ ราญ, 2536, น. 56) Kate, William, and Domon (2008) (Kate, William, & Domon, 2008) Abeles, Morgan, and Saltvit (1992, p. 23) (Abeles, Morgan, & Saltvit, 1992, p. 23)
8 การอา้ งอิงและการเขียนรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบับพิมพ์คร้งั ที่ 6 (3) งานเดยี วโดยผแู้ ต่ง 4-5 คน การอา้ งองิ ในเนื้อหาหน้าขอ้ ความ การอ้างองิ ในเนื้อหาท้ายข้อความ ชอื่ —สกลุ คนที่ 1, ...และคนที่ 5 (ปพี มิ พ,์ น. ) (ช่อื —สกลุ คนที่ 1, ...และคนที่ 5, ปพี มิ พ์, น. ) Surname 1, ...and surname 5, (Date, pp. ) (Surname 1, ...& surname 5, Date, pp. ) กมลศรี สมใจ, ธาริณี บญุ ญสทิ ธ,ิ์ มณฑา ทองอุไร, (กมลศรี สมใจ, ธาริณี บุญญสทิ ธิ,์ มณฑา ทองอุไร, วันดี เขม็ จิรา, และระววิ รรณ วรารักษ์ (2555) วนั ดี เขม็ จิรา, และระววิ รรณ วรารักษ,์ 2555) Durbin, Cornor, Martin, Jerard, and Santum (Durbin, Cornor, Martin, Jerard, & Santum, (2005, pp. 35—38) 2005, pp. 35—38) (4) งานเดยี วโดยผูแ้ ตง่ 6 คน หรอื มากกว่า การอ้างองิ ในเนื้อหาหนา้ ข้อความ การอ้างองิ ในเน้ือหาท้ายขอ้ ความ ชอื่ —สกุลคนท่ี 1 และคณะ (ปพี มิ พ์, น. ) (ชื่อ—สกุลคนที่ 1 และคณะ, ปพี ิมพ,์ น. ) Surname 1 et al. (Date, pp. ) (Surname 1 et al., Date, pp. ) ศรสี ภุ า รัตนา และคณะ (2550, น. 9) (ศรีสภุ า รตั นา และคณะ, 2550, น. 9) Green et al. (2009, pp. 44—47) (Green et al., 2009, pp. 44—47) ตารางสรปุ รูปแบบการอ้างอิงในเนื้อหาพื้นฐานสำ�หรบั งานเดยี ว (Basic Citation Styles) ประเภท การอา้ งอิงในเน้ือหา การอ้างอิงในเน้ือหา การอา้ งอิงในเน้ือหา การอ้างอิงในเน้ือหา การ หน้าขอ้ ความ หนา้ ข้อความ ท้ายขอ้ ความ ท้ายข้อความ อา้ งองิ ครงั้ แรก คร้งั ต่อมา คร้งั แรก ครงั้ ต่อมา โดยผแู้ ตง่ วจิ ิตร ศรสี อ้าน (2555) วจิ ติ ร ศรีสอ้าน (2555) (วจิ ติ ร ศรสี อ้าน, 2555) (วิจิตร ศรีสอา้ น, 2555) 1 คน Walker (2007) Walker (2007) (Walker, 2007) (Walker, 2007) โดยผู้แต่ง กนกอร ทีปชยั และ กนกอร ทีปชยั และ (กนกอร ทปี ชัย และ (กนกอร ทปี ชัย และ 2 คน สณุ ี ไทธนา (2554) สณุ ี ไทธนา (2554) Walker and Allen สณุ ี ไทธนา, 2554) สณุ ี ไทธนา, 2554) Walker and Allen (2004) (2004) (Walker & Allen, (Walker & Allen, 2004) 2004) โดยผแู้ ต่ง คมศร เมธกี ลุ , นัดดา คมศร เมธกี ลุ และคณะ (คมศร เมธกี ลุ , นดั ดา (คมศร เมธีกุล 3 คน คมคาย, และก่งิ แก้ว (2553) คมคาย, และ และคณะ, 2553) ทวี (2553) ก่งิ แกว้ ทว,ี 2553) Bradley, Ramirez, and Bradley et al. (1999) (Bradley, Ramirez, (Bradley et al., 1999) Soo (1999) & Soo, 1999)
การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างอิง ตามแบบ APA ฉบับพมิ พค์ ร้ังที่ 6 9 ประเภท การอา้ งองิ ในเนื้อหา การอ้างอิงในเน้อื หา การอา้ งองิ ในเนอ้ื หา การอ้างอิงในเน้ือหา การ หนา้ ข้อความ หน้าขอ้ ความ ท้ายขอ้ ความ ท้ายข้อความ อา้ งอิง ครงั้ แรก ครงั้ ตอ่ มา ครั้งแรก ครั้งต่อมา โดยผู้แต่ง สมใจ พมิ พา, ดวงดาว สมใจ พิมพา และคณะ (สมใจ พมิ พา, ดวงดาว (สมใจ พิมพา, และ 4 คน ดษุ ฎี, สมุ าลี (2556) ดษุ ฎ,ี สมุ าลี คณะ, 2556) ทองแท้, และอุไร ทองแท้, และอุไร Bradley et al. (2006) บรภิ ัณฑ์, 2556) บริภัณฑ์ (2556) (Bradley, Ramirez, (Bradley et al., 2006) Bradley, Ramirez, Soo, & Walsh, Soo, and Walsh 2006) (2006) โดยผูแ้ ตง่ กมลศรี สมใจ, ธารณิ ี กมลศรี สมใจ และคณะ (กมลศรี สมใจ, ธาริณี (กมลศรี สมใจ, และ 5 คน บุญญสิทธิ,์ มณฑา (2555) บญุ ญสทิ ธ,ิ์ มณฑา คณะ, 2555) ทองอุไร, วันดี ทองอุไร, วนั ดี เขม็ จิรา, และ เขม็ จริ า, และ ระววิ รรณ วรารกั ษ์ ระววิ รรณ (2555) วรารักษ,์ 2555) Walker, Allen, Walker et al. (2008) (Walker, Allen, (Walker et al., 2008) Bradley, Ramirez, Bradley, Ramirez, and Soo (2008) & Soo, 2008) โดยผู้แตง่ ศรสี ุภา รัตนา และคณะ ศรีสภุ า รัตนา และคณะ (ศรสี ุภา รัตนา และ (ศรีสุภา รตั นา และ 6 คนขึน้ (2550) (2550) คณะ, 2550) คณะ, 2550) ไป Wasserstein et al. Wasserstein et al. (Wasserstein et al., (Wasserstein et al., (2005) (2005) 2005) 2005) โดยผู้แตง่ กระทรวงศึกษาธกิ าร ศธ (2556) (กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ, 2556) เปน็ หนว่ ย (ศธ, 2556) [ศธ], 2556) งาน National Institute NIMH (2003) (National Institute (NIMH, 2003) ใช้ช่อื ยอ่ of Mental Health of Mental Health [NIMH], (NIMH, 2003) 2003) โดยผ้แู ตง่ มหาวทิ ยาลัยรงั สติ มหาวิทยาลัยรังสิต (มหาวิทยาลัยรงั สิต, มหาวิทยาลัยรงั สิต เปน็ หน่วย (2557) (2557) 2557) (2557) งาน ไมใ่ ช้ University of University of (University of (University of ช่อื ย่อ Pittsburgh (2005) Pittsburgh (2005) Pittsburgh, 2005) Pittsburgh, 2005)
10 การอา้ งอิงและการเขียนรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบบั พิมพค์ ร้งั ที่ 6 3) ผแู้ ต่งใช้นามแฝง การอา้ งองิ ในเนื้อหาหนา้ ข้อความ การอา้ งอิงในเน้ือหาทา้ ยขอ้ ความ ช่อื นามแฝง (ปพี มิ พ์, น. ) (ช่ือนามแฝง, ปพี มิ พ์, น. ) ทมยนั ตี (2540, น. 49) (ทมยนั ตี, 2540, น. 49) Omega (2002, p. 47) (Omega, 2002, p. 47) 4) ผแู้ ตง่ มบี รรดาศกั ดิ์ ยศ หรือฐานันดรศักด์ิ ตำ�แหน่งทางวชิ าการ ไมล่ งคำ�นำ�หน้านาม เชน่ นาย นาง นางสาว ผศ. รศ. ศ. ดร. นพ. พญ. ฯลฯ การอา้ งอิงในเนอ้ื หาหนา้ ขอ้ ความ การอา้ งอิงในเนอ้ื หาทา้ ยขอ้ ความ ชอ่ื —สกุล, บรรดาศักด์ิ ยศฯ (ปพี ิมพ์, น. ) (ชือ่ —สกุล, บรรดาศกั ด์ิ ยศฯ, ปพี ิมพ์, น. ) คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช, ม.ร.ว. (2524, น. 14) (คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช, ม.ร.ว., 2524, น. 14) ป่นิ มุทุกันฑ์, พ.อ. (2511, น. 52) (ป่ิน มทุ ุกนั ฑ,์ พ.อ., 2511, น. 52) 5) ผู้แตง่ มีสมณศักด์ิ การอ้างอิงในเนอื้ หาหนา้ ข้อความ การอา้ งองิ ในเนือ้ หาท้ายขอ้ ความ ชื่อสมณศกั ด์ิ (ปพี ิมพ์, น. ) (ช่ือสมณศักด์ิ, ปีพิมพ,์ น. ) พระพรหมมังคลาจารย์ (2552, น. 8) (พระพรหมมังคลาจารย,์ 2552, น. 8) 6) กรณงี านทไี่ มม่ ีชอื่ ผูแ้ ตง่ ชอื่ บรรณาธกิ าร ใหล้ งชอ่ื เร่อื งแทนชื่อผู้แต่ง การอา้ งอิงในเนอ้ื หาหนา้ ขอ้ ความ การอา้ งอิงในเนื้อหาทา้ ยขอ้ ความ สหรัฐอเมรกิ ากบั เวียดนาม (2530, น. 3) (สหรัฐอเมริกากบั เวยี ดนาม, 2530, น. 3) 7) งานไม่ปรากฏปีพมิ พ์ ให้ใชค้ �ำ ว่า “ม.ป.ป.” (ไมป่ รากฏปพี ิมพ)์ หรือ “n.d.” (no date) และถ้าไมป่ รากฏเลขหน้า ใหใ้ ชว้ า่ “ไม่มเี ลขหนา้ ” หรือ “unpaged” 8) การลงชอ่ื ผูแ้ ตง่ ชาวตา่ งประเทศ ชอื่ ชาวตา่ งประเทศ (โดยเฉพาะหนังสอื แปล) จะถอดตัวอักษรเปน็ ภาษาไทยหรอื ไม่ก็ได้ แต่ ถา้ ใชอ้ ยา่ งใด ตอ้ งใชร้ ูปแบบเดยี วกนั ตลอดเลม่ ตวั อยา่ ง ฮาลปนิ (Halpin 1966, pp. 27—28) ไดใ้ ห้ความเห็นไวว้ า่ …………….. Halpin (1966, pp. 27—28) ไดใ้ หค้ วามเหน็ ไว้ว่า……………………….
การอา้ งองิ และการเขียนรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ รัง้ ท่ี 6 11 สว่ นชื่อคนไทยทีเ่ ขียนเปน็ ภาษาตา่ งประเทศ ให้ระบุเฉพาะนามสกุลเท่านนั้ การอ้างอิงในเนื้อหาหน้าข้อความ การอา้ งองิ ในเนือ้ หาท้ายข้อความ Panyarachun (2005, p. 33) (Panyarachun, 2005, p. 33) 9) การเขยี นอา้ งองิ หลายช้นิ งานในวงเล็บเดยี วกนั จดั เรียงขอ้ มลู อ้างองิ ของงานสองงานขึ้นไปภายในวงเล็บเดยี วกัน ตามล�ำ ดบั อกั ษรของชือ่ ผู้ แต่งหรือข้อมูลนำ� ในล�ำ ดับเดียวกันกับข้อมูลน�ำ ของเอกสารอา้ งองิ ทปี่ รากฏในรายการเอกสารอ้างองิ ทา้ ยบท/ทา้ ย เรื่อง (รวมทั้งการอ้างอิงท่ใี ช้รปู แบบส้ัน ๆ ค�ำ วา่ “et al.” ดว้ ย) จัดเรยี งขอ้ มลู อา้ งอิงของงานสองงานขนึ้ ไปที่มีผู้แตง่ เดียวกัน ตามลำ�ดบั ปีพิมพ์ จดั เรยี งงาน อ้างองิ ที่มสี ถานะอยูใ่ นระหว่างจดั พิมพ์ หรอื กำ�ลงั จดั พิมพ์ (in press) ไว้ในล�ำ ดบั สุดท้าย สำ�หรบั งานในล�ำ ดับ ต่อมา ระบเุ ฉพาะนามสกลุ และปพี ิมพ์ Training materials are available (Department of Veterans Affairs, 2001, 2003) Past research (Gogel, 1990, 2006, in press) ถา้ อ้างองิ งานหลายช้นิ ของผแู้ ตง่ คนเดียวกนั ท่พี มิ พ์ปเี ดยี วกัน สามารถแยกวา่ เป็นงานตา่ ง ช้ินกัน โดยใช้ตัวอกั ษร เชน่ ใช้ a, b, c, d,…หรือ ก, ข, ค, ง,… ตามหลังปพี มิ พ์ ซ่ึงล�ำ ดับตวั อักษรท่ีกำ�กบั ตามปีนี้ จัดตามลำ�ดบั กอ่ นหลังของอักษรตัวแรกของชือ่ เรื่องของงานของผ้แู ต่งรายนั้น ซ่งึ ต้องตรงกับลำ�ดบั ของเอกสาร อ้างอิงทจี่ ะปรากฏที่ท้ายบท/ทา้ ยเรือ่ งดว้ ย Several studies (Derryberry & Reed, 2005a, 2005b, in press-a; Rothbart, 2003a, 2003b) การอา้ งองิ ในเนือ้ หาหน้าขอ้ ความ การอา้ งองิ ในเนื้อหาทา้ ยข้อความ ช่ือ—สกลุ , (ปพี ิมพ์, น. ) (ชื่อ—สกลุ , ปพี มิ พ,์ น. ) ไพฑรู ย์ สขุ ศรีงาม (2527ก, น. 11—19) (ไพฑรู ย์ สขุ ศรงี าม, 2527ก, น. 11—19) ไพฑรู ย์ สขุ ศรีงาม (2527ข, น. 22—26) (ไพฑูรย์ สุขศรงี าม, 2527ข, น. 22—26) Derryberry (2005a) (Derryberry, 2005a) Derryberry (2005b) (Derryberry, 2005b) ระบขุ ้อมูลอ้างอิงหลายงานท่มี ชี ือ่ ผู้แต่งตา่ งกัน ในวงเล็บเดียวกัน ตามลำ�ดบั อกั ษรช่อื สกลุ (surname) ของผูแ้ ตง่ หรือตามลำ�ดับอักษรขอ้ มูลนำ� แยกข้อมูลอ้างองิ แต่ละช้นิ ด้วยเครือ่ งหมายอัฒภาค (;) Several studies (Miller, 1999; Shafranske & Mahoney, 1998)
12 การอา้ งอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พ์ครั้งที่ 6 ข้อยกเวน้ : ถา้ ตอ้ งการแยกการอ้างองิ แหล่งทส่ี ำ�คญั หรือเดน่ กว่าแหล่งอื่น ๆ ที่อยูใ่ นวงเล็บเดียวกนั ให้เขยี นอ้างองิ แหล่งที่สำ�คญั หรือเดน่ กวา่ ไว้อนั ดบั แรก แล้วแทรกวลี อาทิ ค�ำ ว่า “ดูเพม่ิ เติม” หรือ “see also” ไวห้ น้าขอ้ มูลอ้างองิ ของงานท่เี หลอื ซึ่งทุกรายการอา้ งองิ ทเ่ี หลอื นัน้ เรียงตามลำ�ดับอกั ษรชื่อผแู้ ต่งหรอื ขอ้ มลู น�ำ ตัวอย่าง (Minor, 2001; see also Adams, 1999; Storandt, 2007) 10) การอา้ งองิ ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลในระดบั ทตุ ิยภมู ิ (Secondary Sources) เปน็ การอา้ งถงึ งานทถ่ี กู อ้างอิงอยใู่ นงานเขยี นอนื่ ที่เราไดอ้ า่ น และประสงคจ์ ะอา้ งอิงงานน้ัน ด้วย หรือในกรณที ไี่ ม่สามารถหางานด้งั เดมิ ได้ เนอื่ งจากงานน้นั ไม่มกี ารพิมพแ์ ล้ว งานเดมิ น้นั ไมม่ ีการใหบ้ รกิ าร ตามวิธีการใชง้ านปกติ หรอื ไมส่ ามารถเข้าใชง้ านได้ สามารถใช้แหล่งฯ ระดับทตุ ิยภมู ิได้ ทง้ั การอ้างอิงในเนอื้ หา และในรายการอ้างอิงทา้ ยเรื่อง โดยระบทุ ้ังช่ืองานด้ังเดมิ และข้อมลู แหล่งฯ ระดบั ทุตยิ ภมู ไิ ด้ ตัวอยา่ ง งานของ Allport ถกู อ้างอยใู่ นงานของ Nicholson เราไมส่ ามารถหาอา่ นงานของ Allport ได้ กรณีนี้ ให้ระบงุ านของ Nicholson ในสว่ นรายการอ้างอิงท้ายเรือ่ ง ส�ำ หรบั การอา้ งอิงในเน้ือหา ใหร้ ะบดุ งั นี้ Allport’s diary (as cited in Nicholson, 2003). ตวั อยา่ ง การอ้างองิ ในเนอ้ื หา กรณีใชแ้ หลง่ ขอ้ มูลในระดบั ทตุ ยิ ภูมิ Arnett (2000, as cited in Claiborne & Drewery, 2010) suggests there is an emerging adult stage in the lifespan of humans, covering young people between the ages of 18 and 25 years ตัวอยา่ ง รายการอ้างองิ ทา้ ยบท/ท้ายเรอื่ ง กรณใี ช้แหลง่ ข้อมลู ในระดับทตุ ิยภูมิ Claiborne, L., & Drewery, W. (2010). Human development: Family, place, culture. North Ryde: NSW, McGraw-Hill. 11) งานวรรณกรรมคลาสกิ งานเกา่ มาก ๆ (Classical Works) งานทไี่ ม่สามารถระบปุ พี ิมพ์ได้ เชน่ งานท่ีเกา่ มาก ๆ ใหอ้ ้างปีทแ่ี ปลกไ็ ด้ โดยระบุคำ�วา่ “trans.” นำ�หน้าปฯี หรอื อาจใช้ปขี องเล่มหรือรนุ่ (Version) ท่ีนำ�มาใช้ แลว้ ตามด้วยคำ�ว่า version เมื่อทราบ ปีพิมพ์ดง้ั เดิมแล้ว ใหแ้ จ้งไวท้ ่ีรายการอ้างองิ ด้วย ตวั อย่าง (Aristotle, trans. 1931) James (1890/1983)
การอ้างองิ และการเขียนรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบับพิมพค์ ร้ังท่ี 6 13 12) การอา้ งองิ ข้อมลู สว่ นชเ้ี ฉพาะเจาะจงของแหลง่ สารสนเทศ การเขยี นอ้างอิงขอ้ มลู สว่ นช้ีเฉพาะเจาะจงต�ำ แหน่งของข้อมูลในแหล่งสารสนเทศ อาทิ ช้ี เลขหน้า บทที่ รวมถงึ ตำ�แหน่งของรูปภาพ ตาราง หรือสมการ เพอื่ ระบุตำ�แหน่งทถ่ี กู ตอ้ งในเนื้อหา สามารถระบุ เลขหน้าในการอ้างอิงในเนอื้ หาได้ โดยใหใ้ ชค้ ำ�ยอ่ ของค�ำ วา่ page = p., pages = pp. หรือ หน้า = น. แตค่ �ำ วา่ chapter หรือบท หรอื หน่วย ไมใ่ ห้ใช้คำ�ยอ่ ในการอ้างอิงในเนือ้ หา ตวั อย่าง (Centers for Disease Control and Prevention, 2005, p. 10) (Shimamura, 1989, Chapter 3) 13) การเขียนอ้างองิ ในการสือ่ สารส่วนบคุ คล (Personal Communications) การส่อื สารสว่ นบคุ คล เป็นการสอื่ สารแบบไม่เป็นทางการ เช่น จดหมายส่วนตวั บันทึก สว่ นตัว การสือ่ สารทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (อาทิ อีเมล์ กล่มุ สนทนา กระดานข่าวสาร) การสมั ภาษณ์บุคคล บทสนทนา ทางโทรศพั ท์ เน่ืองจากข้อมลู เหล่านี้เปน็ ข้อมลู สว่ นบคุ คล ไม่มีขอ้ มลู ให้สืบคน้ ได้ทวั่ ไป ขอ้ มลู การสอื่ สารสว่ น บคุ คลจึงไมร่ วมอยู่ในส่วนรายการเอกสารอ้างองิ ทา้ ยบท/ท้ายเรือ่ ง(ReferenceList)ให้อา้ งไว้ในสว่ นการอา้ งองิ ในเน้ือหาได้เทา่ นนั้ รูปแบบการเขียนอา้ งอิงในเนอื้ หา สำ�หรับผูส้ ือ่ สารชาวตะวันตก ใหร้ ะบอุ กั ษรย่อช่อื ต้นและ ชื่อกลาง (ถ้าม)ี และนามสกุล ส่วนช่อื ชาวไทยทีเ่ ขยี นด้วยภาษาไทย ใหร้ ะบุ ชอื่ ต้น นามสกลุ ของผสู้ ่อื สาร ตามดว้ ยคำ�วา่ “personal communication” หรอื “การส่ือสารส่วนบคุ คล” และวันเดือนปที สี่ อื่ สาร ตาม รูปแบบการเขียนวันเดือนปีของภาษานั้น ๆ ตัวอย่าง ดวงใจ ชัยพร (การส่อื สารส่วนบคุ คล, 15 มกราคม 2555) (ดวงใจ ชัยพร, การสือ่ สารสว่ นบคุ คล, 15 มกราคม 2555) T. K. Lutes (personal communication, April 18, 2001) (V.-G. Nguyen, personal communication, September 28, 1998) 14) การเขียนอา้ งองิ ตาราง และรปู ภาพ ตาราง (Tables) และรูปภาพ (Figures) ชว่ ยใหผ้ ู้เขียนสามารถน�ำ เสนอสารสนเทศไดจ้ �ำ นวน มาก และอยา่ งมีประสิทธภิ าพ และช่วยทำ�ให้เขา้ ใจไดง้ า่ ย รวดเรว็ ข้ึน ตารางมโี ครงสรา้ งการนำ�เสนอสารสนเทศ เปน็ ล�ำ ดับหรือตามกรอบอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงท่กี ำ�หนด ในรปู ของแถวและคอลัมน์ สว่ นรูปภาพ ครอบคลมุ แผนภูมิ แผนผงั แผนที่ กราฟ ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพประกอบลกั ษณะอื่น ๆ ทงั้ หมดท่ีไม่ใช่ขอ้ ความ นอกเหนือจากตาราง การใช้หมายเลขระบเุ ลขทขี่ องตารางและรูปภาพ ให้ใชเ้ ลขอารบกิ ตามล�ำ ดับ ตามหลงั ค�ำ ว่า “Table” หรอื “ตารางที่” เชน่ Table 5, Table 5.1,.หรือ ตารางที่ 5 ตารางท่ี 5.1.. และ “Figure” หรอื “ภาพท่ี”
14 การอา้ งอิงและการเขียนรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ รงั้ ที่ 6 เช่น Figure 5, Figure 5.1,….หรอื ภาพที่ 5, ภาพที่ 5.1 ไม่ใช้ ตัวอักษรตามหลงั ตัวเลข เช่น ไม่ใชว้ า่ Table 5, Table 5a, Table 5b,… เป็นต้น 14.1) ตาราง องค์ประกอบพนื้ ฐานของตารางที่นำ�มาประกอบในเนื้อหาของงาน ประกอบด้วย 4 สว่ น คอื (1) เลขทข่ี องตาราง (2) ช่ือตาราง (อยูส่ ว่ นบนของตาราง) (3) ตวั ตาราง และ (4) หมายเหตทุ า้ ยตาราง ตัวอยา่ ง Table X Factor Loadings for Exploratory Factor Analysis With Varimax Rotation of Personality Pathology Scales Table body................. Note. Factor loadings > .40 are in boldface. SPQ = Schizotypal Personality Questionnaire; DAPP = Dimensional Assessment of Personality—Basic Questionnaire. Adapted from “A Dimensional Model of Personality Disorder: Incorporating DSM Cluster A Characteristics,” by J. L. Tackett, A. L. Silberschmidt, R. F. Krueger, and S. R. Sponheim, 2008, Journal of Abnormal Psychology, 117, p. 457. Copyright 2008 by the American Psychological Association. ข้อก�ำ หนดในการเขียนระบุองคป์ ระกอบต่าง ๆ ในตาราง (1) เลขทขี่ องตาราง (table number) ก�ำ หนดใช้ตัวเลขอารบิกตามหลงั คำ�วา่ “Table” หรือ “ตารางที”่ เชน่ Table 5.1 หรือ ตารางที่ 5.1 (2) ชอื่ ตาราง (table title) ช่อื ตารางปรากฏอย่ทู ีส่ ่วนบนของตาราง ท�ำ ชือ่ ตารางเปน็ ตัวเอน ช่อื ตาราง ควรสนั้ กระชบั ชัดเจน ชอื่ ในภาษาอังกฤษ ใช้ตัวนำ�ตัวตามทกุ คำ� ยกเวน้ คำ�บพุ บท ค�ำ เชื่อม (3) ตวั ตาราง (table body) ระบเุ นื้อหาเปน็ ข้อความและ/หรอื ตัวเลขในตารางในรูปของ คอลัมนแ์ ละแถว มีหัวตารางและข้อความหรอื ตวั เลขภายใตห้ วั ข้อ (4) ขอ้ ความหมายเหตทุ ้ายตาราง (table note) ส่วนหมายเหตุทา้ ยตาราง มลี กั ษณะคลา้ ย เชิงอรรถให้ขอ้ มลู ที่เก่ยี วกบั ขอ้ มลู ภาพรวมในตาราง ขอ้ มลู เฉพาะคอลัมน์ เฉพาะแถว เฉพาะตำ�แหนง่ ในตาราง และข้อมลู ระบคุ ่า p values และค่าผลลัพธก์ ารทดสอบค่าสมมตฐิ านทางสถติ ิ ขอ้ ความหมายเหตุทา้ ยตารางมี 3 ประเภท ดงั นี้ (4.1) หมายเหตุทัว่ ไปเกี่ยวกับตาราง (A general note) เป็นหมายเหตลุ �ำ ดับแรกใน 3 ประเภท ระบขุ อ้ ความคำ�อธบิ ายตาราง หรือภาพรวมของขอ้ มลู ในตาราง คำ�เต็มของคำ�ยอ่ /อักษรย่อทใี่ ช้ใน ตาราง ข้อมูลระบุแหลง่ ท่ีมาของตาราง ว่าปรบั ปรงุ หรอื พฒั นาขอ้ มลู ในตารางจากแหลง่ ใด..(เชน่ จากบทความใด โดยระบุต�ำ แหน่งท่ีอยู่ของตารางในบทความนนั้ ) รายละเอียดของแหล่งข้อมูล ปีลิขสทิ ธ์ิ และช่ือเจา้ ของลขิ สทิ ธิ์
การอา้ งองิ และการเขยี นรายการเอกสารอ้างอิง ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ ร้งั ท่ี 6 15 (4.2) หมายเหตุขอ้ ความเฉพาะของเน้ือหาในตาราง (A specific note) เปน็ หมายเหตุ แยกจากหมายเหตุทวั่ ไป และอยูใ่ นล�ำ ดบั ต่อจากหมายเหตทุ ัว่ ไป เพื่อขยายความหรอื ระบขุ ้อมลู อืน่ ๆ ทีจ่ �ำ เปน็ ใน ตารางในลกั ษณะเดยี วกบั เชงิ อรรถ ทีห่ นา้ ข้อความหมายเหตปุ ระเภทน้ี จะมีสัญลักษณ์น�ำ ขอ้ ความ เป็นตัวอกั ษร ตวั พิมพเ์ ล็กในภาษาอังกฤษ ทเ่ี ปน็ ตัวพิมพย์ ก (Superscript Lowercase Letters (e.g.,a, b, c )) ซ่งึ โยงมาจาก ตำ�แหนง่ ใด ๆ ในตาราง ในระดับคอลมั น์ แถว หรือในชอ่ งระบขุ อ้ มลู หรือเซลล์ (cell) ล�ำ ดับการใช้ตัวพิมพย์ ก a, b, c, ในตารางคอลัมน์ แถว หรอื เซลล์ เริม่ จากซ้ายไปขวา และบนลงลา่ ง และเริม่ ล�ำ ดับของเชงิ อรรถแรกดว้ ยตวั พิมพย์ ก a ตวั อย่าง Table X Individual and Family Characteristics as a Percentage of the Sample (Census Data in Parentheses) Characteristic Mother Father Child (n = 750) (n = 466) (n = 750) Self—identity 77.2 71.0 41.0 Mexican 22.8 29.0 59.0 Mexican American Nativitya 74.2 (38.2) 80.0 (44.2) 29.7 Mexico 25.8 (61.8) 20.0 (55.8) 70.3 United States Language preferenceb 30.2 (52.7) 23.2 (52.7) 82.5 (70.0) English 69.8 (48.3) 76.8 (48.3) 17.5 (30.0) Spanish Education level completeda 29.2 (30.7) 30.2 (33.4) 8th grade or less …………………………… …………………………… Note. Adapted from “Sampling and Recruitment in Studies of Cultural Influences on Adjustment: A Case Study With Mexican Americans,” by M. W. Roosa, F. F. Liu, M. Torres, N. A. Gonzales, G. P. Knight, and D. Saenz, 2008, Journal of Family Psychology, 22, p. 300. Copyright 2008 by the American Psychological Association. aCensus data are for all women or men and are not limited to parents or adults in our age group. bThe most comparable census data for mothers and fathers are for all adults 18 and older and for children are for 15— to 17— year—olds. cCensus data are for all women, not just mothers, whereas the male data are limited to husbands.
16 การอา้ งอิงและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบับพิมพค์ รั้งที่ 6 (4.3) หมายเหตรุ ะบคุ า่ ความนา่ จะเปน็ (A probability note) เพอ่ื บง่ ช้ีคา่ p value และ คา่ ผลลพั ธ์การทดสอบคา่ สมมติฐานทางสถิตใิ นเน้ือหาและในตาราง ถา้ ตารางน้นั มหี มายเหตทุ ั้ง 3 ลักษณะ หมายเหตุนจ้ี ะอยูล่ ำ�ดับสดุ ทา้ ย โดยใชเ้ ครื่องหมายดอกจนั (*) (asterisks) หรือสัญลกั ษณ์อ่นื ๆ น�ำ หนา้ หมายเหตุประเภทนี้ ตัวอยา่ ง Table X Predictors of Self—Reported Moral Behavior Self—reported moral behavior Model 2 Variable Model 1 B B 95% Cl Constant 3.192** 2.99** [2.37, 3.62] Gender 0.18* 0.17 [—0.00, 0.33] Age —0.06 —0.05 [—0.14, 0.03] Social desirability bias —0.08** —0.08** [—0.10, —0.05] ………………………… ………………………… Note. N = 242. Cl = confidence interval. Adapted from “Moral Attentiveness: Who Pays Attention to the Moral Aspects of Life?” by S. J. Reynolds, 2008, Journal of Applied Psychology, 93, p. 1035. Copyright 2008 by the American Psychological Association. *p < .05. **p < .01. การระบรุ ายละเอยี ดในหมายเหตุ (note.) ทา้ ยตารางทน่ี ำ�มาจากประเภททรพั ยากรสารสนเทศตา่ ง ๆ มี รปู แบบ ดงั นี้ 14.1.1) การเขียนหมายเหตุท้ายตารางท่ไี ด้จากวารสาร นติ ยสาร ให้ระบรุ ายละเอยี ดตามรูปแบบ ดังนี้ รูปแบบ (√ = เว้น 1 ระยะ)
การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบบั พิมพค์ รง้ั ท่ี 6 17 หมายเหตุ. หรอื Note. (เปน็ ตวั เอนและไม่เขม้ )√คำ�อธบิ ายเกีย่ วกับขอ้ มูลในตาราง.√ปรบั ปรุงจาก หรือ Adapted from √“ชื่อบทความ,” √โดย ช่อื ผูแ้ ตง่ (แบบย่อและไม่กลบั คำ� เชน่ K. L. Klauer), √ปพี มิ พ,์ √ชอื่ วารสาร (เป็นตวั เอน และตัวน�ำ ตวั ตามทกุ ค�ำ ยกเวน้ คำ�บพุ บท ค�ำ สันธาน),√เลขของปที ี่ (เปน็ ตวั เอนตามชื่อวารสาร) หรอื ฉบบั ท่,ี √น. หรอื p. หรือ pp.√เลขหนา้ . √ลขิ สทิ ธ์√ิ เลขปี√โดยชื่อเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ. ตวั อยา่ ง Note. An examples of application of the Rubber Elasticity Theory to Biopolymer Gels. Adapted from “A method for using measurements of shear modulus to estimate the size and thermodynamic stability of junction zones in noncovallently cross-linked gels,” by D. G. Oakenfull, 1984, Journal of Food Science, 49, pp. 1103-1104, 1110. Copyright 1984 by Journal of Food Science. 14.1.2) การเขียนหมายเหตุทา้ ยตารางทีไ่ ดจ้ ากหนังสือ ใหร้ ะบุ ดงั น้ี รูปแบบ หมายเหต.ุ หรือ Note. รายละเอียดเก่ยี วกบั ข้อมูลในตาราง. ปรับปรงุ จาก หรอื Adapted from ช่ือหนังสอื (น. หรอื p. หรือ pp. เลขหนา้ ), โดย ชอ่ื ผแู้ ต่ง, ปีพิมพ,์ สถานท่ีพิมพ์: สำ�นกั พมิ พ.์ ปลี ิขสทิ ธิโ์ ดย ชอื่ เจา้ ของลิขสทิ ธิ.์ ตัวอย่าง Note. Adapted from Emotion Marketing (p. 109), by S. Robinette and C. Brand, 2001, New York: McGraw-Hill. Copyright 2001 by Hallmark Cards. Adapted with permission. 14.2) รปู ภาพ (Figures) รปู ภาพท่ใี ชป้ ระกอบในงานเขียน โดยทวั่ ไป มี 5 ประเภท คือ กราฟ (Graphs) แผนผัง/แผนภมู ิ (Charts) แผนท่ี (Maps) ภาพวาด (Drawings) และภาพถา่ ย (Photographs) ขอ้ มูลการ อา้ งองิ รปู ภาพประเภทต่าง ๆ จะปรากฏอยดู่ ้านลา่ งของภาพ เริ่มจาก ภาพท่ี 1 ของบท ใชห้ มายเลขของบทเปน็ เลขนำ� ตามดว้ ยเครื่องหมายมหัพภาค (.) และเลขลำ�ดบั ทข่ี องภาพ เช่น ภาพท่ี 4.1 หรอื Figure 4.1 หมายถึง ภาพที่ 1 ของบทท่ี 4 การเตรยี มภาพ ภาพต้องชัดเจน ตัวอกั ษรพมิ พ์ด้วยแบบธรรมดา ใช้ขนาดเดยี วตลอดภาพ กำ�หนดสัดส่วนใหเ้ หมาะสม หมายเลขและช่อื ของรปู ภาพจะต่างกับหมายเลขและชือ่ ของตาราง ซง่ึ อยู่ดา้ นบน ของตาราง แต่หมายเลขและชอื่ ของภาพจะอย่ดู ้านลา่ งของภาพนน้ั รายละเอยี ดของขอ้ มลู อ้างอิงมีรูปแบบดังน้ี 14.2.1) อา้ งอิงรูปภาพจากวารสาร นติ ยสาร มีรูปแบบ/ลงรายละเอยี ด ดงั น้ี รปู แบบ ภาพท่ี X. หรอื Figure X. ชอ่ื ภาพและรายละเอียด (ถ้ามี). ปรบั ปรงุ จาก หรอื Adapted from “ชื่อบทความ,” โดย ชอ่ื ผู้แต่ง, ปีพมิ พ,์ ชอื่ วารสาร (ทำ�เป็นตัวเอน), เลขของเล่มท่ี (ท�ำ เปน็ ตวั เอน) ฉบับท,ี่ น. หรือ p. หรือ pp. เลขหน้า. ลขิ สทิ ธ์ิ [ป]ี โดยชื่อเจา้ ของลิขสทิ ธ์ิ.
18 การอา้ งอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พ์ครงั้ ท่ี 6 ตัวอย่าง Figure 5.1. Generic mediation model being tested (on the basis of Baron & Kenny, (1986)). Adapted from “Preschool Home Literacy Practices and Children’s Literacy Development: A Longitudinal Analysis,” by M. Hood, E. Conlon, and G. Andrews, 2008, Journal of Educational Psychology, 100, p. 259. Copyright 2008 by the American Psychological Association. 14.2.2) อ้างองิ จากหนังสอื มีรปู แบบ/ลงรายละเอยี ด ดังน้ี รูปแบบ ภาพที่ X. หรอื Figure X. ช่อื ภาพ และรายละเอียด (ถ้ามี). ปรับปรงุ จาก ชือ่ หนงั สือ (ทำ�เปน็ ตวั เอน) (น. หรือ p. หรอื pp. เลขหนา้ ), โดย ชื่อผู้แตง่ , ปีพมิ พ,์ สถานท่ีพมิ พ:์ ส�ำ นกั พมิ พ์. ปีลขิ สทิ ธิ์ โดยชอ่ื เจา้ ของลิขสทิ ธ.ิ์ ตัวอย่าง Figure 5.2. Showing the structure diagram for the cruise control system. Adapted from Concurrency state models & Java programming (p.163), by 37 J. Magee and J. Kramer, 2006, England: John Wiley & Sons. Copyright 2006 by John Wiley & Sons. 2.2 การเขยี นอา้ งอิงในเนอ้ื หาแบบเชิงอรรถ เชงิ อรรถ (Footnotes) เปน็ หมายเหตขุ อ้ ความทบ่ี นั ทกึ ไว้ทา้ ยหนา้ เพอื่ อธิบายขยายความเพิม่ เติมจาก เน้ือหาหน่งึ ๆ ในหนา้ นนั้ ไม่เก่ียวขอ้ งโดยตรงกับเน้ือหานน้ั หรือเปน็ ข้อมูลระบุให้ทราบสถานภาพดา้ นลิขสิทธ์ิ และแหล่งทีม่ าของงานท่ีไดอ้ ้างองิ ไว้ในเนื้อหาหนง่ึ ๆ ในหน้าน้นั โดยทวั่ ไปเขียนเชิงอรรถไวต้ ามล�ำ ดบั ทที่ า้ ยหน้า นั้น ๆ ท่เี นอื้ หาที่อ้างปรากฏอยู่ หรืออาจวางเชงิ อรรถไว้ที่ท้ายเรอื่ งหรือทา้ ยบทกไ็ ด้ ถ้าอยทู่ ้ายเร่ืองใหว้ างเชงิ อรรถ ต่อจากรายการเอกสารอ้างองิ การเขยี นอ้างอิงแบบเชงิ อรรถ ตามแบบ APA ใชใ้ นลกั ษณะของการแจ้งหรือขยายความสั้น ๆ เพ่มิ เติม จากในเนอ้ื หาหรอื ระบคุ �ำ อนญุ าตในการคัดลอกเท่านัน้ การเขียนอา้ งองิ ในเนอื้ หาตามแนวของ APA ใช้ระบบ นาม—ปีเปน็ หลัก กล่าวคอื APA ไมไ่ ด้ใช้การอา้ งอิงแบบเชิงอรรถ ตามแบบท่ีใชก้ ันโดยทั่วไป 1) ประเภทของเชงิ อรรถ เชงิ อรรถมี 2 ประเภท คอื เชงิ อรรถขยายความเน้อื หา และเชิงอรรถ ระบุแหลง่ และสถานภาพด้านลิขสทิ ธ์ิ แตล่ ะประเภทมขี อบเขตและรูปแบบการเขยี นเชงิ อรรถ ดังนี้ 1.1) เชงิ อรรถขยายความเน้อื หา (Content Footnotes) เป็นสว่ นที่ผนวกหรือขยายความ/ เรื่องในเน้ือหาใหช้ ดั เจนข้นึ เชิงอรรถน้ี ใชร้ ะบขุ อ้ ความสน้ั ๆ ไมซ่ ับซ้อน อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหา ไม่ควรให้ข้อมูลทีไ่ มจ่ �ำ เปน็ เพราะจะท�ำ ให้ผูอ้ ่านสบั สนได้ เชิงอรรถประเภทน้ีควรให้ขอ้ มูลที่เสริมแนวคิดหลัก ของเรือ่ งน้นั อาจเปน็ หน่ึงย่อหนา้ สั้น ๆ และไมค่ วรยาวมาก ถา้ ขอ้ ความที่ขยายยาวมาก อาจสรปุ ไว้เป็นส่วนของ เนือ้ หาหรือจัดท�ำ เป็นส่วนผนวกต่างหากเผยแพร่ทางออนไลน์ ไมจ่ �ำ เปน็ ต้องทำ�เป็นเชิงอรรถ
การอ้างองิ และการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบับพิมพ์ครัง้ ที่ 6 19 1.2) เชิงอรรถระบุแหลง่ และสถานภาพด้านลขิ สทิ ธ์ิ (Copyright Permission Footnotes) เปน็ เชงิ อรรถที่แจ้งหรือระบแุ หล่งของขอ้ มูลที่ผเู้ ขยี นได้อ้างองิ ถงึ เพ่ือยืนยนั หรือขยายความข้อความในเนือ้ หา อาทิ ข้อมูลมาตราส่วนทใ่ี ช้ หรอื การทดสอบ วิธกี ารคำ�นวณ และตารางที่น�ำ มาแสดงไว้หรือทีไ่ ดน้ �ำ มาปรับใช้ใน เนอ้ื หา พรอ้ มขอ้ มูลระบุลขิ สทิ ธิข์ องเจ้าของงาน ซ่ึงผู้เขียนต้องค�ำ นึงถึงเรือ่ งลิขสิทธใ์ิ นการนำ�มาใชด้ ้วย 2) ข้อก�ำ หนดในการเขยี นเชิงอรรถ 2.1) ระบหุ มายเลขก�ำ กับข้อความ (ในเนือ้ หา) ที่อา้ งอิงและกำ�กับเชงิ อรรถ โดยใชเ้ ลขอารบิก เรียงตามลำ�ดบั จากข้อความแรกในหนา้ หมายเลขของขอ้ ความทีต่ ้องการขยายความกบั หมายเลขก�ำ กบั เชิงอรรถ น้ันต้องตรงกัน และอยู่ในหนา้ เดียวกัน การพมิ พ์หมายเลขกำ�กบั เชงิ อรรถ ใหพ้ มิ พเ์ ลขเป็นลักษณะตวั พิมพ์ยก (Superscript) ในระยะท่สี ูงกวา่ ข้อความเชิงอรรถเลก็ นอ้ ย (เช่น 1จาก ...) ข้อความในเน้ือหาทอ่ี า้ งองิ และ ส่วนเชิงอรรถทอ่ี ยู่แยกกนั คนละหน้า หรอื อยูท่ า้ ยเรอื่ ง ต้องผา่ นการตรวจสอบใหม้ ่ันใจว่าล�ำ ดบั หมายเลขของ เชงิ อรรถตรงกันกับหมายเลขก�ำ กับข้อความท่ขี ยาย ขดี เส้นคน่ั ระหวา่ งสว่ นเนื้อหาและสว่ นเชิงอรรถทที่ า้ ยหน้า แตล่ ะหน้า โดยความยาวของเสน้ คน่ั เทา่ กับ 1 ใน 3 ของความกวา้ งของหนา้ กระดาษ 2.2) กำ�หนดระยะย่อหน้าของบรรทดั แรกของเชิงอรรถทุกรายการ โดยเว้นระยะย่อหนา้ ประมาณ 0.5 นว้ิ ส่วนบรรทัดถดั ไป ใหพ้ ิมพช์ ดิ ขอบซา้ ยของหน้า 2.3) เชงิ อรรถทอี่ ยู่ทา้ ยเรือ่ ง ให้รวบรวมไวใ้ นหน้าใหมต่ า่ งหากและอยู่ตอ่ จากเอกสารอ้างอิง ให้จว่ั หวั กลางหน้าดว้ ยค�ำ ว่า “Footnotes” หรอื “เชิงอรรถ” โดยไมต่ ้องเนน้ คือ ไมท่ �ำ เปน็ ตัวหนา ไม่เปน็ ตวั เอน ไม่ขดี เส้นใต้ หรอื ไมต่ อ้ งก�ำ กับดว้ ยเครือ่ งหมายอัญประกาศคู่ ตัวอยา่ ง การรวบรวมรายการเชิงอรรถไวท้ า้ ยบท/ท้ายเร่อื ง Footnotes 1A new dietary ingredient is defined as dietary ingredients that were not marketed in the United States in a dietary supplement prior to October 15, 1994. 2 From the chapters “Motive-Based Trust and Decision Acceptance” and “Societal Orientations: Legitimacy and Connections With Society” in Trust in the Law: Encouraging Public Cooperation With the Police and Courts, by Tom R. Tyler and Yuen J. Huo, 2002, New York: Russell Sage Foundation. Copyright 2002 by the Russell Sage Foundation, 112 East 64th Street, New York, NY 10021. Reprinted with permission. 3 Supplementary data are available on the journal Web site (http://apnm.nrc.ca) or may be purchased from the Depository of Unpublished Data, Document Delivery, CISTI, National Research Council Canada, Building M-55, 1200 Montreal Road, Ottawa, ON K1A 0R6, Canada. DUD 5396. For more information on obtaining material refer to http://cisti-icist.nrc-cnrc.gc.ca/ eng/ibp/cisti/collection/unpublished-data.html.
20 การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ที่ 6 3) รปู แบบการเขยี นเชงิ อรรถ 3.1) การเขียนเชงิ อรรถแบบขยายความเนอ้ื หา ให้เขียนหมายเลขก�ำ กบั ข้อความทต่ี ้องการขยาย เป็นเลขเดียวกับหมายเลขของเชิงอรรถ ซึง่ เชงิ อรรถจะอยทู่ ่สี ว่ นทา้ ยของหนา้ น้ัน จบขอ้ ความเชิงอรรถด้วย เครอื่ งหมายมหัพภาค (.) ตวั อยา่ ง การเขียนเชงิ อรรถแบบขยายความทีท่ า้ ยหนา้ .......เครอ่ื งปรงุ รสแบบผงนวั 1....................................................................................... 1 ผงนัว เป็นหนึ่งในภมู ปิ ัญญาของอีสานในการทำ�เครื่องปรุงรส โดยใชพ้ ชื ผักพนื้ บ้านหลากชนิดท่ีออก ในฤดูกาลต่าง ๆ ผสมกับขา้ วเหนยี วและขา้ วกลอ้ งแชน่ ้าํ ข้าวเหนยี วน่ึงสุก ขา้ วกลอ้ งน่ึงสุก แล้วน�ำ ไปผา่ น กระบวนการอบแหง้ และป่น. ตัวอย่าง การเขียนเชงิ อรรถแบบขยายความ ตัวอยา่ ง Content Footnote: “Under the DSHEA, dietary supplements no longer receive approval from the FDA before being marketed unless the supplement contains a new dietary ingredient (DSHEA, 1994).1 ” 1A new dietary ingredient is defined as dietary ingredients that were not marketed in the United States in a dietary supplement prior to October 15, 1994.
การอ้างองิ และการเขียนรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบับพมิ พค์ ร้งั ที่ 6 21 3.2) การเขียนเชิงอรรถแบบระบแุ หล่งและสถานภาพดา้ นลขิ สิทธิ์ ประเภทแหล่ง รูปแบบการเขียนเชงิ อรรถแบบระบุสถานภาพด้านลิขสิทธิ์ วารสาร From [or The data in column 1 are from] “Title of Article,” by A. N. Author นิตยสาร and C. O. Author, year, Title of Journal, Volume, p. xx. Copyright [year] by the สื่อตอ่ เนอ่ื ง Name of Copyright Holder. Reprinted [or adapted] with permission. อ่นื ๆ 1จาก [หรอื ขอ้ มูลในคอลมั น์ 1 มาจาก] “ชื่อบทความ,” โดย ชือ่ —สกลุ ผแู้ ตง่ 1 และช่ือผูแ้ ตง่ 2, ปีพมิ พ,์ ชื่อวารสาร, ปที ,ี่ น. หรือ p. หรือ pp. เลขหน้า. ลขิ สทิ ธิ์ [ปีลขิ สิทธิ์] โดย ชอื่ ผู้ถอื ลิขสิทธิ.์ พิมพ์ซํา้ [หรือปรบั ปรงุ ] โดยได้รบั อนญุ าต. ตัวอยา่ ง 1จาก “สมเด็จพระเทพรัตน์กบั การอนุรกั ษม์ รดกไทยดา้ นภาษาไทย,” โดย สุพัตรา ศิริวัฒน์, 2553, วชริ าวุธานสุ รณ์สาร, 29(2), น. 25—40. มลู นิธิพระบรมราชานสุ รณ์ พระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าของลิขสทิ ธ.ิ์ หนงั สือ From [or The data in column 1 are from] Title of Book (p. xxx) by A. N. Author and C. O. Author, year, Place of Publication: Publisher. Copyright [year] by the Name of Copyright Holder. Reprinted [or adapted] with permission. 1 จาก [หรือ ขอ้ มลู ในคอลัมน์ 1 มาจาก] ช่ือเร่อื งหนังสือ (น. หรอื p. หรือ pp. เลขหน้า) โดย ชอ่ื ผแู้ ตง่ 1 (ชาวตา่ งประเทศใช้: อักษรตัวแรกของชอื่ ตน้ . อกั ษรตัวแรกของช่อื กลาง. (ถ้าม)ี ชอื่ สกุล) และชือ่ ผู้แตง่ 2 (อักษรตวั แรกของชอื่ ต้น. อกั ษรตัวแรกของช่ือกลาง. ชื่อสกุล), ปีพมิ พ,์ สถานท่ีพิมพ:์ ส�ำ นักพมิ พ.์ ลิขสิทธิ์ ปลี ิขสทิ ธิ์ โดย ช่อื ผ้ถู อื ลขิ สทิ ธ์.ิ พมิ พ์ซา้ํ [หรอื ปรบั ปรุง] โดยได้รับอนุญาต. ตัวอยา่ ง 1 จาก คลังคำ�ในบริบทการจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ (น. 49—51), โดย นฤมล ปราชญโยธนิ , 2556, มหาสารคาม: หจก.อภชิ าติการพมิ พ.์ ลิขสทิ ธิ์ 2556 โดย นฤมล ปราชญโยธนิ . 2 From An easyguide to APA style (pp. 107—108), by B. M. Schwartz, R. E. Landrum, and R. A. R. Gurung, 2012, Los Angeles: SAGE, Copyright 2012 by SAGE Publications, Inc.
22 การอา้ งองิ และการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ ร้งั ที่ 6 ประเภทแหล่ง รปู แบบการเขยี นเชงิ อรรถแบบระบสุ ถานภาพดา้ นลขิ สิทธิ์ หนงั สอื (ตอ่ ) ตวั อย่าง Copyright Permission Footnote: “Trust in authority was measured using four items drawn from models of motive—based trust (Tyler & Huo, 2002).2” 2 From the chapters “Motive—Based Trust and Decision Acceptance” and “Societal Orientations: Legitimacy and Connections With Society” in Trust in the Law: Encouraging Public Cooperation With the Police and Courts, by Tom R. Tyler and Yuen J. Huo, 2002, New York: Russell Sage Foundation. Copyright 2002 by the Russell Sage Foundation, 112 East 64th Street, New York, NY 10021. Reprinted with permission.
การอ้างอิงและการเขียนรายการเอกสารอ้างอิง ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พ์คร้งั ที่ 6 23 3. การเขียนเอกสารอ้างอิงในแตล่ ะองคป์ ระกอบ ตามแบบ APA 3.1 ความถกู ต้องสมบรู ณ์ของข้อมูลเอกสารอ้างองิ วตั ถปุ ระสงคข์ องการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง (Listing References) คือ เพ่ือแจง้ รายละเอียดที่ สำ�คญั เก่ยี วกบั เอกสารท่ผี เู้ ขยี นงานนำ�มาอา้ งไว้ (References) ข้อมลู นช้ี ่วยให้ผู้อา่ นสามารถค้นคืนและใช้แหล่ง ไดจ้ ริงตามทีร่ ะบุ (Sources) ข้อมลู การอ้างอิง (Reference Data) จึงต้องถกู ต้องและสมบูรณ์ โครงร่างของ ข้อมูลท่ีประกอบในรายการเอกสารอ้างองิ หรือบรรณานกุ รมตามแบบ APA (APA Style) ฉบบั พิมพค์ รัง้ ท่ี 6 ปพี มิ พ์ ค.ศ. 2010 ประกอบด้วย ข้อมูล 4 สว่ น คือ ชื่อผ้แู ต่ง (Author) ปพี ิมพ์ (Year of publication) ชอ่ื เรือ่ ง (Title) และข้อมูลการพิมพ์ (Publishing Data) โดยใช้รูปแบบการเขยี นทีม่ ีข้อมูลพืน้ ฐาน เครื่องหมาย วรรคตอน ระยะเวน้ และการใชต้ ัวเอน ดังน้ี ชือ่ ผู้แต่ง. (ปีพมิ พ์). ช่อื เร่ือง. ข้อมลู การพิมพ.์ ข้อมูลเหล่าน้ีจำ�เป็นต่อการบ่งช้ีหรือแยกความแตกต่างของเอกสารที่นำ�มาอ้างกับเอกสารชิ้นอื่นท่ี คลา้ ยคลึงกันและจำ�เป็นตอ่ การค้นหาต่อในหอ้ งสมดุ ในเบอ้ื งตน้ ผูเ้ ขยี นงานตอ้ งตรวจสอบขอ้ มูลรายละเอยี ดของ เอกสารนั้นอยา่ งรอบคอบ ทั้งการสะกดคำ� (โดยเฉพาะชือ่ เฉพาะและค�ำ ภาษาตา่ งประเทศ) เคร่อื งหมายพิเศษ ช่ือเรอ่ื ง ปพี มิ พ์ เลม่ ท่ี ฉบับที่ หมายเลขหน้าของวารสาร รวมถงึ ข้อมูลใน URL ผเู้ ขยี นต้องรบั ผดิ ชอบและ ใหค้ วามส�ำ คัญตอ่ ทกุ ข้อมลู ท่นี ำ�เสนอในรายการเอกสารอา้ งองิ เพอื่ แสดงวา่ ผเู้ ขยี นมีความระมดั ระวงั และทำ�ให้ รายการเอกสารอา้ งองิ นา่ เชือ่ ถอื ขอ้ มลู ท่วั ไป ที่ APA กำ�หนดให้ใชเ้ พอ่ื ให้การเขยี นเอกสารอา้ งอิงมคี วาม สมํ่าเสมอ คงเสน้ คงวา สนั้ กระชับ ชดั เจน และค้นหาได้งา่ ย ไดแ้ ก่ ข้อมลู เกีย่ วกบั การใช้ตัวเลข ค�ำ ยอ่ ทใี่ ช้ และ การจัดเรียงรายการเอกสารอ้างองิ 3.1.1 การใชต้ วั เลข APA กำ�หนดใช้เลขอารบิกในรายการเอกสารอ้างองิ แมว้ า่ หนังสือหรอื วารสารบางช่ือเรอื่ ง ใช้ เลขโรมันในการระบุหมายเลขเลม่ ที่ ฉบบั ที่ (เช่น ใช้ Vol. 3 ไมใ่ ช้ Vol. III) ทัง้ นี้เป็นเพราะเลขอารบิกใชพ้ น้ื ท่ี น้อยกวา่ และเข้าใจไดเ้ รว็ /งา่ ยกวา่ เลขโรมนั ยกเว้นในกรณที เ่ี ลขโรมนั เปน็ สว่ นหนึ่งของชื่อใด ๆ ให้คงเลขโรมัน ไวต้ ามน้ัน เชน่ เปน็ ส่วนหนง่ึ ของชอื่ เร่ือง (Attention and Performance XIII) 3.1.2 การใช้คำ�ย่อในเอกสารอ้างองิ APA ก�ำ หนดใช้ค�ำ ย่อในเอกสารอา้ งองิ ประเภทหนังสือสง่ิ พมิ พ์ ดงั นี้ ค�ำ ย่อ ค�ำ ภาษาองั กฤษ ค�ำ ภาษาไทย* ed. ค�ำ เตม็ ค�ำ ยอ่ คำ�เต็ม Rev. ed. edition - ครั้งที่พมิ พ์ Revised edition - ฉบับแก้ไขปรับปรงุ
24 การอ้างอิงและการเขียนรายการเอกสารอ้างอิง ตามแบบ APA ฉบบั พิมพ์คร้งั ที่ 6 ค�ำ ภาษาองั กฤษ คำ�ภาษาไทย* คำ�ย่อ คำ�เตม็ คำ�ย่อ คำ�เตม็ - พิมพค์ ร้ังที่ 2 2nd ed. Second edition บ.ก. บรรณาธกิ าร (กองบรรณาธิการ) - ผแู้ ปล Ed. (Eds.) Editor (Editors) ม.ป.ป. ไมป่ รากฏปพี มิ พ์ น. หน้า Trans. Translator(s) - เลม่ (เชน่ เล่ม 4) - เล่ม หรอื เลม่ ท่ี n.d. no date (จำ�นวน/ช่วงเล่ม เช่น เล่ม 1—4) p. (pp.) Page (pages) - ฉบับที่ Vol. Volume (as in Vol. 4) - ตอนที่ - รายงานทางวิชาการ Vols. Volume - ฉบับเพิม่ เตมิ /ฉบบั พเิ ศษ (as in Vols. 1—4) No. Number Pt. Part Tech. Rep. Technical Report Suppl. Supplement * เป็นค�ำ และคำ�ย่อที่ใชใ้ นเอกสารค่มู ือการอา้ งองิ และการเขยี นรายการอ้างอิงของสถาบันการศึกษา ในประเทศไทยหลายแหง่ 3.1.3 การจัดเรียงเอกสารอ้างองิ ในรายการเอกสารอา้ งอิง (Order of References in the Reference List) การนำ�เสนอรายการเอกสารอา้ งอิง (References List) ท้ายบทหรอื ทา้ ยเรื่อง ใหเ้ ริม่ ตน้ ทีห่ นา้ ใหม่ โดยใช้หัวขอ้ คำ�วา่ “References” วางไวต้ รงกลางหน้า จัดพิมพ์เอกสารอา้ งองิ ท้ังหมดทุกชอ่ื เรอื่ งในรปู แบบ ของการพมิ พเ์ ยื้อง (Hanging indent format) โดยพมิ พ์แตล่ ะเอกสารให้บรรทัดแรกชดิ ขอบด้านซ้ายของหน้า (ระยะของขอบตามการตัง้ คา่ ระยะพิมพข์ องหนา้ ) ถา้ ขอ้ มูลยาวกว่า 1 บรรทัด ให้พิมพต์ ่อเนือ่ งในบรรทัดถัดไป โดยขึน้ บรรทัดใหม่ให้มีระยะหา่ งจากขอบซา้ ยเยื้องไปทางขวา ประมาณ 0.5 นิ้ว ล�ำ ดบั การจดั เรยี งเอกสารอา้ งองิ ในรายการเอกสารอา้ งอิง มีหลายแบบ ดังนี้ 1) การเรยี งตามลำ�ดับอกั ษรชอ่ื (Alphabetizing Names) เปน็ การจดั เรยี งตามลำ�ดับอักษรช่อื สกลุ ของผแู้ ตง่ คนแรกตามดว้ ยอกั ษรตวั แรกของช่ือต้นและใชก้ ฎต่อไปน้ี ในกรณีต่าง ๆ การเรียงตามล�ำ ดับอกั ษรชือ่ สกลุ ตามด้วยช่อื ตน้ เปน็ โครงสรา้ งการบนั ทกึ ชอ่ื บคุ คลที่ใชใ้ น ประเทศทางตะวนั ตก ซ่งึ ตา่ งจากประเทศทางตะวันออก ดังนัน้ หากไมแ่ น่ใจในการบันทึกช่อื ต้องตรวจสอบ รปู แบบการใชช้ ื่อนัน้ หรือตรวจสอบจากการพิมพ์คร้งั ก่อน ๆ
การอา้ งอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี 6 25 การเรยี งชือ่ ตามแบบอกั ษรต่ออกั ษร ใหใ้ ช้หลัก “nothing precedes something” เช่น Brown, J. R. เรียงไวก้ ่อน Browning, A. R. แมว้ า่ i จะมากอ่ น j กต็ าม ตัวอย่าง Singh, Y., มากอ่ น Singh Siddhu, N. Girard, J.—B., มาก่อน Girard—Perregaux, A. S. Villafuerte, S. A., มาก่อน Villa—Lobos, J. ชอื่ ทม่ี ีคำ�นำ�หน้าว่า M’, Mc, และ Mac ให้เรยี งตามอักษรท่ีปรากฏ ไม่ต้องคำ�นงึ ถงึ เครือ่ งหมาย Apostrophe (’) ตัวอยา่ ง MacArthur มาก่อน McAllister MacNeil มาก่อน M’Carthy ช่ือเดยี วกนั ทมี่ ตี วั เลขบอกล�ำ ดบั ก่อนหลงั ก�ำ กับ ให้เรยี งตามล�ำ ดบั เลข ตัวอยา่ ง Macomber, J., II มากอ่ น Macomber, J., III 2) การเรยี งลำ�ดับงานหลายงานที่ชื่อผู้แต่งคนแรกเป็นชอ่ื ของคนเดียวกัน เมอื่ จัดเรียงล�ำ ดับงานหลายงานท่ีชอ่ื ผแู้ ต่งคนแรกเป็นชอ่ื ของคนเดียวกนั ให้ระบชุ อื่ ผ้แู ตง่ กอ่ น แล้วตามดว้ ยข้อมูลอ่ืน ๆ ตามล�ำ ดบั ทงั้ น้ี ให้ใช้กฎตอ่ ไปน้ีในการจดั เรยี งข้อมลู น�ำ ของรายการเอกสารอา้ งองิ รายการฯ ของชือ่ ผูแ้ ตง่ คนเดยี วกนั หรอื ของช่ือผู้แตง่ ทุกคนซาํ้ กัน ใหเ้ รยี งรายชือ่ ตามปีที่ พิมพง์ านน้นั ตามล�ำ ดบั นอ้ ยไปมาก ตัวอย่าง Upenieks, V. (2003). Upenieks, V. (2005). Cabading, J. R., & Wright, K. (2000). Cabading, J. R., & Wright, K. (2001). คนอนื่ ๆ เรยี งรายการฯ ของชื่อผแู้ ตง่ คนเดยี ว มาก่อนรายการฯ ทีม่ ีชื่อผ้แู ต่งคนนั้นร่วมกบั ชอื่ ผ้แู ตง่ ตวั อยา่ ง Alleyne, R. L. (2001). Alleyne, R. L., & Evans, A. J. (1999). ช่อื ผู้แตง่ คนแรกเปน็ คนเดยี วกนั และชอื่ ผแู้ ตง่ คนทีส่ อง หรอื คนทส่ี ามต่างกนั ให้จัดเรยี งตาม ล�ำ ดับอกั ษรตัวแรกของช่ือสกลุ ของผแู้ ต่งคนที่สอง และคนท่ีสามตามล�ำ ดบั ตวั อยา่ ง Boockvar, K. S., & Burack, O. R. (2007). Boockvar, K. S., Carlson LaCorte, H., Giambanco, V., Friedman, B., & Siu, A. (2006). Hayward, D., Firsching, A., & Brown, J. (1999). Hayward, D., Firsching, A., & Smigel, J. (1999).
26 การอา้ งอิงและการเขียนรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบับพิมพ์ครั้งท่ี 6 รายการฯ ของชอ่ื ผู้แต่งคนเดียวกนั หรอื ของชื่อผ้แู ต่งทุกคนซาํ้ กนั และพมิ พใ์ นปเี ดียวกัน ให้เรียงรายการฯ ตามลำ�ดบั อกั ษรช่อื เรื่อง ยกเว้น เปน็ รายการอา้ งองิ ของบทความในเอกสารชดุ เดียวกนั เช่น ตอนท่ี 1 กบั ตอนที่ 2 ใหเ้ รียงรายการฯ ตามลำ�ดบั ในชดุ ไมเ่ รยี งตามล�ำ ดบั อกั ษรของชอื่ เร่ือง โดยใช้อักษรภาษา องั กฤษตวั พิมพ์เลก็ (a, b, c, d, …) ตามหลงั ปี ในวงเลบ็ ตวั อย่าง Baheti, J. R. (2001a). Control … Baheti, J. R. (2001b). Roles of … 3) การเรยี งลำ�ดบั งานหลายงานทช่ี อ่ื ผแู้ ตง่ คนแรกมชี อ่ื สกลุ เหมอื นกนั ใหเ้ รยี งรายการตามลำ�ดบั อกั ษรยอ่ ช่ือตน้ และชื่อกลางของชอ่ื ผูแ้ ต่งคนแรก ตัวอย่าง Mathur, A. L., & Wallston, J. (1999). Mathur, S. E., & Ahlers, R. J. (1998). 4) การเรยี งลำ�ดบั งานหลายงานท่ีผแู้ ตง่ เปน็ กลมุ่ หรือไม่มผี ูแ้ ต่ง เป็นการเรียงลำ�ดับงานของผู้แต่ง ทเี่ ป็นองคก์ ร สถาบนั สมาคม หรอื ไมม่ ผี แู้ ต่ง ใหเ้ รียงตามอักษรตวั แรกของชอื่ เตม็ ของกลุม่ ผู้แต่ง เชน่ ชอ่ื สมาคม หรือชอ่ื หนว่ ยงานของรฐั บาล ทเ่ี ปน็ หนว่ ยงานใหญ่ ตามดว้ ยหน่วยงานรอง (ไม่ใชช้ ่ือย่อ) ถ้าไมม่ ชี ่อื ผแู้ ตง่ ใหเ้ ล่อื นชอ่ื เร่ืองของงานมาอยใู่ นต�ำ แหนง่ ของชื่อผ้แู ตง่ และเรยี งรายการตามอกั ษรชอ่ื เรอ่ื ง 3.2 แนวทางการเขียนเอกสารอ้างอิงในแตล่ ะองคป์ ระกอบ ตามแบบ APA เอกสารอ้างองิ แตล่ ะรายการ ประกอบดว้ ยข้อมูล 4 สว่ น คอื ส่วนชอ่ื ผูแ้ ต่งและชอ่ื บรรณาธกิ าร สว่ น ปพี มิ พ์ ส่วนชื่อเร่อื ง และส่วนข้อมลู การพมิ พ์ แตล่ ะสว่ นมีรูปแบบและเง่อื นไขการเขยี น ดังตอ่ ไปน้ี 3.2.1 ส่วนชอ่ื ผแู้ ต่งและชื่อบรรณาธิการ 1) ชือ่ ผ้แู ตง่ ช่ือผู้แต่งชาวไทย ใชช้ ่อื ตน้ และช่ือสกุล โดยไม่ตอ้ งมีคำ�นำ�หน้านาม ตำ�แหน่งทางวชิ าการ คำ�เรียกทางวิชาชพี และต�ำ แหนง่ ยศตา่ ง ๆ ชื่อผแู้ ต่งชาวตะวันตก ใหก้ ลบั เอาช่อื สกุลขึน้ นำ� คนั่ ดว้ ยเครื่องหมายจลุ ภาค เว้นวรรค 1 ระยะ ตามดว้ ยอักษรยอ่ ของชอ่ื ตน้ เวน้ วรรค 1 ระยะ และอกั ษรยอ่ ชื่อกลาง (ถา้ มี) ในรูปแบบดังนี้: Author, A. A. ชือ่ สกุล,√อักษรย่อช่ือต้น√อกั ษรยอ่ ช่อื กลาง (ถ้ามีชื่อกลาง) ส�ำ หรับช่อื ผ้แู ต่งตง้ั แต่หน่ึงถงึ เจด็ คน ลงชือ่ ทุกคน โดยค่นั ระหว่างช่อื ดว้ ยเครอ่ื งหมายจุลภาค (Author, A. A., Author, B. B., Author, C. C.,...) ถา้ มชี ่ือผแู้ ต่งตง้ั แตแ่ ปดคนขึน้ ไป ใหใ้ ส่ช่ือผแู้ ตง่ หกชื่อแรก ตามด้วยจุดสามจดุ (√. . .√) แลว้ ใส่ชอ่ื ผแู้ ต่งคนสุดทา้ ย
การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างอิง ตามแบบ APA ฉบับพมิ พค์ ร้งั ที่ 6 27 ตวั อยา่ ง Gilbert, D. G., McClernon, J. F., Rabinovich, N. E., Sugai, C., Plath, L. C., Asgaard, G., . . . Botros, N. (2004). Effects of quitting smoking on EEG activation and attention last for more than 31 days and are more severe with stress, dependence, DRD2 A1 allele, and depressive traits. Nicotine and Tobacco Research, 6, 249—267. doi:10.1080/1462220041000 1676305 ถ้าในเอกสารอา้ งองิ มีชือ่ ผ้แู ต่งชาวตะวนั ตก ที่มชี อ่ื สกุลและอกั ษรยอ่ ชือ่ ต้นเหมอื นกันใหใ้ ส่ ค�ำ เต็มของชือ่ ตน้ ก�ำ กบั ไว้ในวงเลบ็ เหลี่ยมด้วย ตวั อย่าง Janet, P. [Paul]. (1876). La notion de la personnalitè [The notion of personality]. Revue Scientifique, 10, 574—575. Janet, P. [Pierre]. (1906). The pathogenesis of some impulsions. Journal of Abnormal Psychology, 1, 1—17. ถ้าช่ือตน้ ของชอ่ื ผู้แตง่ ชาวตะวันตก มีเครื่องหมายขดี กลางระหว่างชอื่ (hyphenated) ให้คง เคร่ืองหมายนนั้ ไวแ้ ละใส่จุดกำ�กบั อักษรยอ่ ของช่ือ ตัวอย่าง ใช้ Lamour, J.—B., ส�ำ หรับชือ่ เต็ม Jean—Baptiste Lamour ใชเ้ คร่อื งหมายจลุ ภาคคั่นเพอื่ แยกช่อื ผูแ้ ตง่ หลายคน ค่ันเพื่อแยกชอื่ สกลุ และชอ่ื ต้น และ คัน่ เพื่อแยกช่ือและค�ำ หรอื เลขทีต่ ่อทา้ ยชื่อ (suffixes เช่น Jr., III) สำ�หรบั ช่อื ผู้แต่งตัง้ แต่สองถงึ เจด็ คน ให้ใช้ เครอ่ื งหมาย “&” (หรอื “และ”) ก�ำ กบั หนา้ ชอ่ื ผู้แต่งคนสุดท้าย ตวั อย่าง Strong, E. K., Jr., & Uhrbrock, R. S. (1923). Bibliography on job analysis. In L.Outhwaite (Series Ed.), Personnel Research Series: Vol. 1. Job analysis and the curriculum (pp. 140—146). doi:10.1037/10762—000 Chamberlin, J., Novotney, A., Packard, E., & Price, M. (2008, May). Enhancing worker well—being: Occupational health psychologists convene to share their research on work, stress, and health. Monitor on Psychology, 39(5), 26—29. ระบชุ อ่ื เต็มของกลุ่มผู้แต่ง กรณีท่ีช่อื ผ้แู ตง่ หรือผู้รบั ผิดชอบเนอื้ หาเปน็ กลมุ่ บคุ คลหรอื เป็นชื่อ นติ ิบคุ คล เช่น study group, government agency, association, corporation (เชน่ Royal Institute of Technology; National Institute of Mental Health)
28 การอ้างองิ และการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบับพิมพค์ รั้งท่ี 6 ตัวอย่าง Employee Benefit Research Institute. (1992, February). Sources of health insurance and characteristics of the uninsured (Issue Brief No. 123). Washington, DC: Author. Subcommittee on Mental Hygiene Personnel in School Programs. (1949, November 5—6). Meeting of Subcommittee on Mental Hygiene Personnel in School Programs. David Shakow Papers (M1360). Archives of the History of American Psychology, University of Akron, Akron, OH. ถา้ ช่อื ผู้แตง่ ในแหลง่ ฯ มชี อ่ื ผู้แตง่ หลักและมีชอ่ื บคุ คลอ่ืน ๆ ท่ีเปน็ ชอ่ื ผู้รบั ผิดชอบงานท่มี า ผนวก ซ่งึ ในแหล่งใช้คำ�วา่ “with” ใหใ้ สช่ ่ือผแู้ ตง่ หลัก ตามด้วยวงเลบ็ กลมท่ีภายในวงเลบ็ มคี �ำ ว่า “with” ตอ่ ดว้ ยชื่อบุคคลอน่ื นัน้ ตัวอย่าง Bulatao, E. (with Winford, C. A.) งานทีไ่ ม่ปรากฏชอ่ื ผแู้ ต่ง ให้เลอื่ นช่ือเรื่องมาอย่ใู นตำ�แหน่งของช่อื ผู้แต่ง ก่อนปพี มิ พ์ และใส่ เคร่อื งหมายมหพั ภาค (.) หลังชื่อเรอื่ ง ตัวอยา่ ง Six sites meet for comprehensive anti—gang initiative conference. (2006, November/December). OJJDP News @ a Glance. Retrieved from http://www.ncjrs.gov/html/ojjdp/news_at_glance /216684/topstory.html Heuristic. (n.d.). In Merriam—Webster’s online dictionary (11th ed.). Retrieved from http://www.m—w.com/dictionary/heuristic Psychoanalysis institute to open. (1948, September 18). [Clipping from an unidentified Dayton, Ohio newspaper.] Copy in possession of author. 2) ชอื่ บรรณาธิการ รายการเอกสารอา้ งองิ สำ�หรบั หนังสือทีม่ เี ฉพาะชอ่ื บรรณาธกิ าร (ไม่ปรากฏชอ่ื ผูแ้ ต่ง) ให้ใส่ชื่อ บรรณาธิการในต�ำ แหน่งของชื่อผแู้ ต่ง และก�ำ กบั ด้วยอักษรย่อในวงเล็บกลม ว่า “(Ed.)” หรอื “(Eds.)” ภาษา ไทยใช้ว่า “(บ.ก.)” ไวท้ ้ายช่อื บรรณาธกิ ารดว้ ย พรอ้ มใสเ่ คร่อื งหมายมหัพภาค (.) หลงั เคร่อื งหมายวงเลบ็ ปดิ ตัวอย่าง VandenBos, G. R. (Ed.). (2007). APA dictionary of psychology. Washington, DC: American Psychological Association. รายการเอกสารอา้ งอิงสำ�หรับบทความในหนงั สือทมี่ ีทง้ั ชอื่ ผู้แต่งและชื่อบรรณาธกิ าร ใหก้ ลบั ช่ือสกลุ ของชื่อผแู้ ตง่ บทความขนึ้ นำ� แตไ่ ม่ตอ้ งกลบั ช่ือสกุลของชอ่ื บรรณาธิการของหนังสือ
การอ้างองิ และการเขียนรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ที่ 6 29 ตวั อย่าง Piaget, J. (1988). Extracts from Piaget’s theory (G. Gellerier & J. Langer, Trans.). In K. Richardson & S. Sheldon (Eds.), Cognitive development to adolescence: A reader (pp. 3—18). Hillsdale, NJ: Erlbaum. (Reprinted from Manual of child psychology, pp. 703—732, by P. H. Mussen, Ed., 1970, New York, NY: Wiley) ใช้ค�ำ ว่า “In” หรอื “ใน” น�ำ หน้าชือ่ บรรณาธิการของหนังสอื ช่อื บรรณาธิการ แมจ้ ะเป็นชาว ตะวนั ตก ก็ลงรายการชือ่ แบบไมก่ ลบั คำ� (คือ ใช้อกั ษรย่อชอื่ ต้น อกั ษรยอ่ ชื่อกลาง (ถา้ มี) ตามด้วยชอ่ื สกลุ ) ใน กรณีเปน็ สื่ออา้ งอิง ท่ีมกั มคี ณะบรรณาธกิ ารเป็นคณะใหญ่ ใหใ้ ช้ช่อื หวั หนา้ คณะบรรณาธิการเป็นช่ือน�ำ และตาม ดว้ ยค�ำ วา่ “et al.” รปู แบบ Author, A. A. (2008). Title of chapter. In E. E. Editor (Ed.), Title of book (pp. xx-xx). Location: Publisher. ส�ำ หรับหนังสือทไ่ี มม่ ชี อ่ื บรรณาธิการ ใหใ้ สค่ ำ�ว่า “In” หรอื “ใน” นำ�หนา้ ช่ือเรอ่ื งของหนังสือ รปู แบบ Author, A. A. (2008). Title of chapter. In Title of book (pp. xx-xx). Location: Publisher. 3.2.2 ส่วนปพี มิ พ์ (Publication Date) ใส่ปที ีพ่ ิมพห์ รือเผยแพร่ในวงเล็บกลม (ส�ำ หรบั งานท่ีไมม่ กี ารจดั พมิ พ์หรือไมไ่ ดจ้ ัดพมิ พต์ าม กระบวนการพมิ พ์ ให้ใสป่ ที ผ่ี ลิตงานนัน้ ) ส�ำ หรับนิตยสาร จดหมายขา่ ว และหนงั สือพมิ พ์ ใหใ้ สป่ แี ละเดือนวนั ท่ีแน่นอน (เดอื น หรอื เดอื นและวนั ) โดยใชเ้ คร่ืองหมายจลุ ภาค (,) แยกปีกบั เดอื นวัน ตัวอยา่ ง Chamberlin, J., Novotney, A., Packard, E., & Price, M. (2008, May). Enhancing worker well—being: Occupational health psychologists convene to share their research on work, stress, and health. Monitor on Psychology, 39(5), 26—29. Schwartz, J. (1993, September 30). Obesity affects economic, social status. The Washington Post, pp. A1, A4. สำ�หรบั papers และ posters ท่ีเสนอในการประชมุ ใหใ้ สป่ แี ละเดือนของการประชุมไว้ใน วงเล็บกลม คัน่ ปแี ละเดือนดว้ ยเครื่องหมายจลุ ภาค (,)
30 การอ้างอิงและการเขียนรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบบั พิมพค์ รงั้ ท่ี 6 รปู แบบ Presenter, A. A. (Year, Month). Title of paper or poster. Paper or poster session Presented at the meeting of Organization Name, Location. ตัวอยา่ ง Liu, S. (2005, May). Defending against business crises with the help of intelligent agent based early warning solutions. Paper presented at the Seventh In ternational Conference on Enterprise Information Systems, Miami, FL. Abstract retrieved from http://www.iceis.org/iceis2005/abstracts_2005.htm ระบคุ �ำ วา่ “In press” ในวงเล็บกลมใหแ้ กบ่ ทความท่ีไดร้ ับการตอบรบั การลงพมิ พใ์ นวารสาร แต่ยงั มิไดต้ พี ิมพ์ ไม่ใสป่ ีท่ีพมิ พจ์ นกว่าจะไดต้ ีพิมพ์แลว้ (สำ�หรับเอกสารทน่ี ำ�มาอ้างอิงทยี่ ังอยูใ่ นกระบวนการ จัดพมิ พ์ หรอื อยู่ในระหว่างการปรับปรงุ ให้ระบุขอ้ ความ เพื่อแสดงว่า เอกสารได้รบั การตอบรับใหจ้ ดั พมิ พ์ เช่น Manuscript submitted for publication.) ตัวอยา่ ง Briscoe, R. (in press). Egocentric spatial representation in action and perception. Philosophy and Phenomenological Research. Retrieved from http://cogprints.org/5780/1/ECSRAP.F07.pdf Ting, J. Y., Florsheim, P., & Huang, W. (2008). Mental health help—seeking in ethnic minority populations: A theoretical perspective. Manuscript submitted for publication. ถา้ ไมม่ ปี พี ิมพ์ปรากฏในแหล่งสำ�คญั ของข้อมลู (ไมป่ รากฏในหน้าปกในของหนงั สือ) ให้ใชว้ ่า “n.d.” ในวงเล็บกลมในตำ�แหนง่ ของปพี มิ พ์ (n.d. = no date) ตวั อยา่ ง Heuristic. (n.d.). In Merriam—Webster’s online dictionary (11th ed.). Retrieved from http://www.m—w.com/dictionary/heuristic ระบุช่วงของปพี ิมพ์ (ปีแรกและปที า้ ยสดุ ) ส�ำ หรับงานหลายเลม่ จบทเี่ ป็น multivolume work หรอื several letters from the same collection ตวั อย่าง Koch, S. (Ed.). (1959—1963). Psychology: A study of science (Vols. 1—6). New York, NY: McGraw—Hill. สำ�หรับ Archival sources ใหร้ ะบปุ ที ผี่ ลติ โดยประมาณปตี ามเหตุการณท์ ่ีใกล้เคยี ง อยา่ งมี เหตผุ ล (อาจไมใ่ ชป่ ีทอ่ี ยใู่ นเอกสาร) โดยใช้ค�ำ ยอ่ ว่า “ca.” ในวงเล็บเหลี่ยม (ca. = circa)
การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบบั พิมพ์คร้งั ท่ี 6 31 ใส่เครื่องหมายมหัพภาค (.) หลงั เครือ่ งหมายวงเล็บเหลี่ยมปิด ตวั อยา่ ง [Allport, A.?]. [ca. 1937]. Marion Taylor today—by the biographer. Unpublished manuscript, Marion Taylor Papers. Schlesinger Library, Radcliffe College, Cambridge, MA. 3.2.3 ส่วนช่ือเรอ่ื ง (Title) 1) ชื่อบทความหรอื ชือ่ บทในหนังสือ (Article or chapter title) ใช้อักษรตัวใหญ่เฉพาะอักษรตัวแรกของคำ�แรกของชื่อเรื่องหลักและคำ�แรกของชื่อเร่ืองย่อย (subtitle) รวมทง้ั อกั ษรตวั แรกของช่อื เฉพาะตา่ ง ๆ ในชอ่ื เรื่อง ตัวอย่าง Mental and nervous diseases in the Russo—Japanese war: A historical analysis. ชอื่ บทความหรือช่อื บทในหนงั สือ ไมใ่ ชต้ ัวเอนและไม่ใส่เคร่อื งหมาย quotation marks กำ�กับ และทา้ ยชื่อเร่ืองใหใ้ ส่เครือ่ งหมายมหพั ภาค (.) เสมอ ตวั อยา่ ง Chamberlin, J., Novotney, A., Packard, E., & Price, M. (2008, May). Enhancing Worker well—being: Occupational health psychologists convene to share their research on work, stress, and health. Monitor on Psychology, 39(5), 26—29. Haybron, D. M. (2008). Philosophy and the science of subjective well—being. In M. Eid & R. J. Larsen (Eds.), The science of subjective well—being (pp. 17—43). New York, NY: Guilford Press. 2) ชอ่ื สื่อตอ่ เนื่อง (Periodical title: Journal, newsletters, magazines) ใช้ชอ่ื เต็มสำ�หรับชอ่ื สอื่ ต่อเนอ่ื ง และใช้อักษรตวั ใหญส่ �ำ หรบั อักษรตวั แรกของค�ำ ทุกค�ำ ในช่อื ของสื่อตอ่ เนือ่ ง โดยทำ�ช่ือส่ือตอ่ เน่อื ง ให้เป็นตัวเอน ตวั อย่าง Social Science Quarterly 3) ชอ่ื ส่ือไม่ต่อเนื่อง: หนังสอื และรายงาน (Nonperiodicals: Books and reports) ใชอ้ ักษรตัวใหญเ่ ฉพาะอกั ษรตัวแรกของคำ�แรกของช่อื เรอ่ื งหลักและชื่อเรอื่ งยอ่ ย (subtitle) รวมท้ังอกั ษรตัวแรกของชือ่ เฉพาะตา่ ง ๆ ในช่อื เร่ือง โดยท�ำ ใหช้ ่ือเรือ่ งของส่อื ไม่ต่อเน่ือง เป็นตวั เอน ระบขุ อ้ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การพมิ พใ์ นวงเลบ็ กลมตอ่ ทา้ ยชอ่ื เรอื่ ง เพอื่ ท�ำ ใหเ้ ฉพาะเจาะจงและ เพ่ือการคน้ คนื ไดถ้ ูกตอ้ งตรงช่ือเรอ่ื งทต่ี อ้ งการ ข้อมูลในวงเล็บกลม เช่น ครง้ั ท่ีพิมพ์ หมายเลขของรายงาน หรือ หมายเลขของเล่มหนังสอื โดยข้อมลู ในวงเลบ็ กลมไม่ตอ้ งท�ำ เป็นตวั เอนและไมต่ ้องใสเ่ ครอ่ื งหมายมหัพภาค (.) ระหว่างชือ่ เรอ่ื งกบั ข้อมลู ในวงเล็บกลม
32 การอา้ งอิงและการเขียนรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พ์คร้งั ที่ 6 ตวั อยา่ ง Development of entry—level tests to select FBI special agents (Publication No. FR—PRD—94—06). ถ้าหนังสือหรือรายงานท่นี ำ�มาอ้างอิงเป็นสว่ นหน่ึงของชดุ หรือเปน็ สว่ นยอ่ ยของสว่ นอ่นื ท่ใี หญ่ กวา่ และมชี ่อื เรื่องของชดุ หรอื ชอ่ื กลุ่ม/คอลเลก็ ชันระบุไว้ ใหร้ ะบชุ อ่ื เร่ืองของชดุ ตามด้วยชอ่ื เรอ่ื งของส่วนย่อย หรือของคอลเล็กชันนนั้ ๆ เป็นเสมือนช่อื เรอ่ื งสว่ นท่ีสอง หรอื ช่ือเรือ่ งย่อย จบชอ่ื เรอ่ื งด้วยเครอ่ื งหมายมหัพภาค (.) ตวั อย่าง Strong, E. K., Jr., & Uhrbrock, R. S. (1923). Bibliography on job analysis. In L. Outhwaite (Series Ed.), Personnel Research Series: Vol. 1. Job analysis and the curriculum (pp. 140—146). doi:10.1037/10762—000 4) ขอ้ มูลพเิ ศษในชื่อเร่อื ง (Nonroutine information in titles) ถา้ ต้องการระบขุ ้อมลู พเิ ศษอนื่ ๆ ที่สำ�คญั กำ�กบั ชื่อเร่ือง เพ่ือช้ีเฉพาะเจาะจง หรือขยายความ เพอ่ื ประโยชน์ในการคน้ คนื สามารถใสข่ อ้ ความหมายเหตุ (notation) ทีร่ ะบลุ กั ษณะ/รปู แบบเนื้อหาหรอื รปู แบบ ของส่อื ทบี่ นั ทึก (Description of form) หรอื ขอ้ ความหมายเหตอุ นื่ ทบ่ี ่งบอกลักษณะการน�ำ เสนอเน้ือหา ไว้ใน วงเลบ็ เหลยี่ มตามหลงั ชื่อเร่อื ง โดยใหใ้ ช้อักษรตวั แรกของ notation เป็นอกั ษรตวั ใหญ่ สว่ นขอ้ มูลเกี่ยวกบั ฉบับ พมิ พ์ การพมิ พ์/เผยแพรเ่ พ่มิ เตมิ (ถ้าม)ี ใหร้ ะบไุ วใ้ นวงเลบ็ กลมตอ่ จากชื่อเรอื่ ง ตัวอยา่ ง ของ notation ส่วนหน่งึ ทใ่ี ช้ระบเุ พื่อช้เี ฉพาะเจาะจงงานหรอื ขยายความ [Letter to the editor] [Special issue] [Special section] [Monograph] [Abstract] [Audio podcast] [Data file] [Brochure] [Motion picture] [Lecture notes] [CD] [Computer software] [Video webcast] [Supplemental material] ตัวอย่าง Greenfield, P., & Yan, Z. (Eds.). (2006). Children, adolescents, and the Internet [Special section]. Developmental Psychology, 42, 391—458. Marshall—Pescini, S., & Whiten, A. (2008). Social learning of nut—cracking behavior in East African sanctuary—living chimpanzees (Pan troglodytes schweinfurthii) [Supplement material]. Journal of Comparative Psychology, 122, 186—194. doi:10.1037/0735—7036.122.2.186 Thomas, N. (Ed.). (2002). Perspectives on the community college: A journey of discovery [Monograph]. Retrieved from http://eric.ed.gov/
การอา้ งองิ และการเขยี นรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบับพมิ พค์ รงั้ ที่ 6 33 ในกรณที ี่มีท้ังข้อมูลพเิ ศษขยายชอ่ื เร่อื ง (ในวงเลบ็ เหลยี่ ม) และขอ้ มูลเกี่ยวกบั ฉบับพิมพ์ ฯลฯ (ในวงเลบ็ กลม) ใหร้ ะบุขอ้ มลู เกย่ี วกบั ฉบบั พิมพ์ ฯลฯ (ในวงเล็บกลม) ไวก้ ่อนขอ้ มูลพเิ ศษขยายชอ่ื เร่อื ง (ใน วงเล็บเหลี่ยม) ตัวอย่าง Comprehensive Meta—Analysis (Version 2) [Computer software]. Englewood, NJ: Biostat. 3.2.4 ส่วนขอ้ มลู การพมิ พ์ (Publication Information) 1) ขอ้ มูลการพมิ พ์ ในสือ่ ต่อเนอ่ื ง: วารสาร จดหมายข่าว นติ ยสาร (Periodical title: Journal, newsletters, magazines) ระบหุ มายเลขปีที/่ เล่มท่ี (Volume number) ตามหลงั ช่ือสอ่ื ตอ่ เนอ่ื ง โดยไมต่ ้องใส่ค�ำ วา่ “Vol.” หนา้ หมายเลข และทำ�หมายเลขปีท่ี ใหเ้ ป็นตวั เอน ตัวอยา่ ง Social Science Quarterly, 84, 508—525. ถา้ ส่อื ต่อเนือ่ งระบุหมายเลขฉบับที่ (Journal issue number) ในกรณีทแ่ี ตล่ ะฉบบั มีเลขหนา้ ไม่ตอ่ เนอื่ งจากฉบับกอ่ นหน้า (แตล่ ะฉบับข้ึนเลขหน้าหน่งึ ใหม)่ ใหใ้ สห่ มายเลขฉบับท่ไี วใ้ นวงเลบ็ กลม ตามหลัง Volume number โดยไม่ตอ้ งทำ�ใหห้ มายเลขฉบับทีใ่ นวงเลบ็ กลมเปน็ ตวั เอน จากน้นั ระบเุ ลขหน้าทีเ่ ป็นช่วงเลข ตามทีบ่ ทความนั้นปรากฏในฉบับ จบส่วนข้อมูลการพิมพด์ ว้ ยเครือ่ งหมายมหัพภาค (.) ตัวอยา่ ง Chamberlin, J., Novotney, A., Packard, E. & Price, M. (2008, May). Enhancing worker well—being: Occupational health psychologists convene to share their research on work, stress, and health. Monitor on Psychology, 39(5), 26—29. โดยท่ัวไป ไมร่ ะบชุ อื่ และสถานที่ตั้งของสำ�นักพมิ พ์ สำ�หรบั สอื่ ต่อเนื่องในรายการเอกสาร อ้างอิงเพราะจะท�ำ ให้รายการยาวเพ่ิมข้ึน 2) ขอ้ มลู การพิมพใ์ นสอ่ื ไมต่ ่อเนอื่ ง: หนงั สือและรายงาน (Nonperiodicals: Books and reports) ระบุตำ�แหนง่ ท่ีตง้ั ของส�ำ นกั พมิ พ์ ตามทป่ี รากฏในแหลง่ ฯ (หนา้ ปกใน) ของหนังสอื รายงาน แผ่นพับ และสือ่ ไม่ตอ่ เนอ่ื งประเภทอนื่ ๆ โดยกำ�หนดใหใ้ ชช้ อ่ื เมืองและช่ือรัฐ ในกรณที ตี่ ั้งของสำ�นักพิมพน์ นั้ อยู่ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า และใชช้ ่อื เมืองและช่ือประเทศในกรณที ่ตี ัง้ ของสำ�นกั พมิ พ์อยนู่ อกประเทศสหรฐั อเมรกิ า
34 การอ้างอิงและการเขียนรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบบั พิมพ์ครั้งท่ี 6 รูปแบบ Author, A. A. (1967). Title of work. Location: Publisher. Editor, A. A. (Ed.). (1986). Title of work. Location: Publisher. ตวั อย่าง VandenBos, G. R. (Ed.). (2007). APA dictionary of psychology. Washington, DC: American Psychological Association. ส�ำ หรบั ช่อื ส�ำ นักพิมพข์ องมหาวิทยาลยั ทม่ี ชี ื่อรัฐหรือชอ่ื จังหวัดรวมอยใู่ นช่ือของมหาวทิ ยาลยั ด้วย ไมต่ ้องระบชุ ื่อรัฐหรอื ชอื่ จงั หวดั ซ้ําในชอ่ื สถานท่ตี ง้ั ส�ำ นกั พมิ พ์ ใช้ชื่อรฐั และอาณานิคมในประเทศสหรฐั อเมริกาแบบยอ่ ในรปู รหสั โดยใชอ้ กั ขระสองตัวของ รหัสไปรษณียข์ องรัฐต่าง ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซงึ่ เปน็ อักษรยอ่ ตัวพมิ พ์ใหญ่ 2 อกั ขระ แบบไม่มจี ุดกำ�กบั (เช่น New York ใช้ NY) การอา้ งองิ ชอ่ื สถานทีต่ ัง้ ของส�ำ นักพิมพน์ อกประเทศสหรัฐอเมรกิ า ให้ระบุช่อื เมอื งและ ชื่อประเทศ ตามรปู แบบการเขยี นชื่อทางภมู ศิ าสตร์ทเี่ ป็นสากล ชือ่ รัฐและอาณานิคมในประเทศสหรัฐอเมริกาแบบยอ่ ในรปู รหัส ชื่อรัฐ รหัสช่ือรัฐ ชือ่ รัฐ รหสั ชือ่ รัฐ Alabama AL Indiana IN Alaska AK Iowa IA American Samoa AS Kansas KS Arizona AZ Kentucky KY Arkansas AR Louisiana LA California CA Maine ME Canal Zone CZ Maryland MD Colorado CO Massachusetts MA Connecticut CT Michigan MI Delaware DE Minnesota MN District of Columbia DC Mississippi MS Florida FL Missouri MO Georgia GA Montana MT Guam GU Nebraska NE Hawaii HI Nevada NV Idaho ID New Hampshire NH Illinois IL New Jersey NJ
การอ้างอิงและการเขียนรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบับพิมพ์ครั้งท่ี 6 35 ช่ือรฐั รหัสชือ่ รฐั ชื่อรัฐ รหสั ชื่อรัฐ New Mexico NM South Dakota SD New York NY Tennessee TN North Carolina NC Texas TX North Dakota ND Utah UT Ohio OH Vermont VT Oklahoma OK Virginia VA Oregon OR Virgin Island VI Pennsylvania PA Washington WA Puerto Rico PR West Virginia WV Rhode Island RI Wisconsin WI South Carolina SC Wyoming WY ใช้เครื่องหมายทวภิ าค (:) คั่นระหว่างชื่อสถานทต่ี ั้งกบั ชอ่ื สำ�นักพิมพ์ โดยไมต่ อ้ งเวน้ ระยะหนา้ เครื่องหมายทวิภาค แต่เวน้ 1 ระยะหลังเคร่ืองหมายทวภิ าค ระบุชอื่ ส�ำ นกั พมิ พ์ในรูปแบบท่ยี อ่ /ส้ันทีส่ ามารถเข้าใจได้ การเขียนชอื่ สมาคม บริษทั และ โรงพมิ พ์ของมหาวิทยาลยั ให้ตัดค�ำ ท่ไี ม่จำ�เปน็ ในชื่อของสำ�นกั พิมพ์ออก เชน่ คำ�วา่ Publishers, Co., และ Inc. แต่ให้คงค�ำ ว่า “Books” และ “Press” ไว้ ถา้ ในหนา้ ปกในของหนงั สอื ระบสุ ถานทต่ี ง้ั สำ�นกั พมิ พต์ ง้ั แตส่ องแหง่ ขน้ึ ไป ใหใ้ ชส้ ถานทอ่ี นั ดบั แรก แตถ่ ้าตอ้ งการระบเุ จาะจง ใหใ้ ชส้ ถานทีต่ ง้ั ทเี่ ป็น Publisher’s home office กรณีทช่ี ่อื ผู้แตง่ เปน็ ชื่อส�ำ นกั พมิ พด์ ว้ ย ให้ใชค้ �ำ วา่ “Author” ในต�ำ แหน่งของชอ่ื ส�ำ นักพมิ พ์ เพื่อชวี้ า่ ชอื่ ส�ำ นักพมิ พ์เป็นช่อื เดียวกบั ชอื่ ผู้แตง่ จบส่วนขอ้ มลู การพมิ พด์ ว้ ยเครอื่ งหมายมหัพภาค (.) ตวั อย่าง Real Academia Espa ola. (2001). Diccionario de la lengua espa ola [Dictionary of the Spanish language] (22nd ed.). Madrid, Spain: Author. ตวั อย่าง New York, NY: McGraw—Hill. Washington, DC: Author. Newbury Park, CA: Sage. Pretoria, South Africa: Unisa. 3) ข้อมลู แหลง่ และต�ำ แหน่งท่ตี ้งั ทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ การพิมพ์ในสภาพแวดล้อมทางออนไลน์ได้เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดพิมพ์เป็น อย่างมาก และยงั ชว่ ยในการกระตุ้นหรือสนับสนนุ การจัดท�ำ ปรบั ปรงุ และแบง่ ปนั งานวจิ ยั ระหว่างนกั วจิ ัย
36 การอ้างอิงและการเขียนรายการเอกสารอา้ งองิ ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พ์ครั้งท่ี 6 มากขึ้น อยา่ งไรกต็ าม การแพร่กระจายของสารสนเทศทางอิเล็กทรอนกิ สไ์ ด้น�ำ ไปสูก่ ารพมิ พ์แบบใหมห่ ลายแบบ ดว้ ยเชน่ กัน บทความท่ียงั ไมไ่ ด้รบั การกลน่ั กรอง อาจไดร้ บั การเผยแพรผ่ ่านอนิ เทอร์เน็ตได้ทนั ที การเช่ือมโยง ไปยงั วัสดทุ ่มี าผนวกหรือวสั ดปุ ระกอบ อาทิ Long data sets และวีดทิ ศั น์ ซ่งึ สามารถน�ำ มาฝังรวมอยู่ใน บทความทางอิเล็กทรอนิกส์ และท�ำ ใหเ้ ข้าถึงไดด้ ว้ ยการคลกิ เลือกอย่างงา่ ย ๆ รวมถึง การแก้ไขข้อมลู ใหถ้ ูกตอ้ ง ทแี่ ตเ่ ดิมต้องไปหมายเหตขุ อ้ ความไว้ในฉบับตอ่ ไปของวารสารชอ่ื นนั้ ปัจจุบันสามารถท�ำ การปรบั ปรุงไดอ้ ย่าง ง่ายดายบนไฟลอ์ อนไลน์โดยไมต่ ้องแจ้งหรือประชาสมั พันธก์ อ่ น สภาวะเหลา่ น้ี เรยี กว่าเป็นวถิ ีใหม่ของเส้นทาง สารสนเทศดิจิทลั ในสภาพแวดล้อมใหม่น้ี รปู แบบการอา้ งถึงวัสดแุ บบเก่า อาจน�ำ มาใชไ้ มไ่ ด้อีกต่อไป ทั้งวิธีการ แยกเวอร์ชน่ั ออนไลนข์ องบทความออกจากเวอร์ชนั่ ทีต่ พี มิ พล์ า่ สุด หรอื วธิ ตี ัดสิน “version of record” ที่เดมิ มักมีความไม่ชัดเจน 4) การระบุขอ้ มูลการพิมพส์ ำ�หรบั แหลง่ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Sources) การระบขุ อ้ มลู แหล่งทางอเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Sources) ท่ีมีการเชือ่ มโยงดว้ ย URL ซึ่ง APA (2010, pp. 189—192) ไดก้ ำ�หนดเงอื่ นไขท่ตี อ้ งค�ำ นงึ ถงึ ดงั ตอ่ ไปนี้ 4.1) การเขยี น URL ท่ที ้ายรายการเอกสารอา้ งองิ หรือบรรณานกุ รม ทย่ี าวมากกว่า 1 บรรทัด เมอื่ ตอ้ งการตัดข้อมลู ใน URL เพือ่ ตอ่ ในบรรทดั ถัดไป ห้ามใช้เครอื่ งหมาย – (hyphen) มาค่ันเพ่มิ ใหท้ �ำ โดย ตดั ความทห่ี น้าเคร่ืองหมายใด ๆ ท่มี ใี น URL ลงบรรทัดถดั ไป (ยกเว้น ห้ามตดั ท่ี http://) 4.2) ไมใ่ สเ่ ครือ่ งหมายมหพั ภาค (A period) ที่ท้าย URL ทง้ั น้ี เพอื่ หลกี เลย่ี งกรณที ่จี ุดเปน็ ส่วนหนง่ึ ของ URL เง่ือนไขนไ้ี ม่ใช่ประเด็นของ APA Style แตเ่ ป็นประเด็นในเรอ่ื งของการสืบค้น 4.3) ผูเ้ ขียนเอกสารอา้ งองิ หรือบรรณานุกรม ต้องทดสอบการลิงคโ์ ยงใหแ้ นใ่ จก่อนเขียน URL น้นั ลงในเอกสารอ้างอิง กรณีทเ่ี อกสารท่ีอ้างองิ ได้ถกู ยา้ ยออกไปแล้ว ใหป้ รบั ปรุง URL ใหต้ รง/ลา่ สดุ เพื่อ ใหก้ ารลิงค์โยงเปน็ ตำ�แหนง่ ท่ีถกู ตอ้ ง ถ้าไม่สามารถค้นพบเนอื้ หาท่อี า้ งองิ ตามลิงค์เดิม ใหแ้ ทนท่ดี ้วยแหลง่ อื่นที่ ตรงกัน หรือแทนกันได้ (เชน่ เดมิ ลงิ ค์ที่ URL ของฉบบั รา่ ง ใหเ้ ปลีย่ นไปลิงค์ที่ URL ของฉบบั จริงล่าสุดแทน) 4.4) ไม่ใส่วันเดอื นปที ี่คน้ คนื (Retrieval Dates) ยกเวน้ ใส่ได้เฉพาะ เปน็ การคน้ ข้อมลู ได้ จากแหล่งท่ีมีธรรมชาติของการนำ�เสนอสารสนเทศท่ีต้องมีการเปล่ียนแปลงบ่อยคร้ังหรือปรับปรุงเป็นประจำ� คือ เปล่ียน URL บอ่ ย ๆ (เชน่ วิกิ Wikis) ตวั อยา่ ง การเขยี นเอกสารอา้ งองิ จากเว็บเพจทร่ี ะบุวนั ทสี่ บื ค้น New child vaccine gets funding boost. (2001). Retrieved March 21, 2001, from http://news.ninemsn.com.au/health/story_13178.asp
การอ้างองิ และการเขียนรายการเอกสารอ้างองิ ตามแบบ APA ฉบับพิมพค์ ร้ังที่ 6 37 4. รปู แบบการเขยี นเอกสารอา้ งอิงตามแบบ APA สำ�หรับประเภทเอกสาร 11 กล่มุ APA ฉบับพมิ พ์ครง้ั ที่ 6 ไดจ้ ัดทำ�ตวั อย่างการเขียนเอกสารอ้างอิงตามแบบ APA (Examples of References in APA Style) จ�ำ นวน 77 ตวั อยา่ ง (หมายเลขตอ่ เนอ่ื งกนั 1—77) ทมี่ ีการใชม้ าก โดยจัดกลมุ่ เอกสารอ้างอิง ออกเป็น 11 กลมุ่ (Categories) ตามรปู แบบการน�ำ เสนอเน้ือหาของเอกสารที่เผยแพร่ในปัจจบุ นั คอื 1) วารสาร/ส่อื ตอ่ เนอ่ื งอน่ื ๆ 2) หนงั สอื หนังสอื อา้ งองิ และบทในหนงั สือ 3) รายงานทางเทคนคิ และ รายงานวิจัย 4) เอกสารการประชมุ ทางวิชาการ/การสัมมนา/การอภิปราย 5) ดษุ ฎนี พิ นธแ์ ละวทิ ยานพิ นธ์ 6) บทวิจารณ์ คำ�วิจารณ์ 7) สอ่ื โสตทศั น์ 8) ชุดขอ้ มลู ซอฟต์แวร์ อปุ กรณแ์ ละเครือ่ งมอื วดั 9) งานท่ีไมไ่ ด้ จัดพิมพ์และงานทจี่ ดั พิมพอ์ ย่างไมเ่ ป็นทางการ 10) เอกสารจดหมายเหตุและคอลเลก็ ชันจดหมายเหตุ และ 11) ขอ้ ความสื่อสารในสังคมออนไลน์บนอนิ เทอร์เนต็ ตัวอย่างทมี่ ากกว่าน้ี สามารถดไู ด้จากเว็บไซตข์ อง APA (The APA Style website) ที่ www.apastyle.org 4.1 วารสารหรอื สอ่ื ตอ่ เนอ่ื งอื่น ๆ (Periodicals) ขอบเขตของ Periodicals ครอบคลุมสอ่ื ที่เผยแพร่อย่างต่อเนือ่ งตามวาระทีก่ ำ�หนดไว้ ทงั้ ทีเ่ ปน็ วชิ าการ สารคดี บันเทงิ คดี หรอื ข่าว อาทิ journals, magazines, newspapers, และ newsletters รปู แบบโดยทั่วไป: Author, A. A., Author, B. B., & Author, C. C. (year). Title of article. Title of Periodical, xx, pp-pp. doi:xx.xxxxxxxxxx Author, A. A., Author, B. B., & Author, C. C. (year). Title of article. Title of Periodical, xx, pp-pp. Retrieved from http://www.xxxxxxxx 1) บทความวารสารท่ีมเี ลข DOI *(Journal article with DOI) Herbst—Damm, K. L., & Kulik, J. A. (2005). Volunteer support, marital status, and the survival times of terminally ill patients. Health Psychology, 24, 225-229. doi:10.1037/0278—6133.24.2.225 *(DOI=Digital Object Identifier) 2) บทความวารสารทม่ี ีเลข DOI และมผี แู้ ต่งมากกวา่ 7 คน (Journal article with DOI, more than seven authors) Gilbert, D. G., McClernon, J. F., Rabinovich, N. E., Sugai, C., Plath, L. C., Asgaard, G., . . . Botros, N. (2004). Effects of quitting smoking on EEG activation and
38 การอา้ งอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างอิง ตามแบบ APA ฉบับพมิ พค์ รั้งที่ 6 attention last for more than 31 days and are more severe with stress, dependence, DRD2 A1 allele, and depressive traits. Nicotine and Tobacco Research, 6, 249—267. doi:10.1080/14622200410001676305 ถ้าอา้ งองิ ในเนื้อหา ใช้ว่า ...... (Gilbert et al., 2004). ใสช่ ือ่ ผู้แตง่ ต้งั แตห่ น่ึงถงึ เจด็ คนในการเขียนเอกสารอ้างอิง (ถ้ามีชอื่ ผแู้ ต่งตงั้ แตแ่ ปดคนขึ้นไป ใสช่ อื่ หกคนแรก เคร่อื งหมายจุลภาค ตามด้วยจดุ สามจุด โดยเวน้ หนึ่งระยะระหว่างจดุ แล้วตามด้วยชื่อผู้แตง่ คนสดุ ท้าย) อักษรตัวแรกของค�ำ ทกุ ค�ำ ในชอ่ื วารสารภาษาองั กฤษ ใหใ้ ชอ้ กั ษรตัวใหญ่ ยกเว้นคำ�สันธาน บพุ บท 3) บทความวารสารทไี่ มม่ ีเลข DOI (Journal article without DOI (when DOI is not available)) Sillick, T. J., & Schutte, N. S. (2006). Emotional intelligence and self—esteem mediate between perceived early parental love and adult happiness. E—Journal of Applied Psychology, 2(2), 38—48. Retrieved from http://ojs.lib .swinedu.au/index.php/ejap Light, M. A., & Light, I. H. (2008). The geographic expansion of Mexican immigration in the United States and its implications for local law enforcement. Law Enforcement Executive Forum Journal, 8(1), 73—82. กรณีท่ีแต่ละฉบับของวารสารเริม่ ต้นด้วยหนา้ ท่ี 1 ใหร้ ะบเุ ลขของฉบับทขี่ องวารสารฉบบั นนั้ อยใู่ นวงเล็บกลม ตามหลงั เลขปีท่ดี ้วย ถา้ บทความท่ีอา้ งองิ ไมม่ หี มายเลข DOI และบทความถกู ค้นคนื มาแบบออนไลน์ ใหใ้ ส่ URL ของ journal home page นัน้ โดยไมต่ ้องระบุวนั ท่สี ืบคน้ (no retrieval date) 4) บทความวารสารที่ไมม่ เี ลข DOI (Journal article without DOI, title translated into English, print version) Guimard, P., & Florin, A. (2007). Les èvaluations des enseignants en grande section de maternelle sont—elles prèdictives des difficultès de lecture au cours prèparatoire? [Are teacher ratings in kindergarten predictive of reading difficulties in first grade?]. Approche Neuropsychologique des Apprentissages chez l’Enfant, 19, 5—17. ถา้ บทความทอี่ า้ งถงึ เปน็ ฉบบั ดงั้ เดมิ ทไ่ี มใ่ ชภ่ าษาองั กฤษ ใหใ้ ชช้ อื่ เรอื่ งของบทความฉบบั ดงั้ เดมิ และให้ก�ำ กบั ดว้ ยชอื่ เรอื่ งทแี่ ปลเป็นภาษาองั กฤษไวใ้ นวงเล็บเหล่ยี ม
การอา้ งอิงและการเขยี นรายการเอกสารอ้างอิง ตามแบบ APA ฉบบั พมิ พค์ ร้งั ท่ี 6 39 ถ้าบทความทอ่ี ้างถงึ เป็นฉบับทีแ่ ปลเป็นภาษาองั กฤษ ให้ใชช้ ่ือเรือ่ งของบทความฉบับภาษา องั กฤษ โดยไม่ต้องใส่ไวใ้ นวงเลบ็ เหลยี่ ม 5) บทความวารสารท่มี ีเลข DOI เป็นสิง่ พมิ พ์ออนไลนท์ อี่ อกลว่ งหนา้ (Journal article with DOI, advance online publication) Von Ledebur, S. C. (2007). Optimizing knowledge transfer by new employees in companies. Knowledge Management Research & Practice. Advance online publication. doi:10.1057/palgrave.kmrp.8500141 ค�ำ อธบิ าย: วารสารน้ีมกี �ำ หนดออก 4 ฉบบั ต่อปี และเผยแพรแ่ ตล่ ะบทความในรปู ออนไลนด์ ว้ ย ทนั ทีทป่ี ิดเลม่ แตล่ ะบทจะได้เลข DOI ประจำ�บท ก่อนทจ่ี ะมีการกำ�หนดเลขเล่มปที ่ี ฉบบั ท่ี หรือเลขหนา้ ถ้าไม่มีเลข DOI และไดค้ ้นบทความทางอเิ ล็กทรอนิกส์ ใหร้ ะบุ URL ของโฮมเพจของวารสาร นนั้ ใชว้ ลี “Advance online publication” หรือ “ส่งิ พมิ พ์ออนไลน์ที่ออกล่วงหนา้ ” ไวห้ นา้ เลข DOI หรือ URL ดังตัวอยา่ งขา้ งต้น คำ�จำ�กัดความของ advance online publication มีความหลากหลายตามการปฏิบตั ิของ journal publishers แต่ละแห่ง แตโ่ ดยท่วั ไป หมายถงึ peer—reviewed work อยา่ งไรกต็ าม เนอ้ื หาของ บทความอาจถูกปรบั ปรุงหรอื เปลยี่ นรูปแบบตามการผลติ ล่าสุด ติดตาม Update ข้อมลู ปีท่พี มิ พ์ของงาน ให้เป็นขอ้ มลู /เวอรช์ น่ั ล่าสดุ ถ้าสามารถทำ�ได้ 6) บทความทอี่ ยู่ในระหว่างจดั พมิ พท์ ถี่ กู โพสต์ใน A preprint archive (In-press article posted in a preprint archive) Briscoe, R. (in press). Egocentric spatial representation in action and perception. Philosophy and Phenomenological Research. Retrieved from http://cogprints .org/5780/1/ECSRAP.F07.pdf 7) บทความในนติ ยสาร (Magazine article) Chamberlin, J., Novotney, A., Packard, E., & Price, M. (2008, May). Enhancing worker well—being: Occupational health psychologists convene to share their research on work, stress, and health. Monitor on Psychology, 39(5), 26—29. 8) บทความในนติ ยสารออนไลน์ (Online magazine article) Clay, R. (2008, June). Science vs. ideology: Psychologists fight back about the misuse of research. Monitor on Psychology, 39(6). Retrieved from http://www.apa.org/monitor/
40 การอา้ งอิงและการเขียนรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบับพมิ พ์ครั้งท่ี 6 9) บทความในจดหมายขา่ วไม่มีผูแ้ ต่ง (Newsletter article, no author) Six sites meet for comprehensive anti—gang initiative conference. (2006, November/December). OJJDP News @ a Glance. Retrieved from http://www.ncjrs.gov/html/ojjdp/news_at_glance /216684/topstory.html 10) บทความในหนังสอื พมิ พ์ (Newspaper article) Schwartz, J. (1993, September 30). Obesity affects economic, social status. The Washington Post, pp. A1, A4. ใส่ p. หรือ pp. หน้าหมายเลขหน้าส�ำ หรบั บทความในหนงั สอื พิมพ์ ถ้าบทความปรากฏในหนา้ ทไี่ ม่ตอ่ เนอ่ื งกนั ใหร้ ะบทุ กุ เลขหน้า โดยแยกแต่ละหมายเลขดว้ ย เคร่ืองหมายจุลภาค เชน่ pp. B1, B3, B5—B7 11) บทความในหนงั สอื พมิ พ์ออนไลน์ (Online newspaper article) Brody, J. E. (2007, December 11). Mental reserves keep brain agile. The New York Times. Retrieved from http://www.nytimes.com 12) วารสารฉบับพเิ ศษหรอื ภาคพเิ ศษ (Special issue or section in a journal) Haney, C., & Wiener, R. L. (Eds.). (2004). Capital punishment in the United States [Special issue]. Psychology, Public Policy, and Law, 10(4). Greenfield, P., & Yan, Z. (Eds.). (2006). Children, adolescents, and the Internet [Special section]. Developmental Psychology, 42, 391—458. การอ้างองิ วารสารฉบับพเิ ศษหรือภาคพเิ ศษ ให้ระบชุ ่อื บรรณาธิการและชอื่ เรื่องของฉบบั นนั้ ๆ ด้วย ในกรณที วี่ ารสารฉบับหรอื ภาคพิเศษ ไมม่ ชี อ่ื บรรณาธกิ าร ให้เลื่อนช่ือเร่ืองของฉบบั มาอยใู่ นตำ�แหน่งของ ช่อื ผู้แตง่ กอ่ นปที ่ีพมิ พ์ และจบดว้ ยเครอ่ื งหมายมหพั ภาค (.) การจัดเรยี งรายการเอกสารอา้ งองิ ท่ขี ้นึ ต้นด้วย ช่ือเรื่อง ใหเ้ รยี งตามลำ�ดับอักษรตัวแรกของชื่อเรอ่ื ง ระบชุ ว่ งของหมายเลขหน้า ของสว่ นภาคพเิ ศษ [Special section]. การอ้างอิงบทความในวารสารฉบบั พิเศษ [Special issue]. ให้ใชร้ ปู แบบพน้ื ฐานของการเขยี น รายการเอกสารอา้ งอิงของบทความวารสาร (ตามตัวอยา่ งของข้อที่ 1)—4) 13) ส่งิ พมิ พฉ์ บับพิเศษเปน็ สว่ นหน่ึงของวารสารฉบบั ปลกี (Monograph as part of journal issue) Ganster, D. C., Schaubroeck, J., Sime, W. E. & Mayes, B. T. (1991). The nomological validity of the Type A personality among employed adults [Monograph]. Journal of Applied Psychology, 76, 143—168. doi:10.1037/0021—9010.76.1.143
การอ้างอิงและการเขยี นรายการเอกสารอา้ งอิง ตามแบบ APA ฉบับพมิ พค์ รัง้ ที่ 6 41 สำ�หรับวารสารฉบบั ปลีกทเ่ี ผยแพรเ่ ร่อื งเฉพาะแบบจบในคราวเดียว (monograph) และมี หมายเลขฉบับท่ี ใหใ้ สห่ มายเลขฉบบั ทใี่ นวงเลบ็ กลม (ไมเ่ อน) ตามดว้ ยหมายเลขลำ�ดบั ทีใ่ นชุด เช่น 58(1, Serial No. 231). ส�ำ หรับฉบับปลกี ของวารสารท่เี ผยแพร่แบบจบในคราวเดยี ว (monograph) ที่เยบ็ เลม่ แยกกนั เป็นฉบบั ภาคผนวกของวารสาร ใหร้ ะบหุ มายเลขฉบบั ที่ (issue no.) และภาคผนวกหรือหมายเลขส่วน/ภาคท่ี (supplement or part no.) ในวงเลบ็ กลมหลงั หมายเลขปีท่ี (Vol. No.) เชน่ 80(3, Pt. 2). 14) บทบรรณาธิการทีไ่ ม่ระบชุ ื่อบรรณาธกิ าร (Editorial without signature) Editorial: “What is a disaster” and why does this question matter? [Editorial]. (2006). Journal of Contingencies and Crisis Management, 14, 1—2. 15) วสั ดผุ นวกวารสารท่ีเป็นฉบบั ออนไลน์อย่างเดยี ว (Online-only supplemental material in a periodical) Marshall—Pescini, S., & Whiten, A. (2008). Social learning of nut—cracking behavior in East African sanctuary—living chimpanzees (Pan troglodytes schweinfurthii) [Supplemental material]. Journal of Comparative Psychology, 122, 186—194. doi:10.1037/0735—7036.122.2.186 การใช้ [Supplemental material] หรอื ข้อความขยายอ่ืน ๆ (nonroutine information) ใน วงเลบ็ เหลย่ี ม เชน่ [Letter to the editor], [Podcast], [Map] ช่วยให้ผอู้ า่ นทราบขอ้ มูลเก่ียวกบั วัสดุท่ชี ดั เจน และคน้ คนื ไดต้ รงวัสดทุ ่อี า้ งอิง ถ้าไม่มีช่ือผ้แู ต่ง ให้เลือ่ นชอื่ เรอ่ื งและข้อความขยายชื่อเร่ืองในวงเลบ็ เหลยี่ มไปอยูใ่ นต�ำ แหน่ง ของชื่อผู้แต่งแทน 16) บทคดั ยอ่ ที่เป็นแหลง่ ดงั้ เดมิ (Abstract as original source) Lassen, S. R., Steele, M. M., & Sailor, W. (2006). The relationship of school—wide positive behavior support to academic achievement in an urban middle school. Psychology in the Schools, 43, 701—712. Abstract retrieved from http://www.interscience.wiley.com 17) บทคัดย่อทีเ่ ป็นแหล่งระดบั ทุติยภูมิ (Abstract as secondary source) Hare, L. R., & O’Neill, K. (2000). Effectiveness and efficiency in small academic peer groups. Small Group Research 31, 24—53. Abstract retrieved from Sociological Abstracts database. (Accession No. 200010185)
Search