Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ๙๙ พระบรมราโชวาทน้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์

๙๙ พระบรมราโชวาทน้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์

Published by Naresuan University Archive, 2017-10-13 08:17:58

Description: ๙๙ พระบรมราโชวาทน้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์
หนังสือรวบรวมพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ จัดพิมพ์โดย กระทรวงวัฒนธรรม

Keywords: พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช,พระบรมราโชวาท,พระราชดำรัส

Search

Read the Text Version

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎร์ร่มเย็นเปน็ สุขศานต์ “...การมีวินัย มีความสามัคคี และรู้จักหน้าท่ี ถือกันว่าเป็นคุณสมบัติส�ำคัญประจ�ำตัวของคนทุกคน แต่ในการสร้างเสริมคุณสมบัติสามข้อนี้ จะต้องไม่ลืมว่า วินัย สามัคคี และหน้าท่ีนั้น เป็นได้ทั้งในทางบวกและทางลบ ซ่ึงย่อมให้คุณหรือให้โทษได้มาก เทา่ ๆ กนั ทงั้ สองทาง เพราะฉะนนั้ เมอ่ื จะอบรมจำ� เปน็ ตอ้ งพจิ ารณาใหถ้ อ่ งแทแ้ นช่ ดั กอ่ นวา่ เปน็ วนิ ยั สามคั คี และหนา้ ทท่ี ดี่ ี คอื ปราศจากโทษ เปน็ ประโยชน์ เปน็ ธรรม ไม่เคลือบแฝงไว้ด้วยสิ่งชั่วร้าย เช่นวินัย กต็ อ้ งไม่ใช่วินยั เพื่อตน เพ่ือหมูค่ ณะของตนเทา่ น้นั ตอ้ งเปน็วินัยเพื่อคนทุกคน เพ่ือคนส่วนใหญ่ เป็นวินัยท่ีถูกต้อง ที่เป็นการสร้างสรรค์ ท�ำนองเดียวกัน การสามัคคีกันท�ำการหรือท�ำหน้าที่อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ กจ็ ะตอ้ งเปน็ ไปเพอื่ ประโยชนเ์ กอ้ื กลู มใิ ชเ่ พอื่ การเพิ่มพูนประโยชน์เฉพาะพวกตน แล้วเบียดเบียนผู้อ่ืนให้เดือดร้อนเสียหาย จึงเห็นได้ว่าการสร้างวินัย สามัคคี และความรู้จักหน้าท ี่ให้แก่เยาวชนต้องกระท�ำด้วยความเพ่งพินิจอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นพิเศษ มิฉะนั้นจะไม่บังเกิดผลท่ีพึงประสงค์ หรือซ้�ำร้าย อาจกลบั กลายเปน็ การทำ� ลายอนาคตและความเจรญิ มนั่ คงของชาติไปก็ได้...” พระราชด�ำรสั พระราชทานแก่ผบู้ งั คบั บัญชาลูกเสอื ในโอกาส เขา้ เฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท และรบั พระราชทานเหรยี ญลกู เสอื สดดุ ี ณ ศาลาดสุ ิดาลยั สวนจติ รลดา พระราชวงั ดสุ ติ วันอังคาร ท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๖ 99

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎร์รม่ เยน็ เปน็ สุขศานต์ “...วินัยนี้เป็นคุณสมบัติอย่างหน่ึงท่ีทุกคนย่อมต้องใช้ ท้ังเป็นส่วนบุคคลท้ังเป็นส่วนรวม ถ้าส่วนบุคคลมีวนิ ยั กห็ มายความวา่ จะใช้ความรู้ความสามารถได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ ถ้าส�ำหรับหน่วยหรือส่วนรวมวินัยนั้นจะท�ำให้มีความแข็งแกร่งในการปฏิบัติร่วมกันในหน่วยงานของตนหรือในส่วนรวมของกองทัพทั้งหมดตลอดจนส�ำหรับชาติบ้านเมืองเป็นส่วนรวม ฉะนั้นวินัยนี้เป็นเครื่องมือหรือเป็นอุปกรณ์ที่ส�ำคัญ ซึ่งแต่ละคนจะต้องฝึกปรือให้ดี ให้มีวินัยที่เข้มแข็งไม่ย่อหย่อน ถ้าใช้วินัยดีน้ีทุกคนก็จะมีความสามารถแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะวา่ หมายความวา่ หลกั วชิ าการจะนำ� มาใชก้ นั อยา่ งถูกต้องและไม่บกพร่อง ฉะน้ันการที่มีวินัยน้ันเป็นส่ิงท่ีสำ� คัญยิง่ ส�ำหรบั แต่ละคนและส�ำหรับสว่ นรวม...” พระราชดำ� รสั ในพธิ ปี ระดบั ยศและพระราชทานสญั ญาบตั รยศ แกน่ ายทหารชน้ั นายพลณศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจติ รลดาพระราชวงั ดสุ ติ วันอังคาร ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๖100

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎร์ร่มเยน็ เปน็ สุขศานต์ “...ต�ำรวจเป็นผู้พิทักษ์รักษาความสงบสุข ความม่ันคงปลอดภัย และความถูกต้องเป็นธรรมในบ้านเมือง งานในหน้าที่จึงเต็มไปด้วยความยากล�ำบากที่จะต้องตรากตร�ำปฏบิ ตั แิ ละมากไปดว้ ยปญั หายงุ่ ยากนานาชนดิ ทจ่ี ะตอ้ งขบคดิวนิ จิ ฉยั รวมทงั้ อาชญากรรมทกุ รปู แบบทจี่ ะตอ้ งเสย่ี งอนั ตรายเข้าระงับปราบปราม ดว้ ยเหตนุ ้ี ทางราชการบา้ นเมอื งจึงได้มอบหมายสทิ ธแิ ละอำ� นาจทางกฎหมายให้ เพอ่ื เปน็ เครอ่ื งมอืปฏิบัตงิ านและป้องกนั รกั ษาชีวติ ผู้เป็นตำ� รวจควรตอ้ งทราบตระหนักถึงความรับผิดชอบในหน้าท่ีและสิทธิพิเศษของตน ดังกล่าว แล้วตั้งใจพยายามฝึกฝนตนเองให้มีความรู้ความสามารถจรงิ มรี ะเบยี บวนิ ยั มคี วามเขม้ แขง็ อดทน และมสี ติยง้ั คิดสงู ทีจ่ ะใช้อ�ำนาจท่มี อี ยูด่ ว้ ยความเที่ยงตรง ด้วยความฉลาดรอบคอบ และดว้ ยความสงั วรระวงั มใิ หเ้ กนิ ขอบเขตและความจ�ำเป็น ถ้าท�ำได้ดังนี้ งานทุกอย่างก็จะด�ำเนินไปโดย ราบรน่ื และบรรลุผลส�ำเรจ็ ท่ีถกู ต้องสมบรู ณ์ ชว่ ยใหบ้ งั เกิดผลดที ้ังแกต่ นและส่วนรวม...” พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานกระบแี่ กว่ า่ ทรี่ อ้ ยตำ� รวจตรี ท่ีส�ำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุด จากโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจ ประจ�ำ ปีการศกึ ษา ๒๕๓๙ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันอังคาร ที่ ๓ มถิ ุนายน ๒๕๔๐ 101

เสด็จฯ ลง ณ ทอ้ งพระโรงศาลาเริง วงั ไกลกังวล จงั หวัดประจวบศรี ขี นั ธ์พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นักกฬี าโอลิมปิก เขา้ เฝา้ ฯ เม่ือวนั ท่ี ๙ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

มสี ติร้ตู วั รคู้ ดิ รู้ท�ำ รปู้ ฏิบัติ ตามพระราชดำ�รัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั

พระบรมราโชวาท นอ้ มนำ�ราษฎร์รม่ เยน็ เปน็ สขุ ศานต์ “…ผู้ที่จะสร้างความส�ำเร็จในการงานและชีวิตได้แน่นอนนั้น ควรมีคุณสมบัติประกอบพร้อมกัน อย่างน้อย ๕ ประการประการแรก ควรจะต้องมคี วามสุจริต ความมีใจจริง ความต้งั ใจจรงิ ความอตุ สาหะอดทน และความเมตตาเสยี สละ เปน็ พ้ืนฐานดา้ นจติ ใจ ประการทสี่ อง ควรจะตอ้ งมวี ชิ าความรทู้ ถ่ี กู ตอ้ ง แมน่ ยำ� ช�ำนาญ พร้อมท้ังมีฝีมือหรือความสามารถในเชิงปฏิบัติ เป็น เคร่ืองมือส�ำหรับประกอบการ ประการที่สาม ควรจะต้องมีสติความย้ังคิด และวิจารณญาณอันถ่ีถ้วนรอบคอบ เป็นเคร่ืองควบคมุ กำ� กบั ใหด้ ำ� เนนิ งานไปไดโ้ ดยถกู ตอ้ ง เทย่ี งตรงตามทศิ ทางประการทส่ี ่ี จะตอ้ งมคี วามรอบรู้ มคี วามสามารถประสานงานและประสานประโยชน์กับผู้อื่นอย่างกว้างขวาง เป็นเครื่องส่งเสริมให้ทำ� งานได้คลอ่ งตัวและกา้ วหน้า และประการท่หี ้า ซงึ่ ส�ำคัญทส่ี ุดจะต้องมีความฉลาดรู้ในเหตุในผล ในความผิดถูกช่ัวดี ในความพอเหมาะพอสม เป็นเคร่ืองตัดสินและสั่งการปฏิบัติงานทั้งมวลใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ณ อาคารจักรพนั ธ์เพญ็ ศิริ วนั พธุ ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๓๑104

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎร์รม่ เย็นเปน็ สุขศานต์ “…เราท้ังหลายรักษาชาติรักษาแผ่นดินสืบต่อจากบรรพชนมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถและความสามัคคี ทุกฝ่ายต่างพยายามทำ� หนา้ ทใ่ี หป้ ระสานสอดคลอ้ งและเกอ้ื กลู กนั โดยสมานฉนั ท์และต่างมีจุดหมายที่เท่ียงตรงเสมอเหมือนกันในการท�ำนุบ�ำรุงแผ่นดิน ระยะหลังนี้ สถานการณ์หลายด้าน ไม่ว่าทางเศรษฐกิจการเมือง หรือสงั คม เปลย่ี นแปลงแปรผันอย่างรวดเร็วและซบั ซอ้ นอาจเปน็ เหตใุ หบ้ างคน บางฝา่ ยเกดิ ความสบั สนในความคดิ และความไม่เข้าใจกันในการปฏิบัติงาน ซ่ึงเป็นข้อท่ีน่าวิตก ข้าพเจ้าเห็นว่า ทุกฝ่ายสามารถจะคล่ีคลายปัญหาน้ีได้ไม่ยากนัก ถ้าเราหวนคิดพจิ ารณาเรอ่ื งตา่ ง ๆ ทเี่ ปน็ มาแลว้ ในอดตี โดยละเอยี ดใหเ้ หน็ วา่ แตล่ ะเรื่องแต่ละเหตุการณ์เกิดข้ึนจากมูลเหตุอันใด และมีผลเกี่ยวเนอ่ื งสืบต่อมาอย่างไร ก็จะช่วยให้ทราบชัดได้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ตลอดจนแนวโน้มท่จี ะเปน็ ไปในอนาคต และความรู้ ความเข้าใจอนัชดั เจนน้ี ยอ่ มทำ� ใหแ้ ตล่ ะคนเลง็ เหน็ หนา้ ทท่ี แ่ี ท้ กบั ทงั้ แนวทางปฏบิ ตั ิทถ่ี กู ตอ้ ง ในการจรรโลงอสิ รภาพ ความเจรญิ มน่ั คง และความดงี ามท้งั ปวงในแผ่นดนิ ท่านทั้งหลายจงึ ควรระลึกอยู่เสมอๆ วา่ การใชส้ ติปัญญาพิจารณาเหตุการณ์ให้กว้างไกลโดยรอบคอบและรอบด้าน เป็นส่งิ สำ� คัญและจ�ำเป็นอย่างที่สดุ …” พระราชด�ำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราช พิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๓๒ วันอังคาร ท่ี ๕ ธันวาคม ๒๕๓๒ 105

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎร์ร่มเยน็ เป็นสขุ ศานต์ “…ความสงบร่มเย็นน้ันอาจแยกได้เป็นสองส่วน คือความสงบภายนอก กับความสงบภายใน ภายนอก ได้แก่ความเป็นอยู่และสภาวะแวดล้อมท่ีเป็นปรกติ ปลอดโปร่งจากสิ่งรบกวนที่ทำ� ให้เกิดภัยอันตราย หรือเกิดความยุ่งยาก เดอื ดรอ้ นตา่ ง ๆ เชน่ นำ้� ทว่ ม ไฟไหม้ หรอื การขดั แยง้ พพิ าท มงุ่ รา้ ยท�ำลายกนั ภายใน ได้แก่ จิตใจทีส่ ะอาดแจม่ ใส ไม่มีกงั วล ไม่มคี วามขุ่นเคอื งขดั ข้อง จิตใจท่ีสะอาดปลอดโปร่งจากสิ่งรบกวนนี้ส�ำคัญมากเพราะเป็นจิตใจสงบระงับและเยือกเย็น ท�ำให้บุคคลมีสติรู้ตัว มีความคิดเท่ียงตรงเป็นกลาง มีวิจารณญาณละเอียด กวา้ งขวาง และถกู ตอ้ งตรงจดุ ความคดิ วจิ ารณญาณทเ่ี กดิ จากจิตใจที่สงบนี้มีศักยภาพสูง อาจน�ำไปใช้คิดอ่านสร้างสรรค์สิ่งท่ีจะอ�ำนวยประโยชน์สุข ความเจริญก้าวหน้า ตลอดจน ชื่อเสียงเกียรติคุณ อันเป็นสิ่งปรารภปรารถนาของแต่ละคนใหส้ ัมฤทธ์ิผลได…้ ” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ขนึ้ ปีใหม่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๖ วนั พฤหสั บดี ที่ ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๓๕106

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎร์ร่มเยน็ เป็นสขุ ศานต์ “…หลกั ของคณุ ธรรมคอื การคดิ ดว้ ยจติ ใจทเ่ี ปน็ กลาง ก่อนท่ีบัณฑิตจะพูดจะท�ำสิ่งไร จ�ำเป็นต้องหยุดคิด เสยี กอ่ น เพอื่ รวบรวมสตใิ หต้ งั้ มน่ั ไมโ่ อนเอนและใหจ้ ติ ใจสวา่ งแจม่ ใส ซึง่ แรก ๆ หัด อาจะตอ้ งใชเ้ วลาบา้ ง และอาจรู้สึกว่าท�ำได้ยาก แต่เมื่อปฏิบัติฝึกฝนจนคุ้นเคยช�ำนาญแล้วก็จะตั้งสติคิดอ่านได้คล่องแคล่วรวดเร็วข้ึน จะแสดงความรู้ความคดิ เร่ืองใด แกใ่ คร ผู้ฟังก็จะเข้าใจ ไดง้ า่ ย ไดช้ ดั ไมผ่ ดิ หลักวิชา ซ่งึ เท่ากับได้ปฏิบตั ถิ ูกตอ้ งตรงตามคณุ ธรรม ของนักวชิ าการอย่างครบถว้ น...” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ณ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั วนั พฤหสั บดี ท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๕ 107

พระบรมราโชวาท นอ้ มนำ�ราษฎรร์ ม่ เยน็ เป็นสุขศานต์ การปฏิบัติราชการนั้น นอกจากมุ่งกระท�ำเพ่ือให้งานส�ำเร็จไปโดยเร็ว และมีประสิทธิภาพแล้ว ยังจะต้องกระท�ำดว้ ยสตริ ตู้ วั และปัญญารู้คดิ วา่ สิง่ ใดเปน็ ความเจรญิ ส่ิงใดเปน็ความเสอื่ ม อะไรเปน็ สงิ่ ทตี่ อ้ งทำ� อะไรเปน็ สง่ิ ทต่ี อ้ งละเวน้ หรอืก�ำจดั ผลที่เกิดขึ้นจึงจะเปน็ ประโยชนท์ ีแ่ ท้และยง่ั ยืน ท้ังแก่ตนเองและสว่ นรวม พระบรมราโชวาท พระราชทานแกข่ า้ ราชการพลเรอื น เนอ่ื งใน วนั ข้าราชการพลเรือน วนั อาทิตย์ ท่ี ๑ เมษายน ๒๕๔๔108

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎรร์ ม่ เยน็ เปน็ สขุ ศานต์ “…เป็นเวลาหลายปีติดต่อกันมา ที่เราต้องประสบกบั เหตไุ ม่ปรกตติ ่างๆ หลายเรอ่ื ง จนท�ำใหห้ ลายๆ คนเกิดความวิตกห่วงใยในอนาคตของตนเองและของบ้านเมืองเป็นอย่างมาก แต่ดว้ ยเหตุท่ีส่วนใหญ่มีสตริ ู้เทา่ ทนั มีความรู้ความสามารถ จึงต่างขวนขวายช่วยตนเองและร่วมมือร่วมความคดิ กนั ปฏิบัตแิ ก้ไขอย่างจรงิ จัง จนบัดนอ้ี าจกล่าวได้ว่า สถานการณต์ ่างๆ ได้ผอ่ นคลายลงและมีความหวังว่าจะดีข้ึน อย่างไรก็ตาม เรายังจะต้องพยายามปฏิบัติตนปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังต่อไปอีกมาก …” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาส ข้นึ ปีใหม่ พุทธศกั ราช ๒๕๔๗ วันพุธ ท่ี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๔๖ 109

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎรร์ ่มเยน็ เป็นสขุ ศานต์ “...ความเจรญิ ผาสกุ และความตงั้ ม่ันของบา้ นเมอื ง เปน็สิ่งส�ำคัญสูงสุดที่บุคคลพึงร�ำลึกและพึงประสงค์ ความเจริญม่ันคงนั้นจะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยผู้ปฏิบัติบริหารงานของชาติทกุ ฝา่ ยมงุ่ ทจี่ ะปฏบิ ตั ภิ าระหนา้ ทขี่ องตนใหเ้ ตม็ กำ� ลงั ดว้ ยสติความรู้ตวั ด้วยปญั ญาความรู้คดิ และดว้ ยความสจุ ริตจริงใจโดยเหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวมยงิ่ กว่าส่วนอน่ื ...” พระราชด�ำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพธิ ี เฉลิมพระชนมพรรษา พทุ ธศักราช ๒๕๔๑ วันเสาร์ ท่ี ๕ ธนั วาคม ๒๕๔๑110

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎร์ร่มเยน็ เป็นสุขศานต์ “...ความสุขความเจริญนี้ แม้เป็นส่ิงท่ีพึงปรารถนาอย่างย่ิง แต่ในวิถีชีวิตของคนเรานั้น ย่อมต้องมีท้ังสุขและทกุ ข์ ทงั้ ความสมหวังและผิดหวงั เป็นปรกติธรรมดาทกุ คนจงึ ตอ้ งเตรยี มตวั เตรยี มใจ และเตรยี มการใหพ้ รอ้ มอยา่ ประมาท...” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ขนึ้ ปีใหม่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ วนั พฤหสั บดี ท่ี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๕๘ 111

เสดจ็ พระราชดำ�เนินไปทอดพระเนตรความกา้ วหน้าโครงการบงึ มกั กะสนั เมื่อวนั ท่ี ๘ มิถุนายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๐

ด�ำ รงตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ่มเย็นเปน็ สุขศานต์ “...ความสำ� คญั ของการประหยดั ซงึ่ รฐั บาลไดช้ กั ชวนใหแ้ ตล่ ะคนปฏบิ ัติ คงจะไดต้ ระหนกั อยู่แลว้ ท่วั กนั ว่า การใช้จา่ ยโดยประหยัดนนั้ จะเป็นหลกั ประกนั ความสมบูรณ์พนู สขุ ของผปู้ ระหยดั เองและครอบครวั ชว่ ยปอ้ งกนั ความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวน้ีจะม ีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ประหยัดเท่านั้น ยังจะเป็นประโยชน์แกป่ ระเทศชาติด้วย ทัง้ นี้ โดยที่ประชาชนแต่ละคนเป็นส่วนประกอบของประเทศชาติ ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศชาติก็ข้ึนอยู่ที่ฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนพลเมือง ถ้าแต่ละคนท�ำการประหยัดและช่วยผดุงฐานะของตนเองแล้ว ก็เท่ากับได้มีส่วนช่วยส่งเสริมภาวะทางเศรษฐกจิ ของประเทศเปน็ สว่ นรวม...” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ขน้ึ ปีใหม่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๓ วนั พฤหสั บดี ท่ี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๐๒114

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎร์รม่ เยน็ เปน็ สุขศานต์ “…การพัฒนาประเทศจ�ำเป็นต้องท�ำตามล�ำดับขั้น ต้องสร้างพ้ืนฐาน คือความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เม่ือได้พื้นฐานม่ันคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจข้ันท่ีสูงขึ้นโดยล�ำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญยกเศรษฐกิจข้ึนให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลย์ในเรอื่ งตา่ ง ๆ ขนึ้ ซง่ึ อาจกลายเปน็ ความยงุ่ ยากลม้ เหลวไดใ้ นทสี่ ุด…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วนั พฤหสั บดี ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗ 115

พระบรมราโชวาท นอ้ มนำ�ราษฎรร์ ม่ เย็นเป็นสุขศานต์ “...เป็นเวลาต่อเนอื่ งกันหลายปีแล้ว ท่ีบ้านเมืองของเรามีความเปล่ียนแปลงมาตลอดท้ังในวิถีทางด�ำเนินของบา้ นเมืองและของประชาชนท่ัวไป เปน็ เหตุใหเ้ ราตอ้ งประคบัประคองตวั มากเขา้ เพอ่ื ใหอ้ ยรู่ อดและกา้ วตอ่ ไปไดโ้ ดยสวสั ดี ตามแนวทางท่ีเป็นมาแล้วน่าจะเชื่อได้ว่าเราจะต้องประคับประคองตวั กนั ตอ่ ไปอกี นาน ดงั นนั้ ทกุ คนจงึ ควรจะรบั รคู้ วามจรงิ ทง้ั นี้ แลว้ เอาใจใสป่ ฏบิ ตั งิ านปฏบิ ตั ติ วั ใหเ้ ปน็ ระเบยี บและขะมกั เขม้นยง่ิ ขน้ึ พร้อมกับระมัดระวังการด�ำเนินชีวติ ใหเ้ ปน็ไปโดยประหยดั จกั ไดไ้ มเ่ กดิ ความติดขดั เดอื ดร้อนขน้ึ เพราะความประมาทและความรูไ้ มเ่ ทา่ ทนั สถานการณ์ ส�ำคญั ท่ีสดุขอให้คิดพิจารณาให้เข้าใจว่า สภาวะท่ีบีบรัดความเป็นอยู่ของเราทเี่ กดิ ขน้ึ นี้ เปน็ ผลกระเทอื นมาจากความวปิ รติ ของวถิ ีความเปลย่ี นแปรทางเศรษฐกจิ การเมือง และทางอืน่ ๆ ของโลก เราจึงไม่สามารถท่ีจะหลีกพ้นได้ หากแต่จะต้องเผชิญปัญหาอย่างผู้มีสติ มีปัญญา มีความเข้มแข็งและกล้าหาญเพื่อเราจกั ได้รวมกนั อยู่อย่างมน่ั คงไพบลู ย.์ ..” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ขนึ้ ปีใหม่ พทุ ธศักราช ๒๕๒๒ วันอาทิตย์ ที่ ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๒๑116

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ่มเยน็ เปน็ สุขศานต์ “…คนเราทฟี่ งุ้ เฟอ้ ไม่มที างทจี่ ะหาทรัพยม์ าป้อนความฟุ้งเฟ้อได้ ความฟุ้งเฟ้อนี้เป็นปากหรือเป็นสัตว์ท่ีหิวไม่หยุดความฟงุ้ เฟอ้ นอี้ ้าปากตลอดเวลา จะปอ้ นไปเทา่ ไรๆ ก็ไมพ่ อเมอื่ ปอ้ นเทา่ ไรๆ ไมพ่ อแลว้ กห็ าเทา่ ไรๆ ก็ไมพ่ อ ความไมพ่ อ น้ไี ม่สามารถทีจ่ ะหาอะไรมาปอ้ นความฟงุ้ เฟ้อนี้ได้ ฉะนน้ั ถ้าจะตอ่ ตา้ นความเดอื ดรอ้ น ไมใ่ ชว่ า่ จะตอ้ งประหยดั มธั ยสั ถ์ จะต้องป้องกันความฟุ้งเฟอ้ และปอ้ งกันวธิ ีการทม่ี กั จะใช้เพ่อื ท่ีจะมาปอ้ นความฟงุ้ เฟอ้ น้ี คอื ความทจุ รติ ฉะนนั้ การทจ่ี ะณรงค์ทจี่ ะตอ่ สเู้ พอ่ื ใหค้ นมธั ยสั ถแ์ ละประหยดั นน้ั กอ็ ยทู่ ต่ี วั เอง ไมใ่ ช่อยู่ท่ีคนอ่ืน เม่ืออยู่ที่ตนเอง ไม่อยู่ท่ีคนอื่น การณรงค์โดยมากมักออกไปข้างนอก จะไปชักชวนคนโน้นชักชวนคนนี้ ให้ท�ำโน่นท�ำนี่ ท่ีจริงตัวเองต้องท�ำเอง ถ้าจะใช้ค�ำว่าณรงค์กต็ ้องณรงคก์ บั ตวั เอง ต้องฝกึ ตวั ใหร้ ู้จกั ความพอดีพอเหมาะถ้าไม่พอดีไม่พอเหมาะมนั จะเกดิ ทุจรติ ในใจได…้ ” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่คณะลูกเสือชาวบ้านท่ีมา เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสเสด็จฯ กลับจากแปร พระราชฐานจากจงั หวดั สกลนคร ณ สนามบนิ ดอนเมอื ง วนั อาทติ ย์ ท่ี ๒ ธนั วาคม ๒๕๒๗ 117

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎรร์ ่มเยน็ เป็นสุขศานต์ “…เราไม่เปน็ ประเทศร่�ำรวย เรามพี อสมควร พออยูไ่ ด้แต่ไม่เป็นประเทศท่ีก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศกา้ วหนา้ อยา่ งมาก เพราะถา้ เราเปน็ ประเทศกา้ วหนา้อยา่ งมาก กจ็ ะมแี ตถ่ อยหลงั ประเทศเหลา่ นนั้ ทเ่ี ปน็ ประเทศทม่ี อี ตุ สาหกรรมกา้ วหนา้ จะมแี ตถ่ อยหลงั และถอยหลงั อยา่ งนา่ กลวั แตถ่ า้ เรามกี ารบรหิ ารแบบเรยี กวา่ แบบ “คนจน” แบบท่ีไม่ติดกับต�ำรามากเกินไป ท�ำอย่างมีสามัคคีน่ีแหละ คือเมตตากนั ก็จะอย่ไู ด้ตลอดไป คนท่ีทำ� งานตามวชิ าการ จะต้องดูต�ำรา เม่ือพลิกไปถึงหน้าสุดท้ายแล้ว ในหน้าสุดท้ายนั้นเขาบอก “อนาคตยังมี” แต่ไม่บอกว่าให้ท�ำอย่างไร ก็ตอ้ งปดิ เลม่ คอื ปดิ ตำ� รา ปดิ ตำ� ราแลว้ ไมร่ จู้ ะทำ� อะไร ลงทา้ ยก็ตอ้ งเปดิ หนา้ แรกใหม่ เปดิ หนา้ แรกกเ็ รม่ิ ตน้ ใหม่ ถอยหลงั เขา้คลอง แตถ่ ้าเราใชต้ �ำราแบบ “คนจน” ใชค้ วามอะลมุ้ อลว่ ยกัน ต�ำราน้ันไม่จบ เราจะก้าวหน้า “เรื่อยๆ”…” พระราชดำ� รสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวาย พระพรชยั มงคล ในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจิตรลดา พระราชวงั ดุสิต วันพุธ ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๔118

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎรร์ ่มเยน็ เปน็ สขุ ศานต์ “…การจะเปน็ เสอื นน้ั ไมส่ ำ� คญั สำ� คญั อยทู่ เี่ รามเี ศรษฐกจิแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกนิ น้ันหมายความวา่ อุ้มชตู วัเองได้ ใหม้ พี อเพยี งกบั ตวั เอง อนั นกี้ เ็ คยบอกวา่ ความพอเพยี ง น้ีไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะตอ้ งทอผา้ ใส่เอง อย่างนัน้ มันเกินไป แต่ว่าในหมบู่ า้ นหรือในอ�ำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางส่ิงบางอย่างที่ผลิตไดม้ ากกวา่ ความตอ้ งการ ก็ขายได้ แตข่ ายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก อย่างนี้ท่านนักเศรษฐกิจต่างๆ ก็มาบอกว่าล้าสมัย จริง อาจจะ ลา้ สมยั คนอนื่ เขาตอ้ งมกี ารเศรษฐกจิ ทตี่ อ้ งมกี ารแลกเปลยี่ นเรียกว่าเป็นเศรษฐกิจการค้า ไม่ใช่เศรษฐกิจความพอเพียงเลยรู้สึกว่าไม่หรูหรา แต่เมืองไทยเป็นประเทศท่ีมีบุญอยู่ว่าผลติ ใหพ้ อเพียงได…้ ” พระราชดำ� รสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ ทเ่ี ขา้ เฝา้ ฯ ถวาย พระพรชัยมงคล เน่อื งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลา ดุสดิ าลัย สวนจิตรลดา พระราชวงั ดุสติ วันพฤหัสบดี ท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐ 119

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎร์รม่ เย็นเปน็ สุขศานต์ “…การรู้จักประมาณตน ได้แก่การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมภี มู ิปญั ญาและความสามารถในด้านไหน เพยี งใด และควรจะทำ� งานดา้ นไหน อยา่ งไร การรจู้ กั ประมาณตนนี้ จะทำ� ให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ท้ังยังท�ำให้รูจ้ กั ขวนขวายศกึ ษาหาความรู้ และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ย่ิงสูงข้ึน ส่วนการรู้จักประมาณสถานการณ์นั้น ได้แก่การรู้จักพจิ ารณาสถานการณ์ต่างๆ ที่เกดิ ข้ึนให้ทราบชัด ถงึ ความเป็นมา และท่ีเปน็ อยู่ รวมท้ังท่ีคาดวา่ จะเปน็ ไปในอนาคต การร้จู ักประมาณสถานการณ์ได้นี้ จะท�ำให้สามารถวางแผนงานและปฏิบัติการได้ถูกตรงกับปัญหา ทันแก่สถานการณ์ และความจำ� เปน็ อันจะท�ำให้งานที่ท�ำไดป้ ระโยชนท์ ่สี มบูรณค์ มุ้ คา่ การรจู้ กั ประมาณตนและร้จู กั ประมาณสถานการณ์ จงึ เป็นอุปการะอย่างสำ� คญั ทีจ่ ะเก้ือกลู ให้บคุ คลดำ� เนนิ ชีวติ และกิจการงานไปได้อยา่ งราบรน่ื และก้าวหนา้ …” พระบรมราโชวาท พระราชทานเพ่ือเชิญไปอ่าน ในพิธี พ ร ะ ร า ช ท า น ป ริ ญ ญ า บั ต ร ข อ ง จุ ฬ า ล ง ก ร ณ ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ณ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั วนั เสาร์ ท่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๑120

พระบรมราโชวาท นอ้ มนำ�ราษฎรร์ ่มเย็นเป็นสขุ ศานต์ “…คนเราถา้ พอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อยเม่ือมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนไี้ ม่ใช่เศรษฐกิจ มคี วามคิดวา่ ทำ�อะไรตอ้ งพอเพยี ง หมายความวา่ พอประมาณ ไมส่ ดุ โตง่ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อย่เู ป็นสขุ พอเพยี งนีอ้ าจจะมีมาก อาจจะมขี องหรหู ราก็ได้ แตว่ า่ ตอ้ งไมไ่ ปเบยี ดเบยี นคนอ่ืน ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ พดู จากพ็ อเพียงท�ำอะไรก็พอเพียง ปฏบิ ตั ติ นกพ็ อเพยี ง…” พระราชดำ� รสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวาย พระพรชยั มงคล เนือ่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลา ดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันศุกร์ ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ 121



มคี วามเขม้ แขง็ ทั้งรา่ งกายและจติ ใจ

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎรร์ ่มเย็นเป็นสขุ ศานต์ “….ในบา้ นเมอื งเราทกุ วนั นี้ มเี สยี งกลา่ วกนั วา่ ความคดิจติ ใจของคนเปลี่ยนแปลงไปในทางท่ีเสอ่ื ม ความประพฤติที่เปน็ ความทจุ รติ หลายอยา่ ง มที า่ ทที จ่ี ะกลายเปน็ สงิ่ ทคี่ นทว่ั ไปพากนั ยอมรบั และสมยอมใหก้ ระทำ� กนั ไดเ้ ปน็ ธรรมดา สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมท�ำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนมืดมัวลงไป เป็นปัญหาใหญ่ที่เหมือนกระแสคล่ืนอันไหลบ่าเข้ามาท่วมท่ัวไปหมด จำ� เปน็ ต้องแก้ไขดว้ ยการชว่ ยกันฝนื คลื่นทีก่ ลา่ วนัน้ ในการดำ� เนนิ ชวี ติ ของเรา เราตอ้ งขม่ ใจไมก่ ระทำ� สงิ่ ใด ๆทเี่ รารสู้ กึ ดว้ ยใจจรงิ วา่ ชวั่ วา่ เสอื่ ม เราตอ้ งฝนื ตอ้ งตา้ นความคดิ และความประพฤตทิ กุ อยา่ ง ทร่ี สู้ กึ วา่ ขดั กบั ธรรมะ เราตอ้ งกลา้ และบากบั่นทจ่ี ะกระท�ำส่ิงทเ่ี ราทราบวา่ เปน็ ความดี เป็นความถกู ตอ้ งและเปน็ ธรรม ถา้ เรารว่ มกนั ทำ� เชน่ นใี้ หไ้ ดจ้ รงิ ๆ ให้ผลของความดีบงั เกดิ มากข้นึ ๆ กจ็ ะช่วยค�ำ้ จนุ สว่ นรวมไว ้มิให้เสือ่ มลงไป และจะชว่ ยให้ฟืน้ คนื ดขี น้ึ ไดเ้ ปน็ ลำ� ดับ…” พระราชด�ำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิด การประชุมยุวพุทธิกสมาคมท่ัวประเทศ คร้ังที่ ๑๒ ที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา วนั เสาร์ ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓124

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎร์รม่ เย็นเปน็ สขุ ศานต์ “...ความเขม้ แขง็ ในจติ ใจนเ้ี ปน็ สง่ิ ทสี่ ำ� คญั ทจี่ ะตอ้ งฝกึ ฝนแตเ่ ลก็ เพราะวา่ ตอ่ ไป ถา้ มชี วี ติ ทีล่ �ำบาก ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ้าไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความรู้ ไม่มีทางที่จะผ่านอปุ สรรคน้ันได้ เพราะวา่ ถา้ ไปเจออปุ สรรคอะไร ก็ไม่มอี ะไรทีจ่ ะมาชว่ ยเราได้ แตถ่ ้ามคี วามรู้ มอี ธั ยาศัยทดี่ ี และมคี วามเขม้ แขง็ ในกาย ในใจ ก็สามารถที่จะผา่ นพน้ อปุ สรรคตา่ ง ๆ น้ันได้...” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียน ราชวนิ ติ ณ พระต�ำหนกั จติ รลดารโหฐาน พระราชวังดสุ ิต วนั ศุกร์ ท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๘ 125

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ่มเย็นเป็นสุขศานต์ “…ความมีใจจริงที่ขาดไม่ได้ในการท�ำงานมีสองประการ ประการท่หี นึง่ คอื ความจรงิ ใจตอ่ ผรู้ ว่ มงาน ซงึ่มลี กั ษณะประกอบดว้ ยความซอ่ื ตรง เมตตา หวงั ดี พรอ้ มเสมอทจ่ี ะรว่ มมอื ชว่ ยเหลอื และสง่ เสรมิ กนั ทกุ ขณะ ทงั้ ในฐานะผู้มีจุดประสงค์ท่ีดีร่วมกัน และในฐานะท่ีเป็นเพ่ือนมนุษย์ร่วมชาติร่วมโลกกัน ประการท่ีสอง ได้แก่ความจริงใจต่องาน มีลักษณะเป็นการต้ังสัตย์อธิษฐานหรือการตั้งใจจริงที่จะท�ำงานให้เต็มก�ำลัง กล่าวคือ เม่ือได้พิจารณาด้วยปัญญาเป็นที่แน่ชัดแล้ว ว่างานที่จะท�ำน้ันเป็นประโยชน์จริง ก็ต้องสัตย์สัญญาแก่ตัวเอง ผูกพันบังคับตัวเองให้กระท�ำจนเต็มก�ำลังความรู้ความสามารถใหไ้ ด้ผลดีท่สี ุด…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ ผสู้ ำ� เรจ็ การศกึ ษาจากมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ณ สวนอมั พร วันพฤหัสบดี ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๑126

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎร์ร่มเยน็ เปน็ สุขศานต์ “…เมื่อจะพิจารณาสิ่งใดเร่ืองใดให้วางใจของตัวให้เป็น กลาง คอื ปลดอคตคิ วามลำ� เอยี งทกุ ๆ ประการออกจากใจให้หมดกอ่ น แลว้ เขา้ ไปเพ่งพนิ ิจดสู งิ่ นั้นเร่อื งนนั้ ใหถ้ ี่ถ้วน จึงจะมองเห็นได้ประจักษ์ทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่เห็นแต่เพียงแง่ใดแง่หนง่ึ ตามความชอบใจหรอื ไมช่ อบใจที่มีอยู่ เมอื่ เห็นประจกั ษ์ทวั่ ดว้ ยใจทเ่ี ปน็ กลางแลว้ ความรทู้ ชี่ ดั เจนกจ็ ะบงั เกดิ ขน้ึ และช่วยให้ลงความเห็นและปฏบิ ัติได้โดยถกู ต้องเปน็ ธรรม…” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่สามัคคีสมาคม ในพระบรม ราชูปถมั ภ์ ในการเปิดการประชมุ ใหญ่ ประจำ� ปี ๒๕๒๓ วนั อังคาร ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๒๓ 127

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎรร์ ม่ เยน็ เปน็ สขุ ศานต์ “…จิตใจท่ีต�่ำทรามน้ันเป็นจิตใจท่ีอ่อนแอ ไม่กล้าและไม่อดทนทจ่ี ะเพยี รพยายามสรา้ งสมความดงี าม ความเจรญิ ความสำ� เรจ็ ในทางทถ่ี กู ตอ้ งเปน็ ธรรม มแี ตค่ ดิ จะใหไ้ ดม้ าโดยสะดวกงา่ ยดาย โดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ ผดิ ชอบชว่ั ดี จติ ใจดงั นี้ ถา้ ปลอ่ ยใหเ้ กดิมีขนึ้ จนเคยชนิ อยา่ งนอ้ ยท่ีสุด กท็ ำ� ใหเ้ ปน็ คนมักงา่ ย ทำ� งานบกพร่องเสียหาย อย่างมาก ก็ท�ำให้เป็นคนด้านหนาไร้ความอาย หยาบคาย ละโมบ ท�ำอะไรท่ีไหน ก็เกิดอันตรายที่น่ัน ทา่ นจงึ สอนใหส้ งั วรระวังใจของตนใหด้ ี อยา่ ใหค้ วามชว่ั เกดิ ข้นึ และหากเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้ก�ำจัดเสียทันที นอกจากน้ี ก็ต้องฝึกหัดบ�ำรุงใจให้เข้มแข็งและประณีตข้ึน เพ่ือรับเอาความดี ซึ่งเป็นปัจจัยท่ีจะช่วยให้ก้าวถึงความสุขและความเจริญม่ันคงการฝึกใจให้เข้มแข็งนี้ ถึงหากจะรู้สึกว่าเป็นการเหนอ่ื ยยากแต่ถ้าได้ตั้งใจฝึกฝนโดยสม�่ำเสมอให้เพ่ิมพูนขึ้นโดยล�ำดับ ไม่ชา้ นานก็จะเกดิ กำ� ลังแข็งแรงเกิดความชำ� นาญคล่องแคล่ว จนสามารถท�ำความดีไดง้ ่ายขนึ้ ไมเ่ หนอ่ื ยยากเลย…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันจันทร์ ท่ี ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๔128

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ม่ เย็นเป็นสขุ ศานต์ “…ความมั่นคงเด็ดเดี่ยว ท่ีจะยึดม่ันในผลส�ำเร็จของงานและในความถูกต้องเป็นธรรม เป็นสิ่งส�ำคัญย่ิงส�ำหรับนักพัฒนาบริหาร เพราะความมีจิตใจมั่นคงในผลส�ำเร็จของงาน จะท�ำให้มุ่งม่ันที่จะกระท�ำต่อเนอ่ื งไปโดยไม่ลดละ จนบรรลุผลเลิศ ส่วนความม่นั คงในคณุ ธรรมน้นั จะสร้างเสรมิ คณุ สมบตั ิที่พงึ ประสงค์ใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้มากมาย เช่นว่า จะท�ำให้เป็นคนสจุ รติ ไมท่ �ำ ไม่พูดไม่คิดในส่ิงทเ่ี ปน็ ความช่ัว ความต�่ำทรามทุกอยา่ ง ทำ� ใหม้ ีความจริงใจในกันและกัน ซึ่งเป็นปัจจัยส�ำคัญส�ำหรับก�ำจัดความกินแหนงแคลงใจ บาดหมางแตกแยกกัน และช่วยสร้างเสริมความร่วมมือเป็นอันหน่ึงอันเดียวให้เกิดขึ้น ท�ำให้มีความหนักแน่นในความคดิ จติ ใจ สามารถพจิ ารณาเรอ่ื งราวและปัญหาตา่ งๆ ให้เหน็เหตุเห็นผลโดยแจ่มแจ้ง และหาทางปฏิบัติที่ถูกต้องเท่ียงตรงได้เหล่าน้ี ถอื วา่ เป็นอุปกรณเ์ ครอื่ งประกอบและเก้ือหนนุ วิชาการให้แน่นหนักสมบูรณ์ ช่วยให้นักพัฒนาบริหารสามารถใช้หลักวิชาได้อย่างถูกต้องเท่ียงตรง ม่ันใจ บริสุทธิ์ใจ และได้ผลแน่นอน เตม็ เป่ยี มตามเปา้ หมาย…” พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของสถาบนั บณั ฑติ พัฒนบริหารศาสตร์ ณ สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบริหารศาสตร์ วันจันทร์ ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๔ 129

พระบรมราโชวาท นอ้ มนำ�ราษฎร์รม่ เยน็ เป็นสุขศานต์ “…การจะคดิ พจิ ารณาและวเิ คราะหว์ จิ ารณก์ รณตี า่ งๆ ให้ไดถ้ กู ถว้ นตามเหตตุ ามผลและความเปน็ จรงิ นน้ั บคุ คลจำ� เปน็ตอ้ งฝึกจิตใจใหม้ ีปรกติหนกั แนน่ และเปน็ กลาง พรอ้ มทัง้ ฝึกกระบวนการคิดให้เป็นระเบียบให้ได้ก่อน ทั้งน้ีเพราะจิตใจท่ีไม่หนกั แนน่ เป็นกลาง เปน็ ต้นเหตใุ หเ้ กิดอคติหรอื การปฏบิ ตั ิทไ่ี มถ่ กู ทาง อันเป็นตวั การส�ำคัญทนี่ �ำความคิดวิจารณญาณของบคุ คล ใหม้ ดื มนผดิ พลาดไปจากเหตผุ ลและความเปน็ จรงิส่วนความคิดอา่ นท่ไี ม่เปน็ ระเบียบนั้น เป็นต้นเหตขุ องความลังเลสับสนและวุ่นวายใจ ท�ำให้บุคคลไม่สามารถจะคิดอ่านท�ำการใด ๆ ให้ถกู ต้องตามขัน้ ตอน และสำ� เรจ็ เรียบรอ้ ยโดยไมต่ ดิ ขัดได้ เพราะฉะน้นั บัณฑิตจึงควรพยายามระมัดระวังตั้งใจให้หนักแน่นเป็นกลาง ทั้งฝึกฝนความคิดอ่านให้เป็นระเบียบจนชินช�ำนาญ จักได้สามารถใช้ความรู้ ความคิดวจิ ารณญาณ สรา้ งสรรคค์ วามสำ� เรจ็ และความเจรญิ กา้ วหนา้ทกุ ประการใหส้ มบูรณ์พรอ้ มได้ ดงั ท่ปี รารภปรารถนา…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันศุกร์ ท่ี ๒ สิงหาคม ๒๕๓๔130

พระบรมราโชวาท นอ้ มนำ�ราษฎร์ร่มเยน็ เปน็ สขุ ศานต์ “…ศรทั ธาความเชอ่ื ม่ันในความดี ศรัทธาสว่ นนี้ จะส่งเสรมิให้บุคคลเกิดความมุ่งมั่นท่ีจะท�ำตัวท�ำงานให้สูงข้ึน ไม่ยอมให้ตกตำ่� ผู้เช่อื มน่ั ในความดี จะมคี วามรสู้ ึกรับผิดชอบ มคี วามข่มใจ ไม่ปล่อยตัวให้เป็นไปตามอ�ำนาจคติและความเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะตัว จะประพฤติปฏิบัติการใด ก็พิจารณากล่ันกรองอย่างรอบคอบจนเห็นชัดแลว้ ว่า การนั้น ๆ เปน็ ส่งิ ท่ีดี ท่ีถกู ต้อง เป็นสุจริตธรรม และเป็นประโยชน์แท้ทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม การทที่ ำ� จงึ ปราศจากโทษ กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ รา้ งสรรคเ์ ปน็ ความเจริญสวสั ดแี ตอ่ ยา่ งเดยี ว ผลดอี กี ประการหนง่ึ ของการปฏิบัตดิ กี ็คือเมื่อผลของการท�ำดีเป็นท่ีประจักษ์ชัด คนท่ีไม่เคยท�ำความดีเพราะไมเ่ คยเหน็ ผล กจ็ ะไดเ้ หน็ และหันมานยิ มศรทั ธาในความดีบุคคลเหล่าน้ันย่อมจะรับเอาความคิดจิตใจ และการกระท�ำของ ผปู้ ฏบิ ตั ดิ เี ปน็ แบบอยา่ ง แลว้ นอ้ มนำ� มาประพฤตปิ ฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองบ้านเมืองของเราก็จะมีผู้ท่ีศรัทธาในความดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพมิ่ ขนึ้ เปน็ ลำ� ดบั สงิ่ ทแ่ี ตล่ ะคนปฏบิ ตั กิ จ็ ะประกอบสง่ เสรมิ กนั ขนึ้เปน็ ความเจริญมน่ั คงโดยสว่ นรวมของชาตใิ นท่ีสุด…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันศุกร์ ที่ ๑ สงิ หาคม ๒๕๔๐ 131

พระราชทานพระบรมราโชวาท ในการสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพไทย เนอื่ งในพระราชพิธีรัชดาภเิ ษก วนั ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔

ค�ำ นึงถงึ ผลประโยชน์ของสว่ นรวมและของชาติ

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ม่ เย็นเป็นสุขศานต์ “...ทุกคนจะต้องต้ังม่ันในความสามัคคีและความไม่ประมาท จะต้องใช้ปัญญา และความรอบคอบ คิดอ่านก่อนที่จะกระท�ำการทั้งปวง จะต้องร่วมกันปอ้ งกนั แกไ้ ขและกำ� จดั สงิ่ ชว่ั รา้ ยเปน็ อนั ตรายตอ่ ประเทศชาติ หม่ันประกอบสัมมาอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริตคิดถึงประโยชน์สุขส่วนรวมของบ้านเมืองเป็นนิตย์เป็นสำ� คัญ...” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาส ขนึ้ ปีใหม่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๒ วนั องั คาร ที่ ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๑๑134

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎรร์ ม่ เย็นเปน็ สุขศานต์ “...ขอใหป้ ฏบิ ตั งิ านทกุ อยา่ งดว้ ยความตงั้ ใจ เทยี่ งตรง กล้าหาญ และเข้มแข็งเสียสละ หม่ันฝึกฝนตนเองให้จัดเจนคล่องแคล่วในหน้าท่ี และในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อ่ืน พยายามศึกษาวิทยาการอันก้าวหน้าทุกอย่างให้รอบรู้เท่าทันสถานการณ์อยู่เสมอ เพ่ือให้สามารถใช้ยทุ โธปกรณ์ เครอื่ งมือเครือ่ งใช้ท่ีมอี ยู่ ใหเ้ ป็นประโยชน์ในภารกจิ ของชาตใิ หไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ ประการสำ� คญั ทสี่ ดุ ขอใหย้ ดึ มนั่ ในชาตบิ า้ นเมอื ง ขอใหถ้ อื ประโยชนร์ ว่ มกนั ของประชาชาติไทยให้ย่ิงกว่าประโยชน์ใดๆ ทง้ั สิน้ ...” พระบรมราโชวาท ในการเสด็จฯ ทอดพระเนตรการแข่งขัน ใชอ้ าวธุ ทางอากาศ และการสาธติ กำ� ลงั ทางอากาศ ประจำ� ปี ๒๕๑๒ ณ สนามฝึกใช้อาวธุ ทางอากาศไชยบาดาล จงั หวดั ลพบรุ ี วันพธุ ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๒ 135

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ม่ เย็นเป็นสขุ ศานต์ “…กจิ เฉพาะหนา้ ของเราทงั้ หลายทกุ คนทจ่ี ะตอ้ งทำ� ก็คือต้องรับสถานการณ์อันวิกฤตนี้ด้วยใจอันมั่นคง ไม่หวนั่ ไหว และด้วยความรูเ้ ท่าถงึ การณ์ พร้อมกบั รว่ มมือรว่ มใจกนั ปฏบิ ตั แิ กไ้ ขผอ่ นหนกั ใหเ้ ปน็ เบา ดว้ ยความสงบและพรอ้ มเพรยี ง ไมก่ อ่ ความวนุ่ วายใหส้ ถานการณย์ ง่ิ รา้ ยลงไปอกี ทกุ ฝา่ ยจำ� เปน็ ตอ้ งเขา้ ใจในกนั และกนั เหน็ ใจกนั เสยี สละประโยชนส์ ว่ นตวั เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นรวมร่วมกนัอุ้มชูกันไว้ เหมือนดังที่ได้เคยอุ้มชูกันมาแต่กาลก่อนเม่อื รวมกันดังนี้ ก็จะเกดิ พลังยงิ่ ใหญ่ ทจ่ี ะสามารถขจัดอุปสรรคขดั ขอ้ งทั้งปวงใหห้ มดส้นิ ไปได้ในทส่ี ุด…” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๑๗ ณ พลับพลาท้องสนามหลวง วนั จนั ทร์ ท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖136

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ่มเยน็ เปน็ สขุ ศานต์ “…อนั แผน่ ดนิ ไทยของเรานี้ ถงึ จะเปน็ ทเ่ี กดิ ทอ่ี าศยั ของคนหลายเช้ือชาติ หลายศาสนา แต่เรากอ็ ยรู่ ่วมกันโดยปรกติราบรื่นมาได้เป็นเวลาช้านาน เพราะเราต่างสมัครสมานกันอตุ สา่ หช์ ่วยกนั สร้างบ้านเมอื ง สรา้ งความเจริญ สร้างจติ ใจสร้างแบบแผนท่ีดีขึ้น เป็นของเราเอง ซ่ึงแม้นานาประเทศก็น่าจะน�ำไปเป็นแบบฉบับได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราท้ังหลาย มีสามัคคี มีเหตผุ ลอันหนกั แนน่ และมีความรคู้ วามเขา้ ใจอันถูกต้องชัดเจนในสถานการณ์ที่เป็นจริง ต่างคนต่างร่วมมือ ร่วมความคิดกันในอันท่ีจะช่วยกันผ่อนคลายปัญหาและสถานการณ์ที่หนักให้เป็นเบา ไม่น�ำเอาประโยชน์ส่วนน้อยเข้ามาเกี่ยวข้อง ให้เสียหายถึงประโยชน์ส่วนใหญ่ของชาติบ้านเมือง เชื่อว่าเราจะสามารถรักษาชาติประเทศและความผาสุกสงบที่เราได้สร้างสมและรักษาสืบต่อกันมาช้านานนั้นไวไ้ ด้…” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ข้ึนปีใหม่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๙ วนั พธุ ท่ี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๑๘ 137

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎร์รม่ เย็นเปน็ สุขศานต์ “…แตล่ ะคนนน้ั เป็นองคป์ ระกอบสว่ นหนึง่ ๆ ซง่ึ จะรวมกนั ขน้ึ เปน็ ชาตบิ ้านเมอื ง ทุกคนต้องรกั ษาสุขภาพพลานามยัให้ดี และท�ำงานให้ดี ชาติบ้านเมืองจึงจะแข็งแรงและเจริญม่ันคงสมดุลย์ทุกส่วน ถ้าบุคคลท�ำตัวให้บกพร่องอ่อนแอบา้ นเมอื งกจ็ ะมจี ดุ บกพรอ่ งและออ่ นแอไปดว้ ย ทกุ คนจงึ ตอ้ งบ�ำรุงรักษาบ้านเมืองให้เหมือนบ�ำรุงรักษาร่างกายและจิตใจตนเอง และผใู้ ดมภี าระหนา้ ทอ่ี นั ใดอยู่ กต็ อ้ งขวนขวายปฏบิ ตั ิใหส้ ำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปโดยพลนั ดว้ ยความรแู้ ละความสามารถ ดว้ ยความสะอาดกายสะอาดใจ ดว้ ยไมตรจี ิตมิตรภาพ และดว้ ยความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน ผลการปฏิบัติตนปฏิบัติงานของแตล่ ะคนแตล่ ะฝา่ ย จกั ไดป้ ระกอบสง่ เสรมิ ใหป้ ระเทศชาติมคี วามสมบูรณ์มน่ั คงขนึ้ ตามทีม่ ่งุ หมาย…” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ขึน้ ปีใหม่ พุทธศกั ราช ๒๕๒๙ วันอังคาร ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๘138

พระบรมราโชวาท นอ้ มน�ำ ราษฎร์ร่มเย็นเป็นสขุ ศานต์ “…การแก้ปัญหาน้ัน ถ้าไม่ท�ำให้ถูกเหตุถูกทางด้วยความรอบคอบระมัดระวัง มักจะกลายเป็นการเพิ่มปัญหาให้มากและยุ่งยากข้ึน แต่ละฝ่ายจึงควรจะต้ังใจพยายามท�ำความคิดความเห็นให้กระจ่างและเที่ยงตรงเพอื่ จกั ไดส้ ามารถเขา้ ใจปญั หาและเขา้ ใจกนั และกนั อยา่ ง ถกู ตอ้ ง ความเข้าใจทถี่ กู ตอ้ งแนช่ ดั นี้ จะชว่ ยใหเ้ ล็งเหน็ แนวทางปฏิบัติแก้ไขอันเหมาะสม ซึ่งจะน�ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกประการหนึ่ง อันเป็นข้อส�ำคัญ ทกุ ฝ่ายจะต้องตระหนักในใจเสมอวา่ ประโยชน์ส่วนรวมนั้นเป็นประโยชน์ที่แต่ละคนพึงยึดถือเป็นเป้าหมายหลักในการปฏิบัติตนและปฏิบัติงาน เพราะเป็นประโยชน์ท่ียง่ั ยนื แท้จริง ซง่ึ ทกุ คนมีสว่ นไดร้ ับทัว่ ถงึ กัน…” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ขึน้ ปีใหม่ พทุ ธศักราช ๒๕๓๓ วนั อาทิตย์ ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๒ 139

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎร์ร่มเยน็ เปน็ สุขศานต์ “…บ้านเมืองไทยของเราด�ำรงมั่นคงมาช้านานเพราะคนไทยมีความพร้อมเพรียงกันเข้มแข็ง ถึงจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดข้ึนบ้างตามกาลตามสมัย ก็เป็นไปตามความปรารถนาของพวกเราเอง ทจี่ ะทำ� ใหป้ ระเทศชาตเิ จรญิ ก้าวหนา้ การทำ� นุบำ� รงุ บา้ นเมืองน้ัน เป็นงานสว่ นรวมของคนทั้งชาติ จงึ เป็นธรรมดาอย่เู อง ท่ีจะตอ้ งมีความขัดแย้งเกิดข้ึนบ้าง จะให้ทุกคนทุกฝ่ายมีความคิดเหน็ สอดคล้องต้องกนั ตลอดทกุ ๆ เรือ่ งไป ยอ่ มเป็น การผิดวสิ ยั เพราะฉะนนั้ แต่ละฝ่าย แต่ละคนจึงควรจะค�ำนึงถึงจุดประสงค์ร่วมกัน คือความเจริญไพบูลย์ของชาติ เปน็ ข้อใหญ…่ ” พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาส ข้ึนปีใหม่ พทุ ธศักราช ๒๕๓๕ วนั องั คาร ท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๔140

พระบรมราโชวาท น้อมน�ำ ราษฎรร์ ่มเย็นเปน็ สขุ ศานต์ “…บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นม่ันคง มีอิสรภาพและความร่มเย็นเป็นปรกติสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติ และต่างร่วมแรงร่วมใจกันบ�ำเพ็ญกรณียกจิ ตา่ ง ๆ ตามหนา้ ที่ ใหส้ อดคล้องและเกอ้ื กลู กันเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติ คนไทยทุกคนจึงควรจะได้ตระหนักในขอ้ น้ีใหม้ าก โดยเฉพาะภาวการณใ์ นระยะปัจจุบันน้ี อาจกล่าวได้ว่าหากคนไทยเราประพฤติตนปฏบิ ตั งิ าน โดยขาดจติ สำ� นกึ ในประโยชนร์ ว่ มกนั ของชาติแลว้ กจ็ ะเปน็ อนั ตรายอยา่ งยงิ่ แกค่ วามมนั่ คงของชาต…ิ ” พระราชดำ� รสั ในการเสดจ็ ออกมหาสมาคม ในงานพระราชพธิ ี เฉลมิ พระชนมพรรษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๘ วนั จนั ทร์ ที่ ๕ ธนั วาคม ๒๕๔๘ 141

พระบรมราโชวาท น้อมนำ�ราษฎรร์ ่มเยน็ เปน็ สุขศานต์ “…ถ้าเราสามารถที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากบั การศกึ ษาและชวี ติ ของคนทมี่ มี ากขน้ึ ๆ ใหก้ ลบัมาเปน็ อยา่ งเดมิ เหมอื นอยา่ งของเกา่ ของโบราณของเราคอื ให้รู้สึกวา่ โรงเรียนกค็ อื วดั วัดคือโรงเรยี น กจ็ ะทำ� ให้บ้านเมอื งมีอนุชนที่มีความสามารถในทางวิชาการและมีจติ ใจสงู มจี ติ ใจดี เปน็ พลเมอื งดตี อ่ ไป จะชว่ ยใหส้ ว่ นรวมสามารถทีจ่ ะด�ำเนินตอ่ ไปได้โดยสวัสดี…” พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะกรรมการธนาคาร กรุงเทพ ณ พระต�ำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วันพฤหสั บดี ท่ี ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔142



พระบรมราโชวาทน้อมน�ำราษฎร์รม่ เยน็ เปน็ สุขศานต์กระทรวงวฒั นธรรมISBN 978-616-543-422-5ดำ� เนนิ การโดยกลุ่มประชาสมั พันธ์ สำ� นกั งานปลัดกระทรวงวฒั นธรรม๖๖๖ ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบ�ำหรุ เขตบางพลัดกรงุ เทพฯ ๑๐๗๐๐โทร. ๐ ๒๔๒๒ ๘๘๕๓-๕  ๑๗๖๕www.m-culture.go.th



สำ� นกั นายกรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม Ministry of CultureOffice of The Prime Minister