Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การขยายพันธุ์พืช

การขยายพันธุ์พืช

Published by relax2554, 2022-01-21 04:16:18

Description: การขยายพันธุ์พืช

Search

Read the Text Version

การขยายพนั ธุพ์ ืช การขยายพนั ธพุ์ ืช คือการเพมิ่ จานวนต้นพืชให้ไดจ้ านวนมากพอกบั ปริมาณความต้องการทีเ่ พมิ่ ข้นึ โดยพชื ต้นใหมท่ ไ่ี ดย้ งั คงลักษณะของพันธุ์ และคุณสมบตั ิ ท่ีดไี วเ้ หมอื นเดมิ อาจกล่าวไดว้ า่ การขยายพนั ธ์พุ ืชเปน็ การชว่ ยรักษาลกั ษณะทดี่ ีของพนั ธุ์ ไวไ้ ม่ให้สูญหาย การขยายพันธ์ุพืชมี 2 แบบ คอื 1. แบบอาศยั เพศ 2. แบบไมอ่ าศยั เพศ ภาพแสดง ส่วนประกอบของดอกไม้ สว่ นท่ีใช้ในการขยายพนั ธ์ุพชื แบบอาศัยเพศ ดอกไม้ประกอบด้วยส่วนตา่ งๆ เรยี งจากชน้ั นอกเขา้ สชู่ น้ั ในท่ีสาคญั ๆ 4 สว่ นไดแ้ ก่ กลีบเลีย้ ง (speal) สว่ นน้ีจะอยู่นอกสดุ โดยเปลย่ี นแปลงเจริญมาจากใบ มขี นาดเลก็ มสี ีเขียว ทาหนา้ ท่ปี ้องกันอนั ตรายใหแ้ กด่ อกไมข้ ณะตูม กลบี ดอกไม้(Petal) สว่ นนอี้ ยูถ่ ัดจากกลีบเลี้ยงเขา้ ไปมขี นาดใหญ่กวา่ กลบี เลีย้ ง ซงึ่ มสี สี ันสวยงาม มกี ลิ่นหอมทาหนา้ ที่ลอ่ แมลงเพือ่ ชว่ ยผสมเกสร เกสรตวั ผู้(Stamen) ส่วนน้ีอยถู่ ัดจากกลีบดอกเข้าไป ทาหน้าท่ีเปน็ เซลลส์ บื พันธ์เุ พศผู้มักมหี ลายอันรวมกนั มสี ่วนประกอบที่สาคัญอยคู่ อื 1. ก้านชอู ับเรณู มีลักษณะแท่งยาวทรงกระบอก มหี นา้ ท่ชี อู ับละอองเรณู 2. อบั เรณู เปน็ เม็ดเล็กๆอย่บู นก้านชอู ับเรณู ภายในอับเรณจู ะมีละออง เรณูอยู่มากมายมีลกั ษณะเป็นเม็ดเลก็ ๆ คล้ายผงสเี หลอื ง 3. ละอองเรณู อยภู่ ายในอับเรณทู าหนา้ ท่สี ร้างเซลลส์ ืบพันธุเ์ พศผู้

เกสรตัวเมยี (Pistill) ส่วนนี้อยูช่ ัน้ ในสุด ทาหนา้ ทีเ่ ปน็ เซลล์สืบพันธเ์ุ พศเมีย มีสว่ นประกอบที่ ภาพแสดง การถ่ายละอองเรณูแบบขา้ มดอกโดยแมลง สาคญั คือ แมลงมบี ทบาทสาคัญมากในการถา่ ยละอองเรณขู องพืชดอก ขณะทีแ่ มลงตอมดอกไมเ้ พื่อ 1. ยอดเกสรตัวเมีย ส่วนน้ีจะมขี นเส้นเล็กๆ และมีนา้ หวานเหนียว ๆ สาหรบั ดกั จบั ดดู กินน้าหวานในดอกไม้ละอองเรณูจะตดิ ไปกบั ส่วนตา่ งๆของแมลง เชน่ ปีก ขา และส่วนปากเม่ือ ละอองเรณรู วมทั้งยังใช้เปน็ อาหารสาหรบั การงอกของหลอดละอองเรณู แมลงบินไปเกาะดอกไม้อื่น ๆ กจ็ ะนาละอองเรณู ไปตดิ ท่ยี อดเกสรตวั เมยี ของดอกน้นั ทาให้ เกดิ การถา่ ยละอองเรณู การใช้สารเคมกี าจดั ศตั รูพชื ในปจั จบุ ันทาให้แมลงหลายชนดิ ท้ังทเ่ี ปน็ 2. ก้านเกสรตัวเมยี ส่วนนีจ้ ะทาหนา้ ที่ชูยอดเกสรตวั เมยี ใหอ้ ยู่ในระดับสงู ๆ เพือ่ ประโยชน์ใน ประโยชน์และเป็นโทษกจ็ ะตายไป การผสมพันธ์ุ นอกจากนย้ี งั เป็นทางให้ละอองเรณแู ทงหลอดเรณลู งไปเพื่อใหเ้ ซลล์สบื พันธเ์ุ พศผู้ เขา้ ผสมกบั เซลลไ์ ข่ได้ เม่อื ละอองเรณูตกลงบนยอดเกสรตัวเมยี แลว้ จะเกดิ การงอกเปน็ หลอด แทงผา่ นยอดและ ก้านเกสรเพศเมียจนกระทัง่ ถึงรงั ไข่ ดังในภาพภายในหลอดนี้จะมีเซลล์สบื พนั ธุเ์ พศผู้ ซึ่งจะเข้าไป 3. รงั ไข่ สว่ นนมี้ ีออวลุ ซึง่ มลี ักษณะเป็นเม็ดเลก็ ๆบรรจอุ ยภู่ ายในรังไขห่ นง่ึ อาจมี 1 ผสมกบั เซลลไ์ ข่ภายในออวุล เรยี กกระบวนการนว้ี ่าการปฏสิ นธิ ตอ่ จากนน้ั ออวลุ จะเจรญิ ออวุล หรอื หลายออวุล ก็ได้ภายในอออวลุ เปน็ แหลง่ สรา้ งเซลลไ์ ข่ซึง่ ทาหน้าทเ่ี ปน็ เซลลส์ บื พนั ธ์เุ พศ เปน็ เมลด็ ซ่งึ ภายในจะมี ตน้ อ่อน หรือ เอม็ บริโอ และอาหารเลย้ี งเอ็มบรโิ อจะอยภู่ ายใน เมยี เมล็ด ส่วน รงั ไข่ จะเจริญเปน็ ผลโดยทั่วไปแลว้ หลังจากการปฏสิ นธิส่วนอน่ื ๆของดอกไม้ เชน่ กลีบดอก เกสรเพศผยู้ อดเกสรเพศเมียจะเหย่ี วและหลดุ รว่ งไปในท่ีสุด ภาพแสดง ตวั อยา่ งส่วนประกอบของดอก กระบวนการในการขยายพนั ธข์ุ องพชื ดอก เมอื่ ละอองเรณเู จริญเตบิ โตเตม็ ทีแ่ ล้วอับเรณูจะแตกออกทาให้ละอองเรณกู ระจายไปตดิ อยู่ บนยอกเกสรตวั เมีย ซึง่ มขี องเหลวเหนียวเคลือบอยู่เราเรยี กกระบวนการที่ละอองเรณไู ปตดิ อยบู่ น ยอดเกสรตวั เมียนีว้ า่ การถ่ายละอองเรณู ซึ่งอาจจะเกิดขน้ึ ในดอกเดยี วกัน หรือระหว่างดอก ภายในต้นเดียวกนั หรือข้ามตน้ กไ็ ด้ ปัจจยั หลายอยา่ งท่ีทาให้เกดิ เชน่ ลม น้า คน หรือสัตวต์ า่ ง ๆ อาจชว่ ยใหล้ ะอองเรณูกระจายไปไกลๆ ได้ ภาพแสดง การงอกของหลอดละอองเรณู

มนษุ ยเ์ ราไดน้ าเมล็ดพืชมาขยายพนั ธุ์ โดยการเพาะเมล็ด ซงึ่ เปน็ วธิ ีทง่ี ่ายทส่ี ดุ ในการขยายพนั ธ์ุซงึ่ การตอนกงิ่ จะได้พืชตน้ ใหม่เป็นจานวนมากแตต่ ้องใช้เวลานานในการเจรญิ เตบิ โตจนกระทง่ั ออกผลและต้นใหม่ท่ี ไดม้ ักมีลักษณะท่ีแตกต่างไปจากต้นเดมิ เป็นวธิ กี ารขยายพนั ืธพุ ชื โดยใชก้ ิง่ ของพชื ซึง่ มีขนั้ ตอนดังนี้ ปจั จัยในการงอกของเมลด็ 1. เลอื กกิ่งที่สมบรู ณ์ไม่ออ่ นแอและไม่แก่เกนิ ไป ใบงาม ไมม่ ีโรคหรอื 1. นา้ เมอื่ เมล็ดถกู น้าน้าจะผา่ นเปลือกนอกของเมลด็ เขา้ ไปทาใหต้ ้นอ่อนเจรญิ เติบโตราก แมลงทาลายไดร้ บั แสงแดดสม่าเสมอ 2. คว่ันกง่ิ ระหวา่ งข้อเพอ่ื ตดั ท่อลาเลยี งอาหาร ทาใหอ้ าหารเลย้ี ง ของเมลด็ จะแทงออกมาไดง้ ่าย จากนน้ั เมลด็ จะเรม่ิ พองตัวและมแี รงดนั ภายในมากขึน้ นจนทาให้ เฉพาะก่งิ ทต่ี อนและเกดิ รากบรเิ วณรอยคว่นั เปลอื กเมลด็ แตกออก ตน้ ออ่ นก็จะเจรญิ ออกมานอกเมล็ด 3. ทาฮอรโ์ มนเรง่ รากบริเวณรอยควน่ั 4. ห้มุ ก่งิ ตอนด้วยดนิ และวัสดุทเี่ กบ็ ควรชมุ่ ชืน้ ไดด้ ี เชน่ กาบ 2. แกส๊ ออกซเิ จน ขณะท่เี มลด็ เร่มิ งอกจะตอ้ งการออกซิเจนในปริมาณมากเพือ่ มะพรา้ วผ้ากระสอบ ป่าน รากผกั ตบชวาพนั หรือหุม้ กิ่งให้แนน่ นาไปใช้ในกระบวนการหายใจ และสร้างพลงั งานมาใชใ้ นการเจรญิ เติบโตของต้นออ่ น พอสมควรอยา่ ให้หมนุ ไปมาไดง้ ่ายพยายามให้กลางกระเปาะวัสดุท่ี หุ้มอยู่ตรงบริเวณท่ีจะออกรากดว้ ย 3. อณุ หภูมิท่ีเหมาะสม เมล็ดจะเจรญิ งอกงามไดด้ ีในทที่ ่มี ีอณุ หภูมิประมาณ 20-30 องศา 5. รักษาความชุ่มชืน้ อย่เู สมอ โดยการฉีกน้าเขา้ ไปในกระเปาะที่ เซลเซียสทง้ั น้ีเพราะอุณหภูมทิ เ่ี หมาะนจ้ี ะชว่ ยทาให้เอนไซม์ยอ่ ยอาหารในเอนโดสเปรมิ ์ได้อยา่ งเตม็ ท่ี หุ้มกระเปาะประมาณ 5-7 คร้งั / วัน 6. ตัดกงิ่ ตอนปลูกในกระถางเลีย้ งไวจ้ นกระท่งั เห็นว่ากง่ิ ตอนแข็งแรง 4. อาหาร แหลง่ อาหารของเมลด็ ที่งอกใหม่ๆจะอยทู่ ีเ่ อนโดสเปริ ม์ หรอื ใบเลีย้ ง จงึ นาไปปลูกในบรเิ วณที่กาหนด การขยายพนั ธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศ พชื ทน่ี ิยมใช้ขยายพันธุด์ ว้ ยการตอนก่งิ เชน่ มะม่วง ลาไย ลิน้ จี่ สม้ เขียวหวาน สม้ โอ กระท้อน กหุ ลาบ การขยายพันธแ์ุ บบไม่อาศัยเพศ เปน็ วิธีการนาเอาสว่ นตา่ งๆ ของพืชเชน่ ลาต้นใต้ดินของ ละมุดเปน็ ต้น ข่า ไหลของใบบัวบก รากของกระชาย ใบของเศรษฐเี งินหมนื่ นอกจากนยี้ ังมกี ารขยายพันธ์ุพืช โดยการ การตอน การปกั ชา การติดตาการต่อกง่ิ การทาบกิ่งวิธกี ารดังกลา่ วเป็นการดารงลักษณะ ท่ดี ีของพืชนนั้ ไว้ ภาพ การขยายพันธแุ์ บบไม่อาศยั เพศ

การปักชา เทคโนโลยชี วี ภาพในการเพ่มิ ผลผลติ พืช เป็นการทาให้กิง่ หรอื ตน้ พชื ปจั จุบนั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยมี ีความเจรญิ กา้ วหน้ามากนักวิทยาศาสตรไ์ ด้มกี ารนาเอา เกดิ รากหลงั จากทตี่ ัดกง่ิ หรือ ต้นออกจากตน้ แม่แล้วการ เทคโนโลยชี วี ภาพเข้ามาชว่ ยในการขยายพนั ธุ์ และปรับปรุงพนั ธุพ์ ืชเพ่ือเป็นการเพม่ิ ผลผลติ ปกั ชามขี น้ั ตอนดังน้ี พืช และปรับปรงุ คณุ ภาพของผลผลติ ทางการเกษตรใหไ้ ด้คุณลกั ษณะตามทมี่ นุษย์ตอ้ งการ 1. เลอื กกิง่ ทม่ี ีตาและ เทคโนโลยชี วี ภาพ(Biotechnology) คือการนาเอาสิ่งทมี่ ีชวี ิตหรอื ชนิ้ ส่วนของสิง่ มีชีวิตได้แก่ พืชสตั ว์ ใบเพราะใบชว่ ยสรา้ งอาหารและฮอร์โมนชว่ ยในการออกรากใหแ้ กก่ ง่ิ ปักชา หรือจุลินทรีย์ มาทาใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงโดยใชค้ วามรูห้ รือเทคนิควธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ กระบวนการทางชีววทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ ผลิตสง่ิ ต่าง ๆที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ มนษุ ย์ 2. จดั วางกง่ิ ปักชาให้ถกู ตอ้ งตามหัวทา้ ยของกง่ิ ถ้าวางกลับทิศทางจะทาใหก้ ิ่งไมเ่ กดิ รากและไม่ เกดิ ยอด เทคโนโลยีชวี ภาพแบง่ ออกเปน็ 2 แบบกวา้ ง ๆคือ 1. เทคโนโลยีชีวภาพแบบดง้ั เดมิ เปน็ เทคโนโลยีชีวภาพที่มนษุ ยร์ ู้จกั กันมานานไมต่ อ้ งใชเ้ ทคนคิ วิธี การ 3. ทาแผลโคนก่งิ เพือ่ ใหก้ ิง่ มีเนื้อท่ที จ่ี ะเกดิ รากได้มากขึน้ 4. ทาหรือนาก่งิ จ่มุ ฮอรโ์ มนและสารกระต้นุ บางอยา่ งชว่ ยในการเกิดราก ทางวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการทางชวี วทิ ยาชน้ั สงู มากนกั เช่น การใช้ประโยชนจ์ ากจลุ นิ ทรยี ์ในกระบวนการ 5. นากิ่งไปปกั ชาในวัตถทุ ี่เตรยี มไว้ ทางชวี วิทยาในการหมักดองอาหารและการผลติ ปุ๋ยหมกั การใชส้ ่ิงมชี ีวติ ในการควบคุมกาจัดศัตรพู ืช การเพาะเลยี้ ง 6. รักษาความชืน้ และแสงสว่างทว่ี างก่ิงปักชา เน้อื เยือ่ เปน็ ตน้ 7. ดแู ลรดน้าใหช้ ุ่มจนกวา่ จะเกิดราก 2. เทคโนโลยชี วี ภาพสมยั ใหม่ เป็นเทคโนโลยีชีวภาพทต่ี อ้ งใชค้ วามรู้ทางดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคนคิ วิธกี าร พืชที่นิยมใช้ขยายพนั ธดุ์ ้วยการปักชาไดแ้ ก่ พชื ประเภทดอกไม้ประดับและผลไม้ เชน่ ออ้ ย พลู ทางชวี วทิ ยาชนั้ สงู เนื่องจากเก่ยี วขอ้ งกับการตดั แต่งสารพันธกุ รรมเพื่อกอ่ ใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงทางพนั ธกุ รรมเพอ่ื ดา่ ง โป๊ยเซยี น มะนาว ก่อให้เกิดการเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมในส่ิงมชี ีวติ ตัวอยา่ งเทคโนโลยีชวี ภาพสมยั ใหมไ่ ดแ้ ก่ การโคลนน่ิง การตัด ต่อจนี ในสง่ิ มชี วี ิตเปน็ ต้น นอกจากการตอนกิ่ง และการปักชาแลว้ ยงั มกี ารขยายพนั ธุ์พืชโดยใชก้ ารเชื่อมสว่ นของ ตน้ พืชเข้าด้วยกนั เพ่อื ให้สว่ นของพืชน้นั ๆติดกนั และเจรญิ ต่อไปเหมอื นกับเปน็ ตน้ พชื ต้น สาหรับเทคโนโลยีชีวภาพทใ่ี ช้ในการขยายพันธแุ์ ละปรับปรงุ พนั ธพ์ุ ชื ในปัจจบุ นั ซง่ึ เปน็ ท่รี จู้ กั กนั ดี ไดแ้ กก่ าร เดยี วกัน ส่วนของตน้ พืชทต่ี อ่ อยู่ทางสว่ นบนหรอื ทาหน้าทเ่ี ป็นราก เรียกวา่ ก่งิ พันธุด์ ี และสว่ น เพาะเลี้ยงเนื้อเยอ่ื และ GMOs ของพืชท่ีตอ่ อยูท่ างส่วนลา่ งหรือทาหนา้ ท่ีเปน็ ราก เรียกวา่ ตน้ ตอ วิธกี ารนี้แบ่งออกเปน็ 3 วธิ ี คอื การติดตา การต่อก่ิง และการทาบก่ิง พชื ท่นี ิยมใชข้ ยายพันธพ์ุ ชื ดว้ ยวิธนี ้ี ไดแ้ ก่ มะมว่ ง การเพาะเลี้ยงเนอื้ เยือ่ สม้ เขียวหวาน กหุ ลาบพุทธา ขนนุ เปน็ ตน้ การเพาะเลย้ี งเนอ้ื เย่อื เป็นเทคโนโลยกี ารขยายพันธพ์ุ ชื เพ่ือใหไ้ ดจ้ านวนมากในระยะเวลาอนั สนั้ โดยเปน็ การเพาะเลยี้ งส่งิ มชี ีวิตเฉพาะส่วนเท่านัน้ ไมใ่ ืชพ้ ชื ท้ังตน้ การเพาะเลย้ี งเนื้อเยอ่ื พืช ทา โดยนาเอาเน้อื เยื่อของพชื ในสว่ นทก่ี าลงั เจริญเติบโตอยา่ งรวดเร็ว เช่น ทปี่ ลายยอดออ่ น ตาขา้ ง ดอก ใบ เนื้อเย่ือหรอื สว่ นประกอบของพชื ที่เปน็ เน้ือเยอ่ื เจรญิ มาเพาะเลย้ี งในอาหารสังเคราะห์ทีอ่ ยู่ ในสภาวะปลอดเชื้อซึง่ เปน็ อาหารท่เี น้ือเย่ือนัน้ ตอ้ งการ พร้อมทั้งสารท่กี ระตนุ้ โดยจดั และควบคุม สภาพแวดลอ้ มใหอ้ ยใู่ นสภาพที่ปลอดเชื้อ มีอุณหภมู ิ ความชน้ื และแสงสว่างทตี่ ้องเอื้อตอ่ ชิน้ สว่ นของ พืชจะเจริญเตบิ โตได้

การเจริญเติบโตของเนอื้ เยอ่ื น้นั ๆ ทาให้เซลล์ของพืชแบง่ ตัวเพม่ิ จานวนมากมายเปน็ กลุ่ม GMOs (Genetic Modified Organism) เซลล์ท่ีเรียกว่า แคลลัส(Callus) เราจงึ สามารถบงั คบั ให้เนือ้ เยือ่ น้ีเจรญิ เติบโตขน้ึ เปน็ ต้นออ่ น ได้เมื่อมีสภาวะท่เี หมาะสมและแบ่งเนอ้ื เยอ่ื เทคโนโลยีชีวภาพสมยั ใหม่ท่กี าลงั เปน็ ท่ีสนใจในปัจจุบันได้แกก่ ารใช้วิธที างพนั ธวุ ศิ วกรรม เหลา่ นีไ้ ปเลี้ยงในอาหารใหม่จนเจรญิ เตบิ โตเป็นต้นใหมจ่ านวนมากมายตามต้องการ วิธนี ้ีใช้กันมาก ในการกระจายพนั ธุพ์ ืชบางชนิดทีม่ คี วามสาคัญทางเศรษฐกจิ เชน่ กลว้ ยไม้ หนา้ ววั ต้นสัก หวาย โดยการตดั ตอ่ จีน (Gene)ท่ีเรยี กวา่ GMOs เป็นการดัดแปลงสารพนั ธกุ รรมหรอื การตดั แตง่ กลว้ ย ขา้ วเป็นตน้ จีน โดยการตดั เอาชิน้ สว่ นของจนี ที่ต้องการของพชื สัตว์ หรอื จุลินทรีย์ไปใส่ในโครโมโซม การเพาะเลี้ยงเนอื้ เย่อื มปี ระโยชนต์ อ่ การปรับปรงุ พนั ธุ์ เพือ่ ให้พืชผลติ สารสาคัญบางชนดิ เช่น ยารักษาโรคหรอื เพอ่ื ใหไ้ ดพ้ ืชท่มี ลี กั ษณะพึงประสงค์ เช่นการใช้สารเคมหี รือรังสี ชกั นาให้ ภายในเซลลข์ องพชื เพือ่ ใหเ้ กิดเซลลใ์ หมแ่ ล้วนาเซลล์ใหม่ไปเพาะเลีย้ งจะได้พันธพ์ุ ชื ทีม่ ีจีนซ่ึงมี พชื ทเ่ี พาะเลย้ี งเน้อื เยอื่ ไวเ้ กดิ การกลายพันธซ์ุ ง่ึ อาจทาให้ไดด้ อกหรอื ผลที่มขี นาดใหญ่ขึน้ คุณสมบัติตามทตี่ ้องการ เชน่ คณุ สมบตั ใิ นการตา้ นทานตอ่ สารเคมี คุณสมบตั ิในการตา้ นทานแมลง เป็นตน้ พืชที่ไดเ้ รียกว่าพชื จาลองพนั ธุ์ พืชท่นี ามาใชใ้ นการตดั แตง่ จนี ในปจั จบุ ัน ได้แก่ ฝ้าย มะเขือ เทศมะละกอถว่ั เหลือง ข้าวโพดเป็นต้น จะเหน็ วา่ การนาเอาเทคโนโลยชี วี ภาพมาใชใ้ นการขยายพนั ธแ์ุ ละปรบั ปรุงพันธพุ์ ชื นั้น เราสามารถ คดั เลือกพนั ธุ์โดยเจาะจงไปทจี่ ีนที่ต้องการโดยตรงโดยไมต่ ้องผสมพนั ธ์กุ ่อนแลว้ คัดเลอื กลูกผสมที่มลี ักษณะตามท่ี ต้องการภายหลงั ซึ่งเป็นวธิ ที ตี่ อ้ งใช้เวลานานดังน้ัน การนาเอาเทคโนโลยชี ีวภาพมาใชก้ ับพชื จงึ สามารถกาหนด คณุ สมบัติของพชื ไดต้ ามทเี่ ราตอ้ งการ ทาใหไ้ ด้ประโยชน์ มากมายตามมา อาจกลา่ วถึงประโยชน์ของการนาเอาเทคโนโลยชี วี ภาพมาใชใ้ นการขยายพนั ธแุ์ ละปรับปรงุ พนั ธพุ์ ชื โดยสรปุ ดงั น้ี 1. ทาใหไ้ ดพ้ นั ืธพุ ืชทีม่ คี ุณสมบัตติ า้ นทานสารเคมี ชว่ ยลดการใช้สารเคมที าใหป้ ระหยดั ต้นทนุ และยังช่วย รกั ษาสภาพแวดลอ้ มอีกดว้ ย 2. ทาใหเ้ กดิ พนั ธุ์พชื ท่ตี า้ นทานแมลง ช่วยลดการใชส้ ารเคมี ประหยดั ต้นทุนและรักษาสภาพแวดลอ้ ม เช่ น ฝ้าย มะเขอื เทศ เปน็ ต้น 3. ผลผลติ ท่ีเกบ็ เกีย่ วสามารถเกบ็ รกั ษาไดน้ าน เนือ่ งจากมีคณุ สมบตั ใิ นการสกุ งอมชา้ จงึ ขนสง่ ได้ไกลโดยไม่ เน่าเสยี เช่น กลว้ ย มะเขือเทศ เป็นต้น 4. ทาให้ไดพ้ นั ธพุ์ ืชทีต่ า้ นทานต่อโรคท่ีเกดิ จากเชอื้ ไวรัส เชือ้ รา และแบคทเี รยี ทาให้ผลผลติ มีคณุ ภาพดีย่ิงขึน้ 5. ทาใหไ้ ดพ้ นั ธ์ุพชื ทใ่ี หผ้ ลผลติ จานวนมากและเจรญิ เตบิ โตได้ดใี นสภาพแวดลอ้ มท่ีไมเ่ หมาะสม แม้ว่าการนาเทคโนโลยีชวี ภาพมาใชใ้ นการขยายพันธุ์ และปรบั ปรงุ พนั ธ์พุ ืชจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ จาเปน็ ต้องคานงึ ถึงผลกระทบทจี่ ะเกดิ ข้นึ ในอนาคตด้วย เช่น พืชชนิดหนึ่งมกี ารตดั แต่งจีนให้มคี วามทนทานต่อ สารกาจัดวชั พชื ลักษณะของพชื น้ีอาจจะแพรก่ ระจายไปส่พู ชื หรอื จลุ นิ ทรีย์อืน่ ทาใหเ้ กดิ การด้ือตอ่ สารกาจดั วชั พืชหรือ จลุ นิ ทรีย์อ่ืน ทาให้เกดิ การด้อื ตอ่ สารกาจดั วชั พชื นนั้ ไปดว้ ยหรือการใชพ้ ชื พนั ธ์ใุ หมท่ ต่ี ัดแต่งจนี ทาให้พชื พันธด์ุ ัง้ เดิมสูญ พันธ์ุไป สิง่ ทเ่ี กดิ ขึ้นเหลา่ นีเ้ ป็นสง่ิ ทน่ี ักวทิ ยาศาสตร์จาเปน็ ต้องคานงึ ถึงเป็นอยา่ งยง่ิ ดงั นนั้ การนาเทคโนโลยชี ีวภาพ มาใืชใ้ นการขยายพนั ธุแ์ ละปรบั ปรงุ พนั ธพ์ุ ชื จงึ ตอ้ งนามาใชอ้ ยา่ งรอบคอบและระมัดระวงั เพ่ือปอ้ งกนั ผลเสยี และปญั หา ทจ่ี ะตามมาในอนาคต

ปัจจบุ ันเทคโนโลยีชวี ภาพไดเ้ ขา้ มบี ทบาท และสามารถตอบสนองความตอ้ งการของมนษุ ยไ์ ด้มากขน้ึ เพราะ การแยกหนอ่ เปน็ การขยายพันธ์ุสาหรับพชื ทม่ี ีหนอ่ หรือมีลาตน้ ใต้ดิน โดยแยกหนอ่ ทีเ่ กดิ รอบๆ ต้นแม่ และต้องระวงั นอกจากการนาเทคโนโลยีชีวภาพมาใชป้ ระโยชนใ์ นการขยายพนั ธแุ์ ละปรับปรุงพนั ธพ์ุ ชื แล้วยังสามารถนามาใช้ใน ในการขุดหรือตัดแยกอยา่ ให้หนอ่ หักหรอื ชา้ และตอ้ งมรี ากติดมาดว้ ยเสมอ พืชที่นิยมขยายพนั ธดุ์ ้วยวิธนี ี้ ไดแ้ ก่ พชื ดา้ นอ่นื ๆ อกี มากมาย เชน่ ตระกูลหมาก ตระกูลปาล์ม และตระกูลกลว้ ย เป็นต้น การเกษตร เราสามารถพฒั นาและปรบั ปรุงพันธุ์พชื เพอื่ ให้ไดค้ ุณลกั ษณะของพชื ทด่ี ตี ามทม่ี นษุ ยต์ ้องการเช่น การแยกหนอ่ เป็นการขยายพนั ธุ์สาหรบั พชื ทมี่ ีหนอ่ การปรบั ปรงุ พันธพ์ุ ืชท่มี ลี ักษณะทนตอ่ ความแหง้ แลง้ ได้ดสี ามารถปลูกในทท่ี ีข่ าดน้าซ่งึ เป็นการปรบั ปรุงพันธพุ์ ชื ใหม้ ี หรอื มีลาตน้ ใต้ดนิ โดยแยกหน่อทเ่ี กดิ รอบๆ ต้นแม่ ความสามารถในการเจรญิ เตบิ โตในสภาพแวดล้อมทีไ่ มเ่ หมาะสม นอกจากนยี้ ังสามารถนามาปรับปรงุ คุณภาพ และต้องระวังในการขุดหรือตดั แยกอยา่ ให้หนอ่ หกั ผลผลติ ทางการเกษตร เช่น สี และขนาด รวมถึงรูปรา่ งผลผลิต เพอ่ื ให้ไดค้ ุณภาพตามทต่ี อ้ งการไดอ้ ีกด้วยเชน่ หรือชา้ และตอ้ งมรี ากตดิ มาดว้ ยเสมอ พืชทนี่ ยิ ม การปรบั ปรุงพันธุ์มะเขอื เทศใหม้ ีสีแดงสดและมปี รมิ าณเนอื้ มะเขอื เทศสูงเปน็ ต้นนอกจากนีย้ งั ทาใหส้ ามารถเกบ็ รกั ษา ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยวธิ นี ี้ ได้แก่ พืชตระกูลหมาก ตระกลู ผลผลิตใหอ้ ยไู่ ด้นานเนอ่ื งจากการสกุ งอมช้า สามารถสง่ ไปขายไดไ้ กลโดยไม่เน่าเสีย เช่น มะเขือเทศท่ยี ดื อายกุ าร ปาล์ม และตระกลู กลว้ ย เป็นตน้ สกุ งอมเป็นตน้ เป็นการสร้างมลู ค่าเพิ่มของสนิ คา้ เกษตรได้ เน่ืองจากสามารถยดื ระยะเวลาไม่ใหเ้ กิดความเสียหายใน การขนสง่ ระยะทางไกลได้ การตดั ชา เป็นการขยายพนั ธโ์ุ ดยนาเอาส่วนของพชื ท่ีมี ความสามารถในการเกดิ รากและเจรญิ เตบิ โตเป็นต้นใหม่ อตุ สาหกรรม เทคโนโลยชี วี ภาพถูกนามาใชใ้ นด้านอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดมื่ ประเภทแอลกอฮอล์โดย ได้ การขยายพนั ธโ์ุ ดยการตดั ชานี้มอี ยู่ 3 วธิ ี คือ การตัดชากิง่ หรือลาต้น โดยกง่ิ ท่จี ะชานั้นตอ้ งเปน็ กิ่งทไี่ มแ่ กแ่ ละไม่ อาศยั หลกั การทางานของจลุ ินทรียใ์ นการเปล่ยี นแปง้ และนา้ ตาลให้เปน็ ผลิตภัณฑท์ ่ีตอ้ งการ เรยี กกระบวนการนว้ี า่ ออ่ นจนเกินไป อกี วิธีหน่งึ คือ การตัดชาใบโดยใช้สว่ นต่างๆ ของใบ เช่น แผ่นใบ ส่วนของใบ ใบทม่ี ีตาติด และก้านใบ การหมกั ดอง เช่น ไวน์ เบยี รเ์ กิดจากการหมักแปง้ และน้าตาลด้วยยสี ต์ เปน็ ตน้ นิยมใช้กบั พืชทมี่ ีใบใหญ่ หนา หรืออวบน้า และวิธตี ้ดชาอกี วธิ ีหนงึ่ คอื การตดั ชาราก สามารถทาได้กบั พชื บางชนิด เท่าน้ัน เชน่ สน โดยรากท่ีจะนามาตัดชาต้องเป็นรากทส่ี มบรู ณ์ไมม่ ีโรคและแมลงรบกวน การผลติ อาหาร ปัจจบุ นั เทคโนโลยีชวี ภาพมบี ทบาทสงู มากในการยกระดับมาตรฐานการผลติ อาหารใหม้ ี คุณภาพสูงขึ้น การนาผลิตภณั ฑจ์ ากพืชจาลองพนั ธม์ุ าใชเ้ ป็นวตั ถดุ บิ ในการผลติ อาหารจะชว่ ยให้ได้คุณภาพของ อาหารตามที่มนษุ ยต์ อ้ งการเนอ่ื งจากสามารถเพม่ิ ปรมิ าณสารประกอบทีต่ ้องการได้เช่น การผลิตอาหารเพ่อื เพมิ่ วติ ามนิ หรอื เอนไซม์ชนดิ ตา่ ง ๆเพื่อให้อาหารมีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น เปน็ ต้น การแพทย์ เทคโนโลยชี ีวภาพทน่ี ามาใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นการแพทย์ คอื การผลิตยาปฏชิ วี นะซึ่งเปน็ สารออก ฤทธ์ขิ ดั ขวางการเจริญเตบิ โตของจุลนิ ทรีย์ทท่ี าใหเ้ กดิ โรค นอกจากนี้เทคโนโลยีชวี ภาพยงั ชว่ ยใหส้ ามารถผลิตวคั ซีน ใชส้ าหรับปอ้ งกันโรคไดอ้ ีกด้วย ตวั อย่างผลผลิตของเทคโนโลยชี ีวภาพทรี่ ู้จกั กันดี ได้แก่ อินซูลิน ซึง่ เปน็ สารควบคมุ ปริมาณนา้ ตาลในเลอื ดใชร้ ักษาผ้ปู ว่ ยทเี่ ป็น โรคเบาหวานเปน็ ต้น การเพาะเมลด็ เป็นการขยายพนั ธทุ์ ีง่ า่ ยและประหยดั ทีส่ ดุ แตก่ อ่ นที่จะเพาะเมล็ดน้ันจะต้องร้วู า่ เมล็ดทีจ่ ะเพาะมี การพักตัวหรือไม่ เปลอื กเมล็ดหนาหรอื บาง เมล็ดพืชแต่ละชนดิ มีอายุการงอกแตกต่างกนั วัสดุที่ใชเ้ พาะเมล็ดต้องมี ความร่วนซุยและอุ้มนา้ ไดด้ ี โดยสว่ นมากใช้วสั ดุเพาะทมี่ สี ่วนผสมของทราย+ขเ้ี ถา้ แกลบ+ดนิ รว่ น อตั ราสว่ น 1:1:1 ใส่ ในกระบะเพาะ เมื่อเมลด็ งอกจนมใี บจรงิ แล้วจงึ ยา้ ยปลกู ลงกระถางหรือถงุ พลาสติกตอ่ ไป พชื ที่นิยมขยายพนั ธดุ์ ว้ ยวธิ ี น้ี ได้แก่ พชื ตระกูลหมาก ตระกลู ปาลม์ เป็นต้น

การปกั ชา การปักชาเป็นการขยายพันธพ์ุ ชื โดยการตดั เอากง่ิ ท่ีค่อนขา้ งอ่อน ทมี่ ีตาอยดู่ ้วยมาปกั ชา ลงใน การตอ่ ก่ิง เปน็ การขยายพันธ์ทุ ม่ี ผี ลทาให้ได้ต้นพันธดุ์ เี พ่ิมขนึ้ โดยการตดั ยอดของพืชพันธ์พ้นื เมอื ง ซึง่ เปน็ ทรายหรอื ดิน ทม่ี ีความชื้นพอสมควรหรอื ในนา้ รอจนเกิดรากแตกออกมาจากกง่ิ ในส่วนทป่ี กั ลงไปในดนิ แล้วจงึ นากิ่ง ตน้ ทีห่ ากนิ เก่งแตผ่ ลผลิตไมม่ ี เพือ่ ใชเ้ ป็นต้นตอ โดยบากเป็นรูปปากฉลาก จากนัน้ นายอดพนั ธด์ุ ี มาตอ่ เขา้ กับรอยบาก นั้น ไปปลูก การขยายพันธโ์ุ ดยใชว้ ธิ กี ารปกั ชาจะให้ดอกผลเรว็ กวา่ การเพาะดว้ ยเมลด็ แต่ใช้ไดก้ ับพืชบางชนิด พชื ท่ี ของตน้ ตอพนั ธพ์ุ นื้ เมืองให้สนทิ จากนน้ั ใชพ้ ลาสติกตรงรอยตอ่ ให้แน่น รอจนเนือ้ เย่อื ของพืชทั้งสองประสานกนั กจ็ ะ นิยมขยายพนั ธ์ุ โดยการปกั ชา ได้แก่ พรู่ ะหง ชบา พลูดา่ ง ไผ่ และอ้อย ได้พชื พนั ธุ์ใหมต่ ามต้องการ การโนม้ กง่ิ หรอื ทับกิ่งเป็นการขยายพนั ธพ์ุ ืชทนี่ ยิ มทากับไม้ล้มลกุ หรอื ไมพ้ ุ่มทกี่ ง่ิ ไมแ่ ขง็ เกนิ ไป เช่น มะลิ พลู องนุ่ โดยเลอื กกง่ิ ทตี่ ้องการแลว้ ใช้มีดบากหรือควน่ั เปลือกไมท้ ใี่ ตต้ าออก โนม้ ก่งิ จากตน้ เดมิ ลงกับดิน ใชด้ นิ กลบทบั รอยบากโดยให้ยอดโพล่พน้ ดิน รดน้าใหช้ มุ่ อยู่เสมอจนเกิดราก แลว้ จงึ ตัดส่วนท่มี รี ากไปปลกู การขยายพันธโ์ุ ดยใช้ วธิ กี ารโน้มกงิ่ กจ็ ะใหด้ อกผลเร็วเหมอื นกับวธิ กี ารปกั ชาเช่นเดยี วกนั การตดิ ตา เป็นการขยายพนั ธใุ์ ห้ไดพ้ ชื พนั ธ์ทุ ดี่ ี วธิ ีน้จี ะใชต้ น้ ไม้ 2 ตน้ ตน้ หน่งึ เป็นตน้ ตอของพนั ธุ์ พ้ืนเมอื ง อกี ตน้ หนงึ่ เป็นตน้ ตอของพนั ธพุ์ ืน้ เมือง อีกตน้ หนงึ่ เป็นต้นพันธดุ์ ี จากนน้ั เฉอื นตาของตน้ พนั ธดุ์ มี าติด บนต้น ตอ พนั ธเ์ุ มอื งโดยใช้มดี คม ๆ กรีดต้นตอให้เป็นรูปตวั ที(T) ใช้ปลายมีดเปดิ เปลือกไม้เฉอื นตา จาก ก่ิงพันธด์ุ นี ามาเสยี บ เข้าไปในกรดี พันดว้ ยพลาสตกิ ให้แน่นโดยเปิดสว่ นของตาไว้ เมอื่ ตาตดิ กับ ตน้ พันธ์พุ น้ื เมือง แลว้ จะแล้วจะแตกกงิ่ กา้ น ออกมา จงึ ตัดยอดของตน้ ตอทิ้ง พืชทน่ี ยิ มติดตามักเป็นไมเ้ นอ้ื ออ่ นจาพวกใบเลยี้ งคู่ เช่น กุหลาบ ชบา โกสน เล็บครุฑ การทาบกิ่ง เปน็ การขยายพนั ธุโ์ ดยนาตน้ ตอมาปลูกในถงุ พลาสตกิ เม่อื โตได้ขนาดนาไปทาบ กบั กง่ิ พันธุ์ดี ทมี่ ีขนาดไลเ่ ลย่ี กนั โดยเฉือนเอาเปลือกดา้ นทหี่ นั เขา้ หากันออกทัง้ 2 กงิ่ แล้วนามาทาบตดิ กนั ใช้ผา้ พลาสตกิ พนั ให้ แนน่ ทิง้ ๆไวป้ ระมาณ 2 - 3 สัปดาห์จนเนื้อเย่ือของก่งิ ทงั้ 2 ประสานกนั เป็นเนือ้ เดียวกนั จากนน้ั ตัดสว่ นลา่ ง ของต้น พนั ธดุ์ ีออกแลว้ นาตน้ พนั ธพุ์ ้ืนเมอื งทม่ี ยี อดเป็นตน้ พันธด์ุ ีไปปลูก มกั นิยมทากบั ไม้ผลจาพวกใบเล้ยี งคู่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook