Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ที่สุดเเห่งธรรมถึงได้ด้วยความเคารพ 3

ที่สุดเเห่งธรรมถึงได้ด้วยความเคารพ 3

Published by Pareploy, 2021-01-10 07:24:01

Description: หลวงพ่อทัตตชีโว

Keywords: religion

Search

Read the Text Version

วตั ถปุ ระสงค์ของพระธรรมวนิ ัย ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วไวใ้ นขา้ งตน้ วา่ กอ่ นทจี่ ะเสดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน 89 พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ มไิ ดท้ รงแตง่ ตง้ั พทุ ธสาวกรปู ใดเปน็ ศาสดาแทน พระองค์ แต่ไดต้ รัสพทุ ธพจนน์ ี้ในมหาปรนิ พิ พานสตู รแกพ่ ระอานนท์ วา่ “ธรรมและวนิ ยั ทเ่ี ราแสดงแลว้ บญั ญตั แิ ลว้ แกเ่ ธอทงั้ หลาย หลงั จากเราลว่ งลับไปก็จะเปน็ ศาสดาของเธอทง้ั หลาย”๓๓ พระธรรม คือ ค�ำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่าด้วย ความจริงท่ีมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ซึ่งความจริงเหล่านั้น แท้ท่ีจริง กม็ ปี รากฏอยเู่ กา่ กอ่ นแลว้ เพยี งแตต่ อ้ งอาศยั ญาณทสั สนะอนั บรสิ ทุ ธ์ิ ของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ในการไปรเู้ หน็ และนำ� มาเปดิ เผยแกช่ าวโลก เราสามารถแบง่ พระธรรมออกไดเ้ ป็น ๓ สว่ น ไดแ้ ก่ พระธรรมส่วนที่ ๑ คือ หลักความจริงตามธรรมชาติของ สรรพสงิ่ ทัง้ ปวง เชน่ เมอื่ มกี ารเกิด กต็ ้องมกี ารแก่ การเจ็บและการ ตาย แมช้ วี ติ หลงั ความตายกย็ งั คงมภี พชาตเิ บอ้ื งหนา้ ทงั้ ฝา่ ยสคุ ตแิ ละ ทุคตริ ออยู่ พระธรรมสว่ นที่ ๒ คอื กฎแหง่ ความจรงิ ท่คี วบคมุ สรรพสง่ิ จงึ บง่ ชชี้ ดั ลงไปไดว้ า่ อะไรดอี ะไรชวั่ อะไรถกู อะไรผดิ อะไรเปน็ ประโยชน์ อะไรไมเ่ ปน็ ประโยชน์ กฎแหง่ ความจรงิ เหลา่ น้ี มผี ลเปน็ ความสขุ และ ความทกุ ข์ ตอ่ ตวั ผปู้ ฏบิ ตั เิ อง เชน่ กฎแหง่ กรรม กฎไตรลกั ษณ์ เปน็ ตน้ ๓๓ ท.ี ม. ๑๐/๒๑๖/๑๖๔ (แปล.มจร) สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

พระธรรมส่วนท่ี ๓ คือ หลักการและวิธีการปฏิบัติให้ใจ สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อบรรลุความจริงของสรรพสิ่งท่ีเรียกวา่ อรยิ สจั ๔ เป็นผลให้พ้นทุกข์และพบกับความสุขที่แท้จริง เช่น สติปัฏฐาน ๔ อนิ ทรยี ์ ๕ พละ ๕ อริยมรรคมีองค์ ๘ เปน็ ต้น๓๔ พระวินัย คือ ค�ำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่ีเป็น ระเบยี บ ข้อบญั ญตั ิ ขอ้ ห้าม ขอ้ บงั คับ เปน็ หลักปฏิบตั ิให้กายและ วาจาเกิดความสะอาด สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ระดับ กลา่ วคือ ระดบั ศีลเบอื้ งต้น อันได้แก่ ศลี ๕ ศลี ๘ หรือศีล ๑๐ ระดบั วนิ ัยของพระภิกษุ ซง่ึ พระอรรถกถาจารยท์ ่านใชค้ �ำวา่ อธิสีลสิกขา อนั ได้แก่ ศลี ๒๒๗ สิกขาบทของพระภกิ ษุ หรอื ศีล ๓๑๑ สกิ ขาบทของพระภกิ ษณุ ี๓๕ ทีว่ า่ ด้วย ๑) แบบแผนการดูแลความสะอาดและจัดระเบียบ ท้ัง ร่างกาย วัตถุส่ิงของ บริขาร เสนาสนะ ส่ิงแวดล้อม เพื่อให้บังเกิด ความสบายกาย ๒) แบบแผนความประพฤติ ท่ีต้องฝึกฝนอบรมให้ยิ่งข้ึน ไป เพื่อให้กายและวาจาสะอาด เป็นบาทเบ้ืองต้นของการฝึก สติสมั ปชญั ญะและสมาธิ เพื่อรองรบั การปฏิบัตธิ รรมข้นั สูงต่อไป ๓๔ ศกึ ษาเพิ่มเตมิ เก่ียวกับ พระธรรม ได้ใน พระเผดจ็ ทตตฺ ชีโว. ทส่ี ุดแหง่ ธรรมถงึ ได้ด้วยความเคารพ ตอน ธมั มคารวตา. (ปทุมธาน:ี กองวชิ าการ อาศรมบัณฑติ มลู นิธธิ รรมกาย. ๒๕๖๒) ๓๕ ว.ิ ม.อ. ๑/๗๗๖ (แปล.มมร) 90 ท่สี ุดแหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

พระธรรมวนิ ัย คอื หลักการและระเบยี บปฏบิ ัติ เพ่อื ช�ำระกาย วาจา และใจ ให้สะอาดบรสิ ุทธ์จิ นกระทั่งหลดุ พน้ จากกเิ ลสอาสวะไดใ้ นทสี่ ดุ เมื่อเราน�ำ วัตถุประสงค์ของพระธรรมวินัย มาวางคู่กับ อานสิ งสข์ องการบวชเขา้ มาในพระพทุ ธศาสนา และ ขอ้ ปฏบิ ตั ขิ อง พระภิกษุในการฝึกฝนอบรมตนเอง ที่ปรากฏในสามัญญผลสูตรจะ พบวา่ ๑. การปฏิบัติตามพระธรรม คือ ส�ำรวมอินทรีย์ ประกอบ ด้วยสติสมั ปชัญญะ มคี วามสันโดษ ละนวิ รณ์ ๕ เข้าถงึ ฌานสมาบัติ บรรลวุ ชิ ชา ๘ อนั มอี าสวกั ขยญาณเปน็ ทสี่ ดุ ซงึ่ เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ขิ องพระ ภิกษุในการฝึกฝนอบรมตนเอง โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ใจสะอาด บริสุทธิ์ผดุ ผอ่ ง ปราศจากความเศร้าหมอง น่มุ นวล สงบระงับจาก กิเลสอาสวะทั้งหลายไปตามล�ำดับ แต่สามัญญผลท้ัง ๓ ระดับ น้ีจะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเมื่อ มีการปฏิบัติตามพระวินยั เปน็ พื้นฐาน 92 ทีส่ ดุ แห่งธรรม ถงึ ไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

๒. การปฏบิ ตั ติ ามพระวนิ ยั คอื สำ� รวมระวงั ในพระปาตโิ มกข์ 93 อยเู่ สมอ ถงึ พรอ้ มดว้ ยมารยาทและโคจร มปี กตเิ หน็ ภยั ในโทษแมเ้ พยี ง เลก็ นอ้ ย สมาทานศกึ ษาอยู่ในสกิ ขาบททง้ั หลาย มีอาชีพบรสิ ทุ ธิ์ ถึง พรอ้ มดว้ ยศลี อนั ไดแ้ ก่ จลุ ศลี มชั ฌมิ ศลี มหาศลี เปน็ ตน้ ซง่ึ อาจจะดู เหมอื นวา่ เปน็ ขอ้ หา้ ม ขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ มากมาย จนกระทงั่ เกดิ ความอดึ อดั แตห่ ากนำ� วตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ วมากำ� กบั แลว้ จะทราบไดท้ นั ทวี า่ พระวนิ ยั ท้ังหมดท้ังปวงน้ี นอกจากจะเป็นไปเพ่ือสามัญญผลเบ้ืองต้น คือ การได้ยกตนข้ึนจากฐานะเดิมและได้รับการอุปัฏฐากจากบุคคล ทั่วไปแล้ว ยังเป็นไปเพ่ือความสะอาดกายและวาจา อนั เปน็ พน้ื ฐาน ส�ำคัญของการปฏิบัติธรรมขั้นสูงต่อไป ดังท่ีพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบค�ำถามของพระอานนท์ เก่ียวกบั ผลแหง่ ศลี ไว้ใน กมิ ัตถยิ สูตร ไว้ดงั น้ี “อานนท์ ศลี ทเ่ี ปน็ กศุ ลมอี วปิ ปฏสิ ารเปน็ ผล มอี วปิ ปฏิ สารเป็นอานิสงส์ อวิปปฏิสารมีปราโมทย์เป็นผล มีปราโมทย์ เป็นอานิสงส์ ปราโมทย์มีปีติเป็นผล มีปีติเป็นอานิสงส์ ปีติมี ปัสสัทธเิ ปน็ ผล มีปสั สทั ธิเปน็ อานิสงส์ ปัสสัทธมิ สี ขุ เป็นผล มี สขุ เปน็ อานสิ งส์ สขุ มสี มาธเิ ปน็ ผล มสี มาธเิ ปน็ อานสิ งส์ สมาธมิ ี ยถาภตู ญาณทสั สนะเปน็ ผล มยี ถาภตู ญาณทสั สนะเปน็ อานสิ งส์ ยถาภูตญาณทัสสนะมีนิพพิทาและวิราคะเป็นผล มีนิพพิทา และวิราคะเป็นอานิสงส์ นิพพิทาและวิราคะมีวิมุตติญาณ ทัสสนะเป็นผล มีวิมุตติญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์ อย่างน้ี อานนท์ ศลี ทีเ่ ปน็ กุศล ย่อมท�ำอรหัตตผลให้บริบรู ณ์โดยลำ� ดับ อย่างน้ีแล” ๓๖ ๓๖ อง.ฺ ทสก. ๒๔/๑/๓ (แปล.มจร) สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

จากพทุ ธดำ� รสั ทตี่ อบพระอานนทท์ งั้ หมดน้ี พระพทุ ธองคท์ รง ชี้ชัดว่า ศีลมีอานิสงส์มากและเป็นวัตรปฏิบัติพ้ืนฐานส�ำคัญท่ีสุดของ ทกุ ชีวติ โดยเฉพาะอย่างย่งิ พระภกิ ษสุ งฆท์ ีบ่ วชอย่างมีเปา้ หมาย เม่ือ พระภกิ ษตุ งั้ ใจรกั ษาศลี อนั เปน็ กศุ ล คอื การปฏบิ ตั ติ ามพระวนิ ยั มกี าร สำ� รวมระวงั ในพระปาติโมกข์ เป็นตน้ ย่อมท�ำให้พระภกิ ษุสงฆ์ปราศ จากอวปิ ปฏิสาร ย่อมมีอารมณด์ มี อี ารมณส์ บาย เมอ่ื พระภกิ ษุสงฆ์มี อารมณ์ดีมีอารมณ์สบายเป็นพ้ืนฐานแล้ว ย่อมสามารถปฏิบัติธรรม ให้เจริญกา้ วหน้าไปตามล�ำดบั ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ยิง่ มปี ระสบการณ์ ในการปฏบิ ตั ธิ รรมไดก้ า้ วหนา้ รวดเรว็ ยอ่ มจะมคี วามสขุ ใจและเลง็ เหน็ สมั ฤทธผิ ลมากขึน้ ใจจึงเป็นสมาธนิ ิง่ แน่นไมซ่ ัดสา่ ย ยังผลให้ยถาภูต ญาณทสั สนะหรอื การรเู้ หน็ ตามความเปน็ จรงิ เกดิ ขนึ้ อนั เปน็ เหตนุ ำ� ไป สนู่ พิ พทิ าและวริ าคะ และกำ� จดั กเิ ลส ๓ ตระกลู ใหส้ น้ิ ไปจากใจ บรรลุ อรหตั ตผล หลุดพน้ ในท่สี ุด 94 ทีส่ ุดแหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ขาดเสียซ่ึงครูดี...ยากทีจ่ ะดไี ด้ อย่างไรก็ตาม เว้นพระบรมโพธิสัตว์ผู้ตั้งความปรารถนาเป็น พระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า หรือผทู้ ่ีตงั้ ความปรารถนาเปน็ พระปัจเจกพุทธ เจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบ้ืองหน้าเสียแล้ว ย่อมเป็นการยากท่ีจะ สามารถฝึกฝนอบรมด้วยตัวของตัวเองโดยปราศจากครูบาอาจารย์ หรือต้นแบบ ดังที่ปรากฏอยู่ใน ปัญญาวุฑฒิสูตร ว่าด้วยความเจริญ ดว้ ยปญั ญา๓๗ และ พหุการสตู ร วา่ ดว้ ยธรรมมีอุปการะมาก๓๘ ซง่ึ มอี ยู่ ๔ ประการ อันประกอบดว้ ย ๑) สปั ปรุ สิ สงั เสวะ (การคบหาสตั บรุ ุษ) หาครูดีใหพ้ บ ๒) สทั ธมั มสั สวนะ (การฟังสทั ธรรม) ต้ังใจฟังค�ำครูใหช้ ดั ๓) โยนโิ สมนสกิ าร (การมนสิการโดยแยบคาย) ตง้ั ใจไตรต่ รอง คำ� ครูใหล้ กึ ๔) ธมั มานุธัมมปฏปิ ตั ติ (การปฏิบตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรม) ลงมือทำ� ตามค�ำครใู หค้ รบ และด้วยการปฏิบัติตามธรรมดังกล่าวนี้ เป็นผลท�ำให้บรรลุ ธรรมเป็นพระโสดาบันได้ในที่สุด ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า ต้นแบบที่ดี เป็นสงิ่ ทีข่ าดเสยี ไมไ่ ด้ในการเร่มิ ต้นฝึกฝนอบรมตนเอง ๓๗ องฺ.จตุกกฺ . ๒๑/๒๔๘/๓๖๗-๓๖๘ (แปล.มจร) 95 ๓๘ องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๒๔๙/๓๖๘ (แปล.มจร) สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

เก่ียวกับเรื่องต้นแบบที่ดีหรือครูดี ในสมัยพุทธกาล พระผู้มี พระภาคเจ้าได้ตรัสยกย่องพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ดังที่ ปรากฏใน สัจจวิภงั คสตู ร ดงั ใจความทวี่ า่ “ภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายจงคบสารีบุตรและโมค คัลลานะ เธอท้ังหลายจงคบสารีบุตรและโมคคัลลานะเถิด สารีบุตรและโมคคัลลานะเป็นภิกษุฉลาด เป็นผู้อนุเคราะห์ เพื่อนพรหมจารีท้ังหลาย สารีบุตรเปรียบเหมือนผู้ให้ก�ำเนิด โมคคลั ลานะเปรียบเหมอื นผบู้ ำ� รุงเล้ยี งทารกทเ่ี กิดแล้ว สารี บตุ รยอ่ มแนะนำ� ในโสดาปตั ตผิ ล โมคคลั ลานะยอ่ มแนะนำ� ใน ประโยชน์ท่ีสูงสุด สารีบตุ รสามารถที่จะบอก แสดง บญั ญัติ ก�ำหนด เปิดเผย จ�ำแนก ท�ำให้ง่ายซึ่งอริยสัจ ๔ ได้โดย พิสดาร”๓๙ พระภิกษุทุกรูปนับต้ังแต่ในสมัยพุทธกาล เม่ือบวชเข้ามาใน พระพทุ ธศาสนาแลว้ จะต้องทำ� การขอนสิ ยั คือ ผบู้ วชเข้ามาใหม่จะ ต้องเข้าไปหาพระอปุ ัชฌาย์ เพื่อขอให้ทา่ นเปน็ ท่พี ่งึ ท่ีอาศัย ปกครอง สง่ั สอน ให้การอบรมแกต่ นเองต่อไป กลา่ วคือ ๑)ขอในรูปแบบการคุม้ ครองป้องกันยามมภี ัย ๒)ขอในรปู แบบปจั จยั ๔ คอื จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ คลิ าน เภสัช เพือ่ เป็นเครอ่ื งอาศยั ในการใชส้ อยใหม้ ชี ีวิตรอดปลอดภัย ๓)ขอในรปู แบบขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ ถ่ี กู ตอ้ ง ในการหา การ ใช้ การเก็บรักษาปัจจยั ๔ เพือ่ ไม่ให้ปจั จยั ๔ ทง้ั หลายที่ได้มานั้น เป็น อุปสรรคตอ่ การบรรลุมรรคผลนพิ พาน ๓๙ ม.อ.ุ ๑๔/๓๗๑/๔๑๗ (แปล.มจร) 96 ทส่ี ุดแหง่ ธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

๔) ขอในรปู แบบความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งในธรรม กลา่ ว คือ ความเข้าใจถูกในพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ ดีแล้ว เพอ่ื ใช้ในการก�ำจัดกเิ ลสให้หมดสนิ้ ไป ดงั นั้น การท่ีใครจะฝกึ ฝนอบรมตนเองให้ไดด้ ี มคี วามจ�ำเป็น ที่จะต้องมีต้นแบบหรือมีครูดี หากขาดเสียซึ่งต้นแบบหรือครูดีเสีย แล้ว ก็ยากที่จะฝึกฝนอบรมตนเองให้ดีได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึง ทรงให้พระภิกษุผู้บวชเข้ามาใหม่ในพระพุทธศาสนา จะต้องท�ำการ ขอนสิ ยั เพ่อื เป็นการเขา้ ไปฝากตวั เปน็ ศิษย์ เพือ่ ขอใหพ้ ระอปุ ชั ฌาย์ อนเุ คราะห์ทัง้ ความปลอดภัย สง่ิ ของ ความประพฤตทิ ีด่ ีงาม ความ รคู้ วามเขา้ ใจในพระธรรมวนิ ยั และวธิ ปี ฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหบ้ รรลธุ รรม จน กระทงั่ กเิ ลสหมดส้นิ ไปในท่ีสดุ การทใ่ี ครจะฝึกฝนอบรมตนเองใหด้ ีได้ จ�ำเป็นต้องมีตน้ แบบหรอื มีครดู ี หากขาดเสียซง่ึ ต้นแบบ หรือครูดีเสยี แล้ว ก็ยากทีจ่ ะฝกึ ฝน อบรมตนเองใหไ้ ด้ดี สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 97 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

พระสารีบุตร...ผูเ้ ป็นครตู น้ แบบ เพอ่ื ใหเ้ ราไดเ้ หน็ แนวทางของครตู น้ แบบอยา่ งเปน็ รปู ธรรม จงึ ขอยกตวั อย่างกิจวัตรของพระสารีบุตร ผ้เู ปน็ พระอัครสาวกเบอ้ื งขวา ผเู้ ปน็ ธรรมเสนาบดี และผูเ้ ป็นเลศิ ดา้ นปัญญาในพระศาสนาของพระ สมณโคดมสมั มาสมั พทุ ธเจา้ นี้ ดงั ทปี่ รากฏอยใู่ น อรรถกถาเทวทหสตู ร “ได้ยินว่า พระเถระไม่ไปบิณฑบาตแต่เช้าตรู่เหมือน ภกิ ษเุ หล่าอ่นื เม่อื ภกิ ษทุ งั้ ปวงไปแล้ว ก็เดนิ ตรวจไปตามล�ำดับ ท่ัวสังฆาราม กวาดที่ท่ีไม่ได้กวาด ท้ิงหยากเยื่อท่ียังไม่ได้ท้ิง เกบ็ งำ� เตยี งตงั่ เครอ่ื งไมแ้ ละเครอื่ งดนิ ทเี่ กบ็ ไวไ้ มด่ ใี นสงั ฆาราม ถามวา่ เพราะเหตไุ ร ? แกว้ า่ เพราะประสงคว์ า่ อญั ญเดยี รถยี ผ์ เู้ ขา้ ไปวหิ าร เห็นเข้า อย่ากระท�ำความดหู มน่ิ แต่น้ันได้ไปยังศาลาภิกษุไข้ ปลอบใจภิกษุไข้ถามว่า ตอ้ งการอะไร จงึ หาภกิ ษหุ นมุ่ และสามเณรของภกิ ษเุ หลา่ นนั้ ไป เพอ่ื ประโยชนต์ ามทป่ี ระสงค์ แลว้ แสวงหาเภสชั ดว้ ยภกิ ขาจาร วตั รหรอื ในทที่ คี่ นชอบพอกนั ถวายแกภ่ กิ ษเุ หลา่ นนั้ จงึ สง่ ภกิ ษุ เหลา่ นน้ั ไปด้วยกลา่ วว่า ขึ้นชอ่ื การบ�ำรุงภกิ ษไุ ข้ พระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าสรรเสริญแล้ว ไปเถิด ท่านสัปปุรุษ สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 99 www.kalyanamitra.org

พวกท่านอย่าเป็นผู้ประมาท แล้วตนเองก็เท่ียวไปบิณฑบาต หรอื กระท�ำภตั กจิ ในตระกลู อุปัฏฐาก แล้วไปสวู่ หิ าร ข้อนเี้ ปน็ เพราะพระเถระน้ันเคยประพฤตมิ าในสถานทอ่ี ยู่ประจ�ำก่อน ก็เม่ือพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไป พระเถระคดิ ว่า เราเป็นพระอัครสาวกจึงไม่เดินสวมรองเท้ากั้นร่มไปข้าง หนา้ ก็ในบรรดาภิกษุเหลา่ น้ัน ภิกษุเหล่าใดเปน็ ผูแ้ ก่ เป็น ผู้ไข้ หรอื ยังหนุม่ นกั พระเถระก็ให้เอาน�้ำมนั ทาทเ่ี จ็บของภกิ ษุ เหล่าน้ัน แล้วให้ภิกษุหนุ่มและสามเณรของตนถือบาตรและ จวี ร วนั นนั้ หรือวนั รุง่ ข้ึนกพ็ าภกิ ษุเหล่าน้นั ไป”๔๐ จากข้อวัตรปฏิบัติของพระสารีบุตรท่ีทั้งท�ำให้ดูและพูดให้ฟัง ของท่าน พอทจ่ี ะสรปุ ออกมาเป็นข้อปฏิบตั ไิ ดด้ งั น้ี ๑) ทุกเช้าพระสารบี ตุ รเดนิ ตรวจตราภายในวดั หลังจากท ี่ พระภิกษอุ ืน่ ผ้มู พี รรษากาลออกบณิ ฑบาตกันไปแลว้ ๒) น�ำพระภิกษุผบู้ วชใหม่ ปัดกวาดบรเิ วณ ทย่ี งั ไมส่ ะอาด เรยี บร้อย ๓) น�ำขยะท่ียงั ไมไ่ ด้ทง้ิ ไปท้งิ เสยี ๔) นำ� เกบ็ เตียง ต่ัง ของใชท้ ีถ่ กู ทิง้ ไว้ ๕) น�ำเตมิ นำ�้ ฉนั นำ้� ใช้ ไวท้ ั่วอาราม ๖) น�ำเยยี่ มพระภิกษผุ ้อู าพาธภายในวัด ๔๐ สํ.ข.อ. ๒๗/๒๓-๒๔ (แปล.มมร) 100 ที่สดุ แหง่ ธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

๗) ให้โอวาทแกพ่ ระภกิ ษุใหม่ในการรกั ษาพยาบาล ๘) จัดหาเภสชั และอุปกรณ์รักษาพยาบาลแก่พระภิกษุผู ้ อาพาธ ๙) ออกบิณฑบาต ๑๐) เดนิ ตามทา้ ยหมสู่ งฆ์ ในคราวตดิ ตามพระผมู้ พี ระภาคเจา้ จากอรรถกถาเทวทหสตู รนี้ ทำ� ใหเ้ หน็ ถงึ ความเปน็ ตน้ แบบของ พระสารีบตุ ร ในการท�ำใหด้ แู ละพดู ให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นขอ้ วตั รปฏิบตั ิ ในการดแู ลความเรียบร้อยภายในวดั การดูแลพระภกิ ษผุ อู้ าพาธ การ วางตวั ในหมู่สงฆ์ และดว้ ยผลแห่งการปฏิบัติตามวัตรดังกล่าวน้ี ย่อม เปน็ เหตใุ หพ้ ระภกิ ษผุ อู้ ยใู่ นอาวาส ไดร้ บั ประโยชนท์ เี่ กดิ ขนึ้ อยา่ งนอ้ ย ๓ ประการ ดงั ต่อไปน้ี ๑) ทฐิ มิ านะของเหลา่ พระภกิ ษใุ หมท่ มี่ าจากตา่ งชนั้ วรรณะ ถูกปรับเข้าหากันอยา่ งรวดเรว็ ๒) พระภิกษุใหม่สามารถเรียนรู้การท�ำงานเป็นทีม ต้ังแต่ พรรษาแรก ๓) พระภิกษุใหม่สามารถซึมซับความเป็นผู้มีปัญญาจาก พระสารีบุตรได้โดยง่าย สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 101 www.kalyanamitra.org

ครูท่ดี ีต้องเปน็ ต้นแบบท่ีดี ใหก้ ับลกู ศษิ ย์ ท้ังพดู ใหฟ้ งั พร้อมท�ำให้ดู อธบิ ายได้ และท�ำเป็นแบบอย่างได้ www.kalyanamitra.org

ขาดเสียซึ่งสังฆคารวตา... ยากท่จี ะไปได้ตลอดรอดฝัง่ หากเรายงั จำ� กนั ไดถ้ งึ สาเหตุ ๕ ประการ ทนี่ ำ� มาซงึ่ ความเสอ่ื ม และความเจริญของพระพุทธศาสนา ดังท่ีได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น ได้แก่ ๑) ภกิ ษทุ งั้ หลายในพระธรรมวนิ ยั นี้ ยอ่ มเลา่ เรยี นพระไตรปฎิ ก ทที่ รงจำ� นำ� สบื กนั มาอยา่ งดี จงึ มคี วามเขา้ ใจเนอ้ื เรอ่ื งและสาระสำ� คญั ของพระสตู รทเ่ี รียนแล้วได้อยา่ งถกู ต้องตรงประเด็น ๒) ภิกษุท้ังหลายเป็นผู้ว่าง่าย มีความอดทน น้อมรับค�ำพร่�ำ สอนของพระเถระผู้เป็นครูบาอาจารย์ด้วยความเคารพ กรณีนี้ย่อม สง่ เสรมิ ใหพ้ ระสัทธรรมตั้งมัน่ ไม่ลบเลอื นไมเ่ สือ่ มสูญ ๓) ภกิ ษทุ ง้ั หลายทเ่ี รยี นเกง่ เปน็ พหสู ตู ทรงธรรม ทรงวนิ ยั และ ทรงมาติกา ต้ังใจท�ำหน้าท่ีกัลยาณมิตรบอกธรรมแก่ผู้อ่ืนโดยเคารพ เม่ือพระภิกษุเหล่าน้ีล่วงลับไปแล้ว พระธรรมจะต้ังม่ันอยู่ด้วยหลัก ฐานมัน่ คง ๔) ภิกษุท้ังหลายผู้เถระไม่มักมาก มีความประพฤติเคร่งครัด ไมย่ ่อหย่อน ปรารภความเพยี ร เพ่อื กระทำ� ให้แจง้ ในธรรมทย่ี งั ไมแ่ จง้ เพ่ือบรรลุธรรมท่ยี ังไมบ่ รรลุ สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 103 www.kalyanamitra.org

๕) สงฆ์มีความสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอันดี ไม่ทะเลาะ วิวาทกนั ไม่แข่งขนั ชิงดกี นั แตช่ ่ืนชมกนั ชว่ ยเหลอื เกอื้ กูลซ่ึงกนั และ กัน ข้อปฏิบัติเช่นนี้ของสงฆ์ย่อมท�ำให้คนท่ียังไม่เลื่อมใสเกิดความ เลอ่ื มใส ส่วนคนทเ่ี ล่ือมใสอยู่แล้วก็จะยงิ่ เลื่อมใสมากขึน้ ๔๑ เราจะพบวา่ ข้อปฏบิ ตั ิทง้ั ๕ ประการนี้ เปน็ ขัน้ ตอนตอ่ ไปท่ี ผู้บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาพึงมี โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในข้อที่ ๒ คือ เป็นผู้ว่าง่าย มีความอดทน น้อมรับค�ำพร�่ำสอนของพระเถระผู้ เปน็ ครูบาอาจารย์ด้วยความเคารพ เพราะแมจ้ ะพบครดู ี ฟงั คำ� ทา่ น ตรองคำ� ท่าน และลงมือปฏิบตั ิตามท่าน แต่หากเปน็ ผู้วา่ ยาก ขาด ความอดทน ขาดความเคารพในครบู าอาจารย์ กย็ ากเหลอื เกนิ ทจ่ี ะ เดนิ ไปสู่หนทางนพิ พานไดต้ ลอดรอดฝงั่ ดว้ ยเหตุน้ี ธรรมอันเปน็ ไป เพอ่ื ความไมเ่ สอ่ื มของพระภกิ ษุ นอกจากความเคารพในพระพทุ ธเจา้ (พุทธฺ คารวตา) และความเคารพในพระธรรม (ธมฺมคารวตา) แลว้ ยังมี ความเคารพในพระสงฆ์ (สงฺฆคารวตา) ซง่ึ เป็นส่งิ ทข่ี าดไปเสียไมไ่ ด้ ๔๒ นอกจากนี้ พระผู้มีพระภาคจึงได้ประทานธรรมาทาส หรือ แวน่ ธรรม เพ่ือใหพ้ ระภกิ ษุ ภกิ ษุณี อุบาสก อบุ าสกิ าทัง้ หลาย ไดใ้ ช้ เป็นบรรทัดฐานในการพยากรณ์โสดาปัตติผล หมดสิ้นเหตุในการ บงั เกดิ ในทคุ ติภูมิ ดงั ท่ปี รากฏใน มหาปรินิพพานสูตร ดงั นี้ ๔๑ อง.ฺ ปญฺจก. ๒๒/๑๕๖/๒๕๗-๒๕๘ (แปล.มจร) ๔๒ องฺ.ฉกกฺ . ๒๒/๓๒/๔๗๘-๔๗๙, อง.ฺ ฉกกฺ . ๒๒/๓๓/๔๘๐, อง.ฺ สตตฺ ก. ๒๓/๓๕/๕๓-๕๕ (แปล.มจร) เปน็ ต้น 104 ทีส่ ดุ แห่งธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

“พระอริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความ เลอ่ื มใสอนั ไมห่ วนั่ ไหวในพระพทุ ธเจา้ ...พระธรรม...พระสงฆ.์ .. ประกอบดว้ ยศลี ทพ่ี ระอรยิ ะชอบใจ ทไี่ มข่ าด ไมท่ ะลุ ไมด่ า่ ง ไม่ พร้อย เป็นไท ทา่ นผ้รู ู้สรรเสริญ ไม่ถูกตัณหาและทฏิ ฐิครอบง�ำ เป็นไปเพือ่ สมาธิ อานนท์ น้ีแล คอื หลักธรรมทช่ี อ่ื วา่ แวน่ ธรรม เปน็ เครอ่ื งมอื ใหอ้ รยิ สาวกมไี ว้ เมอ่ื ประสงคก์ จ็ ะพงึ พยากรณต์ น ไดด้ ว้ ยตนเองวา่ เราหมดสนิ้ เหตทุ ใ่ี หไ้ ปเกดิ ในนรก...กำ� เนดิ สตั ว์ ดิรัจฉาน...แดนเปรต...อบาย ทุคติ และวินิบาตแล้ว เราเป็น พระโสดาบนั ไมม่ ที างตกตำ่� มคี วามแนน่ อนทจ่ี ะสำ� เรจ็ สมั โพธิ ในวนั ขา้ งหน้า”๔๓ แม้ในที่น้ีพระพุทธองค์จะตรัสถึงหัวข้อธรรมท่ีเรียก ธรรมา ทาส หรอื แว่นธรรม ในการพยากรณโ์ สดาปัตตผิ ลกต็ าม แต่ในอกี นัย หนงึ่ ยอ่ มเปน็ การแสดงอานสิ งสข์ องการเป็นผมู้ คี วามเลอื่ มใสหรือ มีความเคารพในพระรัตนตรัย น่ันคือ เป็นเหตุท�ำให้ไปสู่สุคติภูมิ ไม่ไปส่ทู คุ ตภิ ูมิ มมี รรคผลนพิ พานเปน็ ทสี่ ดุ ดังน้ัน เราจะเห็นได้ว่า ความเส่ือมและความเจริญของ ตัวพระภิกษุเอง หรือความเส่ือมและความเจริญของพระพุทธ ศาสนาส่วนรวม ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความเคารพในพระ รัตนตรยั คือ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม และพระสงฆ์อย่างไมอ่ าจหลีก เลยี่ งได้ นอกจากนน้ั ความเคารพในพระรตั นตรัยเปน็ สิ่งท่เี กื้อกลู และ ๔๓ ท.ี ม. ๑๐/๑๕๙/๑๐๓-๑๐๔ (แปล.มจร) สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 105 www.kalyanamitra.org

เป็นอุปการะอย่างย่ิงในการรักษาผู้ปฏิบัติให้ด�ำรงคงอยู่ในเส้นทาง ธรรมท่ีถูกต้องดีงาม โดยเฉพาะอย่างย่ิงในพระสงฆ์ เพราะนอกจาก ทา่ นจะเปน็ ผ้ทู ่ฝี กึ ฝนอบรมตนเองและรักษาพระธรรมวินยั แลว้ ทา่ น ยงั ไดอ้ บรมสง่ั สอนใหผ้ อู้ นื่ รเู้ หน็ ตาม และคอยอบรมพรำ่� สอนพระภกิ ษุ ผู้เป็นศิษยานุศิษย์ที่เข้ามาสู่พระศาสนาน้ีในภายหลัง เพราะมีความ เคารพในพระรตั นตรยั จงึ ทำ� ใหพ้ ระสงฆส์ าวกมเี ครอื่ งยดึ เหนยี่ วจติ ใจ ในการฝกึ ฝนอบรมตนเอง สมดงั พระพทุ ธดำ� รสั ทพ่ี ระผมู้ พี ระภาคตรสั แกพ่ ระอานนทไ์ ว้ใน มหาสุญญตสูตร ท่ีว่า “อานนท์ เราจักไม่ประคับประคองเธอทั้งหลาย เหมือนช่างหม้อประคับประคองภาชนะดินดิบท่ียังดิบอยู่ เรา จักกล่าวข่มแล้วข่มอีก จักกล่าวยกย่องแล้วยกย่องอีก บุคคล ใดมีแก่นสาร บคุ คลน้นั จกั ดำ� รงอย”ู่ ๔๔ ๔๔ ม.อ.ุ ๑๔/๑๙๖/๒๓๓ (แปล.มจร) 106 ทสี่ ุดแห่งธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

แมจ้ ะพบครดู ี แตห่ ากเป็น ผู้วา่ ยาก ขาดความอดทน ขาดความเคารพในครูบาอาจารย์ กย็ ากเหลอื เกนิ ท่จี ะเดนิ ไปสู่ หนทางท่ีดีได้ตลอดรอดฝัง่ www.kalyanamitra.org

สงั ฆคารวตากับจดุ เรมิ่ ต้น ในการสร้างทัศนคตทิ ีด่ ี แกพ่ ทุ ธศาสนิกชน www.kalyanamitra.org

ทัศนคติด้านลบ... ทศั นคติท่ีควรแกไ้ ข จริงหรอื ...ที่พระอรยิ เจ้า เป็นผู้ไมถ่ กู ตเิ ตยี น สังฆคารวตา...สร้างเกราะ ปอ้ งกนั การจบั ผดิ สงั ฆคารวตา...สะพานเชอ่ื ม คฤหัสถแ์ ละบรรพชติ www.kalyanamitra.org

ทัศนคตดิ ้านลบ...ทัศนคติที่ควรแกไ้ ข สบื เนอ่ื งจากภาพในดา้ นลบของพระพทุ ธศาสนา วดั วาอาราม รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ ท่ีปรากฏแก่สายตาพุทธศาสนิกชนในรูปแบบ ต่าง ๆ เปน็ ผลทำ� ใหท้ ศั นคติที่เคยมองพระภิกษุสงฆใ์ นฐานะของพระ รัตนตรัย ในฐานะครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธ์ิประสาทความรู้ทั้งทาง โลกและทางธรรม หรือในฐานะของศูนย์รวมจิตใจ เป็นผู้น�ำทางจิต วิญญาณ ค่อย ๆ เลือนหายไป จนเกิดเป็นทัศนคติด้านลบฝังอยู่ใน จติ ใจ ความเคารพทเี่ คยมกี ลบั เลือนลางไป ในบางกลุ่มบางพวกไดม้ ี ความคิด ถงึ ขั้นที่มองวา่ พระภิกษุสงฆ์เปน็ ผูท้ ่ีอาศัยสงั คมอยู่เหมอื น กาฝากต้นไม้ ไมม่ ปี ระโยชน์ใด ๆ ในสงั คม อย่างไรก็ตาม การท่ีทัศนคติด้านลบเช่นนี้จะเกิดข้ึนกับ พุทธศาสนิกชน ก็ถือเป็นเร่ืองธรรมดาที่จะมีข้ึนได้ เพราะในบาง กรณี วัตรปฏบิ ัตทิ ีไ่ ม่เรียบร้อยของพระภกิ ษสุ งฆเ์ องกเ็ ป็นต้นเหตุของ ทัศนคติในด้านลบเช่นนี้จริง ๆ ดังน้ันจึงไม่ควรโยนความผิดไปที่ พุทธศาสนกิ ชนเสยี ทั้งหมด กลา่ วคือ ทศั นคตดิ า้ นลบต่อพระภิกษุ สงฆ์ รวมถงึ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ นี่ า่ เปน็ หว่ งของพระภกิ ษสุ งฆแ์ ละ วัดวาอารามเองเปน็ ส่งิ ทต่ี ้องพึงระวังด้วยเชน่ กัน สำ� หรบั การแก้ไขปัญหาของฝ่ายพระภกิ ษุสงฆ์เองน้นั ดงั ท่ีได้ กล่าวไปแล้วในหัวข้อก่อน ๆ กลา่ วคือ ไดอ้ าศยั ข้อวัตรปฏิบัติในเบื้อง ต้น เบือ้ งกลาง และเบ้อื งสูงที่ปรากฏในสามญั ญผลสูตร รวมถึงการมี 110 ท่สี ดุ แหง่ ธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ตน้ แบบหรอื ครดู ี เพอื่ คอยอบรมพรำ�่ สอนใหพ้ ระภกิ ษอุ ยใู่ นกรอบของ พระธรรมวินัยและอาศัยเคร่ืองยังความเจริญให้เกิดข้ึนแก่พระภิกษุ สงฆ์ ด้วยการมีความเคารพในพระรตั นตรยั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง การ มคี วามเคารพในพระสงฆ์ในการแก้ไขปัญหา เม่ือเป็นเช่นน้ีแม้จะ เป็นเพียงข้อปฏิบัติเบ้ืองต้นในเร่ืองการรักษาพระวนิ ยั กต็ าม กย็ อ่ มมี อานสิ งสแ์ ละมอี านภุ าพไมน่ อ้ ยทเี ดยี ว จะกลา่ วไปไยกบั พระภกิ ษสุ งฆ์ ผฝู้ กึ วตั รปฏบิ ตั ใิ นระดบั กลางหรอื ระดบั สงู ดงั นน้ั เราจงึ ตอ้ งหนั กลบั มา ทท่ี ศั นคตใิ นการมองพระภกิ ษสุ งฆข์ องพทุ ธศาสนกิ ชนแลว้ วา่ เมอื่ พระ ภกิ ษสุ งฆท์ า่ นปรบั ปรงุ ขอ้ วตั รปฏบิ ตั ขิ องทา่ นแลว้ พทุ ธศาสนกิ ชน เชน่ เราจะปรบั ทศั นคตใิ นการมองอยา่ งไร สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 111 www.kalyanamitra.org

จรงิ หรือ...ทีพ่ ระอรยิ เจ้าเป็นผไู้ มถ่ ูกตเิ ตียน เราอาจจะมีความคดิ วา่ ถา้ พระภิกษุสงฆ์ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติ ท่ีดี งดงาม นา่ เลื่อมใส พทุ ธศาสนกิ ชนก็คงจะหนั มามที ศั นคตทิ ด่ี ตี อ่ พระภิกษุสงฆ์และพระพุทธศาสนา แต่ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ใชว่ า่ ทกุ คนจะมที ศั นคตทิ ด่ี เี ชน่ น้ี เรอ่ื งราวเหลา่ นไ้ี ดม้ ตี วั อยา่ งปรากฏ ใหเ้ หน็ แมใ้ นสมยั พทุ ธกาล ไมเ่ วน้ แมแ้ ตพ่ ระอรยิ เจา้ ผบู้ รรลอุ รหตั ตผล ดงั เรอื่ งราวของพระปลิ นิ ทวจั ฉเถระ ทปี่ รากฏใน ปลิ นิ ทวจั ฉสตู ร ดงั น้ี สมยั หน่งึ พระผมู้ ีพระภาคประทบั อยู่ ณ พระเวฬวุ ัน กลนั ทกนิวาปสถาน เขตกรุงราชคฤห์ สมัยนัน้ ทา่ นพระปลิ นิ ท วจั ฉะรอ้ งเรยี กภกิ ษทุ งั้ หลายดว้ ยวาทะวา่ คนถอ่ ย ครง้ั นนั้ ภกิ ษุ จำ� นวนมากพากนั เขา้ ไปเฝา้ พระผมู้ พี ระภาคถงึ ทป่ี ระทบั ถวาย อภวิ าทแลว้ นง่ั ณ ทส่ี มควร ไดก้ ราบทลู พระผมู้ พี ระภาคดงั นวี้ า่ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระปิลินทวัจฉะร้องเรียกภิกษุ ท้งั หลายด้วยวาทะว่าคนถอ่ ย พระพุทธเจ้าขา้ ” ครั้งน้ัน พระผู้มีพระภาคจึงรับส่ังเรียกภิกษุรูปหนึ่ง มาตรัสว่า “ภิกษุ เธอจงไปเรียกพระปิลินทวัจฉะมาหาเราว่า ท่านปิลินทวัจฉะ พระศาสดารับสั่งหาท่าน” ภิกษุรูปน้ันทูล รับสนองพระด�ำรัสแลว้ เขา้ ไปหาท่านพระปิลินทวัจฉะถึงท่อี ยู่ แลว้ ไดก้ ลา่ วกบั ทา่ นพระปลิ นิ ทวจั ฉะวา่ “ทา่ นปลิ นิ ทวจั ฉะ พระ ศาสดารับสั่งหาทา่ น” 112 ท่ีสุดแหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ทา่ นพระปลิ นิ ทวจั ฉะรบั คำ� ของภกิ ษรุ ปู นน้ั แลว้ เขา้ ไปเฝา้ พระผู้ มพี ระภาคถงึ ทป่ี ระทบั ถวายอภวิ าทแลว้ นง่ั ณ ทส่ี มควร พระผู้ มีพระภาคจงึ ตรสั ถามท่าน ดงั นวี้ ่า “ปลิ นิ ทวัจฉะ ทราบว่า เธอ ร้องเรยี กภิกษทุ งั้ หลายด้วยวาทะว่าคนถ่อย จรงิ หรือ” ทา่ นพระปลิ นิ ทวจั ฉะทลู ตอบว่า“จรงิ พระพุทธเจา้ ขา้ ” ครั้งน้ัน พระผู้มีพระภาคทรงระลึกถึงอดีตชาติของ ท่านพระปิลินทวัจฉะแล้ว รับส่ังเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุท้ังหลาย เธอทั้งหลายอย่าถือโทษวัจฉะเลย วัจฉะ หาได้มุ่งร้ายร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อยไม่ วัจฉะเกิดในตระกูลพราหมณ์ติดต่อกันไม่มีช่วงค่ันถึง ๕๐๐ ชาติ การใช้วาทะว่าคนถ่อยนั้น เธอก็ประพฤติมานานแล้ว เพราะฉะนนั้ วัจฉะนีจ้ ึงร้องเรยี กภกิ ษุทั้งหลายด้วยวาทะวา่ คนถ่อย”๔๕ พระปิลินทวัจฉะบรรลุธรรมเป็นถึงพระอรหันต์หมดกิเลส แต่เพราะเหตุที่ภพชาติที่ท่านเคยไปบังเกิดเป็นพราหมณ์ยาวนานถึง ๕๐๐ ชาติ ทำ� ให้เวลาเรยี กผอู้ น่ื ทา่ นใช้สรรพนามว่า คนถอ่ ย จึงเปน็ เรื่องที่พระภิกษุทั้งหลายผู้เป็นปุถุชนจะกล่าวโทษก็หาควรไม่ แต่ก็ เป็นตัวอย่างหนึ่งท่ีดี ที่ท�ำให้เราเห็นว่า แม้พระอริยสงฆ์ผู้เป็นถึง พระอรหนั ตเ์ อง กย็ งั มโี อกาสถกู ตำ� หนติ เิ ตยี น และถกู มองในดา้ นลบ จากผูอ้ ่ืนได้เช่นกนั ๔๕ ขุ.อุ. ๒๕/๒๖/๒๒๐-๒๒๑ (แปล.มจร) 113 สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

ในกรณีของพระปิลินทวัจฉเถระที่ถูกต�ำหนิและถูกมอง ในแง่ลบ อาจมีสาเหตุมาจากการมีบุคคลท่ี ๒ และ ๓ เป็นผู้เสีย หาย เพราะถูกร้องเรียกด้วยถ้อยค�ำท่ีไม่สู้ดีนัก แต่ในกรณขี องพระ มหากัปปนิ เถระ ท่านถกู เข้าใจผิดและถกู ตำ� หนิ เพราะเหตุทรี่ �ำพงึ ถึง ความเอิบอ่มิ ในธรรมที่เกิดจากการปรารภอมตมหานพิ พาน ซ่งึ ไมม่ ีผู้ ใดเปน็ ผเู้ สียหายเลยแม้แต่นอ้ ย ไดย้ นิ วา่ ในภิกษุเหลา่ นนั้ ทา่ นพระมหากัปปนิ ะเทยี่ ว เปล่งอุทานในท่ีท้ังหลายมีท่ีพักกลางคืนและที่พักกลางวันว่า “สุขหนอ สุขหนอ” ภิกษุท้ังหลายกราบทูลแด่พระผู้มีพระ ภาคเจา้ วา่ “ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ พระมหากปั ปนิ ะเทยี่ วเปลง่ อทุ านวา่ “สขุ หนอ สขุ หนอ” ทา่ นเหน็ จะกลา่ วปรารภความสขุ ในราชสมบัตขิ องตน” พระศาสดารับส่ังให้เรียกพระมหากัปปินะน้ันมาแล้ว ตรัสถามว่า “กัปปินะ ได้ยินว่า เธอเปล่งอุทานปรารภสุขใน กาม สขุ ในราชสมบตั จิ รงิ หรอื ?” พระมหากปั ปนิ ะทลู วา่ “ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ พระผู้ มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบการเปล่งหรือไม่เปล่งปรารภ กามสุขและรัชสุขนน้ั ของขา้ พระองค”์ พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุท้ังหลาย บตุ รของเรายอ่ ม เปลง่ อทุ าน ปรารภสขุ ในกาม สขุ ในราชสมบตั หิ ามไิ ด้ กแ็ ตว่ า่ ความเอบิ อม่ิ ในธรรม ยอ่ มเกดิ ขนึ้ แกบ่ ตุ รของเราบตุ รของเรานน้ั ยอ่ มเปลง่ อทุ านอยา่ งนนั้ เพราะปรารภอมตมหานพิ พาน”๔๖ ๔๖ ขุ.ธ.ว. ๔๑/๑๖/๓๑๕-๓๑๖ (แปล.มมร) 114 ทสี่ ุดแห่งธรรม ถึงไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ขึ้นช่ือว่ามนุษย์มักจะมีเร่ืองที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ ในเร่ืองท่ีคิดว่าไม่น่าจะเป็นเร่ืองข้ึนมาได้ แต่ก็กลับเป็นเร่ืองเป็นราว ข้นึ มา ดังเร่ืองของพระมหากัปปินเถระ ทถี่ ูกต�ำหนแิ ละเขา้ ใจผิดด้วย เหตแุ หง่ การเปลง่ อทุ านวา่ “สขุ หนอ สขุ หนอ” เพราะปรารภอมตมหา นพิ พาน จริงอยู่ หากเราพิจารณาด้วยสตปิ ญั ญา เรากอ็ าจคิดเหมอื น กับพระภิกษุสงฆ์ผู้เป็นปุถุชนทั้งหลายเหล่านั้นว่า ก่อนท่ีพระมหา กัปปินเถระจะออกบวช ท่านเองเป็นถึงพระราชามหากษัตริย์ ย่อม เอบิ อม่ิ ดว้ ยราชสมบตั อิ นั ไพบลู ย์ มาในบดั นี้ การทที่ า่ นเปลง่ อทุ านเชน่ น้ี คงจะเปน็ การกลา่ วปรารภถึงความสุขในราชสมบัตขิ องตนเปน็ แน่ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ตัวท่านเองจะไม่กล่าวโทษ หรือให้อโหสิกรรม ก็ตาม แต่ผลกรรมอันเกิดขึ้นจากการกล่าวโทษพระผู้ทรงคุณนั้น ไม่ อาจละเวน้ ได้ ดงั ตวั อยา่ งทม่ี ปี รากฏอยใู่ น คถู ขาทกเปตวตั ถุ อดตี พระ ภิกษไุ ปเกดิ เป็นเปรตเพราะด่าทอพระสงฆ์ พระมหาโมคคัลลานเถระถามเปรตตนหน่ึงว่า “ท่านเป็นใครหนอ โผล่ข้ึนจากหลุมคูถ ยืนเศร้าสร้อยอยู่ ทา่ นคงทำ� กรรมชว่ั ไวโ้ ดยไมต่ อ้ งสงสยั จะรอ้ งครวญครางออื้ องึ ไปทำ� ไมเลา่ ” เปรตนน้ั ตอบวา่ “พระคณุ เจา้ ผเู้ จรญิ ขา้ พเจา้ เกดิ เปน็ เปรตในยมโลก ไดร้ บั ความลำ� บาก เพราะทำ� กรรมชว่ั ไว้ จงึ ตอ้ ง จากโลกนไ้ี ปยังเปตโลก” พระมหาโมคคลั ลานเถระถามวา่ “ทา่ นไดท้ ำ� กรรมชว่ั ทางกาย วาจา ใจอะไรไวห้ รือ เพราะผลกรรมอะไรทา่ นจึงได้ รับทุกข์เช่นน้ี” สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 115 www.kalyanamitra.org

เปรตนน้ั ตอบวา่ “ไดม้ ภี กิ ษรุ ปู หนง่ึ อยปู่ ระจำ� ในวดั ของ ขา้ พเจา้ มกั รษิ ยา ตระหนต่ี ระกลู ผกู ขาดในเรอื นของขา้ พเจา้ มีใจกระด้าง มักด่าว่า (ภิกษุอาคันตุกะท้ังหลาย) ข้าพเจ้า เชื่อค�ำของท่าน ได้ด่าว่าภิกษุทั้งหลาย เพราะผลกรรมน้ัน ข้าพเจา้ จึงต้องจากโลกนไ้ี ปยังเปตโลก” พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า “ภิกษุผู้คุ้นเคยกับ ตระกูลของท่านไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม มีปัญญาทราม มรณภาพแล้วไปสู่คติไหนหนอ” เปรตน้ันตอบว่า “ข้าพเจ้ายืนอยู่บนกระหม่อม ศีรษะของเปรต ซ่ึงเคยเป็นภิกษุผู้ท�ำกรรมชั่วน้ันแหละ และภิกษุน้ันไปเกิดเป็นเปรตผู้ปรนนิบัติของข้าพเจ้าเอง พระคุณเจ้าผู้เจริญ ชนเหล่าอื่นถ่ายสิ่งใดลงไป สิ่งนั้นเป็น อาหารของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเองถ่ายส่ิงใดลงไป เปรต ซ่ึงเคยเป็นภิกษุน้ันก็อาศัยสิ่งน้ันเล้ียงชีพ”๔๗ จากตวั อยา่ งทยี่ กมานี้ พอเปน็ อทุ าหรณใ์ หเ้ ราไดร้ ะลกึ อยใู่ นใจ เสมอว่า แม้พระอริยสงฆผ์ ู้หมดกเิ ลสเป็นพระอรหันต์ ก็ยังมีโอกาส ถกู ตำ� หนแิ ละเขา้ ใจผดิ ได้ จะกลา่ วไปไยกบั สมมตสิ งฆผ์ กู้ ำ� ลงั ฝกึ ฝน อบรมตนเองอยเู่ ลา่ วา่ จะไมม่ โี อกาสถกู ตำ� หนิ เมอื่ เปน็ เชน่ น้ี อะไรนา่ จะเปน็ สง่ิ ทช่ี ว่ ยอดุ ชอ่ งโหวใ่ นความเขา้ ใจผดิ เหลา่ น้ี ไมใ่ หเ้ รามที ศั นคติ ท่ีไมด่ ี หรอื ไปตำ� หนิติเตียนพระภิกษุสงฆ์ ทั้ง ๆ ท่ีท่านไมไ่ ด้เปน็ เชน่ ท่ี เรานกึ คิดด้นเดาไปเอง เพราะข้ึนชือ่ วา่ ไฟนน้ั มีคุณต่อการด�ำรงชีวติ ของเราอยา่ งอเนกอนนั ต์ แตถ่ า้ คนเราไมร่ ะมดั ระวงั ประมาท สะเพรา่ ๔๗ ข.ุ เปต. ๒๖/๗๖๖-๗๗๓/๒๙๒-๒๙๓ (แปล.มจร) 116 ทสี่ ุดแห่งธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ไฟกส็ ามารถกอ่ ใหเ้ กดิ โทษภยั แกเ่ ราอยา่ งมหนั ตไ์ ดเ้ หมอื นกนั สำ� หรบั พระภิกษุสงฆ์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราล่วงเกินท่านด้วยกาย วาจา ใจ ภัยพบิ ตั กิ จ็ ะมาถงึ ตวั เราได้ ย่ิงถา้ ท่านมีภมู ริ ูภ้ ูมิธรรมสูง ประพฤติ ดีปฏิบตั ชิ อบ ตง้ั อยูใ่ นคุณธรรมสงู ส่งเพียงใด โทษภัยที่จะเกดิ แก่ผู้ ลว่ งเกินทา่ นกม็ ากขึ้นเพียงนน้ั ดังตัวอย่างทย่ี กขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์ ไฟใหโ้ ทษมหันต์ไดฉ้ นั ใด การขาดความเคารพและล่วงเกิน ในพระภกิ ษุสงฆ์ผปู้ ฏบิ ตั ิดี กย็ อ่ มน�ำภัยมาสู่ตนได้ฉันนั้น สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 117 www.kalyanamitra.org

สังฆคารวตา...สร้างเกราะปอ้ งกันการจับผิด ในกรณีของพระภิกษุเอง ความเคารพท่ีพึงมีในพระรัตนตรัย คอื ความเคารพในพระพทุ ธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะอยา่ ง ยง่ิ ความเคารพในพระสงฆน์ นั้ มคี วามเกยี่ วขอ้ งโดยตรงกบั ความเสอื่ ม และความเจริญของพระภิกษุสงฆ์ จนกระทั่งไปถึงความเสื่อมและ ความเจริญของพระพุทธศาสนาโดยรวม ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในข้าง ตน้ ท้ังน้เี ป็นเพราะความสัมพนั ธท์ ีเ่ ก่ยี วพันกันในแงข่ องการถ่ายทอด คณุ ธรรม รวมไปถงึ ความสมัครสมานสามัคคีในหม่สู งฆ์ ในกรณีของพทุ ธศาสนกิ ชนก็เชน่ เดียวกัน หากขาดซึง่ ความ เคารพในพระสงฆ์เสียแล้ว ย่อมส่งผลกระทบกับตนเองในแง่ของ การศกึ ษาธรรมะ รวมไปถึงสง่ ผลกระทบต่อไปยงั พระพุทธศาสนา โดยรวมในแง่ของความสามัคคีในหมู่พุทธบริษัท เม่ือไม่มีความ เคารพในพระสงฆ์ แม้ท่านจะมีคุณธรรมมากเพียงใดก็ตาม คงยาก ท่ีเราจะเข้าไปศึกษาและรองรับคุณธรรมจากท่าน อีกท้ังยังเป็นการ เพาะนิสยั ชา่ งจับผิดใหเ้ กิดขึน้ อกี ดว้ ย เพราะไมว่ า่ จะเปน็ บรรพชติ หรอื คฤหสั ถ์ ตา่ งกต็ อ้ งฝกึ ฝนอบรม ตนเองเพอ่ื ใหพ้ น้ จากกองทกุ ขท์ ง้ั ปวง ในรปู แบบและสงิ่ แวดลอ้ มทต่ี น จะสามารถฝึกหัดปฏิบัติได้ หากขาดเสียซึ่งต้นแบบหรือครูดีก็ยากที่ จะเอาดีได้ เพราะการแสวงหาปัญญาในเบื้องต้น คือ ระดับความ รู้ (knowledge) เป็นสิ่งท่ีเราสามารถหาได้ง่ายในโลกปัจจุบันท่ี เทคโนโลยกี ารสอ่ื สารไรข้ ดี จำ� กดั แตก่ ารแสวงหาปญั ญาในเบอื้ งกลาง 118 ท่สี ดุ แหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

คอื ระดับความเข้าใจ (understanding) เร่มิ มีขีดจ�ำกดั ยกตวั อย่าง 119 เช่น เราตอ้ งการรวู้ า่ อริยสัจ ๔ คืออะไร แตล่ ะข้อมคี วามหมายอะไร เพยี งเราพมิ พค์ �ำว่า อริยสัจ เขา้ ไปในโปรแกรมค้นหาออนไลน์ (web search engine) ใช้เวลาเพียง ๐.๓๒ วินาที ก็มีผลการค้นหาออก มาถึงกวา่ ๔๗๓,๐๐๐ แหง่ ๔๘ แตจ่ ะนำ� ไปฝกึ หัดปฏิบัตอิ ย่างไรนั้นยงั คงไม่ชัดเจน ไม่ต้องกล่าวไปถงึ ปัญญาเบือ้ งสงู คือ ระดับบรรลุธรรม (enlightenment) ดังน้นั ต้นแบบหรอื ครดู ีจึงมีความส�ำคญั สมกับช่ือ หมวดธรรมท่ีว่า ปัญญาวุฑฒิสูตร ว่าด้วยความเจริญด้วยปัญญา๔๙ ดังทไี่ ด้กล่าวไปแลว้ มี ๔ ประการ อนั ประกอบดว้ ย ๑) สัปปุริสสงั เสวะ (การคบหาสัตบุรุษ) หาครดู ีใหพ้ บ ๒) สัทธัมมัสสวนะ (การฟงั สทั ธรรม) ตงั้ ใจฟงั ค�ำครูใหช้ ดั ๓) โยนิโสมนสิการ (การมนสิการโดยแยบคาย) ตั้งใจ ไตร่ตรองค�ำครูใหล้ กึ ๔) ธมั มานธุ ัมมปฏปิ ตั ติ (การปฏิบัตธิ รรมสมควรแก่ธรรม) ลงมอื ทำ� ตามคำ� ครใู หค้ รบ แต่อย่างไรก็ตาม หากเราเป็นผู้ท่ีขาดความเคารพ มีนิสัย ชอบจับผิดติดตัวมามาก แม้มีต้นแบบหรือครูดีอยู่ต่อหน้า ก็ยาก เหลอื เกนิ ทจี่ ะไดร้ บั การอบรมสงั่ สอนจากทา่ น แมเ้ ราจะบอกตนเอง ว่า ก็พระภิกษุสงฆ์ท่านยังเป็นเพียงสมมติสงฆ์ ไม่ได้ต่างอะไรกับเรา เท่าใดนัก ไว้ถ้าพบพระอริยสงฆ์เม่ือใด ความเคารพในพระสงฆ์ก็จะ เกิดขึ้นเอง เราจะมั่นใจในค�ำกล่าวน้ีไดเ้ พียงใด กค็ งต้องย้อนกลับไป ดูตัวอย่างท่ีเกิดข้ึนในกรณีของพระปิลินทวัจฉเถระและพระมหา ๔๘ ค้นหาด้วยโปรแกรมค้นหาออนไลน์ของ Google ผ่าน Google Chrome Browser ซึง่ อาจมีค่าคลาด เคล่ือนจากที่แสดงไว้บ้าง ท้ังน้ีข้ึนกับโปรแกรมคน้ หาและความเรว็ ของการรับสง่ สญั ญาณ ๔๙ องฺ.จตกุ กฺ . ๒๑/๒๔๘/๓๖๗-๓๖๘ (แปล.มจร) สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

กัปปินเถระอีกคร้ังหน่ึง จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดจนเกิดผลเช่นเดียว กับอดีตพระภิกษุท่ีไปเกิดเป็นเปรต เพราะด่าทอพระสงฆ์ตาม ค�ำแนะน�ำของคนพาล ขาดการพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ ดังที่ปรากฏใน คูถขาทกเปตวัตถุ เมือ่ ขาดความเคารพในพระสงฆ์ แมท้ ่านจะมคี ุณธรรมมากเพียงใด กย็ ากทเ่ี ราจะรองรบั คณุ ธรรมจากท่านได้ ท้ังยงั เปน็ การเพาะนสิ ัยจบั ผิด ให้เกดิ ขึ้นอกี ดว้ ย 120 ท่ีสดุ แหง่ ธรรม ถึงไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สังฆคารวตา... สะพานเช่ือมคฤหัสถแ์ ละบรรพชติ ดังที่เราทราบเป็นอย่างดี บุคคลในพระพุทธศาสนานั้นมีอยู่ ๒ ประเภท คือ คฤหัสถ์และบรรพชิต บุคคลทั้ง ๒ ประเภทน้ีต่าง พง่ึ พาอาศัยซงึ่ กนั และกนั สำ� หรบั คฤหสั ถ์นน้ั อยู่ในฐานะผบู้ �ำเพ็ญบญุ และอุปถมั ภบ์ รรพชติ ด้วยปจั จยั ๔ และสิง่ ทจ่ี �ำเป็นสำ� หรบั การปฏิบตั ิ ภารกจิ ตามหนา้ ทหี่ รอื ความจำ� เปน็ ตามสมควร สว่ นบรรพชติ นนั้ อยใู่ น ฐานะผบู้ ำ� เพญ็ บญุ บารมี ผสู้ งเคราะหค์ ฤหสั ถใ์ นฐานะเปน็ กลั ยาณมติ ร ผู้ให้ธรรมทาน หรืออาจเรียกว่าเป็นเน้ือนาบุญของคฤหัสถ์ก็ได้ ดังที่ ปรากฏใน พหกุ ารสูตร ดังน้ี “ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์และคหบดีท้ังหลายผู้ บ�ำรุงอุปถัมภ์เธอทั้งหลายด้วย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ชื่อว่าเป็นผู้มีอุปการะมาก แก่เธอทั้งหลาย ข้อท่ีเธอท้ังหลายแสดงธรรมมีความงามใน เบ้ืองต้น มีความงามในท่ามกลาง และมีความงามในที่สุด พร้อมท้ังอรรถและพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์ บริสุทธ์ิ บริบูรณ์ ครบถ้วนแก่พราหมณ์และคหบดีเหล่านั้น ชื่อว่าเธอ ทั้งหลายก็มีอุปการะมากแก่พราหมณ์และคหบดีทั้งหลาย ภิกษุท้ังหลาย คฤหัสถ์และบรรพชิตต่างพึ่งพาอาศัยกันและ กันอยู่ ประพฤติพรหมจรรย์เพ่ือต้องการสลัดโอฆะออกให้ได้ เพ่อื ทำ� ทส่ี ุดแห่งทกุ ขโ์ ดยชอบ ด้วยประการดังกล่าวนี้”๕๐ ๕๐ ขุ.อติ ิ. ๒๕/๑๐๗/๔๘๖ (แปล มจร.) 121 สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

รวมความว่า คฤหัสถ์และบรรพชิตต่างอาศัยซ่ึงกันและกัน ดว้ ยอามิสทาน คือ ปจั จัย ๔ มีบิณฑบาต เปน็ ตน้ และธรรมทาน คือ การแสดงธรรมแก่คฤหัสถ์ ซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีจะเกิดข้ึนได้ต่อเม่ือมี ความเคารพในพระสงฆ์ ดังน้ันสังฆคารวตาจึงเป็นเสมือนสะพาน เชื่อมให้คฤหัสถ์และบรรพชิต ต่างได้มีโอกาสพ่ึงพาอาศัยซ่ึงกันและ กันในการฝึกฝนอบรมตนเอง เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิด มาอยา่ งแทจ้ ริง นนั่ คือ เพ่ือกระทำ� ที่สดุ แหง่ ทุกขโ์ ดยชอบนน้ั เอง อย่างไรก็ตาม ในเบ้ืองต้นอาจจะเป็นเรื่องยากส�ำหรับการ ท่ีเราจะมีความเคารพต่อพระภิกษุท่ีเราไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะพระ ภิกษุผู้ใหม่ในพระธรรมวินัย ยังอยู่ในข้ันฝึกฝนอบรมตนเองอยู่ ยังมี มารยาทและโคจรท่ียงั ไมส่ มบรู ณอ์ ยู่ ในประเดน็ นข้ี อใหค้ ฤหสั ถผ์ เู้ ปน็ พุทธศาสนิกชนลองขยายใจจากภาพของพระภกิ ษไุ ปสหู่ มสู่ งฆ์ เราก็ จะพบว่ามีพระภกิ ษุสงฆผ์ ู้ประพฤตดิ ปี ฏบิ ัติชอบอย่อู ีกมากมายจรงิ ๆ แม้ในเรื่องนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นนัยส�ำคัญเกี่ยวกับ ทัศนคติในการมองบรรพชิต แบบรายบุคคล (พระภิกษุ) และ แบบภาพรวม (หม่สู งฆ)์ ไว้ใน ทักขิณาวิภังคสูตร โดยมีใจความ สรุปว่า “อานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าโคตรภูภิกษุ มีผ้ากาสาวะพันคอ เป็นผู้ทุศีล มีธรรมเลวทราม ชนท้ังหลาย จักถวายทานเจาะจงพระสงฆ์ได้ในภิกษุผู้ทุศีลเหล่าน้ัน แม้ ในเวลานั้น เราก็ยังกล่าวทักษิณาท่ีถวายในสงฆ์ว่า มี สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 123 www.kalyanamitra.org

อานิสงส์นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุ คคลกิ ทานวา่ มผี ลมากกว่าทักษิณาท่ีถวายในสงฆ์โดยปริยาย ไร ๆ เลย”๕๑ แมใ้ นอนาคตจะมพี ระภกิ ษสุ งฆผ์ มู้ วี ตั รปฏบิ ตั ไิ มเ่ รยี บรอ้ ยและ เป็นผู้ทุศีลก็ตาม แต่การถวายทานแบบสังฆทาน คือ ถวายโดยรวม โดยไม่จ�ำเพาะเจาะจงไปท่ผี ใู้ ดผหู้ น่งึ แม้อย่างน้ันกต็ าม กย็ ังได้บญุ ได้ อานสิ งสม์ าก และมากกวา่ การถวายทานแบบเจาะจงบคุ คล แมบ้ คุ คล นนั้ จะเปน็ ถงึ พระอรยิ เจา้ กต็ าม เชน่ นย้ี อ่ มเปน็ การชใี้ หเ้ หน็ ถงึ ทศั นคติ ดา้ นคณุ หรอื ด้านบวกในการมองบรรพชติ แบบภาพรวม (หมสู่ งฆ)์ วา่ มีความส�ำคัญมากกวา่ การมองแบบรายบคุ คล (พระภิกษ)ุ จากทย่ี กมาแสดงน้ี จะเหน็ ไดว้ า่ ทศั นคตใิ นดา้ นลบทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั เรา ไมว่ า่ จะเปน็ บรรพชติ หรอื คฤหสั ถ์ ลว้ นนำ� มาซง่ึ ผลเสยี โดยประการ ทง้ั ปวง จรงิ อยวู่ า่ ทศั นคตเิ หลา่ นี้ อาจมสี าเหตมุ าจากผอู้ น่ื เพราะผอู้ นื่ เปน็ เชน่ นน้ั จงึ ทำ� ใหเ้ รามที ศั นคตใิ นดา้ นลบเชน่ น้ี แตค่ วามคดิ เชน่ นไี้ ม่ นำ� มาซึง่ การปรบั ปรุงตวั ของเราแต่อย่างไร ส้เู ป็นวา่ ปรับทศั นคติท่ตี ัว ของเราจะเปน็ การดกี ว่า เพราะอยา่ งไรเสีย ผู้ที่ไดร้ บั ผลจากทัศนคติ ในดา้ นลบนี้ ก็คือตัวของเราเองหาใช่ผู้อ่นื ไม่ โดยเฉพาะอย่างย่งิ แลว้ ทศั นคตใิ นดา้ นลบทมี่ ตี อ่ ตวั ของพระภกิ ษสุ งฆ์ ไมว่ า่ จะเปน็ สมมตสิ งฆ์ หรือพระอริยสงฆ์ ก็น�ำมาซ่ึงความทุกข์ในภายภาคหน้า ในทางกลับ กัน หากเราเป็นผู้ที่มีความเคารพในพระสงฆ์ ย่อมน�ำมาซึ่งความ ๕๑ ศกึ ษาเพ่ิมเติมในรายละเอียดทงั้ หมดของ ทกั ขิณาวภิ งั คสตู ร ในเร่ืองของ ปาฏิปคุ คลกิ ทาน และ สงั ฆทาน ในรูปแบบต่างๆ ได้ใน ม.อ.ุ ๑๔/๓๗๖-๓๘๒/๔๒๔-๔๓๒ (แปล.มจร) 124 ทส่ี ดุ แหง่ ธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สขุ กายสขุ ใจ ไมต่ อ้ งทนทกุ ขท์ จ่ี ะเกดิ ในภายภาคหนา้ นอกจากนย้ี งั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทสี่ ำ� คญั ในการศกึ ษาธรรมอยา่ งมแี บบแผน ลมุ่ ลกึ ไป ตามลำ� ดบั จากพระภกิ ษสุ งฆผ์ ทู้ รงภมู ริ ภู้ ูมธิ รรม ซง่ึ ต่างจะเกอื้ กลู ซึ่งกันและกัน อีกทงั้ ยังท�ำให้พระพุทธศาสนาอนั ประกอบดว้ ยฝา่ ย บรรพชติ และคฤหัสถ์ มีความแขง็ แกร่งและเป็นปกึ แผน่ อกี ดว้ ย สงั ฆคารวตาเป็นเสมือนสะพาน เช่อื มใหค้ ฤหสั ถ์และบรรพชิต ได้มโี อกาสพงึ่ พาอาศัยซ่งึ กนั และกนั ในการฝึกฝนอบรมตนเอง เพื่อใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ ของการเกิดมาอยา่ งแท้จรงิ สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 125 www.kalyanamitra.org

บทสรุป 126 ทีส่ ุดแหง่ ธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

บทสรปุ การแก้ไขปญั หาอยา่ งย่งั ยืน เมอ่ื เรากลา้ หนั กลบั ไปมองปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ กบั พระพทุ ธศาสนา ในประเทศไทยในชว่ งทผี่ า่ นมา เราจะพบวา่ เกดิ ปญั หาการลดจำ� นวน ของพระภิกษุและสามเณร รวมถึงการประพฤติปฏิบัติธรรมของชาว พุทธในจ�ำนวนทนี่ า่ เป็นหว่ ง ซง่ึ เราจะพบว่ามสี าเหตุมาจาก ๑) การ เปลี่ยนแปลงสภาพสังคม คือ จากสังคมเกษตรกรรมมาสู่สังคม อุตสาหกรรม ๒) การปฏิบตั ติ วั ของพระสงฆ์ทป่ี รากฏตอ่ สาธารณะ ๓) ทศั นคตใิ นการมองพระสงฆข์ องชาวพทุ ธ และทงั้ หมดนกี้ ม็ คี วาม เกย่ี วขอ้ งกนั เปน็ ลกู โซ่ สำ� หรบั สาเหตใุ นขอ้ ท่ี ๑ เปน็ สง่ิ ทเ่ี ราไมส่ ามารถ ไปแก้ไขอะไรได้ เพราะเป็นกลไกทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม ของโลก แต่สาเหตุในข้อท่ี ๒ และ ๓ เป็นส่ิงที่เราสามารถแก้ไขได้ เพราะเป็นปัจจัยภายในพระพุทธศาสนา ซึ่งเราสามารถแก้ไขได้ด้วย สงั ฆคารวตา คอื ความเคารพในพระสงฆ์ ในการแกป้ ญั หาทมี่ สี าเหตมุ าจาก การปฏบิ ตั ติ วั ของพระสงฆ์ ท่ีปรากฏต่อสาธารณะ เราสามารถน�ำข้อวัตรปฏิบัติของพระภิกษุ สงฆท์ ่ีปรากฏใน สามัญญผลสูตร พระสูตรทีท่ �ำให้เราเห็นถงึ วิธีการ ฝกึ ปฏิบัตขิ องพระภิกษุสงฆ์ และผลท่ีจะได้รบั จากการปฏิบตั ิอย่าง เป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ระดับต้นจนถึงระดับสูง ซ่ึงเราสามารถแบ่ง ออกได้เป็น ๓ ระดบั ได้แก่ สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 127 www.kalyanamitra.org

ระดับที่ ๑ ทำ� ใหผ้ ู้บวชสามารถยกตนจากฐานะเดมิ ซง่ึ สิ่งท่ี ผบู้ วชเขา้ มาในพระพทุ ธศาสนาพึงปฏบิ ตั ิ คอื ๑) บวชอย่างมีเป้าหมาย คือ ไม่ว่าจะบวชระยะส้ันหรือ ระยะยาวก็ตาม กต็ ง้ั ใจบวชเพือ่ ฝึกฝนอบรมตนเองตามวัตถุประสงค์ ท่ไี ด้ปฏิญาณในทา่ มกลางสงฆ์วา่ จะบวชเพอื่ กำ� จัดทุกข์ท้ังหลายให้ สิ้น และ ท�ำพระนิพพานให้แจ้ง ด้วยการศึกษาอบรมจิตใจท้ังภาค ทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยได้รับการชี้แนะจากพระอุปัชฌาย์หรือ พระอาจารย์ ๒) ส�ำรวมระวังในพระปาติโมกข์อยู่เสมอ คือ ต้ังใจศึกษา และรักษาพระวินัย มีมารยาทงดงาม ไม่ดูเบาในโทษภัยเล็กน้อยว่า จะไม่มผี ลเสียตามมา เป็นต้น ๓) มีอาชีพบริสุทธิ์ คือ การบิณฑบาต ซ่ึงเป็นการขอตาม แบบอรยิ ประเพณี ๔) ถึงพร้อมด้วยศีล อันได้แก่ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เป็นต้น ระดับที่ ๒ ท�ำให้ผ้บู วชมีโอกาสอบรมจติ ใจใหส้ งบประณตี ขึน้ ไปตามลำ� ดบั จนกระทง่ั เขา้ ถงึ ความสว่างภายใน เขา้ ถึงดวงธรรม ภายใน สามารถละกเิ ลสอยา่ งกลาง คือ นวิ รณ์ ได้ ซง่ึ ส่งิ ท่พี ระภกิ ษุ พึงปฏิบตั ิเพอื่ ใหไ้ ด้ผลดังกล่าว คือ ๑) ส�ำรวมอินทรีย์ ระมัดระวังในการดู การฟัง การล้ิมรส เหล่าน้ีเป็นตน้ กล่าวคอื ส่งิ ใดไม่ควรดู ไมค่ วรฟงั ไม่ควรลิม้ รส ก็อยา่ ไปดู อย่าไปฟัง อยา่ ไปลิม้ รส เปน็ ต้น 128 ที่สุดแหง่ ธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

๒) ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ คือ ไม่ปล่อยใจเลื่อนลอย หรอื เผลอสติ ๓) เปน็ ผสู้ นั โดษ พระภกิ ษผุ สู้ นั โดษจะตอ้ งมคี วามพอใจตาม มตี ามได้ แมเ้ ปน็ โยมผทู้ ป่ี วารณาไวก้ ต็ าม กไ็ มอ่ อกปากขอจนเกนิ ความ จ�ำเป็น ๔) ละนิวรณ์ ๕ เข้าถึงฌานสมาบัติ คือ ตั้งใจเจริญสมาธิ ภาวนา เพอ่ื ใหจ้ ติ เปน็ สมาธิ เขา้ ถงึ ดวงธรรมภายใน เขา้ ถงึ กายภายใน ละนวิ รณท์ งั้ ๕ ได้ เพื่อรองรบั คณุ ธรรมคุณวิเศษทีส่ ูงขึน้ ไปตามล�ำดบั ระดบั ที่ ๓ ทำ� ใหผ้ บู้ วชสามารถบรรลวุ ชิ ชา ๘ เขา้ ถงึ คณุ ธรรม คุณวิเศษท่ีประณีตข้ึนไป โดยมี วิปัสสนาญาณ (ญาณรู้เห็นไปตาม ความเปน็ จรงิ ) เป็นตน้ และ อาสวักขยญาณ (ญาณท่ีทำ� อาสวกิเลส ใหส้ ้นิ ) เป็นทส่ี ุด ข้อปฏิบัติเหล่านี้ใน สามัญญผลสูตร ยังท�ำให้เราเห็นถึง มาตรฐานในการดำ� เนนิ ชวี ติ ของพระภกิ ษสุ งฆ์ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม การ ท่ีพระภิกษุจะสามารถฝึกหัดปฏิบัติให้ได้เช่นนี้ มีความจ�ำเป็นท่ีต้อง มี ต้นแบบท่ีดี เพราะเว้นจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระปัจเจก พุทธเจ้าเสียแล้ว แม้พระสารีบุตรผู้เป็นเลิศด้านมีปัญญามาก ก็ยัง ยากทจ่ี ะสามารถรทู้ วั่ ถงึ ธรรมไดโ้ ดยไมม่ คี รบู าอาจารยช์ แ้ี นะ ดงั นน้ั ตน้ แบบ หรอื ครดู ี จงึ มคี วามสำ� คญั ตอ่ การฝกึ ฝนอบรมตนเองของพระ ภิกษสุ งฆ์ ควบค่ไู ปกบั ความเคารพในพระรัตนตรยั คือ ความเคารพ ในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างย่ิง ความ เคารพในพระสงฆ์ หรอื สังฆคารวตานนั้ มีความเกยี่ วขอ้ งโดยตรง สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 129 www.kalyanamitra.org

กบั ความเสอ่ื มและความเจรญิ ของตวั พระภกิ ษเุ อง จนกระทง่ั ไปถงึ ความเสอื่ มและความเจริญของพระพทุ ธศาสนาโดยรวม ในการแก้ไขเกี่ยวกับ ทัศนคติในการมองพระสงฆ์ของชาว พทุ ธ ซ่งึ อาจกล่าวไดว้ ่าเป็นผลสืบเนือ่ งจากสาเหตุใน การปฏิบตั ิตัว ของพระสงฆ์ เพราะถ้าพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติตัวดี ทัศนคติที่ดีก็ จะเกดิ ขึน้ ในทางตรงกันขา้ ม ถา้ พระภิกษุสงฆ์ปฏบิ ตั ติ ัวไม่ดี ทัศนคติ ในด้านลบก็จะเกิดขึ้นตามมา แต่ชาวพุทธเราก็ต้องมีความเข้าใจท่ี ถูกต้องดว้ ยวา่ พระภิกษเุ ดิมทที า่ นกเ็ ปน็ คนธรรมดาเหมอื นเรา แล้ว วันหน่ึงท่านเห็นถึงประโยชน์ของการบวช จึงได้เข้ามาบวช และ แนน่ อนวา่ ไม่มใี ครสมบรู ณไ์ ดท้ ันทที นั ใดในวนั แรกทบ่ี วช เพราะไม่ ว่าจะวงการใดก็ตาม ความสำ� เรจ็ กไ็ มไ่ ด้เกดิ ข้ึนง่าย ๆ นายแพทยผ์ เู้ ชยี่ วชาญระดบั โลกกเ็ รมิ่ จากหมอฝกึ หดั นกั ธรุ กจิ ระดบั โลกกเ็ รม่ิ จากธรุ กจิ เรมิ่ ตน้ (Startup company) แมพ้ ระอรหนั ต์ ผหู้ มดกเิ ลสกเ็ รมิ่ จากพระปถุ ชุ นผเู้ ตม็ ไปดว้ ยกเิ ลส แตเ่ พราะมจี ติ เมตตา มีความปรารถนาดี และการให้ก�ำลังใจสนับสนุน ส่ิงนี้ต่างหากท่ี จะท�ำให้บุคคลเหล่าน้ี ก้าวข้ึนมาประสบความส�ำเร็จได้ ลองนึก จินตนาการดวู า่ ถ้าเราวิพากษว์ ิจารณ์ โดยไม่ใหโ้ อกาสบุคคลเหล่าน้ี ในวนั น้ี เราจะมนี ายแพทยห์ รือนักธุรกิจท่ีมีฝมี อื ในวันหน้าได้อย่างไร แม้พระภิกษุสงฆ์ก็เช่นเดียวกัน ในเม่ือท่านตั้งใจบวชเข้ามา ในพระพทุ ธศาสนาแลว้ แตเ่ นอ่ื งจากยงั เปน็ ผใู้ หมอ่ ยู่ กม็ ผี ดิ มพี ลาดกนั ได้ ชาวพุทธเราจึงควรปรับทัศนคติมุมมอง หรอื mindset เสยี ใหม่ มองทา่ นดว้ ยจติ เมตตา มคี วามปรารถนาดี และใหก้ ำ� ลงั ใจสนบั สนนุ ไม่ใช่ว่าท�ำอย่างน้ันก็ไม่ดี ท�ำอย่างน้ีก็ไม่ถูก ซง่ึ มมุ มองหรอื ความคดิ 130 ท่ีสดุ แห่งธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

เหล่าน้ีจะมีได้ เราตอ้ งสรา้ ง สังฆคารวตา ให้เกิดขึ้น ด้วยการหม่ัน จับดี ไม่จับผิด เพราะพระสงฆ์ท่านก็พยายามฝึกฝนตัวเองของท่าน อยู่แล้ว เราก็ควรจับดใี นตวั ท่าน ให้ก�ำลังใจสนับสนุนกนั ดังนน้ั สังฆคารวตา จึงเปน็ เสมือนสะพานเชอ่ื มให้คฤหสั ถ์ และบรรพชติ ตา่ งมโี อกาสพง่ึ พาอาศยั ซงึ่ กนั และกนั ในการฝกึ ฝนอบรม ตนเองของทง้ั ๒ ฝา่ ย เก้อื กลู กันด้วยอามสิ ทานและธรรมทาน เพ่ือ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องการเกดิ มาอยา่ งแทจ้ รงิ นนั่ คอื เพอื่ กระทำ� ทสี่ ดุ แห่งทุกขโ์ ดยชอบนัน่ เอง อย่างไรก็ตาม ในเบ้ืองต้นอาจจะเป็นเร่ืองยากส�ำหรับการที่ เราจะมคี วามเคารพตอ่ พระภกิ ษทุ เี่ ราไมค่ นุ้ เคย โดยเฉพาะพระภกิ ษผุ ู้ ใหมใ่ นพระธรรมวนิ ยั ยงั อยใู่ นขน้ั ฝกึ ฝนอบรมตนเองอยู่ ยงั ไมส่ มบรู ณ์ จงึ ทำ� ใหเ้ รามที ศั นคตใิ นดา้ นลบตอ่ ทา่ น แตค่ วามคดิ เชน่ นไี้ มน่ ำ� มาซง่ึ การปรบั ปรงุ ตวั ของเราแตอ่ ยา่ งไร สเู้ ปน็ วา่ ปรบั ทศั นคตทิ ต่ี วั ของเรา จะเปน็ การดกี วา่ เพราะอยา่ งไรเสยี ผทู้ ไี่ ดร้ บั ผลจากทศั นคตใิ นดา้ น ลบน้ี กค็ อื ตวั ของเราเองไม่ใช่ผูอ้ ื่น โดยเฉพาะอย่างย่ิงทัศนคติในด้านลบท่ีมีต่อตัวของพระภิกษุ สงฆ์ ไมว่ า่ จะเปน็ สมมตสิ งฆห์ รอื พระอรยิ สงฆ์ ก็น�ำมาซง่ึ ความทุกข์ใน ภายภาคหนา้ ในทางกลบั กนั หากเราเปน็ ผทู้ ม่ี ี ความเคารพในพระสงฆ์ หรอื สงั ฆคารวตา ยอ่ มนำ� มาซงึ่ ความสขุ กายสขุ ใจ ไมต่ อ้ งทนทกุ ขท์ จี่ ะ เกดิ ในภายภาคหนา้ นอกจากนี้ ยงั เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ทส่ี ำ� คญั ในการศกึ ษา ธรรมอยา่ งมแี บบแผน ลมุ่ ลกึ ไปตามลำ� ดบั จากพระภกิ ษสุ งฆผ์ ทู้ รง ภมู ริ ภู้ มู ธิ รรม ซง่ึ ตา่ งจะเกอ้ื กลู ซงึ่ กนั และกนั อกี ทง้ั ยงั ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธ สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 131 www.kalyanamitra.org

ศาสนาอนั ประกอบดว้ ยฝา่ ยบรรพชติ และคฤหสั ถ์ มคี วามแขง็ แกรง่ และเปน็ ปกึ แผน่ อกี ดว้ ย และเมอ่ื เราลองขยายใจจากภาพของนกั บวช แบบรายบคุ คล (พระภกิ ษ)ุ ไปสกู่ ารมอง แบบภาพรวม (หมสู่ งฆ)์ เรา กจ็ ะพบวา่ มพี ระภกิ ษสุ งฆผ์ ปู้ ระพฤตดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบอยอู่ กี มากมายจรงิ ๆ ถ้าทำ� ไดอ้ ย่างน้ี ตัวพระภกิ ษุสงฆท์ า่ นกจ็ ะได้มีก�ำลงั ใจในการฝกึ ฝน อบรมตนเอง เห็นคุณค่าในเส้นทางนักบวช ตัวเราเองกม็ จี ติ ผ่องใส ไมเ่ ปน็ นกั จบั ผดิ มองเหน็ ความดขี องบคุ คลรอบขา้ ง และไดโ้ อกาสใน การศึกษาธรรมจากทา่ น แม้พระพุทธศาสนาเองก็ไดพ้ ระภิกษุสงฆ์ ผรู้ กั ษาพระธรรมวนิ ยั และชาวพทุ ธผมู้ คี วามเคารพในพระรตั นตรยั ดงั สง่ิ ทไี่ ดย้ กมาแสดงทงั้ หมดนี้ ความเคารพในพระสงฆ์ หรอื สงั ฆคารวตา ถอื เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ของกระบวนการแกไ้ ขปญั หาทงั้ ปวง ดังนั้นเราจงึ ควรปลูกฝงั สงั ฆคารวตา นี้ให้มใี นตัวของเราและบุคคล รอบขา้ ง ไมว่ า่ จะเปน็ ฝา่ ยบรรพชติ หรอื คฤหสั ถ์ และเมอื่ กระทำ� ไดเ้ ชน่ น้ี ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทยกจ็ ะหยงั่ ราก ลกึ อีกทั้งยังสามารถแผข่ ยายไปส่ปู ระเทศต่าง ๆ ท่วั โลกไดอ้ กี ดว้ ย 132 ทีส่ ดุ แหง่ ธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สงั ฆคารวตา : ความเคารพในพระสงฆ์ มคี วามเกย่ี วข้องโดยตรงกบั ความเส่อื มและความเจริญของพระภกิ ษุ รวมถึงความเส่ือมและความเจรญิ ของพระพุทธศาสนา www.kalyanamitra.org

บรรณานุกรม มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั . (๒๕๓๙). พระไตรปิฎกภาษาไทย. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั . (๒๕๔๓). พระไตรปฎิ กภาษาไทยและอรรถ กถา แปล. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั . วดั ปากนำ�้ ภาษเี จรญิ และสมาคมศษิ ยห์ ลวงพอ่ วดั ปากนำ�้ . (๒๕๓๗). มรดกธรรมของหลวงพอ่ วัดปากน�้ำ (พระมงคลเทพมนุ )ี . กรงุ เทพมหานคร : บริษทั อมรินทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนด์ พับลิชชง่ิ จ�ำกดั (มหาชน). พระเผดจ็ ทตตฺ ชโี ว. (๒๕๖๒). ทสี่ ดุ แหง่ ธรรมถงึ ไดด้ ว้ ยความเคารพ ๒ ตอน ธมั มคารวตา. ปทุมธานี : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗). สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาต.ิ (๒๕๕๑). ขอ้ มลู สถติ จิ ำ� นวนพทุ ธศาสนกิ ชน อายุ ๑๓ ปีขึ้นไป ท่ีมาประกอบกิจกรรมทางศาสนา. (ฐานขอ้ มลู ออนไลน)์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.nso. go.th/sites/2014 [2562, 10 พฤศจิกายน]. 134 ทสี่ ุดแหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาต.ิ (๒๕๔๘-๒๕๖๑). อา้ งโดย สำ� นักข่าวไทยพบี ีเอส. จ�ำนวนพระภกิ ษุ - สามเณร ๑๔ ป ี ยอ้ นหลัง. เข้าถงึ ได้จาก : https://news.thaipbs.or.th/infographic/227 [2562, 10 ตลุ าคม]. ชาญณรงค์ บุญหนุน. (๒๕๕๔). การลดจ�ำนวนของพระสงฆ์ และผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาในอนาคต. วารสารพทุ ธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.tci-thaijo.org/index.php/ jbscu/article/view/169570/121967 [2562, 30 พฤศจิกายน]. สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 135 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

วิธีฝกึ สมาธิเบือ้ งต้น สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุขอย่างย่ิง ที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นส่ิงที่พระพุทธศาสนา ก�ำหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการด�ำรงชีวิตทุกวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะและปัญญา อันเป็นเรื่อง ไมเ่ หลอื วสิ ยั ทกุ คนสามารถปฏบิ ตั ไิ ดง้ า่ ย ๆ ดงั วธิ ปี ฏบิ ตั ทิ ่ี พระเดชพระคณุ พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนทฺ สโร) หลวงปวู่ ดั ปากนำ้� ภาษเี จรญิ ไดเ้ มตตา ส่งั สอนไว้ ดงั น้ี ๑. กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจให้ นุ่มนวลไว้เป็นเบ้ืองต้น แล้วสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ เพ่ือย้�ำความ มั่นคงในคุณธรรมของตนเอง ๒. คกุ เขา่ หรอื นงั่ พบั เพยี บสบาย ๆ ระลกึ ถงึ ความดี ทไ่ี ดก้ ระทำ� แล้วในวันน้ี ในอดีต และท่ีตั้งใจจะท�ำต่อไปในอนาคต จนราวกับว่า รา่ งกายทงั้ หมด ประกอบขน้ึ ดว้ ยธาตแุ หง่ คณุ งามความดลี ว้ น ๆ สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 137 www.kalyanamitra.org

138 ท่สี ุดแหง่ ธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook