Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิทานเวตาล

นิทานเวตาล

Published by chaweewan, 2020-06-11 05:07:02

Description: นิทานเวตาล

Search

Read the Text Version

กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ

ประวตั ิผแู้ ต่ง กรมหมื่นพทิ ยาลงกรณเป็นพระโอรสในกรม พระราชวงั บวรฯ บวรวไิ ชยชาญกบั จอมมารดา เลี่ยม (เลก็ ) มีเจา้ พ่รี ่วมจอมารดาเดียวกนั พระองค์ หน่ึง คือ พระองคเ์ จา้ ภทั ทาวดีศรีราชะดาซ่ึงมีพระชนั ษาแก่ กวา่ ๕ ปี

กรมพระราชวงั บวรฯ พวรวไิ ชยาญ เป็นพระราชโอรส พระองคใ์ หญ่ในพระบาทสมเดจ็ พระปิ่ นเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ซ่ึงเป็น พระอนุชาธิราชในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี ๔ ส่วนจอมมารดาเลี่ยม (เลก็ ) เป็นกุล สตรีในสกลุ \"ชูโต\" ทางฝ่ ายบิดา และสกลุ \"สโรบล\" ทาง ฝ่ ายมารดา

นิทานเวตาล พระนิพนธ์ของพระราชวงศเ์ ธอ กรมหมื่นพิทยา ลงกรรหรือน.มส. เป็นนิทานท่ีไดร้ ับความนิยมอยา่ งสูง ดงั คานาของ สานพั ิมพค์ ลงั วิทยา (กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ ๒๕๑๘ : คานา) กล่า วา่ \"นิมทานเวตาล พระนิพนธ์ของกรมหม่ืนพิทยาลงกรณเร่ือง น้ี ปรากฎเป็นที่นิยมอ่านของชาวไทยเราเป็นอนั มาก จดั วา่ เป็นยอด นิทานเร่ืองหน่ึงท่ีอ่านกนั ไดเ้ พลิดเพลิน และไดส้ ติดงั น้นั นผเู้ ขียนจึง สนใที่จะศึกษาและนาเสนอวา่ มีสุนทรีรสในบทพระราชนิพนธ์น้ี อยา่ งไรจึทาใหไ้ ดร้ ับความนิบยมสูงเช่นน้นั โดยเนน้ การพิจารนารสคา และรสความเป็ นสาคญั

ในการพิจารณาวรรณคดีหรือวรรณกรรมน้นั มี หลกั เกณฑ์ ทฤษฎี และแนวการพจิ ารณาในรายละเอียดต่างๆ มากมาย แตกต่างกนั ออกไปตามแนวทางการศึกษาของแต่ละบุคคลแลว้ แต่ กรณี แต่ดดยทวั่ ไปจะมีองคป์ ระกอบในการพจิ ารณา ๒ ประการ ใหญ่ๆ คือ รูปแบบ และเน้ือหา ในดา้ นรุปแบบน้นั จะพจิ ารราที่รูปแบบการ ประพนั ธ์ เช่น นวนิยาย เรื่องส้นั สารคดี ฯลฯ รวมท้งั ศิลปะการ ประพนั ธ์ ท้งั น้ีผศู้ ึกษาบางคนอาจแยกรูปแบบการประพนั ธ์ กบั ศิลปะการ ประพนั ธ์ ออกจากกนั กไ็ ด้ ส่วนในดา้ นเน้ือหาน้นั จะพิจารณาท่ีเน้ือหาหรือเน้ือ เรื่องของงานประพนั ธน์ ้นั ๆ อยา่ งไรกด็ การพิจารณาองคป์ ระกอบท้งั ๒ ประการดงั กล่าวไม่สามารถท่ีจะแยกออกจากกนั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน เพราะงาน ประพนั ธเ์ กิดข้ึนจากการผสมกลมกลืนของรูปแบบและภาษาอยา่ งมีศิลปะ

กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (๒๕๑๔ : ๓๑๖-๓๑๘) ทรงอธิบาย รสแห่งกวนี ิพนธ์ไวส้ รุปไดค้ วามวา่ รส (รส) ในทางกวนี ิพนธ์อาจ จาแนกไดเ้ ป็น รสคาและรสความ เกิดจากผจงร้อยกรองถอ้ ยคาอยา่ ง เสนาะเพราะพริ้งเป็นเครื่องเพลินใจแก่ผอู้ ่านผยู้ นิ ทาใหเ้ กิดปรีดา ปราโมทย์ ส่วน รสความน้นั เกิดจากความหมายหรือใจความสะกิด ผอู้ า่ น ผฟู้ ัง ใหค้ ิดหรือเห็นจริง เรื่อง นิทานเวตาล ของ น.ม.ส. เป็นบทพระนิพนธ์ที่ทรงคุณค่าท้งั ในดา้ นอรรถรส คือ ความหมายหรือเน้ือหาสาระอนั ใหป้ ระโยชน์ทางความรู้ ความคดิ คติ เตือนใจ ที่ะสามารถยกระดบั จิตใจของผอู้ ่าน และสุนทรียรส คือความ งามของภาษาอนั ประกอบข้ึนจากการเรียงร้อยถอ้ ยคาท่ีไพเราะ กินใจ ไดอ้ ารมณ์สอดคลอ้ งกบั เรื่อง

ในเรื่องน้ี ศกั ด์ิศรี แยม้ นดั ดา (๒๕๑๙ : ๑๓๗-๑๓๘) ได้ กล่าวถึงบทนิพนธ์เรื่องเวตาลน้ีวา่ \"เรื่องเวตาล เป็นงานประพนั ธ์ ชิ้นสาคญั ที่แสดงลีลาการเขียนร้อยแกว้ ของ น.ม.ส. ไดอ้ ยา่ งยอด เยย่ี ม...\" ยพุ ร แสงทกั ษิณ การที่บทนิพนั ธ์ของพระองคไ์ ดร้ ับการ ยกยอ่ งวา่ ดีเด่น น้นั เนื่องมาจากเหตุผลสามประการ คือ ทรงพระ ปรีชาสามารถยงิ่ ในการสรรคา สานวนโวหาร ทรงแทรกอารมณ์ ขนั และทรงแสดงขอ้ คิดเห็นส่วนพระองคท์ ี่ใหค้ วามเพลิดเพลิน และเสริมสร้างปัญญาแก่ผอู้ ่าน



พระราชาทรงนามวกิ รมาทิตย์ ครองราชยอ์ ยกู่ รุง อุชชยนิ ี นบั เวลาถึงบดั น้ีไดเ้ กือบ ๒,๐๐๐ ปี พระองคเ์ ป็นกษตั ริยท์ รงนาม เลื่องลือ สามารถท้งั ในทางศึกแลในทางปกครองไพร่ฟ้าประชาชน ใหอ้ ยเู่ ยน็ เป็นสุข ท้งั เป็นผเู้ อ้ือเฟ้ื อต่อการเรียนรู้ มีปราชญ์ ๙ คน เรียกวา่ เนาวรัตนกวคี ือ กาลิทาส เป็นตน้ แต่งกลอนยอพระเกียรติ ปรากฏจนเวลาน้ีวา่ รัชกาลพระวกิ รมาทิตยเ์ ป็นเวลาที่วชิ ารุ่งเรือง

ประวตั ิของพระราชาองคน์ ้ี มีเรื่องจริงปะปนกบั เรื่องซ่ึง ประดิษฐข์ ้ึน กล่าวตามความที่เป็นคานาเรื่องน้ีวา่ เม่ือพระวิกรมาทิตย์ ทรงครองราชสมบตั ิรุ่งเรืองอยหู่ ลายปี จนพระชนมายไุ ด้ ๓๐ พรรษา จึงทรงพระดาริวา่ บา้ นเมืองต่างประเทศที่ไดท้ รงยนิ ชื่อ แต่มิไดเ้ คย เห็นน้นั มีมาก สมควรจะเสดจ็ ไปดูใหเ้ ห็นเสียสกั คร้ังหน่ึง ราช ประสงคค์ ือจะเที่ยวสอดรู้การในบา้ นเมืองเหล่าน้นั หาช่องทางที่จะ เอารวมเขา้ มาเป็นเมืองข้ึนดว้ ยกาลงั อาวธุ หรือกาลงั ปัญญา ทรงคิด ฉะน้ีจึงมอบราชการบา้ นเมืองใหพ้ ระอนุชา ทรงนามพระ ภรรตฤราช ปกครองแทนพระองค์ แลว้ ทรงเครื่องปลอมเป็นโยคี มีพระราชโอรส องคท์ ี่ ๒ ทรงนาม ธรรมธวชั ตามเสดจ็ เท่ียวเตร็ดเตร่ไปในป่ าแล เมืองต่างๆ

พระภรรตฤราชผอู้ นุชาซ่ึงปกครองสมบตั ิแลราชการเมือง แทนพระราชาน้นั เป็นบุรุษมีหฤทยั ซึมเซาเป็นปกติ เพราะไดเ้ สียนางผู้ เป็นชายาไปดว้ ยเหตุประหลาด มีเร่ืองตามท่ีกล่าวต่อกนั มาวา่ วนั หน่ึง พระภรรตฤราชเสดจ็ ออกล่าเน้ือในป่ า พบหญิงแม่หมา้ ยเขา้ สู่กอง เพลิงซ่ึงเผาศพพราหมณ์ผสู้ ามี หญิงน้นั แสดงความมน่ั ใจปราศจาก ความสะทกสะทา้ น คร้ันพระภรรตฤราชเสดจ็ กลบั ถึงวงั จึงเล่าแก่นาง ผเู้ ป็นชายาแห่งพระองคว์ า่ นางพราหมณีมีความสตั ยแ์ ลความกลา้ ฉนั น้นั ๆ พระชายาทูลตอบวา่ เมื่อผวั สิ้นชีพไปแลว้ หญิงดียอ่ มจะสิ้นชีวติ ดว้ ยเพลิงแห่งความทุกข์ หาตอ้ งตายในกองเพลิงซ่ึงเผาสามีไม่ พระ ภรรตฤราชทรงฟังดงั น้นั กน็ ่ิงตรึกตรอง มิไดต้ รัสประการใด

คร้ันวนั รุ่งข้ึนเสดจ็ ออกป่ าล่าเน้ืออีกคร้ังหน่ึง ไม่ชา้ ตรัสให้ มหาดเลก็ เชิญเคร่ืองทรงซ่ึงขาดแลเป้ื อนเปรอะกลบั ไปทูลพระชายาวา่ เกิดเหตุวบิ ตั ิในป่ า พระภรรตฤราชสิ้นพระชนมเ์ สียแลว้ พระชายาได้ ยนิ ดงั น้นั กล็ ม้ ลงสิ้นชีวติ ดว้ ยเพลิงแห่งความทุกข์ พระภรรตฤราช กลบั จากป่ ากเ็ สียพระหฤทยั หนกั หนา มีอาการซึมเซากระเดียดไปขา้ ง จะออกเป็นฤาษีอยรู่ ่าไป แมม้ ีชายาองคอ์ ื่น ๆ จานวนไม่นอ้ ยกไ็ ม่ทาให้ แช่มชื่นได้ (จนไดน้ างมาใหม่อีกองคห์ น่ึง)



เม่ือไดร้ ับตาแหน่งปกครองแทนองคพ์ ระราชา แลว้ พระภรรตฤราชกป็ ฎิบตั ิราชการโดยทางท่ีชอบ แต่ไม่สนุกในงานที่กระทาจนกามเทพแผลงศรดอกไม้ ทะลุหฤทยั อีกคร้ังหน่ึง

นางน้นั มีหนา้ เหมือนพระจนั ทร์วนั เพญ็ มีผมดงั เมฆสีนิล โลหิตซ่ึงอุม้ ฝนหอ้ ยอยบู่ นฟ้า มีผวิ ซ่ึงเยย้ ดอกมะลิใหไ้ ดอ้ าย มีตา เหมือนเน้ือทรายซ่ึงระแวงภยั ริมฝีปากเหมือนดอกทบั ทิม คอ เหมือนคอนกเขา มือเหมือนสีแห่งทอ้ งสงั ข์ เอวเหมือนเอวเสือดาว บาทเหมือนดอกบวั พร้อมดว้ ยลกั ษณะนางงามอยา่ งแขก ซ่ึงไทยเรา แต่งกาพยก์ ลอนกพ็ ลอยเอาอยา่ งมาเห็นงามไปดว้ ย พระชายาองค์ ใหม่งามเช่นน้ี พระภรรตฤราชกล็ ืมหลง แต่นางมิไดจ้ งใจภกั ดีต่อ พระสวามี กลบั ไปมีใจรักใคร่กบั อามาตยห์ นุ่มคนหน่ึงชื่อมหิบาล มิ ชา้ กเ็ กิดเหตุ

ในท่ีใกลพ้ ระราชวงั มีพราหมณ์คนหน่ึงกบั ภริยาเป็นคน จนยากแคน้ แสนเขญ็ ไม่รู้จะทาอะไรกท็ าตบะ คืออดขา้ ว แล ทรมานตวั ต่างๆ หนา้ หนาวลงแช่น้า หนา้ ร้อนนงั่ ผงิ ไฟรอบตวั จนเทวดาเบด็ เตลด็ พากนั ยาเกรงทวั่ ไป ในที่สุดเทวทูตลงมา จากสวรรค์ ยน่ื ผลไมใ้ หผ้ ลหน่ึง บอกวา่ เป็นผลไมอ้ ามฤต ถา้ กินแลว้ จะยนื ชีวติ อยคู่ ้าฟ้า

คร้ันเทวทูตอนั ตรธานไปแลว้ พราหมณ์กอ็ า้ ปากซ่ึง ฟันหมดไปแลว้ เพอื่ จะกดั แลกินผลอามฤต พอนาง พราหมณีร้องหา้ มวา่ \"ท่านเอย ท่านจงย้งั ชง่ั ใจดูก่อน ความ ตายน้นั เป็นทุกขช์ ว่ั ขณะเดียว ความมีชีวติ ยากแคน้ เช่นเราน้ี เป็นทุกขย์ าวนาน ท่านอยากจะมีทุกขเ์ ช่นน้ีจนค้าฟ้าหรือ ความยากจนน้ีเป็นบาปท่ีเราทาไวใ้ นหนหลงั ท่านจะยดึ ทุกข์ คือชีวติ ไปทาไมเล่า ผลไมน้ ้นั ท่านอยา่ กินเลย\"

พราหมณ์ไดย้ นิ ภริยาทว้ งดงั น้นั กล็ งั เลในใจ นงั่ นิ่งปาก อา้ ตาเพง่ อยสู่ กั ครู่หน่ึง จึงกล่าวแก่ภริยาวา่ \"ขา้ ไดร้ ับผลไมน้ ้ี ไวจ้ ากเทวทูตดว้ ยหมายจะกิน เม่ือเจา้ คดั คา้ นฉะน้ีขา้ กส็ งสยั ในใจ เจา้ ผมู้ ีปัญญาจะเห็นควรใหข้ า้ ทาอยา่ งไรต่อไปเล่า\" นางพราหมณีตอบวา่ \"ท่านกบั ขา้ พเจา้ เวลาน้ีกแ็ ก่แลว้ ความ ชรายอ่ มกีดกนั ความสุขซ่ึงมีในใจหนุ่มแลสาว คนแก่จะอยู่ ปรัมปราอีกชา้ นานกห็ าประโยชนม์ ิได้ ถา้ การกินผลไมน้ ้ี กลบั ใหค้ วามเป็นหนุ่มแก่ท่าน ขา้ พเจา้ กจ็ ะมิคดั คา้ นเลย\"

พราหมณ์ไดย้ นิ ภริยากล่าวดงั น้นั กส็ ิ้นความลงั เลในใจทิ้งผลไม้ ลงยงั พ้ืนดิน นางพราหมณีกย็ นิ ดี แต่ซ่อนความอ่ิมใจไวม้ ิแสดงใหส้ ามี เห็น ความอ่ิมใจน้นั เกิดแต่ความเห็นแก่ตนเองฝ่ ายเดียว คือนางพราหมณี เห็นวา่ นางไดอ้ ยเู่ ป็นสามีภริยากบั พราหมณ์มากช็ า้ นานจนถึงความชรา เห็นปานฉะน้ีแลว้ ถา้ สามีกินผลอามฤตยนื ยงต่อไป ส่วนนางเองมิพน้ ความตายไดไ้ ซร้ ความเที่ยงธรรมจะมีกห็ าไม่ คร้ันสามีทิ้งผลไมอ้ ามฤต ลงบนพ้นื ดินฉะน้นั แลว้ นางกก็ ล่าวติเตียนความอายยุ นื ซ้าเติมอีกจนสามี เห็นจริง กลบั โกรธเทวดาวา่ นาผลอามฤตมาใหด้ ว้ ยความปองร้าย หยบิ ผลไมน้ ้นั จะโยนเขา้ กองไฟ ภริยาหา้ มไวแ้ ลว้ กล่าววา่ \"ท่านอยา่ เพ่ิงทาเร็ว ไปนกั ผลไมน้ ้ีมิใช่ของหาง่าย เมื่อไดม้ าแลว้ กค็ วรใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ ท่านจงไปเฝ้าพระภรรตฤราช ถวายผลไมน้ ้ี



เธอคงจะประทานรางวลั ใหส้ มแก่ราคาของ รางวลั น้นั แหละจะ ปลดทุกขค์ ือความจนของเรา ท่านทาตบะมาชา้ นานจนไดผ้ ลเช่นน้ีแลว้ ท่านจงกระทาตามคาขา้ เพอ่ื ใหผ้ ลแห่งตบะน้นั เป็นเคร่ืองนามาซ่ึง ความสุขเถิด\" พราหมณ์สามีไดฟ้ ังภริยากล่าวดงั น้นั กเ็ ห็นดว้ ย จึงนาผล อามฤตเขา้ ไปเฝ้าพระภรรตฤราช ทูลใหท้ ราบคุณแห่งผลไมน้ ้นั แลว้ ทูลวา่ \"พระองคจ์ งรับผลไมน้ ้ีเป็นของซ่ึงขา้ พเจา้ ถวายเถิด พระองคท์ รง พระชนมายยุ นื นานจะไดเ้ ป็นท่ีพ่งึ แก่ประชาราษฎร์ทว่ั ไป แลถา้ ประทานรางวลั แก่ขา้ พเจา้ ใหส้ มแก่ค่าแห่งผลไมน้ ้ี ความเป็นท่ีพ่งึ ของ พระองคก์ ย็ ง่ิ แผก่ วา้ งทวอี อกไป\"

พระภรรตฤราชไดฟ้ ังดงั น้นั กท็ รงยนิ ดี รับผลไม้ จากพราหมณ์แลว้ ตรัสใหพ้ ราหมณ์ตามเสดจ็ เขา้ ไปใน คลงั ทอง อนั เป็นที่ซ่ึงทองทรายกองอยหู่ ลายพอ้ ม แลว้ ตรัสใหพ้ ราหมณ์ขนเอาไปเตม็ แรงท่ีจะขนได้ พราหมณ์กเ็ ปล้ืองผา้ ออกห่อทองทราบแลบรรจุในท่ี ต่างๆ ซ่ึงจะบรรจุได้ รวมท้งั ในปากอนั พดู คล่องแลไม่ มีฟันน้นั ดว้ ย

คร้ันพราหมณ์ออกจากวงั ไปแลว้ พระภรรตฤราชกเ็ สดจ็ ไปสู่ตาหนกั แห่งพระชายาองคใ์ หม่ ประทานผลไมแ้ ก่นางแลว้ ตรัสวา่ \"เจา้ จงกินผลไมอ้ ามฤต น้ีเถิด ความงามของเจา้ จะอยใู่ หข้ า้ ชมไปชวั่ กาลนาน\" พระชายาซ่ึงมีหนา้ เหมือน พระจนั ทร์วนั เพญ็ มีผมดงั เมฆสีนิลโลหิตซ่ึงอุม้ ฝนหอ้ ยอยบู่ นฟ้า มีผวิ ซ่ึงเยย้ ดอก มะลิใหไ้ ดอ้ าย ฯลฯ ทรงรับผลไมอ้ ามฤตจากพระภรรตฤราชแลว้ วางพระหตั ถบ์ น อุระพระสวามี จุมพติ พระเนตรแลพระโอษฐ์ พลางทูลวา่ \"พระองคจ์ งเสวยผลไม้ น้ีเถิด หรือมิฉะน้นั แบ่งเสวยกบั ขา้ พเจา้ องคล์ ะคร่ึงผลเพอื่ จะไดย้ นื ชนมายไุ ป ดว้ ยกนั ความเป็นสาวอยเู่ สมอน้นั ถา้ มิไดม้ ีชายผเู้ ป็นที่รักอยดู่ ว้ ยแลว้ ประโยชน์ อนั ใดจะมีเล่า\" พระภรรตฤราชทรงฟังดงั น้นั กแ็ ช่มช่ืนในพระหฤทยั แต่ตรัสแก่ นางวา่ ผลอามฤตน้นั ตอ้ งกินคนเดียวหมดผลจึงจะมีคุณดงั กล่าว ถา้ แบ่งกินคนละ คร่ึงกไ็ ม่มีประโยชนเ์ ลย รับสงั่ เท่าน้นั แลว้ กเ็ สดจ็ ไปจากตาหนกั นาง ทิ้งผล อามฤตไวใ้ หน้ างเสวยตามสบาย

ฝ่ ายพระชายาผมู้ ีหนา้ เหมือนพระจนั ทร์วนั เพญ็ มีผมเหมือน เมฆสีนิลโลหิตซ่ึงอมุ้ ฝนหอ้ ยอยบู่ นฟ้าฯลฯ คร้ันพระสวามีเสดจ็ พน้ ตาหนกั ไปแลว้ นางกต็ รัสใหค้ นสนิทไปตามอามาตยห์ นุ่มผเู้ ป็นท่ีพ่ึง พระหฤทยั ไปท่ีตาหนกั แลประทานผลอามฤตแก่อามาตยห์ นุ่มดว้ ย กิริยาแลวาจาซ่ึงสาแดงเสน่หาอยา่ งนอ้ ยเสมอกบั ที่ไดแ้ สดงต่อพระ ภรรตฤราชผสู้ วามี อามาตยห์ นุ่มรับผลอามฤตดว้ ยกิริยาแลวาจาซ่ึง สาแดงเสน่หาไม่หยอ่ นกวา่ ท่ีนางสาแดง แลว้ กลบั จากตาหนกั พระ ชายา พบนางสนมรูปงามคนหน่ึง ซ่ึงเป็นที่พศิ วาสของอามาตยห์ นุ่ม อามาตยห์ นุ่มกใ็ หผ้ ลอามฤตแก่นางน้นั ดว้ ยกิริยาแลวาจาซ่ึงสาแดง เสน่หาไม่หยอ่ นกวา่ ที่ไดแ้ สดงต่อพระชายา ประมาณ ๕ นาทีซ่ึงพน้ มาแลว้

นางสนมรูปงามไดร้ ับผลไมส้ าคญั ไม่ทราบเรื่องแต่เดิมมา คิดจะหา ความชอบต่อพระภรรตฤราชโดยความฝันวา่ จะไดเ้ ป็นใหญ่ จึงนาผลไมไ้ ป ถวาย ทูลวา่ เป็นผลอามฤตซ่ึงถา้ เสวยใหห้ มดผลจะทรงพระชนมย์ นื ยาวชว่ั กลั ปาวสาน พระภรรตฤราชทรงรับผลอามฤตจากนางแลว้ ประทานทรัพย์ เป็นรางวลั มากมาย คร้ันนางออกจากที่เฝ้าแลว้ กท็ รงถือผลไมใ้ นพระหตั ถ์ พิศพลางทรงราพึงวา่ \" มายาคือความมง่ั คงั่ แลมายาคือความรักน้ีมีคุณดีที่ ไหนบา้ ง ความชื่นบานอนั เกิดแต่มายาท้งั สองน้ีอยไู่ ดค้ รู่เดียวกก็ ลบั เป็นความ ขมตลอดชาติ ศฤงคารน้ีเหมือนเหลา้ ในถว้ ยของนกั เลงสุรา เม่ือจิบคร้ังแรกมี รสดีเอิบอาบไปทว่ั กาย ยง่ิ ดื่มบ่อยเขา้ ยง่ิ หยอ่ นรส ในที่สุดเป็นทุกขอ์ นั หนกั ชีวิตน้ีมิใช่อื่นไกล คือความหมุนเวียนแห่งความช่ืนบาน ซ่ึงเป็นความหลงกบั ความเร่ าร้อนซ่ึงเป็ นความจริ งเท่าน้ นั

วนั ท่ีจะต่ืนจากชีวติ กค็ ือวนั ท่ีสิ้นสุดแห่งชีวติ น้นั เอง ทางที่สองรองความตื่นจากชีวติ น้ีกค็ ือความเป็นดาบสไว้ ศรัทธาในตบะเพอ่ื พระผเู้ ป็นเจา้ จะไดท้ รงกรุณาประทานใน โลกหนา้ ความสุขซ่ึงไม่ประทานในโลกน้ี\" เราไดก้ ล่าวมาใน เบ้ืองตน้ วา่ พระภรรตฤราชเป็นผมู้ ีหฤทยั ซึมเซาชวนจะเป็น ฤษีอยเู่ สมอ ๆ แลว้ ถอ้ ยคาท่ีทรงราพึงน้ีเป็นคาของคนท่ีใกล้ จะออกป่ าเป็นดาบส เราท่านฟังดูไม่เห็นไดค้ วามเป็นเร่ืองเป็น ราวอะไร เพราะเรายงั ห่างไกลจากความเป็นดาบสมาก แล มิไดแ้ สวงท่ีจะออกป่ าเป็นฤษีเลย



ส่วนพระภรรตฤราชน้นั เม่ือทรงราพงึ เช่นกล่าวน้นั แลว้ กต็ กลงใน หฤทยั วา่ จะออกป่ าเป็นโยคี แต่ยงั อยากจะสนทนากบั พระชายาผมู้ ีหนา้ เหมือน พระจนั ทร์วนั เพญ็ ฯลฯ อยู่ จึงเสดจ็ ไปตาหนกั นาง ซ่อนผลอามฤตไปดว้ ย คร้ัน เสดจ็ จึงตรัสถามวา่ ผลอามฤตท่ีประทานน้นั นางเสวยแลว้ หรือ นางทูลตอบวา่ \"ไฉนพระองคจ์ ึงตรัสถามเช่นน้ี ขา้ พเจา้ ไดร้ ับประทานกก็ ินแลว้ เป็นแน่ พระองคท์ รงเห็นขา้ พเจา้ สวยนอ้ ยไปกวา่ เม่ือตะก้ีน้ีหรือ\" พระภรรตฤราชทรง หยบิ ผลอามฤตออกชูใหน้ างดูแลว้ มีดารัสแก่ราชบุรุษอานวยวิธีตดั หวั นางอยา่ ง ละเอียด ส่วนผลอามฤตน้นั มีรับสง่ั ใหล้ า้ งจนสิ้นมลทินท่ีติดจากมือคนต่าง ๆ แลว้ กเ็ สวยหมดท้งั ผลแลว้ ทิ้งราชสมบตั ิเขา้ ป่ าเป็นโยคี คนบางพวกกล่าววา่ พระ ภรรตฤราชยงั ทรงโยคะอยใู่ นแถบเขาหิมาลยั อนั เป็นท่ีกวา้ งยากที่ใครจะไปตาม พบ คนบางพวกกล่าววา่ เม่ือจาเริญตบะยงิ่ ๆ ข้ึน กไ็ ดเ้ ขา้ รวมอยใู่ นภาวะแห่ง พระผเู้ ป็นเจา้ อนั เป็นท่ีประมวลคนดีทวั่ ไป

ส่วนราชสมบตั ิกรุงอุชชยนิ ี ซ่ึงวา่ งผปู้ กครองน้นั กร็ ้อนถึงพระ อินทร์ตามเคย พระอินทร์ตรัสใหอ้ สูรตนหน่ึงชื่อ ปัถพบี าล ลงมาป้องกนั กรุงอุชชยนิ ีมิใหม้ ีภยั มาถึง ต่อเมื่อพระวิกรมาทิตยก์ ลบั เขา้ กรุงเม่ือใด จึงให้ อสูรกลบั ไปที่อยไู่ ด้ ปัถพบี าลรับเทวบญั ชาดงั น้นั กม็ าอยปู่ ระจาการที่กรุง อุชชยนิ ี เฝ้ายามท้งั วนั ท้งั คืนมิใหภ้ ยั มีมาได้ ฝายพระวิกรมาทิตย์ เมื่อเสดจ็ พาพระโอรสปลอมเป็นโยคีเท่ียวเตร็ดเตร่ตามเมืองแลป่ าต่าง ๆ ประมาณปี หน่ึงกบ็ งั เกิดเบื่อหน่าย เพราะเส้ือผา้ เคร่ืองทรงไม่สบายควรแก่ราชูปโภค บางคราวกห็ ิว บางคราวกต็ อ้ งต่อสูส้ ตั วป์ ่ าท่ีนึกวา่ กษตั ริย์ ๒ องคค์ ือเน้ือ ๒ กอ้ น อน่ึงพระราชาทิ้งราชสมบตั ิไปนานกค็ ิดเป็นห่วง เกิดวิตกต่างๆ ท้งั ได้ ยนิ ลือกนั วา่ พระภรรตฤราชทิ้งเมืองเขา้ ป่ าเป็นฤษีไปเสียแลว้ เหตุเหล่าน้ี รวมกนั ทาใหพ้ ระวกิ รมาทิตยพ์ าพระโอรสหนั พระพกั ตร์สู่นคร

สององคท์ รงด่วนดาเนินหลายวนั ถึงประตูนคร เวลาเท่ียงคืน พอจะเสดจ็ เขา้ เมืองกม็ ีผมู้ ีกายใหญ่ยนื ขวาง ประตูร้องถามดว้ ยเสียงดงั สนน่ั วา่ \"ใครมา จะไปไหน จง หยดุ อยกู่ บั ที่แลบอกช่ือไปก่อน\" พระวกิ รมาทิตยท์ รง โกรธเป็นกาลงั ตรัสวา่ \"เราคือพระราชาวิกรมาทิตย์ จะ กลบั เขา้ สู่นครของเรา เจา้ คือใครจึงกาเริบมาหา้ มฉะน้ี\"

อสูรปัถพบี าลตอบวา่ \"ขา้ พเจา้ เป็นผทู้ ี่เทพยดาใหม้ ารักษาเมืองน้ี ถา้ ท่านคือพระวกิ รมาทิตยจ์ ริง จงมาสูล้ องฤทธ์ิดูก่อน\" พระราชาตรัสวา่ \"ตกลง\" เพราะไม่โปรดจะทาอะไรยงิ่ กวา่ รบ คร้ันทรงเหน็บผา้ ทรงมนั่ คงแลว้ กต็ รงเขา้ ต่อสูก้ บั อสูร อสูรน้นั กาหมดั เท่าผลแตงโม ลาแขนแขง็ ราวตะบองเหลก็ ฟาด ลงมาแต่ละคร้ังดงั ตน้ ไมใ้ หญ่ซ่ึงพายพุ ดั ลม้ ฟาดลงมา ส่วนพระราชาน้นั สูง เพียงสะดือยกั ษ์ ยกั ษก์ ม้ ลงฟาดกาหมดั คราวไรกต็ วาดดว้ ยเสียงอนั ดงั คนที่ไม่ กลา้ หาญมนั่ คง อาจแพเ้ พราะเสียงน้นั อยา่ งเดียว ต่อสูก้ นั อยคู่ รู่หน่ึง ยกั ษ์ เหยยี บพลาดลม้ ลง พระราชบุตรเขา้ ช่วยนง่ั ทบั อยบู่ นทอ้ งยกั ษ์ พระราชาข้ึนข่ี อยบู่ นคอ สองพระหตั ถจ์ ิกลงไปในกระบอกตา ตรัสวา่ \"ถา้ ยกั ษไ์ ม่ยอมแพจ้ ะ ควกั ดวงตาออกเสีย\" ยกั ษร์ ้องทูลวา่ \"พระองคไ์ ดท้ ีแลว้ นบั วา่ ทาใหข้ า้ พเจา้ ลม้ ได้ ขา้ พเจา้ ยอมถวายชีวิตของพระองคแ์ ก่พระองค\"์

พระวิกรมาทิตยท์ รงสารวลแลตรัสวา่ \"เจา้ จะ เป็นบา้ ดอกกระมงั เจา้ อยใู่ นอานาจของขา้ แลว้ ขา้ จะ ตดั ลมหายใจของเจา้ เสียกไ็ ดใ้ นบดั น้ี เจา้ จะกลบั มาให้ ชีวติ ของขา้ แก่ขา้ อยา่ งไรเล่า เจา้ ไม่ตอ้ งใหช้ ีวติ ขา้ ขา้ ก็ มีชีวติ ต่อไปได\"้

ยกั ษต์ อบวา่ \"พระองคอ์ ยา่ กล่าวเยอ่ หยงิ่ ใหเ้ กินไป พระองค์ ต้งั อยใู่ นความไม่รู้ พระองคจ์ ะสิ้นชีวติ ในเร็ววนั น้ีเอง ถา้ ขา้ พเจา้ ช่วย ใหพ้ ระองคพ์ น้ ภยั ถึงแก่ชีวติ กค็ ือขา้ พเจา้ ถวายชีวติ แก่พระองค์ พระองคจ์ งฟังเร่ืองซ่ึงขา้ พเจา้ จะเล่าถวาย แลว้ ทรงตรึกตรองดูเถิด ถา้ เช่ือขา้ พเจา้ แลทาตามคาขา้ พเจา้ พระองคจ์ ะทรงชนมายยุ นื ยาว ประกอบดว้ ยผาสุกสวสั ดี เป็นที่พ่ึงของประชาราษฎร์ไปชวั่ กาลนาน แลเม่ือถึงคราวดบั พระชนม์ กจ็ ะดบั ดว้ ยความไม่กระสบั กระส่าย\" พระราชาแลพระราชบุตรเสดจ็ ลงจากตวั ยกั ษย์ นื อยยู่ งั ดิน ยกั ษล์ ุกข้ึน นง่ั แลว้ เล่าเร่ืองดงั ต่อไปน้ี



\"ในกรุงอชุ ชยนิ ีมีคนเกิดในวนั เดือนปี เดียวกนั แลฤกษ์ เดียวกนั ๓ คน คนท่ี ๑ คือพระองคผ์ ทู้ รงนามพระวกิ รมาทิตย์ คน ที่ ๒ เป็นบุตรคนคา้ น้ามนั คนที่ ๓ เป็นโยคีฆ่าคนที่ ๒ ตายเสีย แลว้ โยคีน้นั ฆ่าคนท้งั หลายท่ีมีโอกาสฆ่าไดเ้ พื่อบูชานางทุรคา คร้ันฆ่าบุตรคนคา้ น้ามนั แลว้ โยคีกไ็ ปทาตบะหอ้ ยตวั เองเอาหวั ลง อยบู่ นตน้ ไมใ้ นป่ าชา้ มีความคิดจะฆ่าพระองคผ์ เู้ ป็นพระราชา แล ไดฆ้ ่าแลว้ ซ่ึงบุตรของตน\" พระราชาตรัสถามวา่ \"โยคีเหตุไรจึงมี บุตร\" ยกั ษต์ อบวา่ \"ขา้ พเจา้ กาลงั จะเล่าอยเู่ ด๋ียวน้ี

ในเวลาซ่ึงพระราชบิดาของพระองคย์ งั ทรงพระชนมค์ รองราชสมบตั ิ อยนู่ ้นั วนั หน่ึงเสดจ็ ออกเท่ียวป่ า ไดท้ อดพระเนตรเห็นโยคีตนหน่ึงนงั่ ทาตบะ อยใู่ นป่ า ฝงู ปลวกพากนั มาทารังเกาะอยรู่ อบตวั โยคี สตั วเ์ ล้ือยคลานต่างๆ พา กนั ไต่ตามกายแลหนา้ หมาร่าทารังหอ้ ยอยบู่ นผม แต่โยคีกม็ ิไดร้ ู้สึกตวั นงั่ น่ิง เหมือนคนไม่มีใจ ต่อพิจารณาละเอียดจึงเห็นไดว้ า่ มีชีวิต พระราชา ทอดพระเนตรเห็นดงั น้นั กแ็ ปลกพระหฤทยั สกั ครู่หน่ึงกเ็ สดจ็ คนื พระนคร ทรง มา้ น่ิงตรึกตรองตลอดทาง คร้ันถึงพระนครกร็ ับสง่ั ถึงโยคีน้นั ร่าไป ยง่ิ ทรงนึก ถึงแลรับสงั่ ถึงกย็ งิ่ ใคร่ทรงทราบเร่ืองแลทดลองตบะแห่งโยคีน้นั ในที่สุดมี รับสง่ั ใหป้ ่ าวร้องทวั่ พระนครวา่ ถา้ ผใู้ ดทาใหโ้ ยคีเขา้ มาในพระนครไดโ้ ดย ลาพงั ความชกั ชวน จะประทานรางวลั มีจานวน ๑๐๐ เหรียญสุวรรณ

\"ยงั มีนางเวศยาคนหน่ึงชื่อ นางวสนั ตเสนา มีช่ือเสียง ชานาญการร้องราทาเพลงยงิ่ กวา่ สามารถสารวมฤดี นางน้นั เขา้ ไปเฝ้าพระราชบิดาของพระองค์ อาสาจะนาโยคีเขา้ มายงั ทอ้ งพระโรง แลจะใหแ้ บกทารกมาดว้ ย พระราชาทรงฟังก็ สงสยั คาที่นางกล่าววา่ จะทาไดแ้ ต่ประทานใบพลูแก่นางใบ หน่ึงเป็นสญั ญา ตกลงใหท้ าตามอาสาแลว้ ประทานอนุญาต ใหอ้ อกจากทอ้ งพระโรงไป

\"นางวสนั ตเสนาคร้ันออกจากที่เฝ้าแลว้ กไ็ ปยงั ป่ า เที่ยวหาโยคี พบนง่ั หิวแลกระหายน้าอยแู่ ทบใกลต้ น้ ไม้ ใหญ่ มีอาการเหมือนใกลจ้ ะสิ้นชีวติ ดว้ ยความร้อนแลความ หนาว นางจึงทาอาหารน้าอยา่ งหน่ึงซ่ึงมีรสหวานแหลม ค่อยยอ่ งเขา้ ไปใกลแ้ ลว้ ค่อยๆ ป้ายอาหารน้นั ที่ปากโยคี โยคี รู้สึกถึงความหวานกเ็ ลียอาหารน้นั เขา้ ไป นางกป็ ้ายเติมอีก เป็นหลายคร้ัง คร้ันวนั ท่ีสามโยคีค่อยมีกาลงั พอรู้สึกนิ้วป้าย ท่ีปากกล็ ืมตาข้ึนดู เห็นนางวสนั ตเสนากถ็ ามวา่ เจา้ มาท่ีนี่ ทาไม\"

นางวสนั ตเสนาเตรียมตอบไวแ้ ลว้ คร้ันโยคีถามดงั น้นั กต็ อบวา่ \"ขา้ พเจา้ เป็นลูกสาวเทวดา ไดก้ ระทาพรตอยใู่ นสวรรค์ บดั น้ีขา้ พเจา้ ลงมาพกั อยใู่ นป่ าน้ีเพอื่ จะถือพรตต่อไป\" \"โยคีเห็นนางรูปร่างงาม กค็ ิดวา่ การทรงพรต อยใู่ กล้ ๆนางมีโฉมเช่นน้ีสาราญกวา่ อยคู่ นเดียวมาก จึงถามวา่ ท่ีอยขู่ องนาง อยทู่ ่ีไหน นางวสนั ตเสนากช็ ้ีวา่ อยใู่ กล้ ๆ น้นั เอง แลว้ แกะดินปลวกใหห้ ลุด จากกายโยคี ชกั ชวนใหอ้ าบน้าชาระกาย แลว้ พาไปท่ีกระท่อมซ่ึงไดจ้ ดั ใหม้ ีผู้ มาสร้างข้ึนเตรียมไวใ้ นป่ าน้นั คร้ันถึงกระท่อมไดเ้ ห็นของดี ๆ ต่าง ๆ ซ่ึงควร แก่ชาวนครลว้ นเป็นส่ิงซ่ึงโยคีไม่เคยพบเห็น โยคีกพ็ ิศวงยงิ่ นกั นางวสนั ต เสนากอ็ ธิบายวา่ นางถือพรตชนิดที่ตอ้ งใชข้ องดีที่สุดซ่ึงจะหาได้ ตอ้ งแต่งตวั ใหส้ วย ตอ้ งกินอาหารประกอบดว้ ยรสท้งั ๖ ท้งั ตอ้ งบารุงความร่ืนเริงต่าง ๆ (ชะรอยจะทานองเดียวกนั กบั ชนหมู่หน่ึงซ่ึงนบั ถือคาสงั่ สอนของวลั ลภา จารยย์ งั มีอยใู่ นอินเดียจนถึงทุกวนั น้ี)

คร้ันไปถึงกระท่อม นางวสนั ตเสนากเ็ ล้ียงดูโยคี เป็นอนั ดี ฝ่ ายโยคีเม่ือไดร้ ู้รสท้งั ๖ กช็ อบใจ ละพรต อยา่ งเก่ามาถือพรตอยา่ งใหม่ ถือการกินแลด่ืมแทนกา รอด มิชา้ กไ็ ดอ้ ยกู่ ินกบั นางวสนั ตเสนาตามวธิ ีคนธรรพ์ ววิ าหะ คร้ัน ๑๐ เดือนล่วงแลว้ ไปกม็ ีบุตรคนหน่ึง ดงั น้ี โยคีจึงมีบุตร



\"ฝ่ ายนางวสนั ตเสนาคร้ันมีบุตรแลว้ วนั หน่ึงจึงชกั ชวนโยคีผสู้ ามี วา่ ดูกรท่านผทู้ รงโยคะ เราไดถ้ ือพรตมาในป่ าน้ีชา้ นานแลว้ มาเราไปยงั ท่า น้าอนั เป็นบุณยสถานต่างๆ เพ่ือลา้ งกายใหห้ มดบาปเป็นท่ีจาเริญสุขต่อไป โยคีไดฟ้ ังดงั น้นั กเ็ ห็นชอบจึงแบกทารกผบู้ ุตรข้ึนบ่าแลว้ ออกเดินตามนาง ผภู้ ริยา นางกน็ าตรงเขา้ กรุงอุชชยนิ ี เขา้ ยงั ทอ้ งพระโรงในเวลาท่ีพระราชา ประทบั อยทู่ ่ามกลางอามาตยม์ นตรี ทอดพระเนตรเห็นนางวสนั ตเสนานา โยคีแบกทารกเขา้ มา กท็ รงพระสรวลตรัสวา่ \"อโห หญิงเวศยาไปพาโยคี แบกทารกมาแลว้ \" \"พวกอามาตยม์ นตรีพร้อมกนั ทูลวา่ พระองคต์ รัสถูก แท้ หญิงคนน้ีเจียวรับจะไปพาโยคีมา นางรับจะทาอนั ใดกท็ าอนั น้นั สาเร็จ แลว้ ทุกประการ\" \"พระราชาไดท้ รงฟังกท็ รงพระสรวล ผทู้ ี่เฝ้าอยกู่ ห็ วั เราะ ข้ึนพร้อมกนั ประหน่ึงโยคีเป็นเคร่ืองสนุกอยา่ งใหญ่

ฝ่ ายโยคีเม่ือไดย้ นิ พระราชาตรัสแลไดย้ นิ คนอ่ืนๆ พดู แลว้ หวั เราะเกรียวกราวดงั น้นั กค็ ิดวา่ พวกน้ีเจยี วแต่งนางไป ล่อเราใหเ้ สียผลแห่งตบะที่ไดบ้ าเพญ็ มา คร้ันรูส้ ึกเช่นน้นั แลว้ กแ็ บกลูกข้ึนบ่า สาปคนท้งั หลายท่ีอยใู่ นทนี่ ้นั แลว้ ออก จากทอ้ งพระโรงไป คาท่ีโยคีสาปน้นั ไม่เป็นผลสาเร็จ เพราะ เสียตบะเสียแลว้ \"

\"คร้ันโยคีกลบั ไปถึงป่ ากฆ็ ่าบุตรของตนเสีย แลว้ เร่ิมทาตบะ ใหม่ มาดหมายจะแกแ้ คน้ พระราชบิดาแห่งพระองค์ บดั น้ีพระราชบิดา กส็ ิ้นพระชนมไ์ ปแลว้ โยคีต้งั หนา้ จะทาร้ายพระองคต์ ่อไป หวงั จะเอา เลือดพระราชาแลพระราชบตุ รเป็นเคร่ืองบูชานางทรุ คา เพ่อื ไดร้ ับ ความเป็นใหญ่ในโลกเป็นรางวลั \" ปัถพบี าลเล่าเร่ืองจบแลว้ กท็ ูลพระวิ กรมาทิตยว์ า่ \"ขา้ พเจา้ ไดก้ ล่าวสญั ญาแลว้ วา่ จะช่วยชีวติ พระองค์ พระองคจ์ งฟังขา้ พเจา้ เถิด ต่อไปน้ีจงระวงั พระองค์ อยา่ เช่ือคาผมู้ ีสานกั ในหมู่คนตาย แลทรงจาใส่พระหฤทยั ไวว้ า่ ผใู้ ดมุ่งจะฆ่าชีวิตพระองค์ พระองคอ์ าจตดั หวั ผนู้ ้นั เสียก่อนไดโ้ ดยครองธรรม ต่อน้นั ไปจะทรง ครอบครองสกลโลกดว้ ยความสุข ปรากฏพระนามไปชวั่ กาลนาน\"

ปัถพบี าลทูลเท่าน้นั แลว้ กอ็ นั ตรธานไป พระวกิ รมาทิตย์ กบั พระราชบุตรกเ็ สดจ็ เขา้ ไปในพระนคร ฝ่ ายชาวเมือง คร้ัน พระราชาเสดจ็ คืนครองราชสมบตั ิกพ็ ากนั ยนิ ดี ร่ืนเริง ต่างแต่ง กายโอ่อ่าประกวดกนั บา้ งกร็ ้องราทาเพลง บา้ งกป็ ระโคมดนตรี กึกกอ้ งไป เนาวรัตนกวกี แ็ ต่งกลอนยอพระเกียรติเชิดชูเป็น เคร่ืองจาเริญพระยศ พระราชากท็ รงสาราญ แวดลอ้ มดว้ ยพระ ราชวงศ์ อามาตยม์ นตรีแลจตุรงคินีเสนา เหมือนหน่ึงสุรเทพ นิกร แวดลอ้ มศกั ราเทวราชครองราชยั อยใู่ นกรุงอมราวดี จดั เป็นทิพยนครฉะน้นั

ฝ่ายพระวิกรมาทิตย์ คร้ันสงบความร่ืนเริงในการเสดจ็ นครแลว้ กท็ รง ปกครองประชาราฎร์โดยเยย่ี งอยา่ งประเสริฐ คนทาผดิ กล็ งราชทณั ฑต์ าม โทษานุโทษ เป็นตน้ วา่ อามาตยค์ นหน่ึงข้ึนชื่อวา่ รับสินบนกโ็ ปรดใหร้ ิบทรัพย์ สมบตั ิของอามาตยน์ ้นั ไปข้ึนทอ้ งพระคลงั เสียสิ้น คนชาติต่าคนหน่ึงมีกล่ิน เหลา้ ออกจากปากกโ็ ปรดใหส้ กั หนา้ เป็นเครื่องหมายโทษ ช่างทองคนหน่ึง ประกอบการฉอ้ โกง กโ็ ปรดใหเ้ อามีดโกนขีดเน้ือเป็นรอยยาว ๆ เหมือนฉีกผา้ คนหน่ึงเป็นคนปากร้าย พดู จาใหโ้ ทษ กโ็ ปรดใหเ้ จาะที่กะโหลกหลงั ศีรษะ แลว้ เอาคีมจบั ลิ้นลากยอ้ นรอยไปออกทางช่องซ่ึงเจาะน้นั คนฆ่าคนตายสอง สามคน กโ็ ปรดใหเ้ อาข้ึนเผาท้งั เป็นบนตารางเหลก็ แลโปรดใหอ้ อ้ นวอนพระ ผเู้ ป็นเจา้ ในขณะเดียวกนั ใหค้ นเหล่าน้นั พน้ โทษซ่ึงน่ากลวั จะไดร้ ับในปรโลก ส่วนการรบแยง่ เมืองของผอู้ ื่น กไ็ ดท้ รงทาดว้ ยความสามารถ มิชา้ กม็ ีอาณาจกั ร ไปในสกลโลก

วนั หน่ึงพระวกิ รมาทิตยเ์ สดจ็ ออกวา่ ราชการเมือง มี พอ่ คา้ คนหน่ึงเขา้ ไปเฝ้าในทอ้ งพระโรง พอ่ คา้ คนน้ีมาจากเมือง ไกลข้ึนชื่อวา่ มง่ั มีนกั คร้ันไดเ้ ขา้ เฝ้ากน็ าผลไมผ้ ลหน่ึงถวาย แลว้ ทูลลาไป เมื่อพอ่ คา้ ไปแลว้ พระวกิ รมาทิตยท์ รงดาริวา่ คน ที่ยกั ษบ์ อกใหเ้ ราระวงั น้นั อาจเป็นคนน้ีกไ็ ด้ ไม่ควรเราจะกิน ผลไมน้ ้ี ทรงดาริฉะน้นั แลว้ กต็ รัสเรียกชาวคลงั มารับผลไมไ้ ป รักษาไว้ รุ่งข้ึนพอ่ คา้ กเ็ ขา้ ไปเฝ้าอีกแลถวายผลไมอ้ ีกผลหน่ึง พระราชากต็ รัสใหช้ าวคลงั รับผลไมน้ ้นั ไปเกบ็ ไวอ้ ีก เป็นดงั น้ี ทุกวนั จนผลไมม้ ีอยใู่ นคลงั กองใหญ่



วนั หน่ึงพระวกิ รมาทิตยเ์ สดจ็ ลงไปทอดพระเนตรมา้ ณ โรงมา้ ตน้ ประสบเวลา ท่ีพอ่ คา้ ไปเฝ้า พอ่ คา้ กถ็ วายผลไมท้ ี่โรงมา้ พระราชาทรงรับแลว้ กท็ รงเดาะผลไมน้ ้นั เลน่ แลทรงนิ่งตรึกตรองอยู่ เผอิญผลไมต้ กจากพระหตั ถ์ กลิ้งไปใกลล้ ิงซ่ึงผกู ไวใ้ นโรงมา้ ตน้ สาหรับคอยรับอุปัทวนั ตรายต่าง ๆ มิใหเ้ กิดแก่มา้ ลิงเห็นผลไมก้ ลิ้งไปใกลก้ ฉ็ วยเอาไป ฉีกกิน ทบั ทิมเมด็ ใหญ่งามช่วงโชติกต็ กจากผลไมน้ ้นั พระราชาแลขา้ ราชการท่ีตามเสดจ็ ต่างกพ็ ิศวง เพราะไม่มีใครเห็นทบั ทิมงามเช่นน้ีเลย พระวกิ รมาทิตยท์ อดพระเนตรทบั ทิม อยสู่ กั ครู่หน่ึง กร็ ะแวงพระพระหฤทยั ตรัสถามพอ่ คา้ วา่ \"เหตุไรเจา้ จึงใหท้ รัพยแ์ ก่เรา ดงั เช่นทบั ทิมเมด็ น้ี\" พอ่ คา้ ทูลวา่ \" คมั ภีร์โบราณสอนวา่ เม่ือจะไปเฝ้าพระราชา ๑ ไปหา อุปัชฌาย์ ๑ ไปหาตุลาการ ๑ ไปหาหญิงสาว ๑ ไปหาหญิงแก่ผมู้ ีลูกสาวซ่ึงเราใคร่ได้ ๑ อยา่ ใหไ้ ปมือเปล่า ขา้ พเจา้ ไดถ้ วายทบั ทิมเช่นเดียวกนั น้ีแก่พระองคม์ ามากแลว้ เหตุใดจึง รับสัง่ แตเ่ มด็ น้ีเมด็ เดียวเลา่ ผลไมท้ ี่ขา้ พเจา้ ถวายทุกๆ วนั น้นั มีทบั ทิมอยา่ งเดียวกบั เมด็ น้ี ซ่อนอยขู่ า้ งในทุกผล\"


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook