5) มลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงถลุงและหลอมโลหะ อุตสาหกรรมกลั่นน้ามัน อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมผลิตอาหาร ฯลฯ ก่อให้เกิดส่ิงเจือปนในอากาศได้แตกต่างกันท้ังปริมาณและคณุ ภาพ โดยทั่วไปโรงงานอุตสาหกรรมนับวา่ เป็นแหล่งกาเนิดของมลพิษทางอากาศที่สาคัญและเป็นแหล่งท่ีถูกกล่าวโทษเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถมองเห็นควันที่ปล่อยออกมาจากปลอ่ งควันได้อย่างชัดเจน สารมลพิษทางอากาศท่ีเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมส่วนมาก ได้แก่ ฝุ่นละออง เขม่า ควันก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซคารบ์ อนมอนอกไซด์ กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ และกา๊ ซพิษอน่ื ๆ หมอกควนั จากโรงงานอตุ สาหกรรม 2.1.2 ปจั จยั ท่ีมผี ลต่อการเกิดหมอกควัน ประกอบดว้ ย ปัจจัยที่ 1 การเผาที่เกิดข้ึนภายในประเทศ ทั้งในกรณีของไฟป่า และการเผาเพื่อการเกษตร การเผาวัชพชื ริมทาง และการเผาขยะมูลฝอยในชมุ ชน ปัจจัยที่ 2 การเผาที่เกิดในบริเวณรอบ ๆ ประเทศ ซึ่งทาให้เกิดปัญหาหมอกควนั ข้ามแดน นับเปน็ ปญั หาร่วมของภูมภิ าคลมุ่ นา้ โขง และภูมภิ าคอาเซียน ปัจจัยท่ี 3 สภาพภูมิอากาศ เช่น อุณหภูมิ ความช้ืน ความกดอากาศ ทิศทางลม ในวันทม่ี ีความกดอากาศสงู หรือไมม่ ีการพดั ผ่านของลม จะทาให้หมอกควันลอยปกคลุมในพ้ืนท่ียาวนานกว่าวันท่ีมีอากาศแจ่มใสหรอื มีลมพัดผ่าน โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูหนาวก่อนเข้าฤดูแลง้ของประเทศไทย จะมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมอยู่บริเวณภาคเหนือเรียกว่า“ความกดอากาศสงู ” ทาให้อากาศไม่สามารถลอยตัวสูงข้นึ ได้ ปัจจัยท่ี 4 สภาพภูมิประเทศ ภูมิประเทศท่ีเอื้อใหเ้ กิดหมอกควันปกคลุม ไดแ้ ก่พื้นที่เขตเมืองที่มีอาคารสูง พ้ืนท่ีแอ่งกระทะท่ีมีภูเขาล้อมรอบ หรือพื้นที่ปิดระหว่างหุบเขาจะมีโอกาสท่ีจะเกิดปัญหาหมอกควันรุนแรงกว่าพ้ืนท่ีอ่ืน ๆ เน่ืองจากมีภูเขาล้อมรอบอยู่ทาให้หมอกควนั ไมส่ ามารถแพรก่ ระจายไปแหลง่ อน่ื ได้ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ูภ้ ยั ธรรมชาติ 2 - 91
2.2 ผลกระทบท่ีเกิดจากหมอกควัน 2.2.1 ผลกระทบดา้ นสุขภาพ พื้นท่ีท่ีประสบปญั หาหมอกควันเป็นระยะเวลานาน จะสง่ ผลกระทบต่อสุขภาพของคนในพื้นทีเ่ ปน็ อยา่ งมาก ผู้ทส่ี ดู หายใจในอากาศท่มี ีฝ่นุ ละอองขนาด เลก็ กว่า 10 ไมครอน หรอืท่ีเรียกว่า PM10 ในความเข้มข้นต่ออากาศท่ีสูงเกินระดับมาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอากาศ จะเกิดอาการตั้งแต่ระดับน้อย ๆ ไปจนถึงเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ และเกิดผลกระทบตอ่ สขุ ภาพทง้ั ในระยะสั้นและระยะยาวได้ โดยฝ่นุ ละอองเม่ือเข้าไปถึงส่วนที่อยูล่ ึกท่สี ุดของทางเดินหายใจ ซ่ึงก็คือ ถุงลม ปอด อาจเกิดการสะสมเป็นปริมาณมากจะทาให้เกิดการบาดเจ็บของเน้ือเย่ือปอดจนเกิดเป็นโรคปอดอักเสบได้ ซ่ึงจะมีผลต่อร่างกายรุนแรงแค่ไหนข้ึนอยู่กับเวลาที่สัมผสั อายุ ภมู ิต้านทานของแตล่ ะคน และปริมาณฝนุ่ ละอองทไี่ ดร้ บั ผลกระทบด้านสุขภาพท่ีเกิดกับระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ไดแ้ ก่ 1) ระบบตา เกดิ อาการระคายเคืองตา ตาแดง แสบตา ตาอักเสบ 2) ระบบผิวหนงั ระคายเคืองผวิ หนงั เกิดผ่นื และคนั ผิวหนงั 3) ระบบทางเดินหายใจ เกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุจมูก แสบจมูก ไอมีเสมหะ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด หายใจถี่ และทาให้เกิดโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบทง้ั แบบเฉยี บพลนั และเร้ือรัง ปอดอกั เสบ ถงุ ลมโปง่ พอง 4) ระบบหลอดเลือดและหัวใจ เกิดอาการแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หายใจถี่เมื่อยลา้ สน่ั ผดิ ปกติ ทาใหเ้ กิดโรคหัวใจเต้นผิดจงั หวะ หวั ใจล้มเหลว กลา้ มเนือ้ หัวใจตาย เสน้ เลือดในสมองตีบ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ูภ้ ัยธรรมชาติ 2 - 92
โดยท่ัวไปแล้วเม่ือร่างกายสูดดมหมอกควันเข้าสู่ร่างกายในระยะเวลาส้ัน ๆจะทาให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ คือ มีอาการแสบจมูก จาม ไอ ฯลฯ ซ่ึงประชาชนท่ัวไปท่ีมีสขุ ภาพแข็งแรงจะสามารถปรับตัวและฟ้ืนฟูสภาพร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และไม่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แต่ในประชากรกลุ่มเสี่ยงน้ันเมื่อสูดดมหมอกควันเข้าสู่ร่างกายอาจเกิดปัญหาต่อสุขภาพรุนแรงกว่า เช่น หายใจลาบาก มีอาการหอบหืด หัวใจเต้นแรง แน่นหน้าอก หน้ามืดเป็นลมหมดสติ ชัก และอาจหัวใจวายเฉียบพลัน โดยประชาชนท่ีเป็นกลุ่มเส่ียงต่อการได้รับผลกระทบจากหมอกควันรนุ แรง มี 4 กล่มุ คอื 1) กลมุ่ เด็กเลก็ ในกลุ่มเดก็ เลก็ ถงึ แม้จะไม่มปี ัญหาการเจบ็ ปว่ ยหรอื โรคเรื้อรังก็ยังถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากปอดของเด็กยังอยู่ในภาวะกาลังพัฒนา ทาให้มีความเส่ียงต่อมลพิษทางอากาศมากว่าผใู้ หญ่ทม่ี ีสขุ ภาพร่างกายสมบูรณ์ ปัจจยั ทสี่ ่งผลใหเ้ ดก็ มีความเส่ยี งมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่มักใช้เวลาทากิจกรรมอยู่นอกบ้าน เช่น สนามเด็กเล่น สนามกีฬาลานกจิ กรรม ฯลฯ และมกี ารเคลื่อนไหว เช่น การว่ิงเลน่ การกระโดด ปนี ปา่ ย ฯลฯ มากกวา่ ผใู้ หญ่เดก็ จงึ มกี ารหายใจเอาปริมาตรอากาศเขา้ สูร่ ่างกาย (ปริมาตรอากาศต่อนา้ หนกั ตวั ) สูงกว่าผ้ใู หญ่ 2) ผู้สูงอายุ มักจะมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของปอดและปัญหาโรคหัวใจทาให้มีความเส่ียงต่อสุขภาพจากการได้รับฝุ่นหรือหมอกควันมากกว่ากลุ่มอ่ืน ๆ ท้ังนี้เนื่องจากประสทิ ธภิ าพการทางานของระบบป้องกันของปอดจะลดลงเมอ่ื อายเุ พ่ิมขนึ้ 3) หญิงต้ังครรภ์ จากการศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับควันบุหร่ีซ้า ๆ ท้ังการรับโดยตรงและโดยอ้อม และควันไฟป่ามีองค์ประกอบหลายชนิด ที่คล้ายกับองค์ประกอบของควันบุหร่ี นอกจากน้ีการรับสัมผัสกับมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ ๆ มีผลต่อน้าหนักตวั ของเด็กทารกและมักมกี ารคลอดก่อนกาหนด 4) ผู้ที่มีโรคประจาตัวเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด เป็นกลุ่มเส่ียงต่อการได้รับอันตรายจากหมอกควัน ซ่ึงควรได้รับการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดจะเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบทาให้เกิดการเจ็บหนา้ อก ชวั่ คราว หวั ใจวาย หัวใจเตน้ ไม่เปน็ จังหวะ หรอื หัวใจลม้ เหลวได้ ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 93
2.2.2 ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของหมอกควันและมลพิษทางอากาศมีส่วนทาให้รายได้เข้าสู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวลดลงอย่างกะทันหัน หมอกควันที่ปกคลุมในเขตภาคเหนือซ่ึงมักจะเกิดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนในแต่ละปี ซ่ึงเป็นช่วงท่ีมีวันหยุดยาวรวมท้ังยังเป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน และเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวท่ีสาคัญของภาคเหนือโดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าปัญหาปัญหาหมอกควันจะสร้างความเสียหายต่อธุรกิจการท่องเท่ียว โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีสาคัญคือ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย ทาให้จานวนนักท่องเท่ียวในพ้ืนที่ 3 จังหวัดนี้ลดลงประมาณร้อยละ 25 ส่งผลให้ทั้งสามจังหวัดน้ีสูญเสียรายไดจ้ ากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไปสู่ธุรกิจบริการต่าง ๆ และส่งผลถงึ สภาวะการว่างงานของประชาชนจานวนมากได้ นอกจากน้ีประชาชนในพ้ืนท่ีที่มีปัญหาหมอกควันท่ีได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพ่ิมมากขึ้น และขาดรายได้จากการหยุดงานอีกดว้ ย 2.2.3 ผลกระทบทางด้านคมนาคม ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน แม้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หากมีการสะสมรวมกันในปริมาณมาก ๆ ก็สามารถปกคลุมให้ทอ้ งฟ้ากลายเปน็ สขี าวข่นุ ได้ และทาให้ทัศนวิสัยของการมองเหน็ ต่าลง สง่ ผลกระทบตอ่ การจราจรท้ังทางบกและทางอากาศ ในช่วงท่ีเกิดปัญหาหมอกควันนั้น สายการบินจาเป็นต้องมีการงดเที่ยวบินบางเท่ียว ด้วยเหตุผลเพ่ือความปลอดภัยของผู้โดยสาร นอกจากน้ียังส่งผลกระทบตอ่ การสญั จรทัง้ ในทอ้ งถ่ินและบนเสน้ ทางหลวงระหวา่ งจังหวดั ด้วย หมอกควนั ทาใหท้ ศั นวิสยั เลวลงเปน็ อปุ สรรคต่อการจราจรทง้ั ทางบกและทางอากาศ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 94
เรอื่ งที่ 3 สถานการณ์หมอกควนั 3.1 สถานการณห์ มอกควันในประเทศไทย สถานการณ์ปัญหาหมอกควันในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหมอกควันมักเกิดในช่วงฤดูแล้ง (มกราคม-เมษายน) ของทุกปีโดยเฉพาะใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย พะเยา ลาปางแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลาพูน น่านและแพร่ เนื่องจากในพ้ืนที่ทางภาคเหนือจะประสบปัญหาไฟปา่และการลักลอบเผาในทโ่ี ลง่ เชน่ การเผาเศษวชั พืชและการเผาเศษวัสดทุ างการเกษตร การเผาขยะมลู ฝอยและเศษใบไม้ กง่ิ ไม้ในพื้นทชี่ ุมชน ประกอบกับภมู ิประเทศทีม่ ีลักษณะเปน็ แอง่ กระทะและมีภูเขาล้อมรอบ รวมท้ังผลกระทบจากการเผาในพ้ืนท่ีประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มภูมิภาคลุ่มน้าโขงจึงทาให้เพ่ิมความรุนแรงของปัญหายิ่งขึ้น และยังพบว่าในบางพ้ืนท่ีของประเทศ เช่น ยะลานราธิวาส ปัตตานี สงขลา ฯลฯ ประสบปัญหาหมอกควันเช่นเดียวกัน โดยเกิดจากปัญหาหมอกควันข้ามแดน จากไฟปา่ ในเกาะสุมาตรา ประเทศอนิ โดนีเซีย ซง่ึ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศอินโดนีเชียแล้ว ปัญหาหมอกควันข้ามแดนยังส่งผลกระทบต่อประเทศเพือ่ นบ้านในภูมภิ าคอาเซียน ไดแ้ ก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซยี บรไู น ฯลฯ 3.1.1 สถานการณป์ ญั หาหมอกควนั ภาคเหนือ สภาพอากาศท่ีเต็มไปด้วยหมอกควนั ในเชียงใหม่ จากข้อมูลการเฝ้าระวังค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10ไมครอน (PM10) ของกรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม(http://aqnis.pcd.go.th) ในพื้นท่ี 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันท่ี 1 มกราคม - 30เมษายน 2559 ข้อมูลจากแยกตามจุดตรวจวัด 17 แห่ง พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐาน (ค่ามาตรฐานเทา่ กับ 120 ไมโครกรมั ตอ่ ลกู บาศก์เมตร) อยู่ในช่วงเดอื นมีนาคมถงึ เดือนเมษายน ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 95
ในระหว่างวันท่ี 1 มกราคม - 30 เมษายน 2559 จังหวัดที่มีจานวนวันของค่าฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด เรียงตามลาดับ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานสูงสุดเท่ากับ 319 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559รองลงมาได้แก่ จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน มีค่าฝุ่นละอองเกนิ คา่ มาตรฐานสงู สดุ เทา่ กับ 264 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559 และจังหวัดน่าน มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานสูงสุดเทา่ กบั 238 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เม่อื วันที่ 18 เมษายน 2559 จุดตรวจวัดท่ีมีจานวนวันท่ีมีค่าฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด ในช่วงวันท่ี 1 มกราคม - 30 เมษายน 2559 มากท่ีสุด คือ ที่จุดตรวจวัดท่ี ตาบลเวียงพางคา อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีจานวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 38 วัน รองลงมาคือจุดตรวจวัดท่ี ตาบลจองคา อาเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจานวนวันท่ีมีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 25 วัน และจุดตรวจวัดท่ี ตาบลศรีภูมิ อาเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มีจานวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกนิ คา่ มาตรฐาน 23 วนั 3.1.2 สถานการณ์ปัญหาหมอกควนั ภาคใต้ สาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันภาคใต้ ได้แก่ มลพิษหมอกควันข้ามแดน และหมอกควันจากการเผาพ้ืนท่ีพรุในภาคใต้ของไทย เช่น ในเดือนมิถุนายน 2556 จังหวัดในภาคใต้ตอนล่างฝ่ังอ่าวไทย ได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนอันมีสาเหตุจากการเผาป่าและพ้ืนท่ีเกษตรบริเวณตอนกลางของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ทาให้เกิดหมอกควันปกคลุมหนาแน่น ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดควันท่ีเกิดข้ึนไปยังช่องแคบมะละกา ประเทศสิงคโปร์มาเลเซีย ทะเลจีนใต้ และภาคใต้ของประเทศไทย โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมาก คือ จังหวัดสงขลา และนราธิวาส ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในจังหวัดนราธิวาส สูงสุด 129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เม่ือวันท่ี 25 มิถุนายน 2556 ซ่ึงสูงเกินมาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ หลังจากวันท่ี 26 มิถุนายน 2556 มีฝนตกทั้งในพื้นที่ไฟไหม้บริเวณตอนกลางของเกาะสุมาตรา และหลายจังหวัดในภาคใตต้ อนล่าง รวมทั้งจังหวัดนราธิวาส ทาให้ปริมาณหมอกควันเร่ิมลดลงตามลาดับ จนคณุ ภาพอากาศในทกุ สถานีตรวจวัดของภาคใต้กลบั เขา้ สูร่ ะดับปกติ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 96
สภาพหมอกควนั ในจงั หวัดสงขลา จากหมอกควันขา้ มแดนจากอินโดนีเซียในปี พ.ศ. 2556 สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ของประเทศไทย ในปี 2558 เกิดจากการเผาพ้ืนท่ีพรุในเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย อีกเช่นกัน ควันท่ีเกิดข้ึนถูกพัดพาโดยลมส่งผลกระทบต่อสิงคโปร์ มาเลเซีย และภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย จากข้อมูลคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในภาคใต้ของกรมควบคุมมลพิษ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2558ต่อเน่ืองถึงต้นเดือนกันยายน 2558 พบค่าฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐาน สูงสุด 136ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในวันท่ี 3 กันยายน 2558 ที่อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับท่ีมีผลกระทบต่อสุขภาพ หลังจากน้ันปริมาณฝุ่นละอองในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยได้ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เน่ืองจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในพนื้ ท่ีแมว้ ่าจะยงั พบการเผาและการปกคลุ มของหมอกควันเหนอื เกาะสมุ าตรา อนิ โดนีเซยี อยา่ งไรกต็ าม ต้งั แต่วนั ท่ี 3 ตุลาคม 2558 ปรมิ าณนา้ ฝนในพื้นทภ่ี าคใตต้ อนล่างของประเทศไทยเร่ิมลดลง ส่งผลให้หมอกควันจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียท่ีถูกพัดมายังประเทศมาเลเซีย ลอยข้ึนมาส่งผลกระทบกับภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยอีกคร้ัง หลายจังหวัดในภาคใต้เกิดสภาพฟ้าหลัว มีหมอกควันปกคลุมท่ีสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประชาชนได้กลิ่นควันไฟ และเกิดอาการแสบตาแสบจมูก พบการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างชัดเจนทุกจังหวัดได้แก่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสตูล โดยในวันท่ี 5-8 ตุลาคม2558 พบปริมาณฝุ่นสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดสตูลท่ีพบปริมาณฝุ่นละอองสูงสุดถึง 210 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรทาใหป้ ระชาชนในพนื้ ทมี่ เี กดิ ผลกระทบตอ่ สุขภาพ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 97
ปัญหาหมอกควันข้ามแดนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของไทยอาจได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนในลักษณะเป็นครั้งคราว จากปรากฏการณ์เอลนิญโญระดับปานกลางท่ีเกิดขึ้นในภูมิภาคน้ี ในปี พ.ศ. 2558 ทาให้หน้าแล้งของอินโดนีเซียซ่ึงปกติอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม อาจจะยาวนานไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม หากภาวะแห้งแล้งเกิดติดต่อกันหลายวันโดยไม่มีฝนตกจะเป็นปัจจัยให้เกิดการเผาป่าและพื้นท่ีเกษตรเพ่ิมขึ้น เม่ือประกอบกับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะพัดพาหมอกควันเข้าสู่ประเทศท่ีอยู่ทางตอนบนของเกาะสุมาตรา ซ่ึงภาคใตข้ องประเทศไทย ก็จะไดร้ ับผลกระทบจากหมอกควนั ข้ามแดนด้วยเชน่ กัน 3.2 สถานการณห์ มอกควนั ในเอเชยี ประเทศในแถบทวีปเอเชียหลายประเทศประสบภาวะหมอกควันที่สร้างความราคาญและเป็นอนั ตรายต่อผคู้ นจานวนไมน่ อ้ ย เช่น อนิ โดนเี ซีย มาเลเซยี จนี อนิ เดยี เป็นตน้ 3.2.1 สถานการณ์หมอกควันในอินโดนีเซีย จากการเกิดไฟป่าคร้ังใหญ่บนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ในเดือนมิถุนายน2558 หมอกควันจากไฟป่าลอยปกคลุมท้องฟ้าของประเทศเพ่ือนบ้านคือ มาเลเซียและสิงคโปร์ก่อใหเ้ กิดมลพิษในระดับท่เี ป็นอันตรายต่อสขุ ภาพและสิ่งแวดล้อม ปัญหาไฟปา่ ในอินโดนีเซยี คร้ังนี้ต้องใชเ้ วลานานในการแกไ้ ข เนอื่ งจากอนิ โดนีเซียมีพนื้ ท่ีป่าขนาดกวา้ งใหญ่ไพศาล ทัง้ มาเลเซยี และสิงคโปร์พยายามกดดันให้อินโดนีเซียลงโทษผู้ท่ีเป็นต้นตอของไฟป่าครั้งล่าสุดนี้ แตท่ างอินโดนีเซียโต้กลับว่าไฟป่าดังกล่าวเกิดขึ้นจากโรงงานเกษตรท่ีมีเจ้าของเป็นชาวมาเลเซียและชาวสิงคโปร์เองโดยเฉพาะโรงงานผลิตน้ามันปาล์มของมาเลเซียบนเกาะสุมาตราที่ยังใช้วิธีเผาตอของต้นปาล์มที่ตดั แล้ว การประชมุ หารือของผแู้ ทนจากประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียน 5 ประเทศ คือ มาเลเซียบรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย เกี่ยวกับปัญหาไฟป่าน้ัน เดิมทีใช้ช่ือว่าการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยปัญหามลพิษจากหมอกควันขา้ มพรมแดน มีการประชุมตอ่ เน่อื งมา 14 ครั้ง ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยการประชุมนีม้ ักไม่มีความคืบหน้ามากนัก เนื่องจากปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ส่วนใหญเ่ กดิ จากไฟปา่ ที่เกดิ ขนึ้ ที่เกาะสมุ าตราและกาลมิ ันตนั ในประเทศอนิ โดนีเซยี และกลายเปน็ ปญั หาหมอกควนั ทีส่ รา้ งมลพษิ ในประเทศเพ่อื นบ้านและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึน้ ทุก ๆ ปีจนกระท่ังปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทางานอาเซียนเพ่ือยกร่างโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควันข้ึนท่ีจังหวัดเชียงใหม่ เพ่ือกาหนดเป้าหมายตัวช้ีวัด มาตรการแนวทางการดาเนินงาน และยกร่างเป็นโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควัน เพ่ือเปล่ียนให้ภูมิภาคอาเซยี นเปน็ ภมู ภิ าคปลอดหมอกควันภายในปี พ.ศ. 2563 ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 98
3.2.2 สถานการณห์ มอกควันในมาเลเซีย ประเทศมาเลเซีย เป็นอกี ประเทศหน่ึงทไ่ี ด้รบั ผลกระทบและความเดอื ดร้อนจากปัญหาหมอกควันเช่นกัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เผชิญปัญหาหมอกควันจากไฟป่าเมื่อย่างเข้าฤดูร้อนสง่ ผลให้มลพิษในอากาศเพ่ิมสงู จนถึงขนั้ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดัชนมี ลพษิ ทางอากาศในมาเลเซียบางปีพุ่งสูงถึง 150 ใน 7 พื้นที่ โดยเฉพาะกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐสลังงอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ คา่ มลพษิ ในอากาศระหว่าง 100 - 200 ซ่งึ ถอื วา่ อยใู่ นขัน้ “ไมด่ ีตอ่ สุขภาพ”บางวันสถานการณ์หมอกควันหนาทึบ ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์มีทัศนวิสัยลดลงเหลือไม่ถึง 1กิโลเมตร ขณะทตี่ กึ แฝดปโิ ตรนาสซ่ึงเปน็ สญั ลกั ษณ์ทีโ่ ดดเดน่ ของเมืองกถ็ ูกหมอกควนั บดบงั จนเห็นไมช่ ดั เจน หมอกควนั ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กระทรวงส่ิงแวดล้อมมาเลเซีย ระบุว่าปัญหาหมอกควันพิษมักเกิดจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์เผชญิ วิกฤตหมอกควันคร้ังร้ายแรงที่สุดในรอบสิบปี ซ่ึงมีสาเหตุมาจากการแผ้วถางและเผาป่าเพ่ือเตรียมพ้ืนท่ีปลูกปาล์มน้ามันบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซยี บรรดาประเทศเพื่อนบ้านต่างพยายามกระตุ้นให้รัฐบาลอินโดนีเซียรับรองและลงนามในข้อตกลงของอาเซยี นวา่ ด้วยปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามพรมแดนหรือ AATHP สาหรับข้อตกลง AATHP นี้ คือ การกาหนดให้ทุกประเทศในอาเซียนยอมรับว่าหมอกควันจากไฟป่านั้นเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของประเทศต่าง ๆ ในการจัดการร่วมกันและประเทศท่ีร่วมลงนามต้องนามาตรการป้องกัน ตรวจสอบและเตือนภัยไฟป่าที่เป็นมาตรฐานเดียวกันมาปรับใช้ รวมถึงการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศด้วย ถือเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศฉบับแรกในโลกท่ีผูกมัดประเทศสมาชิกให้ช่วยกันแก้ไขและจัดการปัญหาหมอกควนั ท่ีเกดิ จากไฟป่าในประเทศใดประเทศหนึง่ ร่วมกนั ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 99
3.2.3 สถานการณห์ มอกควันในจีน จีนเป็นประเทศที่ประสบกับปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยจีนมรี ะบบการจดั ระดับมลพิษทางอากาศอยู่ 4 ระดับ โดยระดบั ทีร่ า้ ยแรงทีส่ ุดคอื สแี ดง รองลงมาเป็นสีส้ม ตามมาด้วย สีเหลือง และสีฟ้าตามลาดับ เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม กรุงปักกิ่งของจีนมักจะประสบกับปัญหาหมอกควันพิษ เช่นในเดือนตุลาคม 2557 รัฐบาลจีนต้องประกาศยกระดับเตือนภัยมลพิษทางอากาศเป็นระดับสีส้มซ่ึงหมายถึง “มีอันตรายต่อสุขภาพ” ทั้งนี้ดัชนีคุณภาพอากาศอย่างเป็นทางการของปักก่ิงในช่วงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 และปรากฏว่าผลการวัดระดับฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซ่ึงเป็นฝุ่นละอองขนาดละเอียด ซ่ึงจะเป็นอันตรายตอ่ ปอดน้ัน สูงถึง455 ไมโครกรมั ตอ่ ลกู บาศก์เมตร หรือสูงกวา่ คา่ มาตรฐานท่ีองค์การอนามยั โลกระบไุ วถ้ งึ 18 เท่า ปลายปี 2558 จีนมีการประกาศยกระดับภัยมลพิษทางอากาศเป็นระดับสีแดง(สูงสุด) ถึงสองคร้ัง เน่ืองจากมีค่าฝุ่นละอองพิษขนาดเล็กจ๋ิว 2.5 ไมโครเมตร สูงเกิน 400ไมโครกรมั ต่อลกู บาศก์เมตร มากกว่าคา่ มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกถึง 16 เทา่ (คา่ สูงสุดทว่ี ดัได้ 1400 ไมโครกรัมหรอื เกนิ มาตรฐาน 56 เทา่ ในเดอื นพฤษภาคม 2558) ฝุน่ ละอองขนาดละเอียดนี้สามารถลอดผ่านระบบกรองอากาศของร่างกายมนุษย์เข้าไปสะสมอยู่ในถุงลมปอดได้ เมื่อสะสมมากก็มีความเสีย่ งเปน็ มะเร็งปอดมากขึน้ สภาพปญั หาหมอกควนั ในกรงุ ปกั กิ่งของจนี หมอกควนั พษิ ยังทาให้ทศั นวสิ ัยเลวลง สามารถมองเหน็ ได้แค่ในระยะ 500 เมตรนานนับเดือน บางวันมองเห็นได้เพียงระยะ 100 เมตรเท่าน้ัน ทางการจึงต้องสั่งปิดการจราจรในถนนสายหลักหลายสาย และเตือนให้ประชาชนสวมใส่หนา้ กากกนั มลพษิ ก่อนออกจากบา้ น ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ้ภู ยั ธรรมชาติ 2 - 100
กรมควบคมุ มลภาวะและส่ิงแวดล้อมของปักกิ่งชแ้ี จงว่าสาเหตุหนึ่งท่ีทาให้ปัญหาของหมอกควันพิษเลวร้ายลง เน่ืองจากสภาพอากาศท่ีไม่เอ้ืออานวย ทาให้อากาศเสียไม่สามารถระบายออกไปได้ จึงลอยไปปกคลุมมณฑลและหัวเมืองรอบ ๆ กรุงปักกิ่ง ประกอบกับการเผาฟางข้าวตามชนบทในมณฑลเหอเป่ย เหอหนาน และซานตง ว่ามีส่วนทาให้สถานการณ์หมอกควันเลวร้ายลง หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนพยายามแก้ไขปัญหาน้ีในปักก่ิงและเมืองข้างเคียง โดยการออกมาตรฐานต่าง ๆ อยา่ งจริงจงั เเละเขม้ งวดขนึ้ เร่ือย ๆ แต่ปัญหาก็ยงั มแี นวโนม้ รนุ แรงขึน้ ทกุ ปี 3.2.4 สถานการณห์ มอกควนั ในอนิ เดยี อินเดยี เป็นอีกประเทศหนง่ึ ท่ีประสบปัญหา คุณภาพอากาศในกรุงนวิ เดลีเลวร้ายลงตลอดช่วงหลายปที ่ีผา่ นมา เน่อื งจากการเตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ ของเมอื ง พร้อมกับการขยายตัวของยวดยานพาหนะเคร่ืองยนตด์ ีเซล มลภาวะจากโรงไฟฟ้าถา่ นหนิ และอุตสาหกรรม นอกจากนใ้ี นช่วงหลังเทศกาลดิวาลี หรือดิปาวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงไฟ ซึ่งถือเป็นวันข้ึนปีใหม่ของชาวฮินดู จึงมีการเฉลิมฉลองทั่วประเทศนานติดต่อกันถึง 5 วัน ด้วยแสงไฟจากตะเกียงดินเผา เทียน ดอกไม้ไฟพลุ และประทัด ปรากฏว่าหลังผ่านพ้นเทศกาลนี้เพียงแค่วันเดียว ค่ามลพิษทางอากาศในกรุงนิวเดลีพุ่งขึ้นจนอยู่ในระดับ “ร้ายแรง” โดยมีค่าพีเอ็ม 2.5 หรือความหนาแน่นของอนุภาคในอากาศ สูงกวา่ 250 เกินเกณฑ์ปลอดภัยท่ีองคก์ ารอนามัยโลกแนะนา 10 เท่า สภาพหมอกควนั ในกรุงนวิ เดลีของอินเดีย รายงานของธนาคารโลกระบุว่าชาวอินเดียในเมืองใหญ่มีอายุขัยส้ันลง เน่ืองจากมลพิษทางอากาศ ซึ่งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้แก่อินเดียราว 18,000 ล้านดอลล่าร์ต่อปีขณะที่เด็กอินเดยี ในกรุงนวิ เดลีราว 1 ใน 3 มีปัญหาเก่ียวกบั ปอด สว่ นอัตราการเสียชีวติ ก่อนวัยอันควรของเด็กทารกก็เพิ่มข้ึนอย่างน่าตกใจ คือประมาณ 1 คนต่อ 1 ชั่วโมง อันเป็นผลมาจากโรคที่เกีย่ วกับมลพษิ ทางอากาศ ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ูภ้ ัยธรรมชาติ 2 - 101
เร่ืองท่ี 4 แนวทางการป้องกนั และการแกไ้ ขปัญหาหมอกควนั 4.1 การเตรยี มความพร้อมรบั สถานการณก์ ารเกดิ หมอกควนั หมอกควัน เป็นปัญหามลพิษท่ีเกิดข้ึนเป็นประจาทุกปีและทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างย่ิงในภาคเหนือของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลาปางลาพูน แพร่ น่านหรือจังหวัดเชียงราย สาเหตุหลักเกิดจากไฟป่า ฝุ่นละอองจากท้องถนน ควันจากภาคอุตสาหกรรม และเขม่าจากน้ามันดีเซล ทาให้คุณภาพอากาศแย่ลง ประกอบกับสภาพภูมิประเทศซ่ึงมีภูเขาล้อมรอบทาให้มลพิษต่าง ๆ ถูกกักไว้และแผ่ปกคลุมท่ัวเมือง จากผลวิจัยพบปรมิ าณผู้ปว่ ยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจในจังหวดั ทางภาคเหนอื โดยเฉพาะจงั หวดั เชียงใหม่และเชียงราย เพิ่มขึ้นทุกปี ในการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์หมอกควันที่อาจจะเกดิ ข้นึ นัน้ สามารถปฏิบัติได้ดงั นี้ 4.1.1 ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน ลด ละ เลิก หรือหลีกเล่ียงการเผาหรือการทากจิ กรรมท่ีก่อให้เกิดฝนุ่ ควนั เพิม่ ขึ้น 4.1.2 หากเรามคี วามรู้เรอื่ งปัญหาหมอกควัน ก็ควรใหค้ วามรู้แก่ผอู้ ื่นว่าการก่อมลพิษทางอากาศทุกชนิดโดยเฉพาะการเผา นอกจากจะบั่นทอนสุขภาพตัวเองแล้ว ยังบ่ันทอนสุขภาพของผู้อน่ื อกี ด้วย นอกจากนก้ี ารเผายงั ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 220 อาจถูกปรบั ถึง 14,000 บาทจาคกุ ถึง 7 ปี หรือทงั้ จาท้งั ปรบั ได้ 4.1.3 ทกุ คนมีสว่ นรว่ มในการเกบ็ ใบไมก้ ิ่งไมเ้ พ่อื ทาปยุ๋ หมกั แทนการเผา 4.1.4 พยายามลดการสร้างหรือเพิ่มจานวนขยะ เม่ือมีขยะในครัวเรือนอาจใช้วิธีแยกขยะอย่างถูกวิธี เพื่อลดปรมิ าณขยะที่มกั เปน็ สาเหตุของการเผา 4.1.5 หากเราเป็นเจ้าของท่ีดินควรดูแลที่ดินของตัวเองอย่างสม่าเสมอ เช่นมกี ารแผ้วถางและปลูกตน้ ไม้ เพือ่ ปอ้ งกนั มใิ ห้มกี ารเผาเกิดข้ึน 4.1.6 ถ้าสามารถทาไดค้ วรปลูกตน้ ไม้ใหญ่และไมพ้ มุ่ รวมท้ังไมใ้ นร่มเพ่มิ มากขึ้น 4.2 การปฏบิ ตั ิตนขณะเกิดหมอกควัน 4.2.1 การดูแลตนเอง 1) ติดตามสถานการณ์มลพิษและหมอกควันอยู่เสมอ ดูและสุขภาพและหลีกเลีย่ งสถานทมี่ ีควนั ไฟหรือหมอกควนั 2) รกั ษาความสะอาดโดยใช้นา้ สะอาดกลัว้ คอ แลว้ บ้วนทิ้งวนั ละ 3-4 คร้งั 3) งดเวน้ การสูบบุหรแ่ี ละงดกจิ กรรมการเผาท่ีจะเพมิ่ ปญั หาควนั มากขน้ึ ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ้ภู ยั ธรรมชาติ 2 - 102
4) หลีกเลี่ยงการออกกาลังกายและการทางานหลักท่ีต้องออกแรงมากในบริเวณหมอกควัน 5) กรณีที่จาเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่มีหมอกควัน ควรสวมแว่นตา เพื่อป้องกันการระคายเคอื งตา และควรใชห้ นา้ กากอนามยั ปิดปากและจมกู หรือใช้ผา้ ทที่ าจากฝ้ายหรือลินินมาทบกันหลายช้ันคาดปากและจมูกแทนหน้ากาก และควรใช้น้าพรมที่ผ้าดังกล่าวให้เปียกหมาด ๆเพ่ือช่วยซับกรองและป้องกันฝุ่นละอองได้ดีข้ึน และควรเปล่ียนใหม่หากหน้ากากสกปรกหรือเร่ิมร้สู กึ อดึ อดั หายใจไม่สะดวก 6) สาหรับผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ไม่ขับรถเร็วเปิดไฟหน้ารถหรือไฟตัดหมอก จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่แซงหรือเปล่ียนช่องทางกะทันหัน หากทัศนวิสัยแย่มากจนมองไม่เห็นเส้นทางให้จอดรถในบริเวณท่ปี ลอดภยั 4.2.2 การดแู ลผทู้ ่เี ปน็ กล่มุ เสีย่ ง 1) ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดและหมั่นสังเกตอาการของผู้ท่ีเป็นกลุ่มเส่ียง เช่นเด็กเล็ก คนชรา ผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ และโรคเก่ียวกับหัวใจและหลอดเลอื ด หากพบอาการผดิ ปกติ เชน่ หายใจลาบาก แนน่ หน้าอก ควรรบี พบแพทยท์ ่ีโรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสขุ ใกลบ้ า้ น เพ่ือรับการรักษาพยาบาลอยา่ งทันทว่ งที 2) ให้คาแนะนาแก่ผู้ป่วยโรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ เด็ก หญิงต้ังครรภ์และคนชรา ใหพ้ ักผอ่ นอยูใ่ นบา้ น รวมท้งั ควรเตรียมยาและอปุ กรณท์ จ่ี าเปน็ ให้พรอ้ ม 4.2.3 การดูแลบา้ นเรือน 1) หากจาเป็นต้องอยู่ในสถานท่ีท่ีมีฝุ่นละอองติดต่อกันยาวนาน เกินกว่าสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ควรเตรียมความพร้อมด้านการกรองอากาศในที่อยู่อาศัย เช่น ติดระบบกรองอากาศในบ้าน ซ่ึงจะช่วยลดผลกระทบของฝุ่นต่อร่างกายได้ โดยเลือกใช้ระบบกรองอากาศท่ีเหมาะสม และสามารถถอดออกมาล้างได้ และควรเปล่ียนหรือหมั่นล้างระบบกรองอากาศเป็นประจาในระยะยาว 2) หากท่ีพักอาศัยไม่มีระบบระบายอากาศหรือระบบปรับอากาศ ต้องปิดประตูหนา้ ตา่ งไมใ่ หค้ วนั ไฟหรือหมอกควนั เข้ามาในอาคาร 3) บริเวณพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณบ้านควรปลูกพืชคลุมหน้าดินไว้ เพ่ือลดโอกาสที่ฝนุ่ ละอองจะลอยฟงุ้ ขน้ึ มาในอากาศได้ ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 103
4) การเปิดพัดลมในอาคารบ้านพัก ควรเป่าลงกระทบผิวน้าก่อน จะช่วยลดปรมิ าณฝุ่นละอองในอากาศได้ 5) งดการรองรับน้าฝนไว้ใช้อุปโภคชั่วคราว แต่ถ้าหากจาเป็นต้องรองน้าควรรองนา้ ไว้ในช่วงเวลาที่มัน่ ใจว่านา้ ฝนชะล้างสารมลพิษทางอากาศในบรรยากาศหมดไปแล้ว 4.2.4 การดูแลชุมชน 1) ช่วยกันดูแล ไม่ให้มีการเผาวัสดุทุกชนิดและการประกอบกิจกรรมใด ๆที่ก่อให้เกิดหมอกควันในพ้ืนท่ี เช่น เผาขยะมูลฝอย เผาหญ้า เผาตอซังข้าว เป็นต้น รวมทั้งงดการเผาวัสดุ และหญ้าแห้งในเขตชุมชน ริมข้างทาง ใกล้แนวชายป่าและในป่า เพราะจะส่งผลให้สถานการณห์ มอกควันรนุ แรงมากขึน้ 2) ดบั เครอ่ื งยนตข์ องยานพาหนะทกุ ชนิด ทุกครั้งเมอ่ื จอด 4.3 การปฏบิ ัติตนหลังเกิดหมอกควนั 4.3.1 ติดตามรับฟังขา่ วสารและขอ้ มูลจากทางราชการอยา่ งใกลช้ ิด เพ่อื ให้เกดิ ความเขา้ ใจและมกี ารปฏบิ ัตติ วั ได้อย่างถูกต้อง 4.3.2 เมือ่ มอี าการผิดปกตหิ ลงั จากสดู ดมหมอกควัน ควรรีบไปพบแพทย์ทนั ที ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 2 - 104
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 แผน่ ดนิ ไหวสาระสาคญั แผ่นดินไหว (Earthquakes) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการเคล่ือนท่ีของเปลือกโลกชั้นนอกซึ่งเคลื่อนที่ตามกระแสความร้อนของหินละลายหลอมเหลวท่ีเป็นส่วนประกอบช้ันในของโลกเน่ืองจากเปลือกโลกประกอบข้ึนดว้ ยแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่น ดังน้ันเม่ือความร้อนจากภายในโลกดันตัวออกมาจะทาให้แผ่นเปลือกโลกบางแผ่นเกิดการเคล่ือนท่ี จึงทาให้เกิดแผ่นดินไหวบนพื้นผิวโลกเฉพาะบางแห่งไม่เกิดขึ้นโดยท่ัวไป ซ่ึงลักษณะของการเกิดแผ่นดินไหวจะเกิดเมื่อเปลือกโลกเคล่ือนที่ออกจากกนั หรือเคลื่อนท่ีเข้ามาชนกัน จะทาให้เกิดการส่ันสะเทือนที่มีความรุนแรงมากหรือน้อยแตกต่างกันไป ตามปัจจัยและองค์ประกอบของการเกิดแต่ละครั้งโดยมีมาตราหรือหน่วยในการวัดขนาดของแผ่นดินไหว ทาให้เราทราบได้ถึงขนาดและความรุนแรงท่ีเกดิ แผ่นดนิ ไหวแตล่ ะครงั้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทานายวัน เวลา สถานที่ และความรุนแรงของแผ่นดินไหวท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคตได้ ดังนั้นจึงควรศึกษา เรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการเกิดของแผ่นดินไหว อันตรายและผลกระทบท่ีเกิดจากแผ่นดินไหว หากเราทราบถึงอันตรายของแผ่นดินไหวแล้ว เราควรมีการวางแผนและเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา เพ่ือลดความเสี่ยงที่อาจจะเกดิ ขึ้นกับชวี ิตและทรพั ย์สินตัวชว้ี ดั 1. บอกความหมาย สาเหตุ ปัจจัย และผลกระทบท่ีเกิดจากแผน่ ดินไหว 2. บอกพื้นท่ีเสี่ยงภัยตอ่ การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยและทวปี เอเชีย 3. บอกสถานการณ์แผน่ ดินไหวในประเทศไทยและทวีปเอเชีย 4. บอกวิธีการเตรียมความพร้อมรบั สถานการณ์แผน่ ดนิ ไหว การปฏิบัติขณะเกิด และหลงั เกิดแผน่ ดินไหว 5. ตระหนกั ถึงภยั และผลกระทบที่เกิดจากแผ่นดนิ ไหว ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 105
ขอบขา่ ยเน้ือหา เรื่องท่ี 1 ความหมายของแผน่ ดนิ ไหว เรื่องที่ 2 ลกั ษณะการเกิดแผน่ ดินไหว 2.1 สาเหตุการเกิดแผ่นดนิ ไหว 2.2 ปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั ระดบั ความเสยี หายจากแผ่นดนิ ไหว 2.3 ผลกระทบท่เี กดิ จากแผน่ ดินไหว 2.4 พืน้ ทเ่ี สี่ยงภัยตอ่ การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย เรอื่ งท่ี 3 สถานการณแ์ ผน่ ดนิ ไหว 3.1 สถานการแผ่นดินไหวในประเทศไทย 3.2 สถานการณ์แผ่นดินไหวในทวีปเอเชีย เรื่องท่ี 4 แนวทางการป้องกันและการแก้ไขปัญหาผลกระทบทเี่ กิดจากแผ่นดนิ ไหว 4.1 การเตรียมความพร้อมรบั สถานการณก์ ารเกิดแผ่นดินไหว 4.2 การปฏบิ ตั ขิ ณะเกิดแผน่ ดินไหว 4.3 การปฏบิ ัติหลงั เกิดแผ่นดนิ ไหวเวลาท่ใี ช้ในการศึกษา 15 ชั่วโมงส่อื การเรยี นรู้ 1. ชุดวิชาการเรียนรูส้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 2. สมุดบนั ทึกกจิ กรรมรายวิชาการเรียนรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 3. ส่ือสง่ิ พิมพ์ เช่น แผน่ พับ โปสเตอร์ ใบปลวิ เป็นตน้ 4. ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ /ปราชญช์ าวบา้ น ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 106
เรือ่ งที่ 1 ความหมายของแผน่ ดนิ ไหว พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 ได้ให้ความหมายของแผ่นดินไหว หมายถึง การสั่นสะเทือนของแผ่นดินท่ีรู้สึกได้ ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่งบนผิวโลกสว่ นใหญเ่ กดิ จากการเคล่ือนตวั ของเปลือกโลกทร่ี องรับผิวโลกอยู่ บางครัง้ เกดิ จากภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว (Earthquakes) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซ่ึงเกิดจากการเคล่ือนตัวโดยฉบั พลนั ของเปลอื กโลก การเกิดแผน่ ดินไหวส่วนใหญ่มักเกิดข้ึนตรงบริเวณขอบของแผน่ เปลือกโลกอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากช้ันหินหลอมละลายท่ีอยู่ภายใต้เปลือกโลกได้รับพลังงานความร้อนจากแกนโลก และลอยตัวผลกั ดันให้เปลือกโลกซ่งึ อยู่ด้านบนเคล่อื นท่ีในทศิ ทางต่าง ๆ กันพร้อมกับสะสมพลังงานไว้ภายในบริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลก ทาให้แผ่นเปลือกโลกชนและเสียดสีกันหรือแยกออกจากกันนอกจากนั้นพลังที่สะสมในเปลือกโลกจะถูกส่งผ่านไปยังบริเวณรอยร้าวของหินใต้พ้ืนโลกหรือที่เรียกว่า “รอยเลื่อน” เม่ือระนาบของรอยเลื่อนที่ประกบกันอยู่ได้รับแรงอัดมาก ๆ ก็จะทาใหร้ อยเลอื่ นมกี ารเคลื่อนตวั อย่างฉบั พลนั กส็ ามารถเกดิ แผ่นดนิ ไหวได้ ภาพจาลองจุดศนู ย์เกิดแผ่นดินไหว ท่มี า ศนู ยก์ ารเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละดาราศาสตร์ เขา้ ถงึ ได้ที่ http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/geological-phenomenon/earthquake/seismic-waves จุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหว (focus) มักเกิดตามรอยเลื่อนอยู่ในระดับความลึกต่าง ๆ ของผวิ โลก สว่ นจุดท่ีอยใู่ นระดับสูงข้ึนมาท่ีตาแหนง่ ของผิวโลก เรียกว่า “จุดเหนอื ศูนย์เกดิ แผ่นดินไหว”(Epicenter) การสน่ั สะเทอื นหรอื แผน่ ดนิ ไหวน้ีจะถูกบนั ทึกด้วยเครือ่ งมือท่ีเรียกว่า “ไซสโมมเิ ตอร์(Seismometer)” และการศึกษาแผ่นดินไหวและคล่ืนสั่นสะเทือนท่ีถูกส่งออกมาจะเรียกว่า“วิทยาแผน่ ดินไหว” (Seismology) ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 107
เร่อื งที่ 2 ลกั ษณะการเกดิ แผน่ ดินไหว 2.1 สาเหตุการเกิดแผ่นดนิ ไหว แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีสาเหตุของการเกิด แบ่งได้เป็น 2ลกั ษณะ ดงั น้ี 2.1.1 กระบวนการเปลยี่ นแปลงตามธรรมชาติ เชน่ 1) การเคล่ือนที่ของแผน่ เปลือกโลก (Tectonic Earthquake) 2) ภเู ขาไฟระเบิด (Volcano Eruption) 3) การยบุ ตัวหรือพงั ทะลายของโพรงใตด้ นิ (Implosion) 4) การสนั่ สะเทือนจากคลนื่ มหาสมุทร (Oceanic Microseism) 2.1.2 การกระทาของมนษุ ย์ ทาใหเ้ กิดแผน่ ดนิ ไหวไดท้ ้ังทางตรงและทางออ้ ม เช่นการทาเหมือง การสร้างอ่างเก็บน้าหรือการสร้างเขื่อนใกล้รอยเลื่อน การทางานของเคร่ืองจักรกลการจราจร และการเก็บขยะนิวเคลียร์ไว้ใต้ดิน การทดลองระเบิดปรมาณู การระเบิดพ้ืนท่ีเพ่ือสารวจวางแผนกอ่ นสร้างเขอ่ื น เปน็ ต้น พื้นทที่ ี่มกี ารระเบิดหินและพ้ืนท่ีสร้างเขื่อนหลายแห่งเป็นสาเหตหุ นงึ่ ของการเกิดแผน่ ดินไหว พืน้ ท่ีทมี่ ีการทาเหมอื งในระดบั ลึกเปน็ อกี สาเหตหุ น่งึ ของการเกิดแผ่นดนิ ไหว ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 108
สาเหตขุ องการเกดิ แผน่ ดนิ ไหวที่สบื เนือ่ งจากการเคล่อื นตัวของแผ่นเปลือกโลก แผ่นดนิ ไหวเกิดข้นึ จากการเคลื่อนตัวของแผน่ เปลอื กโลก ทีเ่ หมือนลอยอยู่เหนือของเหลวเพราะในชั้นใต้เปลือกโลกยังคงรอ้ นขนาดหลอมละลายเป็นเเม็กมาและเคลื่อนไหว (หรอื ไหล) ไปในทิศทางแตกต่างกัน การเคลื่อนไหวของแม็กมาน่ีเองที่ทาให้แผ่นเปลือกโลก ซ่ึงไม่ได้ต่อสนิทเป็นแผ่นเดียวกัน แต่มีรอยแยกแบ่งเป็นแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่มากมายเคลื่อนไหวตามไปด้วยในทิศทางท่ีแตกต่างกัน การเคลื่อนตัวในทิศทางท่ีแตกต่างกันของแผ่นเปลือกโลกนี่เอง ที่ทาให้แผ่นเปลือกโลกแต่ละแผ่นเกิดชนกัน หรือแยกออกจากกัน กลายเป็น “รอยเลื่อน” ข้ึนมาหลายรูปแบบแต่ละรูปแบบกอ่ ใหเ้ กดิ แผ่นดนิ ไหวข้นึ ได้ ชนิดของการเกดิ แผ่นดินไหว ภาพจาก http://www.neutron.rmutphysics.com/science-news ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 2 - 109
การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก หากมีอุปสรรคขัดขวางการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกด้านใดด้านหนึ่ง หรือท้ังสองด้านของแนวรอยเล่ือนจะทาให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้ ซ่ึงระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวจะข้ึนอยู่กับขนาดของแรงที่สะสมไว้ในจุดท่ีเป็นอุปสรรคของการเคลื่อนตัวของแผน่ เปลอื กโลกวา่ มแี รงสะสมมากน้อยเพยี งใด การจาแนกรอยเลอ่ื นตามรปู แบบของการเคล่ือนตัวของแผ่นเปลอื กโลก ประกอบดว้ ย 1. รอยเลื่อนท่ัวไป (นอร์มอล สลิป หรือ ดิป-สลิป ฟอลท์) เป็นส่วนรอยเล่ือนของเปลือกโลกทสี่ ว่ นแรกอยู่คงที่ ในขณะท่ีอกี ด้านหนึ่งทรดุ ตวั ลงในแนวด่ิง หรือเกอื บจะเปน็ แนวด่งิ 2. รอยเลื่อนแบบสวนทางในแนวราบ (สไตรค์-สลิป ฟอลท์) เป็นรอยเลื่อนที่เกิดจากการเคลอื่ นทข่ี องแผน่ เปลอื กโลก 2 แผ่นเคลื่อนทส่ี วนทางกันในแนวราบ หรอื เกือบจะเป็นแนวราบหรือแผ่นเปลือกโลกด้านหน่ึงของ รอยเล่ือนเคลื่อนตัวออกไปในแนวราบ ถ้าเป็นด้านซ้ายเรียกว่า“เลฟท์ เลเทอรัล ฟอลท์” ถ้าเป็นด้านขวาก็เรียกว่า “ไรท์ เลเทอรัล ฟอลท์” แผ่นดินไหวท่ีนอกชายฝั่งสุมาตราเกิดข้ึนจากรอยเล่ือนในลักษณะนี้ เช่นเดียวกับแผ่นดนิ ไหวท่ีประเทศเฮติ ในปี พ.ศ.2553 3. รอยเลื่อนที่ชนเข้าด้วยกัน (คอนเวอร์เจนท์ ฟอลท์) เกิดจากการที่แผ่นเปลือกโลก 2แผ่นเคล่ือนท่ีเข้าหาและชนกันขึ้น เมื่อเกิดการกระแทกจะเกิดแผ่นดินไหวและผิวนอกของเปลือกโลกถูกดันให้สูงข้ึน ภูเขา หรือเกาะแก่งในมหาสมุทรหลายแห่งเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากการเคล่ือนท่ีของแผน่ เปลอื กโลกในลักษณะนี้ 4. รอยเล่ือนแบบแยกออกจากกัน (ไดเวอร์เจนท์ ฟอลท์) เกิดข้ึนเมื่อแผ่นเปลือกโลก 2แผ่นเคล่ือนที่ออกจากกันในทิศทางตรงกันข้าม อาจเกิดแผ่นดินไหวข้ึนได้แต่ไม่รุนแรงมากนักแตจ่ ะปรากฏรอยแยกชัดเจน ในบางกรณีอาจมแี ม็กมาปะทุข้ึนมาเป็นลาวาไดอ้ ีกดว้ ย 5. รอยเล่อื นย้อนมมุ ต่า (ธรสั ท์ ฟอลท์) เกิดจากการที่แผน่ เปลอื กโลก 2 แผ่น เคลอื่ นทีเ่ ขา้หากันในทิศทางตรงกันข้ามแต่แผ่นเปลือกโลกด้านหน่ึงเคล่ือนตัวเอียงทามุมน้อยกว่าหรือเท่ากั บ45 องศาแล้วมุดลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกอีกแผ่นหน่ึง แผ่นดินไหวท่ีเกิดจากรอยเล่ือนลักษณะนี้มกั จะรุนแรงและหากเกดิ บริเวณใต้ทะเลมักก่อให้เกิดสึนามขิ นาดใหญ่ เชน่ กรณแี ผน่ ดนิ ไหวท่ีเกาะสุมาตรา ในปี พ.ศ. 2547 และแผน่ ดนิ ไหวทีเ่ มอื งเซนได ประเทศญ่ปี ่นุ ในปี พ.ศ. 2554 ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 110
2.2 ปัจจยั ท่เี ก่ียวข้องกับระดบั ความเสยี หายจากแผ่นดินไหว เหตุการณ์แผ่นดินไหว ท่ีส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินนั้นล้วนแต่มีปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องของการเกิด ซึ่งประกอบด้วย ขนาด ความรุนแรง จุดศูนย์เกิดของแผน่ ดินไหว ดงั นั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นในแตล่ ะพนื้ ทท่ี ี่ไดร้ ับจงึ มรี ะดบั ความเสียหายท่แี ตกตา่ งกนั 2.2.1 แหล่งกาเนิดแผ่นดนิ ไหว ที่เกิดในแนวของแผ่นดินไหวโลก โดยเฉพาะบริเวณท่ีมีการชนกันของแผ่นเปลือกโลก หรือแนวรอยเลื่อนท่ีมีความยาวมาก ๆ จะมีศักยภาพทาให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 2.2.2 ความลึกของจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหว ซ่ึงมีจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไม่ลึกมากหรือผิวดินจะก่อให้เกิดความรุนแรงในระดับที่มากกว่าการเกิดแผ่นดินไหวท่ีมีจุดศูนย์เกิดแผน่ ดินไหวที่ลกึ มากกวา่ 2.2.3 ขนาด (Magnitude) หมายถึง จานวนหรือปริมาณของพลังงานท่ีถูกปล่อยออกมาจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวแต่ละครั้งในรูปแบบของการส่ันสะเทือน คิดค้นโดย ชาลส์ฟรานซสิ รกิ เตอร์ และในประเทศไทยนยิ มใชห้ น่วยวัดขนาดแผน่ ดินไหว คอื “รกิ เตอร”์ ซ่งึ มีขนาดตามมาตรารกิ เตอร์ ดงั น้ีขนาดของแผ่นดินไหวตามมาตราวัดตามมาตราริกเตอร์ริกเตอร์ การรับรู้ ลักษณะท่ปี รากฏ ผคู้ นเริม่ รสู้ ึกถงึ การมาของคล่นื มีอาการวิงเวยี นเพียง1.0 - 2.9 เลก็ นอ้ ย เลก็ น้อย ผู้คนทอี่ ย่ใู นอาคารร้สู ึกเหมอื นมีอะไรมาเขยา่ อาคารให้3.0 – 3.9 เลก็ นอ้ ย สน่ั สะเทอื น ผู้ทอี่ าศัยอยูท่ ้ังภายในอาคารและนอกอาคารรู้สึกถงึ4.0 – 4.9 ปานกลาง การสัน่ สะเทือน วัตถุห้อยแขวนแกว่งไกว เคร่อื งเรอื นและวัตถมุ ีการเคลอ่ื นที่5.0 – 5.9 รุนแรง อาคารเรม่ิ เสียหาย พงั ทลาย6.0 – 6.9 รนุ แรงมาก เกิดการส่ันสะเทือนอยา่ งมากมาย ส่งผลทาให้อาคารและ7.0 ข้นึ ไป รุนแรงมาก มาก ส่ิงกอ่ สร้างต่าง ๆ เสียหายอย่างรุนแรง แผ่นดนิ แยก วัตถุบนพนื้ ถกู เหวีย่ งกระเดน็ ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 111
แผ่นดินไหวที่มีขนาดตั้งแต่ 5.0 ตามมาตราริกเตอร์ข้ึนไป สามารถทาให้เกิดความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างได้ ทั้งนี้ระดับความรุนแรงจะข้ึนอยู่กับระยะห่างจากจดุ ศนู ยเ์ กิดแผน่ ดินไหวและสภาพทางธรณวี ทิ ยาของทต่ี ั้ง โครงสร้างอาคารหรอื ส่ิงก่อสร้าง จะได้รบัผลกระทบจากแผน่ ดนิ ไหวจะก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายในลักษณะตา่ งกัน 2.2.4 ระยะทาง โดยปกติแผ่นดินไหวท่ีมีขนาดเท่ากันแต่ระยะทางจากจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวต่างกัน ระยะทางใกล้กว่าย่อมมีความสั่นสะเทือนของพื้นดินมากกว่า ทาให้ไดร้ บั ผลกระทบจากแผ่นดนิ ไหวมากกวา่ 2.2.5 สภาพทางธรณีวิทยา ก่อให้เกิดความเสียหายจากความสั่นสะเทือน บริเวณท่ีมีการดูดซับพลังงานการสั่นสะเทือนได้มากหรือมีค่าการลดทอนพลังงานมากจะได้รับความเสียหายน้อย เช่น ในพื้นท่ีที่เป็นหินแข็ง แต่ในบริเวณท่ีเป็นดินอ่อนจะช่วยขยายการสั่นสะเทือนของพ้ืนดินใหม้ ากกว่าเดมิ ความเสยี หายทไี่ ด้รับจะเพิม่ มากขึ้นดว้ ย 2.2.6 ความแข็งแรงของอาคาร อาคารที่สร้างได้มาตรฐาน มีความม่ันคงแข็งแรงได้รับการออกแบบและก่อสร้างให้ต้านแผ่นดินไหว จะสามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดี เมื่อเกิดแผน่ ดินไหวจะเพ่มิ ความปลอดภยั ใหก้ ับผูอ้ ยอู่ าศัยได้ในระดับหน่ึง 2.3 ผลกระทบทเ่ี กิดจากแผ่นดนิ ไหว ความรุนแรงของแผ่นดนิ ไหวท่ีเกิดข้ึนในแต่ละคร้ังนั้น ข้ึนอยู่กับความรุนแรงท่ีรสู้ ึกได้มากน้อยเพียงใด และข้ึนอยู่กับระยะทางจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว ความเสียหายจะเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับศูนย์กลางแผ่นดินไหวและจะลดหลั่นลงไปตามระยะทางที่ห่างออกไป ดังนั้นการสูญเสียจะมากหรือน้อยขน้ึ อยกู่ ับความรุนแรงของแผ่นดินไหวโดยตรง ความรุนแรง (Intensity) ใช้มาตราในการวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหว เรียกว่ามาตรา “เมอร์คัลลี่” กาหนดข้ึนคร้ังแรกโดย กวีเซปเป เมอร์คัลลี (Guiseppe Mercalli)นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียน ต่อมาแฮร่ีวูด (Harry Wood) นักวิทยาศาสตร์ด้านแผ่นดินไหวชาวอเมริกัน ได้ปรับมาตราความรุนแรงเมอร์คัลล่ี ให้มีระดับความรุนแรง 12 ระดับ โดยใช้ตัวเลขโรมนั แทนระดับความรุนแรง ดังนี้ ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 2 - 112
เมอร์คัลลี่ ลกั ษณะท่ีปรากฏ I อ่อนมาก ผูค้ นไมร่ ู้สึก ต้องทาการตรวจวัดดว้ ยเครือ่ งมือเฉพาะทางเท่านัน้ II คนท่ีอยู่ในตึกสูง ๆ เริม่ รสู้ ึกเพียงเล็กนอ้ ย III คนในบ้านเร่ิมรู้สึก แต่คนสว่ นใหญย่ งั ไม่รูส้ ึก IV ผอู้ ย่ใู นบา้ นรู้สกึ วา่ มีอะไรบางอยา่ งมาทาใหบ้ ้านส่นั เบา ๆ V คนส่วนใหญร่ ู้สึก ของเบาในบ้านเริม่ แกวง่ ไกว VI คนสว่ นใหญร่ ู้สึก ของหนักในบา้ นเร่มิ แกว่งไกว VII คนตกใจ สง่ิ ก่อสรา้ งเร่ิมมรี อยร้าว VIII อาคารธรรมดาเสยี หายอย่างมาก IX สิ่งก่อสรา้ งท่ีออกแบบไว้อย่างดีตามหลักวิศวกรรม เสยี หายมาก X อาคารพัง รางรถไฟงอเสียหาย XI อาคารสิ่งก่อสรา้ งพงั ทลายเกือบทัง้ หมด ผิวโลกนูนและเลอื่ นเปน็ รปู คลื่นบนพ้ืนดนิ XII ทาลายหมดทุกอยา่ ง มองเหน็ เปน็ คลนื่ บนแผ่นดิน เหตุการณ์แผ่นดินไหว ทสี่ ง่ ผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สนิ ในด้านต่าง ๆ ดงั นี้ 2.2.1 ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพอนามยั 1) ประชาชนที่มีบ้านเรือนพักอาศัยในพ้ืนที่ท่ีเกิดแผ่นดินไหว ได้รับบาดเจ็บหรอื เสียชีวิตจากเศษสง่ิ ปรักหกั พงั และการล้มทบั ของสิง่ กอ่ สรา้ งต่าง ๆ 2) ท่ีอยอู่ าศยั พงั เสยี หายไม่สามารถเขา้ ไปพกั อาศัยได้ ทาให้ไรท้ ีอ่ ย่อู าศัย 3) ระบบสาธารณปู โภคไดร้ ับความเสียหาย อาจเกิดการระบาดของโรคต่าง ๆ 4) เกดิ เหตอุ คั คีภัยหรือไฟฟ้าลัดวงจร ทาให้ประชาชนบาดเจ็บหรือเสยี ชีวติ 5) สุขภาพจติ ของผูป้ ระสบภัยเสือ่ มลง ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 113
2.2.2 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 1) ระบบธุรกิจหยุดชะงักเน่ืองจากระบบการคมนาคมส่ือสารถูกทาลายไม่มีการประกอบหรือดาเนนิ ธุรกรรมหรือการผลิตใด ๆ 2) รัฐต้องใช้งบประมาณในการดูแลสุขภาพ การรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยการฟ้ืนฟูระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะต่าง ๆ ตลอดจนการก่อสร้างท่ีอยู่อาศัยของประชาชนและหนว่ ยงานราชการตา่ ง ๆ สง่ ผลถงึ งบประมาณท่ขี าดหายไปในการพฒั นาประเทศ 3) พืชผลทางการเกษตรเสียหาย 2.2.3 ผลกระทบดา้ นกายภาพและสงิ่ แวดล้อมอื่นๆ 1) วันสั้นลงหลังจากเกิดเหตุแล้วมีการตรวจพบว่า แผ่นดินไหวไปเร่งการหมุนของโลก ดังน้ันจึงทาให้โลกหมุนเร็วขึ้นส่งผลให้เวลาหายไปวันละ 1.8 ไมโครวินาที หรือ 1 ในล้านส่วนวินาที โดยริชาร์ด กรอส (Richard Gross) นักธรณีฟิสิกส์ ซึ่งทางานในห้องปฏิบัติการจรวดขับดันขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ เปน็ ผคู้ านวณพบเวลาทีห่ ายไปโดยบอกว่า โลกหมนุเรว็ ข้ึน เพราะมวลของโลกเกดิ การกระจายตัวออกไปหลังเหตุการณ์แผน่ ดินไหว 2) สนามโน้มถ่วงโลกเปลี่ยนไป การเกิดเหตุแผ่นดินไหวแต่ละคร้ังจะมีพลังมากจนทาให้สนามโน้มถ่วงโลกในบริเวณน้ันเบาบางลงไป ซ่ึงดาวเทียมได้ตรวจจับและพบว่าสนามโนม้ ถ่วงบรเิ วณน้นั ออ่ นหลงั เกิดเหตแุ ผน่ ดนิ ไหว 3) ช้ันบรรยากาศสะเทือน เนื่องจากการเคล่ือนไหวที่พื้นผิวโลกและการเกิดสึนามิก่อให้เกิดคล่ืนพุ่งสู่ชั้นของบรรยากาศ หลังการเกิดแผ่นดินไหวที่ญ่ีปุ่นพบว่าแรงอนุภาคคล่ืนทพ่ี ่งุ สูงข้นึ ไปถงึ ชน้ั ไอโอโนสเฟยี ร์ด้วยความเรว็ ประมาณ 800 กิโลเมตรต่อชว่ั โมง 4) ภูเขาน้าแข็งทะลาย ผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวไม่ได้เกิดข้ึนแค่ชายฝั่งทะเลและพื้นท่ีศูนย์กลางแผ่นดินไหวเท่าน้ันแต่ความเสียหายสะเทือนไปไกลถึงภูเขาน้าแข็งซัลซ์เบอร์เกอร์ ท่ีมหาสมุทร แอนตาร์ติกา ซ่ึงดาวเทียมสามารถตรวจจบั คลน่ื สนามเขา้ กระแทกจนแตกออกมาเปน็ ก้อนน้าแขง็ หลงั จากเกดิ แผน่ ดนิ ไหวไปแล้ว 18 ช่ัวโมง 5) ธารน้าแข็งไหลเร็วข้ึน จากการศึกษาระยะห่างออกไปจากชายฝ่ังญ่ีปุ่นนับพันกิโลเมตรคล่ืนแผ่นดินไหวส่งผลต่อการไหลของธารน้าแข็งวิลลานส์ ในแอนตาร์ติกาให้เร็วข้ึนชว่ั ครู่ ซง่ึ สถานีจีพีเอสทข่ี ัว้ โลกพบการเดินทางของนา้ แข็งเกิดข้นึ อย่างรวดเรว็ ในช่วงเวลาน้ัน ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 114
6) แผ่นดินไหวขนาดเล็กแพร่กระจายท่ัวโลก การเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0ตามมาตราริกเตอร์ยังคงมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาเป็นระยะ มหี ลักฐานว่าแผ่นดินไหวท่ีประเทศญ่ีปุ่นส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กรอบโลกและส่วนใหญ่เกิดข้ึนในเขตแผ่นดินไหว เช่น อลาสกาไต้หวนั และใจกลางแคลฟิ อร์เนยี โดยเหตุการณ์เหล่านีจ้ ะมขี นาดไม่เกนิ 3.0 ตามมาตรารกิ เตอร์ 7) พื้นทะเลแยก การเกิดแผ่นดินไหวท่ีมีความรุนแรงมาก ๆ จะทาให้เกิดรอยแยกโดยเฉพาะบริเวณพื้นทะเลบริเวณชายฝ่ังเมืองโตโฮะกุ ประเทศญี่ปุ่น จนเป็นเหตุให้เกิดสึนามิตามมา 2.4 พ้นื ทีเ่ สี่ยงภยั ตอ่ การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย พื้นที่ประเทศไทยตั้งอยู่บนแผ่นยูเรเชีย ใกล้รอยต่อระหว่างแผ่นยูเรเชียกับแผ่นอินเดีย-ออสเตรเลีย มีรอยเลื่อนอยู่ทางภาคตะวันตกและภาคเหนือ ทาให้พ้ืนที่ท่ีมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยมีหลายแห่งบริเวณแนวรอยเล่ือน รอยเล่ือนที่มีพลังในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศไทย ปัจจุบันพบว่าแผ่นดินไหว รู้สึกได้ในประเทศไทยเกิดข้ึนปีละ 6-8 ครั้ง โดยเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กถึงปานกลาง มีตาแหน่ง ศูนย์กลางทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ส่วนสาเหตุที่ดูเหมือนว่า ความถ่ีของการเกิดแผ่นดินไหวเพิ่มข้ึนนั้น แท้ท่ีจริงแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นปกติเช่นนี้ตั้งแต่อดีตแต่เน่ืองจากการส่ือสารในอดีตไม่รวดเร็ว จึงทาให้การรับรู้เร่ืองความส่ันสะเทือนไม่แพร่หลายต่างจากปัจจุบันท่ีการสื่อสารรวดเร็วเม่ือเกิดแผ่นดินไหวแม้ว่าอยู่ห่างไกลอีกมุมหนึ่งของโลกก็สามารถทราบข่าวได้ทันที อีกทั้งความเจริญทาให้ชุมชนขยายตัวล้าเข้าไปอยู่ใกล้บริเวณแหล่งกาเนิดแผ่นดินไหวทาให้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ง่ายข้ึน จึงทาให้ดูเหมือนว่าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยคร้ังกวา่ ในอดตี รอยเลื่อน คือ รอยแตกในหินท่ีแสดงการเล่ือน สามารถพบได้ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ขนาดของรอยเลื่อนมีตั้งแต่ระดับเซนติเมตรไปจนถึงหลายร้อยกิโลเมตร รอยเล่ือนขนาดใหญ่สามารถสังเกตได้ง่ายจากลักษณะภูมิประเทศ รอยเลื่อนที่มีความเส่ียงต่อการเกิดแผ่นดินไหวจัดอยู่ในประเภท รอยเล่ือนมีพลัง(Active Fault) คือ รอยเล่ือนที่พบหลักฐานว่าเคยเกิดการเลื่อนหรือขยับตัวมาแล้วในห้วงเวลา10,000 ปี มักจะอยู่ในพ้ืนท่ีบริเวณแนวรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลก จึงเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดแผ่นดนิ ไหวข้ึนในบริเวณรอยเล่ือนเหล่าน้ี จึงตอ้ งมกี ารเฝ้าระวังการเกิดอยเู่ สมอ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ูภ้ ัยธรรมชาติ 2 - 115
กลุ่มรอยเลื่อนในประเทศไทยที่เปน็ สาเหตขุ องการเกิดแผน่ ดินไหว (ภาพจากเว็บไซต์ กรมทรัพยากรธรณ)ี เข้าถึงไดจ้ าก http://ns1.dmr.go.th/images/article/freetemp/article_20140507091801.png ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 116
เรื่องท่ี 3 สถานการณ์แผ่นดินไหว3.1 สถานการณก์ ารเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย ประเทศไทย มีรอยเล่ือนท่ีมีพลังอยู่ทางภาคตะวันตก ภาคเหนือ และภาคใต้ของประเทศ จานวน 14 รอยเล่ือน การเกิดแผ่นดนิ ไหวในแต่ละคร้ังมีระดับความรุนแรงต่างกนั ออกไปหากมีระดับความรุนแรงน้อยก็จะไม่ทาให้เรารับรู้แรงส่ันสะเทือน การเกิดแผ่นดินไหวจะทาให้แผ่นเปลือกโลกบริเวณจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวและบริเวณที่เก่ียวข้องมีการเปลี่ยนแปลง เช่นแผ่นดนิ แตกแยก แผน่ ดินยบุ แผ่นดนิ หรอื ภเู ขาถล่ม ไฟไหม้ เปน็ ต้น สถิติการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยในช่วงระยะเวลา 15 ปี ท่ีมีจุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทย และเป็นแผ่นดินไหวท่ีมีขนาด 5.0 ตามมาตราริกเตอร์ข้ึนไป ซึ่งเป็นระดับท่ีรับรู้แรงส่ันสะเทอื นอยา่ งรุนแรงเป็นบรเิ วณกว้าง และทาใหว้ ัตถสุ ง่ิ ของเคลอื่ นท่ี วนั ที่ ขนาด จดุ ศูนย์กลาง ผลท่เี กิดจากแผ่นดินไหว (รกิ เตอร)์5 พฤษภาคม - ร้สู กึ ส่นั สะเทือนได้ประมาณ 30 วินาที สรา้ ง 2557 6.3 อาเภอพาน ความเสยี หายในวงกว้าง แรงส่นั สะเทือนทาให้ ตัวอาคารบ้านอาคารตกึ สงู แตกร้าว กระเบ้ือง จังหวดั เชยี งราย มุงหลงั คาบา้ นและวดั แตก ขา้ วของหล่นลงมา แตกกระจาย กระจกเคลอ่ื น แผน่ ดินแตก ถนนทรดุ ตวั ยอดฉัตรของวัดหกั งอ - เกดิ อาฟเตอร์ช็อก ท่ีรับรู้ถึงแรงส่ันสะเทือนอีก กว่า 700 คร้งั13 ธันวาคม 5.1 อาเภอแมร่ ิม รสู้ ึกส่นั สะเทือนไดเ้ กอื บทัว่ ไปในจงั หวดั 2549 จังหวัดเชยี งใหม่ เชยี งใหม่ และอาคารสูงในจังหวัดเชียงราย21 ธันวาคม 5.2 อาเภอพรา้ ว รูส้ กึ ไดท้ จ่ี ังหวัดเชียงใหม่ เชยี งราย พะเยา 2538 จงั หวดั เชียงใหม่ ลาปาง ลาพูน และแมฮ่ ่องสอนเกิดมคี วาม เสยี หายเล็กนอ้ ยท่บี รเิ วณใกล้ศูนย์กลาง ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ูภ้ ยั ธรรมชาติ 2 - 117
วนั ท่ี ขนาด จุดศนู ยก์ ลาง ผลทเ่ี กิดจากแผ่นดินไหว9 ธันวาคม 2538 (ริกเตอร์) อาเภอร้องกวาง รู้สึกไดท้ ี่จงั หวดั เชยี งใหม่ เชียงราย ลาพนู 5.1 จงั หวดั แพร่ ลาปาง พะเยา แพร่ อุตรดติ ถ์ และน่านเสียหาย เล็กนอ้ ย ทีจ่ ังหวดั แพร่11 กนั ยายน 5.1 อาเภอแม่สรวย 2537 จังหวัดเชยี งราย รสู้ กึ ไดท้ จี่ ังหวัดเชียงราย มีความเสียหายต่อ สง่ิ กอ่ สรา้ งใกลศ้ ูนย์กลาง เช่นโรงพยาบาลพาน22 เมษายน 5.9 จงั หวดั กาญจนบุรี วดั และโรงเรียน 2526 5.5 จังหวัดกาญจนบรุ ี รู้สึกแผน่ ดินไหวตลอดภาคกลาง และภาคเหนือ15 เมษายน ส่วนอาคารในกรุงเทพมหานครเสียหายเลก็ นอ้ ย 2526 5.6 พมา่ -ไทย (จังหวดั ตาก) นอกจากทกี่ าญจนบุรแี ลว้ ยังรู้สึกแผน่ ดินไหว17 กมุ ภาพนั ธ์ ชดั เจนในกรงุ เทพหานครด้วย 2518 รู้สึกไดท้ ัง้ ทีภ่ าคเหนือและภาคกลาง รวมถงึ ใน เขต กรงุ เทพมหานคร ปรากฏความเสียหาย เล็กน้อย ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 118
แผนทีภ่ ยั พิบัติแผน่ ดินไหวของประเทศไทยในคาบ 50 ปี (นบั ถงึ เดอื นตลุ าคม 2556) (ภาพจากเวบ็ ไซต์ กรมทรัพยากรธรณี)http://ns1.dmr.go.th/images/article/freetemp/article_20140507091744.png ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ้ภู ยั ธรรมชาติ 2 - 119
3.2 สถานการณก์ ารเกดิ แผน่ ดนิ ไหวในทวีปเอเซีย ทวีปเอเชีย เป็นบริเวณที่มีเปลือกโลกใกล้เคียง จานวน 4 แผ่น ได้แก่ แผ่นยูเรเชียแผ่นแปซิฟิก แผ่นอินเดีย-ออสเตรเลีย และแผ่นฟิลิปปินส์ อีกท้ังเป็นบริเวณที่บรรจบกันของแนวแผ่นดินไหว 2 แนวคือ แนวล้อมมหาสมุทรแปซิฟิกและแนวเทือกเขาแอลป์-หิมาลัย จึงทาให้เกิดแผ่นดินไหวอยู่เสมอ สาหรับประเทศญี่ปนุ่ นับเป็นประเทศหน่ึงท่ีไดร้ ับผลกระทบจากภัยธรรมชาติท้ังแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และคลื่นสึนามิอยู่เสมอ เนื่องจากทาเลที่ต้ังของประเทศญี่ปุ่นนอกจากจะเป็นเกาะแล้ว ยังต้ังอยู่บนพ้ืนผิวโลกในบริเวณ “วงแหวงแห่งไฟ” ซ่ึงเป็นบริเวณในมหาสมทุ รแปซิฟกิ ที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบอ่ ยครั้ง แหล่งกาเนิดแผ่นดินไหวหรือบริเวณตาแหน่งศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวท่ีเกิดข้ึนร้อยละ 80 จะอยู่บริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลกรอบ ๆ มหาสมุทรแปซิฟิกหรือพ้ืนที่ที่เรียกกันในช่ือ “วงแหวนแห่งไฟ” ( Ring of Fire) วงแหวนแห่งไฟมีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้าวางตัวตามแนวร่องมหาสมุทร แนวภูเขาไฟและบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลก โดยมีภูเขาไฟท่ีต้ังอยู่ภายในวงแหวนไฟทั้งหมด 452 ลูก และเป็นพ้ืนท่ีที่มีภูเขาไฟคุกรุ่นอยู่กว่าร้อยละ 75 ของภูเขาไฟคุกรุ่นอยทู่ วั่ ทัง้ โลก “วงแหวนแหง่ ไฟ” พนื้ ทแ่ี ห่งแผ่นดินไหวและภเู ขาไฟมพี ลัง ภาพโดย วชิ าการธรณไี ทย GeoThai.net ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 2 - 120
กรณีการเกิดเหตุการณแ์ ผน่ ดนิ ไหวในทวปี เอเชยี ทก่ี ่อใหเ้ กิดความเสียหายรุนแรง 3.2.1 แผน่ ดนิ ไหวที่เกาะควิ ชู ประเทศญ่ปี นุ่ พ.ศ. 2559 ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นหมู่เกาะ ประกอบไปด้วยเกาะสาคัญจานวน 5เกาะ ได้แก่ เกาะฮอกไกโด เกาะฮอนชู เกาะชิโกกุ เกาะคิวชู เกาะโอกินาว่า และมีเกาะขนาดเล็กอีกประมาณ 4000 เกาะ เมืองหลวง คือ กรุงโตเกียว ในประเทศญ่ีปุ่นมีภูเขาไฟท้ังหมด 186 ลูกซ่ึงเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบประมาณ 60 ลูก ประเทศ ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในแนวของวงแหวนไฟ (Ring ofFire) ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า ความยาวประมาณ 40,000 กิโลเมตร ทอดตัวตามแนวร่องสมทุ ร แนวภเู ขาไฟ และขอบของแผ่นเปลือกโลกเป็นบริเวณในมหาสมุทรแปซฟิ ิกท่เี กดิ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และจัดว่าเป็นบริเวณท่ีมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นมากถึงร้อยละ 80-90ของแผ่นดินไหวท่ีเกดิ ขึ้นทัว่ โลก สานกั เฝ้าระวงั แผ่นดนิ ไหวไดร้ ายงานการเกิดแผ่นดนิ ไหวขนาด 7.0 ตามมาตราริกเตอร์ในเมืองคุมาโมโตะบนเกาะคิวชู ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันท่ี 16เมษายน 2559 เวลาประมาณ 01.25 น. ตามเวลาทอ้ งถน่ิ ของญี่ปุ่น ท่ีระดับความลึก 10 กิโลเมตรเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งน้ีเกิดแผ่นดินไหวก่อนหน้า (foreshock) ขนาด 6.2 ตามมาตราริกเตอร์เม่ือวันที่ 14 เมษายน 2559 และเกิดแผน่ ดนิ ไหวตาม (aftershock) ประมาณ 800 คร้งั เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ส่งผลให้บ้านเรือนพังทลาย 5,200 หลังคาเรือนสถานที่สาคัญ เช่น ปราสาทคุมาโมโตะ ซึ่งหลังคา ตัวปราสาท และกาแพงได้รับความเสียหายหลายส่วน และศาลเจ้าอะโสะ จังหวัดคุมาโมโตะ พังทลายหลายส่วน รวมทั้งประตูทางเข้าซ่ึงเป็นสมบตั แิ ห่งชาติญีป่ ุ่น มีรายงานภูเขาไฟอะโสะ จงั หวัดคมุ าโมโตะเกิดปะทุมคี วันพงุ่ ออกมาประมาณ100 เมตร เกิดดินสไลด์หลายจุด สามารถสรุปถึงสาเหตุของการเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรพั ยส์ นิ จากเหตกาุ รณ์แผน่ ดนิ ไหว ดังน้ี 1) ช่วงเวลาของการเกิดแผ่นดินไหวเป็นเวลาท่ีคนส่วนใหญ่นอนหลับพักผ่อนอยู่ในอาคารทาให้มีผู้เสียชีวิตจากการโดนตึกถล่มทับและติดอยู่ในซากตึก สาหรับอาคารที่สร้างตามมาตรฐานต้านแผน่ ดินไหวไมไ่ ด้รับความเสยี หาย 2) จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในเมืองคุมาโมโตะ ซ่ึงทาให้เกิดความเสียหายรุนแรงมาก พ้ืนดินสั่นสะเทือนมากเน่ืองจากมีพลังงานจากแผ่นดินไหวมาก และในบริเวณใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดนิ ไหวคลื่นจะถูกปลดปล่อยออกมาทุกความถ่ี ไม่ว่าอาคารสูงหรือตา่ ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 121
ก็จะรับรู้ถึงความสั่นสะเทือนได้ทั้งหมด แต่เมื่อคล่ืนแผ่นดินไหวเดินทางไปในระยะทางไกล ๆความถี่สูงจะถูกกรองออกจนเหลือแต่ความถ่ีต่า ๆ เท่าน้ันทาให้สามารถรับรู้ถึงแรงสะเทือนได้เฉพาะอาคารทีม่ ีความสูงตั้งแต่ 7 ชนั้ ขึน้ ไป 3) ความลึกของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้จัดว่าเป็นแผ่นดินไหวระดับตื้นทาให้พ้ืนดินส่ันสะเทือนมากข้ึน สาหรับกรณีที่เกิดแผ่นดินไหวขนาดเท่ากันแต่ความลึกแตกต่างกนัแผ่นดินไหวต้ืนย่อมเสียหายรุนแรงมากกว่าแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ระดับลึก แผ่นดินไหวท่ีเกิดในระดับลึกพ้ืนดินจะสั่นสะเทือนน้อยลง เน่ืองจากมีการสูญเสียพลังงานจากแผ่นดินไหวในระหวา่ งเดนิ ทาง ประเทศญี่ปุ่นจัดว่าเป็นประเทศท่ีมีมาตรการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภัยแผ่นดินไหวได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่มีระเบียบวินัย ทราบถึงวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยแผ่นดินไหวและทราบว่าหากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่แล้วจะเกิดแผ่นดินไหวตามอีกเป็นจานวนมาก ในเหตุการณ์คร้ังนี้เกิดแผ่นดินไหวตามประมาณ 800 ครั้ง เฉลี่ยการเกิดแผ่นดินไหวตามวันละ 100 ครั้ง ทาให้บ้านเรือนที่ยังไม่พังทลายท้ังหลังไม่ปลอดภัยสาหรับการอยู่อาศัย อาจพังทลายจากแผ่นดินไหวตามได้ตลอดเวลา ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่จึงอพยพออกจากบ้านไปพักยังศูนย์อพยพท่ีถูกสร้างอย่างม่ันคง แข็งแรงปลอดภัย มีของใช้จาเป็นเตรียมไว้ในแต่ละพ้ืนที่ และในศูนย์อพยพก็จะมีการเตรียมอาหารสาเร็จรูป น้าด่ืม และส่ิงของจาเป็นพ้ืนฐานสาหรับผู้อพยพ พร้อมกันน้ันหลังจากเกิดแผ่นดินไหวก็จะมีหน่วยกภู้ ยั ที่ไดร้ ับการฝึกฝนเข้าไปค้นหาผู้รอดชีวติ ที่ติดอยู่ในซากอาคารท่ีพังทลาย ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 122
3.2.2 กรงุ กาฐมาณฑุ และโปขรา ประเทศเนปาล พ.ศ. 2558 แนวหิน (locking line) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกดิ แผ่นดินไหวในประเทศเนปาล ท่มี า http://jimmysoftwareblog.com/wp-content/uploads/2015/04/1225002898903959622.jpg วนั ที่ 25 เมษายน 2558 เกิดแผน่ ดินไหวขนาดใหญ่ถึง 7.8 ตามมาตราริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางห่างออกไป 34 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองลัมจุง ซ่ึงต้ังอยู่ระหว่างกรุงกาฐมาณฑุและโปขรา ในประเทศเนปาล สร้างความสูญเสียอย่างมากต่อชีวิตและทรัพย์สินโบราณสถานตา่ ง ๆ พังเสียหายมากมาย สาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งน้ี มาจากการสะสมพลังของจุดแนวหิน (Locking line)ราว 80 ปี นับจากแผ่นดินไหวคร้ังใหญ่ขนาด 8.0 ตามมาตราริกเตอร์ ในเนปาลเมื่อปี พ.ศ. 2477ทั้งน้ีแผ่นเปลือกโลกอินเดียน้ันปกติจะเคล่ือนตัวข้ึนไปทางทิศเหนือตลอดเวลาอยู่แล้ว มีอัตราความเร็วในการเคล่ือนตัวประมาณ 2.0 เซ็นติเมตรต่อปี ขอบบนของแผ่นเปลือกโลกอินเดียจะเบียดเข้ากับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียซ่งึ เป็นที่ต้งั ของทวีปเอเชยี และยุโรป การเบียดกันได้ดันแผน่ ดนิให้สูงข้ึนเป็นเทือกเขาหิมาลัยต้ังแต่หลายล้านปีท่ีแล้ว (ปัจจุบันเทือกเขาหิมาลัยก็จะมีความสูงเพ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ) โดยในการเบียดตัวขึ้นทางเหนือน้ีแผ่นปลือกโลกอนิ เดียซึ่งมีความหนาแน่นสูงกว่าเปลือกโลกยูเรเซียจะมุดตัวลงด้านล่าง ทาให้เกิดจุดล็อกเน่ืองจากความไม่เรียบของเปลือกโลกทาให้แผ่นเปลอื กโลกอินเดยี เคล่ือนตัวต่อไปทางเหนอื ไม่สะดวกเกิดการสะสมแรงกดดันขึ้น จนเกิดแผ่นดินไหวข้ึนเพื่อปลดปล่อยพลังงานที่สะสมไว้ออกมา ในลักษณะแบบ Reverse thrustก่อให้เกิดความเสียหายอยา่ งมาก เนื่องจากประเทศเนปาลต้งั อยบู่ รเิ วณขอบรอยเลือ่ นพอดี ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 123
สถิตกิ ารเกดิ แผน่ ดินไหวทเี่ กดิ ขึ้นทั่วโลก จานวนแผน่ ดนิ ไหวที่เกิดข้ึนทัว่ โลกเฉลี่ยต่อไป ภาพจาก http://www.geothai.net/category/student-chaptersอตั ราการเกิดและผลกระทบตามขนาดมาตรารกิ เตอร์ โดยสานกั งานสารวจธรณีวทิ ยา สหรัฐอเมริกาขนาด ผลกระทบ อตั ราการ(รกิ เตอร)์ เกิดทว่ั โลก1.9 ลงไป ไม่มี ไมส่ ามารถรู้สึกได้ 8,000 ครัง้ /วนั2.0 – 2.9 คนทวั่ ไปมักไมร่ สู้ กึ แต่กส็ ามารถรู้สกึ ไดบ้ า้ ง และตรวจจับได้ง่าย 1,000 ครัง้ /วนั3.0 – 3.9 คนส่วนใหญร่ สู้ ึกได้ และบางครงั้ สามารถสรา้ งความเสียหายไดบ้ า้ ง 49,000 ครงั้ /ปี4.0 – 4.9 ขา้ วของในบา้ นสนั่ ไหวชดั เจน สามารถสร้างความเสยี หายไดป้ านกลาง 6,200 ครง้ั /ปี5.0 – 5.9 สร้างความเสียหายยบั เยนิ ให้กับสิ่งก่อสรา้ งท่ีไม่มัน่ คงแขง็ แรง 800 คร้ัง/ปี6.0 – 6.9 สร้างความเสยี หายทีค่ ่อนขา้ งรนุ แรงได้ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร 120 ครง้ั /ปี7.0 – 7.9 สามารถสร้างความเสยี หายรุนแรงในบริเวณกว้างกวา่ 18 คร้ัง/ปี8.0 – 8.9 สรา้ งความเสยี หายรุนแรงได้ในรศั มีเปน็ ร้อยกิโลเมตร 1 ครั้ง/ปี9.0 – 9.9 ล้างผลาญทุกส่ิงทุกอย่างในรัศมเี ปน็ พนั กโิ ลเมตร 1 คร้ัง/20 ปี10.0 ขึน้ ไป ไมม่ ีบันทกึ ความเสยี หายไว้ เนื่องจากมีโอกาสเกิดข้นึ ยากมาก ไม่เคยเกิด ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 124
เรอื่ งท่ี 4 แนวทางการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบท่เี กิดจากแผน่ ดนิ ไหว 4.1 การเตรยี มความพรอ้ มรบั สถานการณ์การเกิดแผ่นดนิ ไหว 4.1.1 สร้างอาคารบ้านเรือนให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ท่ีกาหนด สาหรับพื้นที่เสี่ยงภัยแผน่ ดนิ ไหว 4.1.2 ตรวจสอบสภาพของอาคารท่ีอยู่อาศัย และเครื่องใช้ภายในบ้านทาการยึดเครื่องเรือนทอ่ี าจก่อให้เกดิ อันตราย เชน่ ตู้และชั้นหนังสอื กับฝาบ้านหรอื เสา 4.1.3 ให้สมาชิกในครอบครัวมีความรู้ในเร่ืองการปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นและวิธีการเพือ่ ความปลอดภยั เช่น การปิดวาลว์ กา๊ ซหงุ ตม้ ทอ่ นา้ ประปา สะพานไฟ การใช้เคร่อื งมือดับเพลิง 4.1.4 จัดเตรียมส่ิงต่อไปน้ีไว้ใกล้ตัว เช่น วิทยุ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย อุปกรณ์ดับเพลิงนา้ ด่มื อาหารแหง้ ยารกั ษาโรคและอุปกรณ์การปฐมพยาบาล 4.1.5 ให้ความรู้แก่สมาชิกในครอบครัวทุกคนเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติเพ่ือความปลอดภยั เมอื่ อย่ใู นสถานทตี่ ่าง ๆ ระหว่างเกิดแผ่นดนิ ไหว 4.1.6 วางแผนนัดแนะล่วงหน้าว่าถ้าตอ้ งพลัดหลงแยกจากกัน ทุกคนในครอบครวั จะกลับมาพบกนั ท่ใี ด 4.1.7 ไม่ควรวางสิ่งของท่ีมีนา้ หนกั มากไว้ในทส่ี ูง และควรผูกยึดเคร่อื งใช้ เครอื่ งเรือนครภุ ณั ฑ์สานกั งานกับพ้นื หรอื ฝาผนังใหแ้ นน่ หนา 4.1.8 ให้สมาชิกทุกคนในบ้านทราบหมายเลขโทรศัพท์ของสถานที่ที่ควรจะติดต่อในกรณีฉุกเฉิน เช่น หน่วยดับเพลิงเทศบาล สถานีตารวจดับเพลิง ท่ีว่าการอาเภอ สานักงานเทศบาลหรอื โรงพยาบาลที่อยใู่ กล้บา้ น เปน็ ตน้ 4.1.9 ควรติดตั้งโทรศัพท์พ้ืนฐานไว้ในบ้านอย่างน้อยหนึ่งหมายเลข เพราะเมื่อใดแผ่นดนิ ไหวสญั ญาณโทรศัพท์มือถือมักจะใชง้ านไม่ได้ เน่ืองจากมีผใู้ ชง้ านพรอ้ มกันเปน็ จานวนมาก ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 2 - 125
“เปฉ้ กุ เฉนิ ” กบั ส่งิ ของจาเปน็ ทีค่ วรมีเพอื่ เตรยี มความพรอ้ มกอ่ นเกิดแผน่ ดินไหว การเตรียมตัวสาหรับรับเหตุแผ่นดินไหว ควรมีการจัดเตรียมส่ิงของจาเป็นเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวข้ึนเพื่อให้สามารถใช้อุปกรณ์ในเป้ฉุกเฉินในการเอาตัวรอดในสถานการณ์เฉพาะหนา้ และยงั ชีพระหว่างประสบภัยได้ในเบ้อื งตน้ ซงึ่ อุปกรณ์ทคี่ วรจัดเตรียมไว้สาหรับอุปโภคบรโิ ภคในชว่ งเวลาอย่างนอ้ ย 3 - 5 วัน ประกอบด้วย - อาหารแหง้ และอปุ กรณ์ทาอาหารฉุกเฉนิ - นา้ ดืม่ และกระตกิ นา้ แบบพกพา - เส้อื ผา้ เคร่ืองนงุ่ ห่ม สาหรบั กันอากาศหนาว ลม และฝน - รองเท้าหุ้มส้น ป้องกนั เศษแกว้ หรือวัตถุแหลมคมอน่ื ๆ ทอี่ าจทาให้ได้รบั บาดเจ็บ - ชุดปฐมพยาบาลและยา เช่น ยารักษาโรคประจาตัว รักษาบาดแผล เป็นตน้ - เอกสารสาคัญประจาตวั เพ่อื ใชเ้ ป็นหลกั ฐานยนื ยนั สถานะบุคคล - วทิ ยุแบบพกพาพร้อมแบตเตอรส่ี ารอง ใชฟ้ งั ข่าวสารและประกาศเตือนภยั ต่าง ๆ - นกหวีด ใชส้ าหรับเปา่ เรยี กความชว่ ยเหลอื ในกรณฉี ุกเฉิน - ไฟฉายพรอ้ มแบตเตอร่ีสารอง ใช้สาหรับสอ่ งสวา่ ง 4.2 การปฏบิ ัตขิ ณะเกดิ แผน่ ดินไหว เม่อื เกิดแผน่ ดนิ ไหว ให้ต้ังสติ อยอู่ ยา่ งสงบ คดิ หาหนทางทีป่ ลอดภยั หมอบอยู่บรเิ วณที่สามารถป้องกันสิ่งของหล่นใส่ เช่น บริเวณใต้โต๊ะ ใต้เตียง หลีกเล่ียงให้ห่างจากหน้าต่าง หากอยู่นอกอาคารให้อยู่ในที่โล่ง อยู่ห่างจากสิ่งห้อยแขวนต่าง ๆ เพราะอันตรายส่วนใหญ่เกิดจากสิ่งของหลน่ ใส่ และปฏิบัติตนตามแนวทางการป้องกนั ภัยจากแผ่นดนิ ไหว ดังนี้ 4.2.1 กรณอี ยู่ในอาคาร 1) กรณสี ัน่ สะเทือนมากให้ ปิดสวทิ ชไ์ ฟหลกั และปิดถังแกส๊ 2) มุดใต้โต๊ะ เก้าอ้ี พิงผนังด้านใน แล้วอยู่น่ิง ๆ ถ้าไม่มีโต๊ะ ใช้แขนปิดหน้าปิดศีรษะ หมอบตรงมุมห้อง อยู่ให้ห่าง กระจก หน้าต่าง และเลี่ยงบริเวณที่สิ่งของหล่นใส่ หรือล้มทบั เชน่ โคมไฟ ตู้ 3) ถ้ายังนอนอยู่ ใหอ้ ยบู่ นเตยี ง ใช้หมอนปิดบงั ศรี ษะ หลีกเลีย่ งบริเวณทีส่ ง่ิ ของหล่นใส่ อยู่บรเิ วณทป่ี ลอดภัย ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 126
4) ให้อยู่ในอาคารจนกว่าการส่ันสะเทือนหยุดจึงออกไปภายนอกในบริเวณที่ปลอดภัยและไมม่ สี ิง่ หอ้ ยแขวนทไ่ี ม่แขง็ แรงอยดู่ า้ นบน 5) คาดว่าหรือตระหนักเสมอว่าไฟฟ้าอาจดับ หรือสปริงเกอร์อาจทางาน หรือมเี สยี งเตอื นไฟไหม้ 6) อย่าใช้ลิฟต์ขณะมีการส่ันไหว ถ้าอยู่ในลิฟต์ควรรีบออกจากลิฟต์ทันทีบรเิ วณใกลล้ ฟิ ต์จะเป็นสว่ นทแี่ ขง็ แรงของอาคารเหมาะแก่การหลบและหมอบ 7) อย่าจุดเทียน ไมข้ ีดไฟ หรอื สิ่งทท่ี าให้เกดิ เปลวหรือประกายไฟ เพราะอาจมีแกส๊ ร่ัวอยู่บรเิ วณนั้น 8) อย่ากรูกันวิ่งออกนอกอาคาร เมื่อการส่ันไหวหยุดแล้วจึงทยอยออกมาด้านนอก และอยใู่ นบรเิ วณที่คดิ ว่าปลอดภัย 9) ช้ันบนสุดของอาคารเป็นท่ีปลอดภัยที่หน่ึงแต่ความส่ันสะเทือนและการโยกจะมากกวา่ ช้ันที่ตา่ ลงมา 10) ถ้าเกิดไฟไหม้ช่วงแรกให้รีบดับไฟ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายของอาคาร หากปลอดภยั สามารถกลบั เข้าในอาคารได้ 11) หากเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ให้ระลึกเสมอว่าอาจเกิดแผ่นดินไหวตาม(aftershock) เกดิ ขึน้ แต่จะมีขนาดเล็กกวา่ 4.2.2 กรณอี ยู่นอกอาคาร ให้อยู่ด้านนอก ในที่โล่งแจ้งปลอดภัยที่สุด อยู่ให้ห่างจากอาคาร เสาไฟสายไฟฟา้ ต้นไม้ ปา้ ยโฆษณา หรือสิ่งของทอ่ี าจหล่นใส่ ให้หาที่กาบงั จากเศษวัสดุที่อาจจะร่วงหล่นลงมาได้ 4.2.3 กรณีอยใู่ นรถ ให้จอดรถเม่ือสามารถจอดได้โดยปลอดภัย และในที่ไม่มีของหล่นใส่ อยู่ให้ห่างอาคาร ตน้ ไม้ ทางด่วน สะพานลอย เชงิ เขา เป็นตน้ 4.2.4 กรณอี ยู่บนเรอื ความส่ันสะเทือนเนื่องจากแผ่นดินไหวไม่ทาอันตรายผู้อาศัยอยู่บนเรือกลางทะเล ยกเวน้ ในกรณเี กดิ สนึ ามิเรือที่อย่ใู กล้ชายฝ่งั จะไดร้ บั ความเสียหายใหน้ าเรือออกสู่ทะเลลึก ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ูภ้ ัยธรรมชาติ 2 - 127
4.2.5 กรณอี ยูใ่ นโรงงาน เมื่อรู้สึกส่ันสะเทือน ต้ังสติ อย่าตกใจว่ิงหนีออกนอกอาคาร ให้หมอบอยู่ใกล้เสาหรือเคร่ืองจักรท่ีแข็งแรง อยู่ให้ห่างสายไฟฟ้า โคมไฟ สิ่งห้อยแขวน สิ่งของท่ีอาจล่มคว่าหรือหลีกเล่ียงการอยู่ใกล้ภาชนะที่เป็นสารเคมีอันตราย วัตถุระเบิด หรืออยู่ใกล้เครื่องจักรท่ีกาลังทางาน เมื่อความสั่นสะเทือนหยดุ จงึ ออกไปทโี่ ล่งแจ้ง 4.2.6 กรณตี ิดอยู่ใตซ้ ากอาคาร อยู่อย่างสงบ ใช้ผ้าปิดหน้า อย่าจุดไฟ ใช้การเคาะท่อหรือฝาผนังเพ่ือเป็นสัญญาณต่อหน่วยช่วยชีวิต ใช้นกหวีดแทนการตะโกนซึ่งการตะโกนอาจทาให้สูดสิ่งอันตรายเข้าสรู่ า่ งกาย ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ซ่งึ กันและกนั และใหก้ าลงั ใจกนั ภาพตวั อย่างการปฏบิ ัตติ นเมื่อเกดิ แผน่ ดนิ ไหว (จาก Japan Metrological Agency) ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ูภ้ ยั ธรรมชาติ 2 - 128
4.3 การปฏบิ ัติหลังเกิดแผน่ ดนิ ไหว สาหรบั ผู้ประสบเหตุ 4.3.1 ปดิ สวติ ซ์ไฟฟ้า ยกสะพานไฟ ตรวจการชารุดของสายไฟฟ้า ใหอ้ อกจากบริเวณทส่ี ายไฟขาด และวัสดสุ ายไฟพาดถึง 4.3.2 อย่าจุดไม้ขีดไฟหรือก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว ตรวจสอบว่าแกส๊ ร่ัวดว้ ยการดมกล่ินเท่าน้นั ถา้ ได้กลนิ่ ใหเ้ ปิดประตูหน้าตา่ งทกุ บาน 4.3.3 อพยพออกจากอาคารท่ไี ดร้ ับความเสียหาย และเตรียมพร้อมรับการเกิดแผน่ ดินไหวระลอกตอ่ ไป 4.3.4 หลีกเลย่ี งการเขา้ ไปในเขตท่มี ีความเสียหายสูง หรืออาคารพงั 4.3.5 หลกี เล่ยี งการใชโ้ ทรศัพท์ เว้นแตก่ รณจี าเปน็ จรงิ ๆ เชน่ มีผู้บาดเจ็บหรือเกิดไฟไหม้ ฯลฯ เพราะผ้อู น่ื อาจมีความจาเปน็ ต้องสง่ ข่าวสารทสี่ าคญั กว่า 4.3.6 สารวจความเสียหายของบ้าน/อาคารเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเข้าไปภายในบ้าน/อาคาร 4.3.7 สารวจดูความเสียหายของทอ่ สว้ ม และท่อน้าท้งิ ก่อนใช้ 4.3.8 เตรยี มน้าสาหรบั ใช้อปุ โภคบรโิ ภคในกรณฉี กุ เฉนิ 4.3.9 ติดตามข่าว สถานการณ์ การเตือนภัย และคาแนะนาต่าง ๆ เพื่อความปลอดภยั 4.3.10 หลีกเล่ียงการขับขี่ยวดยาน พาหนะบนถนนและเข้าใกล้อาคารท่ีได้รับความเสยี หาย ยกเวน้ กรณีฉุกเฉินเพ่ือไมใ่ หก้ ดี ขวางการปฏบิ ัตงิ านของเจ้าหนา้ ท่ี 4.3.11 อยา่ ตนื่ ตระหนกและใหค้ วามช่วยเหลือผ้อู ่ืนเทา่ ท่ีจะทาได้ 4.3.12 เตรียมรับมืออาฟเตอร์ช็อก ซึ่งทั่วไปมีความรุนแรงน้อยกว่าแต่ก็อาจสรา้ งความเสียหายเพ่มิ ข้นึ จงึ ควรเปดิ วิทยหุ รือโทรทศั น์ฟงั ขา่ วเพ่ิมเติม 4.3.13 เปิดต้ดู ว้ ยความระมดั ระวงั ระวงั สารเคมีที่ตกหล่น 4.3.14 ใส่รองเท้าหุ้มส้น และหลีกเลี่ยงบริเวณส่ิงก่อสร้างที่เสียหายหรือพังทลายยกเว้นได้รบั การร้องขอจากเจา้ หนา้ ที่ 4.3.15 หากอยู่ชายฝ่ัง หรือใกล้บริเวณปากแม่น้าให้รีบขึ้นท่ีสูงบริเวณท่ีปลอดภยั โดยเฉพาะบริเวณที่เคยมปี ระวตั กิ ารเกดิ อนั ตรายจากสึนามิ 4.3.16 อยา่ เช่อื ขา่ วลอื และอยา่ แพรข่ า่ วลอื ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 129
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 8 สนึ าม.ิ ..ภัยร้ายที่น่ากลัวสาระสาคญั การเกิดคล่ืนสึนามิ ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างประมาณค่ามิได้ เนื่องจากคลื่นสึนามิเป็นภัยธรรมชาติท่ีเกิดข้ึนต่อเนื่องจากการเกิดแผ่นดินไหวในทะเลทาให้เกิดคล่ืนยักษ์ขนาดใหญ่ทั้งมีขนาดสูงมากและมีความยาวคลื่นหลายร้อยเมตรถาโถมเข้ าหาชายฝ่ังคร่าชีวิตผู้คนเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถพยากรณ์การเกิดล่วงหน้าได้ ภัยจากสึนามิจึงทาลายชีวิต ทรัพย์สินและส่ิงก่อสร้างให้แก่พ้ืนที่ชายฝ่ังทะเลเป็นบริเวณกว้าง ปัจจุบันได้มีการพัฒนาระบบเตือนภัยคล่ืนยักษ์สึนามิข้ึนใช้ทั่วโลก การได้ศึกษาหาความรู้และฝึกทักษะการเผชิญเหตุภัยสึนามิอยา่ งต่อเนื่องสมา่ เสมอ จะสามารถลดการสูญเสียใหน้ อ้ ยลงได้ตวั ชีว้ ดั 1. บอกความหมายของสึนามิ 2. บอกสาเหตแุ ละปัจจัยในการเกิดสึนามิ 3. บอกสัญญาณบอกเหตกุ ่อนเกิดสนึ ามิ 4. บอกผลกระทบท่ีเกิดจากสึนามิ 5. ตระหนักถงึ ภัยและผลกระทบท่ีเกิดจากสึนามิ 6. บอกพน้ื ที่เส่ียงภัยในการเกิดสนึ ามใิ นประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี 7. บอกสถานการณก์ ารเกดิ สึนามิในประเทศไทยและประเทศในทวีปเอเชยี 8. นาเสนอผลการเปรยี บเทียบสถิตกิ ารเกิดสนึ ามิของประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชีย 9. บอกวธิ กี ารเตรยี มความพร้อมรบั สถานการณ์สึนามิ 10. บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ิขณะเกิดสนึ ามิ 11. บอกวิธีปฏบิ ัตหิ ลังเกดิ สึนามิ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 130
ขอบขา่ ยเนอ้ื หา เรื่องท่ี 1 มารจู้ กั สึนามกิ ันเถอะ 1.1 ความหมายของสึนามิ 1.2 ขอ้ แตกต่างระหว่างคลน่ื สึนามแิ ละคลื่นทวั่ ไป เรอ่ื งที่ 2 สนึ าม.ิ ..ภัยร้ายท่ีต้องระวงั 2.1 สาเหตุและปัจจยั การเกิดสึนามิ 2.2 สิ่งบอกเหตุก่อนเกดิ สึนามิ 2.3 ผลกระทบที่เกดิ จากสึนามิ 2.4 พื้นทีเ่ สี่ยงภัยในการเกิดสึนามิ เร่อื งท่ี 3 สถานการณก์ ารเกดิ สึนามิ 3.1 สถานการณ์การเกิดสึนามใิ นประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย 3.2 สถิติการเกิดสนึ ามิท่สี าคญั ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชีย เรือ่ งที่ 4 แนวทางการป้องกันและแก้ปญั หาผลกระทบท่เี กดิ จากสึนามิ 4.1 การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การเกดิ สนึ ามิ 4.2 การปฏิบตั ิขณะเกิดสึนามิ 4.3 การปฏบิ ตั ิหลงั เกิดสึนามิเวลาที่ใชใ้ นการศึกษา 15 ชั่วโมงสอ่ื การเรียนรู้ 1. ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยพิบัตทิ างธรรมชาติ 2 2. สมดุ บันทึกกิจกรรมการเรียนรู้ชดุ วิชาเรยี นรูส้ ้ภู ยั พิบัตทิ างธรรมชาติ 2 3. สือ่ ประกอบอ่ืนที่สามารถหาไดใ้ นทอ้ งถ่ิน 4. ส่อื เกี่ยวกับการเกิดคล่ืนสึนามิจากเว็ปไซต์ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ูภ้ ัยธรรมชาติ 2 - 131
เรอื่ งที่ 1 มารูจ้ กั สนึ ามกิ นั เถอะ 1.1 ความหมายของสนึ ามิ คล่ืนสึนามิ (tsunami) ตามความหมายจากแหล่งกาเนิดหมายถึง คล่ืนซ่ึงเคลื่อนตัวในมหาสมทุ รด้วยความเร็วสูงมาก และมีพลังรุนแรง สามารถเคลอ่ื นทไ่ี ปได้เป็นระยะทางไกลๆ เมอื่เคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณชายฝั่งจะทาให้เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่มากที่เรียกกันว่า คลื่นยักษ์ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญห่ ลวงต่อชีวิตและทรัพย์สนิ ของผู้คนทอ่ี าศัยอย่ตู ามบรเิ วณชายฝ่ัง คลื่นชนิดนี้จึงแตกต่างจากคลื่นธรรมดาที่เกิดจากแรงลมพัดผ่านเหนือพนื้ ผิวน้าในท้องทะเล คาว่า tsunamiมาจากภาษาญ่ีปุ่น แปลว่า คล่ืนอ่าวจอดเรือ (harbour waves) เน่ืองจากบริเวณชายฝ่ังของประเทศญ่ีปุ่น ท่ีเป็นอ่าวจอดเรือทางด้านมหาสมุทรแปซิฟิก มักได้รับผลกระทบหรือภัยพิบัติจากคล่ืนชนิดน้ีอยู่เสมอ ๆ จึงเรียกชื่อตามอ่าวจอดเรือดังกล่าว ต่อมาชื่อน้ีได้นาไปใช้แพร่หลายจนเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป สาหรับประเทศไทย ราชบัณฑิตยสถานได้บัญญัติศัพท์ของคาว่า “tsunami”เป็นภาษาไทยวา่ “คล่ืนสึนามิ” ลักษณะของ“คลื่นสึนามิ” คือ คล่ืนท่ีเกิดการเคลื่อนตัวในมหาสมุทร ประกอบด้วยชุดคลื่นท่ีมีความยาวมาก โดยมีระยะทางระหว่างยอดคล่ืนแต่ละลูก มีความยาวต้ังแต่ 100 จนถึง200 กิโลเมตร และมีคาบคลน่ื คือ ช่วงเวลาเคล่ือนที่ของยอดคลื่นแตล่ ะลูก ใช้เวลาตั้งแต่ 10 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมง คลื่นสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงตั้งแต่ 700 จนถึงมากกว่า 800 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง และเคล่อื นทไี่ ปได้ในระยะทางไกลหลายรอ้ ยหรือหลายพนั กิโลเมตร หากไมม่ ผี นื แผ่นดินใดๆ ก้ันขวางอยู่ในทะเล ขณะเคลื่อนที่อยู่ในบริเวณน้าลึก ความสูงของคลื่นไม่สูงมากนัก โดยสูงเพียง 30 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร แต่ถ้าคล่ืนเคลื่อนเขา้ ไปถึงบริเวณน้าต้ืน ใกล้ชายฝ่ัง จะเพิ่มความสูงและความรุนแรงมากขึ้นตามลาดับ จนอาจมีลักษณะคล้ายกาแพงน้าขนาดใหญ่ที่ถาโถมเข้าหาชายฝัง่ ยง่ิ ถา้ บริเวณชายฝัง่ เปน็ อ่าวแคบ หรือมีรปู ทรงเปน็ กรวยยน่ื เขา้ ไปภายในพื้นแผน่ ดินดว้ ยแล้ว ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ภู้ ยั ธรรมชาติ 2 - 132
คลื่นอาจเพิ่มความสูงได้มากถึง 30 เมตร มวลน้ามหาศาลท่ีคล่ืนพัดพาขึ้นไปบนฝั่งจะปะทะกับอาคารบ้านเรือนที่ต้ังอยู่ขวางหน้าซึ่งถ้าหากเป็นอาคารเต้ีย ๆ ที่มีโครงสร้างไม่แข็งแรงก็จะถูกทาลายจนราบเรยี บ คลืน่ สึนามจิ งึ นบั เป็นพิบัตภิ ัยทรี่ ้ายแรงมากอยา่ งหนงึ่ ของมนษุ ย์ 1.2 ข้อแตกต่างระหว่างคลืน่ สึนามกิ ับคลื่นธรรมดาท่ัวไป การเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหว่างคลนื่ สนึ ามิ กบั คลื่นธรรมดาท่ีเกิดจากกระแสลมสามารถเปรียบเทยี บได้ดังน้ี ลกั ษณะของคลนื่ คลนื่ ธรรมดา คลื่นสึนามิความยาวคล่นื 100 – 1,000 เมตร 100 – 200 กิโลเมตรคาบคล่นื เปน็ วินาทถี ึงนาที 10 นาที - 1 ช่ัวโมงความเร็วในการเคลือ่ นท่ี ไมเ่ กนิ 80 กโิ ลเมตร ตอ่ ชว่ั โมง 700 – 800 กโิ ลเมตรตอ่ ชัว่ โมงความสงู ของคล่นื เมอ่ื ชดั เขา้ ฝงั่ ประมาณ 1 เมตร อาจสูงถึง 30 เมตรแนวคลืน่ ถดถอย แนวนา้ ลง ระดบั นา้ ชายฝั่งลดลงมากอย่าง ผิดปกติแนวคลนื่ ทว่ มฝั่ง แนวนา้ ขึ้น ระดับน้าสงู มากจนไหลบา่ เขา้ ไป ทว่ มบรเิ วณชายฝัง่ จากตารางข้างต้น จะเห็นลักษณะแตกต่างระหว่างคล่ืนธรรมดากับคลื่นสึนามิ ท่ีเห็นได้อย่างชัดเจนอย่างหนึ่งคือ ถ้าเป็นคลื่นธรรมดา เมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณชายฝ่ัง ความสูงของคลื่นมีไม่มาก แนวคล่ืนท่ีซัดเข้าหาฝั่งท่ีเรียกว่า แนวคล่ืนท่วมฝ่ัง (run - up) มีเพียงแค่แนวน้าข้ึนเท่าน้ัน และเมื่อคลื่นถอยกลับ ระดับน้าก็จะลดลงไปเพียงแค่แนวน้าลง ผิดกับคล่ืนสึนามิซ่ึงก่อนที่คลื่นยักษ์จะเคล่ือนตัวเข้าสู่ฝ่ังระดับน้าชายฝ่ังจะลดลงอย่างผิดปกติ หลังจากน้ันระยะหน่ึงก็จะมีคลื่นสูงมากเคลื่อนท่ีเข้าหาฝั่งติดตามกันมาเป็นชุด โดยชุดแรกอาจมีความสูงไม่มาก แต่คล่ืนลกู ตอ่ ๆ มาจะเพ่ิมความสูงเพมิ่ มากขึ้น ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ภู้ ยั ธรรมชาติ 2 - 133
เร่อื งที่ 2 สึนาม…ิ ภัยรา้ ยที่ต้องระวงั 2.1 สาเหตุและปัจจัยการเกดิ สึนามิ 2.1.1 สนึ ามิทเี่ กดิ จากแผน่ ดนิ ไหว คลื่นสึนามิเกิดจากการไหวและส่ันสะเทือนของเปลือกโลกอย่างรุนแรงใต้พนื้ ท้องทะเลและมหาสมทุ ร การเคลอ่ื นตวั ของแผน่ เปลือกโลก มอี ยู่ 3 แบบคอื 1) แบบกระจายตวั คือ แผน่ เปลอื กโลกสองแผ่นเคล่อื นท่ีออกจากกัน 2) แบบมดุ ตัว คอื แผน่ เปลือกโลกเคลอ่ื นเข้าหากนั โดยทีแ่ ผน่ เปลอื กโลกแผ่นหนง่ึ มดุ เขา้ ไปอยใู่ ตแ้ ผน่ เปลอื กโลกอกี แผน่ หนง่ึ 3) แบบเปลี่ยนรูป คือ แผ่นเปลือกโลกจานวนสองแผ่น เคล่ือนที่ในแนวนอนผา่ นซง่ึ กนั และกนั การเคล่ือนท่ีของแผ่นเปลือกโลกแต่ละคร้ังจะปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาทาให้มวลน้าในมหาสมุทรเกิดการเคลื่อนไหวกลายเป็นคล่ืนขนาดใหญ่แผ่กระจายเป็นวงกว้างออกไปจากบรเิ วณที่เป็นจดุ ศนู ยก์ ลางของแผ่นดนิ ไหว 2.2.2 คลน่ื สึนามิไรแ้ ผน่ ดินไหว คลื่นสึนามิไร้แผ่นดินไหว แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เกิดจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ และเกดิ จากการกระทาของมนษุ ย์ 1) ชนิดที่เกิดจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติทอ่ี าจกอ่ ให้เกิดคล่ืนสนึ ามิได้ มีดงั น้ี - การเกิดแผ่นดินถล่ม (landslides) ขนาดใหญ่ใกล้ชายฝ่งั ทะเล - การปะทอุ ยา่ งรนุ แรงของภูเขาไฟใตท้ ะเลหรอื บนเกาะในทะเล - การพุ่งชนของอกุ กาบาตลงบนพืน้ น้าในมหาสมุทร 2) ชนิดท่ีเกิดจากการกระทาของมนุษย์ ตัวอย่างการเกิดของคลื่นสึนามิท่ีถือได้วา่ มีสาเหตมุ าจากการกระทาของมนุษย์ คือ ปรากฏการณค์ ลื่นขนาดใหญ่เคลอื่ นตวั มาข้ึนชายฝ่ังของประเทศฟิลิปปินส์ ในเดือนกรกฎาคม 2489 ท้ังที่ไม่ได้เกิดแผ่นดินไหวมาก่อน แต่เป็นเพราะมีการทดลองระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกาท่ีเกาะบิกินี ในหมู่เกาะมาร์แชลล์ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 1 และวันที่ 29 ของเดือนน้ัน จึงเช่ือว่า ความส่ันสะเทือนของพื้นน้าที่เกิดจากการทดลองระเบดิ ปรมาณู ก็อาจกอ่ ให้เกดิ คลน่ื สึนามิขน้ึ ได้ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 134
2.2 สงิ่ บอกเหตุกอ่ นเกิดเหตุสึนามิ เกิดแผ่นดินไหว รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินและสิ่งท่ีอยู่รอบตัว หรือได้รับแจง้ ขา่ วแผน่ ดนิ ไหวจากสื่อตา่ งๆ สนั นษิ ฐานไวก้ ่อนเลยวา่ อาจจะเกดิ สึนามิตามมา สันคลื่นเป็นกาแพงขนาดใหญ่ มองเห็นสันคล่ืนเป็นกาแพงขนาดใหญ่ ระลอกคลื่นก่อตัวเปน็ กาแพงขนาดใหญ่ น้าทะเลลดลงผิดปกติ สถานการณ์ระดับน้าทะเลลดลงอย่างผิดปกติเป็นสัญญาณเตือนว่าคล่ืนยักษ์กาลังก่อตัว ต้องรีบออกจากพื้นท่ีโดยด่วน สาเหตุที่น้าทะเลลดลง เพราะว่าคล่ืนสนึ ามทิ ่เี กดิ ข้ึนนั้น เกดิ จากการทแ่ี ผน่ เปลอื กโลกแผน่ หน่ึงมุดลงไปอยขู่ ้างใต้แผน่ เปลือกโลกอีกแผ่นหนง่ึ ทาให้น้าปรมิ าณหน่งี ถกู ดดู ลงมาในบริเวณทแี่ ผน่ เปลือกโลกมดุ ซอ้ นกนั ทาใหน้ า้ บริเวณชายฝ่ังทะเลลดลงอยา่ งผิดปกติและน้าดังกล่าวจะกลบั มาอกี ครั้งพร้อมกับนาคล่นื มาดว้ ย ภาพการเกดิ คล่นื สนึ ามิทม่ี า : http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=30&chap=8&page=t30-8-infodetail06.html ระบบแจ้งเตอื นคลืน่ สนึ ามิ คลื่นสนึ ามขิ ณะอย่กู ลางทะเลมีฐานกว้างถึง 100 กิโลเมตร แต่สูงเพยี ง 1 เมตร อีกทัง้ ยังมีคล่ืนทะเลท่ัวไปซึ่งเกิดจากกระแสลมอยู่วางซ้อนข้างบนอีก ดังนั้นการสังเกตการณ์จากเครื่องบินหรือดาวเทียมจึงแยกแยะไม่ได้เลย การสังเกตการณ์จึงทาได้จากการตรวจจับสัญญาณจากทุ่นลอยและเครอื่ งตรวจวัดแผ่นดนิ ไหวเท่าน้ัน ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 2 - 135
ระบบแจ้งเตือนคลน่ื สนึ ามริ ะบบแรกของโลกถกู จัดต้งั ขน้ึ หลงั จากอุบตั ิภัยที่หมู่เกาะฮาวายในปี พ.ศ.2489 สหรัฐอเมริกาจัดต้ัง “ศูนย์แจ้งเตือนคล่ืนสึนามิแปซิฟิก” (Pacific TsunamiWarning Center) หรือ PTWC โดยมีการติดต้ังสถานีตรวจวัดแผ่นดนิ ไหวจานวนทั้งหมด 50 แห่งรอบมหาสมุทรแปซิฟิก ระบบทางานโดยการตรวจจับคล่ืนแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว(Seismic wave) ซ่ึงเดินทางรวดเร็วกว่าคล่ืนสึนามิ 15 เท่า ข้อมูลที่ตรวจวัดไดจ้ ากทุกสถานถี กู นารวมกันเพ่ือพยากรณ์หาตาแหน่งที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดคลื่นสึนามิ เม่ือคล่ืนสึนามิถูกตรวจพบระบบจะแจ้งเตือนเมืองที่อยู่ชายฝ่ัง รวมท้ังประมาณเวลาสถานการณ์ท่ีคล่ืนจะเข้าถึงชายฝั่งเพื่อที่จะอพยพประชาชนไปอยู่ที่สูง และให้เรือที่จอดอยู่ชายฝั่งเดินทางสู่ท้องทะเลลึก ซึ่งคล่ืนสึนามิไม่ส่งผลกระทบอันใด อย่างไรก็ตามระบบเตือนภัยนี้สามารถทาการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพียงไม่กีช่ ั่วโมงเทา่ นัน้ การอพยพผูค้ นมกั ทาไดไ้ ม่ทันท่วงที เน่อื งจากคล่ืนสนึ ามเิ ดนิ ทางเรว็ มาก ทม่ี า:ชดุ การเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรโ์ ลกและดาราศาสตร์ DART ยอ่ มาจาก Deep-ocean Assessment and Reporting of Tsunamis เป็นระบบเตือนภัยซึ่งพัฒนาโดย องค์การบริหารบรรยากาศและมหาสมุทร (NOAA) ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยการติดตั้งเซนเซอร์วัดแรงส่ันสะเทือนไว้ท่ีท้องมหาสมุทร เซนเซอร์จะเก็บข้อมูลแผ่นดินไหวและส่งสัญญาณไปยังทุ่นลอยซึ่งอยู่บนผิวน้าเพื่อรีเลย์สัญญาณไปยังดาวเทียม GOES และส่งกลับลงบนสถานีภาคพื้นดิน นักวิทยาศาสตร์นาข้อมูลท่ีได้มาสร้างแบบจาลองด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ู้ภยั ธรรมชาติ 2 - 136
เพื่อพยากรณ์แนวโน้มการเกิดคลื่นสึนามิ หากผลการจาลองและวิเคราะห์ว่ามีโอกาสความเป็นไปได้จะเกดิ คลน่ื ยกั ษก์ ็จะแจ้งเตอื นไปยงั ศูนย์ชายฝัง่ เพอื่ ใหป้ ระชาชนและชาวประมงในพื้นที่รีบอพยพจากบริเวณที่อนั ตราย 2.3 ผลกระทบท่ีเกิดจากสนึ ามิ 2.3.1 อนั ตรายต่อบคุ คล 1) เสียชวี ิตหรือสูญหาย 2) บาดเจ็บจากอุบัตเิ หตุ เชน่ โดนไม้ หรือสง่ิ ของกระแทก 3) เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หลังจากเกิดภยั สนึ ามิ เช่น โรคระบบทางเดินอาหารโรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ากัดเท้า 4) สุขภาพจิตเส่ือม เน่ืองจากการหวาดผวา หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรอื ความเศรา้ โศกจากการสูญเสยี บคุ คลท่ีรักและทรัพย์สิน 5) ขาดรายได้เน่อื งจากไม่สามารถทางาน หรอื ธุรกจิ การค้าต่าง ๆ ได้ ทาใหเ้ กิดปัญหาเศรษฐกิจตามมา 2.3.2 อนั ตรายตอ่ ทรพั ย์สนิ 1) อาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน สาธารณสถาน และส่ิงก่อสร้างต่าง ๆไดร้ บั ความเสยี หายอย่างหนัก 2) ระบบส่ือสาร โทรคมนาคมถกู ตดั ขาด ไฟฟา้ นา้ ประปา ได้รับความเสยี หาย 3) แหล่งทอ่ งเทย่ี วทางทะเลถกู ทาลาย ส่งผลกระทบตอ่ รายได้ของประเทศชาติ ความเสียหายท่ีประเทศไทยได้รับจากพิบัติภัยคล่ืนสึนามิสาเหตุท่ีพิบัติภัยมีความรนุ แรงพิบัตภิ ยั จาก คล่นื สนึ ามิ เม่อื วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ถอื เปน็ ภยั ธรรมชาตริ ้ายแรงมากที่สุดเท่าท่ีประเทศไทยเคยได้รับ แม้ว่าจานวนผู้เสียชีวิตจะมากเป็นอันดับ 4 รองจากประเทศอินโดนีเซีย ศรีลังกา และอินเดีย ก็ตาม การที่พิบัติภัยจากคล่ืนสึนามิมีความรุนแรงมากเป็นเพราะสาเหตุต่าง ๆ ดงั นี้ - ประเทศไทยยังไม่มีระบบเตือนภัยคล่ืนสึนามิและขาดเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความรู้ความชานาญเก่ียวกับคล่ืนสึนามิโดยตรง เน่ืองจากในบริเวณทะเลอันดามันไม่เคยเกิดพิบัติภัยจากสึนามิมาก่อน ประเทศไทยและประเทศอืน่ ๆ ที่อยูต่ ิดชายฝั่งทะเลอันดามันจึงขาดการป้องกันภัย ซง่ึ ตา่ งจากประเทศทีอ่ ยใู่ นแถบมหาสมุทรแปซิฟกิ ทมี่ กี ารสรา้ งระบบเตือนภัยจากสึนามไิ วล้ ่วงหน้า ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ูภ้ ัยธรรมชาติ 2 - 137
- บริเวณท่ีมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจานวนมากเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลเมอ่ื เกิดพิบตั ภิ ัยขึ้น จานวนผู้เสยี ชวี ิตและบาดเจ็บจงึ มที งั้ นักท่องเท่ียวและคนในท้องถนิ่ - นักท่องเที่ยวและคนในท้องถ่ินส่วนใหญ่ไม่มีความรู้และประสบการณ์เก่ียวกับปรากฏการณ์ คล่ืนสึนามิมาก่อน จึงขาดการเฝ้าระวังภัยและการหนีภัย เห็นได้จากกรณีท่ีมีนักท่องเท่ียวจานวนหน่ึงเม่ือสังเกตเห็นน้าลงผิดปกติจึงเดินลงไปดูบริเวณชายหาด ก่อนท่ีคลื่นลูกใหญ่จะเคลือ่ นตัวเข้ามาจงึ ไม่สามารถหนีได้ทนั - เนื่องจากเป็นพิบัติภัยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกท้ังไม่ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์ไว้ลว่ งหน้า การช่วยเหลอื ผทู้ ี่รอดชีวิตและบาดเจบ็ จึงเป็นไปอยา่ งลา่ ช้า 2.3.3 ความเสยี หายที่เกดิ ข้นึ ในด้านตา่ งๆ 1) ความเสียหายด้านชวี ติ และทรพั ยส์ ิน จากเหตุการณ์ดังกล่าว สามารถระบุจานวนผู้เสียชีวิต 5,395 ราย และมีผู้สูญหาย จานวน 2,906 ราย นอกจากน้ียังมีความเสียหายท่ีเกิดข้ึนกับทรัพย์สินเป็นจานวนมากเช่น โรงแรม บังกะโล เกสต์เฮาส์ ร้านค้าและร้านอาหารบริเวณชายหาด บ้านเรือนของชาวบ้านทรพั ยส์ นิ สว่ นตัวของนักทอ่ งเทยี่ ว ยานพาหนะ เรอื ประมงและเรือของหน่วยงานราชการ ตลอดจนสาธารณูปโภคของท้องถิ่น เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนนหนทาง ความเสียหายท่ีเกิดขึ้นกับทรัพย์สนิ เหลา่ น้ี ถ้าคดิ เป็นมลู คา่ แล้ว มจี านวนหลายพันลา้ นบาท 2) ความเสยี หายดา้ นเศรษฐกจิ ความเสียหายด้านเศรษฐกิจที่สาคัญท่ีสุดคือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเน่อื งจาก บรเิ วณทไ่ี ดร้ ับพิบตั ิภัยหลายแหง่ เป็นสถานท่ีทอ่ งเที่ยวท่ีได้รับความนิยมมาก มกี ารลงทุนสร้างโรงแรมท่ีพัก ในระดับต่างๆ รวมทั้งสิ่งอานวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว นอกจากจะเสียหายในด้านทรัพย์สินแล้ว การหยุดกิจการของธุรกิจต่าง ๆ ท่ีประสบพิบัติภัยยังทาให้บุคลากรเป็นจานวนมากต้องสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการเอง หรือพนักงานลูกจ้างของกิจการน้ันๆ ถึงแม้ว่ากิจการอ่ืนๆ ท่ีไม่ประสบพิบัติภัยโดยตรงยังสามารถดาเนินงานอยู่ได้ ก็อาจมีปัญหาการขาดแคลนลูกค้า เน่ืองจาก นักท่องเที่ยวเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าเดินทางมาเสี่ยงภัยอีกปรากฏว่าภายหลังการเกิดภัยคลื่น สึนามิ จานวนนักท่องเท่ียวใน 6 จังหวัดภาคใต้ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบ่ี ซ่ึงเป็นจังหวัดที่มี ชดุ วชิ าการเรียนรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 2 - 138
นักท่องเท่ียวเสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด โดยรวมแล้ว แหล่งท่องเที่ยว ที่ประสบความเสียหายมาก มี 8 แห่งดงั น้ี คอื 1) ชายทะเลเขาหลัก ในอุทยานแห่งชาติเขาหลัก - ลารู่ ตาบลคกึ คกั อาเภอตะก่ัวป่า จังหวัดพังงา เป็นจุดที่นักท่องเท่ียวเสียชีวิตและบาดเจ็บมากท่ีสุด เน่ืองจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สาคัญ มีโรงแรมและท่ีพักนักท่องเท่ียวต้ังอยู่เป็นจานวนมาก 2) เกาะสิมิลัน อาเภอตะกว่ั ปา่ จงั หวัดพงั งา 3) หาดราไวย์ ตาบลราไวย์ อาเภอเมืองฯ จังหวดั ภเู ก็ต 4) หาดกะรน ตาบลกะรน อาเภอเมืองฯ จังหวดั ภเู ก็ต 5) หาดกะทู้ ตาบลกะทู้ อาเภอกะทู้ จงั หวดั ภูเกต็ 6) หาดกมลาตาบลกมลา อาเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต 7) หาดป่าตอง ตาบลป่าตอง อาเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต8) เกาะพพี ี อาเภออ่าวนาง จังหวดั กระบ่ี นอกจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ความเสียหายด้านเศรษฐกิจที่สาคัญอีกอยา่ งหน่ึงคอื การประมง เน่ืองจาก มหี มบู่ า้ นประมงหลายแห่งได้รับความเสยี หายจากภัยคลื่นสึนามิ ทง้ั ในด้านอาคารบ้านเรือนและเรือประมงที่ใช้ในการประกอบอาชีพ หมบู่ ้านประมงท่ไี ด้รบั ความเสียหายมาก คือ บ้านน้าเค็ม ซ่ึงตั้งอยู่ที่ปากคลองปากเกาะ ในอ่าวแหลมป้อม ตาบลบางม่วงอาเภอตะก่ัวป่า จังหวัดพังงา และที่บ้านสุขสาราญ ตาบลกาพวน ก่ิงอาเภอสุขสาราญ จังหวัดระนอง 3) ความเสียหายดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม คลื่นสึนามิที่ซัดเข้าสู่ฝ่ังด้วยพลังแรงและมีระดับยอดคลื่นสูงหลายเมตรย่อมกอ่ ให้เกิดความเสยี หาย แกท่ รัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมบนชายฝง่ั ไดม้ าก ซึง่ ไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเงินได้ ตัวอย่าง ของความเสียหายท่ีสาคัญ ๆ ได้แก่ ความเสียหายของปะการังใต้น้า ซ่ึงถูกคลื่นกระแทกแตกหักเสียหาย หรือถูกตะกอนและวัสดุต่าง ๆ ที่น้าพัดพามาจากท้องทะเลและบนพ้นื ดนิ ทับถมกันบนส่วนยอดของปะการงั ความเสยี หายของป่าชายเลนที่ถูกคล่ืนซัดจนหักโค่น หรือหลุดลอยไปกับมวลน้า การเปล่ียนแปลงของแนวชายหาด โดยบางส่วนถดถอยเข้ามาในบริเวณชายฝ่ัง เนื่องจากการกัดเซาะของพลังคลื่น และบางส่วนอาจรุกล้าออกไปในทะเลจากการทบั ถมของตะกอนทน่ี ้าพัดพามา การเปล่ยี นแปลงของบริเวณปากแมน่ ้า ซง่ึ อาจขยายกว้างออกหรือเคลื่อนที่ไปจากเดมิ เนื่องจากพลงั การกัดเซาะของคลื่นและการเปล่ียนเส้นทางน้าไหลจากปากน้าออกสู่ทะเล การมีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างตามบริเวณชายหาด ซึ่งทาให้เกิดความสกปรก รกรุงรงั รวมท้งั มเี ศษขยะตา่ ง ๆ ทค่ี ล่ืนซัดมากองไวเ้ ปน็ จานวนมาก ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ภู้ ัยธรรมชาติ 2 - 139
2.4 พน้ื ทีเ่ สีย่ งภยั พื้นท่ีเส่ียงภัยในประเทศไทยมีท้ังหมด 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดจันทบุรีจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดชุมพร จังหวัดตรัง จังหวัดตราด จังหวัดนครศรีธรรมราชจังหวัดนราธิวาส จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดพังงา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดภูเก็ต จงั หวัดระนอง จังหวดั ระยอง จังหวัดสงขลา จงั หวัดสตลู และจังหวดั สรุ าษฏร์ธานี ชดุ วชิ าการเรยี นรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 2 - 140
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207