คณุ สฤณี อาชวานนั ทกลุ กรรมการผูจ้ ัดการ นักเขียน นักแปล นกั วิจัย ดา้ นการพัฒนาความรู้ และนักวิชาการอิสระดา้ นการเงนิ บริษัท ปา่ สาละ จ�ำกัด 50
นวตั กรรมเพื่อสงั คม Social Innovation “อยากให้มองปัญหาเรื่องอ�ำนาจผูกขาดโดยคนกลุ่มเดียว ท้ังทาง เศรษฐกจิ การเมอื ง และสงั คม ถามว่าในเม่อื เขามีผลประโยชน์อย่แู ลว้ จะมคี วามสนใจสนบั สนนุ นวตั กรรมไหม ดงั นน้ั คนทส่ี นบั สนนุ นวตั กรรม มักจะไมใ่ ช่คนทม่ี ีอ�ำนาจ ท�ำไม Innovator ที่พลิกธุรกิจตา่ งๆ มกั เป็น คนท่ีอยู่ข้างล่าง ค�ำตอบคือเพราะเขาต้องด้ินรนไง เขาจึงต้องสร้าง นวัตกรรม” หากให้นึกถึงนักวิชาการร่วมสมัยท่ีเกาะติดเรื่องกิจการเพื่อสังคมมา โดยตลอด ทั้งในฐานะนักเขียน นักแปล นักวิจัย และนักเคลื่อนไหว คณุ สฤณี อาชวานันทกุล คือหนึ่งในรายชอ่ื อนั ดับตน้ ๆ ของประเทศนี้ เธอคอื ผรู้ ว่ มกอ่ ตง้ั บรษิ ทั ปา่ สาละ จำ� กดั องคก์ รทมี่ เี ปา้ หมายในการสรา้ ง ธุรกิจที่ยั่งยืนในประเทศไทย ผ่านกิจกรรมหลากหลายทั้งด้านวิชาการ และเผยแพร่ส่ือสู่สาธารณชน หนังสือเล่มล่าสุดท่ีเธอเพ่ิงแปลคือเรื่อง มายานวตั กรรม (The Myths of Innovation) หลายประเดน็ ในเลม่ สามารถกะเทาะเปลอื กของคำ� วา่ นวตั กรรมไดอ้ ยา่ งถงึ แกน่ เชน่ เดยี วกบั การสนทนาเรือ่ ง “นวตั กรรมเพื่อสงั คม” ในคร้ังนี้ คุณสฤณีเปิดประเด็นด้วยการต้ังค�ำถามถึงความเชื่อมโยงของค�ำว่า “นวัตกรรม” และ “สังคม” ทั้งในระดับการรับรู้ของคนท่ัวไป และ ในกลุ่มผู้ประกอบการกิจการเพ่ือสังคมเอง เธอมีมุมมองว่าโดยทั่วไป เมื่อพดู ถงึ นวตั กรรม คนมกั คิดถงึ ผลิตภณั ฑห์ รอื เทคโนโลยีท่จี บั ตอ้ งได้ ในทางธุรกิจ ยังไม่เช่ือมโยงไปถึงความหมายท่ีกว้างกว่าในการน�ำ นวัตกรรมมาช่วยแก้ปัญหาสังคม ท้ังๆ ท่ีขอบเขตของนวัตกรรมทาง สังคมไม่ได้จ�ำกัดอยู่เพียงเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ ยังหมายรวมถึง นวัตกรรมเชิงกระบวนการ (Process Innovation) บางอย่างที่อาจ ไม่ได้สร้างตัวผลิตภัณฑ์ แต่เป็นกระบวนการใหม่ท่ีเป็นทางออกจาก ปญั หาเดมิ ๆ 51
เช่นเดยี วกบั แวดวงของผ้ปู ระกอบการด้านกจิ การเพื่อสงั คม พวกเขามชี อ่ งว่าง ของกรอบวธิ คี ดิ ทไี่ มท่ ะลไุ ปถงึ การสรา้ งนวตั กรรมในระดบั พลกิ โลก แมห้ ลายคน เขา้ มาทำ� งานดา้ นนด้ี ว้ ยเจตนาทด่ี ี แตอ่ าจไมไ่ ดค้ ดิ ไกลถงึ ขน้ั สรา้ งสรรคน์ วตั กรรม คณุ สฤณยี กตวั อยา่ งใหเ้ หน็ ภาพชดั ขน้ึ วา่ “การทผ่ี ปู้ ระกอบการยงั ไมไ่ ดม้ องเรอ่ื ง นวัตกรรม อาจจะแปลว่าเขาไม่ได้มองบทบาทตัวเองไปถึงข้ันนั้น ยกตัวอย่าง เชน่ ผปู้ ระกอบการทส่ี นใจเกษตรอินทรีย์ เพราะต้องการให้เกษตรกรมรี ายไดด้ ี ขึ้น แต่ไม่ได้วางเป้าหมายไกลไปถึงการพลิกวงการการเกษตร หรือการท�ำให้ ตลาดเกษตรอนิ ทรยี ต์ ตี ลาดเกษตรกระแสหลกั ได้ เพราะฉะนน้ั ในเมอื่ ผปู้ ระกอบ การทางสังคมหลายคนตีโจทย์ไว้แคบหรือมองบทบาทของตัวเองไว้ค่อนข้าง จ�ำกัด จึงไม่เห็นความจ�ำเป็นที่ต้องใช้นวัตกรรม คิดว่าเรื่องนี้ไม่ถึงกับเป็น อปุ สรรค แต่อาจจะสะท้อน Mindset ของผู้ประกอบการทางสังคมจ�ำนวนมาก ทต่ี ้องการมีส่วนในการแกป้ ญั หาแคร่ ะดับทีเ่ ขาคดิ ว่าตัวเองพอทำ� ได้ ตรงนเี้ ป็น โจทย์ว่าจะท�ำยังไงให้เขาคิดได้ไกลกว่านั้น เพราะสุดท้ายต้องเร่ิมท่ี Mindset ของผู้ประกอบการก่อน ถ้าตั้งเป้าหมายท่ีใหญ่และไกล เขาจะมองค�ำว่า นวตั กรรมมากขน้ึ ” 52
คนท่จี ะเขา้ มาทำ� ธุรกิจในแวดวงน้ี แนน่ อนวา่ มีคนที่สนใจเรื่องการ แกป้ ัญหาสังคม สง่ิ แวดลอ้ ม แตใ่ นประเดน็ ท่ีมี “ตลาด” อยู่แล้ว คือ มคี นพร้อมซือ้ ผลิตภัณฑ์ทแ่ี ก้ปญั หา ถา้ จะให้ตลาดเหลา่ นีเ้ ติบโตได้จรงิ และย่ังยืน ต้องท�ำให้เกิดการแข่งขนั กันได้จรงิ นอกจากนั้น อทิ ธิพลจากทศั นคติของผู้ท่ตี อ้ งการจะสนับสนนุ กจิ การเพอื่ สงั คม ยังส่งผลต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ส่วนใหญ่คนกลุ่มน้ีมักเชื่อมโยงค�ำว่า “กิจการเพอื่ สงั คม” เข้ากบั ค�ำวา่ “องคก์ รไม่แสวงหาผลก�ำไร (เอ็นจีโอ)” จงึ มี ความคาดหวงั วา่ กจิ การนจี้ ะตอ้ งทำ� เพอ่ื สงั คมเทา่ นน้ั ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมกี ำ� ไร กรอบ วิธีคิดแบบนี้เป็นการปิดก้ันศักยภาพของผู้ประกอบการ อีกทั้งบริษัทที่อยาก สนับสนุนกิจการเพื่อสังคมหลายแห่งก็กดราคาเพราะมองว่าเป็นเอ็นจีโอ ทั้งท่ี ในความเป็นจริงกิจการเพื่อสังคมต้องมีความย่ังยืนทางการเงิน ฉะน้ันหลาย กิจการจึงแสวงก�ำไร เพียงแต่มีพันธกิจหลักท่ีต้องการแก้ปัญหาสังคม การถูก ครอบไวด้ ว้ ยภาพจำ� ในลกั ษณะน้ี ทำ� ใหเ้ กดิ ขอ้ จำ� กดั ในการสรา้ งโมเดลทางธรุ กจิ ทที่ ำ� ให้เกดิ รายได้หรือผลกำ� ไรท่ีควรจะเป็น “คนท่ีจะเข้ามาท�ำธุรกิจในแวดวงน้ี แน่นอนว่ามีคนที่สนใจเร่ืองการแก้ปัญหา สังคม สิ่งแวดล้อม แต่ในประเด็นท่ีมี “ตลาด” อยู่แล้ว คือมีคนพร้อมซ้ือ ผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหา ถ้าจะให้ตลาดเหล่านี้เติบโตได้จริงและยั่งยืน ต้องท�ำให้ เกิดการแข่งขันกันได้จริง รวมทั้งแข่งกับตลาดเดิม จะให้เกษตรอินทรีย์เติบโต ไดจ้ รงิ กต็ อ้ งเอาชนะเกษตรทวั่ ไปได้ ทำ� ใหล้ กู คา้ หนั มาใชม้ ากขน้ึ ประเดน็ คอื การ ประกอบกจิ การเพอ่ื สงั คม แปลวา่ เราตอ้ งการแกป้ ญั หาสงั คม แตว่ า่ ทำ� ไมวถิ ชี วี ติ เราจะตอ้ งทำ� ตัวพออยูพ่ อกนิ มนั คนละเรื่องกัน คิดวา่ สังคมเรายงั มกี บั ดักทาง ความคิดแบบน้ีอยู่” 53
ผรู้ ว่ มกอ่ ตงั้ บรษิ ทั ปา่ สาละ ไดส้ ะทอ้ นแนวทางการแกป้ ญั หาในระดบั นโยบายวา่ ท่ีผ่านมาภาครัฐและ สนช.เอง ได้ให้ความส�ำคัญกับกิจการเพ่ือสังคมมากข้ึน ไมว่ า่ จะเปน็ การสนบั สนนุ ทนุ หรอื การจดั ประกวดนวตั กรรมเพอื่ สงั คมตา่ งๆ แต่ ดว้ ยวฒั นธรรมแบบไทยๆ ท�ำให้เกิดภาพในลกั ษณะของ “กองเชียร์” มากกว่า การจะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไปถึงจุดที่สร้างนวัตกรรมในระดับที่สูงข้ึน “ภาครัฐอาจไม่จ�ำเป็นที่จะต้อง Identify ค�ำว่านวัตกรรมให้ชัดก่อนสนับสนุน เสมอไป แต่อาจจะต้องวางระบบ และมองให้ไกลยิ่งขึ้น ต้องมีเกณฑ์ในการ ประกวดทชี่ ดั เจน มาตรฐานสงู ขนึ้ บางครงั้ สง่ิ ทส่ี ง่ เขา้ ประกวดอาจจะมปี ระโยชน์ แต่ยงั ไม่เขา้ ข่ายนวัตกรรมทีจ่ ะสรา้ งการเปลย่ี นแปลงขนาดใหญ่ อาจจะต้องให้ เขาตระหนักว่ายังไม่ใช่ จะเรียกวา่ รางวัลจุดเร่มิ ตน้ ของนวัตกรรมกไ็ ด้ บทบาท สนช. ที่เป็นผ้ทู ี่นำ� ในเรือ่ งน้ี น่าจะต้องสรา้ งความเขา้ ใจ และวางเปา้ หมายระยะ ยาวที่เป็นเชิงผลลัพธ์ (Outcome) มากกว่าในเชิงผลผลิตจากกิจกรรม (Output)” 54
ประเด็นสุดท้ายท่ีคุณสฤณีฝากไว้ สะท้อนจากประสบการณ์ทั้งจากการเป็น นักวิชาการด้านการสร้างคุณค่าร่วม (Create Shared Value - CSV) และ การมีส่วนร่วมเคลื่อนไหวในประเด็นทางสังคม ท�ำให้เธอเห็นความเช่ือมโยง ในเชิงโครงสร้าง ท่ีท�ำให้เกิดปัญหาความไม่ยั่งยืนในการสนับสนุนกิจการเพื่อ สังคม โดยมองในกรอบของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) มี 3 ประเดน็ หลกั ทจี่ �ำเปน็ ตอ้ งไดร้ บั การแกไ้ ข ในระดับนโยบาย หน่ึงคือปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้�ำในสังคมไทย โดยเฉพาะ ความเหล่ือมล้�ำด้านรายได้ การเข้าถึงทรัพยากร และด้านสิทธิ สองคือปัญหา เร่ืองสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่หลายมิติ โดยเฉพาะปัญหาส่ิงแวดล้อมอันเป็นผลจาก การพัฒนาของภาครัฐที่ส่งผลกระทบกับชุมชน และประเด็นสุดท้ายคือปัญหา เรื่องระบบยุติธรรม เพื่อสร้างสังคมท่ีสงบสุข ท่ีเกิดจากการสร้างกระบวนการ ยุติธรรม และการมสี ถาบันทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเธอเห็นวา่ เรอ่ื งนี้มีผลกระทบ ที่ลึกซึ้งต่อสังคมในภาพรวม ทั้งผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคมเอง และต่อ ประเทศในภาพรวม “คนทท่ี �ำงานเรือ่ งการพัฒนาที่ยงั่ ยนื หรอื สนใจปัญหาส่งิ แวดล้อม อาจจะสงสัย ว่าระบบยตุ ิธรรม ความเป็นธรรม หรอื สนั ติภาพ เกี่ยวยงั ไงกับการพัฒนาย่งั ยนื ประเดน็ สำ� คญั กค็ ือ ถา้ คุณไมม่ ีสง่ิ เหล่านี้ การพัฒนาจะเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร” 55
คณุ ภาณวุ ฒั น์ เบ็ญเราะมาน กรรมการผูจ้ ดั การและพาร์ทเนอร์ กรรมการผจู้ ดั การและพารท์ เนอร์ บริษทั Aon Hewitt ประเทศไทย บรษิ ทั Kincentric ประเทศไทย 56
งานแห่งนวัตกรรม Innovation Workforce ด้วยประสบการณ์กว่าสิบปีในสายงานทรัพยากรบุคคล (Human Resource - HR) ความเชี่ยวชาญของ คุณภาณุวัฒน์ เบ็ญเราะมาน คือการให้ความรู้และค�ำปรึกษาแก่องค์กรต่างๆ ท้ังภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาและบริหารจัดการบุคลากรในองค์กร โดยยืนอยู่บน พื้นฐานของการท�ำวิจัยและวิเคราะห์ในเชิงลึกอย่างเป็นระบบ เพื่อน�ำ มาใชป้ รบั ปรงุ รปู แบบของสายงาน HR ใหร้ ว่ มสมยั และเหมาะกบั บรบิ ท ของสังคมท่ีเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ดังน้ันมุมมองท่ีเขา มีต่อ “งานแห่งนวัตกรรม” ซึ่งเรียกร้องทักษะใหม่ๆ ให้เท่าทันกับ นวัตกรรมแบบกา้ วกระโดดในโลกของการทำ� งานปจั จุบนั จึงมแี ง่มุมท่ี เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยิ่ง 57
หน่งึ ตอ้ งมคี วามรทู้ างดา้ น เทคโนโลยแี ละ Computer Science สองตอ้ งคือความรทู้ างดา้ น คณติ ศาสตร์ และสถติ ิ และสามคอื มี ความรู้เร่อื งคน, จิตวิทยา, การอยู่ รว่ มกับผ้อู นื่ และธรุ กิจของ องคก์ ร ทกั ษะสำ� คัญสามเร่ืองนี้ จะ ชว่ ยให้สามารถน�ำมาประยุกต์และ เชอื่ มโยงให้เข้าใจกระบวนการตา่ งๆ ในการทำ� งานได้ดี คณุ ภาณวุ ฒั น์เท้าความถงึ งานวิจยั ทีศ่ ึกษามาร่วมสิบปี เรอื่ ง Best Employers ที่บริษัทคินเซนทริค ประเทศไทย ร่วมค้นคว้ากับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ กระตนุ้ ให้องค์กร ของไทยให้ความส�ำคัญกับงานพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยมีโครงการ Best employers ท่ีมีการมอบรางวัลให้บริษัทท่ีโดดเด่นในเรื่องการบริหารจัดการ ทรัพยากรบคุ คลเปน็ ตัวตัง้ ต้น คณุ ภาณวุ ัฒน์พบขอ้ สังเกตทน่ี า่ สนใจวา่ “ในชว่ ง 2 - 3 ปีที่ผ่านมาเราพบว่าแนวโน้มได้เปล่ียนไป คาแรกเตอร์ขององค์กรท่ีเป็น Best Employer ทั้งในเมอื งไทยและในระดบั Global ซง่ึ ไดร้ ับผลกระทบจาก เทคโนโลยที เ่ี ปลีย่ นไปอย่างรวดเรว็ การแขง่ ขันทีม่ ากข้ึน การที่จะท�ำให้องค์กร คงอยไู่ ดใ้ นระยะยาว ทำ� ใหค้ าแรกเตอรข์ องนายจา้ งปรบั เปลยี่ นไป จากเมอ่ื กอ่ น ทอ่ี งค์กรต้องให้พนักงานทุ่มเทและต้องผูกพนั กับองคก์ รท้ังกาย และวาจาและ ใจ แต่คาแรกเตอร์ในอนาคตท่เี ราเห็นแนวโน้มจะเปลี่ยนไป” 58
คุณสมบัติหลักๆ ขององค์กรท่ีเหมาะสมกับงานแห่งนวัตกรรมในอนาคต ประกอบไปด้วยความสามารถในการปรับตัวให้พร้อมกับสถานการณ์รูปแบบ ใหม่ ตอบรบั ความตอ้ งการของลกู คา้ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ซงึ่ คณุ สมบตั นิ ตี้ อ้ งคขู่ นาน ไปทงั้ ผบู้ รหิ ารและพนกั งาน เชน่ ผบู้ รหิ ารตอ้ งวางระบบทที่ ำ� ใหพ้ นกั งานมอี ำ� นาจ ในการตดั สนิ ใจ เพอ่ื ใหอ้ งคก์ รสามารถขบั เคลอื่ นสเู่ ปา้ หมายทต่ี อ้ งการ นอกจาก นั้นต้องให้ความส�ำคัญเร่ืองของ People Focus คือการพัฒนาพนักงานให้มี ทักษะและศักยภาพในการตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ท่ีจะเกิดข้ึนใน อนาคต โดยองคก์ รเองตอ้ งมีวิธใี นการรบั มอื กบั คนรุ่นตา่ งๆ ทแี่ ตกตา่ งกนั ไมว่ ่า จะเปน็ Gen X ท่ีเปน็ ผูบ้ รหิ าร Gen Y หรอื Gen Z ต้องรู้ว่าจะมีวธิ สี อ่ื สาร ในรปู แบบท่ตี ่างกันอยา่ งไร เปน็ ตน้ 59
ล�ำดับถัดไปคือทักษะความเป็นผู้น�ำ องค์กรนั้นๆ ต้องมีผู้น�ำท่ีมีทักษะรอบด้าน Engaging Leader ท้ังเร่ืองงานและการเข้าถึงจิตใจคน มีวิสัยทัศน์ที่ดี คุณภาณุวัฒน์กล่าวถึง คณุ สมบัติในขอ้ นี้ว่า “ตอ้ งบอกวา่ เปน็ Leadership ท่ีสามารถ Engage คนอ่ืน 1. Step-Up ได้ เราเรียกว่า Engaging Leader คือไม่ใช่อยู่บนหอคอยที่ห่างไกล แต่ต้อง 2. Connect + Stabilise สามารถเชอื่ มประสานกับผู้รว่ มงานได้ มีการบริหารงานแบบ Vertical มากขึน้ 3. Stay grounded เรยี กวา่ เปน็ ผนู้ ำ� ทส่ี ามารถสรา้ งความผกู พนั ใหก้ บั คนรอบขา้ ง เพอื่ ใหค้ นรอบขา้ ง 4. Serve + Grow สามารถผลักดันองค์กรต่อไปในอนาคตได้ เพ่ือให้องค์กรสามารถปรับตัวเอง 5. Energise สู่โลกทม่ี ีการแขง่ ขันสูง สามารถน�ำพาองคก์ รให้อยู่รอดได้ในระยะยาว” ส�ำหรับตัวบุคลากรท่ีจะเข้ามารองรับงานแห่งอนาคตท่ีมุ่งเน้นการน�ำข้อมูลมา วเิ คราะหเ์ ชิงลกึ และท�ำนายแนวโน้วในอนาตคได้อยา่ งเหมาะสม คุณภาณวุ ัฒน์ ให้ข้อแนะน�ำว่าต้องประกอบด้วยทักษะ 3 ข้อ คือหน่ึงต้องมีความรู้ทางด้าน เทคโนโลยแี ละ Computer Science สองตอ้ งคอื ความรู้ทางดา้ นคณติ ศาสตร์ และสถติ ิ และสามคอื มคี วามรเู้ รอ่ื งคน, จติ วทิ ยา, การอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ และธรุ กจิ ขององค์กร ทักษะส�ำคัญสามเรื่องน้ี จะช่วยให้สามารถน�ำมาประยุกต์และ เชื่อมโยงให้เข้าใจกระบวนการต่างๆ ในการท�ำงานได้ดี ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามี ทรพั ยากรบคุ คลทม่ี ีคณุ สมบตั ดิ ังกลา่ วน้อยกวา่ ที่ควรจะเปน็ 60
นอกจากการปรับตัวของภาคเอกชนแล้ว คุณภาณุวัฒน์ได้ฝากไว้เกี่ยวกับการ ปรับตัวด้านการจัดการทรัพยากรบุคคลของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจไว้ว่า นอก เหนอื จากเรอ่ื งของ Innovation People แล้ว ภาครัฐตอ้ งกลับมาดูเร่ืองของ Innovation Organization เพราะปจั จบุ นั โครงสรา้ งขององคก์ รและการทำ� งาน ได้เปลี่ยนแปลงไป ภาครัฐควรมุ่งเน้นการทรานสฟ์ อร์มองคก์ รโดยมุ่งเน้นใหม้ ี การตอบสนองลูกค้า / ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น (Better Customer / Stakeholder Experience) ท�ำขบวนการขั้นตอนให้ง่ายและ มี ประสิทธภิ าพ (Productivity) เพม่ิ ข้ึน รวมทั้งตอบสนองวิธกี ารท�ำงานของ คนยุคใหม่ ทั้งข้าราชการประจ�ำ พนักงานประจ�ำ และพนักงานชั่วคราวใน Gig Economy อยา่ งไรกต็ าม ในการปรบั ตวั ใหพ้ รอ้ มเพอื่ รองรบั ระบบนเิ วศนวตั กรรมในอนาคต ต้องไม่ละทิ้งจุดแข็งของตัวเองด้วย โดยเฉพาะอย่างย่ิงจุดแข็งของทรัพยากร บคุ คลในประเทศไทย เราตอ้ งรักษาและพัฒนาอยา่ งต่อเน่ือง เพื่อทย่ี ังสามารถ รักษาคุณสมบัติที่ดีของตัวเองเอาไว้ได้และสามารถตอบสนองต่อการ เปลีย่ นแปลงในโลกดิจติ อลได้ “เน่ืองจากเทคโนโลยีและวัฒนธรรมรูปแบบต่างๆ ถาโถมเข้ามา อาจจะท�ำให้ เราสูญเสียแก่นบางอย่าง เช่นเรื่องของน�้ำจิตน้�ำใจที่มีต่อกัน เพราะฉะนั้นเรา ต้องคงจุดแข็งของเราให้แข็งแกร่งข้ึนเรื่อยๆ ผมอยากให้เราโฟกัสในส่ิงที่เป็น จุดแข็งของเรา เติมเต็มในสิ่งท่ีคนของเราเก่งอยู่แล้วให้เก่งข้ึนกว่าเดิมให้ได้ เรอ่ื งการมจี ติ ใจรกั บรกิ าร (Service Mind) ตา่ งๆคอื จดุ แขง็ ของคนไทย เราตอ้ ง ไม่หลงลมื ในจดุ น”ี้ 61
คณุ พริษฐ์ วชั รสนิ ธุ กอ่ ต้ังกลุ่ม New Dem อดตี ผู้สมคั รเลือกต้ัง อดตี Junior Project Manager พรรคประชาธปิ ตั ย์ แต่ได้ลาออก สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร ที่บริษทั ทปี่ รกึ ษาเชิงกลยุทธ์ จากพรรคหลังพรรคตดั สนิ ใจ McKinsey & Company เขา้ ร่วมกับรฐั บาลปัจจุบนั 62
ตลาดนวตั กรรมภาครัฐ Government Market คนหนุ่มสาวทุกยุคทุกสมัยล้วนต้องการจะเปลี่ยนโลก ปลุกเร้าผู้คนให้ สร้างสังคมใหม่ที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับ คุณพริษฐ์ วัชรสินธุ นักการเมือง หนุ่มและนักวิชาการด้านการเมืองและเศรษฐศาสตร์จากอ็อกฟอร์ด แนวคดิ ในเชงิ การเมอื งและสงั คมของเขาชัดเจน ผา่ นจุดยืนต่างๆ ของ กลมุ่ New Dem ทเี่ ขาร่วมกอ่ ตงั้ ขึ้น เพอื่ เชื่อมโยงโลกของคนรนุ่ กอ่ น กบั รนุ่ ใหมเ่ ขา้ ดว้ ยกนั และเปดิ รบั แนวคดิ รว่ มสมยั ตา่ งๆทย่ี นื อยบู่ นฐาน การพฒั นาประเทศเปน็ สำ� คญั มมุ มองตอ่ การผลกั ดนั “ตลาดนวตั กรรม ภาครฐั ” ทแี่ ขง็ แรงขนึ้ ในประเทศไทย จงึ มแี งม่ มุ ทนี่ า่ สนใจ สะทอ้ นผา่ น แนวคิดคนรุ่นใหม่ท่กี ล้าและท้าทาย คุณพริษฐ์เปดิ ประเด็นจากดรรชนชี ้วี ดั Global Innovation Index ท่ี ชี้ให้เห็นว่านวัตกรรมในแต่ละด้านของประเทศไทยอยู่ในระดับใดเม่ือ เปรียบเทียบกับทั่วโลก โดยมองภาพรวมว่าหากจะพิจารณากันแบบ ผิวเผิน จะเห็นว่าไทยอยู่ในล�ำดับ 40 กว่าๆ ของโลก ซ่ึงไม่ได้จัดว่า ต่�ำมากเม่ือเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่สิ่งท่ีควรต้ังข้อสังเกตคือ รายละเอียดของดรรชนีในแต่ละด้าน “จะเห็นว่าตัวชี้วัดหลายอย่างท่ี เกี่ยวข้องกับภาครัฐ เราได้คะแนนค่อนข้างต่�ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความ มั่นคงของการเมือง เรื่องสัดส่วนระหว่างครูกับนักเรียนในระบบการ ศึกษา เรื่องเปอร์เซ็นต์สัดส่วนของบริการจากภาครัฐที่อยู่บนพ้ืนที่ ออนไลน์ ซ่ึงค่อนข้างล่าช้าหรือคะแนนต่�ำกว่าดัชนีชี้วัดท่ีเก่ียวข้องกับ ภาคเอกชน เชน่ ขดี ความสามารถแขง่ ขนั ของสนิ คา้ สง่ ออก บรกิ ารหรอื สินค้าเก่ียวกับความคิดสร้างสรรค์ จะเห็นว่าช่องว่างภาครัฐกับภาค เอกชนมมี ากพอสมควร เพราะฉะนน้ั ถา้ ใหป้ ระเมนิ บนพน้ื ฐานของขอ้ มลู และข้อเท็จจริง ต้องบอกว่านวัตกรรมภาครัฐอาจจะเป็นอะไรท่ีล่าช้า กว่าภาคเอกชนในประเทศไทย” 63
ผมคิดว่าเราตอ้ งมีโครงสรา้ ง ที่เออื้ ตอ่ การเกิดนวตั กรรม ปรับใหเ้ ปน็ จากล่างขึ้นบน (Bottom Up) ไม่ใชค่ นไม่กีค่ น ในหอ้ งประชุมก�ำหนดยุทธศาสตร์ นวตั กรรมของประเทศ ต่อสถานการณ์ปัญหาท่ีเกิดข้ึน คุณพริษฐ์อธิบายให้เห็นหัวใจของเรื่องน้ี โดยสรปุ ชดั ๆ เขา้ ใจง่ายวา่ วิถที างที่จะกอ่ ให้เกิดนวตั กรรมคอื “การทำ� อยา่ งไร จึงจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ข้ึน?” ไม่ว่าจะเป็นความสร้างสรรค์ในการพัฒนา เทคโนโลยีใหม่ๆ การให้บริการ หรือสินค้า สิ่งส�ำคัญที่สุดคือเรื่องของ “ความคิดสรา้ งสรรค์” “สภาพแวดล้อมแบบไหนท่ีรัฐบาลควรจะสร้างขึ้น เพื่อบ่มเพาะความคิด สร้างสรรค์ ผมแบ่งออกเป็น 3 โครงสร้าง อย่างแรกคือโครงสร้างในระบบ ปกครองของระดับประเทศ มีขอ้ มลู ชช้ี ัดวา่ สังคมประชาธปิ ไตยท่สี ่งเสริมใหค้ น แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี สอดคล้องกับระดับความคิดสร้างสรรค์ของ บุคลากรในประเทศ บางคนพูดด้วยซ้�ำว่าเวลาดูองค์ประกอบของห้องเรียนใน ประเทศใดประเทศหนึ่ง สามารถบอกได้เลยว่าประเทศนั้นมีความเป็น ประชาธปิ ไตยสูงไหม มีการสนับสนุนความคิดสร้างสรรคห์ รือไม่ ในห้องเรียนที่ ทุกคนนั่งล้อมเป็นวงกลมเข้าหาคุณครู ทุกคนอยู่ระดับเดียวกัน มีการแสดง ความคิดเห็นของนักเรียน น่ีคือการปลูกฝังวัฒนธรรมการแสดงความคิดเห็น มีความหลากหลายในความคิด ผมคิดว่าการกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ท่ีส่งเสริมให้คนแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นส่ิงส�ำคัญ เพราะความคิด สร้างสรรค์ส่วนมาก เป็นความคิดที่เกิดข้ึนนอกกรอบ ไม่ตรงกับกระแสหลัก ของสังคม ถ้าเราไม่กดความคิดท่ีแตกต่างเอาไว้ เราอาจจะปลดล็อคศักยภาพ ตรงน้ีได้” 64
เม่ือมองภาพรวมในระดับประเทศไปแล้ว ประเด็นท่ีสองคุณพริษฐ์มองไปยัง ระดับภูมิภาค โดยเน้นไปที่เร่ืองของการกระจายอ�ำนาจไปสู่ภูมิภาค โดยเขา ยกตวั อยา่ งจากการหาเสยี งเลอื กตงั้ ในชว่ งตน้ ปที ผ่ี า่ นมา ซงึ่ หลายพรรคชธู งการ กระจายอำ� นาจไปสทู่ อ้ งถนิ่ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั การกระตนุ้ ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละ นวตั กรรมระดับภมู ภิ าค “เวลาผมเดนิ ทางไปทวั่ ประเทศ ผมจะเหน็ วา่ ในแต่ละ จังหวัดต่างมีจุดเด่นและข้อจ�ำกัดท่ีต่างกัน ท้ายสุดแล้วถ้าเราสนับสนุน ให้คนในพ้ืนท่ีมีสิทธิมีอ�ำนาจ ให้เข้ามาจัดการบริหารจังหวัดตนเองได้ น่ันเป็น จุดเริ่มต้นท่ีดีในการสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในระดับภูมิภาค ยกตัวอย่างท่ี ขอนแก่น ซ่ึงมีการรวมตัวกันของภาคเอกชนและคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนา ระบบขนส่งมวลชนขอนแกน่ ทดลองเรอื่ งรถเมล์อัจฉริยะ แตส่ งิ่ ทีเ่ ขาเจอความ ทา้ ทายคอื อำ� นาจทอ้ งถนิ่ มไี มม่ ากพอ ทงั้ ๆ ทเ่ี ขาตอ้ งการยกระดบั หรอื สเกลโครง การเล็กๆ ใหไ้ ปสรู่ ะดับจงั หวัด เขาต้องเข้าไปหาผูว้ ่าฯ ซึง่ ถกู แต่งตัง้ โดยรัฐบาล กลาง เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าท้ายสุดแล้วจะท�ำอย่างไรให้เราลดอ�ำนาจรัฐบาล สว่ นกลาง แล้วเพ่มิ อ�ำนาจใหท้ อ้ งถน่ิ สามารถจัดการตัวเองได้” 65
โครงสร้างท่ีควรเปลี่ยนแปลงอย่างท่ีสาม คือโครงสร้างในระดับองค์กร คุณพริษฐ์เสนอแนะว่าองค์กรควรสนับสนุนความคิดที่ริเริ่มโดยพนักงานทุก ระดับ ไม่จ�ำกัดอยู่เพียงความคิดท่ีมาจากผู้บริหารระดับสูง “การลดความ สำ� คญั ของระบบอาวโุ สลง ทำ� อยา่ งไรใหพ้ นกั งานทกุ ระดบั มโี อกาสทจ่ี ะสรา้ ง ความเปลยี่ นแปลงภายในองคก์ รของตนได้ ลา่ สดุ ผมได้ไปร่วมงานนวตั กรรม ของท่าอากาศยานฯ เขามีกิจกรรมที่ให้พนักงานแต่ละแผนกเสนอโครงการ วา่ จะทำ� ยงั ไงใหง้ านมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ มพี นกั งานทำ� ความสะอาดทเ่ี สนอ โครงการว่าจะท�ำยังไงให้ห้องน�้ำสะอาดข้ึน มีการใช้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ พฤติกรรม ผมยังทึ่งเลยกับผลลัพธ์ท่ีเขาแสดงให้ดู ตรงน้ีเป็นความคิด สรา้ งสรรคท์ เี่ กดิ จากคนทำ� งานทใ่ี กลช้ ดิ กบั หนา้ งานจรงิ ๆ เพราะฉะนนั้ ผมคดิ วา่ เราตอ้ งมโี ครงสรา้ งทเี่ ออ้ื ตอ่ การเกดิ นวตั กรรม ปรบั ใหเ้ ปน็ จากลา่ งขนึ้ บน (Bottom Up) ไมใ่ ชค่ นไม่กค่ี นในห้องประชมุ กำ� หนดยุทธศาสตร์นวัตกรรม ของประเทศ ว่าการผลกั ดนั นวตั กรรมต้องทำ� อยา่ งไร” 66
ถึงท่ีสุดแล้ว แนวคิดในภาพรวมของคนหนุ่มไฟแรงอย่างคุณพริษฐ์ คือการ ตั้งค�ำถามกับระบบผูกขาดทุกอย่างในประเทศ ท่ีควรคลี่คลายไปสู่การ กระจายอำ� นาจไปยังประชาชนตามคอนเซ็ปทข์ องประชาธปิ ไตย โดยไดฝ้ าก 4 แนวทาง ในการสนับสนุนให้ภาครัฐสร้างบรรยากาศเช่นนี้ให้เกิดข้ึน เพอ่ื จะไดว้ างโครงสรา้ งของตลาดนวตั กรรมภาครฐั ทคี่ ำ� นงึ ถงึ ประชาชนสว่ น ใหญ่ของประเทศได้อย่างแทจ้ ริง “อย่างแรกคือนวัตกรรมไม่ควรจะเป็นอะไรที่มีแค่ NIA มานั่งก�ำหนดอย่าง เดยี ว แตค่ วรดงึ ตวั แทนของทกุ ภาคสว่ น ทกุ กระทรวงของภาครฐั ใหม้ ามสี ว่ น รว่ มเขา้ ใจวา่ นวตั กรรมคอื อะไร อยา่ งทส่ี องคอื เรอื่ งของการเพม่ิ ทกั ษะ ทตี่ อ้ ง ยอ้ นไปตง้ั แต่ ระบบการศกึ ษา เปลยี่ นจากการใหค้ วามรไู้ ปเปน็ การฝกึ ทกั ษะ ไมว่ า่ จะเปน็ ทกั ษะการสอ่ื สาร ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ทกั ษะการเหน็ อกเหน็ ใจ และสิง่ ทส่ี ำ� คญั มากสำ� หรับนวตั กรรม ก็คือ ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ปจั จัย ที่ 3 คือเรื่องของการสร้างระบบ Reward System คือการสร้างแรงจงู ใจ หรอื วา่ ผลตอบแทนทสี่ อดคลอ้ งกบั คณุ คา่ ทคี่ นไดส้ รา้ งใหส้ งั คม เชน่ ในสงิ คโปร์ หากบริษัทไหนใช้เทคโนโลยีไปปรับประสิทธิภาพของตนเองในการ เพ่ิมรายได้ ขยายฐานลูกค้าให้บริการเข้าถึงมากข้ึน รัฐจะให้เงินสนับสนุน การสรา้ งระบบแรงจงู ใจจากรฐั เป็นสงิ่ ส�ำคญั และทา้ ยที่สุดคอื การชูตน้ แบบ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ หรือ Role Model หากมีตัวอย่างขององค์กรที่ น�ำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ รัฐควรชูขึ้นเป็นตัวอย่างหรือ Showcase เพื่อไป กระตนุ้ ใหอ้ งค์กรอืน่ ๆ ได้ใช้เปน็ แมแ่ บบได้” 67
รศ.ดร.โคทม อารยี า นกั วิชาการด้านนโยบายสาธารณะ อดตี ผู้อ�ำนวยการศูนย์ศึกษา เพ่ือการแกป้ ัญหาสังคม และพฒั นาสันติวธิ ี ม.มหดิ ล ในแนวทางสนั ตวิ ิธี 68
นวตั กรรมทจ่ี �ำเป็น ตอ่ การพฒั นาประเทศ Mandatory Innovation สำ� หรบั ดร.โคทม อารยี า นกั วชิ าการทที่ ำ� งานในดา้ นนโยบายสาธารณะ เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาสังคมในแนวทางสันติวิธี และการ อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ของสังคมแบบพหุวัฒนธรรมในปัจจุบัน การวเิ คราะหใ์ นเรอื่ งของนวตั กรรมทจ่ี ำ� เปน็ ตอ่ การพฒั นาประเทศจงึ ไม่ ไดเ้ ปน็ การมองเพยี งแงม่ มุ ใดแงม่ มุ หนง่ึ หากแตส่ ะทอ้ นคดิ ผา่ นหลายมติ ิ ทงั้ เรอ่ื งของเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และผลกระทบในวงกว้างที่จะ เกดิ ตอ่ ประชาชนซึง่ เป็นฐานรากของประเทศ โดยแนวนโยบายของรัฐบาลที่ได้มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจ เป้าหมาย 6 ดา้ น เป็นพเิ ศษ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมธรุ กิจการดูแล สุขภาพ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรม IoT และโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอาหารทางการแพทย์ อุตสาหกรรมสมุนไพร และ ธุรกิจเรื่องของความมั่นคงปลอดภัย ท้ังในระดับทางการทหารและ ความปลอดภยั ของพลเรอื น อาจารยโ์ คทมไดแ้ สดงความเหน็ ตอ่ แนวทาง ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายเหลา่ นี้ว่า 69
สิ่งทผ่ี มมองคอื นวตั กรรม ซงึ่ เช่อื ในปรีชาญาณของคนหมมู่ าก คือเราเก็บเก่ียวนวัตกรรม ของคนเลก็ คนน้อยในสังคม “นวัตกรรมทัง้ 6 ด้าน ผมเห็นวา่ เน้นไปในทางธรุ กิจเปน็ สว่ นมาก สว่ นลกั ษณะ ทไี่ ปสนู่ วตั กรรมเชงิ วฒั นธรรม เหน็ มสี อดแทรกอยบู่ า้ งแตไ่ มช่ ดั เจน ผมเขา้ ใจวา่ แนวทางของส�ำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติเน้นการเชื่อมโยงเครือข่ายวิสาหกิจ เข้ากับระบบนวัตกรรม ต่อยอดการวิจัยสู่พาณิชย์ ยกระดับทักษะและสร้าง วฒั นธรรมนวตั กรรม ทผี่ มเนน้ อาจจะเปน็ ขอ้ สดุ ทา้ ย คอื ผมยงั เชอ่ื ในปรชี าญาณ (wisdom) ของประชาชนคนจ�ำนวนมาก ซ่ึงต้องมีวิธีเข้าถึงแบบหนึ่ง แต่ถ้ามี แนวทางท่ีเน้นไปยงั elite คนจำ� นวนนอ้ ย หรอื เน้นทางธุรกิจเพ่ือเพมิ่ GDP ก็ ไปอีกทางหน่ึง แตส่ ิ่งทผ่ี มมองคือนวตั กรรมซงึ่ เช่อื ในปรชี าญาณของคนหมูม่ าก คอื เราเกบ็ เกีย่ วนวตั กรรมของคนเลก็ คนนอ้ ยในสงั คม” อาจารย์โคทมยงั ให้ความส�ำคญั แก่เร่อื งของการปกป้องนวัตกรรม โดยชีใ้ หเ้ หน็ วา่ ในสว่ นของนวตั กรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มตี วั บง่ ชนี้ วตั กรรมทสี่ ำ� คญั คือเร่ืองของสิทธิบัตร หรืออาจจะข้ึนทะเบียนไว้ในรูปแบบอื่น แต่ในขณะที่ นวตั กรรมในดา้ นวฒั นธรรมกลบั ตา่ งออกไป ยกตวั อยา่ งเชน่ ในเรอื่ งของอาหาร พนั ธ์พุ ืช หรือขา้ วที่เป็นพันธ์ไุ ทยพน้ื เมอื ง อาจารย์มคี วามเหน็ ว่าควรสนบั สนนุ การจดสิทธิบัตร หรือจดทะเบียนส่ิงบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ (GI) แม้ดูเหมือนเรื่อง เหล่านี้อาจไม่เข้าข่ายนวัตกรรม แต่เป็นเรื่องของการปกป้องนวัตกรรมเดิม ซ่งึ เป็นเร่ืองส�ำคัญเชน่ เดยี วกนั 70
นอกจากนอี้ าจารยโ์ คทมยงั เสรมิ วา่ แนวทางทแ่ี ตกตา่ งกนั ของนโยบายทม่ี งุ่ ทาง พาณชิ ยก์ บั มงุ่ ไปยงั ผลประโยชนข์ องประชาชนคนหมมู่ าก จะทำ� ใหเ้ กดิ แนวทาง สนบั สนุนการสรา้ งนวตั กรรมทีต่ ่างกัน เช่น ในกรณขี องการสกดั น�ำ้ มนั กัญชาที่ กำ� ลงั ไดร้ บั ความสนใจอยใู่ นขณะน้ี “คนธรรมดาอาจจะตอ้ งการสรา้ งนวตั กรรม แต่ไปไม่ถึง เพราะขาดองค์ความรู้ดา้ นเทคโนโลยอี ยา่ งกรณใี นการทำ� เรอื่ งสกดั ส่วนท่ีเป็นยาจากกัญชา ถ้ามีนโยบายสนับสนุนในแนวทางที่แข่งขันสูง ผลจะออกมาในรูปแบบหนึ่ง แต่ถ้าไปในแนวทางท่ีคนหมู่มากมีส่วนร่วมและ ตรวจสอบได้ว่าดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ อาจจะมีแนวด�ำเนินการอีกรูปแบบหนึ่ง ผมยกตวั อย่างที่สะทอ้ นผลลัพธท์ จ่ี ะเกิดแกค่ นหมู่มากเปน็ หลักครบั ” 71
แนวทางในการพฒั นานวัตกรรมมงุ่ เป้าทัง้ 6 ดา้ น อาจารย์โคทมใหค้ วามสนใจ ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของอุตสาหกรรมอาหารในหลายมิติ ทเี่ พิม่ เตมิ จากการกระตนุ้ ในเชงิ ธรุ กจิ โดยเสนอวา่ ควรเพมิ่ มติ ดิ า้ นความมน่ั คงทางอาหาร ความปลอดภัยทางอาหารและการรักษาอัตลักษณ์ทางอาหาร เพิ่มเติมไปด้วย รวมท้ังการเพิ่มมูลค่าในส่วนของบรรจุภัณฑ์ซ่ึงคาบเกี่ยวกับการอนุรักษ์ สง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ สรา้ งนวตั กรรมทเี่ ปน็ บรรจภุ ณั ฑจ์ ากเศษเหลอื ทงิ้ ของสบั ปะรด เพื่อให้เกิดการย่อยสลายได้ทางชีวภาพ แนวทางในการเพ่ิมคุณค่าท่ีเป็นมิติ เชงิ สงั คมเหลา่ น้ี ไมไ่ ดม้ งุ่ แตท่ างธรุ กจิ มหภาคเพยี งอยา่ งเดยี ว หากเปน็ แนวทาง ที่นา่ จะส่งเสรมิ ให้คิดต่อยอดในธรุ กจิ ระดับจลุ ภาคดว้ ย เม่ือย้อนมองภาพรวมของประเทศ อาจารย์โคทมวิเคราะห์ให้เห็นจุดแข็งและ จดุ ออ่ น ซง่ึ ฝา่ ยนโยบายควรทบทวนเพอื่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการสง่ เสรมิ นวตั กรรม “ผมดูจริต ค่านิยม หรือพฤติกรรมทางสังคมของคนไทยมองว่าเราเป็นสังคม อ่อน วัฒนธรรมอ่อน เมอ่ื เทียบกบั เกาหลี ญป่ี นุ่ สิงคโปร์ ซึ่งเขามวี นิ ัย มกี าร แข่งขัน เคร่งครัด และทุ่มเท ฉะน้นั ท่ผี า่ นมาธรุ กิจที่ท�ำรายได้ใหป้ ระเทศเราจึง เปน็ ภาคบรกิ าร การทอ่ งเทย่ี ว การตอ้ นรบั ขบั สู้ วฒั นธรรมทโี่ อบออ้ มอารี อาหาร การกินอร่อย จงึ อาจท�ำใหเ้ ราตดิ ในกับดักรายไดป้ านกลาง เพราะผลิตภัณฑท์ ่ี ทำ� รายไดส้ งู เปน็ จำ� พวกไอที และธรุ กจิ ขายปลกี ทเ่ี ปน็ เครอื ขา่ ยใหญ่ ซง่ึ เรายงั ไม่ 72
ถนัดนัก ทส่ี �ำคัญคือ ธุรกจิ รายได้สูงยงั ไมไ่ ด้เอาใจใสเ่ ร่ืองการกระจายทรพั ย์สนิ และรายได้เท่าที่ควร แต่การกระจายทรัพย์สินและรายได้จะปลดปล่อย ศักยภาพของคนจ�ำนวนมาก ซึ่งจะมาเก้ือหนุนธุรกิจรายได้สูงในระยะยาว บางเรื่องต้องใชเ้ วลา แต่เอาเถอะ เราจะเริ่มตั้งต้นตอนนีก้ ็ได”้ สิ่งที่อาจารย์โคทมเชื่อว่าจะท�ำให้ประเทศมีทิศทางการพัฒนานวัตกรรมระดับ สูงได้ในระยะยาว คือการท�ำให้ภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนในสาขาที่ต้องการ พัฒนาเทคโนโลยหี ันมารว่ มมอื กัน “เอาสปริ ติ ของการต่อส้เู พอ่ื การอยรู่ อดทาง ธรุ กิจมาบวกกบั คนท่อี ยใู่ นระบบราชการ ซง่ึ ตอ้ งหาคนท่ีมองการณไ์ กล มองตัว เองให้ดี บางเรื่องอาจจะก้าวกระโดดได้ แต่บางเรื่องควรต่อยอดจากฐานท่ีมี หรือไม่ ซ่ึงหากต้องการไปให้ไกลทิศทางต้องชัดเจน เพราะเป็นเร่ืองของการ ลงทนุ ต่อเน่ืองระยะยาว และต้องขึน้ อยู่กบั บริษทั เอกชนทพ่ี ร้อมลงทนุ เพราะ เรื่องนี้มีกระบวนการที่ยาวนานกว่าจะเห็นผล ภาครัฐพร้อมสนับสนุนหรือไม่ หาภาคธรุ กิจที่มคี วามพร้อมเจอไหม เรื่องเหลา่ น้ตี ้องคดิ ใหด้ ี เพราะความเสี่ยง นั้นสูงมาก รฐั อาจตอ้ งชว่ ยใหห้ ลกั ประกนั ความเส่ียงบางอย่าง” อาจารยโ์ คทมปดิ ทา้ ยการสนทนาดว้ ยทศั นะทชี่ ดั เจน คอื เชอ่ื วา่ มวลชนฐานราก มศี กั ยภาพในการเปน็ แหลง่ นวตั กรรมได้ รวมทง้ั เปน็ ผทู้ จี่ ะสนองรบั ตอ่ นวตั กรรม “อย่าไปบอกว่าเขาเป็นแค่ผู้รับอย่างเดียว เขาสร้างได้ด้วย สุดท้าย สนช. ต้องเลอื กนะครบั จะเลือกแบบ Vertical หรอื Horizontal จะเลอื ก Elite หรือ คนหมู่มาก ซึ่งผมยังอยากให้มองเร่ืองคนหมู่มากและเร่ืองวัฒนธรรม ประกอบด้วย โดยท่ีไม่ได้ทิ้งคนกลุ่มแรก เพียงแค่อย่าหลงไปเฉพาะทางเดียว ตอ้ งมองให้รอบด้านมากข้ึน” 73
รศ.ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ ์ ประธานกรรมการ กรรมการผจู้ ัดการ สำ� นกั งานนวัตกรรมแห่งชาติ Dawei Development Co., Ltd. (DDC) (2557 - 2560) 74
นวตั กรรมเชิงพ้ืนท่ี Area-based Innovation รศ.ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ ให้แนวคิดการพัฒนานวัตกรรมเชิงพ้ืนท่ี (Place-based Innovation) โดยร่างบนกระดาษขาวอธิบายองคร์ วม และความเชอ่ื มโยงองคป์ ระกอบ 7P’s ท่จี ะต้องดำ� เนินการ ในการสร้างนวัตกรรมเชิงพื้นท่ี (Place/Area) ซึ่งได้ประสบการณ์ ด้านการพัฒนาพ้ืนที่ มาจากเม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้ว่าการการนิคม อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทท่า อากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จํากัด รวมทั้งการท�ำงานบริหาร ในฐานะประธานกรรมการ ส�ำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ในช่วง ปี 2557 - 2560 75
Area based Innovation Process Product Place/People/ Priority + Service Proposition of value Problems จากศนู ยก์ ลางของโมเดล แสดงใหเ้ หน็ วา่ บนพนื้ ท่ี (Place/Area) ตอ้ งมงุ่ ไปทคี่ น (People) ซึ่งหมายถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท้ังหมดในพ้ืนท่ี และต้องออกแบบ คุณค่าที่จะส่งมอบให้คนทุกภาคส่วน (Proposition of Value) ในพื้นท่ี และคณุ ค่าทีจ่ ะสรา้ งต้องเป็นไปสรู่ ะบบแห่งความยัง่ ยืน (Sustainable Value System) โดยได้อธิบายให้เห็นภาพชดั เจนเปน็ ขอ้ ๆ วา่ “ประการทหี่ นงึ่ พนื้ ทนี่ น้ั ตอ้ งมปี ระโยชนเ์ ชงิ เศรษฐศาสตรส์ มดลุ (Equilibrium) ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ที่เอ้ือให้กลุ่มคนรวยเพราะรัฐไม่ใช่บริษัท และต้องเป็น เศรษฐกิจ (Economics) ท่ีเข้าไปลดความเหล่ือมล้�ำให้ คนจนมีชีวิตท่ีดีขึ้น ประการทสี่ องคอื เกดิ คณุ คา่ ในเรอื่ งสงิ่ แวดลอ้ ม (Environment) ประการทสี่ าม เกิดการกระจายความเจริญ (Equitability) ประการที่ส่ี มีคุณค่าในระบบ การศึกษา (Education) และประการที่หา้ ตอ้ งเน้นเรื่องธรรมาภิบาล (Ethics) เม่อื ครอบคลุมทัง้ ห้า 5E’s องคป์ ระกอบนถ้ี ือเป็น การสรา้ งนวตั กรรมเชิงพ้นื ที่ ท่เี นน้ เป้าหมายและคณุ คา่ ” 76
หากแนวคิดข้างต้นเป็นทิศทางเดียวกันแล้ว ในการท�ำงานและบรรดาสินค้า (Product) หรอื บริการ กระบวนการ (Process) ในการด�ำเนินงาน ตลอดจน การจดั ล�ำดับความส�ำคัญ (Priority) และการกำ� หนดปัญหาตา่ งๆ (Problem) ก็จะสามารถวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาพื้นที่โดยให้ความส�ำคัญกับคนและ การสร้างคุณค่าที่ย่ังยืน รวมทั้งการสร้างสรรค์นวัตกรรมตามมาด้วย Value Creation Model “ก่อนที่จะได้ยินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor-EEC) ช่วงน้ันผมอย่รู ะหว่างคดิ ยทุ ธศาสตร์ว่า จะสร้างนวัตกรรมเชิงพ้ืนท่ีอย่างไรในการพัฒนาพื้นท่ีบริเวณภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) ทผ่ี มเคยรบั ผดิ ชอบอยู่ 10 ปี เทา่ นน้ั ยงั ไมพ่ อ ไดค้ ดิ กวา้ ง กวา่ นน้ั อกี คอื จะทำ� อยา่ งไรใหเ้ กดิ การเชอื่ มโยงกบั การพฒั นาเขตเศรษฐกจิ ตาม แนวพน้ื ทเี่ ศรษฐกจิ ตะวนั ออกและตะวนั ตก (East West Economic Corridor) เช่ือมต้ังแต่โครงการทวายทางตะวันตก ว่ิงต่อจากพม่า ทะลุกาญจนบุรี มาถึง กรุงเทพฯ มาทีส่ วุ รรณภูมิ ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบรุ ี ตราด ทะลไุ ป เขมร ทะลไุ ปฝงั่ เวียดนาม” 77
VCM (Value Creation Map) Innovating thru strategic questions of what ??? (aligning with your Innovation Strategy) 1. What is the “HVC*” of your 3. What does Competitive 5. Strategy Operandi : Covers 7. What your Delivery Channels Products & Services ? Landscape look like? 3C-Connectum for your products? logistics Identity: Value Chain (Product, Services) • High Value impact? (HVI) • Analysis 5 competitive forces Cluster : Make cluster analysis and • Who/Where to display or • Newness • What are your competitive ask What do you stand on value distribute products • Innovativeness system and value chain? 8. What yours maket strategy • Di erentiation advantage? Collaborators : Who are they to & structure, customer • Strange • How do your leverage your collaborate with?; Who do that? segments or • Paradox product or services • Growth from your I & D ? Co-Creators : Which ways they do • Who are your customer, *HVC: High Value Creation 4. What are Key Activities & and “How”? stakeholders & how many? Processes put into project • On your part; What your SWOT implementation and your speci c strength? • You must draw market • Project Planning • Connect VS Collect strategy map • Conceptual design & • Inno OT architectural con guration • What your overall • De ne resources to be used management structure look ? • Execution timeline (Scheduling) • How you sales? e-market platforms (Market Public) 2. What is the value proposition 6.1 At what Financial Costs: 6.2 What your Financial Return 9. What make the mission in view of users? (quantify cost breakdown) you get? feasible? : the Financial Feasibility? Also must • What are the value you deliver • Hardware • Do you have return or recognition; nancially (clear criteria) to user along value chain? • Software in what money value? • Humanware (Quantitatively) • Other Feasible Dimension • Can you make quantitative • Capex/Opex/Cash/ROA • Technically value ratio analysis? • Contract out amount • Worth or Revenue (Money) • Legally • Contractually • Also draw risk or trade-o map 10. Social Costs (Also inkind) 11. Social Bene ts (Also inkind) 12. SROI (Social Return on Investment) (Quantify Social Bene t by Social Impact Analysis) “ตอนน้ัน เราไดเ้ ชญิ หนว่ ยงานตา่ งๆ ได้แก่ สำ� นกั งานพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ และภมู สิ ารสนเทศ การนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย องคก์ ารบรหิ ารการ พัฒนาพื้นท่ีพิเศษเพ่ือการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และจังหวัดระยอง มาร่วมมือ กนั โดย NIA เปน็ เจา้ ภาพ เพอื่ รงั สรรคน์ วตั กรรมใหค้ รอบคลมุ แนวคดิ วา่ ดว้ ยการ พัฒนาเทคโนโลยีส�ำหรับการขับเคลื่อน “นวัตกรรมเศรษฐกิจเชิงพ้ืนท่ีสู่ อาเซยี น” (ASEAN Innovative Economy Mapping) โดยหนว่ ยงานขา้ งต้น นนั้ ได้มกี ารหารอื กันกวา่ หนง่ึ ปีกอ่ นการได้ยนิ โครงการ EEC ของรัฐบาล” การจดั วาง IOT Platform ของแตล่ ะพ้นื ท่ีเปา้ หมาย เพ่อื ใหเ้ อื้อต่อระบบนิเวศ นวัตกรรมในการสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ และมุ่งสู่การสร้างคุณค่าต่อผู้มีส่วนได้ สว่ นเสียทกุ ภาคสว่ นในระยะยาวนน้ั เป็นขนั้ ตอนการด�ำเนินงานทสี่ ำ� คัญ 78
ด้วยแนวคิดหลักน้ีสามารถใช้ประยุกต์กับโครงการด้านนวัตกรรมเชิงพ้ืนท่ีใน ลักษณะต่างๆ จากขอบเขตขนาดใหญ่ มาถึงปานกลาง หรือพ้ืนที่ในเขตเมือง แม้กระท่ังขนาดเล็กในศนู ย์การค้า ซ่งึ ปจั จุบันเต็มไปด้วย Innovative Space หรอื Co - Working Space ตา่ งๆ ในระดบั พ้ืนทีย่ อ่ ย แตไ่ ม่วา่ จะเป็นพ้นื ท่ีใด ต้องมุ่งเน้นที่เป้าหมายส�ำคัญคือการพัฒนาโดยค�ำนึงถึงคุณค่าที่คนและการใช้ พนื้ ทเ่ี ปน็ หลกั มใิ ช่ Technology เปน็ ตวั ตง้ั จากนนั้ จงึ สรา้ งสรรคน์ วตั กรรมเตมิ เขา้ ไปเพอื่ ใชเ้ ปน็ ตวั ขบั เคลอื่ น ซงึ่ NIA เปน็ หนว่ ยงานทใ่ี หค้ วามสำ� คญั กบั แนวคดิ นต้ี ลอดมา ปรากฏเปน็ ยทุ ธศาสตรด์ า้ นนวัตกรรมเชิงพ้นื ท่ใี นลกั ษณะตา่ งๆ ไม่ วา่ จะเปน็ ยา่ นนวตั กรรมการแพทยโ์ ยธี หรอื เมอื งนวตั กรรมอาหาร เปน็ ตน้ โดย รศ.ดร.สมเจตน์ ไดฝ้ ากมุมมองกับ Policy Makers ใหต้ ระหนกั เสมอวา่ “ปลายทางของมนุษย์ท่ีเกิดมาก็เพ่ือสร้างคุณค่าท้ังน้ัน โดยเฉพาะการสร้าง คุณคา่ ของชวี ิต ต่างกบั การมงุ่ เน้นสรา้ งราคาหรอื สรา้ งมูลคา่ ท่ีเรยี กวา่ Worth เน้นเป็นแค่การท�ำมาหากนิ เพราะฉะนนั้ “นวัตกรรม” คือการท�ำให้ความคิด สร้างสรรคไ์ ปสมู่ รรคผลแห่งคุณค่า (Value) กับมวลมนษุ ย์ไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง” 79
คณุ กานต์ ตระกลู ฮุน กรรมการและประธานที่ปรึกษาฝา่ ยจัดการ บริษัทปูนซเิ มนต์ไทย จ�ำกัด (มหาชน) 80
การสร้างนวตั กรและ วสิ าหกจิ นวตั กรรม Entrepreneurship and Innovative Enterprise “ผมเชอ่ื วา่ ในอนาคตประเทศไทยจะกา้ วสกู่ ารเปน็ ประเทศทพี่ ฒั นาแลว้ เราจะสามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้�ำทางสังคมได้ด้วยนวัตกรรม การท�ำนวัตกรรมจะเป็นแสงสว่างของประเทศ เราต้องเดินหน้าอย่าง เตม็ ที่ แมจ้ ะมอี ปุ สรรคบ้าง แต่ภาครัฐและภาคเอกชนตอ้ งเปดิ ใจคุยกนั รว่ มกนั แกป้ ญั หา ใหท้ ำ� เพยี งฝา่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ ไมไ่ ด้ ตอ้ งรว่ มกนั ขบั เคลอื่ น เพื่อให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดต่อประเทศชาติครับ” ในช่วงเวลาท่ี คณุ กานต์ ตระกูลฮนุ รับต�ำแหนง่ กรรมการผจู้ ดั การใหญ่ บรษิ ัทปูนซิเมนตไ์ ทย จ�ำกดั (มหาชน) ปักธงในการนำ� พา SCG ใหก้ า้ ว สู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม เห็นได้ชัดจากการให้ความส�ำคัญกับ งบประมาณในการวจิ ยั และพฒั นา (R&D) โดยเพม่ิ งบประมาณ จาก 40 ลา้ นบาทในปี 2547 เป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2561 สง่ เสรมิ นวตั กรรม เพอื่ สนบั สนนุ สนิ คา้ มลู คา่ เพมิ่ สงู (High Value Added Products and Services – HVA) สง่ ผลให้สนิ คา้ ในกลุม่ HVA สร้างรายได้จาก 7,700 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 180,000 ล้านบาทในปี 2561 ก่อให้เกิด ประโยชน์ทางการเงินเพิม่ ขึ้นให้กบั SCG กว่า 10,000 ลา้ นบาทต่อปี สร้างความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีให้กับ SCG เป็นเคร่ืองพิสูจน์ว่า การมุ่งพัฒนานวัตกรรมคือทางออกที่สดใสท้ังในระดับองค์กรและ ระดับประเทศ 81
ภาครฐั เริม่ เหน็ ความส�ำคญั ของภาคเอกชน ไม่เขา้ ไปควบคมุ จนเกินไป เพราะนน่ั ไมใ่ ช่ Mindset ทถี่ กู ตอ้ ง ผมอยภู่ าคเอกชน แต่ไม่ไดม้ าพดู เพ่ือเหน็ แกป่ ระโยชน์ กับเอกชน เพราะภาคเอกชนเอง ตอ้ งแฟร์กับภาครัฐด้วย ในช่วง 3-4 ปีท่ีผ่านมา นโยบายภาครัฐได้สนับสนุนการท�ำวิจัยเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ภาคเอกชนลงทุนท�ำวิจัยมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเดิมลงทุน 20,000 ล้านบาท เป็น 120,000 ล้านบาท ท�ำให้การลงทุนในการท�ำวิจัย และพฒั นา (R&D) ของทั้งประเทศ (ท้ังภาครฐั และภาคเอกชน) เพิม่ ขนึ้ อยา่ งมี นยั ส�ำคัญ จาก 0.2% ของ GDP เป็น 1% ของ GDP ในปี 2560 อย่างไรกต็ าม สดั สว่ นการลงทนุ ในการทำ� วจิ ยั และพฒั นา (R&D) มาจากบรษิ ทั เอกชนรายใหญ่ SME ยังลงทุนในด้านน้ีน้อยมาก ภาครัฐยังต้องเน้นยุทธศาสตร์สร้างคน และ ระบบนเิ วศนวตั กรรมทเ่ี หมาะสมในการบม่ เพาะนวตั กรและวสิ าหกจิ นวตั กรรม โดยเรมิ่ ตน้ จากสถาบนั การศกึ ษาทต่ี อ้ งปรบั ตวั ใหท้ นั กบั การเปลย่ี นแปลง ทงั้ ใน เรื่องของหลักสูตรการเรียนการสอน และบทบาทของอาจารยม์ หาวทิ ยาลยั 82
“ตอนนี้ภาครัฐเองปรับในเร่ืองของกระทรวงอุดมศึกษาใหม่แล้ว หลักสูตรใหม่ ท่ีจะเกดิ ขน้ึ น่าจะเป็นสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary) มากข้นึ เนน้ การ เรยี นรดู้ ้วยตัวเอง เร่อื งของสตารท์ อพั และ Entrepreneurship ต้องเรยี นรอบ ด้านมากข้ึน สอนการท�ำธุรกิจของตัวเอง รวมท้งั มมุ คิดเรอ่ื งการเงนิ ไม่ใชเ่ รียน รู้ทฤษฎีท้ัง 4 ปี ต้องให้เกิดทักษะในแง่ของการท�ำธุรกิจด้วย อาจารย์ต้องผัน ตวั เองเปน็ นกั วจิ ยั ทำ� งานในเชงิ รกุ เพอื่ สรา้ งเสรมิ ใหเ้ กดิ วสิ าหกจิ นวตั กรรมเพมิ่ มากข้ึนในประเทศ ควรมีการก�ำหนดนโยบายให้อาจารย์มีตัวชี้วัดในการ ช่วยผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SME ว่าในแต่ละปีจะต้องช่วยก่ีช่ัวโมง ช่วยสอนทักษะเบ้ืองต้น มาตรฐานด้านวิศวกรรมต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ ผ้ปู ระกอบการ ชว่ ยใหโ้ รงงานเดนิ ได้ดีขนึ้ อาจจะช่วยในเร่อื ง Process ที่จะลด ข้ันตอนหรือลดการใช้พลังงานได้ ระหว่างน้ันสามารถเก็บข้อมูลเพ่ิมเติม แล้วต่อยอดลกึ ลงไปเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ หรือสินคา้ HVA ได้ เพราะฉะน้ัน อาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษาปริญญาโทปริญญาเอกต้อง Reach Out ออกไป” 83
นอกเหนือจากน้ันภาครัฐควรจะค�ำนึงถึงความคล่องตัวต่างๆ ในระบบนิเวศ นวัตกรรมที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดนวัตกรและวิสาหกิจนวัตกรรม ช่ึงโมเมนตัม ในการลงทุนเร่ือง Deep Tech ก�ำลังเพิ่มมากขึ้นน้ัน คุณกานต์ มีมุมมองว่า ปัจจุบันการลงทุนใน Deep Tech มาจากองค์กรขนาดกลางหรือใหญ่ ซึ่งมี สดั สว่ นการลงทนุ เพ่ิมมากขน้ึ อย่างน่าพอใจ แตจ่ ุดทีอ่ าจจะเป็นขอ้ จ�ำกดั อยคู่ ือ เรอ่ื งของกระบวนการตา่ งๆทต่ี อ้ งมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ภาครฐั นา่ จะมคี วามคลอ่ งตวั มีกระบวนการง่ายขึ้นและยืนอยู่บนพ้ืนฐานของการให้และรับท่ีเอ้ือประโยชน์ ตอ่ กนั มากขนึ้ เปน็ ความร่วมมอื ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน “เมื่อก่อนในการท�ำโครงการ R&D หากต้องขอเครดิตภาษีคืนจากรัฐบาล ตอ้ งผา่ น สวทช. ให้ช่วยรวี วิ โครงการให้ ถ้ากระบวนการลา่ ชา้ มากเอกชนก็จะ ไมล่ งทนุ แตต่ อนนีม้ ีกตกิ าใหม่เรียกวา่ Self - Declared ซง่ึ มเี สียงสะทอ้ นจาก หนว่ ยงานภาครฐั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งอยบู่ า้ งวา่ กตกิ าใหมจ่ ะโปรง่ ใสเพยี งใด ผมไดแ้ สดง ความเหน็ ไปวา่ อยา่ ไปควบคมุ ภาคเอกชนจนเกนิ ไป บรษิ ทั เอกชนทท่ี ำ� ทกุ อยา่ ง อย่างถูกต้อง ต้องได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี เพราะทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน ในเอกสารอย่แู ล้ว ภาครัฐควรจะสนบั สนุน สร้างบรรยากาศสง่ เสริมการทำ� วจิ ัย ใหม้ ากยง่ิ ขึ้น” 84
“หากเราเดินตามแนวทางน้ี Engagement ของภาครัฐและภาคเอกชนจะ เช่ือมประสานได้ดีข้ึน ภาครัฐเร่ิมเห็นความส�ำคัญของภาคเอกชน ไม่เข้าไป ควบคุมจนเกนิ ไป เพราะนัน่ ไม่ใช่ Mindset ทถ่ี ูกตอ้ ง ผมอยภู่ าคเอกชนแตไ่ ม่ ได้มาพูดเพื่อเห็นแก่ประโยชน์กับเอกชน เพราะภาคเอกชนเองต้องแฟร์กับ ภาครฐั ดว้ ย ทกุ คนตอ้ งเสยี ภาษถี กู ตอ้ งและเตม็ เมด็ เตม็ หนว่ ย เปลย่ี น Mindset ท่ีไม่เหมาะสมอย่างการหลบเล่ียงภาษี หรือเร่ืองที่ไม่ถูกต้องต่างๆ หากเกิดข้ึน ตอ้ งมีนโยบายลงโทษอย่างชดั เจนและเดด็ ขาด” ดังนั้นในการส่งเสริมบรรยากาศท่ีดีในการสร้างนวัตกรและวิสาหกิจนวัตกรรม คุณกานต์ได้สรุปอย่างชัดเจนว่า ฝ่ายนโยบายต้องท�ำหน้าที่ในการจัดหาและ เสริมสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เหมาะสมให้กับภาคเอกชน โดยเอื้อต่อการ วิจัยและพัฒนา ตลอดจนการปรับเปล่ียนไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และ ในการสนบั สนนุ จากภาครฐั นนั้ ควรตอ้ งมเี ปา้ หมายการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื ควบคู่ กนั ไป ในขณะเดยี วกนั ภาคเอกชนตอ้ งเคารพกตกิ าตา่ งๆทวี่ างไว้ ซอื่ สตั ยใ์ นการ จ่ายภาษี เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นส�ำคัญ นี่เป็นทางเลือกเดียว ของประเทศไทยที่จะผ่านพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ก้าวสู่ประเทศที่ พัฒนาแลว้ 85
ดร.ศกั ด์ิ เสกขุนทด อดีตผู้อ�ำนวยการสำ� นกั งานรฐั บาลอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (DGA) 86
นวัตกรรม ท่ีขับเคล่อื นด้วยข้อมูล Data-driven Innovation จากประสบการณท์ เี่ คยเปน็ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานรฐั บาลอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (องคก์ ารมหาชน) ดร.ศกั ดิ์ เสกขนุ ทด ดแู ลงานในดา้ นขอ้ มลู เปดิ (Open Data) มาตงั้ แตป่ ี 2557 ซงึ่ ในขณะนนั้ ยงั ไมต่ นื่ ตวั ในเรอื่ งของมาตรฐาน ด้านนี้เช่นปัจจุบัน ในช่วงเวลานั้นได้มีความพยายามที่จะผลักดันเร่ือง ของ E - Government และ Open Data เพื่อยกระดับสู่การสร้าง นวัตกรรมใหม่ๆ ในสังคมไทย โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย ขอ้ มลู จากวันนนั้ ถึงวันน้ี ดร.ศักดิ์ จะชี้ให้แนวโนม้ ของการผลกั ดันใน เร่ืองนี้ว่าควรเดินต่อไปในทิศทางใด มีข้อจ�ำกัดและโอกาสใดบ้างท่ีจะ สะทอ้ นไปถึงการขับเคลื่อนในระดบั นโยบาย “การเปิด Open Data ท�ำให้ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะจะ ท�ำให้มองเห็นสองมิติ เร่ืองแรกคือความโปร่งใส ที่ประชาชนจะรู้ หมดเลยว่ารฐั ทำ� อะไร การจัดซือ้ จัดจา้ ง หรือขอ้ มูลใดๆ เร่อื งท่สี องคือ สามารถน�ำข้อมูลนี้ไปต่อยอดให้เกิดเป็นนวัตกรรม สร้างธุรกิจใหม่ ฉะนนั้ หลกั การของ Open Data คอื การเปดิ ขอ้ มลู ในรปู แบบทสี่ ามารถ น�ำมาใชต้ ่อได้งา่ ยทีส่ ุด และไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ย เปิดกว้างให้นำ� ไปต่อยอดได้ อยา่ งเสร”ี 87
นอกจากการเปดิ กวา้ งในเรอื่ งขอ้ มลู แลว้ ดร.ศกั ดย์ิ งั เสรมิ ในเรอ่ื งของการลงราย ละเอียดให้ข้อมูลน�ำไปใช้ได้อย่างมีประโยชน์มากข้ึน โดยยกตัวอย่างเม่ือคร้ังท่ี เปน็ ผู้อ�ำนวยการ DGA วา่ ไดเ้ ปิดข้อมูลที่ตงั้ หนว่ ยงานภาครัฐ 7 - 8 หม่ืนแห่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการน�ำข้อมูลไปใช้งาน แต่หากเพ่ิมเติมข้อมูล เขา้ ไปอีก เช่น หน่วยงานนีใ้ หบ้ รกิ ารอะไร เบอร์โทรศัพทค์ อื อะไร ข้อมลู เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ในการน�ำไปต่อยอดมากขึ้น และส่งผลให้เกิดนวัตกรรมอีก มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตอ่ ประชาชน หรือนักพัฒนาด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ บริษัทที่ต้องการท�ำธุรกิจ การยกระดับของข้อมูลเปิดในลักษณะนี้ เท่ากับ เปน็ การสรา้ งระบบนเิ วศนวตั กรรมทจ่ี ะกระตนุ้ ใหเ้ กดิ นวตั กรรมทขี่ บั เคลอ่ื นดว้ ย ข้อมูลเพ่มิ สงู ขนึ้ 88
ถ้าเราท�ำใหเ้ กิด Data Literacy คอื คนใช้ รู้ว่าเอาไปใช้ยังไง Data Governance คือรัฐหรอื ผทู้ ่ีสร้างข้อมูล ท�ำข้อมูลให้มี ธรรมาภบิ าล ตรวจสอบได้ มที ี่มาท่ไี ป จะเกิดวงจรการใช้ขอ้ มลู ทีถ่ กู ทาง อีกขั้นหน่ึงของรูปแบบข้อมูลเปิดท่ีเป็นประโยชน์ คือข้อมูลในลักษณะ API (Application Programming Interface) ซง่ึ ตวั อยา่ งของข้อมลู เรยี ลไทมต์ วั นี้ คือการท่ีกรมการขนส่งบังคับให้รถสาธารณะติด GPS และอยู่ในข้ันตอนการ พัฒนาระบบเพื่อเปิดให้ประชาชนเช็คได้ ซ่ึง ดร.ศักดิ์ มีความเห็นว่าจะเกิด ประโยชน์ท้ังในระดับการใช้ชีวิตทั่วไปของประชาชน และการต่อยอดสร้าง นวตั กรรม เชน่ อาจจะมคี นทำ� แอปพลเิ คชน่ั เพอ่ื เชค็ ความปลอดภยั ของลกู หลาน ทีก่ �ำลังเดินทาง เปน็ ตน้ โดยกลา่ วว่าข้อมูลเปิดในต่างประเทศมกี ารเปดิ เผยสงู กวา่ ประเทศไทยหลายเทา่ ตัว เทียบให้เหน็ วา่ DGA เปดิ ข้อมูลประมาณพันกวา่ ชุด ในขณะทอ่ี งั กฤษเปดิ สองหมน่ื และอเมรกิ าเปดิ เปน็ แสนชดุ ขอ้ มลู แต่ท่ามกลางข้อมูลเปิดที่หลากล้นน้ี ต้องค�ำนึงถึงเรื่องของธรรมาภิบาลควบคู่ กันไปด้วย โดย ดร.ศักด์ิได้อธิบายถึงประเด็นน้ีไว้ว่า “ส่ิงนึงท่ีเราต้องให้ความ ส�ำคัญ คือจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้อมูลเปิดน้ันมีความถูกต้อง ทันสมัย และ สามารถนำ� ไปใชไ้ ดจ้ รงิ เชน่ กรมควบคมุ มลพษิ เปดิ ขอ้ มลู PM 2.5 แตป่ ระชาชน อาจจะไม่ทราบว่านโยบายของข้อมูลน้ีคืออะไร สีเขียว หรือสีแดงคืออะไร พอไปเปรียบเทียบกับเว็บไซต์อ่ืนอาจตีความต่างกัน คือเร่ืองนี้อาจไม่ได้เป็น ความผดิ แตข่ นึ้ อยกู่ บั เงือ่ นไข ในการอธิบายขอ้ มูล ดงั นั้นรัฐบาลจงึ ตอ้ งทำ� สิ่งที่ เรยี กว่า Data Governance หรือ “ธรรมาภิบาลขอ้ มูล” คือต้องมนั่ ใจไดว้ ่า ข้อมูลเปดิ น้นั ๆ เทีย่ งตรงถกู ตอ้ ง และไมเ่ กดิ การตคี วามทีส่ ับสน” 89
จากประเดน็ ของธรรมาภบิ าลขอ้ มลู ดร.ศกั ดจิ์ งึ เชอ่ื มโยงไปสอู่ กี ขนั้ หนง่ึ ของการ ยกระดบั การนำ� ขอ้ มลู เปดิ ไปใชใ้ หไ้ ปไกลกวา่ Data Innovation นนั่ คอื เรอื่ งของ การสรา้ ง “การรู้เทา่ ทันขอ้ มูล” (Data literacy) ส�ำหรับคนไทย นัน่ คอื การรู้ เท่าทนั และเลือกใช้ข้อมูลใหเ้ ป็นประโยชนไ์ ดอ้ ย่างแท้จรงิ เชน่ ในช่วงเทศกาล วนั หยุด มกั จะมีหน่วยงานตา่ งๆ การเกบ็ ข้อมูลสถติ ผิ เู้ สียชวี ติ บนท้องถนน ซึ่งท่ี ผา่ นมาขอ้ มลู ของแตล่ ะแหง่ มกั จะไมต่ รงกนั การเชค็ อยา่ งถถ่ี ว้ นกอ่ นเชอื่ หรอื นำ� ไปใช้ เรยี กวา่ การรเู้ ทา่ ทนั ขอ้ มลู ซง่ึ จะทำ� ใหก้ ารตอ่ ยอดเพอื่ สรา้ งสรรคน์ วตั กรรม ใดๆ ไม่เส่ยี งต่อความผดิ พลาด “ถ้าเราท�ำให้เกิด Data Literacy คือคนใช้ รู้ว่าเอาไปใช้ยังไง Data Governance คือรัฐหรือผ้ทู ส่ี ร้างขอ้ มูล ท�ำขอ้ มลู ให้มธี รรมาภบิ าล ตรวจสอบ ได้ มีที่มาทไ่ี ป จะเกิดวงจรการใชข้ ้อมูลทถี่ ูกทาง ไดข้ ้อมูลท่ีครบถ้วนตรงกับที่ คนใชต้ อ้ งการ กอ่ ใหเ้ กดิ การปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งผใู้ ชก้ บั ผสู้ รา้ ง สดุ ทา้ ยคอื เราจะ ไดข้ อ้ มลู ทเ่ี ทยี่ งตรงอยา่ งแทจ้ รงิ เพราะฉะนน้ั สงิ่ นเ้ี รยี กวา่ Data Stakeholders หรือ Value Chain ของ Data ต้องทำ� ใหเ้ กดิ ข้นึ ให้ได้ เพราะถ้าเราท�ำ Value Chain ของ Data ได้เราจะพบว่า การใช้ข้อมูลจะดีข้ึน เหลือเพียงข้ันตอน สุดท้ายคือผู้มีอ�ำนาจจะดับนโยบาย จะต้องเรียนรู้การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลให้ เป็นประโยชนใ์ นวงกวา้ งมากทส่ี ดุ ” 90
ขอ้ เสนอแนะในการต่อยอดเพอื่ นำ� ขอ้ มูลเปดิ มาใช้ ดร.ศกั ด์ิ ให้ความเห็นท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อทั้งภาคประชาชน และหน่วยงานรัฐท่ีเก่ียวข้องว่า “ท�ำอย่างไร ให้เกิด Data Community ให้ผู้ใช้มีกลไกท่ีจะบอกภาครัฐว่าต้องเปิดข้อมูล แบบไหน อย่างไร หรือถ้าภาคเอกชนเขา้ มาได้ เกดิ คอมมนู ติ ข้ี องการใชข้ ้อมูล เกดิ การแชรป์ ระสบการณใ์ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในทน่ี คี้ อื ขอ้ มลู สาธารณะ ไมใ่ ช่ ขอ้ มูลสว่ นตัว หากเกิดขนึ้ ได้จะดีมาก หรอื การทดสอบซอฟต์แวรใ์ หม่โดยให้อยู่ ในขอบเขตทจ่ี ำ� กดั (Sand Box) สำ� หรบั ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล ตอ่ ไปเราอาจจะมกี าร สแกนรหัสพันธุกรรม (Genome) ได้ กลไกเหล่านี้ผมคิดว่า สนช. สามารถ ชว่ ยสร้างกลไกในการใช้ได้ และจะทำ� ใหเ้ กิดความคิดใหม่ๆ สามารถต่อยอดไป ได้อีกมาก” 91
คณุ พารณ อิศรเสนา ณ อยธุ ยา อดตี ผ้อู ำ� นวยการสถาบนั ผกู้ ่อตง้ั และผู้อ�ำนวยการใหญ่ บณั ฑิตบริหารธรุ กจิ ศศนิ ทร์ ดรณุ สิกขาลัย โรงเรียนนวตั กรรม แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย แหง่ การเรียนรู้ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี พระจอมเกลา้ ธนบรุ ี 92
ผปู้ ระกอบการภายใน และผู้น�ำนวัตกรรม Entrepreneurship/ Leadership “การจดั การศกึ ษาตอ้ งเปน็ ไปเพอื่ พฒั นาคนไทยใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ ไม่ใช่เป็นนักนวัตกรเชิงเดี่ยว เป็นคนหัวส่ีเหลี่ยมพูดกับใครไม่รู้เรื่อง คนที่อาวุโสสูงปฏิบัติกับผู้ที่อายุน้อยกว่าอย่างเป็นกัลยาณมิตรและ สื่อสารอยา่ งเปน็ กันเอง ถา้ ทำ� แบบนีไ้ ดจ้ ึงจะเกดิ นวัตกรรมขนึ้ ในสงั คม ไดง้ า่ ย” ทัศนะเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรที่จะพัฒนาไปเป็นผู้น�ำด้านนวัตกรรม ของ คณุ พารณ อศิ รเสนา ณ อยธุ ยา ตอ้ งมงุ่ เนน้ ไปทเ่ี รอื่ งของการศกึ ษา ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งสำ� คญั อยา่ งยง่ิ ในการจะพฒั นาใหค้ นในสงั คมมที ง้ั สตปิ ญั ญา และจรยิ ธรรมของความเปน็ มนษุ ย์ ซงึ่ เปน็ องคป์ ระกอบทจ่ี ำ� เปน็ ในการ รังสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยประสบการณ์ในการเป็นอดีตผู้บริหาร ระดับสูงของบริษัทเอกชนช้ันน�ำของประเทศ และเป็นผู้อุทิศตนให้แก่ การพัฒนาคนมาหลายปี คุณพารณเนน้ ยำ้� ถึงพนื้ ฐานในการบ่มเพาะให้ เกิดนวัตกร น่ันคือ ท�ำใหผ้ เู้ รยี นสนใจใฝเ่ รยี นรไู้ ปตลอดชวี ติ (Lifelong Learning) ซ่งึ ทา่ นไดย้ ึดถือเปน็ หลกั การสำ� คัญในการกอ่ ตั้งและด�ำเนนิ งานดรุณสกิ ขาลยั โรงเรยี นนวัตกรรมแห่งการเรยี นรู้ เสมอมา 93
ถา้ รัฐบาลไม่ชูประเดน็ เรอื่ งการศึกษา หรือการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ เป็นวาระแห่งชาติ ผมคิดวา่ ประเทศเรา จะไม่สามารถสรา้ งนวตั กรใหเ้ กดิ ขึ้นได้ ความเป็นนักการศึกษาผู้มุ่งม่ัน ท�ำให้คุณพารณได้ก่อต้ังดรุณสิกขาลัยข้ึนในปี 2543 หลงั เกษยี ณอายกุ ารทำ� งานไดร้ ะยะหนงึ่ ดว้ ยความมงุ่ หวงั ทจี่ ะใหโ้ รงเรยี น แห่งนเี้ ปน็ “School for Innovative Learning” หรือต้นแบบของการเรยี น การสอนที่ “แปลกตา่ ง” จากการเรยี นการสอนรูปแบบเดมิ และช่วยเสริมสรา้ ง ให้เกิดนวัตกรรม โดยน�ำทฤษฎี “การเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยปัญญา (Constructionism)” จากงานวิจัยที่มีชื่อเสียงของศาสตราจารย์ Seymour Papert แห่ง Media Lab MIT มาปรับใช้ให้เข้ากับภูมิสังคมไทยอย่างเต็ม รปู แบบ และเมอ่ื ดำ� เนนิ การไปแลว้ บงั เอญิ เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 ทุกประการ โดยเฉพาะการจัดการศึกษาเพื่อให้เป็น การศึกษาตลอดชีวิตส�ำหรับประชาชน และต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ผู้เรียนมีความส�ำคัญที่สุด และ กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศกั ยภาพ โดยคำ� นึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล 94
“คุณกับผมก็ไม่เหมือนกัน แล้วมาบังคับให้คิดหรือท�ำให้ได้เท่ากัน น่ันเป็น เรอื่ งฝืนธรรมชาต”ิ คณุ พารณเนน้ ยำ�้ ถงึ หลกั การพน้ื ฐานของดรณุ สกิ ขาลยั ซงึ่ เปน็ หลกั การทเ่ี ออื้ ตอ่ การสร้างนวัตกรตั้งแต่วัยเยาว์ ดังน้ันกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ ในโรงเรียน จงึ เปน็ กิจกรรมทที่ �ำใหเ้ กดิ การเรยี นรู้จากประสบการณจ์ รงิ ทำ� ให้ ผู้เรียนคดิ เปน็ ท�ำเป็น คิดใหม่ทำ� ใหมไ่ ด้ และเกิดการใฝร่ อู้ ย่างตอ่ เน่ืองไปตลอด ชวี ิต คอื ท�ำให้ผ้เู รียนมี “Passion of Learning” ท่ีจะสรา้ งนวตั กรรมไดต้ อ่ ไป ด้วยความสนใจของตนเองโดยปราศจากการบังคับ ผู้ท่ีมีคุณสมบัติเช่นน้ีจึงจะ พฒั นาไปเปน็ นวัตกร และกา้ วส่กู ารเปน็ ผูน้ �ำนวัตกรรม ทงั้ ในระดบั องค์กรและ มติ ิอนื่ ทีม่ ีผลกระทบต่อสังคมได้อย่างยง่ั ยนื 95
“หลักการในการสร้างนวัตกรรม คือหลักการเดียวกันกับทฤษฎีการเรียนรู้เพ่ือ สร้างสรรคด์ ้วยปัญญา (Constructionism) นวตั กรรมเกดิ จากนวตั กร ซึง่ อาจ จะเป็นยายสีตาสายายมียายมาท่ีไหนก็ได้ แต่การเกิดในลักษณะน้ันอาจจะ ไม่ย่ังยืน ไม่ทันสมัย นวัตกรต้องทันสมัย ต้องน�ำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการ เรียนรู้ โรงเรียนน้ีใช้ Project - Based Learning นนั่ คือใชโ้ ครงงานเปน็ ตัวตั้ง ตามความชอบของเด็ก และเรียนรู้จากการปฏิบัติ บูรณาการด้วยเทคโนโลยี วิชาการ ศิลปวัฒนธรรม ความเป็นไทย ศลี ธรรมจรรยา เมือ่ จบชัน้ มธั ยมศกึ ษา ปที ่ี 6 ผเู้ รียนจะมคี วามสามารถด้านภาษาองั กฤษได้ดเี ทา่ ๆ กบั ภาษาไทย โดย การเรียนภาษาเลยี นแบบธรรมชาติ คือเรยี น Listening-Speaking-Reading – Writing และ Grammar ข้ันสูงตามล�ำดับ ท้ังนี้ก็เพ่ือวิสัยทัศน์ท่ีจะสร้าง เด็กไทยให้เป็นท้ังพลเมืองไทยและพลเมืองโลกในคนๆ เดียวกัน ที่รักษาความ เป็นไทยไวไ้ ด”้ ผู้ก่อตั้งดรุณสิกขาลัยเปรียบเทียบให้เห็นถึงความส�ำคัญของการศึกษาและการ พฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ ผา่ นตวั อยา่ งของประเทศในเอเชยี ดว้ ยกนั อยา่ งสงิ คโปร์ และจีน ที่รัฐบาลของประเทศเหล่าน้ันได้ให้ความส�ำคัญแก่การพัฒนาคนผ่าน การศึกษาเป็นอย่างมาก เพื่อ “สร้างคนไปสร้างชาติ” จึงท�ำให้เกิดนวัตกรรม ล�้ำสมัยท่ีประสบความส�ำเร็จและเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิด จากการวางยุทธศาสตรใ์ นระดบั นโยบายประเทศทีเ่ ราสมควรศึกษาเรยี นรแู้ ละ 96
ปรบั ใชใ้ หเ้ ขา้ กบั ภมู สิ งั คมของไทยอยา่ งยง่ิ “เขาใหค้ วามสำ� คญั กบั การศกึ ษามาก เพราะคนท่ีเขาสร้างข้ึนจะมาพฒั นาชาติ เกิดนวตั กรรมใหมๆ่ มากมาย อย่างท่ี เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จากสนามบินลงรถไฟแล้วสามารถเข้ากลางเมืองเซ่ียงไฮ้ ไดเ้ ลยการวางผงั เมอื งเขาดมี าก ซง่ึ ผมคดิ วา่ สกู้ บั เมอื งระดบั โลกอยา่ ง New York ไดอ้ ย่างสบาย นี่คอื นโยบายทีเ่ ขาสร้างคนเพอื่ ใหม้ าพัฒนาชาตโิ ดยตรง” ด้วยความที่ดรุณสิกขาลัยยึดมั่นการเรียนรู้แบบองค์รวม (Holistic Learning) จึงไม่ได้ให้ความส�ำคัญในเร่ืองของเทคโนโลยีที่ล้�ำสมัยเพียงอย่างเดียว แต่มี หลักการแบบบูรณาการที่เรียกว่า Head Hand Heart นั่นคือในเรื่องของ Head และ Hand เปน็ การเสรมิ สรา้ งทกั ษะทางวชิ าการ เสรมิ ดว้ ยกระบวนการ เรียนรู้ใน Learning Lab ที่มีอุปกรณ์ทันสมัยอย่างเลเซอร์คัตเตอร์ 3D ปรินท์เตอร์ ที่เอื้อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการลงมือประดิษฐ์ส่ิงของ ส่วนเรื่อง Heart นัน้ เป็นฐานดา้ นจติ ใจ รวมไปถงึ ศลี ธรรมจรรยา การมีวินยั ภายใน และ มีความเห็นอกเห็นใจกัน เป็นเรื่องท่ีต้องปลูกฝังผู้เรียนในทุกช่วงวัย โดยการ ฝกึ อบรมผู้เรียนและครูทกุ คนในชว่ั โมง โฮมรมู ตอนเช้ากอ่ นเขา้ เรยี นเป็นตน้ ดงั นน้ั เอง การจะสรา้ งนวตั กรผซู้ ง่ึ จะเตบิ โตเปน็ ผนู้ ำ� ดา้ นนวตั กรรมในอนาคตจงึ เปน็ เรอ่ื งละเอยี ดออ่ น และเปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ใี่ ชเ้ วลาตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ สมดังท่ีคุณพารณได้ฝากข้อคิดไปถึงผู้วางยุทธศาสตร์ระดับประเทศและสังคม ไทยไว้อย่างล่มุ ลกึ วา่ “ถ้ารัฐบาลไม่ชูประเด็นเรื่องการศึกษาหรือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็น วาระแห่งชาติ ผมคิดว่าประเทศเราจะไม่สามารถสร้างนวัตกรให้เกิดขึ้นได้ มากพอทจี่ ะชว่ ยพฒั นาคนไทยใหส้ นู้ านาอารยะประเทศได้ และเมอ่ื ไมม่ นี วตั กร จะเกิดนวตั กรรมได้อย่างไร” 97
รศ.ดร.วรี ะพงษ์ แพสวุ รรณ ประธานกรรมการ อธิการบดีมหาวทิ ยาลยั ส�ำนักงานนวตั กรรมแหง่ ชาติ เทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) 98
นวตั กรรม ด้านกระบวนทัศน์ Paradigm Innovation จากประสบการณใ์ นการเคยรบั ตำ� แหนง่ ปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เชื่อมโยงกับองค์ความรู้ด้านการบริหารการศึกษา ในตำ� แหนง่ อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี ผสมผสานกบั สายตาทแี่ หลมคมในการทำ� งานระดบั นโยบายในตำ� แหนง่ ประธาน กรรมการ ส�ำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ในปจั จุบัน ทำ� ให้ รศ.ดร. วีระพงษ์ แพสวุ รรณ สามารถวิเคราะห์ทิศทางของนวัตกรรมด้าน กระบวนทศั น์ได้ในหลากหลายมิติ ทง้ั ในระดบั ภาครฐั ภาคเอกชน ภาคการศกึ ษาวจิ ยั ภาคสงั คม และภาคสงิ่ แวดลอ้ ม โดยเฉพาะอยา่ ง ยงิ่ ในบรบิ ทท่สี �ำนักงานนวัตกรรมแหง่ ชาติ จะเข้าไปท�ำหน้าที่เป็น โซข่ อ้ กลาง เพอื่ มงุ่ ไปสกู่ ารเปน็ ประเทศแหง่ นวตั กรรม (Innovation Nation) ได้ครบทุกองคพายพ ประธานกรรมการ สนช. ได้เร่ิมต้นจากการให้ค�ำจ�ำกัดความของ “นวตั กรรมดา้ นกระบวนทศั น”์ (Paradigm Innovation) วา่ หมาย ถงึ การเปลย่ี นแปลงแนวคดิ ขนั้ พน้ื ฐานขององคก์ รในการปฏบิ ตั งิ าน (Mental Model) ในการมงุ่ ใหเ้ กิดนวตั กรรมท่ีเปลี่ยนแปลงกรอบ ความคิดซึ่งมีหลายระดับ ตั้งแต่การท�ำนวัตกรรมแบบค่อยเป็น คอ่ ยไป (Incremental Innovation) ทมี่ กี ารพฒั นา ปรบั ปรงุ สนิ คา้ กระบวนการ บรกิ ารทมี่ ีอยู่แล้วใหด้ ีขนึ้ ไปจนถงึ การเปลี่ยนแปลง ท่ีรุนแรงและรวดเร็วไปอย่างชิ้นเชิงที่เรียกว่า นวัตกรรมแบบก้าว กระโดด (Radical Innovation) 99
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106