การพฒั นาหนังสืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-Book) เรื่อง อนิ เตอร์เนต็ เพ่ืองานเลขานุการ เสนอ อาจารย์จุฑามาส รัตนะพนั ธ์ จัดทาโดย นางสาวฐานียา ยูมา เลขที่ 2 นางสาวพรชนก ยมิ้ ใหญ่ เลขที่ 4 นางสาวพชิ ญา เวชภูติ เลขท่ี 6
คำนำ หนังสือเล่มน้ีมีเนื้อหาเก่ียวกับ การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เร่ือง อินเตอร์เนต็ เพ่อื งานเลขานกุ าร เพือ่ นาไปใชใ้ นการเรยี นรู้ ส่วน นักเรียนจะได้ทราบวิธีการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ อนิ เตอรเ์ นต็ การจัดทาหนังสือเล่มน้ีจัดทาข้ึนเพื่อ เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของ การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เร่ือง อินเตอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจช่วยให้ได้สื่อการเรียนการสอนใช้งานได้ สะดวกมากขึ้นและสามารถใช้เป็นแหล่งหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นข้อมูลความรู้หรือ อา่ นหนงั หรือออนไลน์ไดง้ า่ ยขน้ึ จดั ทำโดย คณะผ้จู ดั ทา
สำรบรรณ เรือ่ ง หนำ้ ความรเู้ บอื้ งต้นเกี่ยวกบั สงั คมออนไลน์ 1 การใช้อนิ เตอร์เน็ตในงานเลขานุการ 5 การคน้ หาข้อมูลด้วย search engine 7 การรบั -สง่ ขอ้ มูล บนเครอื ขา่ ยอินเตอรเ์ น็ต 10 การใชบ้ รกิ ารทีม่ ีอยูบ่ นสังคมออนไลน์ 15 โปรแกรมจัดการสารสนเทศสว่ นบุคคล 17 การเรียนรู้ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต็ 21 การป้องกันและกาจัดไวรัสคอมพวิ เตอร์ 24 จริยธรรมและกฎหมายทเ่ี กีย่ วข้องกบั การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ 27 พระราชบญั ญัติว่าดว้ ยการกระทาความผดิ เกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ 30
บทที่ 1 ความร้เู บอื้ งตน้ เก่ยี วกับสงั คมออนไลน์
กำรใชง้ ำน อนิ เทอรเ์ นต็ เพ่ืองำนเลขำนุกำร 1 ความหมายสงั คมออนไลน์ สงั คมออนไลน์ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Social Online หรอื social medie ซึง่ นิยม กันเรยี กคือ Social media มีความหมายดังตอ่ ไปนี้ คาว่า Social หมายถงึ สังคมน้ีจะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหญม่ ากใน ปจั จบุ นั ส่วนคาว่า media หมายถึง ส่อื กค็ ือ เน้อื หา เรอื่ ง ราว บทความ วิดโี อ รปู ภาพ เพลง เปน็ ต้น ดงั นนั้ คาว่า social media จงึ หมายถึง ส่ือสังคมออนไลนท์ ่ีมีการตอบสนองทาง สังคมได้หลายทิศทางโดยผ่านอินเทอร์เน็ต ในรปู แบบ บทความ วิดีโอ เพลง รปู ภาพ โดยผ่านโซเชยี ลเน็ตเวิรก์ ทใ่ี ห้บริการบนโลกออนไลน์ ซง่ึ ในเน้อื หาตอ่ ไปนี้จะใช้คาว่า สังคมออนไลน์ (social network) ประเภทของสงั คมออนไลน์ 1.weblogs 2.social networking 3.Mico Blogging 4.online vido 5.Photo sharing 6.wikis 7.virual worlds 8.Crowd Sourcing 9.Podcasting หรือ podcast 10. Discuss/Review/Openion
กำรใช้งำน อนิ เทอรเ์ นต็ เพื่องำนเลขำนุกำร 2 วัตถปุ ระสงคข์ องสังคมออนไลน์ สังคมออนไลน์ (Social Network) ที่เผยเเพร่ในโลกอินเทอร์เน็ต มี วตั ถปุ ระสงคใ์ นการใชง้ าน ดงั นี้ 1. เผยเพร่ตัวตน (Identitynetwork) เป็นสื่อสังคมออนไลน์ท่ีมุ่งเน้น การนาเสนอตัวตนของผู้ใช้งานเรื่องราวของตัวเองภาพถ่ายของตัวเองส่ิงท่ี ตัวเองชอบหรือสนใจความคิดเห็นความรู้สึกท่ีมีต่องส่ิงต่างๆ เว็บไซต์ท่ีมี ดงั กล่าว ได้เเก่ facebook,Myspace เป็นต้น 2.เผยเเพร่ผลงาน (Creative network) เป็นเว็บไซต์ท่ีเน้นผลงานของ เจ้าของเวบ็ ไซตม์ ากกวา่ ตวั ตนของเจา้ ของผลงาน เช่น Coroflot 3.ความสนใจตรงกัน (Interested network) เว็บไซต์ประเภทน้ีคล้ายๆ กับเวบ็ ไซต์เผยแพร่ผลงาน เช่น Digg, Zickr เปน็ ตน้ 4.โลกเสมือน (Virtual life/Game online) เป็นลักษณะการจาลองตัว ของผูใ้ ชง้ านเปน็ ตัวละครตัวหน่ึงในเกมส์หรือสถานะการสมมุติ โดยในระหว่าง เล่นสามารถพูดคุยหรือสื่อสารกับผู้เล่นอ่ืนๆได้ ทาให้มีลักษณะเป็น Social network เเบบหนงึ่ เช่น The SIM เป็นต้น
กำรใช้งำน อนิ เทอรเ์ น็ตเพือ่ งำนเลขำนุกำร 3 ประโยชนข์ องสังคมออนไลน์ 1.ใช้เเลกเปล่ียนข้อมลู ความรู้ในสง่ิ สนใจรว่ มกนั ได้ 2.เปน็ คลงั ความร้ขู นาดใหญ่ ที่สามารถเขา้ ไปคนหาขอ้ มูลได้ 3.ประหยัดค่าใช้จา่ ยในการติดตอ่ สอ่ื สารกบั บุคคลอนื่ 4.เปน็ ส่อื ในการนาเสนอผลงานของตนเอง 5.ใช้เปน็ สอื่ ในการโฆษณา 6.ช่วยสร้างรายไดใ้ หเ้ เกผ่ ู้ใช้งาน 7.ช่วยให้มีการผ่อนคลายจากการทางาน 8.สร้างความสาพนั ธท์ ี่ดจี ากเพอ่ื นสูเ่ พอ่ื นได้ โทษของสงั คมออนไลน์ สังคมออนไลน์ถึงเเม้จะมีประโยชน์มากมาย เเตก่ ็มโี ทษอยบู่ า้ ง ฉะน้นั ผใู้ ช้ ตอ้ งพึงใชใ้ นสว่ นทเ่ี ป็นประโยชนใ์ หม้ าก เเละปอ้ งกนั มิให้เกิดผลเสยี จากการ ใชส้ งั คมออนไลน์ ทงั้ น้ี โทษของสังคมออนไลน์มี ดงั น้ี 1. เว็บไซตใ์ ห้บรกิ ารบางแห่งอาจจะเปดิ เผยขอ้ มลู ส่วนตวั มากเกนิ ไป 2. สังคมออนไลน์เป็นสังคมท่ีกวา้ ง 3. เปน็ ช่องทางในการถกู ละเมดิ ลขิ สิทธิ
กำรใช้งำน อินเทอรเ์ น็ตเพอ่ื งำนเลขำนุกำร 4 ระบบ Social Networt และอุปกรณ์เครอื ขา่ ย ระบบ Social Network หรอื ระบบสังคมออนไลนบ์ นเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ ประกอบดว้ ย อปุ กรณ์ ฮาร์ดเเวร์ เเละอุปกรณ์เครือข่าย ดังนี้ ฮาร์ดแวร์ ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ คอื เคร่อื งคอมพิวเตอร์ทีใ่ ชง้ านท่วั ไปไมว่ า่ จะเป็น คอมพิวเตอรส์ ว่ นบุคคล (PC) หรอื คอมพวิ เตอร์โน๊ตบุ๊ค (Notebook) สมารท์ โฟน (smartPhone) คอื โทรศพั ทม์ ือถอื ทีน่ อกเหนือจากใช้ โทรออก-รบั สายแล้วยงั มีแอพพลเิ คช่ันใหใ้ ชง้ านมากมายสามารถรองรบั การ ใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ตผ่าน 3G, Youtube, Facebook, Twiter ฯลฯ โดยที่ ผู้ใช้สามารถปรบั แตง่ ลูกเล่นการใชง้ านสมาร์ทโฟนใหต้ รงกบั ความตอ้ งการ ไดม้ ากกว่าโทรศัพท์มอื ถอื ธรรมดา
คำถำม บทที่ 1 ควำมรู้เบือ้ งต้นเกี่ยวกับสงั คมออนไลน์ 1. ความหมายของสงั คมออนไลนค์ อื อะไร 2. บอกประเภทของสังคมออนไลน์มาคร่าว ๆ 3. สังคมออนไลนม์ ีวัตถปุ ระสงคอ์ ยา่ งไร 4. คอมพิวเตอรค์ ือ 5. สมาร์โฟนคือ
บทท่ี 2 การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ในงานเลขานกุ าร
กำรใช้งำน อนิ เทอรเ์ น็ตเพ่อื งำนเลขำนุกำร 5 ความหมายของอินเตอรเ์ นต็ อินเตอร์เนต็ (องั กฤษ: Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดใหญ่ มีการเช่ือมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่าย ทั่วโลก โดยใชภ้ าษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol)ผูใ้ ช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ใน หลาย ๆ ทางอาทิ อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและ ขา่ วสารตา่ ง ๆ รวมทง้ั คดั ลอกแฟม้ ข้อมลู และโปรแกรมมาใช้ได้ ความสาคัญของอินเตอร์เน็ตมาใชใ้ นงานธรุ กจิ 1. การนาอินเทอรเ์ น็ตมาใช้ในงานด้านธุรกจิ การศึกษา(Education) เช่น - การเรียนรูผ้ า่ นระบบอนิ เทอร์เนต็ - การดผุ ลการเรยี น 2.การนาอนิ เทอร์เนต็ มาใช้ในงานดา้ นธรุ กิจการเงินและการธนาคาร (Finance) เช่น - การให้บรกิ ารกับลูกค้าดา้ นการเงนิ - การชาระค่าบรกิ ารต่างๆ เป็นต้น
กำรใชง้ ำน อนิ เทอรเ์ น็ตเพอ่ื งำนเลขำนุกำร 6 ความสาคัญของการนาอินเตอร์เนต็ มาใชใ้ นงานเลขานุการ 1. การนาอนิ เทอรเ์ นต็ มาใชใ้ นงานเลขานกุ าร เชน่ 1.1 การเรยี นรูผ้ า่ ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ 1.2 การรบั -สง่ จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 1.3 การเช่ือมตอ่ อนิ เทอรเ์ นต็ ในการสอ่ื สาร 1.4 สามารถเผยแพรค่ วามรู้
คำถำม บทท่ี 2 กำรใช้อนิ เทอร์เนต็ ในงำนเลขำนกุ ำร 1. ความหมายของอินเตอรเ์ นต็ คือ 2. ความสาคญั ของอนิ เตอรเ์ นต็ มาใช้ในงานธรุ กจิ 3. ความสาคัญของการนาอินเตอรเ์ นต็ มาใชใ้ นงานเลขานุการ
บทที่ 3 การคน้ หาขอ้ มูลดว้ ย Search Engine
กำรใช้งำน อินเทอร์เนต็ เพอื่ งำนเลขำนุกำร 7 ความหมายของ Search Engine Search Engine หมายถึง เคร่ืองมือท่ีชว่ ยในการคน้ หาขอ้ มลู ตา่ งๆ ผา่ น ระบบเวบ็ ไซตแ์ ละเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ เพอื่ เขา้ ถงึ เวบ็ ไซตข์ อ้ มูลท่ีตอ้ งการคน้ หา เรยี กอยา่ งเป็นทางการวา่ “โปรแกรมชว่ ยในการสบื คน้ ขอ้ มลู ” ประโยชนข์ อง Search Engine 1.สามารถคน้ หาเวบ็ ไซตท์ ี่ตอ้ งการไดส้ ะดวก รวดเรว็ 2.สามารถคน้ หาแบบเจาะลกึ ได้ 3.สามารถคน้ หาเวบ็ ไซตเ์ ฉพาะทางท่ีมีการจากดั ไว้ 4.มีความหลากหลายในการคน้ หาขอ้ มลู 5.รองรบั การคน้ หาภาษาไทย
กำรใชง้ ำน อนิ เทอรเ์ นต็ เพอื่ งำนเลขำนุกำร 8 ลกั ษณะการทางานของ Search Engine Search Engineแตล่ ะประเภทจะมีการทางานท่ีคล้ายๆ กันคือ การส่ง Web Crawler หรือ Spider ไปเก็บข้อมูลเว็บไซต์ต่างๆ เข้ามาเก็บไว้ ในระบบ เพ่อื จดั ทาเป็นดชั นี (Index) ☺Search Engine ท่นี ยิ มใช้ในปจั จุบัน ได้แก่ www.google.com www.google.co.th www.youtube.com www.sanook.com การค้นหาขอ้ มลู ด้วย Search Engine เสริ ช์ เอนจิน (search engine) หรือ โปรแกรมคน้ หาและคือ โปรแกรมท่ีช่วย ในการสบื คน้ หาขอ้ มลู โดยเฉพาะขอ้ มลู บนอินเทอรเ์ น็ต โดยครอบคลมุ ทั้งขอ้ ความ รูปภาพ ภาพเคล่อื นไหว เพลง ซอฟตแ์ วร์ แผนท่ี ขอ้ มูลบุคคล กลมุ่ ขา่ ว และอ่ืน ๆ ซ่งึ แตกตา่ งกนั ไปแลว้ แตโ่ ปรแกรมหรอื ผใู้ หบ้ รกิ ารแต่ละราย เสริ ช์ เอนจินสว่ นใหญ่ จะคน้ หาขอ้ มลู จากคาสาคญั (คียเ์ วริ ด์ ) ท่ผี ใู้ ชป้ อ้ นเขา้ ไป จากนัน้ ก็จะแสดงรายการ ผลลพั ธ์ท่ีมันคิดว่าผใู้ ชน้ า่ จะตอ้ งการขนึ้ มา ในปัจจุบนั เสริ ์ชเอนจินบางตวั เช่น กู เกิลจะบนั ทึกประวตั ิการค้นหาและการเลือกผลลพั ธ์ของผูใ้ ชไ้ วด้ ว้ ย และจะนา ประวตั ิท่บี นั ทกึ ไวน้ นั้ มาชว่ ยกรองผลลพั ธใ์ นการคน้ หาครงั้ ตอ่ ๆ ไป
กำรใชง้ ำน อนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื งำนเลขำนุกำร 9 ประเภทไฟล์ขอ้ มูล ไฟลข์ ้อมูลส่วนใหญ่จะมอี ยู่ 3 ประเภท คือ 1.ไฟล์ PDF เปน็ ไฟล์ที่เปดิ ด้วยโปรแกรม Acrobat 2.ไฟล์ DOC เปน็ ไฟล์ข้อมลู ท่ีจัดทาโดยโปรแกรม Microsoft Word 3.ไฟล์ PPT เปน็ ไฟล์ข้อมูลทจี่ ดั ทาโดยโปรแกรม Microsoft PowerPoint
คำถำม บทท่ี 3 กำรค้นหำขอ้ มลู ดว้ ย Search Engine 1.ความหมายของ Search Engine 2. ประโยชนข์ อง Search Engine 3. ลกั ษณะการทางานของ Search Engine 4. การค้นหาข้อมูลด้วย Search Engine 5. ประเภทไฟลข์ อ้ มลู มีก่ปี ระเภท
บทท่ี 4 การรับ-สง่ ข้อมลู บนเครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ น็ต
กำรใช้งำน อินเทอรเ์ นต็ เพื่องำนเลขำนุกำร 10 ความหมายของการรบั -สง่ ขอ้ มลู บน เครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ การรับ-ส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หมายถึง การสื่อสารหรือการส่งข้อความจากคอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่งผ่านไปเข้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์อีกเคร่ือง หน่ึงโดยส่งผ่านทางระบบเครือข่าย (Network) ผู้ส่ง จะต้องมีเลขท่ีอยู่ (E-mail Address) ของผู้รับ และ ผู้รับสามารถเปิดคอมพิวเตอรเ์ รยี กขา่ วสารนั้นออกมา ดูเมอื่ ใดกไ็ ด้ ประโยชนข์ องการรับ-ส่งข้อมูลทางจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 1.ทาใหก้ ารตดิ ตอ่ สอ่ื สารท่วั โลกเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็วทันที 2.สามารถสง่ จดหมายถึงผู้รับทต่ี ้องการได้ทกุ เวลา 3.สามารถสง่ จดหมายถงึ ผูร้ ับหลายๆ คนไดใ้ นเวลาเดียวกัน 4.ช่วยประหยดั เวลาในการเดินทางไปส่งจดหมายที่ตไู้ ปรษณีย์ หรอื ที่ทาการไปรษณยี ์ 5.ผรู้ ับจดหมายสามารถเรยี กอา่ นจดหมายได้ทุกเวลาตาม สะดวก 6.สามารถถา่ ยโอนแฟ้มขอ้ มลู (Transferring Files)
กำรใช้งำน อนิ เทอรเ์ น็ตเพ่อื งำนเลขำนุกำร 11 เว็บไซต์ท่ีให้บริการฟรอี เี มล การใช้ฟรอี เี มลของ sabuyjia.com
กำรใชง้ ำน อนิ เทอร์เนต็ เพอ่ื งำนเลขำนกุ ำร 12 การใชฟ้ รีอเี มลของ narakmai.com
กำรใช้งำน อนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื งำนเลขำนกุ ำร 13 การใชฟ้ รอี เี มลของ Hotmail.com
กำรใชง้ ำน อนิ เทอร์เนต็ เพื่องำนเลขำนกุ ำร 14 คาศพั ทท์ เ่ี ก่ียวข้องกับอีเมล 1.TO หมายถงึ ชอื่ E-mail สาหรับผู้รบั 2. FROM หมายถึง ชอื่ E-mail สาหรบั ผู้ส่ง 3.SUBJECT หมายถงึ ช่ือเรื่องหรอื หัวขอ้ เนือ้ หาของ จดหมาย 4. CC หมายถงึ สาเนา E-mail ฉบบั น้ีไปใหบ้ คุ คลหนง่ึ 5.BCC หมายถงึ สาเนา E-mail ฉบบั นี้ไปให้อกี บุคคลหนง่ึ แต่ผรู้ ับ (TO) จะไมท่ ราบวา่ เราสาเนาใหใ้ ครบ้าง หรอื เรยี กวา่ สาเนาซ่อน 6. ATTACHMENT หมายถึง การแนบไฟลข์ อ้ มูลไปพรอ้ ม กับ E-mail 7. Sign in หมายถงึ การลงชื่อเขา้ ใช้ 8. Sign out หมายถงึ การลงช่อื ออกจากการใช้
คำถำม บทที่ 4 กำรรบั -สง่ ข้อมลู บนเครือขำ่ ยอินเตอร์เนต็ 1. ความหมายของการรับ-ส่งขอ้ มูลบนเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตคือ อะไร 2. คาศพั ท์ทเี่ กย่ี วข้องกบั อเี มลมอี ะไรบา้ ง 3.ประโยชน์ของการรับ-ส่งข้อมูลทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มี อะไรบา้ ง 4. ผู้สง่ อเี มลจ์ ะต้องมขี อ้ มูลอะไรบา้ ง 5. ATTACHMENT หมายถงึ
บทท่ี 5 การใช้บริการท่มี อี ยู่บนโลกสงั คมออนไลน์
กำรใช้งำน อนิ เทอร์เนต็ เพ่อื งำนเลขำนุกำร 15 บรกิ ารเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) เวลิ ดไ์ วดเ์ ว็บ ( World Wide Web ) หรือเครือขา่ ยใยแมงมมุ เหตุทเี่ รยี กชือ่ นีเ้ พราะ เป็นลักษณะของการเชอ่ื มโยงข้อมลู จากท่หี น่งึ ไปยังอกี ทีห่ นึง่ เรอ่ื ยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เปน็ บริการทไ่ี ด้รับความนยิ มมากที่สดุ ในการเรยี กดเู วบ็ ไซต์ทอี่ าศัยโปรแกรมเว็บ เบราว์เซอร์ ( Web Browser ) ในการดขู ้อมลู เวบ็ เบราว์เซอร์ทไี่ ดร้ ับความนยิ มใช้ใน ปจั จุบัน เชน่ - Internet Explorer - Firefox - Google Chrome - Safari บริการโอนยา้ ยไฟล์ (File Transfer Protocol) บริการโอนย้ายไฟล์ เป็นบริการทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอนิ เทอรเ์ นต็ การ โอนยา้ ยไฟล์แบ่งได้ ดงั น้ี 1. การดาวนโ์ หลดไฟล์ (Download File) คือ การรบั ข้อมูลเข้ามายังเคร่ือง คอมพวิ เตอรข์ องผ้ใู ช้ เชน่ www.download.com, www.thaiware.com 2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) คือ การนาไฟลข์ ้อมลู จากเคร่ืองของผู้ใช้ ไปเกบ็ ไว้ในเคร่อื งท่ีใหบ้ รกิ าร (Server) ผ่านระบบอนิ เทอรเ์ นต็
กำรใชง้ ำน อนิ เทอร์เนต็ เพื่องำนเลขำนกุ ำร 16 บริการรบั ฝากไฟล์และขอ้ มูล เช่น www.skydrive.com , www.youtube.com บรกิ ารสนทนาบนอินเทอรเ์ นต็ คือ กำรส่งข้อควำมโดยทันที เชน่ MSN Messenger , Yahoo Messenger , Skype , Line เป็นตน้
คำถำม บทท่ี 5 กำรใชบ้ รกิ ำรท่มี ีอยู่บนโลกสงั คมออนไลน์ 1.เวลิ ดไ์ วดเ์ ว็บภาษาองั กฤษตรงกบั คาว่าอะไร 2. เครือขา่ ยใยแมงมุม เหตุทเ่ี รยี กชอื่ นเี้ พราะอะไร 3. เว็บเบราว์เซอรท์ ไี่ ดร้ ับความนยิ มใชใ้ นปจั จุบันคืออะไร วา่ อะไร 5. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) คอื
บทท่ี 6 โปรแกรมจดั การสารสนเทศสว่ นบคุ คล
กำรใชง้ ำน อนิ เทอร์เน็ตเพอื่ งำนเลขำนกุ ำร 17 ความหมายของโปรแกรมจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คล การจดั การสารสนเทศส่วนบุคคล (Personal InformationManager) หมายถงึ การพฒั นากลยุทธ์ทช่ี ดั เจนในการดาเนนิ การกับสารสนเทศทไ่ี ดร้ ับ - สารสนเทศ (Information) หมายถึง ขอ้ มลู ข่าวสารทุกประเภทท่ไี ดร้ บั - สว่ นบุคคล (Personal) หมายถึง การทีบ่ ุคคลมีความตอ้ งการหรือความจาเป็นใน การใช้สารสนเทศหน่ึง ๆ องค์ประกอบของระบบกำรจัดกำรสำรสนเทศส่วนบุคคล สว่ นรับเขา้ - ความตอ้ งการด้านสารสนเทศของผใู้ ช้ - ข้อมลู ทเี่ ข้าสูร่ ะบบ ส่วนประมวลผล (Processing Unit) สว่ นแสดงผล (Output Unit)
กำรใชง้ ำน อนิ เทอรเ์ น็ตเพื่องำนเลขำนุกำร 18 ประเภทของระบบกำรจดั กำรสำรสนเทศสว่ นบคุ คล ประเภทของระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คล จาแนกตามรปู ลกั ษณ์ 1.ประเภทโปรแกรมสาเร็จรปู 2.ใชไ้ มโครคอมพวิ เตอรใ์ นลกั ษณะการใชง้ านอิสระ 3.ฟงั กช์ ันการทางานหลกั 4.โปรแกรมสาเรจ็ รปู ทใ่ี ช้งานในสานกั งานท่ัวไป ประเภทของระบบการจดั การสารสนเทศส่วนบคุ คลจาแนกตามฟังกช์ ัน 1.ประเภทพน้ื ฐาน 2.ประเภทก่งึ ซบั ซ้อน 3.ประเภทซบั ซอ้ น ระบบนดั หมำยส่วนบุคคล 1.การใช้งานระบบ 2.เป็นระบบท่ใี ช้งานงา่ ย 3.ระบบมกี ารบันทึกขอ้ มลู แบบลัด 4.มสี ญั ญาณเตือนการนดั หมาย 5.มีระบบช่วยจา 6.ปอ้ นข้อความเตือนความจาเขา้ สรู่ ะบบนัดหมายอตั โนมตั ิ
กำรใช้งำน อินเทอรเ์ นต็ เพอ่ื งำนเลขำนกุ ำร 19 ระบบการตดิ ตามงานสว่ นบุคคล 1.ระบบติดตามงานส่วนบุคคล เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์เช่นเดียวกับนาฬิการ ปลุกและเคร่อื งคิดเลข 2.ระบบตดิ ตามงานสว่ นบุคคล หมายถงึ บัญชีรายการงานทีย่ ังไม่ได้ดาเนนิ การ 3.ระบบติดตามงานส่วนบุคคล เป็นเคร่ืองมืออย่างหน่ึงในการบริหารงานและเวลา ของแตล่ ะบุคคล 4.มนี ิสยั ผดั วันประกนั พรงุ่ จงึ จอ้ งทางานแบบเรง่ รบี ในช่วงเวลาสุดท้าย พฒั นาการของระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คล 1.ระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบุคคลในรปู กระดาษท่ีมีมาตงั้ แตอ่ ดตี จนถึงปัจจบุ นั 2.ระบบสารสนเทศส่วนบุคคล มีความหลากหลายทง้ั ด้านรปู ลักษณ์ ระดบั ความสามารถในการทางาน และราคา 3.ระบบการจัดการสารสนเทศของกลุ่ม
กำรใช้งำน อินเทอร์เนต็ เพ่ืองำนเลขำนกุ ำร 20 เกณฑก์ ารเลือกระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คล 1.ความตอ้ งการดา้ นสารสนเทศ 2.ความต้องการระบนดั หมายส่วนบุคคล 3.ความต้องการระบตดิ ตามงานหรอื ไม่ 4.ความตอ้ งการระบบติดตอ่ สอ่ื สารในลกั ษณะใด 5.สภาพแวดลอ้ ในการทางาน 6.การทางานในลักษณะคนเดียวหรอื กลุ่ม 7.การทางานภายในหรอื ภายนอกองคก์ ร 8.การติดตอ่ สอ่ื สารกับบคุ คลอืน่ 9.ความสามารถในการทางาน 10.การรับฟังความคดิ เห็น
คำถำม บทที่ 6 โปรแกรมจัดกำรสำรสนเทศส่วนบคุ คล 1.การจดั การสารสนเทศสว่ นบุคคล หมายถึง 2. สารสนเทศหมายถึง 3. สว่ นบคุ คล หมายถงึ 4. เกณฑก์ ารเลอื กระบบการจดั การสารสนเทศส่วนบุคคล 5 ระบบติดตามงานส่วนบุคคล
บทท่ี 7 การเรียนรู้ผ่านระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต
กำรใช้งำน อนิ เทอรเ์ นต็ เพื่องำนเลขำนุกำร 21 ควำมหมำยของเครือขำ่ ยกำรเรียนรู้ การเรยี นร้ใู นระบบคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใช้ประกอบกิจกรรมทางการศกึ ษา ทกุ ระดบั มอี งค์ประกอบสาคัญ คอื อปุ กรณค์ อมพิวเตอร์ คณุ ลักษณะพเิ ศษของเครอื ขำ่ ยกำรเรียนรู้ 1.สามารถเข้าถงึ ได้กวา้ งขวาง ง่าย สะดวก เรยี กข้อมูลมาใช้ไดง้ ่าย 2.เปน็ การเรียนแบบรว่ มกันและทางานรว่ มกนั เปน็ กล่มุ 3.สร้างกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.ผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลางเรยี นการสอน 5.จัดให้เครือขา่ ยการเรียนรู้เป็นเสมือนชมุ ชนของการเรียนรูแ้ บบออนไลน์ แนวทำงกำรบรหิ ำรจดั กำรและพฒั นำเครือขำ่ ยกำรเรยี นรู้ 1. ขัน้ การกอ่ รปู เครอื ขา่ ยการเรียนรู้ (Leaning Network Forming) 2. ขน้ั การจัดระบบบรหิ ารเครือขา่ ยการเรยี นรู้ (Leaning Network Organizing) 3. ขน้ั การใช้เครือข่ายการเรยี นรู้ (Leaning Network Utilizing) 4. ข้นั การธารงรักษาเครือข่ายการเรียนรู้ (Leaning Network Maintaining)
กำรใช้งำน อนิ เทอร์เนต็ เพอ่ื งำนเลขำนุกำร 22 กระบวนกำรและวิธกี ำรสร้ำงเครอื ขำ่ ยกำรเรยี นรู้ มีขั้นตอนและวธิ ีต่างๆ ดังน้ี 1.การตระหนกั ถงึ ความจาเปน็ ในการสรา้ งเครือขา่ ย 2.การติดตอ่ กับองคก์ รที่จะร่วมเปน็ เครอื ข่าย 3.การสร้างพันธกรณีรว่ มกัน 4.การพัฒนาความสัมพันธ์รว่ มกัน 5.การทากิจกรรมร่วมกนั 6.การรวมตวั กนั จดั ตั้งองคก์ รใหม่รว่ มกนั ควำมหมำยของ E-Learning การเรียนการสอนในลักษณะใดก็ได้ ท่ีใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทางอุปกรณ์ อิเลก็ ทรอนิกส์ โดยผ่านทางเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ หรือระบบอ่ืนๆ ท่ีคล้ายคลึงกัน ซ่ึง เนื้อหา หรือสารสนเทศสาหรับการสอนหรือการอบรม ใช้การนาเสนอตัวอักษร ภาพนิ่ง ผสมผสานกบั การใชภ้ าพเคลอ่ื นไหว วีดีทศั น์และเสยี ง E-Learning ในประเทศไทย แบ่งได้ 2 รปู แบบใหญๆ่ คอื การนาเสนอในลักษณะ Web Based Instruction (WBI) การนาเสอนในลักษณะ E-Learning ปัญหำกำรพัฒนำระบบกำรเรยี นรผู้ ำ่ นเครือขำ่ ยอินเทอร์เนต็ ในประเทศไทย 1. ปัญหำกำรสนับสนุนดำ้ นงบประมำณและบุคลำกร 2. ปัญหำเรอ่ื งรำคำของซอฟต์แวร์ CMS/LMS และกำรลขิ สทิ ธ์ิ 3. ปญั หำเรื่องทีมงำนดำเนินกำร 4. ปัญหำเก่ยี วกับ Infrastructure 5. ปญั หำเก่ียวกบั มำตรฐำนกำรจดั ทำระบบ CMS/LMS
กำรใชง้ ำน อนิ เทอรเ์ น็ตเพือ่ งำนเลขำนุกำร 23 ข้อดีและข้อเสยี ของกำรเรยี นร้ผู ำ่ นเครอื ขำ่ ยอินเทอรเ์ นต็ ข้อดี 1.ผู้เรียนและผ้สู อนไมต่ อ้ งการเรยี นสอนในเวลาเดยี วกนั 2.ผ้เู รียนและผ้สู อนไม่ตอ้ งมาพบกันในห้องเรียน ข้อเสยี 1.ไมส่ ามารถรบั รู้ความรสู้ ึก ปฏกิ ริ ิยาที่แทจ้ รงิ ของผเู้ รยี นและผ้สู อน 2.ไม่สามารถส่ือความรู้สึกอารมณ์ในการเรยี นรูไ้ ดอ้ ยา่ งแท้จรงิ ขอ้ คำนงึ ในกำรจัดกำรเรียนรผู้ ่ำนระบบเครือขำ่ ยอินเทอรเ์ น็ต 1. ความพรอ้ มของอุปกรณแ์ ละระบบเครอื ข่าย 2. ทกั ษะใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต 3. ความพรอ้ มของผู้เรียน 4. ความพรอ้ มของผสู้ อน 5. เน้อื หา บทเรยี น เว็บไซตท์ ่ีเปน็ เครือขำ่ ยกำรเรยี นรู้ ♣ Trueplookpanya.com
คาถาม บทที่ 7 การเรียนรผู้ ่านระบบเครอื ขา่ ยอินเทอร์ 1.ข้อดแี ละขอ้ เสียของการเรยี นรู้ผา่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ 2. เวบ็ ไซตท์ เ่ี ป็นเครือข่ายการเรยี นรู้ 3. ความหมายของ E-Learning 4. ความหมายของเครอื ข่ายการเรยี นรู้ 5. ข้นั การกอ่ รูปเครือข่ายการเรยี นรู้ ภาษาองั กฤษตรงกบั คาวา่ อะไร
บทท่ี 8 การป้องกนั และกาจดั ไวรัสคอมพิวเตอร์
กำรใช้งำน อินเทอรเ์ นต็ เพือ่ งำนเลขำนกุ ำร 24 ควำมหมำยของไวรสั (Virus) ไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมชนิดหน่ึงที่มีความสามารถในการสาเนา ตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ เมื่อไวรัสเข้ามาอยู่ใน คอมพิวเตอรแ์ ลว้ อาจจะทาความเสยี หายแก่ข้อมลู ทอี่ ยใู่ นคอมพวิ เตอรไ์ ด้ ประเภทของไวรสั 1. ไฟล์ไวรัส (File Virus) 2. บตู๊ เซกเตอรไ์ วรัส (Boot Sector Virus) 3. มาโครไวรัส (Macro Virus) 4. หนอนไวรัส (Worm) 5.โทรจัน (Trojan) สปำยแวร์ (Spyware) คอื โปรแกรมทถ่ี ูกเขยี นข้ึนมาสอดส่อง หรือดักจบั ข้อมูลการใช้งานคอมพวิ เตอร์ สปายแวร์ติดเคร่ืองคอมพิวเตอร์ไดอ้ ยา่ งไร 1. เข้าเยยี่ มเวบ็ ไซต์ต่างๆ 2. เปิดโปรแกรมท่ีส่งมากบั อเี มล วิธีป้องกันเพ่ือไม่ให้ถูกโจมตีจากสปายแวร์ 1. ติดต้ังโปรแกรม (Anti-Spyware) 2. ไม่ดาวน์โหลดขอ้ มลู ทไี่ มน่ า่ เช่อื ถอื
กำรใช้งำน อนิ เทอร์เน็ตเพ่ืองำนเลขำนกุ ำร 25 กำรป้องกันสปำยแวร์และซอฟตแ์ วร์ทไ่ี ม่พึงประสงค์ ขั้นตอนที่ 1 อัพเดทซอฟตแ์ วร์ท่ีใชอ้ ยู่ ขน้ั ตอนที่ 2 ปรับแตง่ ตัวแปรระบบ รกั ษาความปลอดภัยของ Internet Explorer ขน้ั ตอนท่ี 3 ใชไ้ ฟรว์ อลล์ (Firewall) ขั้นตอนที่ 4 ท่องเว็บไซตแ์ ละดาวน์โหลดข้อมูลอยา่ งรอบคอบ วิธกี ำรป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ 1. ตดิ ตงั้ โปรแกรมปอ้ งกนั ไวรสั และอพั เดทอยเู่ สมอ 2. ติดต้ังโปรแกรมป้องกนั ไวรสั ทีเ่ หมาะสมกับระบบปฏบิ ตั ิการของเครอื่ ง 3. เปดิ ใช้งาน auto-protect ถ้าโปรแกรมสนับสนุน 4. ตรวจสอบหาไวรสั ทกุ คร้งั ทจี่ ะเปดิ ไฟล์ใช้งาน โปรแกรมที่นยิ มใช้ในกำรปอ้ งกันไวรัส 1. AVG Antivirus Free Edition 2011
กำรใช้งำน อินเทอร์เน็ตเพ่อื งำนเลขำนุกำร 26 2. Avast Free Antivirus 3. PC Tools Antivirus Free
คำถำม บทท่ี 8 กำรปอ้ งกนั และกำจัดไวรสั คอมพวิ เตอร์ 1. ประเภทของไวรัสมอี ะไรบา้ ง 2. สปายแวร์ ตรงกบั ภาษาองั กฤษว่าอะไร 3. วธิ กี ารปอ้ งกันไวรัสคอมพิวเตอรม์ ีแบบไหนบา้ ง
0 บทท่ี9 จริยธรรมและกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกบั การ ใช้อินเทอรเ์ นต็
กำรใชง้ ำน อนิ เทอรเ์ นต็ เพ่ืองำนเลขำนุกำร 27 ควำมหมำยของจรยิ ธรรมในกำรใชอ้ นิ เทอร์เน็ต หลักการทม่ี นุษย์ในสังคมยึดถือปฏิบัติ เพื่อการอยูร่ ว่ มกันอย่างเป็นสขุ ในสงั คม สรปุ ได้ 4 ประเด็น ดังน้ี 1. ความเป็นสว่ นตัว (Information Privacy) 2. ความถกู ต้อง (Information Accuracy) 3. ความเปน็ เจ้าของ (Information Property) 4. การเข้าถึงข้อมลู (Data Accessibility) คุณธรรมและจรยิ ธรรมในกำรใชอ้ นิ เทอร์เนต็ 1. จรรยาบรรณสาหรบั ผใู้ ชไ้ ปรษณยี ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ - ตรวจสอบจดหมายใหบ้ อ่ ยครั้ง - ลบข้อความทีไ่ ม่ตอ้ งการออกจากระบบกลอ่ งจดหมาย 2. จรรยาบรรณสาหรับผู้สนทนา - ควรสนทนากับผทู้ ่ีเรารจู้ กั และต้องการสนทนาดว้ ย - ควรใชว้ าจาสุภาพ 3. จรรยาบรรณสาหรบั ผุ้ใชก้ ระดานข่าว เว็บบอรด์ หรอื ส่อื ทาง ข่าวสาร - เขียนเร่ืองให้กระชบั - ไม่ควรคดั ลอกจากทอ่ี ่นื 4. บญั ญตั ิ 10 ประการ
กำรใชง้ ำน อินเทอรเ์ น็ตเพอ่ื งำนเลขำนกุ ำร 28 อินเทอรเ์ น็ตกับผลกระทบต่อสังคมไทย ผลกระทบทางบวก - ช่วยพฒั นาประสทิ ธิภาพการทางาน - ชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ผลกระทบทางลบ - ก่อให้เกิดความเครยี ดของคนในสงั คม - เกดิ การแลกเปลีย่ นวฒั นธรรมจากสังคมหน่งึ ไปสูอ่ กี สงั คมหนงึ่ กฎหมำยท่ีเกยี่ วข้องกับกำรใช้อินเทอรเ์ นต็ - ลขิ สทิ ธิ์ (Copyright) - งานอนั มลี ขิ สิทธิ์ - การไดม้ าซง่ึ ลิขสทิ ธ์ิ - การคุม้ ครองลขิ สิทธ์ิ - ประโยชน์ตอ่ ผบู้ รโิ ภค
กำรใช้งำน อินเทอรเ์ นต็ เพ่ืองำนเลขำนุกำร 29 พระรำชบญั ญัตลิ ขิ สิทธ์ิ ในประเทศไทยได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. 2537 เพ่อื ใช้บังคับแทนพระราชบญั ญัติลขิ สิทธิ์ พ.ศ. 2521 โดยมผี ลบังคบั ใชเ้ ม่ือวันท่ี 21 มีนาคม 2538 พระราชบญั ญตั ิลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ให้ความหมายของ คาว่า \"ลิขสทิ ธิ์\" ว่า หมายถงึ สทิ ธแิ ต่เพยี งผเู้ ดียวท่ีจะทาการใดๆ *การละเมิดลิขสิทธ์ิ - การละเมิดลิขสทิ ธ์ิโดยตรง คือ การทาซ้าดัดแปลง - การละเมดิ ลขิ สิทธิ์โดยอ้อม คือ การกระทาทางการคา้
คำถำม บทท่ี9 จรยิ ธรรมและกฎหมำยทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั กำร ใชอ้ ินเทอร์เน็ต 1.อินเทอร์เน็ตกบั ผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างไรบา้ ง 2. กฎหมายที่เกย่ี วขอ้ งกบั การใช้อนิ เทอรเ์ น็ตมอี ะไรบา้ ง 3. ความหมายของจริยธรรมในการใช้อนิ เทอร์เนต็ สรุปได้กปี่ ระเดน็ 4.การละเมิดลขิ สิทธโ์ิ ดยตรง คือ 5. การละเมดิ ลิขสทิ ธิ์โดยออ้ ม คือ
Search