Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 630420-รวมเล่มคู่มืออนุศาสนาจารย์ว่าด้วยการเยี่ยมไข้(ฉบับพิมพ์)

630420-รวมเล่มคู่มืออนุศาสนาจารย์ว่าด้วยการเยี่ยมไข้(ฉบับพิมพ์)

Published by ตำราเรียน, 2020-04-29 03:17:26

Description: 630420-รวมเล่มคู่มืออนุศาสนาจารย์ว่าด้วยการเยี่ยมไข้(ฉบับพิมพ์)

Search

Read the Text Version

๔๓ ควรปล่อยใหค้ นไฃม้ ีความรู้สึกเหมือนกบั เด็กเลก็ ถา้ อศจ. กระตุ้นใหค้ นไข้รจู้ ัก วางใจในตัว อศจ. ก่อนการผา่ ตดั อศจ. ควรจะซกั จงู ใหค้ นไขช้ ่วยตัวเองหลงั จาก การผ่าตดั บดั น้ี อศจ. ควรจะตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึง่ ลงไป แต่ไมใ่ ชท่ ำ เพียงแต่พูดเท่านนั้ แตค่ วรทำโดยการไม่ตอบคำถามใดๆ หรือถามปัญหาเกย่ี วกบั อนาคตเพอื่ ใหค้ นไข้คดิ เอาเอง เปน็ การนำคนไขล้ ่คู วามเป็นตัวของตวั เอง ตอนนี้ คนไข้ซักจะไมช่ อบหน้า อศจ. แตก่ ไ็ ม่ใช่เปน็ เรื่องสำคัญนกั เร่อื งสำคญั กค็ อื วา่ อศจ. ต้องใหค้ นไขต้ ดั สินใจเอาเองเปน็ สว่ นใหญ่ ในกรณีปกตคิ นไขก้ ร็ สู้ ึกพอใจที่จะ ทำเช่นนัน้ เพยี งแตช่ ว่ ยลง่ เสรมิ เพียงเลก็ น้อย ตอนนี้ความต้องการ อศจ. ของคนไข้ กล็ ดน้อยลง ในกรณเี ช่นน้ี อศจ. ควรจะภมู ิใจว่าทำงานไตส้ ำเรจ็ วิธกี ารปฏบิ ตั ิของ อศจ. ตอ่ คนไข้ผา่ ตัดอนื่ ๆ อกี ซ่งึ จะกลา่ วต่อไปนี้ อศจ. ไมค่ วรจะเยยี่ มคนไข้ทีผ่ ่าตดั ทุกคนท่เี ขาประสงคจ์ ะชว่ ยเหลอื ก่อนวันผ่าตดั ท่ี แทจ้ ริง ด้วยการทำเชน่ นี้ อศจ. ก็ต้องมีภาระท่ชี ่วยคนไข้เพม่ิ ข้นึ อกี ถ้าเป็นไปไต้ อศจ. ควรจดั ตารางเย่ยี มในเวลาเย็นก่อนท่ีจะเริม่ กรรมวธิ ีการผ่าตดั ถ้ารอไปถึง ตอนเข้าก่อนผ่าตัดเล็กน้อยกจ็ ะเป็นเวลาท่คี นไขไม่ลามารถจะพูดไตเ้ ลย หากไป เย่ียมแต่เขา้ มืดก็จะตอ้ งมกี ารเตรียมการมากและคนไขก้ ็จะไมม่ ืแก่ใจพอท่ีจะรบั ความช่วยเหลือจาก อศจ. แตใ่ นตอนเยน็ ก่อนวนั ผา่ ตัดคนไข้มักจะเกดิ ความกลวั อศจ. เย่ียมคนไขได้หลงั จากคนไข้รสู้ กึ สบายใจในตอนเยน็ คนไข้อาจจะถูกวางยา ระงบั ประสาทแลว้ จึงควรไปเยี่ยมก่อนทยี่ าระงบั ประสาทออกฤทธ้ีอยา่ งเตม็ ท่ี ใน การไปเย่ยี มตอนเยน็ อศจ. ควรจะถามปญั หาเกย่ี วกบั การผา่ ตัด ควรจะใหโ้ อกาล คนไข้พูดถงึ ความรสู้ ึกเกย่ี วกับการผ่าตัดซึ่งเขาจะตอ้ งผา่ ครงั้ นีเ้ มอื่ อศจ.ได้ถาม เกย่ี วกับความรสู้ ึกในการผ่าตดั ครงั้ น้ีแล้ว คนไขก้ ม็ ืโอกาลได้พูดแสดงความรู้สึกแลว้ ควร'ให้มีการลวดมนต์ การลวดมนต์น้นั ควรใช้บทลวดมนต์ซ่ึงมืความหมายไป ในทางท่จี ะบรรเทาความกระวนกระวายใจของคนไข้ อศจ. ควรพรอ้ มทจี่ ะพบคนไข้ซึ่งเสรจ็ จากการผา่ ตดั ในบางราย อศจ. อาจจะตอ้ งเข้าไปในหอ้ งพักพนี แต่ทางทด่ี ีควรจะรอจนกว่าคนไข้จะกลบั มาท่ี ห้องพักหรอื อย่างนอ้ ยทล่ี ดุ ทห่ี อ้ งพกั พีน พอคนไฃไดพ้ ีนลามารถจะทกั ทายกบั ใคร ได้ อศจ. ต้องปรากฏตวั ทันที ในตอนนห้ี ากมีโอกาสควรใหค้ นไข้ลวดมนตร์ ำสึกถึง คุณพระ เม่ือเหน็ ว่าคนไข้เพลยี อศจ. ก็ปลีกตัวไป หลงั จากการผ่าตัด อศจ. ควรจะ จงู ใจคนไขใ้ ห้รู้สึกพง่ึ ตัวเองมากขึน้ ๆ ดงั ท่ีไดก้ ลา่ วมาแล้ว ถา้ อศจ. เข้าใจความ

ต้องการของคนไขเ้ ซ่นนี้กจ็ ะสามารถเอาชนะปญั หานีไ้ ด้ ถา้ ไม่สามารถจะแก้ปญั หา น้ไี ตก้ ค็ วรจะพิจารณาทำงานอยา่ งอน่ื นอกจากงาน อศจ. ประจำ รพ. เพราะวา่ จะ เกดิ ความเสยี หายแก่คนไข้ในระยะนกี้ ม็ ีความจำเปน็ ทีจ่ ะใหค้ นไขพ้ ึง่ คนอ่นื ไปกอ่ น อยา่ งเซน่ ระยะก่อนผ่าตดั แต่ระยะการพ่งึ ตวั เองนค้ี วรจำกดั ไว้เพียงเพอ่ื สนอง ความต้องการของคนไขเ้ ท่าน้ันแล้วกต็ อ้ งซักจงู คนไขใ้ หร้ ู้จักพ่งึ ตนเองในลำดบั ต่อมา ๒. สรุปความ อศจ. ประจำ รพ. จะรสู้ กึ วา่ จะตอ้ งใช้เวลามากอย่ปู ระจำตกึ ผ่าตดั ถา้ อศจ. ทีเ่ คยผ่านการสงครามเขาก็เหมาะสมสำหรบั งานนี้เพราะการกลัวต่อการ ผ่าตดั กค็ ลา้ ยคลึงกับการกลัวต่อการรบ ขอให้จำไว้วา่ คนไขก้ ลวั ตอ่ การเจบ็ ปวด ความสูญเสยี อวยั วะและความตาย จงใช้วิธใี ดๆ ท่ีเห็นว่าเหมาะสมทีจ่ ะชว่ ยคนไข้ ให้กล้าเผชญิ กบั ความกลวั เหล่าน้ี จงจำไวว้ า่ ศัลยแพทย์และเจา้ หน้าที่ รพ. อ่ืนๆ ไม่ มีเวลาท่จี ะชว่ ยคนไขใ้ นเรอื่ งเกยี่ วกับจิตใจ อศจ. เท่านน้ั ทจ่ี ะทำหนา้ ทีน่ ไ้ี ตเ้ ปน็ อยา่ งดี ความเอาใจใสต่ อ่ งานในตกึ ศัลยกรรมจะนำประโยชน์มาให้แก่คนไข้และ เปน็ งานกุศลลำหรับ อศจ. อศจ. ควรจะรูจ้ ักกับศัลยแพทยท์ ่ีประจำอยู่ รพ. และ วธิ กี ารทา่ งานของเขาซึง่ มหี ลายครงั้ หลายคราวทีเดยี วทศ่ี ัลยแพทย์ต้องการความ ชว่ ยเหลอื จาก อศจ. และ อศจ. ควรใช้วิธกี ารน่ิงพงี กัขนายแพทย์ เม่อื นายแพทย์ เสยี คนไขไป เขามกั จะตเิ ตียนตนเอง อศจ. ควรต้ังใจพีงและอย่าไปลอนเขา ถ้า อศจ. พิสจู นต์ วั เองวา่ เป็นผทู้ ม่ี ีธรรมะ เหน็ คณุ คา่ และอทุ ศิ ตนต่องานนี้ นายแพทย์ เหลา่ นี้ก็มคี วามยนิ ดีท่จี ะมี อศจ. ร่วมงานกับเขาโดยตรง โดยแหจ้ ริงแลว้ อศจ. ควรจะท่าการเยี่ยมเยยี นคนไขเ้ ป็นประจำ อศจ. ควรชว่ ยเหลือคนไข้ท่เี ลอื กสรรคไว้ น้อยราย ดกี ว่าทจี่ ะไปเยี่ยมคนไข้ทกุ ๆ คน ชว่ั ระยะเวลาอันส้ันตาม รพ. งาน รพ. ไม่ใช่เรอ่ื งสถติ ทิ ีจ่ ะตอ้ งรายงาน แตเ่ ปน็ เรอ่ื งชว่ ยเหลือคนไข้ท่ีไต้รับทกุ ขท์ รมาน แน่นอนละตอ้ งมคี นไข้ประเภทนนั้ มากหลายตามตกึ ศัลยกรรมใน รพ. ต่างๆ

บทที่ ๗ แผนกโรคกระดกู ๑. ข้อควรพจิ ารณาเปน็ พิเศษ คนไขใ้ นแผนกโรคกระดกู กม็ ปี ัญหาเช่นเดียวกับคนไขอ้ ่นื ๆ ทเี่ ขา้ ไปรกั ษา ตวั อยู่ใน รพ. เขายอ่ มพบปญั หาเกยี่ วกบั ความโดดเด่ยี ว และความรสู้ ึกว่าตนเองถูก ทอดทิง้ ติดตามมา ตามปกติคนไข!้ น รพ. ทว่ั ๆ ไป ยอ่ มมคี วามโน้มเอยี งท่ีจะ กลบั ไปมีสภาพเป็นอยา่ งเดก็ ๆ ปัญหาและภารกิจของ อศจ.รพ. กค็ ือชว่ ยให้คนไข้ แสดงความต้องการแหจ้ รงิ ของเขาและชว่ ยให้เขาผา่ นพน้ ปญั หาทเ่ี กิดขนึ้ อยา่ ง กระทนั หัน งานตังกลา่ วน้ีต้องใช้ อศจ. ผมู้ ีความสามารถเป็นพิเศษจริงๆ เราไม่ จำเป็นตอ้ งกลบั ไปพดู ถงึ ปญั หาทวั่ ๆ ไปของผเู้ ขา้ ไปรกั ษาตวั อยใู่ น รพ. อีก แต่อาจ เปน็ ประโยชน์ถ้าเราจะไตค้ ิดถึงปญั หาพิเศษบางประการที่มกั รบกวนจติ ใจของ คนไขโรคกระดกู แขนขาท่ไี ต้รับบาดเจบ็ อาจมผี ลเทา่ กับการสูญเสียแขนขานน้ั ไป การ สญู เสยี แขนขากด็ ี การสญู เสยี ส่วนหน่งึ สว่ นใดของแขนขาก็ดี หรอื อาการทคี่ กุ คาม วา่ จะต้องสญู เสยี แขนขาก็ดี ไต้สรา้ งปญั หาขึ้นมากมาย ความสญู เสยี ดงั กลา่ วนี้ หรอื ลางท่บี อกวา่ อาจจะต้องสญู เสียมกั จะไดพ้ บในทำนองเดียวกนั กบั ความสญู เสยี คนทีเ่ รารัก นกั เรยี นในสนามเป็นอันมากเชือ่ ว่าความรู้สกึ เกี่ยวกบั ความสญู เสียนี้ เป็นเช่นเดยี วกับความรู้สกึ เมือ่ ญาติมติ รทเ่ี รารกั ตายจากไป คนไข้จะตอ้ งฟืนฝ่างาน ทางอารมณ์ทีเ่ รืยกวา่ “งานแห่งความโศกเศรา้ ” ไป คนไขจ้ ะตอ้ งเรียนร้คู วามเป็น จริงเกยี่ วกับความสูญเสยี ของตน ถา้ ความเจ็บไขเ้ ปน็ เหตุใหท้ ำงานไมไ่ ด!้ นอนาคต แล้ว คนไขจ้ ะตอ้ งเผชิญกบั ส่งิ น้แี ละวางแผนเก่ียวกับมัน เราจะตอ้ งยอมรับความ สญู เสยี ไมว่ ่าเราจะสญู เสียแขนขาหรือแขนขาของเราทำหนา้ ทต่ี อ่ ไปอกี ไม่ได้ก็ตาม ปญั หาก็เป็นเช่นเดยี วกนั คนไขจ้ ะตอ้ งปรบั ปรุงความรูส้ ึกของตนเสียใหม่ให้ เหมาะสม ทศั นะเก่ยี วกับตัวเองที่เปน็ คนทพุ พลภาพ การปฏเิ สธทีจ่ ะไม่พูดถึง หรอื ไม่จัดการเกี่ยวกับความสูญเสยี เลยน้นั จะไมบ่ ังเกดิ ผลดอี นั ใดเลยนอกจากจะ ไดร้ ับความยุ่งยากเทา่ นนั้ ใจและกายท่ที ำงานรว่ มกนั อาจพยายามปฏเิ สธไม่ ยอมรบั ความสญู เสยี การปฏิเสธความจริงเกยี่ วกับความสูญเสยี นนั้ มแี ตจ่ ะทำชีวติ ใหล้ ับลนย่งุ ยาก อศจ. ผ้มู ีเมตตาการญุ จะตอ้ งพยายามหาพลังให้พอทจ่ี ะสง่ เสริม

๔๖ คนไขให้คุยเก่ียวกับความสญู เสียของเขา อศจ. ควรให้กำลังใจคนไฃท้ ีจ่ ะเผชิญกบั ความโทมนสั เขาจะต้องปลงตกเกี่ยวกบั การไดร้ ับบาดเจ็บ การสูญเสยี แขนขาหรือ แขนขาทำงานไมไ่ ดต้ ามหน้าที่ อศจ. จะต้องแสดงความรูส้ กึ ยอมรับบคุ คลในวถิ ที าง เซ่นนั้นเพอื่ ทำคนไขไหเ้ กดิ ความเชอื่ มน่ั ใหม่ในตวั เขาเอง ครั้งหน่งึ คนไขเ้ ปน็ ผู้ สามารถเผชิญกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสูญเสยี ของเขา สามารถปรับความคิด ของเขาเกีย่ วกับตวั เขาเองเพ่อื ให้เหมาะกบั สภาพที่เป็นจริงในปจั จุบัน และสามารถ วางแผนชวี ิตใหส้ อดคล้องกบั ขอ้ จำกัดใหม่นี้ เขาอาจเจอความรสู้ กึ ใหม่ซึ่งมี ความหมาย คนทม่ี ีรา่ งกายทพุ พลภาพแตป่ ระสบผลสำเรจ็ ในงานอาชีพและมี ความหวังในชีวติ ขน้ึ มาใหมน่ ้นั มีตัวอย่างอยมู่ ากมายในหนงั สอื เทศนแ์ ละหนังสอื สำหรับค้นคว้าเฉพาะเร่ือง แนน่ อน สง่ิ ทส่ี ำคัญยิ่งสำหรบั อศจ. คือเป็นผู้สามารถ ช่วยคนไขในประสบการณเ์ ซ่นนั้น กฎมอี ยู่ว่า การไมก่ ลา้ เผชิญหนา้ กบั ปัญหาย่อมเป็นเหตใุ ห้เกดิ ความ ยุง่ ยาก คนไข้จะสามารถเผชญิ หน้ากับปญั หาไดง้ ่ายขนึ้ ล้า อศจ. ทมี่ คี วามเขา้ ใจ และยอมรบั รู้อยู่ ณ ท่นี ั้นดว้ ย อศจ. ควรวางแผนที่จะใชเ้ วลามากที่สดุ เทา่ ที่จะทำ ไดเ้ พือ่ ติดตามเยีย่ มคนไข้ดังกล่าวน้ี อศจ. ควรได้พบปะกบั คนไข้นอกทกี่ ลับมา รพ. อีกเพอื่ ใหแ้ พทย์ทำการตรวจรา่ งกาย ทางที่ดีการวางแผนเย่ียมไขข้ องเจา้ หนา้ ท่ี รพ. ทกุ ครงั้ ควรมี อศจ. ร่วมด้วย เพอ่ื ให้การเย่ยี มคนไขในแผนกน้ีมสี ว่ นสมั พันธ์ กัน แผนกโรคกระดกู มกั เต็มไปด้วยคนไขท้ ่ไี ดร้ บั บาดเจบ็ เนอ่ื งจากอุบัติเหตุ มี อยู่เสมอทีค่ นเรารู้สึกมีบาปตดิ ตวั ในอุบตั ิเหตทุ เ่ี กิดขึ้นอนั เปน็ เหตใุ หต้ นเองไดร้ บั บาดเจ็บและทำให้คนอ่นื ๆ พลอยตดิ รา่ งแหไปดว้ ย เซน่ อุบตั ิเหตุที่เกดิ จากความ ประมาทจากการขับรถขณะมนี เมาหรอื จากการขับรถดว้ ยความบา้ บ่นิ เป็นตน้ การ ยอมรับผดิ และการกล้าเผชิญความผดิ สามารถนำไปสคู่ วามงอกงามใหม่แหง่ อธั ยาศยั ล้าคนไข้ตอ้ งการเผชญิ หน้ากบั ความผดิ ของเขาและเขาทำเซ่นนั้นและเมอื่ ได้พบกบั ความรสู้ กึ ของการใหอ้ ภัยแลว้ สง่ิ ท่มี คี ่าว่าจะทำชวี ิตของเขาให้ตกต่าํ อาจ กลบั ทำให้สูงล่งได้ อศจ. ควรทำงานชว่ ยเหลอื คนไขด้ ังกลา่ วนีโ้ ดยช่วยใหเ้ ขาผ่าน พนั ปญั หาแหง่ ความรวู้ ่าตนเองมีบาป (มีความผิด) และความรูส้ กึ วา่ พวกเขาได้รบั การให้อภัยแล้ว

๔๗ อศจ. ทที่ ำงานในแผนกโรคกระดกู จะต้องพบปญั หาเรอื่ งความเบ่ือหนา่ ย อีกดว้ ย อศจ. ควรจำไว้วา่ เมือ่ มเี จ้าหน้าทฝี่ า่ ยพกั ฟนิ หรอื เจา้ หนา้ ที่ฝ่ายอาซีวบำบัด ผู้โตร้ ับการ‘ฝกึ หดั มาเพ่ือชว่ ยเหลือคนไขแ้ สดงความตอ้ งการทางอารมณ์ของเขา ออกมาแล้ว อศจ. กส็ ามารถช่วยเหลือไต้ดว้ ย อศจ. สามารถให้ความชว่ ยเหลือโดย การส่งเสริมกจิ กรรมท่เี ขากำลงั ทำอยู่ โดยช่วยนัดหมายกับผชู้ ำนาญการพักพนี โดย การแนะนำเจ้าหน้าท่ีน้ันๆ ใหไ้ ปหาผชู้ ำนาญการทเ่ี ก่ยี วข้องและโดยการแสดงออก ซึ่งความเอาใจใส่ฉันท์มิตรในเรือ่ งที่คนไข้สนใจ ในระหว่างการรอ้ื พนื่ จากไขอ้ นั ยาวนาน อศจ. อาจบริการคนไข้โดยการแนะนำหนงั ลือใหเ้ ขาอา่ น การบำบัด กระดกู ทหี่ กั ให้คนื ดีนัน้ จำต้องใชเ้ วลานาน ในระยะเวลาดงั กล่าวนี้ อศจ. อาจแสดง ความหว่ งใย ความเมตตากรุณาแก่คนไข้โตห้ ลายทางซง่ึ สง่ิ เหลา่ นจ้ี ะมปี ระโยชน์ มากแกพ่ วกเขา คนไขโ้ รคกระดกู มกั มีความเจบ็ ปวดอันแรงกล้าเปน็ ปกตวิ ิสยั บาดแผลท่ี กระดกู สันหลังอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความปวดร้าวอันแสนจะทกุ ขท์ รมาน ขณะทคี่ นไข้มี ความเจบ็ ปวดน้ันเขาจะหาความสุขสนกุ สนานไมไ่ ต้เลย ถงึ กระนน้ั อศจ. กไ็ ม่ควร ปล่อยเวลาให้ล่วงไปเปล่าๆ อศจ. ควรหาเวลาน่งั อยู่กบั คนไขช้ ัว่ ครู่หนง่ึ โดยไม่ จำเปน็ ต้องมีการสนทนาเป็นแต่เพียงแสดงความสนใจและความต้องการที่จะ ช่วยเหลือเขาเทา่ นั้น มอี ยูบ่ อ่ ยๆ ท่ีคนไขโ้ รคกระดกู มคี วามยุง่ ยากทางอารมณ์ ยกตัวอย่างเชน่ โรคปวดหลงั กบั สขุ ภาวะทางอารมณข์ องคนเราน้ันยอ่ มมคี วามเกยี่ วเนื่องกัน คนที่ ปวดกระดูกลนั หลังมักรสู้ กึ วา่ ชีวติ หมดความผาสกุ การลงความเหน็ เก่ียวกบั สมฏุ ฐานของโรคน้ันจงปลอ่ ยใหเ้ ปน็ หน้าทขี่ องแพทย์ซง่ึ เขาอาจจะทำงานรว่ มกบั ผู้ชำนาญการทางโรคใจ แต่ อศจ. กย็ งั จะตอ้ งใหค้ ำปรึกษากบั ผู้ชำนาญการทัง้ สอง เหล่านีแ้ ละแสดงเจตน้จำนงของตนที่จะทำงานในทุกวิถที างเพอ่ื ช่วยเหลอื คนไขให้ คนื ลู่ความสขุ สบาย การติดตอ่ กับคนไขโ้ ดยสมาํ่ เสมอเป็นส่งิ สำคัญมาก อศจ.ไม่ ควรลืมว่าพยาบาลเปน็ เพ่ือนที่ดยี ิ่งที่จะชว่ ยเหลือ อศจ. ใหท้ ำงานไดผ้ ลมากขึน้ ๒. สรปุ ความ แผนกโรคกระดกู เป็นแตเ่ พยี งโรงงานซ่งึ ทำกระดกู หกั ใหค้ ืนดเี ทา่ น้นั กห็ า

๔๘ อศจ. จะตอ้ งเรยี นรปู้ ญั หาตา่ งๆ ของชีวติ ไว้เพือ่ นำไปประกอบการพิจารณาในการ ทำงานของตน

๔๙ บทท่ี ๘ แผนกโรคจติ (ประสาท) ๑. ขอ้ ควรพิจารณาเปน็ พเิ ศษ คนไขโรคจติ (ประสาท) นำปญั หาต่างๆ มาใหใ้ นอาการท่ีเกนิ ความเป็น จริงเสมอซ่งึ ทแ่ี ท้แล้วปัญหาเหล่านัน้ เป็นปัญหาธรรมดาๆ และเปน็ ปัญหาทีเ่ ราทุก คนประสบอยู่แล้วเนอื่ งจากวา่ อศจ.รพ. อาจมองเห็นปญั หาเฉพาะพิเศษของ ตนเองอย่างเตม็ ทจี่ งึ อาจทำให้รสู้ กึ หวัน่ วิตก สงั คมยงั ขาดทัศนคติอันประกอบด้วย เหตุผลตอ่ ผูท้ ีถ่ ูกรบกวนทางอารมณแ์ ละยงั มีความโน้มเอียงท่จี ะดูถูกดแู คลนคนท่ี ปว่ ยเป็นโรคจติ (ประสาท) ขอ้ เทจ็ จรงิ นี้อาจเหน็ ได้จากคำพูดซ่ึงแมแ้ ต่แพทย์เอง บางครงั้ ก็ใขใ้ นขณะมคี วามโกรธ พนกั งานทีไ่ ดร้ ับการ‘ฝึกมาแลว้ โดยเฉพาะ บางทีก็ ตวาดคนไข้ ปฏิกริ ยิ าอนั รนุ แรงบางอยา่ งของพวกเราที่มีตอ่ คนไข้โรคจิต (ประสาท) น้นั เน่อื งมาจากปญั หาของพวกเราและความหว่นั วิตกของพวกเราเอง ถ้า อศจ. ยอมรบั รปู้ ญั หาบางประการของตนเองและยอมรบั ว่ามนั เป็นผลรา้ ยตอ่ ตนอยา่ งไร แลว้ เขาก็ลามารถเอาชนะส่ิงท่ีจะทำใหเ้ กดิ ความเสยี หายได้ การจะช่วยคนป่วย ทางลมองไดน้ ้ัน อศจ. จะต้องเปน็ ผมู้ เี มตตาจิตมองเหน็ คนไขว้ า่ เป็นผูต้ กอยใู่ นห้วง แห่งความทุกขแ์ ละมีค่าควรใหค้ วามชว่ ยเหลือท่ีลดุ เมอ่ื ยอมรับกนั ว่าความเจ็บปว่ ย ทางสมองส่วนมากทส่ี ุดเกิดจากเจ้าหนา้ ท่ผี ู้เก่ยี วขอ้ งขาดเมตตาธรรมแลว้ จึงเท่ากบั เปน็ การตอบปัญหาทวี่ ่าทำไมรึ อศจ. จงึ จำต้องมเี มตตาจติ มีจิตใจหว่ งใยคนไขแ้ ละ เป็นผู้ท่คี นไขล้ ามารถมอบความหวงั ไว้วางใจได้ ล้าคนไขย้ ังไมม่ ใี ครชว่ ยใหค้ ิดถึงตัว เขาเองวา่ มีคนอืน่ คอยดแู ลเอาใจใสช่ ว่ ยเหลอื เขาอย่แู ลว้ กเ็ ปน็ เครอ่ื งเตือนให้ อศจ. แกไขสว่ นทีบ่ กพร่องนใี้ นชีวิตของคนไข้ บคุ คลทางศาลนาอาจเปน็ คนประเภทเดยี ว เทา่ น้นั ที่มแี รงกระตนุ้ พอทีจ่ ะมองเห็นคนไขโ้ รคประลาทอยา่ งแรงว่าเปน็ เพ่ือน มนุษย์ตาดำๆ ที่ควรให้ความลงเคราะห์ มอี ยเู่ สมอท่แี มแ้ ตแ่ พทยเ์ องซ่ึงมี ความสำคญั ยง่ิ ต่อคนไข้ยงั มีความโน้มเอียงท่จี ะมองขา้ มคนไข้ประเภทนไี้ ปโดย ความร้สู กึ วา่ ตนไม่ลามารถช่วยเหลือได้ ฉะนนั้ การใหค้ วามช่วยเหลือคนเหล่าน้ี จึงเป็นหนา้ ท่พี เิ ศษของ อศจ. อศจ.รพ. ที่สามารถปฏิบตั ิงานกบั คนไขด้ ังกล่าวน้ี ซื่อว่าไตข่ น้ึ ไปสูร่ ะดับสูงแห่งวิชาชีพของตนแล้ว

๕0 อ ศ จ. จะไม ่ท ำต วั เป ็น เจา้ ห น า้ ท ่ผี ชู้ ำน าญ โรค ท างใจท ง้ั จะไม ่ กระทบกระทั่งกบั แพทย์และไม่ก้าวกา่ ยงานของเขา อศจ. จะตอ้ งทำตัวเป็น อศจ. คนไขแ้ มไ่ ตร้ ับการรกั ษาทางยาอย่างไรแล้วก็ตาม เขาก็ยังต้องการการสนบั สนุน ทางอารมณ์อีกดว้ ย คนไขต้ อ้ งการทราบว่ามีผู้คอยดูแลเอาใจใสต่ วั เขาอยู่ไม่วา่ เขา จะหายป่วยแล้วหรือยงั คนไขต้ ้องการทราบว่าเขามคี ่าควรแก่ความรกั และควรแก่ ความนับถอื หรอื ไม่ อศจ.รพ. ลามารถชว่ ยจา่ ยแจกความต้องการน้ี มอี ยเู่ สมอๆ ท่ี อศจ.รพ. ต้องเป็นตัวแทนคนไขเ้ พื่อติดต่อกบั โลกภายนอก แพทย์เปน็ ส่วนหนงึ่ ของ สิ่งแวดล้อมของ รพ. อศจ. เป็นส่วนของส่งิ แวดลอ้ มนนั้ และเปน็ ผู้แทนโลกภายนอก กำแพงอกี ด้วย อศจ. เตอื นคนไขใ้ ห้หวนรำลกึ ถึงพระศาลนา รำลึกถึงความผูกพัน กับครอบครวั ของเขาในสมยั ทีย่ งั ดีๆ อยู่ นแี่ หละคือจดุ ที่ อศจ. จะเขา้ ไปมีบทบาท ซง่ึ มคี ่ามากท่ีสุด อศจ. ตอ้ งเป็นละพานเชือ่ มโลกภายนอก และอาจเป็นละพาน เช่อื มโยงไปลูส่ มัยท่ีคนไขย้ งั อยดู่ มี ีแรงโน้นอีกดว้ ย อย่างไรก็ดถี า้ หากว่าการตดิ ต่อ กบั โลกภายนอกของคนไข้ซึ่ง อศจ. เป็นผูแ้ ทนจะกลายกลบั เป็นเร่ืองเลวรา้ ยไปเลีย ล้ินแลว้ อศจ. จะตอ้ งเตรยี มตวั แผเ่ มตตาและมน่ั อยูใ่ นขนั ติธรรม ล้า อศจ. มีจิตใจ ม่นั คงพอทจ่ี ะรบั ความก้าวร้าวเซ่นน้ันแล้ว คนไขย้ ่อมลามารถได้รับความช่วยเหลอื เพ่อื ตดิ ต่อกบั โลกของเขาไดด้ ฃี นึ้ พลงั ทคี่ นไขได้รบั จาก อศจ. จะเปน็ พลงั สนับลนุนการรกั ษาทเี่ ขากำลัง ไดร้ ับ ถา้ คนไขจ้ ะต้องรกั ษาด้วยวธิ ใี ซ!ฟฟ้าจแี้ ล้ว เขาย่อมต้องการใหม้ ีความแนใ่ จ ว่า การรักษานน้ั ไมเ่ ป็นอนั ตรายแต่จะเปน็ ประโยซนใ่ นทีส่ ดุ คนไข้ต้องการให้แนใ่ จ วา่ เขาลามารถทีจ่ ะทนต่อการรกั ษานั้นไดแ้ ละเขาจะมีความมน่ั ใจเซ่นน้ัน ล้าเขามี ศรัทธาในตัว อศจ. ศรทั ธาดังกล่าวน้นั ควรจะเจริญงอกงามขนึ้ เรอ่ื ยๆ ตามกาลเวลาที่ อศจ. รบั ใช้เขาอยูต่ ่อเนอื่ งกัน เมอ่ื อศจ. ทราบตารางการรกั ษาคนไข้แล้วกค็ วรทำ ตวั เองใหพ้ บได้ท้งั ก่อนและหลงั การรักษาแต่ละครั้ง การพบปะและคำปลกุ ปลอบใจของ อศจ. จะช่วยคนไข้ใหก้ ลา้ เผชญิ กับการรักษาทีห่ ลีกเล่ียงไมพ่ ้นดว้ ย พลังใหม่ เน่ืองจากวา่ ครอบครัวของคนไข้มกั จะทำใหค้ วามเจ็บป่วยของเขาสบั สน ยุ่งยาก แพทย์อาจไม่ตอ้ งการให้คนไขต้ ิดตอ่ กบั ทางบ้านโดยตรงมากนัก อศจ. อาจ พบกับครอบครัวของคนไขเ้ มอ่ื พวกเขามาเยีย่ ม นั่งอย่กู ับพวกเขาและส่งเสริมพวก เขาให้คยุ เก่ียวกบั ความรสู้ ึกของพวกเขา สง่ เสรมิ พวกเขาให้พจิ ารณาทศั นะของ พวกเขาเองทมี่ ตี ่อคนไขแ้ ละวางแผนไว้ลำหรบั วนั ขา้ งหน้าเม่อื คนไขก้ ลับไป ปฏบิ ัติงานตามปกตขิ องเขาแล้ว

๕๑ ครอบครัวของคนไขโรคจิต (ประสาท) มกั จะจำปัญหายุ่งยากของคนไฃท้ ี่ เกยี่ วพนั กับครอบครวั ไดโดยไม่รูส้ ึกตัว เพราะเหตุนนั้ การปอ้ งกันทีจ่ ะไมใ่ ห้มกี าร กลา่ วโทษกันจงึ เปน็ สิ่งทีท่ ำไม่ได้ อศจ. จะต้องเตรยี มตวั รบั พึงการกลา่ วโทษคนผู้ เจบ็ ปว่ ยและต้องคาดว่าจะมีความขดั แย้งกันเกดิ ข้นึ แหจ้ ริงแล้วความเจบ็ ปว่ ยของ คนไขไดก้ ลายเปน็ สง่ิ สะทอ้ นบนบคุ คลในครอบครัวท้งั ในด้านการงานและชีวิตท่ีอยู่ ร่วมกันของพวกเขา ถา้ อศจ.ไม่ไดย้ นิ ขอ้ ขดั แย้งกันถกู กลา่ วออกมาโดยตรงก็ อาจจะทราบได้โดยทางอ้อมจากนัา้ เลียงท่ีคอยคัดค้านความดขี องคนไข้ คน สว่ นมากไม่ลามารถจัดการกบั ความรสู้ กึ ว่าตนมคี วามผดิ ไดโ้ ดยตรงและดงั น้ันจึงได้ ทำการซดเขยโดยการสรา้ งปฏิกิริยาขนึ้ มา ถา้ หากคนเหลา่ น้ันรูส้ กึ วา่ ตนไดป้ ฏิบตั ิ ผิดตอ่ คนไข้และบางทไี ปทำให้เกิดปัญหายุ่งยากแก,คนไขแ้ ล้วกอ็ าจเป็นความจำเป็น ลำหรบั พวกเขาที่จะทำตวั เองและทกุ ๆ คนให้มั่นอยูใ่ นความรักอันลมบูรณแ์ ละไม่ รู้จกั ตาย ลกั ษณะของความรกั ระคนแคน้ นี้เราจะเหน็ ได้วา่ มนั ถูกแสดงออกมาอย่าง เกนิ งาม เมื่อ อศจ. พึงเรื่องที่ผลมดว้ ยความรกั ชนดิ นไ้ี ปเรือ่ ยๆ กจ็ ะเห็นความเคยี ด แคน้ มากมาย อย่าง'ไรก็ดี วิธีท่ีดีทสี่ ดุ ลำหรบั อศจ. จะพงึ ปฏิบัตติ อ่ สภาพการ ขดั แยง้ กนั เซ่นนั้นไม่ว่ามนั จะถูกกลา่ วออกมาโดยตรงหรอื โดยอ้อมก็คีอฟง้ เขา ต่อไปจนจบ การทำงานของ อศจ. กับครอบครัวลามารถช่วยเหลือพวกเขาใหว้ างแผน ไว้ลำหรับวันขา้ งหนา้ คนเหลา่ นั้นควรได้รับการลง่ เสรมิ ใหน้ กึ ถึงสิง่ ทอ่ี าจจะเปน็ ไป ไดท้ ้ังหมด อศจ. ลามารถชว่ ยพวกเขาใหเ้ ตรียมการไว้ลำหรับปัญหาท่พี วกเขาอาจ มดี ้วยความรู้สึกของพวกเขาเองในภายหลงั มันอาจจะชว่ ยเหลอื พวกเขาใหท้ ราบ วา่ การอย่รู ว่ มกนั อาจเกิดปญั หายุ่งยากมิเพยี งแต่จากการรบั รองคนไขเ้ ทา่ นัน้ แต่ จากสมาซิกทีเ่ หลือของครอบครัวอันเนอ่ื งมาจากปัญหาน้ี มันไม่เปน็ สงิ่ ท่ดี ีเลยทีจ่ ะ ลวงตัวเองว่าปัญหาต่างๆ เช่นนนั้ ไมม่ อี ยู่ มนั จะเป็นประโยชน์มากกวา่ ท่ีจะเผชญิ กบั ปัญหาเหลา่ นน้ั ทีพ่ ูดเช่นนม้ี ไิ ด้หมายความว่า อศจ. จำต้องเผชญิ หน้ากับ ครอบครวั ของคนไข้โรคประสาทด้วยความจรงิ เชน่ น้ันอยรู่ ํ่าไป ถ้า อศจ. สละเวลา ให้แกค่ รอบครวั และช่วยเหลอื พวกเขาให้!วิใจตนโดยการพงึ พวกเขาด้วยจติ เมตตา แลว้ พวกเขาก็จะนำปัญหาเหลา่ นี้ออกมาตแี ผ่ด้วยตัวเขาเอง บทบาทอันหนึ่งในบรรดาบทบาททม่ี ีประโยชนซ์ ่งึ อศจ. มกี บั คนไข้โรค จิต (ประลาท) คือนำคำพดู จากครอบครวั ไปใหค้ นไข้และนำคำพดู จากคนไข้มาให้

๕๒ ครอบครวั ขา่ วที่ อศจ. จะนำไปน้นั ทางทด่ี ีทสี่ ดุ ควรเปน็ เรอื่ งทั่วๆ ไป ยกตัวอยา่ ง เข่น “ผมไดเ้ หน็ ครอบครัวของคณุ พวกเขามคี วามห่วงใยคุณและตอ้ งการให้คุณ ทราบว่า พวกเขากำลังคดิ ถึงคุณอยู”่ และนำขา่ วสารที่เปน็ ความจรงิ ทำนอง เดียวกนั จากคนไขไปให้ครอบครวั แม้จะปรากฏว่าในบางครง้ั บางคราวแพทย์อาจ ไมต่ อ้ งการใหค้ รอบครัวเยย่ี มคนไข้ของเขา แต่กระน้นั เขาก็ยังต้องการให้ครอบครัว ไปเย่ยี ม คงจะมวี นั ใดวนั หนึง่ ที่ครอบครวั สามารถเยยี่ มคนไขได้ แตเ่ มอ่ื ยังไมอ่ าจไป เยย่ี ม พวกเขาอาจไปหาแพทย์และทราบบางสง่ิ เก่ียวกบั คนไขได้ เม่ือครอบครัวไม่ เอาใจใสส่ วสั ดภี าพของสมาซิกในครัวเรือนเพียงพอกเ็ ทา่ กับปล่อยความหวงั ให้ขาด ลอยไป แนวทางขนั้ ตอ่ ไปคอื การหลีกเลย่ี งคนไขท้ ่เี ข้าไปพกั รกั ษาตวั อยใู่ น รพ. เป็น เวลานานๆ ถ้าความป่วยไข้สามารถถูกควบคุมไวไ่ ด้และคนไขไม่เปน็ อนั ตรายแกค่ น อน่ื ๆ หรอื แกต่ ัวเขาเองแล้ว พวกเขาก็สมควรได้รับการปลดปล่อยให้ไปอยู่ในความ ดูแลของครอบครัวใหเ้ รว็ ทส่ี ดุ เทา่ ทจี่ ะทำได้ เรายงั ไม่มีสถานท่ีเพยี งพอทจ่ี ะควบคมุ คนไขโรคจติ (ประสาท) เขน่ ในกรณขี องคนไข้ตังกล่าวทเี่ ป็นอมั พาตท้ังตัวเป็น เฉพาะแขนหรือขาข้างเดียวและเปน็ เฉพาะสว่ นทอ่ นลา่ ง ครอบครัวจะต้องรับภาระ ดแู ลเอาใจใส่บุคคลเหลา่ น้ใี นท่สี ดุ ทีก่ ล่าวนี้หมายความวา่ บรรดาครอบครวั จะต้อง ถกู ล่งเสรมิ ใหเ้ กิดความรูส้ กึ รับผดิ ขอบเพ่ือพวกเขาเองอยู่เสมอ และยงั หมายความ อีกดว้ ยวา่ อศจ. ท่ฝั กิ แลว้ จะตอ้ งจดั เตรยี มครอบครวั ไว้เพอ่ื รับภาระเมอ่ื ความจำ เปน็ มาถึง อศจ. ต้องเลียสละเวลาตอ้ นรบั แขก เมื่อ อศจ. ทราบภารกิจนี้และไม่ปลอ่ ย จิตใจให้ว้าวุน่ ไปตามความรสู้ ึกของคนไขโรคจติ (ประสาท) แลว้ เขาจะลามารถ เผชญิ กับความยงุ่ ยากทั้งหลายไดอ้ ย่างฉลาดและเรียบรอ้ ย อศจ.รพ. ควรทา่ ส่งิ ที่ ตนลามารถจะลอนขอ้ เทจ็ จริงเหลา่ นี้แก่ครอบครัวของคนไขโรคจติ (ประลาท) คำเตือนอกี ขอ้ หนึง่ ลำหรบั อศจ. ผูท้ า่ งานกับคนไขโรคจิต (ประลาท) คอื อศจ. ควรหลกี เล่ียงไม่ให้คนไข้แกป้ ัญหาต่างๆ ของเขาด้วยการใชล้ มอง อศจ. ควร มีศรัทธาพอตอ่ บรรดาแพทย์ในสถาบันของตนเพอื่ รบั รองวา่ เมือ่ แพทยเ์ หล่าน้นั วนิ ิจฉัยวา่ ใครป่วยเปน็ โรคประสาทและจำเป็นตอ้ งรับตัวไวร้ กั ษาแล้วจะได้มีเหตผุ ล หนักแนน่ ยิ่งข้ึน มีตัวอยา่ งอยู่เสมอท่ีผู้ปว่ ยเป็นโรคประสาทหลอนกอ่ เหตวุ ุ่นวาย ให้แก่ครอบครวั ของเขาและครอบครัวไดีใขเ้ พทบุ ายผลกั คนไข้ออกนอกลนู่ อกทาง ไปอยา่ งไร และ อศจ. ที่ขาดประลบการณอ์ าจถกู ซกั นำใหเ้ ขา้ ใจผิด เรือ่ งทา่ นองน้ี เกดิ ขน้ึ มิเฉพาะกับ อศจ. เทา่ นั้น แต่อาจเกดิ ขึ้นกับนักจิตสงั คมลงเคราะหก์ บั พยาบาลแผนกโรคจติ และกับเจ้าพนกั งานทผ่ี ึเกแล้วทกุ ลาขาอาชพี อศจ. จะไม่

๕๓ กลา่ ววา่ เรื่องทค่ี นไข้กำลังบอกตนอยูน่ น้ั เป็นเร่ืองเหลวไหล แตกไมย่ อมรบั ว่ามนั เปน็ ความจริงเซน่ เดียวกนั อศจ. จะต้องปฏบิ ัตกิ ารเรือ่ งนใ้ี หด้ ีท่สี ดุ โดยการนำเอา ความเข้าใจของตนทมี่ ีตอ่ ความรู้สึกของคนไขไปบอกคนไข้ อศจ. ควรพยายาม เอาชนะความคิดที่มีต่อคนไข้ที่วา่ “มันเป็นธรรมดาสำหรับเขาทจี่ ะรูส้ ึกเหมอื น อย่างทีเ่ ขาทำ โดยทึกทกั เอาเองตามความเขา้ ใจของตนตามขอ้ เทจ็ จริงของสภาพ ส่งิ แวดล้อม” ดงั นัน้ อศจ. ยอ่ มชว่ ยเหลือคนไขใตโ้ ดยการยอมรับรู้อารมณท์ ีน่ อน เนื่องอยู่ภายในของคนไข้ และโดยการแสดงและบอกความเขา้ ใจของตนตอ่ คนไข้ การเพง่ เนอ้ื หาทางหลักวิชาการมากเกนิ ไปนกั ในเรื่องท่ไี ต้รับบอกเล่า อาจทำใหเ้ กิดความสับสนมากกว่าทีจ่ ะเกดิ ประโยชน์อศจ.ไมอ่ าจชว่ ยคนท่ถี กู รบกวนทางจติ ใจให้คนื ดีไดโี ดยพยายามเข้าไปร้เู หน็ สมฏุ ฐานโรคของเขา เราไมอ่ าจ ชว่ ยคนไขโ้ ต้โดยทำพวกเขาให้ขบขนั แพทย์ อศจ. และเจา้ หน้าทีอ่ ืน่ ๆ ในแผนก อาจเป็นความหวังทจ่ี ะพบกบั ความจรงิ บางประการขนั้ สดุ ท้ายทค่ี นไขม้ ือยู่ เพราะ เหตุนั้น บุคคลเหลา่ นน้ั จะตอ้ งยดึ ถือความจริงและไมเ่ ล่นเกมสํในยามวิกฤตเชน่ น้ัน อศจ. จะเป็นผมู้ ืประโยชนม์ ากท่ีสดุ ในแผนกโรคจิต (ประสาท) เม่ือเขาตระหนักใน บทบาทแหง่ การปลดเปลือ้ งทกุ ข์ตามแนวทางศาสนาและเมื่อเขามบี ทบาทเปน็ ตัวแทนของศาสนาท่ีกล่าวนีม้ ิไต้หมายความว่าให้ อศจ. ยอมรับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ ปญั หาทางศาสนาของคนไข้ตามคำบอกเลา่ ของเขา เพราะคนไข้ยอ่ มจะเสริมแตง่ เนือ้ เรอื่ งให้หรูหรามหศั จรรย์ด้วยความหลงละเมอ เมือ่ พูดอีกนัยหนึง่ ศาสนาก็คือ ประมวลทศั นคติแห่งชวี ติ ของคนเรา จึงไม่ใช่เปน็ เรอื่ งแปลกประหลาดเลยทีเ่ ม่ือ ใครมีโรคเกี่ยวกบั ทัศนคติแล้ว เนือ้ หาทางศาลนาเกย่ี วกบั ปัญหาของเขาจะ กลายเป็นสงิ่ แปลกประหลาดไปด้วย อศจ. จะไมล่ ะท้งิ วิชาทางศาลนาของตนเอง แลว้ รับเอาทัศนะของคนไขเ้ ก่ยี วกบั ความเจบ็ ปว่ ยของเขาแทน การปฏิบตั ิงานในแผนกโรคจิต (ประลาท) อศจ. ควรติดต่อกบั บรรดา แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่อน่ื ๆ ของแผนกอย่างใกลช้ ดิ เพ่อื ให้แนใ่ จว่าจะไมม่ ื ความขดั แย้งเกดิ ข้นึ กับผชู้ ำนาญโรคทางใจ อศจ. ควรติดต่อกบั เขาเพื่อจะไต้ทราบ ว่า เวลาใดเขาจะไปเย่ยี มเพอ่ื ให้คำแนะนำทางแพทย์แกค่ นไข้โดยทว่ั ๆ ไปแลว้ จะ ไมม่ ใื ครขดั ขวางการไปเย่ยี มไขข้ อง อศจ. และการใหค้ วามร่วมมือของ อศจ. จะ ไต้รับความขอบคุณเสมอ มคื นไข้บางรายซึง่ เรอ่ื งราวทางลทั ธิศาลนาเขา้ ไปพวั พัน กบั อาการคนไข้มากจน อศจ.ไมอ่ าจไปเยยี่ มและใหค้ วามชว่ ยเหลือไต้และ

(เ^ ตามปกตแิ ล้วผชู้ ำนาญโรคทางใจสามารถอธิบายให้ อศจ. พีงเขา้ ใจไดใ้ นทใี่ ด อศจ. ได้พสิ จู นภ์ ารกิจของตนเพ่ือสวสั ดภิ าพของคนไขใหป้ รากฏแล้ว ในที่น้นั แพทย์จะถกู กระตนุ้ เตือนใหเ้ รียกหา อศจ. และขอรอ้ งความรว่ มมอื จากเขา เปน็ ทีส่ งสยั วา่ คนไข้ จะได้รบั ความช่วยเหลือจากใคร ล้าหากคนทง้ั สองคอื ผู้ชำนาญทางโรคใจและ อศจ. จะใชค้ นไขข้ องตนเป็นสนามรบซ่ึงกันและกัน อยา่ งไรก็ตื ล้าบคุ คลท้ังสองอาชพี ซง่ึ ‘ฝกึ แลว้ จะทำงานรว่ มมอื รว่ มใจกนั สวสั ดภิ าพของคนไขจ้ ะได้รบั การส่งเสริมให้ สูงขึ้น อศจ. อาจถกู ขอรอ้ งให้มืส่วนในการประเมินค่า มสื ว่ นในการประชุมอน่ื ๆ และมืส่วนในการทำงานกับคนไข้นอกและคนไขในด้วย โดยการปรกึ ษาหารือกัน อศจ. และแพทย์ ลามารถกำหนดบทบาทซงึ่ ตนคิดวา่ ควรจะเป็นบทบาท ของ อศจ. ตอ่ คนไข้เฉพาะรายๆ ไป ปรากฏแลว้ ว่า อศจ. ย่อมทำประโยชนใ์ หก้ ับ คนไขเ้ ฉพาะบางรายได้มากกวา่ ทจ่ี ะทำกับคนไขร้ ายอ่นื ๆ แพทย์อาจตอ้ งการให้ อศจ. ปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความคลอ่ งแคล,วแข็งขนั เป็นพเิ ศษกบั คนไข้เฉพาะบางราย มากกวา่ กับคนไขท้ ่ัวๆ ไป ในบางกรณีงานของ อศจ. จะมลื ักษณะใกล้ชดิ กบั การ บำบัดโรคทางจิตศาสตรใ์ นคนไขบ้ างราย บทบาทของ อศจ. อาจเป็นเพียงการ สนับลนนุ ทางอารมณ์ในคนไข้ทุกราย ขอบเขตทวี่ างไวล้ ำหรบั อศจ. นนั้ มิใซเ่ ป็น การจำกดั งานของ อศจ. แตเ่ ป็นการทำงานนน้ั ให้ไดผ้ ลมากขึ้น อกี อยา่ งหน่ึง การ ทำงานร่วมกบั แพทย์ อศจ. อาจไดท้ ราบขอบเขตซงึ่ ตนจะเป็นประโยซน!ดม้ าก ทีส่ ุด การประเมินค,าซํา้ อย่เู ร่อื ยๆ อาจเป็นสง่ิ จำเปน็ เพราะความต้องการมกั เปล่ียนแปลงอยู่เสมอ อศจ. ไมค่ วรคดิ ว่างานของตนยืดหยุ่นไมไ่ ด้ เป็นของตายตัว ๒. สรปุ ความ การทำงานร่วมกบั บรรดาแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าทอ่ี ่นื ๆ ในแผนก โรคจิตประสาท อศจ. จะตอ้ งทำไวในใจวา่ อาจมืปญั หาทางอายุรเวชเกิดเพิม่ ขนึ้ เสมอ และนอกเหนอื สง่ิ ตังกลา่ วนี้ ป้ญหาร้อยแปดเก่ียวกบั ตัวคนไข้ย่อมเกดิ ข้ึนได้ ทุกโอกาส เมตตาธรรมและความมนื ัา้ ใจเสียสละเทา่ น้นั ท่จี ะชว่ ย อศจ.ใหท้ ำงาน เป็ผลสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย

๕๕ พระพทุ ธเมตตา ประดษิ ฐานอยภู่ ายในพระเจดยี พ์ ทุ ธคยา เมอื งพุทธคยา ประเทศอนิ เดีย

๕๖ บทท่ี ๙ แผนกโรคเดก็ ๑. ขอ้ ควรพิจารณาเปน็ พิเศษ โดยท่วั ไป แม่ในหนว่ ยทหารเล็กๆ อศจ. จะพบแผนกๆ หนึ่งใน รพ. ที่จดั ไวโดยเฉพาะสำหรบั เด็ก เดก็ เหลา่ น้สี ว่ นมากไม่ไดไ็ ปร่วมในรายการทางศาสนของ อศจ. และ อศจ. กม็ ิได้ติดตอ่ กบั เด็กเหลา่ นั้น นอกจากใน รพ. งานของ อศจ. จะ ได้ผลมากข้ึนถ้าได้ตดิ ตอ่ กบั เดก็ ๆ และกับครอบครวั โดยทางอน่ื เนอ่ื งจาก อศจ. จะต้องเป็นผเู้ รมิ่ ตน้ ในฐานะเป็นคนแปลกหนา้ ในสภาพการทแ่ี ปลก ฉะนน้ั อศจ. จะตอ้ งวางแผนอยา่ งถ้วนถ่คี ลมุ ตลอดแผนกโรคเดก็ เดก็ ที่วา้ เหว่มักเป็นเดก็ ที่ตนื่ ตกใจ ประสบการณอ์ ันจำกดั ของเดก็ ทำใหเ้ ดก็ มคี ำถามมากมายเกยี่ วกบั ส่งิ รอบๆ ตวั เขา เด็กจะไดร้ ับทศั นคติมากทส่ี ดุ จากสิ่งแวดลอ้ มโดยเฉพาะจากผู้!หญ่ทเ่ี ขาคบ หาสมาคมด้วย ดงั นั้น อศจ.รพ. ท่รี า่ เรงิ เข้มแขง็ และสงบจึงก่อใหเ้ กิดทัศนคตอิ ัน เปน็ ประโยชน์แก่เด็ก โดยเดก็ เกดิ ความนยิ มท่จี ะเอาอยา่ ง ถ้าเดก็ (เรียน) รวู้ า่ ตน อาจไว้วางใจ อศจ. พยาบาล และแพทย์ไดแ้ ลว้ ช่วงเวลาทเี่ ฃาฟินจากความเจบ็ ไข้ จะสั้นเข้า ทัศนคตแิ ห่งความไว้วางใจและดวงจติ ทีเ่ ปียมไปดว้ ยความหวัง เปน็ การ ชว่ ยทางอายรุ เวซท่ีมปี ระสิทธผิ ล ดงั น้ัน โดยการผเึ กอบรมทัศนคตอิ นั เหมาะลม ให้แก่เด็ก อศจ. ซื่อว่าเป็นผู้ใหค้ วามร่วมมอื ในการรักษาโรคแล้ว เมื่อเดก็ จากบา้ นไป ผใู้ หญ่ใดๆ กอ็ าจรับภาระเป็นมารดาบิดาแทนได้ เดก็ ได้เรียนรู้จากการมองดูผใู้ หญร่ อบๆ ตวั เขา เพ่ือขอความชว่ ยเหลือและเพ่ือใหช้ ่วย แก้ปญั หาตามแนวทางท่เี ขาจะรู้สึก ถา้ อศจ. เป็นผ้ตู ่ืนตกใจเสยี เอง และถ้าการ ปฏบิ ตั ิงานกบั เดก็ ทีเ่ จบ็ ป่วยสร้างปฏิกิริยาอนั รนุ แรงขน้ึ แก่ อศจ. แลว้ ก็เป็นการ ยากที่ อศจ. จะให้ความชว่ ยเหลอื แผนกโรคเดก็ อยา่ ง'ไรกด็ ็ ตามปกติ อศจ. เปน็ สว่ นหนึง่ ในบรรดาสิ่งให้ความชว่ ยเหลอื ทดี่ ที สี่ ดุ แกเ่ ด็กเจบ็ ปว่ ย แพทยส์ ว่ นมากซึ่งมี จุดหมายอยทู่ ก่ี ารรักษาโรคเดก็ ยอ่ มจะมคี วามเมตตาการุญ เข้าใกลเ้ ดก็ ดว้ ยความ สงบและมีความเขา้ ใจด็ ทีก่ ล่าวเชน่ นี้มไิ ดห้ มายความวา่ อศจ. เป็นผูไ้ ม่พงึ ปรารถนา เพราะว่าการชว่ ยเหลือทีเ่ พ่มิ ข้นึ มาทุกๆ อย่างเป็นสง่ิ มีคุณคา่ ปรากฏซัดว่า หนา้ ทขี่ อง อศจ. ตอ่ เด็กมใิ ช่การให้สตปิ ญั ญาแกเ่ ขาเป็น สำคญั สงิ่ จำเป็นที่ อศจ. จะต้องปฏบิ ัตติ อ่ เด็กมากกวา่ กบั คนโตๆ เสียอีกก็คือความ

๕๗ เมตตากรณุ า ความโน้มเอียงของ อศจ. สว่ นมากคอื พยายามตอบคำถามของเด็กๆ ในระดับที่ลึกซง้ึ และกวา้ งขวางมากกวา่ ที่เดก็ คิดเสยี อีก อศจ. ควรตอบคำถามของ เดก็ อยา่ งตรงไปตรงมาอยา่ งจริงใจ และโดยเฉพาะต่อตวั คำถามนน้ั เมื่อเดก็ ถามว่า ทำไมเขาจะตอ้ งเจ็บปวด มไิ ด้หมายความว่าเขาพรอ้ มแลว้ สำหรบั การสนทนานานๆ เก่ยี วกับปญั หาเร่ืองความทกุ ข์ทรมาน ถ้าหากวา่ อศจ. เป็นความอบอนุ่ เป็นเพอื่ น และเป็นผูม้ องเหตุการณ์ในทางดี ไม่พูดแบบน้ัาทว่ มทงุ่ แลว้ เด็กจะเกิดความไวใจ อศจ. และวางใจในสถานการณ์ การทำงานเก่ียวกับเดก็ ต้องใช้จินตนาการเปน็ เครือ่ งตัดสนิ ใจเอาเอง บาง คนขอบนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เซน่ ลกู โปง่ หรือลกู กวาดตดิ มอื ไปกำนัลแก่เด็กดว้ ย ยังเป็นทสี่ งสยั ว่าการทำเซน่ น้นั เปน็ วธิ กี ารทด่ี หี รอื ไม่ เพราะถา้ แจกลูกกวาดแก่เด็ก ลกู กวาดอาจทำอนั ตรายพีนหรอื ทำลายนั้าย่อยอาหารของเด็กได้ ถ้าแจกลูกโป่งแก่ เดก็ เดก็ อาจเป่าหรอื ดูดลูกโปง่ ทำใหล้ กู โปง่ เช้าไปตดิ หลอดลมเป็นเหตุใหถ้ ึงความ ตายไต้ อศจ. จะต้องไม่ลดความสำคญั ของตนลงไป หมายความว่า อศจ. จะตอ้ งไม่ ทำให้เด็กเห็นว่าตนมบื ทบาทเพยี งให้ของขวญั เลก็ ๆ น้อยๆ เท่าน้นั อศจ. ตอ้ งทำ ตวั ให้ผอู้ ืน่ เหน็ ว่าเป็นผใู้ ห้ความเช้าใจ ใหค้ ำปรึกษา และให้ความรกั ทกี่ ลา่ วเซน่ น้ี มไิ ตห้ มายความว่า การให้ “ของขวญั ” นั้นถกู ห้ามเสียทเี ดยี ว เปน็ แตว่ า่ ใหเ้ รา คดิ ถงึ เรื่องนีอ้ ยา่ งถว้ นถเ่ี ท่านั้น การเล่นงา่ ยๆ ท่ีเดก็ ลามารถเช้าใจได้และเล่นไดโี ดย สำพงั อาจชว่ ยให้เด็กคลายความเงียบเหงาได้ และช่วยให้พยายามลดงานลงดว้ ย จะต้องไมใ่ ห้อะไรๆ ท่ีเดก็ จะทำให้ รพ. เลอะเทอะเปรอะเปีอน บางทีเคร่อื งบิน เล็กๆ ท่ีให้แก่เดก็ อาจเป็นเหตุให้เกิดความยงุ่ ยากมากมาย เพราะเมือ่ ใหอ้ ะไรแก่ เด็กแล้วจะขอรอ้ งไมใ่ หเ้ ขาเลน่ สงิ่ นั้นเปน็ ของทำไดย้ าก จงจำไวว้ า่ การติดต่อเป็น ส่วนตัวกบั เด็กน้นั มืความสำคญั ยิ่ง เม่อื ปฏบิ ัติงานอยู่กบั แผนกโรคเดก็ หนา้ ที่สำคญั อนั หนงึ่ ท่ี อศจ. จะต้อง นำพาคือ “ครอบครวั ” อศจ.มีโอกาสพบปะกับมารดาเด็กมากกว่าบิดาของเขา เพราะบิดาหาเวลาไปเย่ียมไดย้ ากกวา่ มารดา มารดาบิดามีความร้สู ึกว่าตนเองมี ส่วนทำความผดิ ที่ปลอ่ ยให้โรคเกิดกับเดก็ และเป็นต้นเหตแุ หง่ ความทกุ ขย์ ากต่างๆ มารดารู้สึกวา่ ถ้าเธอจะไดอ้ ยแู่ ลว้ เด็กก็จะไมท่ ำหม้อน้าั ร้อนหก มารดาตระหนักวา่ เธอไมค่ วรปล่อยใหเ้ ด็กข้ามถนนโดยไม่มีคนชว่ ยเหลอื มารดามคี วามสำนกึ วา่ ถ้า

๕๘ เธอใหเ้ ด็กไดร้ บั การฉีดยาตามกำหนดแลว้ เดก็ ก็จะไมเ่ ป็นโรคทเ่ี ขาเปน็ อยใู่ น ขณะนั้น อศจ.รพ. ที่ฉลาดและไดร้ ับการ‘ฝึกมาตีแล้วจะเป็นผู้พร้อมทจี่ ะใช้เวลา สว่ นใหญก่ ับครอบครัวของเดก็ ๆ ทีเ่ ช้าไปพกั รกั ษาตวั อยูใ่ น รพ. สิง่ สำคัญทจ่ี ะต้อง นำมาใช้ในทนี่ ค้ี อื การพีงแบบรวมจุดซึง่ ได้กลา่ วไว้แลว้ ในบทท่ี ๒ หมายความว่า อศจ. จะต้องปลอ่ ยใหม้ ารดาบดิ าของเดก็ พูดถงึ ความร้สู กึ ของเขา ไม่จำต้องพูด เรือ่ งเกย่ี วกับเดก็ เสมอไป จงจำไว้ว่า ท่ีใดมเี ด็กเช้าไปรบั การรักษาพยาบาล ทนี่ ัน้ อาจมีเด็กบางคนท่ีมไิ ดร้ บั การดแู ลรักษาเท่าทค่ี วร เพราะเหตทุ ่ีมารดาบดิ าของเขา ไปอย่ใู นท่นี ้ัน อาจเป็นคณุ ประโยชนม์ ากกว่า ลา้ มารดาจะลดชวั่ โมงการเยย่ี มลง และออมแรงไว้ดแู ลลกู ๆ ทางบา้ น มารดาบดิ าบางคนตดิ แจอย่กู ับขอบเตยี งลูก เพราะเหตทุ มี่ ีความรูส้ ึกวา่ “ตนมีความผดิ ” ดังกล่าวแลว้ อศจ. เป็นผู้รบั รอง มารดาบดิ าวา่ มสี ิทธิทจี่ ะมคี วามรูส้ ึกอยา่ งไรกไ็ ด้ ลา้ มารดาบดิ าใช้เวลาสำหรับ พกั ผ่อนไปเฝืาลกู ทีเ่ จ็บปว่ ยจนคํ่าคนื ดกึ ดนื่ แล้วจะเปน็ เหตใุ ห้เขามีอารมณ์หงดุ หงดิ โกรธงา่ ย ลา้ มารดาบดิ าไม่สามารถสังเกตเหน็ อารมณข์ ุ่นมัวและความขดั เคืองของ ตนนน้ั และรับเอาไว้จนกลายเป็นปกตนิ ิสัยแลว้ ยอ่ มจะทำใหเ้ กิดผลร้าย อศจ. ควร เปน็ ผ้สู ามารถทำให้มารดาบดิ าทตี่ นติดต่ออยู่น้ันคุยเกีย่ วกบั ความรสู้ กึ ของเขาเอง คำพดู ทีไ่ ดย้ นิ กันอยจู่ ำเจ เซน่ “อาการของเด็กเป็นอย่างไรบา้ ง ?” “ข้าพเจา้ ทราบ วา่ เปน็ เรอื่ งยากสำหรับเด็กทีจ่ ะทนตอ่ สภาพเซน่ น้”ี และคำพดู อน่ื ๆ ทำนอง เดียวกนั น้คี วรงดเวน้ เสยี ถา้ ถงึ คราวตอ้ งพดู ควรพดู โดยท่มี คี นท่เี รานงั่ อยูด่ ้วยนน้ั เปน็ จดุ ศนู ยก์ ลาง มิใซ่คนทีไ่ ม่ไดอ้ ย่ทู น่ี ั้น เซน่ ควรจะพูดวา่ “สิ่งน้คี งทำให้คณุ อ่อนเพลียมากทเี ดียว” หรอื วา่ “เรื่องนี้มิใชเ่ ปน็ ของงา่ ยสำหรบั คุณเลย” เป็นต้น คำพูดทำนองนีต้ ามปกตยิ อ่ มไดร้ ับคำตอบสนองอนั อบอุ่น การปฏิบัตงิ านเกี่ยวกับเดก็ ใน รพ. มชี อ้ ควรสังวรอย่อู ันหนึ่งคือ เพียงแต่ ใหจ้ ำไว้ว่า “เด็กกเ็ ป็นคน” ผใู้ หญบ่ างคนขอบพูดดังๆ ต่อหนา้ เดก็ ในเร่อื งที่ตนคิด ว่าเด็กไม่เชา้ ใจ เปน็ การดกี วา่ ทีจ่ ะคาดการณไ์ วล้ ว่ งหนา้ ว่า เด็กย่อมจะเช้าใจคำที่ เราพดู และการใชค้ ำพูดทีต่ นคดิ ว่าเดก็ ไม่เช้าใจนั้น ถา้ เดก็ ตีความหมายผดิ แลว้ กซ็ า้ํ จะเกิดผลร้ายยง่ิ ไปกวา่ คำพดู ธรรมดาเสียอีก ถ้าหาก อศจ. และครอบครัวตอ้ งการ จะพดู เร่ืองอะไรเกย่ี วกับตวั เด็กก็ควรหาทคี่ ยุ ไม่ใหเ้ ขาไดย้ ินหรือไมก่ ใ็ หเ้ ขาเช้าร่วม วงสนทนาเสียด้วยเลย

๕๙ ๒. สรุปความ การร่วมมอื กันอยา่ งใกล้ชดิ กับแพทยเ์ ปน็ สง่ิ สำคัญในทุกๆ กรณี การ รว่ มมือเซ่นนั้นยอ่ มมคื วามสำคญั เกีย่ วกับเด็กๆ โดยไมต่ อ้ งสงสยั เป็นการยากทจ่ี ะ ทราบวา่ เด็กเจบ็ ป่วยอย่างไร หรอื อะไรกำลงั รบกวนเขาอย่างหนัก เนื่องจากวา่ เด็ก ไมส่ ามารถบอกเราดว้ ยตัวเขาเอง เพราะฉะน้นั ทางทีด่ ็ อศจ. ควรทำงานอยา่ ง ใกลช้ ิดกบั พยาบาลและแพทย์เพื่อจะไดท้ ราบการวนิ ิจฉยั โรคและการทำนายอาการ ของโรคท่ีเกยี่ วกบั เด็กเป็นรายตวั แพทย์และพยาบาลจะสำนกึ บุญคณุ อศจ. ท่ีไป เยย่ี มแผนกโรคเดก็ โดยตอ่ เนือ่ งกัน แน่นอนว่า ความสำนึกบญุ คุณดังกล่าวน้ีจะ เกดิ ขึ้นไดก้ ็โดยท่ี อศจ. แสดงให้เขาเห็นวา่ ตนมืความร้สู ึกรบั ผดิ ขอบและมี ความลามารถทำงานไดผ้ ลดีในสงิ่ แวดล้อมเซน่ นั้น เม่ือมืคนคอยสังเกต อศจ. ปฏบิ ตั งิ านเกีย่ วกับเดก็ และเหน็ อศจ. ทำงานด้วยความเสียสละ ดว้ ยความเมตตา กรุณาแลว้ เขากจ็ ะใหค้ วามนับถือและเหน็ คุณคา่ ของ อศจ. และดังน้ัน อศจ. ซอื่ วา่ ไดไ้ หค้ วามชว่ ยเหลือพยาบาลแพทย์และพนกั งานอน่ื ๆ ของแผนกแลว้ โดยทางอ้อม

๖๐ บทท่ี ๙ แผนกโรคเดก็ ๑. ขอ้ ควรพจิ ารณาเปน็ พิเศษ โดยท่วั ไป แม่ในหนว่ ยทหารเลก็ ๆ อศจ. จะพบแผนกๆ หนงึ่ ใน รพ. ที่จัด ไวโดยเฉพาะสำหรบั เด็ก เดก็ เหล่าน้สี ่วนมากไม่ได็ไปรว่ มในรายการทางศาสนของ อศจ. และ อศจ. กม็ ิได้ติดตอ่ กับเด็กเหลา่ นัน้ นอกจากใน รพ. งานของ อศจ. จะ ได้ผลมากข้ึนถ้าได้ติดตอ่ กบั เดก็ ๆ และกับครอบครัวโดยทางอื่น เนื่องจาก อศจ. จะต้องเป็นผเู้ ริม่ ดน้ ในฐานะเป็นคนแปลกหนา้ ในสภาพการทีแ่ ปลก ฉะนน้ั อศจ. จะต้องวางแผนอย่างถว้ นถ่คี ลมุ ตลอดแผนกโรคเด็ก เดก็ ท่ีว้าเหว่มักเป็นเดก็ ทีต่ นื่ ตกใจ ประสบการณ์อนั จำกดั ของเด็กทำใหเ้ ดก็ มคี ำถามมากมายเก่ียวกับส่งิ รอบๆ ตวั เขา เดก็ จะไดร้ ับทศั นคติมากทส่ี ุดจากสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะจากผ!ู้ หญ่ท่เี ขาคบ หาสมาคมด้วย ดงั นั้น อศจ.รพ. ท่รี า่ เรงิ เข้มแขง็ และสงบจงึ ก่อให้เกิดทศั นคตอิ นั เปน็ ประโยชนแ์ ก่เด็ก โดยเด็กเกิดความนิยมท่จี ะเอาอยา่ ง ถ้าเดก็ (เรยี น) รู้ว่าตน อาจไว้วางใจ อศจ. พยาบาล และแพทยไ์ ดแ้ ลว้ ช่วงเวลาที่เฃาฟินจากความเจ็บไข้ จะสั้นเข้า ทัศนคติแหง่ ความไว้วางใจและดวงจิตทเี่ ปยี มไปดว้ ยความหวงั เปน็ การ ชว่ ยทางอายุรเวซท่ีมปี ระสิทธผิ ล ดงั น้นั โดยการผึเกอบรมทศั นคตอิ นั เหมาะลม ให้แก่เด็ก อศจ. ซื่อว่าเป็นผู้ใหค้ วามรว่ มมอื ในการรกั ษาโรคแลว้ เมื่อเดก็ จากบา้ นไป ผ้ใู หญ่ใดๆ กอ็ าจรับภาระเป็นมารดาบดิ าแทนได้ เด็ก ได้เรียนรู้จากการมองดผู ใู้ หญร่ อบๆ ตัวเขา เพ่ือขอความชว่ ยเหลอื และเพ่ือใหช้ ่วย แก้ปญ้ หาตามแนวทางท่เี ขาจะรสู้ ึก ถา้ อศจ. เป็นผู้ต่นื ตกใจเสยี เอง และถ้าการ ปฏบิ ตั ิงานกับเดก็ ทีเ่ จ็บป่วยสรา้ งปฏิกริ ยิ าอันรนุ แรงขึน้ แก่ อศจ. แลว้ ก็เปน็ การ ยากที่ อศจ. จะให้ความช่วยเหลือแผนกโรคเด็ก อยา่ ง'ไรกด็ ็ ตามปกติ อศจ. เป็น สว่ นหนึง่ ในบรรดาส่งิ ให้ความช่วยเหลอื ทดี่ ที สี่ ดุ แก่เดก็ เจบ็ ปว่ ย แพทย์สว่ นมากซึ่งมี จุดหมายอยทู่ ก่ี ารรักษาโรคเดก็ ยอ่ มจะมีความเมตตาการญุ เข้าใกล้เด็กดว้ ยความ สงบและมีความเข้าใจด็ ทีก่ ลา่ วเชน่ นมั้ ิได้หมายความว่า อศจ. เป็นผไู้ ม่พึง ปรารถนา เพราะว่าการชว่ ยเหลือทีเ่ พ่มิ ข้ึนมาทกุ ๆ อยา่ งเป็นส่งิ มคี ุณค่า ปรากฏซัดวา่ หน้าทขี่ อง อศจ. ต่อเด็กมิใช่การให้ลตปิ ้ญญาแกเ่ ขาเป็น สำคญั สงิ่ จำเปน็ ที่ อศจ. จะต้องปฏบิ ตั ิตอ่ เดก็ มากกวา่ กบั คนโตๆ เสียอีกกค็ ือความ

๖๑ เมตตากรณุ า ความโน้มเอยี งของ อศจ. ส่วนมากคือพยายามตอบคำถามของเด็กๆ ในระดับที่ลึกซง้ึ และกวา้ งขวางมากกวา่ ที่เดก็ คิดเสียอกี อศจ. ควรตอบคำถามของ เด็กอยา่ งตรงไปตรงมาอยา่ งจรงิ ใจ และโดยเฉพาะตอ่ ตัวคำถามนน้ั เมื่อเด็กถามว่า ทำไมเขาจะต้องเจบ็ ปวด มไิ ด้หมายความวา่ เขาพรอ้ มแล้วสำหรับการสนทนานานๆ เกยี่ วกบั ปญั หาเร่ืองความทกุ ขท์ รมาน ถ้าหากว่า อศจ. เปน็ ความอบอนุ่ เป็นเพ่อื น และเป็นผูม้ องเหตุการณ์ในทางดี ไม่พูดแบบนั้าทว่ มทุ่งแล้วเด็กจะเกิดความไวใจ อศจ. และวางใจในสถานการณ์ การทำงานเก่ียวกับเดก็ ตอ้ งใช้จนิ ตนาการเป็นเครือ่ งตดั สนิ ใจเอาเอง บาง คนขอบนำของขวัญเลก็ ๆ น้อยๆ เซ่นลกู โปง่ หรอื ลูกกวาดติดมอื ไปกำนัลแกเ่ ดก็ ดว้ ย ยงั เป็นท่สี งสยั วา่ การทำเซน่ น้นั เปน็ วธิ กี ารทีด่ ีหรือไม่ เพราะถา้ แจกลกู กวาดแกเ่ ด็ก ลกู กวาดอาจทำอันตรายพนี หรอื ทำลายน้ัายอ่ ยอาหารของเด็กได้ ถ้าแจกลูกโป่งแก่ เด็ก เดก็ อาจเป่าหรือดูดลูกโปง่ ทำใหล้ ูกโปง่ เช้าไปตดิ หลอดลมเป็นเหตใุ หถ้ ึงความ ตายไต้ อศจ. จะต้องไม่ลดความสำคญั ของตนลงไป หมายความว่า อศจ. จะตอ้ งไม่ ทำให้เด็กเห็นวา่ ตนมืบทบาทเพียงให้ของขวัญเลก็ ๆ น้อยๆ เทา่ น้นั อศจ. ตอ้ งทำ ตวั ให้ผอู้ ่ืนเหน็ ว่าเป็นผใู้ ห้ความเชา้ ใจ ให้คำปรกึ ษา และให้ความรกั ทก่ี ลา่ วเซน่ นี้ มิไตห้ มายความวา่ การให้ “ของขวญั ” นน้ั ถกู หา้ มเสียทเี ดียว เปน็ แตว่ า่ ใหเ้ รา คิดถงึ เรื่องนีอ้ ย่างถว้ นถเ่ี ท่านัน้ การเล่นงา่ ยๆ ท่เี ด็กลามารถเช้าใจได้และเล่นไดโี ดย สำพงั อาจชว่ ยให้เด็กคลายความเงียบเหงาได้ และช่วยใหพ้ ยายามลดงานลงด้วย จะต้องไมใ่ ห้อะไรๆ ท่ีเดก็ จะทำให้ รพ. เลอะเทอะเปรอะเปีอน บางทเี คร่อื งบนิ เล็กๆ ท่ใี ห้แก่เด็กอาจเป็นเหตใุ หเ้ กดิ ความย่งุ ยากมากมาย เพราะเมอื่ ใหอ้ ะไรแก่ เด็กแล้วจะขอรอ้ งไม่ใหเ้ ขาเล่นส่งิ นั้นเปน็ ของทำไดย้ าก จงจำไวว้ า่ การติดต่อเป็น สว่ นตัวกับเด็กนน้ั มืความสำคัญย่ิง เม่อื ปฏิบตั ิงานอยู่กับแผนกโรคเด็ก หนา้ ทีส่ ำคญั อันหนง่ึ ท่ี อศจ. จะต้อง นำพาคือ “ครอบครัว” อศจ.มีโอกาสพบปะกับมารดาเด็กมากกวา่ บดิ าของเขา เพราะบดิ าหาเวลาไปเย่ียมได้ยากกวา่ มารดา มารดาบดิ ามีความร้สู กึ วา่ ตนเองมี สว่ นทำความผิดท่ีปล่อยให้โรคเกิดกับเด็กและเปน็ ต้นเหตแุ หง่ ความทุกขย์ ากต่างๆ มารดารู้สกึ วา่ ถ้าเธอจะไตอ้ ยูแ่ ล้วเด็กกจ็ ะไมท่ ำหม้อนั้าร้อนหก มารดาตระหนักว่า เธอไมค่ วรปลอ่ ยให้เด็กข้ามถนนโดยไม่มีคนชว่ ยเหลอื มารดามคี วามสำนึกว่าถา้

๖๒ เธอใหเ้ ด็กไดร้ บั การฉดี ยาตามกำหนดแล้วเด็กก็จะไมเ่ ป็นโรคท่ีเขาเปน็ อยู่ใน ขณะนั้น อศจ.รพ. ที่ฉลาดและไดร้ ับการ‘ฝึกมาตแี ล้วจะเป็นผ้พู รอ้ มทจี่ ะใช้เวลา สว่ นใหญก่ บั ครอบครัวของเดก็ ๆ ท่ีเชา้ ไปพักรกั ษาตวั อยใู่ น รพ. สงิ่ สำคัญท่ีจะตอ้ ง นำมาใช้ในทนี่ ค้ี อื การพงี แบบรวมจุดซึง่ ไดก้ ลา่ วไว้แลว้ ในบทที่ ๒ หมายความว่า อศจ. จะตอ้ งปลอ่ ยใหม้ ารดาบดิ าของเดก็ พดู ถงึ ความรูส้ กึ ของเขา ไม่จำตอ้ งพูด เรือ่ งเกย่ี วกับเด็กเสมอไป จงจำไว้ว่า ท่ีใดมเี ด็กเชา้ ไปรับการรักษาพยาบาล ท่นี น้ั อาจมีเด็กบางคนท่ีมไิ ดร้ ับการดแู ลรักษาเทา่ ทค่ี วร เพราะเหตทุ ีม่ ารดาบิดาของเขา ไปอย่ใู นท่นี ้ัน อาจเป็นคณุ ประโยชนม์ ากกว่า ล้ามารดาจะลดชวั่ โมงการเยย่ี มลง และออมแรงไวด้ แู ลลกู ๆ ทางบ้าน มารดาบดิ าบางคนตดิ แจอยู่กบั ขอบเตียงลกู เพราะเหตทุ มี่ ีความรูส้ ึกว่า “ตนมีความผดิ ” ดงั กล่าวแลว้ อศจ. เป็นผ้รู ับรอง มารดาบดิ าวา่ มีสิทธิทจี่ ะมคี วามรสู้ ึกอยา่ งไรก็ได้ ลา้ มารดาบดิ าใชเ้ วลาสำหรับ พกั ผ่อนไปเฝาื ลูกทีเ่ จ็บปว่ ยจนคํ่าคืนดกึ ดนื่ แล้วจะเปน็ เหตใุ ห้เขามอี ารมณห์ งดุ หงิด โกรธงา่ ย ลา้ มารดาบดิ าไมส่ ามารถสงั เกตเหน็ อารมณข์ ุ่นมัวและความขัดเคืองของ ตนนน้ั และรับเอาไว้จนกลายเป็นปกตนิ ิสัยแล้ว ยอ่ มจะทำใหเ้ กดิ ผลรา้ ย อศจ. ควร เปน็ ผ้สู ามารถทำให้มารดาบดิ าทต่ี นติดตอ่ อยู่นัน้ คยุ เก่ียวกบั ความรสู้ กึ ของเขาเอง คำพดู ทีไ่ ดย้ นิ กันอยจู่ ำเจ เซน่ “อาการของเด็กเปน็ อย่างไรบา้ ง ?” “ข้าพเจ้าทราบ วา่ เปน็ เรอื่ งยากสำหรบั เด็กทีจ่ ะทนตอ่ สภาพเซ่นน”้ี และคำพูดอ่ืนๆ ทำนอง เดียวกนั น้คี วรงดเวน้ เสีย ถา้ ถงึ คราวตอ้ งพูด ควรพดู โดยท่มี คี นทเ่ี รานงั่ อยู่ด้วยนนั้ เปน็ จดุ ศนู ยก์ ลาง มิใซ่คนทีไ่ ม่ได้อย่ทู ีน่ น้ั เซน่ ควรจะพูดวา่ “สงิ่ นค้ี งทำใหค้ ณุ อ่อนเพลียมากทเี ดียว” หรอื วา่ “เรื่องนี้มใิ ช่เปน็ ของง่ายสำหรบั คณุ เลย” เป็นต้น คำพูดทำนองนีต้ ามปกตยิ อ่ มไดร้ บั คำตอบสนองอันอบอุ่น การปฏิบัตงิ านเกี่ยวกับเด็กใน รพ. มีชอ้ ควรสังวรอย่อู ันหนงึ่ คือ เพยี งแต่ ใหจ้ ำไว้ว่า “เด็กกเ็ ป็นคน” ผู้ใหญบ่ างคนขอบพดู ดงั ๆ ต่อหน้าเด็กในเรื่องทตี่ นคิด ว่าเด็กไม่เชา้ ใจ เปน็ การดกี วา่ ทีจ่ ะคาดการณ์ไวล้ ว่ งหน้าว่า เด็กย่อมจะเชา้ ใจคำท่ี เราพดู และการใชค้ ำพูดทีต่ นคดิ วา่ เดก็ ไม่เชา้ ใจนน้ั ถา้ เด็กตีความหมายผิดแล้วกซ็ ้ํา จะเกิดผลร้ายยง่ิ ไปกวา่ คำพดู ธรรมดาเสยี อีก ถา้ หาก อศจ. และครอบครัวต้องการ จะพดู เร่ืองอะไรเกย่ี วกับตวั เดก็ กค็ วรหาที่คยุ ไม่ให้เขาได้ยนิ หรือไมก่ ็ใหเ้ ขาเช้ารว่ ม วงสนทนาเสียดว้ ยเลย

๖๓ ๒. สรุปความ การร่วมมอื กันอยา่ งใกล้ชิดกบั แพทย์เป็นสง่ิ สำคัญในทุกๆ กรณี การ ร่วมมอื เซ่นนนั้ ย่อมมคื วามสำคญั เกยี่ วกบั เด็กๆ โดยไมต่ อ้ งสงสยั เปน็ การยากทจ่ี ะ ทราบว่าเดก็ เจบ็ ป่วยอยา่ งไร หรอื อะไรกำลงั รบกวนเขาอย่างหนกั เนื่องจากวา่ เดก็ ไม่สามารถบอกเราดว้ ยตัวเขาเอง เพราะฉะนนั้ ทางทีด่ ็ อศจ. ควรทำงานอยา่ ง ใกล้ชดิ กบั พยาบาลและแพทยเ์ พื่อจะไดท้ ราบการวินิจฉยั โรคและการทำนายอาการ ของโรคทีเ่ กี่ยวกับเด็กเป็นรายตวั แพทย์และพยาบาลจะสำนกึ บุญคุณ อศจ. ท่ีไป เยีย่ มแผนกโรคเดก็ โดยตอ่ เนอ่ื งกัน แน่นอนวา่ ความสำนึกบญุ คุณตังกล่าวน้ีจะ เกิดขึน้ ไดก้ โ็ ดยท่ี อศจ. แสดงให้เขาเหน็ วา่ ตนมืความร้สู ึกรบั ผดิ ขอบและมี ความลามารถทำงานได้ผลดใี นสงิ่ แวดล้อมเซน่ น้ัน เม่ือมืคนคอยสังเกต อศจ. ปฏบิ ัตงิ านเก่ียวกับเดก็ และเหน็ อศจ. ทำงานด้วยความเสียสละ ด้วยความเมตตา กรณุ าแล้ว เขาก็จะใหค้ วามนบั ถอื และเห็นคณุ คา่ ของ อศจ. และดังนน้ั อศจ. ซอื่ ว่า ไดไ้ ห้ความช่วยเหลือพยาบาลแพทยแ์ ละพนักงานอื่นๆ ของแผนกแลว้ โดยทางอ้อม

๖๔ บทที่ ๑๐ แผนกคนไข้หญงิ ๑. ข้อควรพจิ ารณาเปน็ พิเศษ อศจ. มักเขา้ ใจตนเองว่า มีหนา้ ทีเ่ ฉพาะกับทหารชายเทา่ น้นั แตค่ วาม จรงิ แลว้ อศจ. ยงั จะตอ้ งรับผดิ ซอบทหารหญิงและขา้ ราชการพลเรอื น กห. หญงิ อกี ด้วย แมีในหน่วยเสนารกั ษเ์ ลก็ ๆ ตามปกติเชาจะจัดแผนกคนไข้หญงิ ไว้ ๒ แผนกเปน็ อย่างนอ้ ยคือ แผนกสตู กิ รรม และแผนกโรคทว่ั ๆ ไป แต่ รพ. สว่ นมาก เชาจดั แผนกคนไขห้ ญิงไว้มากกวา่ นใี้ นการตกลงใจว่าจะไปเยย่ี มแผนกคนไข้หญิง เมื่อไรน้ัน อศจ. ควรปรึกษาหารือกับแพทย์และพยาบาลแล้วกำหนดตารางเยี่ยมไข้ ใหม้ สี ว่ นสมั พนั ธ์กบั การรกั ษาพยาบาลเพือ่ ไมใ่ ห้คนไขเ้ กดิ ความชวยเขิน อศจ. ไม่ ควรไปเยี่ยมในชณะท่ีเชาเกดิ ความโมโหฉนุ เฉียว ตามปกตพิ ยาบาลประจำอาคาร จะสามารถแนะนำไดว้ า่ อศจ. ควรไปเยี่ยมเวลาไหนจึงจะไต้ผลมากทสี่ ุด อย่างไรก็ ดี อศจ. ควรพยายามหาเวลาเย่ียมท่ไี มต่ รงกบั เวลาเยี่ยมปกติ การเย่ยี มชอง อศจ. เป็นการเยี่ยมตามหน้าที่ ไมใ่ ช่เป็นการเยยี่ มทางสงั คม มีอยู่บ่อยๆ ท่คี นไขห้ ญงิ ตอ้ งการพบ อศจ. เมอื่ สามีชองเธอไมอ่ ยู่ทน่ี ่ันดว้ ย อาจมีบางเรอื่ งท่ีคนไขห้ ญงิ ตอ้ งการเก็บเป็นความสบั หรือเปน็ เรอื่ งเกีย่ วกบั สามีชองเธอโดยตรงและเปน็ เรื่องท่ี คนไขห้ ญงิ ยงั ไม่พร้อมทีจ่ ะนำขึน้ มาพดู กบั สามชี องเธอ แตต่ ้องการจะปรึกษา อศจ. ก่อน ดงั น้นั อศจ. ควรแจง้ เจา้ หน้าทีช่ อง รพ. ใหท้ ราบถงึ ความจำเปน็ ทีจ่ ะต้องเข้า เยย่ี มคนไข้เมื่อไมม่ ีผูเ้ ยยี่ มอ่นื ๆ อยู่ ณ ท่นี ัน้ เนอื่ งจากว่าความรู้สึกวา้ เหวแ่ ละความรสู้ ึกวา่ ตนเองถกู ทอดทงิ้ เปน็ อันตราย เบือ้ งตน้ อยา่ งหนง่ึ ในการรักษาพยาบาลจงึ อาจเปน็ ผลดีลา้ จะไต้ขึแ้ จงให้คนไข้หญิง เหน็ ว่า ทหารไมล่ ามารถเยยี่ มภรรยาชองตนได้บ่อยๆ เหมอื นอย่างพลเรอื น เม่ือสามีที่ เปน็ ทหารออกผเึ กภาค ออกผึเกค้างแรมนอกท่ีต้งั หรอื ถูกสง่ ออกไปปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ทาง ทหารอื่นๆ แล้ว ภรรยาชองเชาทเ่ี ขา้ ไปรกั ษาตัวอย่ใู น รพ. อาจกลายเปน็ คนชาดความ เบกิ บานแจม่ ใส ในกรณเี ชน่ นี้ อศจ. อาจทำหน้าทแ่ี ทนทหารผู้น้นั ทก่ี ลา่ วนม้ี ิไค้ หมายความวา่ ให้ อศจ. นำตัวเข้าไปผูกพนั กับคนไข้หญิงทางอารมณ์ แต่หมายถึงให้ อศจ. เป็นโสตชองบุรษุ เพศคอยรขั ฟ้งความรสู้ ึกที่เธอระบายออกมา ขอ้ ควรจำมอี ยู่วา่ ในสภาพการณช์ อง รพ. อารมณอ์ าจเปน็ ล่ิงท่ีควบคุมไมไ่ ต้ ฉะน้ัน อศจ.ไมค่ วรถือ

๖๕ จรงิ จงั เกนิ ไปนกั ในเรื่องท่ีตนได้ยิน หญิงที่แตง่ งานแลว้ และเร่ิมระบายความชิงซงั สามี ของเธอออกมานั้นอาจเป็นเพียงการร้องทกุ ขต์ อ่ คนทวั่ ๆ ไป เพราะสาเหตเุ น่อื งมาจาก ความเจบ็ ป่วยของเธอ แตเ่ ธอไดป้ ้ายความรู้สกึ ไปทส่ี ามขี องเธอเท่าน้ันกไ็ ด้ อศจ. ควร ตรวจสอบความรู้สกึ ของตนเองเสมอๆ เพอื่ ปอ้ งกันมิใหค้ วามผูกพนั ทางอารมณ์เกดิ ขึ้น เนอ่ื งจากมีบางคนเขา้ ใจวา่ อาชีพทหารซัดต่อความผาสุกของชีวิตครอบครวั (ทศั นะ ดังกล่าวน้ีแมจ้ ะไม่เปน็ ความจรงิ ก็ตาม) ฉะนั้น ในการปฏบิ ตั ิงานกับสตรีทเี่ ข้าไปพัก รกั ษาตัวอยู่ใน รพ. อศจ. จำต้องปฏิบตั งิ านประซาสัมพันธ์ซงึ่ มคี วามสำคัญอกี ดว้ ย อศจ.ไมค่ วรทำแบบขอไปที แต่ควรทำงานดว้ ยความเตม็ ใจและดว้ ยความภาคภูมิใจ งาน อศจ. ทว่ี างแผนไวด้ ีแลว้ ในแผนกคนไข้หญิงเปน็ งานสำคญั ในงานดังกลา่ วนี้ อศจ. จะตอ้ งส่งเสรมิ สวัสดภี าพครอบครัวของทหาร ดว้ ยการส่งเสริมนอี้ าจมี ความสำคัญมากทีส่ ดุ ๒. สรปุ ความ คำเตอื นสติทีเ่ ปน็ ประโยซนม์ ีอยู่อีก เมอ่ื อศจ. เริ่มเข้าไปทำงานบรกิ ารจะ มีแรงจูงใจตามทผี่ ้เนอย่างไรน้นั ไมส่ ำคญั อศจ. อาจมีแรงจูงใจอนั ทส่ี องคือ ความคิด หลกี เล่ียงงานเกี่ยวกบั สตรเี พศ ถ้า อศจ. คิดหลกี เล่ยี งแลว้ เขากอ็ าจยกเหตผุ ล นานาประการมาอา้ งได้ เซน่ เหตผุ ลวา่ ทำไมเขาตอ้ งใชเ้ วลาในแผนกอืน่ ๆ มาก และในแผนกคนไข้หญงิ น้อยเปน็ ดน้ อศจ. ควรตั้งขอ้ สงสัยในเหตผุ ลเซ่นนั้นใหม้ าก และควรตรวจสอบความรู้สกึ ของตนเอง เม่อื ทหารออกไปอยูใ่ นสนามหรอื ออกไป ปฏิบตั หิ นา้ ท่อี ื่นๆ บริวารซนเซ่นภรรยาของเขาย่อมเปน็ ผมู้ คี า่ ควรที่ อศจ. จะเอา ใจใส่ เมื่อ อศจ. แสดงความต้องการท่จี ะใหค้ วามชว่ ยเหลอื อย่างจรงิ ใจแล้ว แพทย์ และพยาบาลในแผนกคนไขห้ ญงิ ย่อมยนิ ดใี หค้ วามร่วมมอื ความรว่ มมือของแพทย์ และพยาบาลตอ่ อศจ. จะปรากฏผลดีแก่การรักษาพยาบาล แพทย์ไมจ่ ำเปน็ ต้อง เปลอื งเวลาเพียงเพอ่ื คอยรบั พงี เลียงบ่นของคนไขเ้ พราะ อศจ. สามารถทำหน้าที่ ดังกลา่ วนแี้ ทนไดแ้ ละทำได้ดีกวา่

๖๖

๖๗ บทที่ ๑๑ แผนกแยกบำบดั ๑. ข้อควรพิจารณาเปน็ พิเศษ เพื่อปอ้ งกันและควบคุมไม่ใหเ้ ชื้อโรคแพรต่ อ่ ไป “แผนกแยกบำบดั ” จงึ ไดถ้ ูกจดั ไวภ้ ายใน รพ. สำหรบั คนไฃ้ที่เป็นโรคตดิ ตอ่ โดยเหตทุ ่ี “ความโดดเดยี่ ว” และ “การถูกละเลย” เปน็ ปญ้ หาทมี่ อี ยู่แลว้ เป็นปกติธรรมดาใน รพ. แตเ่ มอ่ื ถกู กกั กันตวั อยใู่ นแผนกน้ีแลว้ คนไข้จะพบป้ญหานี้เดน่ ซดั ยิ่งชื้น คือมใิ ซ่ถกู ตดั จากโลก ภายนอกเทา่ นัน้ แต่จากโลกคือ รพ. ดว้ ย เมอื่ คนไขถ้ ูกตัดออกจากโลกของผ้มู สี ุขภาพคืและยังมาถกู ตัดออกจาก คนไข้อน่ื ๆ อีกเซ่นนีแ้ ลว้ ความโกรธจะเรมิ่ คกุ ร่นุ อยู่ภายใน ความโกรธแบบไฟสมุ ขอนเซ่นนีอ้ าจทำให้คนไข้แสดงออกมากับนายแพทย์ นางพยาบาล อศจ. หรือกบั คนในครอบครัวของเขา ในกรณเี ซ่นน้ี อศจ. ประจำ รพ. จะเปน็ สะพานเช่อื มท่ี สำคัญย่งิ ระหว่างคนไขแ้ ผนกน้กี ับโลกภายนอก อศจ. อาจช่วยส่งเสริมคนไขโ้ ดย ชว่ ยให้เขาระบายอารมณ์ออกมา การทำเซ่นน้ีเพอื่ ถอดถอนความคดิ นึกอนั เป็นพิษ ภยั ซ่งึ เป็นอุปสรรคต่อการเยยี วยา อศจ. จะต้องไมอ่ วดอ้างตนวา่ เป็นผู้รอบร้แู ละ เขา้ ใจความนกึ คิดทงั้ มวลท่สี ิงอยใู่ นคนไขป้ ระเภทนี้ แต่ อศจ. อาจแสดงความ เขา้ ใจคนไขโ้ ดยการรบั สารภาพวา่ ตนเองมฃี ีดความรู้ความสามารถจำกัด เซ่น กล่าวว่า “ขา้ พเจ้าไมส่ ามารถเข้าใจทกุ สิง่ ทุกอย่างทีเ่ ผชิญท่านอยู่ แต่ก็พอสำนกึ รู้ ไดว้ ่า ส่ิงทีท่ ่านประสบอยนู่ ้จี ะต้องก่อความยากสำบากใหแ้ ก่ท่าน” การกลา่ วเซน่ นี้ หรือถอ้ ยคำอน่ื ๆ ท่านองเดยี วกันนจี้ ะทำให้อารมณข์ องคนไข้แจ่มใสชืน้ เป็นเหตซุ กั จูงคนไขใ้ หเ้ กิดความเชื่อถือ อศจ. และผ่อนคลายความเครยี ดของประสาททีเ่ ขาได้ สรา้ งมันช้นื มา “การเปล่ียนความรสู้ กึ ไม่ดีใหก้ ลับดีข้นึ ” เปน็ กฎเกณฑ์คร่าวๆ และ สำเรจ็ รปู ของ อศจ.รพ. ซงึ่ กฎเกณฑอ์ ันนีอ้ าจไมถ่ ูกเผงทีเดียวนักเพราะเป็นการพูด คลมุ ท่วั ๆไป แต่มีตวั อยา่ งมากมายที่กฎเกณฑ์ท่วี ่านใ้ี ข้โดผ้ สดีคืออยา่ งนอ้ ยกเ็ ป็น เครื่องนำทางในเบือ้ งตน้ ตามขอ้ เทจ็ จริงปรากฏวา่ ผู้เยี่ยมไข้ทั่วๆ ไป มกั ไม่สนใจ คนไขว้ า่ จะมีอารมณ์ขนุ่ มัว วติ กกังวล และอน่ื ๆ ซง่ึ เป็นทางลบโดยมุ่งแต่จะใหค้ นไข้ สนทนาดว้ ยความสนุกร่าเริงถา่ ยเดยี วแมีในช่ัวขณะที่พวกเขาทำการเยี่ยมอยนู่ ้ัน

๖๘ คนไขส้ ว่ นมากเขา้ ใจความตอ้ งการของผมู้ าเยยี่ มมากกวา่ ทแ่ี ขกผู้มาเย่ยี มจะเขา้ ใจความต้องการของคนไข้เสยี อกี สว่ นมากคนไขไมข่ อบพดู เรอ่ื งความตาย เขาจะ พยายามเปลยี่ นเรอื่ งท่นี า่ หวาดกลัวไปพูดเรื่องเก่ียวกบั ลมฟ้าอากาศ การเดนิ ทาง มา รพ. วา่ จราจรคบั คงั่ ไหมเป็นตน้ ความเจบ็ ปวดเปน็ อีกเรอื่ งหนึง่ ทคี่ นไขพ้ ยายาม ปดี บงั แขกผู้มาเยี่ยม คนไขต้ ้องสนิ้ เปลืองกำลังใจไปไมน่ ้อยในการขจัดความนกึ คิด อันหม่นหมองเพ่ือปะทะประทังสขุ ภาพของตนไวใ้ นเร่ืองเซน่ น้แี หละทค่ี นไข้ ต้องการความช่วยเหลอื จาก อศจ. ในยามมืดมนเซน่ น้ีความศรทั ธาในหน้าท่ีจะยึด เหนี่ยว อศจ.ไวแ้ ละทำใหอ้ ศจ.ไม่รสู้ ึกเหนอ่ื ยหน่ายต่อภารกจิ ดงั กลา่ วอศจ. ทราบดีวา่ การปฏเิ สธไม่ยอมให้คนไขร้ ะบายความในใจของเขาออกมานนั้ หาใช่ เปน็ การช่วยเหลือเขาไม่ จงปลอ่ ยให้คนไขพ้ ูด เช่นว่า “วนั นี้ข้าพเจ้ารสู้ กึ หอ่ เหี่ยวใจ เหลือเกิน” และ อศจ. ควรตอบดว้ ยประโยคว่า “ขา้ พเจ้ากแ็ นใ่ นวา่ ท่านจะตอ้ งมี ความร้สู ึกเช่นนนั้ จะกรณุ าเลา่ ใหข้ ้าพเจ้าฟง้ บ้างไดไี หม ?” ดกี วา่ ทจ่ี ะตอบวา่ “น่ี แน่ ขอเราอย่าคุยกนั เกย่ี วกับเร่ืองนน้ั เลย” จงปลอ่ ยให้คนไข้พดู ถ้าคนไขถ้ ามวา่ “อนุศาสนค์ รับ ทา่ นเคยคดิ ถึงเร่ืองความตายบา้ งไหม ?” อศจ. อาจตอบว่า “เคยซิ ครับ ทำไมจะไม่เคยคดิ ทำไมรึ คณุ กำลงั คิดถึงเร่อื งความตายอยู่หรอื ถ้าเช่นนน้ั โปรดคุยให้ฟ้งบา้ ง ข้าพเจ้ายินดที จ่ี ะฟ้งเร่ืองเช่นน”้ี อศจ. ควรมีความสามารถพดู ตอบโตเ้ พือ่ ซักจูงคนไขท้ างออ้ มอีกด้วย คนไขท้ อ่ี ยใู่ นอาคารหรอื ห้องโรคตดิ ต่ออาจกำลงั พยายามทำอาชวี ะบำบดั เชน่ บาง ทเี ขากำลังพยายามวาดรปู ภาพและกำลงั แสดงอาการเกร้ียวกราดแผ่นภาพนั้นอยู่ เมอ่ื พบเหตุการณ์เช่นน้ันเขา้ อศจ. อาจกลา่ วแก่เขาวา่ “ดูเหมือนคณุ กำลังโกรธ ภาพทีค่ ณุ กำลังวาดอยู่ ถา้ ปลอ่ ยความโกรธใหม้ ากกวา่ น้ีแลว้ ข้าพเจา้ สงสัยว่าคณุ ก็ จะโกรธโลกทั้งโลกและทำลายมันเสยี ดังภาพแผ่นนี้กระมัง” อยา่ งไรกต็ าม ขอยก'ว่า อศจ. จะต้องไมผ่ ลักดันให้ใครๆ พดู เร่ืองทจ่ี ะทำใหเ้ ขาหดหู่และเศร้าหมอง อศจ. จะเป็นเพียงแต่ผ้รู ับรคู้ วามนกึ คิดที่หดหู่เศรา้ หมองทเ่ี ขามีอย่นู ้ัน ให้ อศจ. สนใจ เร่ืองน้ันอยา่ งจรงิ จงั แตเ่ ป็นระยะเวลาเพียงคร่เู ดียว จงเปดี โอกาสคนไขใหพ้ ูดเรือ่ ง เชน่ น้ัน แต่พยายามซกั จงู ใหเ้ ขาหนั เหไปเลียจากเร่ืองนั้น ตามปกติ คนไข้ยอ่ มรสู้ กึ ขอบคุณ อศจ. ทเ่ี ปิดโอกาสใหเ้ ขาได้สำรวจความนกึ คดิ ของเขาเอง บางทกี ็ เทยี บเคียงความคดิ น้นั กับความนกึ คดิ ของ อศจ. บุคคลทีข่ วัญเสียและได้รบั ความ เจบ็ ปวดทุกข์ทรมาน ต้องการคนที่มคี วามเขม้ แข็งพอทจี่ ะทนนั่งอย่เู ป็นเพ่อื นและ ยอมรับรู้สภาพที่เขาเป็นอยู่ พลงั ที่เกิดจากการเข้าไปมสี ่วนทกุ ขย์ ากดว้ ยนัน้ จะชว่ ย

๖๙ ส่งเสริมสขุ ภาพของคนไขไดเ้ ป็นอยา่ งดยี ่ิงทีเดียวหรอื อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ กท็ ำจติ ใจของ คนไขใหเ้ ตรยี มพร้อมและมคี วามวติ กกงั วลน้อยลง กฎท่ีวา่ “จงช่วยคนไขท้ ่ีมีจติ ใจตกต่ําหม่นหมองใหด้ ขี น้ึ ” เปน็ หลกั ลำหรับใช้กับคนไฃท้ ่ถี ูกตดั ขาดจากโลกภายนอกโดยเฉพาะ การชว่ ยบรรเทาความ โดดเด่ยี ววา้ เหวข่ องคนไข้ถือวา่ เป็นความชว่ ยเหลืออนั ทรงคุณค่าลำหรับ อศจ. ความโกรธและความกลัวท่สี ิงอยใู่ นจิตใจของคนไข้ บางทจี ะผ่อนคลายลงได้เมอื่ อยู่ ในสงิ่ แวดล้อมทไี่ มม่ ีการขม่ ขู่ อศจ.ไม่จำเปน็ ต้องวิตกกังวลมากนักในปัญหา ทางบวก เช่นการรักษาพยาบาล และการให้อาหารบำรุงคนไข้เป็นดน้ เพราะ ภารกิจเหล่านม้ี เี จ้าหน้าทอ่ี นื่ ๆ คอยเป็นธรุ ะอยู่แลว้ ความจำเป็นลำหรบั อศจ. คือ อยา่ งนอ้ ยท่ีสุด อศจ. จะตอ้ งเปน็ นักฟง้ ที่ดีและจะไมผ่ ละหนีจากปัญหาทางลบของ คนไข้ เชน่ ความหอ่ เหี่ยว ความหมน่ หมอง ความวติ กกงั วล และความเลยี ขวัญเป็น ด้น เพราะสงิ่ เหลา่ น้ีมคี วามสำคญั ทางอารมณ์ของคนไขอ้ ย่างยง่ิ ในการเยีย่ มคนไข้โรคตดิ ต่อนี้ อศจ. จะต้องปฏบิ ตั ิตามกฎของ รพ. อยา่ ง เครง่ ครดั เม่อื แต่ละคนทไี่ ปติดตอ่ กับคนไขต้ ่างปฏบิ ตั ิตามคำแนะนำของ รพ. แลว้ ก็ จะเป็นการปอั งกนั ไมใ่ ห้โรคติดต่อแพร่ตอ่ ไป ถึงแมว้ ่าวิธีแยกบำบดั จะไดถ้ ูกวางไว้ เปน็ มาตรฐานสากลแล้วก็ตาม แต่ก็ควรปฏบิ ัตติ ามระเบียบประจำที่แต่ละ รพ. ตั้งข้นึ ไวโ้ ดยเฉพาะอีกดว้ ย ระเบียบดงั กล่าวนอี้ าจรวมถงึ การสวมถงุ มือ สวม หนา้ กาก ในขณะเยี่ยมไข้ และการชำระลา้ งมอื อยา่ งหมดจดเมอื่ ออกจากเขตท่ีอยู่ ของคนไขแ้ ตล่ ะคนดว้ ย อศจ. ควรเอาใจใส่ระมดั ระวังไวท้ กุ ทาง และเนอ่ื งจากวา่ คนไข้จะได้รับคำแนะนำเก่ยี วกบั วัตถปุ ระสงคข์ องวธิ ีการแยกบำบดั แลว้ วิธีการ เหลา่ นน้ั ไมจ่ ำต้องสรา้ งสง่ิ กดี กน้ั ข้นึ ระหวา่ ง อศจ. กบั คนไข้ อศจ. ควรเอาใจใส่ ปฏบิ ตั ิรายการ “ศาลนบรกิ าร” ให้ลลุ ่วงไป สง่ิ สำคัญทส่ี ดุ ประการหน่ึงลำหรบั อศจ. คอื การนำบรกิ ารไปให้ถงึ ที่พักของคนไข้ท่ีไม่ลามารถไปชุมนมุ รว่ มกบั คนไข้ อน่ื ๆ ได้ เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่าคนไขท้ ี่ถูกแยกไวร้ ักษาพยาบาลต่างหากนั้น ยอ่ มมคี วามร้สู กึ วา่ ตนถกู ทอดทง้ิ อยแู่ ลว้ ล้าหาก อศจ. ซ่งึ มฐี านะเปน็ ตัวแทนของ ศาลนามาทอดท้งิ เขาอีกด้วยแลว้ คนไขก้ ็จะตกอยใู่ นสภาพเลวร้ายลงไปอีก การ ปรกึ ษาหารือกับเจา้ หนา้ ท่ีของ รพ. เป็นสิง่ จำเปน็ ในการเตรยี มการบรกิ ารเชน่ นน้ั แต่ อศจ. กอ็ าจทำการเตรียมการไว้กอ่ นและควรทีจ่ ะเตรียมการไวล้ ่วงหนา้ เปน็ การดี การสง่ บรกิ ารไปยังที่พกั คนไข้ทางเครือ่ งขยายเลยี งหรอื โดยวิธกี ารอนื่ ใดจะ

๗๐ นำมาใชแ้ ทนการไปเยี่ยมจรงิ ๆ หาไดไม่ ปัญหาต่างๆ ของคนไข้แต่ละคนอาจจะ ปฏิบัติให้ลุลว่ งไปด้วยดีทั้งหมดไมไ่ ด้ แตท่ กุ ๆ โอกาสที่มี อศจ. กค็ วรนำปัญหา เหลา่ นน้ั มาพจิ ารณาและใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์เพื่อแสดงให้คนไข้เหน็ ว่า เขาน้นั มไิ ด้ ถูกลมื และยงั มีบางคนคอยเอาใจใสเ่ ขาอยู่ ๒. สรปุ ความ โรคตดิ ตอ่ หลายชนดิ มีอารมณเ์ ป็นสว่ นประกอบเจือปนอยดู่ ว้ ย อาการ ทางอารมณอ์ าจเปน็ กุญแจสำคญั ทำใหก้ ารรกั ษาพยาบาลยน่ ระยะเวลาสั้นเชา้ ถา้ หากอาการทางอารมณเ์ ปน็ ลบ อาการโรคก็จะประกฏมดื มน อศจ. เป็นกุญแจ สำคัญต่อปัญหาน้ี ความเอาใจใส่ของ อศจ. จะทำให้ผ้อู ่นื เหน็ คณุ ค่าและสำนกึ บุญคณุ ตามปกตแิ ล้ว อศจ. จะไดร้ ับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าหนา้ ทฝ่ี า่ ย แพทย์ถ้าหาก อศจ.ไดแ้ สดงความลามารถของตนและทำงานภายในกรอบ ขอ้ บงั คับซึง่ ควบคุมการปฏบิ ตั ิงานของเจา้ หน้าท่อี ืน่ ๆ ด้วย

๗๑ บทท่ี ๑๒ คนไขท้ ีก่ ำลังจะตาย ๑. ข้อควรพจิ ารณาเป็นพิเศษ ตาม รพ. ตา่ งๆ ยังไมม่ ีสถานทีๆ่ จดั ไว้เปน็ พิเศษสำหรบั คนไฃ้ท่กี ำลังจะ ตาย แต่คนเหล่านีอ้ าจมีความตอ้ งการแตกตา่ งออกไปจากคนไขอ้ ืน่ ๆ อยบู่ ้าง เพราะฉะน้ัน การแยกคนไข้ประเภทนพ้ี ิจารณาเสียสว่ นหนงึ่ จงึ อาจเปน็ ประโยชน์ อยูไ่ มน่ อ้ ย งานของ อศจ. เกยี่ วกบั คนไขท้ ก่ี ำลังจะตายมิใซง่ านท่จี ะตอ้ งพูดมากๆ แต่ อศจ. จะตอ้ งเตรียมใจไว้รับพงิ หรอื ไมก่ ็นงึ่ สงบอยา่ งสำรวม เปน็ ทย่ี อมรบั กนั ว่า การเยีย่ มคนไข้กำลงั จะตายโดยใชร้ ะยะเวลาเพยี งส้ันๆ แต่บ่อยครงั้ ยอ่ มไดผ้ ล ดกี ว่าการเย่ยี มนานๆ ตงั้ แต่เข้าถึงคํา่ ถา้ อศจ. สามารถแวะเย่ียมพวกเขาหลายๆ คร้งั ๆ ละเพียงชวั่ คร่แู ลว้ ยอ่ มแสดงถงึ ความห่วงใยของ อศจ. ท่ีมีตอ่ คนไข้ ตามปกติ คนไข้ท่ีกำลังจะตายไมล่ ามารถสำรวมจิตใจไว้เปน็ ชว่ งระยะเวลานานๆ ได้ เขาไม่ ต้องการสนทนาเปน็ เวลานานๆ แตเ่ ขาจะรูส้ กึ สำนึกบญุ คณุ เมือ่ ประจักษ์วา่ ตวั เขา ยังมคี นยอมรับนบั ถือวา่ “เป็นมนุษย์คนหน่งึ ” อยู่ และมไิ ด้ถกู ทอดท้งิ ความกลวั ตอ่ มรณภยั จะอยใู่ นระดบั สูง ในเมอื่ คนไข้กำลงั จะตายร้สู กึ วา่ ตนเองถูกทอดทิ้ง ความรูส้ ึกวา่ “ตนเองถูกทอดทิ้ง” นจ้ี ะหมดไปกโ็ ดยการพบปะตดิ ตอ่ กนั เสมอๆ ตงั นัน้ การไปเยี่ยมในชว่ งเวลาเพยี งสั้นๆ แต่บ่อยๆ คร้ัง จงึ ลามารถกอ่ ให้เกิดความ อบอ่นุ ใจแก,คนไขป้ ระเภทนี้ อศจ. สว่ นมากคดิ ถงึ ความตายโดยการถอื เอาความรสู้ กึ ของตนเปน็ เกณฑ์ จงึ ทำใหเ้ ห็นวา่ “ความตายมใิ ช่เป็นลง่ิ ทีน่ ่ากลัว” แต่คนไข้ส่วนใหญ่หาเปน็ เชน่ น้ัน ไม่ เขาอาจต้องการทป่ี รึกษาทางศาลนาและทางใจเพ่อื ชว่ ยใหป้ ฏบิ ตั ติ นได้ถกู ตอ้ ง เกี่ยวกบั เรือ่ งความตาย ตามปกติ อศจ. จะเกิดความรู้สกึ เบ่อื หน่ายงานท่เี กีย่ วข้อง กบั คนไขป้ ระเภทนีเ้ พราะ อศจ. ก็เป็นมนษุ ยป์ ถุ ชุ นธรรมดาๆ แต่ อศจ. ควรมคี วาม อดทนและถอื เอากรุณาธรรมเป็นท่ีต้ังแทนทจี่ ะตื่นตระหนกเมือ่ เผชญิ อยกู่ ับคนไข้ที่ กำลงั จะตาย ปรากฏวา่ ณ ทใ่ี ด อศจ. กำลงั เปน็ ธรุ ะอยู่กบั คนไขท้ ี่กำลงั จะตายแล้ว ณ ท่ีนั้น เขาย่อมมีข้อผูกพนั กับครอบครัวของคนไข้น้นั ดว้ ย ในกรณีเชน่ น้ี อศจ. ควรเปน็ จุดศูนย์กลางสนองความตอ้ งการของบุคคลเหล่านัน้ ด้วยและช่วยเหลือ พวกเขาใหล้ ามารถเผชิญกบั ข้อเทจ็ จรงิ เก่ยี วกบั ความตาย อศจ. ควรใช้เวลาอยู่กับ

๗๒ บุคคลเหลา่ นน้ั ในขณะทพี่ วกเขามีความโศกเศร้าและไม่ควรปดิ บงั อำพรางความ จรงิ เกยี่ วกับความโศกเศรา้ และความตาย แต่พยายามหาทางเพ่อื ชว่ ยเหลอื บคุ คล เหลา่ นั้นใหย้ อมรับสภาพตามความเป็นจริงเช่นนนั้ อศจ. ไม่ควรตนื่ ตกใจเมอื่ เห็นนั้าตา เพราะน้าั ตาเป็นส่ิงจำเปน็ ทใี่ ดปราศจากเสยี ซงึ่ ความโศกเศร้า ท่นี ้ันย่อมจะพบกบั ความยงุ่ ยากชนดิ อื่น ความโศกเศร้าทีร่ ุนแรงจรงิ จังน้นั คาดคะเนกันวา่ จะเกดิ ขนึ้ ในชว่ งระยะเวลาระหวา่ ง ๘-๑๒ ชั่วโมง ฉะน้นั การปล่อยให้ความกระวนกระวาย ผา่ นพ้นไป การหลกี เลยี่ งจากการปลอบใจด้วยการอ้างขอ้ เทจ็ จรงิ และการปลอ่ ยให้ คนไข้ไดเ้ ผชญิ กบั ความจริงตามสภาพเหตกุ ารณ์ในห้วงเวลาดังกลา่ วจึงยอ่ มจะ บังเกิดผลดีกว่า บอ่ ยครงั้ ทีเดยี วที่ อศจ. มักไม่สามารถปฏิบัติพันธกจิ ดังกล่าวกับ ครอบครัวของคนไขได้เพราะหลงั จากท่คี นไข้ตายเพยี งเลก็ น้อยเขาเหลา่ น้นั ด่วน กลับไปเสียก่อน แต่ อศจ.จะตอ้ งพยายามใช้เวลาเท่าท่มี ีให้เกิดประโยชน์ทส่ี ุด อศจ.ทบ. คนหน่ึงปฏบิ ตั ริ าชการอยู่ ณ รพ. ประจำหน่วยแห่งหนง่ึ ไดร้ ับแจง้ ให้ ทราบวา่ ทาง รพ. ไดโี ทรศัพท์ไปทางบา้ นของทหารคนหน่งึ ซึง่ อยู่ห่างไกลออกไป หลายไมลเ์ พ่อื แจง้ ใหม้ ารดาของเขาทราบว่า “บตุ รขายของเธอปว่ ยหนัก” (การ กระทำเชน่ น้ีเพื่อปอ้ งกนั ไว้ลว่ งหนา้ ซึง่ รพ. มาตรฐานปฏิบัติอยู่) การแจ้งให้ทราบ เช่นนัน้ มไิ ดห้ มายความวา่ ทหารผนู้ ั้นกำลงั จะตายแตห่ มายความว่าเขากำลังได้รบั การรักษาพยาบาลเปน็ พิเศษ เฉพาะรายน้อี าจเปน็ เพราะโรคของเขาร้ายแรงมาก จึงทำให้เขาทรดุ หนักและถงึ แกค่ วามตายลงหลังจากที่มารดาของเขาไดร้ บั แจ้ง เพียงชั่วโมงเศษๆ ทาง รพ. พยายามติดตอ่ ไปใหม่เพ่อื แจง้ ใหท้ ราบถงึ มรณกรรม ของบตุ รขาย แตป่ รากฏวา่ หญงิ น้ันไดจ้ ับเคร่ืองบินเดนิ ทางมาหาบุตรที่ รพ. เสยี ก่อนแล้ว ผบ.รพ. ล่ง อศจ. พรอ้ มรถยนตเ์ ก๋งใหไ้ ปรับเธอท่สี นามบนิ เลก็ ๆ แหง่ หนง่ึ ตึกพกั ผ้!ู ดยลารท่ีสนามบินมหี อ้ งแตเ่ พยี งหอ้ งเดียวไมม่ สี ถานท่ีๆ จะสนทนา ตามลำพงั ได้ เมือ่ อศจ. พบหญงิ นั้นจงึ เชิญให้เธอข้นึ รถแล้วบอกใหพ้ ลขับไปขน กระเป๋าของเธอมาและถอื โอกาสช่วงเวลานน้ั แจ้งใหเ้ ธอทราบถงึ มรณกรรมของ บตุ รขายพรอ้ มลาเหตุ เธอไม่ลามารถยอมรับขา่ วรา้ ยน้ัน หลังจากโวยวายปฏิเสธวา่ ข่าวนั้นไมเ่ ป็นความจริงแลว้ กส็ ะอึกสะอืน้ ร่ําไห้อย่างทารก อศจ. นงั่ อยูก่ ับเธอด้วย ความสงบ ประโยคแรกทีค่ วรพูดกค็ อื “ผมทราบดวี ่า สภาพการณ์เชน่ นยี้ อ่ มกอ่ ความย่งุ ยากใหแ้ กค่ ุณอยา่ งย่งิ แตค่ ำพดู ไม่สามารถชว่ ยอะไรได้ ผมจะน่งั อยกู่ บั คณุ ” ไมม่ ีอะไรที่ อศจ. จำเปน็ ตอ้ งพดู มาก ให้ อศจ. นัง่ อย่กู บั หญิงน้ันจนเธอหยดุ

๗๓ ร้องไห้แล้วเสนอบทบรกิ รรมหรอื คาถาแปลสน้ั ๆ เพอื่ บรรเทาความโศกเศรา้ ของ เธอ ความประสงค์ของหญิงน้นั ในขณะนนั้ คือเดินทางไป รพ. ซง่ึ อยู่ห่างไกลหลาย ไมลเ์ พ่ือคยุ กับแพทย์หรือเจา้ หน้าท่อี ืน่ ๆ ซึ่งรูจ้ ักบตุ รขายของเธอ สงิ ที่ อศจ. จะได้ พบตอ่ มาคอื หญิงนัน้ ไดไิ ปถงึ ห้องพกั ได้พบกบั ผอ.กาซาด ซง่ึ เปน็ ผูช้ ่วยเหลือใหเ้ ธอ ได้ติดต่อกับคนที่เธอตอ้ งการพบ การสนทนาของเธอกบั แพทยแ์ ละข้อเทจ็ จรงิ ๒- ๓ ข้อของแพทย์ซง่ึ ชว่ ยเหลอื เธอไดม้ าก เธอยังได้สนทนากับ ผบ.รพ. กับ ผบ. หน่วยทีบ่ ุตรขายของเธอสงั กัดอย่แู ละสนทนากบั ผู้แทนหนว่ ยซง่ึ เปน็ ผแู้ นะนำขอ้ จำเป็นและสิทธิบางประการท่สี ำคัญๆในขณะนนั้ เขา้ วันรงุ่ ขนึ้ อศจ.ไปเปน็ เพ่ือน ล่งหญงิ น้ันถึงสนามบิน คอยเปน็ ผู้รบั รู้ความโศกเศร้าของเธอ สนบั ลนนุ เธอให้ได้คุย ถึงความทรงจำตา่ งๆ เกี่ยวกบั บตุ รขายของเธอ ขณะเธอจะจากไปย่อมปรากฏว่า ความโศกเศร้าจะลดน้อยลงตามลำดับ ทเ่ี ปน็ เชน่ นนั้ เพราะ อศจ. เป็นผ้คู อยรบั รู้ ขอ้ เท็จจรงิ เก่ียวกับความโศกเศรา้ ของเธอโดยมไิ ดห้ ันหลงั ให้แกเ่ ธอเลย ๒. สรปุ ความ อศจ. จะต้องหาทางล่งเสริมคนไข้ผู้กำลังจะตายใหม้ ีความอาจหาญไม่ หวัน่ เกรงต่อมรณภัย โดยพยายามขแ้ี จงใหเ้ ขาเหน็ และยอมรับรสู้ ภาพตามความ เปน็ จรงิ ของสงั ขารตามทศั นะทางพระศาลนาและบอกกมั มฏั ฐานใหแ้ กค่ นไข้ตาม ภมู ขิ ัน้ ของเขา

๗๔ บทท ๑๓ ชดุ ปฏบิ ตั ิการทางอายุรเวช ๑. แพทย์ ๑.® บทบาทของแพทย์ ในชดุ ปฏิบตั ิการทางอายุรเวชภายใน รพ. ย่อมเป็นทีต่ ระหนกั ว่า แพทย์ เปน็ หัวหนา้ ชุด ความสมั พนั ธร์ ะหว่างแพทยก์ บั คนไข้เป็นโครงรา่ งทส่ี ำคัญท่ีสุดกวา่ ความสัมพนั ธ์ใดๆ แพทยม์ คี วามเก่ียวพนั กบั คนไข้อยา่ งใกล้ชิดเหมอื นพระมีความ เกีย่ วพันกบั ซาวบ้านฉะนนั้ การติดตอ่ กนั อย่างใกลช้ ิดมมี ากข้ึนเพยี งใด ความนับถือ ย่อมมีมากขน้ึ เพียงน้ัน แพทยย์ อ่ มมีทางเข้าถงึ ความเปน็ อยขู่ องคนไขได้ทุกๆ สว่ น ลา้ แพทยเ์ ป็นผู้ปฏิบตั ิงานดีก็จะทราบภาวะทางรา่ งกายและจิตใจของคนไขได้ แพทยค์ วรมคี วามร้เู กย่ี วกบั ตัวคนไข้อยา่ งกวา้ งขวาง เซน่ เขาไดร้ ับการปฏบิ ตั ิเซน่ ไรที่บ้าน เขาอย่กู บั ใคร และทำงานรว่ มกบั ใครเปน็ ด้น ล้าแพทยเ์ ปน็ ผปู้ ฏิบตั ิหนา้ ที่ ดี คนไข้จะร้สู กึ มอี ิสระที่จะใหข้ ่าวสารทีต่ ้องการไดม้ ากเทา่ ทเี่ ขาสามารถจะใหไ้ ด้ โดยการตรวจร่างกายอย่างถ่ลี ว้ น แพทยอ์ าจทราบภาวะของคนไขได้มากซงึ่ คนไข้ จะทราบไม่ไดเ้ ลยล้าปราศจากความช่วยเหลือของแพทย์ กระนน้ั กด็ ี มีขา่ วสาร บางอยา่ งซึ่งแพทยไ์ มม่ ที างทราบได้ นอกจากคนไข้จะบอก เมอ่ื แพทย์ถอื เอาความรบั ผดิ ชอบต่อความผาสกุ ของคนไข้เปน็ ที่ต้ังแลว้ ก็ จะเข้าถงึ จิตใจและมคี วามคุน้ เคยกับคนไข้อยา่ งรวดเร็วและมากพอที่จะเป็น ประโยชน์แก่การรักษาพยาบาลแนน่ อน คำสาบานของฮิปโปเครดสี บดิ าแหง่ วชิ า แพทยย์ ่อมเปน็ ทีท่ ราบกนั ดอี ยู่แล้วและคาดหวังกันว่าแพทยจ์ ะปฏิบัติตาม จรรยาบรรณนนั้ ลา้ แพทยผ์ !ู้ ดไม่ปฏบิ ตั ติ ามจรรยาบรรณดังกล่าวก็อาจถูกถอน ใบอนุญาตได้ เน่ืองจากว่าแพทยม์ ีความรับผดิ ชอบเซ่นนนั้ จงึ ต้องมีความรบั ผดิ ชอบ ในการตกลงใจวา่ เรอื่ งใดบ้างที่ควรจะแจ้งใหค้ นไข้ทราบเปน็ การตกลงใจขัน้ สุดทา้ ย ของแพทย์ที่จะแจ้งหรอื ไมแ่ จง้ ใหค้ นไข้ทราบถงึ โรคทเ่ี ขาเปน็ อยูว่ า่ รกั ษาไม่หาย อศจ. มกั ถกู ใหพ้ ิจารณาบิญหาทางจรรยาเซน่ นเ้ี สมอๆ เซน่ ว่า คนไขค้ วรจะไดร้ บั การบอกเลา่ หรือไม่ว่า เขาเปน็ โรคมะเร็งทไ่ี มล่ ามารถทำการผ่าตดั ได้ เรื่องน้ีเป็น การเล่ียงที่ควรสนใจ แต่ทีส่ ดุ เม่ือพดู ถึงความรบั ผิดชอบทแี่ ท้จรงิ แลว้ ก็เปน็ หนา้ ท่ี ของหัวหน้าชดุ ปฏิบัตกิ ารทางอายรุ เวชคอื แพทย์โดยอาศยั ประลบการณ์ แพทย์

๗๕ ยอ่ มจะเร่ิมเรยี นรู้ว่ามคี ำถามใดบา้ งทีค่ วรจะตอบคนไข้ แพทยอ์ าจพจิ ารณาเรอ่ื งนี้ ร่วมกับ อศจ.หรือไมก่ ถ็ ามความเหน็ ของ อศจ. แพทยอ์ าจขอรอ้ ง อศจ.ใหน้ ำข่าว ซึง่ ตนคดิ ว่าคนไข้ควรจะมมี าให้ อยา่ งไรกด็ ี เรอื่ งนข้ี ้ึนอยกู่ บั แพทย์ มใิ ช่เปน็ เรือ่ งที่ อศจ. จะตดั สนิ ใจ ในบางกรณแี พทยอ์ าจให้ขา่ วแกค่ รอบครัวและมอบให้เปีนหนา้ ที่ ของครอบครวั ว่าควรจะบอกคนไขห้ รือไม่ ในตวั อยา่ งนี้ แพทย์อาจเชญิ อศจ. ใหม้ า ปรึกษาหารอื กบั ครอบครัวเพอื่ หาทางปฏิบตั ทิ ่ีเหมาะสม เม่อื อศจ. ถูกขอร้องให้ เป็นผูแ้ จง้ อาการป่วยอันร้ายแรงแกค่ นไข้ อศจ. ควรไดค้ ุยเกย่ี วกับอาการของคนไข้ กบั แพทยอ์ ยา่ งถถี่ ว้ นและเปน็ ท่ีแนใ่ จเสียก่อน แมก้ ระนั้นกด็ ี อศจ. กไ็ ม่ควรรว่ ม พิจารณาอาการปว่ ยของคนไขใ้ นทางเวชกรรม ควรเป็นเพยี งผแู้ สดงข้อเทจ็ จริง เท่าทต่ี นมเี ฉพาะท่ีเก่ยี วกับทา่ ทแี ละอารมณข์ องคนไขเ้ ทา่ นั้น ๑.๒ ความสัมพันธก์ ับ อศจ. แพทย์ไม่สามารถจดั หาคำตอบเกี่ยวกบั ป้ญหาทางศาสนาแก่คนไขได้ หนา้ ทน่ี ี้ อศจ. สามารถทำไดด้ ที ่สี ุดและแพทยก์ พ็ อใจในงานของ อศจ. ความสมั พันธ์ของแพทย์กับ อศจ. ก็คอื ความสัมพันธข์ องคนอาชพี หนงึ่ กับคนอีก อาชีพหน่ึง แพทย์ทราบขอ้ เท็จจรงิ ดีว่า อารมณม์ บี ทบาทสำคญั มากในการ รกั ษาพยาบาล ในเรอื่ งเก่ยี วกบั การเยียวยารักษา อศจ. เปน็ แต่เพียงสมาชกิ รองๆ ของขดุ แตใ่ นเรือ่ งเก่ยี วกับศาสนาแล้ว อศจ. เปน็ ผูน้ ำ นอกจากความสมั พนั ธ์กันทางอาชพี แล้ว แพทยย์ อ่ มจะมคี วามสัมพันธ์กับ อศจ.ในทางสว่ นตัวอีกดว้ ย เข่นการปรึกษาหารอื เก่ยี วกบั ปญ้ หาชวี ิตและ ครอบครัวหรอื เมื่อเกิดมคี นไข้ตายลง แพทย์ตอ้ งการความเหน็ อกเห็นใจความ เขา้ ใจอันดีและนกั พงี ทไ่ี ดฝ้ กึ มาแลว้ จนเปน็ อาชีพ ความสมั พนั ธด์ ังกลา่ วนจ้ี ะพฒั นา แผ่ไพศาลก็ดว้ ยความรเิ ริม่ ก่อน ความมจี ติ ใจจดจ่อในงานและความซ่าํ ซองของ อศจ. เอง ๒. พยาบาล ๒.® บทบาทของพยาบาล บุคคลทม่ี คี วามสำคญั มากท่สี ดุ ท่ีทำงานร่วมอย่กู ับแพทยอ์ กี ประเภทหนงึ่ คอื พยาบาล แพทย์ทปี่ ระลบความสำเร็จในการปฏิบตั ิงานย่อมตอ้ งการพยาบาล อาชพี ทีฝ่ ึกไว้ดีแล้ว พยาบาลจะต้องทำงานเรยี บร้อยและกำกบั รายการการ

๗๖ รักษาพยาบาลใหเ้ ปน็ ไปตามตารางท่แี พทย์กำหนดไว้ พยาบาลต้องทำทุกอยา่ งที่ ตนสามารถทำไดเ้ พื่อชว่ ยเหลอื คนไฃท้ ่ีตกอยใู่ นความเจบ็ ปวดและทกุ ขท์ รมาน พยาบาลจะต้องทำทกุ สงิ่ ทตี่ นสามารถเพื่อช่วยคนไขใหม้ ีกำลังใจ พยาบาลจะต้อง ทราบสง่ิ ทีค่ นไข้ยึดถอื เปน็ ระบบชวี ิตของเขาและสิ่งทค่ี นไขฃ์ จดั ออกไปจากชวี ิตของ เขา พยาบาลมีการตดิ ต่อกบั คนไขอ้ ย่เู ปน็ ประจำมากกว่าแพทย์หรือแพทย‘์ฝึกหดั ของเขา ในฐานะเป็นตวั แทนของแพทยพ์ ยาบาลจงึ เปน็ ผ้มู คี ่าลำหรับคนไข้ ไมว่ ่า พยาบาลจะเปน็ เพศใดกต็ าม เขายอ่ มทำหนา้ ที่เปน็ เสมอื นมารดาของคนไข้ และ แพทยท์ ำหน้าทีเ่ สมือนบิดา พยาบาลมโี อกาลอยู่ใกลช้ ดิ คนไขจ้ ึงลามารถทราบ อารมณแ์ ละสภาพทางกายของคนไขไดม้ าก มคี วามร้สู ึกไวตอ่ อารมณ์ของคนไข้ และลามารถลว่ งรคู้ วามต้องการของคนไข้ เนอื่ งจากว่าความโดดเด่ียวและ ความรูส้ กึ ว่าตนเองถกู ทอดทง้ิ เปน็ ขา้ ศึกร้ายกาจท่สี ุดต่อการรักษาพยาบาล การ ติดตอ่ ของพยาบาลกบั คนไขโดยลม่าํ เสมอจึงเปน็ สง่ิ ทมี่ คี ่าเพราะจะชว่ ยบรรเทา บญิ หาตังกลา่ วไต้ แตพ่ ยาบาลจะตอ้ งไมน่ ำตวั เข้าไปพวั พันกบั คนไขจ้ นเกินไปนกั พยาบาลจะตอ้ งเป็นผู้ออ่ นโยน มรี ะเบียบและมีประสทิ ธภิ าพ พยาบาลทำหน้าท่ี เสมอื นหูขา้ งหนง่ึ ทีค่ อยสดับความคดิ ภายในท่คี นไขร้ ะบายออกมา ความสมั พันธ์ ของพยาบาลกับคนไขเ้ ป็นความสัมพันธ์ท่บี รรจุไวด้ ว้ ยอารมณ์ การนำตวั เขา้ ไป ผกู พนั จนเกนิ ไปนกั จงึ เปน็ การหม่ินเหม่ต่ออนั ตรายอย่างย่ิง พยาบาลลามารถชว่ ย ให้แผนกอายรุ เวชของแพทยเ์ พ่มิ คุณค่ายิ่งขึ้น และทำใหแ้ น่ใจในความสำเร็จของ แผนนั้นมากขนึ้ ๒.๒ ความสมั พนั ธ์กบั อศจ. ความสัมพันธข์ องพยาบาลกบั อศจ. อยา่ งนอ้ ยทส่ี ุดก็เปน็ ความสมั พันธ์ แบบทวคี ูณ ในข้ันแรก พยาบาลอาจเห็น อศจ. วา่ เปน็ ผู้ชว่ ยทางอายุรเวชประเภท หนง่ึ ในชุดของแพทย์ อศจ. อาจไดร้ ับการยกยอ่ งเสมอผอู้ น่ื ล้าแสดงให้เขาเห็นวา่ เปน็ ผ้!ู ต้รบั การ‘ฝึกฝนมาเพื่อปฏิบตั ิภารกิจภายในรพ.ไดท้ กุ สถานการณ์พยาบาลมี ความเกี่ยวพนั ทจ่ี ะต้องตดิ ตอ่ กับ อศจ.ในฐานะ อศจ. เป็นผู้ชว่ ยทางอายุรเวช เช่น เม่ือปรากฏวา่ คนไข้มีความต้องการเรื่องศาลนา พวกพยาบาลย่อมทราบดีว่าเม่อื ไร คนไข้รู้สึกหดห่แู ละเมอ่ื ไรคนไข้รูส้ กึ รา่ เริง เมื่อไรคนไข้ต้องการ อศจ. พวกพยาบาลไม่ จำตอ้ งรอจนกว่าคนไขจ้ ะออกปากบอกความต้องการ แตล่ ามารถเห็นไดจ้ ากปฏิกิรยิ า ทางอารมณข์ องเขา อาจกลา่ วได้วา่ ความชว่ ยเหลือท่ีซอ่ นเรน้ อย่ภู ายในและสำคัญ

๗๗ สดุ ของ อศจ.ใน รพ.คอื พยาบาลผจู้ ะชว่ ยให้ อศจ.ตดิ ต่อกับคนไขไดท้ ันทีเมือ่ เกดิ ความตอ้ งการ อศจ. ไม่ควรทึกทักเอาเองว่าพยาบาลเข้าใจความตอ้ งการทางจติ ใจ ของคนไขใต้ลึกซง้ึ แต่ อศจ. ตอ้ งตระหนกั ขอ้ เท็จจรงิ วา่ พวกพยาบาลสามารถทาย ความต้องการของคนไขใตถ้ กู ต้อง หลังจากที่ความตอ้ งการไต้ถกู ทายและรายงาน แลว้ ก็เปน็ หนา้ ทข่ี อง อศจ. ท่ีจะนำความซํ่าซองของตนออกมาใช้ ความสัมพนั ธ'์ ขน้ั ที่สอง ซง่ึ พยาบาลมกี บั อศจ. คือความสัมพันธ์ของคน ธรรมดาและผแู้ นะนำทางจติ ใจ พวกพยาบาลตอ้ งปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีภายใต้ความยุ่งยาก มากมาย พวกเขาอาจมีความรสู้ กึ เกลียด โกรธ หรือลงสาร ซ่งึ พวกเขาปรารถนา สนทนากบั อศจ. เป็นความสบั ซึง่ อศจ. อาจช่วยใหพ้ วกเขาเขา้ ใจไต้ บางทปี ัญหา อาจเก่ยี วโยงกับความรู้สกึ ของพวกเขาท่ีมตี อ่ คนไขแ้ ละ อศจ. เหมาะท่ีจะตดิ ตาม เรอื่ งเชน่ น้ี อารมณข์ องพยาบาลมกั กระเจดิ กระเจงิ เมอื่ คนไขต้ ายลงหรอื ไต้รบั ความ เจ็บปวดเป็นเวลานานๆ ในระยะเวลาดังกลา่ วนี้ อศจ. ควรทำตวั ใหห้ าไต้ง่ายตาม เรอื นคนไข้และเปน็ กันเองเพ่อื ปฏิบตั ิภารกจิ ร่วมกับพยาบาลโดยการปฏบิ ัติงาน รว่ มกนั เช่นนี้ พยาบาลและ อศจ. ยอ่ มลามารถสนบั ลนุนงานของกันและกนั ใน รพ. ให้เขม้ แขง็ และมีประสทิ ธิภาพยิง่ ขึ้น อนง่ึ เปน็ สิ่งจำเป็นท่ีพยาบาลและ อศจ. จะตอ้ งสังเกตความรสู้ ึกทั้งทีม่ ีต่อคนไขแ้ ละมีตอ่ กนั และกัน เน่อื งจากว่าความ เกย่ี วพันกันอยา่ งใกลช้ ดิ ทางอารมณ์อาจจะนำไปสู่การพวั พนั ที่ยุ่งยาก ในการ เยยี วยารักษาคนไข้รีบดว่ น ส่ิงสำคัญลำหรบั อศจ. คอื ความสำนึกที่จะรับผดิ ขอบ ต่อคำขอรอ้ งของพยาบาล ไมว่ า่ อศจ. จะรสู้ กึ เชน่ ไร ลา้ พยาบาลเรม่ิ พบว่า เมอ่ื ขอรอ้ งไป อศจ.จะมากจ็ ะทำใหเ้ กิดความแน่ใจ อย่างไรก็ดี ลา้ เรยี กแล้ว อศจ.ไม่ มา เพราะ อศจ. เหน็ เลียว่าเปน็ ของไม่สำคัญกอ็ าจเป็นไปไตว้ า่ พยาบาลจะไม่เรียก ไป แม้จะมีความต้องการ อศจ. มากกต็ าม ความสัมพันธใ์ นการทำงานอย่างใกล้ชดิ ระหวา่ งพยาบาลและ อศจ. เป็นส่ิงท่ีตอ้ งการเพือ่ ว่าท้ังลองฝา่ ยจะเพม่ิ ประสทิ ธิภาพใน การทำงานเพอื่ ประโยชนแ์ ก่คนไขไตม้ ากขึ้น ๓. อนศุ าสนาจารย์ ๓.® บทบาทของ อศจ. ในสมัยมสี ุขภาพดี มคี วามอดุ มลมบูรณ์ คนเรามกั มคี วามหยิง่ ผยองลมื คัว ล้าทุกส่ิงทกุ อย่างดำเนินไปด้วยความเรยี บรอ้ ย คนเรามกั ไมส่ นใจกฎแห่งกรรม แต่ เมื่อความเจบ็ ปวดเกิดขน้ึ หรือถูกมรณภยั คุกคาม ความสลดหดหู่จะติดตามมา เมอื่

๗๘ เผชิญกับความตาย มนษุ ย์จงึ จะเรมิ่ เรียนรูว้ ่า ไม่มใี ครสามารถบังคบั บญั ชาโลกนใี้ ห้ เป็นไปตามความต้องการได้ เมอ่ื ยงั ไมเ่ ผชญิ กับความกลัวตาย เขาจะมคี วามรสู้ กึ ตอ่ อศจ. อย่างไรไม่สำคญั เพราะเมือ่ ความต้องการเกิดข้ึน เขาจะหนั หน้าเขา้ หา อศจ. เอง เป็นหน้าท่ขี อง อศจ. ทีจ่ ะต้องให้ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ชีวติ หลังจากตาย แล้วเกยี่ วกบั วตั ถปุ ระสงค์ของการมชี ีวิตอยู่และเกย่ี วกบั ปญั หาเรอื่ งความทุกข์ ทรมานโดยส่วนตวั แลว้ อศจ. อาจรสู้ กึ วา่ เร่ืองเหลา่ น้เี ป็นคำถามท่กี วา้ งขวางสกึ ขงึ้ พระอรยิ บุคคลเท่าน้ันท่ีจะให้ความแจม่ แจง้ ไต้ แต่สำหรบั คนไข้แล้ว เขาย่อมจะ เห็นว่า อศจ. เปน็ ผรู้ อบร้ใู นปญั หาเหล่าน้ี ๓ . ๒ ความสมั พนั ธก์ ับคนไข้ ความสมั พันธ์ของ อศจ. กบั คนไข้ เปน็ ความสัมพันธ์แบบตา่ งๆ คือ ประการแรก เม่ือวา่ ทางอายุรเวชแลว้ อศจ. มฐี านะเป็นลูกมือของแพทย์ คนไข้ ทราบดวี า่ แพทยเ์ ปน็ เจ้าของรบั ผดิ ชอบคนไข้ แตก่ ต็ ้องการทีจ่ ะเหน็ อศจ.รพ. เปน็ ตวั แทนของแพทย์ จะเห็นไดเ้ ซ่นเมื่อคนไขถ้ าม อศจ. ว่า “แพทยก์ ำลงั วางแผน อะไรต่อไป คาดหมายผลว่าจะเป็นเซน่ ไร และการวินจิ ฉัยโรคของแพทยไ์ ต้ผลเซ่น ไร” เปน็ ตน้ อศจ. ยังมีความสัมพนั ธก์ บั คนไขใ้ นฐานะเปน็ ตัวแทนทางศาลนาอกี ด้วย ลา้ หาก อศจ. เป็นผู้มีความซํา่ ซองและมีความกรุณากจ็ ะกา้ วออกจากบทบาท ตัวแทนแพทยม์ ารับบทบาท อศจ. คนไขอ้ าจเหน็ อศจ. เปน็ ตวั แทนตดิ ตอ่ กับโลก ภายนอก เป็นละพานชีวติ ในยามสขุ สบาย ท้ังก่อนและหลังการเขา้ ไปพักรักษาตวั อยใู่ น รพ. ของเขา คนไข้อาจเห็น อศจ. เป็นทีร่ ะบายความทกุ ข์ เป็นท่ปี รกึ ษา เป็น เพ่อื นผ้วู างใจได้ เปน็ ผแู้ นะนำทางศาลนาหรอื ในหนา้ ท่อี ืน่ ๆ ขณะเมอ่ื มหี น้าทีเ่ ป็น สว่ นหนึง่ ของชดุ อายรุ เวช ส่ิงสำคญั ท่ี อศจ. จะลืมเลยี มไิ ดก้ ค็ ือ การทำหน้าท่ี อศจ. ซ่งึ มคี วามสำคัญกว่า อศจ. อาจใหค้ ำแนะนำคนไขใหท้ ราบลักษณะชีวิตท่ีมคี ณุ ภาพ การปฏิบัตงิ านใน รพ. อศจ. ยอ่ มจะเข้าถึงชีวิตประซาซนไดส้ ึกข้งึ กวา่ การ ปฏบิ ตั ิงานตามปกตธิ รรมดา เมอ่ื ไดร้ บั อนุญาตใหเ้ ขา้ ไปเกย่ี วข้องกับชวี ติ ของคนๆ หน่ึงในเวลาทเ่ี ขามคี วามทกุ ขย์ ากเซ่นนนั้ อศจ. จะตอ้ งนกึ ถึงคณุ สมบตั ิพเิ ศษในตน ในฐานะเป็นตวั แทนทางศาลนา

๗๙ ๓.๓ อศจ. ในฐานะเป็นสมาชกิ ของชดุ อศจ. เปน็ ผู้ทม่ี คี า่ มาก'ท่ีสดุ เมือ่ รว่ มมอื กับสมาซกิ อ่นื ๆ ซ่งึ อุทิศตนใหก้ บั งาน สวสั ดกิ ารของคนไข้ มีบางสง่ิ ท่ีกลา่ วถึงความสมั พนั ธข์ อง อศจ. กบั แพทย์ คือ อศจ. ควรเหน็ แพทย์เป็นหวั หน้าขดุ และเป็นมนุษย์ธรรมดาทตี่ ้องการความชว่ ยเหลอื ทางจติ ใจเช่นกนั อศจ. ย่อมมองเห็นว่า พยาบาลมีความสำคัญทีส่ ดุ และพยายาม สง่ เสรมิ ให้พวกเขามคี วามร้สู กึ เช่นนั้น และจะตอ้ งเหน็ อีกดว้ ยว่า พวกพยาบาลนนั่ แหละเปน็ แหลง่ ท่ีตนจะไต้ความรเู้ กยี่ วกบั คนไข้ อศจ. ปฏิบัติงานร่วมกับพยาบาล เสมอื นญาติพนี่ อ้ งในครอบครวั อายุรเวช มองเห็นบทบาททัง้ ลอง คือเห็นแพทย์ เสมือนผู้นำครอบครัว และเห็นตวั เองเสมอื นสมาซกิ ในครอบครวั ซ่งึ มีความผูกพนั อยใู่ นวตั ถุประสงค์เดยี วกนั ในส่ิงแวดลอ้ มของ รพ. อศจ. มใิ ชจ่ ะอยู่ตามลำพงั คน เดียว อศจ. จะไดร้ ับความชว่ ยเหลือทจี่ ำเป็นดว้ ยการตดิ ต่อกบั เจา้ หน้าทปี่ ระจำ เรือนคนไข้ทุกๆ คน จดุ สำคัญคือวา่ อศจ. เป็นคนหนึง่ ในบรรดาเจา้ หน้าทีท่ ้งั หลาย ของขดุ ซึ่งปฏบิ ตั งิ านเพีอ่ ลวัลดิภาพของคนไข้ แนน่ อน อศจ. เปน็ คนๆ เดยี วจึงไม่ ควรถือเอาความพอใจของตนเปน็ เกณฑข์ ณะปฏบิ ัติงานอยู่กบั ขุด แต่ อศจ. อาจจำ วิธตี า่ งๆ ทต่ี ้องการไปเปลยี่ นแปลงและปรบั ปรงุ งานของตนให้ดีฃน้ึ ได้ วธิ ตี ่างๆ เหล่านั้นอาจชว่ ยให้การปฏิบัตหิ น้าทข่ี องขดุ ประลบความสำเร็จได้ ๔. ลกั ษณะอน่ื ๆ ของชุด เจ้าหนา้ ที่ รพ. อน่ื ๆ มบี ุคคลท่ฝั ิกแล้วและยอมอทุ ิศตนจำนวนมากท่ี ปฏบิ ตั ิงานอย่ใู น รพ. อศจ. ควรรูจ้ กั บุคคลเหล่านั้น เชน่ รจู้ กั กับนกั จิตศาสตร์ นกั สงั คมลงเคราะห์ นักบำบดั โรคทางร่างกาย นกั บำบดั โรคเกดิ จากอาชพี ท่ีคนไข้ ประกอบ นักโภชนาการ และเจ้าหนา้ ทที่ ง้ั หมดประจำเรอื นคนไข้ มีบ่อยคร้งั ทีม่ ีผู้ ไปหา อศจ.โดยการแนะนำของคนอ่ืนบางคนซึง่ มกี ารตดิ ตอ่ กับคนไขโดยตรง ล้า อศจ.ใหค้ วามรว่ มมือกบั เจา้ หน้าทีอ่ น่ื ๆใน รพ.อย่างจรงิ ใจแล้ว อศจ. ก็จะไดร้ ับ ขอ้ แนะนำจากบคุ คลเหลา่ นนั้ ในทำนองเดยี วกนั อศจ. อาจช่วยเฉพาะแตค่ นไข้ เพียงเท่าน้ันก็หามิได้ แต่อาจช่วยเจ้าพนักงานท่ที ำหน้าทบ่ี ริการคนไข้อกี ด้วย ใน ส่งิ แวดล้อมของ รพ. เห ตุการณ ์ท ่นี ่าเศรา้ ส ลดเกิดขึน้ เส มอๆ และการ กระทบกระท่งั กันทางอารมณ์มอี ยบู่ อ่ ยๆ เหล่านี้แหละเป็นภารกจิ ของ อศจ. คนงานใน รพ. ส่วนมากยอ่ มจะทราบหนา้ ทรี่ ับผิดขอบงานของตนแล้วแต่เริม่ แรก แตใ่ นขณะมคี วามออ่ นเพลียหรอื เม่ือประลบความทกุ ขย์ ากในชีวติ แมค้ นงานทม่ี ี

๘๐ ความซา่ํ ซองงานมาแลว้ กต็ ามย่อมจะพบว่า งานตามปกตธิ รรมดานน้ั กลายเปน็ ส่งิ ท่ี ทนไม่ได้ในสถานการณเ์ ซน่ น้ีแหละเป็นโอกาสที่ อศจ. จะตอ้ งให้ความช่วยเหลอื การ‘ฝกึ ฝนตนใน รพ. แม้ รพ. จะเปน็ ที่สำหรบั บำบดั โรคก็ตาม แตกเป็น สถานใหก้ ารศกึ ษาอีกด้วย โดยการทำงานกับแพทย์ อศจ. สามารถเรยี นร้ผู ลของ การเจ็บปวยทางกายจากอารมณข์ องคนไขได้ ถ้าติดตอ่ ใกลช้ ดิ กับนกั จิตศาสตร์ นัก สังคมสงเคราะห์ และผูช้ ำนาญโรคทางใจ อศจ. ย่อมสามารถเรยี นรูไ้ ดม้ ากเกี่ยวกับ คนไข้วา่ มคี วามรสู้ ึกตอบสนองความยากสำบากอย่างไร มหี ลายสงิ่ ทสี่ ามารถ เรยี นรไู้ ดจ้ ากการตดิ ตอ่ สว่ นตัวกับประซาซนทเ่ี ก่ียวข้อง และมีหลายส่ิงทส่ี ามารถ เรยี นรไู้ ดโดยใขว้ ธิ ปี ระขุมเฉพาะเรอ่ื งเป็นการภายในอย่างรอบคอบอกี ดว้ ย ในการ ประขุมเฉพาะเร่อื งมีการแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ ซง่ึ กนั และกันซ่ึงเปน็ สงิ่ มคี ุณค่า มากทส่ี ุดแก่ อศจ. แน่นอน อศจ. จะสามารถถือเอาความคดิ เห็นมากมายจาก เหตุการณเ์ ซ่นนัน้ แต่ อศจ. ควรพยายามเพ่อื พร้อมท่จี ะให้ความนึกคิดซงึ่ อาจเป็น ประโยชน์แก่คนอืน่ อีกด้วย พนักงานแพทย์ได้รบั การ‘ฝึกให้ชนิ ทจ่ี ะใข้ความเข้าใจ สึกซ้ึงใหเ้ ป็นประโยซน์จากผูอ้ น่ื โดยการประขุมเฉพาะเรื่องและการตดิ ต่อทางอ่นื ๆ กับพนักงานของ รพ. อศจ. สามารถเพ่มิ พนู ความรู้ความเข้าใจให้แกต่ นไดไ้ มม่ ี มหาวิทยาลัยแหง่ ชีวติ ใดที่จะโตไปกวา่ รพ. ใหญๆ่ แตกหาเปน็ การเพียงพอไม่ถ้า เพียงแต่จะลงซอ่ื เป็นสมาชิกเทา่ นน้ั อศจ. จะต้องปฏบิ ัตงิ านอย่างทะมัดทะแมง กระฉบั กระเฉงอกี ด้วย อศจ. จะต้องไมป่ ลืกตวั อยู่โดดเดย่ี วโดยมไิ ด้ตดิ ต่อ ประสานงานกับเจ้าหนา้ ทอ่ี ่นื ๆ เร่ืองนฃ้ี ึน้ อย่กู บั อศจ. ท่ีจะใขส้ ง่ิ แวดล้อมทต่ี นทำงาน อยู่ให้ดที ส่ี ดุ หรือไม่ ถา้ อศจ. สามารถถอื เอาประโยซน้จากส่งิ แวดล้อมไดม้ าก เท่าใดกจ็ ะชว่ ยคนไขไดม้ ากเท่าน้นั

๔®) บทที่ ๑๔ เร่อื งเบ็ดเตเด ๑. ความสัมพันธ์กับ ผบซ. อศจ.รพ. ทจ่ี ะปฏบิ ตั ิงานไดผ้ ลดี ต้องทำตัวเป็นอนั หนงึ่ อนั เดียวกันกับ คณะของ ผอ.รพ. มงี านมากมายใน รพ. ท่เี กี่ยวขอ้ งกับ อศจ. ฉะน้นั การวางแผน จงึ ควรมี อศจ.ร่วมดว้ ย ถา้ อศจ.พสิ ูจน์ตวั เองว่าเป็นสว่ นหนึง่ ของกลุม่ ผบซ.ได้ ซือ่ วา่ เป็นผู้ทำตัวให้เป็นประโยชน์แล้ว โดยการทำงานเกีย่ วพนั ใกล้ชิดกับ ผบซ. อศจ. สามารถได้รับขา่ วสารเกย่ี วกบั สวสั ดภี าพทางอารมณข์ องคนไข้ สามารถ ทราบล่วงหนา้ วา่ ปญั หาเกย่ี วกบั ขวัญจะเกิดข้นึ และอาจให้คำแนะนำเพื่อบรรเทา ความยุ่งยากที่จะตามมา ตังนัน้ ลา้ หาก อศจ. ทำหนา้ ท่มี ิเป็นแต่เพยี งส่วนหน่งึ ของ ขุดอายรุ เวช แต่เปน็ ส่วนของกลมุ่ ผบ.รพ. ดว้ ย ความสมั พนั ธก์ ับ ผบซ. ใกลช้ ิด ไดป้ ระโยชน์ ๒ ทางคือ ทำให้ไดข้ ่าวสาร และสามารถใหค้ ำแนะนำแก่ ผบซ. วา่ อะไรกำลังเปน็ ไปในงานที่เป็นส่วนของ อศจ. ผบ.รพ. อาจใหข้ อ้ เสนอแนะและใหค้ วามชว่ ยเหลือ ลา้ ทราบว่า อศจ. กำลัง ทำอะไรอยู่ เป็นความจรงิ วา่ อศจ. ท่กี ระฉับกระเฉงและรุดหนา้ ในงานมกั มีธรุ ะ วุ่นวายอยูต่ ลอดเวลา ๒. แผนงานของ อศจ. การทำงานเป็นผลสำเรจ็ ไปวันหนงึ่ ๆ ยังไมเ่ ปน็ การเพยี งพอ การทำงาน ให้ได้ผลประโยชน์อย่างแห้จริงนั้น งานจะตอ้ งมีความต่อเน่ืองกนั อศจ. จะตอ้ ง วางแผนไวล้ ่วงหน้าเพื่อสอดส่องดวู า่ คนไขม้ ีความต้องการอะไร แผนงานทำใหเ้ กิด ความมน่ั ใจวา่ เมื่อมีเหตุฉกุ เฉินเกดิ ขนึ้ จะแก้สถานการณไ์ ด้ทนั ๒.® เพ่อื ใหง้ านต่อเนื่องกนั เพอ่ื ให้งานต่อเนอ่ื งกนั อศจ.รพ. ควรปรับปรงุ ระเบยี บปฏิบัติงานให้ กา้ วหนา้ อยูเ่ สมอ ระเบียบปฏิบัตงิ านนจ้ี ะกำหนดความรบั ผดิ ขอบของบรรดา สมาชิกอนื่ ๆในแผนกของ อศจ.ไว้ซดั เจน เพ่ือว่าจะไดบ้ รรลุผลรวมตามท่ตี ้องการ ระเบยี บปฏิบัตงิ านควรจัดให้ครอบคลุมตลอดเวลา ๒๔ ชัว่ โมงในวันหนึง่ และ ตลอดเวลา ๗ วันในหนง่ึ สปั ดาห์ อศจ. จะตอ้ งวิเคราะหค์ วามต้องการตามที่

๘๒ กำหนดไวไนหน้าท่ขี องตน และตามทีต่ นไดร้ บั มอบหมายใหร้ บั ผดิ ชอบ การ มอบหมายให้รับผิดชอบน้คี วรจะเขียนไว้เปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษรเพอ่ื วา่ เม่อื ตัวเองไม่ อยู่ เซ่นถูกสง่ ไปปฏิบัตงิ านท่ีอน่ื หรือออกไปธรุ ะภายนอกช่วั เวลาส้ันๆ งานจะได้ ดำเนนิ ตอ่ ไปตามปกติ ในการกำหนดหน้าทีร่ บั ผิดชอบ อศจ. ควรพจิ ารณา รปจ. ท่ี ใช้อย่ใู นเรือนคนไข้ การรับและการวางแผนเพอื่ ติดต่อคนไขใี หม่รวมทง้ั การจดั ตารางการเยย่ี มประจำ รพ. ด้วย ในตารางนน้ั อศจ. อาจบอกข่าวสารอน่ื ๆ รวมไว้ ด้วยก็ได้ เซน่ ว่าคนไข้จะตดิ ต่อกับ อศจ. ได้อยา่ งไรเป็นดน้ เมอื่ เขยี นกำหนดการอันเป็นระเบยี บปฏบิ ตั งิ านเรียบรอ้ ยแลว้ อศจ. ควร สง่ ผ่านคณะ ผบ.รพ.การทำเซน่ น้ีจะเปน็ ซอ่ งทางใหอ้ ศจ.ได้รับดำแนะนำจาก บคุ คลอืน่ ซ่งึ มีสว่ นรับผดิ ชอบงานของ รพ. พนกั งาน รพ. ส่วนมากย่อมจะมี ประสบการณใ์ น รพ. มากว่า อศจ. อศจ. ควรรบั พงิ การติเพ่ือก่อด้วยความเตม็ ใจ แตก่ ค็ วรยืนหยัดต่อสงิ่ ทต่ี นคดิ ว่ามคี วามสำคัญอย่างย่ิงยวดต่องานของตนดว้ ย เซน่ กนั การท่ี อศจ. เสนอระเบียบปฏิบัติงานชองตนให้กบั เจ้าหน้าที่ รพ. วพิ ากษ์วจิ ารณ์นนั้ ย่อมเป็นการสง่ เสริมใหเ้ กิดความรู้สึกใหม่ในการรว่ มมือกนั เป็น ธรรมดาชองคนเราเมอ่ื มีผมู้ าชอดำแนะนำในเร่ืองใดย่อมจะเกิดความสนใจมากข้ึน ในเรือ่ งนั้น คือเกดิ ความรู้สกึ ว่าตนเขา้ ไปมีสว่ นรบั ผิดชอบในงานของผูอ้ ่ืนประดุจวา่ เปน็ งานชองตนเอง ๒.๒ หน่วยแยกสมทบของ รพ. อศจ.รพ. รบั ผิดชอบแตเ่ ฉพาะคนไขีใน รพ. เพยี งเท่าน้นั กห็ ามไิ ด้ แตค่ วร ตอ้ งรับผดิ ชอบหน่วยปฏิบัติการ รพ. อีกดว้ ย อศจ. ตอ้ งจัดเตรยี มการแนะแนวนสิ ัย เตรยี มการใหค้ ำปรึกษารายตัว และจดั เตรยี มบริการอนื่ ๆ แกห่ น่วยข้ึนของ รพ. ดว้ ย ในการติดตอ่ กบั หน่วยแยกสมทบ อศจ. ศึกษาบางสง่ิ เกี่ยวกับบญี หาของ พนกั งาน รพ. และให้ความช่วยเหลอื แกเ่ ขา การทำเซน่ น้เี ป็นการผกู มิตรเพือ่ งาน ชองตนเอง นอกจากนี้ อศจ. ยงั จะต้องเก่ยี วข้องกับครอบครวั ชองพนกั งาน เหล่านั้นอีกดว้ ย เซ่นมกี ารตายเกดิ ขน้ึ ในครอบครวั ใด อศจ. จะตอ้ งไปปรากฏตวั และใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทนั ที โดยมิตอ้ งรอใหม้ ีผ้!ู ปบอก ทำการปลอบใจให้คลาย ความเศรา้ โศกและชว่ ยพธิ กี รรมทางศาสนาเปน็ ดน้

๘๓ ๓. ความรว่ มมือระหว่าง อศจ. อศจ.รพ. และ อศจ. ประจำหนว่ ย จะต้องรว่ มมือประสานงานกนั อยา่ ง ใกลช้ ดิ แม้ระเบยี บปฏิบตั ิงานจะจัดไว้อย่างดีทีส่ ุดแลว้ ก็ตาม เหตฉุ ุกเฉนิ อาจเกดิ ข้ึน ไต้อยา่ งกระทนั หันจน อศจ. หนว่ ยกวา่ จะทราบก็สายเกินการเสียแล้ว อศจ. หน่วย จึงควรไต้รบั แจ้งให้ทราบเมอ่ื มที หารในหนว่ ยของตนถูกสง่ เข้า รพ. อศจ. ประจำ หน่วยควรติดต่อกับ อศจ.รพ. โดยตรงเมอื่ ไปเยย่ี ม รพ. การแลกเปลย่ี นข่าวสารท่ี สำคัญระหวา่ ง อศจ.รพ. กบั อศจ. ประจำหน่วยยอ่ มเปีนไปไต้ ลา้ ต่างฝ่ายมนี ทไจ เอ้ือเฟ้อ ถอ้ ยทีถอ้ ยอาศัยกันเพือ่ สวสั ติภาพของคนไข้ อศจ. ประจำหน่วยควรไต้รับ การสนับสนนุ ให้ไปเยีย่ มทหารของตนโดยสมาํ่ เสมอเพราะ อศจ. ประจำหนว่ ย สามารถเปนี สะพานกับโลกภายนอกไดด้ กี วา่ อศจ.รพ. อยา่ งไรกต็ าม อศจ.รพ. ทีด่ ี จะต้องไมม่ อี คติ ถือเราถอื เขา และเตม็ ใจใหค้ วามสนบั สนุนรว่ มมือกบั อศจ. ประจำหนว่ ยทกุ วิถที างโดยมุ่งเอาสวัสดีภาพของคนไขเ้ ป็นท่ตี ั้ง ๔. คุณสมบัติเฉพาะของ อศจ. ๔.® คุณสมบัตทิ างกายและทางอารมณ์ ตามหน้าท่ีๆ ไดร้ บั มอบหมาย อศจ.รพ. ตอ้ งวุ่นกับงานบรกิ ารคนไข้ บางคร้งั จะตอ้ งทำงานตลอด๒๔ ชั่วโมงจะต้องยนื เปน็ เวลาหลายๆช่วั โมงหรอื ถูกตามตัวใหไ้ ปชว่ ยคนไข้ท่ไี ด้รับความกระทบกระเทอื นอารมณอ์ ย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ อศจ. เองก็ไดป้ ฏบิ ตั ิงานมาแล้วอยา่ งเหน็ดเหนอ่ื ย อศจ. จึงจำต้องมีสุขภาพทาง กายดี เพ่ือเป็นเรอื นรา่ งรองรบั อารมณข์ องตนไวไ้ ห้เป็นปกตคิ งที่ อย่างไรกด็ ี ไมม่ ี ใครสามารถปฏบิ ตั งิ านนีไ้ ดล้ ้าสุขภาพของเขาไม่ดี อศจ. จะต้องมีสุขภาพดีทง้ั ๒ ทางคอื ทง้ั ทางกาย และทางอารมณ์ อศจ. จะต้องบังคับตัวเองได้ ในเมอื่ จะต้องช่วยเหลอื คนอนื่ ๆ ซงึ่ กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไป เนอ่ื งจากการเข้าไปพักรักษาตวั อยใู่ น รพ. อศจ. ควรจะมองเหตกุ ารณ์ต่างๆ ในทางดี เต็มไปดว้ ยความหวงั แต่อยา่ ลุกลี้ลกุ ลนจนเกนิ ไปเพราะความหวังดีของ ตน อศจ. ควรมคี วามสุขมุ หนกั แน่น สามารถแยกบีญหาสว่ นตัวออกจากการติดต่อ กบั คนอน่ื ท่เี ปน็ ฝา่ ยตรงข้ามและเต็มใจยอมรบั “ความรับผดิ ขอบ” ที่สบื ตอ่ กนั มา ควบคู่ไปกับงานรักษาพยาบาล

๘๔ ๔.๒ การผั กิ อบรมทีจ่ ำเปน็ อศจ. ควรไดร้ ับการ‘ฝกึ ฝนอบรมเกี่ยวกับงานพยาบาลในหน่วย สร. เปน็ เวลา ๑ ปเี ปน็ อย่างนอ้ ยทส่ี ุด และควรตรวจตราศึกษางานดงั กล่าวนนั้ อย่าง ละเอียดถีถ่ ว้ นถึงระดบั มาตรฐานตามแผนการ‘ฝกึ พยาบาลซ่ึงเป็นท่รี ับรองแลว้ การ ‘ฝึกฝนงาน รพ. ควรทำใหถ้ ึงฃน้ั ดีท่ีสดุ เทา่ ทีจ่ ะเป็นไปได้เพื่อ อศจ. จะได้มีความรู้ ความชำนาญในการปฏบิ ัติงานใหไ้ ดผ้ ล งาน รพ. ดงั กลา่ วนีไ้ มล่ ามารถเรยี นรู้ได้ ดว้ ยการอ่านจากตำรา ถึงแม้วา่ การอ่านตำราอยา่ งถี่ถว้ นจะเป็นสิ่งสำคัญกต็ าม อศจ. ควรเตม็ ใจอทุ ศิ ตวั ไวก้ บั สภาพการณข์ อง รพ. ภายใต้การสังเกตการณ์ และ ควรมีความรอบรู้พอทจี่ ะประเมินคา่ งานของตนอย่างถีถ่ ว้ น เมือ่ อศจ. เร่มิ มองเห็น วา่ การมีความรูส้ กึ ไวมคี วามสำคัญตอ่ งานของตนอย่างไรแลว้ เขาก็ลามารถ มองเหน็ ภาพแหง่ ความลามารถและขดี จำกดั ของเขาได้ดฃี นึ้ ถา้ ไม่ลามารถจัดหา อศจ. ที่ได้รับการ‘ฝกึ ฝนพิเศษมาปฏิบัตหิ นา้ ที่ๆ ได้รับ มอบหมายในรพ. ไดก้ ็ต้องพยายามหาบคุ คลทม่ี คี วามชำนาญงานมาทำหน้าท่ีนั้น แทน มคี นบางคนลามารถเรียนรไู้ ด้บ้างจากการปฏบิ ตั ิงานของตนใน รพ. ผลของ การปฏิบตั งิ านในอดตี เป็นเครือ่ งแสดงถึงความลามารถของพวกเขา ในการกำหนด หนา้ ท่รี ับผิดขอบในตำแหนง่ สำคัญใน รพ. ควรพยายามจัดหาคนท่ดี ีท่ีสุดเท่าท่ีจะ เป็นไปได้ ถ้าหาผทู้ ี่ได้รบั การ‘ฝกึ อบรมงานพยาบาลหรือผู้ท่เี คยปฏบิ ตั ิงานใน รพ. มาแล้วไมไ่ ด้ก็ควรจัดหาคนทีม่ คี วามสนใจและเต็มใจในงานนี้มาปฏบิ ัตแิ ทน ๔.๓ การแบง่ แยกประ๓ ทและการกำหนดหน้าท่รี ับผิดชอบ อศจ. แตล่ ะคนพร้อมจะปฏิบตั หิ นา้ ท่ๆี ไดร้ ับมอบหมายทกุ ชนิด ปรากฏ ซัดวา่ อศจ.บางคนลามารถพัฒนาทักษะของตนได้ดกี ว่า อศจ. อน่ื ๆ อศจ.ใดได้ พิสูจนค์ วามลามารถของตนในการปฏิบตั หิ นา้ ทภี่ ายใน รพ. ก็ควรเก็บสถติ ิผลงาน ของ อศจ. นน้ั ไว้ โดยปกติ อศจ. ที่ปฏิบตั หิ น้าทใ่ี น รพ. ดีกจ็ ะปฏบิ ัตหิ น้าทข่ี อง อศจ. ท่ีไดร้ บั มอบหมายดดี ้วย อศจ. ทป่ี ฏิบตั ิงานเป็นผลสำเรจ็ มากเท่าใดกพ็ ร้อมที่ จะประกอบงานใดๆได้เท่าน้ัน บางทภี ายในลาย อศจ.ไม่มีคนพอที่จะจดั ผู้มี ความรคู้ วามชำนาญเป็นพเิ ศษ ถงึ กระนน้ั อศจ. แตล่ ะนายกค็ วรพยายามหาความ ชำนาญในหน้าทีๆ่ ไดร้ ับมอบหมายในปจั จุบันของตน ------------------- • ว ^ ® ^ - * * -------------------------------------

รตั น บ ัลล งั ก์ ท ีป่ ระท บั ต รัส รู้ ภ ายใต ต้ น้ พ ระศ รีม ห าโพ ธ บ ร เิ ว ณ พ ร ะ เจ ด ยี พ์ ุท ธ ค ย า

๘๖ บทที่ ๑๔ บทสรปุ อวสานกถา หน้าทีอ่ ันหนึง่ ในบรรดาหน้าทๆ่ี สำคัญทีส่ ุดสำหรบั อศจ. คือการทำงาน ภายในสิง่ แวดล้อมของ รพ. เหตกุ ารณ์นา่ เศรา้ สลดย่อมเกดิ ข้ึนใน รพ. เปน็ ปกติ ธรรมดาในหนังสือเลม่ เลก็ ๆ นเี้ ราได้พยายามเตือน อศจ.ให้ระมัดระวงั ปญั หา ต่างๆ ที่จะตอ้ งพบ แนน่ อนเราไมส่ ามารถนำปญั หาทัง้ หมดมาบรรจุไวในหนังสอื น้ี ไดแ้ ตกพยายามเสอื กสรรปัญหาสำคญั ๆ ทเี่ กิดข้นึ ทวั่ ๆ ไปมาประมวลไว้ ความ รับผดิ ชอบของ อศจ.รพ. คือการปฏบิ ัตภิ ารกจิ ภายใน รพ. ใหบ้ ังเกิดผลเพือ่ สง่ เสรมิ สุขภาพของคนไข้ สุขภาพนัน้ มิได้หมายถึงความสมบูรณ์ทางรา่ งกายและทางจิตใจ เท่านั้นแต่รวมถึงความสมบูรณท์ างทศั นคตแิ ละความสมบูรณ์ทางอารมณ์ดว้ ย ความจำเปน็ ในการปกครองตามหนว่ ย รพ. แตล่ ะแห่งยอ่ มแตกตา่ งกนั ถึง กระนน้ั เมื่อนำเคร่อื งบอกเหตตุ า่ งๆ ไม่ว่าจะเปน็ คนหรือสง่ิ อ่ืนใดที่จดั ไว!้ นหน่วย นน้ั ๆ มาประยกุ ต์เขา้ แลว้ ก็จะชว่ ย อศจ.ใหเ้ ห็นสง่ิ จำเปน็ ในหนา้ ทๆี่ ได้รบั มอบหมายโดยเฉพาะ และช่วยให้เหน็ ทางปฏิบัตเิ พอ่ื บรรลุจดุ หมายได้เรว็ ขึน้ ใน วชิ าแพทยก์ ารศกึ ษาเปน็ สิ่งต้องปฏิบัตติ อ่ เนือ่ งกันไป แพทย์ไม่เคยเรยี นพอ อศจ. ผู้ ทำงานเกย่ี วขอ้ งกบั พนกั งานแพทยค์ วรมีทศั นคติเชน่ เดยี วกันในเรื่องการเรียน อศจ. ควรแสวงหาเทคนคิ ทีว่ เิ คราะห์แล้วและงานของตนท่ีประเมนิ คา่ แลว้ อศจ. ควรต้องการที่จะทำงานโดยร่วมมอื กับคนอ่นื ๆ มากกวา่ ถา้ อศจ. มที ศั นคตติ ่อ การศกึ ษาของเขาเองนนั้ เขาจะกลายเป็นผูม้ ีคา่ ยิง่ ใหญ่ต่อคนท่ีมสี ุขภาพดี ตอ่ คน เจบ็ ป่วย และต่อคนทีก่ ำลังจะตาย — ป้ายบอกขึ้อส^เมจจลินทํ บรเ'วณ: เจดยพทุ ธคยา ม/เ5^7^ั 1}0/7ท1708777/71^[070โX1™44เฒ0171พ01!ผ701[ฬิเ7?[70[จ5ผิ7V54ิฬ.I00ิ5โ4ร171พ./10ผิะผุX7^^พิ1เ7407ี7ช5พ877แ7101ุ7ผ17,1(70ใพ7)7/ุ/5^พ0เ175ขX!11)7751111&ร77/ิ10เผX*โ7777/ใ177ณ77ห01*่77์1ฒ17116716171)

๘๗

9(^9 คลิ า'โน'วาท คำสอนคนเจ็บ ส ม เด จ็ พ ระพ ุท ธ โฆ ษ าจารย์ วดั เท พ ส ริ ิ,นทรา'วาส เรีย บ เรยี ง -- -*^3 *3 ^3 5 *-*----- คนเจ็บควรพิจารณาภายนอกก่อนว่า ความเจบ็ เปน็ ทุกขเวทนา จะไม่ให้ เจ็บตามใจไม่ได้ ลางคนเมอื่ เจ็บปวดฃ้นึ กอ็ ยากให้เจ็บปวดนน้ั ไปเปน็ ในทตี่ ่างๆ เซ่น เท้าเจบ็ กบ็ น่ วา่ เจา้ กรรมเฉพาะมาเป็นทเี่ ทา้ จะเดนิ ไปไหนกไ็ มไ่ ด้ เจบ็ มือดิกวา่ ถา้ เจบ็ มอื กบ็ ่นวา่ เจบ็ มอื ช่างลำบากจรงิ ๆ จะทำอะไรกไ็ ม่ถนดั ปวดศีรษะดิกว่า ครนั้ ปวดศรี ษะกบ็ ่นอกี วา่ ปวดศีรษะเหลือเกนิ คิดอะไรก็ไม่โปร่ง จะหลับนอนก็ไม่ ผาสกุ เจบ็ ท่ีอน่ื ดกิ วา่ ขอเปล่ยี นอยเู่ สมอทกุ แหง่ ท่ีแหก้ ็ไม่อยากให้เจ็บเปน็ อะไร หมด ลางทีเม่อื เปน็ อะไรลกั นิดมักหงุดหงดิ ถึงบน่ ว่า ไมค่ วรจะเปน็ เลย ทำไมคนอ่นื เขาจงึ ไม่เปน็ เฉพาะมาเป็นแตเ่ รา ดังนก้ี ม็ ื ความเจ็บไขท้ ัง้ มวลซึง่ มจื ำนวนนบั ไม่ถว้ น เป็นของลำหรบั มนุษย์สตรี บรุ ุษทัว่ กนั ต้องรับ จะปลืกตวั เลียไมไ่ ด้เลยเปน็ อันขาด ลมเด็จพระโลกนาถสมั มา ลมั พทุ ธเจา้ จงึ ตรัสลอนไว่ใหส้ ตรบี ุรษุ คฤหัสถ์บรรพชติ หมัน่ พจิ ารณาบอ่ ยๆ ว่า เรามี ความเจบ็ ไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพน้ ความเจ็บไขไปได้ ควรพิจารณาใหเ้ หน็ ตาม ความจริงท่ีปรากฏอยู่ ถ้าการบ่นวา่ ทำใหเ้ จบ็ ไขห้ ายไดแ้ ลว้ ทกุ คนท่ปี ่วยควรบ่นวา่ ใหม้ ากเจบ็ ไขค้ งหายหมด จะต้องรกั ษาเยยี วยาทำไม บน่ ๆ วา่ ๆ เอากแ็ ลว้ กัน คง หายลมความปรารถนา เม่ือรแู้ น่วา่ เป็นการจำเป็นจะต้องเจ็บไขแ้ ล้วไม่ควรที่จะบน่ วา่ หรือครวญครางใหเ้ ปลืองเลยี งเปล่าๆ พงิ ใคร่ครวญว่า การครางนั้นจะหายได้ หรือ ล้าหายได้ คนทั้งหลายควรครางกนั ทว่ั บา้ นทั่วเมือง ไมต่ อ้ งหาหมอรกั ษา ทแี่ ห้ การครวญครางมแื ตจ่ ะใหผ้ ู้อนื่ รำคาญหนวกหแู ละทำให้ผ้รู ักษาพยาบาลรูส้ กึ อดึ อดั หนกั ใจไม่สบาย ผ้เู จ็บมวั วุ่นวายกับครางเลยี แลว้ ก็ไม่ได้เพง่ พจิ ารณาตามธรรมให้ ซัดเจนตามความจริง เม่ือตายจะไม่มืลติ ไม่ม'ี ใครสรรเสรญิ เลย เวลาจะตายน้ันพิง นกึ วา่ เราต้องตายเป็นแนแ่ ห้ ควรทำแต่ความดิ ไมค่ วรประพฤตชิ ว่ั ให้ความชว่ั ตดิ ตัวไป ควรทำกายวาจาใจกบั ความเหน็ ให้บรสิ ทุ ธีอ้ ยา่ ใหม้ ืโทษ

๘๙ อนง่ึ ว่าถึงบญุ คณุ ของคนรักษาพยาบาล เราไมส่ ามารถท่จี ะทดแทนคุณ เขาได้ ในเวลาท่เี ราตายไปแล้วเพราะเขาตัง้ ใจจะใหเ้ ราหายเจ็บ ใหเ้ ป็นสุขสบาย สู้ อดทนไมเ่ ป็นอันกนิ อันนอน ทะนุบำรุงเราทกุ อย่าง ถา้ เราหายเจ็บกจ็ ะไดส้ นองคุณ เขา ถ้าไมห่ ายกไ็ ม่มีเวลาจะสมนาคุณเขา เพราะฉะน้ัน ควรพูดกะเขาด้วยถอ้ ยคำท่ี ไพเราะออ่ นหวานจบั ใจ ให้ศีลใหพ้ รเขา อย่าทำอย่าพูดให้เขาเดือดรอ้ นรำคาญ ต่างๆไดเ้ ปน็ อยา่ งดทื ี่สดุ จะไดไื ม่เปน็ เวรเปน็ กรรมต่อไป และจะซ่ือว่าสนองคณุ เขา ด้วย ตามส่วนท่เี รากำลงั เจ็บอยูพ่ อจะทำได้ เพราะฉะน้นั ถา้ พลาดพล้ังด้วยกาย วาจาใจก็ควรขอขมาโทษเสยี จะไดไื มเ่ ปน็ เวรเป็นกรรมต่อไป ลางคนเม่อื ป่วยหนักมกั มีโทสะมาก ดคุ นโนน้ ดา่ คนน้ี เซน่ โกรธตงั้ แตใ่ ห้ ไปตามหมอ ไปตามข้าไปหน่อยกโ็ กรธ หมอไมอ่ ยู่กโ็ กรธ หมอมาข้าก็โกรธ บดยาไม่ ทันใจก็โกรธ หรอื เมือ่ ไดย้ ามาแล้วมคี นทำถ้วยยาพลัดตกแตกไม่ทันถงึ มีอกโ็ กรธ เกิดความทกุ ข์เรา่ รอ้ นลงโทษตวั เองอีกมาก ถงึ กล่าววาจาดดุ า่ หรือลางทคี นเดินดงั ก็เรยี กตวั มา เอาไม้เคาะตาตมุ่ เปน็ ด้น รวมความว่า เมือ่ เจบ็ กเ็ ปน็ ทุกข์มากอยู่แล้ว ยังเพ่ิมทุกข์ทท่ี ำใจให้รำคาญเดือดร้อนอึดอัดเคอื งแคน้ แน่นอกเพมิ่ เติมข้นึ อีก ขาดทนุ เปลา่ ๆ ควรพจิ ารณาตรกึ ตรองดวู ่า เจ็บกเ็ ปน็ สว่ นเจบ็ ยอมไปตามเรือ่ งของ ความเจ็บ ไมค่ วรจะทกุ ขร์ ้อนเกนิ ไป แสดงอาการทุรนทรุ ายกระวนกระวายใจอยาก ใหห้ าย ขวนขวายจนเกนิ ส่วน ควรปฏบิ ตั ิสงั ขารไปตามลมควร เมื่อเจบ็ ไข้ขนึ้ ไมว่ า่ จะเป็นโรคชนดิ ไหนหมด ไม่ควรประมาท ควรนกึ ว่า เจบ็ น้อยนี้อาจเจบ็ มากและ อาจถงึ ตายก็ได้ เพราะฉะนนั้ เม่ือมธี รุ ะอะไรติดตวั อยคู่ วรชำระละลางใหเ้ รียบรอ้ ย เซน่ ใชห้ นเ้ี งินทอง แบง่ ทรพั ยม์ รดกใหแ้ ก่บุตรธดิ าหรือภรรยาสามแี ละญาตพิ น่ี ้องผู้ ลมควรจะได้รบั ถ้าตายลงจะไดเ้ รียกวา่ มาตีไปดี ไม่เกดิ แก่งแยง่ ฟอ้ งร้องววิ าทกนั ภายหลัง การทำเซ่นนน้ั ไมใ่ ชแ่ ขง่ ตัว ลางคนถอื กนั ต่างๆ เซน่ ถา่ ยรูปหรอื ทำ พนิ ัยกรรมแล้วรู้สึกวา่ เท่ากบั เปน็ ลางส่อให้ตัวตาย ทจ่ี รงิ ไมเ่ ปน็ เซน่ น้นั เลย กลับ เปน็ ผู้รเู้ ทา่ ทนั ตามธรรมดาดขื นึ้ อีก และซือ่ วา่ เป็นผู้โมก่ ลวั ตาย ลางคนมักหลงต่างๆ วา่ ให้ทรัพย์สมบัติแก่ลูกหลานภรรยาสามีแล้ว เวลาทีย่ งั ไม่ตายเขาอาจปกครอง สมบตั ไิ ม่ได้ มกั จะเอาไปทุ่มเทเสยี หายบ้าง หรือจะไมป่ ระคบั ประคองดแู ลปฏบิ ัติ รักษาพยาบาลตัวใหเ้ ต็มมอื เหมือนเม่ือยงั ไม่ไดแ้ บ่งมรดก คือกลวั เขาจะทอดธุระไม่ ดูแลตัวบา้ ง

๙๐ อน่งึ เวลาจะตายจริง อยา่ นกึ เลอื กเวลาสถานทบ่ี า้ นเมืองหรอื เลอื กโรค เพราะเปนี ส่งิ ทเี่ ลือกไมไ่ ด้ เม่ือเลอื กไม่ไดแ้ ล้ว ไมว่ า่ เวลาไร ไมว่ ่าโรคอะไร จะตายที่ ไหนก็ได้ทั้งน้ัน จะบงั คับหรอื สง่ั ให้เปีนไปตามความพอใจไมไ่ ด้เลย เซน่ ไปไหนๆ อาจเปน็ ลมลม้ ตกลงในท่อข้างถนนตายกไ็ ด้ หรือไปไกลๆ เซน่ ข้ามประเทศสถานท่ี อยู่ไปอาจไปตายกไ็ ด้ ส่งั งดหรอื ผืเนความตายไม่ได้ หรือจะเลอื กโรควา่ ขอใหต้ าย เพราะโรคทสี่ บายๆ เถดิ เป็นการสะดวกดจี ะได้!ม่ต้องทนทุกขเวทนาตา่ งๆ ดงั นีก้ ็ ไมไ่ ด้ ลา้ เลอื กได้แล้ว คนทงั้ หลายคร้งั ปูย่าตายายคงไมต่ ายเพราะโรคทรุ นทรุ าย กระสบั กระส่ายตายลำบากยากเขญ็ คงตายเพราะโรคท่สี บายๆ กนั หมด ลา้ เปน็ จริงอย่างนั้น โรคท่ีเหลือทนตา่ งๆ ก็จะตกอย่แู ก่คนภายหลงั สถานทตี่ า่ งๆ จะเลอื ก ก็ไมไ่ ด้ เซ่นจะตายในทีข่ องตวั ไมอ่ ยากตายในทีอ่ ่นื อยากตายบนทีน่ อนทอ่ี ่อนนุ่มก็ เลอื กไม่ได้ ยังมืการถอื ลทั ธิต่างๆ อกี เซน่ คนจะตายตอ้ งเอาเส้อื ผ้าใหมม่ าสวมและ นุง่ ห่มใหจ้ ะได้มืของติดตวั ใหม่ๆ ไปเมอื งผี ข้อนีไ้ ม่นา่ เชือ่ เลย คนตายแลว้ จะหอบ หว้ิ เอาของเซ่นนัน้ ไปไม่ได้ซาํ้ จะเพ่มิ ความลำบากใหแ้ ก่ผู้จะตายเขา้ อีก ทำใหพ้ งับ พงอ่ นน่าทเุ รศ กลับซํา้ เปน็ อนั ตรายแกก่ ารต้งั สติ แต่ร่างกายซึ่งเป็นของรกั ยิ่งก็ จำต้องทอดหงิ้ ไว้เอาไปไม่ได้ ของเหล่านน้ั จะเอาไปได้อย่างไร มีแต'่ จะเปีอนเหมน็ ด้วยนั้าเหลืองนั้าเลอื ด ในท่สี ุดก็คงเปน็ ข้เี ถ้าเพราะถูกไฟเผาไหมเ้ ป็นจณุ ไปหมดไม่ เหลือหลอ หรอื ผีงก็จมดนิ ผยุ อ่ ยเปน็ ดนิ ไป ความเจบ็ ไข้ให้พงึ เห็นวา่ มนั กด็ ับของ มันอยู่เสมอเปน็ ธรรมดา แต่เปล่ียนท่ายักยา้ ยไป เซน่ เดีย๋ วนเ้ี ป็นอยา่ งน้ี บดั เดย๋ี วก็ กลายเปน็ อย่างใหมอ่ กี เกิดแลว้ คบั เรื่อยไป ทนอยู่ไมไ่ ด้ เซน่ ปวดศีรษะจะปวดอยู่ เสมอไมไ่ ด้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปจนตาย หรอื หายปวดศีรษะกด็ ับ ปวดอยู่ ไม่ได้ ท่ปี วดถงึ ตายก็ศอี ร่างกายทนไม่ไหวต้องแตกดบั ลงท้ายดบั หมดทวั่ กัน ต่อนไี้ ปควรพจิ ารณาภายในร่างกายจิตใจน้ี ซึ่งแบง่ เป็นขนั ธ์ ๕ คอื รปู ๑ เวทนา ๑ สัญญา ๑ สงั ขาร ๑ วิญญาณ ๑ รูปไดแ้ กร่ ่างกายนี้ เวทนาไดแ้ ก่ สุข ทุกข์ ไมท่ กุ ฃไม่สุข สญั ญาได้แก่ จำรปู จำเสียง จำกลนิ่ จำรส จำเยน็ ร้อนอ่อนแขง็ ทม่ี าถูกกาย จำเรอ่ื งในใจ สงั ขารไดแ้ ก่ นกึ ถงึ รูป นกึ ถงึ เสยี ง นกึ ถึงกล่ิน นึกถงึ รส นึกถึงเยน็ ร้อนอ่อนแขง็ ท่มี าถูกกาย นึกถึงเร่ืองในใจ วญิ ญาณไดแ้ ก่ รสู้ กึ ทางตา รสู้ ึกทางหู รู้สกึ ทางจมกู รูส้ กึ ทางลิ้น ร้สู ึกทางกาย รูส้ กึ ทางใจ พงึ พิจารณาดว้ ย ป้ญญาว่า รูปเกดิ ขน้ึ ไมเ่ ท่ยี ง ยกั ยา้ ยผนั แปรเส่อื มดับไปเป็นธรรมดา และไม่อยใู่ น บังคับบญั ชาของใคร เวทนาเกิดข้ึนไม่เทย่ี ง ยักยา้ ยผนั แปรเลอื่ มดับไปเปน็ ธรรมดา และไม่อยใู่ นบงั คับบญั ชาของใคร สัญญาเกิดขึ้นไมเ่ ท่ียง ยกั ยา้ ยผันแปรเสอื่ มดับไป

๙๑ เมือ่ พิจารณาพิสดารอย่างนี้แล้วจงยอ่ ขนั ธ์ ๕ เขา้ เป็นนาม ๑ รูป ๑ เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ๔ นีเ้ ป็นนาม ๑ รูปคงเปน็ รปู ๑ แลว้ พิจารณานามรปู น้ดี ว้ ย ปัญญาว่า เวทนาสขุ ทกุ ข์ไมท่ ุกข์ไม่สุขปรากฏข้นึ แล้วกด็ บั วบิ ไปไมม่ เี หลอื ผลัดเปล่ยี นเกิดดับไปจนตาย สัญญา ๖ มจี ำรูปเปน็ ด้นปรากฏข้นึ อย่างหน่งึ แล้วก็ดับ วิบไป จำอยา่ งอน่ื แล้วก็ดบั วบิ ไปอีก เซ่นน้ไี ปจนตาย สังขาร ๖ มนี ึกถึงรปู เปน็ ด้น นึก แล้วก็ดับวิบไปหายไป ไมม่ ีอะไรเหลอื จนตาย วิญญาณ ๖ มคี วามรู้สึกทางตาเปน็ ดน้ ร้สู ึกข้นึ ทางไหนก็ดบั ไปทางนนั้ ผลดั เปล่ียนกนั อยไู่ ม่หยดุ หยอ่ นไปจนตาย เหลวๆ ไม่ มีสาระแก่นสาร ย่ิงกว่าลม ไมม่ ีเราเขา ท้ัง ๔ อาการนี้ เหลวๆ ทง้ั ๔ ไมม่ ีอะไรเท่ียง มีแต่เส่อื มไป จางไป สน้ิ ไป ดบั ไปเปน็ ท่สี ดุ ไมค่ วรยดึ ถืออะไรหมดนามท้งั ๔ นเ้ี กดิ จากรปู รปู ก็เกิดผสมด้วยธาตุ ๕คือ ดนิ นี้า ไฟ ลม อากาศ ธาตเุ หลา่ น้ีเข้ามาเปน็ รปู แล้วก็เส่ือมสน้ิ ยกั ย้ายแปรไป ทสี่ ุดก็กลับไปอย่กู บั ธาตุเดมิ ภายนอก เซ่น ผม ขน เลบ็ ดดั โกนรว่ งหล่นก็ไปอยู่กบั ธาตเุ ดิมคอื ดนิ ฟืนก็กรอ่ นเขา้ 'โป กายก็ถเู ปน็ ไคลรว่ งหลน่ ไป ถ่ายเปน็ อุจจาระตกไปอย่กู ับดนิ อยา่ งเดมิ น้ีาดื่มเข้าไปแลว้ กบ็ ว้ นออกมาเป็น เขฬะ ถา่ ยเป็นปัสสาวะไหลเป็นเหงอ่ื เป็นนี้าตา นา้ี มกู เปน็ นา้ี เหลอื ง น้าี เลอื ด ธาตุ ไฟคือความอบอุน่ ตามตัว ธาตุลมเซน่ ลมหายใจ อากาศธาตุเซ่นในซ่องจมูก กเ็ สือ่ มตดิ ธาตุดนิ ธาตนุ ้ีา ออกมาดว้ ยทุกคราว ทุกลมหายใจเข้าออกเสมอ ทัง้ หลบั ดืน่ เดิน ยืน นง่ั นอน ไม่ได้หยดุ หยอ่ นไปจนตาย รูปแลเหน็ ได้แลเป็นท่ีอาศัยของนาม ก็ไม่มี ลาระแกน่ สารเที่ยงถาวร มแี ต่เส่อื มส้ินแตกดบั ไมม่ ีเราเขา หาเราเขาไมไ่ ด้ ควรหรอื จะไปนิยมยนิ ดี หลงรักใคร่ยดึ ถอื นามซึง่ เหลวๆ เกดิ ขนึ้ แลว้ ก็ดับไปๆ เปน็ นามรูป เหมือนกนั หมดทัว่ ทั้งโลก ดสู ่วนทล่ี ว่ งไปแล้วก็หมดไปแลว้ จรงิ ๆ ถอยมาดูปัจจบุ นั ก็ กำลังหมดไปเปล่ยี นไปเหมือนทล่ี ่วงมาแลว้ อยา่ งเดยี วกนั แมใ่ นอนาคตก็จกั เป็น เหมือนกบั อดีตและปัจจุบันไม่แตกต่างอะไรกนั ควรพิจารณาอย่างย่อในเวลาจวนจะตายดังตอ่ ไปน้ี นามรปู ๋ อนิจจฺ ํ นาม รปู ไม่เทย่ี ง ไมค่ งทน ไมค่ งที่ ไมย่ ัง่ ยนื ไมถ่ าวร ไม่ตงั้ อยูเ่ สมอร่ําไป นามรูป๋ ทุก.ข0 นามรูปเป็นทุกข์ ทนอยู่ไมไ่ ด้ มีความเสือ่ มส้นิ ยักยา้ ยแปรผนั เกา่ แกค่ ราํ่ คร่าชำรุด ทรดุ โทรมแตกดับไปเปน็ ธรรมดา นามรูป๋ อนตฺตา นามรูปไมอ่ ย่ใู นอำนาจบงั คับ

๙๒ บัญชาอ้อนวอนขอรอ้ งของใคร ไมม่ ตี วั ตน ไมใ่ ชข่ องเรา ไม่ใช่เรา เปน็ ของกลางๆ ไม่เป็นของใคร เป็นแตน่ าม ๑ รูป ๑ เท่านน้ั ลางคนจะฉงนวา่ พจิ ารณาไมเ่ ทยี่ งเปน็ ทุกข์เปน็ อนัตตานี้ ดไู มเ่ กย่ี วกบั พระ พุทธพระสงฆ์เลย ไมไ่ ดบ้ ริกรรมวา่ พุทฺโธๆ หรอื อรหๆํ เช่นน้ี พิงเขา้ ใจว่า การท่ี บรกิ รรมอยา่ งนกี้ ด็ ดี อก ถ้าไม่รู้พระคณุ ของท่านก็ถึงแต่ซ่อื ของทา่ น ไม่ถงึ หัวใจทา่ น ส่วนการพจิ ารณาไม่เทยี่ งเป็นทกุ ขเ์ ปน็ อนตั ตาน้ี ถึงหัวใจทา่ น การถึงซือ่ ทา่ นกบั ถงึ หวั ใจทา่ น อยา่ งไหนจะดกี วา่ เพราะความจริงท้งั ๓ ออกมาจากหวั ใจทา่ น ท่านเหน็ ก่อนใครๆ หมด และโปรดปรานมาก ทรงสั่งสอนศษิ ย์สาวกมากกว่าคำสงั่ สอนอื่นๆ ทัง้ หมด ถา้ พระองค์และพระสงฆ์ไมร่ ้คู วามจริงท้ัง ๓ น้ี กเ็ ปน็ พระพทุ ธเจ้าไม่ได้ เป็น พระสงฆไ์ มไ่ ด้ ผพู้ ิจารณาความจรงิ ทงั้ ๓ น้ีเป็นผูถ้ ึงหวั ใจพระพุทธเจา้ และหัวใจ พระสงฆท์ กุ องค์ ส่วนความจรงิ ทงั้ ๓ น้ี เป็นพระธรรมที่แท้จริง เมือ่ พิจารณาเห็น ความจรงิ ท้งั ๓ น้ี กซ็ อ่ื ว่าอยู่กับพระธรรมที่แท้จรงิ เพราะฉะน้ัน ผใู้ ดพจิ ารณาความ จริงคือไม่เทยี่ งเป็นทุกข์เปน็ อนัตตานี้ ผู้นั้นซือ่ ว่าอยูก่ ับหวั ใจพระพทุ ธเจา้ หวั ใจพระ ธรรม และหวั ใจพระสงฆ์ จงอุตสาห์พิจารณาให้เหน็ จริงแจม่ แจง้ ซัดเจนตามความจริง เถิด ควรพจิ ารณากำหนดใหม้ าก เมอื่ เวลายงั สบายดไี ม่ปว่ ยไข้ ตอ้ งซกั ซ้อม‘ฝกึ หัด ปัญญานไ้ี วให้ชำนชิ ำนาญ ในเวลาจะนอนควรพิจารณาดว้ ย เพราะลางคนนอนหลบั ตายไปก็มี พิงสะสมอบรมขอ้ ปฏิบัติให้ชำนาญแคส่วคล่องไว้แตย่ ังดๆี จนหมดสงสัย เมื่อเจบ็ นอ้ ยเจ็บมากหรือจะตายก็ใขเ้ ครอ่ื งมอื กำจดั ป้องกันชนิดเดียวกัน ดุจ นายทหารมีดาบหรือกระบเี่ ปน็ ด้น กใ็ ขย้ ุทธวธิ ีฟาดฟืนข้าศึกให้ยอ่ ยยบั จนสดุ ความสามารถไมถ่ อยหอ้ ยอ่ หยอ่ นเลย และควรฝกึ หัดใช้ดาบหรือกระบี่เปน็ ด้นไวใ้ ห้ คลอ่ งแคส่ว เมอื่ ถงึ เข้าเวลาไรจะไดีใช้สะดวกดี เกิดมาชาติหนงึ่ จะตายดีหรอื ไมด่ ี ก็ตายหนเดยี วเท่านน้ั จะตายแก้ตัวอกี หน ๑ หรือ ๒ หนไมไ่ ด้ ไมเ่ หมอื นการคา้ ขาย จะได้แก้ตัวคราวหลงั ได้ ควรจะตายอย่าง ดีท่สี ดุ ท่ีจะตายได้คือมีความองอาจกลา้ หาญ และมีอาการอดทนแชม่ ชน่ื บริสุทธ้ี สะอาดปราศจากโทษโดยประการทัง้ ปวง พรอ้ มท้งั กายวาจาใจและทิฏเความเห็น มี สติสัมปชัญญะและปัญญา สามารถอยา่ งดที สี่ ดุ ผู!้ ดรปู้ ฏิบตั ไิ ด้ตงั อธบิ ายมาแล้วนี้ ผูน้ ้ันไม่ต้องเกรงกลวั ต่อความตายเลย เป็นผู้ตายดอี ย่างทีส่ ุด สมกบั ท่เี กิดมาเป็น มนษุ ยพ์ บพระพทุ ธศาสนาซง่ึ เปน็ ของดปี ระเสริฐอย่างยอดยิง่ ถา้ ปฏิบตั ถิ งึ ทส่ี ุดก็ หมดภพชาติ ถ้ายงั ไมถ่ ึงทสี่ ดุ กไ็ ปสคุ ติไมต่ ้องไปทคุ ติเป็นอย่างแน่แหท้ เี ดียว ----------- ง ^ ® 3 ? -----------------------