ขอ้ พิจารณาฝ่ายอานวยการ Staff Study พ.ท.เกรยี งไกร จนั ทะแจม
วตั ถุประสงค์ ให้ นทน. มคี วามรูค้ วามเข้าใจเบอ้ื งตน้ ใน : การทาบนั ทึกเสนอผ้บู ังคบั บญั ชา การใชข้ ้อพจิ ารณาของ ฝอ. การจัดทาหนงั สือราชการแบบตา่ ง ๆ
ขอบเขตการบรรยาย - กล่าวนา - ขอ้ พจิ ารณาของฝา่ ยอานวยการ / บันทึก ความเห็น - รูปแบบของขอ้ พจิ ารณาฯ/บนั ทึกความเหน็ - การเขียนขอ้ พิจารณาของฝ่ายอานวยการ - ตัวอยา่ งการเขียนขอ้ พิจารณาฝา่ ย อานวยการ
ทดสอบก่อนเรียน ข้อพิจารณาฝา่ ยอานวยการ
กลา่ วนา ใครคือฝ่ายอานวยการ ?
งานในหน้าท่รี ่วมของฝา่ ยอานวยการ ให้ขา่ วสาร กากับดูแล ประมาณการ ทาแผน / คาสง่ั ให้ข้อเสนอ 6
กล่าวนา การส่อื ความหมาย การพูด การบรรยายสรปุ การเขียน การทาบนั ทึกเสนอ การทาข้อพิจารณาของฝา่ ยอานวยการ
กลา่ วนา การแก้ปัญหาทางทหาร (Military problem solving) วิธแี กป้ ัญหาอย่างมีระเบียบซึ่งทางทหารใชอ้ ย่เู สมอ ได้แก่ การประชุมตกลงใจ การทาบนั ทึกเสนอ / ขอ้ พจิ ารณาของฝ่ายอานวยการ การปฏิบัติตามลาดับการปฏิบตั ิงานของ ผบ. - ฝอ. / กระบวนการแสวงข้อตกลงใจทางทหาร
การประชุมตกลงใจ (Decision Meeting) ปญั หาไม่ยุง่ ยากสลบั ซบั ซ้อน ผู้บงั คับบัญชา สามารถประชุมส่ังการว่า จะให้ ใช้เทคนิคการประชมุ แบบต่างๆ ใคร ? ทาอะไร ? เมือ่ ไร ? ท่ไี หน ? ทาไม ? อยา่ งไร ?
การปฏิบัตติ ามลาดับการปฏิบัตงิ านของ ผบ. และ ฝอ. (Decision Making Process) กระบวนการแสวงข้อตกลงใจ 9 ข้ันตอน 4 กลุ่มงาน
การพัฒนาของกระบวนการแสวงขอ้ ตกลงใจ กอ่ นปี2535 ( 9 ข้ัน ) ประมาณการณ์/ ปจั จุบนั ( 4กลุม่ งาน ) นส. 101-5 ประมาณสถานการณ์ นส.100-9 ฉบบั ปรับปรงุ 1. ภารกิจ 5 ข้อ • วิเคราะห์ 2. ข่าวสารขั้นต้น ภารกิจ 3.วิเคราะห์ภารกิจ 1. ภารกิจ 2. สถานการณ์ • พฒั นา ห/ป 4. ประมาณการ 3. วเิ คราะห์ ห/ป ส5ถ.าปนรกะามราณณ์ 4. เปรียบเทียบ ห/ป • วิเคราะห์ ห/ป 6. ทาแผน/คาสัง่ 5. ข้อเสนอ/ตกลงใจ • ตกลงใจ 7. อนมุ ตั ิแผน/คาสง่ั 8. แจกจ่ายแผน/คาส่ัง 9. กากับดแู ล * มีการบรรยายสรปุ แต่ละขั้นตอน ตาม หลักฐาน นส.100-9 ฉบับปรบั ปรุงฯ
ข้อพิจารณาของฝ่ายอานวยการ(Staff study) เปน็ เอกสารราชการที่รวบรวมการวิเคราะห์ ปัญหา อยา่ งถูกต้องรดั กุม และใหข้ อ้ เสนอแนะวิธีการแก้ปัญหานัน้ ไวด้ ้วย
ขอ้ พิจารณาของฝ่ายอานวยการ เอกสารของ ฝสธ.อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีการ วิเคราะห์ปัญหา อยา่ งถูกตอ้ ง รัดกมุ ใหข้ ้อเสนอแนะวิธีการแกป้ ัญหานนั้ ไวด้ ว้ ย มี ๖ ข้อ คอื ปัญหา, ขอ้ เทจ็ จริง, สมมตุ ิฐาน, ข้อพิจารณา, ขอ้ สรปุ และ ขอ้ เสนอ
ข้อพิจารณาของฝา่ ยอานวยการ(Staff study) เปน็ เอกสารทีผ่ ู้ใต้บังคับบญั ชา(ฝอ.) เสนอ ผบู้ งั คบั บัญชา เพือ่ แสดงความเห็น หรือเสนอแนะแนวทาง พิจารณาวนิ ิจฉัย หรอื ดาเนินการในเรือ่ งที่เสนอ
ข้อพิจารณาของฝ่ายอานวยการ(Staff study) อาจใช้เทคนิคในการแก้ปัญหาโดยทัว่ ไป แล้วนาคาตอบมาเขียนเรียบเรียง
วตั ถุประสงค์ (Objective) ชว่ ย ผบ. ในการตกลงใจ เปน็ เคร่อื งมือของ ฝอ. ในการแกป้ ัญหาอยา่ งมี เหตผุ ล มีระเบียบ เปน็ ส่อื ความคิดในการตกลงใจ และทาความเขา้ ใจ
แผนผงั ชนดิ หนงั สือราชการ หนังสือภายนอก หนังสือ หนังสือ ภายใน ประทบั ตรา - ภายนอกทใ่ี ช้ภายนอก กห. - ภายนอกที่ใชภ้ ายใน กห. หนงั สือส่งั การ หนังสือประชาสัมพนั ธ์ หนังสือทีเ่ จา้ หนา้ ทีจ่ ัดทาขึน้ รับไว้เปน็ - คาสั่ง - ประกาศ หลักฐานในราชการ - ระเบียบ - แถลงการณ์ - หนงั สือรับรอง - ข้อบังคับ - ข่าว - บนั ทกึ - รายงานการประชุม - หนงั สืออื่น 17
อะไรคือบนั ทึกเสนอ หนังสือรบั รอง รายงานการ หนงั สือราชการ ประชุม บันทึก หนังสอื ภายนอก อืน่ ๆ หนงั สอื ภายใน หนงั สือประทับตรา หนังสือส่ังการ หนังสอื ประชาสัมพนั ธ์ หนังสอื ที่เจา้ หนา้ ท่จี ดั ทาขึน้
ครฑุ - เป็นสัญลักษณ์แรกสดุ ท่สี ือ่ ว่าเอกสารน้นั เปน็ เอกสารทาง ราชการ - ไทยได้รับลทั ธิเทวราชจากอินเดีย กษัตริยค์ ืออวตารของพระ นารายณ์ - ครุฑ ผมู้ ฤี ทธ์มิ ากและเปน็ พาหนะของพระนารายณ์ - ครุฑมี ๒ ขนาด (ขนาดสูง ๓ ซม. และ ขนาดสูง ๑.๕ ซม.) (วดั จากปลายปีกถึงปลายหาง)
นับจากปีกถงึ หาง ๓ ซม. ๑.๕ ซม. 20
หนังสือภายนอก มี ๒ ชนิด ๑.หนงั สือภายนอกทีใ่ ชภ้ ายนอก กห. ๒.หนงั สือภายนอกทีใ่ ช้ภายใน กห.
หนังสือภายนอกที่ใช้ภายนอก กห. หนงั สือตดิ ตอ่ ราชการที่เป็นแบบพิธี เปน็ หนงั สือติดต่อระหวา่ งสว่ นราชการหรือส่วนราชการมีถึง หน่วยงานอื่นใดซึง่ มใิ ช่สว่ นราชการหรือที่มีถงึ บคุ คลภายนอก ใชก้ ระดาษตราครุฑ
๑.ที่หนงั สือ เสมอกบั เทา้ ครฑุ และทีอ่ ยู่สว่ นราชการ ๒.ระยะห่างระหว่าง รหัสไปรษณีย์กบั วันที่ ๑ Ent. + Bf.๖ ๓.ระยะห่างระหวา่ ง วนั ที่ กับ เรือ่ ง ๑ Ent. + Bf.๖ ๔.ระยะห่างระหวา่ ง เรือ่ ง,เรียน,อา้ งถึง, สิง่ ที่สง่ มาด้วย ๑ Ent. + Bf.๖ ๕.ระยะห่างระหว่าง สิ่งที่สง่ มาด้วย กบั เนื้อเรือ่ ง ๑ Ent. + Bf.๖ ๖.ระยะหา่ งระหวา่ ง เนื้อเรือ่ ง กบั ภาคสรุป ๑ Ent. + Bf.๖ ๗.ระยะห่างระหวา่ ง ภาคสรุป กบั ขอแสดง ความนับถือ ๑ Ent. + Bf.๑๒ ๘.ระยะหา่ งระหวา่ ง ขอแสดงความนับถอื กับ พลตรี ๓ Ent. 23
๑.ระยะก้ันหนา้ ๓ ซม. ๑.๕ ซม. ๒.ระยะกั้นด้านบน ๑.๕ ซม. ๓.ระยะกัน้ หลัง ๒ ซม. ๓ ซม. ๒ ซม. 24
25
๑.๕ ซม. ๑ Ent + Bf.๖ ๑ Ent + Bf.๖ ๑ Ent + Bf.๖ ๒.๕ ซม. ๒ ซม. ๑ Ent + Bf.๖ 26 ๑ Ent + Bf.๖ ๓ ซม. ๑ Ent + Bf.๑๒ ๓ Ent. ๑ Ent.
บนั ทึก คือ การเขยี นขอ้ ความราชการ เพอ่ื เสนอต่อผบู้ ังคบั บญั ชา หรอื ผู้บงั คับบัญชาสั่งการแกผ่ ใู้ ต้บังคบั บญั ชา หรือ ระหว่างหนว่ ยราชการในกระทรวง ทบวง กรม เดียวกนั ติดต่อกนั
ประเภทการบนั ทึก โดยปกตกิ ารบนั ทกึ แบ่งออกเปน็ ๕ ประเภท คอื ๑) บนั ทกึ ยอ่ เรื่อง ๒) บนั ทกึ รายงาน ๓) บันทกึ ความเห็น ๔) บนั ทกึ ส่งั การ ๕) บนั ทกึ ติดตอ่ 28
บนั ทึกความเหน็ คอื ข้อความทีเ่ ขียนหรือพิมพ์แสดงความรู้สึกนกึ คิด ของ ตนเกี่ยวกบั เรื่องทีบ่ ันทึกวา่ อะไร เมอ่ื ไร ทีไ่ หน ใคร ทาไม อยา่ งไร เร่อื งใดเร่อื งหน่งึ เพอ่ื ชว่ ยการประกอบการพิจารณาสั่งการ ใชก้ ระดาษบนั ทึกขอ้ ความ มี ๔ ขอ้ คอื ปัญหา, ขอ้ เทจ็ จริง, ข้อพิจารณา, ขอ้ เสนอ
ขอ้ พิจารณาฝา่ ยอานวยการ VS บนั ทึกเสนอ ขอ้ พิจารณาของฝ่ายอานวยการ การทาบันทึกความเหน็ ปญั หา 1) ปญั หา สมมตุ ิฐาน 2) ข้อเทจ็ จริง ข้อเท็จจริง 3) ขอ้ พจิ ารณา ข้อพิจารณา 4) ข้อเสนอ ขอ้ สรุป ข้อเสนอ
รปู แบบ (Form) แตกตา่ งกนั ไปตามลักษณะหน่วยงาน นิยมปฏิบตั ิ ๓ ลกั ษณะ คือ ตอ่ ทา้ ยเรือ่ งเดิม (Appending) ปะหน้าเรือ่ งเดมิ (Covering) ตั้งเรือ่ งขึ้นใหม่ (Arranging)
ตอ่ ท้ายเรื่องเดิม (Appending) กรณีทใ่ี ช้ หนว่ ยงานอื่นมีหนงั สือหรอื บันทกึ เสนอเขา้ มา เขียนบันทึกต่อทา้ ยหนังสอื หรือบนั ทึกเรือ่ งเดิมที่มีมานน้ั (บริเวณทีว่ ่าง) โดยขอ้ ความทีบ่ ันทกึ ไม่ยาวมากและมี หน้ากระดาษพอที่จะบนั ทึกตอ่ ทา้ ยได้ ผู้เสนอมคี วามใกลช้ ดิ กบั ผู้บังคบั บัญชา เช่น ตาแหน่ง เลขานกุ าร หรอื ฝ่ายเสนาธกิ าร ใช้นาเรยี นผู้บังคบั บญั ชา หรอื เวยี นทราบภายในหนว่ ยเทา่ น้นั
ต่อทา้ ยเรือ่ งเดิม (Appending) รูปแบบ ตัวอย่าง ไมม่ ชี ือ่ เรื่องและไมม่ คี าลงทา้ ย คาขึ้นต้น “เรียน” หรือตามฐานะของ ผบ. สรุปเรือ่ งเดิมให้สั้น ครอบคลมุ 5 W(ใคร, ทาอะไร, เมื่อไร, ที่ไหน และทาไม/ในกรณีเรื่องเดิมส้ันหรือกระชับอยู่แล้ว ไมต่ ้องสรุปก็ ได้ เพิ่มเติมความคิดเหน็ หรือข้อมูลทีเ่ กย่ี วกับการในหน้าท่ขี องตน ข้อเสนอแนะวา่ ควรทาอย่างไรต่อไป เพื่อให้บรรลุภารกิจ ลงชือ่ ผู้ทาบนั ทึก (ไมม่ วี งเลบ็ ชื่อเต็ม), ลงตาแหน่งผู้บันทกึ ใน บรรทดั ต่อมา และ ลงวันเดือนปีทีบ่ ันทกึ ในบนั ทึกสดุ ท้าย
ปะหน้าเรื่องเดิม (Covering) กรณีทใ่ี ช้ คล้ายกับแบบต่อท้ายเรือ่ งเดิม (หน้ากระดาษไมพ่ อที่จะบนั ทึก ต่อท้ายได)้ ฝ่ายอานวยการมีขอ้ มลู หรือข้อคิดเหน็ ทีห่ ลากหลาย เพิ่มเติม ใชน้ าเรียนผู้บังคบั บญั ชา หรือเวียนทราบภายในหน่วย เช่นเดียวกับแบบต่อท้ายเรือ่ งเดิม
ปะหน้าเรือ่ งเดิม (Covering) รูปแบบ ตัวอย่าง เช่นเดียวกบั บันทึกความเหน็ แบบต่อท้ายเรื่องเดิม แต่ใช้ กระดาษบันทึกขอ้ ความแผ่นใหม่ ส่วนหัวเรื่องของกระดาษบนั ทึกข้อความ ให้เว้นไว้ หรืออาจเขียน ได้โดย คดั ลอกเฉพาะส่วนหวั เรื่องของเรื่องเดิม เท่าน้ัน (สบ.ทบ. ให้ข้อแนะนาวา่ ควรจะเขียน) เนื้อเรื่องมี ๔ ข้อ ได้แก่ ปัญหา, ข้อเทจ็ จริง, ข้อพิจารณา และ ข้อเสนอ ซ่งึ อาจมคี รบท้ัง ๔ ข้อ หรือไมค่ รบกไ็ ด้
ตงั้ เรื่องขึ้นใหม่ (Arranging) กรณีทีใ่ ช้ เพื่อพิจารณาหาแนวทางปฏบิ ตั จิ ากเรื่องเดิม หรือ หนงั สือจากหน่วยอื่น จากความริเริ่มของ ฝสธ. เกีย่ วกบั ภารกิจ หรือ เหตกุ ารณ์ใหม่ๆ เชน่ ขออนุมัติหลกั การ หรือ โครงการใหม่ มีเรือ่ งที่ตอ้ งพิจารณาอย่างรอบคอบ/ใช้ข้อมลู ประกอบมาก
ตั้งเรือ่ งขึ้นใหม่ (Arranging) รปู แบบ ใช้รูปแบบหนงั สือภายใน ประกอบด้วยโครงสร้าง ๔ ส่วน 1. หัวเรื่อง (Heading) 2. เนื้อเรือ่ ง (Body) 3. จดุ ประสงค์ (Objective) 4. ท้ายเรือ่ ง (Ending)
แบบฟอรม์ หนงั สือภายใน หัวเรือ่ ง เนื้อเรือ่ ง จุดประสงค์ ทา้ ยเรอ่ื ง
ต้งั เรื่องข้ึนใหม่ (Arranging) เนื้อเรื่อง ขอ้ พิจารณาของฝ่ายอานวยการ แบบสมบูรณ์มี ๖ ขอ้ คือ การทาบันทึกความเหน็ ปญั หา ปัญหา สมมุติฐาน ขอ้ เท็จจริง ขอ้ เท็จจรงิ ขอ้ พิจารณา ขอ้ พิจารณา ขอ้ เสนอ ขอ้ สรุป ขอ้ เสนอ
ต้งั เรือ่ งข้ึนใหม่ (Arranging) สามารถกาหนดได้ ๕ แบบ ( 5 Formats) ตาม ระเบียบ บก.ทท.
หวั เรื่อง สว่ นราชการ ............................................................................................................... ที่ ..................................................... วันที่ .................................................. เรื่อง ................................................................................................................ (คาขึน้ ตน้ ) ..................................................................................................... แบบที่ ๑ ๑. ปัญหา ๒. สมมุติฐาน เนือ้ เรือ่ ง ๓. ข้อเท็จจรงิ ๔. ขอ้ พจิ ารณา ๕. ขอ้ สรุป ๖. ข้อเสนอ จดุ ประสงค์ จึง ........................................... (ลงชือ่ ) .......................................................... ท้ายเรือ่ ง (พมิ พ์ช่อื เตม็ ) (ตาแหนง่ )
หวั เรื่อง สว่ นราชการ ............................................................................................................... ที่ ..................................................... วันที่ ................................................................. เรือ่ ง ........................................................................................................................... (คาขึ้นต้น) ..................................................................................................... ๑. ปัญหา แบบที่ ๒ ๒. ข้อเท็จจรงิ เนื้อเรือ่ ง ๓. ขอ้ พจิ ารณา ๔. ข้อเสนอ จดุ ประสงค์ จึง ........................................... (ลงชื่อ) .......................................................... ท้ายเรอ่ื ง (พมิ พช์ ่อื เตม็ ) (ตาแหนง่ )
หวั เรื่อง สว่ นราชการ ............................................................................................................... ที่ ..................................................... วันที่ ................................................................. เรื่อง ........................................................................................................................... (คาขึ้นต้น) ..................................................................................................... ๑. ...(ปญั หา)... แบบที่ ๓ ๒. ขอ้ เทจ็ จรงิ เนื้อเรือ่ ง ๓. ข้อพจิ ารณา ๔. ขอ้ เสนอ จดุ ประสงค์ จึง ........................................... (ลงชือ่ ) .......................................................... ท้ายเรื่อง (พมิ พ์ชอ่ื เตม็ ) (ตาแหน่ง)
หวั เรื่อง สว่ นราชการ ............................................................................................................... ที่ ..................................................... วันที่ ................................................................. เรือ่ ง ........................................................................................................................... (คาขึน้ ต้น) ..................................................................................................... ๑. ...(ปัญหา)... แบบที่ ๔ ๒. ...(ขอ้ เทจ็ จริง)... เนื้อเรือ่ ง ๓. ...(ขอ้ พิจารณา)... ๔. ข้อเสนอ จดุ ประสงค์ จึง ........................................... (ลงชื่อ) .......................................................... ท้ายเรื่อง (พมิ พ์ช่อื เต็ม) (ตาแหน่ง)
หวั เรื่อง สว่ นราชการ ............................................................................................................... ที่ ..................................................... วนั ที่ ................................................................. เรือ่ ง ........................................................................................................................... (คาขึน้ ต้น) ..................................................................................................... แบบที่ ๕ ๑. ...(ปญั หา หรอื ปัญหา + ข้อเท็จจรงิ )... เนื้อเรือ่ ง ๒. ...(ข้อเทจ็ จริง+ขอ้ พจิ ารณา หรอื ข้อพจิ ารณา)... ๓. ข้อเสนอ จดุ ประสงค์ จึง ........................................... (ลงชือ่ ) .......................................................... ท้ายเรื่อง (พมิ พ์ช่อื เต็ม) (ตาแหน่ง)
หวั เรื่อง สว่ นราชการ ............................................................................................................... ที่ ..................................................... วันที่ ................................................................. เรื่อง ........................................................................................................................... (คาขึน้ ต้น) ..................................................................................................... แบบที่ ๖ ๑. ...(ปัญหา + ข้อเทจ็ จริง + ข้อพจิ ารณา)... เนือ้ เรื่อง ๒. ขอ้ เสนอ จดุ ประสงค์ จึง ........................................... (ลงชือ่ ) .......................................................... ท้ายเรื่อง (พมิ พช์ อ่ื เต็ม) (ตาแหนง่ )
รูปแบบขอ้ พิจารณา ฝอ./บนั ทกึ ความเห็น ระเบียบงานสารบรรณ พ.ศ.๒๕๕๕ บันทึกมี ๓ กรณี คือ ๑) ไม่ใช้กระดาษบนั ทึกขอ้ ความ (บันทึกต่อเนอ่ื ง)ต่อทา้ ยเรือ่ งเดิม ๒) ใชก้ ระดาษบนั ทึกข้อความ ปะหนา้ เรือ่ งเดิม ๓) ใช้รปู แบบหนังสือภายใน ต้งั เรื่องขึ้นใหม่
การเขยี นข้อพิจารณาของฝ่ายอานวยการ ความยาว ไม่มีการกาหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับผู้บังคบั บญั ชาวา่ มีความชอบ และต้องการอย่างไร ปกติไม่ควรเกิน ๒ หน้า รายละเอียดให้ทาเป็นผนวก อนผุ นวก ใบแทรก ใบแนบ ประกอบ หากมคี วามจาเปน็ อาจเขียน ๓-๔ หน้ากไ็ ด้ แต่ไม่ควรเขียน ๕- ๖ หน้า
หัวเร่อื ง (Heading) บนั ทึกข้อความ สว่ นราชการ ............................................................................................................... ที่ ..................................................... วนั ท่ี ................................................................. เรอ่ื ง ...............ก...า..ร..ต..้งั..ช...ือ่ .............................................................................................. (คาขน้ึ ตน้ ) .............ต...อ้ ..ง..ใ..ห..ต้...ร..ง..ก...ับ..เ..ร..ือ่ ..ง..ท...จี่ ..ะ...เ.ข..ยี...น........................................... ต้องเปน็ การพัฒนาความคิดของคนอ่าน ต้องเขยี นใหบ้ รรลจุ ุดมุง่ หมายอยา่ งน้อย ๒ ประการ คือ ให้รใู้ จความที่ย่อสัน้ ทีส่ ุดของหนงั สือ ใหส้ ะดวกแกก่ ารเกบ็ คน้ อ้างอิง
หวั เรือ่ ง (Heading) การตั้งชือ่ ต้องให้ตรงกับเรื่องทีจ่ ะเขียน ต้องเป็นการพัฒนาความคิดของคนอา่ น ต้องเขียนให้บรรลจุ ดุ มุ่งหมายอยา่ งนอ้ ย ๒ ประการ คือ ใหร้ ใู้ จความทีย่ ่อส้ันทส่ี ุดของหนงั สือ ใหส้ ะดวกแกก่ ารเกบ็ คน้ อา้ งอิง
Search