Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเกิดฝน

การเกิดฝน

Published by 945sce00466, 2021-03-03 02:19:06

Description: การเกิดฝน

Search

Read the Text Version

นำ้ ท่ีตกลงมำจำกทอ้ งฟ้ำนนั้ อำจจะเป็นลกั ษณะของฝน หิมะ หรือลกู เห็บ ซ่ึงเรำเรียกส่ิงเหล่ำนีว้ ่ำ นำ้ ฟ้ำ (precipitation) กำรท่ีนำ้ ฟ้ำจะ เป็นฝนหรือหิมะนนั้ ขึน้ อย่กู บั อณุ หภมู ิของอำกำศ ลกั ษณะและรูปรำ่ งของ นำ้ ฟำ้ โดยสว่ นใหญ่แลว้ หิมะหรอื ผลกึ นำ้ แข็งจะเป็นรูป 6 เหล่ยี ม นำ้ ฟ้ำตอ้ งเกิดจำกเมฆ ถำ้ ไม่มีเมฆจะไม่มีนำ้ ฟ้ำ แต่เม่ือมีเมฆก็ไม่จำเป็น จะตอ้ งมีนำ้ ฟ้ำเสมอไป เพรำะมีเมฆหลำยชนิด ท่ีลอยอย่ใู นท้องฟ้ำเฉยๆ ไมต่ กลงมำ และ มีบำงชนิดเท่ำนนั้ ท่ีทำใหเ้ กิดนำ้ ฟำ้ ได้

เมฆ (Cloud) คือ ละอองนำ้ และเกล็ดนำ้ แข็งท่ีรวมตวั กนั เป็นกล่มุ กอ้ น ลอยตวั อยู่ในชนั้ บรรยำกำศ ท่ีเรำสำมำรถมองเห็นได้ เพรำะไอนำ้ ท่ีควบแน่นเป็นละอองนำ้ (โดยปกติแลว้ จะมีขนำด 0.01 มม.) หรอื เป็นเกล็ดนำ้ แข็ง ซ่งึ เม่ือเกำะตวั กนั เป็นกล่มุ จะ เห็นเป็นกอ้ นเมฆ กอ้ นเมฆนีจ้ ะสะทอ้ นคล่ืนแสงในแต่ละควำมยำวคล่ืนในชว่ งท่ีตำมองเห็นได้ ในระดบั ท่ีเท่ำๆ กนั จึงทำใหเ้ รำ มองเห็นกอ้ นเมฆนนั้ เป็นสขี ำว แตก่ ็สำมำรถมองเห็นเป็นสเี ทำหรอื สีดำ ถำ้ หำกเมฆนนั้ มีควำมหนำแนน่ สงู มำกจนแสงผำ่ นไม่ได้

เมฆ มีหลำยชนิด แต่มีบำงชนิดเท่ำนนั้ ท่ีมีฝนตกลงมำ ซ่ึงเมฆท่ีทำให้ เกิดฝนโดยท่วั ไปสำมำรถแบง่ ไดเ้ ป็น 2 ชนิดคอื คิวมโู ลนิมบัส ( Cumulonimbus) มชี ่ือเรยี กมำจำกภำษำละตนิ cumulus แปลวำ่ \"กองของส่งิ ของ\" และ nimbus แปลว่ำ \"พำยฝุ น, เมฆพำยุ“ คิวมโู ลนิมบสั คือ เมฆท่ีมีลกั ษณะ หนำสงู ทบึ ในแนวตงั้ โดยมีควำมสมั พนั ธก์ บั พำยฟุ ้ำคะนอง และ อำกำศ ท่ีมีลักษณะแปรปรวน ก่อตัวขึน้ จำกไอน้ำซ่ึงได้รับกำรนำพำพัดขึน้ ดำ้ นบนดว้ ยกระแสลมแรง สำมำรถพบไดใ้ นแบบเด่ียว, รวมเป็นกลุ่ม, หรือ ตำมแนวปะทะอำกำศเย็น คิวมโู ลนิมบสั สำมำรถทำใหเ้ กิด ฟ้ำผ่ำ หรือ สภำพอำกำศท่ีรุนแรงได้ ยกตวั อย่ำงเช่น ทำใหเ้ กิดพำยุทอรน์ ำโด อกั ษรย่อสำหรบั คิวมโู ลนิมบสั คอื CB นิมโบสตราตัส (Nimbostratus) เมฆแผ่นสเี ทำ เกิดขนึ้ เวลำท่อี ำกำศมเี สถียรภำพทำใหเ้ กิดฝนพรำ ๆ ฝน ผ่ำน หรอื ฝนตกแดดออก ไมม่ พี ำยฝุ นฟ้ำคะนอง ฟำ้ รอ้ ง ฟ้ำผำ่ มกั ปรำกฏใหเ้ หน็ สำยฝนตกลงมำจำกฐำนเมฆ

เม่ือพูดถึงฝน หลำยคนคงเคยไดย้ ินว่ำ ทำไมว่ำฝน จึงชอบตกหลังเลิกงำน... น่ันก็เพรำะว่ำ ในเวลำ กลำงวนั พืน้ ไดร้ บั ควำมรอ้ นจำกดวงอำทิตย์ ทำให้ อำกำศบริเวณพื้นร้อนลอยตัวขึ้น เม่ืออำกำศ ลอยตัวขึน้ สูงขึน้ ก็จะเย็นตัวลงตำมกฎ ‘ย่ิงสูงย่ิง หนำว’ ในบรรยำกำศชนั้ ลำ่ งสดุ หำกอำกำศเย็นลงจนกระท่งั อณุ หภมู ิท่ีเรียกว่ำจดุ นำ้ คำ้ ง (dew point) ก็จะทำใหไ้ อนำ้ กลำยเป็นหยดนำ้ เล็ก ๆ จำนวนมำก ซง่ึ ถำ้ มองภำพรวมก็คือ เมฆ น่นั เอง ถำ้ หยดนำ้ ในเมฆนีเ้ ตบิ โตมีขนำดใหญ่มำกขึน้ จนถงึ จดุ หน่งึ ก็จะหนกั เกินไปจนกระแสลมพยงุ เอำไวไ้ ม่ไหว ทำใหต้ กลงมำเป็นฝน ‘ฝนหลงั เลิกงำน’ จึงมีช่ือเรียกตำมสำเหตุ กำรเกิดวำ่ ฝนท่ีเกิดจำกกำรพำควำมรอ้ น (convectiverain)

สำหรบั บรเิ วณใกลภ้ เู ขำนนั้ ถำ้ มีลมพดั ปะทะกบั ภเู ขำ อำกำศก็จะถกู บงั คบั ใหย้ กตวั สงู ขึน้ ตำมลำดเขำเม่ือไอนำ้ ขึน้ ไปสงู ถึงระดบั หน่งึ ก็จะกลำยเป็นหยดนำ้ ทำใหเ้ กิดเป็นเมฆหรอื หมอกลำดเชิงเขำ (upslopefog) (จะเรยี กเมฆหรอื หมอกแลว้ แต่จดุ ท่ีมอง คือ ถำ้ เรำอย่ดู ำ้ นลำ่ งแลว้ มองขนึ้ ไปก็จะเห็นเป็นเมฆ แต่ถำ้ เรำอย่บู นภเู ขำในระดบั ใกลเ้ คียงกนั ก็จะเรยี กวำ่ หมอก) หำกหยดนำ้ ในเมฆนี้ หนกั ขนึ้ จนถึงจดุ หนง่ึ ก็จะตกเป็นฝนดำ้ นฝ่ังรบั ลมของภเู ขำ ฝนท่ีตกเน่ืองจำกสำเหตนุ ีจ้ ึงเรยี กว่ำฝนภเู ขำ (orographic rain)

พำยหุ มนุ เขตรอ้ น มีช่ือเรยี กตำ่ งกนั ไปตำมแหลง่ กำเนิด เชน่ พำยทุ ่ีเกิดในมหำสมทุ รแอตแลนตกิ เหนือ ทะเลแครบิ เบยี นและอ่ำวเม็กซโิ ก เรียกว่ำ \"เฮอรร์ เิ คน\" (Hurricane) ถำ้ เกิดขึน้ ในมหำสมทุ รแปซิฟิ กและทะเลจีนใตเ้ รยี กว่ำ \"ไตฝ้ ่นุ \" (Typhoon) ถำ้ เกิดขึน้ ในมหำสมทุ ร อินเดียเรยี กวำ่ \"ไซโคลน\" (Cyclone) แตบ่ ำงครงั้ ก็เรยี กพำยไุ ซโคลนท่ีเกิดขนึ้ ในทวีปออสเตรเลียวำ่ \"วลิ ล่-ี วิลล่ี\" (Willy-Willy) พำยุหมนุ เขตรอ้ นท่ีมีอิทธิพลต่อลมฟ้ำอำกำศของประเทศไทย มีกำรแบ่งเกณฑค์ วำมรุนแรงของพำยุตำม ขอ้ ตกลงระหวำ่ งประเทศ โดยใชค้ วำมเรว็ ลมใกลศ้ นู ยก์ ลำงพำยเุ ป็นเกณฑ์ ดงั นี้ • พำยดุ เี ปรสชนั (Depression) มีควำมเรว็ ลมสงู สดุ ใกลศ้ นู ยก์ ลำงไม่ถงึ 34 นอต (63 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง) • พำยโุ ซนรอ้ น (Tropical Storm) มีควำมเรว็ ลมสงู สดุ ใกลศ้ นู ยก์ ลำงตงั้ แต่ 34 นอต (63 กิโลเมตรต่อช่วั โมง) ขนึ้ ไป แตไ่ ม่ถงึ 64 นอต (118 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง) • พำยไุ ตฝ้ ่นุ (Typhoon) มีควำมเรว็ ลมสงู สดุ ใกลศ้ นู ยก์ ลำงตงั้ แต่ 64 นอต (118 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง) ขนึ้ ไป

สำหรบั พืน้ ท่ีในแถบใกลเ้ สน้ ศนู ยส์ ตู ร (เช่นประเทศไทย) ซ่งึ อยู่ ใกลบ้ ริเวณท่ีลมคำ้ ตะวันออกเฉียงใตจ้ ำกซีกโลกใต้ ‘ปะทะ’ หรอื ‘พดั สอบ’ กบั ลมคำ้ ตะวนั ออกเฉียงเหนือจำกซีกโลกเหนือ โดยลมคำ้ ทั้งสองเม่ือปะทะกันก็จะผลักอำกำศใหพ้ ุ่งขึน้ สูง แนวปะทะของอำกำศบริเวณนีใ้ นทำงวิชำกำรเรียกว่ำ แนว ปะทะอำกำศแห่งเขตรอ้ น (Intertropical Convergence Zon e, ITCZ) ซ่ึงเรำมกั จะไดย้ ินกรมอตุ นุ ิยมวิทยำเรยี กว่ำ รอ่ ง ควำมกดอำกำศต่ำ (low-pressure trough)

ตำมแนว ITCZ หรือแนวร่องควำมกดอำกำศต่ำนีจ้ ะมีเมฆ มำก และมีโอกำสเกิดฝนตกไดม้ ำกกว่ำบริเวณขำ้ งเคียง ทำ ใหบ้ ำงครงั้ กรมอตุ นุ ิยมวิทยำเรยี กแนวนีว้ ่ำรอ่ งฝน ท่ีใดก็ตำม ซ่ึงร่องควำมกดอำกำศต่ำ พำดผ่ำนก็จะมีโอกำสเกิดฝนตก ไดม้ ำก หำกตกหนกั มำกอำจเกิดนำ้ ท่วมได้ ฝนซ่ึงเกิดจำก สำเหตุนีจ้ ึงเรียกว่ำ ฝนท่ีเกิดจากแนวปะทะอากาศแห่ง เขตร้อน (Intertropical Convergence Zone Rain)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook