Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเขียนร้อยกรองเชิงสร้างสรรค์ ประเภทร้อย

การเขียนร้อยกรองเชิงสร้างสรรค์ ประเภทร้อย

Published by Wanniya Boondet, 2018-10-23 03:17:32

Description: การเขียนร้อยกรองเชิงสร้างสรรค์ ประเภทร้อย

Search

Read the Text Version

การเขยี นร้อยกรองเชิงสร้างสรรค์ ประเภทร้อยกรองประยกุ ต์

ความหมายของร้อยกรองประยุกต์ การแต่งร้อยกรองในปัจจุบนั นิยมใช้ร้อยกรองท่ีมีฉันทลกั ษณ์และลกั ษณะบงั คบั ง่ายในการแต่ง เช่น กลอนและกาพย์ นอกจากน้ียงั ไม่เคร่งครัดฉนั ทลกั ษณ์ ท้งั น้ีคงเป็นเพราะผแู้ ต่งตอ้ งการอิสระในการแสดงออกซ่ึงความคิด จินตนาการ ความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆอยา่ งเสรีโดยไม่ตอ้ งอยใู่ นกรอบของกฎเกณฑท์ างฉนั ทลกั ษณ์ องั คาร กลั ป์ ยาณพงศ,์ (2541:538) เป็ นนกั กลอนรุ่นปัจจุบนั ที่ริเร่ิมการแต่งบทร้อยกรองท่ีไม่เคร่งครัดกบั ลกั ษณะบงั คบั ตามแบบแผนของคาประพนั ธ์ ซ่ึงทาให้บทร้อยกรองขององั คารมีลีลาจงั หวะที่ต่างไปจากร้อยกรองแบบแผน

ส่วนบทกวีที่ทาให้ อังคาร กัลยาณพงศ์ เป็ นที่รู้จักท่ัวไปและได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก คือ บทกวีชื่อ วกั ทะเล ซ่ึงตีพิมพค์ ร้ังแรกในสังคมศาสตร์ปริทศั น์ ฉบบั ท่ี1ปี ท่ี1ซ่ึงมีใจความตอนหน่ึงดงั น้ีวกั ทะเลเทใส่จาน รับประทานกบั ขา้ วขาวเอ้ือมเกบ็ บางดวงดาว ไวค้ ลุกเคลา้ ซาวเกลือกิน เตน้ ราทาเพลงวงั เวงสิ้น ดูปูหอยเริงระบา ไปกินตะวนั และจนั ทร์กิ้งก่ากิ้งกือบิน

จุดเด่นในร้อยกรองขององั คาร มิใช่อย่ทู ่ีการไม่เคร่งครัดฉนั ทลกั ษณ์แบบแผนเพียงอย่างเดียวแต่องั คารเป็ นกวีที่มีความสามารถในการใช้คา การสร้างจินตนาการ การใชส้ ัญลกั ษณ์และภาพเหนือความจริง การแสดงความนึกคิดส่ิงท่ีใกลต้ วั ตลอดจนการถ่ายทอดอารมณ์อยา่ งบริสุทธ์ิใจ องั คารจึงเป็นกวีที่มีผนู้ ิยมยกยอ่ งไม่นอ้ ย

ลกั ษณะสาคญั ของร้อยกรองประยุกต์ การคิดฉนั ทลกั ษณ์แบบใหม่ นอกจากร้อยกรองประเภท โคลง ฉนั ท์กาพย์ กลอน ร่าย ซ่ึงเป็ นร้อยกรองรูปแบบเดิมแลว้ ไดม้ ีผูค้ ิดฉันทลกั ษณ์แบบใหม่ข้ึนในร้อยกรองปัจจุบนั ซ่ึงมีลกั ษณะสาคญั พอจะสรุปไดด้ งั น้ี

1. มีการกาหนดจานวนคาในวรรค ในบาท ในบทใหม่ รวมท้ังเปล่ียนแปลงสัมผัสระหว่างบทให้มีลักษณะต่างไปจากรูปแบบเดิม เช่นกาหนดให้ หน่ึงบทมีสามวรรคคาสุดทา้ ยของแต่ละวรรคสมั ผสั กนั วรรคหน่ึงมีคาประมาณ 5-7 คา การแต่งน้นั แต่ละบทเป็ นอิสระ จึงไม่ตอ้ งส่งและรับสัมผสัไปยงั บทต่อ ๆ ไป

ตวั อยา่ งคนชรารอขา้ มถนน ถนนเตม็ ไปดว้ ยรถยนต์และแกไม่อาจขา้ มพน้แกยนื รอ ๆ รี ๆ ไม่รู้จะทาอยา่ งไรดีถนนมีแต่รถราขบั ข่ี (ไม่ปรากฎช่ือ)

2. มีการวางรูปแบบคาประพนั ธ์อยา่ งใหม่ ดว้ ยการแสดงความหมายดว้ ยรูปที่เกิดจากการวางตวั อกั ษร ท่ีเรียกวา่ \"วรรณรูป\" หรือ \"กวนี ิพนธ์รูปธรรม\"ตวั อยา่ ง เดก็ คนน้นั มองสายฝนภายนอกหนา้ ต่าง หยาดน้าฝนจากฟ้า หลงั่ มาเป็นสาย ดู ซิ จ๊ะ น้าฝนใส สาวคนน้นั มองสายฝน ภายในหวั ใจ หยาดน้าฝนจากใจหลงั่ มาเป็นสาย ดู ซิ จ๊ะ น้าฝนขนุ่ (หยาดฝน : ผกาดิน)

ประเภทของร้อยกรองประยกุ ต์ 1. ด้านแนวคิด แนวคิดในร้อยกรองไทยแต่โบราณ จะปรากฏอิทธิพลของปรัชญาพุทธศาสนาอยู่อย่างเด่นชัด แม้จะเป็ นเพียงปรัชญาข้ันพ้ืนฐานในการดารงชีวิต มิใช่อภิปรัชญาก็ตาม เช่น ความเชื่อในเร่ืองกรรม เช่ือในความไม่เที่ยงแท้ฯลฯและแมก้ วีจะใฝ่ ฝันถึงความเจริญรุ่งเรืองของบา้ นเมือง แต่ก็ไม่หลงใหลไปถึงสังคมในอุดมคติ แต่เมื่อรับอิทธิพลจากตะวนั ตกแลว้ แนวคิดที่ปรากฏในร้อยกรองไทยปัจจุบนั เปล่ียนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นไดช้ ดั ผูแ้ ต่งรับอิทธิพลแนวคิดจากตะวนั ตกมาใชใ้ นร้อยกรองไทยมากข้ึน

ตวั อยา่ ง ความเมตตาปรานีอยทู่ ่ีไหน ผอ่ งอาไพราวพรอมรสวรรค์ ชุ่มช่ืนล้าอมฤติชิดชีวนั ราวของขวญั เทพประทานลอยผา่ นฟ้า จกั ยนื ยงคงอยคู่ ู่ชีพขา้ ความรู้สึกลึกซ่ึงซ่ึงสูงส่ง การุญเก้ือเหนืออะไรในโลกา สืบหรรษาสิริจิตโศภิตพรรณ (เหนือนิรันดร : ทวปี วร)

2. ด้านเนื้อหา ร้อยกรองไทยหลงั รับอิทธิพลจากตะวนั ตก มิใช่เป็ นร้อยกรองเพ่ืออารมณ์อย่างแต่ก่อนแต่เป็ นร้อยกรองท่ีมุ่งเสนอ \"ความรู้\" และ\"ขอ้ คิด\" เป็ นสาคญั ดงั น้ันร้อยกรองปัจจุบนั จึงมีลกั ษณะสะทอ้ นปัญหาของสังคมมากย่ิงข้ึน มิไดม้ ีแต่ร้อยกรองแนวเพอ้ ฝันเท่าน้ัน เน้ือหาของร้อยกรองปัจจุบนั อาจแบ่งไดก้ วา้ ง เป็น 2 แนว ดงั น้ี

2.1 ร้อยกรองแนวพาฝัน คือ บทร้อยกรองที่ผแู้ ต่งมุ่งแสดงความรูส้ ึกส่วนตวัออกมาให้ผูอ้ ่านได้ร่วมรับรู้เน้ือหาของร้อยกรองแนวพาฝันเน้ือหาสะท้อนอารมณ์ส่วนตวั ของผูแ้ ต่ง ไดแ้ ก่ อารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ตามแบบปุถุชนท่ัวไปแต่ส่วนใหญ่มักจะเป็ นเรื่ องเกี่ยวกับอารมณ์รัก ซ่ึงมีท้ังแบบรัก สุขสมหวงั และโศกรันทดใจ

2.2 แนวคิดเชิงอุดมคติของผูแ้ ต่ง หมายถึง บทร้อยกรองที่เสนอแนวคิดท่ีมีประโยชน์ต่อผูอ้ ่านและสังคม ซ่ึงแนวคิดดงั กล่าวผูแ้ ต่งอาจคิดข้ึนเอง หรือนามาจากลทั ธิปรัชญาต่าง ๆ กไ็ ด้ -เน้ือหาสะท้อนจินตนาการของผูแ้ ต่ง หมายถึงสะท้อนความนึกฝันอันบริสุทธ์ิของผแู้ ต่งท่ีมีต่อธรรมชาติและส่ิงต่าง ๆ รอบตวั -เน้ือหาสะทอ้ นเร่ืองราวต่าง ๆ เน่ืองในโอกาสวนั สาคญั ของชาติและศาสนา

3. ด้านกลวธิ ีการแต่ง ผแู้ ต่งร้อยกรองปัจจุบนั ไดใ้ ชก้ ลวิธีต่าง ๆ เพื่อทาใหร้ ้อยกรองของตนน่าอา่ น น่าสนใจ ซ่ึงกลวธิ ีต่าง ๆ มีดงั น้ี 3.1 การใชค้ า ร้อยกรองในอดีต ผแู้ ต่งจะเลือกสรรถอ้ ยคาที่ขดั เกลามาแลว้ อยา่ งไพเราะดว้ ยเสียงและความหมาย แต่การใช้คาในร้อยกรองปัจจุบนั เน้นความง่ายความเป็นธรรมดาสามญั และมกั จะใชภ้ าษาที่ถ่ายทอดอารมณ์ตามเน้ือหา 3.2 การใช้โวหาร ผูแ้ ต่งร้อยกรองปัจจุบนั นิยมใช้โวหารต่าง ๆ หลายชนิดดว้ ยกนั เพอ่ื เป็นสื่อในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ความฝัน หรือความรู้ของผแู้ ต่งไปยงั ผอู้ ่านหรือเป็นเครื่องช่วยขยายเน้ือความใหช้ ดั เจนยง่ิ ข้ึน

-อุปมาอุปไมย (Simile) เป็ นการนาสิ่งที่มีลกั ษณะเหมือนกนั มาเปรียบเทียบกนัเพื่อช่วยใหผ้ อู้ ่านเห็นภาพสิ่งท่ีพดู ถึงไดช้ ดั เจนแจ่มแจง้ ข้ึน โดยมีคาวา่ เหมือน คลา้ ยราวกบั ดุจ เป็นตน้ เป็นคาเช่ือม เช่นเพียงแววเนตรเดด็ ฉกาจชาตินกั สู้ และโอฐตรูกลทบั ทิมจิ้มลิ้มเหลือสดสะอาดหยาดชีวติ สนิทเจือ ไม่ฟั่นเฝื อเฝ่ื อนฝาดเหมือนชาดทาและเอวองคร์ ะหงเพรียวดงั เรียวไผ่ ดูแกร่งไกลเกินเทียบเปรียบบุปผาและผวิ คล้าก่าไลไ้ อแดดทา ผดุ ผาดกวา่ ความผอ่ งลายองยวง (อนั ขอ้ น้ีเพงิ่ ประจกั ษ์ : อชุ เชนี)

-อุปลกั ษณ์ (Metaphor) เป็ นการเปรียบเทียบที่มิใช่การเปรียบเทียบโดยตรงแต่เป็นการนาลกั ษณะเด่นของสิ่งน้นั มากล่าว หรือนาชื่อส่ิงน้นั มากล่าว มกั ใชค้ าวา่ เป็นคือ เท่า ในการเปรียบเทียบ เช่น แต่เขาเห็นเราเป็นเสน้ หญา้ อนิจจามาเหยยี บเสียสะทา้ น จนใจแตกยบั อปั ระมาณ มิขอทานรักน้นั จนวนั ตาย (โฉมจะหาย : องั คาร กลั ยาณพงศ)์

-อติพจน์ (Hyperbole) หรือโวหารเกินจริง เป็นการพรรณนาภาพ หรือ อารมณ์ท่ีเกินความจริงเพือ่ ช่วยใหผ้ อู้ ่านเกิดจินตนาการที่กวา้ งไกลและแปลกใหม่กวา่ ธรรมดาเช่น พลิกพ้นื แผน่ ดินดาล ใหส้ ทา้ นท้งั ภพไตร บิดฟ้าใหเ้ ฟื อนไป ท้งั หลา้ โลกดว้ ยแรงเงา (เราชนะแลว้ … แม่จ๋า : นายผ)ี

-บุคลาธิษฐาน (Personification) การสมมุติให้มีตวั ตน เป็นโวหารซ่ึงกล่าวถึงสิ่งท่ีไม่มีชีวิตราวกบั ว่าสิ่งน้ันมีชีวิต แสดงกิริยาอาการต่าง ๆ ให้เหมือนคน เช่น พูดได้ร้องไหไ้ ด้ รู้สึกได้ เป็นตน้ เช่นดาวแยม้ สรวลทวนเสนาะเสียงเยาะหยนั พระพายผนั พรายผอ่ นช่างอ่อนไหวความเรืองโรจนโ์ ชติชีวติ คิดอนั ใด เกิดแลว้ ไยจะมีดบั ใหก้ ลบั กลาย (ดาวดวงโรจน์ : ทวปี วร)

-ปฏิพจน์ (Antithesis) เป็นการใชค้ าท่ีมีความหมายตรงขา้ มกนั ในลกั ษณะแยง้ หรือถ่วงความ เช่นวปิ ริตผดิ วสิ ยั หรือไทยเอ๋ย เมืองเราเคยครองสุขกลบั ทุกขเ์ ศร้าชุ่มเยน็ ยงิ่ กลุม้ รุ่มร้อนเร้า คอยกรีตเขา้ แทนถล่มร่มไมบ้ งั ชีวติ ถูกของแพงแลง้ น้าจิต และอากาศเป็นพิษคิดแลว้ คลงั่ความชว่ั หยาบ บาป บา้ ตีตราดงั ยหี่ อ้ สงั คมทู่ของหมู่เรา (ขา้ วยากหมากแพง : จินตนา ปิ่ นเฉลียว)

-อุทาหรณ์ (Analogy) เป็ นวิธีการเปรี ยบเทียบเร่ื องราว เหตุการณ์ หรื อความคิดสองอยา่ งท่ีมีความหมายต่างกนั ว่าคลา้ ยกนั โดยการยกขอ้ ความที่เช่ือว่าง่ายแก่การเขา้ ใจมาเปรียบเทียบกับสิ่งท่ีผูแ้ ต่งต้องการจะเสนอ มกั จะนิยมใช้สุภาษิต คาพงั เพย หรือเพลงกล่อมเด็กเพ่ือช่วยสรุปใจความสาคญั ของเรื่อง การเปรี ยบเทียบแบบน้ี จะต่างจากวิธี เปรี ยบเทียบแบบอุปมาอุปไมยตรงที่โวหารอุปมาอุปไมยเป็ นการเปรียบเทียบคา แต่โวหารอุทาหรณ์เป็ นการเปรียบเทียบขอ้ ความ

เช่น ชีวติ ตนจนบดั น้ีไม่มีแผก สวะที่รอแตกตามกระแสเร่ิมละลายเริ่มเพยี รเร่ิมเปล่ียนแปร ต่อตวั เองต้งั ขอ้ แม้ - แกส้ งั คม แสวงหาอยา่ งสบั สนบนทางผา่ น หลายวญิ ญาณปนเปประสมหลายแนวทางไดค้ น้ ควา้ มาลองชม หากเหมือนงมเงาใสในธารา (ความในใจจากภูเขา : จิระนนั ท์ พติ รปรีชา)

3.3 การใช้เครื่องหมายไวยากรณ์เป็ นสัญลกั ษณ์ส่ืออารมณ์และน้าเสียงของผแู้ ต่ง เช่น ใชเ้ คร่ืองหมายจุลภาค (.) แบ่งขอ้ ความ ใชเ้ ครื่องหมายปรัศนีย์ (?)และอศั เจรีย์ (!) แสดงคาถามและความรู้สึกตกใจหรือประหลาดใจ ใชเ้ ส้นประจุด(…) เพื่อทิ้งทา้ ยให้ผูอ้ ่านคิดต่อหรือเน้นคาให้เด่นข้ึน และใชเ้ ครื่องหมายคาพูด\"……\" คล่อมขอ้ ความท่ีเป็นคาพดู ของตวั ละคร เช่น

เรื่องเก่า…ข่ายน้นั พาววาววบั ระยบั รัตน์เห็นถนดั ทาบฟ้าเพลาสางแมลงมุมซุ่มสึงอยกู่ ่ึงกลางเกลด็ น้าคา้ งเกลือกแววอยแู่ พร้วพรายผนึกแรงแขง็ ขืนเป็นหมื่นพนัใครจกั ก้นั คลื่นกลา้ ประชาไทย ?… (ภาพสร้างอนั ลวงตา : อุชเชนี)

3.4 การใชว้ ิธีเล่าเรื่องปนบทสนทนาหรือใชเ้ ป็ นบทสนทนาลว้ น ๆ เพอ่ื ช่วยให้ผูอ้ ่านเขา้ ใจเร่ืองไดง้ ่ายและรวดเร็วยิ่งข้ึน ถอ้ ยคาท่ีใชใ้ นบทสนทนาจะมีลกั ษณะเหมือนภาษาพูดประจาวนั ทาให้บทร้อยกรองประเภทน้ีดูคลา้ ยมีลีลาเหมือนร้อยแกว้ ยงิ่ ข้ึน เช่น หกโมงแลว้ แกว้ โต ตื่น, ต่ืนเดี๋ยวนิ… ดูซิ บิดข้ีเกียจ เหมือนลูกหมา พอ่ กเ็ หมือนกนั แหม…นอนเป็นพระยา ต่ืนเถอะค่า…บอกใหต้ ื่น เฮอ้ ! พดู ยากจงั (วนั หนกั : เตือนใจ บวั คล่ี)

3.5 สัญลกั ษณ์ (Symbol) เป็นวิธีการที่ผแู้ ต่งคิดหาคามาใชแ้ ทนสรรพสิ่งต่าง ๆ ท้งั ที่เป็ นรู ปธรรมและนามธรรม และคาที่นามาใช้น้ันมีความหมายแตกต่างไปจากความหมายตามตวั อกั ษรด้วย เช่น ใช้ \"ฝน\" เป็ นสัญลกั ษณ์แทน \"ความสดชื่น\" ใช้\"แมลงและดอกไม\"้ เป็นสัญลกั ษณ์แทน \"บุรุษและสตรี\" เป็นตน้ ตวั อยา่ งบทร้อยกรองที่ใช้สัญลกั ษณ์เช่น ในบท \"ฝนมาแลว้ \" ศิวกานท์ ปทุมสูติ ใช้ \"กระดูกซ่ีโครงชาติ\"แทน ชาวนา วา่เศรษฐกิจบิดผนั ทุกวนั น้ี กระดูกซี่โครงชาติ อาจผแุ หวง่การปรับตวั ไม่ทนั การเปลี่ยนแปลง ของเจ๊กแพงของไทยถูกทุกประเดน็ (ฝนมาแลว้ : ศิวกานท์ ปทมุ สูติ)

ลกั ษณะของการไม่เคร่งครัดฉันทลกั ษณ์1. ไม่เคร่งครัดจานวนคาท่ีใชใ้ นแต่ละวรรค บางวรรคอาจจะใชค้ าเพียง 2 คา แต่บางวรรคอาจจะใช้คามากถึง 12 คาก็ได้ การใช้จานวนคาไม่สม่าเสมอเช่นน้ีและแตกต่างกนั มากเช่นน้ี ทาใหไ้ ม่อาจจดั ร้อยกรองที่มีลกั ษณะเช่นน้ีเขา้ อยใู่ นพวกแบบแผนได้ ดงั ตวั อยา่ ง เจา้ คือความสดชื่น ซ่ึงยนื อยเู่ หนือความอา้ งวา้ งเป็นแบบอยา่ ง สรรคส์ ร้างความดี เจา้ คือดอกไม้ สดใสกล่ินสีบนแผน่ ดินที่ แลง้ แหง้

2. มีลีลาเหมือนร้อยแกว้ ใชถ้ อ้ ยคาเหมือนภาษาพดู ประจาวนั รูปแบบของการเขียนใชล้ กั ษณะแบบกลอนเปล่าแต่มีสัมผสั ตามแบบแผนของกลอนทว่ั ไปทกุ อย่างท้งั สมั ผสั ระหวา่ งวรรคและสมั ผสั ระหวา่ งบท เช่นดอกหญา้ ...สาหรับเพือ่ น... ไวเ้ ตือนถึงอะไร กไ็ ด.้ ..แทนความรู้สึกท่ีจริงใจ แทน...ความมีเย้อื ใย...ไมตรี...แมเ้ ป็นดอกหญา้ ขา้ งทาง... แมจ้ ะไม่สวยสะอางสดสีแต่บอกแลว้ ไง... วา่ มาจากความจริงใจ และใยดี...ถึงกระน้ี...จะทิ้งจะขวา้ ง... กช็ ่าง...หวั ใจ ( ดอกหญา้ : ฟาง...ฟาแลน... )

3. อาจไม่มีสัมผสั ระหวา่ งบท สัมผสั ระหวา่ งวรรคในบางทีอาจขาดหายไปและเสียงสัมผสั อาจจะคลา้ ยคลึงกนั เท่าน้นั ไม่ใช่เสียงสัมผสั กนั อยา่ งแทจ้ ริง ดงั ที่ปรากฏเป็นตวั เอนใน ตวั อยา่ งดงั น้ี ...ดงั น้นั ฉนั จึง ...รัก...ดอกไม้ แลว้ วงิ่ หนีความรัก...ใหไ้ กลแสนไกล เพราะไม่อยากให.้ ..ความรัก...ถึงจุดจบเลย ( คนรักดอกไม้ : ออ้ ย )

4. ไม่มีแบบแผนทางฉันทลกั ษณ์ท่ีแน่นอน แต่จะมีเสียงสัมผสั เช่ือมโยงระหว่างวรรคในบางวรรค ทาให้บทประพนั ธ์น้ีเป็ นร้อยกรองไม่ใช่ร้อยแกว้ แต่ถึงอยา่ งไรเรากไ็ ม่อาจจบั ลกั ษณะสมั ผสั เป็นแบบแผนไดเ้ ลย เช่นพอบินเขา้ ในได้ เงินหายในกระเป๋ าโอล้ ะหนอโอล้ ะนก โผผกแต่เชา้วนั น้ียงั ไม่ไดก้ ินขา้ ว เงินในกระเป๋ ากห็ ายจะทาฉนั ใด จะทาฉนั ใด่ ตา ตา ตา ( ตา ตา ตา : วธุ ิดา มูสิกะระทวย )

ร้อยกรองฉันทลกั ษณ์ใหม่ มีผปู้ ระดิษฐ์ฉนั ทลกั ษณ์ของร้อยกรองแบบใหม่ๆข้ึนหลายแบบ ร้อยกรองท่ีมีฉันทลกั ษณ์ใหม่น้ีมีรากฐานมาจากกลอน แต่นามาเปล่ียนแปลงจานวนคาในแต่ละวรรค จานวนวรรคในแต่ละบท และแบบแผนการสัมผสั ซ่ึงท้ังสามอย่างน้ีเป็ นลกั ษณะพ้ืนฐานของกลอนรูปแบบใหม่ เช่น บทหน่ึงมี ๒ วรรค วรรคละ ๑๐ คา คาสุดทา้ ยของวรรคหนา้ สัมผสั กบั คาสุดทา้ ยของวรรคหลงั แต่ละบทเป็นอิสระในตวั เองไม่มีการเขา้ ลิลิตหรือสมั ผสั ระหวา่ งบท

ตวั อยา่ งอานาจเป็นความใฝ่ ฝันของลูกผชู้ าย สาหรับลูกผหู้ ญิงความจริงท่ีสวยสบายใครมีอานาจคนน้นั กม็ ีความสุข ส่วนใครท่ีสบายคนน้นั กห็ ายทุกขอ์ ่านแลว้ สุขใจท้งั ชายหญิงในความจริงของทุกวนั น้ี ต่างกเ็ ปล่าเปล่ียวเหลียวที่หวงั ไม่มีผชู้ ายสูบุบหรี่กินเหลา้ เมากนั หงาเหงะ ผหู้ ญิงเอาแต่แต่งหนา้ ทาปากเลอะเทอะแต่ละคนอยากโตใหญ่เพราะไดโ้ อกาส หาทางหากินคล่องทุกช่องเป็นไม่พลาดอุดมคติอุดมการณ์ลว้ นงานของของคนงง่ั สาหรับคนฉลาดน่ะหรือขอใหช้ ื่อดงัชีวติ ทุกคนวนั น้ีไม่ค่อยมีท่ีหมาย หดหู่สิ้นหวงั ท้งั ผหู้ ญิงและผชู้ ายล๊อตเตอรี่จึงมีชุกทุกแห่งทุกหน เหลา้ ยาบุหรี่ซ่องของหนีไม่พน้หนงั สือน้าเน่าหายเศร้าอ่านแลว้ สุขใจ โรงหนงั กต็ ้งั หนา้ ฉายแต่กาลงั ภายในอานาจเป็นความใฝ่ ฝันของลูกผชู้ าย สาหรับลูกผหู้ ญิงความจริงท่ีสวยสบาย (อานาจกบั ความสวยสบาย)

บทกลอนประยุกต์ฉันทลกั ษณ์จากเพลงพืน้ บ้าน นับไดว้ ่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว เป็ นบุคคลแรกท่ีทรงนาเพลงพ้ืนบา้ นบางบทแทรกเขา้ ไปประกอบการแต่งบทละครเร่ือง เงาะป่ า ซ่ึงเป็ นบทละครท่ีมีเน้ือหากล่าวถึงเร่ื องราวของสามัญชน และเป็ นชาวป่ าชาวดอย ต่อมาเจา้ พระยาธรรมศกั ด์ิมนตรี หรือ ครูเทพ เป็ นกวีคนที่สองที่นาเอารูปแบบ ฉันทลกั ษณ์ของเพลงพ้ืนบ้านมาใช้ในการประพนั ธ์บทร้อยกรองของ ครูเทพ ท่ีแต่งด้วยฉันทลกั ษณ์เพลงพ้ืนบา้ นน้ีเป็ นบทกวีส้ันๆ และเป็ นบทกวีที่เป็ น พาหะแห่งความนึกคิด คือเป็ นร้อยกรองที่มุ่งแสดงความคิดเห็นในเรื่องชีวิตและสังคมอย่างใดอย่างหน่ึง เพลงพ้ืนบา้ นท่ี ครูเทพ นามาใชเ้ ป็นเพลงฉุยฉายเป็นหลกั

ฉุยฉายเอย นายหา้ งเป็นสุข สนุกสบาย หาไดเ้ ท่าไหร่ เกบ็ ไวง้ ่ายง่าย ไม่ตอ้ งจบั จ่าย ใหแ้ ก่บา้ นเมือง เม่ืออยเู่ มืองนอก ออกคา่ ภาษี แบกหนกั เตม็ ที มีแต่หมดเปลือง มาอยเู่ มืองไทย หาไม่ฝื ดเคือง เกือบไม่รู้เร่ือง เสียภาษีเลยเอย

ครูเทพ จึงเป็ นผูท้ ่ีช่วยพฒั นาร้อยกรองของไทย โดยการประยกุ ตฉ์ นั ทลกั ษณ์ของเพลงพ้ืนบา้ นใหม่มีลีลาแตกต่างไปอีกหลายชนิด ทาใหร้ ้อยกรองไทยพฒั นากวา้ งขวางข้ึนท้งัรูปแบบและเน้ือหา เป็ นประโยชน์แก่กวีรุ่นหลงั ต่อมาเป็ นอยา่ งมาก

หลงั จาก ครูเทพ แลว้ มีกวีรุ่นหลงั ไดน้ าเอาฉนั ลกั ษณ์ของเพลงพ้ืนบา้ นมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการแต่งร้อยกรองมากข้ึน ดงั จะพบในงานประพนั ธ์ของนายผี(อศั นีย์ พลจนั ทร์) จิตร ภูมิศกั ด์ิผา เพลิงไทย เนาวรัตน์ พงษไ์ พบูลย์ สุจิตต์ วงษ์เทศ คมทวน คนั ธนู เป็นตน้ กวบี างท่านกน็ าเอารูปแบบเพลงพ้ืนบา้ นมาใช้ บางท่านกน็ าเอาเน้ือหามาใช้ การประยกุ ตร์ ูปแบบและฉนั ลกั ษณ์จากเพลงพ้ืนบา้ นที่กวีนิยมกนั อยา่ งหน่ึงคือ นาเอาลกั ษณะของการสัมผสั แบบเพลงพ้ืนบา้ นมาใช้ในร้อยกรองไทยปัจจุบนั

สรุปการเขยี นร้อยกรองเชิงสร้างสรรค์ ประเภท ร้อยกรองประยุกต์ การแต่งร้อยกรองในปัจจุบนั นิยมใชร้ ้อยกรองท่ีมีฉนั ทลกั ษณ์และลกั ษณะบงั คบั ง่ายในการแต่ง ไม่เคร่งครัดฉันทลกั ษณ์ ไม่เคร่งครัดจานวนคาในแต่ละวรรค มีลีลาการเขียนคล้ายร้อยแก้วหรือกลอนเปล่า ใช้คาที่เป็ นภาษาพูดในชีวิตประจาวนั ไม่เคร่งครัดเร่ืองสัมผสั ระหวา่ งวรรค สัมผสั ระหว่างบท และเสียงสมั ผสั

คาถาม1. ร้อยกรองประยกุ ตค์ ืออะไร2. ประเภทของร้อยกรองประยกุ ตม์ ีกี่ประเภทอะไรบา้ ง3. ลกั ษณะสาคญั ของร้อยกรองประยกุ ตม์ ีอะไรบา้ ง4. ร้อยกรองฉนั ทลกั ษณ์ใหม่มีลกั ษณะเป็นอยา่ งไร5. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็ นบุคคลแรกที่ทรงนาเพลงพ้นื บา้ นบางบทแทรกเขา้ ไปประกอบการแต่งบทละครเรื่องอะไร

คาตอบ1. ร้อยกรองที่มีฉันทลกั ษณ์และลกั ษณะบงั คบั ง่ายในการแต่ง ไม่เคร่งครัดฉันทลกั ษณ์ ไม่เคร่งครัดจานวนคาในแต่ละวรรค มีลีลาการเขียนคลา้ ยร้อยแกว้ หรือกลอนเปล่า2. มี3ประเภท คือ 1.ดา้ นแนวคิด2.ดา้ นเน้ือหา3.ดา้ นกลวธิ ีในการแต่ง3. มี2ลักษณะ คือ 1. มีการกาหนดจานวนคาในวรรค ในบาท ในบทใหม่ รวมท้ังเปล่ียนแปลงสัมผสั ระหว่างบทให้มีลกั ษณะต่างไปจากรูปแบบเดิม2. มีการวางรูปแบบคาประพนั ธ์อย่างใหม่ ดว้ ยการแสดงความหมายดว้ ยรูปท่ีเกิดจากการวางตวั อกั ษร ทเ่ี รียกว่า\"วรรณรูป\" หรือ \"กวนี ิพนธร์ ูปธรรม\"

4.มีการเปล่ียนแปลงจานวนคาในแต่ละวรรค จานวนวรรคในแต่ละบท และแบบแผนการสมั ผสั5.เงาะป่ า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook