Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รูปแบบการประเมินแบบ CIPP MOdel

รูปแบบการประเมินแบบ CIPP MOdel

Published by อิสรา บุญกำเหนิด, 2023-07-03 04:33:15

Description: รูปแบบการประเมินแบบ CIPP MOdel

Search

Read the Text Version

การประเมินผลโครงการ แบบซิปโมเดล (CIPP Model) ส่วนประเมนิ ผล สนผ. บทนา ในการดาเนินงานตามโครงการหรือการบริหารโครงการไม่ว่าจะเป็นโครงการของรัฐรัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนก็ตาม จะต้องมีการวางแผนโครงการโดยกาหนดเป็นวัตถุประสงค์และเป้าหมายไว้เพื่อคาดหวัง ผลลัพธ์ท่ีจะเกิดขึ้นภายหลัง เม่ือวางแผนโครงการและมีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ ตลอดจนการออกแบบโครงการเป็นอยา่ งดีแล้ว ผู้ทีม่ อี านาจก็จะทาการคัดเลือกโครงการและอนุมัติโครงการ ต่อไป ต่อจากนั้นก็จะมีองค์การนาโครงการไปปฏิบัติ หรือที่เราเรียกว่า “การบริหารโครงการ” (Project Management) บุคคลทั่วไปมักจะคุ้นเคยกับคากล่าวท่ีว่า “ถ้าการวางแผนโครงการดีก็เท่ากับงาน สาเร็จไปแล้วคร่ึงหน่ึง” แต่ในความเป็นจริงแล้วการวางแผนโครงการท่ีดีแค่จะช่วยเพ่ิมโอกาสสาหรับ ความสาเรจ็ เทา่ นั้น แต่ก็มิใช่เป็นหลักประกันความสาเร็จของนโยบาย/แผนงาน/โครงการสาธารณะทั้งหมด ทั้งนี้เพราะความสาเร็จหรือความล้มเหลวของนโยบาย/แผนงาน โครงการต่างๆ จะต้องผ่านกระบวนการ ต่างๆ อีกมาก โดยเฉพาะกระบวนการบริหารโครงการและการประเมินผลโครงการ ถ้าจะกล่าวให้ เข้าใจง่ายๆ ก็คือการวางแผน (Planning) เป็นเรื่องของ “การคิด” การดาเนินการหรือการบริหาร (Implementation / Operation) เป็นเรื่องของ “การทา” ส่วนการประเมินผล (Evaluation)ก็คือ “การเทียบ” ระหว่างการคดิ กับการกระทานัน่ เองการประเมนิ ผลจงึ เป็นขั้นตอนสุดท้ายท่ีจะทาให้ทราบว่า การปฏิบัติงาน ตามโครงการนนั้ บรรลุวัตถปุ ระสงค์หรือไม่ เพียงใด มีการเบี่ยงเบนไปจากส่ิงที่คิดไว้หรือไม่ ถ้าเบ่ียงเบนจะ ได้หาวิธีปรับปรุงแก้ไขความคาดหวังกับการปฏิบัติจริงน้ันเป็นไปในทิศทางเดียวกันให้ได้ โดยเฉพาะใน ปัจจุบันการบริหารการพัฒนาประเทศมิได้ประเมินเฉพาะผลสาเร็จของโครงการจากผลผลิต (Output) ท่ีได้ จากการดาเนินโครงการเท่าน้ัน แต่ความสาเร็จของโครงการจะต้องพิจารณาทั้งผลผลิต (Output) ผลลัพธ์ (Outcome) และผลกระทบ (Impact) ด้วย ซึ่งเราเรียกว่า “การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธ์ิ” (Result Base Management) ดงั นน้ั การทจ่ี ะทราบถงึ ผลสัมฤทธ์ิของโครงการต่าง ๆ ได้นั้น จาเป็นจะต้องอาศยั กระบวนการ ติดตามและประเมนิ ผลที่เปน็ ระบบ

2 ความหมายของการประเมนิ ผลโครงการ “การประเมินผลโครงการ หมายถงึ กระบวนการที่มุง่ แสวงหาคาตอบว่านโยบาย/แผนงาน/โครงการ บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายท่ีกาหนดไว้หรือไม่ เพียงใด โดยมีมาตรฐานและเครื่องมือในการวัดท่ี แม่นตรงและเช่ือถือได้” การประเมินผลจึงคล้ายกับการหาใครสักคนหนึ่งเอากระจกมาส่องให้เราเห็น หนา้ ตาตวั เองว่า สวยงามดแี ลว้ หรอื ยัง มขี ้อบกพร่องอะไรบา้ ง จะได้ปรับปรงุ แกไ้ ขตนเอง จุดม่งุ หมายของการประเมนิ ผลโครงการ มักจะมีคาถามอยู่ตลอดเวลาว่า “ประเมินผลเพื่ออะไร” หรือ “ประเมินผลไปทาไม” ปฏิบัติงาน ตามโครงการแล้วไมม่ กี ารประเมินผลไม่ได้หรอื ตอบได้เลยว่าการบริหารแนวใหม่หรือการบริหารในระบบ เปิด (Open System) น้ันถือว่าการประเมินผลเป็นขั้นตอนท่ีสาคัญมากซ่ึงจุดมุ่งหมายของการประเมินผล โครงการมีดังน้ี 1. เพอ่ื สนับสนุนหรือยกเลกิ การประเมินผลจะเป็นเคร่ืองมือช่วยตัดสินใจว่าควรจะยกเลิกโครงการ หรือสนับสนุนให้มีการขยายผลต่อไป โดยเฉพาะการมีโครงการใหม่ๆ ยังมิได้จัดทาในรูปของโครงการ ทดลอง (Experimental) ซึ่งมโี อกาสจะผดิ พลาดหรือล้มเหลวได้งา่ ย ความล้มเหลวของโครงการจึงมิใช่ความ ล้มเหลวของผู้บริหารเสมอไป ดังน้ันถ้าเราประเมินผลแล้วโครงการน้ันสาเร็จตามท่ีกาหนดวัตถุประสงค์ และเป้าหมายไว้ก็ควรดาเนินการต่อไป แต่ถ้าประเมินผลแล้วโครงการน้ันมีปัญหา หรือมีผลกระทบเชิงล บากกว่า เราก็ควรยกเลิกไป 2. เพอ่ื ทราบถงึ ความก้าวหน้าของการปฏิบัติงานตามโครงการ วา่ เปน็ ไปตามท่ีกาหนดวัตถปุ ระสงค์ และเป้าหมาย หรอื กฎเกณฑ์ หรือมาตรฐานท่กี าหนดไวเ้ พียงใด 3. เพอื่ ปรับปรุงงาน ถ้าเรานาโครงการไปปฏิบัติแล้ว พบว่าบางโครงการไม่ได้เสียท้ังหมดแต่ก็ไม่ บรรลุวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ทุกข้อ เราควรนาโครงการนั้นมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีข้ึน โดยพิจารณาว่า โครงการนั้นบกพร่องในเร่ืองใด เช่น ขาดความร่วมมือของประชาชน ขัดต่อค่านิยมของประชาชน ขาดการ ประชาสัมพันธ์ หรือสมรรถนะขององค์การท่ีรับผิดชอบต่า เมื่อเราทราบผลของการประเมินผล เราก็จะได้ ปรับปรงุ แก้ไขใหต้ รงประเดน็ 4. เพอ่ื ศึกษาทางเลอื ก (Alternative) โดยปกตใิ นการนาโครงการไปปฏิบัตินั้น ผู้บริหารโครงการจะ พยายามแสวงหาทางเลือกที่ดีที่สุด จากทางเลือกอย่างน้อย 2 ทางเลือก ดังน้ันการประเมินผลจะเป็นการ เปรียบเทยี บทางเลือก ก่อนท่ีจะตัดสินใจเลอื กทางเลือกใดปฏบิ ัติ ทงั้ น้เี พือ่ ลดความเสยี่ งให้น้อยลง 5. เพอ่ื ขยายผล ในการนาโครงการไปปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเน่ือง เรา อาจจะไม่ทราบถึงความสาเร็จของโครงการ แต่ถ้าเราประเมินผลโครงการเป็นระยะ สม่าเสมอผลปรากฏว่า โครงการนั้นบรรลุผลสาเร็จตามท่ีกาหนดวัตถุประสงค์ เราก็ควรจะขยายผลโครงการนั้นต่อไป แต่การขยาย ผลนั้นมิได้หมายความว่าจะขยายไปได้ทุกพ้ืนท่ี การขยายผลต้องคานึงถึงมิติของประชากร เวลา สถานท่ี

3 สถานการณต์ ่างๆ เชน่ โครงการปลูกพืชเมืองหนาวจะประสบความสาเร็จดีในพ้ืนท่ีภาคเหนือ แต่ถ้าขยายผล ไปยงั ภมู ภิ าคอนื่ อาจจะไม่ได้ผลดีเสมอไป เพราะตอ้ งคานึงถึงลกั ษณะภมู ิประเทศ ภูมิอากาศ เช้ือชาติ ค่านิยม ฯลฯ ดังนั้นสิ่งที่ต้องคานึงถึงคือ สิ่งท่ีนาไปในพ้ืนที่หน่ึงอาจได้ผลดี แต่นาไปขยายผลในพื้นที่หน่ึงอาจไม่ ได้ผล หรือ ส่ิงทเ่ี คยทาได้ผลดีในช่วงเวลาหนึ่ง อาจจะไม่ไดผ้ ลดีในอีกช่วงเวลาหนึง่ รูปแบบการประเมนิ ผลแบบ CIPP Model คาว่า “รูปแบบ” หรือแบบจาลอง ภาษาอังกฤษใช้คาว่า “Model” ซ่ึงหมายถึง วิธีการท่ีบุคคลใด บุคคลหน่ึงได้ถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจ ตลอดจนจินตนาการที่มีต่อปรากฏการณ์หรือเรื่องราวใด ๆ ให้ ปรากฏโดยใชก้ ารสื่อสารในลักษณะต่าง ๆ เช่น ภาพวาด ภาพเหมือน แผนภูมิ แผนผัง ฯลฯ เพื่อให้เข้าใจได้ ง่าย และสามารถนาเสนอเรื่องราวได้อย่างมีระบบ ( เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี. 2542 : 27 ) ในการ ประเมินผลโครงการน้ันมีแนวคิดและโมเดลหลายอย่าง แต่ในท่ีน้ีใคร่ขอเสนอแนวคิดและโมเดลการ ประเมินแบบซิป หรือ “CIPP Model” ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) เพราะเป็นโมเดลที่ได้รับการยอมรับ กันทั่วไปในปัจจุบันแนวคิดของสตัฟเฟิลบีม เน้นการแบ่งแยกบทบาทของการทางานระหว่างฝ่ายประเมิน กับฝ่ายบริหารออกจากกันอย่างเด่นชัด กล่าวคือฝ่ายประเมินมีหน้าท่ีระบุ จัดหา และนาเสนอสารสนเทศ ให้กับฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายบริหารมีหน้าท่ีเรียกหาข้อมูล และนาผลการประเมินท่ีได้ไปใช้ประกอบการ ตัดสนิ ใจ เพอื่ ดาเนินกจิ กรรมใดๆ ท่เี กย่ี วข้องแล้วแต่กรณี ทัง้ น้ีเพอ่ื ป้องกันการมีอคติในการประเมิน ประเด็นการประเมนิ ตามรูปแบบ CIPP Model สตัฟเฟิลบีม ได้กาหนดประเด็นการประเมนิ ออกเป็น 4 ประเภท ตามอักษรภาษาองั กฤษตัวแรกของ “CIPP Model” ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี 1. การประเมินสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation : C ) เป็นการประเมินก่อนการดาเนินการโครงการ เพื่อพิจารณาหลักการและเหตุผล ความจาเป็นท่ีต้อง ดาเนนิ โครงการ ประเดน็ ปญั หา และความเหมาะสมของเป้าหมายโครงการ เชน่ โครงการอาหารเสริมแก่เด็ก วยั ก่อนเรียน เราจะตอ้ งวัดส่วนสงู และชัง่ น้าหนัก ตลอดจน ดู หดิ เหา กลากเกลอื้ น ของเด็กก่อน 2. การประเมินปัจจัยนาเข้า (Input Evaluation : I ) เป็นการประเมินเพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของโครงการ ความเหมาะสม และความพอเพียง ของทรัพยากรที่จะใช้ในการดาเนินโครงการ เช่น งบประมาณ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์เวลา ฯลฯ รวมทั้ง เทคโนโลยแี ละแผนการดาเนนิ งาน

4 3. การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพ่ือหาข้อบกพร่องของการดาเนินโครงการ ท่ีจะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง ให้การดาเนินการช่วงต่อไปมีประสิทธิภาพมากข้ึน และเป็นการตรวจสอบกิจกรรม เวลา ทรัพยากรท่ีใช้ในโครงการ ภาวะผู้นา การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการโดยมีการบันทึกไว้เป็น หลักฐานทกุ ขนั้ ตอน การประเมินกระบวนการนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการค้นหาจุดเด่น หรือจุดแข็ง (Strengths) และจุดดอ้ ย (Weakness) ของนโยบาย / แผนงาน/โครงการซ่ึงมักจะไม่สามารถศึกษาได้ภายหลัง จากส้นิ สดุ โครงการแลว้ 4. การประเมินผลผลติ (Product Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพื่อเปรียบเทียบผลผลิตที่เกิดขึ้นกับวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือมาตรฐานท่ี กาหนดไว้ รวมท้ังการพจิ ารณาในประเดน็ ของการยบุ เลกิ ขยาย หรอื ปรับเปลีย่ นโครงการแต่การประเมินผล แบบนี้มิได้ให้ความสนใจต่อเรื่องผลกระทบ (Impact) และผลลัพธ์ ( Outcomes ) ของนโยบาย / แผนงาน / โครงการเท่าท่คี วร นอกจากนี้ สตฟั เฟิ ลบมี ได้นาเสนอประเภทของการตัดสินใจทสี่ อดคล้องกบั ประเดน็ ทป่ี ระเมิน ดังนี้ 1. การตดั สินใจเพอ่ื การวางแผน (Planning Decisions) เป็นการตัดสนิ ใจท่ีใช้ข้อมูลจากการประเมิน สภาพแวดลอ้ มทีไ่ ดน้ าไปใชใ้ นการกาหนดจดุ ประสงค์ของโครงการ ให้สอดคลอ้ งกบั แผนการดาเนนิ งาน 2. การตัดสินใจเพ่ือกาหนดโครงสร้างของโครงการ (Structuring Decisions) เป็นการตัดสินใจที่ใช้ ข้อมูลจากปัจจัยนาเข้าที่ได้นาไปใช้ในการกาหนดโครงสร้างของแผนงาน และขั้นตอนของการดาเนินการ ของโครงการ 3. การตัดสินใจเพอ่ื นาโครงการไปปฏิบัติ (Implementation Decisions) เป็นการตัดสินใจท่ีใช้ข้อมูล จากการประเมนิ กระบวนการ เพอื่ พจิ ารณาควบคุมการดาเนินการให้เป็นไปตามแผน และปรับปรุงแก้ไขการ ดาเนินการให้มีประสิทธิภาพมากทส่ี ดุ 4. การตดั สินใจเพอื่ ทบทวนโครงการ (Recycling Decisions) เช่น การตัดสินใจเพ่ือใช้ข้อมูลจากการ ประเมนิ ผลผลติ ( Output ) ที่เกิดขนึ้ เพอ่ื พิจารณาการยตุ ิ / ล้มเลกิ หรอื ขยายโครงการท่ีจะนาไปใช้ในโอกาส ต่อไป จากข้อมูลเก่ียวกับประเด็นการประเมินแบบ CIPP ท้ัง 4 ประการและประเภทของการตัดสินใจ ดังกลา่ วขา้ งต้น พอจะสรปุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างประเภทของการประเมนิ กับการตดั สินใจ ดังแผนภูมทิ ี่ 1

5 แผนภูมทิ ่ี 1 : ความสัมพนั ธ์ของการตดั สินใจ และประเภทของการประเมินแบบ CIPP Model เกณฑ์และตวั ชี้วดั ความสาเร็จ การประเมินผลโครงการน้ันต้องมีเกณฑ์และตัวช้ีวัด (Indicator) ระดับความสาเร็จของโครงการให้ ทราบ ซง่ึ โดยท่ัวไปแลว้ เกณฑท์ ี่ใชใ้ นการประเมินผลโครงการ ( วรเดช จันทรศร และไพโรจน์ ภัทรนรากุล. 2541 : 44 ) มดี ังนี้ 1. เกณฑ์ประสิทธิภาพ (Efficiency) มีตัวช้ีวัด เช่น สัดส่วนของผลผลิตต่อค่าใช้จ่าย ผลิตภาพต่อ หนว่ ยเวลา ผลิตภาพต่อกาลังคน ระยะเวลาในการใหบ้ รกิ าร 2. เกณฑ์ประสิทธิผล (Effectiveness) มีตัวช้ีวัดเช่น ระดับการบรรลุเป้าหมาย ระดับการบรรลุตาม เกณฑ์มาตรฐาน ระดับการมีสว่ นร่วม ระดบั ความเสี่ยงของโครงการ 3. เกณฑค์ วามพอเพยี ง (Adequacy) มีตัวชี้วัด เชน่ ระดับความพอเพยี งของทรัพยากร 4. เกณฑ์ความพึงพอใจ (Satisfaction) มีตวั ชีว้ ดั เช่น ระดับความพึงพอใจ 5. เกณฑ์ความเป็นธรรม (Equity) มีตัวช้ีวัดคือ การให้โอกาสกับผู้ด้อยโอกาส ความเป็นธรรม ระหว่างเพศ ระหวา่ งกลมุ่ อาชพี ฯลฯ 6. เกณฑ์ความก้าวหนา้ (Progress) มตี วั ช้วี ดั เชน่ ผลผลติ เปรยี บเทยี บกับเป้าหมายรวมกิจกรรมที่ทา แล้วเสร็จ ทรพั ยากร และเวลาทใี่ ช้ไป

6 7. เกณฑ์ความย่ังยืน ( Sustainability ) ตัวช้ีวัด เช่น ความอยู่รอดของโครงการด้านเศรษฐกิจ สมรรถนะดา้ นสถาบัน ความเป็นไปไดใ้ นดา้ นการขยายผลของโครงการ 8. เกณฑ์ความเสียหายของโครงการ ( Externalities ) มีตัวชี้วัด เช่น ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบดา้ นเศรษฐกิจ ผลกระทบด้านสงั คมและวฒั นธรรม เป็นตน้ สาหรับตัวชี้วัด (Indicators) ความสาเร็จของโครงการนั้น หมายถึงข้อความท่ีแสดงหรือระบุ ประเด็นที่ต้องการจะวัดหรือประเมิน หรือตัวแปรที่ต้องการจะศึกษา โดยจะมีการระบุลักษณะที่ค่อนข้าง เปน็ รปู ธรรม ทัง้ ส่วนทมี่ ีลกั ษณะเชงิ ปรมิ าณ และสว่ นที่แสดงลักษณะเชิงคณุ ภาพ หลกั การสร้างตวั ชี้วดั ทดี่ ี ในการสร้างตัวช้ีวดั ทด่ี ี จาเป็นจะตอ้ งมีหลักการท่ใี ช้เปน็ เปา้ หมายในการดาเนินการดงั นี้ 1. เลอื กใช้ / สร้างตวั ชี้วัดที่เป็นตัวแทนทส่ี าคัญเท่าน้ัน 2. คาอธบิ าย หรอื การกาหนดตวั ชวี้ ัดควรเป็นวลที ม่ี คี วามชัดเจน 3. ตวั ชว้ี ดั อาจจะกาหนดได้ทง้ั เชงิ ปรมิ าณ และเชิงคณุ ภาพกไ็ ด้ 4. ควรนาจุดประสงคข์ องโครงการ หรอื ประเด็นการประเมินมากาหนดตัวชี้วัด 5. การเกบ็ รวบรวมข้อมูลเกย่ี วกับตวั ช้ีวดั ควรรวบรวมข้อมลู ทั้งจากแหลง่ ปฐมภูมิ และทุตยิ ภมู ิ ยกตวั อย่างการจาแนกประเภทของตวั ชี้วดั ตามลกั ษณะของสิ่งทไ่ี ด้รับการประเมิน เช่น ตวั ชี้วดั ด้านบริบท ( Context ) : ตวั ช้วี ัดสามารพจิ ารณาได้จากสง่ิ ต่างๆ ดงั นี้ 1. สภาวะแวดล้อมของ ก่อนมีโครงการ (ปัญหาวกิ ฤต) 2. ความจาเป็น หรือความต้องการขณะน้นั และอนาคต 3. ความเขา้ ใจร่วมกนั ของทุกฝา่ ยทเ่ี ก่ียวข้องกบั โครงการ ตัวชี้วดั ด้านปัจจัยนาเข้า ( Input ) : ตัวชี้วดั สามารถพิจารณาได้จากส่งิ ต่างๆ ดงั น้ี 1. ความชัดเจนของวัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 2. ความพร้อมของทรพั ยากร เชน่ งบประมาณ คน วัสดุอปุ กรณ์ เวลา กฎระเบียบ 3. ความเหมาะสมของข้นั ตอนระหวา่ งปัญหา สาเหตขุ องปัญหา และกิจกรรม ตัวชี้วดั ด้านกระบวนการ ( Process ) : ตวั ช้ีวัดสามารถพิจารณาไดจ้ ากสิ่งต่างๆ ดังนี้ 1. การตรวจสอบกจิ กรรม เวลา และทรพั ยากรของโครงการ 2. ความยอมรบั ของประชาชนและหน่วยงานทเี่ ก่ียวข้องกับโครงการในพืน้ ที่ 3. การมีสว่ นร่วมของประชาชน และหน่วยงานทเี่ กี่ยวข้องกบั โครงการ 4. ภาวะผนู้ าในโครงการ

7 ตัวชี้วดั ด้านผลผลติ ( Product ) : ตวั ชีว้ ัดสามารถพจิ ารณาได้จากสิง่ ตา่ งๆ ดงั น้ี 1. อัตราการมงี านทาของประชาชนที่ยากจน 2. รายได้ของประชาชนทีเ่ ขา้ รว่ มโครงการ 3. ความพึงพอใจของประชาชนทีเ่ ข้าร่วมโครงการ ตวั ชี้วดั ด้านผลลพั ธ์ ( Outcomes ) : ตวั ชว้ี ัดสามารถพิจารณาไดจ้ ากสง่ิ ต่างๆ ดงั นี้ 1. คณุ ภาพชีวิตของตนเอง และครอบครัวตามเกณฑ์มาตรฐาน 2. การไม่อพยพย้ายถิน่ 3. การมสี ่วนร่วมในการพัฒนาชมุ ชน ตวั ชี้วดั ด้านผลกระทบ ( Impact ) : ตัวช้ีวัดสามารถพจิ ารณาได้จากสิง่ ตา่ งๆ ดังน้ี 1. ผลกระทบทางบวก / เป็นผลทคี่ าดหวงั จากการมีโครงการ 2. ผลกระทบทางลบ / เป็นผลที่ไมค่ าดหวงั จากโครงการ เกณฑ์ และตัวช้ีวัดดังกล่าวนี้ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินผลโครงการได้ดี ซ่ึงจะ ครอบคลุม มิติด้านเศรษฐกิจ สังคม ด้านบริหารจัดการ ด้านทรัพยากร และด้านส่ิงแวดล้อม เป็นต้น นอกจากนั้นยังสามารถวัดถึงความสาเร็จ และความล้มเหลวของโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐได้ ซึ่งในทาง ปฏิบัตินักประเมินผล จะต้องนาเกณฑ์ และตัวช้ีวัดดังกล่าวมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะ และบริบท ของโครงการด้วย และจากการศึกษาถึงแนวคิดการประเมินโครงการของ สตัฟเฟิ ลบีม สรุปได้ว่ารูปแบบ การประเมินโครงการแบบ CIPP Model เป็นรูปแบบการประเมินที่มีความต่อเนื่องกันในการดาเนินงาน อย่างครบวงจร มีการเก็บรวมรวมข้อมูลตามที่ได้กาหนดไว้ แล้วนาข้อมูลท่ีได้นั้นจัดทาให้เป็นสารสนเทศ เพื่อนาโครงการไปปฏิบัติ เพ่ือปรับปรุงโครงการอย่างทันท่วงที โดยแบ่งเป็น 4 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจยั นาเขา้ ดา้ นกระบวนการ และด้านผลผลติ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนังสืออ้างอิง เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี. ( 2542 ). การประเมินโครงการแนวคิดและการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . วรเดช จนั ทรศร และไพโรจน์ ภทั รนรากุล. ( 2541). การประเมนิ ผลระบบเปิ ด. กรงุ เทพฯ : สมาคม รัฐประศาสนศาสตร์. สานกั งานสภาสถาบันราชภฏั . ( 2545). ชุดวชิ าการประเมนิ เพอื่ การพฒั นา. กรงุ เทพฯ : สานักมาตรฐาน การศกึ ษา.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook