Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อิทธิพลที่มีต่อวัฒนธรรมทางดนตรีผ่านฮูปแต้มในสิมอีสาน (ทริปอีสาน)

อิทธิพลที่มีต่อวัฒนธรรมทางดนตรีผ่านฮูปแต้มในสิมอีสาน (ทริปอีสาน)

Published by kanikl, 2020-08-03 00:01:47

Description: บทความ :อิทธิพลที่มีต่อวัฒนธรรมทางดนตรีผ่านฮูปแต้มในสิมอีสาน (ทริปอีสาน)

Keywords: ฮูปแต้มในสิมอีสาน

Search

Read the Text Version

1 อทิ ธพิ ลทมี่ ีต่อกลุ่มวัฒนธรรมทางดนตรีผ่านฮูปแต้มในสิมอสี าน บทความโดย : นายทวิทย์ สิทธ์ิทองสี รหสั 617220004-1 สาขาวฒั นธรรมศิลปกรรม และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ภาคอีสานมีอารยธรรมสืบเน่ืองกนั มาเป็ นเวลายาวนาน เริ่มต้งั แต่ยุคก่อนประวตั ิศาสตร์หลงั จาก ไดร้ ับอิทธิพลทางศิลปะวฒั ธรรมของอาณาจกั รขอมเส่ือมสลายลง การเขา้ มามีอิทธิพลของกลุ่มใหญ่ใน ภมู ิภาคอีสานแห่งน้ีก็ไดฟ้ ูมฟักศิลปะวฒั นธรรมสืบเน่ืองตอ่ กนั มาอีกนานนบั หลายทศวรรษ กล่มุ วฒั นธรรม ไทย – ลาว หรือเรียกกนั ว่า ศิลปะลา้ นช้าง ผูค้ นไดอ้ พยพถิ่นฐานมาจากฝ่ังซ้ายแม่น้าโขง เขา้ สู่ภูมิภาค อีสานมาต้งั แต่คร้ังสมยั กรุงศรีอยธุ ยาตอนกลาง ติดต่อสืบเน่ืองกนั มาจนถึงสมยั กรุงธนบุรี และไดเ้ ขา้ มาสู่ สมยั ราชอาณาจกั รสยามในสมยั ตน้ รัตนโกสินทร์ วิถีชีวิตของผูค้ นเหล่าน้ียงั ซึมซับอยใู่ นศิลปะวฒั นธรรม ลา้ นชา้ ง ซ่ึงมีหลกั ฐานปรากฏผลงานทางสถาปัตยกรรมอนั เก่ียวขอ้ งกบั พุทธศาสนากระจดั กระจายอย่ทู วั่ แผน่ ดินอีสาน เห็นไดช้ ดั เจนท่ีไดแ้ ก่ พระอุโบสถ หรือ ที่ชาวบา้ นเรียกวา่ สิม (วิโรฒ ศรีสุโร.2541) ภาพประกอบท่ี1 สิมวดั สนวนวารี อ.บา้ นไผ่ จ.ขอนแก่น สิมในภาคอสี าน สิม หรือสีมา แปลว่า เขตหลกั เขตตามการทาสังฆกรรม สิมเป็นชื่อเรียกสิ่งปลูกสร้างลกั ษณะที่เป็ น รูปเรือนอาคารสาหรับใชใ้ นกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นสถานท่ีสาคญั ของกลุ่มวฒั นธรรม ไทยอีสาน และสปป.ลาว (ไทยภาคกลางเรียกโบส์ถหรือพระอุโบสถ) สิม ในภาคอีสานแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ คือ สิมน้าและสิมบก

2 ภาพประกอบท่ี 2 สิมน้า วดั หนา้ พระธาตุ หรือวดั ตะคุ อ.ปักธงชยั จ.นครราชสีมา สิมน้า เป็ นอาคารที่สร้างข้ึนชวั่ คราวอยู่กลางน้า เช่น ในบึง หรือสระน้าตาแหน่งท่ีต้งั ไม่ตายตวั สุดแต่หมู่บา้ นต่างๆ จะมีแหล่งน้าอยทู่ ี่ใดแต่ส่วนใหญ่มกั อยใู่ กลก้ บั บริเวณวดั หากตอ้ งการความบริสุทธ์ิของ พ้ืนที่ปลูกสร้างเป็นพิเศษตวั สินจะอยู่จะตอ้ งอยหู่ ่างจากในระยะวกั น้าสาดไม่ถึง มีสะพานทอดยาวเชื่อมต่อ ฝ่ังเวลาทาสังฆกรรมจะตอ้ งชกั สะพานออกไม่ให้มีสิ่งเช่ือมตอ่ ระหวา่ งฝ่ังกบั ตวั สิม สิมน้าถือเป็นสิมบริสุทธ์ิ เป็นคติความเชื่อของพุทธศาสนาลทั ธิลงั กาวงศท์ ่ีนิยมบวชกนั ในน้าโบสถ์ ลกั ษณะของสิมน้าโดยทวั่ ไปมีท้งั ที่ก้นั ฝารอบ และที่เปิ ดโล่งคลา้ ยศาลากลางน้าส่วนใหญ่มกั นิยมตีฝาหากมีการก้นั ฝาจะใชไ้ มต้ ีซ้อนกนั เป็ น เกลด็ คลา้ ยกบั ฝาเรือ ไมก้ ระดานหลงั คาแต่เดิมใชก้ ระเบ้ืองท่ีเรียกวา่ แป้นไม้ สิมน้า ที่มีรูปลกั ษณะของตวั อาคารคลา้ ยกบั กฏุ ิหรือศาลากลางน้า สิมน้าท่ีหลงเหลือยใู่ นปัจจุบนั มกั จะอยู่ตามชุมชนที่ห่างไกลจากสังคม เมือง สิมบก เป็นอาคารที่สร้างข้ึนในชุมชนเป็นแหลง่ ถาวรและมีความมนั่ คงพอสมควร สิมบก แบ่งออก ไดเ้ ป็น 3 แบบคอื สิมไม้ สิมโถง และสิมก่อผนงั สิมไม้ เขา้ ใจว่าเป็ นการสืบทอดมาจากสินน้าท่ีสร้างข้ึนด้วยไมท้ ้ังหลังมีรูปทรงกะทดั รัดความ กวา้ งยาวไล่เลี่ยกนั ผนังท้งั 4 ตีฝาไมก้ ระดานท้งั ในแนวนอนและแนวต้งั สิมไมพ้ บในภาคอีสานมากเป็ น พเิ ศษในเขตอีสานใต้ สิมโถง เป็ นอาคารท่ีมีรูปทรงโปร่งกะทดั รัดประกอบดว้ ยเสาไมห้ รือเสาอิฐ ต้งั อยู่บนฐานยกพ้ืน รองรับหลงั คา สิมโถงไม่นิมยก้นั ฝาผนงั หากจะมีก็เฉพาะดา้ นหลงั พระประธาน เน้ือท่ีของสิมโถงมีขนาด 2-3 ห้องสร้างข้ึนสาหรับพระภิกษุต้งั แต่ 6-10 รูปเพ่ือทาสังฆกรรมโดยตรงพ้ืนจะยกสูงข้ึนจากพ้ืนดินแต่ พอประมาณ พ้ืนหัตถบาทเป็นอาณาบริเวณที่ภายในท้งั หมดถือว่านนั่ เป็นเขตวิสุงคามสีมาเป็นเขตของสงฆ์ โดยเฉพาะหากจะมีอุบาสกอบุ าสิกามาร่วมพิธีกรรมจะเฝ้าสงั เกตการณ์ฟังเสียงแห่งธรรมอยบู่ ริเวณนอกสิม สิมก่อผนงั เป็นอาคารที่มีผนงั ทึบตนั ท้งั 4 ดา้ นรูปผงั เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผา้ ขนาดเลก็ มีขนาดต้งั แต่ 3 ห้องถึง 4 ห้องเสาก่อดว้ ยอิฐดิบหรืออิฐฉาบปูน บนพ้ืนผนังด้านรีท้งั สองจะเจาะหนา้ ต่างดา้ นละ 1 ช่อง

3 ตรงหอ้ งกลางมีบานหนา้ ต่างเลก็ เพียงบานหรือ 2 บาน หรืออาจจะเพิ่มหนา้ ต่างขนาดเลก็ ก่ออิฐหรือเจาะผนงั เป็นรูปซ่ีกรงเพ่ือใชถ้ ่ายเทอากาศ สิมบางแห่งจะทาซี่กรงส่วนน้ีดว้ ยการแกะสลกั ลายลูกมะหวดดว้ ยไมเ้ น้ือ แข็ง ผนังดา้ นหนา้ มีประตูทางเขา้ 1 ประตู บานประตูทาดว้ ยไม้ แกะสลกั เป็ นลวดลายเครือเถา หรือเป็ น ภาพเทวดา ผนังด้านหลงั ทึบตนั ฐานรองรับองค์พระประธานจะเชื่อมต่อกับผนังดา้ นหลงั พระประธาน สร้างดว้ ยอิฐดิบหรืออิฐเผาฉาบปูน หรือแกะสลกั ดว้ ยไมเ้ น้ือแข็งโดยฝี มือของช่างชาวบา้ นเป็นประติมากรรม พ้ืน บา้ นพ้ืนสิมไม่มีหัตถบาท เนื่องดว้ ยบริเวณพ้ืนท่ีท้งั หมดภายในสิมเป็นส่วนของสงฆ์ โดยเฉพาะจาก ประตูดา้ นหน้า มีราวบนั ไดสองขา้ งมีการก่ออิฐฉาบปูนทาเป็ นรูปสัตวต์ ่างๆ เช่น รูปมา้ นาค สิงห์หรือ มอม หรือหมาสรวงและมกร รูปป้ันสัตวเ์ หล่าน้ันเป็ นยามคอยเฝ้าสิมอยู่ตรงเชิงบนั ไดและเพ่ือเป็ นการ ประดบั เสริมให้เกิดความงาม หลงั คามุงดว้ ยแป้นไมห้ รือกระเบ้ืองไมค้ ลุมตวั อาคารก่อผนัง สิมบางแห่งท่ี นายช่างมีฝี มือปราณีตจะทาเป็ นหลงั คาลดช้ันตรงส่วนด้านหน้าคลุมชายที่ยื่นออกมาจากประตูทางเขา้ สู่ อาคาร สิมเน้ือผนงั ดา้ นรี จะมีเชิงชายหลงั คาปี กนกทอดตวั ลงสู่เบ้ืองล่างแผ่นคลุมบริเวณจุดที่วางใบเสมา รอบฐานสิมใหป้ ระโยชน์เพอื่ กนั แดดและฝน สิมน้า สิมไม้ สินโถง เป็นอาคารสถานทางพุทธศาสนาท่ีไม่ปรากฏฮูปแตม้ โดยเฉพาะ สิมน้า สีไม้ สร้างข้ึนแบบลาลองมิไดม้ น่ั คงถาวรเหมือนสิมก่อผนงั ส่วนสินโถงไม่มีการก้นั ฝาผนงั ตวั อาคารจึงมีแต่เสา รองรับหลงั คา หากจะมีผนงั กม็ ีแตเ่ พยี งดา้ นหลงั พระประธาน สิมก่อผนงั เป็ นสิมที่ปรากฏฮูปแตม้ เพราะเป็ นสิมแบบเดียวที่มีเน้ือที่ของผนงั เหมาะสมสาหรับการ เขียนภาพมากท่ีสุดช่างแตม้ อีสานนิยมเขียนภาพบนผนงั ท้งั ภายในและภายนอกท้งั 4 ดา้ นโดยเฉพาะผนงั ดา้ น นอกถือเป็นเอกลกั ษณ์ของทอ้ งถ่ินอีสาน (ไพโรจน์ สโมสร.2532) ฮูปแต้มในสิมอสี าน ฮูปแต้ม หรือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังท่ีอีสานน้ัน หมายถึง รูปภาพท่ีระบายสี คาว่า ฮูป หมายถึง รูปภาพ และ แตม้ หมายถึง การระบาย สีเมื่อรวมกันจึง หมายถึง รูปภาพระบายสี ตรงกับคากลาง คือ จิตรกรรมที่ใชเ้ ส้นสีเป็ นหลกั สาคญั ประกอบดว้ ยกนั เป็ นภาพ (สันติ เล็กสุขุม.2535) และงานจิตรกรรมฝา ผนงั อีสาน เป็ นศิลปกรรมท่ีสาคญั สิ่งหน่ึงท่ีซุกซ่อนอยตู่ ามวดั วาอารามต่าง ๆ ในภาคอีสานจานวนไม่นอ้ ย ท้งั ในแหล่งท่ีเป็ นชุมชนใหญ่ระดบั เมือง ชุมชนระดบั หมู่บา้ น ภาพจิตรกรรมฝาผนังอีสานเป็ นภาพเขียน ระบายสีอาจจะมีสีเดียวไปจนถึงหลายสี ส่วนลักษณะของภาพจิตรกรรมตาแหน่งที่เขียนตลอดจนถึง เรื่องราวที่นามาเขียนน้ันมีลกั ษณะพิเศษแตกต่างไปจากจิตรกรรมฝาผนังภาคอ่ืนซ่ึงเป็ นที่น่าสนใจหลาย ประการ (ประเทศ ปัจจงั คะตา.2556) จิตรกรรมฝาผนังอีสาน หรือ ฮูปแตม้ สันนิษฐานว่าไดร้ ับอิทธิพลมา จากผา้ ผะเหวด ใชส้ ีธรรมชาติจากตน้ ไม้ ดินซากสัตว์ และเปลือกหอย ฮูปแตม้ มีการบอกเรื่องราวท้งั ผนงั ก้นั ดา้ นนอกและดา้ นในของสิม ฮูปแตม้ บนสิมอีสานน้นั มีเน้ือหาท่ีแสดงถึงความเช่ือที่หลากหลายในอดีตท้งั น้ี เนื่องจากว่าศิลปิ นอีสานไม่เพียงแต่นาเสนอหลกั ศีลธรรมและเรื่องราวความเช่ือในพระพุทธศาสนาเท่าน้ัน

4 แต่ยงั นาเสนอความเชื่อหรือเรื่องราวในทางศาสนาพราหมณ์ -ฮินดูซ่ึงเข้ามาสู่อีสานและลา้ นช้างในยุค เดียวกนั กบั พระพุทธศาสนา นอกจากน้นั เน้ือหาของฮูปแตม้ ในสิมอีสานยงั บอกเล่าเร่ืองราวในวิถีชีวิตและ ประเพณีทอ้ งถ่ินอีสานดว้ ย การนาเสนอเน้ือหาของฮูปแตม้ ในลกั ษณะดงั กล่าว มีเป้าหมายสาคญั เพ่ือเป็ น การแสดงออกถึงการคงไวซ้ ่ึงความเชื่อท่ีหลากหลาย เพ่ือพฒั นาวฒั นธรรมแห่งสันติ สร้างความเขา้ อก เขา้ ใจระหว่างกนั ในกลุ่มชนท่ีมีความเชื่อแตกต่างกนั รวมท้งั สร้างความเคารพในทางวฒั นธรรมจากจุดยืน ทางปรัชญาท่ีแตกต่างกนั (เทพพร มงั ธานี,2554) ฮุปแตม้ อีสานมีลกั ษณะท่ีโดดเด่นของแตล่ ะพ้ืนที่โดยมีช่าง ชาวบา้ นและช่างฝีมือในพ้นื ที่ตา่ ง ๆ มาแตม้ เพื่อบอกถึงเร่ืองราวในสิมอีสาน ภาพประกอบที่ 3 ฮูปแตม้ วรรณกรรม สินไซ สิมวดั สนวนวารี อ.บา้ นไผ่ จ.ขอนแก่น ช่างชาวบา้ นช่างแตม้ หรือช่างฮูปภาคอีสานมีลกั ษณะเฉพาะถิ่นและโดดเด่น ภาพเขียนชาวบา้ นภาค อีสานแบง่ ออกเป็น 3 กล่มุ ดงั น้ี กลมุ่ ที่ 1 เป็นฝีมือช่างภาคอีสานแทๆ้ กลมุ่ ท่ี 2 เป็นฝีมือช่างกลุ่มที่ไดร้ ับอิทธิพลมาจากช่างหลวงและช่างภาคกลาง กลุ่มที่ 3 เป็นฝีมือช่างกลุ่มที่ไดร้ ับอิทธิพลมาจากวฒั นธรรมลา้ นชา้ ง ภาพเขียนเหล่าน้ีมักเขียนเร่ืองพระพุทธประวตั ิ ทศชาติชาดก ปริศนาธรรม และวรรณกรรม ทอ้ งถิ่น ภาพเขียนบนผนงั ในสิมภาคอีสานส่วนใหญ่นิยมเขียนบนผนงั ดา้ นนอกสิม รูปแบบของภาพเขียน จะแตกต่างกนั ไปตามความถนดั ของช่างและความนิยมของแต่ละถิ่นไม่มีรูปแบบที่ตายตวั มกั เขียนเป็ นตอน ตอ่ เนื่องกนั ไปโดยช่างจะเลือกตอนที่สาคญั ๆของพุทธประวตั ิชาดกในแต่ละเร่ืองมาเขียน องคป์ ระกอบของ ภาพมีภาพบุคคล อาคารบา้ นเรือน และทิวทศั น์ ไม่นิยมเขยี นฉากหลงั เป็นสีทึบหรือสีเขม้ เหมือนภาพเขยี น บนผนงั โบสถ์หรือวิหารในภาคกลาง ภาพบุคคลจึงมกั อยบู่ นพ้ืนสีขาวหรือสีอ่อนๆลกั ษณะของภาพแสดง ให้เห็นความตอ้ งการสื่อความและแสดงออกอย่างซื่อตรงของช่างมากกว่าท่ีจะคานึงถึงสุนทรียภาพ และ แบบแผน ภาพเขียนชาวบ้านภาคอีสานจึงดูเหมือนเป็ นฝี มือหยาบซ่ึงเป็ นลักษณะของศิลปะชาวบ้าน ภาพเขียนชาวบา้ นกลุ่มต่างๆกระจายอยู่ในหลายทอ้ งถ่ินในภาคอีสาน ภาพเขียนที่เป็ นฝี มือช่างพ้ืนบา้ น ไดแ้ ก่ ผลงานของช่างเขียนหรือช่างแตม้ ตามวดั ในบริเวณ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด (วิบูลย์ ล้ี สุวรรณ.2546) ฮูปแตม้ ยงั สะทอ้ นเกี่ยวกบั วิถีชีวิตพ้ืนบา้ น วฒั นธรรม ดนตรี พิธีกรรม ขา้ วของเคร่ืองใช้

5 บา้ นเรือน ภาพบุคคล ภาพทิวทศั น์ ตน้ ไม้ ที่ปรากฏบนฮูกแตม้ นอกจะถูกเขียนเพื่อเป็นส่วนประกอบให้ดู สวยงามยงั แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องท่ีสะท้อนคติความเชื่อ หรือสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ทาง ธรรมชาติทานายปรากฏการณ์ต่างๆ ตามความเช่ือของชาวบา้ นที่แฝงอยู่ในแต่ละชุมชน (บุรินทร์ เปล่งดี สกุล.2554) วัฒนธรรมทางดนตรีผ่านฮูปแต้มในสิมอสี าน วัฒนธรรมดนตรีอีสาน ดนตรีเป็ นมรดกทางวฒั นธรรมประจาชาติและเป็ นส่ิงสาคญั ท่ีแสดงถึง เอกลกั ษณ์ประจาทอ้ งถิ่นอดีตจนถึงปัจจุบนั ดนตรีมีการมีการพฒั นาการไปตามสภาพแวดลอ้ ม สังคม และ ค่านิยมของผูค้ นในแต่ละทอ้ งถ่ินมี ดนตรีจุดประสงค์เพ่ือใช้ในงานประเพณี พิธีกรรมต่างๆ ซ่ึงมีศาสนา เป็นตวั เช่ือม ดนตรีจึงมีความสาคญั ตอ่ การดารงต่อวิถีชีวิตของคนในสงั คมอีสานมาต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั พบไดจ้ ากฮูปแตม้ ในสิมอีสาน เคร่ืองดนตรีของวฒั นธรรมดนตรีอีสาน ที่ปรากฏในฮูปแตม้ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องดนตรีประเภท ดีด สี ตี เป่ า และสามารถแบ่งได้ ดงั น้ี เครื่องดีด ไดแ้ ก่ พิณ หรือ ซุง เครื่องสี ไดแ้ ก่ ซอไมไ้ ผ หรือซอบ้งั เครื่องตี ไดแ้ ก่ กลองหาง กลองสองหนา้ เครื่องเป่ า ไดแ้ ก่ แคน หรือ ไค้ (ไพโรจน์ สโมสร.2532) ภาพประกอบที่ 4 ฮูปแตม้ ที่มีการผสมระหวา่ งเครื่องสี และเครื่องเป่ า วดั ป่ าเลไลย์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม

6 ภาพประกอบที่ 5 ฮูปแตม้ ท่ีมีการผสมระหวา่ งเครื่องตี และเครื่องเป่ า วดั โพธาราม อ.นาดูน จ.มหาสารคาม สมยั ก่อน วา่ กนั วา่ หนุ่มอีสานทกุ คนตอ้ งเป่ าแคนเป็น แตไ่ พเราะแคไ่ หนน้นั เป็นอีกเร่ืองหน่ึง อยา่ ง นอ้ ยก็เอาไวเ้ ป่ าเล่นแกเ้ หงา เวลาเล้ียงควายอยู่คนเดียว แต่ที่ตอ้ งฝึ กกนั เอาเป็นเอาตายน้นั เห็นจะเป็นไวเ้ ลาะ เล่นสาวหรือจีบสาว ผูบ้ ่าวจะนิยมเป่ าแคนจีบสาวไปดว้ ย บางทีเป่ าเล่นสาวตามตูบ บางทีเป่ าตามงานบุญ ตา่ งๆ ซ่ึงในงานบุญต่างน้นั มกั จะมีหมอลาหมอแคน อยา่ งท่ีช่างแตม้ เขาแตม้ ไวใ้ ห้ดูอยทู่ ุกวดั ส่วนในเรื่อง ของการละเล่นหมอลาน้นั นิยมกนั มากวฒั นธรรมดนตรีอีสานไมว่ ่าจะเป็น ลาบูชาผี ลาแกบ้ น ลาขอน้าของ ฝนต่อพระยาแถน ลาเพอ่ื เป็นการรักษาโรค ภาพประกอบท่ี 5 ฮูปแตม้ ลาบูชาผบี าบดั และรักษาโรค ในสิมวดั โพธาราม ต.ดงบงั อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ลาเพื่อความสนุกสนานคลายความเครียด การละเล่นหมอลาน้ันก็จะมี หมอลาชาย (นักร้องชาย) หมอลาหญิง (นกั ร้องหญิง) หมอเป่ าแคนและเคร่ืองประกอบจงั หวะ

7 ภาพประกอบที่4 ฮูปแตม้ หมอลาหมอแคน สิมวดั สนวนวารี อ.บา้ นไผ่ จ.ขอนแก่น ฮูปแต้มเหล่าน้ีสะท้อนให้เห็นถึงวฒั นธรรมดนตรีอีสานได้เป็ นอย่างดีเพราะ แคน ถือว่าเป็ น เคร่ืองมือศกั ด์ิสิทธ์ิที่ใชเ้ ป่ าส่ือสารกบั อานาจเหนือธรรมชาติ คือ ผีบรรพบุรุษ เช่น ผีแถน พบหลกั ฐานราว 3,000 มาแลว้ (สุจิตต์ วงษ์เทศ,2549) แคน ยงั ถือไดว้ ่าเป็ นสัญลกั ษณ์ทางดา้ นวฒั นธรรมดนตรีอีสาน และ แคน ยงั ถือได้ว่าเป็ นเคร่ืองดนตรีที่เป่ าประกอบหมอลา จากอดีตจนถึงปัจจุบันจึงไม่แปลกท่ีจะพบเห็น ฮูปแตม้ ที่มีคนเป่ าแคนฟ้อนราปรากฏอยู่ทว่ั ไปบนฮูปแตม้ ในสิมอีสาน สิ่งที่น่าสนใจที่เก่ียวกบั วฒั นธรรม ทางดา้ นดนตรีผ่านฮูปแตม้ อีกอย่างหน่ึงยงั พบวา่ มีเครื่องดนตรีของกลุ่มวฒั นธรรมดนตรีอีกกลมุ่ หน่ึงซ่ึงเป็น ที่น่าสนใจอย่างยิ่งอนั ประกอบไปด้วย ระนาด ฆ้องวง กลอง ตะโพน ป่ี ที่ไดแ้ ทรกอยู่ฮูปแตม้ เครื่อง ดนตรีเหล่านน้ีมิไม่ไดเ้ ป็ นเคร่ืองดนตรีที่อยู่ในวฒั ธรรมดนตรีอีสาน เพราะเครื่องดนตรีต่างๆเหล่าน้ี ส่วน ใหญ่แลว้ จะเป็ นเคร่ืองดนตรีที่ไดร้ ับความนิยมในภาคกลางของประเทศไทยหรืออาณาจกั รสยามในอดีต เป็นที่น่าสังเกตไดว้ า่ ทาไมถึงไดม้ าปรากฏอยใู่ นฮุปแตม้ อีสาน กลุ่มวัฒนธรรมดนตรีลุ่มนา้ เจ้าพระยา กรุงศรีอยธุ ยา เป็นหน่ึงในราชสานกั สุวรรณภูมิท่ีประสมวง ดนตรีแบบต่างๆอยา่ งไม่เคร่งครัดแต่กาหนดหนา้ ท่ีตา่ งๆกนั อยา่ งมีกฎเกณฑ์ และเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรอยู่ใน กฎมณเฑียรบาล และกฎหมายต่างๆ ที่ตราข้ึนในยุคช่วงเวลาปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การเมืองการ ปกครองเพราะมีผูค้ นหลากหลายชาติพนั ธุ์มากข้ึน มีการคา้ กวา้ งขวางมากข้ึน ดนตรีปี่ พาทยบ์ างทีเรียกพิณ พาทยส์ ลบั กนั ไปไม่ตายตวั แต่หมายถึงวงประโคมท่ีสืบจากปี่ พาทยฆ์ อ้ งวง เครื่องดนตรีมี ปี่ ฆอ้ งวงกลอง ทดั กลองตะโพน ฉ่ิง เล่นในพิธีกรรมทวั่ ไป เช่น แกบ้ นไล่ผี ปัดรังควาน บวช แต่งงาน งานศพ และ ประกอบการละเลน่ สาคญั เช่น โขน ละคร ระบา หนงั ใหญ่ กฎหมายที่ระบุชื่อปี่ พาทยป์ ่ี พาทยฆ์ อ้ งวง ฉบบั น้ีประกาศออกไปยงั เจา้ เมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่อยนู่ อกกรุงอยุธยาออกไป ยอ่ มหมายความว่ามีปี่ พาทยฆ์ อ้ งวงแพร่หลายอยูก่ ่อนแลว้ แต่บา้ นเมืองสมยั น้ัน ยงั ไม่ได้ร่วมอาณาจักรเดียวกันหากเป็ นแว่นแควน้ ต่างๆ ที่มีอิสรภาพทางการเมืองแก่กันดังน้ันการ

8 แพร่กระจายของป่ี พาทยฆ์ อ้ งวงจึงน่าจะจากดั อยู่ในกลุ่มบา้ นเมืองใหญ่ใกลท้ ะเลโดยเฉพาะกลุ่มอาณาจกั ร กมั พูชาแถบลุ่มน้าโขงตอนลา่ งและกลมุ่ แควน้ เครือญาติในลุ่มน้าเจา้ พระยาที่มีแบบแผนยกยอ่ งคติรามเกียรต์ิ เหมือนๆกนั (สุจิตต์ วงษ์เทศ,2551) เคร่ืองดนตรีของวฒั นธรรมดนตรีลุ่มน้าเจา้ พระยา ที่ปรากฏในฮูปแตม้ ส่วนใหญ่จะเป็นเคร่ืองดนตรีประเภท ดีด สี ตี เป่ า และสามารถแบ่งได้ ดงั น้ี เคร่ืองดีด ไดแ้ ก่ พิณเพยี ะ หรือพิณน้าเตา้ เครื่องสี ไดแ้ ก่ ซออู้ ซอดว้ ง เครื่องตี ไดแ้ ก่ ระนาด ฆอ้ งวง กลองตะโพน กลองทดั เครื่องเป่ า ไดแ้ ก่ ขลยุ่ ป่ี ภาพประกอบท่ี 5 ฮูปแตม้ วงป่ี พาทยใ์ นอีสานตามแบบวฒั นธรรมล่มุ น้าเจา้ พระยา วดั สระบวั แกว้ อ.หนองสองหอ้ ง จ.ขอนแก่น จะเห็นได้ว่านักดนตรีท้ังหมดจะสวมเส้ือนุ่งโจกกระเบน และไม่สักขาลาย บรรเลง ปี่ พาทย์ ประกอบไปด้วย ระนาดเอก ฆ้องวง ปี่ กลองทัด ตะโพน รูปแบบในการจดั วงมีแบบแผนตามแบบ วฒั นธรรมลุ่มน้าเจา้ พระยา ซ่ึงต่างจากฮูปแตม้ มโหรีแคนซอ ของวดั ป่ าเลไลย์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ท่ี นักดนตรีนุ่งสโร่งคาดกะเตี่ยวแลว้ สักขาลาย สุจิตต์ วงษเ์ ทศ ไดก้ ล่าวไวว้ ่าหลงั พ. ศ. 2400 150 ปี มาแลว้ ผูด้ ี ชนช้นั นาสร้างแบบฉบบั ดนตรีไทยเพ่ือความเป็ นไทยต้งั แต่ พ.ศ 2400 เป็ นตน้ ไป เพลงดนตรีไทยรับ อิทธิพลเพลงดนตรีตะวนั ตก ส่งผลให้ตอ้ งปรับเปลี่ยนรูปแบบและเน้ือหาเกิดส่ิงใหม่หลายอย่าง เพื่อการ แสดงอานาจ และบารมี ความเป็นเลิศ ของ ผดู้ ี ชนช้นั นากระฎมุ พีแลว้ กาหนดให้เป็นแบบฉบบั ดนตรีไทย เพื่อความเป็ นไทย ช้นั นากระฏุมพี สร้างแบบฉบบั ดนตรีไทยเพ่ือความเป็ นไทย ต้งั แต่หลงั พ.ศ. 2400 ตราบจนถึงทุกวนั น้ี ดนตรีไทยแบบฉบับมี 3 อย่าง คือ วงปี่ พาทย์ วงมโหรี วงเคร่ืองสาย เป็ นดนตรี แพร่หลายอยใู่ นบริเวณที่ราบลุม่ แมน่ ้าเจา้ พระยา (สุจิตต์ วงษเ์ ทศ,2553)

9 ภาพประกอบที่ 6 ฮูปแตม้ วงปี่ พาทยใ์ นอีสานตามแบบวฒั นธรรมลมุ่ น้าเจา้ พระยา สิมวดั โพธาราม ต.ดงบงั อ.นาดูน จ.มหาสารคาม สรุป อทิ ธพิ ลทมี่ ตี ่อกล่มุ วัฒนธรรมทางดนตรีผ่านฮูปแต้มในสิมอสี าน สองฝั่งแม่น้าโขงตอนกลางและภาคอีสานรวมถึงลุม่ แมน่ ้าเจา้ พระยาปรากฏหลกั ฐานมากมายหลาย อยา่ งท้งั เร่ืองของวรรณกรรม จิตกรรม ดนตรีซ่ึงมีการปรับปรนและผสมผสานกนั อยู่อยากเห็นไดช้ ดั ในเรื่อง ของฮูปแตม้ ในสิมอีสานท่ีมีอิทธิพลตอ่ ดา้ นวฒั ธรรมดนตรีอีสานและวฒั นธรรมดนตรีลุ่มน้าเจา้ พระยา ปรากฏเห็นไดว้ า่ ฮูปอีสานจะปรากฏเครื่องดนตรีท้งั 2 คือ วฒั ธรรมดนตรีอีสาน และวฒั นธรรมดนตรีลุ่มน้า เจา้ พระยาซ่ึงอาจจะไดอ้ ิทธิพลมาจากการปฏิรูปการปกครองมณฑลอีสาน มีการเรียนรู้ไดร้ ับการศึกษาใน ดา้ นต่างๆ อยา่ งเช่น งานช่าง ช่างชาวบา้ น ช่างแตม้ หรือช่างฮูป มีอยู่ 3 กล่มุ คือ กลุ่มท่ี 1 เป็นฝีมือช่างภาค อีสานแทๆ้ กลมุ่ ท่ี 2 เป็นฝีมือช่างกลุ่มท่ีไดร้ ับอิทธิพลมาจากช่างหลวงและช่างภาคกลาง กลมุ่ ท่ี 3 เป็นฝีมือ ช่างกลมุ่ ท่ีไดร้ ับอิทธิพลมาจากวฒั นธรรมลา้ นชา้ ง ซ่ึงท้งั สามกลุ่มน้ีไดส้ ร้างสรรคผ์ ลงานตามจิตนาการ และ คติความเช่ือ ของแตล่ ะบุคคลลงไปใน ฮูปแตม้

10 เอกสารอ้างองิ ดุษฎีบณั ฑิต.สาขาวฒั นธรรมศาสตร์: มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. เทพพร มงั ธานี. (2554). วารสารศิลปกรรมศาสตร์.มหาวิทยาลยั ขอนแก่น. บุรินทร์ เปล่งดีสกุล. (2554). พฒั นาการของฮปแต้มอสี าน กรณีศึกษาจังหวดั ขอนแก่น จังหวดั มหาสารคาม และจังหวดั ร้อยเอด็ .วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ประเทศ ปัจจะคะตา. (2556). จติ รกรรมฝาผนังอสี าน.การอนุรักษแ์ ละฟ้ื นฟโู ดยการมรส่วนร่วมของชุมขน. ไพโรจน์ สโมสร. (2532). จิตรกรรมฝาผนังอสี าน. พิมพค์ ร้ังที่1. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติง้ กรุ๊พ จากดั วบิ ูลย์ ล้ีสุวรรณ. (4546). ศิลปะชาวบ้าน Folk art. กรุงเทพฯ: อมรินทร์. วโิ รฒ ศรีสุโร. (2541). วารสารวิจยั . มหาวิทยาลยั ขอนแก่น. สุจิตต์ วงษเ์ ทศ. (2549). พลงั ลาวชาวอสี านมาจากไหน. กรุงเทพฯ : มติชน จากดั (มหาชน) ___________. (2551). ร้อง รา ทาเพลง ดนตรีและนาฏศิลป์ ชาวสยาม. กรุงเทพ : เรือนแกว้ การพิมพ.์ ___________. (2553). ดนตรีไทยมาจากไหน. กรุงเทพ : หจก หยนิ หยาง การพมิ พ์ สันติ เลก็ สุขมุ . (2535). จติ รกรรมไทยแบบประเพณ.ี สุโขทยั ธรรมาธิราช:นนทบุรี,