Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เปิดกรุ คลังปัญญาผู้สูงอายุ

เปิดกรุ คลังปัญญาผู้สูงอายุ

Published by Tup Library, 2023-06-21 00:16:39

Description: 20210113_042702

Search

Read the Text Version

และการปรบมือประกอบการร้อง แต่จะใช้วิธี เกิดจากการที่มีชาวบ้านจากพ้ืนที่อ่ืนเข้ามา เอ้ือนและทอดเสียงยาวคล้ายท�ำนองสวดเพื่อ ร้องเพลงร่อยพรรษาที่วัดหนองขาว ท�ำให้ชาว ให้น่าฟัง บ้านท่ีนี่เกิดความประทับใจและเห็นว่าเป็น ด้านการแต่งกายและอุปกรณ์ท่ีใช้ใน วฒั นธรรมท่ดี งี าม ผู้สูงอายุในต�ำบลหนองขาว การไปร้องเพลงร่อยพรรษา นิยมใส่ชุดท�ำไร่ อายุท่ีถือศีลไปวัดกันเป็นประจ�ำ จึงได้รวมตัว ท�ำนาตามปกติ มกี ารหาบกระบงุ ตะกรา้ 1 หาบ กนั ตงั้ กลมุ่ รอ้ งเพลงรอ่ ยพรรษาของต�ำบลหนอง เพื่อขอรับบริจาคข้าวสาร และมีพานส�ำหรับ ขาวขึ้น โดยรวมตัวกันประมาณ 10 กว่าคน รับบริจาคเงิน เมื่อกลุ่มผู้ร้องเพลงร่อยพรรษา น�ำทีมโดย แม่ทองหล่อ แม่ปราณี คงธาร และ เดินทางไปถึงหน้าบ้าน หรือสถานท่ีราชการ/ แม่ขนมชนั้ เอกชน พ่อเพลงแม่เพลงจะท�ำหน้าที่รอ้ งเพลง แม่ทองหล่อ เป็นอาของแม่ปราณี ร่อยพรรษาด้วยค�ำกลอน (ประมาณ 3-5 บท ปัจจุบันอายุ 73 ปี คือ แกนน�ำหลักท่ีชักชวน หรอื มากกวา่ นนั้ ) โดยค�ำรอ้ งจะมเี นอื้ หาทเี่ ชญิ ชวน ให้แม่ปราณีและคนอ่ืนเข้ามาร่วมร้องเพลง ใหม้ ารว่ มท�ำบญุ บรจิ าคจตปุ จั จยั ไทยทาน จากนนั้ ร่อยพรรษา ด้วยความชอบในวัฒนธรรมการ เม่ือเจ้าบ้านบรจิ าคเงนิ หรอื ข้าวสารเสร็จแล้วก็ ร้องที่ไพเราะชวนฟัง อีกท้ังยังเป็นการท�ำเพ่ือ จะมกี ารร้องเพ่อื ให้พร และบอกลา พุทธศาสนา แม่ปราณีและคนในกลุ่มเองก็มี แม่ปราณี คงธาร แม่ค้าขายของ ความต้องการท่ีจะท�ำกิจกรรมน้ีร่วมกันเพื่อ หนา้ วดั หนงึ่ ในแมเ่ พลงกลมุ่ รอ้ งเพลงรอ่ ยพรรษา หาเงินเข้ามาสร้างศาลาวัดหนองขาวจึงได้ ต�ำบลหนองขาว อ�ำเภอท่าม่วง จังหวัด ตดั สนิ ใจว่าจะท�ำการร่อยพรรษาร่วมกัน กาญจนบรุ ี เล่าว่า ในพนื้ ทต่ี �ำบลหนองขาวเพงิ่ ความแตกต่างของกลุ่มร่อยพรรษาท่ี จะมกี ารน�ำวฒั นธรรมการรอ้ งเพลงรอ่ ยพรรษา น่ีคือ สมาชิกทุกคนในกลุ่มจะเป็นผู้สูงอายุที่ มารอ้ งเมอ่ื ประมาณ 3 ปที ผี่ า่ นมา โดยจดุ เรมิ่ ตน้ ถือศีลร่วมกันที่วัดหนองขาวเป็นประจ�ำ มีอายุ 51

ตัง้ แต่ 40-73 ปี ส่วนเรอื่ งการแต่งกายสมาชกิ จ�ำนวนมากเพื่อมาร่วมสร้างศาลาวดั จากนนั้ ก็ ในกลุ่มได้มีความคิดเห็นตรงกันว่าควรใส่ชุด จะเรม่ิ ออกเดนิ ทางไปรอ่ ยพรรษาในพนื้ ทตี่ า่ ง ๆ ขาวไปร้องเพลงร่อยพรรษาจะเหมาะสมกว่า ตามทวี่ างแผนกนั ไว้หากเปน็ หมบู่ า้ นหรอื สถานที่ เพราะเป็นชุดของผู้ถือศีล เหมาะส�ำหรับการ ทอ่ี ยไู่ กลวดั ออกไปจะมรี ถของทางวดั ไปสง่ และ ใส่ไปบอกบุญชาวบ้าน ส่วนอุปกรณ์ในการรับ ไปรบั ตอนเยน็ (บางวนั เดนิ รอ้ งเพลงรอ่ ยพรรษา บริจาคเงินจะใช้บาตรพระแทนการใช้พาน แต่ กนั จนถงึ ตอนคำ่� ) การเดนิ รอ่ ยพรรษาจะเดนิ ไป การรับบริจาคข้าวสารจะใช้การหาบกระบุงรับ ทกุ บ้าน รวมถงึ สถานท่รี าชการ ร้านค้าต่าง ๆ ข้าวสารที่ประชาชนบริจาคมาเหมือนเช่นพื้นที่ ตลาดเช้า ตลาดนดั ท่ารถขนส่ง ฯลฯ อื่น แต่เม่ือรับแล้วจะมีการน�ำไปเก็บไว้บนรถ ตลอด 3 ปีท่ีผ่านมากลุ่มร้องเพลง จักรยานยนต์พ่วงที่เตรียมไว้ส�ำหรับใส่ข้าวสาร ร่อยพรรษาสามารถบอกบุญขอรับบริจาคเงิน อีกที ส่วนจ�ำนวนวันในการร่อยพรรษาของที่น่ี สร้างศาลาวัดหนองขาวได้ถึงปีละประมาณ จะใช้ระยะเวลาทงั้ สิ้น 7-10 วัน หนง่ึ แสนบาท โดยสถติ กิ ารเรยี่ ไรเงนิ บรจิ าคทไ่ี ด้ ด้านการแต่งเนื้อร้อง แม่ปราณีเล่าว่า มากท่ีสดุ ต่อวันคอื ประมาณ 18,000 บาท และ ไมไ่ ดม้ กี ารแตง่ เนอื้ รอ้ งอะไรใหม่เพราะใชว้ ธิ จี ดจ�ำ ปี 2561 สามารถเร่ยี ไรเงินบรจิ าคได้ประมาณ เนอ้ื รอ้ งเดมิ ๆ จากทอ่ี น่ื มาปรบั นดิ หนอ่ ยเทา่ นน้ั 107,000 บาท ซ่งึ ถือเปน็ ยอดที่สงู สดุ ในขณะน้ี เมอ่ื รวมกลมุ่ กนั ไดแ้ ลว้ กจ็ ะมกี ารนดั กนั มาซอ้ ม “เรามีความสุขท่ีได้ช่วยเหลือเรื่องการ ทวี่ ดั ในวนั พระชว่ งเพล และเมอื่ ถงึ วนั ทต่ี อ้ งออก หาเงินมาสร้างศาลาวดั หลวงพ่อท่านก็ดใี จ” ไปร้องเพลงร่อยพรรษาก็จะมารวมตัวกันท่ีวัด แต่สิ่งท่ีแม่ปราณีเป็นกังวลมาก ตอนน้ี ในเวลา 9 โมงเช้าเพื่อกราบไหว้ขอพรหลวง คือ ยังไม่มคี นรุ่นใหม่หรอื กลุ่มคนใหม่ ๆ เข้ามา พ่อวัดป่าเรไร ท่ีประดิษฐานอยู่ในวัดป่าหนอง ฝึกฝนร้องเพลงร่อยพรรษาอย่างจริงจังเพ่ือ ขาว โดยจะขอใหม้ คี นศรทั ธาบรจิ าคเงนิ กนั เปน็ สืบทอดวัฒนธรรมน้ี จึงไม่แน่ใจว่าหากหมด 52

รุ่นนไี้ ปแล้ว จะมีใครเข้ามาเรยี นรู้และท�ำหน้าท่ี อย่างไรก็ตามแม่ปราณีก็ยังคงมี พ่อเพลงแม่เพลงแทนหรอื ไม่ ความหวังว่าจะมีคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้า “ถ้าเรามีแรงเราก็จะท�ำต่อไปเรื่อย ๆ ถอื ศลี 5 และมคี วามตอ้ งการท�ำความดเี พอ่ื แต่จะท�ำได้ถึงเม่ือไหร่ไม่รู้ และไม่รู้ว่าเราจะ พทุ ธศาสนา ไดต้ ดั สนิ ใจเขา้ มาเปน็ พอ่ เพลง เป็นกลุ่มร้องเพลงร่อยพรรษากลุ่มสุดท้าย แม่เพลง เพ่ือท�ำหน้าที่สืบทอดวัฒนธรรม หรือเปล่า...เราไม่ได้หวงความรู้ เราอยาก การร้องเพลงร่อยพรรษาให้คงอยู่คู่ต�ำบล สืบทอดวัฒนธรรมนี้ แต่คนท่ีเคยมาฝึกเขา หนองขาว และจังหวัดกาญจนบุรีต่อไปใน ก็ร้องไม่ได้ จ�ำเน้ือไม่ได้ เด็ก ๆ ก็ไม่สนใจ อนาคต เขาขี้อาย ไม่กล้าเดินไปหาคน ไม่กล้า ไปไหว้ ไม่กล้าข้ึนไปสถานที่ราชการ” 53

จงั หวัดสกลนคร 54

สกลนคร 55

ภูมิปัญญา “นักร้องเพลงไทยเดิม/ลูกกรุง พิธีกรงานศาสนา งานมงคลสมรส และ งานฌาปนกจิ ศพ” โดย คุณพ่อถวิล จันลาวงศ์ @ตำ�บลเชิงชมุ อำ�เภอเมือง จงั หวดั สกลนคร ข้อมูลครูภมู ิปัญญา คณุ พอ่ ถวิล จนั ลาวงศ์ เกิดวันท่ี 1 เมษายน 2482 อายุ 80 ปี เบอรโ์ ทรตดิ ต่อ 061-203-3317 พอ่ ถวลิ จนั ลาวงศ์ คอื อดตี เดก็ ก�ำพร้า เดก็ วดั และสามเณร ทมี่ โี อกาสร่�ำเรยี นหนงั สอื ท่วี ัดก่อนจะสกึ ออกมาท�ำงานรบั จ้างท่กี รงุ เทพ และประเทศลาว สุดท้ายจึงได้กลับมาปักหลัก ใช้ชีวิตท่ีจังหวัดสกลนครบ้านเกิด เพ่ือสร้าง ฐานะรว่ มกบั ครอบครวั โดยไดบ้ รรจเุ ปน็ ภารโรง 56

ท่ีโรงเรยี นอนบุ าลสกลนคร ในปี 2506 ในขณะ ดนตรีไทย มีสมาชิกเป็นผู้สูงอายุท่ีเป็นอดีต เดียวกันช่วงเวลากลางคืนก็ท�ำงานพิเศษเป็น ขา้ ราชการ รบั แสดงเพลงไทยเดมิ และเพลงไทย กปั ตัน บาร์เทนเดอร์ และนกั ร้องในห้องอาหาร เดมิ ประยกุ ต์ เช่น เพลงพระลอตามไก่ เพลงตบั ท่ีอยู่ในโรงแรมอิมพีเรียลเพ่ือหารายได้เสริม ววิ าห์พระสมุทร เพลงลาวต้อยต่งิ เปน็ ต้น โดย และเน่ืองจากมีเสียงดี ร้องเพลงไพเราะ เป็น จะแสดงในงานส�ำคญั ตา่ ง ๆ เชน่ งานวนั พอ่ แหง่ ท่ีช่ืนชอบของลูกค้าท่ีมาทานอาหาร พ่อถวิล ชาติ งานวนั แมแ่ หง่ ชาติ งานมงคลสมรส งานขนึ้ จงึ ไดร้ อ้ งเพลงทร่ี า้ นอาหารแหง่ นเ้ี รอ่ื ยมาจนถงึ บา้ นใหม่ รวมถงึ งานจติ อาสาทโี่ รงพยาบาลศนู ย์ ปจั จบุ นั โดยจะรอ้ งเพลงแนวลกู กรงุ ของศลิ ปนิ สกลนคร เดือนละ 2 ครั้ง และที่โรงพยาบาล นกั ร้อง ชรินทร์ นนั ทนาคร, สุเทพ วงศ์ก�ำแหง คา่ ยกฤษณส์ วี ะรา เดอื นละ 2 ครง้ั เพอื่ ท�ำหนา้ ที่ และ ธานนิ ทร์ อนิ ทรเทพ บ�ำบัดและเยียวยาคนไข้ อีกทั้งยังท�ำหน้าที่จิต “ตอนร้องเพลงที่ห้องอาหารมีรายได้ อาสาแสดงดนตรีสดถวายเป็นพุทธบูชาที่วัด ดี อยู่ท่ีโรงเรียนเป็นภารโรงรายได้น้อย เรามา พระธาตุ และวัดพระโพธ์ิชัย เดือนละ 2 คร้ัง ท�ำงานนกั ร้องเกบ็ เงนิ ได้เยอะกว่า เพราะได้เงนิ อีกด้วย จากพวงมาลัย ได้ทิปคืนละประมาณ 2,000- ส�ำหรบั การถา่ ยทอดประสบการณค์ วาม 3,000 บาททุกคืน เพ่ือน�ำมาดูแลครอบครัว รู้เรื่องการร้องเพลงน้ัน พ่อถวิลเล่าว่ามีคนให้ เลีย้ งลกู ทงั้ 5 คน” พ่อถวลิ กล่าว ความสนใจเรอื่ งการรอ้ งเพลงไทยเดมิ นอ้ ยมาก นอกจากน้ีพ่อถวิลยังเป็นนักร้องน�ำให้ แตใ่ นสว่ นของเพลงลกู กรงุ จะมคี นรนุ่ ใหมเ่ ขา้ มา กบั วงดนตรใี นจงั หวดั สกลนคร 2 วง ไดแ้ ก่ วงค�ำ ขอรับความรู้เร่ืองการร้องและการแสดงออก หอมซ่ึงเป็นวงดนตรีไทยเดิม และวงจันผางาม บนเวทีหลายราย ซ่ึงพ่อถวิลก็ได้ให้ค�ำแนะน�ำ ซง่ึ เป็นวงดนตรีไทยร่วมสมยั โดยวงค�ำหอมจะ ดว้ ยความเตม็ ใจ ไมม่ กี ารเรยี กรอ้ งคา่ เรยี นจาก เปน็ วงดนตรไี ทยเดมิ ทอี่ ยใู่ นสงั กดั ชมรมอนรุ กั ษ์ ผู้ท่มี าเปน็ ลกู ศษิ ย์แต่อย่างใด 57

“รู้สึกดีใจท่ีได้ถ่ายทอดความรู้ให้ อย่างที่ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและมีคุณค่า ไม่เคย ลูกหลาน ผมก็จะแนะน�ำเขาเรื่องท่าทางตอน หยุดเรียนรู้และยังเป็นผู้ให้ความรู้แก่ผู้อื่นอยู่ ร้อง และการร้องเสียงสูงเสียงต่�ำ มีการสอน ตลอด ทั้งการร้องเพลงและการเป็นพิธีกร มี ร้องเพลงลูกกรงุ ลกู ทุ่ง หมอล�ำกส็ อนได้” พ่อ งานและกิจกรรมท�ำเกือบทุกวัน โดยคิดว่าสิ่ง ถวิล กล่าว ใดก็ตามที่ได้ท�ำลงไปแล้วมีประโยชน์ต่อผู้อ่ืน ความสามารถของคุณพ่อถวิลไมได้ ตนเองก็จะมคี วามสขุ ทีไ่ ด้ท�ำสงิ่ นน้ั มีเพียงแค่การร้องเพลงเท่าน้ัน แต่ยังมีความ “เวลาท�ำงานเราเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ สามารถดา้ นการเขยี นกลอน การขบั รอ้ งท�ำนอง เรากด็ ใี จทไี่ ด้ทำ� เรอื่ งค่าตอบแทนไม่ต้องพดู ถงึ สรภัญญะ การเป็นผู้น�ำพิธีกรรมทางศาสนา ให้ก็เอาไม่ให้ก็ไม่เอาเพราะเราสนุกท่ีได้ท�ำงาน รวมท้ังการเป็นพิธีกรงานมงคลสมรสและงาน เราภูมิใจท่ีเราได้ท�ำให้งานเขาส�ำเร็จลุล่วงไป ฌาปนกิจศพ ได้ด้วยดี เพราะงานบางงานเช่น งานแต่งงาน “เราเคยอาศัยอยู่กับพระท�ำให้รู้เรื่อง งานศพ เจ้าภาพเขาต้องเตรียมงานมากมาย ประเพณีต่าง ๆ มาก และเราก็มีการศึกษา ต้องเจอกับปัญหาต่าง ๆ ซ่ึงถ้าเรามีโอกาสไป และฝึกฝนเพ่ิมเติมตลอด พอเกษียณแล้วมี ช่วยให้งานเขาคลี่คลายได้ก็ดีนะ เราไม่ได้หวัง คนเชิญให้ไปเป็นพิธีกรงานศพ งานแต่งงาน อะไรมากมาย แคไ่ ดช้ ว่ ยใหเ้ ขาสบายใจขน้ึ ไดไ้ ป โดยเรามีความชอบเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว อำ� นวยประโยชน์ต่าง ๆ ให้เขา ได้ไปทำ� ให้สงั คม เร่ืองค�ำกลอน ค�ำโคลงต่าง ๆ เราก็ชอบ รอบข้างดีขน้ึ เท่านีก้ ็ดีใจแล้ว” และหัดเขียนเองอยู่เรื่อย ๆ” พ่อถวิล กล่าว พ่อถวิลได้พูดถึงหลักคิดท่ียึดมั่นมา ปจั จุบนั แม้ว่าพ่อถวลิ จะอายุ 80 ปีแล้ว ตลอดคอื “คนเราเลอื กเกดิ ไมไ่ ด้ แตส่ ามารถ แต่คุณพ่อถวิลก็ยังคงท�ำหน้าท่ีทั้งการเป็นนัก เลือกทางเดนิ ชวี ิตของตวั เองได้” ท�ำให้อดตี ร้องและพธิ กี รอย่เู สมอ ถอื ว่าเปน็ ผู้สงู อายแุ บบ เด็กวัดผู้ก�ำพร้าในวันวาน ได้พลิกชีวิตสร้าง 58

ครอบครวั สรา้ งงาน สรา้ งรายได้ สรา้ งความสขุ และพิธีทางศาสนา ของศูนย์เอนกประสงค์ และสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ เทศบาลสกลนคร ท�ำใหว้ นั นพ้ี อ่ ถวลิ มคี วาม ที่ผ่านมาพ่อถวิลได้รับการเชิดชูให้ สุขกับการใช้ชีวิตในวัยเกษียณ ซึ่งการที่ได้ เป็นผู้สูงอายุดีเด่นแห่งประเทศไทย เป็น ใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างมีคุณค่าเช่นนี้ คือ คนดีจังหวัดสกลนคร รวมท้ังเป็นปราชญ์ สิ่งที่ท�ำให้พ่อถวิลเกิดความภาคภูมิใจมาก ชาวบ้านด้านขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม ทีส่ ดุ 59

ภมู ปิ ัญญา “ฟอ้ นภูไทโบราณ” โดย คณุ แมศ่ ศมณ วงศ์กาฬสินธุ์ @ตำ�บลเชิงชมุ อำ�เภอเมอื ง จังหวดั สกลนคร ข้อมูลครูภูมปิ ัญญา คุณแม่ศศมณ วงศ์กาฬสนิ ธุ์ เกิดวันท่ี 24 กนั ยายน 2492 อายุ 70 ปี เบอรโ์ ทรตดิ ต่อ 061-203-3317 การฟ้อนภูไท เป็นการร่ายร�ำของชน เผ่าภูไท ซ่ึงเป็น 1 ใน 6 ชนเผ่าพื้นเมืองของ จังหวดั สกลนคร โดยประวัติเล่าขานว่าในสมยั ทม่ี กี ารกอ่ สรา้ งพระธาตเุ ชงิ ชมุ จงั หวดั สกลนคร ชาวภูไทได้อาสามาเป็นผู้ดูแลรักษาและจัดหา เคร่ืองสักการะบูชาองค์พระธาตุทุกปี และจะมี การฟอ้ นภไู ทไปรอบ ๆ องคพ์ ระธาตุ โดยมสี าว ภไู ทใส่เสอ้ื แขนกระบอกสดี �ำ ผ้าถงุ ด�ำขลบิ แดง หม่ ผา้ เบย่ี งสแี ดง เกลา้ ผมแบบมวยทดั ดอกไมส้ ขี าว 60

หรือผูกด้วยผ้าสีแดง นอกจากนี้ยังมีการ การฟ้อนภูไทแบบโบราณจึงได้ถูกกล่าวขาน สวมเลบ็ ทคี่ ล้ายกบั การฟ้อนเลบ็ ทางภาคเหนอื และถูกน�ำมาร�ำถวายพระธาตุเชิงชุมในงาน โดยเล็บนี้จะมีขนาดยาวท�ำด้วยโลหะหรือ ประจ�ำปอี กี ครงั้ แตเ่ มอื่ อาจารยบ์ ญุ ปนั เสยี ชวี ติ กระดาษตรงปลายติดพู่สีแดง ท�ำให้ดูแตกต่าง ก็ไม่มีการน�ำการฟ้อนร�ำภูไทแบบโบราณมาร�ำ จากการฟ้อนภูไทของถิ่นอ่ืน ส่วนฝ่ายชาย ถวายพระธาตอุ กี รวมทงั้ ยคุ สมยั ทเี่ ปลยี่ นไปได้ จะเล่นดนตรีเพ่ือให้จังหวะแก่ผู้ฟ้อนร�ำ ท�ำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาประยุกต์ท�ำนอง โดยใช้เคร่ืองดนตรีพื้นบ้าน เช่น กลองเส็ง การฟ้อนภูไทให้มีจังหวะท่ีเร็วขึ้นคล้ายการเซ้ิง กลองตุ้ม กลองแตะ หมากกั๊บแก๊บ (กรับ) มีการใช้ดนตรแี บบโปงลาง ท�ำให้การฟ้อนภูไท พังฮาด (ฆ้องโบราณไม่มปี ุ่ม) ฆ้อง เป็นต้น แบบโบราณไม่ได้รบั การอนุรักษ์อย่างจรงิ จงั ประมาณรชั กาลท่ี 3-4 ได้มกี ารบนั ทกึ คณุ แมศ่ ศมณ วงศ์กาฬสนิ ธ์ุ ซ่งึ อยู่ใน เหตุการณ์การฟ้อนภูไทครั้งส�ำคัญในจังหวัด ตระกลู เกา่ แกท่ ที่ �ำหนา้ ทดี่ แู ลพระธาตเุ ชงิ ชมุ มา สกลนครเอาไว้ว่า มีการรวบรวมสาวภูไทมา ยาวนาน ได้กลบั มารอ้ื ฟน้ื คนื การฟ้อนภไู ทแบบ ฟ้อนร�ำต้อนรับเจ้าเมืองสกลนครและทหารท่ี โบราณอีกครง้ั เพ่ือสบื สานรากวฒั นธรรมของ ได้ยกทัพไปปราบกบฏฮ่อที่ลาวได้ส�ำเร็จ เม่ือ ชาวภูไทให้คนรุ่นหลงั ได้เห็น กาลเวลาผา่ นไปการฟอ้ นภไู ทกเ็ รม่ิ เลอื นหายไป เดิมทีแม่ศศมณได้ประกอบอาชีพเป็น จนเม่ือประมาณ 50 ปีท่ีแล้วทางจังหวัด พยาบาลท�ำงานอยู่ในโรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สกลนครได้มอบหมายให้ อาจารย์บุญปัน กรุงเทพมหานคร แต่ได้ตัดสินใจลาออกในวัย วงศ์เทพ ครูนาฏศิลป์โรงเรียนระดับประถม 50 ปี เพอ่ื กลบั มาดแู ลมารดาวยั 90 ปี ทบ่ี า้ นเกดิ สมยั นั้น รวบรวมค�ำร้อง ท�ำนอง และประดิษฐ์ และด้วยเหตุที่แม่ศศมณเป็นคนท่ีชื่นชอบ ท่าร�ำข้ึน เพ่ือจัดฟ้อนร�ำถวายในหลวงและ ศิลปวัฒนธรรมประเพณีโบราณอยู่แล้ว อีก พระราชนิ ีรชั กาลที่9ในวนั ท่ี14พฤศจกิ ายน2514 ทั้งยังเคยเห็นการฟ้อนร�ำภูไทแบบโบราณท่ีมี 61

การร�ำถวายพระธาตเุ ชงิ ชมุ ในสมยั เดก็ จงึ ท�ำให้ รวบรวมนางร�ำจากคนที่สนใจหลากหลายวัย มีความคิดที่จะอนุรักษ์การฟ้อนร�ำภูไทแบบ รวมกว่า 30 คน ซงึ่ มีเด็กวยั ประถมศกึ ษารวม โบราณนเี้ อาไว้ ประกอบกบั แมศ่ ศมณเปน็ เพอื่ น อยู่ด้วย เพ่ือให้การฟ้อนร�ำภูไทแบบโบราณได้ สมัยมัธยมกับอาจารย์สุขสันต์ สุวรรณเจริญ รับการสืบสานสู่คนรุ่นหลานอย่างจริงจัง โดย ครูต้นต�ำรับการตีกลองเส็งแบบมีลีลาอันเป็น แม่ศศมณได้ออกค่าชุดและเครื่องประดับด้วย เอกลกั ษณ์ของจงั หวัดสกลนคร ซึ่งเปน็ ทายาท ตนเอง รวมทง้ั ท�ำการซอ้ มใหก้ บั กลมุ่ จนฟอ้ นร�ำ อาจารยถ์ วลั ย์ สวุ รรณเจรญิ ทเี่ ปน็ หวั หนา้ คณะ ได้สวยงาม จนกระทงั่ วันท่ี 25 เมษายน 2551 ดนตรที เ่ี ลน่ ดนตรปี ระกอบการฟอ้ นร�ำภไู ททรี่ �ำ จึงได้มีการแสดงการฟ้อนร�ำในงานเทศกาล ถวายในหลวงและพระราชินี รัชกาลที่ 9 เม่ือ นมัสการ หรืองานสมโภชองค์พระธาตุเชิง คราวที่ท่านเสด็จแปรพระราชฐานมาท่ีจังหวัด ชุมและหลวงพ่อพระองค์แสนประจ�ำปี 2551 สกลนครในอดีต แม่ศศมณ อาจารย์สุขสันต์ เป็นคร้งั แรก รวมทง้ั เพอ่ื น ๆ จงึ ไดม้ โี ครงการฟน้ื คนื ประเพณี “เราตั้งใจกันมาก ผู้สูงอายุที่มาดูเรา การฟ้อนร�ำภูไทโบราณเพ่ือร�ำถวายพระธาตุ ซ้อมท่ีบริเวณพระธาตุบางท่านน�้ำตาไหล เชงิ ชมุ ในงานประจ�ำปีร่วมกนั บอกดีใจมากที่ได้เห็นการฟ้อนร�ำแบบน้ีอีก จากนั้นแม่ศศมณจึงได้ไปเรียนฟ้อน ในวนั แสดงจรงิ ผู้คนก็ชื่นชม คนทไี่ ด้เห็นเดก็ ๆ ร�ำภูไทจากลูกศิษย์เอกของอาจารย์บุญปัน ร�ำ ต่างกช็ มว่าเดก็ เก่ง สามารถร�ำแบบโบราณ จนสามารถถ่ายทอดได้ และได้ไปคุยกับท่าน ได้ เราก็ชื่นใจ ภูมิใจมากที่เคยสอนมากับมือ” เจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุมเร่ืองการขอ แม่ศศมณ กล่าว แสดงการฟ้อนร�ำภูไทโบราณในงานประจ�ำปี อย่างไรก็ตามตง้ั แต่ปี 2560 เปน็ ต้นมา ซง่ึ ทา่ นเจา้ อาวาสกไ็ ดใ้ หก้ ารสนบั สนนุ กลองเสง็ จังหวัดสกลนครได้ปรับเปล่ียนรูปแบบ 1 คู่ พร้อมพังฮาด 1 อนั ต่อมาแม่ศศมลจงึ ได้ การฟ้อนร�ำในงานประจ�ำปีมาเป็นรูปแบบใหม่ 62

มกี ารรวบรวมคนฟ้อนภไู ทกว่า 3,000 คน และ “เราปลมื้ ใจมากทม่ี คี นมาชน่ื ชม บาง มีการปรับเปล่ียนท่าร�ำและท�ำนองที่แตกต่าง คนบอกว่าท�ำไว้นะ อย่าทิ้งนะ ท�ำสวยมาก ไปจากรูปแบบโบราณ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่ม เราก็เลยคิดว่าต่อให้ทุกข์ยากอย่างไรก็ ฟอ้ นร�ำภไู ทโบราณของคณุ แมศ่ ศมณกย็ งั คงท�ำ ต้องท�ำ ไม่ได้มีใครบังคับให้เราท�ำ แต่เรา หน้าท่ีอนุรักษ์และสืบสานการฟ้อนร�ำภูไทแบบ รู้สึกว่าเราต้องท�ำเพ่ืออนุรักษ์เอาไว้ให้คน โบราณต่อไป โดยยังคงมกี ารซ้อมและแสดงใน รุ่นหลัง ถามว่าเหนื่อยไหม เราเหนื่อย แต่ งานส�ำคญั วาระพเิ ศษตา่ ง ๆ รวมทง้ั มโี ครงการ ในความเหน่ือยเวลาฟ้อนร�ำเสร็จเราก็จะ ถา่ ยทอดทกั ษะการฟอ้ นร�ำสเู่ ยาวชนในโรงเรยี น กลับมาถามกันวา่ เราจะรำ� กันอกี ไหม เขาก็ เครอื ข่ายต่าง ๆ ด้วย บอกว่าอยากร�ำ การที่เราไดค้ ยุ กันแบบนก้ี ็ เหมือนเราได้ปวารณาตัวเองกันแล้วว่าเรา จะอนุรักษ์การฟ้อนร�ำภูไทโบราณด้วยกัน” แม่ศศมณ กล่าวท้งิ ท้ายอย่างมคี วามสขุ 63

ภมู ิปญั ญา “สืบสานการฟอ้ นรำ�ภูไทส่เู ยาวชน” โดย คุณแมจ่ รงุ ศรี โฮมวงศ์ @ตำ�บลเชิงชุม อำ�เภอเมือง จังหวัดสกลนคร ขอ้ มูลครูภูมิปัญญา คณุ แมจ่ รุงศรี โฮมวงศ์ เกดิ วันท่ี 6 มกราคม 2501 อายุ 61 ปี เบอร์โทรติดต่อ 089-277-9189 การฟ้อนร�ำภูไทของชาวภูไทจังหวัด สกลนคร เป็นศิลปวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่ การอนุรักษ์ เพราะมีท่วงท่าและการแต่งกายท่ี งดงาม โดดเด่นด้วยการสวมเล็บยาวมีพู่สีแดง ติดท่ีปลายเล็บ ซ่ึงถือเป็นเอกลักษณ์ของ ชาวภไู ทสกลนคร ที่ผ่านมาเคยมีความพยายามในการ สบื สานการฟ้อนภไู ทแบบโบราณครงั้ ส�ำคญั ถงึ 2 ครง้ั ครง้ั ที่ 1 คอื การประดษิ ฐ์ คดิ ทา่ ร�ำ ค�ำรอ้ ง 64

และท�ำนองโดยอาจารย์บุญปัน วงศ์เทพ เพ่ือ และเดก็ ผชู้ าย1คนส�ำหรบั ตกี ลองและฝกึ ซอ้ มร�ำ จัดฟ้อนร�ำถวายในหลวงและพระราชนิ ี รชั กาล ให้กับเด็ก ๆ จนเด็ก ๆ สามารถร�ำได้ ท่ี 9 เมอื่ คราวทที่ า่ นเสดจ็ แปรพระราชฐานมาที่ อย่างคล่องแคล่ว ส่วนเด็กผู้ชายจะไปซ้อม จงั หวดั สกลนคร ในวนั ท่ี 14 พฤศจกิ ายน 2514 ตีกลองกับอาจารย์สุขสันต์ สุวรรณเจริญ และอกี ครง้ั หนง่ึ เมอื่ ปี 2551 โดย แมศ่ ศมณ วงศ์ เมอ่ื ตเี ปน็ แลว้ กจ็ ะมาฝกึ ซอ้ มกบั นางร�ำเดก็ ผหู้ ญงิ กาฬสินธุ์ ท่ีได้กลับมาร้ือฟื้นคืนการฟ้อนภูไท โดยจะท�ำการซ้อมทุกวัน ซ่ึงในช่วงแรก ๆ จะ แบบโบราณในงานสมโภชองค์พระธาตุเชิงชุม ใช้วิธีตีปี๊บในการสร้างจังหวะ แต่ต่อมาก็ได้มี และหลวงพ่อพระองค์แสน ท�ำให้ชาวสกลนคร การไปขอยืมกลองเส็งจากคุณศศมณมาใช้ใน และนกั ทอ่ งเทย่ี งไดเ้ หน็ ความงดงามของการร�ำ การซ้อมทโี่ รงเรยี น จนกระทงั่ วนั ท่ี 25 เมษายน ภไู ทแบบโบราณอกี คร้งั 2551 แม่จรุงศรีและเด็ก ๆ จึงได้ฟ้อนร�ำจริง ในยุคน้นั แม่ศศมณต้องการให้คน 3 วยั และนั่นคือครั้งแรกของเด็ก ๆ ในการฟ้อนร�ำ คือวัยเด็ก วัยหนุ่มสาวคนท�ำงาน วัยผู้สูงอายุ ต่อหน้าผู้คนจ�ำนวนมาก ได้มีโอกาสร่วมกันสืบสานการฟ้อนร�ำภูไท “พอเด็ก ๆ ได้แต่งหน้าแต่งตัว มีการ โบราณด้วยกัน จึงได้เข้าไปชักชวนแม่จรุงศรี มวยผม ทดั ดอกลลี าวดี และตดิ ฝา้ ยตรงมวยผม โฮมวงศ์ ซง่ึ เปน็ ครปู ฐมวยั โรงเรยี นบา้ นดอนหมู เด็ก ๆ จะน่ารักมาก มีคนมาชื่นชมขอถ่ายรูป “ชุมชนพัฒนา” (โรงเรียนขนาดเล็กสอนต้ังแต่ กันเยอะ พอจบงานเด็ก ๆ เขาก็ไปเล่าให้ ระดับชน้ั อนบุ าล – ประถมศึกษา) มาร่วมงาน เพ่อื น ๆ ฟัง เพ่อื น ๆ ก็ต่นื เต้นไปด้วย พอเขา และเปน็ ผ้คู ดั สรรเดก็ ประถมในโรงเรยี นมารว่ ม ได้ซ้อมรำ� กนั อีกก็จะมีคนมามุงดูให้ความสนใจ สืบสานการฟ้อนร�ำภูไทครง้ั น้ี เดก็ ๆ เขากป็ ล้มื ใจกันมาก” ปีน้ันแม่จรุงศรีได้จัดหาเด็กประถม หลังจากจบการแสดงครั้งแรกแล้ว ศกึ ษาปที ่ี3ซง่ึ เปน็ เดก็ ผหู้ ญงิ 4คนส�ำหรบั ฟอ้ นร�ำ แม่จรุงศรีก็ยังคงพาเด็ก ๆ ซ้อมร�ำอยู่เสมอ 65

เพราะยังคงมีงานแสดงอย่างต่อเน่ือง ต่อมา จ�ำนวนมาก (จ�ำนวนมากสดุ 20 คน) แม่จรงุ ศรี แม่จรุงศรีจึงได้ไปของบประมาณสนับสนุน ก็จะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี เช่น ต้อง การซอ้ื กลองจาก ผอ.บุญธรรม ลอื ชัย กระทั่ง ออกงานทอดกฐนิ ทวี่ ดั คสู นาม ท่านเจ้าอาวาส ได้กลองเส็งมา 2 ใบ และกลองตุ้ม 1 ใบ ก่อนที่ ก็ให้การสนับสนุนงบประมาณในการซ้ือผ้ามา จะไดก้ บ๊ั แกบ พงั ฮาด ฉาบ และฆอ้ ง เพม่ิ ในปถี ดั มา ตดั ชดุ ให้กบั เดก็ ๆ ทง้ั หมด พร้อมกับงบประมาณจ้างครูสอนเล่นเครื่อง แม่จรุงศรีได้ท�ำหน้าท่ีฝึกสอนการ ดนตรพี นื้ บา้ นเหลา่ นี้ เดก็ ๆ กจ็ ะท�ำการฝกึ ซอ้ ม ฟ้อนร�ำ ดูแลเรื่องการซ้อมและเตรียมพร้อม อย่างต่อเน่ือง โดยเด็กรุ่นเก่าที่เรียนจบไป ในการแสดงของเด็ก ๆ อย่างเต็มตัวอยู่ 9 ปี แล้วจะมาท�ำหน้าท่ีเป็นพ่ีเลี้ยงสอนเด็กรุ่นใหม่ จนกระทั่งเกษียณอายุราชการจึงมีลูกศิษย์ โดยมีแม่จรุงศรีคอยให้ค�ำแนะน�ำอย่างใกล้ชิด ท่ีกลับมาเป็นครูในโรงเรียนคอยท�ำหน้าที่หลัก “ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่อง ในการดแู ลเดก็ ๆ แทน แตแ่ มจ่ รงุ ศรกี ไ็ มไ่ ดห้ ยดุ การสืบสานนะ เราคิดแต่ว่าเราต้องฝึกซ้อมให้ ท�ำหน้าที่ ยังคงช่วยดูแลเด็ก ๆ เรื่องการซ้อม เด็ก ต้องดูแลเด็ก คอยดูว่าเด็กร�ำถูกต้องไหม ต่อไปจนถงึ ปจั จุบัน พอท�ำมาเรอื่ ย ๆ เราถึงคดิ ได้ว่า สงิ่ ทเี่ ราท�ำคือ “เรารู้สึกภูมิใจนะ เมื่อก่อนไม่มีคนร�ำ การสบื สานวฒั นธรรมการฟอ้ นรำ� แบบโบราณ” มแี ตก่ ลมุ่ คณุ ศศมณนแ่ี หละ ทมี่ าชวนนกั เรยี นรำ� ต้ังแต่ปี 2551 เป็นต้นมาเด็ก ๆ ที่อยู่ ผู้ปกครองเขาก็ภูมิใจ เราก็ดีใจที่ได้สอนเขาได้ ในความดูแลของแม่จรุงศรีจะได้ฟ้อนร�ำภูไท น�ำพาเดก็ ๆ จับกลุ่มกันซ้อม พ่ี ๆ ก็สอนน้อง ๆ โบราณในงานต่าง ๆ ทุกปี ทั้งงานประจ�ำปี เราอยากให้การฟ้อนภูไทแบบโบราณได้รับ วัดพระธาตุเชิงชุม งานต้อนรับแขกท่ีมาเย่ียม การอนุรักษ์ไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน แม้ว่าจะมี ชมโรงเรียน และงานส�ำคัญต่าง ๆ ในจังหวัด การเปล่ียนแปลงท่าร�ำไป ซึ่งเราก็สอน โดยบางงานที่ต้องใช้เด็กเข้าร่วมการแสดง ท่าร�ำใหม่ ๆ ให้เด็ก แต่ท่าร�ำแบบโบราณ เรากอ็ นุรักษ์ไว้” 66

ตลอด 10 กวา่ ปที ผ่ี า่ นมา การสบื สาน ศิลปะการฟ้อนร�ำภูไทแบบโบราณในเด็ก และเยาวชน โดยแมจ่ รงุ ศรี ซงึ่ เปน็ เครอื ขา่ ย ของแมศ่ ศมณ ถอื วา่ ประสบความส�ำเรจ็ เปน็ อยา่ งมาก เพราะวา่ มกี ารถา่ ยทอดจากรนุ่ สู่ รุ่น แม้ว่าในปัจจุบันการฟ้อนร�ำภูไทในงาน ประจ�ำปีของวัดพระธาตุเชิงชุมจะไม่ได้เป็น ท่าร�ำแบบโบราณ แต่ก็ยังมีความพยายาม ในการสืบสานการฟ้อนร�ำภูไทแบบโบราณ ในงานส�ำคัญต่าง ๆ อย่างต่อเน่ือง ท�ำให้ ศิลปะการฟ้อนภูไทแบบโบราณยังคงมีลม หายใจและไม่สูญหายไปตามกาลเวลาอีก ตอ่ ไป 67

ภูมิปญั ญา “ตีกลองเสง็ ประกอบลลี าทา่ ทาง” โดย คุณพอ่ สขุ สนั ต์ สุวรรณเจริญ @ตำ�บลเชงิ ชมุ อำ�เภอเมือง จังหวัดสกลนคร ขอ้ มูลครูภมู ปิ ัญญา คณุ พ่อสุขสันต์ สุวรรณเจรญิ เกดิ วันท่ี 11 กุมภาพนั ธ์ 2492 อายุ 70 ปี เบอร์โทรตดิ ตอ่ 086-223-0846 “กลองเส็ง” หรือ “กลองก่ิง” เป็น กลองไมท้ มี่ ลี กั ษณะปากกวา้ งกน้ เลก็ ใชห้ นงั ววั หรอื หนงั ควายขงึ ทง้ั หนา้ กลองและกน้ กลอง โดย ในอดีตแทบทุกหมู่บ้านในภาคอีสานจะมีกลอง เส็งประจ�ำหมู่บ้านเพื่อใช้ตีเป็นจังหวะต่าง ๆ ส�ำหรับสื่อสารหรือส่งสัญญาณ เช่น ตีกลอง เพ่ือส่งสัญญาณบอกเหตุฉุกเฉิน ตีกลองเพ่ือ เรียกประชุม หรือตีกลองเพื่อบอกว่ามีข้าศึก โจมตี โดยกลองแต่ละหมู่บ้านจะมีเสียงที่เป็น 68

เอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ดังนนั้ เมอ่ื มีเหตุ ปัจจุบันการตีกลองเส็งนิยมน�ำมาตี ขา้ ศกึ โจมตี หมบู่ า้ นใกลเ้ คยี งทไี่ ดย้ นิ เสยี งกลอง ประกอบการแห่งานบุญในเทศกาลต่าง ๆ จะรบั ทราบวา่ มเี หตเุ กดิ ขน้ึ ทห่ี มบู่ า้ นใด ใกลไ้ กล ทางศาสนา หรือตีเพื่อประกอบการฟ้อนร�ำใน เพยี งใด ท�ำใหส้ ามารถรบั มอื หรอื เตรยี มหาทาง รปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ ทจี่ งั หวดั สกลนครจะมกี ารตี หนที ไี ลไ่ ดท้ นั นอกจากนยี้ งั มกี ารแขง่ ขนั ตกี ลอง กลองเสง็ เพอ่ื ใหจ้ งั หวะแกก่ ารฟอ้ นภไู ท เปน็ ตน้ หรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ “เสง็ กลอง” (เสง็ แปลวา่ การ พ่อสุขสันต์ สุวรรณเจริญ คือ แข่งขัน) และมีการตีกลองเพื่อสร้างจังหวะใน นักดนตรีพื้นบ้านช้ันครู ผู้คิดค้นลีลาการเล่น การประกอบท่าฟ้อนร�ำอกี ด้วย ลายกลองเสง็ ของจงั หวดั สกลนครในยคุ ปจั จบุ นั ส่วน “การตีกลองเส็งประกอบลีลา โดยท่านได้รวบรวมและประดิษฐ์ท่าทางการตี ท่าทาง” หรอื “การเลน่ ลายกลองเสง็ ” เกดิ กลองเส็งเพ่ิมเติมจากในอดีต พร้อมถ่ายทอด จากนกั ดนตรีฝ่ายชายต้องการทีจ่ ะมีการแสดง เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาศิลปะการเล่นลาย ท่ีน่าสนใจให้ผู้ชมได้ชมบ้าง จึงได้มีการคิดค้น กลองเส็งรวมทงั้ ส้นิ 11 ท่า ก่อนท่จี ะถ่ายทอด ท่าทาง ลีลา หรือลวดลายในการตีกลองออก ความรใู้ หก้ บั กรมศลิ ปากร ส�ำนกั งานวฒั นธรรม มา โดยจะมกี ารวางกลอง 2 ตวั ในแนวนอน จาก จังหวัดสกลนคร และลูกศิษย์ที่มาจากสถาน นน้ั จงึ ใชไ้ มต้ กี ลองในลกั ษณะทา่ ทางตา่ ง ๆ ตาม ศกึ ษาจงั หวดั ตา่ ง ๆ โดยหวงั ทจี่ ะอนรุ กั ษส์ บื สาน “ลายกลอง” (ลายกลอง หมายถงึ ท่วงท�ำนอง ไม่ให้ศิลปะการเล่นลายกลองเส็งนี้สูญหายไป ของเสยี งกลอง) ผสมกบั การกา้ วขา้ มกลองเพอ่ื กบั กาลเวลา ให้มีลีลาท่ีน่ามอง เช่น การยักย้ายร่างกายไป ความถนัดในการเล่นลายกลองเส็งน้ี มาตามจงั หวะ หรอื การเลยี นแบบทา่ ทางต่าง ๆ พ่อสุขสันต์ได้ซึมซับวิชามาจากบิดา ซ่ึงก็คือ ของไก่ ลงิ เสอื เป็นต้น อาจารย์ถวัลย์ สุวรรณเจริญ ซ่ึงเป็นครูสอน 69

ดนตรพี น้ื บา้ นทม่ี ลี กู ศษิ ยม์ ากมาย อกี ทง้ั ยงั เปน็ นอกจากนี้พ่อสุขสันต์ยังได้ท�ำหน้าที่ หวั หนา้ นกั ดนตรที เี่ คยแสดงดนตรพี นื้ บา้ นถวาย เป็นวิทยากรให้กับเด็กและเยาวชนในสถาน ในหลวงและพระราชินี รัชกาลท่ี 9 เมื่อคร้ังที่ ศกึ ษาตา่ ง ๆ เชน่ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร ทา่ นเสดจ็ แปรพระราชฐานมาทจี่ งั หวดั สกลนคร วทิ ยาลยั ราชมงคลสกลนคร โรงเรยี นมธั ยมและ อยหู่ ลายครงั้ สว่ นตวั พอ่ สขุ สนั ตเ์ องไดเ้ รมิ่ เรยี น โรงเรียนประถมอีกหลายโรงเรียน ที่ผ่านมา การเล่นลายกลองเส็งจากอาจารย์ถวัลย์ตั้งแต่ พ่อสขุ สนั ต์ไดร้ บั รางวลั อนั ทรงเกยี รตทิ ง้ั รางวลั อายุ 12 ปี และเคยเข้ารับเสด็จร่วมกับอาจารย์ ศลิ ปินมรดกอสี าน ปี 2560 จากมหาวทิ ยาลยั ถวลั ย์ในวนั ท่ี 14 พฤศจกิ ายน 2514 ด้วย ขอนแก่น และรางวัลผู้ท�ำคุณประโยชน์ด้าน ด้านการท�ำงานพ่อสุขสันต์เคยเป็นครู วัฒนธรรม ปี 2550 จากกระทรวงวฒั นธรรม และผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการโรงเรียน จนกระทั่ง อันน�ำมาซ่ึงความภาคภูมิใจ แต่สิ่งที่มีความ เกษียณอายุราชการก่อนเวลาในปี 2547 โดย หมายมากที่สุดในชีวิตคือการได้ท�ำหน้าท่ี ระหว่างการท�ำหน้าทข่ี ้าราชการ พ่อสุขสนั ต์ได้ ผู้อนุรักษ์การเล่นลายกลองเส็ง อันเป็นมรดก ออกแสดงการเล่นลายกลองเส็งในงานส�ำคัญ ทางวัฒนธรรมท่ีทรงคุณค่าและหาดูได้ยากย่ิง ต่าง ๆ ทั้งงานสมโภชองค์พระธาตุเชิงชุมและ ในยคุ ปจั จบุ นั หลวงพ่อพระองค์แสนประจ�ำปี 2551 - 2560 โดยพ่อสุขสันต์ถือว่าเป็นต้นฉบับการ (แสดงร่วมกับการฟ้อนภูไทโบราณ) งาน เล่นลายกลองเส็งที่มีท่ามากท่ีสุด คือ มีมาก เทศบาลสัญจร ปี 2512 - 2515 งานโฆษณา ถึง 11 ท่า ดังต่อไปน้ี ท่าพญาแหลวไล่ไก่ ปี 2538 และงานรายการโทรทัศน์ แต่ที่น่า สาวภไู ทลงเขา เสือลากหาง นกเขากระพอื ปีก ภาคภูมิใจท่ีสุดคือ การได้แสดงหน้าพระที่น่ัง บา่ วภไู ทเลาะตบู ไกแ่ มเ่ ลยี บครก ไกโ่ อกเลยี บเลา้ ณ ต�ำหนกั ภพู านราชนเิ วศน์ในปี 2536 - 2538 นงั่ คอช้าง กวางเหลยี วเหล่า เคาะหลงั งสู งิ และ ท่าลิงนอนห้าง 70

ปัจจุบันศิลปะการเล่นลายกลองเส็งได้ ถูกบันทึกเป็นข้อมูลอย่างละเอียดโดยส�ำนัก วฒั นธรรมจังหวดั สกลนคร ส่วนตัวพ่อสุขสันต์ เองก็ยังคงท�ำหน้าที่ถ่ายทอดและสืบสานงาน ศลิ ปวัฒนธรรมน้ตี ่อไปอย่างไม่เหนด็ เหน่อื ย “ผมอยากทำ� หนา้ ทอ่ี นรุ กั ษว์ ฒั นธรรม น้ีไว้ ผมสามารถถ่ายทอดได้ และผมไมเ่ คย เหน่ือยกายเหนื่อยใจกับการท�ำหน้าท่ีนี้ ถา้ มลี กู ศษิ ยค์ นไหนทเ่ี ขาใหค้ วามสำ� คญั กบั ผม ผมกพ็ รอ้ มทมุ่ เทใหค้ วามร้กู บั เขาอย่าง เต็มท่ี” พ่อสุขสันต์ กล่าวท้ิงท้ายด้วยความ ภาคภูมใิ จ 71

ภูมปิ ัญญา “ออกกำ�ลังกายดว้ ยท่ารำ�มวยไทย โบราณแบบประยกุ ต์” โดย คณุ แมบ่ ญุ อาบ คำ�ฤาเดช @ตำ�บลเชิงชมุ อำ�เภอเมอื ง จังหวัดสกลนคร ข้อมูลครูภมู ิปัญญา คณุ แม่บุญอาบ ค�ำฤาเดช เกดิ วันท่ี 20 สิงหาคม 2489 อายุ 73 ปี เบอร์โทรตดิ ต่อ 087-866-2184 “การร�ำมวยไทยโบราณ” เป็นศลิ ปะ การร�ำมวยแบบพ้ืนบ้านอันเป็นเอกลักษณ์ ของจังหวัดสกลนคร ที่มีการผสมผสานความ เข้มแข็งและความอ่อนช้อยสวยงามเข้าด้วย กัน มีท่าร�ำ 14 ท่า และมีท่าร�ำแบบที่ใช้ใน ขบวนแห่อีก 9 ท่า มีการแต่งกายที่โดดเด่น ด้วยการนุ่งผ้าโจงกระเบนแบบหยักร้ัง คือ ดึง ชายกระเบนให้สูงขึ้น เพ่ือให้เห็นลายสักที่ขา 72

สีของผ้าโจงกระเบนนิยมสีแดงหรือสีน�้ำเงิน กจิ กรรมนกี้ ลายเปน็ ทรี่ จู้ กั อยา่ งกวา้ งขวางมากขน้ึ ปล่อยชายหางกระเบนให้ห้อยลงมาพองาม เดิมทีแม่บุญอาบเคยเป็นทหารอากาศ มีผ้าคาดเอวสีแดงหรือสีน้�ำเงินโดยจะใส่สลบั สี ต�ำแหน่งทหารธุรการ ท�ำหน้าท่ีประจ�ำเป็น กบั ผ้าโจงกระเบน มีการใช้ผ้าประเจียดลงยนั ต์ เลขานุการเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารอากาศ โพกศรี ษะ มผี า้ สแี ดงรดั ตน้ แขนทง้ั สองขา้ ง โดย ประจ�ำการกองบนิ 23 จงั หวัดอดุ รธานี แต่ได้ มีตะกรุดบรรจุอยู่ข้างใน ส่วนดนตรีประกอบ เกษียณอายุราชการก่อนเวลาในปี 2543 เพื่อ การแสดงจะใชเ้ ครอ่ื งดนตรพี น้ื บา้ นได้แกก่ ลอง กลับมาดูแลมารดา แต่ตนเองกลับมีอาการ ตุ้ม ฆ้อง แคน กะจบั ปี่ ซอ แฉ่ง กะโหล่ง แก๊บ แพอ้ ากาศท�ำใหป้ ว่ ยอยนู่ าน ภายหลงั จงึ ไดห้ นั มา และกลองเตะ ในการบรรเลงเพื่อให้จังหวะ ออกก�ำลังกายเพ่ือฟื้นฟูสุขภาพที่สวนสมเด็จ ในการร�ำมวยไทยโบราณ ส�ำหรับบทเพลง พระศรนี ครนิ ทร์ สระพงั ทอง และทนี่ เ่ี องทท่ี �ำให้ ทเี่ หมาะทสี่ ดุ คอื เพลงบรรเลงลายภไู ทเลาะตบู แม่บุญอาบได้รู้จักกับกลุ่มผู้สูงอายุ จนกระทั่ง และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปะการร�ำ ปี 2545 กลมุ่ ผสู้ งู อายไุ ดส้ นบั สนนุ ใหแ้ มบ่ ญุ อาบ มวยไทยโบราณสกลนคร จึงได้มีการจัดตั้ง เป็นตัวแทนกลุ่มเข้าร่วมการอบรมเรื่องการน�ำ “ชมรมมวยไทยโบราณเพอ่ื สขุ ภาพ” ขนึ้ ในปี วัฒนธรรมท้องถิ่น มาประยุกต์เป็นกิจกรรม 2546 มคี ณุ ตาจ�ำลอง นวลมณี ปรมาจารยม์ วย ร่วมสมัย ซึ่งแม่บุญอาบได้มีความสนใจเรื่อง โบราณจงั หวดั สกลนครเปน็ ประธาน โดยชมรม การน�ำมวยโบราณมาประยุกต์เป็นการออก นจี้ ะมกี จิ กรรมหลกั คอื การน�ำออกก�ำลงั กาย ก�ำลงั กายอยู่แล้ว หลังจากอบรมเสร็จ แม่บญุ ด้วยท่าร�ำมวยไทยโบราณแบบประยกุ ต์ ซง่ึ อาบจึงได้ติดต่อไปท่ี สสจ.สกลนคร เพื่อขอ มี พ.อ.อ.หญงิ บุญอาบ ค�ำฤาเดช เลขานุการ วดี ที ศั นท์ า่ ร�ำมวยโบราณกลบั มาศกึ ษาและแกะ ชมรมฯ เป็นผู้คิดประยุกต์ท่าทางและหาเพลง ทา่ ร�ำ กอ่ นทจี่ ะประยกุ ต์ท่าทางให้เหมาะสมกบั ประกอบทีเ่ หมาะสม รวมท้ังเป็นผู้ขบั เคล่อื นให้ การออกก�ำลงั กายอยา่ งมหี ลกั การ จนกระทงั่ ได้ 73

ท่าออกก�ำลังกายแบบประยุกต์ท้ังสิ้น 12 ท่า ก็ได้เผยแพร่การแสดงออกสู่งานต่าง ๆ คือท่าแกว่งแขน กาเต้นก้อนไถ ไล่พรายให้ เช่น งานผู้สูงอายุภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ห่าง ลับโมกขศักดิ์ น้าวคันศร นาคีม้วนหาง ที่จังหวัดขอนแก่น และยังได้รับการติดต่อให้ กวางเหลียวหลัง ช้างม้วนงวง ทวงฮักกวักชู้ ไปเป็นวิทยากรให้กับโรงพยาบาลสกลนคร แหลวถลากาตากปกี เลาะเลยี บตบู ไกเ่ ลยี บเลา้ อีกด้วย ต่อมาในปี 2547 แม่บุญอาบได้รับ โดยใช้เพลงภูไทน้อย และเพลงศรีโคตรบูรณ์ งบประมาณจาก สสส. ในการท�ำโครงการจัด เป็นเพลงประกอบ และต่อมาได้มีการน�ำท่า กจิ กรรมประกวดการออกก�ำลงั กายวฒั นธรรม ออกก�ำลงั กายนไี้ ปขบั เคลอื่ นผา่ นชมรมมวยไทย พน้ื เมอื งร�ำมวยไทยประยกุ ต์ โดยมกี ารเชญิ ชวน โบราณเพื่อสุขภาพ โดยจะมีการรวมกลุ่มกัน ประชาชนทง้ั วยั เดก็ เยาวชน วยั รนุ่ คนหนมุ่ สาว ออกก�ำลงั กายในรปู แบบนท้ี กุ วนั จนั ทร์ พธุ ศกุ ร์ วัยท�ำงาน และผู้สูงวัยในจังหวัดสกลนคร เวลาประมาณ 16.30-18.00 น. ท่สี วนสมเด็จ มาร่วมแข่งขันออกก�ำลังกาย ในรูปแบบ พระศรีนครนิ ทร์ สระพงั ทองในเมอื งสกลนคร ร�ำมวยไทยแบบประยกุ ต์ ซงึ่ กไ็ ดร้ บั การตอบรบั “แมช่ อบมวยไทยโบราณ เคยเหน็ คณุ ตา เป็นอย่างดี และในปี 2550 เทศบาลนคร จ�ำลองรำ� หน้าขบวนแห่สวยงามมาก เลยคิดว่า สกลนคร ได้จัดต้ังศูนย์เอนกประสงค์ส�ำหรับ ถา้ นำ� มาดดั แปลงเปน็ การออกกำ� ลงั กายนา่ จะดี ผู้สูงอายุในชุมชนขึ้น แม่บุญอาบจึงได้เข้าเป็น เพราะตอนนน้ั การออกกำ� ลงั กายมแี ตร่ ปู แบบที่ อาสาสมคั รสร้างเสรมิ สขุ ภาพผู้สงู อายุ และได้ ใช้ไม้พองยดื ตวั ประกอบกับหน่วยงานราชการ ฝึกผู้น�ำออกก�ำลังกาย จ�ำนวน 17 คน เพือ่ ช่วย ได้ให้การสนับสนุนเราด้วย ก็คิดว่าน่าท�ำ” เผยแพร่ความรู้เร่ืองการออกก�ำลังกายด้วย แม่บญุ อาบ กล่าว ท่าร�ำมวยโบราณแบบประยุกต์ให้แพร่ขยาย เมื่อการออกก�ำลังกายด้วยท่าร�ำมวย ออกไปตามชุมชนต่าง ๆ จากเดิม 7 ชุมชน โบราณแบบประยกุ ต์เรม่ิ เปน็ ทรี่ ้จู กั แมบ่ ญุ อาบ เป็น 30 กว่าชุมชนทัว่ จงั หวัดสกลนคร 74

นอกจากน้ียังมีการต่อยอดมาสู่การ มากมาย แต่สิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจ แสดงฟ้อนร�ำบนเวทีภายใต้ชื่อ “สาวญ้อร�ำ เหนอื สง่ิ อน่ื ใดกค็ อื การทไี่ ดส้ รา้ งคณุ คา่ สสู่ งั คม มวยโบราณ” โดยได้มกี ารเปลย่ี นมาใช้เพลง และสร้างสุขภาพที่ดีให้เกิดขึ้นแก่คนสกลนคร มโหรีอีสาน และปรับท่าร�ำให้มีความอ่อนช้อย และน่ีคือสิ่งที่สร้างความสุขในวัยสูงอายุให้กับ แต่มีจังหวะที่รวดเร็วขึ้น รวมทั้งมีการแต่ง แม่บุญอาบตลอดมา กายด้วยเสื้อแบบสวยงามและผ้าซิ่นตามแบบ “รู้สึกภูมิใจที่เราได้ท�ำประโยชน์ให้ ฉบับชาวญ้อสกลนคร เป็นการหยิบยกของดี กับท้องถิ่นและสังคมพ่อแม่พี่น้องเมือง แบบโบราณมาต่อยอดปรับแต่งให้แปลกตา สกลนคร ได้ท�ำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีทั้ง เกิดเป็นการแสดงที่สร้างสรรค์ สร้างความ กายและใจ ได้รับความสนุกสนาน และได้ ประทับใจผู้ชมได้เปน็ อย่างดี สร้างสังคมสุขภาพดีให้เกิดข้ึน เพราะคน ตลอด 10 กว่าปีท่ีผ่านมาแม่บุญอาบ ที่มาออกก�ำลังกายด้วยกันกับเราต่างก็มา ได้ท�ำงานประยุกต์วัฒนธรรมโบราณให้กลาย จากหลากหลายอาชพี แตท่ ุกคนช่นื ชอบสง่ิ เป็นกิจกรรมท่ีร่วมสมัย ในรูปแบบการสร้าง เดยี วกนั คอื การออกกำ� ลงั กาย เราเหน็ เขามี เสริมสุขภาพอย่างสร้างสรรค์มาอย่างต่อเน่ือง ความสุข เรากม็ ีความสุข” แม่บญุ อาบ กล่าว จนกระท่ังได้รับรางวัลอันเป็นเกียรติประวัติ ท้งิ ท้าย 75

ภูมปิ ัญญา “การทำ�ขนั หมากเบง็ และบายศร”ี โดย คุณแมจ่ ำ�รอง แสงพรหมศรี @ตำ�บลหว้ ยยาง อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดสกลนคร ขอ้ มูลครูภมู ปิ ัญญา คุณแมจ่ �ำรอง แสงพรหมศรี เกดิ วนั ท่ี 4 สิงหาคม 2492 อายุ 69 ปี เบอร์โทรติดตอ่ 085-011-9191 “ขันหมากเบ็ง” คือ พานพุ่มที่นิยม น�ำมาใช้ประกอบพิธีกรรมทั้งพิธีพุทธและพิธี พราหมณ์ เช่น ใช้ในการสักการะบูชาพระ รัตนตรัยในวันอุโบสถ หรือวันส�ำคัญทาง พระพทุ ธศาสนา ใช้ในพธิ กี รรมไหว้ครู บายศรี สู่ขวัญ บวงสรวงดวงวิญญาณ บูชาวิญญาณ บรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว รวมถึงใช้ในการ กราบไหว้ผู้ท่ีเราให้ความเคารพอย่างสูง เช่น พระสงฆ์ บูรพาจารย์ หรือบุคคลส�ำคัญท่ี เล่ือมใสศรัทธา นอกจากน้ีขันหมากเบ็งยังถูก น�ำมาใช้เป็นยอดบายศรดี ้วย 76

ส�ำหรบั ลกั ษณะรปู รา่ งของขนั หมากเบง็ จงึ ได้อทุ ศิ ตนในการถอื ศลี หม่ ขาวเขา้ วดั อยเู่ ปน็ จะมีลักษณะเป็นทรงพุ่มคล้ายเจดีย์ มีกรวย ประจ�ำ โดยในชว่ งปี 2542 จะเขา้ ไปปฏบิ ตั ธิ รรม ใบตองอยู่ตรงกลาง มกี ารน�ำใบตองพับเปน็ นว้ิ และท�ำกิจกรรมทางศาสนาท่ีวัดป่าโนนขุมเงิน บายศรีขนาด 3 ชน้ั 5 ชั้น 8 ชน้ั หรอื บางท่าน อ�ำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร อยู่เสมอ อาจสร้างสรรค์ขนั หมากเบง็ ถงึ 9 ชน้ั จากน้ัน พร้อมท้ังได้เรียนรู้และฝึกฝนการท�ำขันหมาก จึงน�ำนิ้วบายศรีมาประดับรอบกรวยโดยท�ำมุม เบ็งจากญาติธรรมที่ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน 4 ทิศ (กรณที �ำนิ้วบายศรี 9 ชั้น จะมกี ารท�ำมุม ที่วัดจนมีความช�ำนาญ จากนั้นจึงได้มีการท�ำ 8 ทิศ) ส่วนบริเวณฐานของขันหมากเบ็งบาง ขันหมากเบ็งมาบูชาพระรัตนตรัยเป็นประจ�ำ รายอาจมีการพับใบตองเป็นกลีบผกาประดับ ทุกวันพระ รวมท้ังโอกาสพิเศษต่าง ๆ โดยใน รอบฐานเพอ่ื เพม่ิ ความสวยงาม นอกจากน้ี ยงั มี ยุคแรกจะอาศัยขอใบตองตามสวนชาวบ้าน การประดับตกแต่งท่ีปลายยอด และฐานด้วย แต่ต่อมาแม่จ�ำรองก็ได้ขออนุญาตเจ้าอาวาส ดอกไม้ต่าง ๆ ได้แก่ ดอกดาวเรือง ดอกรัก เร่ืองการปลูกต้นกล้วยภายในวัด เพื่อให้ ดอกบานไม่รโู้ รย ดอกบวั และดอกพดุ โดยรวม สามารถน�ำใบตองมาใช้ในการท�ำขันหมากเบ็ง แล้วขันหมากเบ็งจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ส�ำหรับใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ ของวัดได้อย่าง ประมาณ 6 นวิ้ สูง 6-8 น้ิว ขึ้นอยู่กับรูปแบบ สะดวกมากข้นึ และขนาดทต่ี ้องการ ต่อมาในปี 2547 หลังจากเกษียณ แม่จ�ำรอง ขนั ธพ์ รหมศรี คืออดตี รอง อายุราชการก่อนเวลา แม่จ�ำรองได้ย้ายมา ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนอนุบาลสกลนคร ที่มี ปฏิบัติธรรมท่ีวัดป่าสุทธาวาส อ�ำเภอเมือง ความสามารถในการท�ำงานฝมี อื ประเภทตา่ ง ๆ สกลนคร และไดท้ �ำขนั หมากเบง็ มาบชู ารปู หลอ่ ตั้งแต่เยาว์วัย ในขณะท่ียังรับราชการอยู่ บูรพาจารย์ที่วัดอยู่เสมอ ซ่ึงถือเป็นกิจวัตรที่ แม่จ�ำรองได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก แม่จ�ำรองท�ำด้วยแรงศรทั ธา 77

จนกระทง่ั ปี 2551 เทศบาลนครสกลนคร นอกจากนี้แม่จ�ำรองยังมีโอกาสได้ ได้มีการก่อต้ังศูนย์เอนกประสงค์ส�ำหรับ แสดงความรทู้ างภมู ปิ ญั ญา ในการท�ำขนั หมาก ผู้สูงอายุในชุมชนขึ้น นายศิริศักดิ์ เซียสกุล เบ็ง เพ่ือต้อนรับคณะศึกษาจากหน่วยงาน ผู้อ�ำนวยการศูนย์ฯ ซ่ึงทราบถึงเรื่องราวความ องค์กร รวมถึงบุคคลส�ำคญั อีกทงั้ ยังมโี อกาส สามารถในการท�ำขันหมากเบ็งและการท�ำ ท�ำบายศรีเพื่อใช้ในพธิ กี รรมส�ำคญั ต่าง ๆ ของ บายศรีของแม่จ�ำรอง จึงได้ชักชวนให้แม่จ�ำ จังหวัดด้วย แต่สิ่งที่น�ำมาซึ่งความภาคภูมิใจ รองมาเป็นหัวหน้ากลุ่มงานใบตอง เพื่อท�ำ ของแม่จ�ำรองคือ การได้รับมอบภารกิจเป็น หน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านงานใบตองท้ัง หัวหน้าทีมท�ำพานบายศรี 9 ชั้น เพ่ือถวาย การท�ำขนั หมากเบง็ ขนั ธ์ห้า และบายศรใี ห้กบั สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช ผู้สูงอายุที่สนใจ ซึ่งผู้สูงอายุสามารถฝึกฝนให้ กุมารี ในวันท่ี 25 ตุลาคม 2551 ณ ต�ำหนัก เกดิ ช�ำนาญ จนสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ ภพู านราชนเิ วศน์ เพือ่ น�ำจุนเจอื ครอบครวั ได้ ต่อมาช่วงต้นปี 2562 แม่จ�ำรองได้ แมจ่ �ำรองเลา่ วา่ ทผ่ี า่ นมาไดม้ กี ารฝกึ ฝน มีโอกาสย้ายไปท�ำหน้าท่ีเป็นครูใหญ่ประจ�ำ การท�ำขนั หมากเบง็ จนได้ลกู ศิษย์ฝีมอื ดี 4 ท่าน โรงเรียนผู้สูงอายุต�ำบลห้วยยาง สังกัด อบต. โดยมี 2 ทา่ นทส่ี ามารถท�ำไดส้ วยตามมาตรฐาน หว้ ยยาง อ�ำเภอเมอื ง ซงึ่ แมจ่ �ำรองกไ็ ดน้ �ำความ ของแม่จ�ำรอง จนสามารถท�ำขายเพื่อสร้าง รเู้ รอื่ งการท�ำขนั หมากเบง็ ไปเผยแพรใ่ นโรงเรยี น รายไดใ้ หก้ บั ตวั เองในวยั ชราได้ โดยในยคุ แรก ๆ ผู้สูงอายตุ �ำบลห้วยยางด้วย ท�ำขายในราคาต่อช้ินประมาณ 16-17 บาท การได้ท�ำในส่ิงท่ีเรารัก และได้แบ่งปัน หรอื 6 ชิ้น 100 บาท ต่อมาสามารถเพ่มิ มูลค่า องค์ความรู้ในสง่ิ ทรี่ ู้ลกึ ให้กับผู้อ่นื คือ ความสขุ ตามความสามารถได้เป็นช้นิ ละ 30 บาท ที่แม่จ�ำรองสัมผัสได้ และความสุขนี้ก็จะคงอยู่ 78

เร่ือยไป ตราบเท่าท่ีแม่จ�ำรองยังคงได้ท�ำงาน ประดิษฐ์จากใบตองและได้แบ่งปันความรู้เรื่อง การท�ำขนั หมากเบง็ และบายศรใี หก้ บั ผอู้ น่ื เชน่ น้ี “เรารสู้ กึ มคี วามสขุ กบั การทำ� งานนะ และการท�ำขันหมากเบง็ ทำ� บายศรี ได้ช่วย ให้เรามสี มาธิ ทำ� ให้เราไดฝ้ ึกจติ ให้ละเอยี ด มากขึ้น และเราก็รู้สึกดีใจท่ีได้มีโอกาสให้ ความรแู้ ละชว่ ยใหผ้ สู้ งู อายมุ รี ายไดจ้ ากการ ท�ำบายศรี เวลามีงานเราก็จะให้พวกเขา ช่วยท�ำบายศรีและมีค่าตอบแทนให้เสมอ” แม่จ�ำรอง กล่าวด้วยความภาคภมู ใิ จ 79

จงั หวดั นครศรธี รรมราช 80

นครศรธี รรมราช 81

ภมู ปิ ญั ญา “ลิเกฮลู กู บั การอนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ างทะเล” โดย คุณพอ่ หมาด โตะ๊ สอ @ตำ�บลท่าศาลา อำ�เภอทา่ ศาลา จังหวดั นครศรีธรรมราช ขอ้ มูลครูภมู ปิ ัญญา คณุ พ่อหมาด โตะ๊ สอ เกดิ วันท่ี 5 กรกฎาคม 2493 อายุ 69 ปี เบอร์โทรติดต่อ 087-298-3107 “ลเิ กฮูล”ู หรอื ดิเกร์ ฮลู ู คอื เป็นการ แสดงศิลปวัฒนธรรมพ้ืนบ้านของชาวมลายู มุสลิมใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่ง จะเป็นการแสดงร้องเพลงประกอบกับจังหวะ ดนตรีจากเครื่องดนตรีพื้นบ้าน เช่น กลอง ร�ำมะนา ฆ้อง ขลุ่ย ลูกแซก และจะมีผู้แสดง ลลี าทา่ ทางประกอบเพลง โดยจะนง่ั เรยี งกนั เปน็ แถว พร้อมปรบมอื สลบั กบั การใช้มอื ท�ำท่าทาง 82

ประกอบต่าง ๆ ส่วนการแต่งกายจะแต่งกายใน อบอุ่นและท้องทะเลขาดคนดูแล นายศุกร์กรี ชุดชาวมุสลมิ จึ ง แ ต ่ ง เ พ ล ง น้ี ขึ้ น ม า เ พ่ื อ เ ชิ ญ ช ว น พี่ น ้ อ ง ส่วนโอกาสในการแสดง จะนิยมน�ำ ชาวประมงพนื้ บา้ นใหก้ ลบั มาดแู ลทอ้ งทะเลบา้ น มาแสดงในงานพิธีต่าง ๆ เช่น เข้าสหุ นัต งาน เกิดดังเดมิ ขณะเดียวกันนายนายเจะปอ สะแม แต่งงาน (มาแกปโู ล๊ะ) นอกจากน้ยี ังมกี ารแต่ง หวั หนา้ คณะ กไ็ ดน้ �ำพาคณะออกแสดงในหลาก เพลงลิเกฮูลูเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนัก หลายพ้ืนท่ีเพื่อเผยแพร่บทเพลงลิเกฮูลูน้ี โดย ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ภัยร้ายของยาเสพติด หวังเร่ืองการปลูกจิตส�ำนึกรักษ์บ้านเกิด และ ยาบ้า ปัญหาโรคเอดส์ ความสะอาด หรือ รักษ์ท้องทะเลอ่าวปัตตานี จนกระทั่งบทเพลง ประเด็นการอนุรกั ษ์ท้องทะเล เป็นต้น ศิลปะลิเกฮูลู และเร่ืองราวการอนุรักษ์ถูกน�ำ แรกเริ่มเดิมทีลิเกฮูลูยังไม่ได้เป็นที่รู้จัก ไปใช้ท�ำภาพยนตร์โฆษณา จึงท�ำให้คนไทย ของคนภาคอ่ืนเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเม่ือมี ภาคต่าง ๆ เร่มิ รู้จักลิเกฮูลู มากขน้ึ การแต่งและเผยแพร่เพลงลิเกฮูลูกที่ชื่อเพลง ป ั ญ ห า ท รั พ ย า ก ร ท า ง ท ะ เ ล ถู ก ว่า “บ้านใคร ใครก็รัก” หรือทีห่ ลายคนรู้จกั ใน ท�ำลาย ไม่ได้มีแค่ในพ้ืนท่ีอ่าวปัตตานีเพียง ชื่อเพลง “ส�ำนึกรักบ้านเกิด” โดยนายศุกร์กรี ทีเ่ ดยี ว เพราะอ่าวทา่ ศาลาท่จี งั หวัดนครศรี เจ๊ะมะ ศิลปินนักร้องพื้นบ้านและนักแต่งเพลง ธรรมก็ประสบปัญหาเรือลากอวนท�ำลาย คณะลิเกฮูลูแหลมทราย ในช่วงที่ชาวประมง ทรัพยากรธรรมชาติทางท้องทะเลอย่าง พ้ืนบ้านอ่าวปัตตานีเจอวิกฤติทรัพยากรทาง หนกั เช่นกัน ทะเลถูกท�ำลายอย่างหนกั เม่อื ปี 2535 - 2536 ในยคุ นนั้ พอ่ หมาด โตะ๊ สอ รองประธาน จนท�ำให้ชาวประมงพ้ืนบ้านไม่สามารถท�ำการ สมาคมเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลา ประมงได้ จึงตัดสินใจออกไปท�ำงานรับจ้างท่ี ในปัจจุบัน จึงได้ร่วมกับเพื่อนอีก 3 คน ต่อสู้ ประเทศมาเลเซีย ท�ำให้ครอบครัวขาดความ เพือ่ แก้ไขปญั หาน้ี โดยการจัดกจิ กรรมอนุรักษ์ 83

ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ่าวท่าศาลาข้นึ ภายใต้ช่อื ท่ผี ่านมา เดก็ ๆ ได้ท�ำการแสดงในงาน กลุ่มอนุรักษ์ประมงพ้ืนบ้าน บ้านสระบัวหมู่ท่ี ส�ำคัญมากมาย ท้ังงานกิจกรรมท่ีทางสมาคม 6 (ภายหลังกลุ่มได้มีการจดทะเบียนเป็นสมา เครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลาจัดข้ึน คมฯ ในปี 2555) และได้เชิญชวนคณะลิเกฮูลู ง า น วั น ป ร ะ ม ง โ ล ก ง า น วั น ท ะ เ ล โ ล ก แหลมทองมาแสดงภายในงาน กอ่ นทจ่ี ะท�ำการ งานกจิ กรรมของมสั ยดิ ในพน้ื ที่ งานตอ้ นรบั แขก ขออนุญาตน�ำการแสดงลิเกฮูลูในบทเพลง บ้านแขกเมืองของมูลนิธิสหไทย งานกิจกรรม บ้านใคร ใครก็รัก มาท�ำการฝึกสอนลูกหลาน ต่าง ๆ ของโรงเรียนบ้านสระบัว ฯลฯ ซ่ึงผู้ชม เยาวชนในพน้ื ทแ่ี ละพน้ื ทใี่ กลเ้ คยี ง และเผยแพร่ ต่างก็เอ็นดูในความน่ารักและกล้าแสดงออก การแสดงเพื่อเชิญชวนทุกคนหันมาตระหนัก ของเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก เรื่องอนุรักษ์ทรัพยากรทางท้องทะเลหน้าบ้าน “ตอนทท่ี ำ� การแสดงลเิ กฮลู ู พอ่ ยนื ยนั วา่ กนั มากขน้ึ มีคนดเู ตม็ หน้าเวที พวกเขามาดคู วามสวยงาม พ่อหมาด เล่าว่า เด็ก ๆ เยาวชนท่มี าเข้า น่ารักและการแสดงออกของเยาวชนลูกหลาน ร่วมฝึกฝนการแสดงลิเกฮูลูในนาม “กลุ่มลิเก น่ีคือส่ิงท่ีท�ำให้พ่อมีความสุขมาก” พ่อหมาด ฮลู ูของเยาวชนบ้านสระบัว” ล้วนเป็นลูกหลาน กล่าว ของพ่อหมาดกนั ทกุ คน โดยจะเปน็ เดก็ นกั เรยี น ปจั จบุ นั พอ่ หมาดไดม้ กี ารเพม่ิ การแสดง ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาและระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษา ของเด็ก ๆ นอกเหนือจากการแสดงลิเกฮูลูใน ตอนต้น รวม 10 กว่าคน แม้จะเป็นเด็กเล็ก บทเพลง “บ้านใคร ใครกร็ กั ” ทีไ่ ด้เชญิ ชวนให้ แต่ทุกคนก็ให้ความสนใจและให้ความส�ำคัญ คนหันมาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางท้อง ในการฝึกซ้อมและท�ำการแสดงเป็นอย่างดี ทะเลแล้ว ยังเพ่มิ บทเพลง “บ้านท่าศาลา” ซ่งึ อีกท้ังพ่อหมาดและเด็ก ๆ ทุกคนก็ไม่เคย มเี นอ้ื หาบอกเลา่ ของดที ม่ี อี ย่ใู นอ�ำเภอท่าศาลา คาดหวังเรอ่ื งค่าตอบแทนแต่อย่างใด ด้วย โดยเพลงน้แี ต่งเน้อื ร้องโดยศิลปินพน้ื บ้าน 84

ท่านหนึ่งท่ียินดีให้พ่อหมาดน�ำบทเพลงมาใช้ ท�ำให้พ่อหมาดได้ท�ำมาโดยตลอด ร้องและท�ำการแสดงในรูปแบบของลิเกฮูลู “พ่ออยากจะรักษาการแสดงลิเก อย่างเต็มใจ ฮู ลู นี้ ใ ห ้ ค ง อ ยู ่ คู ่ พี่ น ้ อ ง มุ ส ลิ ม ต ล อ ด ไ ป นอกจากน้ี พ่อหมาดยังได้สร้างสรรค์ ไม่อยากให้สูญหาย แม้ว่าแต่เดิมทีศิลปะ การแสดงลิเกฮูลูในรปู แบบประยุกต์ โดยได้น�ำ การแสดงนจ้ี ะเปน็ วฒั นธรรมของชาวมลายู ศิลปะการแสดงชาชักมาเสริมในการแสดงลิเก มุสลิมก็ตาม แต่ตอนน้ีก็ได้ถ่ายทอดมาสู่ ฮูลดู ้วย ชาวมสุ ลมิ ชายแดนใต้ และมาสชู่ มุ ชนมสุ ลมิ ทั้งหมดนี้ก็คือความพยายามในการ ในจงั หวัดนครศรธี รรมราชแลว้ เราก็อยาก สืบสาน “ลเิ กฮูลู” ให้คงอยู่คู่ชุมชนมุสลมิ เพ่ือ จะใหเ้ ยาวชนไดเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ในการอนรุ กั ษ์ ท�ำหน้าท่ีในการสร้างความบันเทิงและกระตุก การแสดงศลิ ปวฒั นธรรมนเ้ี อาไว”้ พอ่ หมาด ความคดิ เรอื่ งการดแู ลทรพั ยากรท้องทะเลไทย กล่าวท้ิงท้าย ให้กับคนใต้ในคราวเดียวกัน และน่ันคือส่ิงที่ 85

ภูมิปญั ญา “เคร่ืองปน้ั ดนิ เผาบ้านมะยิง” โดย คุณแมจ่ ำ�เป็น รักเมอื ง @ตำ�บลโพธ์ิทอง อำ�เภอทา่ ศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ข้อมูลครูภูมิปั ญญา คุณแม่แม่จำ� เป็น รักษ์เมือง เกดิ ปี พ.ศ.2496 อายุ 66 ปี เบอร์โทรตดิ ตอ่ 087-621-0802 ที่บ้านมะยิง ต�ำบลโพธ์ิทอง อ�ำเภอ ท่าศาลา เปน็ แหล่งผลติ “เครื่องป้นั ดินเผา” ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษต้ังแต่สมัย โบราณกาล โดยมีเร่ืองเล่าว่าในสมัยรัชกาล ที่ 5 ประมาณปี พ.ศ.2425 มีชาวบ้านมะยิง ชื่อนางด้วงและนางนาค เร่ิมต้นน�ำดินมาท�ำ เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาจ�ำพวกหมอ้ หงุ ขา้ ว หมอ้ ต้มยา ส�ำหรับใช้ในครัวเรือน ต่อมาจึงเร่ิมมีคนหัน มาท�ำเคร่ืองปั้นดินเผากันมากขึ้น และมีการ 86

สืบทอดภูมิปัญญาเรื่อยมาจนท้ายท่ีสุดกลาย เป็นพ่อค้าคนกลางที่มารับของไปขายท่ีอ�ำเภอ เป็นอาชีพประจ�ำท้องถ่ินสืบเน่ืองมาจนถึง หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี ปัจจุบนั เปน็ ต้น แม่จ�ำเป็น รักษ์เมือง หรือแม่เอียด ก า ร ท�ำ เ ค ร่ื อ ง ป ั ้ น ดิ น เ ผ า เ ม่ื อ ก ่ อ น ประธาน “กลุ่มเครื่องปั้นดินเผากลุ่มแม่บ้าน แม่เอียดจะเป็นคนท�ำเองทุกข้ันตอน แต่ตอน เกษตรกรบ้านมะยิง” หมู่ที่ 6 ต�ำบลโพธ์ิทอง นี้จะมีลูก ๆ มาช่วยสืบสานงานปั้น แม่เอียด อ�ำเภอทา่ ศาลา ซงึ่ ไดส้ บื ทอดภมู ปิ ญั ญามาจาก จึงหันไปลงรายละเอียดเรื่องการตกแต่งให้ รุ่นพ่อแม่ได้เล่าว่า สมัยรุ่นพ่อแม่ท่ีบ้านมะยิง สวยงามแทน จะป้นั กนั เกือบทุกบ้าน พ่อแม่เองก็ป้นั หม้อและ “ลูก ๆ ทั้ง 4 คนทำ� ได้หมด คนโตอายุ โอง่ นำ�้ ไปขายทอ่ี �ำเภอปากพนงั แตพ่ อเขา้ ยคุ สมยั 40 กว่าปี ส่วนคนเลก็ อายุ 30 กว่าปี ช่วยกนั ปัจจุบันผู้คนหันมาใช้หม้อแสตนเลสแทนการ ทำ� เปน็ กจิ การของครอบครวั ทรี่ า้ นจะเนน้ เรอ่ื ง ใช้หม้อดินเผา หลายบ้านจึงได้เลิกท�ำอาชีพน้ี การทำ� ผลติ ภณั ฑต์ ามคำ� สง่ั ซอื้ ของลกู คา้ ทำ� ให้ หนั ไปท�ำเครอื่ งจกั สานและท�ำนำ้� ตาลมะพรา้ วแทน ขายดี มลี กู คา้ สงั่ ซอ้ื ตลอดไมข่ าดสาย” แมเ่ อยี ด แม่เอียดซ่ึงอยู่กับวิถีชีวิตการปั้นหม้อ กล่าว ดินเผามาต้ังแต่เด็ก มีความรักในศิลปะการ เรื่องดินท่ีเป็นวัตถุดิบส�ำคัญในการปั้น ปั้นหม้อ และมีความกังวลว่าภูมิปัญญาน้ีจะ แม่เอียดจะซื้อดินจากโรงอิฐ ส่วนดินที่อยู่ใน สูญส้ินไป จึงได้ตัดสินใจสืบทอดกิจการของ ทด่ี นิ ของตวั เองแมเ่ อยี ดจะเกบ็ ไวใ้ ชใ้ นยามทโี่ รง พ่อแม่ตอนอายุ 28 ปี อิฐไม่ขายดนิ ให้ในอนาคต การซอ้ื ดนิ แต่ละครง้ั เครื่องปั้นดินเผาที่แม่เอียดท�ำมีท้ัง แม่เอยี ดจะซอ้ื รอบละ 10 คันรถบรรทกุ 6 ล้อ กระถาง หม้อจิ้มจุ่ม หม้อข้าวหมอแกงของ ซ่ึงปริมาณดินเท่าน้ีจะสามารถน�ำไปใช้ในการ เด็กของผู้ใหญ่ ลูกค้าที่มาอุดหนุนจะมีทั้ง ปั้นเครื่องปั้นดินเผาขายได้ท้ังปี แต่บางทีก็จะ ลูกค้าประจ�ำและลูกค้าขาจร แต่ส่วนใหญ่จะ อาศัยวิธซี อ้ื ดนิ มาเติมทีละ 3 คนั รถ 87

ในสว่ นของขน้ั ตอนการท�ำเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา แม่เอียดเล่าถึงอดีตว่า ปัญหาหน่ึงที่ แม่เอียดเล่าแบบกระชับว่า ขั้นตอนจะเริ่มจาก เกิดข้ึนระหว่างพ่อค้าแม่ค้าเคร่ืองปั้นดินเผาใน การน�ำดินเข้าเครื่องบด จากน้ันจึงขึ้นรูปแล้ว บ้านมะยิงคือ ต่างคนต่างขาย ท�ำให้มีการตัด ตั้งทิ้งไว้ในที่ร่ม 7 วันให้ดินแห้งสนิท เม่ือดิน ราคากนั คนในชมุ ชน จงึ ไดแ้ นะน�ำใหจ้ ดั ตงั้ กลมุ่ แห้งสนิทแล้วจึงน�ำเอาช้ินงานทยอยเข้าเตาเผา วสิ าหกจิ ชมุ ชนข้นึ เพ่ือแก้ไขปญั หานี้ ภายหลัง ให้เต็ม ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน โดยจะเติม จงึ ได้มกี ารรวมกล่มุ กนั ในนาม “กลุ่มปน้ั ดนิ เผา เครื่องปั้นดนิ เผาวางซ้อนกนั เรอ่ื ย ๆ จนเต็มเตา แม่บ้านเกษตรกรบ้านมะยงิ ” โดยมสี มาชิกแรก จากนนั้ จงึ ปิดประตเู ตาแล้วลนไฟอ่อน ๆ 2 คนื เร่ิมในวนั ทจ่ี ดทะเบยี น ปี 2541 ท้ังสน้ิ 19 คน เสร็จแล้วพักทิ้งไว้ 2 วันจึงสามารถน�ำออก และหลังจากนั้น เพ่ือนสมาชิกก็จะใช้วิธีน�ำ จ�ำหน่ายได้ เคร่ืองปั้นดินเผามาขายที่กลุ่ม โดยมีแม่เอียด ด้านการจ�ำหน่าย แต่เดิมทีแม่เอียด เป็นคนรบั ซื้อจากสมาชกิ ก่อนทีจ่ ะน�ำสินค้ามา จะขายแบบดิบคือให้ลูกค้าน�ำไปเผาเอง ซึ่งใน ขายในร้าน โดยขายในนามกลุ่มอกี ที อดตี จะมพี ่อค้ามารบั ซอื้ สนิ ค้าแบบดบิ แต่ตอน ด้านการพัฒนาฝีมือและคุณภาพสินค้า หลงั ลูกค้าเจ้าน้เี ลิกมาซือ้ แม่เอยี ดจงึ ต้องปรบั ที่ผ่านมาเคยมีหน่วยงาน กศน.ต�ำบลโพธ์ิทอง การท�ำงานโดยเพ่ิมขั้นตอนการเผาเอง เพื่อให้ อ�ำเภอท่าศาลา และหน่วยงานต่าง ๆ มาให้ สามารถขายงานได้ ค�ำแนะน�ำและสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การยกระดบั งาน “ตอนแรกป้ากข็ ายไม่ค่อยดี ล้มลกุ คลกุ ฝีมือการปั้นเคร่ืองปั้นดินเผาให้กับกลุ่ม และ คลานเหมือนกัน พอตอนหลังเริ่มขายดีเป็นที่ ทางแม่เอียดเองก็เคยพัฒนาและสร้างสรรค์ รู้จกั ของชาวบ้าน เขากม็ าส่งั ซือ้ กบั เรา จากน้นั ผลงานโคมไฟดินเผาส่งเข้าประกวดสินค้า ลกู คา้ กเ็ รม่ิ บอกตอ่ พอบอกปากตอ่ ปากกท็ ำ� ให้ โอท็อปในปี พ.ศ.2547 จนได้รับรางวัลสินค้า ขายดีจนถงึ ทุกวันนี้” โอท็อป ชนะเลิศ 4 ดาว ซงึ่ ท�ำให้แม่เอยี ดและ 88

สมาชิกกลุ่มรวมท้ังคนในชุมชน เกิดความภาค “ก็รู้สึกดีใจท่ีลูกมาสืบทอดไม่ให้สูญหาย ภมู ใิ จเปน็ อย่างมาก แ ล ะ ไ ด ้ ถ ่ า ย ท อ ด ภู มิ ป ั ญ ญ า ใ ห ้ กั บ เ ด็ ก อย่างไรก็ตามสิ่งท่ีท�ำให้แม่เอียด นักเรียน แต่ในวันข้างหน้าเราก็ยังห่วง ภาคภมู ใิ จทสี่ ดุ คอื การไดส้ บื สานความรภู้ มู ปิ ญั ญา อยู่ ไม่รู้ว่ารุ่นต่อ ๆ ไปจะยังคงสืบทอด การท�ำเครื่องปั้นดินเผาให้กับคนรุ่นหลัง อยู่หรือไม่ เรารู้สึกรักและเป็นห่วงไม่ โดยนอกจากลกู ๆ ทั้ง 4 คนแล้ว แม่เอียดยงั อยากให้ภูมิปัญญาน้ีสูญสายไป” แม่เอียด ได้ถ่ายทอดภมู ปิ ัญญาให้กบั เด็ก ๆ เยาวชนชน้ั กล่าวทงิ้ ท้าย มธั ยมตน้ โรงเรยี นโมคลานประชาสรรค์ ต�ำบล โมคลาน อ�ำเภอท่าศาลา อกี ด้วย 89

ภูมิปญั ญา “นำ�้ ตาลมะพรา้ วตำ�บลโมคลาน” โดย คุณพ่อยโุ สบ หลา้ เก @ตำ�บลโมคลาน อำ�เภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช ขอ้ มูลครูภูมิปัญญา คณุ พ่อยุโสบ หล้าเก เกิดวันท่ี 2 เมษายน พ.ศ.2498 อายุ 65 ปี เบอร์โทรตดิ ตอ่ 089-652-4526 ทอ่ี �ำเภอทา่ ศาลาจงั หวดั นครศรธี รรมราช เป็นพ้ืนท่ีท่ีมีเกษตรกรท�ำสวนมะพร้าวจ�ำนวน มาก รองจากการท�ำนา และส่วนหนึ่งก็ท�ำ สวนมะพร้าวเพ่ือผลิต “น�้ำตาลมะพร้าว” เปน็ อาชีพหลกั ในการหาเลย้ี งครอบครัว พ่อยุโสบ หล้าเก คือผู้ที่คลุกคลีกับ การท�ำน�้ำตาลมะพร้าวมาตั้งแต่จ�ำความได้ เพราะพ่อกับแม่ประกอบอาชีพนี้มาแต่ด้ังเดิม เม่ือพ่อยุโสบอายุ 17 ปี จึงได้เริ่มเรียนรู้ ช่วยงานพ่อแม่ด้วยการดูแลไฟในเตาและ 90

เค่ียวน้�ำตาล จากนั้นก็เร่ิมเรียนรู้งานทุกข้ัน นอกจากน้ีในสวนของพ่อยุโสบยัง ตอน พร้อมกับฝึกฝนจนกระท่ังเกิดความ มีพรรณไม้อื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช�ำนาญ เม่ืออายุได้ 22 ปีจึงจริงจังกับการ ต้นตะเคียนและต้นพะยอมซ่ึงสามารถน�ำ ท�ำเป็นอาชีพเพ่ือหาเล้ียงครอบครัว โดยต่อย รากหรือล�ำต้นมาตัดให้ได้ขนาดหัวแม่มือ ใส่ อดการค้าจากเดิมที่ผลิตน�้ำตาลมะพร้าว ลงไปในกระบอกรองน้�ำตาล กระบอกละ ขายให้กับพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียว 3 – 4 ช้ิน จะช่วยรักษาความหวานของนำ้� ตาล เปน็ ออกไปขายเองทตี่ ลาดสดดว้ ย โดยจะขายใน ไม่ให้เปรยี้ วหรอื บูดได้ ราคาปลกี กโิ ลกรัมละ 10 - 12 บาท จากเดิมท่ี การท�ำงานในแต่ละวัน พ่อยุโสบจะ ขายราคาสง่ ใหพ้ อ่ คา้ คนกลางกโิ ลกรมั ละ 7 บาท มีหน้าที่ปาดตาล (ปาดงวงมะพร้าวเพ่ือเอา นอกจากนยี้ งั มกี ารท�ำนำ้� ตาลปึกเพม่ิ จากเดมิ ที่ น�ำ้ ตาล) วันละ 2 รอบ เวลาตี 3 กับตี 5 หรือ ท�ำแตน่ ำ้� ตาลปบ๊ี เพอ่ื เพมิ่ ทางเลอื กให้กบั ลกู ค้า 6 โมงเช้า โดยจะปาดตาล 50 ต้น ยกเว้นช่วง (น�้ำตาลปึกคือน�้ำตาลมะพร้าวท่ีผสมน้�ำตาล ฤดูฝนจะปาดตาลเพียงแค่วันละ 25 ต้น ทรายเพ่ือให้น�้ำตาลข้ึนรูปแขง็ เป็นก้อน นำ�้ ตาล เ นื่ อ ง จ า ก ส ภ า พ อ า ก า ศ ไ ม ่ เ อื้ อ อ�ำ น ว ย ปี๊บคือน้�ำตาลมะพร้าวที่ไม่ผสมน้�ำตาลเลย ส่วนภรรยาจะมีหน้าที่ช่วยต้ังไฟ เค่ียวน�้ำตาล ท�ำให้เนื้อน�ำ้ ตาลมะพร้าวเหลวอ่อนตัว) มะพร้าว และขายน้�ำตาลมะพร้าวในตลาดสด ในส่วนของสวนมะพร้าวท้ัง 13 ไร่ ช่วงตี 1 ถึงสิบโมงเช้า โดยจะขายได้วันละ พอ่ ยโุ สบและครอบครวั จะตอ้ งดแู ลตน้ มะพรา้ ว ประมาณ 100 กโิ ลกรมั กว่า 100 ต้น และหากต้นไหนเร่ิมมีล�ำต้น พ่อยุโสบได้เล่าถึงข้ันตอนการท�ำ ท่ีสงู เกนิ ไป (อายมุ ากกว่า 25 ปี) พ่อยโุ สบก็จะ น�ำ้ ตาลมะพร้าวว่า เร่มิ จากการปีนต้นมะพร้าว โค่นท้ิงและคัดเลือกต้นมะพร้าวต้นใหม่ที่ให้ ขึ้นไปปาดงวงมะพร้าวเพื่อรองน�้ำหวานจาก น�้ำหวานในปรมิ าณมากมาปลกู ทดแทน ต้นมะพร้าว โดยจะต้องคอยข้ึนไปเปล่ียน 91

กระบอกไม้ไผ่รองน�้ำตาลตลอด เนื่องจาก ทกุ วนั เกอื บ 24 ชวั่ โมง มเี วลานอนหลบั แคว่ นั ละ ตน้ มะพรา้ ว 1 ตน้ จะใหน้ ำ้� ตาลมะพรา้ วประมาณ 3 – 4 ช่วั โมง โดยอาศัยงบี ในช่วงเวลาว่าง และ 5 ลติ รตอ่ การปาดตาล 1 รอบ จากนน้ั น�ำนำ้� ตาล แมว้ า่ ทกุ วนั นจี้ ะมลี กู ๆ มาชว่ ยแบง่ เบาภาระงาน มะพร้าวท่ีได้ไปใส่กระทะต้ังไฟและใช้ไม้เคี่ยว แต่พ่อยโุ สบกย็ ังคงขน้ึ ปาดตาลเองด้วยใจรัก ประมาณ 5-6 ชั่วโมงให้น�้ำตาลงวดหรือแห้ง “ก็คิดว่าจะข้ึนปาดตาลเองจนกว่าจะ เปลี่ยนจากสีน�้ำตาลอ่อนเป็นสีน�้ำตาลเข้มเพื่อ ท�ำไม่ไหว แม้เหนื่อยแต่เรารู้สึกภูมิใจท่ีเป็นคน ให้ได้รสชาติที่หวานจัด จากน้ันจึงน�ำมาใส่ ท�ำตาลที่สามารถสร้างบ้าน เลี้ยงลูกและส่ง เครื่องปั่นหรือเครื่องโซมน้�ำตาลท�ำให้น้�ำตาล ลกู เรยี นจนจบปรญิ ญาตรไี ด้” พ่อยุโสบ กล่าว มะพร้าวแขง็ ตวั ด้านการถ่ายทอดความรู้ให้กับ การสบื ทอดอาชพี และภมู ปิ ญั ญา ตอนนี้ ผู้อื่น พ่อยุโสบได้เปิดสวนมะพร้าวให้ ลูก ๆ ของพ่อยุโสบทง้ั 3 คน ได้มาช่วยงานพ่อ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ท�ำให้พ่อยุโสบเหนอ่ื ยน้อยลง มหาวิทยาลัยสงขลา และมหาวิทยาลัย นอกจากน้ีลูกที่เรียนจบด้านช่างยนต์ ราชภัฏนครศรีธรรมราช ให้เข้ามาเรียนรู้ ก็ยังช่วยประดิษฐ์เครื่องโซมมะพร้าว ซ่ึงเป็น กระบวนการผลิตและจ�ำหน่ายน้�ำตาล เครื่องกลท่ีใช้พลังมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการปั่น มะพร้าว ซ่ึงจะมีนักศึกษาเข้ามาดูงาน นำ้� ตาลมะพรา้ วใหแ้ ขง็ ตวั โดยไมต่ อ้ งใชแ้ รงงาน เกือบทุกปี ปีละ 1 – 2 คร้ัง นอกจากนี้ คน ท�ำให้พ่อยุโสบท�ำงานสะดวกสบายมากข้นึ ยังมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น อกี ทงั้ ยงั เปน็ ต้นแบบนวตั กรรมใหก้ บั เพอื่ นบา้ น กศน. พัฒนาชมุ ชน เขา้ มาศึกษาดงู านด้วย ท่ีท�ำอาชพี เดยี วกนั ด้วย ด้วยการถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่ผู้อื่นจึงเป็น ที่ผ่านมาพ่อยุโสบท�ำงานค่อนข้างหนัก ความภาคภูมิใจที่พ่อยุโสบต้องการท�ำ แทบจะไม่ได้หยุดพักผ่อนเพราะต้องท�ำงาน อย่างตอ่ เน่อื ง 92

93

ภูมิปัญญา “สวนเกษตรผสมผสาน อนิ ทรียช์ ีวภาพ” โดย คณุ พอ่ เลือ่ น พรมวี @ตำ�บลสระแกว้ อำ�เภอท่าศาลา จงั หวัดนครศรีธรรมราช ข้อมูลครูภมู ปิ ัญญา คุณพ่อเล่ือน พรมวี เกิดวันท่ี 28 ธนั วาคม 2499 อายุ 63 ปี เบอร์โทรตดิ ตอ่ 084-440-9003 ระบบเกษตรผสมผสาน เป็นระบบ การเกษตรแบบยั่งยืน ที่มุ่งเน้นเรื่องการเพาะ ปลูกพืชหรือการเลี้ยงสัตว์หลากหลายชนิด ในพ้ืนที่เดียวกัน เพ่ือให้เกิดการเกื้อกูลต่อกัน ระหว่างพืช สัตว์ และสง่ิ แวดล้อม พ่อเล่ือน พรมวี คือเกษตรกรท่ีเคย ใช้สารเคมีในการท�ำสวนทุเรียนตามค�ำแนะน�ำ ของผู้อ่ืน จนท�ำให้ดินมีสภาพแข็งเป็นกรด 94

และตน้ ทเุ รยี นในสวนกท็ ยอยตายไปหมดภายใน พ่อเลื่อนได้หันมาท�ำสวนเกษตรผสม 7 ปี นอกจากน้ีสุขภาพของคนในครอบครัวก็ ผสานอย่างจริงจังในปี 2556 โดยได้เปิดเป็น เรม่ิ ไม่ค่อยดี เน่อื งจากสดู สารเคมเี ข้าไปทุกวนั “ศนู ยก์ ารเรยี นรปู้ รชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตอ่ มาในปี 2554 พอ่ เลอื่ นไดม้ โี อกาสชม ชมุ ชน” หรอื “สวนเกษตรผสมผสานอนิ ทรยี ์ รายการสารคดเี กย่ี วกบั ความส�ำเรจ็ ของบคุ คล ชีวภาพ” ซึ่งมีกิจกรรมหลักที่น่าสนใจหลาย ตา่ ง ๆ ทเี่ ดนิ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง อย่าง เช่น การเลีย้ งหมูคอนโด การท�ำนำ้� หมัก ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ชวี มวล / นำ�้ หมกั ชวี ภาพ รวมทง้ั การผลติ มงั คดุ จึงเกิดแรงบันดาลใจในการท�ำสวนเกษตร ทั้งในและนอกฤดกู าล เปน็ ต้น ผสมผสานอินทรีย์ชีวภาพ ต่อมาพ่อเล่ือนจึง การเล้ียงหมูคอนโด พ่อเล่ือนได้ ได้ศึกษาหาความรู้อย่างจริงจังกับนักวิชาการ ออกแบบคอกหมูให้มีพื้นเป็นร่อง เพ่ือให้มูล ผู้มีประสบการณ์ และได้น�ำความรู้เหล่าน้ันมา หมูและน�้ำที่ล้างคอกหมูตกลงไปตามร่อง ทดลองปฏบิ ตั ทิ ีส่ วน 15 ไร่ของตัวเอง พื้นสู่บ่อหมักน�้ำชีวมวลด้านล่าง จากนั้นจึง “ผมมแี นวความคดิ ว่า ถ้าเราใช้สารเคมี น�ำเชื้อราไตรโคเดอร์มาผสมลงไปในน้�ำหมัก จะท�ำให้สุขภาพเราไม่ค่อยดี และถ้าเราใช้สาร ส�ำหรับฆ่าเชื้อราที่อยู่ในมูลของหมูท่ีอาจ เคมไี ปปราบแมลงทเี่ ปน็ ศตั รกู บั พชื พวกแมลงท่ี ก่อให้เกิดโรคกับพืช ก่อนที่จะน�ำน้�ำหมัก เปน็ ประโยชนก์ บั พชื กจ็ ะตายดว้ ย แตถ่ า้ เราปรบั ชีวมวลไปผ่านระบบการกรองและสูบเข้าสู่ ระบบนิเวศน์ไปเป็นแบบเกื้อกูลซ่ึงกันและกัน ระบบสปรงิ เกอรเ์ พอ่ื ใหส้ ารอาหารแกต่ น้ ไมแ้ ละ กจ็ ะทำ� ใหธ้ รรมชาตเิ กดิ การปรบั สมดลุ เราอยาก พืชผักในสวน โดยนวตั กรรมน้ถี ือว่าเป็นการน�ำ ท�ำให้ถึงจุดน้ัน จึงน�ำไปสู่การท�ำสวนเกษตร องค์ความรู้วิชาการทางการเกษตรมาผนวก ผสมผสานในเวลาต่อมา” พ่อเล่ือน กล่าว กับองค์ความรู้ภูมิปัญญา เพื่อทดแทนการใช้ 95

สารเคมซี ง่ึ เปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพคน สตั ว์ และ ธาตุอาหารไนโตรเจนเท่าไหร่ เพื่อให้สามารถ ส่ิงแวดล้อม โดยพ่อเล่ือนได้น�ำนวัตกรรมนี้มา ค�ำนวณปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสมต่อ ใช้เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว ท�ำให้สวนเกษตรผสม การให้ธาตุอาหารกบั พชื ท่ีเราปลกู ได้ ผสานของพ่อเล่ือนเป็นสวนท่ีปลอดสารเคมี นอกจากน้ีในสวนเกษตรผสมผสาน 15 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซงึ่ นอกจากจะชว่ ยเรอื่ งสขุ ภาพ ไร่ของพ่อเลื่อนยังมีการปลูกต้นมังคุด ทุเรียน แล้ว ยังช่วยเร่อื งลดต้นทนุ การผลติ ลงไปด้วย หมาก สะตอ ปาลม์ และผกั สวนครวั ซง่ึ พอ่ เลอ่ื น “เมอื่ กอ่ นตอนทผ่ี มยงั ไมเ่ ลย้ี งหมคู อนโด ไดเ้ ลา่ วา่ สวนแหง่ นไ้ี ดส้ รา้ งรายไดป้ ระจ�ำใหก้ บั ผมมีค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมีอย่างน้อย ครอบครัวทั้งรายได้ประจ�ำวัน รายได้ประจ�ำ ปีละ 1 – 2 แสนบาท แต่พอเราใช้ระบบน้ตี ้นทุน สปั ดาห์ รายไดป้ ระจ�ำเดอื น และ รายไดป้ ระจ�ำปี ต่อปีเราลดลงเหลือ1 - 2 หม่ืนบาทเท่านั้น” พ่อเลื่อน กล่าว ส่วนเร่ืองน�้ำหมักชีวภาพ พ่อเล่ือนได้ ใช้ผลผลิตในสวนของตนเองมาป็นวัตถุดิบ ในการท�ำน้�ำหมักชีวภาพ โดยได้มีการศึกษา หาความรู้ก่อน จากน้ันจึงน�ำความรู้มาปรับ ใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น การน�ำหน่อกล้วยท่ี ไม่ได้น�ำไปขยายพันธ์ุต่อมาท�ำน�้ำหมักชีวภาพ เนื่องจากหน่อกล้วยจะมีธาตุอาหารไนโตรเจน ท่ีพืชต้องการ แต่ประเด็นส�ำคัญคือจะต้อง รู้ว่าอัตราส่วนหน่อกล้วยหน่ึงกิโลกรัมจะให้ 96

การท�ำสวนเกษตรผสมผสานไดส้ รา้ ง รายไดใ้ นการเลยี้ งครอบครวั และสง่ เสยี ลกู ทง้ั 3 คนจนเรยี นจบมงี านท�ำ นอกจากนพี้ อ่ เลื่อนยังได้มีโอกาสเป็นวิทยากรถ่ายทอด ความรู้ให้กับผู้ท่ีสนใจทั้งเจ้าหน้าท่ีจาก หนว่ ยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรม ส่งเสริมการเกษตร กศน. รวมท้ังอาจารย์ และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย โดยใน แต่ละปีจะมีผู้ท่ีเข้ามาเรียนรู้ดูงานที่สวน เกษตรผสมผสานอินทรีย์ชีวภาพของพ่อ เลอ่ื นมากกวา่ 1 หมนื่ คน ท�ำใหพ้ อ่ เลอ่ื นเกดิ ความภาคภูมใิ จเป็นอย่างมาก “ยกตวั อย่างเรอ่ื งรายได้ เช่น การปลกู ผักจะท�ำให้เรามีรายได้จากการขายผักทุก วนั และการเล้ียงเปด็ ไก่ ก็ช่วยให้เรามีรายได้ จากการขายไข่ ส่วน ไข่ท่ีเหลือจากการขาย ก็สามารถน�ำมาแปรรูปเป็นไข่เค็ม หรือขนม หวานได้ เรยี กไดว้ ่าวตั ถดุ บิ ทกุ อยา่ งในสวนของ เราสามารถน�ำมาทำ� ประโยชน์และสร้างรายได้ ได้ทัง้ หมด” 97

ภมู ิปัญญา “กรงนก นกกรงหัวจกุ ” โดย คุณพอ่ เสวก ยโุ ส้ @ตำ�บลทา่ ศาลา อำ�เภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช ขอ้ มูลครูภูมปิ ัญญา คณุ พอ่ เสวก ยุโส้ เกิดปี พ.ศ.2480 อายุ 82 ปี เบอรโ์ ทรติดต่อ 089-195-1615 “กรงนก” นกกรงหัวจุกเป็นส่ิงที่ สะท้อนอัตลักษณ์ของชาวมุสลิมในจังหวัด ชายแดนใต้ เพราะคนภาคใต้นิยมเลี้ยงนก กรงหัวจุกเป็นอย่างมาก โดยได้รับอิทธิพล มาจากประเทศเพ่ือนบ้าน และสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ ซ่ึงนอกจากเลี้ยงไว้เพื่อความ เพลดิ เพลนิ แลว้ ยงั น�ำมาชนกนั หรอื ตกี นั เหมอื น ไก่ชน อีกทั้งยังน�ำมาประชันขันแข่งเสียงร้อง และประกวดนกสวย ลักษณะดี ด้วยเหตุน้ี กรงนกจึงกลายเป็นที่ต้องการของผู้ที่ชื่นชอบ นกกรงหวั จุกเปน็ จ�ำนวนมาก 98

พอ่ เสวก ยโุ ส้ คอื ชา่ งท�ำกรงนกคนแรก ท�ำกรงนกกรงหัวจุกได้ก�ำไรดีและมีค�ำสั่งซื้อ ของบ้านสระบัว ต�ำบลท่าศาลา เรม่ิ ต้นท�ำกรง เข้ามาจ�ำนวนมาก พ่อเสวกจึงเริ่มชวนคน นกคร้ังแรกในปี 2517 โดยการท�ำกรงนกตาม ในหมู่บ้านให้มาท�ำกรงนกด้วยกนั แบบที่พ่อค้าคนกลางหามาให้ ก่อนที่จะเปิด กรงนกของพ่อเสวกจะใช้ไม้กระท้อน โรงงานท�ำเป็นกิจการหลักของครอบครัว และ ไม้เทียม หรือไม้ขี้เหล็กในการท�ำ โดยในระยะ เผยแพรค่ วามรตู้ า่ ง ๆ ใหก้ บั คนในหมบู่ า้ นหลาย แรกจะท�ำเป็นกรงธรรมดาไม่มีลวดลาย แต่ใน ครอบครวั จนท�ำใหบ้ า้ นสระบวั กลายเปน็ แหลง่ เวลาต่อมาได้มีการพัฒนาเครื่องมือและฝีมือ ท�ำกรงนกท่ีส�ำคัญของประเทศไทย เพ่ือให้ได้กรงนกที่ดีข้ึน และเริ่มมีการฉลุลาย คุณนัฐพงศ์ ยุโส้ อายุ 39 ปี ลูกชาย โดยในยุคเร่ิมต้นยังไม่มีเครื่องมือฉลุ พ่อเสวก ของพ่อเสวกได้เล่าเร่ืองราวเส้นทางการท�ำ จะใช้วิธีวาดลาย “ผ่าวาฬ” แล้วใช้สว่านเจาะ กรงนกของพ่อเสวกให้ฟงั ว่า แต่เดิมทีพ่อเสวก ตามเส้นเพื่อให้ได้ลวดลาย ก่อนที่จะใช้ตะใบ เป็นช่างท�ำเฟอร์นิเจอร์ไม้มาก่อน ต่อมาได้ ขัดเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย ต่อมาเมื่อรับ หันมาท�ำกรงนกเขาซ่ึงใช้หวายในการท�ำ แต่ งานมากขึ้นจงึ ได้ประดิษฐ์เคร่ืองมือต่าง ๆ เช่น เนื่องจากการท�ำกรงนกเขาต้องอาศัยฝีมือและ เลอื่ ยผ่าไม้ เพ่ือประหยดั งบประมาณในการซอ้ื ความช�ำนาญ ท�ำให้หาลูกน้องมาช่วยท�ำยาก เครื่องมือส�ำเร็จรูป และซื้อเลื่อนส�ำหรับใช้ใน เมื่อมีพ่อค้าคนกลางที่ขายนกกรงหัวจุกในตัว การฉลลุ าย เมอื่ มกี ารฉลลุ าย ราคากรงนกกจ็ ะ เมืองนครศรีธรรมราชมาเสนอให้ลองท�ำกรง ขยบั ขนึ้ เปน็ 100 - 500 บาท โดยแต่ละเดอื นจะ นกส�ำหรับนกกรงหัวจุก พร้อมทั้งน�ำตัวอย่าง มีพ่อค้าคนกลางจะมารับซ้ือเดือนละประมาณ กรงนกแบบธรรมดาจากสามจงั หวดั ชายแดนภาค 100 กว่าลูก บรรจุได้เตม็ 1 คันรถ ใตม้ าให้ พ่อเสวกจึงตัดสินใจหันมาลองท�ำกรง เม่ือค�ำสง่ั ซ้ือมากข้นึ พ่อเสวกจงึ ได้ขยับ นกกรงหัวจุกแทน โดยกรงนกใบแรกท่ีท�ำขาย ขยายกจิ การขน้ึ มาเปน็ รปู แบบโรงงาน มลี กู นอ้ ง ได้ราคา 45 บาท 3 ปีต่อมา พ่อเสวกพบว่าการ ประมาณ 10 กวา่ คน เมอ่ื กจิ การไปไดด้ ี พอ่ เสวก 99

ก็เร่ิมมีฐานะ เพื่อนบ้านจากที่ไม่สนใจอาชีพ ท่ีผ่านมาพ่อเสวกได้ฝึกฝนลูก แต่ละคนให้ นี้ก็เร่ิมหันมาสนใจและขอฝึกฝีมือท�ำกรงนก ท�ำงานกรงนกตั้งแต่เด็ก จนมีความช�ำนาญ กับพ่อเสวก ก่อนที่จะออกมาตั้งโรงงานเป็น เมื่อพ่อเสวกอายุมากขึ้นจึงได้วางมือให้คุณนัฐ ของตัวเอง ส่วนลูกน้องพ่อเสวกแต่ละรุ่นก็ได้ พงศ์ ดูแลกิจการแทนตั้งแต่ปี 2550 ส่วนลูก ออกมาตง้ั โรงงานเพมิ่ ขนึ้ จ�ำนวนมาก ท�ำใหบ้ า้ น คนอื่น ๆ บางคนก็ออกไปเปิดโรงงานกรงนก สระบัว ต�ำบลท่าศาลา อ�ำเภอท่าศาลา จังหวัด ของตวั เอง บางคนก็หนั ไปประกอบอาชพี อนื่ นครศรีธรรมราช กลายเป็นแหล่งผลิตกรงนก ปัจจุบันคุณนัฐพงศ์ได้สืบทอดกิจการ ส�ำหรบั นกกรงหวั จกุ แหง่ ใหญท่ ขี่ ายสง่ ไปทว่ั ประเทศ และเจตนารมณ์ของพ่อเสวกทุกอย่าง โดย คุณนัฐพงศ์ เล่าว่า พ่อเสวกเป็นคน เฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มี ไม่หวงวิชาความรู้ ใครสนใจมาขอฝึก เมื่อได้ ให้กับคนรุ่นหลังท้ังเด็กเยาวชน วัยรุ่น และ ความรู้แล้วจะออกไปเปิดกิจการของตัวเอง นักศึกษาที่สนใจ พอ่ เสวกกใ็ หก้ ารสนบั สนนุ และพรอ้ มใหค้ �ำปรกึ ษา “ผมยังนึกค�ำที่พ่อพูดอยู่เสมอว่า วิชา ตลอดเวลา หรือในปัจจุบันหากมีเด็กนักเรียน ความรู้ท่ีอยู่กับเรา ถ้าเราไม่ไปบอกคนอ่นื พอ นักศึกษามาขอความรู้ พ่อเสวกก็พร้อมจะ เราตายมันก็จะจบท่ีเรา มันจะสูญเปล่าไม่มี ถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาให้ และแม้ว่า ประโยชน์ แตถ่ า้ เราบอกสอนคนอนื่ อยา่ งนอ้ ย ๆ พ่อเสวกจะเป็นเจ้าแรกท่ีท�ำ แต่ปัจจุบันมีการ เขายังได้ไปประกอบอาชีพ เราก็ได้รับบุญ เปิดศูนย์การเรียนรู้ที่บ้านอื่น พ่อเสวกก็รู้สึก ต่อเนอ่ื ง” คุณนัฐพงศ์ กล่าว ยนิ ดี และไมไ่ ดร้ สู้ กึ เสยี ใจหรอื นอ้ ยใจแตอ่ ยา่ งใด กลับรู้สึกดีใจที่มีการเปิดศูนย์เรียนรู้ เพราะ พ่อเสวกมีความคิดว่าเด็กวัยรุ่นจะได้มาหัด ท�ำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ประกอบเป็นอาชีพได้ ไม่มว่ั สุม 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook