Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนการสอน ชีววิทยา2

แผนการจัดการเรียนการสอน ชีววิทยา2

Published by ๋Jiratchaya Chaitheeratham, 2021-03-24 10:49:05

Description: แผนการจัดการเรียนการสอน ชีววิทยา2

Search

Read the Text Version

21. ครใู หน้ กั เรียนศึกษาเพม่ิ เติมจากภาพยนต์สารคดสี ้ัน (Twig) เรอื่ ง ความยงุ่ ยากใจของดารว์ ิน https://www.twig-aksorn.com/film/darwins-dilemma-8016/ ชั่วโมงที่ 2 ขนั้ สอน ขัน้ สารวจค้นหา (Explore) 24.ครูทบทวนความรู้เดิมจากช่วั โมงทแี่ ลว้ ใหน้ กั เรียนทราบพอสังเขป 25.ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ดาร์วินได้ร่วมกันเสนอผลงานร่วมกับอัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ ท่ีมีแนวคิด เดียวกับของดาร์วิน โดยมีสาระสาคัญว่า สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการเกิดข้ึน โดยมีกลไกการคัดเลือกโดย ธรรมชาติท่ีกอ่ ให้เกดิ วิวัฒนาการ 26.ครูให้นักเรียนศกึ ษา ขอ้ สรุปของเมยี รจ์ ากการวิเคราะหท์ ฤษฎกี ารคัดเลอื กโดยธรรมชาติ 27.ครถู ามนกั เรียนว่า จากข้อสรุปของเมียร์ นักเรียนสามารถอธิบายแนวคิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติของ ดารว์ ินไดอ้ ยา่ งไร (แนวตอบ - การคัดเลือกโดยธรรมชาติทาให้ส่ิงมีชีวิตแต่ละตัวมีความสามารถในการอยู่รอดและถ่ายทอด ลกั ษณะดงั กลา่ วไปยงั ลกู หลานได้แตกต่างกนั - การคดั เลือกโดยธรรมชาติเกดิ ขึน้ จากปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสิ่งแวดลอ้ มท่ีส่ิงมีชีวติ อาศัยกบั ลักษณะ ความแปรผันทางพนั ธกุ รรมของสมาชกิ ในแต่ละสปีชีส์ - ผลการจากคัดเลือกโดยธรรมชาติทาให้ส่ิงมีชีวิตมีการปรับตัวเชิงวิวัฒนาการให้สามารถ ดารงชีวิตอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมน้ัน ๆ ทาให้เกิดความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนในที่สุด เกิดสิ่งมีชวี ิตสปีชสี ใ์ หม่) 6. ครูถามคาถามท้าทายการคิดขั้นสูง (H.O.T.S) ว่า แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของลามาร์กกับแนวคิด เก่ียวกบั ววิ ัฒนาการของดาร์วินแตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ แนวคิดเกี่ยวกบั วิวฒั นาการของลามาร์กและดาร์วินเหมือนกัน คือ สภาพแวดล้อมเป็นแรงผลักดัน ทาให้ส่ิงมีชีวิตเกิดวิวัฒนาการ โดยปรับตัวให้มีลักษณะท่ีเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่รอด แต่ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กนั้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับส่ิงมีชีวิตเป็นผลจากการใช้หรือไม่ ใช้อวยั วะหรือโครงสร้างนั้นทสี่ ามารถถ่ายทอดไปยังร่นุ ต่อไปได้ ส่วนแนวคิดของดาร์วิน ลักษณะของส่ิงมีชีวิต ท่ีถา่ ยทอดไปยงั รุน่ ต่อไปเปน็ ลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ มที่ส่งิ มีชวี ติ อาศัยอยู่) ขั้นอธิบายความรู้ (Explain) 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับความแตกต่างระหว่างแนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของลามาร์ก และของดาร์วิน 2. ครใู หน้ กั เรียนทาใบงานที่ 7.3 เรื่อง แนวคิดเกี่ยวกบั วิวัฒนาการของส่ิงมชี วี ิต 3. ครใู ห้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดในแบบฝึกหดั ชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2

ขน้ั สรปุ ขนั้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ให้นักเรียนสบื คน้ ข้อมูลเกี่ยวกบั สง่ิ มีชีวิตที่มีวิวัฒนาการจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติตามแนวคิดของ ดารว์ นิ โดยยกตัวอย่างส่งิ มชี ีวิตมา 1 ชนิด และทาผังสรปุ สง่ ครูผสู้ อน ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลจากผงั สรปุ เร่ือง ส่งิ มีชวี ิตทมี่ ีวิวัฒนาการจากการคัดเลือกโดยธรรมชาตติ ามแนวคิดของ ดาร์วนิ 2. ครูตรวจสอบผลจากใบงานท่ี 7.3 เรอื่ ง แนวคิดเก่ียวกับวิวฒั นาการของส่ิงมชี วี ิต 3. ครูตรวจสอบผลจากการตอบคาถามในแบบฝึกหัดชีววิทยา ม.4 เล่ม 2 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วธิ ีวดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน - แบบประเมนิ ชิน้ งาน - ระดบั คณุ ภาพ 2 7.1 การประเมินช้นิ งาน/ - ผังสรุป เรือ่ ง ส่งิ มีชวี ิตท่ี - แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) มวี ิวฒั นาการจากการ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ คัดเลือกโดยธรรมชาติ การทางานรายบุคคล - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 ตามแนวคิดของดาร์วิน คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ อันพึงประสงค์ 7.2 ประเมินระหวา่ ง - ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ การจัดกจิ กรรม การเรียนรู้ 1) แนวคดิ เก่ียวกบั - ตรวจแบบฝกึ หดั ววิ ัฒนาการของ สิง่ มชี ีวติ 2) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม ทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล 3) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมีวนิ ยั อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มน่ั ในการทางาน

8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียนชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 วิวัฒนาการ 2) แบบฝกึ หัดชีววิทยา ม.4 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 ววิ ัฒนาการ 3) ใบงาน เรอ่ื ง แนวคิดเก่ยี วกับววิ ฒั นาการของส่ิงมชี ีวิต 4) PowerPoint เรอ่ื ง วิวัฒนาการ 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรยี น 2) ห้องสมุด 3) สอื่ ออนไลน์ 9. ข้อเสนอแนะ  ใชส้ อนได้  ควรปรับปรุง ………………………………………………………………………………..………………………………………. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 10. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ช้ัน ................ ความเหมาะสมของกิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรุง………………………. ความเหมาะสมของเน้ือหา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของเวลา  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของสอื่  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… อนื่ ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรปุ ผลการประเมนิ ผูเ้ รียนด้านความรู้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยูใ่ นระดบั 2 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นร้ฯู อยู่ในระดับ 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 4

12. สรปุ ผลการประเมินผ้เู รยี นด้านทักษะกระบวนการ นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 2 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยูใ่ นระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดบั 4 13. สรุปผลการประเมินผเู้ รยี นดา้ นคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดบั 1 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยูใ่ นระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 4 14. สรปุ ผลการประเมินผู้เรยี น นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 1 (ปรบั ปรุง) นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….. มีผลการเรยี นร้ฯู อยใู่ นระดบั 2 (พอใช้) นักเรียนจานวน…….คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……….. มีผลการเรียนรฯู้ อยูใ่ นระดับ 3 (ดี) นักเรียนจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……….. มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 (ดีมาก) สรปุ โดยภาพรวมมนี กั เรยี น จานวน………คน คิดเป็นรอ้ ยละ……….ท่ผี ่านเกณฑ์ระดบั 2 ขน้ึ ไป ซึ่งสูง (ต่า) กวา่ เกณฑ์ทีก่ าหนดไว้รอ้ ยละ………มนี ักเรียนจานวน……คน คิดเปน็ ร้อยละ…… ที่ไมผ่ ่านเกณฑท์ กี่ าหนด 15. ข้อสงั เกต/ค้นพบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 16. แนวทางแกไ้ ขปญั หาเพอ่ื ปรบั ปรงุ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................

17. ผลการพัฒนา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ................................................ (นางสาวจิรัชญา ชยั ธรี ธรรม) ผู้สอน

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 หน่วย กา รเ รีย น รู้ วิ วั ฒ นาก าร ช่ือ แ ผนกา รจัดกา รเ รีย น รู้ ที่ 4.3 พัน ธุ ศาสตร์ ประ ชาก ร รหัส – ชื่อรายวิชา ว 31203 ชีววิทยา2(เพ่ิมเติม) สาหรับนักเรียนท่ีเน้นวิทยาศาสตร์ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ชั้ น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ท่ี 4 ภ า ค เ รี ย น ที่ 2/2562 เวลา 5 ช่ัวโมง ผ้สู อน ครูจริ ชั ญา ชัยธีรธรรม โรงเรยี น ราชประชานเุ คราะห์ 31 อ.แมแ่ จ่ม จ.เชยี งใหม่ 1. ผลการเรียนรู้ 14. ระบุสาระสาคัญและอธิบายเง่ือนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยที่ทาให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงความถ่ีของแอลลีลในประชากร พร้อมท้ังคานวณหาความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ของ ประชากรโดยใชห้ ลกั ของฮารด์ ี-ไวน์เบิร์ก 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 52.อธิบายทฤษฎีของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ และภาวะดลุ ของฮารด์ ี-ไวน์เบริ ก์ ได้ (K) 53.คานวณความถี่ของแอลลีล และความถี่ของจีโนไทป์ในกลุ่มประชากรท่ีอยู่ภายใต้ภาวะดุลของฮาร์ดี- ไวน์เบริ ์กได้ (K) 54.ประยุกต์ใช้ความรู้จากภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กในการหาความถี่ของแอลลีลของโรคทาง พนั ธกุ รรมได้ (K) 55.อธิบายปัจจัยทที่ าใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลงความถ่ีของแอลลลี ในประชากรในประชากรได้ (K) 56.ทาตามขน้ั ตอนการหาความถี่ของแอลลลี และความถขี่ องจีโนไทป์ในกลุ่มประชากรที่อยู่ภายใต้ภาวะดุล ของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์กได้ (P) 57.สนใจใฝร่ ู้ในการศึกษา (A) 3. สาระการเรยี นรู้ - เมอ่ื ประชากรอยู่ในภาวะสมดลุ ของฮารด์ ี-ไวน์เบิรก์ โดยกลมุ่ ประชากรมีขนาดใหญ่ ไม่มกี ารถ่ายเทยีนระหว่าง กลุ่มประชากร ไม่เกิดมิวเทชนั สมาชกิ ทกุ ตัวมีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่ากัน และไม่เกิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติ จะ ทาให้ความถ่ีของแอลลีลของลักษณะนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะผ่านไปก่ีรุ่นก็ตาม เป็นผลให้ลักษณะน้ันไม่เกิด วิวัฒนาการ - การเปลย่ี นแปลงความถี่ของยนี หรอื แอลลีลในประชากร เกดิ จากปจั จัยหลายประการนาไปสู่การเกดิ ววิ ฒั นาการ

4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด พันธุศาสตร์ประชากร เป็นการศึกษาการเปล่ียนแปลงความถี่ของยีนหรือความถ่ีของแอลลีลที่เป็น องคป์ ระกอบทางพันธกุ รรมของประชากร ซึ่งมีผลต่อการเกดิ ววิ ัฒนาการของสง่ิ มชี ีวติ การหาความถข่ี องแอลลลี ในประชากร เปน็ การหาปริมาณของแอลลีลชนิดต่าง ๆ เมือ่ คิดเป็นสัดส่วนของ จานวนแอลลีลทงั้ หมดของยนี ตาแหนง่ เดยี วกนั ในประชากร มีสตู ร ดงั นี้ ความถ่ขี องแอลลีล จานวนแอลลลี ที่ปรากฏในจโี นไทปใ์ นประชากร จานวนแอลลีลทงั้ หมดในประชากร กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก กล่าวว่า เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ความถี่ของ แอลลลี หรือความถี่ของจโี นไทปใ์ นยนี พลู จะคงทไ่ี ม่เปลย่ี นแปลง ซึ่งผลรวมของแอลลีลของยีนหน่ึง ๆ ในประชากร จะเท่ากับ 1 เสมอ (p + q = 1) และประชากรตอ้ งอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ได้แก่ ประชากรมีขนาดใหญ่ ไม่มีการ ถ่ายเทยีนระหว่างกลุ่มประชากร ไม่มีการเกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัวมีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่ากัน และไ ม่เกิดการ คัดเลือกโดยธรรมชาติ ซ่ึงจากกฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก สามารถใช้คาดคะเนความถ่ีของแอลลีลเกี่ยวกับโรคทาง พันธุกรรมในยีนพูลของประชากร เช่น โรคโลหิตจางชนดิ ซกิ เคลิ เซลล์ โรคผิวเผือก ปัจจัยท่ีทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงความถ่ีของแอลลีล ซึ่งมผี ลทาใหส้ ง่ิ มีชวี ติ เกิดววิ ัฒนาการ มีดังนี้ - การเปล่ียนแปลงความถ่ีแบบไม่เจาะจง มีลักษณะแบบสุ่มและไม่มีทิศทางท่ีแน่นอน แบ่งออก 2 ประเภท คอื ผลกระทบจากผูก้ ่อตงั้ (founder effect) เป็นการเปลีย่ นแปลงความถี่ของแอลลีลท่ีเกิด กบั กลุ่มประชากรท่ีมีขนาดเล็ก ที่เป็นผลจากการอพยพ การแยกตัวของกลุ่มประชากรท่ีมีขนาดใหญ่ ไปอยู่ในแหล่งท่ีอยู่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์และประสบความสาเร็จในการเพ่ิมจานวนประชากร และ ปรากฏการณ์คอขวด (bottleneck effect) เป็นการเปลี่ยนแปลงความถ่ีของแอลลีลท่ีเกิดกับกลุ่ม ประชากรทม่ี ขี นาดใหญแ่ ละมีความหลากหลายทางพนั ธุกรรม แต่มเี หตกุ ารณท์ าให้เกิดการลดจานวน ประชากรอย่างรวดเร็ว เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ซ่ึงประชากรที่รอดชีวิตจะสามารถเพิ่ม จานวนข้ึนมาใหม่ แต่จะมีการเปล่ียนแปลงของความถ่ีแอลลีลท่ีอาจมีบางแอลลีลหายไป และบาง แอลลีลเพม่ิ ขึ้นมา - การถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีน ที่เกิดจากการอพยพเข้าหรืออพยพออกของสมาชิกในประชากร ทาให้ ความถี่ของแอลลีลในประชากรสองกลุ่มมีความแตกต่างกันน้อยลง จนเปรียบเสมือนประชากร เดยี วกนั - การเลอื กคผู่ สมพันธ์ุ ทาใหส้ มาชิกบางส่วนไม่มีโอกาสผสมพันธุ์ ส่งผลต่อความถี่แอลลีลในยีนพูลของ ประชากรรนุ่ ตอ่ ไป - มิวเทชนั ทาใหม้ กี ารสรา้ งแอลลลี ใหม่ในยีนพูลของประชากร ซ่ึงหากการเกิดมิวเทชันเป็นลักษณะท่ีดี และเหมาะสมตอ่ สภาพแวดล้อม แอลลีลใหม่จะถูกสะสมไว้ในยีนพูลทาให้เกิดความหลากหลายทาง พนั ธกุ รรมของประชากร แต่หากเกิดมิวเทชันเป็นลักษณะท่ีไม่ดีและไม่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อม ลักษณะนั้นจะถูกคัดทิ้งออกไป

- การคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นกลไกพื้นฐานของการเกิดวิวัฒนาการร่วมกับกลไกอื่น ๆ โดยการ คัดเลอื กโดยธรรมชาติจะทาให้ประชากรท่ีมีลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมสามารถดารงชีวิตและ แพร่พันธ์ุประชากรในรุ่นต่อไป ซึ่งส่ิงมีชีวิตจะอาศัยการปรับเปล่ียนลักษณะทางสรีระ พฤติกรรม และรูปแบบการดารงชีวิตที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม แต่สาหรับประชากรที่ไม่เหมาะสมกับ สงิ่ แวดลอ้ มน้นั จะถูกคัดท้งิ และลดจานวนลงไป ซง่ึ มีผลทาใหแ้ อลลีลบางแอลลลี ในประชากรมีจานวน มากขึ้น บางแอลลีลมจี านวนลดลง 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการคิด 1. มวี ินัย 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es) ชว่ั โมงท่ี 1 ข้นั นา ขนั้ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 4. ครูถามคาถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า แนวคิดของชาลส์ ดาร์วิน สนบั สนนุ การเกิดวิวัฒนาการของส่งิ มีชีวติ อยา่ งไร (แนวตอบ แนวคิดการคัดเลอื กโดยธรรมชาติของชาลส์ ดาร์วิน กล่าวว่า ส่ิงมีชีวิตท่ีถูกคัดเลือกให้อยู่ใน สง่ิ แวดล้อมจะอาศัยการปรบั เปลีย่ นสรรี ะ พฤติกรรม และรูปแบบการดารงชีวิต ซึ่งการปรับเปลี่ยนของ สงิ่ มชี วี ติ เหล่าน้ีมีผลทาใหส้ ง่ิ มีชวี ติ เกดิ ววิ ฒั นาการ) 5. ครูอธบิ ายให้นกั เรียนฟังวา่ จากแนวคดิ เก่ียวกับววิ ัฒนาการของชาลส์ ดาร์วิน และแนวคิดเกี่ยวกับการ ถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมของเมนเดล จึงถกู นามาใช้อธิบายเรือ่ งพนั ธศุ าสตรป์ ระชากร ข้นั สอน ขั้นสารวจคน้ หา (Explore) 3. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟงั วา่ พันธุศาสตรป์ ระชากรเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความถี่ของยีน และแอลลีล และการเปล่ียนแปลงความถี่ของจีโนไทป์ในยีนพูลของประชากร รวมท้ังปัจจัยท่ีทาให้เกิด การเปลยี่ นแปลงความถ่ีของแอลลีล ซึ่งทาใหส้ ่ิงมชี ีวิตเกิดววิ ัฒนาการ

4. ครถู ามนกั เรียนว่า ประชากรคืออะไร (แนวตอบ ประชากร หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยอยู่รวมกันในบริเวณเดียวกันและช่วงเวลา เดียวกัน ซึ่งสมาชกิ ในประชากรของส่ิงมชี ีวิตต้องสามารถสืบพันธุก์ นั ได้) 5. ครถู ามนักเรยี นว่า ยีนพลู หมายถงึ อะไร (แนวตอบ ยีนพูล หมายถึงยีนท้ังหมดท่ีมีอยู่ในประชากรในช่วงเวลาหนึ่ง ซ่ึงประกอบด้วยแอลลีลทุก แอลลลี ของสมาชิกทุกตวั ในประชากร) 6. ครูให้นักเรียนศึกษา การหาความถ่ีของแอลลีลในกลุม่ ประชากร ซ่งึ มีสูตรคานวณ ดงั น้ี ความถีข่ องแอลลีล จานวนแอลลีลท่ปี รากฏในจีโนไทป์ในประชากร จานวนแอลลีลท้งั หมดในประชากร และให้นักเรยี นศึกษาการหาความถ่ีของแอลลีลของหมเู่ ลอื ดในประชากรลงิ 7. ครูยกตวั อย่างการหาความถี่ของแอลลีลในประชากรท่ีนอกเหนือจากในหนังสือเรียน เช่น ในประชากร แห่งหนึ่งมีแอลลีลควบคุมดอกไม้สีแดง (RR) แอลลีลควบคุมดอกไม้สีชมพู (Rr) และแอลลีลควบคุม ดอกไม้สีขาว (rr) โดยมีดอกไม้สีแดง 600 ต้น ดอกไม้สีชมพู 360 ต้น และดอกไม้สีขาว 40 ต้น จงหา ความถ่ขี องของแอลลลี R และ r ในประชากรดอกไม้กลุม่ น้ี (แนวตอบ ความถี่ของแอลลีล R เทา่ กับ 0.69 และความถ่ขี องแอลลีล r เทา่ กบั 0.31) ขน้ั อธบิ ายความรู้ (Explain) 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกับการหาความถ่ีของแอลลีลในประชากร 4. ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 7.4 เรอื่ ง การหาความถ่ขี องแอลลลี ในประชากร ช่วั โมงที่ 2 ข้ันสอน ข้ันสารวจค้นหา (Explore) 1. ครทู บทวนความรจู้ ากชว่ั โมงทแ่ี ล้วใหน้ กั เรียนทราบพอสงั เขป 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ความถี่ของแอลลีลในประชากรสามารถมีค่าคงที่ในทุก ๆ รุ่นได้ ก็ต่อเม่ือ ประชากรนั้นอยูใ่ นกฎของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก 3. ครูให้นักเรียนศึกษา กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ที่มีใจความสาคัญว่า ความถ่ีของแอลลีลและความถี่ของ จีโนไทป์ในยีนพูลของประชากรจะมีค่าคงที่ในทุก ๆ รุ่น ถ้าไม่มีปัจจัยบางประการมาเกี่ยวข้อง และ ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความถขี่ องแอลลีลของหมเู่ ลือดในประชากรลงิ ของรนุ่ ลกู 4. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรียนฟงั ว่า จากการศึกษาของแอลลลี ของหมู่เลือดในประชากรลิง จะเห็นว่า ความถ่ีของ แอลลีลในรุ่นลูกจะเท่ากับความถี่ของแอลลีลในรุ่นพ่อแม่ แสดงว่า ยีนพูลของประชากรนี้อยู่ในภาวะ สมดุลของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก ซ่งึ จะมคี า่ เท่ากับ 1 เสมอ

5. ครอู ธิบายใหน้ ักเรยี นฟงั วา่ ประชากรที่อยู่ในภาวะภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กได้ จะต้องอยู่ภายใต้ เง่ือนไขต่าง ๆ เช่น ประชากรมีขนาดใหญ่ การกลาย การคัดเลือกโดยธรรมชาติ การเลือกคู่ผสมพันธ์ุ การเปลยี่ นแปลงความถยี่ ันอย่างไม่เจาะจง และการถ่ายเทเคลอื่ นย้ายยนี 6. ครถู ามนกั เรยี นวา่ ในธรรมชาตปิ ระชากรจะเกดิ ภาวะสมดุลฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด (แนวตอบ ในธรรมชาติจะเกิดภาวะสมดุลของอาร์ดี-ไวน์เบิร์กได้ยาก เพราะประชากรในธรรมชาติอาจ ไมไ่ ดอ้ ย่ใู นเง่อื นไขของภาวะสมดลุ ของอารด์ ี-ไวน์เบิร์ก เน่ืองจากประชากรอาจมีขนาดเล็ก มีการถ่ายเท เคล่ือนย้ายยีนระหว่างกลุ่มประชากร อาจเกิดมิวเทชัน สมาชิกมีการเลือกคู่ผสมพันธ์ุกันและเกิดการ คดั เลอื กโดยธรรมชาติ) ข้ันอธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายเกย่ี วกบั ภาวะสมดุลของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก 2. ครใู หน้ ักเรียนทาใบงานท่ี 7.5 เร่ือง กฎของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ก์ 3. ครูให้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั ในแบบฝกึ หดั ชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 ช่ัวโมงที่ 3 ขั้นสอน ขน้ั สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนความรู้เดมิ จากช่ัวโมงทแ่ี ล้วใหน้ ักเรียนทราบพอสงั เขป 2. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรียนฟังวา่ กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบิรก์ สามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้คาดคะเนความถ่ีของแอลลีล ท่ีเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมได้ 3. ครูให้นักเรียนศึกษา การหาความถ่ีของแอลลีลที่ทาให้เกิดโรคผิวเผือก และแอลลีลของคนท่ีเป็นพาหะ จากการใช้กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบิรก์ 4. ครูให้นักเรียนทากิจกรรม การใช้กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ในชั้นเรียน โดยบันทึกลงในสมุดบันทึกของ นกั เรยี น ขัน้ อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มเลอื กนกั เรยี นออกมาเฉลยกิจกรรม การใช้กฎของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก 2. ครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยกิจกรรม การใช้กฎของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิรก์ 3. ครแู ละนกั เรียนอภิปรายร่วมกันเกยี่ วกับการประยุกตใ์ ชป้ ระโยชนจ์ ากกฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ช่วั โมงที่ 4 ข้นั สอน ข้นั สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ จากชัว่ โมงทแ่ี ลว้ ใหน้ ักเรยี นทราบพอสังเขป

2. ครูอธบิ ายให้นกั เรยี นฟังว่า ในธรรมชาตใิ มส่ ามารถควบคมุ เง่อื นไขตา่ ง ๆ ทีท่ าใหป้ ระชากรสิ่งมีชีวิตอยู่ใน ภาวะของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์กได้ เน่อื งจากมีปัจจยั บางประการเข้ามาเก่ียวข้อง 3. ครูให้นกั เรียนศึกษา การเปลี่ยนแปลงความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 สถาณการณ์ ได้แก่ ผลกระทบจากผกู้ ่อต้งั และปรากฏการณค์ อขวด 4. ครูถามนกั เรยี นว่า การเปลยี่ นแปลงความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจงท้ัง 2 สถาณการณ์ มีลักษณะแตกต่างกัน อย่างไร (แนวตอบ ผลกระทบจากผู้ก่อต้ัง เกิดจากประชากรมีการเคล่ือนย้ายยีน และจะเกิดกับกลุ่มประชากร ขนาดเล็ก ส่วนปรากฏการณ์คอขวด ซึ่งเกิดจากการภาวะวิกฤติของประชากรที่มี ความเสี่ยงต่อการ สญู พนั ธุ์ และจะเกดิ กบั กลมุ่ ประชากรขนาดใหญ่) 5. ครูถามนักเรียนว่า การเปลี่ยนแปลงความถ่ียีนอย่างไม่เจาะจงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถ่ีแอลลีล อยา่ งไร (แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง มีผลทาให้ยีนพูลในประชากรเปล่ียนแปลง โดย บางแอลลีลจะเพ่ิมข้นึ บางแอลลลี จะลดลง และบางแอลลีลอาจหายไปจากกลุ่มประชากร ซ่ึงมีผลทาให้ ความหลากหลายทางพนั ธกุ รรมลดนอ้ ยลง) 6. ครูให้นักเรียนศึกษา การถ่ายเทเคล่ือนย้ายยีน เป็นการเคลื่อนย้ายแอลลีลจากประชากรหน่ึงไปยังอีก ประชากรหนึ่งของสปีชีส์เดียวกัน ซ่ึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล จากตัวอย่าง การ เปลีย่ นแปลงความถข่ี องแอลลีลในประชากรดอกไมบ้ รเิ วณริมฝง่ั แม่น้า 7. ครถู ามนักเรียนวา่ การถ่ายเทเคลื่อนยา้ ยยนี มีผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงความถีแ่ อลลีล อย่างไร (แนวตอบ การถา่ ยเทเคล่ือนยา้ ยยนี ทาให้แอลลีลของกลุ่มประชากร 2 กลุ่ม มีบางแอลลีลเพ่ิมข้ึน และ บางแอลลีลลดลง ซึ่งทาให้ประชากร 2 กลุ่มมความถ่ีของแอลลีลใกล้เคียงกันจนเหมือนเป็นประชากร กลมุ่ เดียวกัน) 8. ครูให้นักเรียนศึกษา การเลือกคู่ผสมพันธุ์ ซ่ึงปกติในธรรมชาติท่ัวไปสมาชิกในประชากรมักมีการเลือก คู่ผสมพันธ์ุ ทาให้สมาชกิ บางส่วนไมม่ โี อกาสผสมพันธุ์ ซ่ึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลใน ยีนพลู ของประชากร 9. ครูถามนกั เรียนว่า การเลือกคผู่ สมพันธุ์มผี ลต่อการเปลีย่ นแปลงความถี่ของแอลลีล อย่างไร (แนวตอบ การเลือกคู่ผสมพนั ธุ์ ทาใหป้ ระชากรบางส่วนของกลมุ่ ประชากรไม่มีโอกาสผสมพันธ์ุ จึงทาให้ บางแอลลีลลดลง และอาจหายไปจากกลุ่มประชากร) 10.ครูใหน้ ักเรยี นศึกษา การกลาย ซึ่งมีผลทาใหเ้ กิดลักษณะใหม่ในกลุ่มประชากร และหากลักษณะนั้นเป็น ลกั ษณะทดี่ ีและเหมาะสมตอ่ สภาพแวดลอ้ ม จะเป็นการเพ่ิมแอลลลี ใหมใ่ นประชากร 11. ครถู ามนกั เรยี นวา่ การกลายมผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงความถขี่ องแอลลลี (แนวตอบ การกลายที่ทาใหเ้ กิดลักษณะทดี่ ี แอลลีลใหมจ่ ะถกู สะสมไวใ้ นยีนพูลของประชากรทาให้ความ หลากหลายทางพันธุกรรมของประชากร แต่หากการกลายที่ทาให้เกิดลักษณะท่ีไม่ดี แอลลีลใหม่จะถูก คัดท้ิงออกจากยนี พลู ของประชากร)

12. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษา การคัดเลอื กโดยธรรมชาติ ซ่ึงทาให้ประชากรที่มีลักษณะเหมาะสมกับส่ิงแวดล้อม สามารถดารงชวี ติ และแพร่พนั ธป์ุ ระชากรในรุ่นต่อไป โดยสิ่งมีชีวิตจะอาศัยการปรับเปล่ียนลักษณะทาง สรีระ พฤตกิ รรม และรปู แบบการดารงชวี ิตทกี่ ลมกลนื กบั สิง่ แวดล้อม แตส่ าหรับประชากรท่ีไม่เหมาะสม กบั ส่ิงแวดล้อมนั้นจะถูกคัดทิง้ และลดจานวนลงไป จงึ มผี ลทาให้แอลลีลบางแอลลีลในประชากรมีจานวน มากข้ึน บางแอลลีลมีจานวนลดลง จากตัวอย่าง การเปล่ียนแปลงประชากรผีเส้ือกลางคืน Biston betularia เมือ่ สภาพแวดลอ้ มเปลย่ี นแปลงไป 13. ครถู ามนักเรยี นว่า การคัดเลือกโดยธรรมชาตมิ ีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงความถี่ของแอลลลี อย่างไร (แนวตอบ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นการคัดเลือกส่ิงมีชีวิตท่ีมีลักษณะเหมาะสมกับส่ิงแวดล้อมให้ สามารถดารงชีวิต และสืบพันธุ์ให้ประชากรรุ่นต่อไปได้ ส่วนส่ิงมีชีวิตท่ีมีลักษณะไม่เหมาะสมกับ สิ่งแวดล้อมจะถูกคัดทิ้งและลดจานวนลง ซึ่งมีผลทาให้บางแอลลีลเพิ่มข้ึน บางแอลลีลลดลง และบาง แอลลลี อาจให้ไปจากกลุ่มประชากร) 14. ครถู ามคาถามท้าทายการคดิ ขนั้ สูง (H.O.T.S.) กบั นักเรยี นวา่ การเกิดมิวเทชนั แตกต่างจากการคัดเลือก โดยธรรมชาตอิ ยา่ งไร (แนวตอบ มวิ เทชนั เป็นการสร้างลักษณะทางพนั ธกุ รรมข้ึนมาใหมใ่ นกล่มุ ประชากร ซ่ึงอาจเปน็ ลกั ษณะที่ ดหี รอื ไมด่ ีในกลุ่มประชากรนั้น ๆ และการคัดเลอื กโดยธรรมชาติไม่ได้สร้างลักษณะทางพันธุกรรมข้ึนมา ใหม่ แต่จะคดั เลอื กลักษณะทางพันธุกรรมที่มีอยู่ในประชากรท่ีมีลักษณะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ สงิ่ มีชีวติ นัน้ อาศัยอยู่) ขน้ั อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกีย่ วกบั ปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล 2. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ในแบบฝกึ หัดชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 ชั่วโมงที่ 5 ขนั้ สอน ขน้ั สารวจค้นหา (Explore) 1. ครทู บทวนความรู้เดิมจากช่ัวโมงทแ่ี ลว้ ใหน้ ักเรียนทราบพอสงั เขป 2. ครใู หน้ กั เรยี นทากิจกรรม การคัดเลอื กโดยธรรมชาติ ในชั้นเรยี น โดยบนั ทึกลงสมดุ บนั ทกึ ของนักเรยี น ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ เลอื กนกั เรยี นออกมาเฉลยกิจกรรม การคดั เลอื กโดยธรรมชาติ 2. ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยกิจกรรม การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ขน้ั สรปุ ข้ันขยายความเข้าใจ (Elaborate) 6. ครใู ห้นกั เรยี นทาผังสรปุ เรือ่ ง กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบิร์ก

7. ครูให้นักเรียนทาผังมโนทศั น์ เรือ่ ง ปัจจัยท่มี ผี ลต่อการเปล่ียนแปลงความถีข่ องแอลลีลในประชากร ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate) 15.ครูตรวจสอบผลจากการทาผงั สรปุ เรื่อง กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบิร์ก 16.ครูตรวจสอบผลจากการทาผังมโนทัศน์ เร่ือง ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงความถ่ีของแอลลีลใน ประชากร 8. ครูตรวจสอบผลจากการทากิจกรรม เรื่อง การใช้กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ 9. ครูตรวจสอบผลจากการทากจิ กรรม เรือ่ ง การคัดเลอื กโดยธรรมชาติ 10.ครตู รวจสอบผลจากใบงานท่ี 7.4 เร่อื ง การหาความถ่ขี องแอลลีลในประชากร 11.ครตู รวจสอบผลจากใบงานที่ 7.5 เรอื่ ง กฎของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิรก์ 12.ครูตรวจสอบผลจากการตอบคาถามในแบบฝกึ หัดชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วธิ ีวดั เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน 7.1 การประเมนิ ช้นิ งาน/ - แผ่นพบั เรือ่ ง กฎของ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) ฮารด์ -ี ไวนเ์ บริ ก์ 7.2 ประเมินระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 7.4 - ใบงานที่ 7.4 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กจิ กรรม - ตรวจใบงานท่ี 7.5 - ใบงานที่ 7.5 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) พันธศุ าสตร์ ประชากร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทางานรายบุคคล การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ 2) พฤตกิ รรมการ - สังเกตความมีวนิ ยั ทางานรายบุคคล ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่ - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 ในการทางาน คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ 3) คุณลกั ษณะ อันพึงประสงค์ อันพงึ ประสงค์ 8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี นชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 7 วิวัฒนาการ 2) แบบฝกึ หัดชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 ววิ ัฒนาการ 3) แผน่ พบั เรอ่ื ง กฎของฮาร์ด-ี ไวนเ์ บริ ์ก 4) PowerPoint เร่ือง วิวัฒนาการ

8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) หอ้ งสมุด 3) สือ่ ออนไลน์ 9. ขอ้ เสนอแนะ  ใช้สอนได้  ควรปรับปรงุ ………………………………………………………………………………..………………………………………. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 10. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ ชัน้ ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเน้ือหา  ดี  พอใช้  ปรับปรุง……………………… ความเหมาะสมของเวลา  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของสอื่  ดี  พอใช้  ปรับปรุง……………………… อื่น ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรปุ ผลการประเมินผูเ้ รียนด้านความรู้ นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 2 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นร้ฯู อยู่ในระดับ 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นร้ฯู อยใู่ นระดับ 4 12. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนด้านทกั ษะกระบวนการ นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 2 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 3 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 4

13. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนดา้ นคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรูฯ้ อยู่ในระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรยี นร้ฯู อยู่ในระดับ 4 14. สรปุ ผลการประเมินผู้เรียน นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ……….. มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 1 (ปรับปรุง) นักเรียนจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……….. มผี ลการเรยี นรู้ฯ อย่ใู นระดับ 2 (พอใช)้ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….. มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3 (ดี) นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 4 (ดีมาก) สรุปโดยภาพรวมมนี กั เรียน จานวน………คน คิดเป็นรอ้ ยละ……….ท่ผี ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ข้ึนไป ซึง่ สงู (ต่า) กว่าเกณฑ์ทีก่ าหนดไว้รอ้ ยละ………มนี กั เรยี นจานวน……คน คิดเปน็ รอ้ ยละ…… ทีไ่ ม่ผา่ นเกณฑท์ ก่ี าหนด 15. ข้อสังเกต/ค้นพบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 16. แนวทางแก้ไขปัญหาเพ่อื ปรบั ปรงุ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................

17. ผลการพฒั นา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................ (นางสาวจิรชั ญา ชัยธรี ธรรม) ผู้สอน

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ วิวัฒนาการ ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4.4 กาเนิดของสปีชีส์ รหัส – ชื่อรายวิชา ว31203 ชวี วทิ ยา2(เพ่ิมเติม) สาหรับนักเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี2/2562 เวลา 5 ชั่วโมง ผู้สอน ครูจิรัชญา ชัยธีรธรรม โรงเรียน ราชประชานเุ คราะห์ 31 อ.แม่แจ่ม จ.เชยี งใหม่ 1. ผลการเรียนรู้ 15. สืบคน้ ข้อมูล อภปิ ราย และอธบิ ายกระบวนการเกดิ สปีชสี ใ์ หมข่ องส่งิ มีชีวติ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 58.อธบิ ายความหมายของสปีชีสไ์ ด้ (K) 59.อธิบายหลักการเกดิ สปชี ีส์ใหม่ของสิ่งมชี วี ติ ได้ (K) 60.ยกตวั อยา่ งสิ่งมชี วี ติ ทเ่ี กดิ สปชี ีส์ใหม่ได้ (K) 61.นาเสนอผลงานและจัดทาป้ายนิเทศอย่างไดถ้ กู ตอ้ ง (P) 62.สนใจใฝร่ ูใ้ นการศึกษา (A) 3. สาระการเรียนรู้ - สปีชีส์ใหม่จะเกิดข้ึนได้เมื่อไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่างประชากรหน่ึงกับอีกประชากรหน่ึงในรุ่น บรรพบรุ ุษ ทาให้ประชากรท้ังสองมีโครงสรา้ งทางพนั ธุกรรมท่ีแตกตา่ งกัน และวิวัฒนาการเกดิ เปน็ สปีชีส์ใหม่ - ปัจจยั ทท่ี าใหเ้ กิดสปีชสี ์ใหม่อาจเกิดได้ 2 แนวทาง คอื การเกิดสปชี สี ์ใหม่จากการแบง่ แยกทางภมู ศิ าสตร์ และ การเกดิ สปีชีส์ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน 4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด สปชี ีสข์ องสงิ่ มชี ีวิต มคี วามหมายแตกตา่ งกนั แบ่งออกเป็น - สปีชีส์ด้านสัณฐานวิทยา (morphological species concept) หมายถึง ส่ิงมีชีวิตที่มีโครงสร้าง ภายนอกเหมือนกนั หรือมกี ารทางานของโครงสรา้ งภายนอกคล้ายกัน - สปีชีส์ทางด้านชีววิทยา (biological species concept) หมายถึง ส่ิงมีชีวิตท่ีสามารถผสมพันธุ์กันได้ ในธรรมชาตแิ ละให้กาเนดิ ลูกท่ีไม่เป็นหมัน การเกิดสปีชีส์ใหมจ่ ะเกิดขนึ้ เม่ือไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่างประชากร ทาให้ประชากรท้ังสอง มโี ครงสร้างทางพันธกุ รรมที่แตกต่างกนั และเกดิ เป็นสปีชสี ์ใหม่ ซ่ึงมี 2 แนวทาง 1. การเกดิ สปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ (allopatric speciation) เป็นการเกิดสปีชีส์ใหม่ โดยมีสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติ ทาให้ประชากรดั้งเดิมถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มย่อยและไม่มีการ ถ่ายเทเคล่ือนย้ายยีนระหว่างกัน จากนั้นแต่ละกลุ่มย่อยจะพัฒนาเปลี่ยนแปลงความแตกต่างทาง พนั ธุกรรมตามการคัดเลือกโดยธรรมชาติจนเกิดสปีชสี ์ใหม่

2. การเกิดสปีชีส์ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน (sympatric speciation) เป็นการเกิดสปีชีส์ใหม่จาก การแบง่ แยกประชากรดั้งเดิมออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ยในเชิงการสืบพันธ์ุ เชิงพฤติกรรม หรือเชิงนิเวศวิทยา ซ่ึงประชากรกลุ่มย่อยอาจยังคงอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่ประชากรดังเดิมและประชากรกลุ่มย่อย ไมส่ ามารถผสมพันธก์ นั ได้ 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการคิด 1. มีวนิ ยั 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทางาน 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es) ชว่ั โมงที่ 1-3 ข้นั นา ขนั้ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 6. ครูนาภาพนก 2 ชนิด ได้แก่ Sternella neglecta และ Sternella magna มาให้นักเรียนดู และถาม นกั เรียนว่า นกทงั้ 2 ภาพน้ี เป็นสายพนั ธเุ์ ดียวกนั หรอื ไม่ (แนวตอบ นกทัง้ 2 ภาพ เปน็ นกตา่ งสายพันธก์ุ นั แตม่ ลี กั ษณะรปู รา่ งทค่ี ล้ายคลึงกัน) 7. ครูอธิบายให้นกั เรียนวา่ นกทัง้ 2 ภาพท่ีใหน้ ักเรียนดูมสี ายพนั ธ์ุ หรอื สปีชสี ์ที่ตา่ งกนั 8. ครูถามคาถาม Prior Knowledge เพือ่ ทบทวนความรู้เดมิ ของนักเรียนวา่ คาวา่ “สปีชสี ์” หมายความว่า อยา่ งไร (แนวตอบ สปีชีส์ หมายถึง กลุม่ ของสิ่งมีชีวิตที่มโี ครงสรา้ ง หน้าทีเ่ หมือนกนั และสามารถผสมพันธุ์กันได้ โดยท่ีลูกทไ่ี ม่เป็นหมัน) ข้ันสอน ขั้นสารวจค้นหา (Explore) 7. ครูให้นักเรียนศึกษา ความหมายของสปีชีส์ ซึ่งแบ่งออกเป็นสปีชีส์ทางด้านสัณฐานวิทยา และสปีชีส์ ทางด้านชวี วิทยา 8. ครูถามนกั เรียนว่า สปีชสี ท์ างด้านสัณฐานวิทยาและและสปีชีสท์ างด้านชีววิทยา แตกตา่ งกันอยา่ งไร (แนวตอบ สปีชีส์ทางด้านสัณฐานวิทยา หมายถึง ส่ิงมีชีวิตที่มีโครงสร้างภายนอก หรือการทางานของ โครงสร้างภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ แต่สปีชีส์ทางด้านชีววิทยา

หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่สามารถผสมพันธุ์กัน และให้กาเนิดลูกท่ีไม่เป็นหมัน ซ่ึงนักชีววิทยาใช้สมบัติของ สปีชีส์ทางดา้ นชวี วิทยาในการจาแนกสปชี สี ์ของสิ่งมีชวี ติ ) 9. ครอู ธิบายให้นกั เรียนฟงั วา่ การเกิดสปีชีส์ใหม่ของส่ิงมีชีวิต จะเกิดขึ้นเม่ือไม่มีการถ่ายเทเคล่ือนย้ายยีน ระหว่างประชากร ทาให้ประชากรทั้งสองกลุ่มมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน และเกิดเป็นสปีชีส์ใหม่ แบ่ง ออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ การเกิดสปีชสี ์ใหม่จากการแบง่ แยกทางภูมิศาสตร์ และการเกิดสปีชีส์ใหม่ใน เขตภมู ิศาสตร์เดยี วกนั 10.ครูให้นักเรียนศึกษา การเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ ทีเกิดจากมีสิ่งกีดขวางทาให้ ประชากรด้ังเดมิ ถูกแบง่ แยกออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย และทาให้ไมม่ ีการถ่ายเทเคล่อื นยา้ ยยีนระหวา่ งกันอีก 11.ครูถามนักเรียนว่า หากประชากรสปีชีส์ใหม่ที่เกิดจากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์กลับมาเจอกับ ประชากรด้ังเดมิ จะสามารถผสมพันธก์ุ นั ได้หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ ไมส่ ามารถผสมพนั ธุ์กันได้ เพราะยีนพูลของประชากรท้ังสองกลมุ่ แตกตา่ งกัน) 12.ครใู ห้นักเรียนศกึ ษา การเกดิ สปชี สี ใ์ หมใ่ นเขตภมู ศิ าสตร์เดยี วกนั ทีเ่ กิดจากการแบ่งแยกประชากรดั้งเดิม ออกเป็นกลุ่มย่อยในเชิงการสืบพันธุ์ พฤติกรรม หรือนิเวศวิทยา ซ่ึงประชากรยังอาศัยอยู่ในบริเวณ เดียวกนั แตไ่ มส่ ามารถผสมพันธุ์กบั สายพนั ธ์ดงั เดมิ ได้ 13.ครูถามนักเรียนว่า กลไกใดที่ทาให้ประชากรในเขตภูมิศาสตร์เดียวกันไม่สามารถถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีน ระหว่างกันได้ (แนวตอบ การเปล่ียนแปลงจานวนโครโมโซมของประชากร ทาให้ประชากรมีจานวนโครโมโซม เปล่ยี นแปลงไปจนไม่สามารถผสมพันธ์ุกบั ประชากรดั้งเดิมได้) 14.ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรียนฟังว่า การกระทาของมนุษย์ก็มีผลทาให้สิ่งมีชีวิตเกิดวิวัฒนาการเป็นสปีชีสืใหม่ได้ เช่นกัน เชน่ แมลงท่ีดอื้ สารฆ่าแมลง เชอื้ โรคทดี่ ือ้ ตอ่ ยาปฏิชวี นะ 15.ครูให้นกั เรยี นแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 5 คน ทากิจกรรม การปรับปรุงพันธพ์ุ ืชแบบพอลิพลอยดี จัดทารายงาน และป้ายนิเทศเพื่อนาเสนอในชั่วโมงตอ่ ไป ข้นั อธบิ ายความรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั การเกดิ สปีชีส์ของส่ิงมชี ีวติ 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกับการเกดิ ววิ ฒั นาการของสิ่งมชี วี ติ จากการกระทาของมนษุ ย์ ชว่ั โมงที่ 4-5 ขน้ั สอน ขั้นสารวจคน้ หา (Explore) 3. ครูทบทวนความรู้เดมิ จากชัว่ โมงทแ่ี ล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 4. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอกิจกรรม การปรับปรุงพันธ์ุพืชแบบพอลิพลอยดี หน้าชั้นเรียน กลมุ่ ละ 5 นาที

ขนั้ อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายกจิ กรรมการปรับปรงุ พันธพุ์ ชื แบบพอลิพลอยดี 2. ครใู ห้นักเรยี นทาแบบฝึกหัดในแบบฝกึ หดั ชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 ขน้ั สรปุ ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate) 13.ครูให้นักเรียนทาผังสรุป เร่ือง การเกิดสปีชีส์ใหม่ของส่ิงมีชีวิต โดยยกตัวอย่างการเกิดสปีชีส์ใหม่ของ สิ่งมีชีวิตมา 1 ชนิด พร้อมระบุกลไกของการเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิตชนิดน้ัน โดยสืบค้นข้อมูลจาก วารสารทางวชิ าการ หรอื ส่ือออนไลน์ 14.ครใู ห้นกั เรียนทา Self Check เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง 15.ครใู ห้นกั เรยี นทา Unit Question ท้ายหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 ในหนงั สือเรียนชวี วิทยา ม.4 เลม่ 2 16.ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ในแบบฝึกหัดชีววิทยา ม.4 เล่ม 2 17.ครใู หน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 17.ครูตรวจสอบผลจากใบงาน เรอ่ื ง การเกิดสปีชีสใ์ หมข่ องส่ิงมชี วี ิต 18.ครูตรวจสอบผลจากรายงานและการนาเสนอกิจกรรม การปรับปรุงพันธพุ์ ืชแบบพอลิพลอยดี 19.ครูตรวจสอบผลจากการตอบคาถาม Unit Question ทา้ ยหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 ในหนังสือเรียนชีววิทยา ม.4 เลม่ 2 20.ครูตรวจสอบผลจากการทาแบบทดสอบท้ายหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ในแบบฝกึ หัดชีววทิ ยา ม.4 เลม่ 2 21.ครูตรวจสอบผลจากการตอบคาถามในแบบฝึกหัดชีววทิ ยา ม.4 เล่ม 2

7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วิธวี ัด เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน - แบบประเมนิ ช้ินงาน 7.1 การประเมินชิน้ งาน/ - ใบงาน เร่อื ง การเกดิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) สปชี ีส์ใหมข่ องสง่ิ มชี ีวติ 7.2 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ - ประเมนิ การนาเสนอ - ผลงานทน่ี าเสนอ - ระดับคุณภาพ 2 1) กาเนดิ ของสปชี สี ์ ผลงาน ผ่านเกณฑ์ - แบบสังเกตพฤติกรรม 2) การนาเสนอผลงาน - สงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คล - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทางานรายบคุ คล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม การทางานกลุม่ - ระดับคณุ ภาพ 2 การทางานรายบุคคล การทางานกล่มุ - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรม - สงั เกตความมวี ินยั คุณลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2 การทางานกลุม่ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั อันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 5) หนงั สือเรียนชีววทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 ววิ ฒั นาการ 6) แบบฝกึ หดั ชีววิทยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 วิวฒั นาการ 7) PowerPoint เรอ่ื ง วิวฒั นาการ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) ห้องสมดุ 3) สื่อออนไลน์

9. ขอ้ เสนอแนะ  ใชส้ อนได้  ควรปรับปรุง ………………………………………………………………………………..………………………………………. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 10. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ช้นั ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดี  พอใช้  ปรับปรุง……………………… ความเหมาะสมของเวลา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของสอ่ื  ดี  พอใช้  ปรับปรุง……………………… อนื่ ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนดา้ นความรู้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อย่ใู นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรูฯ้ อยู่ในระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 4 12. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รยี นด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยูใ่ นระดบั 4 13. สรปุ ผลการประเมินผู้เรียนด้านคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดับ 4

14. สรุปผลการประเมนิ ผูเ้ รียน นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดับ 1 (ปรับปรงุ ) นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….. มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 2 (พอใช้) นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….. มผี ลการเรียนร้ฯู อยู่ในระดบั 3 (ดี) นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ……….. มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 4 (ดีมาก) สรปุ โดยภาพรวมมนี กั เรียน จานวน………คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….ทผ่ี ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขึ้นไป ซึง่ สงู (ต่า) กวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ร้อยละ………มนี ักเรยี นจานวน……คน คิดเปน็ รอ้ ยละ…… ที่ไมผ่ ่านเกณฑ์ที่กาหนด 15. ข้อสงั เกต/ค้นพบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 16. แนวทางแกไ้ ขปัญหาเพ่ือปรบั ปรุง .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 17. ผลการพัฒนา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................ (นางสาวจริ ชั ญา ชัยธรี ธรรม) ผู้สอน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook