Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.4

หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.4

Description: หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.4

Search

Read the Text Version

ชดุ หลักสตู รต๎านทจุ ริตศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ 1

ชุดหลักสูตรต๎านทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 คานา ตามท่ีสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาแจ๎งให๎โรงเรียนนวมินทราชินูทิศสตรวิทยา ๒ ดําเนินการสอนตามหลักสูตรต๎าน ทจุ รติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education) ของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหํงชาติ ที่รํวมจัดทาํ กบั สาํ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน จากนโยบายดังกลําว โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ จึงได๎จัดทําชุดการสอน เรื่อง การป้องกันการ ทุจริต ประกอบกิจกรรมเสริมหลักสูตร “หลักสูตรต๎านทุจริตศึกษา” (Anti - Corruption Education) ระดับ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เพ่ือให๎ผู๎เรียนเกิดความร๎ูความเข๎าใจ และทักษะในเรื่อง การคิด แยกแยะระหวํางผลประโยชนส์ ํวนตนและผลประโยชน์สวํ นรวม ความอายและความไมํทนตํอการทุจริต STRONG : จิต พอเพียงต๎านทุจริต พลเมืองและความรับผิดชอบตํอสังคม โดยเร่ิมใช๎ในปีการศึกษา 2562 เพื่อเป็นกลไกระยะยาวใน การปลูกฝงั วิธคี ดิ ป้องกนั การทุจริตให๎แกผํ ู๎เรียน รวํ มกันสร๎างประเทศไทยใสสะอาด ไทยทัง้ ชาตติ า๎ นทุจริต คณะผ๎ูจดั ทํา ครูกลุมํ สาระการเรยี นรู๎สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม หนา๎ 2

ชุดหลกั สูตรตา๎ นทุจริตศกึ ษา ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 สารบญั เรื่อง หน้า หนวํ ยที่ 1 เรอ่ื ง การคิดแยกแยะระหวํางผลประโยชน์สํวนตนกับผลประโยชน์สวํ นรวม 1 ใบความรู๎ท่ี 1 เร่อื ง การคิดแยกแยะระหวาํ งผลประโยชน์สวํ นตนและผลประโยชนส์ วํ นรวม 2 ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง การคิดแยกแยะระหวาํ งผลประโยชนส์ วํ นตนและผลประโยชน์สํวนรวม 3 ใบความรท๎ู ่ี 2 เร่ือง ระบบความคดิ ฐาน 2 4 ใบงานที่ 2 เรื่อง ระบบคดิ ฐาน 2 8 ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง ระบบคดิ ฐาน 2 9 ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง ระบบคดิ ฐาน 2 10 ใบความรท๎ู ่ี 3 เรอื่ ง ระบบความคดิ ฐาน 10 11 ใบงานท่ี 3 เร่อื ง ระบบคดิ ฐาน 10 13 ใบความรู๎ท่ี 4 เรอ่ื ง จรยิ ธรรมและการทจุ ริต 14 ใบงานท่ี 4 เรื่อง พฤติกรรมท่เี ป็นจรยิ ธรรมและการทจุ รติ 17 ใบความรู๎ที่ 5 เรือ่ ง การขัดกันระหวาํ งผลประโยชน์สํวนตนและผลประโยชนส์ ํวนรวมทส่ี งํ ผลตํอสงั คม 18 ใบงานท่ี 5 เรอื่ ง การขัดกนั ระหวํางผลประโยชนส์ วํ นตนและผลประโยชนส์ วํ นรวมทส่ี งํ ผลตอํ สงั คม 19 ใบความรท๎ู ่ี 6 เรื่อง ปัญหาของผลประโยชน์ทบั ซอ๎ นท่ีสงํ ผลตํอการพฒั นาประเทศ 20 ใบงานที่ 6 เรอ่ื ง ปัญหาของผลประโยชน์ทบั ซ๎อนทส่ี ํงผลตํอการพัฒนาประเทศ 22 ใบความรท๎ู ่ี 7 เรอื่ ง ประมวลกฎหายอาญามาตรา 1 (1) โดยทุจรติ 23 ใบงานท่ี 7 เร่อื ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (1) โดยทจุ รติ 25 หนํวยที่ 2 ความละอายและความไมํทนตํอการทุจริต 26 ใบความรู๎ที่ 8 เรื่อง ความละอายและความไมํทนตํอการทุจรติ 27 ใบงานที่ 8 เรือ่ ง ความละอายตอํ การทจุ รติ 31 ใบความร๎ทู ่ี 9 เรือ่ ง แนวทางการแก๎ปัญหาและวิธปี ฏบิ ตั ิ 32 ใบงานท่ี 9 เรื่อง แนวทางการแกป๎ ัญหาและวิธปี ฏิบตั ิ 36 หนวํ ยท่ี 3 STRONG : จิตพอเพยี งตา๎ นทจุ ริต 38 ใบความรู๎ท่ี 10 เรอื่ ง STRONG MODEL: จิตพอเพยี งต๎านทจุ ริต 39 ใบงานที่ 10 เร่ือง STRONG MODEL: จติ พอเพยี งตา๎ นทจุ ริต 41 ใบงานที่ 10.1 เร่อื ง STRONG MODEL : จิตพอเพยี งตา๎ นทจุ รติ 42 หนํวยท่ี 4 พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบตอํ สังคม 43 ใบความร๎ูเร่ืองที่ 11 แนวทางการสร๎างเสริมสาํ นึกความเปน็ พลเมือง : กรณศี กึ ษาประเทศไทย 44 ใบงานท่ี 11 เรอ่ื ง แนวทางการสร๎างเสรมิ สํานึกความเปน็ พลเมอื ง : กรณศี กึ ษา จังหวัดลําปาง 46 ใบความร๎ทู ี่ 12 เรือ่ ง แนวทางการสร๎างเสริมสาํ นึกความเป็นพลเมือง : กรณีศึกษาประเทศไทย 47 ใบงานท่ี 12 เรอ่ื ง แนวทางการสรา๎ งเสริมสํานึกความเปน็ พลเมอื ง : กรณีศึกษา จังหวัดสกลนคร 48 ใบความรท๎ู ่ี 13 เรือ่ ง แนวทางการสรา๎ งเสริมสาํ นกึ ความเป็นพลเมือง : กรณศี กึ ษา จงั หวัดยะลา 49 ใบงานท่ี 13 เรอ่ื ง แนวทางการสร๎างเสรมิ สํานึกความเปน็ พลเมอื ง : กรณศี กึ ษา จังหวดั ยะลา 51 หนา๎ 3

ชดุ หลักสูตรตา๎ นทุจรติ ศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยท่ี 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กบั ผลประโยชน์ส่วนรวม หน๎า 4

ชุดหลักสูตรตา๎ นทจุ รติ ศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ชดุ การสอนที่ 1 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมทสี่ ่งผลตอ่ ระดับประเทศ ใบความรู้ท่ี 1 เรื่อง การคดิ แบบแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม ประโยชน์สํวนตนกับประโยชน์สํวนรวม ถ๎าเราจะคิดถึงประโยชน์เพียงแงํเดียว คือ ประโยชน์ของเราสํวนตัว ตํางคนตาํ งก็ตอ๎ งการประโยชน์สํวนตัว แล๎วจะเปน็ ประโยชน์สวํ นรวมได๎อยาํ งไร เพราะฉะน้ันประโยชน์ของสํวนตัวกับประโยชน์ของสํวนรวมก็จะต๎องสอดคล๎องกัน คือ ประโยชน์ ของเราก็ จะตอ๎ งเกีย่ วข๎องกับประโยชน์ของคนอ่ืนด๎วย ไมํใชํวําเราได๎ประโยชน์แล๎วคนอ่ืนเสียประโยชน์ แล๎วประโยชน์สํวนรวมเสียไป แล๎วจะทําให๎เรานัน้ ไดป๎ ระโยชนอ์ ยํคู นเดยี วนั้น เปน็ ส่งิ ทเ่ี ป็นไปไมํได๎ เพราะฉะนนั้ ประโยชน์ท่แี ท๎จริง คอื ประโยชนส์ วํ นรวมก็ตอ๎ งมาจากประโยชน์สวํ นตวั ของแตํละคนด๎วย ถ๎าแตํ ละคนได๎รับประโยชน์สํวนตัวหมดทุกคน ก็ทําให๎สํวนรวมได๎รับประโยชน์นั้นด๎วย ถ๎าประโยชน์สํวนตัวน้ันเป็นไปเพื่อ ประโยชนส์ ํวนรวม เพราะฉะนั้นกํอนอื่นต๎องเข๎าใจวํา ประโยชน์ของเราสํวนตัวทําให๎สํวนรวมได๎ประโยชน์หรือเปลํา หรือถ๎า ประโยชนส์ วํ นตวั ของเรานนั้ ไมทํ ําใหเ๎ กดิ ประโยชนแ์ กํสํวนรวมเลย อันนั้นก็ไมํมีทางสําเร็จได๎ แตํถ๎าประโยชน์ของเราซึ่ง เป็นสํวนตัว เป็นประโยชน์ของสวํ นรวมด๎วย ตาํ งคนตาํ งชํวยกนั ทําใหไ๎ ดท๎ ง้ั ประโยชน์สํวนรวมและประโยชน์สํวนตัวด๎วย อันนั้นกจ็ ะได๎ประโยชนท์ งั้ 2 ฝา่ ย ผลประโยชน์สํวนบุคคล กับ ผลประโยชนส์ ํวนรวม ขดั กนั เจ๎าหนา๎ ที่ของรัฐ มหี นา๎ ที่รกั ษาผลประโยชน์สํวนรวม การปฏบิ ัติหน๎าทข่ี องเจา๎ หนา๎ ที่ จงึ ตอ๎ งไมมํ ีผลประโยชน์สวํ นตัวเขา๎ มา เกี่ยวข๎อง 1. การใชต๎ ําแหนํงไปดําเนนิ การเพอ่ื ประโยชนท์ างธุรกจิ ของตนเองโดยตรง 2. ใช๎ตําแหนงํ ไปชวํ ยเหลือญาตสิ นิทมติ รสหาย 3. การรบั ผลประโยชนโ์ ดยตรง 4. การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยใชต๎ ําแหนงํ หนา๎ ทก่ี ารงาน 5. การนําทรัพย์สินของหนวํ ยงานไปใชส๎ วํ นตัว 6. การนําขอ๎ มูลอนั เป็นความลับของหนวํ ยงานมาใช๎ประโยชนส์ วํ นตัว 7. การทํางานอีกแหงํ หนงึ่ ที่ขัดแยง๎ กับแหํงเดมิ 8. ผลประโยชนท์ บั ซ๎อนจากการเปลี่ยนสถานทีท่ าํ งาน 9. การปิดบงั ความผิด หน๎า 5

ชุดหลักสูตรตา๎ นทจุ ริตศกึ ษา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง การคิดแบบแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม คาชแี้ จง ใหน๎ ักเรยี นเขียนพฤติกรรมของบุคคลท่ีบงํ บอกถึงการคาํ นึงถึงผลประโยชนส์ ํวนรวมและผลประโยชน์สวํ นตน มาอยาํ งละ 5 ข๎อ พร๎อมติดหรอื วาดภาพประกอบ ผลประโยชน์ส่วนรวม ภาพประกอบ ผลประโยชนส์ ่วนตน ภาพประกอบ 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. หน๎า 6

ชดุ หลักสูตรตา๎ นทุจริตศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ชุดการสอนท่ี 2 ระบบคิดฐาน 2 ทสี่ ่งผลต่อตนเอง ประเทศ และโลก ใบความรู้ที่ 2 เรือ่ ง ระบบความคดิ ฐาน 2 ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข๎อมูลท่ีสามารถเลือกได๎เพียง 2 ทางเทํานั้น คือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หน่ึง) และอาจหมายถึงโอกาสท่ีจะเลือกได๎เพียง 2 ทาง เชํน ใชํ กับ ไมํใชํ, เท็จ กับ จริง, ทําได๎ กับ ทํา ไมํได๎, ประโยชน์สํวนบุคคลกับประโยชน์สํวนรวม เป็นต๎น จึงเหมาะกับการนํามาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของ เจา๎ หน๎าท่ีของรฐั ทต่ี ๎องสามารถแยกเรือ่ งตําแหนงํ หนา๎ ท่ีกับเร่ืองสํวนตัวออกจากกันได๎อยํางเด็ดขาด และไมํกระทําการที่ เป็นการขัดกนั ระหวาํ งประโยชนส์ วํ นบุคคลและประโยชน์สํวนรวม หน๎า 7

ชดุ หลักสตู รต๎านทจุ ริตศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ 8

ชดุ หลักสตู รต๎านทจุ ริตศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ 9

ชดุ หลกั สูตรตา๎ นทจุ ริตศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 คิดได้ คดิ ให้ได้ คดิ ให้ดี คิดใหเ้ ป็น คดิ ดี 1. คิดกอ่ นทา (ก่อนกระทาการทจุ ริต) 2. คดิ ถึงผลเสียผลกระทบตอ่ ประเทศชาติ (ความเสยี หายที่เกดิ ข้ึนกบั ประเทศในทกุ ดา้ น) 3. คิดถึงผ้ไู ดร้ บั บทลงโทษจากการกระทาการทจุ ริต (เอามาเปน็ บทเรยี น) 4. คิดถึงผลเสียผลกระทบทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กับตนเอง (จะตอ้ งอยู่กับความเสย่ี งทจี่ ะถกู ร้องเรียน ถูกลงโทษไลอ่ อกและตดิ คุก) 5. คิดถึงคนรอบขา้ ง (เสือ่ มเสยี ตอ่ ครอบครัวและวงศ์ตระกูล) 61.. คคดิิดแอยบ่าบงพมอสี เตพสิ ียมั งปไมชเ่ ัญบยีญดะเบยี นตนเอง ไมเ่ บียดเบียนผอู้ ่ืน และไมเ่ บียดเบยี นประเทศชาติ 2. คดิ อย่างรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ กฎระเบยี บ 3. คดิ ตามคุณธรรมวา่ “ทาดไี ดด้ ี ทาชัว่ ไดช้ ว่ั ” 1. คดิ แยกเรอื่ งประโยชนส์ ่วนบุคคลและประโยชนส์ ่วนรวมออกจากกันอย่างชดั เจน 2. คดิ แยกเร่ืองตาแหนง่ หน้าท่ี กับ เร่ืองส่วนตัวออกจากกัน 3. คดิ ท่ีจะไมน่ าประโยชน์สว่ นตนกับประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกัน มาก้าวก่ายกัน 4. คดิ ท่ีจะไมเ่ อาประโยชน์ส่วนรวมมาเปน็ ประโยชน์ส่วนตน 5. คิดที่จะไมเ่ อาผลประโยชนส์ ว่ นรวมมาตอบแทนบุญคุณส่วนตน 6. คิดเห็นแก่ประโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นตน เครอื ญาติ และพวกพ้อง หนา๎ 10

ชดุ หลกั สูตรต๎านทจุ ริตศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบงานท่ี 2 เรอื่ ง ระบบคิดฐาน 2 คาชแี้ จง จงตอบคาํ ถามตอํ ไปน้ี 1) ระบบคิดฐาน 2 คอื 2) ระบบคดิ ฐาน 2 ดีหรอื ไม่ อย่างไร 3) สงั คมจะเป็นอยา่ งไร ถ้าใช้ระบบคดิ ฐาน 2 4) จงเขยี นพฤตกิ รรมของตนเองทเี่ ป็นระบบคิดฐาน 2 มาสัก 3 พฤติกรรม 5) ประโยชนท์ ี่ได้รับจากการใชร้ ะบบคดิ ฐาน 2 ตอ่ ตนเอง ต่อสังคมและประเทศชาติ ต่อตนเอง ตอ่ สังคม ต่อประเทศชาติ หนา๎ 11

ชุดหลกั สูตรตา๎ นทจุ ริตศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ใบงานที่ 2.1 เร่ือง ระบบคิดฐาน 2 คาชแ้ี จง ใหน๎ กั เรียนศึกษาเรอ่ื ง The Bridge จาก QR Code ดา๎ นลําง แล๎วตอบคําถามตามประเด็นท่ีกาํ หนดใหด๎ งั นี้ 1) เกิดเหตกุ ารณอ์ ะไรขึ้น 2) ผลของเหตุการณเ์ ป็นอยํางไร 3) ทาํ ไมลูกชายของพนักงานสบั รางรถไฟจงึ เสยี ชวี ติ 4) การกระทาํ ของพอํ แสดงถงึ ความคดิ เห็นของเขาเปน็ อยํางไร 5) นักเรยี นวิเคราะหก์ ารกระทาํ ของพนักงานรถไฟฟา้ วาํ ทาํ ถกู หรอื ทาํ ผิด เพราะเหตใุ ดจึงคิดเชํนน้ัน 6) เหตุการณใ์ ดที่ระบวุ ําใชร๎ ะบบคดิ ฐาน 2 7) นักเรียนจะนําระบบคิดฐาน 2 มาประยกุ ต์ใช๎ในชีวิตประจาํ วนั ไดอ๎ ยาํ งไร หนา๎ 12

ชุดหลักสตู รตา๎ นทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ใบงานท่ี 2.2 เรือ่ ง ระบบคดิ ฐาน 2 คาชี้แจง ใหน๎ กั เรยี นเขียนแนวทางการประพฤตติ นที่ใช๎ระบบคิดฐาน 2 ในการดาํ เนินชวี ิตใหเ๎ กดิ ประโยชน์ตอํ สังคม หนา๎ 13

ชุดหลกั สตู รต๎านทจุ รติ ศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ชุดการสอนที่ 3 เรอ่ื งระบบคิดฐาน 10 ท่ีสง่ ผลต่อตนเอง ประเทศและโลก ใบความรู้ท่ี 3 เร่ือง ระบบความคิดฐาน 10 ระบบเลข “ฐานสิบ” (decimal number system) หมายถึง ระบบเลขท่ีมีตัวเลข 10 ตัว Analog Thinking คือ 0 , 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 เป็นระบบคิดเลขที่เราใช้ในชีวิตประจาวันกันมา ตั้งแต่จาความกนั ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บอกปริมาณหรือบอกขนาด ช่วยให้เกิดความเข้าใจท่ี ตรงกนั ในการส่ือความหมาย สอดคล้องกับระบบ “Analog” ที่ใช้ค่าต่อเน่ืองหรือสัญญาณ ซ่ึงเป็นค่าต่อเน่ือง หรือแทนความหมายของข้อมูลโดยการใ ช้ฟังช่ันที่ต่อเนื่องหรือ ระบบเลข “ฐานสอง” (binCaornytinnuuomubser system) หมายถึง ระบบ เลขท่ีมีสัญลักษณ์เพียงสองตัว คือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หน่ึง) สอดคล้องกับ การทางานระบบ Digital ทม่ี ลี ักษณะการทางานภายในเพยี ง 2 จงั หวะ คือ 0 กับ 1 หรอื ON กบั OFF ตดั เดด็ ขาด หรอื Discrete เมื่อนําระบบเลข “ฐานสิบ Analog” และ ระบบเลข “ฐานสอง Digital” มาปรับใช๎เป็นแนวคิด คือ ระบบคิด “ฐานสิบ Analog” และ ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” จะเหน็ ไดว๎ ํา... ระบบคิด “ฐานสิบ Analog” เป็นระบบการคดิ วิเคราะหข์ อ๎ มูลทม่ี ตี ัวเลขหลายตัว และอาจหมายถึงโอกาสที่ จะเลือกได๎หลายทาง เกิดความคิดท่ีหลากหลาย ซับซ๎อนหากนํามาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐ จะทําให๎เจ๎าหน๎าที่ของรัฐต๎องคิดเยอะ ต๎องใช๎ดุลยพินิจเยอะ อาจจะนําประโยชน์สํวนบุคคลและประโยชน์สํวนรวมมา ปะปนกนั ได๎ แยกประโยชน์สํวนบคุ คลและประโยชนส์ วํ นรวมออกจากกนั ไมไํ ด๎ หนา๎ 14

ชดุ หลักสตู รต๎านทจุ ริตศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ 15

ชุดหลกั สตู รต๎านทุจริตศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ใบงานท่ี 3 เรอื่ ง ระบบคดิ ฐาน 10 คาชแี้ จง ใหน๎ ักเรยี นพิจารณาพฤติกรรมตํอไปน้ีโดยใสํเครื่องหมาย  หน๎าพฤติกรรมท่สี อดคล๎องกบั ระบบคดิ ฐาน 10 และใสเํ ครือ่ งหมาย  หนา๎ พฤติกรรมทส่ี อดคล๎องกับระบบคิดฐาน 2 1. ครูชาครติ เอารถยนตข์ องโรงเรยี นไปรับ-สํง ลูกของตนเองไปโรงเรยี น 2. ครวู ุ๎นเสน๎ รบั ประทานอาหารกลางวันทโ่ี รงเรียนและจํายคําอาหารทุกวนั 3. สมศรีนาํ โทรศัพท์มือถือของตนเองมาชาร์ตไฟในหอ๎ งเรียนเวลาพกั กลางวัน 4. ลกู ชายของสมศกั ดิ์สมคั รสอบเขา๎ คัดเลอื กเพ่ือเรยี นตํอโรงเรียนเตรยี มทหาร 5. ครทู ิพยส์ ุวรรณมกั ถํายเอกสารใบงานจากท่โี รงเรยี น และนาํ กลบั ไปสอนพเิ ศษท่บี ๎านเพือ่ หารายได๎เสริมในวันเสาร์และอาทิตย์ 6. สุจติ ราอธบิ ายการสมคั รเขา๎ ใช๎ Application เปา๋ ตงั ให๎กับชาวบ๎านทีม่ าติดตํอที่ธนาคาร ฟัง 7. ภารโรงล๎างรถยนต์สํวนตวั ในวันหยดุ ทโ่ี รงเรยี น 8. สมบตั นิ าํ เคร่ืองตัดหญา๎ ของเทศบาลไปตดั หญ๎าที่บา๎ นตนเองทุกเดอื น 9. ทิวาเข๎าควิ ซอื้ ต๋ัวเพื่อชมภาพยนตร์ 10. นายดาํ เอาขยะบา๎ นตนเองไปท้ิงหนา๎ บา๎ นนายแดง คาช้ีแจง ให้นกั เรียนศึกษาเรือ่ ง ผดั ไทประตูผี จาก QR Code แลว้ ตอบคาถามตามประเดน็ ท่ีกาหนด 1) ถา๎ นักเรียนเปน็ เจ๎าของรา๎ นผัดไทย นักเรียนตัง้ โต๏ะรมิ ทางเดนิ หรอื ไมํ เพราะเหตใุ ด 2) นกั เรยี นเห็นด๎วยหรอื ไมกํ บั เหตุการณ์น้ี เพราะเหตุใด 3) นักเรียนมีวธิ แี ก๎ปัญหานี้อยํางไร 4) “การกระทําของเจ๎าของร๎านผัดไทย เป็นการคิดเห็นแกํประโยชน์สํวนตนวําประโยชน์สํวนรวมวําสํงผลตํอตนเอง ตํอประเทศและโลกอยํางไร ซง่ึ การคดิ น้เี ปน็ การคิดแบบฐาน 10 หน๎า 16

ชดุ หลกั สตู รตา๎ นทุจริตศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ชุดการสอนท่ี 4 ประมวลกฎหมายจริยธรรมทเ่ี กี่ยวข้องกบั นักเรียนและครู ใบความรู้ที่ 4 เร่ือง จรยิ ธรรมและการทจุ ริต ความหมายของจริยธรรม จริยธรรม คือ ความสาํ นกึ หรอื ความประพฤติท่ดี งี ามเพ่อื ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคม คําวํา \"จริยธรรม\" แยกออกเป็น จริย + ธรรม ซ่ึงคําวํา จริย หมายถึง ความประพฤติหรือกิริยาที่ควรประพฤติ สํวนคําวํา ธรรม มี ความหมายหลายประการ เชํน คุณความดี, หลักคําสอนของศาสนา, หลักปฏิบัติ เม่ือนําคําท้ังสองมารวมกันเป็น \"จรยิ ธรรม\" จงึ มีความหมายตามตัวอักษรวํา \"หลกั แหํงความประพฤต\"ิ หรือ \"แนวทางของการประพฤต\"ิ จริยธรรม เป็นส่ิงที่ควรประพฤติ มีท่ีมาจากบทบัญญัติหรือคําสั่งสอนของศาสนา หรือใครก็ได๎ที่เป็นผู๎มี จรยิ ธรรม และได๎รับความเคารพนับถือมาแลว๎ ลักษณะของผูม้ จี ริยธรรม ผู้มีจรยิ ธรรมจะเปน็ ผู้ทีม่ ีคณุ ลักษณะดังนี้ 1. เป็นผท๎ู ี่มีความเพยี รความพยายามประกอบความดี ละอายตํอการปฏิบตั ิช่วั 2. เป็นผม๎ู คี วามซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ ยุติธรรม และมเี มตตากรณุ า 3. เป็นผม๎ู ีสตปิ ญั ญา รู๎สกึ ตัวอยูเํ สมอ ไมํประมาท 4. เปน็ ผูใ๎ ฝ่หาความรู๎ ความสามารถในการประกอบอาชีพ เพือ่ ความม่นั คง 5. เปน็ ผู๎ทร่ี ัฐสามารถอาศัยเป็นแกนหรอื ฐานให๎กับสังคม สําหรบั การพฒั นาใด ๆ ได๎ ควรให๎มีการสร๎างบรรยากาศหรือสภาวะแวดล๎อมในการทํางานให๎ดีด๎วย ดังเชํนไมํให๎คนมีงานทํามากเกินไป หรือน๎อยเกินไป การพิจารณาความดีความชอบให๎มีความยุติธรรม และสํงเสริมด๎วยมนุษยสัมพันธ์ภายในองค์การด๎วย ซ่ึงบรรยากาศท่ีดีจะชํวยการพัฒนาจิตใจ ในด๎านสถาบันการศึกษาก็ควรได๎มีการบรรจุหลักคุณธรรมไว๎ในหลักสูตร เพื่อ เป็นการพัฒนาและให๎การศกึ ษากับคนท้ังชาติ เพอ่ื การพฒั นาจติ ใจของคนในชาตใิ ห๎มีคณุ ภาพ ทจุ รติ คืออะไร คําวําทุจริต มีการให๎ความหมายได๎มากมาย หลากหลาย ขึ้นอยํูกับวําจะมีการให๎ความหมายดังกลําวไว๎วํา อยํางไร โดยที่คําวําทุจริตนั้น จะมีการให๎ความหมายโดยหนํวยงานของรัฐ หรือการให๎ความหมายโดยกฎหมายซ่ึงไมํวําจะ เป็นการให๎ความหมายจากแหลํงใด เนื้อหาสําคัญของคําวําทุจริตก็ยังคงมีความหมายที่สอดคล๎องกันอยํู นั่นคือ การทุจริต เป็นส่ิงท่ีไมํดี มีการแสวหาหรือเอาผลประโยชน์ของสํวนรวม มาเป็นของสํวนตัว ท้ังๆ ท่ีตนเองไมํได๎มีสิทธิในสิ่งๆ นั้น การยึดถือ เอามาดังกลําวจงึ ถอื เป็นสิง่ ท่ผี ิด ทั้งในแงขํ องกฎหมายและศีลธรรม ดังน้ัน การทุจริต คือ การคดโกง ไมํซื่อสัตย์สุจริต การกระทําที่ผิดกฎหมาย เพ่ือให๎เกิดความได๎เปรียบในการ แขํงขัน การใช๎อํานาจหน๎าท่ีในทางท่ีผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์หรือให๎ได๎รับสิ่งตอบแทน การให๎หรือการรับสินบน การ กําหนดนโยบายท่ีเอือ้ ประโยชน์แกตํ นหรือพวกพ๎องรวมถงึ การทจุ รติ เชงิ นโยบาย รูปแบบการทุจริต รูปแบบการทุจริตท่ีเกิดข้ึนสามารถแบํงได๎ 3 ลักษณะ คือ แบํงตามผ๎ูที่เก่ียวข๎อง แบํงตามกระบวนการ ทีใ่ ช๎ และแบํงตามลักษณะรูปธรรม ดังน้คี อื หน๎า 17

ชุดหลักสูตรต๎านทุจริตศึกษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 1) แบ่งตามผู้ที่เก่ียวข้อง เป็นรูปแบบการทุจริตในเร่ืองของอํานาจและความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ระหวํางผ๎ูที่ ให๎การอุปถัมภ์ (ผู๎ให๎การชํวยเหลือ) กับผู๎ถูกอุปถัมภ์ (ผ๎ูท่ีได๎รับการชํวยเหลือ) โดยในกระบวนการการทุจริตจะมี 2 ประเภท คือ (1) การทุจริตโดยข๎าราชการ หมายถึงการกระทําที่มีการใช๎หนํวยงานราชการเพ่ือมุํงแสวงหา ผลประโยชนจ์ ากการปฏบิ ตั ิงานของหนํวยงานนั้นๆ มากกวําประโยชน์สํวนรวมของสังคมหรือประเทศ โดยลักษณะของ การทุจรติ โดยข๎าราชการสามารถแบงํ ออกเป็น 2 ประเภทยอํ ย ดังนี้ ก) การคอร์รัปชันตามน้ํา (corruption without theft) จะปรากฏขึ้นเม่ือเจ๎าหน๎าที่ของรัฐต๎องการ สินบนโดยให๎มีการจํายตามชํองทางปกติของทางราชการ แตํให๎เพิ่มสินบนรวมเข๎าไว๎กับการจํายคําบริการของหนํวยงาน น้ันๆ โดยท่ีเงินคําบริการปกติท่ีหนํวยงานน้ันจะต๎องได๎รับก็ยังคงได๎รับตํอไป เชํน การจํายเงินพิเศษให๎แกํเจ๎าหน๎าที่ใน การออกเอกสารตํางๆ นอกเหนือจากคําธรรมเนียมปกตทิ ่ีต๎องจํายอยูํแลว๎ เปน็ ต๎น ข) การคอร์รัปชันทวนนํ้า (corruption with theft) เป็นการคอร์รัปชันในลักษณะท่ีเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐจะ เรียกร๎องเงินจากผ๎ูขอรับบริการโดยตรง โดยท่ีหนํวยงานน้ันไมํได๎มีการเรียกเก็บเงินคําบริการแตํอยํางใดเชํน ในการออก เอกสารของหนํวยงานราชการไมํได๎มีการกําหนดให๎ต๎องเสียคําใช๎จํายในการดําเนินการ แตํกรณีน้ีมีการเรียกเก็บ คาํ ใชจ๎ ํายจากผทู๎ มี่ าใชบ๎ รกิ ารของหนวํ ยงานของรฐั (2) การทุจริตโดยนักการเมือง (political corruption) เป็นการใช๎หนํวยงานของทางราชการโดย บรรดานักการเมืองเพื่อมํุงแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเงินมากกวําประโยชน์สํวนรวมของสังคมหรือประเทศ เชนํ เดียวกัน โดยรูปแบบหรอื วธิ ีการทัว่ ไปจะมีลักษณะเชํนเดียวกับการทุจริตโดยข๎าราชการ แตํจะเป็นในระดับท่ีสูงกวํา เชํน การทุจริตในการประมูลโครงการกํอสร๎างขนาดใหญํ และมีการเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตํางๆ จากภาคเอกชน เปน็ ตน๎ 2) แบ่งตามกระบวนการท่ีใช้ มี 2 ประเภทคือ (1) เกิดจากการใช๎อํานาจในการกําหนด กฎ กติกาพื้นฐาน เชํน การออกกฎหมาย และกฎระเบียบตํางๆ เพ่ืออํานวยประโยชน์ตํอกลุํมธุรกิจของตนหรือพวกพ๎อง และ (2) เกิดจากการใช๎ อาํ นาจหนา๎ ทเี่ พอ่ื แสวงหาผลประโยชนจ์ ากกฎ และระเบียบที่ดาํ รงอยํู ซึ่งมักเกิดจากความไมํชัดเจนของกฎและระเบียบ เหลําน้ันท่ีทําให๎เจ๎าหน๎าที่สามารถใช๎ความคิดเห็นของตนได๎ และการใช๎ ความคิดเห็นน้ันอาจไมํถูกต๎องหากมีการใช๎ไป ในทางที่ผิดหรอื ไมยํ ุติธรรมได๎ 3) แบ่งตามลักษณะรูปธรรม มที ้งั หมด 4 รูปแบบคือ (1) คอรร์ ปั ชนั จากการจัดซื้อจัดหา (Procurement Corruption) เชํน การจัดซื้อสิ่งของในหนํวยงาน โดยมกี ารคิดราคาเพ่ิมหรอื ลดคณุ สมบตั ิแตํกาํ หนดราคาซื้อไว๎เทาํ เดิม (2) คอรร์ ัปชนั จากการใหส๎ มั ปทานและสทิ ธิพิเศษ (Concessionaire Corruption) เชนํ การให๎ เอกชนรายใดรายหน่ึงเข๎ามามีสทิ ธใิ นการจดั ทาํ สมั ปทานเป็นกรณีพิเศษตํางกับเอกชนรายอื่น (3) คอรร์ ปั ชนั จากการขายสาธารณสมบัติ (Privatization Corruption) เชนํ การขายกจิ การของ รฐั วิสาหกิจ หรือการยกเอาท่ีดิน ทรพั ยส์ นิ ไปเป็นสิทธิการครอบครองของตํางชาติ เปน็ ตน๎ (4) คอร์รัปชันจากการกํากับดูแล (Regulatory Corruption) เชํน การกํากับดูแลในหนํวยงานแล๎วทํา การทจุ รติ ตาํ ง เปน็ ต๎น หนา๎ 18

ชุดหลักสตู รตา๎ นทุจรติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 คาชีแ้ จง ใหน๎ ักเรยี นศึกษาวีดีทัศน์ “ปัญหาการทจุ รติ คอร์รปั ช่นั ไมใํ ชเํ รือ่ งไกลตัว” และ Paoboonjin (รับทรัพยส์ ิน+ เปน็ คูสํ ญั ญา) จาก QR Code แล๎วตอบคาํ ถามตามประเดน็ ทีก่ าํ หนด 1) การคอร์รัปชัน่ ขนาดใหญํ เกิดจากใคร 2) การทุจรติ ในเรอ่ื งมีอะไรบ๎าง 3) ผลประโยชน์ทับซ๎อนเป็นอยาํ งไร 4) ผลกระทบของการคอร์รปั ชั่นที่มตี อํ ประเทศมีอะไรบา๎ ง หน๎า 19

ชดุ หลักสตู รตา๎ นทุจรติ ศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ใบงานท่ี 4 เรือ่ ง พฤตกิ รรมท่ีเป็นจรยิ ธรรมและการทจุ ริต คาชี้แจง ใหน๎ ักเรียนเขยี นพฤติกรรมที่เปน็ จรยิ ธรรมและพฤติกรรมการทจุ ริต มาอยํางละ 5 ขอ๎ พร๎อมเสนอแนว ทางแก๎ไขพฤติกรรมการทจุ รติ พฤตกิ รรมที่เป็นจริยธรรม พฤตกิ รรมการทุจรติ แนวทางแกไ้ ขพฤติกรรมการทุจรติ 1. 1. 1. 2. 2. 2. 3. 3. 3. 4. 4. 4. 5. 5. 5. หน๎า 20

ชุดหลักสูตรตา๎ นทุจริตศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 ชุดการสอนท่ี 5 การขัดกนั ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ทส่ี ่งผลตอ่ สังคม ต่อประเทศ ใบความรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง การขัดกนั ระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมที่สง่ ผลต่อสังคม ตอ่ ประเทศ รูปแบบของการกระทําทเี่ ป็นการขัดกนั ระหวาํ งประโยชน์สํวนบุคคลกับประโยชน์สวํ นรวม มี 7 รูปแบบ ดงั น้ี 1. การนําทรัพย์สินของหนํวยงานไปใช๎ช่ัวคราว ในกิจการท่ีเป็นของสํวนตน เพ่ือประโยชน์สํวนตัวของ เจา๎ หน๎าท่ีของรฐั และทาํ ให๎หนวํ ยงานของรัฐเสียหาย หรือเสยี ประโยชน์ 2. การทเี่ จ๎าหน๎าทข่ี องรฐั ได๎รบั ทรัพย์สินหรอื ประโยชนต์ าํ งๆ เชํน การรับของขวญั และผลจากการรับทรัพย์สิน น้ัน ได๎สงํ ผลหรอื มีผลตํอการตดั สนิ ใจในการดาํ เนนิ การตามอํานาจหน๎าที่ของเจา๎ หน๎าที่ของรฐั ในการปฏิบตั หิ น๎าท่ี 3. การท่ีเจ๎าหน๎าที่ของรัฐได๎ใช๎ข๎อมูลภายในของรัฐ ซึ่งเป็นข๎อมูลที่มีความสําคัญตํอการกําหนดนโยบายหรือ การส่งั การตามกฎหมายหรอื ตามอาํ นาจหน๎าที่และได๎ใช๎ข๎อมูลน้ันเพ่ือประโยชน์ สําหรับตนเอง ครอบครัว บริวาร ญาติ หรือพวกพ๎อง และจะสงํ ผลกระทบทําให๎การบงั คบั ใชก๎ ฎหมายขาดประสิทธิภาพหรืออาจจะสํงผลให๎การจัดซ้ือจัดจ๎างใน ภาครฐั เกดิ การเออ้ื ประโยชน์หรือทําใหเ๎ กดิ การแขํงขนั ท่ีไมเํ ป็นธรรม 4. การท่ีเจ๎าหน๎าที่ของรัฐได๎ทํางานพิเศษตํางๆ โดยใช๎เวลาในระหวํางท่ีจะต๎องปฏิบัติงานตามอํานาจหน๎าที่ ใหก๎ ับรัฐหรอื หนวํ ยงานของรัฐ 5. การทเี่ จา๎ หนา๎ ท่ขี องรฐั ได๎เข๎ามาทําธรุ กจิ กับหนํวยงานภาครัฐ ในลักษณะท่ีเข๎ามามีสํวนได๎เสียในสัญญาตํางๆ ท่ไี ดท๎ าํ ไวก๎ ับหนวํ ยงานของรัฐ 6. การท่ีเจา๎ หนา๎ ทข่ี องรัฐได๎ทํางานในภาคเอกชน ที่มีความเกี่ยวขอ๎ งเชื่อมโยงกับอาํ นาจหน๎าทขี่ องเจ๎าหน๎าท่ี ของรัฐน้ัน ในภายหลัง อันเป็นเวลาตอํ เน่ืองเม่ือได๎พ๎นจากการเป็นเจ๎าหน๎าท่ีของรฐั แล๎ว 7. การท่ีเจ๎าหน๎าที่ของรฐั ได๎กําหนดโครงการสาธารณะและไดน๎ ําโครงการนัน้ ไปลงในพ้ืนที่ของตนเพื่อเอ้อื ประโยชนส์ วํ นตนหรอื ของพวกพ๎อง หน๎า 21

ชุดหลกั สูตรต๎านทจุ ริตศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ใบงานท่ี 5 เรอ่ื ง การขัดกันระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมที่สง่ ผลต่อสังคม ต่อประเทศ คาชีแ้ จง ใหน๎ ักเรียนศึกษาบทความวชิ าการ เรอื่ ง การขดั กันแหงํ ผลประโยชน์ ของ ธนยศ ชวะนิตย์ จาก QR Code แล๎ววเิ คราะห์แตํละรูปแบบของการขัดกนั ระหวํางผลประโยชนส์ วํ นตนและผลประโยชนส์ วํ นรวม วําสํงผลตํอสงั คม และประเทศอยํางไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………… หน๎า 22

ชดุ หลักสตู รตา๎ นทจุ ริตศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ชดุ การสอนที่ 6 เรอื่ ง ปัญหาของผลประโยชน์ทบั ซอ้ นท่ีสง่ ผลตอ่ การพัฒนาประเทศ ใบความรู้ที่ 6 เรื่อง ปญั หาของผลประโยชน์ทับซ้อนทีส่ ่งผลตอ่ การพัฒนาประเทศ ผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest) ผลประโยชน์ทับซ๎อน หรือการขัดกันของผลประโยชน์ (conflict of interest) คือ สถานการณ์ที่บุคคลผ๎ูดํารง ตาํ แหนงํ อนั เป็นทไ่ี ว๎วางใจ (เชนํ ทนายความ นักการเมือง ผูบ๎ ริหาร หรือ ผ๎อู ํานวยการของบริษัทเอกชน หรือ หนํวยงาน รัฐ) เกิดความขัดแย๎งข้ึนระหวํางผลประโยชน์ สํวนตัวกับผลประโยชน์ทางวิชาชีพ (professional interests) อันสํงผล ให๎ เกิดปัญหาที่เขาไมํสามารถปฏิบัติหน๎าที่ได๎อยํางเป็นกลาง / ไมํลําเอียงผลประโยชน์ทับซ๎อนที่เกิดข้ึน อาจสํงผลให๎ เกิดความไมํไวว๎ างใจท่ีมีตํอบุคคลผูน๎ นั้ วาํ เขาจะสามารถปฏิบตั งิ านตามตําแหนํงให๎อยํูในครรลองของคุณธรรมจริยธรรม ไดม๎ ากนอ๎ ยเพียงใด ผลประโยชน์ทับซ๎อน ความหมายของ สํานักงาน ก.พ. สถานการณ์หรือการกระทําของบุคคล (ไมํวําจะเป็น นักการเมือง ข๎าราชการ พนักงานบริษัท ผ๎ูบริหาร) มีผลประโยชน์ สํวนตนเข๎ามาเก่ียวข๎อง จนสํงผลกระทบตํอการ ตัดสินใจหรือการปฏบิ ัตหิ น๎าท่ใี นตําแหนํงนน้ั การกระทาํ ดงั กลําวอาจเกดิ ข้นึ โดยรู๎ตัวหรือไมํร๎ูตัวท้ังเจตนาหรือไมํเจตนา หรือบางเร่ือง เป็นการปฏบิ ัตสิ บื ตํอกันมา จนไมเํ หน็ วาํ จะเปน็ สง่ิ ผดิ แตอํ ยาํ งใดพฤติกรรมเหลํานี้เป็นการกระทําความผิด ทางจริยธรรมของเจ๎าหน๎าที่รัฐที่ต๎องคํานึงถึงผลประโยชน์สาธารณะ (ประโยชน์ ของสํวนรวม) แตํกลับตัดสินใจปฏิบัติ หน๎าที่โดยคาํ นงึ ถงึ ประโยชนข์ องตนเองหรอื พวกพ๎อง แนวคิดของวิชาการ ใหค้ วามหมายของผลประโยชนท์ ับซ้อนไว้ 4 ประการ ดงั นี้ 1. ความหมายอยาํ งกวา๎ ง หมายรวมถึง การปฏิบัติงานตามตําแหนํงหน๎าท่ีท่ีรับผิดชอบอยํางตํอหนํวยงานหรือ องคก์ ารหรอื ตํอสํวนรวมแตดํ ําเนินการตดั สนิ ใจปฏิบตั ิหนา๎ ทโี่ ดยคํานงึ ถงึ ผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัว และเพ่ือน 2. ผลประโยชน์ทับซ๎อนสามารถเกิดข้ึนได๎ทั้งในหนํวยงาน ภาครัฐ องค์กรธุรกิจ สถาบันการศึกษา องค์กร พัฒนาเอกชน และองคก์ รวิชาชพี ตาํ งๆ โดยสมารถเกิดข้ึนได๎ท้งั ในระดบั นโยบายของชาติ หนํวยงานราชการ และองค์กร ในระดับท๎องถ่ิน ดังน้ันผลประโยชน์ทับซ๎อนจึงมีมูลคําความเสียหายต้ังแตํไมํกี่ร๎อยบาทไปจนถึงนับหม่ืนล๎านบาท และ ในบางกรณีความเสียมิไดป๎ รากฏออกมาในรูปของทเี่ ปน็ วตั ถุโดย แตํยังรวมถึงผลประโยชน์มิใชํวัตถุอกี ดว๎ ย 3. ผลประโยชนท์ บั ซอ๎ นมิได๎จาํ กัดเฉพาะผลประโยชนข์ อง บคุ คลเทาํ น้นั แตยํ งั รวมถึงการมีอคติในการตัดสินใจ หรือดําเนินการอันมํุงตอบสนองตํอผลประโยชน์ของหนํวยงานอีกหนํวยงานหน่ึงด๎วย เชํน การที่บุคคลดํารงตําแหนํง ซอ๎ นกันในสองหนํวยงาน อันกํอให๎เกิดการทําบทบาททข่ี ัดแย๎งกัน และมีการใช๎อํานาจหน๎าท่ีของหนํวยงานหน่ึงไปรับใช๎ ผลประโยชน์ของอีกหนํวยงานหน่งึ 4. “การฉ๎อราษฎร์บงั หลวง”และ“การคอร์รัปชัน เชิงนโยบาย” (Policy Corruption) ตํางก็เป็น รูปแบบหน่ึง ของผลประโยชน์ทบั ซ๎อน เน่ืองจากท้ังสอง รูปแบบตํางเป็นการใช๎ตําแหนงหน๎าที่สําหรับมํุงตอบสนอง ตํอผลประโยชน์ สวํ นตัวและ/หรอื พรรคพวก สรปุ ผลประโยชนส์ วํ นบุคคล กบั ผลประโยชน์สํวนรวม ขดั กัน เจ๎าหน๎าทข่ี องรฐั มีหนา๎ ที่รักษาผลประโยชน์ สํวนรวม การปฏบิ ตั หิ นา๎ ที่ของเจา๎ หน๎าท่ี จงึ ต๎องไมมํ ผี ลประโยชน์สวํ นตัวเข๎ามา เก่ยี วข๎อง 1. การใชต๎ าํ แหนงํ ไปดาํ เนินการเพ่อื ประโยชน์ทางธรุ กจิ ของตนเองโดยตรง 2. ใช๎ตาํ แหนงํ ไปชํวยเหลอื ญาตสิ นิทมติ รสหาย หน๎า 23

ชดุ หลกั สูตรตา๎ นทจุ ริตศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 3. การรับผลประโยชนโ์ ดยตรง 4. การแลกเปลี่ยนผลประโยชนโ์ ดยใช๎ตาํ แหนงํ หน๎าที่การงาน 5. การนําทรพั ยส์ นิ ของหนํวยงานไปใช๎สํวนตัว 6. การนําข๎อมูลอันเป็นความลบั ของหนวํ ยงานมาใชป๎ ระโยชน์สํวนตวั 7. การทํางานอีกแหงํ หนงึ่ ที่ขัดแยง๎ กบั แหํงเดิม 8. ผลประโยชน์ทบั ซ๎อนจากการเปลีย่ นสถานทีท่ าํ งาน 9. การปดิ บังความผดิ มาตรการในการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตตามรฐั ธรรมนูญ 1. มาตรการคดั สรรคนดีเข๎าสูํตําแหนงํ ทางการเมือง 2. การกําหนดมาตรการป้องกนการทุจริตในตาํ แหนํง 3. การเพมิ่ ระบบและองค์การตรวจสอบการใช๎อาํ นาจ 4. การมสี ํวนรวมของประชาชนในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต การกาหนดมาตรการปอ้ งกันการทจุ รติ ในตาแหน่ง - การมปี ระมวลจรยิ ธรรมและการห๎ามผลประโยชนข์ ัดกัน - การให๎แสดงบญั ชที รัพยแ์ ละหนส้ี นิ - การใชห๎ ลักโปรงํ ใสในการใช๎อาํ นาจ แนวทางการปฏิบตั ิตนของเจ้าหน้าท่ีของรฐั (1) หลกั นิตธิ รรม (2) หลกั คณุ ธรรม (3) หลักความโปรํงใส (4) หลกั การมสี วํ นรวม (5) หลักความรับผดิ ชอบ (6) หลกั ความค๎ุมคํา หนา๎ 24

ชุดหลักสตู รตา๎ นทจุ รติ ศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบงานท่ี 6 เร่ือง ปญั หาของผลประโยชนท์ ับซอ้ นท่ีสง่ ผลต่อการพัฒนาประเทศ คาช้แี จง ใหน๎ กั เรยี นเลือกศึกษาหัวขอ๎ ดังตอํ ไปน้ี แลว๎ วิเคราะห์ถึงปัญหาผลประโยชนท์ ับซ๎อนจากเร่ืองดงั กลําววําสํงผล ตอํ การพัฒนาประเทศอยาํ งไร พร๎อมท้ังเขยี นแผนผังความคิดในกรอบดา๎ นลําง - การใชต้ าแหน่งหน้าทแี่ สวงหาผลประโยชน์แกเ่ ครือ - การใช้อิทธพิ ลเขา้ ไปมีผลต่อการตดั สนิ ใจของเจ้าหน้าที่หรือ ญาตหิ รือพวกพ้อง หนว่ ยงานของรฐั - การรบั ผลประโยชนต์ า่ งๆ - การทาธรุ กิจกับตนเองหรือคู่สญั ญา - การทางานหลังออกจากตาแหน่ง - การทางานพเิ ศษ หวั ข้อทศ่ี กึ ษาคือ ส่งผลกระทบ หน๎า 25

ชดุ หลกั สูตรต๎านทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ชดุ การสอนที่ 7 เรื่อง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (1) “โดยทุจรติ ” 1 ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง ประมวลกฎหายอาญามาตรา 1 (1) โดยทจุ ริต ประมวลกฎหมายอาญา เป็นบทบัญญัติเกี่ยวของกับความผิดอาญาและโทษ เป็นประมวลกฎหมายอาญาฉบับ ที่2ของไทย (ประมวลกฎหมายอาญาฉบับแรก คือ กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127) ได๎มีพระราชบัญญัติให๎ประมวล กฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 และบังคับใช๎ ตั้งแตํวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2500 และมีพระราชบัญญัติแก๎ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 ตํอมามี พระราชบัญญัติแก๎ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาฉบับท่ี 2 – ฉบับท่ี 12 โดยใช๎เวลาตั้งแตํ พ.ศ. 2512 – 2535 ซ่ึงประมวลกฎหมายอาญาได๎รับการแก๎ไขเพ่ิมเติมอยํางตํอเนื่อง เพ่ือให๎ทันตํอการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยประมวล กฎหมายอาญา มี 398 มาตรา ซ่งึ ไดม๎ บี างมาตราทเี่ ก่ยี วขอ๎ งกับการกระทําโดยประมาท ตัวอยํางเชํน อุบัติเหตุจากการ ขบั รถชนคนตาย เป็นต๎น โดยในประมวลกฎหมายอาญา ในบทนยิ ามน้ันได๎ระบุความหมายของคาํ วาํ “โดยทุจริต” ไว๎ มีความหมายวํา เพอ่ื แสวงหาประโยชนท์ ่มี ิควรได๎โดยชอบด๎วยกฎหมายสาํ หรับตนเองหรอื ผู๎อ่นื ... หนา๎ 26

ชดุ หลักสตู รต๎านทจุ ริตศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ 27

ชุดหลกั สตู รตา๎ นทุจริตศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ใบงานท่ี 7 เร่ือง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (1) โดยทุจรติ คาช้แี จง ให๎นักเรียน  ทับบนภาพดว๎ ยสีแดง หากภาพน้ันแสดงถึงการทจุ ริตหรอื ส่ือความถงึ คาํ วํา “โดยทจุ รติ ” ตาม ความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 1 (1) แล๎วตอบคําถามด๎านลาํ งใหถ๎ ูกต๎อง 12 34 ภาพที่แสดงถงึ การทุจรติ หรือสือ่ ความถงึ คาว่า “โดยทจุ รติ ” คือภาพที่ เพราะ หนา๎ 28

ชดุ หลักสตู รต๎านทจุ ริตศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 หนว่ ยท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต หนา๎ 29

ชุดหลักสูตรต๎านทุจรติ ศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ชุดการสอนที่ 1 ผลกระทบท่ีเกดิ จากความไม่ละอายและการเพิกเฉยตอ่ การทจุ ริต ใบความรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ การสรา๎ งสังคมที่ไมํทนตํอการทุจริต เป็นการปรับเปล่ียนสภาพสังคมให๎เกิดภาวะ “ที่ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่ม ต้ังแตํกระบวนการกลํอมเกลาทางสังคมในทุกชํวงวัย เพ่ือสร๎างวัฒนธรรมตํอต๎านการทุจริต และปลูกฝังความพอเพียง มีวนิ ยั ซือ่ สตั ยส์ ุจริต ความเป็นพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ ผํานทางสถาบันหรือกลุํมตัวแทนที่ทําหน๎าท่ีในการกลํอมเกลา ทางสังคม เพอ่ื ใหเ๎ ดก็ เยาวชน ผ๎ูใหญํ เกดิ พฤตกิ รรมที่ละอายตํอการกระทาํ ความผดิ การไมํยอมรับและตํอต๎านการทุจริต ทุกรูปแบบ 1.2.1 ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ คืออะไร คาํ วํา “ความละอาย” และ “ความไมํทน” ได๎มกี ารใหค๎ วามหมายไว๎ ดงั น้ี พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ให๎ความหมายของคําวําละอาย หมายถึง การร๎ูสึกอายท่ีจะทําในสิ่งที่ ไมํถูก ไมคํ วร เชํน ละอายที่จะทําผดิ ละอายใจ ความละอาย เป็นความละอายและความเกรงกลัวตํอสิ่งที่ไมํดี ไมํถูกต๎อง ไมํเหมาะสม เพราะเห็นถึงโทษหรือ ผลกระทบที่จะไดร๎ ับจากการกระทาํ น้ัน จึงไมกํ ล๎าทจ่ี ะกระทํา ทําให๎ตนเองไมํหลงทําในสิ่งท่ีผิด น่ันคือ มีความละอายใจ ละอายตอํ การทําผดิ พจนานุกรมราชบณั ฑติ ยสถาน ให๎ความหมายของคําวํา ทน หมายถึง การอดกล้ันได๎ ทานอยไูํ ด๎ เชํน ทนดํา ทน ทุกข์ ทนหนาว ไมํแตกหักหรอื บุบสลายงาํ ย ความอดทน คือ การรจู๎ กั รอคอยและคาดหวัง เปน็ การแสดงให๎เห็นถึงความมั่นคง แนํวแนํตํอสิ่งที่รอคอย หรือสิ่งที่ จงู ใจใหก๎ ระทาํ ในสงิ่ ที่ไมดํ ี ไมํทน หมายถงึ ไมํอดกลั้น ไมํอดทน ไมยํ อม ดังนั้น ความไม่ทน หมายถึง การแสดงออกต่อการกระทาที่เกิดขึ้นกับตนเอง บุคคลที่เก่ียวข้องหรือสังคม ในลักษณะท่ีไม่ยินยอม ไม่ยอมรับในส่ิงท่ีเกิดข้ึน ความไม่ทนสามารถแสดงออกได้หลายลักษณะ ท้ังในรูปแบบของ กริยาท่าทางหรือคาพูด ความไมํทนตํอการทุจริตหรือการกระทําท่ีไมํถูกต๎อง ต๎องมีการแสดงออกอยํางใดอยํางหน่ึงเกิดข้ึน เชํน การ แซงคิวเพ่ือซ้ือของ การแซงคิวเป็นการกระทําท่ีไมํถูกต๎อง ผ๎ูถูกแซงคิวจึงต๎องแสดงออกให๎ผู๎ที่แซงคิว รับร๎ูวําตนเองไมํ พอใจ โดยแสดงกิรยิ าหรือบอกกลาํ วใหท๎ ราบ เพื่อใหผ๎ ๎ทู ่ีแซงควิ ยอมท่จี ะตํอท๎ายแถว กรณีนี้แสดงให๎เห็นวําผู๎ที่ถูกแซงคิว ไมทํ นตํอการกระทําท่ไี มํถกู ต๎อง และหากผท๎ู แี่ ซงควิ ไปตํอแถวก็จะแสดงให๎เห็นวําบุคคลน้ันมีความละอายตํอการกระทํา ทไี่ มํถูกต๎อง เปน็ ต๎น ความไมํทนตํอการทุจริต บุคคลจะมีความไมํทนตํอการทุจริตมาก – น๎อย เพียงใด ขึ้นอยูํกับจิตสํานึก ของแตํ ละบุคคลและผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจากการกระทําน้ัน ๆ แล๎วมีพฤติกรรมท่ีแสดงออกมา ซ่ึงการแสดงกริยาหรือการ กระทําจะมีหลายระดับ เชํน การวํากลําวตักเตือน การประกาศให๎สาธารณชนรับร๎ู การแจ๎งเบาะแส การร๎องทุกข์ หน๎า 30

ชุดหลกั สูตรตา๎ นทุจรติ ศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลําวโทษ การชุมนมุ ประท๎วงซ่ึงเป็นขั้นตอนสุดท๎ายที่รุนแรงที่สุด เน่ืองจากมีการรวมตัว ของคนจํานวนมาก และสร๎าง ความเสียหายอยาํ งมากเชนํ กนั ความไมํทนของบุคคลตํอสิ่งตําง ๆ รอบตัวท่ีสํงผลในทางไมํดีตํอตนเองโดยตรง สามารถพบเห็นได๎งําย ซึ่งปกติ แลว๎ ทกุ คนมกั จะไมทํ นตํอสภาวะ สภาพแวดล๎อมท่ีไมํดีและสํงผลกระทบตํอตนเองแล๎ว มักจะแสดงปฏิกิริยาออกมา แตํ การที่บุคคลจะไมํทนตํอการทุจริตและแสดงปฏิกิริยาออกมาน้ันอาจเป็นเร่ืองยาก เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยมีแนวโน๎ม ยอมรับการทุจริต เพ่ือให๎ตนเองได๎รับประโยชน์หรือให๎งานสามารถดําเนินตํอไปสูํความสําเร็จ ซ่ึงการยอมรับการทุจริต ในสงั คมไมํเวน๎ แมแํ ตํเดก็ และเยาวชน และมองวําการทุจรติ เป็นเรอ่ื งไกลตวั และไมมํ ผี ลกระทบกบั ตนเองโดยตรง 1.2.2 ลกั ษณะของความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ลักษณะของความละอายสามารถแบํงได๎ 2 ระดับ คือ ความละอายระดับต๎น หมายถึง ความละอาย ไมํกล๎าที่ จะทําในสงิ่ ท่ีผิด เน่อื งจากกลัววาํ เมื่อตนเองได๎ทําลงไปแล๎วจะมีคนรับรู๎ หากถูกจับได๎จะได๎รับการลงโทษ หรือได๎รับความ เดือดร๎อนจากส่ิงท่ีตนเองได๎ทําลงไป จึงไมํกล๎าท่ีจะกระทําผิด และในระดับที่สองเป็นระดับท่ีสูง คือ แม๎วําจะไมํมีใคร รับรหู๎ รอื เหน็ ในสงิ่ ทีต่ นเองได๎ทําลงไป ก็ไมํกล๎าทจ่ี ะทําผิด เพราะนอกจากตนเองจะได๎รับผลกระทบแล๎ว ครอบครัว สังคม ก็จะได๎รับผลกระทบตามไปด๎วย ทั้งชื่อเสียงของตนเองและครอบครัวก็จะเสื่อมเสีย บางคร้ังการทุจริตบางเร่ืองเป็นสิ่งเล็ก ๆ นอ๎ ย ๆ เชํน การลอกข๎อสอบอาจจะไมมํ ีใครใสํใจหรือสังเกตเห็นแตํหากเปน็ ความละอายขัน้ สูงแล๎วบคุ คลนนั้ กจ็ ะไมกํ ลา๎ ทาํ ตัวอย่างความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทุจริตมีผลกระทบตํอการพัฒนาประเทศ ทําให๎เกิดความเสียหายอยํางมากในด๎านตําง ๆ หากนําเอาเงินที่ ทุจริตไปมาพัฒนาในสํวนอื่น ความเจริญหรือการได๎รับโอกาสของผ๎ูท่ีด๎อยโอกาสก็จะมีมากข้ึน ความเหลื่อมลํ้าทางด๎าน โอกาส ทางด๎านสังคม ทางด๎านการศึกษา ฯลฯ ของประชาชนในประเทศก็จะลดน๎อยลง ดังที่เห็นในปัจจุบันวําความ เจริญตาํ ง ๆ มกั อยํูกับคนในเมืองมากกวําชนบท ท้ัง ๆ ที่คนชนบทก็คือประชาชนสํวนหน่ึงของประเทศ แตํเพราะอะไร ทําไมประชาชนเหลําน้ันถึงไมํได๎รับโอกาสให๎ทัดเทียมหรือใกล๎เคียงกับคนในเมือง ปัจจัยหนึ่งคือการทุจริต สาเหตุการ เกิดทุจรติ มีหลายประการตามท่ีกลาํ วมาแลว๎ ข๎างต๎น แตํทําอยํางไรถึงทําให๎มีการทุจริตได๎มาก อยํางหน่ึงคือการลงทุน เมื่อมี การลงทุนก็ยํอมมีงบประมาณ เมื่อมีงบประมาณ ก็เป็นสาเหตุให๎บุคคลที่คิดจะทุจริตสามารถหาชํองทางดังกลําวในทาง ทุจรติ ได๎ แม๎วําประเทศไทยจะมีกฎหมายหลายฉบบั เพอ่ื ป้องกนั การทุจริต ปราบปรามการทจุ ริต แตํนั่นก็คือตัวหนังสือท่ี ไดเ๎ ขยี นเอาไว๎ แตกํ ารบงั คับใช๎ยงั ไมจํ ริงจังเทําที่ควร และยง่ิ ไปกวาํ น้ัน หากประชาชนเหน็ วําเร่ืองดังกลําวไมํเกี่ยวข๎องกับ ตนเองก็มักจะไปอยากเข๎าไปเก่ียวข๎อง เนื่องจากตนเองก็ไมํได๎รับผลกระทบท่ีเกิดขึ้น แตํการคิดดังกลําวเป็นสิ่งที่ผิด เนอื่ งจากวําตนเองอาจจะไมํได๎รับผลกระทบโดยตรงตํอการท่ีมีคนทุจริต แตํโดยอ๎อมแล๎วถือวําใชํ เชํน เมื่อมีการทุจริตมาก งบประมาณของประเทศทจี่ ะใช๎พัฒนาหรือลงทุนก็น๎อย อาจสํงผลใหป๎ ระเทศไมสํ ามารถจา๎ งแรงงานหรือลงทนุ ได๎ สถานการณ์การทจุ รติ ของประเทศไทย การทุจริตท่ีเกิดขึ้นยํอมสํงผลตํอภาพลักษณ์ของประเทศ หากประเทศใดมีการทุจริตน๎อยจะสํงผลให๎ประเทศ น้ันมีความเป็นอยํูที่ดี นักลงทุนมีความต๎องการที่จะมาลงทุนในประเทศ ซ่ึงหมายถึงเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถ พัฒนาไปได๎อยํางตํอเนื่อง แตํหากมีการทุจริตเป็นจํานวนมากนักธุรกิจยํอมไมํกล๎าท่ีจะลงทุนในประเทศน้ัน ๆ เน่ืองจาก ตอ๎ งเสียคําใช๎จาํ ยในการทาํ ธุรกิจท่มี ากกวาํ ปกติ แตหํ ากสามารถดําเนนิ ธรุ กจิ ดงั กลาํ วได๎ผลทีเ่ กิดขึ้นยํอมตกแกํผู๎บริโภคท่ี จะต๎องซื้อสินค๎าและบริการที่มีราคาสูง หรืออีกกรณีหน่ึงคือการใช๎สินค๎าและบริการท่ีไมํมีคุณภาพ ดังน้ัน จึงได๎มีการวัด และจัดอันดบั ประเทศตาํ ง ๆ เพอื่ บํงบอกถึงสถานการณก์ ารทุจริต ซึ่งการทุจริตท่ีผํานมานอกจากจะพบเห็นขําวการทุจริต ด๎วยตนเอง และผํานส่ือตําง ๆ แล๎ว ยังมีตัวชี้วัดท่ีสําคัญอีกตัวหน่ึงที่ได๎รับการยอมรับ คือ ตัวช้ีวัดขององค์กรเพ่ือความ โปรํงใสนานาชาติ (transparency international : TI) ได๎จดั อนั ดบั ดชั นีการรับรู๎การทุจริตประจําปี 2560 พบวํา ประเทศไทย หน๎า 31

ชุดหลักสูตรตา๎ นทุจรติ ศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ได๎ 37 คะแนน จากคะแนนเต็ม100 คะแนน อยํูอันดับที่ 96 จากการจัดอันดับท้ังหมด 180 ประเทศทั่วโลก หากเทียบ กบั ปี 2559 ประเทศไทยไดค๎ ะแนน 35 คะแนน อยูํลําดับท่ี 101 เทํากับวําประเทศไทย มีคะแนนความโปรํงใสดีข้ึน แตํยังแสดงให๎เห็นวํา ประเทศไทยยังมีการทุจริตคอร์รัปชันอยํูในระดับสูงซึ่งสมควรได๎รับการแก๎ไขอยํางเรํงดํวน โดย คะแนนทปี่ ระเทศไทยไดร๎ ับตั้งแตํอดีต – ปัจจุบนั ไดค๎ ะแนนและลาํ ดบั ดงั น้ี ตารางท่ี 1 แสดงดัชนีการรบั รู้การทจุ ริตของประเทศไทย ระหวา่ งปี 2547 – 2560 ปี พ.ศ. คะแนน อันดบั จานวนประเทศ 2547 3.60 (คะแนนเตม็ 10) 64 146 2548 3.80 (คะแนนเตม็ 10) 59 159 2549 3.60 (คะแนนเตม็ 10) 63 163 2550 3.30 (คะแนนเต็ม 10) 84 179 2551 3.50 (คะแนนเต็ม 10) 80 180 2552 3.40 (คะแนนเตม็ 10) 84 180 2553 3.50 (คะแนนเตม็ 10) 78 178 2554 3.40 (คะแนนเตม็ 10) 80 183 2555 37 (คะแนนเต็ม 100) 88 176 2556 35 (คะแนนเต็ม 100) 102 177 2557 38 (คะแนนเต็ม 100) 85 175 2558 38 (คะแนนเต็ม 100) 76 168 2559 35 (คะแนนเต็ม 100) 101 176 2560 37 (คะแนนเตม็ 100) 96 180 และเมือ่ จดั อนั ดับประเทศในกลุมํ อาเซียน จาํ นวน 10 ประเทศ เพอื่ เปรียบเทียบดัชนีชี้วัดการรับร๎ูการทุจริตใน ปี พ.ศ. 2560 ประเทศสงิ คโปรย์ ังคงอันดบั หนง่ึ ในกลํมุ อาเซียนเชนํ เดยี วกับ ปี พ.ศ. 2559 ตามตารางด๎านลํางน้ี ตารางท่ี 2 แสดงดชั นกี ารรับรู้การทจุ รติ ประจาปี 2558 - 2560 ในภูมภิ าคอาเซียน อันดบั ในอาเซยี น ประเทศ คะแนนปี 2560 คะแนนปี 2559 คะแนนปี 2558 85 1 สงิ คโปร์ 84 84 - 50 2 บรูไน 62 58 36 38 3 มาเลเซยี 47 49 31 35 4 อนิ โดนเี ซีย 37 37 22 26 5 ไทย 37 35 21 6 เวียดนาม 35 33 7 ฟลิ ปิ ปนิ ส์ 34 35 8 พมาํ 30 28 9 ลาว 29 30 10 กมั พูชา 21 21 หนา๎ 32

ชุดหลักสูตรต๎านทุจริตศกึ ษา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ในการประเมนิ ดชั นกี ารรับรก๎ู ารทุจริตท่ีผํานมา จะถูกประเมินจากแหลํงข๎อมูล 9 แหลํง ครอบคลุมด๎านตําง ๆ ทั้งด๎านเศรษฐกิจ การเมือง การจัดการของรัฐบาล ความสามารถในการแขํงขันระดับประเทศ ความคิดเห็นเกี่ยวกับ การรับร๎ูการทุจริต ประสิทธิภาพของภาครัฐและภาคเอกชนในการดําเนินงานและการวัดด๎านความเป็นประชาธิปไตย ของประเทศ โดยวัดจากความคิดเห็นของประชาชนวําประเทศนั้นมีความเป็นประชาธิปไตยมากน๎อยแคํไหน เชํน การมี สํวนรํวม ความเป็นเอกฉันท์ การเลือกต้ัง ความเทําเทียม ความเป็นเสรีโดยทั้งหมดน้ีจะใช๎รูปแบบของการสอบถามจาก นกั ลงทนุ ชาวตํางชาตทิ ่เี ข๎ามาทาํ ธรุ กิจในประเทศ ผลกระทบของการทจุ รติ ต่อการพฒั นาประเทศ ก า ร ทุ จ ริ ต มี ผ ล ก ร ะ ท บ ตํ อ ก า ร พั ฒ น า ป ร ะ เ ท ศ ใ น ทุ ก ๆ ด๎ า น เ ป็ น พื้ น ฐ า น ท่ี กํ อ ใ ห๎ เ กิ ด ค ว า ม ขั ด แ ย๎ ง ข อ ง ค น ในชาติ จากการเห็นประโยชน์สํวนตนมากกวําประโยชน์ของประเทศ ประชาชนได๎รับบริการสาธารณะหรือ สงิ่ อาํ นวยความสะดวกไมเํ ตม็ ท่อี ยํางทีค่ วรจะเป็น เงินภาษีของประชาชนตกไปอยํูในกระเป๋าของผู๎ทุจริต และผลกระทบ อื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้แล๎ว หากพิจารณาในแงํการลงทุนจากตํางประเทศเพื่อประกอบกิจการตําง ๆ ภายในประเทศ พบวํา นักลงทุนตํางประเทศจะมองวําการทุจริตถือวําเป็นต๎นทุนอยํางหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนจาก ตํางประเทศจะใช๎ ประกอบการพิจารณาลงทุน ประกอบกับปัจจัยด๎านอื่น ๆ ท้ังน้ี หากต๎นทุนท่ีต๎องเสียจากการทุจริตมีต๎นทุนท่ีสูง นักลงทุน จากตาํ งประเทศอาจพิจารณาตัดสนิ ใจการลงทนุ ไปยังประเทศอื่น สํงผลให๎การจ๎างงาน การสร๎างรายได๎ให๎แกํประชาชน ลดลง เมื่อประชาชนมีรายได๎ลดลงก็จะสํงผลตํอการจัดเก็บภาษีอากรซึ่งเป็นรายได๎ของรัฐลดลง จึงสํงผลตํอการจัดสรร งบประมาณและการพฒั นาประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค๎าไทยได๎สํารวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยจากกลุํมตัวอยําง 2,400 ตัวอยําง จากประชาชนท่ัวไป ผู๎ประกอบการภาคเอกชน และข๎าราชการ/ภาครัฐ เม่ือเดือนมิถุนายน 2559 พบวําหาก เปรียบเทยี บความรนุ แรงของปัญหาการทุจริตในปัจจุบันกับปีที่ผํานมา พบวํา ผู๎ที่ตอบวํารุนแรงเพ่ิมข้ึนมี 38% รุนแรง เทําเดิม 30% สํวนสาเหตุการทุจริตอันดับหน่ึง คือ กฎหมายเปิดโอกาสให๎เจ๎าหน๎าที่ใช๎ดุลพินิจที่เอื้อตํอการทุจริต อันดับสอง ความไมํเข๎มงวดของการบังคับใช๎กฎหมาย อันดับสาม กระบวนการทางการเมืองขาดความโปรํงใส ตรวจสอบได๎ยาก สํวนรูปแบบการทุจริตที่เกิดข้ึนบํอยที่สุด อันดับหนึ่ง คือ การให๎สินบน ของกํานัล หรือรางวัล อันดับ สองการใช๎ชอํ งโหวทํ างกฎหมายเพื่อแสวงหาประโยชนส์ วํ นตวั อันดับสาม การใช๎ตาํ แหนํงทางการเมืองเอื้อประโยชน์แกํ พรรคพวก สําหรบั ความเสียหายจากการทจุ รติ โดยการประเมนิ จากงบประมาณรายจาํ ยปี 2559 ท่ี 2.72 ลา๎ นลา๎ นบาทวําแม๎จะ มีการจํายเงินใต๎โต๏ะ แตํอัตราการจํายอยํูท่ีเฉลี่ย 1-15% โดยหากจํายที่ 5% ความเสียหายจะอยํูท่ี 59,610 ล๎าน บาท หรือ 2.19% ของงบประมาณ และมีผลทําให๎อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง 0.42%แตํหากจํายท่ี 15% คิดเป็นความเสียหาย 178,830 ล๎านบาท หรือ 6.57% ของเงินงบประมาณ และมีผลทําให๎เศรษฐกิจลดลง 1.27% โดยการลดการเรยี กเงินสินบนลงทุก ๆ 1% จะทําใหม๎ ูลคําความเสียหายจากการทจุ รติ ลดลง 10,000 ลา๎ นบาท ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทยจะมีหนํวยงานหลักที่ดําเนินการป้องกันและปราบปราม การทุจริต คือ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหํงชาติ (สํานักงาน ป.ป.ช.) นอกจากน้ียังมี หนํวยงานอื่นที่มีภารกิจในลักษณะเดียวกันหรือใกล๎เคียงกับสํานักงาน ป.ป.ช. เชํนสํานักงานการตรวจเงินแผํนดิน สํานักงานผู๎ตรวจการแผํนดิน สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ นอกจากน้ียังมี หนํวยงานภาคเอกชนที่ให๎ความรํวมมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอีกหลายหนํวยงาน และสําหรับ หนํวยงานภาครัฐในปัจจุบันประเทศไทยได๎มีการประกาศใช๎ยุทธศาสตร์ชาติวําด๎วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) เพอ่ื เป็นมาตรการแนวทาง การดําเนินงานท้ังของภาครฐั และภาคเอกชน หนา๎ 33

ชดุ หลักสูตรต๎านทจุ รติ ศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบงานท่ี 8 เร่ือง ความละอายต่อการทุจรติ คาช้ีแจง ใหน๎ ักเรียนแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กอํ ให๎เกดิ ความละอายใจตํอการทุจรติ ท่ีเกิดข้นึ ใน ชวี ิตประจาํ วันของนักเรยี น หรือท่เี กิดใกลต๎ ัวนกั เรียนลงในตาราง แล๎ววิเคราะหถ์ ึงผลเสียและแนวทางแก๎ไขปญั หา เหตกุ ารณ/์ สถานการณ์ รายละเอยี ดเหตุการณ์ ผลเสีย แนวทางแก้ไข สถานการณ์ ผลกระทบทีไ่ ดร้ บั 1. 2. 3. 4. 5. หนา๎ 34

ชุดหลักสูตรตา๎ นทุจรติ ศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ชุดการสอนที่ 2 แนวทางการแก้ปญั หาและวิธีปฏบิ ตั ิ ใบความรู้ที่ 9 เร่ือง แนวทางการแกป้ ัญหาและวธิ ีปฏบิ ตั ิ ทิศทางการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ประเทศไทยได๎มีความพยายามในการแก๎ไขปัญหาการทุจริตมาอยํางตํอเน่ือง โดยอาศัยความรํวมมือทั้ง หนํวยงานของรัฐ หนํวยงานของเอกชน และภาคประชาชนในการรํวมมือป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมถึงได๎มี การออกกฎหมายลงโทษผู๎ท่ีกระทําความผิด มีการจัดต้ังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อทําหน๎าท่ีในการ ดําเนนิ คดีกับบคุ คลทที่ าํ การทุจริต นอกจากน้ียังได๎มีการกําหนดยุทธศาสตร์ชาติวําด๎วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต ซ่ึงฉบับปัจจุบันเป็นฉบับที่ 3 มีกําหนดใช๎ตั้งแตํ พ.ศ. 2560 – 2564 โดยมีวิสัยทัศน์วํา “ประเทศไทยใส สะอาด ไทยท้ังชาติต๎านทุจริต (Zero Tolerance & Clean Thailand) และมีพันธกิจ คือ สร๎างวัฒนธรรมตํอต๎านการ ทุจริต ยกระดับธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการทุกภาคสํวนแบบบูรณาการ และปฏิรูปกระบวนการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ ท้งั ระบบให๎มีมาตรฐานสากล โดยมีรายละเอียด ดงั นี้ ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยทุ ธศาสตรช์ าติวําดว๎ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ประกอบด๎วย ยุทธศาสตร์ จํานวน 6 ยทุ ธศาสตร์ เป็นการดาํ เนนิ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตทั้งระบบ ต้ังแตํการป้องกันการ ทุจริตโดยใช๎ประบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ผํานกิจกรรมและการเรียนการสอน รวมถึงการป้องกันการทุจริต เชิงระบบ นอกจากน้ีรวมไปถึงการดําเนินการในสํวนการตรวจสอบทรัพย์สิน ที่เป็นการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหน้ีสินของเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐวําจะมีแนวทางในการดําเนินงานอยํางไร และด๎านการปราบปรามการทุจริต เพ่ือใหก๎ ารดําเนินการด๎านปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพมากข้ึน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับคํา CPI ให๎ได๎คะแนน 50 คะแนน ตามท่ีต้ังเปา้ หมายไว๎ โดยมีรายละเอียดแตํละยทุ ธศาสตร์ ดังน้ี ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 : สรา้ งสังคมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจรติ มีวัตถุประสงค์ในการปรับฐานความคิดทุกชํวงวัยให๎มีคํานิยมรํวมต๎านทุจริต มีจิตสํานึกสาธารณะ และสามารถแยกแยะระหวํางผลประโยชน์สํวนตนและผลประโยชน์สํวนรวม และสร๎างกระบวนการกลํอมเกลา ทาง สังคมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอยํางเป็นระบบ รวมถึงการบูรณาการและเสริมพลังการมีสํวนรํวมของทุกภาค สวํ นในการผลักดนั ให๎เกิดสังคมที่ไมํทนตํอการทจุ ริต ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 : ยกระดับเจตจานงทางการเมืองในการตอ่ ต้านการทจุ รติ มีวัตถุประสงค์เพ่ือให๎เจตจํานงทางการเมืองในการตํอต๎านการทุจริตของประชาชนได๎รับการปฏิบัติให๎เกิดผล อยาํ งเปน็ รูปธรรม และเพ่อื รกั ษาเจตจาํ นงทางการเมืองในการแกไ๎ ขปัญหาการทจุ รติ ให๎เปน็ สํวนหน่ึงของนโยบายรัฐบาล ในแตํละชํวง ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 : สกัดก้นั การทุจรติ เชงิ นโยบาย มีวัตถุประสงค์เพื่อให๎กระบวนการนโยบายเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล สามารถกระจายผลประโยชน์สูํ ประชาชนอยํางเป็นธรรม และไมํมีลักษณะของการขัดกันแหํงผลประโยชน์ และเพื่อแก๎ไขปัญหาการทุจริตเชิงนโยบาย ทกุ ระดบั หนา๎ 35

ชดุ หลักสูตรต๎านทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 ยุทธศาสตรท์ ี่ 4 : พัฒนาระบบป้องกนั การทจุ รติ เชิงรุก มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนากลไกการป้องกันการทุจริตให๎เทําทันตํอสถานการณ์การทุจริตพัฒนากระบวนการทํางาน ด๎านการป้องกันการทุจริต ให๎สามารถป้องกันการทุจริตให๎มีประสิทธิภาพเพ่ือให๎เกิดความเข๎มแข็งในการบูรณาการการ ทํางานระหวํางองคก์ รท่เี กย่ี วขอ๎ งกบั การป้องกนั การทจุ รติ และเปน็ การปอ้ งกันไมใํ หม๎ กี ารทุจรติ เกิดขึน้ ในอนาคต ยทุ ธศาสตร์ท่ี 5 : ปฏิรูปกลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจรติ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและพัฒนากลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริตให๎มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเทําทันตํอพลวัตของการทุจริตการตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมายให๎กระบวนการปราบปรามการ ทุจริตมีประสิทธิภาพบูรณาการกระบวนการปราบปรามการทุจริตของหนํวยงานท่ีเก่ียวข๎องทั้งระบบ และเพื่อให๎ ผูก๎ ระทาํ ความผดิ ถกู ดาํ เนนิ คดแี ละลงโทษอยํางเป็นรปู ธรรมและเทําทนั ตํอสถานการณ์ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 6 : ยกระดับคะแนนดัชนกี ารรบั รกู้ ารทจุ รติ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู๎การทุจริตของประเทศไทยให๎มีระดับร๎อยละ 50 ข้ึนไปเป็น เป้าหมายที่ต๎องการยกระดับคะแนนให๎มีคําสูงข้ึน หากได๎รับคะแนนมากจะหมายถึงการท่ีประเทศนั้น มีการทุจริตน๎อย ดังนั้น ยุทธศาสตร์ท่ี 6 น้ี จึงถือเป็นเป้าหมายสําคัญในการท่ีจะต๎องมํุงมั่นในการดําเนินการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต กรณตี ัวอย่างผลทีเ่ กดิ จากการทจุ รติ คดที ุจรติ จดั ซ้ือรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร แตํเดิมภารกิจด๎านการดับเพลิงเป็นภารกิจของตํารวจดับเพลิง มีฐานะเป็นกองบังคับการตํารวจดับเพลิง ปฏิบัติงานทางด๎านป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัยจนกระท้ังได๎มีแนวคิดที่จะป รับปรุงโครงสร๎างของ สํานกั งานตาํ รวจแหงํ ชาติ ซึ่งเปน็ หนํวยงานตน๎ สังกัดของ กองบังคับการตํารวจดับเพลิง ให๎มีขนาดเล็กลง โดยมีแนวคิดท่ีจะ โอนภารกิจที่ไมํใชํหน๎าท่ีของตํารวจโดยตรงให๎ไปอยํูในความรับผิดชอบของหนํวยงานท่ีมีหน๎าท่ีรับผิดชอบโดยตรง งานด๎าน ดับเพลิงและก๎ูภัย ถือเป็นภารกิจหนึ่งท่ีมิใชํหน๎าที่โดยตรงของสํานักงานตํารวจแหํงชาติ จึงเห็นควรท่ีจะโอนภารกิจดังกลําว ให๎กรุงเทพมหานคร รับไปดําเนินการ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2546 คณะรัฐมนตรีได๎มีมติให๎สํานักงานตํารวจแหํงชาติถํายโอน ภารกิจปอ้ งกนั และระงบั อัคคีภัยใหก๎ รุงเทพมหานคร มสี ถานะเปน็ สาํ นัก ชื่อวํา สาํ นกั ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั คดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร มีผู๎เกี่ยวข๎องทั้งเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐ และเอกชนโดย เอกชนท่เี ข๎ามาทาํ ธุรกิจการขายรถและเรือดับเพลิงคือบริษัท ส. โดยเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 บริษัทสไตเออร์เดม เลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์จํากัดถูกบริษัท General Dynamics Worldwide Holdings, Inc.ของสหรัฐอเมริกาซื้อ กิจการทั้งหมด แตํยังคงเป็นบริษัทถูกต๎องตามกฎหมายของประเทศออสเตรีย บริษัทสไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จํากัด วําจ๎างบริษัท Somati Vehicle N.V. ของประเทศเบลเยี่ยมเป็นผ๎ูรับจ๎างจัดหา ผลิตและประกอบ รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย (ยกเว๎น เรือดับเพลิง) ให๎กับกรุงเทพมหานครโดยได๎รับคําจ๎างผลิต หนา๎ 36

ชดุ หลกั สูตรต๎านทุจรติ ศกึ ษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ราว 28 ล๎านยูโร หรือราว 1,400 ล๎านบาท บริษัท สไตเออร์ฯ จึงไมํใชํผู๎ผลิตและประกอบสินค๎าเพ่ือเสนอขาย โดยตรง แตํเป็นเพยี งนายหนา๎ และบริหารจดั การในการจดั หาสนิ ค๎าให๎กับกรงุ เทพมหานครเทํานั้น ในชํวงเดือนมิถุนายน 2546 เอกอัครราชทูตออสเตรียประจําประเทศไทยได๎มีหนังสือถึงรัฐมนตรี วําการกระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการขายรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ บริษัท สไตเออร์เดมเลอร์ พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จํากัด โดยเป็นข๎อเสนอให๎ดําเนินการในลักษณะรัฐตํอรัฐ และบริษัท สไตเออร์ฯได๎เชิญนาย ป. รัฐมนตรีชํวยวําการกระทรวงมหาดไทยดูงานโรงงานผลิตของบริษัท MAN ซ่ึงผลิตตัวรถดับเพลิงให๎ บริษัท สไตเออร์ฯ ท่ปี ระเทศออสเตรียและเบลเย่ียม และนาย ส. ผ๎ูวําราชการกรุงเทพมหานคร ได๎อนุมัติโครงการจัดซ้ือครุภัณฑ์เพื่อใช๎ใน กิจการดับเพลิง ตามท่ี พล.ต.ต.อ.ผู๎อํานวยการสํานักป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยกรุงเทพมหานครเสนอ ได๎แกํ รถดับเพลิงชนิดตํางๆและรถบรรทุกนํ้ารวม 315 คัน และเรือดับเพลิง 30 ลําตลอดจนอุปกรณ์สาธารณภัยอื่น ๆ ซ่ึง ตรงกันกับรายการในใบเสนอราคาของบริษัท สไตเออร์ฯ ผํานเอกอัครราชทูตออสเตรีย จากนั้นคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ในหลักการโดยมีการจัดทํา A.O.U. (Agreement of Understanding) และข๎อตกลงซื้อขาย (Purchase/Sale Agreement) โดยทตู พาณิชย์แหํงสาธารณรัฐออสเตรียยื่นรําง A.O.U.ให๎แกํพล.ต.ต. อ. ซึ่งนําเสนอตํอนาย ส. โดยตรง โดยไมผํ าํ นปลัดกรุงเทพมหานคร นาย ส.ลงนามรับทราบบันทึกและเสนอตํอนาย ภ. รัฐมนตรีวําการกระทรวงมหาดไทย และหลังจากท่ีได๎มีการลงนามรํวมกันคุณหญิง ณ. ปลัดกรุงเทพมหานคร ได๎สํงรํางข๎อตกลงซื้อขายยานพาหนะและ อุปกรณ์ดับเพลิงระหวํางกรุงเทพมหานครกับ บริษัท สไตเออร์ฯ ให๎สํานักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาตามข๎อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องการพัสดุ พ.ศ. 2538 และคณะรัฐมนตรีได๎มีมติอนุมัติให๎กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ดําเนินการกํอหน้ีผูกพันข๎ามปีงบประมาณโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงในวงเงิน 6,687,489,000 บาท และ อนุมัตวิ งเงนิ เพม่ิ เติม เพื่อเป็นคาํ ธรรมเนียมในการเปิด Letter of Credit (L/C) อีกจํานวน 20,000,000 บาท หรือตาม จํานวนที่จํายจริง รวมทั้งให๎กระทรวงพาณิชย์เรํงรัดดําเนินการเก่ียวกับการค๎าตํางตอบแทนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 20 ก.ค. 2547 โดยให๎เน๎นไกตํ ๎มสุกเปน็ สนิ คา๎ ทจี่ ะดาํ เนินการเป็นลาํ ดบั แรก ในปี พ.ศ. 2547 ได๎มีการเปลี่ยนแปลงผู๎วําราชการกรุงเทพมหานครเป็นนาย อ. และกํอนมอบหมายงานใน หน๎าท่ีให๎กับผ๎ูวําราชการกรุงเทพมหานครคนใหมํ นาย ส. ซึ่งเป็นผ๎ูวําราชการกรุงเทพมหานครคนเดิม ได๎มีหนังสือถึง ผ๎ูจัดการธนาคารกรุงไทย ขอเปิด L/C วงเงิน 133,749,780 ยูโรให๎กับบริษัท สไตเออร์ฯ โดยกรุงเทพมหานครชําระ คําธรรมเนียม เป็นเงิน 20,000,000บาท และมอบอํานาจให๎พล.ต.ต.อ. อํานวยการสํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรงุ เทพมหานครเป็นผ๎ดู าํ เนนิ การและลงนาม ในปี พ.ศ. 2548 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได๎ดําเนินการไตํสวนการดําเนินการดังกลําวของกรุงเทพมหานคร และย่ืนฟ้องตํอศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู๎ดํารงตําแหนํงทางการเมือง จากการกระทําดังกลําวที่เกิดข้ึนกํอให๎เ กิด ผลกระทบที่เสียหายและรุนแรง โดยราคาของรถและเรือดับเพลิงท่ีกรุงเทพมหานครซ้ือมาน้ันมีราคาท่ีสูงมาก สํงผลให๎ รฐั สูญเสียงบประมาณไปอยาํ งนาํ เสยี ดาย ซึง่ ความเสยี หายท่เี กดิ ขึน้ มดี ังน้ี ตารางท่ี 3 เปรียบเทียบราคาจากการจัดซ้ือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเม่ือ พ.ศ. 2547 กับกรุงเทพ รถดบั เพลิง 4x4 + สูบนา้ แบกหาม รายละเอียด ความแตกตา่ ง โครงประธานรถเครอื่ งยนต์ยีห่ ๎อมิตซบู ชิ ิ 2,500 ซซี ี 4x4 กรุงเทพมหานครซื้อแพงกวาํ คันละ 2,154,050 บาท ประกอบโดย บริษัท กาญจนาอิควิปเมน๎ ท์ จาํ กัด เครื่อง รวม 72 คัน เป็นเงินแพงกวาํ 154,875,600 บาท ดบั เพลิงชนิดหาบหามจากญ่ีปุ่น หน๎า 37

ชุดหลักสตู รต๎านทจุ ริตศกึ ษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 รถดับเพลิง + บนั ได 13 เมตร รายละเอียด ความแตกต่าง โครงประธานรถผลิตภณั ฑ์ฟินแลนด์ ซ้ือจาก บริษัท เชส กรุงเทพมหานครซ้ือแพงกวาํ คนั ละ 17,143,200 บาท เอ็นเตอร์ไพรส์ (สยาม) จํากัดมาตรฐานใกลเ๎ คียงกันเครื่อง รวม 9 คนั เปน็ เงินแพงกวํา 154,875,600 บาท สูบน้ําสมรรถนะสงู กวํา รถดับเพลิง 2,000 ลติ ร รายละเอียด ความแตกตา่ ง ซื้อจาก บรษิ ทั ตรีเพชรอซี ซู ุเซลส์ จํากดั กรุงเทพมหานครซ้ือแพงกวาํ คันละ 15,455,370 บาท รวม 144 คนั เป็นเงิน แพงกวาํ 2,225,573,280 บาท รถถังนา้ 20,000 ลติ ร รายละเอียด ความแตกตา่ ง ขนาด 10,000 ลิตร ซือ้ จาก กรงุ เทพมหานครซ้ือแพงกวํา คันละ15,189,100 บาท บรษิ ทั มิตซูบิชิ มอเตอรส์ (ประเทศไทย) จํากัด รวม 72 คนั เป็นเงนิ แพงกวํา1,093,615,200 บาท รถไฟฟ้าส่องสวา่ ง 30 KVA รายละเอียด ความแตกตา่ ง ซอ้ื จาก บริษทั มิตซูบชิ ิ มอเตอรส์ (ประเทศไทย)จํากัด กรุงเทพมหานครซื้อแพงกวาํ คันละ 56,577,250 บาท รวม 7 คัน เป็นเงนิ แพงกวาํ 396,040,750 บาท ตารางที่ 4 เปรียบเทียบข้อมูลและราคาเรอื ดับเพลิง ขอ้ มลู เรอื ดับเพลงิ บรษิ ัท สไตเออร์เดมเลอรพ์ ุคสเปเชยี ลฟาหร์ ซอยก์ จํากัด บรษิ ทั สไตเออรเ์ ดมเลอรพ์ ุคสเปเชยี ลฟาห์รซอยก์ จํากัด ซอื้ เรือดบั เพลงิ จาก บรษิ ัท ซที โบต๏ จาํ กดั ผลติ และ ขายให๎ กรงุ เทพมหานคร ราคาลําละ 25,462,100 บาท ประกอบทีเ่ มืองพัทยา ราคาลําละ 14,300,000 บาท จากตารางข๎างต๎น แสดงใหเ๎ ห็นถงึ ความเสยี หายท่ีเกิดขึ้นจากการทุจริต ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนนอกจากจะสามารถ แสดงเป็นตัวเลขให๎ได๎เห็นวําสูญเสียงบประมาณจํานวนเทําไร แตํการสูญเสียดังกลําวแทนที่รัฐ และประชาชนจะได๎ใช๎ ประโยชน์จากรถและเรือดับเพลิง ซ่ึงถือเป็นส่ิงจําเป็นที่ชํวยในการป้องกันและบรรณเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะอัคคีภัยได๎ เป็นอยํางดี แตํเม่ือมีการทุจริตแล๎วยังสํงผลให๎ไมํสามารถนํารถและเรือดับเพลิงมาใช๎งานได๎ เทํากับวําสูญเสียงบประมาณ แล๎วยังไมํสามารถนําสิ่งเหลํานี้มาใช๎ประโยชน์ได๎อีก ซึ่งหากเกิดอัคคีภัยเกิดข้ึนอุปกรณ์ตําง ๆ ท่ีมีอยูํอาจไมํเพียงพอตํอการ ใช๎งาน สํงผลใหเ๎ กิดความเสียหายอยํางตํอเน่ืองจากเหตุนั้น ๆ อกี หนา๎ 38

ชดุ หลกั สูตรต๎านทุจริตศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ใบงานท่ี 9 เรื่อง แนวทางการแกป้ ัญหาและวธิ ีปฏิบตั ิ คาชีแ้ จง ใหน๎ กั เรยี นสรุปแนวทางการแก๎ไขปัญหาตาม ทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตามยทุ ธศาสตรช์ าติ วําดว๎ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ.2560-2564) ในรปู แบบแผนผงั ความคิด (Mind maps) คาชแี้ จง ให๎นกั เรยี นดูขําวจาก QR Code ดา๎ นลําง แล๎วตอบคําถามให๎ถูกต๎อง 1. จากข่าวดงั กล่าว เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร 2. นกั เรยี นคดิ วา่ สาเหตุของปญั หาดังกลา่ วเกดิ จากส่ิงใด หน๎า 39

ชุดหลกั สตู รต๎านทุจรติ ศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 3. หากนกั เรียนเป็นผู้เก่ยี วข้องในเหตกุ ารณน์ ้ี นักเรียนมีแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาและวิธปี ฏิบตั ิอยา่ งไร 3.1 ในฐานะนกั เรียน 3.2 ในฐานะครูผส๎ู อน 3.3 ในฐานะผป๎ู กครอง หนา๎ 40

ชดุ หลกั สตู รต๎านทจุ รติ ศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยท่ี 3 STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจริต หนา๎ 41

ชดุ หลกั สตู รต๎านทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ชดุ การสอนท่ี 1 STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ใบความรู้ท่ี 10 เร่อื ง STRONG MODEL: จิตพอเพยี งตา้ นทุจริต STRONG MODEL: จติ พอเพียงตา้ นทุจริต ด๎วยยุทธศาสตร์ชาติวําด๎วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ได๎มีการ วเิ คราะห์ภาพอนาคตของประชาชนและสงั คมไทยในระยะ 5 ปีข๎างหน๎าไว๎วํา หากยุทธศาสตร์ชาติฯ ได๎รับความรํวมมือ รวํ มใจจากทุกภาคสํวนของสังคมไทยในการนําไปปฏิบัติจริง ประชาชนไทยจะมีความต่ืนตัวตํอการทุจริตมากข้ึน มีการ ให๎ความสนใจตอํ ขาํ วสารและตระหนกั ถึงผลกระทบของการทุจริตที่มีตํอประเทศมากขึ้น มีการแสดงออกซ่ึงการตํอต๎าน การทุจรติ ทั้งในชีวิตประจําวันและการแสดงออกผํานสื่อสาธารณะและสื่อสังคมออนไลน์ตําง ๆ ประชาชนในแตํละชํวง วัยได๎รับกระบวนการกลํอมเกลาทางสังคมวําการทุจริตถือเป็นพฤติกรรมที่นอกจากจะผิดกฎหมายและทําให๎เกิดความ เสียหายตํอประเทศแล๎ว ยังเป็นพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรม ไมํได๎รับการยอมรับจากสังคม ประชาชนจะเร่ิมเรียนร๎ูการ ปรับเปล่ียนฐานความคิดที่ทําให๎สามารถแยกแยะระหวํางผลประโยชน์สํวนตนกับผลประโยชน์สํวนรวมได๎ วัฒนธรรม ทางสังคมที่มีฐานอยํูบนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะหลํอหลอมให๎ประชาชนไมํกระทําการทุจริตเน่ืองจากมี หนา๎ 42

ชดุ หลักสตู รต๎านทจุ รติ ศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 พื้นฐานจิตที่พอเพียง มีความละอายตํอการทุจริตประพฤติมิชอบ และไมํยอมให๎ผู๎อ่ืนกระทําการทุจริตอันสํงผลให๎เกิด ความเสียหายตํอสังคมสํวนรวม ดังน้ัน เพื่อให๎ภาพอนาคตดังกลําวสามารถบรรลุผลได๎จริง ภาคประชาชนต๎องให๎ความสําคัญอยํางแท๎จริงกับ การปรับประยกุ ต์หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชป๎ ระกอบกับหลักการตํอต๎านการทุจริตอื่น ๆ เพ่ือสร๎างฐานคิด จติ พอเพียงตํอตา๎ นการทจุ ริตให๎เกิดข้ึนเป็นพื้นฐานความคิดของปัจเจกบุคคล โดยประยุกต์หลักบูรณาการ “STRONG” (รศ.ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศริ ิ,2560) เป็นแนวทางในการพัฒนาวฒั นธรรมชมุ ชน ประกอบดว๎ ย 1) S (sufficient) บุคคลและชุมชนน๎อมนําปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยุกต์ใช๎เป็นหลักในการ ทํางานและการดํารงชีวิต รวมถึงเป็นตัวอยํางในการเผยแพรํแนวคิดการนําปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็น เครื่องมอื ในการปอ้ งกนั การทุจริต 2) T (transparent) บุคคลและชุมชนปฏบิ ตั ิงานบนฐานของความโปรํงใสตรวจสอบไดเ๎ ปน็ ที่ตัง้ 3) R (realize) บคุ คลและชมุ ชนมีความเข๎าใจและตระหนักรู๎ถึงรากเหง๎าของปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ภายในชุมชนและประเทศ สามารถวิเคราะห์และระบุถึงความเสี่ยงตํอการทุจริต เข๎าใจถํองแท๎เก่ียวกับการแยกแยะ ผลประโยชนส์ วํ นตัวและผลประโยชนส์ วํ นรวม พร๎อมแนวทางการแกไ๎ ขปัญหาดงั กลาํ วได๎ 4) O (onward) บุคคลและชมุ ชนมีแนวคิดมํุงพฒั นาชุมชนให๎เกิดความโปรํงใสและรํวมสร๎างวัฒนธรรมไมํทน ตํอการทุจริตให๎เกิดขึ้น และไมํยํอท๎อตํอการแก๎ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบให๎สําเร็จลุลํวงได๎ตามเป้าหมายท่ี กาํ หนดรวํ มกัน 5) N (knowledge) บุคคลและชุมชนมีการพัฒนาองค์ความรู๎อยํางสม่ําเสมอเพ่ือให๎เทําทันตํอสถานการณ์ การทุจริตของชมุ ชนและของประเทศ 6) G (generosity) บุคคลและชุมชนรํวมพัฒนาชุมชนให๎มีความเอื้ออาทรบนพ้ืนฐานของจริยธรรมและ จติ พอเพียง หน๎า 43

ชดุ หลักสตู รตา๎ นทุจรติ ศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ใบงานที่ 10 เรื่อง STRONG MODEL: จติ พอเพยี งต้านทจุ รติ คาช้แี จง ใหน๎ ักเรียนวาดภาพและระบายสี การนําหลัก STRONG MODEL ไปใช๎ในชวี ติ ประจาํ วัน พร๎อมอธบิ ายใต๎ภาพ หน๎า 44

ชดุ หลักสตู รต๎านทุจรติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ชดุ การสอนท่ี 2 STRONG : จิตพอเพยี งต้านทุจรติ ใบงานที่ 10.1 เร่ือง STRONG MODEL : จิตพอเพียงต้านทุจรติ คาชแี้ จง ให๎นักเรียนดูหนังส้ันทงั้ 3 เร่อื ง จาก QR Code ดา๎ นลาํ ง และตอบคําถามตํอไปน้ี 1. จากหนังสัน้ ทด่ี ูทั้ง 3 เรื่อง เป็นเรือ่ งเกี่ยวกับอะไร จงสรุปสั้นๆ เร่อื งที่ 1 เร่อื งที่ 2 เรอ่ื งที่ 3 2. นักเรียนคิดว่าคณุ สมบัติใดบ้าง ท่จี ะสามารถตอ่ ต้านหรือเป็นเกราะปอ้ งกนั การทุจริตใหก้ บั นักเรยี น 3. นกั เรียนชอบหนังส้ันเรอ่ื งใดมากทส่ี ดุ เพราะเหตุใด จงอธบิ าย หน๎า 45

ชุดหลกั สูตรต๎านทจุ รติ ศึกษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 หน่วยที่ 4 พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม หนา๎ 46

ชดุ หลักสูตรต๎านทจุ ริตศกึ ษา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ชุดการสอนท่ี 1 แนวทางการสรา้ งเสรมิ สานึกความเปน็ พลเมือง : กรณีศกึ ษา จังหวัดลาปาง ใบความร้เู ร่อื งท่ี 11 แนวทางการสรา้ งเสริมสานึกความเป็นพลเมือง : กรณีศกึ ษาประเทศไทย จากรายงานการศึกษาแนวทางการสร๎างเสริมสํานึกความเป็นพลเมืองแกํเยาวชน โดยสภาพัฒนาการเมือง สถาบนั พระปกเกล๎า รํวมมือกบั หนวํ ยงานในพ้ืนท่จี ดั ทํารายงานการศกึ ษาในระดบั พ้ืนที่ เชํน กรณีภาคเหนอื : จังหวัดลาปาง 1) กจิ กรรมเพอื่ เสริมสร้างสานกึ ความเป็นพลเมืองแกเ่ ยาวชนในจังหวัดลาปาง ภาพรวมของการจัดกิจกรรมสร๎างเสริมสํานึกความเป็นพลเมืองแกํเยาวชนและภาพรวมของการสนับสนุน สํงเสริมจากภาคสํวนตํางๆ ในการจัดกิจกรรมสร๎างเสริมสํานึกความเป็นพลเมืองแกํเยาวชนในจังหวัดลําปาง สํวนใหญํ เปน็ การดําเนนิ การจัดกิจกรรมเพื่อการแก๎ไขปัญหาและพัฒนาเดก็ และเยาวชน ไมํได๎ต้ังวัตถุประสงค์เพ่ือสร๎างเสริมสํานึกความ เป็นพลเมืองแกํเยาวชนโดยตรง เหมือนเชํนโครงการที่ได๎รับการสนับสนุนจากสถาบันพระปกเกล๎าท่ีได๎ดําเนินการใน โรงเรียนบางแหํงของจังหวดั ลาํ ปาง แตอํ ยํางไรก็ตามการจดั กจิ กรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนตํางๆ ที่ได๎ดําเนินการใน จังหวัดลําปางน้ันท๎ายท่ีสุดแล๎วก็จะสํงผลหนุนเสริมเติมเต็มสํานึกความเป็นพลเมืองของเด็กและเยาวชนได๎เชํนกัน ใน ขณะเดียวกัน ภาคสํวนตํางๆ ที่ดําเนินการสนับสนุนสํงเสริมกิจกรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนหรือกิจกรรมสร๎างเสริม สํานึกความเป็นพลเมืองแกํเยาวชน ซ่ึงประกอบไปด๎วย กลํุมผ๎ูปฏิบัติการกลุํมผ๎ูสนับสนุนงบประมาณ กลุํมผู๎สนับสนุน วิชาการองค์ความรู๎ กลํุมผู๎สนับสนุนบุคลากรวิทยากรกลุํมผู๎สนับสนุนอาคารสถานท่ี วัสดุอุปกรณ์ และกลํุมผ๎ูมีสํวนได๎สํวน เสียกับการจัดกิจกรรมตํางๆ มีความรํวมมือระหวํางกัน ตามภาระหน๎าท่ี พันธกิจและตามความสัมพันธ์ของภาคสํวน ตาํ งๆ เหลาํ นี้ 2) ปญั หาอปุ สรรคและปัจจัยส่คู วามสาเร็จในการสร้างเสริมสานกึ ความเป็นพลเมืองแกเ่ ด็กและเยาวชน การดําเนินกิจกรรมสร๎างเสริมสํานึกความเป็นพลเมืองแกํเยาวชนในจังหวัดลําปาง มีปัญหาอุปสรรคและ ความสําเร็จเกิดขึ้นมาก จากการศึกษาข๎อมูลผํานเวทีสะท๎อนในการประชุมกลํุมยํอย สามารถสรุปปัจจัยสําคัญท่ีเป็น ปัจจัยปัญหาอุปสรรคของการดําเนินงานสร๎างเสริมสํานึกความเป็นพลเมืองแกํเยาวชน เกิดจาก3 ปัจจัย คือ ปัจจัย ครอบครัว พํอ แมํ ผู๎ปกครอง ปัจจัยการสนับสนุนของหนํวยงานองค์กรท่ีเกี่ยวข๎องกับงานด๎านเด็กและเยาวชน และ ปัจจัยโอกาสการเข๎าถึงกิจกรรมของเด็กและเยาวชน สํวนปัจจัยสําคัญที่เป็นปัจจัยแหํงความสําเร็จน้ันเกิดจาก 4 ปัจจัย คือ ปัจจัยพลังเด็กและเยาวชน ปัจจัยครอบครัว พํอแมํ ผ๎ูปกครอง ปัจจัยบุคคล หนํวยงาน องค์กร ชุมชน และปัจจัย เครือขาํ ยการทํางาน 3) แนวทางในการพัฒนารูปแบบกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างสานึกความเป็นพลเมืองแก่เด็กและเยาวชน การพัฒนาเด็กและเยาวชนเป็นงานที่ต๎องอาศัยเวลาและต๎องมีรูปแบบกิจกรรมที่เหมาะสม สอดคล๎องกับบริบท การทํางานของแตลํ ะพ้ืนที่ ซึ่งจําเป็นต๎องมีการพัฒนารูปแบบกิจกรรมอยูํอยํางตํอเน่ืองเพ่ือให๎เหมาะสมทันตํอสภาวการณ์ ของเด็กและเยาวชน และสภาพการเปล่ยี นแปลงทางสงั คมที่สํงผลกระทบตํอเด็กและเยาวชนอยํางรวดเร็ว จากการศึกษา พบวาํ แนวทางการพฒั นารูปแบบกจิ กรรมเพอ่ื สร๎างเสรมิ สาํ นกึ ความเป็นพลเมืองแกํเยาวชนในจังหวัดลําปาง ควรพัฒนา รูปแบบกิจกรรมโดยเน๎นการมีสํวนรํวมของเด็กและเยาวชน การบูรณาการกิจกรรมในพ้ืนที่ระดับตําบล การพัฒนา เครอื ขาํ ยการทาํ งานด๎านเด็กและเยาวชน และการสอ่ื สารสรา๎ งความร๎ูความเข๎าใจในพื้นท่ีอยํางทว่ั ถึง Sustainable Development Goals; SDGs หน๎า 47

ชุดหลกั สูตรตา๎ นทุจรติ ศกึ ษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ปี 2558 สหประชาชาติ ได๎ประกาศใช๎เป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน (Sustainable Development Goals; SDGs) โดยจะเป็นข๎อผูกพันสําหรับชาติสมาชิกที่ได๎ให๎การรับรอง (193 ประเทศ) SDGs tables 550 ในการประชุม สมัชชาใหญํแหํงสหประชาชาติ (United Nations General Assembly – UNGA) เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 รวมทั้งประเทศไทย เป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืนดังกลําว จะถูกใช๎เป็นเครื่องกําหนดทิศทางการพัฒนาทั้งของไทยและ ของโลกนับจากน้ี จวบจนปี ค.ศ.2030 ครอบคลุมระยะเวลา 15 ปี ท่ีประกอบด๎วย 17 เป้าหมาย (Goal) 169 เป้าประสงค์ (Target) ครอบคลุมประเด็นการพัฒนาด๎านเศรษฐกิจ สังคมและส่ิงแวดล๎อมอยํางสมดุล อันเป็นสามเสา หลักของการพัฒนาท่ยี ่ังยืน โดยมเี ป้าหมายสูงสุดเพือ่ ขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ํา โดยไมํท้ิงใครไว๎เบื้องหลัง ไมํ ทําลายแหลงํ ทรพั ยากรและสงิ่ แวดล๎อม รวมทงั้ ให๎ความสําคัญมากยง่ิ ขน้ึ ตํอการมีสํวนรํวมของทุกภาคสํวนซึ่งจะต๎องรํวม ขับเคลื่อนการพัฒนาทย่ี ่ังยนื เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การสหประชาชาติประจําประเทศไทย (UN Thailand) ได๎เผยแพรํ \"เป้าหมายการพัฒนาที่ ยั่งยนื \" (Sustainable Development Goals - SDGs) ท่ีประชาคมโลกตกลงรํวมกันท่จี ะใช๎เป็นกรอบในการดําเนินงาน ด๎านการพฒั นา โดยเป้าหมายท้ัง 17 ขอ๎ มีดงั นี้ 1. ขจัดความยากจน 2. ขจัดความหิวโหย 3. มสี ขุ ภาพและความเป็นอยํทู ีด่ ี 4. การศกึ ษาท่เี ทําเทยี ม 5. ความเทําเทียมทางเพศ 6. การจัดการนํา้ และสุขาภิบาล 7. พลงั งานสะอาดที่ทกุ คนเขา๎ ถึงได๎ 8. การจ๎างงานท่มี ีคุณคาํ และการเตบิ โตทางเศรษฐกิจ 9. อตุ สาหกรรม นวัตกรรม โครงสร๎างพืน้ ฐาน 10.ลดความเหลอ่ื มลํ้า 11.เมืองและถ่ินฐานมนษุ ยอ์ ยาํ งย่งั ยืน 12.แผนการบริโภคและการผลติ ทย่ี ั่งยืน 13.การรบั มอื การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ 14.การใช๎ประโยชนจ์ ากมหาสมทุ รและทรพั ยากรทางทะเล 15.การใชป๎ ระโยชนจ์ ากระบบนเิ วศทางบก 16.สังคมสงบสุข ยตุ ธิ รรม ไมแํ บงํ แยก 17.ความรํวมมอื เพ่ือการพฒั นาที่ยั่งยืน หน๎า 48

ชดุ หลกั สูตรต๎านทุจรติ ศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ใบงานที่ 11 เร่อื ง แนวทางการสร้างเสริมสานึกความเปน็ พลเมือง : กรณีศึกษา จังหวดั ลาปาง คาชแี้ จง ใหน๎ กั เรียนศกึ ษาใบความรู๎และตอบคําถามดา๎ นลํางให๎ถูกต๎อง 1. จากข๎อมูลในใบงาน ผ๎ูเขียนมวี ัตถุประสงค์เพื่ออะไร 2. การจัดกิจกรรมสรา๎ งเสริมสาํ นึกความเปน็ พลเมืองแกเํ ยาวชน จังหวัดลําปาง ได๎รับการสนับสนุนจากหนํวยงาน ใดบา๎ ง 3. ใครคอื เปา้ หมายในการพัฒนา 4. ผลที่ไดร๎ ับเปน็ อยํางไร 5. ปญั หา อุปสรรค และปจั จยั ท่ีนาํ ไปสคํู วามสาํ เรจ็ อยํางไรบ๎าง 6. จากในใบงาน นักเรียนคดิ วําเกย่ี วข๎องกับ SDGs ขอ๎ ใด อยํางไร หนา๎ 49

ชุดหลักสตู รต๎านทจุ ริตศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ชุดการสอนที่ 2 แนวทางการสร้างเสรมิ สานึกความเป็นพลเมือง : กรณศี ึกษา จังหวัดสกลนคร ใบความรู้ท่ี 12 เร่อื ง แนวทางการสรา้ งเสริมสานกึ ความเปน็ พลเมือง : กรณศี ึกษาประเทศไทย กรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนอื : จงั หวัดสกลนคร 1) กิจกรรมการสรา้ งเสริมสานึกความเป็นพลเมืองแกเ่ ด็กและเยาวชนในจังหวัดสกลนคร ในรอบ 3 ปีท่ีผํานมา เป็นการดําเนินกิจกรรมของหนํวยงานท้ังภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน ท่ีทํางาน ขบั เคลือ่ นการพฒั นาเด็กและเยาวชน แตํพบวําเปน็ กจิ กรรมทม่ี กั จะพฒั นาแนวคิดการดาํ เนนิ งานทเี่ ป็นลักษณะนโยบาย สวํ นกลาง เพ่ือรองรบั งบประมาณ เชํน สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แตํถ๎าเป็นกิจกรรมเดํนๆ ที่เกิด จากมุมมองในปัญหาของเด็กและเยาวชนและผ๎ูท่ีทํางานกับเด็กและเยาวชนจริงๆ จะเห็นวํายังไมํได๎เกิดในหนํวยงาน ภาครัฐ กิจกรรมที่สามารถสร๎างสํานึกพลเมืองเด็กและเยาวชนท่ีเห็นผลของการพัฒนาการสร๎างสํานึกความเป็นพลเมือง แกํเด็กและเยาวชน ที่มีเสียงจากกลํุมเด็กและเยาวชน คือ กิจกรรมคํายท่ีให๎โอกาสเด็กและเยาวชนได๎คิดสร๎างสรรค์ กิจกรรมดีๆ และหลากหลาย โดยอยํูภายใต๎การดูแลให๎คําแนะนําและได๎รับการสนับสนุนงบประมาณจากผ๎ูใหญํใจดี เชํน กิจกรรมของชมรมคนรักศิลป์ กิจกรรมของกลุํมเด็กฮักถิ่น สรุปภาพรวมผลการสนทนากลํุมยํอยในการสร๎างสํานึกความ เป็นพลเมืองแกํเด็กและเยาวชนในจังหวัดสกลนคร มีสาระสําคัญ คือ การให๎นิยามความหมายของเด็ก เยาวชนและผ๎ูใหญํ ไมํได๎แตกตํางกัน สํวนสํานึกพลเมืองเด็กและเยาวชนในปัจจุบันควรจะมีต๎นแบบสํานึกพลเมืองจากผู๎ใหญํ สํวนสํานึก พลเมอื งของเด็กและเยาวชนนนั้ ได๎เรยี นร๎ูผาํ นกจิ กรรมคํายทม่ี งุํ เน๎นการพฒั นาจิตอาสา 2) ปัญหาและอุปสรรคในการดาเนินกิจกรรมเพ่ือเสริมสร้างสานึกความเป็นพลเมืองแก่เยาวชน ในจงั หวัดสกลนคร ปัจจัยที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการเสริมสร๎างสํานึกพลเมืองแกํเด็กและเยาวชนในพ้ืนที่จังหวัดสกลนคร สรปุ ไดด๎ งั น้ี 1) การขาดโอกาสในการเรียนรู๎ความเป็นพลเมืองของเด็กและเยาวชน 2) พํอแมํ ผ๎ูปกครอง ผู๎ใหญํในสังคม ไมํเป็นตน๎ แบบทีด่ ีแกลํ กู หลานขาดต๎นแบบผใู๎ หญทํ ีด่ ี 3) สถาบันการศึกษาขาดความเข๎าใจในการสร๎างสํานึกพลเมืองแกํเด็ก และเยาวชน ผํานหลกั สตู รการจัดการเรยี นการสอน และ 4) หนํวยงานท่ีดแู ลดา๎ นเด็กและเยาวชนขาดการประสานงาน ขาดความรู๎ความเข๎าใจในเรอ่ื งของการสรา๎ งสํานึกพลเมืองและทํางานซํ้าซ๎อน 3) แนวทางในการพัฒนารูปแบบกิจกรรมเพ่ือเสริมสร้างสานึกความเป็นพลเมืองแก่เด็กและเยาวชนจังหวัด สกลนคร มี 2 มุมมอง คอื มุมมองของผใู้ หญ่ และ มมุ มองของเด็กและเยาวชน มุมมองของผู้ใหญ่ การสร๎างต๎นแบบให๎กับเด็กและเยาวชนผํานสื่อตํางๆ การสํงเสริมต๎นแบบคนดีโดยมีเวที แสดงความดีเชิงประจกั ษ์ เชดิ ชูความดคี นดเี พ่อื เป็นกาํ ลงั ใจแกํคนทําดี โดยเริ่มจากระดับครอบครัวและการพัฒนาแบบ ผสมผสานหลกั ธรรมคําสอนกบั กจิ กรรมในชวี ติ ประจําวนั รวมทั้งการบรรจุหลักสูตรการเสริมสร๎างสํานึกพลเมืองแกํเด็ก และเยาวชนในทกุ ระดบั การศกึ ษาที่ครอบคลุมเนอื้ หาทกุ วชิ าทุกมติ ิ มมุ มองของเดก็ และเยาวชน รูปแบบกิจกรรมเพ่ือเสริมสร๎างสํานึกพลเมืองท่ีอยากเห็นและต๎องการคือ การ ให๎โอกาสได๎เข๎ารํวมกําหนดกรอบแนวทางเพ่ือสร๎างสํานึกพลเมืองกับหนํวยงานที่เก่ียวข๎อง โดยสอดแทรกกิจกรรมจิตอาสา พัฒนาสาธารณะใหแ๎ กเํ ด็กและเยาวชนอยํางตํอเนื่องและยง่ั ยนื หนา๎ 50