รายงานการศึกษาค้นคว้า เรื่อง สิ่งแวดล้อม เสนอ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาโรช สอาดเอี่ยม จัดทำโดย นางสาวลำดวน ดนุพลชายชาญ รหัส 6410540131058 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รหัส GE4005 ภาคเรียนที่ 1/2566 สาขาวิชาการสอนภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา
รายงานการศึกษาคน้ ควา้ เร่อื ง สงิ่ แวดล้อม เสนอ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาโรช สอาดเอ่ยี ม จดั ทาโดย นางสาวลาดวน ดนุพลชายชาญ รหัส 6410540131058 รายงานน้เี ป็นสว่ นหนึ่งของรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการศกึ ษาคน้ ควา้ รหัส GE4005 ภาคเรียนที่ 1/2566 สาขาวชิ าการสอนภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตลา้ นนา
ก คานา รายงานเรื่อง สิ่งแวดล้อม ฉบับน้ี เป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา GE4005 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มี จดุ ประสงคเ์ พอื่ ศึกษาหาความรู้เก่ยี วกับสงิ่ แวดล้อม โดยได้ศึกษาผ่านแหล่งความรู้ต่าง ๆ จากหนังสือ ห้องสมุด รวมไปถงึ แหล่งความรูจ้ ากเว็บไซตอ์ อนไลน์ เพอ่ื ศกึ ษาให้เขา้ ใจในเนื้อหาของสงิ่ แวดล้อม โดยละเอียด เนอ้ื หาในรายงานเล่มนี้ ประกอบไปดว้ ยเน้อื หาของความหมายของสิ่งแวดลอ้ ม ประเภทสิ่งแวดล้อม ความสาคญั ของส่ิงแวดล้อม ปญั หามลพิษทางสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวทางการป้องกันแก้ไขท่ีดีมลพิษทางน้า มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง สาเหตุหลักของปัญหาส่ิงแวดล้อม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ การจัดทารายงานฉบับนี้สาเร็จตามวัตถุประสงค์ไปด้ วยดี ทางผู้จัดทาขอขอบพระคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาโรช สอาดเอ่ียม ที่ท่านได้ให้คาแนะนาในการจัดทารายงานจนทาให้รายงานฉบับน้ี สมบูรณ์ในเรื่องของการศึกษาการทารายงาน การเรียบเรียงเนื้อหา การเขียนบรรณานุกรม รวมไปถึง ขอขอบคุณผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่สนับสนุน ช่วยเหลือตลอดมา ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเนื้อหาใน รายงานฉบับน้ีที่ได้เรียบเรียงมาจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีสนใจและต้องการศึกษาค้นคว้า หากมีการผิดพลาด ประการใด ทางผจู้ ัดทาขอกราบผรู้ ู้ชว่ ยแนะนาตอ่ ไป ผูจ้ ัดทา นางสาวลาดวน ดนุพลชายชาญ 6 สงิ หาคม 2566
สารบญั ข เรอ่ื ง หนา้ คานา ก สารบญั ข ความหมายของสิ่งแวดล้อม 1 ประเภทของส่งิ แวดลอ้ ม 2-3 ความสาคญั ของส่ิงแวดล้อม 3-8 ปัญหามลพษิ ทางสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวทางการปอ้ งกนั แกไ้ ขที่ดี 8-9 มลพิษทางนา 9-10 มลพิษทางอากาศ 10-11 มลพิษทางเสียง 11-12 สาเหตุหลกั ของปญั หาส่ิงแวดล้อม 12-13 การอนรุ ักษส์ ิง่ แวดลอ้ ม 14-16 การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ 16 บรรณานกุ รม 17
สารบัญรปู ภาพ ค รปู ภาพท่ี 1 ธรรมชาติ หน้า รปู ภาพที่ 2 ป่าและน้า รปู ภาพท่ี 3 สัตว์ป่า 1 รปู ภาพท่ี 4 บ้านเมือง 2 รปู ภาพท่ี 5 พธี กี รรมรดนา้ ดาหัว 2 รปู ภาพที่ 6 นา้ 3 รปู ภาพท่ี 7 ดนิ 3 รปู ภาพที่ 8 ป่า 4 รปู ภาพที่ 9 สัตว์ป่า 5 รปู ภาพท่ี 10 ท้องฟา้ 6 รปู ภาพที่ 11 ควนั รถ ขยะในน้า และควนั จากโรงงาน 7 รปู ภาพท่ี 12 ขยะในนา้ 8 รปู ภาพท่ี 13 ควนั จากโรงงาน 9 รปู ภาพที่ 14 คนปิดหู 10 รปู ภาพที่ 15 ขยะในทะเล 11 รปู ภาพท่ี 16 คนถือตน้ กล้า 12 13 15
1 สิง่ แวดล้อม รูปภาพที่ 1 ธรรมชาติ (ที่มาของภาพ : https://shorturl.asia/ascPw ) ความหมายของส่งิ แวดล้อม สิ่งแวดล้อม หมายถึง ส่ิงท่ีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและท่ีมนุษย์สร้างข้ึน ส่ิงท่ีเป็นรูปธรรมและ นามธรรม ส่ิงที่เห็นได้ด้วยตาและไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา ส่ิงท่ีเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ (เกษม , 2540) จากคาจากัดความดังกล่าว สามารถสรุปได้ว่า สิ่งแวดล้อม คือ ส่ิงต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา แต่ คาว่า “ตัวเรา” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตัวมนุษย์เราเท่าน้ัน โดยความเป็นจริงแล้ว ตัวเรานั้นเป็นอะไรก็ได้ที่ต้องการ ศึกษา เช่น ตัวเราอาจจะเปน็ ดิน ถ้ากล่าวถึงส่ิงแวดล้อมดิน หรืออาจจะเป็นน้า ถ้ากล่าวถึงสิ่งแวดล้อมน้า เป็น ต้น นอกจากนอี้ าจมีข้อสงสัยว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวเรามีรัศมีจากัดมากน้อยเพียงใด ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าส่ิงท่ีอยู่ รอบตัวเรา ไม่ไดม้ ีขอบเขตจากดั มันอาจอยู่ใกล้หรือไกลตัวเราก็ได้ จะมีบทบาทหรือมีส่วนได้ส่วนเสียต่อตัวเรา อยา่ งไรนั้นมันกข็ น้ึ อยกู่ ับลกั ษณะ และพฤติกรรมของส่ิงน้ัน ๆ เช่น โศกนาฏกรรมตึกเวิร์ดเทรด ซ่ึงตัวมันอยู่ถึง สหรัฐอเมรกิ า แต่มีผลถึงประเทศไทยไดใ้ นเร่อื งของเศรษฐกจิ เป็นตน้ สิ่งแวดล้อม ตามความหมายในทางวิชาการ หมายถึง ทุกส่ิงทุกอย่างที่อยู่ล้อมรอบตัวมนุสิ่งที่มีชีวิต และส่ิงที่ไมม่ ชี ีวิต ทัง้ ส่งิ ทเ่ี ป็นรปู ธรรมและสิ่งที่เป็นนามธรรม มีทั้งสิ่งท่ีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและส่ิงท่ีมนุษย์ สร้างขึ้น มีอิทธิพลเกี่ยวโยงถึงกัน เป็นปัจจัยในการเก้ือกูลซ่ึงกันและกัน ผลกระทบจากปัจจัยหนึ่งมีส่วน เสรมิ สรา้ งหรอื ทาลายปจั จัยอื่นอยา่ งหลกี เลี่ยงมิได้ เปน็ วงจรหรอื วฏั จกั รทีเ่ ก่ยี วเนื่องกันท้งั ระบบ สิ่งแวดล้อม คือ ทุกส่ิงทุกอย่างท่ีอยู่รอบตัวมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมท้ังที่เป็นรูปธรรม (สามารถจับต้องและมองเห็นได้) และนามธรรม (ตัวอย่างเช่นวัฒนธรรมแบบแผน ประเพณี ความเชื่อ) มี อิทธิพลเก่ียวโยงถึงกัน เป็นปัจจัยในการเก้ือหนุนซึ่งกันและกัน ผลกระทบจากปัจจัยหนึ่งจะมีส่วนเสริมสร้าง หรือทาลายอีกส่วนหน่ึง อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ส่ิงแวดล้อมเป็นวงจรและวัฏจักรที่เก่ียวข้องกันไปทั้งระบบ ส่ิงแวดล้อม (ชีวฟิสิกส์) ปัจจัยทางฟิสิกส์และชีววิทยา ร่วมกับอันตรกิริยาทางเคมีท่ีกระทบต่อสิ่งมีชีวิต
2 ส่ิงแวดล้อม (ระบบ) สภาพแวดล้อมของระบบเชิงกายภาพท่ีอาจมีอันตรกิริยากับระบบโดยแลกเปลี่ยนมวล พลงั งานหรือคณุ สมบตั อิ ยา่ งอ่ืน ประเภทของสิ่งแวดลอ้ ม ส่งิ แวดลอ้ ม แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ (Natural environment) คือ ทุกส่ิงทุกอย่างท่ีอยู่รอบ ๆ ตัว มนุษย์ เกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ สามารถแบ่งยอ่ ยเป็น 2 ลักษณะ คอื รูปภาพที่ 2 ปา่ และนา้ รปู ภาพที่ 3 สตั วป์ ่า (ที่มาของภาพ : https://shorturl.asia/PHMpd) (ที่มาของภาพ : https://shorturl.asia/mV9Uo) 1.1 ส่ิงแวดล้อมท่ีมีชีวิต (Biotic Environment) ใช้ระยะเวลาสั้นในการเกิด และสามารถเพิ่มจานวน ขึ้นมาทดแทนใหม่ได้ ขณะเดียวกันก็สูญสิ้นไปได้หากเกิดการทาลายธรรมชาติให้เสียสมดุล ได้แก่ ป่าไม้ สัตว์ ทงุ่ หญา้ เป็นต้น 1.2 สิ่งแวดล้อมท่ีไม่มีชีวิต (Abiotic Environment) หรือสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ที่อาจมองเห็นได้ หรือไม่ได้ เช่น อากาศ เสียง แร่ธาตุ เป็นต้น เป็นสิ่งแวดล้อมท่ีธรรมชาติสร้างขึ้น บางชนิดใช้เวลานานในการ เกดิ ยาวนานจนไม่สามารถรอใช้ประโยชน์จากส่ิงแวดลอ้ มได้ เชน่ เช้ือเพลงิ แรธ่ าตุ ดนิ หิน น้า อากาศ เป็นตน้ 2) สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างข้ึน (Man-Made Environment) เป็นส่ิงที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งตั้งใจและไม่ต้ังใจ ก็ได้ หรอื มองเหน็ จบั ตอ้ งได้ หรอื มองไม่เหน็ และจับต้องไม่ได้ เป็นสิ่งแวดล้อมท่ีมนุษย์สร้างข้ึนเพ่ือสนองความ ต้องการของตนเอง อันจะช่วยให้มนุษย์ดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข คุณภาพชีวิตดีข้ึน สามารถแบ่งย่อย ออกเปน็ 2 ลักษณะ
3 รปู ภาพท่ี 4 บ้านเมือง รปู ภาพท่ี 5 พธี กี รรมรดนา้ ดาหวั (ที่มาของภาพ : https://shorturl.asia/Psafm ) (ท่มี าของภาพ : https://shorturl.asia/Bg8LQ) 2.1 สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ (Physical Environment) เป็นส่ิงแวดล้อมที่มองเห็นและจับต้องได้ มนุษย์สร้างขึ้นมาเพ่ืออานวยความสะดวกและสนองความต้องการข้ึนพื้นฐานของตนเอง ได้แก่ อาหาร ท่ีอยู่ อาศยั เครือ่ งนุ่งห่ม และยารักษาโรค เปน็ ตน้ 2.2 ส่ิงแวดลอ้ มทางสังคม (Social Environment) มีลักษณะเปน็ นามธรรม มนษุ ยส์ ร้างข้ึนเพ่ือความ เป็นระเบียบเรียบร้อยของการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น ประเพณี กฎ ระเบียบข้อบังคับ กฎหมาย เป็นต้น นอกจากน้ี อาจหมายถงึ ความเชื่อ ศาสนา พิธีกรรม เป็นตน้ ความสาคญั ของสิง่ แวดลอ้ ม ส่ิงแวดลอ้ มทม่ี ีผลต่อคณุ ภาพชวี ิตสง่ิ แวดล้อมเป็นปัจจัยท่ีมีความเกี่ยวข้องกับการดารงชีวิต มีส่วนทา ใหค้ ุณภาพของมนุษยไ์ ปในทางท่ดี แี ละไมด่ ี เพราะฉะนนั้ ทุกคนจึงมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและดูแลรักษา เพื่อ ลดปัจจัยเส่ียงต่อการเกิดโรคต่างๆท่ีเก่ียวเน่ืองมากจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ความสาคัญของ สิ่งแวดล้อมที่มีต่อส่ิงมีชีวิตไม่ว่าส่ิงแวดล้อมน้ันจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ก็ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์และโทษต่อ ส่ิงมีชีวติ ได้ทงั้ สนิ้ 1. ส่ิงแวดล้อมทางกายภาพหรือส่ิงแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต มีความสาคัญต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใน ส่ิงแวดล้อมนั้น เช่น น้าใช้เพ่ือการบริโภคและเป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์น้า อากาศใช้เพ่ือการหายใจของมนุษย์ และสัตว์ ดินเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของส่ิงมีชีวิตบนบก แสงแดดให้ความร้อนและช่วยในการสังเคราะห์แสงของ พืช 2. สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ จะช่วยปรับให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมกับการ ดารงชีวิตของมันได้ เช่น ช่วยให้ปลาอาศัยอยู่ในน้าที่ลึกมาก ๆ ได้ ช่วยให้ต้นกระบองเพชรดารงชีวิตอยู่ใน ทะเลทรายได้
4 3. ส่ิงมีชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม เช่น มีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ 4. สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทาของส่ิงมีชีวิตที่อยู่ในส่ิงแวดล้อมน้ัน เช่น เมื่อสัตว์กิน พืชมีจานวนมากเกินไปพชื จะลดจานวนลง อาหารและที่อยู่อาศัยจะขาดแคลน เกิดการแก่งแย่งกันสูงขึ้นทาให้ สั ต ว์ บ า ง ส่ ว น ต า ย ห รื อ ล ด จ า น ว น ล ง ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ก็ จ ะ ก ลั บ เ ข้ า สู่ ภ า ว ะ ส ม ดุ ล อี ก ค ร้ั ง ห น่ึ ง 5. ส่ิงแวดล้อม จะกาหนดรูปแบบความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อม ในแง่ของการ ถ่ายทอดพลังงานระหว่างผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ย่อยสลาย ในแง่ของการอยู่ร่วมกัน เก้ือกูลกัน หรือเบียดเบียนกัน มนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากส่ิงแวดล้อมได้มากมาย ในลักษณะท่ีแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น ใช้ ประโยชน์จากดินเพื่อการเพาะปลูก ใช้ประโยชน์จากทุ่งหญ้าเพ่ือการเลี้ยงสัตว์ ใช้ประโยชน์จากเหมืองแร่เพ่ือ การอตุ สาหกรรม ความสาคัญของนา้ รปู ภาพท่ี 6 นา้ (ทมี่ าของภาพ : https://shorturl.asia/etyGv ) น้าเป็นแหลง่ กาเนดิ ชีวิตของสัตว์และพืชคนเรามีชีวิตอยู่ โดยขาดน้าได้ไม่เกิน 3 วันและน้ายังมีความ จาเปน็ ท้ังในภาคเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรมซ่ึงมีความสาคัญอยา่ งยง่ิ ในการพัฒนาประเทศ ประโยชน์ของน้า ได้แก่ 1. น้าเปน็ สิ่งจาเป็นทเ่ี ราใช้สาหรับการดื่มกิน การประกอบอาหาร ชาระร่างกาย ฯลฯ 2. นา้ มีความจาเป็นสาหรบั การเพาะปลกู เลย้ี งสตั วแ์ หลง่ น้าเป็นที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้าอ่ืนๆซึ่ง คนเราใชเ้ ป็นอาหาร 3. ในการอุตสาหกรรมต้องใช้น้าในขบวนการผลิตใช้ล้างของเสียใช้หล่อเคร่ืองจักรและระบายความ ร้อน ฯ 4. การทานาเกลอื โดยการระเหยน้าเค็มจากทะเล 5. นา้ เป็นแหลง่ พลงั งาน พลงั งานจากน้าใช้ทาระหัดทาเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าได้
5 6. แม่นา้ ลาคลอง ทะเล มหาสมทุ รเปน็ เสน้ ทางคมนาคมขนส่งทสี่ าคญั 7. ทศั นียภาพของรมิ ฝ่ังทะเลและนา้ ที่ใสสะอาดเป็นแหล่งท่องเทีย่ วของมนุษย์ ความสาคัญของดิน รปู ภาพท่ี 7 ดนิ (ทีม่ าของภาพ : https://shorturl.asia/5ZaFf ) ดนิ มีประโยชน์มากมายมหาศาลตอ่ มนุษยแ์ ละส่ิงมีชีวิตอืน่ ๆ คอื 1. ประโยชน์ต่อการเกษตรกรรม เพราะดินเป็นต้นกาเนิดของการเกษตรกรรมเป็นแหล่งผลิตอาหาร ของมนุษย์ ในดินจะมีอินทรีวัตถุ และธาตุอาหารรวมทั้งน้าที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชอาหารท่ีคนเรา บริโภคในทกุ วันนม้ี าจากการเกษตรกรรมถึง 90% 2. การเลี้ยงสตั ว์ ดินเปน็ แหลง่ อาหารสตั วท์ ้ังพวกพืชและหญ้าทีข่ ึน้ อยู่ 3. เป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัย เป็นที่ต้ังของเมือง บ้านเรือน ทาให้เกิดวัฒนธรรมและอารยธรรมของชุมชน ต่าง ๆ มากมาย สัตวบ์ างชนิด เชน่ งู แมลง นาก ฯลฯ 4. เป็นแหล่งเก็บกักน้าเน้ือดินจะมีส่วนประกอบสาคัญ ๆ คือส่วนท่ีเป็นของแข็ง ได้แก่ กรวด ทราย ตะกอน และส่วนท่ีเป็นของเหลว คือ น้าซึ่งอยู่ในรูปของความชื้นในดินซ่ึงถ้ามีอยู่มาก ๆ ก็จะกลายเป็นน้าซึม อยู่คอื น้าใตด้ ิน น้าเหล่าน้จี ะคอ่ ย ๆ ซึมลงทตี่ า่ เชน่ แม่น้าลาคลองทาใหเ้ รามีน้าใช้ได้ตลอดปี
6 ความสาคญั ของพืชและป่าไม้ รปู ภาพที่ 8 ป่า (ท่ีมาของภาพ : https://shorturl.asia/mveiy ) พืชมีประโยชน์มากมายตอ่ การดารงชีวิตของมนษุ ยท์ ้ังทางตรงและทางอ้อมได้แก่ ประโยชนท์ างตรง (Direct Benefits) ได้แก่ ปจั จัย 4 ประการ 1. จากการนาไม้มาสรา้ งอาคารบา้ นเรือนและผลิตภณั ฑต์ า่ งๆ เช่นเฟอรน์ เิ จอร์ กระดาษ ไม้ขีดไฟ ฟืน เป็นตน้ 2. ใชเ้ ปน็ อาหารจากสว่ นตา่ ง ๆ ของพืชและผล 3. ใชเ้ ส้นใย ที่ไดจ้ ากเปลือกไมแ้ ละเถาวลั ยม์ าถักทอ เป็นเครอ่ื งนุง่ ห่ม เชือกและอ่นื ๆ 4. ใช้ทายารักษาโรคต่าง ๆ ประโยชน์ทางอ้อม (Indirect Benefits) ได้แก่ 5 ประการ 1. ปา่ ไมเ้ ป็นเปน็ แหลง่ กาเนิดต้นน้าลาธาร 2. ป่าไม้ทาให้เกิดความชุ่มช้ืน และควบคุมสภาวะอากาศ ทาให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล และ ไม่เกิด ความแหง้ แลง้ 3. ป่าไมเ้ ป็นแหล่งพกั ผอ่ นและศกึ ษาความรู้ เพราะเปน็ ทร่ี วมของพนั ธ์พุ ชื และพนั ธส์ุ ัตว์ 4. ปา่ ไม้ช่วยบรรเทาความรนุ แรงของลมพายุและป้องกนั อุทกภัย 5. ปา่ ไมช้ ่วยปอ้ งกันการกัดเซาะและพัดพาหน้าดนิ จากนา้ ฝนและลมพายุ
7 ความสาคัญของสตั ว์ป่า รูปภาพท่ี 9 สตั ว์ปา่ (ท่มี าของภาพ : https://shorturl.asia/HpyaG ) สตั ว์ปา่ อานวยประโยชน์สว่ นใหญเ่ ปน็ ไปในทางอ้อมมากกว่าทางตรง ตวั อยา่ งคณุ ค่าของสัตว์ปา่ เป็น ตน้ ว่า 1. ดา้ นเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ การคา้ สัตว์ป่า หรอื ซากของสัตว์ป่า การท่องเที่ยว ฯลฯ 2. เป็นอาหาร เช่น หมูป่า เก้ง กวาง ตะกวด แย้ เป็นต้น เครื่องยาสมุนไพรเช่น นอแรด กะโหลก เลียงผา เขากวางออ่ น เลอื ดและ กระเพาะคา่ ง ดขี องหมี ดงี ูเหา่ 3. เครื่องใช้เครื่องประดับ เช่น หนังใช้ทากระเป๋า รองเท้า เครื่องนุ่งห่ม งาช้าง กระดูก เขาสัตว์ใช้ ทาด้ามมีด ด้ามเครอ่ื งมอื หรอื แกะสลกั ต่าง ๆ เป็นตน้ 4. การนันทนาการและด้านจิตใจ การท่องเท่ียวชมสัตว์ป่าในสวนสัตว์ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษา พนั ธ์ุสตั ว์ปา่ และแหล่งสตั วป์ ่าอ่นื ๆ 5. ด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการแพทย์ ด้านการค้นคว้าทดลองต่าง ๆ เช่น ทดลองกับหนู กระแต ลิง จากนั้นจึงนาไปใชก้ ับคน 6. เปน็ ตัวควบคุมส่งิ มชี วี ติ อืน่ ๆ เชน่ ค้างคาวกนิ แมลง นกฮกู และงูสิงห์กินหนูต่าง ๆ นกกินตัวหนอน ท่ที าลายพืชเศรษฐกจิ เป็นตน้ 7. ความสัมพันธ์ ระหว่างทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เป็นต้นว่าป่าไม้ทาให้สัตว์ป่ามีท่ีอยู่อาศัย เป็น อาหารและเป็นที่หลบภัย ป่าไม้ทาให้ดินอุดมสมบูรณ์ ป้องกันการกัดเซาะของน้า ลม ป่าไม้ช่วยทาให้มีน้าไหล ตลอดปี น้าใสสะอาดปราศจากตะกอน ปา่ ไม้ช่วยทาให้ฝนตก บรรเทากระแสลมพายุ ป่าไม้ทาให้อากาศไม่ร้อน ไม่หนาว ปา่ ไม้เปน็ แหลง่ สะสมแร่ธาตุและป่าไมท้ าใหม้ นุษยไ์ ด้ใชส้ อยเปน็ ประโยชน์
8 ความสาคญั ของอากาศ รูปภาพที่ 10 ท้องฟ้า (ท่มี าของภาพ : https://shorturl.asia/3enog) 1. มกี ๊าซบางชนิดทจ่ี าเปน็ ตอ่ การมีชีวติ ของมนุษย์ สัตว์และพืช 2. มีอิทธิพลต่อการเกดิ ปรมิ าณ และคณุ ภาพของทรพั ยากรอนื่ เช่น ป่าไม้ และแร่ธาตุ 3. ช่วยปรับอุณหภูมิของโลก ไอน้า และคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียความร้อน จากพื้นดนิ 4. ทาใหเ้ กดิ ลมและฝน 5. มีผลต่อการดารงชีวิต สภาพจิตใจ และร่างกายของมนุษย์ ถ้าสภาพอากาศไม่เหมาะสม เช่น แห้ง แลง้ หรอื หนาวเยน็ เกินไปคนจะอย่อู าศัยด้วยความยากลาบาก 6. ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีของดวงอาทิตย์ โดยก๊าซโอโซนในบรรยากาศจะกรองหรือดูดซับรังสี อัลตราไวโอเลต ซึ่งทาใหผ้ ิวไหม้เกรียม เป็นโรคมะเร็งผิวหนงั และโรค ต้อกระจก 7. ช่วยเผาไหม้ วัตถุท่ีตกมาจากฟ้า หรืออุกกาบาต ให้กลายเป็นอนุภาคเล็กๆ จนไม่เป็นอันตรายต่อ มนษุ ย์และทรัพย์สิน 8. ทาให้ท้องฟ้ามีสีสวยงาม โดยอนุภาคของสิ่งอ่ืนที่ปน อยู่กับก๊าซในบรรยากาศจะทาให้แสงหักเห เราจึงมองเห็นท้องฟ้ามีแสงสีท่ีงดงามแทนที่จะเห็นเป็นสีดามืด นอกจากน้ี ก๊าซโอโซนซึ่งมีสีน้าเงินยังช่วยให้ มองเห็นท้องฟา้ เปน็ สคี รามหรือสฟี า้ สดใสอีกด้วย
9 ปัญหามลพิษทางสิง่ แวดล้อม ตลอดจนแนวทางการปอ้ งกนั แกไ้ ขท่ดี ี รปู ภาพท่ี 11 ควันรถ ขยะในนา้ และ ควนั จากโรงงาน (ทม่ี าของภาพ : https://shorturl.asia/8KhPa ) ปัญหาส่ิงแวดล้อมท่ีมนุษย์กาลังประสบอยู่ในปัจจุบันท่ีสาคัญ ได้แก่ ปัญหาการลดลงของ ทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาสารพิษ และปัญหาของระบบนิเวศ ซ่ึงปัญหาที่สาคัญเหล่าน้ีมาจากปัญหาย่อยๆ หลายปัญหา เช่น มลพิษทางน้า มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง ขยะมูลฝอยและส่ิงปฏิกูล เป็นต้น ปัญหา เหล่านี้ถ้าไม่รีบป้องกันแก้ไข อาจส่งผลกระทบต่อวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งการป้องกันแก้ไขปัญหา สิง่ แวดล้อมเปน็ หนา้ ท่ีของทุกคนท่ีจะตอ้ งชว่ ยกนั มลพษิ ทางสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น น้า อากาศ ดิน เป็นต้น มีความจาเป็นต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์ จาเปน็ ต้องใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติเหล่านี้มากมาย แต่การใช้ประโยชน์โดยไม่คานึงถึงผลกระทบที่ จะเกิดขนึ้ ทาใหเ้ กิดมลพิษขึน้ ในสงิ่ แวดล้อมนน้ั ๆ มลพิษทางสิ่งแวดล้อม หมายถึง สภาวะที่ส่ิงแวดล้อมตามธรรมชาติถูกปะปนหรือปนเปื้อนด้วยส่ิง สกปรก สิ่งแปลกปลอม หรือสารมลพิษ ทาให้มีลักษณะหรือสมบัติแตกต่างไปจากเดิมหรือจากธรรมชาติ โดย เปลย่ี นแปลงไปในทางท่ีเลวลง ยงั ผลให้ใชป้ ระโยชน์ไดน้ ้อยหรือใชป้ ระโยชน์ไม่ไดเ้ ลย และมีผลเสียต่อสุขภาพ มลพิษทางสิ่งแวดล้อมท่ีสาคัญ ได้แก่ มลพิษทางน้า มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง และมลพิษที่ เกดิ จากขยะมลู ฝอยและส่งิ ปฏกิ ูล
10 มลพิษทางนา้ รปู ภาพที่ 12 ขยะในนา้ (ท่มี าของภาพ : http://web.trironk.net/10/water3.htm ) มลพิษทางน้า (Water pollution) เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สาคัญท่ีสุดปัญหาหน่ึงของประเทศเม่ือ เปรียบเทียบกับปัญหามลพิษอื่นๆปัญหามลพิษทางน้ามักเกิดกับเมืองใหญ่ๆแหล่งน้าที่สาคัญของประเทศถูก ปนเป้อื นดว้ ยสง่ิ สกปรกและสารมลพษิ ตา่ งๆทาใหไ้ มส่ ามารถใชป้ ระโยชน์จากแหล่งน้าได้เต็มท่ี ซึ่งส่งผลกระทบ ตอ่ คณุ ภาพชีวิต และการพฒั นาทางเศรษฐกจิ และสงั คม สาเหตุของการเกิดมลพิษทางน้า ส่วนใหญ่เกิดจากน้าทิ้งจากท่ีอยู่อาศัย ซ่ึงมักจะมีสารอินทรีย์ ปนเป้ือนมาด้วย น้าท้ิงดังกล่าวมักเป็นสาเหตุของการที่น้ามีสีดา และมีกล่ินเน่าเหม็น น้าที่มีสารพิษตกค้างอยู่ เช่น น้าจากแหล่งเกษตรกรรมท่ีมีปุ๋ยและยากาจัดศัตรูพืช น้าทิ้งที่มีโลหะหนักปนเปื้อนจากโรงงาน อุตสาหกรรม เปน็ ตน้ สารเหล่าน้ีจะถสู ะสมในวงโคจรโซอ่ าหารของสัตว์นา้ และมีผลต่อมนษุ ยภ์ ายหลงั ผลกระทบจากมลพิษทางน้า น้าที่อยใู่ นระดบั รนุ แรง ซ่ึงประชาชนท่ัวไป เรียกว่า นา้ เสยี มลี กั ษณะทเ่ี หน็ ได้ชดั เจน คอื ตะกอนขุ่นข้น สีดาคล้า ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ก่อให้เกิดความราคราญต่อชุมชน และอาจมีฟองลอยอยู่เหนือน้าเป็นจานวนมาก อย่างไรก็ตาม ลักษณะของน้าเสียบางครั้งเราอาจมองไม่เห็นก็ได้ ถ้าน้าน้ันปนเป้ือนด้วยสารพิษ เช่น ยาปราบ ศัตรู หรือยาฆ่าแมลง แรธ่ าตุ เปน็ ตน้ น้าท่ีเป็นมลพิษจะมีผลกระทบต่อการดารงชีวิตของส่ิงมีชีวิตอย่างเห็นได้ชัดกว่า ปัญหาส่ิงแวดล้อม อนื่ ๆเพราะก่อใหเ้ กิดผลเสยี หายหลายประการ ซึง่ สามารถสรปุ ไดด้ ังน้ี 1. ผลกระทบทางด้านสาธารณสุข 2. ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
11 3. ผลกระทบทางด้านสังคม แนวทางการป้องกันแก้ไขปญั หามลพษิ ทางน้า 1. การบาบดั น้าเสีย 2. การกาจดั ขยะมลู ฝอยและสิง่ ปฏิกูล 3. การให้การศกึ ษาและความเขา้ ใจเก่ียวกับปญั หามลพิษทางนา้ แกป่ ระชาชน 4. การใช้กฎหมาย มาตรการ และข้อบงั คบั 5. การศกึ ษาวจิ ัยคณุ ภาพน้าและสารวจแหลง่ ทรี่ ะบายนา้ เสียลงสู่แม่นา้ มลพษิ ทางอากาศ รูปภาพที่ 13 ควันจากโรงงาน (ทีม่ าของภาพ : https://shorturl.asia/oVhAm) ส่วนใหญ่เกิดจากควันของยานพาหนะและจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันดังกล่าวมีผลต่อสุขภาพของ มนุษย์โดยตรง ควันจากโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งท่ีมี ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์หรือไนโตรเจนออกไซด์ เป็น องค์ประกอบ เมอ่ื รวมกับละอองน้าในอากาศ จะกลายเป็นสารละลายกรดซัลฟิวริกหรือกรดไนตริก กลายเป็น ฝนกรด ตกลงมาอันเปน็ อนั ตรายตอ่ สง่ิ มชี วี ติ และยังทาใหส้ ิ่งก่อสรา้ งเกิดการสึกกร่อนได้ สถานทก่ี าลังประสบปัญหากบั มลพิษทางอากาศเหลา่ น้ี จะมผี ลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์เป็นอย่าง มาก โดยจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ อาจทาให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคทรวงอก เย่ือบุตาอักเสบ และเป็น อันตรายต่อเด็กในครรภต์ ลอดจนเสียชวี ิตได้
12 ปรากฏการณเ์ รือนกระจก (Green house effect) เป็นปรากฏการณ์ที่ทาให้โลกมีอุณหภูมิสูงข้ึน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภูมิอากาศทั่วโลกอย่างท่ีไม่เคย ปรากฏมากอ่ น โดยนกั วทิ ยาศาสตรไ์ ดป้ ระมาณการณไ์ วว้ ่าท่บี ริเวณเหนือเส้นศนู ย์สูตรข้ึนไป ฤดูหนาวจะส้ันข้ึน และมีความชื้นมาก ส่วนฤดูร้อนจะยาวนานข้ึนอาจทาให้พ้ืนดินบางแห่งบนโลกกลายเป็นทะเลทราย และใน เขตร้อนอาจจะมีพายุบ่อยครงั้ และรนุ แรง บรเิ วณข้วั โลกความร้อนส่งผลโดยตรงตอ่ การละลายของหิมะเป็นเหตุ ให้ปริมาณน้าในทะเลเพิ่มขึ้น มีผลต่อการเกิดอุทกภัย นอกจากน้ียังส่งผลกระทบต่อพืชและสัตว์ เกิดการ เปลี่ยนแปลงทาให้ปากใบปิดไม่สามารถรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และไอน้าได้การสังเคราะห์ด้วยแสงลดลง สตั วบ์ างชนดิ อาจได้รับความกระทบกระเทอื นต่อเนอ้ื เย่ือตา ผิวหนงั และเป็นเหตใุ หส้ ญู พันธไ์ุ ดใ้ นที่สุด สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน(CFC) มีช่ือทางการค้าว่า ฟรีออน(Freon) ฟรีออนใช้ในการอุตสาหกรรม หลายประเภท เช่น ใช้เป็นสารทาความเย็นในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ใช้เป็นก๊าซขับดันในผลิตภัณฑ์สเปรย์ เป็นส่วนผสมในการผลิตโฟม ใช้กับเครื่องสาอาง ใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮออล์ ใช้เป็นตัวทาละลายและทา ความสะอาด ใช้เป็นฉนวนไฟฟ้า และใช้เปน็ สารดับเพลิง เป็นต้น มลพษิ ทางเสียง รูปภาพที่ 14 คนปิดหู (ท่มี าของภาพ : https://shorturl.asia/e9UVg ) สง่ิ ที่เปน็ ตน้ เหตทุ ท่ี าใหเ้ กดิ เสียงดงั จนเปน็ อนั ตรายต่อมนุษย์นั้นมีหลายประการ เช่น เสียงอึกทึกท่ีเกิด จากเครื่องยนตต์ ามทอ้ งถนน โดยเฉพาะถนนท่ีมีปญั หาเรอื่ งการจารจรตดิ ขดั เสยี งเคร่อื งบนิ เสยี งดนตรี
13 ในดิสโก้เทค เสียงเพลงจากซาวด์อะเบ้าท์ เสียงเคร่ืองจักรของโรงงาน เสียงเคร่ืองขยายเสียงจากงาน ชุมชนต่างๆ นอกจากน้ียังมีเสียงจากอื่นๆอีกท่ีอยู่ในสิ่งแวดล้อมอันเป็นเสียงที่ไม่พึงประสงค์และมีเสียงดังเกิน เหตุ ระดับเสียงปกติท่ีไม่เป็นอันตรายต่อการได้ยินของคนจะอยู่ในระดับไม่เกิน 80-85 เดซิเบล และระดับ เสียงในระดับปกติธรรมดาควรไม่เกิน 50-70 เดซิเบล แต่ระดับเสียงในดิสโก้เทคเฉล่ียประมาณ 90-100 เดซิ เบล นับว่าเป็นอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพ โดยเฉพาะซาวด์อะเบาท์ เป็นการนาเอาเคร่ืองฟังแนบประกบไว้ กับหูตลอดเวลา และถ้ามีเสียงรบกวนก็จะเปิดเสียงดังเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มระดับคลื่นเสียงให้มีผลต่อระบบ ประสาทหูโดยตรง ก่อให้เกิดการสูญเสียการได้ยิน เป็นอันตรายต่อเย่ือแก้วหูอาจมีผลทาให้เกิดอาการหูหนวก เมื่อมีอายุมากขน้ึ และเกิดปญั หาหตู งึ ได้ในทส่ี ุด ขยะมลู ฝอยและส่ิงปฏกิ ูล ส่วนใหญเ่ ปน็ การกระทาของมนุษย์ เช่น การท้งิ ขยะมูลฝอยลงบนถนน แม่น้า ลาคลอง ชายหาด หรือ ตามสถานท่ีสาธรณต่างๆ การปลูกสร้าง การติดป้ายโฆษณาการเดินสายไฟฟ้าท่ีไม่เป็นระเบียบ การปล่อยน้า เสยี หรือควันของโรงงานอุตสาหกรรม สงิ่ เหลา่ นี้ถอื ว่าเป็นการกระทาทกี่ อ่ ให้เกดิ มลพษิ ทางทศั นาการ เพราะทา ให้ความสวยงามของสถานท่ตี า่ งๆต้องสูญเสียไป สาเหตหุ ลกั ของปัญหาสิง่ แวดล้อม รปู ภาพที่ 15 ขยะในทะเล (ท่มี าของภาพ : https://shorturl.asia/6OyLe ) หากพูดถึงปัญหาส่ิงแวดล้อม คนส่วนใหญ่มักมองถึงการตัดต้นไม้ทาลายป่า ปัญหาน้าเน่าเสียหรือ มลภาวะเปน็ พษิ ซงึ่ เป็นสิง่ ที่มผี ลกระทบต่อสภาพความเปน็ อยู่ของผู้คนในสังคม พร้อมๆกับร่วมกันหาแนวทาง
14 แก่ไข เช่นการรณรงค์ไม่ให้มีการเผาขยะ การปลูกป่าทดแทน หรือปลูกจิตสานึกให้กับเยาวชนในการร่วมกัน อนรุ กั ษส์ ่งิ แวดล้อมในรูปแบบต่างๆ ซ่ึงเป็นการมองที่ตัวปัญหาและหาแนวทางแก้ไขท่ีอาจมองข้ามสาเหตุหลัก ท่ที าใหเ้ กดิ ปญั หาสิง่ แวดล้อมเหลา่ นั้น สาเหตหุ ลักของปญั หาสิง่ แวดล้อม 1. จานวนประชากรท่ีเพ่ิมมากขึ้น สาเหตุของปัญหาส่ิงแวดล้อมเกิดจากการกระทาของคนเราเป็น ปัจจัยหลักการท่ีจานวนประชากรมีปริมาณเพ่ิมมากข้ึน ทาให้ความต้องการในการใช้ทรัพยากรก็เพิ่มมากตาม ไปด้วยเช่น ต้องการท่ีอยู่อาศัย ท่ีทากินสาหรับทาการเกษตร แร่ธาตุ แหล่งพลังงาน น้า และอาหารเมื่อ ทรัพยากรท่ีมีอยู่ไม่เพียงพอ ก็ทาให้มีการบุกรุกทาลายสิ่งแวดล้อมเหล่าน้ัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่ เป็นปจั จัยพ้ืนฐานในการดารงชีวิต 2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของเศรษฐกิจทาให้เกิดปัญหาการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ ย่ังยืน เพราะความเจริญทางเศรษฐกิจทาให้มาตรฐานการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีความต้องการ ส่ิงอานวยความสะดวกให้กับตนเองมากขึ้น ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าในแต่ละครอบครัวอาจมีรถยนต์หลายคัน เพ่ือให้เพียงพอต่อความต้องการของคนในบ้าน ซ่ึงผลกระทบต่อสภาพส่ิงแวดล้อมท่ีตามมาก็คือ ปัญห มลพิษ ทางอากาศ เสียง และ ความสั่นสะเทือนรวมถึงความต้องการด้านอื่นๆที่ทาให้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เน่อื งจากใชแ้ ล้วหมดไปโดยไมไ่ ด้สรา้ งขนึ้ มาทดแทน เช่น การตัดตน้ ไม้ การใช้ทรัพยากรนา้ และอ่ืนๆ 3. ความกา้ วหน้าทางดา้ นเทคโนโลยี เทคโนโลยที ่มี ีความก้าวหน้าช่วยเสริมให้มีการนาทรัพยากรมาใช้ ทาได้ง่ายมากขึ้น และยังมีการผลิตเคร่ืองมือที่ทันสมัยมาใช่ในทางเกษตรเกี่ยวกับด้านการผลิต เช่น การใช้ ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ทาให้มีสารตกค้างท่ีสามารถกระจายตัวลงสู่แหล่งน้า ทาให้เกิดปัญหาน้าเสียที่ยากต่อ การแก้ไข 4. เกิดจากภัยธรรมชาติ สภาพส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า น้าท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดซ่ึงภัยธรรมชาติเหล่าน้ี ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทาของคนท่ีส่งผลทาให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น จากสาเหตุหลักๆของปัญหาสิ่งแวดล้อม เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบมาจากการ กระทาของมนุษย์ทั้งปริมาณการเพ่ิมขึ้นของจานวนประชากร การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีและปัญหาสภาพแวดล้อมท่ีเกิดจากภัยธรรมชาติซึ่งภัยธรรมชาติส่วนหน่ึงก็เกิดมาจากการกระทา ของมนุษย์เช่นกันดังนั้นการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงนอกจะหาแนวทางแก้ไข ด้วยวิธีการต่างๆแล้วการ ป้องกนั การเกดิ ปัญหาจากการกระทาของมนษุ ย์ กเ็ ปน็ สิ่งสาคัญทีต่ อ้ งทาควบคู่กันไป
15 การอนรุ ักษส์ ง่ิ แวดล้อม รูปภาพที่ 16 คนถือตน้ กล้า (ทม่ี าของภาพ : https://shorturl.asia/rtsnQ) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม อย่างฉลาด โดยใช้ให้น้อย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคานึงถึงระยะเวลาในการใช้ให้ยาวนาน และ ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อส่ิงแวดล้อมน้อยท่ีสุด รวมท้ังต้องมีการกระจายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ในสภาพปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมมีความเสื่อมโทรมมากขึ้น ดังน้ันการ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมจึงมีความหมายรวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วยการ อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มสามารถกระทาได้หลายวธิ ี ทั้งทางตรงและทางออ้ ม ดังน้ี 1. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยทางตรง ซึ่งปฏิบัติได้ในระดับบุคคล องค์กร และ ระดบั ประเทศ ทสี่ าคญั คอื 1) การใช้อย่างประหยัด คือ การใช้เท่าท่ีมีความจาเป็น เพ่ือให้มีทรัพยากรไว้ใช้ได้นานและเกิด ประโยชนอ์ ย่างคุ้มคา่ มากทสี่ ุด 2) การนากลบั มาใช้ซา้ อกี สิง่ ของบางอย่างเมอื่ มีการใชแ้ ล้วครั้งหนึ่งสามารถท่ีจะนามาใช้ซ้าได้อีก เช่น ถงุ พลาสตกิ กระดาษ เป็นต้น หรือสามารถทจ่ี ะนามาใชไ้ ดใ้ หม่โดยผา่ นกระบวนการต่างๆ เช่น การนากระดาษ ทใี่ ช้แลว้ ไปผ่านกระบวนการต่างๆ เพอ่ื ทาเป็นกระดาษแขง็ เป็นต้น ซงึ่ เป็นการลดปริมาณการใช้ทรัพยากรและ การทาลายสิง่ แวดล้อมได้ 3) การบรู ณะซอ่ มแซม ส่ิงของบางอยา่ งเมอ่ื ใชเ้ ปน็ เวลานานอาจเกดิ การชารุดได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีการ บูรณะซ่อมแซม ทาใหส้ ามารถยดื อายุการใช้งานตอ่ ไปไดอ้ ีก
16 4) การบาบัดและการฟ้ืนฟู เป็นวิธีการท่ีจะช่วยลดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรด้วยการบาบัดก่อน เช่น การบาบัดน้าเสียจากบ้านเรือนหรือโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ก่อนที่จะปล่อยลงสู่แหล่งน้าสาธารณะ ส่วนการฟ้ืนฟูเป็นการรื้อฟื้นธรรมชาติให้กลับสู่สภาพเดิม เช่น การปลูกป่าชายเลน เพื่อฟื้นฟูความสมดุลของ ป่าชายเลนใหก้ ลบั มาอุดมสมบูรณ์ เปน็ ต้น 5) การใช้สิ่งอ่ืนทดแทน เป็นวิธีการที่จะช่วยให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยลง และไม่ทาลาย สิ่งแวดลอ้ ม เช่น การใชถ้ ุงผ้าแทนถงุ พลาสตกิ การใช้ใบตองแทนโฟม การใช้พลังงานแสงแดดแทนแร่เช้ือเพลิง การใชป้ ุ๋ยชวี ภาพแทนปุย๋ เคมี เปน็ ต้น 6) การเฝ้าระวังดูแลและป้องกัน เป็นวิธีการที่จะไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมถูกทาลาย เชน่ การเฝา้ ระวังการทิ้งขยะ ส่งิ ปฏกิ ลู ลงแมน่ า้ คคู ลอง การจัดทาแนวป้องกันไฟปา่ เป็นตน้ 2. การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมโดยทางอ้อม สามารถทาได้หลายวิธี ดงั น้ี 1) การพัฒนาคุณภาพประชาชน โดยสนับสนุนการศึกษาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อมที่ถูกต้องตามหลักวิชา ซ่ึงสามารถทาได้ทุกระดับอายุ ทั้งในระบบโรงเรียนและสถาบันการศึกษา ต่างๆ และนอกระบบโรงเรียนผา่ นส่ือสารมวลชนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสาคัญและ ความจาเป็นในการอนุรักษ์ เกิดความรักความหวงแหน และใหค้ วามรว่ มมอื อย่างจรงิ จัง 2) การใช้มาตรการทางสังคมและกฎหมาย การจัดต้ังกลุ่ม ชุมชน ชมรม สมาคม เพื่อการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตลอดจนการให้ความร่วมมือท้ังทางด้านพลังกาย พลังใจ พลัง ความคิด ด้วยจิตสานึกในความมีคุณค่าของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรที่มีต่อตัวเรา เช่น กลุ่มชมรมอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของนักเรียน นักศึกษา ในโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ มูลนิธิ คุ้มครองสัตวป์ า่ และพรรณพชื แหง่ ประเทศไทย มลู นิธิสบื นาคะเสถียร มูลนธิ โิ ลกสีเขยี ว เปน็ ต้น 3) สง่ เสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ช่วยกันดูแลรักษาให้คงสภาพเดิม ไม่ให้ เกิดความเสื่อมโทรม เพ่ือประโยชน์ในการดารงชีวิตในท้องถิ่นของตน การประสานงานเพ่ือสร้างความรู้ความ เข้าใจ และความตระหนักระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกับประชาชน ให้มีบทบาท หน้าท่ใี นการปกปอ้ ง ค้มุ ครอง ฟนื้ ฟกู ารใชท้ รพั ยากรอย่างคมุ้ คา่ และเกิดประโยชน์สูงสุด 4) ส่งเสริมการศึกษาวิจัย ค้นหาวิธีการและพัฒนาเทคโนโลยี มาใช้ในการจัดการกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศมา
17 จดั การวางแผนพัฒนา การพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือเคร่ืองใช้ให้มีการประหยัดพลังงานมากข้ึน การค้นคว้าวิจัย วธิ ีการจัดการ การปรบั ปรงุ พัฒนาสง่ิ แวดล้อมใหม้ ีประสิทธิภาพและยัง่ ยนื เปน็ ต้น 5) การกาหนดนโยบายและวางแนวทางของรัฐบาล ในการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมท้ังในระยะ ส้ันและระยะยาว เพือ่ เป็นหลกั การใหห้ น่วยงานและเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีเกี่ยวข้องยึดถือและนาไปปฏิบัติ รวมทั้ง การเผยแพร่ขา่ วสารด้านการอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มทางตรงและทางอ้อม การอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (Conservation) หมายถึง การรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เป็น ประโยชน์ต่อมหาชนมากท่ีสุด และใช้ได้เป็นระยะเวลานานมากท่ีสุด ท้ังน้ีจะต้องให้มีความสูญเสียทรัพยากร โดยเปลา่ ประโยชน์น้อยที่สดุ แต่ในขณะเดียวกันสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ันให้คุ้มค่ามากท่ีสุด หรือ เรียกว่าการใช้อย่างยั่งยืน สาเหตุที่ต้องมีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพราะผลสืบเนื่องจากการเพ่ิม ประชากรและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีเป็นตัวเร่งที่ทาให้เกิดการร่อยหรอของ ทรัพยากรธรรมชาติ อันนามาซึ่งปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากร ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเก่ียวข้องกับ การดารงชีวิตของประชาชนท้ังในเขตเมืองบและชนบท นอกจากน้ียังเกี่ยวข้องกับความมั่นคง และม่ังค่ังของ ประชาชน ในชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติน้ัน จะต้องมีนโยบายในการควบคุมการใช้ทรัพยากรอย่าง ชาญฉลาด คานึงถึงผลไดผ้ ลเสยี อย่างถี่ถ้วน โดยการพิจารณาตามหลักวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกจังหวะ และความต้องการของสงั คม ทัง้ น้เี พราะทรพั ยากรธรรมชาตเิ ป็นมรดกอนั มหาศาล ที่ธรรมชาติให้ไว้ เพ่ือมนุษย์ ได้ใช้ในการดารงชวี ติ จงึ จาเป็นตอ้ งศกึ ษาคน้ คว้าถงึ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ เพื่อมิให้ทรัพยากรธรรมชาตินั้น หมดไปอยา่ งรวดเรว็ เพราะในการอนุรักษ์เปน็ เรื่องทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับมนษุ ยท์ ้ังในเมืองและชนบท ดังนั้น ในการวาง แผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาด จะต้องไม่แยกมนุษย์ออก จากสภาพแวดล้อมทางสังคม และวัฒนธรรม หรือสภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาติ
18 บรรณานุกรม วิชาการรอบตัวเรา. (2021). สิ่งแวดล้อม หมายถึงอะไร? มีกี่ประเภท อะไรบ้าง. สืบค้นเม่ือ 10 สิงหาคม 2566. แหลง่ ทม่ี า https://shorturl.asia/XS1PE สานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี). (2561). ปัญหามลพิษทางส่ิงแวดล้อม ตลอดจนแนว ทางการป้องกนั แกไ้ ขทด่ี .ี สบื คน้ เม่อื 10 สิงหาคม 2566. แหล่งทีม่ า https://shorturl.asia/7bRhy About modify. (2013). สิ่งแวดล้อม หมายถึงอะไร.สืบค้นเม่ือ 9 สิงหาคม 2566 แหล่งที่มา https://www.modify.in.th/1328 Nattaphonball. (ม.ป.ป). ความสาคัญของส่ิงแวดล้อม. วันที่สืบค้น 10 สิงหาคม 2566 แหล่งท่ีมา https://shorturl.asia/Qy8su
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: