โครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนธิ ิการศกึ ษาทางไกลผานดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถัมภ สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขันพืน ฐาน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
ชุดเอกสารสื่อ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ลิขสิทธิ์ของ สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์แ ละเทคโนโลยี สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ�นวน ๒๒,๐๐๐ ชุด จัดพิมพ์โดย องค์การค้าของ สกสค.
คำนำ ตามท่ี สํานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้จัดทําชุด การเรียนรู้ สําหรับใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กท่ีขาดครู มีครูไม่ครบชั้นหรืออยู่ในพ้ืนที่ห่างไกลทุรกันดาร ซ่ึงประกอบด้วย ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับครูผู้สอน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับนักเรียน) หลังจากที่มีการนําไปใช้ พบว่าส่ือดังกล่าวช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงเห็นควรมีการนําสื่อดังกล่าว มาใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก และโรงเรียนขยายโอกาสทุกโรง เพ่ือช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับประถมศึกษาให้ดีย่ิงขึ้น ประกอบกับ กระทรวงศึกษาธกิ าร ได้ประกาศใชม้ าตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมศิ าสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาํ สงั่ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จึงได้ปรับปรุงชุดการจัดการเรียนรู้ (สําหรับ ครูผู้สอน) ให้สอดคล้องกับการประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด และเพ่ือให้สะดวกต่อการนําไปใช้ จึงจัดแยกเป็นรายชั้นปี (ประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖) และเป็นรายภาคเรียน (ภาคเรียนท่ี ๑ และภาคเรียนท่ี ๒) ท้ัง ๕ กลุ่ม ประกอบด้วย - ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ - ๖ ภาคเรียนที่ ๑ , ๒ - ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ ภาคเรียนที่ ๑ , ๒ - ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ - ๖ ภาคเรียนที่ ๑ , ๒ - ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ , ๒ - ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาํ หรับครผู สู้ อน) กลุม่ บูรณาการ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ , ๒ การนําชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไปใช้ ครูผู้สอนต้องศึกษาเอกสาร คู่มือการใช้ชุดการจัด การเรียนรู้ และศกึ ษาคําชแ้ี จงในเอกสาร ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครูผูส้ อน) ใหเ้ ข้าใจ เพราะจะทําให้ ทราบถึงแนวคิดการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ การเตรียมตัวของครู ส่ือการจัดการเรียนรู้ ลักษณะชุดการจัด กจิ กรรมการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ สญั ลกั ษณท์ ่ใี ช้ แนวทางการวดั และประเมินผลของแตล่ ะหน่วยการเรยี นรู้ หวังว่าชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับครูผู้สอน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับ นักเรียน) ฉบับปรับปรุงน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอน อันจะส่งผลต่อการพัฒนา คุณภาพการศึกษาระดับประถมศกึ ษาตอ่ ไป ขอขอบคุณ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู อาจารย์ และทุกท่านท่ีมี ส่วนเกยี่ วขอ้ งกบั การปรบั ปรงุ และจดั ทําเอกสารมา ณ โอกาส นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน
คำ� ช้ีแจง ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นร(ู้ ส�ำหรบั ครูผู้สอน) หนว่ ยที่ ๒ การวัด เลม่ นี้ เปน็ ๑ ใน ๗ เลม่ ของชุด การจดั กิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ใช้กับนกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ซง่ึ ผา่ น การวิเคราะห์ตวั ช้ีวัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ เม่อื สอนครบท้งั ๗ เลม่ นกั เรยี น จะได้เรยี นรู้ครบถ้วนครอบคลมุ ทุกตวั ชวี้ ัดของหลักสูตร ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรบั ครูผูส้ อน) หนว่ ยท่ี ๒ การวดั เล่มนี้ เป็นเอกสารที่น�ำเสนอ แนวทางในการจดั การเรียนร้คู ณิตศาสตร์ เรื่องการวดั ใหก้ บั นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ประกอบดว้ ย (๑) ค�ำแนะน�ำส�ำหรบั ครูผ้สู อน (๒) โครงสร้างชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (๓) ก�ำหนดการสอนคณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (๔) โครงสรา้ งหนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๒ การวดั (๕) มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ัดของหน่วยการเรียนรู้ หน่วยที่ ๒ การวดั (๖) แผนการจดั การเรยี นรู้ จ�ำนวน ๑๐ แผน (๗) เฉลยแบบฝึกหัดของนักเรียน (๘) แบบประเมนิ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ก่อนการสอนเรื่องการวัด ครผู ้สู อนควรศึกษาแผนการจดั การเรียนร้จู ากเอกสารเล่มนีอ้ ย่างละเอียด จะท�ำใหร้ ู้ ว่าตอ้ งสอนแตล่ ะเนื้อหาอยา่ งไร และต้องเตรยี มสอ่ื /อุปกรณ์ประกอบการสอนอะไรบ้าง ซงึ่ จะท�ำให้การจัดการ เรยี นร้ขู องครมู ีประสิทธภิ าพ ส่งผลใหน้ กั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในเน้อื หาที่สอน คณะผ้จู ดั ท�ำหวงั เป็นอยา่ งย่งิ ว่า ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับครูผู้สอน) หน่วยท่ี ๒ การวัด เลม่ นี้ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ครผู สู้ อน ในการน�ำไปใชจ้ ดั การเรยี นรู้ เรอื่ งเวลา ใหก้ บั นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เพอื่ เพม่ิ ประสิทธภิ าพการจัดการเรยี นรู้ของครแู ละการเรียนรขู้ องนกั เรยี นให้สงู ข้นึ ต่อไป สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
สารบัญ ๑ ๕ ค�ำ แนะน�ำ สำ�หรบั ครผู ู้สอน ๖ โครงสร้างชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๗ กำ�หนดเวลาการสอนคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึั ษาปที ี่ ๔ ๘ โครงสร้างหนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑ หน่วยที่ ๒ การวัด ๙ มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ช้ีวดั ของหน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๒ การวดั ๑๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ ๑๗ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑ ๒๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒ ๒๘ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ๓๓ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ ๓๙ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๕ ๔๓ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๖ ๔๘ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๗ ๕๓ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๘ ๕๘ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๙ ๖๕ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๐ ๖๗ ภาคผนวก ๘๑ ภาคผนวก ก เฉลยแบบฝกึ หดั ภาคผนวก ข แบบประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
คําแนะนาํ สาํ หรบั ครูผู้สอน ๑. แนวคิดหลกั การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตรม์ ่งุ ใหผ้ ู้เรยี นมคี วามสามารถด้านการส่อื สารและการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ สามารถตงั้ ขอ้ สนั นิษฐาน สบื เสาะและเลือกสรรสารสนเทศ ให้เหตผุ ล แก้ปัญหาโดยเลอื กใช้ยุทธวธิ ี ตา่ ง ๆ การจดั กิจกรรมจงึ ควรเน้นการเรียนรรู้ ่วมกันเปน็ กลมุ่ ซึ่งเปน็ การเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นไดร้ ว่ มกนั คดิ ปรกึ ษาหารอื อภิปราย แก้ปญั หา แสดงความคดิ เห็นและสะท้อนความคดิ (reflective thinking) ช่วยให้ ผู้เรียนได้พฒั นาความรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และคณุ ธรรม จริยธรรม ในการจัดกลุ่ม อาจจดั เป็นกลุม่ ๒ คน หรอื กลมุ่ ๓ – ๔ คน หรืออาจจัดกิจกรรมรว่ มกันทงั้ ชัน้ ทง้ั นีข้ ึน้ อยู่กับวตั ถุประสงค์ของ การจดั กิจกรรมการเรียนรูน้ ้ัน ๆ ในการดาํ เนินกิจกรรมการเรยี นการสอนคณติ ศาสตร์ ส่งิ สําคัญทผี่ สู้ อนควรคาํ นึงถงึ เป็นอันดับแรกคือ ความรู้พ้นื ฐานของผเู้ รยี น ผ้สู อนอาจทบทวนโดยใชค้ ําถามหรือยุทธวิธีต่าง ๆ เพื่อนาํ ไปสู่การเรยี นร้เู นอื้ หาใหม่ ข้นั การสอนเนื้อหาใหม่ ผ้สู อนอาจกาํ หนดสถานการณ์ทเี่ ชอ่ื มโยงกับเร่ืองราวในขั้นทบทวนความรู้ และใช้ ยุทธวิธตี า่ ง ๆ ทช่ี ว่ ยใหผ้ เู้ รียนสามารถสรปุ หรอื เขา้ ใจหลกั การ แนวคิด กฎ สูตร สัจพจน์ ทฤษฎบี ท หรอื บท นิยามด้วยตนเอง ในขณะที่ผเู้ รยี นปฏิบตั กิ จิ กรรม ผสู้ อนควรใหอ้ ิสระทางความคิดกบั ผู้เรียน โดยผสู้ อนคอย สังเกต ตรวจสอบความเข้าใจและใหค้ าํ แนะนําอย่างใกล้ชดิ ในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ผ้สู อนควรใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะคนหรือแตล่ ะกลมุ่ ได้นาํ เสนอแนวคดิ เพราะผเู้ รยี นมโี อกาสแสดงแนวคิดเพ่มิ เติมรว่ มกัน ซักถาม อภิปรายขอ้ ขดั แย้งดว้ ยเหตุและผล ผสู้ อนมีโอกาส เสรมิ ความรู้ ขยายความร้หู รือสรุปประเดน็ สาํ คัญของสาระทน่ี าํ เสนอนั้น ทําให้การเรียนรู้ขยายวงกว้างและลกึ มากขึน้ สามารถนาํ ไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริงได้ นอกจากนีย้ งั ทาํ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ เจตคติทด่ี ี มีความภมู ใิ จใน ผลงาน เกดิ ความรูส้ ึกอยากทาํ กลา้ แสดงออก และจดจาํ สาระท่ตี นเองได้ออกมานาํ เสนอได้นาน รวมทั้งฝึก การเป็นผนู้ าํ ผ้ตู าม รบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อืน่ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สําหรบั ชั้นประถมศกึ ษา ผสู้ อนควรใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รียนร้จู ากการปฏบิ ัติ ฝึกทกั ษะการสงั เกต ฝึกใหเ้ หตผุ ลและหาขอ้ สรปุ จากสอ่ื รปู ธรรมหรอื แบบจาํ ลองตา่ ง ๆ ก่อน แลว้ ขยายวง ความรู้ส่นู ามธรรมตามความสามารถของผ้เู รยี น สําหรับบางเน้อื หาทย่ี ากต่อการทําความเข้าใจของนกั เรียน บางคน ผสู้ อนควรหายุทธวิธตี ่าง ๆ ทเ่ี หมาะสมกบั ผูเ้ รียนในการอธบิ าย เชน่ ใชว้ ธิ ีลดรปู ของปญั หา หรือ เลือกใชส้ ือ่ เทคโนโลยที ีเ่ หมาะสมเพอ่ื ช่วยใหก้ ารเรยี นรงู้ า่ ยขน้ึ และเพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนตระหนกั ในคุณค่าของ คณิตศาสตร์ ผู้สอนควรใชส้ ถานการณท์ เ่ี กี่ยวข้องกบั ชีวิตจริงเป็นตวั อยา่ งในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรุง) 1
๒. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ กำรนำชุดกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรไู้ ปใช้ ครูควรเตรียมตัวล่วงหน้ำ ดงั นี้ ๑. ศึกษำโครงสร้ำงชุดกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ เพื่อใหท้ รำบวำ่ ตลอดท้งั ปีกำรศึกษำ นักเรยี นต้อง เรียนรู้ทัง้ หมดกี่หนว่ ย แต่ละหน่วยมหี นว่ ยย่อยอะไรบำ้ ง ใช้เวลำสอนกชี่ ั่วโมง และมีกแี่ ผน ๒. ศึกษำโครงสร้ำงหน่วยกำรเรียนรู้ วำ่ แต่ละหนว่ ยกำรเรยี นรู้มเี นื้อหำอะไรบ้ำง เน้ือหำละก่ีชว่ั โมง ซึ่งจะช่วยใหค้ รผู ู้สอนมองเหน็ ภำพรวมของกำรสอนในหนว่ ยดังกล่ำวได้อย่ำงชัดเจน ๓. ศึกษำแนวกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ ซ่ึงอยหู่ น้ำแผนแต่ละแผน เป็นกำรสรุปแนวกำรจัดกจิ กรรม ในแต่ละขั้นตอนกำรสอน ทำให้ครมู องเห็นภำพรวมของกำรจัดกำรเรียนรู้ในชวั่ โมงนน้ั ๆ ๔. ศกึ ษำแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ตำมหัวข้อต่อไปนี้ ๔.๑ ขอบเขตเน้ือหำ เปน็ เน้ือหำท่ีนกั เรยี นต้องเรยี นร้ใู นแผนทกี่ ำลงั ศึกษำ ๔.๒ สำระสำคัญ เปน็ ควำมคดิ รวบยอดหรือหลกั กำรทน่ี ักเรียนควรจะได้หลงั จำกได้เรียนร้ตู ำมแผน ท่ีกำหนด ๔.๓ จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ แบ่งเป็นดำ้ นควำมรู้ และดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ ๔.๔ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ แบง่ เป็น ขนั้ นำ ขนั้ สอน และขั้นสรุป ซึ่งแตล่ ะข้ันครผู ู้สอนควรศึกษำทำ ควำมเข้ำใจอย่ำงละเอยี ด นอกจำกนี้ครูควรพิจำรณำด้วยว่ำ ในแต่ละข้ันตอนกำรสอน ครจู ะต้องศึกษำวำ่ มี ส่อื /อุปกรณ์อะไรบำ้ ง ๔.๕ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ เป็นกำรบอกรำยกำรสื่อ อปุ กรณ์ และแหลง่ เรียนรทู้ ีต่ ้องใช้ในกำรจัด กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ในช่ัวโมงน้ัน ๔.๖ กำรประเมนิ เป็นกำรบอกท้ังวิธกี ำร เครอื่ งมือ และเกณฑก์ ำรประเมนิ สำหรับเคร่อื งมือกำร ประเมินในชดุ กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นร้ฯู นี้ ได้จัดเตรยี มไว้ให้ครูผู้สอนเรยี บรอ้ ยแล้ว ๓. สอื่ การจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ สอื่ กำรจัดกำรเรยี นรู้ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ ประกอบด้วย ๓.๑ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ สำหรับครใู ช้เปน็ แนวทำงกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรใู้ ห้กบั นักเรียน ๓.๒ แบบฝึกหดั สำหรับนกั เรียนใชฝ้ ึกทักษะหลังจำกทำควำมเขำ้ ใจบทเรียน แนวคดิ และควำมคิด รวบยอดทีส่ ำคัญในบทเรยี นเร่ืองน้นั ๆไปแล้ว ๓.๓ ใบกิจกรรม สำหรบั นกั เรียนใชฝ้ ึกทกั ษะปฏิบตั ิ หรือสร้ำงควำมคดิ รวบยอดในบทเรยี น ๓.๔ แบบทดสอบ เปน็ กำรวัดควำมรคู้ วำมเข้ำใจตำมตวั ชว้ี ดั ทีก่ ำหนดไว้ในหลกั สตู ร ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2
แบบฝกึ หัด ใบกจิ กรรมและแบบทดสอบของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ ได้มีกำรกำหนด สญั ลักษณ์รูปดำว ๕ แฉกจำนวน ๔ ดวง และแถบสีสม้ โดย ฝ. หมำยถึง แบบฝึกหดั ก. หมำยถงึ ใบกิจกรรม ท. หมำยถงึ แบบทดสอบ ผ. หมำยถงึ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ เชน่ ฝ. ๑.๖ / ผ. ๔ เป็นแบบฝึกหดั หนว่ ยที่ ๑ ลำดบั ที่ ๖ อยู่ในแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๔ ฝ. ๓.๗ / ผ. ๖ เปน็ แบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ ๓ ลำดับท่ี ๗ อยูใ่ นแผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๖ ก. ๒.๑ / ผ. ๓ เปน็ ใบกิจกรรมหน่วยท่ี ๒ ลำดบั ที่ ๑ อยู่ในแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ ท. ๑.๒ / ผ. ๖ เป็นแบบทดสอบหนว่ ยท่ี ๑ ลำดับท่ี ๒ อย่ใู นแผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ่ี ๖ หมำยเหตุ ลำดับท่ขี องแบบฝึกหดั ใบกิจกรรม และแบบทดสอบจะเรยี งต่อกนั จนครบทุกแผนในแตล่ ะหน่วย เมือ่ ข้นึ หน่วยใหม่ลำดบั ที่ของแบบฝกึ หดั ใบกจิ กรรม และแบบทดสอบจะเร่มิ ต้นใหม่ ๔. ลักษณะชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ชุดกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๔ จัดทำเป็น หน่วยกำรเรียนรู้ (Learning Unit) โดยผ่ำนกำรวเิ ครำะห์หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ นำผลกำรวิเครำะห์ตัวช้ีวัดและสำระกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ มำจัดทำเป็นหน่วย กำรเรียนรู้ในแตล่ ะภำคเรียน ดงั น้ี ภำคเรียนที่ ๑ ประกอบด้วย หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ๒ หนว่ ย ดงั น้ี หน่วยที่ ๑ จำนวนนับและกำรบวก ลบ คูณ หำร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑.๑ จำนวนนบั ทม่ี ำกกว่ำ 100,000 หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑.๒ กำรบวก กำรลบ หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๓ กำรคูณ กำรหำร หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๔ กำรบวก ลบ คณู หำรระคน ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) 3
หน่วยที่ ๒ กำรวดั ภำคเรยี นท่ี ๒ ประกอบด้วย ๕ หน่วย ดังน้ี หนว่ ยท่ี ๓ เศษสว่ น และกำรบวก กำรลบ กำรคูณ กำรหำรเศษส่วน หน่วยที่ ๔ ทศนยิ ม และกำรบวก กำรลบ กำรคูณ กำรหำรทศนยิ ม หน่วยท่ี ๕ เรขำคณติ สองมติ ิ หน่วยย่อยที่ ๕.๑ มมุ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๕.๒ รปู สี่เหลย่ี มมมุ ฉำก หนว่ ยท่ี ๖ สมกำรและแบบรูป หนว่ ยที่ ๗ สถิติและควำมน่ำจะเป็นเบื้องต้น ๕. แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ กำรจัดทำแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๔ กำหนดให้ สอดคล้องกับหน่วยกำรเรียนรู้ แต่ละหน่วยกำรเรียนรู้ประกอบด้วยแผนกำรจัดกำรเรียนรู้หลำยแผน แผนละ ๑ ชวั่ โมง โดยมอี งค์ประกอบของแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้คือ ขอบเขตเนื้อหำ สำระสำคัญ จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ ซ่ึงมีท้ังด้ำนควำมรู้และด้ำนทักษะและกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ กิจกรรมกำรเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ และ กำรประเมิน สำหรับแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ทุกแผนจะมีแนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้อยู่หน้ำแผนทุกแผนซ่ึง เป็นกำรสรุปภำพรวมของกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ในชั่วโมงนั้น ๆ ในทกุ ข้ันตอนกำรสอนตั้งแต่ขั้นนำ ข้ันสอน ข้นั สรปุ และกำรประเมนิ ผล ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำ� หรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) 4
โครงสรา้ งชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ หน่วยที่ ๗ สถติ แิ ละ หน่วยที่ ๑ จาำ นวนนบั และ ความน่าจะเปน็ เบ้อื งตน้ การบวก การลบ การคณู การหาร (๖ ช่ัวโมง) (๖๐ ช่วั โมง) หน่วยท่ี ๒ การวัด (๑๐ ชวั่ โมง) หน่วยท่ี ๖ สมการ และแบบรูป ป.๔ หน่วยท่ี ๓ เศษส่วน และ (๔ ชั่วโมง) ๑๔๐ ช่วั โมง/ปี การบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน (๑๙ ชวั่ โมง) หน่วยที่ ๕ เรขาคณติ สองมติ ิ หน่วยท่ี ๔ ทศนิยม และ (๒๕ ชัว่ โมง) การบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม (๑๖ ชว่ั โมง) หมายเหตุ เวลารวมของทกุ หน่วยเป็น ๑๔๐ ชว่ั โมงรวมกับการวัดผลประเมนิ ผล และกิจกรรมเสรมิ การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์เปน็ ๑๖๐ ชัว่ โมง/ปี ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผ้สู อน) กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) 5
กําหนดเวลาการสอนคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนที่ ๑ จํานวน ภาคเรยี นท่ี ๒ จํานวน หน่วยการเรยี นรู้ ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ ช่วั โมง หนว่ ยที่ ๑ จ�ำ นวนนบั และก�รบวก หนว่ ยท่ี ๓ เศษสว่ นและก�รบวก ๑๙ ลบ คณู ห�ร ลบ คูณ ห�ร ๑๖ หน่วยยอ่ ยที่ ๑.๑ จา� นวนนับท่ี ๑๐ หน่วยที่ ๔ ทศนยิ มและก�รบวก มากกวา่ ๑๐๐,๐๐๐ ลบ คูณ ห�ร ๙ ๑๖ หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๒ การบวก การลบ ๑๔ หนว่ ยที่ ๕ เรข�คณติ สองมิติ ๔ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑.๓ การคูณ การหาร ๒๐ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๕.๑ มุม ๖ หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๔ การบวก ลบ ๑๖ หน่วยยอ่ ยท่ี ๕.๒ รปู สเี่ หลยี่ มมุม ๕ ๗๕ คูณ หาร ฉาก หน่วยที่ ๒ ก�รวัด (เวลา) ๑๐ หน่วยท่ี ๖ สมก�รและรปู แบบ กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ ส�ำ หรับโรงเรยี น ๑๕ แบบรูปของจ�านวนและ เรขาคณิต หนว่ ยท่ี ๗ สถิติและคว�มน่�จะเป็น เบือ้ งตน้ กจิ กรรมเพิ่มเติมสำ�หรับโรงเรยี น รวม ๘๕ รวม รวม ๑๖๐ ชั่วโมง ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 6
โครงสร้างหนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ ๒ การวดั กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ การบอกระยะเวลา การเปรยี บเทียบระยะเวลา (๓ ชว่ั โมง) (๑ ช่วั โมง) หนว่ ยที่ ๒ การวดั (๑๐ ช่ัวโมง) โจทย์ปญั หาเกี่ยวกับ การอ่านตารางเวลา เวลา (๔ ช่วั โมง) การเขียนบันทกึ เหตกุ ารณ์ (๒ ชว่ั โมง) ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผ้สู อน) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) 7
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัดของหน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยที่ ๒ การวดั กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพนื้ ฐานเกี่ยวกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสง่ิ ที่ต้องการวัด และนาไปใช้ ตัวชี้วดั ค ๒.๑ ป.๔/๑ แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ญั หาเกี่ยวกับเวลา ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ 1. กำรแก้ปญั หำ 2. กำรส่อื สำรและกำรสอ่ื ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ 3. กำรเช่อื มโยง 4. กำรให้เหตผุ ล ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (ส�ำหรบั ครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) 8
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ ๒ การวัด
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ส�ำหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นำ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่๑ ขัน้ สอน แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 11 ขนั้ สรุป กำรวัดและประเมินผล สนทนำกบั นักเรียนเกีย่ วกบั เวลำในชวี ิตประจำวนั ทั้งกลำงวนั และกลำงคนื และเขยี นบอกเวลำโดยใชจ้ ดุ กำรบอกระยะเวลำเปน็ นำฬกิ ำ นำที วนิ ำที ทำแบบฝกึ หัด 2.1 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุป 1. กำรบอกและกำรเขยี นเวลำ 2. 60 วนิ ำที เทำ่ กบั 1 นำที ประเมนิ จำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝกึ หัด ประเมินจำกกำรแกป้ ัญหำ กำรใหเ้ หตุผล กำรส่ือสำร ส่อื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์และ กำรเชื่อมโยง
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑ ชั้น ป.๔ หน่วยที่ ๒ เรอื่ ง การวัด 12 กิจกรรมการเรียนรู้ เวลา ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเนือ้ หา ขน้ั นา สื่อ/แหล่งเรียนรู้ กำรบอกระยะเวลำเป็นนำฬิกำนำที 1. ครูสนทนำเก่ยี วกับเวลำในชีวติ ประจำวนั เชน่ ตน่ื นอนเวลำใด เขำ้ เรียนชวั่ โมงที่หนงึ่ เวลำใด วนิ ำที เขำ้ นอนเวลำใด เลกิ เรียนเวลำใด แล้วสมุ่ นักเรยี นออกมำหมุนเข็มนำฬกิ ำจำกนำฬิกำจำลอง และเขียน 1. นำฬกิ ำจำลอง หรือนำฬกิ ำจรงิ บอกเวลำโดยใชจ้ ดุ บนกระดำนดำ (ควรมีทั้งเข็มสนั้ เข็มยำว และเขม็ สาระสาคัญ วนิ ำท)ี ครอู ธิบำยสรุปตรวจสอบควำมถูกต้องอีกครง้ั 2. แถบกระดำษควำมหมำย 1. เรำบอกเวลำเปน็ นำฬิกำและนำที ระยะเวลำ 2. ระยะเวลำ หมำยถงึ ชว่ งเวลำที่ ขั้นสอน 3. แบบฝกึ หัด 2.1 ตอ่ เนอ่ื งจำกเวลำหน่ึงถึงอีกเวลำหน่ึง 3. เคร่อื งหมำยวรรคตอนท่ีใช้บอก 2. ครูยกตวั อย่ำงเหตุกำรณ์ในชวี ิตจรงิ ที่เกย่ี วกับระยะเวลำ เช่น ระยะเวลำในกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ การประเมนิ ระยะเวลำ คือ ทวิภำค (:) ใชค้ ่ัน โดยอธบิ ำยกำรอ่ำนเวลำพรอ้ มท้ังหมนุ เขม็ นำฬิกำจำกนำฬิกำจำลอง และใชก้ ำรถำมตอบ ดงั นี้ ระหวำ่ งนำทีกับวนิ ำที 1. วธิ กี าร 4. 60 วินำที เทำ่ กบั 1 นำที จำกเวลำบนหนำ้ ปัดนำฬิกำเป็นเวลำที่เรมิ่ เรียนวิชำคณติ ศำสตร์ 1.1 สังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ 1.2 ตรวจผลงำนจำกแบบฝกึ หัด จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - เรำเร่มิ เรียนวชิ ำคณติ ศำสตร์เวลำใด (9 นำฬกิ ำ 30 นำที หรือ 9.30 น.) 2. เครื่องมอื เพอื่ ใหน้ กั เรียนสำมำรถบอก - เขม็ ส้ันชร้ี ะหวำ่ งตัวเลขใด (9 กบั 10) 2.1 แบบฝึกหัด 2.1 ระยะเวลำเป็นนำที วนิ ำที - เข็มยำวช้ตี วั เลขใด (6) 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ ด้านทักษะกระบวนการทาง - เข็มวนิ ำทชี ้ีตัวเลขใด (12) กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ คณิตศาสตร์ 3. ครหู มนุ เข็มวินำทีมำทเี่ ลข 6 ครูอธิบำยแนะนำและใช้กำรถำมตอบจนนักเรียน 3. เกณฑ์ เพือ่ ใหน้ ักเรียนสำมำรถ ตอบไดว้ ่ำ เม่ือระยะเวลำผำ่ นไป 30 วนิ ำที จะเป็นเวลำ 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกต้อง 1. แก้ปญั หำ 9 นำฬิกำ 30 นำที 30 วนิ ำที ไมน่ อ้ ยกว่ำร้อยละ 80 2. ให้เหตุผล
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ชั้น ป.๔ หน่วยที่ ๒ เรือ่ ง การวดั เวลา ๑ ช่วั โมง 13 4. ครหู มนุ เข็มวนิ ำทีมำทีเ่ ลข 12 ครูอธิบำยแนะนำและใช้กำรถำมตอบจนนักเรียน 3. ส่อื สำร สื่อควำมหมำยทำง 3.2 คะแนนรวมดำ้ นทักษะและ คณิตศำสตร์ ตอบได้วำ่ เม่ือระยะเวลำผำ่ นไป 60 วินำที เขม็ วนิ ำที กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ จะเดินครบ 1 รอบ และเข็มยำวจะเดินไป 1 นำที ไมน่ ้อยกวำ่ ร้อยละ 60 4. เช่อื มโยง เปน็ เวลำ 9 นำฬกิ ำ 31 นำที ในทำนองเดยี วกัน ครูให้นักเรียนสงั เกตจำกกำรหมนุ เขม็ วนิ ำที ครบหนง่ึ รอบ สองรอบ สำมรอบ สร่ี อบ และห้ำรอบ เข็มยำวจะเดินอย่ำงไร แล้วใช้กำรถำมตอบจนนักเรยี นร่วมกันสรุปได้ว่ำ เขม็ วนิ ำทเี ดนิ ไป 5 รอบ เขม็ ยำวเดินไป 5 ช่องเล็ก เป็นระยะเวลำ 5 นำที เขม็ วนิ ำทีเดนิ ไป 4 รอบ เขม็ ยำวเดินไป 4 ช่องเล็ก เป็นระยะเวลำ 4 นำที เขม็ วนิ ำทีเดนิ ไป 3 รอบ เข็มยำวเดนิ ไป 3 ชอ่ งเล็ก เปน็ ระยะเวลำ 3 นำที เข็มวนิ ำทีเดนิ ไป 2 รอบ เขม็ ยำวเดนิ ไป 2 ชอ่ งเล็ก เปน็ ระยะเวลำ 2 นำที เข็มวินำทเี ดนิ ไป 1 รอบ เขม็ ยำวเดนิ ไป 1 ชอ่ งเล็ก เป็นระยะเวลำ 1 นำที แสดงวำ่ เขม็ วนิ ำทเี ดินครบ 1 รอบ เป็นระยะเวลำ 60 วนิ ำที เขม็ ยำวเดนิ ไป 1 นำที ดังนัน้ 60 วินำที เทำ่ กบั 1 นำที 5. ครตู ดิ แถบกระดำษอธิบำยแนะนำ ระยะเวลา หมายถึง ช่วงเวลาที่ต่อเน่ืองจากเวลาหนงึ่ ถึงอีกเวลาหน่ึง 6. ครูยกตัวอย่ำงสถำนกำรณ์นกั เรียนไปหำหมอเพือ่ ทำกำรตรวจรักษำโรคในเวลำเชำ้ แล้วใชก้ ำรถำมตอบ เช่น - นักเรียนไปถงึ คลินิกและรับบตั รคิวเวลำใด (9 นำฬิกำ 20 นำท)ี
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑ ชั้น ป.๔ หนว่ ยท่ี ๒ เรอื่ ง การวดั เวลา ๑ ช่วั โมง 14 ครูหมนุ เข็มนำทีมำท่เี ลข 5 และหมุนเข็มวินำทีมำท่ีเลข 3 - พยำบำลเรยี กให้นกั เรียนไปพบหมอเพ่ือทำกำรตรวจรักษำ เวลำใด (9 นำฬิกำ 25 นำที 15 วินำที) ครูอธบิ ำยแนะนำ เม่อื พิจำรณำเวลำจำกหน้ำปัดนำฬกิ ำ สรุปไดว้ ำ่ ระยะเวลำผ่ำนไป 5 นำที 15 วินำที เขียนแสดงโดยใชท้ วภิ ำค ( : ) ระหว่ำงนำทกี ับวินำที ได้ดังนี้ 5 : 15 อำ่ นวำ่ 5 นำที 15 วนิ ำที ครูยกตัวอย่ำง 125 วินำที ครูอำจจัดกิจกรรมในทำนองเดยี วกนั อกี หลำย ๆ คร้ัง จนสังเกตวำ่ นักเรียนเขยี นบอกระยะเวลำได้ ถกู ต้อง 7. ครยู กตวั อยำ่ งระยะเวลำเป็นนำที วินำที แลว้ ใชก้ ำรถำมตอบให้นักเรยี นอธิบำยวิธีคิด ดังนี้ นิวขจ่ี กั รยำนจำกบ้ำนไปตลำดใชเ้ วลำ 3 นำที คดิ เป็นก่ีวินำที - 1 นำที คดิ เปน็ กวี่ ินำที (60 วินำที) - 3 นำที จะมำกกว่ำหรอื น้อยกว่ำ 60 วินำที เพรำะเหตุใด (มำกกวำ่ 60 วนิ ำที เวลำ 3 นำที มำกกวำ่ เวลำ 1 นำที) - จะทำระยะเวลำ 3 นำที ให้เป็นวินำทีได้อย่ำงไร (เขียนแผนภำพแสดงวิธคี ิด ดงั น)ี้ 1 นำที 1 นำที 1 นำที 60 วินำที 60 วนิ ำที 60 วนิ ำที
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ ชน้ั ป.๔ หน่วยที่ ๒ เร่อื ง การวดั เวลา ๑ ช่วั โมง 15 - เขียนแสดงวิธหี ำคำตอบได้อยำ่ งไร เนื่องจำก 1 นำที คดิ เป็น 60 วินำที จะได้ 3 นำที คดิ เปน็ 60 + 60 + 60 = 180 วนิ ำที หรอื 3 นำที คิดเปน็ 3 60 = 180 วินำที ดงั นั้น 3 นำที คิดเป็น 180 วนิ ำที ตอบ นิวขจี่ กั รยำนจำกบ้ำนไปตลำดใช้เวลำ ๑๘๐ วินำที ในทำนองเดียวกัน ครูใชก้ ำรถำมตอบให้นักเรียนรว่ มกันอภิปรำยวธิ ีคดิ และครเู ขยี นอธบิ ำยแนะนำ ตำมตวั อย่ำงดังนี้ ตัวอยา่ ง 1 กลอยแข่งขันว่ำยน้ำ 200 เมตร ใช้เวลำ4 นำที 20 วนิ ำที คดิ เปน็ ก่วี ินำที วิธีคิด 1 นำที 1 นำที 1 นำที 1 นำที 60 วินำที 60 วนิ ำที 60 วนิ ำที 60 วินำที เน่ืองจำก 1 นำที คดิ เป็น 60 วินำที จะได้ 4 นำที คิดเป็น 60 + 60 + 60 + 60 = 240 วินำที หรอื 4 นำที คิดเป็น 4 60 = 240 วินำที ดังนั้น 4 นำที 20 วนิ ำที คดิ เป็น 240 + 20 = 260 วินำที ตอบ กลอยแข่งขนั ว่ำยน้ำ ๒๐๐ เมตร ใช้เวลำ ๒๖๐ วนิ ำที
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชน้ั ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เรือ่ ง การวดั เวลา ๑ ชว่ั โมง 16 ตัวอย่าง 2 พรำวแขง่ ขนั วิง่ ระยะทำง 400 เมตร ใช้เวลำ 225 วินำที พรำวใช้เวลำว่ิงก่นี ำที ก่ีวินำที วิธีคิด 1 225 วินำที 60 วนิ ำที 60 วินำที 60 วินำที 45วนิ ำที เนือ่ งจำก 60 วนิ ำที คิดเป็น 1 นำที ซึ่ง 225 = 60 + 60 + 60 + 45 จะได้ว่ำ 225 วนิ ำที คิดเป็น 3 นำที 45 วินำที ดังน้นั พรำวใช้เวลำว่ิง 3 นำที 45 วินำที วธิ ีคดิ 2 เน่อื งจำก 60 วินำที คดิ เปน็ 1 นำที เปลย่ี น 225 วนิ ำที เปน็ นำที โดยกำรแบ่งครั้งละ 60 วนิ ำที ซึ่ง 225 60 ได้ 3 เศษ 45 จะไดว้ ำ่ 225 วินำที คิดเปน็ 3 นำที 45 วินำที ดังนนั้ พรำวใช้เวลำวิง่ 3 นำที 45 วินำที ตอบ ๓ นำที ๔๕ วินำที 8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด 2.1 (ข้อ 1 2 และ 3) พร้อมทงั้ ร่วมกันเฉลยควำมถกู ต้อง ขั้นสรปุ 9. ครูใชก้ ำรถำมตอบ จนนักเรียนร่วมกันสรปุ ได้ว่ำ - เรำบอกเวลำเป็นนำฬิกำ และนำที - ระยะเวลำ หมำยถึง ช่วงเวลำทตี่ ่อเน่ืองจำกเวลำหน่ึงถึงอีกเวลำหนง่ึ - เครื่องหมำยวรรคตอนทใ่ี ช้บอกระยะเวลำ คือ ทวภิ ำค ( : ) ใชค้ ่นั ระหวำ่ งนำที กบั วนิ ำที - 60 วนิ ำที เทำ่ กับ 1 นำที
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ข้นั นำ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ ขัน้ สอน แนวการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 17 ข้ันสรุป กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนเร่ืองกำรบอกระยะเวลำเปน็ นำที วนิ ำที และเขยี นเปน็ ทวภิ ำคโดยใช้กำรถำมตอบ กำรบอกระยะเวลำเป็นนำที ช่ัวโมง วัน ทำแบบฝกึ หัด 2.2 ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุป 1. ระยะเวลำ หมำยถึง ช่วงเวลำทต่ี อ่ เน่อื งจำกเวลำหนงึ่ ถึงอกี เวลำหนงึ่ 2. เคร่ืองหมำยวรรคตอนทใี่ ชบ้ อกระยะเวลำ คอื ทวิภำค ( : ) ใชค้ น่ั ระหวำ่ งช่วั โมงกบั นำที นำทีกบั วินำที และช่ัวโมงกับนำทีกบั วนิ ำที 3. 60 นำที คดิ เปน็ 1 ชั่วโมง 4. 24 ชว่ั โมง คิดเปน็ 1 วัน ประเมินจำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝึกหดั ประเมนิ จำกกำรแกป้ ญั หำ กำรใหเ้ หตุผล กำรสอ่ื สำร สอื่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตรแ์ ละ กำรเชอ่ื มโยง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ช้ัน ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เรือ่ ง การวัด เวลา ๑ ชวั่ โมง 18 ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ ขน้ั นา กำรบอกระยะเวลำเป็นนำที ช่ัวโมง 1. นำฬิกำจำลอง หรอื นำฬิกำจรงิ 1. ครทู บทวนเรอื่ ง กำรบอกระยะเวลำเป็นนำที วินำที และกำรเขียนเปน็ ทวิภำค โดยใช้กำรถำมตอบ (ควรมีทงั้ เข็มสน้ั เข็มยำว และ วัน เข็มวนิ ำท)ี ให้นักเรียนออกมำเขยี นแสดงวิธีหำคำตอบบนกระดำน เชน่ 2. แบบฝึกหดั 2.2 สาระสาคัญ - 125 วนิ ำที คิดเปน็ กน่ี ำที ก่วี นิ ำที และเขยี นเป็นทวิภำค การประเมนิ 1. ระยะเวลำ หมำยถงึ ช่วงเวลำท่ี เนื่องจำก 60 วินำที เป็น 1 นำที ตอ่ เนอ่ื งจำกเวลำหนงึ่ ถึงอีกเวลำหน่งึ 1. วิธีการ 2. เครอ่ื งหมำยวรรคตอนท่ีใชบ้ อก จะได้ 125 วนิ ำที คิดเปน็ 125 ÷ 60 ได้ 2 เศษ 5 1.1 สังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ ระยะเวลำ คือ ทวิภำค ( : ) ใช้คน่ั ดงั นน้ั 125 วนิ ำที คดิ เป็น 2 นำที 5 วนิ ำที 1.2 ตรวจผลงำนจำกแบบฝกึ หดั ระหวำ่ ง นำทกี ับวินำที และชัว่ โมงกบั นำทีกับวินำที เขียนเป็นทวภิ ำค 2 : 5 2. เครื่องมอื 3. 60 นำที คดิ เปน็ 1 ช่วั โมง 2.1 แบบฝึกหดั 2.2 4. 24 ช่วั โมง คดิ เป็น 1 วนั - 7 นำที 15 วนิ ำที คิดเปน็ กวี่ ินำที 2.2 แบบประเมินทักษะและ เนอื่ งจำก 1 นำที คิดเป็น 60 วินำที กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จะได้ 7 นำที 15 วินำที คิดเปน็ (7 × 60) + 15 = 435 วนิ ำที 3. เกณฑ์ เพือ่ ใหน้ ักเรียนสำมำรถบอก 3.1 ผลงำนมีควำมถกู ต้อง ระยะเวลำเปน็ นำที ช่ัวโมง วัน ดงั นน้ั 7 นำที 15 วนิ ำที คดิ เป็น 435 วินำที ไมน่ ้อยกวำ่ ร้อยละ 80 ด้านทกั ษะกระบวนการทาง ครตู รวจสอบควำมถูกต้องอกี ครัง้ 3.2 คะแนนรวมด้ำนทักษะและ คณติ ศาสตร์ กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ ขั้นสอน ไมน่ อ้ ยกวำ่ ร้อยละ 60 เพ่ือให้นกั เรยี นสำมำรถ 1. แก้ปัญหำ 2. ครยู กตวั อยำ่ งเหตุกำรณ์ในชีวติ จรงิ ทเ่ี กีย่ วกับระยะเวลำ โดยอธิบำยกำรอ่ำนเวลำพร้อมทงั้ หมุนเข็ม นำฬกิ ำจำกนำฬิกำจำลอง และใชก้ ำรถำมตอบ เช่น
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๒ ชนั้ ป.๔ หน่วยที่ ๒ เรอ่ื ง การวัด เวลา ๑ ชว่ั โมง 19 จำกเวลำบนหน้ำปัดนำฬิกำเปน็ เวลำท่ีพ่อจะออกจำกบำ้ นไปทำงำน 2. ให้เหตผุ ล - พอ่ ออกจำกบำ้ นไปทำงำนเวลำใด (6 นำฬิกำ หรือ 6.00 น.) 3. สื่อสำร สื่อควำมหมำยทำง - เข็มส้ันชี้ตวั เลขใด (6) - เขม็ ยำวชีต้ วั เลขใด (12) คณติ ศำสตร์ - เขม็ วนิ ำทีชต้ี วั เลขใด (12) 4. เช่ือมโยง ขณะนี้พ่อเดินออกจำกบำ้ นถงึ หนำ้ ปำกซอยเพื่อข้นึ รถรบั จ้ำง - พอ่ เดินถึงปำกซอยเวลำใด ( 6 นำฬกิ ำ 20 นำที หรอื 6.20 น. ) - พ่อใชเ้ วลำเดนิ จำกบ้ำนถึงปำกซอยก่นี ำที กวี่ นิ ำที ( 20 นำที 15 วินำที ) - 20 นำที 15 วินำที เขียนแสดงโดยใชท้ วภิ ำคไดอ้ ย่ำงไร ( 20 : 15 ) ขณะนี้พ่อมำถึงสถำนที่ทำงำน - พ่อเดนิ ทำงถงึ สถำนท่ที ำงำนเวลำใด ( 7 นำฬกิ ำ หรอื 7.00 น. ) - พ่อใช้เวลำเดนิ ทำงจำกหน้ำปำกซอยถึงสถำนทีท่ ำงำนกี่นำที ( 40 นำที ) - พ่อใช้เวลำเดนิ ทำงจำกบ้ำนถงึ สถำนท่ีทำงำนก่นี ำที ( 60 นำที ) - พอ่ ใช้เวลำเดนิ ทำงจำกบำ้ นถึงสถำนที่ทำงำนก่ีชวั่ โมง ( 1 ชว่ั โมง )
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ชนั้ ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เรอื่ ง การวัด เวลา ๑ ชวั่ โมง 20 ครใู ช้กำรถำมตอบเกี่ยวกับควำมสัมพนั ธข์ องนำทีกับชว่ั โมง จนนักเรยี นสรุปได้ว่ำ 60 นำที คิดเป็น 1 ช่ัวโมง พอถงึ สถำนท่ีทำงำนพ่อรับประทำนอำหำรเช้ำ และใชเ้ วลำ พักผอ่ นอำ่ นหนังสือพิมพ์ จนถงึ เวลำนเี้ ปน็ เวลำทพ่ี ่อเร่มิ ทำงำน - พ่อใชเ้ วลำรบั ประทำนอำหำรเชำ้ และพักผอ่ นอำ่ น หนงั สือพิมพก์ ชี่ ่ัวโมง ก่นี ำที กี่วินำที ( 1 ชั่วโมง 25 นำที 40 วินำที ) ครอู ธิบำยแนะนำกำรเขยี น - ระยะเวลำ 1 ช่วั โมง 25 นำที 40 วนิ ำที โดยใช้ทวภิ ำคและ กำรอ่ำนดังน้ี ครูยกตัวอยำ่ งเพิ่มเติม 1 : 25 : 40 อ่ำนว่ำ 1 ชว่ั โมง 25 นำที 40 วนิ ำที ครูอำจจดั กิจกรรมในทำนองเดยี วกนั อีกหลำย ๆ ครั้ง จนสังเกตวำ่ นกั เรยี นเขยี นบอกระยะเวลำ เปน็ ชว่ั โมง นำที วินำที โดยใชท้ วภิ ำคไดถ้ ูกตอ้ ง 3. ครูให้นักเรยี นสงั เกตกำรหมนุ เขม็ ยำวและกำรเคล่ือนท่ขี องเข็มสัน้ โดยใช้กำรถำมตอบ จนนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รำยได้ว่ำ เข็มยำวเดินครบ 1 รอบ เปน็ ระยะเวลำ 60 นำที เขม็ ส้ันเดนิ ไป 1 ช่องใหญ่ เปน็ เวลำ 1 ชว่ั โมง และเขม็ สนั้ เดินไป 24 ช่วั โมง จะเปน็ เวลำ 1 วนั ครูให้นกั เรียนสรุป ควำมสัมพันธข์ องเวลำดังน้ี 60 นำที คดิ เป็น 1 ช่ัวโมง 24 ชวั่ โมง คิดเปน็ 1 วัน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ชน้ั ป.๔ หนว่ ยท่ี ๒ เร่อื ง การวัด เวลา ๑ ชัว่ โมง 21 4. ครยู กตวั อย่ำงสถำนกำรณ์ระยะเวลำเปน็ นำที ชัว่ โมง วนั แล้วใชก้ ำรถำมตอบใหน้ กั เรียนอธบิ ำยวธิ คี ิด ดังนี้ นักเรยี นออกเดนิ ทำงจำกโรงเรยี นเพื่อไปเขำ้ คำ่ ยลูกเสอื – เนตรนำรี ณ จังหวัดรำชบรุ ี โดยออก เดนิ ทำงจำกโรงเรียน วันท่ี 15 ตุลำคม 2560 เวลำ 8.00 น. และเดนิ ทำงกลบั ถึงโรงเรียน วนั ท่ี 17 ตลุ ำคม 2560 เวลำ 15.00 น. ในกำรเขำ้ ค่ำยลูกเสือ – เนตรนำรี ตั้งแต่เดนิ ทำงออกจำกโรงเรยี นจน กลับถงึ โรงเรยี นใช้เวลำกี่ช่ัวโมง - จะหำระยะเวลำต้ังแต่เดินทำงออกจำกโรงเรยี นจนกลบั ถึงโรงเรยี นเป็นกี่ชัว่ โมง จะต้องหำอะไรก่อน (จำนวนวนั ในกำรเขำ้ ค่ำยลูกเสือ เนตรนำร)ี - ในกำรเขำ้ คำ่ ยลูกเสอื เนตรนำรี ใชเ้ วลำกีว่ นั คดิ ไดอ้ ย่ำงไร อำจใชเ้ ส้นแสดงเวลำดังนี้ 1 วัน 1 วัน 7 ชัว่ โมง 15 ต.ค. 60 17 ต.ค. 60 17ต.ค. 60 8.00 น. 1 8.00 น. 1 นำท15ี .00 น. 16 ต.ค. 60 1 8.00 น. นำที นำที ใช้เวลำ 2 วนั1 น7ำทชีัว่ โมง 1 นำที 1 นำที 1 นำที - 1 วัน คดิ เปน็ กี่ชว่ั 1โมง (24 ชั่วโมง) 1 11 - ในกำรเขำ้ คำ่ ยลนกูำเทสี อื เนตรนำรี คร้ังนนี้ ำใทชี ้เวลำมำกกวำ่ หรนือำนทอ้ี ยกว่ำ 24 นชำัว่ ทโมี ง เพรำะเหตุใด (มำกกวำ่ 24 ชั่วโมง เพรำะเข้ำค่ำยลูกเสือเนตรนำรี มำกกว่ำ 1 วัน) - จะหำ 2 วนั 7 ชว่ั โมง เปน็ ชวั่ โมงได้อย่ำงไร เน่ืองจำก 1 วัน คิดเปน็ 24 ชัว่ โมง จะได้ 2 วัน 7 ชั่วโมง คิดเปน็ (2 24) + 7 = 55 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ช้นั ป.๔ หน่วยที่ ๒ เรื่อง การวัด เวลา ๑ ช่วั โมง 22 ดังนนั้ 2 วัน 7 ช่วั โมง คดิ เป็น 55 ชวั่ โมง ในกำรเขำ้ คำ่ ยลูกเสือ – เนตรนำรี ต้งั แตเ่ ดินทำงออกจำกโรงเรยี นจนกลบั ถงึ โรงเรยี นใช้เวลำ 55 ชวั่ โมง ในทำนองเดยี วกนั ครใู ช้กำรถำมตอบให้นักเรยี นร่วมกนั อภิปรำยวธิ ีคดิ จำกตัวอย่ำงบนกระดำน ดังน้ี ชำ่ งทำสีใชเ้ วลำทำสบี ้ำน 56 ชัว่ โมง คิดเปน็ ก่ีวัน กช่ี ว่ั โมง วธิ ีคิด 1 56 ชวั่ โมง ชัว่ โมง 2(41 ชวันว่ั โ)มง 1 นำท2ี 4(1ชว่วั นั โม) ง 8 เนือ่ งจำก 24 ช่วั โมง คิดเป็น 1 วนั และ 56 = 24 +ค12ดิ น4เปำ+ท็นี 8 วนั 8 ช่วั โมง ดังน้นั 56 1ชน่ัวโำมทงี 2 ตอบ ชำ่ งทำสใี ช้เวลำทำสีบำ้ น ๒ วนั ๘ ชวั่ โมง วธิ ีคดิ 2 เน่อื งจำก 24 ช่ัวโมง คิดเปน็ 1 วัน และ 56 24 ได้ 2 เศษ 8 ดงั นนั้ 56 ชัว่ โมง คิดเป็น 2 วนั 8 ชว่ั โมง ตอบ ช่ำงทำสใี ชเ้ วลำทำสีบ้ำน ๒ วนั ๘ ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ชนั้ ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เร่อื ง การวัด เวลา ๑ ช่วั โมง 23 ตวั อยา่ ง 3 พ่อเดินทำงออกจำกที่ทำงำนเวลำ 17.35 น. ถงึ บำ้ นเวลำ 19.17 น. พอ่ ใช้เวลำเดินทำงนำน เท่ำใด 1 ช่ัวโมง 17นำที วิธีคิด 25 นำที 17.35 น. 18.00 น. 19.00 น. 19.17 น. ตอบ พอ่ ใช้เวลำเดินทำง ๑ ชั่วโมง ๔๒ นำที ใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัด 2.2 ข้อ 1, 2 และ 3 ขัน้ สรุป 5. ครูใชก้ ำรถำมตอบ จนนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ไดว้ ่ำ - ระยะเวลำ หมำยถึง ช่วงเวลำทตี่ อ่ เนือ่ งจำกเวลำหน่ึงถงึ อีกเวลำหนงึ่ - เครือ่ งหมำยวรรคตอนทีใ่ ช้บอกระยะเวลำ คือ ทวภิ ำค ( : ) ใช้คน่ั ระหวำ่ ง นำทีกับวินำที และช่วั โมงกบั นำทีกบั วินำที - 60 นำที คิดเปน็ 1 ชั่วโมง - 24 ชวั่ โมง คิดเปน็ 1 วนั
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขัน้ นำ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓ ข้ันสอน แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 24 ขัน้ สรปุ กำรวัดและประเมินผล ครูใช้กำรถำมตอบใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภิปรำยสรปุ ควำมสมั พันธข์ องหนว่ ยเวลำ กำรบอกระยะเวลำเปน็ วนิ ำที นำที ชว่ั โมง วัน สัปดำห์ เดือน ปี ทำแบบฝกึ หดั 2.3 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ 1. เรำบอกเวลำเป็นนำฬกิ ำและนำที 2. ระยะเวลำหมำยถงึ ชว่ งเวลำทต่ี อ่ เน่ืองจำกเวลำหนึ่งถงึ อีกเวลำหน่งึ 3. ควำมสมั พนั ธข์ องหนว่ ยเวลำ ประเมินจำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝึกหัด ประเมนิ จำกกำรแกป้ ญั หำ กำรให้เหตุผล กำรส่ือสำร สือ่ ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตรแ์ ละ กำรเชือ่ มโยง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ช้นั ป.๔ หน่วยที่ ๒ เรอื่ ง การวดั เวลา ๑ ชวั่ โมง 25 ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ กำรบอกระยะเวลำเป็นวนิ ำที นำที ข้ันนา 1. บตั รโจทย์เวลำ 1 ชดุ จำนวน 4 ข้อ (จำนวนชุดบตั รโจทย์เวลำ ช่ัวโมง วัน สปั ดำห์ เดือน ปี 1. ครูใชก้ ำรถำมตอบทบทวนเรอ่ื งควำมสมั พันธข์ องหนว่ ยเวลำจนนกั เรยี นบอกได้วำ่ ขึ้นอยู่กบั จำนวนกลุม่ ของ นกั เรียน) สาระสาคัญ 1 นำที มี 60 วนิ ำที 2. แบบฝึกหดั 2.3 1. เรำบอกเวลำเปน็ นำฬิกำและนำที 1 ชวั่ โมง มี 60 นำที 2. ระยะเวลำหมำยถงึ ชว่ งเวลำที่ การประเมิน ตอ่ เนอ่ื งจำกเวลำหน่ึงถึงอีกเวลำหนึ่ง 1 วัน มี 24 ชัว่ โมง 3. ควำมสัมพนั ธข์ องหนว่ ยเวลำ 1. วธิ กี าร 4. 1 นำที มี 60 วินำที 1 สัปดำห์ มี 7 วนั 1.1 สังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ 5. 1 ชว่ั โมง มี 60 นำที 1.2 ตรวจผลงำนจำกแบบฝึกหดั 6. 1 วัน มี 24 ชว่ั โมง 1 เดอื น มี 30 วนั หรือ 31 วนั 7. 1 สัปดำห์ มี 7 วนั 2. เคร่ืองมือ 8. 1 เดอื น มี 30 วนั หรอื 31 วนั 1 ปี มี 12 เดอื น 2.1 แบบฝกึ หัด 2.3 9. 1 ปี มี 12 เดือน 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ 10. 1 ปี มี 365 วัน หรอื 366 วัน 1 ปี มี 365 วัน หรอื 366 วนั กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ 11. ถ้ำไมร่ ะบุวำ่ เปน็ เดอื นใดหรอื ปใี ด ใหใ้ ชข้ อ้ ตกลงดงั น้ี 1 ปี มี 52 สปั ดำห์ 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงำนมีควำมถูกต้อง 1 เดือน มี 30 วัน 2. ครูอธิบำยแนะนำนักเรียนว่ำ จำนวนวันใน 1 เดือน ถ้ำไมไ่ ดร้ ะบุว่ำเป็นเดือนใดใหถ้ ือว่ำ ไม่น้อยกว่ำร้อยละ 80 1 ปี มี 365 วนั 1 ปี มี 52 สปั ดำห์ 1 เดือน มี 30 วนั และ 1 ปี มี 365 วัน หรอื 366 วัน ขนึ้ อย่กู บั ว่ำเดือนกุมภำพนั ธ์มี 28 วัน หรือ 29 วนั โดยทว่ั ไปถำ้ ไมร่ ะบเุ ปน็ ปใี ดให้ถือวำ่ ปนี ั้นมี 365 วัน และ 1 ปี มี 52 สัปดำห์ ข้ันสอน 3. ครยู กตัวอยำ่ งสถำนกำรณ์ตอ่ ไปน้ี ใช้กำรถำมตอบใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงวธิ ีหำคำตอบดงั นี้ 1) อดุลย์ผ่อนสง่ รถยนตจ์ นครบสญั ญำเปน็ เวลำ 3 ปี 8 เดอื น คิดเป็นกเ่ี ดือน - ระยะเวลำ 1 ปี คดิ เปน็ กี่เดือน (12 เดือน) - ระยะเวลำ 3 ปี จะมำกกวำ่ หรอื น้อยกว่ำ 12 เดือน เพรำะเหตุใด (มำกกว่ำ 12 เดอื น เพรำะระยะเวลำ 3 ปี มำกกว่ำ 1 ป)ี
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๓ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชน้ั ป.๔ หนว่ ยที่ ๒ เร่ือง การวัด เวลา ๑ ชัว่ โมง 26 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - จะหำระยะเวลำ 3 ปี 8 เดือน ใหเ้ ป็นเดือนได้อย่ำงไร อำจใช้เสน้ แสดงเวลำดังนี้ 3.2 คะแนนรวมดำ้ นทักษะและ 3 ปี 8 เดอื น กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ 1. เพือ่ ให้นักเรียนสำมำรถบอก ไม่น้อยกวำ่ ร้อยละ 60 ระยะเวลำเปน็ วินำที นำที ชว่ั โมง 1 ปี 1 ปี 1 ปี (8 เดือน) วนั สัปดำห์ เดือน ปี (12 เดือน) (12 เดอื น) (12 เดือน) 2. ใชค้ วำมสมั พันธข์ องหน่วยเวลำมำ จะได้ 3 ปี 8 เดอื น คิดเป็น 12 + 12 + 12 + 8 = 44 เดือน ใชบ้ อกระยะเวลำ ด้านทกั ษะกระบวนการทาง หรือ 3 ปี 8 เดือน คดิ เป็น (3 × 12) + 8 = 44 เดอื น คณติ ศาสตร์ ดงั นั้น อดุลย์ผอ่ นส่งรถยนตจ์ นครบสัญญำเปน็ เวลำ 44 เดือน เพือ่ ใหน้ กั เรียนสำมำรถ 2) เกษตรกรใช้เวลำเล้ียงปลำ 200 วัน จงึ จะจับขำยได้ เกษตรกรใช้เวลำเลี้ยงปลำกเี่ ดอื น กี่วัน 1. แกป้ ญั หำ 2. ให้เหตุผล - ระยะเวลำ 30 วัน คดิ เปน็ กเ่ี ดือน ( 1 เดอื น ) 3. ส่ือสำร ส่อื ควำมหมำยทำง - ระยะเวลำ 200 วัน จะมำกกวำ่ หรือนอ้ ยกว่ำ 1 เดือน ( มำกกว่ำ 1 เดอื น ) คณติ ศำสตร์ - จะหำระยะเวลำ 200 วัน ใหเ้ ป็นเดือนได้อย่ำงไร (นำ 30 ไปหำร 200) 4. เชือ่ มโยง - จะแสดงวธิ ีหำคำตอบได้อย่ำงไร จะไดร้ ะยะเวลำ 200 วนั คิดเป็น 200 ÷ 30 ได้ 6 เศษ 20 แสดงว่ำ ระยะเวลำ 200 วนั คิดเป็น 6 เดอื น 20 วนั ดงั นั้น เกษตรกรใชเ้ วลำเล้ยี งปลำ 6 เดือน 20 วนั 4. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ครนู ำบตั รโจทย์เวลำจำนวน 4 ขอ้ 1. ผ้รู ับเหมำสร้ำงถนนสำยหน่ึงเสรจ็ ในเวลำ 420 วัน ผรู้ ับเหมำสรำ้ งถนนเสร็จก่ีปี กี่เดอื น กีว่ นั
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ ช้ัน ป.๔ หนว่ ยที่ ๒ เรอื่ ง การวดั เวลา ๑ ชั่วโมง 27 2. เครอื่ งปน่ั ไฟฟำ้ ทำงำนตอ่ เน่อื งเป็นเวลำ 3 วัน 17 ชวั่ โมง คดิ เป็นกชี่ ัว่ โมง 3. นวิ วง่ิ กำรกศุ ลระยะทำง 30 กิโลเมตร ใช้เวลำทัง้ หมด 2 ช่ัวโมง 45 นำที คิดเป็นกน่ี ำที 4. ภีมไปฝึกงำนทต่ี ่ำงประเทศเปน็ เวลำ 112 สปั ดำห์ คดิ เป็นกีป่ ี ก่วี นั มำวำงคว่ำบนโต๊ะครูแลว้ ใหน้ ักเรียนตวั แทนกลุ่มออกมำหยิบบัตรโจทย์ปญั หำกลมุ่ ละ 1 ข้อ ให้นักเรียน แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันคิดวิธีหำคำตอบ โดยเขยี นแสดงวธิ ีคิดในกระดำษ หลงั จำกน้ันครสู ่มุ ให้นกั เรียนตวั แทน กล่มุ ออกมำนำเสนอ ครูและนักเรียนช่วยกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง ครูอำจอธิบำยแนะนำเพมิ่ เติมให้ นกั เรยี นเข้ำใจชัดเจนยง่ิ ขนึ้ ซึ่งคำตอบของแต่ละข้อเป็นดังน้ี ข้อ 1 ( 1 ปี 1 เดือน 25 วัน ) ขอ้ 2 ( 89 ชว่ั โมง ) ข้อ 3 ( 165 นำที ) ขอ้ 4 ( 2 ปี 56 วนั ) ใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หัด 2.3 ขอ้ 1 และ 2 และรว่ มกนั เฉลยคำตอบ ข้ันสรปุ 5. ครใู ช้กำรถำมตอบเกยี่ วกับควำมสัมพนั ธ์ของหน่วยเวลำ และร่วมกันสรปุ วำ่ ระยะเวลำหมำยถึง ชว่ งเวลำท่ตี ่อเน่ืองจำกเวลำหน่ึงถึงอีกเวลำหนง่ึ
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขั้นนำ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๔ ข้ันสอน แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 28 ข้นั สรปุ กำรวดั และประเมนิ ผล ให้นักเรียนเขียนคำตอบแสดงควำมสัมพันธ์ของหนว่ ยเวลำบนกระดำน ครอู ธบิ ำยสรปุ และตรวจสอบควำมถกู ต้อง ของคำตอบ เปรียบเทยี บระยะเวลำโดยใชค้ วำมสัมพันธข์ องหนว่ ยเวลำ ทำแบบฝึกหดั 2.4 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ วิธีกำรเปรยี บเทียบระยะเวลำ ประเมนิ จำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝึกหดั ประเมินจำกกำรแก้ปัญหำ กำรใหเ้ หตผุ ล กำรสือ่ สำร สอื่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตรแ์ ละ กำรเชื่อมโยง
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๔ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้น ป.๔ หนว่ ยที่ ๒ เรื่อง การวัด เวลา ๑ ชว่ั โมง 29 ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ข้ันนา เปรยี บเทยี บระยะเวลำโดยใช้ 1. แผนภูมสิ ถำนกำรณก์ ำรแขง่ ขันว่งิ 1. ครูยกตัวอย่ำงควำมสมั พันธ์ของหนว่ ยเวลำบนกระดำน แล้วให้นกั เรยี นออกมำเขยี นคำตอบ 100 เมตร ควำมสมั พนั ธ์ของหนว่ ยเวลำ บนกระดำน เช่น 2. แบบฝกึ หัด 2.4 สาระสาคัญ 1 นำที มี .......................................... วนิ ำที 1 ชวั่ โมง มี .......................................... นำที การประเมิน กำรเปรียบเทียบระยะเวลำทม่ี ี 1 วนั มี .......................................... ชัว่ โมง หน่วยต่ำงกนั ต้องเปลย่ี นใหเ้ ปน็ หนว่ ย 1 สัปดำห์ มี .......................................... วนั 1. วิธกี าร เดยี วกนั ก่อนแลว้ จึงเปรยี บเทียบ 1 เดือน มี .......................................... วนั 1.1 สงั เกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ 1 ปี มี .......................................... เดอื น 1.2 ตรวจผลงำนจำกแบบฝกึ หัด จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ หลงั จำกนั้นครูอธบิ ำยสรุปและตรวจสอบควำมถูกต้องของคำตอบอีกคร้ัง 2. เครื่องมือ เพ่ือใหน้ ักเรยี นสำมำรถเปรียบเทยี บ ขนั้ สอน 2.1 แบบฝึกหดั 2.4 ระยะเวลำได้ 2.2 แบบประเมินทกั ษะและ ดา้ นทักษะกระบวนการทาง 2. ครูติดแผนภมู ิสถำนกำรณ์ในชีวิตจริงทม่ี ีระยะเวลำเขำ้ มำเกี่ยวขอ้ ง แลว้ ใชก้ ำรถำมตอบเพื่อใหน้ ักเรยี น กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ คณติ ศาสตร์ ชว่ ยกันเปรยี บเทียบ เช่น 3. เกณฑ์ เพอื่ ให้นกั เรียนสำมำรถ ในกำรแขง่ ขนั ว่ิง 100 เมตร กฬี ำภำยในของโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีผู้เขำ้ แข่งขันวิ่งเข้ำเส้นชัย 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกต้อง 1. แกป้ ญั หำ 5 คน ดงั นี้ ไมน่ อ้ ยกว่ำร้อยละ 80 2. ใหเ้ หตุผล 3.2 คะแนนรวมด้ำนทักษะและ 3. สือ่ สำร ส่อื ควำมหมำยทำง แดงใชเ้ วลำ 14 วนิ ำที เขยี วใช้เวลำ 12 วนิ ำที กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ เหลืองใชเ้ วลำ 17 วนิ ำที ส้มใช้เวลำ 20 วนิ ำที ไมน่ อ้ ยกว่ำร้อยละ 60 คณิตศำสตร์ ดำใชเ้ วลำ 15 วนิ ำที 4. เชื่อมโยง
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ ชั้น ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เรื่อง การวดั เวลา ๑ ชว่ั โมง 30 - ใครเป็นผชู้ นะเลิศเพรำะเหตุใด (เขียว เพราะใชเ้ วลำวงิ่ นอ้ ยทส่ี ดุ ) - ใครว่ิงเขำ้ เสน้ ชยั เป็นคนท่ี 5 เพรำะเหตุใด (ส้ม เพราะใชเ้ วลำว่งิ มำกทสี่ ดุ ) - เรยี งลำดับผู้ใชเ้ วลำวิง่ จำกนอ้ ยไปมำก (เขียว แดง ดำ เหลือง ส้ม) - เพรำะเหตุใดนักเรยี นจงึ เปรียบเทยี บระยะเวลำได้ (โจทย์บอกเวลำทีม่ หี นว่ ยเดียวกนั ) 3. ครยู กตวั อย่ำงสถำนกำรณ์ต่อไปน้ีบนกระดำน ในกำรเดินทำงไกล ระยะทำง 5 กโิ ลเมตร ของลูกเสอื โรงเรยี นแหง่ หนงึ่ พบว่ำ ลกู เสอื หมู่ 1 ใช้เวลำ 145 นำที ลกู เสอื หมู่ 2 ใช้เวลำ 2 ชว่ั โมง 50 นำที แลว้ ใช้กำรถำมตอบ เพื่อให้นักเรยี นเปรยี บเทียบ เช่น - ลูกเสือหมู่ใดใชเ้ วลำเดินทำงไกลน้อยกว่ำกัน จะเปรียบเทยี บกันได้อยำ่ งไร (ต้องเปลยี่ นหน่วยเวลำ ให้เปน็ หน่วยเดียวกัน) - ครอู ธิบำยและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรำยจน สรปุ ได้ว่ำ กำรเปรยี บเทียบระยะเวลำทม่ี หี น่วยตำ่ งกัน ต้องเปล่ียนใหเ้ ปน็ หน่วยเดียวกันก่อน แล้วจงึ เปรยี บเทียบ หลงั จำกน้ันใชก้ ำรถำมตอบให้นักเรียนรว่ มกนั แสดงวิธีคดิ เปลีย่ นหนว่ ยเวลำอำจทำได้ดงั น้ี วธิ คี ดิ 1 เปลย่ี นหนว่ ย 2 ชัว่ โมง 50 นำที เป็นนำที - 1 ชว่ั โมงคดิ เปน็ กน่ี ำที - จะเปลย่ี นหน่วยช่ัวโมงเปน็ นำที เขยี นแสดงเป็นแผนภำพได้อยำ่ งไร 1 ชวั่ โมง 1 ช่ัวโมง 50 นำที 60 นำที 60 นำที
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ ช้ัน ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เรื่อง การวัด เวลา ๑ ช่วั โมง 31 - นกั เรียนจะเขียนแสดงวิธหี ำคำตอบได้อยำ่ งไร เน่ืองจำก 1 ช่ัวโมง มี 60 นำที จะได้ 2 ชว่ั โมง คิดเป็น 2 × 60 = 120 นำที แสดงวำ่ 2 ช่วั โมง 50 นำที คิดเป็น 120 + 50 = 170 นำที ซ่ึง 170 นำที มำกกว่ำ 145 นำที ดังน้ัน ลกู เสอื หมู่ 1 ใช้เวลำเดนิ ทำงไกลนอ้ ยกว่ำลกู เสอื หมู่ 2 วธิ คี ิด 2 เปน็ หน่วย 145 นำที เป็นชวั่ โมง - 1 ชว่ั โมงคดิ เป็นกีน่ ำที - จะเปล่ยี นหน่วยนำทีเป็นชวั่ โมง เขียนแสดงเป็นแผนภำพได้อยำ่ งไร 145 นำที (610ชน่วั โำมทงี ) (610ชนัว่ ำโมทงี ) 25 นำที - นักเรยี นจะเขยี นแสดงวิธหี ำคำตอบได้อย่ำงไร เน่ืองจำก 60 นำที คดิ เป็น 1 ชวั่ โมง จะได้ 145 ÷ 60 ได้ 2 เศษ 25 แสดงวำ่ 145 นำที คิดเป็น 2 ช่ัวโมง 25 นำที ซงึ่ 2 ช่วั โมง 25 นำที นอ้ ยกวำ่ 2 ชว่ั โมง 50 นำที ดังนัน้ ลกู เสอื หมู่ 1 ใช้เวลำเดินทำงไกลนอ้ ยกวำ่ ลกู เสือหมู่ 2
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๔ ชัน้ ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เรอ่ื ง การวดั เวลา ๑ ชัว่ โมง 32 4. ครแู บ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 คน แจกบัตรโจทยเ์ วลำชดุ เดยี วกัน จำนวน 3 ข้อให้นักเรยี นทุกกลมุ่ ช่วยกนั แสดงวธิ ีคิดในกำรเปรียบเทียบระยะเวลำ เชน่ เติมคำวำ่ “มำกกว่ำ” หรือ “น้อยกว่ำ” หรือ “เท่ำกับ” 1. ปำ้ ใช้เวลำปลูกผักชี 38 วนั และเฝำ้ ดูแลมะนำวออกดอกจนเก็บลูกได้ใชเ้ วลำ 5 สัปดำห์ 3 วนั ดังนั้นปลกู ผกั ชีใช้ระยะเวลำ ........................... ระยะเวลำของมะนำวออกดอกจนเก็บ ลกู ได้ 2. พ่ีทำสัญญำเช่ำซ้อื รถจกั รยำนยนตเ์ ป็นเวลำ 30 ดือน ลุงทำสัญญำเช่ำซอื้ รถยนต์เปน็ เวลำ 2 ปี 5 เดอื น ดังนนั้ ระยะเวลำเช่ำเรอื ของพี่ .......................... ระยะเวลำเช่ำซือ้ รถยนตข์ องลงุ 3. ชำ่ งก่อสรำ้ งใชเ้ วลำทำร้วั บ้ำน 4 วัน 7 ชวั่ โมง ช่ำงซ่อมรถยนต์ใชเ้ วลำซ่อมรถทเ่ี ข้ำอู่ 107 ชัว่ โมง ดังนน้ั ชำ่ งกอ่ สร้ำงใชเ้ วลำทำร้ัวบำ้ น ............................... ชำ่ งซ่อมรถยนตเ์ ข้ำอซู่ ่อม รถยนต์ ครูสุม่ นกั เรียนออกมำแสดงวิธีคิด พรอ้ มกับหำคำตอบบนกระดำน ถ้ำนกั เรียนไมเ่ ขำ้ ใจ ครูอธิบำยเสนอแนะเพ่มิ เติม ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด 2.4 ข้อ 1 2 3 ขนั้ สรปุ 5. ครใู ชก้ ำรถำมตอบ จนนักเรียนรว่ มกันสรปุ ได้วำ่ - กำรเปรยี บเทยี บระยะเวลำท่ีมหี นว่ ยต่ำงกัน ต้องเปล่ียนใหเ้ ป็นหนว่ ยเดียวกันก่อน แล้วจึงเปรยี บเทียบ
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นำ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๕ ขัน้ สอน แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 33 ข้ันสรุป กำรวัดและประเมินผล สนทนำและอธบิ ำยแนะนำกำรใชต้ ำรำงสอน อำ่ นตำรำงเวลำ - อำ่ นตำรำงสอน - อ่ำนตำรำงเวลำเดนิ รถไฟ ทำแบบฝกึ หัด 2.5 ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปวิธีกำรเปรยี บเทยี บระยะเวลำ ประเมินจำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝึกหัด ประเมินจำกกำรใหเ้ หตผุ ล กำรสื่อสำร สือ่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์และ กำรเชอ่ื มโยง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ช้นั ป.๔ หนว่ ยท่ี ๒ เร่อื ง การวดั เวลา ๑ ชวั่ โมง 34 ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ ขัน้ นา อำ่ นตำรำงเวลำ 1. แผนภมู ติ ำรำงสอน 1. ครูนำสนทนำ เช่น ในหนึง่ สปั ดำห์นกั เรียนเรยี นวิชำคณิตศำสตร์วนั ใดบำ้ ง ( ........................... ) 2. แผนภูมิกำหนดเวลำเดินรถไฟ สาระสาคัญ ในหนึ่งสปั ดำห์นกั เรยี นเรียนวิชำคณิตศำสตร์ท้ังหมดก่ชี ั่วโมง ( .......................... ) นกั เรียนทรำบได้อย่ำงไร (ดจู ำกตำรำงสอน) สำยเหนือ (จำกสถำนเี ชียงใหมถ่ ึง 1. เรำบอกเวลำเป็นนำฬิกำและนำที สถำนหี วั โพง) 2. ตำรำงเวลำเก่ียวข้องกบั เวลำและ 2. ครูตดิ ตำรำงสอนและอธิบำยแนะนำ ตำรำงสอนเป็นตัวอย่ำงหนงึ่ ของตำรำงเวลำทแี่ สดงรำยละเอียด 3. แบบฝึกหดั 2.5 ระยะเวลำ ในแต่ละระยะเวลำของแต่ละวัน เรยี นวิชำใดบ้ำงเพอื่ ใหน้ ักเรียนได้เตรียมเอกสำรและทบทวนบทเรยี น 3. กำรอำ่ นตำรำงเวลำให้พิจำรณำ ลว่ งหนำ้ การประเมนิ ควำมเก่ียวข้องของเวลำ และ รำยละเอียดของส่ิงท่ีอยู่ในตำรำง ข้ันสอน 1. วิธีการ 1.1 สังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. ครูนำสนทนำโดยใหน้ กั เรียนดูรำยละเอยี ดจำกตำรำงบนกระดำน แล้วใชก้ ำรถำมตอบ เชน่ 1.2 ตรวจผลงำนจำกแบบฝกึ หดั - ในวนั จันทรต์ ้งั แต่ชัว่ โมงที่ 1 ถงึ ช่ัวโมงท่ี 5 เรยี นวชิ ำใดบ้ำง นักเรยี นดไู ดอ้ ย่ำงไร เพือ่ ให้นักเรียนสำมำรถอ่ำนบันทกึ 2. เครื่องมอื กจิ กรรมหรือเหตกุ ำรณ์ต่ำง ๆ ทรี่ ะบุ ดตู ำรำงตรง วันจนั ทรแ์ ล้วดรู ำยละเอียดตำมแนวนอนตัง้ แตช่ ั่วโมงที่ 1 ถงึ ช่วั โมงที่ 5 2.1 แบบฝกึ หดั 2.5 เวลำได้ ทำให้ทรำบวำ่ ในวนั จันทร์ ชว่ั โมงที่ 1 เรยี นวิชำ ...................... 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ ด้านทกั ษะกระบวนการทาง ชว่ั โมงท่ี 2 เรียนวชิ ำ ...................... ชัว่ โมงที่ 3 เรยี นวิชำ ...................... กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ คณติ ศาสตร์ ชวั่ โมงท่ี 4 เรียนวชิ ำ ...................... และชัว่ โมงที่ 5 เรยี นวิชำ ...................... - ในชวั่ โมงท่ี 3 ของแต่ละวนั เรยี นวิชำใดบ้ำง นักเรยี นดูไดอ้ ย่ำงไร 3. เกณฑ์ เพอื่ ใหน้ กั เรียนสำมำรถ ดูตำรำงตรง ช่วั โมงที่ 3 แลว้ ดูรำยละเอยี ดตำมแนวนอนต้งั แตว่ นั จันทร์ถงึ วนั ศกุ ร์ 3.1 ผลงำนมีควำมถูกต้อง 1. ใหเ้ หตผุ ล ทำใหท้ รำบว่ำ ในวันจันทร์ ชว่ั โมงท่ี 3 เรยี นวิชำ ...................... ไม่น้อยกว่ำร้อยละ 80 2. สือ่ สำร ส่ือควำมหมำยทำง วันอังคำร ชัว่ โมงท่ี 3 เรียนวิชำ ...................... วันพธุ ชวั่ โมงที่ 3 เรียนวิชำ ...................... 3.2 คะแนนรวมดำ้ นทักษะและ กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ คณติ ศำสตร์ วนั พฤหสั บดี ชั่วโมงท่ี 3 เรียนวชิ ำ ...................... วนั ศกุ ร์ ชัว่ โมงท่ี 3 เรยี นวิชำ ...................... ไมน่ ้อยกว่ำร้อยละ 60 3. เช่ือมโยง
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๕ ชน้ั ป.๔ หน่วยที่ ๒ เรอื่ ง การวดั เวลา ๑ ชว่ั โมง 35 - ในวันพธุ ชั่วโมงท่ี 5 เรียนวิชำใด นกั เรยี นดไู ดอ้ ย่ำงไร ดูวนั พธุ ตำมแนวนอนและดูชว่ั โมงที่ 5 ตำมแนวต้ัง มำตรงกันทีว่ ิชำ ............................ หลงั จำกครูใช้กำรถำมตอบ จนนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รำยได้ดังน้ี - กำรดวู ่ำวันใดเรียนวชิ ำอะไรบ้ำง ให้ดูทชี่ อ่ื วนั น้นั ไปตำมแนวนอน - กำรดวู ่ำเวลำใดเรยี นวิชำอะไรบ้ำง ให้ดูทีร่ ะยะเวลำน้นั ไปตำมแนวตัง้ - กำรดวู ่ำวนั ใด ระยะเวลำใด เรียนวชิ ำอะไร ใหด้ ูที่จุดตดั ระหวำ่ งวนั และระยะเวลำน้นั หลงั จำกน้ันครูอำจใช้กำรถำมตอบ เชน่ - วนั จนั ทร์ ในแต่ละคำบเรียนวชิ ำใดบำ้ ง - ในคำบท่ี 4 ของแต่ละวนั เรยี นวิชำใดบำ้ ง - วันพฤหสั บดี คำบท่ี 5 เรยี นวิชำใด - วิชำคณติ ศำสตร์ เรียนในวนั ใด และคำบใดบำ้ ง 4. ครสู นทนำกับนกั เรยี นเกี่ยวกับกำรเดินทำง พำหนะที่ใช้ในกำรเดนิ ทำง ซึ่งมีหลำยอย่ำง เชน่ เคร่ืองบิน รถโดยสำร รถไฟ กำรใช้บริกำรด้วยพำหนะเหล่ำนี้ผู้โดยสำรจะต้องทรำบกำหนดเวลำเข้ำออก จำกนั้น ครูนำตัวอย่ำงกำหนดเวลำเดินรถไฟสำยเหนือ จำกสถำนีเชียงใหม่ถงึ สถำนีหวั ลำโพงมำอธิบำยและใช้กำร ถำมตอบ ดงั นี้
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ ชน้ั ป.๔ หน่วยที่ ๒ เรื่อง การวัด เวลา ๑ ชัว่ โมง 36 กาหนดเวลาเดนิ รถไฟสายเหนอื จากสถานเี ชียงใหม่ถึงสถานหี วั ลาโพง - ลำดับท่ี 1 เลขขบวนรถ 102 เปน็ ประเภทรถเรว็ ออกจำกเชยี งใหม่เวลำ 05.45 น. ถึงกรงุ เทพ เวลำ 21.10 น. - ลำดับที่ 3 เลขขบวนรถคือหมำยเลขใด เป็นรถประเภทใด ออกจำกเชยี งใหม่เวลำใดถงึ กรุงเทพ เวลำใด (เลขขบวนรถ 14 เปน็ รถด่วนพิเศษ ออกจำกเชียงใหม่ เวลำ 16.00 น. ถึงกรุงเทพเวลำ 06.30 น.) - ถำ้ นกั เรียนตอ้ งกำรเดนิ ทำงโดยรถไฟจำกเชียงใหม่ถงึ กรงุ เทพ โดยให้ถงึ กรุงเทพ เวลำ 08.30 น. นักเรียนต้องข้นึ รถขบวนใด เป็นรถประเภทใดและออกจำกเชียงใหม่เวลำใด (ต้องขน้ึ รถขบวนที่ 52 เปน็ ประเภทรถดว่ นออกจำกเชยี งใหมเ่ วลำ 17.30 น.)
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชนั้ ป.๔ หนว่ ยที่ ๒ เรื่อง การวดั เวลา ๑ ช่วั โมง 37 ครแู นะนำวธิ กี ำรอำ่ นตำรำงเวลำ โดยดูวำ่ สถำนใี ด รถขบวนใดผ่ำนเม่ือเวลำใด หรือมรี ถขบวนใด ผ่ำนสถำนีใด เมือ่ เวลำใด ให้ดูเวลำที่เป็นจดุ ตัดระหว่ำงสถำนีและขบวนนน้ั เช่น - รถดว่ นขบวนที่ 52 ออกจำกเชียงใหมเ่ วลำ 17.30 น. ถงึ สถำนลี ำพนู เวลำ 17.52 น. - รถด่วนขบวนท่ี 52 ถึงสถำนเี ด่นชยั เวลำ 22.25 น. และออกจำกสถำนเี ด่นชยั เวลำ 22.28 น. ครูถำมคำถำมอืน่ ๆ เพ่ือใหน้ กั เรียนได้ฝึกอำ่ นและคำนวณเวลำ เชน่ - ลำดับที่ 1 เชียงใหม่ 00.00 17.30 หมำยควำมว่ำอยำ่ งไร - รถด่วนขบวนที่ 52 ออกจำกเชียงใหม่ ถึงสถำนลี ำปำงใชเ้ วลำเดนิ ทำงนำนเท่ำไร - รถดว่ นขบวนท่ี 52 หยุดพักที่สถำนีพิษณโุ ลกนำนกี่นำที - ถ้ำข้นึ รถด่วนขบวน 52 ท่สี ถำนอี ยธุ ยำ จะมำถึงสถำนดี อนเมืองเวลำใด ใชเ้ วลำเดนิ ทำงนำนเท่ำไร
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ ชน้ั ป.๔ หนว่ ยท่ี ๒ เรื่อง การวดั เวลา ๑ ชัว่ โมง 38 5. ครูอธิบำยแนะนำกำรค้นหำตำรำงกำรเดินทำงของรถไฟ รถโดยสำรประจำทำง หรือเครอื่ งบินไดจ้ ำก เวบ็ ไซตต์ ำ่ ง ๆ เช่น เว็บไซด์ของกำรรถไฟแหง่ ประเทศไทย http://www.railway.co.th เวบ็ ไซด์ของบริษัทขนส่งจำกัด http://transport.co.th เวบ็ ไซดข์ องสำยกำรบินตำ่ ง ๆ http://www.thaiairways.com (สำยกำรบินไทย) http://www.nokair.com (สำยกำรบนิ นกแอร์) และใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั 2.5 ขน้ั สรปุ 6. ครใู ช้กำรถำมตอบ จนนักเรียนร่วมกนั สรปุ ได้ว่ำ - ตำรำงเวลำเกย่ี วข้องกบั เวลำและระยะเวลำ - กำรอ่ำนตำรำงเวลำใหพ้ ิจำรณำควำมเกย่ี วขอ้ งของเวลำและรำยละเอยี ดของส่ิงทีอ่ ยู่ในตำรำง
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขนั้ นำ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๖ ขั้นสอน แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 39 ขั้นสรปุ ครูซักถำมกำรเขียนบันทึกของนักเรียน และรว่ มกนั พจิ ำรณำบันทกึ กำรอยคู่ ่ำยพักแรม แล้วตอบคำถำม กำรวัดและประเมนิ ผล เขยี นบนั ทึกกิจกรรมหรอื เหตกุ ำรณ์ทร่ี ะบเุ วลำ ทำแบบฝกึ หัด 2.6 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ - เรำบอกเวลำเปน็ นำฬกิ ำและนำที - กำรเขียนบอกเวลำนยิ มใช้จุดคน่ั ระหว่ำงตวั เลขที่บอกเวลำเป็นชวั่ โมงกบั นำที และใช้ “น.” เปน็ อกั ษรยอ่ ของ คำว่ำนำฬิกำ - กำรเขยี นบนั ทกึ กจิ กรรมเปน็ กำรวำงแผนหรือประมวลเหตกุ ำรณ์ทเ่ี กย่ี วกบั เวลำ ประเมนิ จำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝึกหดั ประเมินจำกกำรให้เหตผุ ล กำรสือ่ สำร สื่อควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์และ กำรเชอื่ มโยง
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ ช้นั ป.๔ หนว่ ยที่ ๒ เรือ่ ง การวดั เวลา ๑ ชวั่ โมง 40 กจิ กรรมการเรียนรู้ ขอบเขตเนอื้ หา ขั้นนา สือ่ /แหล่งเรียนรู้ เขยี นบนั ทกึ กจิ กรรมหรือเหตุการณ์ 1. ครูซกั ถามเพ่ือให้ทราบวา่ มีใครเคยเขียนบันทึกบ้าง เคยเขียนบันทึกเร่ืองอะไร จากนั้นครูยกตัวอยา่ ง 1. แผนภมู ิบนั ทกึ การอยู่ค่ายพักแรม ท่รี ะบุเวลา โดยตดิ แผนภมู บิ ันทกึ การอยู่ค่ายพักแรม ดงั น้ี 2. แบบฝกึ หัด 2.6 สาระสาคญั บนั ทึกการอยูค่ า่ ยพกั แรม ของ ด.ญ.จงรกั รักดี การประเมนิ วันเสารท์ ่ี 8 ธนั วาคม 2559 1. เราบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที 1. วิธีการ 2. การเขียนบอกเวลานยิ มใช้จุดค่นั 5.20 น. ออกกาลังกาย 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระหวา่ งตัวเลขทบ่ี อกเวลาเปน็ ชัว่ โมง 7.30 น. รับประทานอาหารเชา้ 1.2 ตรวจผลงานจากแบบฝกึ หัด กบั นาที และใช้ “น.” เปน็ อักษรยอ่ 8.30 น. เปดิ กองและรายงานการตรวจที่พัก ของคาวา่ นาฬกิ า 9.30 น. กิจกรรมเดินทางไกล 2. เครอื่ งมือ 3. การเขียนบันทึกกจิ กรรมเป็นการ 13.00 น. กจิ กรรมทดสอบกาลงั ใจ 2.1 แบบฝกึ หัด 2.6 วางแผนหรือประมวลเหตุการณ์ท่ี 19.00 น. กิจกรรมรอบกองไฟ 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ เก่ยี วกบั เวลา กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ให้นกั เรยี นอา่ นบนั ทกึ แล้วตอบคาถาม เชน่ จุดประสงค์การเรยี นรู้ - บันทึกน้ีเป็นของใคร (ดญ.จงรัก รักด)ี 3. เกณฑ์ - จงรกั อยู่คา่ ยพักแรมเมื่อใด (วนั เสาร์ที่ 8 ธนั วาคม 2550) 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสามารถบันทกึ - จงรกั ออกกาลงั กายเวลาใด (5 นาฬกิ า 20 นาที) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 กจิ กรรมหรือเหตุการณต์ า่ ง ๆ ทีร่ ะบุ - เวลา 8 นาฬกิ า 30 นาที จงรักทากิจกรรมอะไร (เปดิ กองและรายงานการตรวจท่พี ัก) 3.2 คะแนนรวมดา้ นทักษะและ เวลาได้ - กจิ กรรมรอบกองไฟ เร่ิมเวลาใด (19 นาฬิกา) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ - บนั ทึกนี้มปี ระโยชนส์ าหรบั จงรักอย่างไร (ช่วยความจาการอยคู่ ่ายพกั แรม) ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 60
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๖ ชั้นป.๔ – ๖ หน่วยที่ ๒ เรอ่ื ง การวดั เวลา ๑ ชวั่ โมง 41 ขนั้ สอน ดา้ นทักษะกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ 2. ครใู ห้นกั เรยี นเล่าเหตกุ ารณก์ ารร่วมกิจกรรม ช่วยกันเขียนบันทกึ บนกระดาน เชน่ การอยู่คา่ ยพักแรม ไปทัศนศึกษา ครทู บทวนเกยี่ วกบั วธิ ีการเขยี นบนั ทึกว่าควรเขียนให้ถูกต้องและเรยี บร้อยสวยงามเริ่มต้น เพือ่ ใหน้ กั เรียนสามารถ ดว้ ยการเขยี นช่ือบนั ทกึ กจิ กรรมอะไร ของใคร วัน เดอื น พ.ศ. ไวส้ ว่ นบนของบนั ทกึ บนั ทกึ เวลาไวท้ าง 1. ให้เหตุผล ด้านซา้ ย บันทกึ กิจกรรมไวท้ างด้านขวา ส่วนรายละเอยี ดของบันทกึ ข้นึ อยู่กับความต้องการของผบู้ ันทกึ 2. สอื่ สาร สื่อความหมายทาง เช่น คณิตศาสตร์ บันทกึ การการทากจิ กรรม ของ ด.ญ.ใบบวั ทองสุข 3. เชือ่ มโยง วนั เสารท์ ี่ 8 ธันวาคม 2559 5.30 น. ต่ืนนอน ลา้ งหน้า แปรงฟัน อาบน้า 6.00 น. ไปใส่บาตรพระกบั แม่และออกกาลังกาย 7.30 น. ชว่ ยแมเ่ ตรยี มอาหารเชา้ และรับประทานอาหารเชา้ 9.00 น. ทาการบ้านวชิ าคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ 11.30 น. ชว่ ยแม่เตรียมอาหารกลางวัน และรับประทานอาหารกลางวัน 12.30 น. ดทู ีวี และเล่นเกมส์ในคอมพวิ เตอร์ (แม่ให้เล่นเกมส์ 45 นาที) 15.00 น. ทาการบา้ นวชิ าภาษาไทย และเตรยี มงานประดิษฐว์ ันอังคารที่ 11 ธนั วาคม 2559 17.30 น. รับประทานอาหารเยน็ 19.00 น. ทอ่ งศพั ท์ภาษาองั กฤษ 20.30 น. เข้านอน ให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัด 2.6 ขอ้ 1 แลว้ รว่ มกนั เฉลย
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ ชัน้ ป.๔ หน่วยท่ี ๒ เร่อื ง การวัด เวลา ๑ ชวั่ โมง 42 ขัน้ สรปุ 3. ครใู ช้การถามตอบจนนักเรียนร่วมกนั สรปุ ไดว้ ่า - การเขยี นบันทกึ กจิ กรรมเปน็ การวางแผนหรือประมวลเหตุการณ์ทเี่ กีย่ วกับเวลา - วิธกี ารเขียนบนั ทึกควรเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการเขียนชื่อบนั ทกึ กิจกรรมอะไรของใคร วนั เดือน พ.ศ. ไว้ สว่ นบนของบันทึก บันทกึ เวลาไว้ทางดา้ นซ้าย บนั ทึกกจิ กรรมไว้ทางดา้ นขวา ส่วนรายละเอยี ดของบันทึก ขึ้นอยกู่ ับความต้องการของผู้บันทึก - เราบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที - การเขียนบอกเวลานิยมใชจ้ ุดคัน่ ระหว่างตวั เลขที่บอกเวลาเป็นชัว่ โมงกับนาที และใช้ “น.” เป็น อักษรย่อของคาว่านาฬิกา
Search