Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การบริหารการผลิตและการดำเนินงาน

การบริหารการผลิตและการดำเนินงาน

Published by yuipothong, 2019-04-22 22:51:46

Description: พิมพ์ครั้งที่ 3 เมษายน 2562

Keywords: Production and Operation Management

Search

Read the Text Version

227 แผนภูมิที่ 9.1 แผนภมู ิพาเรโต ทีม่ า : ดัดแปลงจากประจวบ กลอ่ มจติ ร (2557 : 230) เข้าถงึ ไดจ้ าก http://www.keyword suggests.com [2559, พฤษภาคม 23] 9.5.2 ผังก้างปลา (Fish Diagram) เป็นผังท่ีแสดงสาเหตุของปัญหาตลอดจนผลกระทบ (Cause and Effect Diagram) อันเป็นอุปสรรคต่อการดาเนินงานการผลิตและดาเนินงานผังชนิดน้ี ประกอบดว้ ยเสน้ ตรงหลายลักษณะซง่ึ ประกอบกนั แลว้ มรี ูปร่างคล้ายก้างปลา เพ่ือแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างต้นเหตุเหลา่ นนั้ อยา่ งเป็นระบบ วิธีทางาน ใช้สาหรับค้นหาสาเหตุของปัญหาที่เป็นหัวเร่ืองของปัญหาท่ีจะต้องแก้ไข โดยแยกสาเหตุหลักกับสาเหตุรองออกเป็นกลุ่มเดียวกัน วิธีน้ีจะช่วยให้จดบันทึกลงไปได้อย่างเป็น ระบบ ผู้วิเคราะห์ควรพยายามดึงความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่มให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ครอบคลุม สาเหตุทั้งหมดของปัญหาที่ต้องการแก้ไขดังแผนภาพนี้แสดงปัญหาหลักอยู่ทางขวามือของแผนภาพ ส่วนในกรอบส่ีเหลี่ยมอ่ืน ๆ ที่แตกแขนงออกไปเป็นกลุ่มของปัญหาซึ่งจะเรียกว่าปัญหารองเมื่อ วเิ คราะหด์ ้วยแผนภาพจะทาให้มองเหน็ ปัญหาไดค้ รอบคลุมรอบด้าน ดังแสดงตัวอย่างไว้ในแผนภาพที่ 9.1

228 แผนภาพที่ 9.1 ผงั ก้างปลา ทีม่ า : เข้าถงึ ไดจ้ าก http://thediagram.com/6_2/causeandeffect.html [2559, พฤษภาคม 23] 9.5.3 กราฟและรปู ภาพ (Bar Chat) สาหรบั กราฟชนดิ นเี้ ป็นการกาหนดจุดเพ่อื แสดง ขอ้ มูลและความเปล่ียนแปลง แสดงความสมั พันธ์หรือแสดงองค์ประกอบของค่าวดั ต่างๆ วิธีการทางาน ควรเลือกใช้กราฟและแผนภูมิให้เหมาะกับงาน เช่น กราฟแท่งใช้ เปรยี บเทยี บขอ้ มูลประเภทต่างๆ ส่วนกราฟเส้นแสดงการเปลย่ี นแปลงตามกาลเวลา ดงั แผนภมู ทิ ่ี 9.2 แผนภมู ิที่ 9.2 ลกั ษณะกราฟแท่ง ทมี่ า : เข้าถงึ ได้จาก http://mcpswis.mcp.ac.th/html [2559, พฤษภาคม 23]

229 9.5.4 ใบตรวจสอบรายการ (Check Sheets) เป็นตารางแบบฟอร์มหรือแผ่นภาพใดที่ แสดงรายการรายละเอียดของข้อมูลให้มีลักษณะง่ายต่อการเก็บข้อมูลโดยผู้ปฏิบัติจะทาการกา เครือ่ งหมายลงในชอ่ งทีจ่ ัดไว้เพ่อื แสดงการบรรลุงานท่ีทา วิธกี ารทางาน เก็บข้อมูลตามจานวนครั้งหรือจานวนช้ินที่ผู้ตรวจสอบพบข้อบกพร่อง ตา่ ง ๆ โดยนาขอ้ มูลทีไ่ ด้ไปคานวณค่าแล้วสรุปผล เช่น ค่าผลรวม หรือค่าร้อยละ เป็นต้น ผู้ปฏิบัติงาน ควรกาหนดเปูาประสงค์ของการเก็บข้อมูลและลักษณะที่มาของข้อมูลให้ชัดเจนก่อนออกแบบแผ่น ตรวจสอบดงั แสดงไวใ้ นตารางท่ี 9.2 ตารางท่ี 9.2 ใบตรวจสอบ รายการ ทมี่ า : เข้าถึงได้จาก https://sutrisnoadityo.wordpress.com [2556, ตลุ าคม 12] 9.5.5 ฮิสโตแกรม (Histogram) เป็นกราฟแท่งท่ีเขียนข้ึนมาจากชุดของข้อมูลซึ่งได้จาก การตรวจวัดหรือเกบ็ รวบรวมในคราวเดียวกัน โดยการกาหนดมาตราส่วน มีการวัดช่วงขนาดข้อมูลให้ มีช่วงเท่าๆ กันช่วงชั้นประมาณ 5ถึง 7ถือเป็นช่วงท่ีเหมาะสมหลังจากน้ันเขียนกราฟแท่งลงในช่วง ขอ้ มูล สาหรับความสูงของแทง่ กราฟจะหาจากความถีห่ รือจานวนจดุ ข้อมูลทม่ี ีอยู่ในแต่ละช่วงข้อมูลใน ชดุ น้ัน วิธีการทางาน ควรเขียนฮิสโตแกรม จากข้อมูลการตรวจวัดของแต่ละปัจจัย สาหรับ การอ่านหรือสารวจกราฟแท่งแต่ละรูปเทียบกับค่ากาหนดของงานน้ัน ๆ สาหรับชุดของข้อมูลท่ีจะใช้ เป็นฐานในการเขียนฮิสโตแกรม ควรมีจานวนข้อมูลไม่ต่ากว่า 30 ตัว ถ้าได้ข้อมูลต้ังแต่ 100 ตัวขึ้นไป จะดมี าก สาหรบั ตวั อย่างฮสิ โตแกรมแสดงไวใ้ นแผนภูมทิ ่ี 9.3

230 แผนภูมทิ ่ี 9.3 ฮสิ โตแกรม ท่มี า : เข้าถึงได้จาก http://www.schoolatoz.nsw.edu.au [2559, พฤษภาคม 23] 9.5.6 ผังการกระจาย (Scatter Diagram) เปน็ กราฟท่ีมีลักษณะสองแกนคือแกนตัง้ กับ กบั แกนนอนมีการแทนค่าวดั หรือคุณสมบัติของค่าวัดสองอย่างซึ่งเปน็ ที่มาของข้อมูลเก็บได้จากค่าวัด สองตวั เสมอมีไวเ้ พ่ือจะค้นหาความสัมพันธ์ระหวา่ งคา่ วดั บนแกนทั้งสองนน้ั วิธีการทางานใช้เก็บข้อมูลท่ีมีค่าตัวแปรสองค่ามาเสมอ วิธีน้ีต้องใช้ข้อมูลอย่างน้อย 30 ตัว และถ้าเป็นไปได้ควรจะมีขอ้ มูล 50 ตวั ขึ้นไป เพื่อได้ผลการวเิ คราะหเ์ ช่ือถือได้ ดังแผนภมู ิที่ 9.4 แผนภมู ิที่ 9.4 ผงั แสดงการกระจาย ทมี่ า : เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.cqeacademy.com [2559, พฤษภาคม 23] 9.5.7 แผนภูมิควบคุม (Control Chart) เป็นกราฟเส้นที่มีแกนแนวนอนเป็นค่าวัดหน่วย เวลา มีแกนตั้งเป็นค่าท่ีต้องการควบคุมและเส้นกราฟตรง ส่วนแนวนอนอาจมีสองเส้น หรือน้อยกว่า เพอ่ื แสดงขอบเขตการควบคุมของคา่ ควบคมุ

231 วิธีการทางาน ใชต้ รวจจบั หาจดุ บกพร่องและตรวจจับจดุ ค่าวดั ณ เวลาใดๆทผี่ ดิ ไป จากคา่ ขอบเขตควบคุมและตรวจจับแนวโน้มความผดิ ปกติวิธนี ี้ควรจาแนกขอ้ มลู และแบ่งจานวนขอ้ มูล เปน็ กลมุ่ ย่อยอยา่ งรอบคอบ ดังแสดงไว้ในแผนภูมิที่ 9.5 แผนภมู ิท่ี 9.5 แผนภมู คิ วบคุม ทีม่ า : เข้าถึงได้จาก http://www.acqnotes.com /acqnote/careerfields/control-chart [2559, พฤษภาคม 23] 9.5.8 เคร่ืองมือใหม่เจ็ดอย่างในการทากิจกรรมกลุ่มคุณภาพ (QCC : Quality Control) ในปัจจุบันนี้มีการพัฒนาเครื่องมือใหม่เจ็ดอย่างที่ใช้ในการทากิจกรรมกลุ่มคุณภาพเพ่ือการวิเคราะห์ ปัญหาทม่ี คี วามซับซอ้ นมากข้นึ และช่วยในการสรา้ งกลยุทธใ์ นการแกไ้ ขปัญหา เคร่ืองมือใหม่ 7 อย่างมี ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) แผนผังกลุ่มเชื่อมโยง (Affinity Diagrams) เป็นเคร่ืองมือจัดระเบียบประเด็น ปญั หาทซ่ี ับซ้อน โดยการนาปัญหามาเขยี นเป็นโครงสร้างท่ีชดั เจนขึน้ ดว้ ยการเชอ่ื มโยงข้อมูลหรือความ คิดเหน็ เข้าด้วยกนั 2) แผนผังความสัมพันธ์ (Relations Diagrams) เป็นเคร่ืองมือแก้ไขปัญหาที่ ยุ่งยากซับซ้อนโดยช้ีให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างปัญหาและสาเหตุของปัญหาทาให้สามารถวางแผน แก้ปัญหาตามลาดบั ความสาคญั ได้ถกู ตอ้ ง 3) แผนผังต้นไม้ (Tree Diagram)เป็นเครื่องมือท่ีแสดงให้เห็นกลยุทธ์การแก้ปัญหา อย่างเปน็ ระบบโดยจะเริ่มจากการตั้งปัญหาขึ้นมาก่อนแล้วแก้ปัญหาและนากลยุทธ์ดังกล่าวมาตั้งเป็น วัตถปุ ระสงค์ต่อไปเพอื่ หากลยุทธ์ใหม่ต่อไปเร่ือยไปจนได้กลยุทธ์ในการแก้ปัญหาที่ดีท่ีสุดโดยผู้เรียนได้ ฝึกฝนการคานวณแลว้ ในบทท่ี 5 การวางแผนกาลงั การผลิต 4) แผนผังเมทริกซ์ (Matrix Diagrams) เป็นการนาเอากลยุทธ์ที่ดีท่ีสุดจากแผนผัง ต้นไมม้ าเขียนเป็นแกนนอนของเมทรกิ ซ์และสร้างแกนตง้ั ของเมทรกิ ซ์โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มการ ประเมนิ อันได้แก่ความสามารถอานวยผลได้ ความสามารถนาไปสู่การปฏิบัติ ลาดับตาแหน่งและกลุ่ม ความรับผิดชอบอันได้แก่ ผู้ท่ีมีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการผลิตระดับต่างๆแล้วพิจารณาจุดตัดกัน ระหวา่ งแนวตัง้ และแนวนอนเพ่อื ใช้เปน็ แนวคิดสาคญั สาหรับการแก้ไขปัญหาตอ่ ไป

232 5) แผนผังลูกศร (Arrow Diagrams) เป็นแผนผังท่ีแสดงถึงแผนงานและกาหนด การแกไ้ ขปัญหาต่างๆเพือ่ ช่วยใหส้ ามารถติดตามความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาได้ง่ายข้ึนโดยเฉพาะ เมือ่ มีงานยอ่ ยหลายงานท่ีสัมพันธก์ ันอยา่ งซบั ซ้อน 6) แผนภูมิข้ันตอนการตัดสินใจ (Process Decision Program Charts) เป็น เครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมการดาเนินการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ท่ีต้องการและ ช่วย แก้ไขปัญหาในกรณที ่ีมีการดาเนนิ การออกนอกแนวทางทตี่ ้องการดว้ ย 7) การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเมทริกซ์ (Matrix Data Analysis) เป็นเทคนิคใน การวิเคราะห์ตวั แปรหลายๆ ตัวทเ่ี ก่ียวข้องกบั เรอื่ งที่ต้องการวิเคราะห์โดยวิเคราะห์ข้อมูลท่ีเป็นตัวเลข เพอ่ื หาระดบั ความสัมพนั ธไ์ ปใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ านด้านตา่ งๆเชน่ การพฒั นาและวางแผนผลิตภัณฑ์ใหม่ เน่ืองจากเครื่องมือใหม่เจ็ดประการน้ีมีความซับซ้อนจึงไม่นาเสนอรายละเอียดในเอกสาร ประกอบการสอนฉบับนี้ แต่เรื่องท่ีจะกล่าวต่อไป จะเป็นเร่ืองที่ผู้เรียนควรทราบและนาไปประยุกต์ใช้ ได้คือการศึกษาระบบการควบคุมคุณภาพ 9.6 ระบบการควบคุมคณุ ภาพ ระบบการควบคุมคุณภาพเกิดข้ึนมาเพ่ือรองรับการทางานหลายระบบด้วยกันซ่ึงแต่ละ ระบบมีข้อดีเฉพาะตัว และเหมาะกับการควบคุมคุณภาพหลากหลายประเภท สถานประกอบการ หลายแห่งนาระบบทีห่ ลากหลายมาใช้ร่วมกันเพื่อมุง่ ไปสู่ความเป็นเลิศและสร้างคุณภาพให้เป็นที่เป็นท่ี ยอมรบั และสามารถดาเนินงานให้ประสบความสาเรจ็ ได้ตามเปูาหมายท่ีกาหนด สาหรับเอกสารประกอบการสอนฉบับนี้ขอนาเสนอเพียงบางประเด็นท่ีน่าสนใจและ นาไปใชก้ ับการบริหารการผลิตและดาเนินงานได้ ผู้เรียนควรศึกษาเพ่ิมเติมเพราะว่าวิธีการคุณภาพจะ ถือกาเนดิ แนวคดิ และทฤษฎใี หม่ ๆ อยู่เสมอเพราะการควบคุมคุณภาพเป็นเรื่องที่จะต้องปรับปรุงและ พัฒนาต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อผู้เรียนศึกษาบทนี้จบแล้ววิธีการทางานใหม่ ๆ อาจเกิดข้ึนอีก มากมาย จากหัวขอ้ ระบบควบคุมคุณภาพมีเรอ่ื งราวท่ีน่าสนใจ ดงั น้ี 9.6.1 กิจกรรม5 ส (5 S) ฝาุ ยวนิ ิจฉยั และใหค้ าปรกึ ษาสถานประกอบการสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยไี ทย-ญีป่ นุ (2560) ประจวบ กล่อมจิตร (2557) และยาสุดะ ชิเงคาสึ (2545)ได้นาเสนอแนวคิดของกิจกรรม 5 ส สรุปได้ว่ากิจกรรมน้ีมีต้นกาเนิดมาจาก 5 S ของประเทศญ่ีปุน เป็นระบบการทากิจกรรมเพื่อส่งเสริม ด้านคุณภาพประกอบด้วยแนวปฏิบัติห้าประการมุ่งหมายให้พนักงานมีส่วนร่วมในการใช้ความคิด สร้างสรรค์ เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพ ด้านการผลิต คุณภาพการส่งมอบ ความปลอดภัย ตลอดจนสร้าง ขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงาน เป็นต้นการปฏิบัติกิจกรรม 5 ส ทาให้เกิดการทางานท่ีง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งข้ึน กิจกรรม 5 ส และมีหลักความจาอย่างง่าย ได้แก่ “หน่ึง เซริ สะสาง วางของเป็น ระเบียบ สอง เซตง จงเพียบพร้อมความสะดวก สาม เซโซ ดูสะอาดตาดี ส่ี เซเคทซึ รักษาความ สะอาดไว้ตลอดเวลา หา้ ซทิ ซเึ คะ ฝึกเป็นนิสัยไปตลอดกาล” โดยมรี ายละเอยี ดคาอธบิ าย ดงั นี้

233 1) สะสาง (SEIRI) อ่านออกเสียงว่า “เซริ” คือ การทาให้เป็นระเบียบด้วยวิธีการ การขจัดของท่ีไม่ใช้ออกจากบริเวณสถานท่ีทางาน โดยทิ้งหรือเก็บแยกออกไปโดยการสร้างจิตสานึก ของการเป็นนักพัฒนาหรอื ผ้ทู าความสะอาดดว้ ยตนเอง 2) สะดวก (SEITON) อ่านออกเสียงว่า “เซตง” คือ การวางของในท่ีท่ีควรอยู่ด้วย วธิ ที าใหเ้ ปน็ ระเบียบเป็นการโดยจดั วางสง่ิ ของท่ีต้องการใหเ้ ปน็ ระเบียบ มีระบบ สะดวกในการหยิบใช้ มวี ัตถุประสงค์ คือสร้างจิตสานกึ ของการเปน็ วิศวกรหรือนกั วางระบบงาน 3) สะอาด (SEISO) อ่านออกเสียงว่า “เซโซ” เป็นการทาความสะอาด ด้วยวิธีการ ตรวจสอบทาความสะอาดเคร่ืองจักรอุปกรณ์และสถานที่ทางาน อยู่เสมอเพ่ือขจัดข้อบกพร่องหรือสิ่ง สกปรกต่าง โดยการสร้างจิตสานกึ ของการเป็นนายชา่ งหรือวศิ วกรบารุงรักษาปอู งกนั 4) สุขลักษณะ (SEIKETSU) อ่านออกเสียงว่า “เซเคทซึ” รักษาความสะอาด ด้วย วธิ กี ารดูแลสถานที่ทางานให้สะอาด ปลอดภัย ตอ่ สุขภาพอนามยั สรา้ งจติ สานกึ เร่ืองความปลอดภัย 5) สร้างนิสยั (SHITSUKE) อา่ นออกเสยี งว่า “ซิทซึเคะ” ฝึกเป็นนิสัยด้วยการสร้าง สังคมท่ีมีวินัยและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดสร้างจิตสานึกความเป็นคนท่ีมีระเบียบและฝึก ปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์จนเปน็ นิสยั เปาู หมายของกิจกรรม 5 ส คือ การสร้างนิสัย สร้างสภาพแวดล้อมการทางานท่ีดี โดย ถือว่าเป็นสว่ นหน่งึ ของงานประจา มิใชเ่ ป็นการเพมิ่ งานซ่งึ เปน็ การควบคุมโดยนาเอาหลักการวงจรการ บรหิ ารด้านการจัดการเขา้ มาประยุกตก์ บั กฎการควบคมุ คุณภาพท่ีเรยี กวา่ วงจรเดมมิ่งซ่ึงเป็นการสร้าง ประสิทธภิ าพและประสิทธิผลในการดาเนินงาน 9.6.2 การผลิตแบบลีน (Lean Production) ประจวบ กล่อมจิตร (2557) Verma & Boyer (2008) Russell & Taylor (2011) Morgan, et. al. (2011) มีแนวคิดเป็นไปในทิศทางเดียวกันกล่าวโดยสรุปได้ว่าด้วยเร่ืองของการผลิต แบบลีนไว้ว่ามีท่ีมาจากการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งพัฒนามาจากระบบการผลิตแบบโตโยต้า (Toyota Production System : TPS) วิธีการ คือ ผลิตส่ิงท่ีต้องการ ในเวลาที่ต้องการและผลิตตาม จานวนที่ต้องการ จึงไม่มีของเสียและสามารถบริหารความสูญเปล่าในการผลิตลงได้หลักการน้ีจึงมี ความสอดคล้องกับหลักการบริหารการผลิตและดาเนินงานเพราะในด้านการปฏิบัติแล้วทุกส่วนงาน ต่างมุ่งหมายที่จะลดการใช้ทรัพยากรและเวลาท้ังหมดท่ีมีให้น้อยที่สุด แต่ยังคงรักษาระดับสินค้าคง คลังให้น้อยท่ีสุด โดยแสดงข้อสรุปความสูญเปล่าท่ีเรียกว่า ความสูญเสียท้ังเจ็ดประการกับอาการ ได้แก่ ประการแรก ความสูญเสียท่ีเกิดจาการผลิตมากเกินไป อาการท่ีพบเช่น สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสูง แสดงว่าอาจมีปัญหามาจากการนาระบบอัตโนมัติมาใช้ผิดวิธี หรืออาจมี ความซับซอ้ นของผลิตภัณฑ์จนเกินไป ประการที่สองความสูญเปล่าท่ีเกิดจากการรอคอยทรัพยากรใน การทางานอาการท่พี บ เชน่ มกี ารเพิม่ การลงทนุ แต่อุปกรณ์กลับไม่ได้ใช้งาน อาจมีสาเหตุมาจากภาระ งานไม่เกิดความสมดุล หรือแผนการซ่อมบารุงไม่ได้เป็นไปตามแผนซึ่งผู้ศึกษาจะได้ทราบรายละเอียด ในบทท่ี 10 ต่อไป ประการท่ีสาม ความสูญเสียที่เกิดจากการเคล่ือนย้ายที่ไม่จาเป็นสังเกตอาการได้ จากพนักงานระดับปฏิบัติงานมีมากเกินไปอาจมีสาเหตุมาจากการวางแผนบริหารการผลิตไม่มี

234 ประสิทธิภาพ ประการสี่ความสูญเสียที่เกิดการกระบวนการที่ไร้ประสิทธิภาพอาการท่ีพบ เช่น ระยะเวลาการส่งที่ยาวนานเกินไป อาจมีสาเหตุมาจากขาดการประสานงานที่ดีก็ได้ ประการท่ีห้า ความสูญเสียจาการมีสินค้าคงคลังมากเกินไปอาการท่ีพบมักเป็นการทางานท่ีซ้าซ้อนและซุกซ่อน ปญั หาอาจมาจากสาเหตทุ ี่การผลิตมีคุณภาพต่า ประการท่ีหกความสูญเสียที่เกิดจากการเคล่ือนไหวที่ ไม่จาเป็นอาการท่ีพบเห็นในฝุายโรงงาน เช่น การรอคน รอเคร่ืองจักร เนื่องมาจากการออกแบบและ วางระบบเครือ่ งจกั รดอ้ ยประสิทธภิ าพ และประการทีเ่ จ็ดความสูญเสียท่ีเกิดจากการผลิตของเสีย อาจ พบอาการเม่ือสายเช่นลูกค้าส่งสินค้ากลับคืน อาจมีสาเหตุมาจากมิได้มีการบารุงรักษาตามแผนท่ีวาง ไว้ จากปัญหาและอาการท่ีพบส่งผลให้ก่อกาเนิดเทคนิคและเครื่องมือมากมายโดยปรียาวดี ผลเอนก (2558 : 59-61) นาเสนอเทคนิคที่ใชใ้ นระบบลนี พอสรปุ ได้ดังน้ี 1) การผลิตแบบดึง (Pull Production) เปน็ ระบบท่ใี ชค้ วามต้องการของลกู คา้ เปน็ ตวั ผลกั ดันวธิ นี ้ีมคี วามแน่นอนเพราะการวางแผนการผลติ จะยึดคาสั่งซอื้ จากลูกคา้ เปน็ สาคญั 2) ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just in time) เป็นการออกแบบระบบ การจดั การคลงั สนิ ค้าโดยการจัดซ้อื หรอื ผลติ ในส่ิงที่ลูกค้าต้องการด้วยจานวนที่ถูกต้องตลอดจนเมื่อส่ง มอบจะต้องทันเวลาทกุ ครัง้ ไปซ่งึ ผูเ้ รยี นได้ศึกษาแล้วในบทที่ 7 การบริหารสนิ คา้ คงคลงั 3) กลยุทธ์การผลิตเป็นชุดขนาดเล็ก (Small Batch Size)เป็นวิธีการผลิตสินค้า ในปริมาณที่น้อยท่ีสุดเท่าที่จะผลิตได้ สาหรับคาว่า Batch นั้นหมายถึงจานวนของสินค้าที่ถูกผลิต ขึ้นมา ความได้เปรียบของการผลิตชุดสินค้าขนาดเล็กคือความสามารถในการลดจานวนสินค้าคงคลัง ไดม้ ากกวา่ การผลติ แบบขนาดใหญ่ 4) กลยุทธ์การรกั ษาความสัมพันธก์ บั ผ้ปู อ้ นปจั จยั การผลิต (Supplier Relationship Management) การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ปูอนปัจจัยการผลิตไว้หลายราย ย่อมส่งผลให้สถานประกอบการมีวัตถุดิบไม่ขาดมือและมีทรัพยากรนาเข้าในกระบวนการผลิตอย่าง ต่อเนือ่ ง 5) การควบคุมทางสถิติ (Statistical Quality Control) เป็นเครื่องมือท่ีใช้ช่วย ในการวิเคราะห์ความสามารถในการผลิตให้มีประสิทธิภาพและท้ายที่สุดจะส่งผลต่อความเช่ือม่ันของ ลูกค้าตามตัวอย่างที่ศึกษามาในหัวขอ้ 9.6 เรื่องเครือ่ งมือที่ใช้การควบคุมคุณภาพ 6) การควบคุมคณุ ภาพดว้ ยสายตา (Visual Control) สาหรับวิธีนใี้ ช้สาหรับ การวัด กระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียวซึ่งหลักการควบคุมคุณภาพทางสถิติก็ใช้วัดกระบวนการผลิต เพียงอย่างเดียว เปูาหมายของวิธีการควบคุมคุณภาพด้วยสายตาใช้หลักการมองเห็นได้ชัดเจนและ นาเสนอข้อมลู ได้อย่างต่อเนอื่ ง 7) ระบบป้องกันข้อผิดพลาด (Poka-Yoke) เป็นกลไกปูองการปฏิบตั ิไม่ใหเ้ กิด ความผิดพลาดและปูองกันมิใหส้ ินค้าขาดตกบกพร่องคือไดค้ รบตามจานวน 8) คณุ ภาพ ณ แหล่งผลิต (Quality at the source) หากใชร้ ะบบลีนแล้วตอ้ งได้ คุณภาพระดับสูงจะไม่มีการผลติ สนิ คา้ คงคลังไวเ้ ผอื่ ขายและไมม่ ีการปฏิเสธการรับสินค้า 9) คัมบัง (Kumban) เป็นการ์ดทบ่ี รรจุข้อมูลท้ังหมดเกยี่ วกับงานการผลติ สินค้า แต่ละสายการผลิต แต่ละเส้นทาง การ์ดเหลา่ นี้จะใช้ควบคมุ งานระหว่างทา

235 10)การควบคมุ ตัวเองโดยอัตโนมัติ (Jidoka) คาน้ีมีความหมายว่าการหยุดเครื่อง จักรอัตโนมัติด้วยฝีมือมนุษย์วิธีนี้จะเป็นการปูองกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในสายการผลิตหรือ อาจจะเกิดข้ึนกบั เครอ่ื งจกั รหากมีการค้นพบชน้ิ ส่วนทบี่ กพร่อง 11) ไคเซน (Kaizen) เป็นกระบวนการปรับปรงุ อย่างตอ่ เนือ่ งในการผลติ สินคา้ และบริการอยู่บนพ้ืนฐานความคาดหวังจากลูกค้า ไคเซนเน้นการสร้างคุณภาพการผลิตมากกว่า การตรวจสอบสินคา้ ระบบไคเซนคล้ายกันกับ 5 ส. แตเ่ พ่ิมเรอ่ื งการกาจดั ความสูญเปลา่ เข้าไปสามเรื่อง เรื่องเรียกวา่ 3MUs เรื่องแรก Muda หมายถึง ความสญู เปล่า Mura หมายถึงความไม่สม่าเสมอ Muri หมายถงึ สภาวะทเี่ กนิ กาลัง 12) ผังสายธารแห่งคุณค่า (VSM : Value Stream Mapping) เป็นเคร่ืองมือที่ ระบุอัตราส่วนร้อยละของเวลานาส่งท้ังหมดเพื่อเพ่ิมคุณค่า โดยวิธีน้ีช่วยให้ทุกฝุายที่เกี่ยวข้องยอมรับ ในขอ้ บกพรอ่ งและงานทผี่ ิดพลาดสญู เปล่า 13) การบารงุ รกั ษาแบบทวผี ลทที่ กุ คนมสี ่วนร่วม (TPM : Total Productive Maintenance) หากสถานประกอบการนาระบบลีนมาใช้แล้วการหยุดเดินเคร่ืองถือเป็นข้อผิดพลาด ดังนนั้ ความเช่ือถือไดข้ องเครือ่ งจกั รยอ่ มขนึ้ อยูก่ ับงานวางแผนการซอ่ มบารุงเคร่ืองจักรซ่ึงจะได้เรียนใน บทที่ 10การบารงุ รกั ษาและความปลอดภยั ในสถานประกอบการ 14) กลุ่มเทคโนโลยีและการผลิตแบบเซลลูล่าร์ (Group Technology and Cellular Manufacturing) วิธีการนี้ผู้เรียนศึกษาแล้วในบทที่ 3 การวางผังของสถานประกอบการ ซึ่งสรุปลักษณะของวิธีนี้ได้ว่าเป็นการรวบรวมอุปกรณ์ท้ังหมดไว้ในสถานที่เดียวกันโดยมีทักษะ การทางานท่ีจาเปน็ เพ่ือเตมิ เต็มการผลิตสินค้าที่อยูใ่ นสายผลิตภณั ฑ์เดยี วกันใหเ้ กิดความสมบรู ณ์ 15) การทางานให้เข้าใจง่ายข้ึน (Simplification)และการทางานใหเ้ ป็นมาตรฐาน (Standardization) คือการลดระยะเวลานาสง่ และความผันแปรของกระบวนการให้เข้าใจง่ายกาจัด กิจกรรมที่ไม่มีคุณค่าออกไปกาหนดการทางานด้วยเอกสารที่พนักงานระดับปฏิบัติการสามารถ ดาเนินงานเปน็ ไปในรูปแบบเดยี วกันได้ตลอดเวลา 9.6.3 ซิกซ์ซกิ มา่ (Six Sigma) Ramasamy (2009) กลา่ วโดยสรุปวา่ ซกิ ซซ์ กิ ม่าเปน็ ระบบควบคุมคุณภาพที่นาเอา เคร่ืองมือและเทคนิคทางสถิติเข้ามาใช้ร่วมด้วยโดยเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ด้วยการใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงมุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าแท้ที่จริงต้นกาเนิดของระบบน้ีม าจาก บรษิ ัทโมโตโรล่าในประเทศญ่ีปุนศกึ ษาความสัมพนั ธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์กับความน่าเช่ือถือโดผลิตภัณฑ์ ท่ีมีข้อบกพร่องจะได้รับการแก้ไขในระหว่างกระบวนการผลิตส่งผลให้สินค้าด้อยคุณภาพส่งถึงมือ ผูผ้ ลติ น้อยลง Ramasamy (2009) และ Verma & Boyer (2008) มแี นวคิดสอดคล้องกนั ในเรื่อง กรอบแนวคิดของซิกซ์ ซิกม่า สรุปได้ 6 ประการดงั นี้ 1) มุ่งเนน้ ความต้องการและความพึงพอใจของลกู คา้ อย่างแทจ้ ริง 2) ผปู้ ระกอบการควรบรหิ ารข้อมูลดว้ ยข้อเท็จจรงิ เปน็ สาคญั จงึ มุ่งประเดน็ ไปที่

236 การเก็บขอ้ มลู ข้อเรียกร้องภายในด้วย 3) มีหน่วยวิเคราะหภ์ ายในท่ชี ่วยบรหิ ารขอ้ มลู เพ่ือปรบั ปรงุ คณุ ภาพและเพ่ิม ประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติ 4) เน้นความต้องการในรปู แบบการบรหิ ารเชิงรกุ แทนท่จี ะรอคอยใหป้ ญั หา เกดิ แล้วแก้ไขภายหลัง 5) ใช้วิธกี ารทางานแบบประสานงานเชิงรุกร่วมแรงร่วมใจระหวา่ งพนักงานทุก แผนกอาจใช้วธิ ที างานข้ามสายงานเพื่อลดอุปสรรคของลาดับชัน้ งานท่ีแตกตา่ งกัน 6) วิธนี ้ีมุง่ เน้นความสมบูรณ์แบบจึงต้องใช้คา่ ทางสถิติมาวดั ค่าของเสยี ที่ เกิดข้ึนสาหรบั เอกสารประกอบการสอนนีจ้ ะไมข่ อนาเสนอการคานวณ 9.6.4 ตน้ ทุนคณุ ภาพ (Cost of Quality : COQ) ปรียาวดี ผลเอนก (2558) กล่าวถึงต้นทุนด้านคุณภาพ (Cost of Quality : COQ) เป็นวิธีการที่ช่วยให้องค์กรสามารถกาหนดขอบเขตของทรัพยากร สาหรับกิจกรรมปูองกันการผลิต ผลิตภัณฑ์ทีมีคุณภาพต่า กิจกรรมประเมินคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการของสถานประกอบการ และเป็นผลมาจากความล้มเหลวภายในและภายนอก การมีข้อมูลดังกล่าวช่วยให้สถานประกอบการ สามารถคานวณตน้ ทุนในกระบวนการไดถ้ ูกต้องมายงิ่ ขึน้ ต้นทนุ คุณภาพ หรอื COQ สามารถแบ่งออกเปน็ 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ต้นทุนการปูองกัน (Prevention Costs) เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ ได้รับการกาหนดมาเป็นพิเศษเพื่อปูองกันไม่ให้สินค้ามีคุณภาพไม่ดี เช่น ต้นทุนจากการวิจัยตลาด ต้นทุนจากการติดต้ังเคร่ืองมืออุปกรณ์ ต้นทุนที่เกิดจากการตรวจสอบหรือประเมินผู้ปูอนปัจจัย การผลติ ตน้ ทุนจากการวางแผนคุณภาพ การคดั เลือกพนักงานใหม่ ฯลฯ 2) ต้นทุนการประเมิน (Appraisal Costs) เป็นต้นทุนท่ีเก่ียวข้องกับกิจกรรมที่ กาหนดมาเพ่ือวัด ตรวจสอบและประเมินผลิตภัณฑ์เพ่ือรับรองความสอดคล้องกับข้อกาหนดด้าน คุณภาพ ตัวอย่างของต้นทุนประเภทน้ี ได้แก่ ต้นทุนจากการตรวจสอบ การตรวจสอบผู้ปูอนปัจจัย การผลิต การทดสอบในกระบวนการ การทดลองในห้องปฏิบัติการ ค่าตรวจสอบเครื่องมืออุปกรณ์ การตรวจสอบสนิ ค้าที่ผลิตเสร็จแลว้ ฯลฯ 3) ต้นทุนความล้มเหลวภายใน (Internal Failure Cost) เป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายท่ี เกดิ ข้ึนเมอ่ื ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถปฏิบัติตามขอ้ กาหนดดา้ นคุณภาพกอ่ นจัดส่งให้กับลูกค้า เช่น ต้นทุนท่ี เกิดจากการเปลี่ยนเคร่ืองมือใหม่ ต้นทุนท่ีเกิดจากการปรับเปลี่ยนงานใหม่เน่ืองจากมีการออกแบบ ใหม่ๆ ตน้ ทุนท่ีสูญเสียเน่ืองจากการหยุดทางาน ต้นทุนท่เี กิดจากการเปลี่ยนคนงาน ฯลฯ 4) ต้นทุนความล้มเหลวภายนอก (External Failure Cost) เป็นต้นทุนหรือ คา่ ใชจ้ ่ายที่เกิดขึน้ เม่อื ผลติ ภัณฑไ์ มส่ อดคลอ้ งกบั ขอ้ กาหนดด้านคุณภาพหลังจากส่งไปยังลูกค้า ต้นทุน ประเภทน้ี ท่ีพบบ่อยๆ เช่น ต้นทุนท่ีเกิดจากการเรียกร้องการจ่ายเงินค่าประกันสินค้าของลูกค้า

237 ต้นทุนจากการซ่อมสินค้าหลังการขายรวมถึงค่าใช้จ่ายของทีมบริการ ต้นทุนท่ีเกิดจากการซ่อมแซม สนิ ค้าทส่ี ง่ มอบใหล้ ูกคา้ ฯลฯ ตน้ ทุนคุณภาพท้ัง 4 ประเภท ข้างตน้ หากจัดกล่มุ แลว้ สามารถจดั ได้เปน็ 2 กลุ่มใหญ่ๆ คอื กลุ่มแรก กลุ่มทีเ่ ปน็ ต้นทุนที่มีคุณภาพ (Cost of Good Quality) ซง่ึ ได้แก่ ตน้ ทนุ การปอู งกัน และตน้ ทุนการประเมนิ กับกลุ่มสอง กลุม่ ที่เปน็ ตน้ ทนุ คณุ ภาพตา่ (Cost of Poor Quality) ซึ่งไดแ้ ก่ ตน้ ทุนความลม้ เหลวภายใน และภายนอก 9.6.5 องค์กรระหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization : ISO) สานักงานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม (2559) สรุปไว้ว่า สาหรับประเทศไทยก็ให้ ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง ก า ร ค ว บ คุ ม คุ ณ ภ า พ ผ ล ผ ลิ ต โ ด ย รั ฐ บ า ล ไ ด้ จั ด ตั้ ง ส า นั ก ง า น ม า ต ร ฐ า น ผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติท่ีจัดตั้งขึ้น ตามพระราชบญั ญตั มิ าตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม พ.ศ.2511 มีหนา้ ทด่ี าเนนิ งานดา้ นมาตรฐานของ ประเทศเพื่อความปลอดภัยและเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังมีหน้าท่ีส่งเสริมอุตสาหกรรมเพ่ือสนอง นโยบายของรัฐบาลตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ละสงั คมแห่งชาติ อีกด้วยในปี พ.ศ.2534 ประเทศไทยได้ นาระบบมาตรฐาน ISO 9000 เข้ามาใช้ในประเทศโดยสานักงานมาตรฐานผลผลิตอุตสาหกรรม ได้ ดาเนินการให้มีการประกาศใช้เป็นมาตรฐาน อนุกรมมาตรฐาน มอก.9000 เป็นมาตรฐาน ระดับชาติ เพ่ือให้บริษัท หรือผู้ส่งมอบ และผู้ซ้ือ นาไปใช้มีสาระสาคัญ มีเนื้อหาและรูปแบบ เชน่ เดียวกบั อนุกรมมาตรฐาน ISO 9000 ขององคม์ าตรฐานระหวา่ งประเทศทุกประการ สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมว่าได้ดาเนินงานด้านการรับรองเพ่ือ เป็น การตอบสนองตอ่ นโยบายของรัฐบาล ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยแบ่งการรับรอง เป็น 3 ส่วน สาหรับส่วนแรก ได้แก่ การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรม (Product Certification) โดยการอนุญาตให้แสดงเคร่ืองหมายกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนท่ีสอง ได้แก่ การรองรับขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการ (Laboratory Accreditation) โดย การดาเนินการรับรองห้องปฏิบัติการ ตามหลักเกณฑ์เช่นเดียวกันกับมาตรฐานของต่างประเทศหรือ ระหว่างประเทศ ส่วนทส่ี าม ไดแ้ กก่ ารรับรองระดับคุณภาพ (Quality System Certification) องค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน หรือ International Organization for Standardization หรือเรียกย่อ ๆ ว่า มาตรฐานสากล ISO 9000 มาตรฐานชุดน้ีมีทั้งหมด 5 ฉบับคือ 9000 9001 9002 9003 และ 9004 ระบบคุณภาพ ISO 9000 เน้นในการจัดทาเอกสารระบบ คุณภาพเพราะถือว่าเอกสาร มีไวเ้ พ่อื เปน็ ข้อตกลงให้ทุกคนที่อยู่ในระบบมีความเข้าใจในการปฏิบัติงาน จึงต้องมีการจัดเก็บ การติดตามวิเคราะห์รายงาน การกาหนดหน้าท่ีในการตรวจรับ และติดตามให้มี การปฏิบัติตามที่ได้เห็นชอบไว้ ท้ังนี้ผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะระดับสูงจะต้องเข้าใจบทบาทและ หน้าที่ของตนเองในการกาหนดนโยบายคุณภาพโดยเฉพาะ ISO 9000 เน้นที่การจัดต้ังหน่วยงาน ตรวจสอบ (Audit) ซง่ึ เป็นการตรวจสอบภายในเพ่ือติดตามผลการดาเนินงานให้แน่ใจว่าระบบคุณภาพ

238 ท่ีวางไวไ้ ดถ้ กู นาไปปฏบิ ตั ิอยา่ งถกู ตอ้ งและตรงตามเปูาหมายทกี่ าหนดไว้ เพ่ือนาผลที่ได้จากการติดตาม ไปให้ผู้ทถ่ี กู ตดิ ตามได้แกไ้ ขและปรบั ปรงุ ให้ดีย่ิงขึ้นวัตถุประสงคส์ าคัญของ ISO มีดงั นี้ 1) เพื่อให้ลกู ค้ามคี วามม่นั ใจในคุณภาพของสินค้าและการบริการที่จะได้รบั 2) เพ่ือให้มีระบบบรหิ ารงานท่เี ปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษรและเกิดประสทิ ธิผล 3) เพอ่ื สามารถควบคุมกระบวนการดาเนินธรุ กจิ ไดค้ รบวงจรต้งั แต่ตน้ จนจบ 4) เพอ่ื ปรบั ปรุงและพัฒนาระบบการปฏบิ ัติงานใหเ้ กิดประสิทธผิ ลย่ิงขึน้ 5) เพ่ือชว่ ยลดความสญู เสียจากการดาเนินงาน สาหรับประโยชน์จากการนาระบบคุณภาพ ISO 9000 มาใช้ช่วยให้เกิดการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาองค์การ โดยเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารภายในองค์การ ช่วย ทาให้ค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการผลิต ตลอดจนความสูญเสียต่าง ๆ ที่อาจเกิดข้ึน สร้างจิตสานึกใน การทางานให้กับพนักงาน มีการทางานท่ีมีระบบ มีแนวปฏิบัติท่ีชัดเจน ช่วยให้เกิดการควบคุมและ ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และที่สาคัญคือ เพิ่มผลผลิตและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่สถานประกอบการ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมี ISO 14000 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ผู้เรียน สามารถสบื คน้ พัฒนาการของ ISO ซึง่ มีการปรับปรงุ อยา่ งตอ่ เนื่อง 9.6.6 การเลือกผปู้ อ้ นปจั จัยการผลติ ผู้ปูอนปัจจัยการผลิต หรือเรียกว่า ซัพพลายเออร์ คือ ผู้ทาหน้าท่ีจัดหาสินค้าหรือ บริการให้กับธุรกิจอื่น ในปัจจุบันงานบริหารการผลิตส่วนใหญ่ จะใช้บริการจากผู้รับเหมาช่วง หรือท่ี เรียกว่า “Outsourced” ซ่ึงก็ถือว่าเป็นผู้ปูอนปัจจัยของสถานประกอบการแห่งเดียวกัน ดังน้ันปัจจัย ประการหนง่ึ ท่จี ะทาให้สถานประกอบการที่ทาธุรกิจประสบความสาเร็จ คือ ความสามารถในการค้นหา ผู้ปูอนปัจจยั การผลิตให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนั้นได้ถูกกว่าและมีคุณภาพท่ีดีกว่าอันจะนาไปสู่การเพิ่ม ผลกาไรของธุรกิจ ข้ันตอนโดยส่วนใหญ่จะเร่ิมตั้งแต่กระบวนการจัดซ้ือ (Procurement) การผลิต (Manufacturing) การจัดเก็บ (Storage) เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) การจัด จาหน่ายสินค้า (Distribution) และการขนส่ง (Transportation) การเลือกผู้ปูอนปัจจัยการผลิตให้กับสถานประกอบการจึงเป็นกิจกรรมสาคัญ อย่างหนง่ึ ซง่ึ ในเรื่องนี้ Ramasamy (2009 : 9) ได้ให้แนวคิดเก่ียวกับเรื่องนี้ไว้ว่าสถานประกอบการควร จะใช้วิธีการคัดเลือกผู้ปูอนปัจจัยการผลิตได้ถูกต้องและมีความอย่างย่ังยืนน้ันกิจกรรมที่สาคัญ คือ การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ปูอนปัจจัยการผลิตโดยเร่ิมจากการแต่งต้ังทีมงานเพื่อดาเนินการกาหนด คุณภาพของผู้ปูอนปัจจัยการผลิตข้ึนมาโดยเฉพาะ หากรายใดได้รับมาตรฐาน ISO 9000 หรือได้รับ มาตรฐานดาเนินงานท่ีใกล้เคียงกันก็จะเป็นการง่ายในการดาเนินงาน เน่ืองจากผู้ปูอนปัจจัยการผลิต เหล่านี้มีความคุ้นเคยกับระบบการดาเนินงานที่มีคุณภาพอยู่แล้ว ผู้ปูอนปัจจัยการผลิตที่จะได้รับการ คัดเลือกต้องมีระบบด้านเทคโนโลยีที่เกื้อหนุนกาลังการผลิตและต้องมีควา มสามารถในการส่งมอบ สินค้าได้ตรงตามตารางการผลิตท่ีกาหนดไวด้ ้วย ปรียาวดี ผลเอนก (2558 : 181) ยังกล่าวว่านอกจากการเลือกผู้ปูอนปัจจัยการผลิต แล้วจะต้องมีกิจกรรมการประเมินผู้ปูอนปัจจัยการผลิตด้วย โดยผู้ปูอนปัจจัยการผลิตจะได้รับ

239 การประเมินอย่างต่อเน่ืองบนพื้นฐานของประสิทธิภาพการส่งมอบซึ่งหัวข้อที่นามาประเมิน ได้แก่ คุณภาพ ราคา การส่งมอบและการบริการการประเมินผู้ปูอนปัจจัยการผลิตนั้น สถานประกอบการ ควรจะทาการติดต่อประสานงานและดาเนินการอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนการทางานที่ชัดเจนและเม่ือมี การประเมนิ เสร็จแล้วกต็ อ้ งแจ้งผลการประเมินใหผ้ ้ปู อู นปจั จัยการผลิตทราบด้วย 9.6.7 หลกั เกณฑ์วธิ กี ารที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice : GMP) พมิ พ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์และนิธิดา รัตนปานนท์ (2560) กล่าวสรุปเรื่องคาว่า GMP มี คาเต็มว่า Good Manufacturing Practice หมายถึง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร เป็น เกณฑ์หรือข้อกาหนดขั้นพ้ืนฐานที่จาเป็นในการผลิตและควบคุมเพ่ือให้ผู้ผลิตปฏิบัติตาม และทาให้ สามารถผลิตอาหารได้อยา่ งปลอดภัย โดยเน้นการปอู งกันและขจดั ความเสยี่ งที่อาจจะทาให้อาหารเป็น พษิ เป็นอันตราย หรอื เกดิ ความไม่ปลอดภัยแก่ผู้บรโิ ภค สาหรับ GMP น้ันเป็นระบบประกันคุณภาพที่ มีการปฏิบัติและพิสูจน์จากกลุ่มนักวิชาการด้านอาหารท่ัวโลกแล้วว่าสามารถทาให้อาหารเกิด ความปลอดภัย เป็นที่เชื่อถือยอมรับจากผู้บริโภค โดยอาศัยหลายปัจจัยที่เช่ือมโยงสัมพันธ์กัน ดังนั้น หากย่ิงสามารถปฏิบัติตามแนวทางท่ีกาหนดได้ท้ังหมด ก็จะทาให้อาหารมีคุณภาพมาตรฐานและมี ความปลอดภยั มากทส่ี ดุ ดังแสดงไวใ้ นแผนภาพท่ี 9.1 ภาพที่ 9.1 กระบวนการผลิตที่เป็นไปตามหลกั เกณฑว์ ธิ กี ารท่ดี ใี นการผลติ อาหาร ทมี่ า : เข้าถึงได้จาก http://www.foodnetworksolution.com [2560, พฤษภาคม 25] ระบบ GMP อาหารเข้ามาในประเทศและเป็นท่ีรู้จักครั้งแรกในปี 2529 สานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาได้นาระบบ GMP มาใช้พัฒนาสถานท่ีผลิตอาหารของประเทศเป็นคร้ัง แรก ในลกั ษณะส่งเสริมและ ยกระดบั มาตรฐานการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารแก่ ผู้ประกอบการแบบ สมัครใจ โดยสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ดาเนินการในเรื่องนี้เป็นขั้นตอนตามลาดับ ซ่ึง

240 การดาเนินการท้ังหมดเพื่อประเมินและกระตุ้นผู้ประกอบการให้มีความสนใจที่จะพัฒนาสถานท่ีผลิต เปน็ ระยะอย่างตอ่ เนอื่ ง และหลงั จากน้ันในปี 2535 เป็นต้นมา สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยกองควบคุมอาหารได้มีมาตรการให้การรับรองระบบ GMP (Certificate GMP) แก่ผู้ประกอบการ ในลักษณะสมคั รใจ ขอบเขตของ GMP จะครอบคลุมตัง้ แตส่ ถานทต่ี งั้ ของสถานประกอบการโครงสร้าง อาคาร ระบบการผลิตท่ีดี มีความปลอดภัย และมีคุณภาพ ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน นับตั้งแต่เร่ิมต้น วางแผนการผลิต ระบบควบคุมต้ังแต่วัตถุดิบระหว่างการผลิต ผลิตภัณฑ์สาเร็จรูป การจัดเก็บ การควบคุมคุณภาพ และการขนส่งจนถึงผู้บริโภค มีระบบบันทึกข้อมูล ตรวจสอบและติดตามผล คุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึง ระบบการจัดการที่ดีในเร่ืองสุขอนามัย (Sanitation และ Hygiene) ทั้งน้ี เพื่อใหผ้ ลติ ภณั ฑข์ นั้ สดุ ท้ายมคี ณุ ภาพและความปลอดภัย เป็นท่มี น่ั ใจเมือ่ ถึงมือผู้บริโภค และ GMP ยัง เป็นระบบประกันคุณภาพพื้นฐานก่อนท่ีจะพัฒนาไปสู่ระบบประกันคุณภาพอ่ืน ๆ ต่อไป เช่น HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) และ ISO 9000 อีกด้วย โดยทั่วไป GMP แบ่ง ออกเปน็ สองประเภท ดังนี้ 1) สุขลักษณะทั่วไปของ GMP (General GMP) ซึ่งเป็น หลักเกณฑ์ท่ีนาไปใช้ปฏิบัติ สาหรับอาหารทุกประเภท ซ่ึงประกอบไปด้วย สถานท่ีตั้งและอาคารผลิต เครื่องมือเครื่องจักรและ อุปกรณ์ในการผลิต การควบคุมกระบวนการผลิต การสุขาภิบาล การบารุงรักษาและการทา ความสะอาด และบุคลากรสุขลักษณะ เพ่ือให้ผู้ผลิตมีมาตรการปูองกันการปนเปื้อน อันตรายท้ัง ทางด้านจุลินทรี เคมี และกายภาพลงสู่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจมาจากสิ่งแวดล้อม ตัวอาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ การดาเนินงานในแต่ละขั้นตอนการผลิต รวมถึงการจัดการในด้านสุขอนามัยท้ังในส่วน ของความสะอาด การบารุงรักษา และผู้ปฏิบัติงาน GMP ท่ีเป็นกฎหมาย 2 ฉบับ คือ ประกาศ กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี 193) พ.ศ. 2543 และ (ฉบับท่ี 239) พ.ศ. 2544 เรื่อง วิธีการผลิต เคร่ืองมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร (GMP สุขลักษณะทั่วไป) และประกาศ กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 220) พ.ศ. 2544 เรื่อง น้าบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับท่ี 3) (GMP น้าบริโภค) มีผลบังคับใช้สาหรับผู้ผลิตอาหารรายใหม่ ต้ังแต่ วันท่ี 24 กรกฎาคม 2544 ส่วน รายเก่ามีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันท่ี 24 กรกฎาคม 2546 การกาหนด GMP ตามกฎหมายนี้ก็เพื่อให้มี มาตรฐานเทียบเท่ากับหลักการของสากลมากข้ึน โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐท่ีว่า อาหารท่ี ส่งออกและที่จาหน่ายภายในประเทศต้องมีคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยเท่ากัน ในแต่ละ ข้อกาหนดมีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือให้ผู้ผลิตมีมาตรการปูองกันการปนเปื้อน อันตรายท้ังทางด้าน จุลินทรีย์ เคมี และกายภาพลงสู่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจมาจากส่ิงแวดล้อม ตัวอาคาร เคร่ืองจักรอุปกรณ์ที่ ใช้ การดาเนินงานในแต่ละข้ันตอนการผลิต รวมถึงการจัดการในด้านสุขอนามัยท้ังในความสะอาด การบารงุ รักษา และผู้ปฏิบตั ิงาน 2) ลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ GMP (Specific GMP) ซ่ึงเป็นข้อกาหนดท่ีเพ่ิมเติม จาก GMP ทั่วไป เพื่อมุ่งเน้นในเรื่องความเสี่ยงและความปลอดภัยของแต่ละผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะ มากย่ิงข้ึนสาหรับ GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์น้ันสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้กาหนดให้น้า บริโภคเป็นผลิตภัณฑ์แรกท่ีผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตาม GMP เฉพาะ เน่ืองจากการผลิตมี กระบวนการที่ไม่ซับซ้อนและลงทุนไม่มาก จากการตรวจสอบจานวนผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต

241 จากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการรายย่อยมีการผลิตโดยไม่คานึงถึง ความปลอดภัยของผู้บริโภค ทาให้เกิดปัญหาการปนเปื้อนเช้ือจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งทาให้ ผลิตภัณฑ์ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงจาเป็นท่ีจะต้องมีมาตรการและหาวิธีการแก้ไขและปูองกันใน เรื่องน้ีอย่างจริงจังมากข้ึน ท้ังน้ีให้เน้นการควบคุมสถานที่และกระบวนการผลิต โดยใช้หลักการของ GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์เข้ามาเป็นหลักเกณฑ์บังคับทางกฎหมาย เพื่อให้ผู้ผลิตน้าบริโภคตระหนัก มี การควบคุม ตรวจสอบ และเห็นความสาคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของ ผลติ ภณั ฑ์ ดังแสดงไวใ้ นแผนภาพท่ี 9.2 ภาพท่ี 9.2 สญั ลักษณ์ของหลักเกณฑว์ ิธีการท่ดี ีในการผลติ อาหารประเภท GMP ทีม่ า : เข้าถงึ ได้จาก http://www.kannulin.com/article [2560, พฤษภาคม 25] 9.6.8 การวเิ คราะหอ์ ันตรายจุดควบคุมวกิ ฤต (HACCP) ปรียา วิบูรณ์เศรษฐ์และคณะ (2558) และสุมณฑา วัฒนสินธ์ุ (2545) กล่าวถึงเร่ือง การวิเคราะห์อันตรายจุดควบคุมวิกฤต เรียกอย่างย่อว่า HACCP มีชื่อเต็มว่า Hazard Analysis Critical Control Point หมายถึง การวิเคราะห์อันตราย จุดควบคุมวิกฤต เป็นแนวคิดเก่ียวกับ มาตรการ ปูองกันอันตรายท่ีอาจเกิดข้ึนในแต่ละข้ันตอนของการดาเนินกิจกรรมใด ๆ ถือเป็นอีกหนึ่ง เครื่องมือที่ถูกกาหนดข้ึนมาเพ่ือมาตรฐานของอุตส าหกรร มอาหารซ่ึงเป็นมาตรฐานการผลิ ตท่ีมี มาตรการปอู งกนั อนั ตราย ทผี่ ู้บรโิ ภคอาจได้รับจากการบริโภคอาหาร ระบบ HACCP จะไม่ครอบคลุม ถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์แต่เป็นระบบปูองกัน (Preventative System) ท่ีมุ่งเน้นการประเมิน และ วิเคราะห์อันตรายที่อาจปนเป้ือนในอาหาร (Food Hazard) ได้แก่ อันตรายทางชีวภาพ (Biological Hazard) จุลินทรีย์ก่อโรค (Pathogen) อันตรายทางเคมี (Chemical Hazard) และอันตรายทาง กายภาพ (Physical Hazard) การมีระบบตรวจติดตาม การแก้ไข และการทวนสอบวิธีการผลิตอัน อาจกอ่ ให้เกิดอนั ตรายแก่ผบู้ ริโภค โดยมีหลักการสาคัญ ดังนี้ 1) การวิเคราะห์อันตรายจากผลิตภัณฑ์ท่ีอาจมีต่อผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเปูาหมาย โดย การประเมนิ ความรนุ แรงและโอกาสท่ีจะเกิดอันตรายต่าง ๆ ในทุกขั้นตอนการผลิต จากน้ันจึงกาหนด วิธกี ารปูองกัน เพอ่ื ลดหรอื ขจดั อันตรายเหล่าน้นั 2) การกาหนดจุดควบคุมวิกฤต ในกระบวนการผลิตจุดควบคุมวิกฤต หมายถึง ตาแหน่งวิธีการ หรือข้ันตอนในกระบวนการผลิตซ่ึงหากสามารถควบคุม ให้อยู่ในค่า หรือลักษณะที่ กาหนดไวไ้ ด้แล้วจะทาให้มกี ารขจัดอันตรายหรอื ลดการเกดิ อันตรายจากผลิตภัณฑ์น้นั ได้

242 3) การกาหนดค่าวิกฤต ณ จุดควบคุมวิกฤต ค่าวิกฤตอาจเปน็ ค่าตัวเลข หรือลักษณะ เปูาหมาย ของคุณภาพ ด้านความปลอดภัยที่ต้องการของผลผลิต ณ จุดควบคุมวิกฤต ซ่ึงกาหนดข้ึน เป็นเกณฑส์ าหรบั การควบคมุ เพ่อื ใหแ้ น่ใจว่าจดุ ควบคุมวิกฤต อยภู่ ายใตก้ ารควบคุม 4) ทาการเฝูาระวัง โดยกาหนดข้ึน อย่างเป็นระบบมีแผนการตรวจสอบ หรือเฝูา สังเกตการณ์ และบันทึกข้อมูลเพ่ือให้เช่ือมั่นได้ว่า การปฏิบัติงาน ณ จุดควบคุมวิกฤตมีการควบคุม อยา่ งถกู ตอ้ ง 5) กาหนดมาตรการแก้ไข สาหรับข้อบกพร่องและใช้มาตรการนั้นทันที กรณีท่ี พบว่า จดุ ควบคมุ วิกฤตไม่อยูภ่ ายใต้ การควบคมุ ตามค่าวิกฤต ท่กี าหนดไว้ 6) ทบทวนประสิทธิภาพ ของระบบ HACCP ที่ใช้งานอยู่รวมท้ังใช้ผล การ วิเคราะห์ทดสอบทางห้องปฏิบัติการ เพ่ือพิจารณายืนยันว่าระบบระบบ HACCP ที่ใช้อยู่น้ันมี ประสทิ ธิภาพเพยี งพอ ทจี่ ะสร้างความเชอื่ มนั่ ในความปลอดภยั ของผลิตภัณฑไ์ ด้ 7) จัดทาระบบบันทึก และเก็บรักษาข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนการผลิตและ ผลติ ภัณฑ์อาหารแต่ละชนิดไวเ้ พ่ือเปน็ หลกั ฐาน ให้สามารถค้นได้เมือ่ จาเปน็ จากหลักการท้ังเจ็ดประการนี้ ทาใหต้ ้องมีการจัดทาวิธีปฏิบัติ ในรายละเอียดให้เหมาะสมกับ แตล่ ะกระบวนการผลติ สถานที่ ผลติ ภัณฑ์ผลิตเพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพในการปูองกันอันตราย อย่าง เต็มท่ี ดังแสดงไว้ในแผนภาพท่ี 9.3 ภาพท่ี 9.3 สัญลักษณ์การวิเคราะห์อันตราย จุดควบคมุ วกิ ฤตทเ่ี รยี กวา่ HACCP ที่มา : เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.kannulin.com /article [2560, พฤษภาคม 25] 9.6.9 การเปรยี บเทียบสู่ความเปน็ เลศิ (Benchmarking) สุวัฒน์ ศิรินิรันดร์ (2550) บุญดี บุญญากิจและกมลวรรณ ศิริพานิช (2548) และ Bendell, Boulter & Goodstadt (1998) กลา่ วถึงเรือ่ งการเปรียบเทียบสู่ความเป็นเลิศหรือที่เรียกว่า Benchmarking ไว้ว่าเป็นการการเปรียบเทียบกระบวนการทางธุรกิจและประสิทธิภาพของ ผปู้ ระกอบการกบั อุตสาหกรรมแบบเดยี วกนั หรือในอตุ สาหกรรมอ่ืนที่มีกระบวนการเดียวกัน สาหรับ แนวทางปฏิบัติที่เป็นกติกาสากลโดยมีตัวช้ีวัดด้านคุณภาพ ต้นทุนและเวลา เพื่อเปรียบเทียบ กระบวนการกับกับผลลัพธ์กับสถานประกอบการแห่งอ่ืนว่ามีกระบวนการทางธุรกิจอย่างไรที่สามารถ ทาให้บริษัทเหล่าน้ันประสบความสาเร็จ ในกระบวนการเปรียบเทียบทางธุรกิจแบบน้ีไม่ใช่ การเลียนแบบแตเ่ ป็นแนวปฏิบัตทิ ดี่ ีของสถานประกอบการอ่ืนมาปรับใช้เท่านั้นและการประยุกต์ใช้ที่ดี ควรจะช่วยประหยัดเวลาและลดการดาเนินงานแบบลองผิดลองถูก ทาให้ทราบถึงศักยภาพหรือขีด

243 ความสามารถท่แี ทจ้ รงิ และก่อใหเ้ กิดประสิทธิภาพในการทางานและเพม่ิ ศกั ยภาพในการแข่งขัน ดังน้ัน Benchmarking จึงเป็นแนวทางใดท่ีช่วยให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้การดาเนินงานได้ดีท่ีสุดน้ันทา อยา่ งไร จะไดน้ าแนวทางนั้นมาปรับปรุงผลการดาเนินงานของตนโดยเลือกสรรและนาวิธีปฏิบัติที่เป็น เลิศเหล่าน้ันไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการทางานของตนเองโดยสามารถการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ อันเกิดจากการเรียนรู้การใช้ และในที่สุดจะเกิดการพัฒนาให้สถานประกอบการแห่งน้ันมีเปูาหมายท่ี ตรงกับความเป็นจรงิ ได้ จนสามารถเพมิ่ ผลิตภาพได้ ดงั นัน้ การทผี่ ้ปู ระกอบการทราบถึงสมรรถนะของ ตนเองเมื่อเทยี บกับแห่งอ่ืน ย่อมเป็นการกระตุ้นให้พนักงานเกิดการปรับปรุงเปล่ียนแปลงตนเองไปใน ทศิ ทางท่ดี ขี นึ้ กอ่ ให้เกิดประโยชน์ในด้านการสรา้ งความพงึ พอใจจากลกู คา้ ช่วยลดลดต้นทุน ประหยัด ระยะเวลาในกระบวนการผลิต การลดของเสีย เพ่ิมประสิทธิภาพในการทางาน เกิดความรวดเร็วใน การส่งมอบ สาหรับขัน้ ตอนการทางานของ Benchmarking มีอยา่ งนอ้ ย 4 ขนั้ ตอน คอื 1) การสร้างความเข้าใจ (Understanding) เป็นการสร้างความเข้าใจในหลักการ วิธีการ และผลท่จี ะไดร้ ับขององคก์ รและบุคลากรรวมถึงผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสียท้งั หมด 2) การเป็นภาพสะท้อนและการแสดงบทบาท (Mirror and Function) ซ่ึงเป็น การสะทอ้ นภาพกระบวนการทงั้ กระบวนการหลกั และสนับสนุนของสถานประกอบการ ทาให้มองเห็น ภาพโครงสร้างองค์การภาพของกิจกรรมกระบวนการและข้อมูลภายใน ผังกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Mapping) การทางานและหน้าทค่ี วามรบั ผิดชอบในแต่ละบทบาท 3) ระยะเวลาและการวิเคราะห์กระบวนการ (Time and Analysis) เมื่อทราบ กระบวน การทางธรุ กิจและกิจกรรมที่เช่ือมต่อกันในกระบวนการแล้วการวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ที่ใช้ทั้งหมดในกิจกรรมทาให้สามารถสรุปได้ว่าจุดท่ีควรปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดีขึ้นนั้นอยู่ท่ีใดใน กระบวนการ 4) การปรับปรุง (Improvement) เปน็ การปรับปรุงสถานประกอบการด้วยการพัฒนา อย่างต่อเนื่อง โดยมองทป่ี ระเดน็ สาคญั คือ มองความสามารถที่โดดเด่นที่สถานประกอบการแห่งน้ันมี ความได้เปรียบทางการแข่งขัน และใช้ความสามารถนั้นด้วยกลวิธีใดจีงอยู่รอดได้อย่างย่ังยืนในระยะ ยาว และสงิ่ สาคัญที่สุดคอื สถานประกอบการของเราจะมีความเหนือกว่าอย่างไร หากคิดและปฏิบัติได้ ก็ถอื ว่าประสบความสาเร็จ 9.6.10 รางวัลคุณภาพ Malcolm ปรียาวดี ผลเอนก (2558 : 33) กล่าวว่า ในปี ค.ศ. 1982 ผลิตภาพในประเทศ สหรัฐอเมริกาลดน้อยลง จึงเกิดการสร้างวาระแห่งชาติทาการศึกษาเรื่องของผลิตภาพ ให้มีการมอบ รางวัลประจาปีให้กับบริษัทที่ประสบความสาเร็จท่ีท้าทายและบรรลุเปูาหมาย เรียกว่ารางวัลคุณภาพ Malcolm Baldrige (Malcolm Baldrige National Quality Award : MBNQA) ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมายเมื่อ ค.ศ. 1987 โดยจัดเป็นรางวัลให้สถานประกอบการที่มีความเป็นเลิศด้านธุรกิจโดย แบ่งเป็นเจ็ดหมวด ได้แก่ หมวดท่ีหนึ่งด้านความเป็นผู้นา ความมีคุณค่าและความคาดหวังท่ีชัดเจนมี ระบบการบริหารจัดการที่ดีมีความรับผิดชอบต่อสังคม หมวดที่สอง การวางแผนเชิงกลยุทธ์จะ ตรวจสอบว่ามีการกาหนดทศิ ทางกลยุทธ์อย่างไรและสอดคล้อง กับระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพ

244 หรือไม่ เพียงใด หมวดที่สามด้านความพึงพอใจของลูกค้าและคู่แข่งขันทางการตลาดหมวดที่สี่ ระบบ ข้อมูล การวิเคราะห์เพื่อการวางแผนการตัดสินใจและการจัดการความรู้ หมวดที่ห้า ด้านทรัพยากร มนุษย์ ตรวจสอบความสามารถของพนักงานมีการพัฒนาและใช้ป ระโยชน์เต็มที่ศักยภาพมี การประเมินผลปฏิบัติงานและการสร้างสภาพแวดล้อมในการทางาน หมวดท่ีหกการจัดกระบวน การออกแบบสินค้า การจัดสง่ การวิจัยและพัฒนา ส่วนหมวดท่ีเจ็ดศึกษาด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ มีการ ปรับปรงุ ปัจจยั หลักแหง่ ความสาเร็จของธรุ กจิ หรอื การสรา้ งความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันเหนือกว่า คู่แข่งขันได้หรอื ไมอ่ ย่างไร สาหรบั ประโยชน์ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาหรือการรบั รางวัล MBNQA มีดงั น้ี 1) เกิดการประเมนิ ธรุ กิจจากมุมมองภายนอกซง่ึ จะทาใหม้ ีความพยายาม พัฒนาปรับปรุงธุรกจิ อยา่ งต่อเนื่อง 2) ความร้ทู ีไ่ ดจ้ ากการประเมินผลและข้อมูลย้อนกลับช่วยให้เกิดแนวทางการพัฒนา สนิ คา้ เพอ่ื เพ่มิ ผลิตภาพโดยรวม 3) ช่วยทาให้สถานประกอบการรู้ถึงสถานภาพท่ีชัดเจนเกิดความเข้าใจและเลือกใช้ เครื่องมอื ทางการบริหารทเี่ หมาะสม 4) การมีส่วนร่วมช้ีนาให้ธุรกิจได้พบข้อมูลท่ีแลกเปลี่ยนมีเครือข่ายเช่ือมโยงและยัง ไดร้ ับคาแนะนาหรอื มีโอกาสใหม่ๆ ทางธรุ กจิ เกิดขนึ้ ได้ เป็นตน้ 9.6.11 การรือ้ ปรบั ระบบ (Re-engineering) จุฑา เทียนไทย (2543) กล่าวถึง Michael Hammer และ James Champy ว่าได้ เขียนหนังสือซึ่งเป็นผลงานท่ีมีชื่อเสียงโด่งดังไปท่ัว Reengineering The Corporation ในปี ค.ศ. 1993 เป็นเร่ืองเก่ียวกับการร้ือปรับระบบ หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Re-Engineering กล่าวคือ วงการธุรกิจในอเมริกา กาลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตที่ต้องแสวงหาวิธีการใหม่ ที่พลิกฟื้นสถานการณ์ โดยเร็วที่สุด ซ่ึงมีพลังผลักดันสามประการคือ ลูกค้า (Customer) การแข่งขัน (Competitions) และ การเปล่ียนแปลง (Change) ของสังคมและโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ (Globalization) เปูาหมายของ ผู้ประกอบการคือการใช้ตัวช้ีวัดผลการปฏิบัติงานท่ีทันสมัยและสาคัญที่สุดในส่ีด้าน คือ ต้นทุน คุณภาพ การบริการ และความเร็ว กล่าวไว้ว่า การรื้อปรับระบบ คือ การคิดพิจารณาใหม่ในหลักการ พน้ื ฐาน และการออกแบบใหมอ่ ยา่ ง ถอนรากถอนโคนในกระบวนการธุรกิจเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของ การปรบั ปรงุ ใหมอ่ ยสู่ ามประการ ประการแรกการใช้หลักการพ้นื ฐานในการพิจารณาเริ่มต้นใหม่โดยไม่ ยดึ ติดกบั กรอบความคิดเดิม (Paradigm Shift) ประการที่สอง มีการนากระบวนการในรูปแบบใหม่ ๆ มาใช้แทนของเดิมโดยเน้นท่ีการตอบสนองต่อกลยุทธ์หลัก (Corporate Strategy) เพ่ือให้เกิดความ ได้เปรียบในเชิงแขง่ ขนั และสามารถอยู่รอดได้ ประการที่สามการผสมผสานการปรับปรุงในระบบงาน ไม่ว่าจะเป็นการคิดใหม่ การปรับปรุงเครื่องมือใหม่หรือการออกแบบใหม่ โดยพิจารณาถึง กระบวนการที่มีปัญหามากท่ีสุด กระทบต่อลูกค้ามากท่ีสุดและมีความเป็นไปได้สูงสุดใน การปรบั เปลีย่ นใหมซ่ งึ่ ขั้นตอนในการรือ้ ปรับระบบสรปุ ได้ดังนี้

245 1) การคิดใหม่ (Rethink) เป็นเรื่องของการเริ่มต้นข้ันตอนของการรื้อปรับระบบ โดย การศึกษาสภาพทางกายภาพหรือโครงสร้างของกระบวนการทางานที่เป็นอยู่เดิม เพื่อให้ทราบว่า มีกจิ กรรมอะไร หรือมขี ้นั ตอนการดาเนินงานของกระบวนการนน้ั ๆ อย่างไร 2) การออกแบบใหม่ (Redesign) เป็นเรื่องของการพิจารณาและนาเสนอพื้นฐาน ความคิด สมมตุ ิฐานหรือกฎเกณฑใ์ หมท่ ่เี หมาะสม ทันสมยั และเปน็ ทีย่ อมรบั ร่วมกนั เสียก่อน 3) การจัดเคร่ืองมือใหม่ (Retool) เป็นเร่ืองที่เกิดข้ึนก็ต่อเม่ือการปรับแนวคิด สมมุติฐาน หรือกฎเกณฑ์ใหม่ รวมทั้งปรับกิจกรรมหรือข้ันตอนของกระบวนการดาเนินงานใหม่แล้ว ย่อมจาเป็นต้องมีการปรับปรุงเคร่ืองมือ อุปกรณ์ รวมท้ังวิธีการต่าง ๆ ในการดาเนินงานเพื่อให้ สอดคลอ้ งและรองรบั กับกระบวนการในการดาเนินงานตามที่ออกแบบใหมด่ ว้ ย 4) การจดั การอบรมใหม่ (Retrain) เป็นขน้ั ตอนของการจัดการอบรมหรือพัฒนา บุคลากร ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องท้ังหมดใหม่ เพ่ือถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจรวมทั้ง ทักษะและทัศนคติ ท่ีถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการดาเนินงานใหม่ซ่ึงรวมถึงการเผยแพร่ความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความเป็นมา เหตุผลความจาเป็นและประโยชนท์ จี่ ะได้รบั จากการรือ้ ปรับระบบ เนื่องจากการร้ือปรับระบบเป็นการยกเลิกวิธีการแบบเก่า ๆ โดยส้ินเชิงหรือ เรียกว่า อย่างถอนรากถอนโคน และเอาส่ิงใหม่เข้ามาจึงต้องให้ความสาคัญการมีส่วนร่วมของทุกคน ต้ังแต่ผู้นา (Leader) เจ้าของกระบวนการ (Process Owner) คณะทางานการร้ือปรับระบบ (Re- engineering Team) คณะกรรมการผลักดัน (Steering Committee) หัวเรือใหญ่ในการร้ือปรับ ระบบ (Re-engineering) ดงั น้นั ดว้ ยความรว่ มมือร่วมใจของทุกฝาุ ยจงึ จะทาให้สถานประกอบการผ่าน พน้ สถานการณ์ไปได้อยา่ งราบร่นื 9.6.12. การควบคุมคณุ ภาพโดยรวม (Total Quality Management : TQM) เศกสิน ศรีวัฒนานุกุลกิจ (2558) กล่าวถึงวิวัฒนาการของ TQM พัฒนามาจาก การควบคุมคุณภาพ (Quality Control : QC) ของสหรัฐอเมริกาที่มีปัญหาคุณภาพของอาวุธ ยุทโธปกรณใ์ นระหว่างสงครามโลกครัง้ ที่ 2 จึงทาการปรับปรุงและสร้างการควบคุมคุณภาพข้ึน ต่อมาได้ ขยายตัวมายังประเทศญี่ปุนโดยการเชิญ Dr. W. Edwards Deming ผู้เช่ียวชาญด้าน SQC มาให้ ความรู้ด้านคุณภาพในเบ้ืองต้นแต่เน้ือหาค่อนข้างซับซ้อนต่อแนวทางเชิงปฏิบัติจึงยังไม่มีการพัฒนา เท่าที่ควร ดังนั้นจึงเชิญ Dr. Joseph M. Juran มาให้ความรู้ด้านการบริหารคุณภาพ (Quality Management : QM) แต่ก็ยังไม่แพร่หลายเทา่ ทคี่ วรอกี เช่นเดียวกัน บริษัทบางแห่งในประเทศญ่ีปุนจึง ทาการพฒั นาโดยนาความรู้เหล่าน้ันมาจัดต้ังกลุ่มควบคุมคุณภาพ (Quality Control Circle : QCC) ซ่ึง เป็นพ้ืนฐานต่อการพัฒนาคุณภาพของประเทศญี่ปุนจนประสบความสาเร็จในปัจจุบัน และขยายภาพ ครอบคลุมคุณภาพทั้งองค์การในลักษณะของการควบคุมคุณภาพโดยรวม (Total Quality Circle : TQC) ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาซ่ึงเป็นต้นกาเนิดของ QC ก็มีการพัฒนาและสร้างแนวทางคุณภาพ ในลักษณะของการบรหิ ารคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management : TQM) ซึ่งท้ัง TQC และ TQM มีแนวคิดคล้ายคลึงกันเร่ืองความพึงพอใจของลูกค้าคือหัวใจของการทากาไรและ การเพิ่ม ยอดขายซ่ึงจะได้รับมาจากการควบคุมคุณภาพเพื่อให้สินค้าและบริการสามารถตอบสนองความ

246 ต้องการของลูกค้าได้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง ท้ังน้ี กลุ่มประเทศยุโรปก็มีการควบคุมคุณภาพ ในรูปของ ISO 9000 และประเทศไทยเริ่มมีการควบคุมคณุ ภาพต้ังแต่ดั้งเดิมในลักษณะของ 5 ส และ พัฒนาเป็น QC ท่ีใช้งานจริงในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2518 โดยพัฒนาใช้กับบริษัทผู้ผลิตในเครือของ ประเทศญี่ปุนเป็นจุดเร่ิมต้น ตัวอย่างของเทคนิคด้านคุณภาพ เช่น การใช้วงจรคุณภาพ (Quality Circle : QC) เช่นการรวมกลุ่มพนักงานระหว่าง 6 – 12 คน มาพบและประชุมหารือร่วมกันเป็น ประจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา หรืออาจจะใช้การมอบอานาจ (Empowerment) ซ่ึงเป็น การมอบหมายและให้อานาจแก่พนักงาน ผู้จัดหาปัจจัยการผลิต และลูกค้าให้เข้ามามีส่วนในกระบวนการ ตัดสนิ ใจ เพอ่ื การเสนอวธิ ีการทางานรปู แบบใหม่ ทาใหผ้ ู้บริหารมีการกระจายและแบ่งข้อมูลให้มากข้ึน ดีกวา่ เกบ็ ไว้เพียงผูเ้ ดียว หรอื แม่แต่ใช้การเปรียบเทียบสู่ความเป็นเลิศซึ่งเป็นการวัดความสามารถของ คู่แข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกัน และยังมีเทคนิคการจ้างงานจากแหล่งภายนอกเพราะในงาน บางอย่างสถานประกอบการไม่มีความชานาญมักจะใช้การจ้างจากภายนอกจะดีกว่า หรือจะใช้เป็น เทคนคิ การลดรอบระยะเวลา (Reduced Cycle Time) เช่น รอบของการขนสง่ สินคา้ ให้ลดลงแต่เพิ่ม ปริมาณสินค้าขึ้นอีกเล็กน้อยถือเป็นการลดต้นทุนการขนส่งหรือแม้แต่การลดข้ันตอนการทางานให้ใช้ เวลานอ้ ยลงจะมคี วามคุม้ ทนุ กว่าทจ่ี ะตอ้ งมาเสียเวลารอคอยงาน และหากงานคณุ ภาพทุกช้ินงานได้รับ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) เป็นการลงมือปฏิบัติการปรับปรุงทีละ น้อยตลอดเวลา ผลลพั ธโ์ ดยรวมจะทาใหส้ ถานประกอบการเกิดความได้เปรยี บในเชงิ แขง่ ขนั ได้ ณัฏฐพันธ์ เขจรนนั ท์และคณะ (2545) และประจวบ กล่อมจิตร (2557) กล่าวถึงการควบคุม คุณภาพโดยรวมไวส้ รปุ ได้ว่าการควบคุมคุณภาพโดยรวมเป็นระบบบริหารคุณภาพที่มุ่งให้ความสาคัญ กับสงู สุดต่อลูกคา้ ภายใต้ความรว่ มมอื ของพนกั งานทกุ คนให้พึงพอใจในงานของตนท่ีจะปรับปรุงพัฒนา งานอยา่ งต่อเนอื่ งในกจิ กรรมทุกด้านเม่ือพนักงานคนร่วมกันทางานด้วยความต้ังใจส่งผลให้เกิดการลด ต้นทุน สินคา้ ไดร้ บั การพฒั นาไปในระดับที่นา่ พอใจในท่ีสุดก็จะสามารถรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ได้ด้วยเพื่อสถานประกอบการแห่งนั้นมีความม่ังค่ังก็มีความพร้อมในการแสดงความรับผิดชอบต่อ สังคมและสง่ิ แวดลอ้ ม สรุปได้วา่ การควบคมุ คุภาพดว้ ยการทา TQM จะก่อใหเ้ กิดประโยชนด์ งั น้ี 1. เปน็ การนาทฤษฎวี งจร Deming หรอื ขัน้ ตอน PDCA ได้แก่ การวางแผน การปฏิบตั ิ การตรวจสอบและการปรับปรงุ มาใชใ้ นทางปฏิบัติ 2. ชว่ ยให้ผปู้ ระกอบการรบั รู้ปัญหาท่ีแทจ้ ริงจากลูกคา้ แล้วพฒั นาสินค้าจนเป็นท่ีพอใจ 3. ให้ความสาคัญกับระบบท่ีเรียบงา่ ยและไดผ้ ลลัพธ์เช่นการลดความสญู เสียในขนั้ ตอน ดาเนินงานตา่ ง ๆ 4. พนักงานมีความรู้สึกจงรักภักดีกับสถานประกอบการเกิดขวัญและกาลังในการปฏิบัติงาน เพราะไดม้ ีส่วนแสดงออกถงึ ความคิดเห็นและรว่ มมือกันเพื่อแก้ปัญหาและสรา้ งความอยูร่ อด 5. มุ่งหมายให้มีคาวา่ คุณภาพงานในทกุ มิติทัง้ ด้านการเงิน การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ งาน ดา้ นลกู ค้าสมั พันธ์ การสร้างความเจรญิ เติบโตจนสามารถสรา้ งความได้เปรียบทางการแข่งขันอันยั่งยืน ได้

247 บทสรุป คุณภาพ คือ เกินความคาดหมาย ผู้ประกอบการรายใดก็ตามผลิตสินค้าออกมาสู่ตลาดแล้ว สนิ คา้ น้ันเปน็ ที่ยอมรับ เชื่อม่ัน และซื้อซ้า จนเกิดความจงรักภักดีในที่สุด นั้นย่อมมองย้อนลึกลงไปถึง ความมปี ระสิทธิภาพการผลติ ด้วย ดังน้ันการเขา้ ใกลค้ วามคาดหมายคือการเข้าใกล้มาตรฐาน ถ้าสถาน ประกอบการทุกแห่งผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานข้ึนไป ย่อมสร้างความสามารถในการทากาไรได้ และ เม่ือทางานคุณภาพอย่างต่อเน่ือง จะเกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันเม่ือเทียบเคียงกับธุรกิจใน อุตสาหกรรมเดียวกัน ผู้บริหารการผลิตแต่ละแห่งจึงควรให้ความสาคัญและและสร้างคุณภาพในด้าน ต่างๆ ที่จะเพ่ือเป็นกลไกในการขบั เคลอื่ นระบบคุณภาพท่ดี ีข้ึนเรื่อยไปอย่างต่อเน่ืองทั้งในส่วนของภาค ธุรกิจและอุตสาหกรรม การควบคุมคุณภาพจะเป็นการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าเพ่ือสร้าง ความเจริญเติบโตและความอยู่รอดอย่างมีประสิทธิภาพ คุณภาพสามารถแสดงให้ปรากฏได้จาก ผลิตภัณฑ์ท่ีคงทน มีสภาพดีสามารถใช้และทางานได้ดีรวมท้ังมีรูปร่างสวยงามเรียบร้อยกลมกลืน ทา ให้นา่ สนใจและมีคุณประโยชน์ การควบคุมคุณภาพไมไ่ ด้จากัดอยู่กับฝุายใดฝุายหนึ่งเท่าน้ัน จะต้องทา เป็นระบบตั้งแต่การควบคมุ ระดบั นโยบาย การออกแบบผลติ ภณั ฑใ์ ห้มีคณุ ภาพตามที่กาหนด ตลอดท้ัง การควบคุมคุณภาพในการผลิตซ่ึงประกอบด้วยตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบการควบคุมการผลิตใน กระบวนการผลิต การตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ก่อนส่งมอบให้ลูกค้า สาหรับบทเรียนท่ีกล่าว มาทงั้ หมดน้ีผูเ้ รียนจะมองเหน็ ระบบคุณภาพและเทคนคิ ในการบรหิ ารหลากหลายวธิ ีและจะสามารถใช้ ประโยชน์ได้ดีเพียงใดในทางการปฏิบัติงานจริงน้ันก็ย่อมมีปัจจัยหลายประการมาเป็นองค์ประกอบ อย่างไรก็ตามประโยชน์อันเกิดจากการควบคุมคุณภาพจะเป็นการลดต้นทุนในด้านต่างๆ ส่งผลให้มี กาไรส่วนต่างจากยอดขายที่สูงขึ้น หากผลผลิตไม่มีคุณภาพย่อมไม่ได้รับความนิยมอาจจะทาให้ลด ราคาจนถึงระดับที่จัดจาหน่ายไม่ได้และประสบภาวะขาดทุนได้ในที่สุด สิ่งนี้ทาให้สถานประกอบการ ต้องปรับตัวให้เท่าทันเร่งปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อความอยู่รอดได้และเร่ิมวางแผนการผลิต ใหมว่ นเวียนเชน่ นี้เรอ่ื ยไปดังเชน่ วงจรเดมมิ่ง วางแผน ลงมือทา นาตรวจแน่และแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อ วางแผนงานในรอบถัดไป ส่ิงใดดกี ็พัฒนาตอ่ เนอื่ งส่ิงใดเก่าและล้าสมัยก็จาเป็นต้องปรับปรุงให้ทันเวลา และสถานการณ์ท้ายทีส่ ุดสถานประกอบการก็จะอย่รู อดได้ทุกยุคสมัยอย่างย่ังยืนในระยะยาว

248 คาถามและกิจกรรมทา้ ยบทท่ี 9 1. จงอธบิ ายถงึ ความจาเปน็ ในการควบคุมคุณภาพกระบวนการทางานในธุรกิจ มาพอสงั เขป 2. จงอธบิ ายหลักการของการควบคุมคุณภาพมาโดยละเอยี ด 3. จงยกตัวอยา่ งระบบการควบคุมคณุ ภาพ มา 3 ระบบพร้อมคาอธบิ าย 4. เพราะเหตุใดในการดาเนนิ ธุรกิจโดยเฉพาะหน่วยงานต่างๆ จงึ จาเปน็ ตอ้ งมีระบบการควบคุม คณุ ภาพกิจกรรม 5 ส และนกั ศกึ ษาคิดว่าระบบน้มี ีความสาคญั ในหน่วยงานอยา่ งไร 5. ให้ผเู้ รยี นสบื คน้ กรณศี ึกษาสถานประกอบการหนง่ึ แห่งแล้ว ใหป้ ฏิบตั ิดงั นี้ 5.1 สถานประกอบการแห่งน้ันใช้ระบบการจัดการคุณภาพแบบใด หรือไดร้ บั รางวลั คณุ ภาพใดบา้ ง มายนื ยันในการสรา้ งความเช่ือมั่นจากลูกค้า 5.2 นาเสนอรายงานหนา้ ชัน้ เพ่อื แลกเปล่ียนเรียนร้รู ่วมกัน 6. แบ่งกลุ่มใหส้ บื คน้ สถานประกอบการแลว้ วเิ คราะห์ปญั หาและอปุ สรรคในดา้ นการบรหิ ารการผลิต และดาเนินงานดังแสดงไวใ้ นผังกา้ งปลาดงั แผนภาพที่กาหนดให้ 6.1 รายงานรายบุคคล 6.2 รายงานกลุ่ม สาหรับรายงานกลมุ่ ให้แลกเปลยี่ นเรยี นรู้และนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน 6.3 ข้อตกลงในการเขียนมีอยู่วา่ สาหรบั สาเหตุของปัญหา (Causes) ใหเ้ ขียนบริเวณก้างปลา สว่ น ปญั หาหลกั ทเี่ กิดขน้ึ ให้เขยี นตรงหัวปลา (Effect) แผนภาพท่ี 9.2 เขียนระบุหาสาเหตขุ องปัญหาโครงสรา้ งผังกา้ งปลา ที่มา : ดดั แปลงจาก https://www.pinterest.com/explore/ishikawa-diagram [2559, พฤษภาคม 23]

249 7. อธบิ ายวงจร PDCA 8. อธบิ ายระบบการควบคุมคณุ ภาพมาพอสงั เขป 8.1 5S………..…………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 8.2 Re- engineering………..……………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8.3 Benchmarking………..………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 8.4 ISO………..…………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 8.5 HACCP………..……………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 8.6 GMP………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. การผลิตแบบลีนใชเ้ ทคนคิ การจดั การคณุ ภาพแบบใดบา้ งอธบิ ายเป็นรายขอ้ 10. เครอ่ื งมือใหม่เจด็ อย่างในการทากจิ กรรมกล่มุ คุณภาพ หรือท่เี รียกว่า Quality Control ซ่ึงยอ่ มา จาก QC มอี ะไรบา้ ง 11. มรี ะบบการจัดการคณุ ภาพอ่ืน ๆ อีกหรือไมน่ อกจากบทเรียนน้ี ใหน้ ักศึกษาอธิบายมาอย่างน้อย หนึง่ ระบบ พร้อมนาเสนอหน้าเพอ่ื แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ร่วมกัน

250 เอกสารอา้ งองิ บทที่ 9 กระบวนการผลติ ท่ีเป็นไปตามหลกั เกณฑว์ ิธกี ารทด่ี ีในการผลติ อาหาร. [Online]. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/0352/good-manufacturing- practice-gmp [2560, พฤษภาคม 25] กิติศักดิ์ พลอยพานิชเจรญิ . (2553). หลกั การควบคุมคณุ ภาพ. (พิมพค์ ร้ังท่ี 5). กรุงเทพฯ : สมาคม ส่งเสรมิ เทคโนโลยไี ทย-ญี่ปุน. เศกสนิ ศรีวัฒนานุกลุ กจิ . (2558). การจดั การคณุ ภาพโดยรวม. [Online]. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=wbj [2558, พฤษภาคม 2] จฑุ า เทยี นไทย. (2543). การจัดการและพฤติกรรมองค์การ : รเี อน็ จเิ นยี ร่ิงกบั สังคมไทย. คณะ บริหารธุรกจิ . (พมิ พ์ครัง้ ท3่ี ). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั รามคาแหง. ณฏั ฐพนั ธ์ เขจรนนั ท์และคณะ. (2545). TQM กลยทุ ธส์ ร้างองคก์ ารคุณภาพ. กรุงเทพฯ : เอ็กเปอร์ เน็ต. ไตรภพ อินทใุ ส และคณะ. (2546). การบรหิ ารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลติ . กรงุ เทพฯ. : ฟิสิกส์เซน็ เตอร์. บุญดี บญุ ญากจิ และกมลวรรณ ศริ ิพานิช. (2548). Benchmarking : ทางลัดสคู่ วามเป็นเลิศทาง ธุรกิจ. กรุงเทพฯ : สถาบนั เพ่ิมผลผลติ แห่งชาติ. ใบตรวจสอบรายการ. [Online]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://sutrisnoadityo.wordpress.com /2013/10/12/lembar-periksa-check-sheet/[2556, ตุลาคม 12] ฮิสโตแกรม. (2559). [Online]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.schoolatoz.nsw.edu.au/ homework -and-study/maths/maths-a-to-z/-/maths_glossary/RId5/2454 /frequency +histogram+and+polygon [2559, พฤษภาคม 23] ประจวบ กล่อมจิตร. (2557). เทคนคิ การเพมิ่ ผลผลติ ในองคก์ ร : หลกั การและตัวอย่างการปฏบิ ตั ิ. กรุงเทพฯ : ซเี อด็ ยูเคช่ัน. ปรียา วิบรู ณ์เศรษฐแ์ ละคณะ. (2558). HACCP การจัดการความปลอดภัยอาหาร. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.์ ปรยี าวดี ผลเอนก. (2558). การจัดการคณุ ภาพ. (พมิ พค์ รง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพเ์ พ็ญ พรเฉลิมพงศ์และนิธิดา รตั นปานนท.์ (2560).หลักเกณฑว์ ธิ ีการทีด่ ีในการผลิตอาหาร. [Online]. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.factory.com [2560, พฤษภาคม 25] ลกั ษณะกราฟแท่ง. (2559). [Online]. http://mcpswis.mcp.ac.th/html_edu/cgi- bin/mcp/main_php/print_ informed. php? id_count_inform=27391 [2559, พฤษภาคม 23] ผงั ก้างปลา. (2559). [Online] เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://thediagram. com/6_2/causean deffect.html [2559, พฤษภาคม 23]

251 ผงั แสดงการกระจาย. (2559). [Online]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.cqeacademy.com/cqe- body-of-knowledge/continuous-improvement/quality-control-tools/the- scatter-plot-linear-regression [2559, พฤษภาคม 2] แผนภูมคิ วบคมุ . (2559). [Online]. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.acqnotes.com/acqnote /careerfields/ control-chart [2559, พฤษภาคม 23] แผนภูมพิ าเรโต. (2559). [Online]. เข้าถึงได้จาก : http://www.keywordsuggests.com /ZT8Pt92nobq Q3PYLWX oyQRIB6*eAEKt5JzSf7NAobgk [2559, พฤษภาคม 23] ฝาุ ยวนิ ิจฉยั และใหค้ าปรึกษาสถานประกอบการสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญ่ปี ุน. (2560). แนวคิดของกจิ กรรม 5 ส [Online]. (2555). เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.tpif.or.th [2555, ธันวาคม 23] ยาสุดะ ชเิ งคาสึ. (2545). 5 ส งา่ ยนดิ เดียว 70 กลยุทธค์ วามรู้ เทคนิคและเคลด็ คลับในการทา 5 ส ให้ประสบความสาเรจ็ . (แปลโดยนยิ ม ดสี วัสดมิ์ งคล) กรุงเทพฯ : สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี ไทย-ญปี่ ุน. สัญลักษณก์ ารวิเคราะหอ์ ันตราย จุดควบคมุ วกิ ฤตทเ่ี รียกวา่ HACCP. (2560). [Online]. เขา้ ถึงได้ จาก : http://www.kannulin.com /article [2560, พฤษภาคม 25] สญั ลักษณ์ของหลักเกณฑ์วธิ ีการทดี่ ีในการผลติ อาหารประเภท GMP. [Online]. (2560). เขา้ ถงึ ได้ จากhttp://www.kannulin.com/article [2560, พฤษภาคม 25] สมุ ณฑา วัฒนสนิ ธ์ุ. (2545). ความปลอดภัยของอาหาร การใช้ระบบ HACCP. กรุงเทพฯ : สมาคม สง่ เสรมิ เทคโนโลยไี ทย-ญีป่ ุน. สวุ ัฒน์ ศิรินริ ันดร์. (2550). การสร้างความได้เปรียบทางธรุ กจิ . กรุงเทพฯ : บี ควิ ไอ คอนซัลแตนท.์ สานกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อุตสาหกรรม. (2560). องคก์ รระหวา่ งประเทศวา่ ด้วยการมาตรฐาน [Online]. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.tisi.go.th/iso.php [2560, พฤษภาคม 26] Bendell, T., Boulter, L. & Goodstadt, P. (1998). Benchmarkingfor Competitive Advantage. London : Pitman. [Online]. Avialable : http://www.worldcat .org/title/benchmarking-for-competitive-advantage/oclc/761395522?ht= edition&referer=di. [2017, May 24] Davis, M.M., Aquilano, N.J., & Chase R.B. (2003). Fundamentals of Operations Management : McGraw-Hill. Deming, W.E. (1952). Elementary Principles of the Statistical Control of Quality : a series of lectures. Tokyo : Nippon Kagaku Gijutsu Remmei. [Online]. Avialable : http://www.worldcat.org/title/elementary-principles-of-the- statistical-control-of-quality-a-series-of-lectures/oclc/2518026? referer= di&ht=edition. [2017, May 25]

252 James, R.E. & , William, M.L. (2011). The Management and Control of Quality. (8thed.). UK : Book IIIustrated. [Online]. Avialable : http://trove.nla.gov.au /work/7543243. [2017, May 26] Lester, R.H. et. al. (1992). Quality Control for Profit : Gaining the Competitive Edge, (Quality and Reliability). (3rded.) U.S.A. : CRC Press. [Online]. Avaiable https://www.abebooks.com/book-search/author/ronald-h-lester-norbert-l- enrick-harry-e-mottley. [2016, May 22] Morgan S. et. al. (2011). Managing Operation Across the Supply Chain. New York : McGraw-Hill. Montgomery, D.C. (2009). Introduction to Statistical Quality Control. (4thed.) New York : John Wiley & Sons. Ramasamy, S. (2009). Total Quality Management. India : TataMcGraw-Hill. Russell, R.S. & Taylor, B.W. (2011).Operation Management. (7thed.). NJ : John Wiley & Sons (Asia). Verma, R. & Boyer K. (2008). Operation and Supply Chain Management. Chaina : China Translation and Printing Service Limited.

253 แผนการสอนประจาบทท่ี 10 ช่อื บทภาษาไทย การบารุงรักษาและความปลอดภัยในสถานประกอบการ ชอ่ื บทภาษาอังกฤษ Maintenance and Safety เวลาเรียน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ หวั ข้อเนือ้ หาประจาบท 10.1 หน้าท่ีของงานบารงุ รักษาและความปลอดภยั 10.2 โครงสรา้ งของการบารุงรกั ษาและความปลอดภัย 10.3 ปจั จัยทส่ี ่งผลให้เกิดความปลอดภัยในสถานประกอบการ 10.4 ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากการบารุงรกั ษาและความปลอดภัย 10.5 การพัฒนางานบารงุ รักษาและความปลอดภัย วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. เพื่อใหผ้ ู้เรียนได้ทราบหน้าทข่ี องงานบารุงรักษาและความปลอดภัย 2. เพื่อใหผ้ ูเ้ รียนได้ศกึ ษาโครงสรา้ งของการบารงุ รักษาและความปลอดภัย 3. เพ่ือให้ผเู้ รียนได้เข้าใจถึงปัจจัยท่ีส่งผลใหเ้ กิดความปลอดภัยในสถานประกอบการ 4. เพ่ือใหผ้ ้เู รียนได้ศึกษาประโยชนท์ ไี่ ด้จากการบารุงรักษาและตระหนักในความปลอดภยั ในสถานประกอบการและนาไประยกุ ตใ์ ช้ได้ตามสมควร 5. เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นไดเ้ รยี นรูเ้ ท่าทันสถานการณ์การเปล่ยี นแปลงและการพฒั นางานบารุงรักษา และความปลอดภยั ในสถานประกอบการ วธิ กี ารสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอนประจาบท 1. ผูเ้ รียนศกึ ษาจากเอกสารทีก่ าหนดใหโ้ ดยผสู้ อนบรรยายสรุปในหัวขอ้ เร่ืองการบารงุ รักษา และความปลอดภยั ในสถานประกอบการ 2. ให้ผเู้ รียนทาแบบฝึกหัดจากคาถามท้ายบทเป็นรายบุคคลโดยผูส้ อนคอยให้คาชี้แนะใน กรณซี กั ถาม 3. มอบงานกลุ่มให้ผู้เรียนการวิเคราะห์กรณีศึกษาว่าสถานประกอบการที่สืบค้นมีวิธีการ บารุงรักษาและความปลอดภัยในสถานประกอบการอย่างไรมีการค้นพบวิธีการปฏิบัติงานในรูปแบบ ใหมแ่ ละพฒั นาไปมากน้อยเพียงใด 4. เขยี นรายงานกลมุ่ และนาเสนอในชั้นเรยี นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สอื่ การเรยี นการสอน 1. เอกสารใบงานประจาบท 2. เอกสารประกอบการสอน เน้ือหาประจาบท 3. เทคนคิ นาเสนอดว้ ย Power point

254 4. ส่อื ประสม การวดั และประเมินผล 1. ความสามารถตอบคาถามในใบงานท่ีกาหนด 2. ความสามารถสืบค้นว่าสถานประกอบการมีวิธีการบารุงรักษาและความปลอดภัยใน สถานประกอบการอย่างไร 3. ความสามารถในการตอบคาถามทา้ ยบทคิดเป็นร้อยละ 90 ของข้อคาถามประจาบท

255 บทท่ี 10 การบารงุ รกั ษาและความปลอดภยั ในสถานประกอบการ (Maintenance and Safety) ในการบริหารงานผลิตสินค้าและบริการนั้นถึงแม้ว่าจะได้วางแผนและกาหนดการควบคุม ระบบการจัดการคุณภาพ วางระบบการจัดการโลจิสติกส์ไว้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ถ้าเครื่องจักร อุปกรณ์เกิดขัดข้องหรือเสียก็จะทาให้ทุกอย่างหยุดชะงักลงไปได้ เนื่องจากเคร่ืองจักรอุปกรณ์ทุกชนิด จะมีโอกาสเกิดการขัดข้องในระหว่างการใช้งานเสมอ เราไม่สามารถหลีกเล่ียงปัญหานี้ได้ จึงมีความ จาเป็นต้องคานึงถึง หรือนาสถานการณ์เช่นนี้มาใช้ในการวางแผนการผลิต ในหลายกรณีการซ่อม บารุงจะให้เป็นหน้าท่ีของพนักงานระดับปฏิบัติทาหน้าที่รับผิดชอบตรวจตรวจสอบอย่างใกล้ชิด สม่าเสมอ เช่น ในงานด้านซ่อมบารุงเคร่ืองจักรมีการปรับเคร่ืองให้อยู่ในสถานภาพพร้อมใช้หรือเติม น้ามันหล่อลื่น บางคร้ังถ้าสถานประกอบการผู้จัดหาเคร่ืองจักรมาใช้ในฝุายโรงงานไม่มีความชานาญ เฉพาะทางหรือเครื่องจักรประเภทนั้นท่ีมีราคาสูงที่มีความสลับซับซ้อนก็อาจจะให้สถานประกอบการ ผู้จัดจาหน่ายเครื่องจักรนั้นเป็นผู้ดูแลซ่อมบารุงและให้บริการหลังการขาย นอกจากสถานการณ์ เคร่ืองจักรขัดข้องแล้ว ยังมีเร่ืองของความปลอดภัยของพนักงานในสถานประกอบการ จากอันตราย ต่าง ๆ กเ็ ปน็ เรื่องที่ผบู้ ริหารการผลติ จะตอ้ งนามาคิดและคานึง ในกระบวนการผลิต อนุศักดิ์ ฉ่ินไพศาล (2560) ได้สรุปเทคนิคการจัดการความปลอดภัยไว้ว่าในโรงงานหรือ สถานประกอบการตามหลักสุขศาสตร์อุตสาหกรรม มาตรฐานและความปลอดภัยในการทางาน เกี่ยวกับเคร่ืองจักร ไฟฟูา ภาวะแวดล้อม สารเคมีและสิ่งที่จะก่อให้เกิดอันตราย บทบาท หน้าที่และ ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีหลักการพัฒนาสภาพการทางานที่อาจ ประสบอันตราย การสารวจเพอ่ื คน้ หาอันตรายเหล่าน้ันด้วยการใช้เครื่องมือวัดและทดสอบ อาจอยู่ใน รูปของการจัดกิจกรรมท่ีมาจากการวางแผนงานและโครงการความปลอดภัยในการทางาน ปรับปรุง สภาพการทางานที่มั่นใจวา่ ปลอดภยั ทั้งเคร่อื งจกั ร ไฟฟาู สารเคมีและสิ่งแวดลอ้ ม คานาย อภิปรัชญากุล (2559) กล่าวสรุปไว้ในผลงานวิชาการเร่ืองความปลอดภัยและ ส่ิงแวดล้อมการขนส่งว่าการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งจะเกิดความสูญเสียทา งเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล อาจสูญเสยี ท้ังชวี ิตและทรัพย์สนิ สถานประกอบการทดี่ าเนนิ งานดา้ นอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ งานก่อสร้างตลอดจนงานซ่อมบารุงควรหาช่องทางเพื่อลดต้นทุน ช่วยประหยัดในกระบวนการ เพ่ือ ผลตอบแทนสูงสดุ และสร้างขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ทางธรุ กิจแบบยั่งยนื ในอนาคต พิชิต สุขเจริญพงษ์ (2547) พจมาน เตียวัฒนรัฐติกาล (2544) วิชัย แหวนเพชร (2543) สุธี ขวัญเงิน (2548) ยุทธ กัยวรรณ์ (2543) และประสงค์ ประณีตพลกรัง (2543) ได้กล่าวถึงแนวทาง ในการบารุงรักษาและความปลอดภยั รวมทง้ั ความเช่ือถือไดข้ องงานทางด้านน้ีสรุปได้ว่า การซ่อมบารุง นน้ั มีความสาคญั มากต่อระบบบริหารการผลิต นักบริหารการผลิตจึงหาข้อค้นพบในกลวิธีหลากหลาย แนวทางเพื่อให้มีระบบการซ่อมบารุงท่ีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างดีที่สุด เพราะการซ่อม

256 บารุงเป็นเรื่องของการทาสิ่งท่ีชารุดให้คงคืนสภาพซึ่งจะอยู่คู่กับการรักษาเพ่ือให้เคร่ืองจักรและ อุปกรณอ์ ย่ใู นสภาพที่ดีพร้อมใช้งานได้อยตู่ ลอดเวลา ภาพที่ 10.1 ความสญู เสยี เนอื่ งจากการรอคอย ที่มา : เขา้ ถงึ ได้จาก : http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 25] จากภาพท่ี 10.1 เป็นภาพเครือ่ งจักรและอุปกรณต์ ่าง ๆ ที่นามาใช้ในฝุายผลิตในแต่ละสถาน ประกอบการแมจ้ ะผ่านการออกแบบและได้รับการทดสอบมานับคร้ังไม่ถ้วนก็ตาม ความชารุดเสียหาย ย่อมเกิดข้ึนได้เสมอและตลอดเวลา โดยเฉพาะเม่ือเกิดเหตุการณ์ที่มิได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า เช่น เม่ือเครื่องจักรและอุปกรณ์ชารุดย่อมไม่สามารถทาการผลิตได้ เม่ือไม่มีการผลิตก็อาจทาให้ไม่มีสินค้า ไว้เพ่อื การจาหน่าย เมอ่ื ไมม่ กี ารขายย่อมไม่มีรายได้และเมื่อสถานประกอบการจะต้องเผชิญกับปัญหา เครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตชารุด พนักงานย่อมเกิดการรองานหน้าเครื่องจักร ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สถานประกอบการแห่งน้ีมีความสูญเสียเนื่องจากการรอคอย เม่ือเครื่องจักรยังคงเดินเคร่ืองอย่าง ตอ่ เน่ือง ต้นทุนท่ีสูญเสียคือ คือ ค่าแรง ค่าล่วงเวลาหรือแม้แต่ค่าเช่าซื้อเคร่ืองจักรชนิดนั้นๆ อีกด้วย และเม่ือเครื่องจกั รและอปุ กรณ์ชารุดแม้แต่เพียงหน่วยเดียวอาจทาให้ต้องหยุดเดินเครื่องทั้งระบบการ ผลิตก็เป็นไปได้ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียท้ังทางด้านการบริหารการผลิตบริการและไม่เกิดการพัฒนา งานและอีกทัง้ ยงั ทาให้เกดิ ต้นทุนท่เี พมิ่ มากขึน้ สาหรับการผลิตและบริการของธุรกิจขนาดใหญ่ในระดับอุตสาหกรรมเม่ือมีการสั่งซ้ือ เครื่องจักรอาจจะทาสัญญาตกลงกันเมื่อซื้อเคร่ืองจักรน้ัน ในกรณีซ่ึงการซ่อมบารุงท่ีเกิดข้ึนมีปริมาณ มากเพียงพอและไม่ต้องการจ้างเหมาบริษัทภายนอก (Out Source) สถานประกอบการแห่งนั้นก็ อาจจะมีแผนกซ่อมบารงุ ซง่ึ ทาหน้าที่นโี้ ดยเฉพาะสาหรบั ขนาดของแผนกซ่อมบารุงจะข้ึนอยู่กับจานวน ของช่างชนิดของอะไหล่ เคร่ืองมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการซ่อมบารุงและปริมาณงานที่จะต้องทา สถาน ประกอบการท่ีมีขนาดกลางหรือขนาดเล็กอาจจะมีช่างซ่อมเพียงสองหรือสามคนพร้อมทั้งอะไหล่และ เครื่องมือไม่ก่ีชนิด แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานประกอบการที่มีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ต่างก็ต้องมีหน้าท่ี เดียวกันคือ รักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยด้วยการหม่ันบารุงรักษาเพื่อก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือหรือมี ความเช่อื ม่ันทง้ั จากผ้บู รหิ ารและจากลูกคา้ ซึ่งส่ิงทจี่ ะเกดิ ขึ้นกับงานบารุงรักษาและความปลอดภัยก็คือ

257 ค่าใช้จ่ายซ่ึงประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายในการบารุงรักษาซ่ึงจัดเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนซึ่งเร่ืองน้ี มีความสาคญั มาก นกั บรหิ ารการผลิตต้องใส่ใจ มิฉะน้ันค่าใช้จ่ายและ ความสูญเสียท่ีอาจจะเกิดขึ้นได้ ในหลายกรณี ไม่ว่าจะเปน็ กรณีทเี่ ครอ่ื งจักรชารดุ เสยี หาย หรอื ค่าใชจ้ ่ายในการบารุงรักษาแบบปูองกัน คา่ ใช้จ่ายและความสญู เสยี ที่เกดิ ขึน้ ในกรณีที่เครือ่ งจักรชารุดอาจจะแบ่งได้เป็นได้เป็นสองประเภท คือ ประเภทแรก ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ได้แก่ ค่าแรงงานค่าอะไหล่และวัสดุ ตลอดจนค่าโสหุ้ยในการ ดาเนินการปูองกันต่าง ๆ เช่น การซ่อมแซมช้ินส่วนท่ีเปล่ียนตามกาหนดเวลา ประเภทที่สอง ความ สูญเสียอันเป็นผลพวงจากการชารุด(นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม) ได้แก่ ค่าใช้จ่ายหรือ ความสูญเสียท่ีเกิดขึ้นเนื่องจากกรณีท่ีมีการชารุดซึ่งอาจจะแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการหยุดเครื่องเป็น ค่าใช้จ่ายที่เก่ียวกับการหยุดเครื่องแต่ละครั้งซ่ึงทาให้พนักงานประจาเครื่องนั้นต้องเสียเวลา อาจจะ สญู เสยี วตั ถุดิบหรือวัตถุดิบสาเร็จรูปที่ตกค้างอยู่ในเคร่ืองจักร ค่าใช้จ่ายนี้จะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่คงที่ ในการหยดุ เครอื่ งแต่ละคร้ัง อีกส่วนหน่ึง คือ ค่าใช้จ่ายสาหรับเวลาที่สูญเสียซ่ึงหมายถึงความสูญเสีย โอกาสในการผลิตสินคา้ เนอื่ งจากเคร่ืองจักรต้องหยุดทางานถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายท่ีขึ้นกับระยะเวลาการ หยุดเคร่ือง นอกจากน้ียังมีค่าใช้จ่ายการเดินเคร่ืองใหม่ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ต่อการเดินเคร่ืองใหม่แต่ ละครงั้ เชน่ เดยี วกบั คา่ ใช้จา่ ยในการหยดุ เครือ่ ง ในการดาเนินงานบารุงรักษาเพ่ือปูองกันมิให้เกิดข้ึนจากการชารุดเสียหายของเครื่องจักร จาเป็นต้องมีการดาเนินการต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการบารุงรักษาเชิงปูองกันในการดาเนินการ เหล่านจี้ ะต้องเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยได้แก่ ค่าใช้จ่ายบริการดูแลซ่ึงเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าแรง ค่าอุปกรณ์ ค่าวัสดุ ค่าใช้จ่ายในการผลิตท่ีใช้ในการดูแลเคร่ืองจักรอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไป ได้แก่ การทาความสะอาด การหล่อลื่น รวมถึงค่าสูญเสียเวลาในการผลิตในการหยุดเครื่องจักรเพ่ือดูแลตามปกติด้วย นอกจาก ค่าใช้จ่ายบริการดูแลแล้วยังมีค่าใช้จ่ายตรวจสอบซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ท่ีมีโครงสร้างเช่นเดียวกับ ค่าใชจ้ า่ ยในการดูแล แตเ่ ป็นสว่ นทเ่ี กี่ยวกับการตรวจสอบเคร่ืองจักรท้ังระบบ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย ในการเปล่ียนแปลงและซ่อมแซมชิ้นส่วนตามที่กาหนดซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายท่ีมีโครงสร้างเช่นเดียวกับ ค่าใช้จา่ ยในการดแู ลแต่เก่ียวกบั การเปลย่ี นและซ่อมแซมชิ้นส่วนเคร่ืองจักรตามที่วางไว้ ค่าใช้จ่ายส่วน น้ีจะน้อยกว่า การเปลี่ยนหรือซ่อมแซมในกรณีเคร่ืองชารุดฉุกเฉินมาก เน่ืองจากมีการวางแผนและ เตรยี มการไวล้ ่วงหน้าจงึ สามารถลดค่าแรงงานตลอดจนค่าวสั ดตุ า่ ง ๆ ในการดาเนินการบารุงรักษาเชิง ปูองกันน้ีจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน ดังนั้นในการตัดสินใจว่าจะดาเนินการบารุงรักษาเครื่องจักร เพยี งใดต้องพจิ ารณาถงึ คา่ ใชจ้ ่ายรวมด้วย คา่ ใชจ้ ่ายใน การบารุงรักษาปูองกันเพ่ิมมากขึ้นตามปริมาณ งาน ในทางตรงกันข้ามหากมีการบารุงรักษาในเชิงปูองกันมากเท่าใดความสูญเสียจากการชารุดและ ค่าใช้จ่ายใน การซ่อมแซมก็จะน้อยลง เมื่อคิดค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดซ่ึงประกอบด้วยค่าใช้จ่ายสาม ประการ รวมกันแล้วก็จะเห็นได้ว่ามีปริมาณงานบารุงรักษาปูองกันที่เหมาะสมอยู่ระดับหน่ึง เมื่อมี ค่าใช้จ่ายมากมายเช่นน้ีจึงจาเป็นที่ฝุายซ่อมบารุงจะตระหนักในหน้าท่ีของงานบารุงรักษาและ ความปลอดภัยโดยมรี ายละเอียดดงั ต่อไปนี้

258 10.1 หน้าท่ขี องงานบารงุ รักษาและความปลอดภัย อนุศักด์ิ ฉิ่นไพศาล (2560) เธียรชัย จิตแจ้ง (2553) และ International Civil Aviation Organization (2009) ได้กล่าวถึงบทบาทหน้าท่ีและความรับผิดชอบของเจ้าหน้าท่ีความปลอดภัยไว้ วา่ เป็นบุคคลที่สร้างความมั่นใจและยึดม่ันในกฎระเบียบของความปลอดภัยและทาการประเมินสถาน การท่ีไม่ปลอดภยั หรืออนั ตรายในสถานท่ีหรอื เหตกุ ารณ์ โดยมีหน้าท่ดี งั น้ี 1) เพ่ือให้เกิดความแน่ในใจกิจกรรมต่างๆ ของสถานประกอบการต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ความปลอดภัยและวิธีปฏิบตั ทิ ด่ี ีทส่ี ุดในอุตสาหกรรม 1) ผรู้ กั ษาความปลอดภยั ทางานใกลช้ ิดกบั ผู้บริหารการผลิตและสรา้ งมาตรฐานความ ปลอดภัย 2) ดาเนนิ การประเมินความเสี่ยงและระบอุ ันตราย 3) ดาเนินการตรวจสอบความปลอดภยั และรายงานแก่ผบู้ ริหาร 4) ใหค้ วามมนั่ ใจในการปอู งกัน ควบคุมอนั ตรายและใชอ้ ปุ กรณ์ปูองกนั ภยั สว่ นบคุ คล 5) ให้ความช่วยเหลอื ทัง้ ในด้านสขุ ภาพและความปลอดภัย 6) พัฒนาระบบสรา้ งคูม่ ือและส่งเสริมงานด้านฝึกอบรมด้านชีวอนามัยและความปลอดภัย ต่อการใช้เครื่องจักร 7) ให้คาปรึกษาฝุายบรหิ ารในงานดา้ นความปลอดภัย 8) เก็บบันทกึ เหตุการณ์ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั ความปลอดภยั 9) สบื สวนรายงานสาเหตแุ ละปัญหาทัง้ ทีค่ าดว่าจะเกดิ หรอื เกิดอุบตั ิเหตุแล้ว 10) เจ้าหนา้ ที่ความปลอดภัยต้องมคี วามเป็นมอื อาชีพและได้รับใบรับรองตามกฎหมาย นอกความความปลอดภัยแลว้ ส่งิ ทอี่ ยคู่ วบคู่กบั งานทางดา้ นความปลอดภัยและงาน บารงุ รักษาดังน้ี พลู สขุ สังขร์ ่งุ และคณะ (2545) และยทุ ธ กยั วรรณ์ (2543) ในการปฏิบัติงานบารงุ รักษา เครื่องจักรตลอดจนการสรา้ งความปลอดภยั จาแนกได้ 4 วิธีดงั นี้ 1. การบารงุ รกั ษาสภาพเคร่อื งจักรแบ่งการปฏิบัติงานไดเ้ ป็นสองลกั ษณะ คือ 1.1 ซ่อมบารงุ ขณะเครื่องจักรกาลงั ทางานอยู่ 1.2 ซอ่ มบารงุ ขณะเครื่องจักรหยุดทางานซง่ึ เปน็ การซอ่ มบารงุ หลงั เวลางานหรอื เม่ือ เคร่อื งจักรชารุด 2. การบารงุ รกั ษาโดยช่างแบ่งออกเป็นสองลักษณะ คือ 2.1 คนคุมเคร่ืองจักรหรอื ชา่ งประจาเครื่องจักรเปน็ ผดู้ าเนนิ การซ่อมบารงุ เอง 2.2 ช่างซอ่ มบารุงเปน็ ผู้ซอ่ มบารุงตามกาหนดเวลา 3. การบารุงรกั ษาตามกาหนดเวลาแบ่งออกเป็นสองลกั ษณะ คือ 3.1 มีกาหนดเวลาซ่อมบารงุ ทีแ่ น่นอน เช่น รายวนั รายสัปดาห์ตามจานวนชั่วโมง การทางานของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์

259 3.2 ซ่อมบารุงตามโอกาส เชน่ เมื่อเครื่องจกั รเกดิ การชารดุ หรือเป็นช่วงปดิ ภาคเรียน ทเี่ คร่อื งจกั รหยุดการทางาน 4. การบารงุ รักษาตามลกั ษณะของงานท่ีทาแบ่งได้เป็นสองลักษณะคือ 4.1 งานซ่อมแซม (Repairing) เมือ่ เคร่ืองจักรชารุด 4.2 งานบารงุ รกั ษา (Maintaining) เมือ่ เครื่องจกั รถงึ อายุงานต้องบารุงรักษา งานบารุงรักษาในโรงงานอตุ สาหกรรมโดยทั่วไปแล้วจาแนกออกไดเ้ ป็นงานดา้ นต่างๆ ดงั น้ี 1. งานบารุงรักษาด้านเครื่องกล หมายถึง งานบารุงรักษาเครอ่ื งจักรกลโดยท่วั ไปท่ีใชก้ ันใน โรงงาน 2. งานบารงุ รักษาด้านไฟฟูา หมายถงึ งานบารุงรักษาเครอื่ งอุปกรณท์ ี่เกย่ี วกับการใชไ้ ฟฟาู เป็นพลังงาน เช่น มอเตอร์ หม้อแปลงไฟฟาู ระบบไฟฟูาในโรงงาน ลฟิ ต์ เป็นตน้ 3. งานบารุงรักษาอุปกรณ์เคร่ืองคุมและเครื่องวัด หมายถึง งานบารุงรักษาอุปกรณ์ควบคุม และเคร่ืองใช้ต่างๆ ทั้งที่เป็นอุปกรณ์ทางด้านไฟฟูาอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ตลอดจนเคร่ืองมือวัดต่างๆ เช่น มาตราวัดความดัน อุณหภูมิ เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีความสลับซับซ้อนมากกว่าเคร่ืองจักร ธรรมดาซ่ึงเป็นลักษณะงานอีกด้านหน่ึงซ่ึงจะต้องใช้วิธีการบารุงรักษาและบุคลากรที่แตกต่างจากสอง ประเภทแรก 4. งานบารุงอาคารสถานท่ี หมายถงึ งานบารุงรกั ษาด้านวิศวกรรมโยธาทว่ั ไปรวมถงึ งาน ประปา ถนนภายใน แต่อาจจะไมร่ วมถึงระบบไฟฟูาในอนาคตซงึ่ อาจจะจัดไวใ้ นงานบารุงรกั ษาดา้ น ไฟฟูาก็ได้ 5. งานด้านสาธารณูปโภค นอกจากน้งี านบารุงรกั ษาในสปี่ ระเภทขา้ งตน้ แลว้ งานด้านการผลติ และควบคุมสาธารณปู โภคต่างๆ เช่น ไฟฟูา ไอน้า นา้ ประปา ลม ยังถือวา่ เปน็ หนา้ ท่ีดา้ นบารุงรักษา อีกอย่างหนง่ึ ด้วย แต่มีลักษณะเปน็ งานผลติ ทใ่ี ห้บริการแกห่ น่วยงานภายใน 10.2 โครงสร้างของการบารุงรกั ษาและความปลอดภยั เม่ือมองในด้านการบารุงรักษา (Maintenance) เชิงปูองกัน การผลิตสินค้ายึดหลักสุภาษิต ไทยท่ีว่า “กันไว้ดีกว่าแก้สายแล้วจะแก้ไม่ทัน” หรือเรียกว่า Preventive Maintenance แต่งาน บริการจะเน้นเชิงแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์เฉพาะหน้า ซ่ึงส่ิงท่ีกล่าวมานี้จะเป็นเร่ืองของงาน บารงุ รักษาและความปลอดภยั ในสถานประกอบการ โดยทั่วไปเม่อื มองในด้านการบารงุ รกั ษา (Maintenance) และมองในเรือ่ งของความปลอดภัย (Safety) ในธุรกิจบริการจะแบ่งได้อย่างง่ายเป็นสองประเภทได้แก่การบารุงรักษาเชิงปูองกันกับ การบารงุ รักษาเชงิ แก้ไข สาหรับการบารงุ รักษาเชิงปูองกันนั้น ยึดหลักสุภาษิตไทยท่ีว่า“กันไว้ดีกว่าแก้ สายแลว้ จะแก้ไมท่ ัน” หรอื เรยี กวา่ Preventive Maintenance แต่งานบรกิ ารเน้นเชิงแก้ไขปัญหาเชิง ปรบั ปรงุ หรอื สถานการณเ์ ฉพาะหน้า (Corrective Maintenance) จากการศึกษาผลงานเชิงวิชาการของ อนุศักด์ิ ฉิ่นไพศาล (2558) และเธียรชัย จิตแจ้ง (2553) พูลสุข สังข์รุ่งและคณะ (2545) และยุทธ กัยวรรณ์ (2543) และ Plog & Quinlan (2002)

260 สรุปได้ว่าในสถานประกอบการซึ่งประกอบธุรกิจผลิตในระดับอุตสาหกรรมจะแบ่งโครงสร้างของงาน บารงุ รกั ษาและความปลอดภัยในสถานประกอบการออกเปน็ 4 ประเภท 10.2.1 โครงสรา้ งของงานบารงุ รกั ษาและความปลอดภัย มรี ายละเอียดดังน้ี 1) งานบารุงรักษาเม่ือเกิดเหตุขัดข้อง (Breakdown Maintenance : BM) งาน ดา้ นนีเ้ ปน็ การซอ่ มบารุงทจี่ ะต้องกระทาเมื่อเครือ่ งจักรหรอื อปุ กรณ์ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติได้ ถ้า ยังไม่มีเหตุขัดข้องเกิดขึ้นการซ่อมบารุงแบบน้ีก็จะไม่เกิดข้ึนซ่ึงจะเหมาะสาห รับการบารุงรักษา เครื่องจักรท่ีมีความเป็นเอกเทศ ไม่มีความสาคัญต่อความปลอดภัยหรือเป็นเคร่ืองจักรที่มีชุดสารอง หรือมีลักษณะท่ีสามารถทาการซ่อมบารุงได้โดยใช้เวลาอันส้ัน หากจะเขียนเป็นวลีเพ่ือทาความเข้าใจ อยา่ งย่อคอื “ซอ่ มเม่อื เสีย” 2) งานป้องกันการบารุงรักษา (Maintenance Prevention : MP) งานด้านนี้ เป็นการเลือกซอ้ื หรือออกแบบและติดตงั้ เครอื่ งจักรท่ีมคี วามแขง็ แรงทนทาน ต้องให้มีการซ่อมบารุง ให้นอ้ ยท่สี ุดเท่าท่ีจะทาได้และถา้ จะต้องมีการซ่อมบารงุ ต้องทาไดโ้ ดยงา่ ยและสญู เสียทรัพยากร นอ้ ย ทสี่ ุด หรือสะดวกที่สดุ หากจะเขียนเปน็ วลีเพ่ือทาความเข้าใจอย่างยอ่ คือ “ซอ่ มใหน้ ้อยที่สุด” 3) งานบารุงรักษาเชิงแก้ไขปรับปรุง (Corrective Maintenance : CM) งาน ด้านนี้เป็นการดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขเคร่ืองจักรหรืออุปกรณ์การผลิตให้มีสมรรถภาพสูงขึ้นหรือขจัด อาการขัดข้องท่ีเกิดข้ึนเป็นประจาให้หมดสิ้นไป การซ่อมบารุงแบบนี้เกิดขึ้นเม่ือประสิทธิภาพของ การผลิตดอ้ ยลงทั้งคุณภาพและปริมาณ หากจะเขยี นเป็นวลีเพ่ือทาความเข้าใจอย่างย่อ คือ “ปรับปรุง ให้สูงขึ้น” 4) งานบารงุ รักษาเชิงปอ้ งกัน (Preventive Maintenance : PM) ถอื เป็น การ บารุงรักษาดูแลตรวจสภาพเครื่องจักรอุปกรณ์ท่ีทาการผลิตโดยมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนที่ เคร่ืองจักรน้ันจะชารุดขัดข้อง การซ่อมบารุงแบบนี้เหมาะสาหรับเครื่องจักรท่ีมีความสาคัญต่อระบบ การผลิตหรือมีความสาคัญต่อความปลอดภัยและสามารถทาการซ่อมบารุงได้แม้ในขณะท่ีเครื่องจักร หรืออุปกรณ์นั้นกาลังทางานอยู่ กิจกรรมของงานบารุงรักษาเชิงปูองกันอาจจะประกอบด้วยเร่ือง การทาความสะอาด (Cleaning) การหล่อลื่น (Lubrication) การตรวจสภาพ (Inspection) การ ตรวจสภาวะ (Condition Checking) การตรวจสอบความถูกต้อง (Function Test) เป็นต้น ปรยี าวดี ผลเอนก (2557 : 75-77) กลา่ วถึงงานบารุงรักษาแบบทวีผลท่ีทุกคนมี ส่วนร่วม (Total Productive Maintenance :TMP) ไว้ว่าเป็นการซ่อมเครื่องจักรด้วยความชานาญ อย่างต่อเน่ืองซ่ึงช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้สถานประกอบการโดยมีเปูาหมายให้พนักงานเอาใจใส่ โรงงานและเครื่องจักร สาหรับตัวชี้วัดของการซ่อมบารุงรักษาแบบนี้ใช้ร้อยละของเวลาในการใช้ เครื่องจักรจริงในการผลิต สาหรับงานบารุงรักษาเชิงปูองกันแบ่งออกเป็นสองชนิด ชนิดแรก คือ การบารุงรักษาเชงิ ปูองกันแบบต่อเนอ่ื ง ได้แก่ การบารุงรักษาเครือ่ งจักรประจาวัน ประจาสัปดาห์ ราย เดือน และรายปี ชนิดที่สอง คือ การบารุงรักษาเครื่องจักรตามการพยากรณ์ความต้องการใน การบารุงรักษาด้วยการใช้ข้อมูลทางสถิติการใช้งานเคร่ืองจักรเป็นตัวช้ีวัดเวลาว่าถึงรอบแล้วใน การซ่อมบารุง อย่างไรก็ตามหากการซ่อมบารุงเครื่องจักรได้จัดทาตารางปูองกันความเสียหายของ เครื่องจักรอย่างต่อเน่ืองก็ไม่ต้องวัดจากระยะเวลาจริงก็ได้ ซ่ึงขั้นตอนการดาเนินงานเพื่อสร้าง

261 ระบบงานบารุงรักษาเชิงปูองกันซ่ึงจะพัฒนาเป็นระบบการบารุงรักษาทวีผลท่ีทุกคนมีส่วนร่วมมี ดังต่อไปนี้ ก. การจดั ทาข้อมลู เครือ่ งจกั รอุปกรณ์ (Plant Data) ข้อมลู น้ปี ระกอบดว้ ย ช่ือ ของเคร่ืองจักร รหัสเครื่องจักร คุณสมบัติที่ต้องการจากตัวเคร่ืองจักร สถานะเครื่องจักรและประวัติ การซ่อมบารงุ ข. การจัดทาคูม่ อื บารงุ รกั ษาเชงิ ปอู งกนั (Preventive Maintenance Instruction) ซึ่งเป็นการจัดทารายละเอียดของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ต้องทากิจกรรมงาน บารงุ รกั ษาเชิงปอู งกนั ทัง้ หมด สาหรบั ข้อมูลทีร่ ะบุในค่มู อื นปี้ ระกอบดว้ ย ข้อมูลการซ้ือเคร่ืองจักร รหัส เคร่ืองจักร ชิน้ สว่ นของเครอื่ งจักรท่ีต้องบารงุ รักษา ภาระงานและรายละเอียดของงานท่ีจะทาสาหรับ ชิ้นส่วนนั้น บคุ คลที่จะทางาน ความถ่ีของงาน และระยะเวลาในการทางาน เป็นต้น หากจะเขียนเป็น วลีเพือ่ ทาความเขา้ ใจอยา่ งยอ่ คอื “วางแผนไวด้ กี ว่าแก้ไขภายหลัง” ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการอธิบายโครงสร้างของระบบงานแต่โครงสร้างของระบบงานจะ ประสบความสาเร็จไม่ได้หากปราศจากคนทางานซึ่งเป็นกลไกให้โครงสร้างของระบบงานดาเนินไปได้ อย่างแทจ้ ริง ด้วยเหตนุ ีก้ ารศกึ ษาระบบโครงสร้างในแผนกงานจึงมีความจาเป็นและนักบริหารการผลิต ท่ีจะประสานงานกับวิศวกรประจาฝุายโรงงานในสถานประกอบการรวมท้ังพนักงานระดับปฏิบัติโดย ทกุ ฝุายทเ่ี ก่ยี วข้องจะตอ้ งใหค้ วามสาคญั โดยดังหัวข้อย่อยถัดไป 10.2.2 โครงสร้างในสายงานการซ่อมบารุงและรกั ษาความปลอดภัย พูลสุข สังข์รุ่งและคณะ (2544) และยุทธ กัยวรรณ์ (2543) ได้กล่าวถึงโครงสร้างใน สายงานการซ่อมบารุงและรกั ษาความปลอดภยั เป็นไปในทิศทางเดยี วกัน สรุปเป็นรายข้อ ดงั น้ี 1) ในแผนกงานแตล่ ะสายการผลติ มกี ารกาหนดชา่ งผู้มคี วามชานาญการทางเทคนิค โดยมี การบันทึกไว้ในเอกสารท่ีแสดงถึงความรู้ความสามารถ ประวัติการทางานรวมถึงลักษณะ เฉพาะตัวทส่ี าคัญ 2) เครือ่ งจักรกลและอุปกรณ์ประกอบดว้ ย ก. แผนผังโรงงานแสดงรายละเอียดท่ีตั้งของเครื่องจักรทุกเครื่องท่ีสถาน ประกอบการมีในทุกจุดของระบบการผลิตและครอบคลุมในทุกบริเวณที่ อยู่ในความรับผิดชอบ ข. แบบติดต้ังและแบบพิมพ์เขียวแสดงรายละเอียดช้ินส่วนกลไกการทางานของ เคร่ืองจักรทุกเคร่ืองในสถานประกอบการรวมทั้งมีแผงวงจรแสดงการไหลเวียนของกระแสไฟฟูาใน ระบบตลอดจนคมู่ ือและระเบียบปฏิบตั ขิ องงานไวใ้ กลเ้ คียงเครื่องจกั รชนิดนน้ั ๆ ค. รายการชน้ิ ส่วนของเครื่องจักรทุกเครื่องทสี่ ถานประกอบการมพี ร้อมทั้งรวมถงึ รายละเอยี ดในเรือ่ งคณุ สมบัตแิ ละขนาดของชนิ้ ส่วนเทา่ ที่จาเปน็ ง. บันทึกประวัติการใช้งานและบันทึกการซ่อมแซม ของเคร่ืองมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ท้ังหมดของฝุายโรงงานในสถานประกอบการนอกจากน้ีอาจจะมีข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ รายชื่อของสถานประกอบการหรือบริษัทที่เป็นแหล่งจาหน่ายช้ินส่วนหรือข้อมูลเกี่ยวกับอะไหล่ท่ี จาเปน็ เมอ่ื เหตฉุ กุ เฉนิ หรืออะไหล่หมดอายุการใช้งานจะได้ทาการสัง่ ซื้อไดท้ ันเวลา

262 3) รายการซอ่ มบารุงประกอบดว้ ยรายละเอียดช้ินส่วนและจดุ ทจี่ ะซ่อมบารงุ ซึง่ จะ แสดงจุดหรือเครื่องหมาย เช่น มีเคร่ืองหมายลูกศรบ่งช้ีไปในพิมพ์เขียวเครื่องจักรหรือบัญชีชิ้นส่วน ประกอบตา่ ง ๆ ของเครือ่ งจกั รแต่ละประเภทมกี ารแสดงจุดหรอื ตาแหนง่ ทคี่ วรซอ่ มบารุง และมีระบบ แสดงรายละเอียดวิธีการถอดประกอบช้ินส่วนบริเวณจุดท่ีจะซ่อมบารุง พร้อมข้อห้ามหรือคาส่ังพิเศษ เฉพาะจดุ เอาไวด้ ้วย 4) มแี ผนผงั โรงงานท่แี สดงรายละเอียดของระบบการวางสายไฟ ท่อนา้ ประปา ทอ่ ไอนา้ ท่อลม หรือระบบลาเลยี งขนถา่ ยวัสดุตา่ งๆ ทั้งหมดในโรงงานน้ันและควรมีรายละเอียดแสดงจุด ของเคร่ืองช่วยในการผ่อนแรง ช่องทางออกท่ีเหมาะสม จุดรวมจ่าย เช่น บริเวณสวิทช์แผงและ ฟิวส์ จดุ หัวจา่ ยเชอื้ เพลิง ลมอดั หรือไอน้า เปน็ ต้น 5) ตารางกาหนดการบารุงรักษาหรือซอ่ มแซมประกอบด้วย ตารางเวลาในการซ่อม บารุงรักษา เช่น การหยอดหรือเปลี่ยนน้ามันหล่อลื่น จารบี สายพาน ตลับลูกปืนฯลฯ และตาราง แสดงรายการซ่อมแซมประจาปีหรือซ่อมตามอายุที่กาหนดไว้ในเครื่องจักรแต่ละตัว ทั้งนี้เม่ือมีกรณี ฉุกเฉินเกิดข้ึนที่เครื่องใด มีการชารุดต้องหยุดงาน ฝุายซ่อมบารุงจะสามารถให้บริการซ่อมแซมได้ ในทนั ที 10.3 ปัจจยั ท่ีสง่ ผลใหเ้ กิดความปลอดภัยในสถานประกอบการ ก่อนที่จะนาเสนอเรื่องปัจจัยที่เอื้ออานวยต่อการบารุงรักษาเครื่องจักรโรงงานรวมถึง ความปลอดภัยจะขอนาเสนอภาพเปรียบเทียบเรื่องความปลอดภัยในการทางานดังแสดงไว้ในภาพที่ 10.2 โดยภาพทางซ้ายมือจะเป็นภาพซ่ึงยังไม่ได้รับการบารุงรักษาและความปลอดภัยเพราะมือของ ผู้ใช้เคร่ืองจักรไม่ได้รับการสวมถุงมือปูองกันความปลอดภัย อีกทั้งยังไม่มีหน้ากากกันแสงหรือวัสดุ ส่วนเกินจากการผลิต ส่วนภาพทางขวามือจะเป็นภาพท่ีมีการปูองกันความปลอดภัยใน การปฏบิ ตั งิ านกบั เครอื่ งจกั รแล้วคอื มีการสวมถงุ มือและหนา้ กากปอู งกนั อุบัตเิ หตุ ดงั ภาพที่ 10.2 ภาพที่ 10.2 เปรยี บเทยี บการไดร้ ับและไม่ได้รับการปูองกันความปลอดภยั ทีม่ า : เขา้ ถึงไดจ้ าก http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 5]

263 ธีรยุส วัฒนาศุภโชค (2548) กล่าวว่าต่างประเทศเร่ิมมีการนาแนวคิดเรื่องโรงงานอัจฉริยะ ขนาดย่อม (Fabrication Laboratory) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า Fab Lab ซ่ึงหมายถึงโรงงานอัจฉริยะ ขนาดย่อมโดยใชเ้ งนิ ลงทุนประมาณหน่ึงล้านบาทโดยข้ึนอยู่กับชนิดของเทคโนโลยีที่จะนามาใช้ในการ ผลิต และใช้เนื้อที่เพียงห้องๆ หนึ่ง ก็เพียงพอแล้ว โรงงานอัจฉริยะขนาดย่อมน้ีจะประกอบไปด้วย เคร่ืองมือท่ีใช้เทคโนโลยีท่ีทันสมัย เร่ิมตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการออกแบบ สามารถแสดง ให้เห็นภาพสามมิติและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ง่าย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ในการผลิต สาหรับการผลิต ชิ้นส่วนพลาสติก เครื่องตัดสาหรับโลหะและไม้และเครื่องมือท่ีใช้เจาะตัดสาหรับวัตถุดิบที่มีความ ยืดหยุ่นโดยเครื่องมืออุปกรณ์ทั้งหมดน้ี จะต้องสามารถเช่ือมต่อกับอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ไฟฟูา อเิ ลก็ ทรอนิกส์อน่ื ไดด้ ้วย เพ่ือความสะดวกในการใช้งานและการเช่ือมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ในเชิงองค์รวม ท้ังหมดได้ โดยแนวคิดของโรงงานอัจฉริยะขนาดย่อมคาดว่าจะเป็นที่นิยมในประเทศกาลังพัฒนา เน่ืองจากสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยี และความรู้ช้ันสูงจากประเทศที่พัฒนาแล้วไปยังประเทศอื่นๆ เพือ่ ท่จี ะตอบสนองความต้องการเฉพาะด้าน ของแต่ละตลาดท้องถ่ินที่แตกต่างกันไป และหากโรงงาน อัจฉริยะขนาดยอ่ มมจี านวนมากข้ึนเรื่อย ๆ จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างแข่งขันในอุตสาหกรรมอย่าง มากเพราะโรงงานแบบน้ีจะเข้าไปเจาะตลาดส่วนเล็กๆ ท่ีกระจายอยู่ท่ัวไปและจะสามารถตอบสนอง ไดต้ รงจุดกว่ากจิ การขนาดใหญ่ท่ีดาเนินงานในลักษณะเข้าหาผู้บริโภคและโรงงานท่ีมีลักษณะเช่นน้ีได้ นามาพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เช่น โรงงานขนาดย่อมในอินเดียแห่งหน่ึง ได้รับการพัฒนาขึ้นเพ่ือ ตอบสนองกบั ความต้องการของเกษตรกรผเู้ ลยี้ งโคนมทางด้านตะวันตกของประเทศซ่ึงต้องการให้ผลิต เคร่ืองทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตอยู่ในพื้นที่ โดยเคร่ืองมือท่ีใช้คือ เครื่องส่งคล่ืนวิทยุ ความถี่สูง เข้าแยกส่วนผสมทางเคมีต่างๆ ของน้านม เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพ และแบ่งเกรด ของน้านมท่ีได้รับมาจากแต่ละฟาร์ม ในสภาพภูมิอากาศในพื้นท่ีและให้ได้ราคาที่เหมาะสมกับผลผลิต ทไี่ ด้อกี ด้วย ด้วยเหตนุ นี้ กั บริหารการผลิตและบริการเพื่อการพัฒนาจะได้รับความพึงพอใจในงานด้าน บารุงรักษาและความปลอดภัยว่าจะได้รับการดูแลเป็นกรณีพิเศษด้วยเทคโนโลยีท่ีทันสมัยแต่ในทาง ปฏิบตั ใิ นปจั จบุ นั กลบั ยังคงพบปญั หาพืน้ ฐานของงานทางดา้ นซ่อมบารงุ และความปลอดภัยโดยจะดังที่ ได้อธบิ ายดว้ ยภาพไปแลว้ ขา้ งต้น นักบริหารการผลิตและการดาเนินงานจะต้องตระหนักว่างานทางด้านการบารุงรักษาและ ความปลอดภัยเป็นเร่ืองท่ีต้องมาก่อน การท่ีฝุายโรงงานมีมาตรการในเร่ืองความปลอดภัยจะทาให้มี ชัยชนะเหนือคู่แข่งขันในอุตสาหกรรมเพราะว่าจะเป็นการลดความล่าช้าในเร่ืองของความสูญเสียทั้ง เจ็ดประการท่ีได้กล่าวไว้ในบทท่ี 3 ซึ่งประกอบด้วยประการแรกความสูญเสียเน่ืองจากการผลิตมาก เกินไป ประการท่ีสองความสูญเสียเน่ืองจากการขนส่ง ประการที่สามความสูญเสียเน่ืองจากการเก็บ วัสดุคงคลัง ประการท่ีส่ี ความสูญเสียเนื่องจากการเคล่ือนไหว ประการท่ีห้าความสูญเสียเน่ืองจาก กระบวนการผลิต ประการที่หกความสูญเสียเน่ืองจากการรอคอยและประการท่ีเจ็ดความสูญเสีย เนื่องจากการผลติ ของเสีย สาหรับประเทศไทยกาลังมีการพัฒนาในเรื่องน้ีอย่างต่อเนื่องและจริงจังและจากภาพใน กรณีศึกษาทจี่ ะนามาอธบิ ายนี้เปน็ ตัวอยา่ งของภาพการประมาทต่อความปลอดภัยจนอาจจะก่อให้เกิด ความสญู เสยี ทงั้ เจ็ดประการ หรือสญู เสยี ตน้ ทนุ การผลติ ด้านอ่ืน ๆ อีกมากมาย

264 ภาพที่ 10.3 จุดบกพร่องเร่ืองความปลอดภยั ในฝาุ ยโรงงานของสถานประกอบการ ท่ีมา : กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่10 [2550, สงิ หาคม 16] จากภาพที่ 10.3 แสดงการผลิตนาแข็งบรรจุซองเพ่ือการบริโภคของสถานประกอบการแห่ง หน่ึงซึ่งมีมาตรฐานในกระบวนการผลิตตลอดจนมีระบบ การจัดการโลจิสติกส์และการควบคุม คุณภาพท่ีดีมากหากแต่พนักงานระดับปฏิบัติการในฝุายโรงงานของสถานประกอบควรได้รับ การปูองกันความปลอดภัยดว้ ยการสวมถุงมือมหี มวกกันอบุ ัติเหตุมีหน้ากากเพื่อปูองกันการติดเชื้อจาก ระบบทางเดินหายใจและมีรองเท้าท่ีรัดกุมกว่าที่ การท่ีผู้บริหารจะต้องเสียสละเงินทุนเพิ่มในตอนแรก แต่จะคุ้มทุนในภายหลังอย่างแน่นอนเพราะเม่ือมีอุบัติเหตุที่เกิดข้ึนโดยฉุกเฉินจะสามารถแก้ปัญหาได้ ทนั เหตกุ ารณ์ ภาพท่ี 10.4 การไม่รกั ษาความปลอดภัยของพนักงานระดับปฏบิ ัติ ทมี่ า : กรมสง่ เสรมิ อุตสาหกรรมภาคที่10 [2550, สิงหาคม 16]

265 จากภาพท่ี 10.4 เป็นภาพสาหรับกรณีศึกษาท่ีสองเป็นภาพของโรงงานแห่งหน่ึงซ่ึงมีระบบ การจัดการงานผลิตท่ีดีมากมีมาตรการรักษาความปลอดภัยดีเย่ียมมีการบารุงรักษา เคร่ืองจักอย่าง สมา่ เสมอมีถังดับเพลิงตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหากแต่ความชานาญและการขาดการเอา ใจใส่ของพนักงานระดับปฏิบัติการในฝุายควบคุมดูแลเคร่ืองจักรเพิกเฉยต่อการนารองเท้า ถุงมือและ หมวกเพ่ือปูองกัน ความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานเพียงไม่กี่คร้ังแต่ถ้าหากเป็นครั้งท่ีเกิดอุบัติเหตุ พนักงานและสถานประกอบการแห่งน้ันจะเกิดความสูญเสียทางกายภาพ นับว่าเป็นความเสี่ยงภัย อย่างยิ่งต่อความสูยเสียและทุพลภาพเพราะไม่มีการปูองกันอันตรายจาการใช้เคร่ืองจักรอาจทาให้ สูญเสียตน้ ทุนที่มไิ ดค้ าดการหรอื วางแผนไวล้ ่วงหนา้ และเสียเวลาในการรองานเพราะสายการผลิตอาจ เกดิ สะดุดหรอื หยุดชะงกั เปน็ ระยะเวลาหนึ่งซ่งึ ในทางธุรกจิ อาจหมายรวมถงึ ความสุญเสียที่เกิดจากการ รองานทส่ี ะสมเปน็ ระยะเวลาทไี่ ม่คุ้มค่ากบั การลงทุนขดั ต่อวตั ถปุ ระสงค์ของการประกอบธรุ กจิ อนุศักด์ิ ฉิ่นไพศาล (2560) และประจวบ กล่อมจิตร (2555) กล่าวถึงเหตุผลที่จะต้องศึกษา และให้ความสาคัญกับเรื่องของปัจจัยที่เอ้ืออานวยต่อการบารุงรักษาโรงงานตามที่ได้ออกแบบ ตลอดจนการรักษาความปลอดภยั โดยสรุปดังต่อไปนี้ 1) นโยบายและความเอาใจใส่ของฝุายบริหาร (Executive Policy) การบารงุ รักษาทจ่ี ริงจัง และต่อเนื่องจะไมเ่ กิดข้ึนกบั พนักงานทุกคนหากฝุายบรหิ ารไมใ่ หค้ วามสาคญั และมนี โยบายกบั เร่อื งน้ี อย่างจรงิ จงั รวมทั้งตอ้ งมกี ารปฏบิ ัติให้พนกั งานเห็นเป็นรูปธรรม 2) มกี ารฝกึ อบรมพนักงานท่ีดี (Training) เนือ่ งจากพนักงานเป็นผู้ปฏิบัติงานใช้ใกลช้ ดิ กับเครอื่ งจักร มากท่สี ดุ ฉะนั้นองคก์ ารจะตอ้ งตระหนักถึงความสาคัญของการฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ พนักงานมีความรู้ความชานาญในการใช้งานและสามารถบารุงรักษาเครื่องจักรได้ถูกวิธีซึ่งจะช่วยยืด อายุการใช้งานของเครื่องจักรและลดต้นทนุ การซ่อมแซมเคร่ืองจักร 3) สงิ่ แวดล้อมการทางานทด่ี ี (Work Environment) สิ่งแวดล้อมในสถานที่ทางานจะส่งผล กระทบโดยตรงกับการทางานของเครื่องจักร เช่น แสงสว่าง อุณหภูมิและส่งผลต่อความยากง่ายของ การเขา้ ไปบารงุ ดูแลรักษา 4) ความเพียงพอของกาลังการผลิต (Capacity) หากเคร่ืองจักรเดินเต็มกาลงั ความสามารถ ทุกวันไม่ได้หยดุ พกั เคร่ืองอนั เนื่องมาจากกาลังการผลติ ทม่ี ีอยูไ่ มเ่ พียงพอกบั ความต้องการของลกู คา้ ทา ใหม้ กี ารผลิตล่วงเวลาบอ่ ยทาให้การบารุงรกั ษาเคร่ืองจักรมีไดไ้ ม่เต็มที่ 5) ความสามารถในการวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียของเครื่องจักร (Ability to Identify the Cause of Breakdown) หากบุคลากรที่มีอยู่ไม่สามารถวินิจฉัยสาเหตุของการเสียของเคร่ืองจักรได้ ทันท่วงทีอาจทาให้การบารุงรักษาเคร่ืองจักรไม่มีประสิทธิภาพเท่าท่ีควร และจะส่งผลต่อต้นทุนการ ซ่อมแซมที่สูงขึ้น 6) แสงสว่าง ความร้อน การระบายอากาศ เสียง สิ่งเหล่าน้ีต้องพียงพอเหมาะสมและลด อบุ ตั เิ หตุ

266 7) โครงสร้างที่ปลอดภัย แขง็ แรง ทนทานและประหยัด การออกแบบโครงสรา้ งของอาคาร ส่วนใหญจ่ ะเปน็ คอนกรตี สาเร็จรูป 8) ความปลอดภัยทเี่ ปน็ ไปตามข้อกาหนดกฎหมายท่ีเกีย่ วข้องกับโรงงาน เชน่ ทางเดนิ ทาง หนไี ฟ อุปกรณ์ดับเพลิงท่ตี อ้ งมไี วป้ ระจาโรงงาน เป็นตน้ 10.4 ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากการบารุงรักษาและความปลอดภัย อนุศกั ด์ิ ฉ่ินไพศาล (2558) พูลสขุ สังขร์ ่งุ และคณะ (2545) และยุทธ กยั วรรณ์ (2543) สรปุ วา่ ในการปฏบิ ตั ิงานบารุงรกั ษาเครื่องจักรตลอดจนการสรา้ งความปลอดภยั จะเกดิ ประโยชนอ์ ย่าง สงู สุดหากประกอบไปด้วยปจั จัยดังต่อไปน้ี 1) การลดความเสื่อมสภาพจากการจัดเก็บและการเกิดของเสียจากการผลิตด้วยเครื่องจักรท่ี ชารุด (Material Cost) มีการลดค่าอะไหลแ่ ละค่าเสยี เวลาและโอกาสอันเน่ืองจากต้องหยุดเคร่ืองจักร เพอื่ ซ่อมแซม (Machine Cost) และลดคา่ รักษาพยาบาลและค่าเสียเวลาอันเนื่องจากผู้ปฏิบัติงานเกิด อบุ ัตเิ หตุบาดเจ็บไมส่ ามารถทางานได้ (Manpower Cost) 2) ลดความเสยี หายและเสยี เวลาอนั เกิดจากเคร่อื งจักรขดั ข้องขณะปฏบิ ตั ิงานโดยเฉพาะอย่าง ยง่ิ โรงงานทีม่ กี ารปฏิบตั งิ านอยา่ งต่อเนอ่ื ง 3) สามารถยดื อายุการทางานของเครอื่ งจักรและปอู งกนั การชารุดเสียหายระหวา่ งใชง้ านซึง่ จะช่วยลดต้นทนุ และงบประมาณการจัดหาครุภัณฑ์ 4) ลดชิ้นงานหรอื ผลิตภณั ฑ์ที่มีคณุ ภาพตา่ หรือผลผลติ ท่ไี ม่ได้มาตรฐานตามข้อกาหนด 5) เพ่ิมประสิทธภิ าพในการทางานใหส้ ูงข้ึน 6) ทาใหเ้ กดิ ความปลอดภัยในการทางานปูองกันอันตรายท่ีจะเกดิ ขน้ึ กบั ผู้ปฏิบัติงาน 7) งานซ่อมบารงุ แบบปูองกันทาไดง้ ่ายและสะดวกรวดเรว็ ไมก่ ระทบกระเทือนกบั การผลติ เพราะมีกาหนดเวลาและมขี ้อมูลและมวี ิธกี ารทางานพร้อม 8) ลดเวลาท่ีหยุดชะงกั เนื่องจากเครื่องจักรชารดุ ระหวา่ งการผลติ ลงได้ 9) สามารถลดอบุ ตั เิ หตุหรืออนั ตรายเน่ืองจากการชารุดของเครื่องจักรลงได้ 10) ทาใหว้ างแผนไดง้ า่ ย และทาใหส้ ามารถใชพ้ นกั งานซ่อมบารงุ ตลอดจนอปุ กรณแ์ ละ เครอื่ งมอื ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 11) สามารถลดปริมาณสินค้าคงคลงั หากองค์การใดมกี ารบารงุ รักษาเคร่อื งจักรอยา่ งต่อเนอื่ ง ก็จะส่งผลให้องค์การนัน้ มีสนิ ค้าเพียงพอตอ่ ความต้องการของผู้บริโภค 12) สามารถลดตน้ ทุนการผลิตไดก้ ารบารงุ รักษาเคร่อื งจักรอยู่เสมอจะชว่ ยให้ตน้ ทนุ ใน การซอ่ มแซมเครื่องจกั รน้อยลงส่งผลต่อต้นทุนการผลิต 13) ผลผลิตสงู ขึ้นเม่ือเคร่ืองทางานเต็มกาลังความสามารถแลว้ จะทาให้ไดร้ บั ผลผลิตเตม็ ที่

267 14) ไดร้ บั ผลผลิตท่รี วดเร็วเหตทุ ่ีเป็นเชน่ นเี้ พราะเคร่ืองจักรได้รบั การบารงุ กส็ ามารถทางาน ได้เตม็ ความสามารถทาใหส้ ามารถผลติ สินค้าสง่ ไดท้ นั กับความต้องการของลูกค้า 15) ปรับปรงุ คุณภาพการทางานของเครื่องจักรมีผลต่อคณุ ภาพของสนิ คา้ ซึ่งหากเคร่อื งจักร เดนิ ไม่ปกตจิ ะส่งผลให้คณุ ภาพของสินคา้ ไม่ตรงกับทร่ี ะบไุ ว้การปรบั ปรุงกาลงั การผลิตหากมีการ บารงุ รักษาเคร่อื งจักรอย่างเต็มทีจ่ ะทาให้องค์การน้ันสามารถเพิม่ กาลงั การผลิตให้กับเคร่อื งจกั รได้ 10.5 การพัฒนางานบารุงรักษาและความปลอดภัย เม่ือเกิดปัญหาในสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นจุดหน่ึงจุดใด พนักงานระดับปฏิบัติการจะหยุด สายการผลิตและเข้าไปแก้ไขท่ีจุดน้ันโดยการแจ้งเหตุในจุดท่ีมีปัญหาซ่ึงระดับของปัญหาที่เกิดข้ึนจะมี น้าหนักความสาคัญหนักเบาต่างกันอีกทั้งมีแนวทางการแก้ไขต่างกัน สิ่งเดียวท่ีจะพัฒนาระบบงาน การบารุงรักษาได้ก็คือควรได้มีการอบรมพนักงานระดับปฏิบัติการให้ได้รับความรู้ในเร่ือง การบารุงรักษาและความปลอดภัย อาจจะต้องมีการสอนงานหรือวิธีวิธีการใช้งานเครื่องจักรท่ีถูกต้อง แนะแนวทางการปฏิบัติว่าจะต้องมีความระมัดระวังรอบคอบในทุกกระบวนการไหลของงาน ระมัดระวังไม่ใช้ทางานเกินกาลังของเครื่องจักรการพัฒนางานซ่อมบารุงรักษาและการดูแลความ ปลอดภัยในระบบการผลิตน้ันเป็นการทาในสิ่งท่ีชารุดให้คืนดีหรือใช้งานได้ หรือกิจกรรมที่จัดให้มีข้ึน เพ่ือให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพท่ีพร้อมที่จะใช้งานได้ตลอดเวลากระบวนการผลิตที่มี ประสิทธิภาพเคร่ืองจักรอุปกรณ์ท่ีถูกใช้งานควรอยู่ในสภาพที่สามารถทางานได้เต็มสมรรถนะในเวลา การดาเนินงานโดยไม่ชารุดขณะเดินเครื่องและมีเวลาหยุดเครื่องจักรน้อยท่ีสุดเท่าที่จะทาได้ เพ่ือให้ ระบบการผลิตสามารถดาเนินการไปได้อย่างคล่องตัวโดยมีต้นทุนต่าในระบบการผลิตแบบทันเวลาใน การกาหนดให้คนงานดูแลตรวจซ่อมเครื่องจักรในความรับผิดชอบตลอดจนความปลอดภัยของ พนกั งานระดับปฏิบตั กิ ารในแต่ละคนให้ดแู ลและควบคุมระบบการผลิตให้เป็นไปตามแบบ ถูกต้องตาม มาตรฐานและทนั เวลา แนวคิดของนักวิชาการหลายท่าน ได้แก่ อนุศักด์ิ ฉิ่นไพศาล (2558) ปรียาวดี ผลเอนก (2557) ประจวบ กลอ่ มจิตร (2555) เธยี รชัย จติ แจง้ (2553) พลู สขุ สังข์รงุ่ และคณะ (2545) พิชิต สุข เจริญพงษ์ (2547) พจมาน เตียวัฒนรัฐติกาล (2544) และประสงค์ ประณีตพลกรัง (2543) ทาให้ได้ องคค์ วามรู้ในเรอ่ื งแนวทางการพัฒนางานด้านการบารุงรักษาเครื่องจักรมีอย่สู องแนวทาง ดงั น้ี 1) การพฒั นาการดาเนนิ การบารุงรกั ษาแบบตา่ งๆ ซ่งึ ประกอบด้วยการบารงุ รักษา แบบปูองกัน การบารุงรักษาเพอ่ื ซ่อมแซมเคร่ืองจักรท่ีเสีย 2) การเพ่ิมประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการซ่อมแซมประกอบด้วยบุคลากรที่ได้รับ การฝึกฝนมาอย่างดี งบประมาณและแผนงานสนับสนุน การบารุงรักษาทวีผลท่ีทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive Maintenance) หรือต้นทุนการบารุงรักษาต่าสุดตลอดอายุการใช้งานและพร้อม ใช้งานได้ตลอดเวลาซ่ึงเป็นระบบที่ไม่ได้มอบหมายความรับผิดชอบด้านดูแลเคร่ืองจักรแก่ฝุายซ่อม บารุงเท่าน้ันแต่ทุกคนในโรงงานต้ังแต่ผู้บริหารระดับสูงตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝุายต่าง ๆ จะต้องร่วมมือ

268 กันร่วมใจกันปฏิบัติการบารุงรักษาเพื่อให้เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ทาการผลิตงานได้ทุกข้ันตอน ได้อย่างราบรน่ื 3) นักบริหารการผลิตควรนานโยบายเร่ืองการบารุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วมหรือที่ เรียกอย่างย่อว่า TPM มาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรมเพราะเรื่องนี้เป็นการบารุงรักษาเพื่อให้เคร่ืองจักร และอุปกรณ์มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยมีต้นทุนการบารุงรักษาต่าสุดตลอดอายุการใช้งานและมี ความพร้อมท่ีจะใช้งานได้ตลอดเวลา การบารุงรักษาทวีผลน้ันเป็นระบบการบารุงรักษาที่ไม่ได้ มอบหมายความรับผิดชอบด้านการดูแลเครื่องจักรแก่ฝุายซ่อมบารุงเท่าน้ันแต่ทุกคนในโรงงานต้ังแต่ ผู้บริหารระดับสูงตลอดจนเจ้าหน้าท่ีฝุายต่างๆ จะต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติการบารุงรักษาเพื่อให้ เคร่ืองจักรเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ทาการผลิตทุกขั้นตอนได้อย่างราบร่ืนในการจัดการงาน บารงุ รักษาเป็นเครอื่ งมือสาคญั ในการบรหิ ารภายใตส้ ถานการณ์ที่เปล่ยี นแปลงแข่งขันอยูต่ ลอดเวลา การท่ีจะใช้การพัฒนางานบารุงรกั ษาในโรงงานอุตสาหกรรมจะมุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาในด้าน การจัดองค์กรและแนวความคิดในการบริหารงานหน่วยงานซ่อมบารุง การวางยุทธวิธีของงาน บารุงรักษาและการวิเคราะห์ด้านการเงิน การสร้างความได้เปรียบในเชิงแข่งขันน้ัน การพัฒนาระบบ ซ่อมบารุงจะส่งเสริมให้องค์การทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ทัดเทียมกับการแข่งขันกับนานา อารยประเทศได้ในภาคอุตสาหกรรมเดียวกันท่ีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยในโรงงาน อุตสาหกรรมหลายแห่งไดเ้ ปล่ียนหนว่ ยงานซอ่ มบารงุ จากภาพลักษณ์อันเป็นหน่วยงานท่ีมีแต่ค่าใช้จ่าย ผันแปรมาเป็นหน่วยงานท่ีสร้างกาไรให้แก่บริษัทอย่างไม่น่าเชื่อถือความลับของความสาเร็จท่ีเกิดข้ึน กุญแจประการสาคัญอยู่ที่การพัฒนาหน่วยงานซ่อมบารุงให้เป็นระบบกลไกท่ีล่ืนไหลจะใช้หลักการ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในโรงงานอุตสาหกรรมแต่ละแห่งจะต้องให้มีผู้ท่ีมีความเชี่ยวชาญสูงและทางาน อยา่ งมีระบบจนถงึ ขั้นท่ีจะสามารถขยายขอบเขตของงานเพ่ือให้การบริการกับลูกค้าภายนอกองค์การ ได้และท่ีสาคัญคือการสร้างผลกาไรให้แก่บริษัทเพราะฉะน้ันการพัฒนาท่ีต่อเน่ืองเป็นส่ิงสาคัญในการ สรา้ งองค์การการผลิตและบริการเพ่ือการพัฒนาได้น้ัน ต้องปรับตัวให้สถานประกอบการแต่ละแห่งได้ เปน็ หนว่ ยงานทีไ่ ดเ้ ปรยี บเชงิ ธุรกิจ จากการศึกษามาตลอดท้ังบทผู้เรียนคงได้รับความรู้แล้วว่าการจัดการงาน บารุงรักษาเป็น เคร่ืองมือในการบริหารภายใต้ภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงแข่งขันอยู่ตลอดเวลา ดังน้ันการที่จะใช้ ก า ร พั ฒ น า ง า น บ า รุ ง รั ก ษ า ใ น โ ร ง ง า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม จ ะ มุ่ ง เ น้ น ไป ท่ี ก า ร พั ฒ น า ฝุ า ย โ ร ง ง า น แ ล ะ แนวความคิด ในการบริหารงานหน่วยงานซ่อมบารุงการวางยุทธวิธีของงานบารุงรักษาและการ วิเคราะห์ด้านการเงิน ในการท่ีจะสร้างความได้เปรียบในเชิงแข่งขันนั้นการพัฒนาระบบซ่อมบารุงจะ ส่งเสริมใหอ้ งค์การทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ทัดเทียมกับการแข่งขันกับนานาอารยประเทศ ได้ในอุตสาหกรรมเดียวกันท่ีมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองในประเทศไทยในโรงงานอุตสาหกรรมหลาย แห่งได้เปลี่ยนหน่วยงานซ่อมบารุงจากภาพลักษณ์เป็นหน่วยงานที่มีแต่ค่าใช้จ่ายผันแปรมาเป็น หน่วยงาน ท่ีสร้างกาไรได้อย่างดี และนี่ถือเป็นความลับของความสาเร็จท่ีเกิดขึ้น สิ่งสาคัญอยู่ที่ การพัฒนาหนว่ ยงานซ่อมบารงุ ใหเ้ ป็นกลไกทใี่ ช้การพัฒนาอย่างต่อเน่ือง ในโรงงานอุตสาหกรรมแต่ละ แห่งจะต้องให้มีผู้ที่มีความเช่ียวชาญสูงและทางานอย่างมีระบบ จนถึงข้ันที่จะสามารถขยายขอบเขต ของงานเพ่ือใหก้ ารบริการกบั ลกู คา้ ภายนอกองคก์ ารได้และท่ีสาคัญคือการสร้างผลกาไรให้แก่บริษัทได้

269 อย่างต่อเน่ือง การพัฒนาดังกล่าวจะเป็นการสร้างสถานประกอบการให้เป็นหน่วยงานที่มีความ ได้เปรยี บเชงิ ธรุ กจิ พรอ้ มที่จะเข้าสกู่ ารแขง่ ขันในภาคอุตสาหกรรมระดับโลกได้ต่อไป ดังนั้นเมื่อมองไป ในอนาคตนักบรหิ ารการผลิตควรให้ความสนใจในแนวความคิดรวบยอดเกี่ยวกับองค์การการผลิตและ การดาเนินงาน (Production and Operating Organization and Management Concepts) และ มคี วามสนใจในเรื่องการลดต้นทุนและการจัดการโลจิสติกส์กันมากขึ้นและนโยบายท่ีเป็นท่ีนิยมคือกล ยุทธ์การบารุงรักษาเชิงปูองกัน (Preventive Maintenance Strategies) คือ กลยุทธ์ที่สอดคล้องกับ แนวความคดิ ดังกล่าว ดงั นนั้ ในงานด้านซ่อมบารงุ จะมุง่ ในเรือ่ งการเปล่ียนเครื่องจักรหลักกับการลงทุน โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่แต่ใช้พลังงานต่าด้วยการมีการส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตท่ีสะอาด (Cleaner Technology) โดยแนวคิดนี้ก็ยังมีความสอดคล้องและเป็นการสนองตอบต่อนโยบายของ รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยที่ให้ความสาคัญให้สถานประกอบการทุกแห่งของประเทศหันมาประหยัด พลังงาน นกั บริหารการผลิตจงึ ควรใสใ่ จในเรอื่ งน้ที ้ังระดับจลุ ภาคและระดบั ภาคต่อไป บทสรุป งานด้านการบารงุ รักษาเปน็ เร่อื งสาคญั เพราะเม่ือใดท่ีเครื่องจักรอุปกรณ์เกิดขัดข้องอาจทาให้ สถานีทางานหยุดชะงักลงไปได้ เครื่องจักรอุปกรณ์ทุกชนิดจะมีการเสียเกิดข้ึนในระหว่างการใช้งาน ฉะนัน้ แผนกซ่อมบารุงจะต้องมีโครงสร้างการบริหารงานที่ดีเพื่อให้งานจานวนมากดาเนินไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพการบริหารงานซ่อมและบารุงรักษาน้ัน สิ่งท่ีจะต้องพึงระลึกไว้เสมอก็คือจะต้องมีระบบ ขอ้ มลู การบริหารงานซ่อมบารงุ รักษาโดยให้ความสนใจในข้อมูลรวมถึงให้การปฏิบัติอย่างเคร่งครัดใน หน้าท่ีของงานบารุงรักษาและความปลอดภัยซ่ึงประกอบด้วยงานบารุงรักษาด้านเคร่ืองกล งา น บารุงรักษาด้านไฟฟูา งานบารุงรักษาอุปกรณ์เครื่องคุมและเครื่องวัด งานบารุงอาคาร ตลอดจนงาน ด้านสาธารณูปโภค นอกจากนงี้ านบารงุ รกั ษาข้างตน้ แล้วงานดา้ นการผลิตต้องใส่ใจในเรื่องของโครงสร้างของงาน บารุงรักษาและความปลอดภัยในสถานประกอบการ ได้แก่ งานบารุงรักษาเม่ือเกิด เหตุขัดข้อง งาน ปูองกันการบารุงรักษา งานบารุงรักษาเชิงแก้ไขปรับปรุง งานบารุงรักษาเชิงปูองกันและเมื่อเข้าใจใน โครงสร้างแล้วนักบริหารการผลิตจะต้องตระหนักในปัจจัยท่ีมีส่วนสาคัญใน การเอื้ออานวยต่อ การบารุงรักษาและความปลอดภัย ได้แก่ นโยบายและความเอาใจใส่ของฝุายบริหารมีการฝึกอบรม พนักงานที่ดี ส่ิงแวดล้อมการทางานท่ีดี ความเพียงพอของกาลังการผลิต และความสามารถในการ วินิจฉัยหาสาเหตุการเสยี ของเครื่องจักร เมื่อมีการคานึงถึงทุกปัจจัยแล้ว ประสิทธิภาพในการทางานก็ จะเกิดขึ้นและยังส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาย เช่น การลดความเส่ือมสภาพจากการจัดเก็บ และการเกดิ ของเสยี จากการผลติ ด้วยเครื่องจักรที่ชารุด มีการลดค่าอะไหล่และค่าเสียเวลาและโอกาส อนั เนื่องจากต้องหยดุ เครือ่ งจกั รเพื่อซ่อมแซม ลดค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียเวลาอันเน่ืองมาจากการ นักศึกษาเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บและความสูญเสียอันเนื่องมาจากการไม่สามารถทางานได้ เมื่อ ขจัดปัญหาเหลา่ นไ้ี ดผ้ ลผลิตก็จะสูงข้ึนเม่ือเครื่องจักรทางานเต็มกาลังความสามารถแล้วจะทาให้ได้รับ ผลผลิตเต็มท่ีในท่ีสุดจะได้รับผลผลิตที่รวดเร็วเหตุท่ีเป็นเช่นนี้เพราะเครื่องจักรได้รับการบารุงก็

270 สามารถทางานได้เต็มความสามารถทาให้สามารถผลิตสินค้าส่งได้ทันกับความต้องการของลูกค้าและ ในท่สี ุดจะก่อใหเ้ กดิ การพฒั นาเปน็ โรงงานอจั ฉริยะได้

271 คาถามและกิจกรรมท้ายบทท่ี 10 1. บริหารงานผลติ สินคา้ และบริการน้นั งานดา้ นการบารุงรกั ษาเป็นเรอ่ื งสาคัญดังนั้นแผนก ซอ่ มบารงุ จะต้องมโี ครงสร้างการบริหารงานทีด่ ีอย่างไรบ้างจึงจะทาให้ระบบการผลิตเกิดประสทิ ธิภาพ มากที่สุด 2. จงอธิบายความหมายของคาศัพท์เทคนิค ต่อไปนี้ 2.1 งานบารงุ รักษาเมื่อเกดิ เหตุขดั ขอ้ ง (Breakdown Maintenance: BM ) 2.2 งานปูองกันการบารุงรักษา (Maintenance Prevention: MP) 2.3 งานบารงุ รกั ษาเชิงแก้ไขปรับปรุง (Corrective Maintenance: CM ) 2.4 งานบารุงรักษาเชงิ ปอู งกนั (Preventive Maintenance) : PM 3. ศึกษาภาพต่อไปนี้แล้วตอบว่าควรมกี ารบารุงรักษาแบบใด เพราะเหตุใด ตารางท่ี 10.1 อธิบายประเภทของการบารงุ รักษา คาอธิบายประเภทของการบารุงรักษา ภาพ ภาพท่ี 10.5 การบารุงรักษาวัสดุอุปกรณ์ในช่วง การไหลของงาน ท่มี า : เขา้ ถึงได้จาก : http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 25]

272 ตารางท่ี 10.1 อธิบายประเภทของการบารงุ รักษา (ตอ่ ) ภาพ คาอธบิ ายประเภทของการบารุงรกั ษา ภาพที่ 10.6 การบารุงรักษาเครอ่ื งจักรอุปกรณ์ ระหวา่ งการทางาน ท่มี า : เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 25] ภาพท่ี 10.7 การบารงุ รักษาอุปกรณ์ปูองกนั ความปลอดภยั ในระหวา่ งการทางาน ทมี่ า : เขา้ ถึงได้จาก http://doi.eng.cmu.ac.th, [2560, มกราคม 25]

273 ตารางที่ 10.1 อธบิ ายประเภทของการบารงุ รักษา (ต่อ) ภาพ คาอธิบายประเภทของการบารุงรกั ษา ภาพท่ี 10.8 การบารงุ รักษาอุปกรณก์ ารจัดเกบ็ ท่ีมา : เขา้ ถงึ ได้จาก http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 25] ที่มา : ดัดแปลงจาก http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 25] 4. ผเู้ รยี นมีความคิดเห็นอย่างไรเก่ียวกับปจั จยั ที่เออื้ อานวยตอ่ การซอ่ มบารุงและความปลอดภยั และ คิดวา่ ปัจจยั ใดทีส่ าคัญท่สี ุด เพราะเหตุใด อธิบาย 5. จงสบื คน้ กรณีศกึ ษาสถานประกอบการประเภทอุตสาหกรรมการผลติ และค้นหาว่างานทางด้าน ซ่อมบารุงที่เปน็ อยู่ในปัจจบุ นั ก่อให้เกิดและไม่ก่อให้เกิดประโยชนอ์ ย่างไรบ้างอธบิ ายและให้ตอบเปน็ รายขอ้ ตารางที่ 10.2 อธิบายงานทางดา้ นซ่อมบารงุ และรกั ษาความปลอดภยั งานทางด้านการซอ่ มบารุง ก่อประโยชน์ ไม่เกดิ ประโยชน์

274 ตารางที่ 10.2 อธิบายงานทางด้านซอ่ มบารุงและรักษาความปลอดภัย (ตอ่ ) งานด้านการรกั ษาความปลอดภัย ก่อประโยชน์ ไมเ่ กดิ ประโยชน์ ที่มา : ดัดแปลงจาก อนุศักด์ิ ฉิ่นไพศาล (2560 : 356)

275 เอกสารอ้างองิ บทท่ี 10 การบารุงรกั ษาเครือ่ งจักรอุปกรณร์ ะหวา่ งการทางาน. [Online]. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://doi.eng. cmu.ac.th [2560, มกราคม 27] การบารุงรกั ษาวัสดุอุปกรณใ์ นช่วงการไหลของงาน. [Online]. เขา้ ถึงได้จาก : http://doi. eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 25] การบารงุ รักษาอปุ กรณป์ ้องกันความปลอดภัยในระหว่างการทางาน. [Online]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://doi.eng.cm u.ac.th, [2560, มกราคม 27] กรมสง่ เสรมิ อุตสาหกรรมภาคที่ 10. (2550). โครงการสรา้ งและพฒั นาบรกิ รธรุ กจิ อตุ สาหกรรม. สุราษฎรธ์ านี. คานาย อภิปรัชญาสกลุ . (2559). ความปลอดภยั และส่ิงแวดล้อมการขนส่ง. (พิมพ์ครั้งท่ี1). กรงุ เทพฯ : โฟกัสมเี ดยี แอนด์ พบั ลิช่งิ จากัด. ธีรยุส วฒั นาศภุ โชค (2548). ทางสู่ยุคโรงงานอจั ฉริยะขนาดยอ่ ม. คณะพาณชิ ยศาสตร์และการบัญชี. กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . [Online]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.Nidambe11. net [2559, พฤษภาคม 25] เธยี รชยั จติ แจง้ . (2553). การออกแบบงานและการวดั งานและความปลอดภัยในงาน. หนว่ ยที่ 13. เอกสารประกอบการสอนชุดวิชา การจดั การการเงนิ การตลาดและการผลิต. สาขาวชิ า วิทยาการจัดการ. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. ประจวบ กลอ่ มจิตร. (2555). การออกแบบโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลติ และความ ปลอดภัย. กรงุ เทพฯ : ซเี อ็ดยเู คช่ัน. ประสงค์ ประณตี พลกรงั . (2543). การบริหารการผลิตและการปฏบิ ัติการ. กรุงเทพฯ : ธนธชั การพิมพิ์ จากัด. ปรียาวดี ผลเอนก. (2557). การบรหิ ารการผลิต. (พมิ พค์ ร้ังที่ 3). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์แห่ง จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เปรยี บเทยี บการไดร้ บั และไม่ได้รบั การปอ้ งกนั ความปลอดภัย. [Online]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 5] พจมาน เตียวัฒนรฐั ติกาล. (2544). การบริหารและจดั การองค์กรอตุ สาหกรรม. (พมิ พ์คร้ังที่ 5). กรงุ เทพฯ : สมาคมส่งเสรมิ เทคโนโลยีไทย-ญ่ปี นุ . พชิ ติ สุขเจริญพงษ.์ (2547). การจดั การวิศวกรรมการผลิต. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคช่นั . พูลสุข สงั ขร์ งุ่ และคณะ. (2545). การบริหารการผลิต. (พิมพ์คร้งั ที่ 4). กรงุ เทพฯ : วี เจ พร้นิ ติง้ . ยุทธ กยั วรรณ์. (2543). การบรหิ ารการผลิต. กรงุ เทพฯ : ศนู ยส์ ่อื เสรมิ กรุงเทพ. พมิ พด์ิ ี จากดั . วิชัย แหวนเพชร. (2543). การวางแผนและควบคมุ การผลิต. (พมิ พ์ครัง้ ที่ 3). กรงุ เทพฯ : ธรรกมลการพิมพ์. สธุ ี ขวญั เงนิ . (2548). การจดั การผลติ และการปฏิบัตกิ าร. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยเู คชั่น.

276 ความสญู เสียเนื่องจากการรอคอย. [Online]. เขา้ ถึงได้จาก : http://doi.eng.cmu.ac.th [2560, มกราคม 25] อนศุ ักด์ิ ฉ่ินไพศาล. (2560). เทคนคิ การจดั การความปลอดภัย. กรุงเทพฯ : ซเี อ็ดยเู คช่ัน. _________. (2558). งานบารงุ รกั ษาเชงิ ป้องกนั กรุงเทพฯ : ซเี อด็ ยเู คช่ัน. International Civil Aviation Organization. (2009). Safety Management Manual. (2nd ed.) UK : ICAO. [Online]. Avaiable : http://web.shgm.gov.tr /documents /sivilhavacilik/files/pdf/saglik_birimi/DOC_9859_FULL_EN.pdf [2017, May 24] Plog, B.A. & Quinlan, P.J. (2002). Fundamental of Industrial Hygiene. (5thed.). U.S.A. : National Safety.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook