Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Description: 01

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนร้หู นว่ ยการเรียนที่ ๑ เรื่อง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวชิ าภาษาไทย 2 รหัสวชิ า ท๒๑๑๐2 ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ นางสาวปานทอง แสงสุทธิ ครู คศ.๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย โรงเรียนบดนิ ทรเดชา (สิงห์ สงิ หเสน)ี ๔ สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต ๒ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน

คำนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และได้กาหนดมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วัดกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ต่างๆ เพื่อให้สถานศึกษานาไปใช้เป็นกรอบ ทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วางแผนจัดการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนา ผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่ กาหนดให้ พร้อมทั้งดาเนินการวัดประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีคุณภาพตามหลักการของหลักสูตร เพื่อให้เกิดผลสาเร็จตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษาไทย ดังนั้นขั้นตอนการนาหลักสูตรสถานศึกษาไป ปฏิบัติจริงในชั้นเรียนของครูผู้สอน จึงจัดเป็นหัวใจสาคัญของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้บรรลุตามเป้าหมาย ของหลกั สตู ร ครูผ้สู อนจึงจัดทาแผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 เพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทาง วางแผนจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดทาเป็นหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward Design) ท่ีมุ่งเน้นกระบวนการคิดและการประกันคุณภาพ ผู้เรียน ช่วยให้ผู้ปกครองและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถม่ันใจในผลการ เรียนรู้และคุณภาพของผู้เรียนท่ีมีหลักฐานตรวจสอบผลการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ แนวทางจัดการเรียน การสอนตามแผนการสอนท่ีจัดทาเป็นรายคาบไว้อย่างละเอียด จะช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นกั เรียนให้สงู ขึน้ ตามมาตรฐานการศึกษา ปานทอง แสงสทุ ธิ ครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

สำรบญั หนำ้ เร่ือง ก คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ข โครงสร้ำงรำยวิชำ ๑ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๑ รำชำธริ ำช ตอนสมงิ พระรำมอำสำ ๑ แบบบันทกึ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ 16 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ ปรศิ นาอกั ษรไขวฯ้ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ อา่ นคลอ่ ง ตอ้ งเรียนรู้ 21 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓ อา่ นคลอ่ ง ต้องฝกึ ฝน 27 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ การเขยี นย่อความ 33 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ วเิ คราะห์คา เพิม่ ความรู้ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๖ วิเคราะห์ภาษาในราชาธริ าช 39 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ ไม้ยมกซา้ คา 46 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๘ วนิ ิจสาร ภาพพจนอ์ ปุ มา แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๙ พดู สรุปความ คดิ ตามเมือ่ ฟัง 51 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๐ เรยี งความสรา้ งสรรค์ 57 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๑ ประกาศตนให้คนรู้ 63 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๒ จดหมายลาครู ภำคผนวก 69 75 80 86

แบบบนั ทกึ หน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เร่อื ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหสั วชิ า ท2110๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศึกษา 2562 เวลา 20 คาบ ครผู ู้สอน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ โรงเรียนบดนิ ทรเดชา (สิงห์ สงิ หเสน)ี ๔ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชี้วดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคดิ เพ่อื นาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาใน การดาเนนิ ชวี ิต และมีนิสยั รักการอา่ น ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั เรอื่ งท่ีอ่าน ท ๑.๑ ม. ๑/๒ จบั ใจความสาคญั จากเร่อื งท่ีอา่ น ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบุและอธบิ ายคาเปรยี บเทยี บและคาท่มี ีหลายความหมายในบริบทตา่ ง ๆ จาก การอา่ น ท ๑.๑ ม. ๑/๘ วิเคราะหค์ ุณค่าที่ได้รบั จากการอา่ นงานเขียนอย่างหลากหลาย เพ่ือนาไปใช้ แกป้ ัญหาในชวี ติ ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการอา่ น มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอ่ื งราว ในรูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ตวั ช้ีวัด ท ๒.๑ ม. ๑/๒ เขยี นสอื่ สารโดยใช้ถ้อยคาถูกตอ้ ง ชัดเจน เหมาะสม และสละสลวย ท ๒.๑ ม. ๑/๔ เขียนเรียงความ ท ๒.๑ ม. ๑/๕ เขียนยอ่ ความจากเร่ืองที่อา่ น ท ๒.๑ ม. ๑/๗ เขียนจดหมายสว่ นตัวและจดหมายกิจธรุ ะ ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขียน มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ย่างมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิดและ ความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ชวี้ ัด ท ๓.๑ ม. ๑/๑ สรุปใจความสาคัญของเรื่องท่ีฟังและดู ท ๓.๑ ม. ๑/๓ พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกบั เร่อื งทฟ่ี งั และดู ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด

มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็น คณุ ค่า และนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ ตวั ชีว้ ัด ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม. ๑/๒ วเิ คราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี า่ นพรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ ท ๕.๑ ม. ๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ น ท ๕.๑ ม. ๑/๔ สรปุ ความร้แู ละขอ้ คิดจากการอา่ นเพอ่ื ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจริง ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความเป็นมาของเรอ่ื ง ราชาธิราช (K) 2) อธบิ ายความหมายคาศัพท์ (P) 3) อา่ นออกเสียงคาศัพท์ยากจากเนือ้ เรอ่ื ง (P) 4) อ่านออกเสยี งเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา (P) 5) อธบิ ายวธิ กี าร องคป์ ระกอบ และรูปแบบการเขียนย่อความ (K) 6) เขยี นย่อความรูปแบบต่าง ๆ (P) 7) จาแนกคาซอ้ นกับคาประสม (P) 8) อธิบายความหมายของคาทเี่ ปน็ คาพ้อง (K) 9) วิเคราะห์ชนดิ ของคาพอ้ ง (P) 10) วเิ คราะหก์ ารใช้ไม้ยมกเพ่อื ซา้ คา (P) 11) อธบิ ายลักษณะของการใช้คาเปรยี บเทียบ (K) 12) วิเคราะห์ความหมายของคาเปรียบเทียบ (P) 13) อธิบายแนวทางการพูดสรุปความจากเรื่องทฟี่ ังและดู (K) 14) อธิบายหลกั การเขียนเรยี งความเชิงพรรณนา (K) 15) เขยี นเรียงความเชงิ พรรณนา (P) 16) อธบิ ายหลกั การเขยี นแนะนาตนเอง (K) 17) เขียนแนะนาตนเอง (P 18) อธบิ ายส่วนประกอบและหลกั การเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ (K) 19) อธิบายลักษณะของจดหมายลาครู (K) 3. สาระสาคญั ๑. วรรณคดเี ร่ือง ราชาธริ าช แปลมาจากพงศาวดารมอญ และนามาเรยี บเรียงใหมส่ อดแทรกวถิ ี ชวี ิตความเปน็ ไทย เร่อื ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา มคี าศัพท์ท่ีควรศึกษามากมาย เพือ่ เป็นประโยชน์ ในการอ่านเรือ่ งให้เขา้ ใจมากย่ิงข้นึ ๒. แนวทางท่ีจะทาให้อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วทเี่ ปน็ วรรณคดีไดด้ นี น้ั ต้องศกึ ษาเนื้อเร่อื งให้เขา้ ใจ สังเกตถอ้ ยคาและข้อความทีเ่ ป็นใจความสาคัญเพ่ือเน้นเสยี ง และฝึกอ่านออกเสยี งคาที่อ่านยากให้ถูกต้อง ๓. การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ท่มี กั เกิดขน้ึ ในชวี ิตประจาวันจะเปน็ การอ่านโดยไมไ่ ด้เตรียมตวั ลว่ งหน้า ซง่ึ ผอู้ ่านจะต้องใชท้ ักษะและความสามารถท่ีเคยฝึกฝนมาเพ่ือใหก้ ารอ่านออกเสยี งน้ันมีประสิทธภิ าพ ดงั น้นั ผู้ท่จี ะอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วไดด้ ี จึงต้องฝึกฝนและพัฒนาตนอยู่เสมอ

๔. การเขียนย่อความเป็นการนาใจความสาคัญของเรื่องท่ีอ่าน ฟัง หรือดู มาเรียบเรียงใหม่ให้ กระชับ เขา้ ใจงา่ ย และได้ใจความถูกตอ้ ง ครบถว้ นตามเรือ่ งเดิม ๕. คาซ้อน เป็นคาท่ีเกิดจากการนาคามูลท่ีมีความหมายเหมือนกัน คล้ายคลึงกัน หรือตรงข้ามกัน ต้ังแต่ ๒ คามารวมกัน ทาใหเ้ กดิ คาใหมท่ ีม่ คี วามหมายใหม่หรือมเี ค้าของความหมายเดิม ๖. คาประสม เป็นคาทเี่ กิดจากการนาคาท่ีมคี วามหมายต่างกันตงั้ แต่ ๒ คามารวมกนั เป็นคาใหม่ท่ีมี ความหมายใหม่ หรือมีเคา้ ของความหมายเดมิ ๗. ลักษณนาม เป็นคาที่ใช้บอกลักษณะของสิ่งต่าง ๆ เพ่ือแสดงรูปรา่ ง ลักษณะ หรือ ปริมาณของ สง่ิ นนั้ ๘. การเข้าใจลักษณะและความหมายของคาพ้องท่ีใช้ในวรรณคดี ทาให้เข้าใจเนื้อความท่ีอ่านได้ ถูกต้อง ๙. ไม้ยมก (ๆ) จะใช้เมื่อเป็นคาซ้า และเม่ือต้องการซ้าคา วลี หรือประโยคเดิมอีกคร้ังหนงึ่ ซึ่งต้อง เป็นคาชนิดเดยี วกนั และอยู่ในเนอ้ื ความเดยี วกนั ๑๐. อปุ มาเป็นการใชถ้ อ้ ยคาเปรียบเทยี บใหเ้ หน็ ภาพพจน์ทชี่ ัดเจน ซ่ึงมักมีคาวา่ ดงั เหมือน ดจุ ใน ข้อความที่แสดงการเปรยี บเทียบน้นั ๑๑. การพดู แสดงความคิดสรา้ งสรรคต์ ้องใชค้ วามคดิ พิจารณาประเดน็ ต่าง ๆ แล้วจึงแสดงความคิด นน้ั ใหป้ รากฏ เพื่อใหเ้ ป็นประโยชน์แก่ผ้ฟู งั โดยเปน็ ความริเร่ิม แปลกใหมแ่ ละสร้างสรรค์สังคม ๑๒. การพูดสรปุ ความจากเร่ืองที่ฟังและดู ทาให้ได้รบั ขอ้ มูลทก่ี ระชบั ประหยดั เวลา ได้สาระสาคญั ครบถ้วน และทาให้การสอ่ื สารเกดิ ประสทิ ธิภาพ ได้รับประโยชนท์ ้ังผู้พดู และผฟู้ งั ๑๓. การเขียนแนะนาตนเองเป็นการนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับตนเองให้ผู้อ่ืนรับทราบเพ่ือประโยชน์ อยา่ งใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขอ้ มูลทงั้ หมดต้องเป็นความจริง ๑๔. พรรณนาโวหารเป็นการเขียนอธิบายรายละเอียดของส่ิงต่าง ๆ หรือความรู้สึกอย่างประณีต ละเอยี ดลออ เพ่อื ให้ผ้อู ่านเกิดความซาบซ้งึ และเกิดจินตภาพ ๑๕. การเขียนเรียงความเชิงพรรณนาเป็นงานเขียนร้อยแก้วที่มีการแทรกเน้ือความที่กล่าวอย่าง ละเอยี ด และเลือกใช้ถ้อยคาเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ มโี ครงสรา้ งทปี่ ระกอบดว้ ยคานา เนื้อเร่ืองและสรุป ๑๖. จดหมายลาครู เปน็ จดหมายกิจธุระรูปแบบหนึง่ มีวัตถปุ ระสงคเ์ พอื่ ขออนญุ าตครูผู้สอนเพือ่ หยดุ เรียน อนั เน่ืองมาจากนักเรยี นมีกจิ ธุระส่วนตัวจะตอ้ งไปปฏบิ ตั หิ รอื มีอาการปว่ ยจนไม่สามารถมาเรยี นได้ 4. ทักษะการคิด 1) ทกั ษะการตีความ 2) ทักษะการสรปุ ลงความเห็น 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล 5) ทกั ษะการตัง้ เกณฑ์ 6) ทักษะการประเมิน 5. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1) ชนิดของคาและหน้าที่ของคาในประโยค 2) การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว

3) การอ่านจับใจความ 4) การเขียนแนะนาตนเอง 5) การเขียนเรียงความเชงิ พรรณนา 6) การเขียนยอ่ ความ 7) การเขียนจดหมายลาครู 8) การพดู สรปุ ความจากเรอ่ื งทีฟ่ ังและดู 9) การพูดแสดงความคิดอย่างสร้างสรรค์ 10) การสรุปเนอ้ื หาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน 11) การวเิ คราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี า่ นพรอ้ มยกเหตุผลประกอบ 12) อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ ่าน 13) การสรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากการอ่านเพ่อื ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทกั ษะการอา่ น 2) ทกั ษะกระบวนการคดิ ตัดสินใจ 3) ทกั ษะการตคี วาม 4) ทกั ษะการประเมิน 5) ทกั ษะการตั้งเกณฑ์ 6) ทักษะการสรุปลงความเห็น 7) ทักษะการวเิ คราะห์ 8) ทกั ษะการประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ 9) ทักษะการใหเ้ หตุผล คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุ่งมน่ั ในการทางาน 4) รกั ความเป็นไทย ๖. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคดิ - การจาแนก - การให้เหตุผล - การวเิ คราะห์ - การสังเคราะห์ - การจดั ระบบความคิดเปน็ แผนภาพ

- การประยกุ ต/์ การปรบั ปรุง - การสรปุ ความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 7. ความเขา้ ใจที่คงทน นักเรียนสามารถสรปุ ไดว้ ่า วรรณคดีเร่ือง ราชาธิราช แปลมาจากพงศาวดารมอญ และนามาเรียบเรียงใหม่สอดแทรกวิถีชวี ิต ความเป็นไทย เรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มีคาศัพท์ท่ีควรศึกษามากมาย เพื่อเป็นประโยชน์ใน การอา่ นเรื่องใหเ้ ขา้ ใจมากยิง่ ขน้ึ แนวทางท่ีจะทาให้อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วที่เป็นวรรณคดีได้ดีนั้น ต้องศึกษาเนื้อเรื่องให้เข้าใจ สังเกตถ้อยคาและข้อความท่ีเป็นใจความสาคัญเพ่ือเน้นเสยี ง และฝึกอา่ นออกเสียงคาทอี่ ่านยากให้ถูกตอ้ ง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วท่ีมักเกิดข้ึนในชีวิตประจาวันจะเป็นการอ่านโดยไม่ได้เตรียมตัว ล่วงหน้า ซ่ึงผู้อ่านจะต้องใช้ทักษะและความสามารถที่เคยฝกึ ฝนมาเพ่ือให้การอ่านออกเสียงนัน้ มปี ระสิทธิภาพ ดงั นั้น ผทู้ ่จี ะอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ ได้ดี จึงตอ้ งฝกึ ฝนและพฒั นาตนอยู่เสมอ การเขียนย่อความเป็นการนาใจความสาคัญของเร่ืองท่ีอ่าน ฟัง หรือดู มาเรียบเรียงใหม่ให้กระชับ เข้าใจง่าย และได้ใจความถกู ตอ้ ง ครบถว้ นตามเรอ่ื งเดิม ไม้ยมก (ๆ) จะใช้เม่ือเป็นคาซ้า และเมื่อต้องการซา้ คา วลี หรือประโยคเดิมอีกคร้ังหน่ึงซ่ึงต้องเปน็ คาชนิดเดียวกันและอยใู่ นเน้อื ความเดยี วกัน อุปมาเป็นการใช้ถ้อยคาเปรียบเทียบให้เห็นภาพพจน์ท่ีชัดเจน ซึ่งมักมีคาว่า ดัง เหมือน ดุจ ใน ข้อความทแ่ี สดงการเปรียบเทียบนนั้ การพูดแสดงความคิดสร้างสรรค์ต้องใช้ความคิดพิจารณาประเด็นต่าง ๆ แล้วจึงแสดงความคิดนัน้ ใหป้ รากฏ เพือ่ ใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ก่ผ้ฟู งั โดยเป็นความคิดรเิ รม่ิ แปลกใหมแ่ ละสร้างสรรคส์ ังคม การพูดสรุปความจากเรื่องที่ฟังและดู ทาให้ได้รับข้อมูลที่กระชับ ประหยัดเวลา ได้สาระสาคัญ ครบถว้ น และทาใหก้ ารส่ือสารเกดิ ประสทิ ธิภาพ ไดร้ ับประโยชน์ท้งั ผู้พดู และผู้ฟงั การเขียนแนะนาตนเองเป็นการนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเองให้ผู้อื่นรับทราบเพื่อประโยชน์อย่างใด อย่างหน่ึง ซง่ึ ข้อมลู ทงั้ หมดตอ้ งเป็นความจรงิ พรรณนาโวหารเป็นการเขียนอธิบายรายละเอียดของส่ิงต่าง ๆ หรือความรู้สึกอย่างประณีต ละเอียดลออ เพอื่ ให้ผูอ้ ่านเกดิ ความซาบซ้งึ และเกดิ จินตภาพ การเขยี นเรียงความเชงิ พรรณนาเปน็ งานเขียนร้อยแกว้ ท่มี ีการแทรกเน้อื ความท่กี ลา่ วอย่างละเอียด และเลือกใชถ้ อ้ ยคาเพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ ภาพ มีโครงสร้างทป่ี ระกอบด้วยคานา เน้ือเรื่องและสรุป จดหมายลาครู เป็นจดหมายกิจธุระรูปแบบหน่ึง มีวัตถุประสงค์เพ่ือขออนุญาตครูผู้สอนเพ่ือหยุด เรียน อันเนอื่ งมาจากนักเรียนมีกิจธุระสว่ นตวั จะตอ้ งไปปฏิบตั หิ รอื มอี าการปว่ ยจนไมส่ ามารถมาเรยี นได้ วรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ให้คุณค่าทั้งด้านสานวนภาษาที่ไพเราะจับใจ สละสลวยชวนอา่ น ให้ข้อคดิ เกี่ยวกับการรักษาคาพูด การรักชาติบา้ นเมอื ง รักเกียรติและศกั ดิศ์ รีของตนเอง

๘. กาหนดหลักฐานการเรยี นรู้ 8.1 ช้ินงาน/ภาระงาน ๑. การอา่ นออกเสยี งเร่ือง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ๒. ใบงานเร่อื ง การเขียนยอ่ ความสมงิ พระรามอาสา ๓. การพูดแสดงความคิดเหน็ อย่างสรา้ งสรรค์ ๔. การพูดสรปุ ความจากเรือ่ งท่ีฟังและดู ๕. ชน้ิ งานเรื่อง การเขียนแนะนาตนเอง ๖. ชน้ิ งานเรือ่ ง คณุ แผ่นดนิ และปน่ิ ราชัน ๗. ชิน้ งานเรื่อง การเขียนจดหมายลาครู 8.2 เกณฑ์การวัดผล/ประเมนิ ผล ๑. การประเมินผลตวั ช้ีวัด เรอื่ ง การอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ เกณฑก์ ารประเมนิ ๔ ระดบั คะแนน ๑ ๓๒ อ่านออกเสยี ง การอ่านออกเสยี ง อ่านออกเสียง อา่ นออกเสียง อ่านออกเสียง ถกู ต้องตามอกั ขรวิธี บทร้อยแกว้ ถกู ต้องตามอักขรวธิ ี ถกู ตอ้ งตามอักขรวิธี ถูกต้องตามอักขรวธิ ี เสียงดงั ชัดเจน แตย่ งั ตอ้ งปรับปรุง เสยี งดงั ชดั เจน เสยี งดังชัดเจน เสยี งดงั ชัดเจน เวน้ วรรคตอน เวน้ วรรคตอน เวน้ วรรคตอน เร่ืองการเว้น เหมาะสมน้าเสยี ง วรรคตอน นา่ ฟงั และเหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม กบั เรอ่ื งทีอ่ า่ น นา้ เสยี งน่าฟงั แตน่ ้าเสยี งราบเรยี บ ๑ แตบ่ างชว่ งต้อง ไม่น่าสนใจ เขยี นรปู แบบของ ยอ่ ความไดถ้ กู ตอ้ ง ลลี าการอ่านเปน็ ปรับปรงุ ให้ แตย่ งั สรปุ ใจความ ธรรมชาติ สอดคล้องกบั เนอื้ หา สาคัญไดไ้ ม่ดี และ ข้อความส่วนใหญ่ ใบงานเรือ่ ง การเขยี นยอ่ ความสมิงพระรามอาสา คดั ลอกมาจาก เกณฑ์การประเมนิ ๔ ระดับคะแนน เนอื้ เรอื่ ง ๓๒ การเขยี นย่อความ เขียนรปู แบบของ เขยี นรูปแบบของ เขยี นรูปแบบของ ย่อความไดถ้ ูกตอ้ งสรปุ ย่อความได้ถูกต้อง ย่อความได้ถูกต้อง ใจความสาคญั ได้ สรปุ ใจความสาคญั สรุปใจความสาคัญ ครบถว้ น ชัดเจน โดย ได้ครบถ้วนและใช้ ได้ แต่เป็นการนา ใช้ภาษาของตนเอง ภาษาของตนเอง ขอ้ ความในเรื่องมา ตดั ตอ่ กันโดยใช้ เป็นสว่ นใหญ่ คาเช่ือมหรอื ขอ้ ความบางตอน ของตนเอง

เรือ่ ง การพดู แสดงความคิดอย่างสร้างสรรค์ เกณฑ์การประเมนิ ๔ ระดบั คะแนน ๑ ๓๒ พูดแสดงความคดิ การพดู แสดงความคิด พูดแสดงความคดิ ที่ พูดแสดงความคดิ พดู แสดงความคดิ ได้เพียงสนั้ ๆ และ อย่างสร้างสรรค์ แปลกใหม่ น่าสนใจ ทสี่ รา้ งสรรค์ และ ท่เี ป็นประโยชน์ วิเคราะห์ รายละเอียด และสรา้ งสรรคม์ ี เป็นประโยชน์ และมเี หตผุ ล ไม่ชดั เจน ต้องพฒั นา ทักษะการพดู และ เหตผุ ลประกอบท่ดี ี มเี หตุผลประกอบ สอดคล้องกัน บุคลิกภาพ วิเคราะห์ วิเคราะห์ วิเคราะห์ 1 รายละเอียดครบถว้ น รายละเอยี ดครบถ้วน รายละเอยี ดบาง พดู สรปุ ใจความ- สาคัญอย่างคร่าว ๆ ชดั เจน นา้ เสยี งและ ชดั เจนทักษะการพูด ประเด็นชดั เจน พอจบั ประเด็นได้ การลาดบั ความคิด ลลี าการพดู ดี ดี มคี วามมั่นใจ ทกั ษะการพูดดี ไมต่ อ่ เนอ่ื ง ตอ้ ง แตข่ าดความมน่ั ใจ พัฒนาทกั ษะ การพดู และ เร่อื ง การพูดสรปุ ความจากเรอื่ งที่ฟังและดู บคุ ลิกภาพ เกณฑ์การ ระดบั คะแนน 1 ประเมนิ ๔ 3 2 เขยี นแนะนาตนเอง โดยให้ขอ้ มลู ถูกตอ้ ง การพูดสรปุ ความ พูดสรุปความได้ พูดสรปุ ใจความ- พูดสรุปใจความ- ครบถว้ นแต่เป็นการ จากเรอ่ื งทฟี่ งั และดู กระชบั ชัดเจน สาคญั ครบถ้วน สาคญั ครบถว้ น เขยี นธรรมดา ใจความสาคัญ ลาดบั ความคิดเป็น แตก่ ารลาดับความคดิ ครบถ้วน ลาดบั ระบบ ใจความ บางชว่ งไมต่ ่อเน่ือง ความคดิ เป็นระบบ ตอ่ เน่ืองสัมพนั ธ์กนั ทักษะการพดู ดี แต่ ใจความต่อเนอื่ ง ทกั ษะการพดู ดี ขาดความมนั่ ใจ สัมพันธก์ ัน มคี วามมน่ั ใจ มีนา้ เสียงและลีลา การพดู ดี ช้ินงานเรอ่ื ง การเขยี นแนะนาตนเอง เกณฑ์การประเมิน ๔ ระดบั คะแนน 32 การเขยี นแนะนา เขียนแนะนาตนเอง เขยี นแนะนาตนเอง เขียนแนะนาตนเอง ตนเอง โดยให้ข้อมลู ถูกตอ้ ง โดยใหข้ อ้ มูลถูกต้อง โดยใหข้ ้อมลู ถกู ตอ้ ง ครบถ้วนและ ครบถ้วนและเขียนได้ ครบถ้วน เขียนได้น่าเช่อื ถือ น่าเชือ่ ถอื มีวิธี วธิ ีการนาเสนอใช้ได้ กลวธิ ีการนาเสนอ นาเสนอทด่ี ี การลาดับ แตต่ อ้ งปรบั ปรงุ เรอ่ื ง นา่ สนใจ การลาดับ ความคดิ ดีมาก การลาดบั ความคดิ ความคดิ และใช้ภาษา และใช้ภาษาดี และการใชภ้ าษา ดีมาก ช้ินงานเร่อื ง คุณแผ่นดินและปิ่นราชัน เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคะแนน การเขียนเรยี งความ ๔321 เชิงพรรณนา เรยี งความมี เรียงความมี เรยี งความมี เรียงความมี องค์ประกอบครบถว้ น องค์ประกอบครบถ้วน องค์ประกอบครบถว้ น องค์ประกอบครบถว้ น ขนึ้ ต้นคานาได้ ขึน้ ต้นคานาได้ ขนึ้ ต้นคานาได้ดี ขึน้ ต้น คานาไม่มีสว่ น

เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคะแนน ๔ 32 1 นา่ สนใจ เน้อื เรอ่ื งมี น่าสนใจ เน้ือเรือ่ งมี เน้อื เร่อื งมีความ ใดน่าสนใจเปน็ พิเศษ การลาดับความคิด การลาดบั ความ ได้ตอ่ เน่ืองสมั พันธ์กัน การลาดบั ความคิดได้ ต่อเน่ืองสัมพันธ์กัน และสรุปกระชบั กนิ ใจ บางช่วงไมส่ ัมพันธ์กนั ได้ความชดั เจน ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน เป็นส่วนใหญ่ การพรรณนาไม่มี แทรกการพรรณนา จุดเด่นท่ีชดั เจน อยา่ งเหมาะสม และสรปุ ได้ความ และสรปุ ไดเ้ ช่ือมโยง การใช้ภาษาวกวน ใชภ้ าษาประณตี ชัดเจน แทรกการ กบั เนอื้ หา แทรกการ พรรณนาอย่าง พรรณนาเลก็ น้อย เหมาะสม พอใช้ได้ การใชภ้ าษา ใช้ภาษาไดด้ ี บางช่วงต้องปรบั ปรงุ ชิน้ งานเร่ือง การเขยี นจดหมายลาครู เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคะแนน การเขยี นจดหมาย ๔32 1 ลาครู เขียนจดหมายลาครู เขยี นจดหมายลาครู เขยี นจดหมายลาครู เขยี นจดหมายลาครู ตามรูปแบบได้ถูกตอ้ ง ตามรูปแบบได้ถกู ต้อง ตามรูปแบบได้ถูกตอ้ ง ตามรูปแบบไดถ้ กู ต้อง ทกุ ประการ แต่ระบุ ขอ้ มลู ต่าง ๆ ไมช่ ดั ทกุ ประการ ทกุ ประการ ทุกประการ แตอ่ ธิบาย ต้องปรับปรุง อธิบายสาเหตุและ อธิบายสาเหตุและ สาเหตหุ รอื ระบุ การใชภ้ าษาและ ความสะอาด ระบุช่วงเวลาใน ระบชุ ่วงเวลาใน ชว่ งเวลาไม่ชัดเจน เปน็ ระเบยี บอีกมาก การลาอย่างชดั เจน การลาอย่างชดั เจน ใช้คาขนึ้ ตน้ และ ใชภ้ าษาถกู ตอ้ ง ใชภ้ าษาถูกต้อง คาลงทา้ ยถกู ตอ้ ง เหมาะสม เหมาะสม ปรบั ปรงุ การใชภ้ าษา เขยี นดว้ ยลายมือ เขียนด้วยลายมือ และความสะอาด สวยงาม สะอาด และ สวยงาม เล็กนอ้ ย เปน็ ระเบียบ ๙. กระบวนการจัดการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ี 1 นักเรียนค้นหาคาศัพท์จากปริศนาอักษรไขว้บนกระดาน โดยให้นักเรียนจับฉลากหมายเลขคาศัพท์ แล้วนาไปเขียนลงในตารางให้ครบตามจานวนคาศัพท์ท่ีกาหนดให้ จากน้ันอ่านและอธิบายความหมาย คาศัพท์รว่ มกัน กิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 2 นกั เรยี นศึกษาความรเู้ รอื่ ง การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว แบง่ กล่มุ นักเรียนเป็น ๘ กลุ่ม อา่ นเนือ้ เร่ือง ในแต่ละช่วงท่ีกาหนดให้ แล้วส่งตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอใจความสาคัญหนา้ ชั้นเรียน และสรุปเน้ือเรือ่ ง ท้ังหมดร่วมกันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มพิจารณาหาคายากมาเขียนบนกระดาน จากนั้นอ่านและอธิบาย ความหมายร่วมกนั กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 3 1) นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาจากข้อสังเกตทฟ่ี งั ครอู า่ นในประเด็นตอ่ ไปน้ี ✪ การอ่านออกเสยี งคาตามอกั ขรวธิ ี เช่น ความส้นั ยาวของเสียงสระ ความสงู ตา่ ของ ✪ เสียงวรรณยกุ ต์ คาทม่ี ีพยัญชนะควบกล้า คาทีม่ ี ร ล

✪ การแบ่งวรรรคตอนของขอ้ ความ ✪ การเนน้ เสียงถอ้ ยคาหรือข้อความทเ่ี ปน็ ใจความสาคัญ ✪ การใชน้ ้าเสยี งให้สอดคลอ้ งกับเน้ือหา 2) ให้นักเรียนฝกึ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ในแถบขอ้ ความพรอ้ มกัน ครูสงั เกตการอา่ นออกเสียงของ นกั เรยี นและให้คาแนะนา กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 4 1) นักเรียนศึกษาเรอ่ื ง การเขียนย่อความ แล้วนาตัวอย่างการเขียนย่อความมาให้นักเรียนศกึ ษา เป็นแนวทาง 2) ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ๔ กลุม่ เขยี นย่อความทก่ี าหนดให้ ดังนี้ ✪ กล่มุ ที่ ๑ เขียนย่อความจากหนงั สือหรือหนังสอื พมิ พ์ เชน่ เรอื่ งส้นั ขา่ ว ✪ กลุ่มท่ี ๒ เขยี นย่อความจากการฟงั เชน่ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว ✪ กลุม่ ที่ ๓ การยอ่ ความจากการดู เชน่ รายการโทรทศั น์ ✪ กล่มุ ท่ี ๔ การย่อความจากขอ้ มลู อืน่ ๆ เช่น ประกาศต่าง ๆ โดยให้แต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลหรือเร่ืองที่จะนามาเขียนย่อความจากห้องสมุดหรือแหล่งข้อมูล สารสนเทศของโรงเรยี น กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 5 1) นักเรยี นทบทวนความรูเ้ กี่ยวกับคาซ้อน คาประสม และคาลกั ษณนาม 2) ครูนาคาซ้อนและคาประสมจากเร่ือง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มาให้นักเรียน จาแนกคา 3) ให้นักเรียนเตมิ คาซอ้ นสามคาหรือสค่ี า และหาคาลกั ษณนามท่ีปรากฎในเร่ือง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา มาเติมลงในชอ่ งว่างให้สมบรู ณ์ 4) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง และให้นกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบว่าปัจจุบันสิ่ง ต่าง ๆ ในข้อความจากเร่ือง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ยังใช้ลักษณนามเช่นเดิม หรือไม่ กิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 6 นกั เรยี นศกึ ษาความร้เู รือ่ ง คาพ้อง แลว้ รว่ มกนั อธิบายในประเดน็ ต่อไปน้ี ✪ คาพ้องมลี ักษณะอยา่ งไรบา้ ง ✪ คาพอ้ งรปู และคาพอ้ งเสียงมลี กั ษณะต่างกนั อย่างไร ✪ คาพ้องรูปพ้องเสยี งเปน็ อย่างไร ✪ การสังเกตความหมายของคาพ้องมีหลักการสาคัญอย่างไร ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างคาพ้องแต่ละชนิด พร้อมทั้งอธิบายความหมายของคาครูบันทึก บนกระดาน กิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่ 7 1) นักเรียนทบทวนความรู้เรื่องคาซ้าไม่เปล่ียนเสียง และร่วมกันสนทนาเก่ียวกับข้อควรระวังใน การใชไ้ ม้ยมก พรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ 2) ให้นักเรียนพิจารณาการใช้ไม่ยมกในเร่ือง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา จากข้อความท่ี กาหนดให้ ถ้าข้อความใดใชไ้ ม้ยมกไมถ่ ูกต้อง ให้แก้ไขให้ถกู ต้อง

กจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 8 1) นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การเปรียบแบบอุปมา แล้วครูยกตัวอย่างการใช้อุปมาที่ปรากฏใน คาประพนั ธใ์ ห้นกั เรียนศึกษาเปน็ แนวทาง 2) ใหน้ ักเรยี นพิจารณาขอ้ ความจากเรอื่ ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ที่เป็นโวหารภาพพจน์ เชงิ อปุ มา แล้ววิเคราะห์วา่ กวีเปรยี บสงิ่ ใดเหมือนสิ่งใด กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 9 1) นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การพูดแสดงความคิดอย่างสร้างสรรค์ แล้วศึกษาตัวอย่างการพูด เรอ่ื ง การดลู ะครโทรทัศนห์ ลงั ขา่ วภาคค่า เพ่อื เป็นแนวทาง 2) นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การพูดสรุปความจากเร่ืองที่ฟังและดู แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครอู ธิบายเพมิ่ เติม กิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่ 10 1) นักเรียนศกึ ษาความรูเ้ ร่ือง การเขยี นเรียงความเชิงพรรณนา แล้วร่วมกนั สรปุ ความเขา้ ใจ 2) ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการเขียนคานา การเขียนเนื้อเรือ่ ง และการเขียนสรปุ ครูช่วยแนะนา เพ่ิมเติม 3) ให้นักเรียนศกึ ษาตวั อยา่ งการเขยี นเรยี งความเชิงพรรณนา สังเกตกลวิธกี ารเขยี น เนื้อหาสานวน ภาษา การเสนอความคดิ และขอ้ มลู ต่าง ๆ ครชู ว่ ยแนะนาและอธบิ ายเพมิ่ เติม 4) ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับความซ่ือสัตย์ จงรักภักดีต่อชาติ และพระมหากษัตริย์ของ สมิงพระราม ไม่ว่าร่างกายของเขาจะอยู่แห่งใด แต่ใจของเขาก็ไม่เคยลืมแผ่นดินและพระเจ้า ราชาธริ าชเลย หาโอกาสทจ่ี ะทดแทนคณุ อยูต่ ลอดเวลา 5) ให้นกั เรียนเขียนเรยี งความเชิงพรรณนาในหัวขอ้ “คณุ แผ่นดนิ และปิ่นราชัน” ความยาว ๑ หน้า กิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่ 11 1) นกั เรยี นศึกษาความรู้เร่ือง การเขยี นแนะนาตนเอง แลว้ ร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ 2) ครนู าตัวอย่างการเขียนแนะนาตนเองมาตดิ ทปี่ า้ ยนเิ ทศใหน้ กั เรยี นได้ศกึ ษาเปน็ แนวทาง 3) ให้นักเรียนแต่ละคนจัดระบบข้อมูลท่ีจะนามาเขียนแนะนาตนเอง โดยใช้แผนภาพความคิด จากน้ันลองหารูปแบบการนาเสนอทีน่ ่าสนใจแลว้ ฝกึ เรียบเรยี ง กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 12 1) นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การเขียนจดหมายกิจธุระ การเขียนจดหมายลาครูแล้วร่วมกันสรุป ความเขา้ ใจ 2) ครูนาตัวอย่างจดหมายลาครมู าให้นักเรยี นศึกษาเป็นแนวทาง 3) ให้นักเรียนทาชิ้นงานเร่ือง การเขียนจดหมายลาครู โดยสมมุติสถานการณ์ว่า นักเรียนเป็น ประธานการจัดการแสดงละครพันทางเรื่องราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา และจะต้องจดั เตรียมการแสดงในงานวันสถาปนาโรงเรียน นักเรียนมคี วามจาเปน็ ต้องขอลาเรยี นกับครูประจา ชัน้ ๑ วนั ให้นักเรยี นเขยี นจดหมายลาครู ๑ ฉบับ โดยสามารถสมมตุ ิรายละเอียดอื่น ๆ ได้ตาม ความเหมาะสม

๑๐. สือ่ การเรยี นร้/ู แหลง่ เรียนรู้ สื่อการเรียนร/ู้ อปุ กรณ์ แหล่งเรยี นรู้ 1) ตารางปริศนาอกั ษรไขว้ แหลง่ เรียนรภู้ ายใน 2) ฉลาก 1) หอ้ งสมุดโรงเรียน 3) แถบข้อความ 2) ห้องศูนย์ภาษาของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ 4) บทอ่าน ภาษาไทย 5) ตัวอย่างการเขยี นยอ่ ความ 6) หนงั สือหรือหนงั สือพมิ พ์ แหล่งเรียนรู้ภายนอก 7) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ sites.google.com/a/bodin4.ac.th/pantong- 8) คาศพั ท์ sangsutti 9) ตวั อยา่ งข้อความหรอื ประโยค 10) แถบประโยค 11) กระดาษสาหรบั ทากิจกรรม 12) บตั รคา 13) ตวั อย่างการพูดแสดงความคิดอย่างสรา้ งสรรค์ 14) แผน่ ป้าย 15) เทปบนั ทึกรายการโทรทัศน์ 16) ตวั อยา่ งการเขยี นแนะนาตนเอง 17) ตัวอยา่ งการเขยี นพรรณนาโวหาร 18) ตวั อย่างการเขียนคานา เนอื้ เรอ่ื ง และสรปุ 19) ตัวอย่างเรียงความเชิงพรรณนา 20) ตัวอย่างจดหมายลาครู 21) ใบงาน 11. การนาหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ 11.1 ผู้สอนนาหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการจดั กระบวนการจัดการเรียนรู้ หลกั พอเพียง พอประมาณ มีเหตผุ ล มภี มู ิคุ้มกันในตวั ทีด่ ี ประเดน็ กาหนดเนอ้ื หาเหมาะสม - ผู้เรียนได้นาความรู้ความคดิ -ครูเตรยี มความรู้ เน้อื หา เน้ือหา ตามความสนใจของ จากเร่อื งไปประยุกต์ใชใ้ น ล่วงหน้า ผูเ้ รียน วัยผู้เรียน ชีวติ ประจาวนั -เรยี งลาดับเนอ้ื หาจากง่ายไป เวลา และเวลา ยาก กาหนดเวลาเหมาะสม - สอดคล้องกบั ตวั ชีว้ ดั กาหนดเวลาไว้สารองในกรณที ่ี กบั กิจกรรม สามารถจดั กิจกรรมการเรียน บางกจิ กรรมอาจจะใช้เวลา วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการ จัดกจิ กรรมใหผ้ เู้ รยี นได้ ให้กบั ผู้เรยี นไดบ้ รรลุ มากกวา่ ทก่ี าหนด เรียนรู้ วตั ถปุ ระสงค์ จดั กิจกรรมไวส้ ารองกรณีไม่ ปฏบิ ตั ดิ ้วยตนเอง สามารถสอนตามแผนทก่ี าหนด เหมาะสมกบั วัยและ จัดกิจกรรมทใี่ หผ้ ูเ้ รยี นได้ลงมอื ไว้ได้ ความสนใจ ปฏบิ ตั ิทาใหเ้ กดิ การเรียนรู้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

แหล่งเรียนรู้ - - - สอ่ื / อปุ กรณ์ - กาหนดส่ือ/อุปกรณใ์ ห้ ต้องการสอ่ื ที่ช่วยให้นกั เรียน - วางแผนการใชส้ ื่อตามลาดับ เหมาะสมกับเนือ้ หา เรียนรู้ได้ง่ายและรวดเร็วข้ึน - สือ่ มีความถูกตอ้ งตามหลักวิชา - ส่อื /อุปกรณ์หาได้งา่ ย การประเมนิ ผล กาหนดแบบประเมนิ ให้ ต้องการประเมินผู้เรยี นตาม เตรยี มแบบประเมนิ ท่ี เหมาะสมกบั กิจกรรม ตวั ชี้วดั ท่กี าหนด หลากหลาย ความรทู้ ีค่ รูจาเปน็ ต้องมี ประวัติความเปน็ มาของวรรณคดีท่เี ก่ยี วกับเชื้อชาติ การสูร่ บในประวตั ิศาสตร์ คณุ ธรรมของครู มคี วามเสยี สละ ขยัน รบั ผิดชอบ มคี วามรกั เมตตาตอ่ ศิษย์ 11.2 ผลท่ีเกดิ กับผู้เรยี นสอดคลอ้ งกบั หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจากการจดั กิจกรรมการ เรียนรู้ 11.2.1 ผเู้ รยี นได้เรยี นร้หู ลกั คดิ และฝกึ ปฏิบัติตามหลกั 3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข ดังน้ี พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู ิคมุ้ กนั ทดี่ ี หลักพอเพียง ใช้วัสดุอปุ กรณ์ในการปฏิบตั ิ มีการวเิ คราะหเ์ หตุผลเพอ่ื วางแผนการปฏิบัติกจิ กรรมที่ กิจกรรมได้อย่างเหมาะสมและ แกป้ ญั หาในขณะปฏิบตั ิ ได้รบั มอบหมายอยา่ ง คุ้มค่า กจิ กรรมอยา่ งมีสตริ อบคอบ เหมาะสม ชัดเจน ความรขู้ องผู้เรยี น ความรู้เร่ืองพงศาวดาร คณุ ธรรมของผู้เรยี น มีความซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ และตรงต่อเวลา มวี นิ ัยในตนเอง ใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ มีความรับผดิ ชอบ มงุ่ ม่ันในการทางาน มีความสามัคคี 11.2.2 ผูเ้ รียนได้เรยี นรกู้ ารใชช้ วี ิตท่สี มดลุ และพรอ้ มรับการเปล่ียนแปลงใน 4 มติ ิ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดังน้ี ด้าน สมดลุ และพรอ้ มรับการเปลย่ี นแปลงในดา้ นต่างๆ องค์ประกอบ วตั ถุ สังคม สงิ่ แวดล้อม วัฒนธรรม ความรู้ มีความรูใ้ นการเลือกใช้ มคี วามรู้ในการทางาน มคี วามรอบรใู้ นการ มคี วามรูเ้ กี่ยวกบั ทักษะ วสั ดอุ ุปกรณ์ในการ เป็นกล่มุ โดยไม่ เลอื กใช้วัสดุอปุ กรณ์ สงั คม ประเพณี คา่ นยิ ม ปฏิบตั กิ ิจกรรม กอ่ ให้เกดิ ปญั หา การคน้ คว้าความรู้ วฒั นธรรม มที กั ษะในการเลอื กใช้ ปฏิบัติกจิ กรรมภายใน เกบ็ ดแู ลรักษาวัสดุ มที ักษะในการสบื คน้ อปุ กรณ์ในการนาเสนอ กลมุ่ ได้อย่างมี อปุ กรณอ์ ยา่ งเป็น ขอ้ มลู มีมารยาทตาม ผลงาน ประสิทธิภาพ มที กั ษะ ระบบ วฒั นธรรมและ ในการค้นหาข้อมลู ประเพณีท่ดี ี มคี วามตระหนักเห็น ตระหนกั ถงึ เหน็ คุณค่าของวรรณคดีไทย คณุ ค่าของวรรณคดี ความสาคัญของการ ประเพณี วฒั นธรรม อยรู่ ว่ มกัน ขนบประเพณีของไทย (ลงชอ่ื ) .............................................. ครูผู้สอน (นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ) ....... / ........ / ........

๑๒. ความเหน็ ของรองผูอ้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ หรือผูท้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย ความเห็นของเพ่อื ครคู นู่ เิ ทศ ความเห็นของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้  จดั ทำหน่วยกำรจดั กำรเรยี นรู้  รับทรำบกำรจัดทำหนว่ ยกำรจัดกำรเรยี นรู้  จัดทำหน่วยกำรจัดกำรเรียนร้ไู ดด้ ี ควำมเห็นเพิม่ เตมิ ควำมเห็นเพ่มิ เตมิ ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. (ลงชื่อ).................................................... (ลงชอ่ื )............................................ (.................................................) (นำงจุฑำมำศ อร่ำมศรี) ........ / ....... / ........ หัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย ........ / ....... / ........ ความเหน็ ของรองผูอ้ านวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ/ผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย  รับทรำบกำรจดั ทำหนว่ ยกำรเรียนรู้  จดั ทำหนว่ ยกำรเรียนร้ไู ด้ดี ควำมเหน็ เพมิ่ เติม ………………………………………………………………………………………………….……………..…………. (ลงช่ือ).......................................................... (.......................................................) ........................................................................ ........ / ....... / ........ ๑๓. ความคิดเหน็ ของฝา่ ยบริหารหรอื ผ้ทู ี่ได้รับมอบหมาย .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... (ลงช่ือ)................................................... (นำยประทปี ไชยเมือง) ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นบดินทรเดชำ (สิงห์ สงิ หเสนี) ๔ ........ / ....... / ........

แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑ เรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหสั วิชา ท๒๑๑๐๒ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ครูผู้สอน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบทถี่ กู ต้อง ๑. จุดประสงคข์ องพระเจา้ กรุงจนี ในการกรีฑาทัพใหญม่ ายงั กรงุ รัตนบุระองั วะคือขอ้ ใด ๑ ปราบกรุงรัตนบุระองั วะใหร้ าบคาบ ๒ ขยายพระราชอาณาจกั รใหก้ ว้างขวางออกไป ๓ ใชก้ รงุ รตั นบรุ ะอังวะเปน็ ทางผา่ นเพือ่ ไปตีกรงุ หงสาวดี ๔ ใหก้ รุงรตั นบรุ ะองั วะส่งทหารมาราทวนตอ่ สกู้ ับกามะนี ถ้าแพ้ต้องเสยี เมอื งแก่พระองค์ ๒. ขอ้ ใดเปน็ เน้ือหาของเรือ่ ง ราชาธิราช ๑ รักระหวา่ งรบ ๒ การสร้างบ้านแปงเมอื ง ๓ สงครามและสนั ติภาพ ๔ การปกครองและปกป้องบา้ นเมอื ง ๓. เรอื่ งราชาธิราชมที ีม่ าจากข้อใด ๑ พงศาวดารพมา่ ๒ พงศาวดารมอญ ๓ พงศาวดารไทย ๔ พงศาวดารไทย พม่า และมอญ ๔. ผใู้ ดไม่เกยี่ วข้องกบั การแปลและเรียบเรยี งเรือ่ งราชาธริ าช ๑ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ๒ พระยาอินทรอคั คะราช ๓ พระภิรมรัศมี และพระศรภี รู ปิ รีชา ๔ พระยาศรีสนุ ทรโวหาร ๕. ข้อความใดไม่ไดใ้ ชภ้ าพพจนอ์ ปุ มา ๑ สมงิ พระรามกลับมาแล้วเหมือนคาผคู้ ุมทูลจริงทกุ ประการ ๒ พระเจา้ กรงุ จีนยกพลทแกล้วทหารมาเหยียบเมืองเราคร้ังนี้ ประดจุ ดงั แผน่ ดนิ จะถลม่ ลง ๓ เขาประกอบศิลปศาสตร์วชิ าการเป็นทหารมฝี ีมอื หาผู้เสมอมิได้ กเ็ ปรยี บเหมือนกาขาวมใิ ชก่ าดา ๔ อันบุรุษเปรยี บประดจุ พืชธัญญาหาร ถ้าโรยปลกู เพาะหวา่ นแลว้ ก็มีแต่งอกงามสูงใหญข่ ึน้ ไป ๖. “ถ้าใจดตี อ้ งทดลองใหส้ ิน้ เชงิ ปญั ญาก่อนจึงจะนับว่าดี” ใจดี ในข้อความข้างตน้ มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด ๑ มีใจเมตตา ๒ มจี ิตใจงดงาม ๓ คมุ ใจไว้ไดม้ ัน่ คง ๔ มีสตปิ ญั ญาเฉลยี วฉลาด

๗. พฤติกรรมการเลือกม้าของสมิงพระรามสะท้อนใหเ้ ห็นว่าสมิงพระรามมีลกั ษณะนสิ ัยตรงกับขอ้ ใด ๑ รอบรูแ้ ละรอบคอบ ๒ สุขมุ ละเอยี ดรอบคอบ ๓ จจู้ ้ี จกุ จกิ ต้องการใหไ้ ดด้ งั ใจ ๔ เฉลยี วฉลาดและปฏภิ าณดี ๘. ขอ้ ใดคือเหตุผลของสมิงพระรามในการรบั อาสาราทวนสกู้ ับกามะนี ๑ หวงั ตัดศกึ ปกปอ้ งกรุงหงสาวดี ๒ หวังเป็นมหาอุปราชกรงุ รัตนบุระองั วะ ๓ หวังอภเิ ษกสมรสกบั พระราชธดิ า ๔ หวงั ได้รบั ช่ือเสยี งเกียรติยศวา่ เปน็ ยอดฝมี ือ ๙. คาเปรยี บเทยี บท่ีว่า “เหมือนหาบสองบา่ ” มีความหมายใกลเ้ คียงกับสานวนไทยข้อใดมากทสี่ ดุ ๑ จบั ปลาสองมือ ๒ รู้ไวใ้ ชว่ ่าใสบ่ า่ แบกหาม ๓ เหยียบเรือสองแคม ๔ ขา้ สองเจ้า บ่าวสองนาย ๑๐. “ถ้าทหารฝ่ายเราแพ้กจ็ ะเลกิ ทพั กลบั ไปยงั พระนคร และราษฎรในกรงุ รัตนบุระอังวะนั้น โดยตา่ ลงไป แตก่ ระท่อมนอ้ ยหลังหน่ึง ก็มใิ หเ้ ป็นอันตราย” ขอ้ ความข้างตน้ มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด ๑ ถา้ กามะนแี พก้ จ็ ะยกทพั กลบั ไมท่ าอันตรายชาวอังวะแมแ้ ต่คนเดียว ๒ ถ้าสมงิ พระรามแพก้ จ็ ะยกทพั กลบั ไมท่ าอนั ตรายชาวอังวะแมแ้ ตค่ นเดียว ๓ ถา้ กามะนีแพ้กจ็ ะยกทัพกลบั เพ่อื ปกป้องชาวอังวะไม่ให้ไดร้ บั อันตรายแม้แตค่ นเดยี ว ๔ ถา้ สมิงพระรามแพก้ ็จะยกทัพลอ้ มกรุงรัตนบุระองั วะ แต่จะไม่ให้ชาวเมอื งได้รบั อันตรายแมแ้ ต่ คนเดยี ว เฉลยแบบทดสอบ ๒. ๔ ๓. ๒ ๔. ๔ ๕. ๑ ๗. ๑ ๘. ๑ ๙. ๔ ๑๐. ๑ ๑. ๔ ๖. ๓

แผนการจัดการเรียนรูที่ 1 เรื่อง ปรศิ นาอกั ษรไขว ใชค วามหมายไขคําศพั ท หนว ยการเรียนรูที่ 1 เรื่อง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวิชาภาษาไทย ๒ รหัสวิชา ท2110๒ กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 1 ภาคเรียนท่ี ๒ ปก ารศกึ ษา 2562 เวลา 1 คาบ ครูผสู อน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ โรงเรยี นบดนิ ทรเดชา (สิงห สงิ หเสนี) ๔ 1. มาตรฐานการเรยี นรู มาตรฐาน ท 1.1 ใชกระบวนการอานสรางความรแู ละความคิดเพอ่ื นําไปใชตัดสินใจแกปญ หาใน การดาํ เนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รักการอาน ตัวช้ีวัด ท 1.1 ม.1/4 ระ บ ุแ ล ะ อ ธบิ าย ค ําเป รีย บ เท ีย บ แ ล ะ ค ําท ่ีม ีห ล าย ค วาม ห ม าย ใน บ ริบ ท ต า ง ๆ จากการอา 2. จดุ ประสงคการเรยี นรูสตู วั ชี้วดั (KPA) ๑. อธบิ ายความเปนมาของเรอ่ื ง ราชาธริ าช (K) ๒. อธบิ ายความหมายคาํ ศพั ท (P) ๓. เขยี นและอานคาํ ศพั ท (P) ๔. เห็นความสําคญั ของการเขยี น อาน และเขาใจความหมายคําศพั ทท ่ถี ูกตอง (A) 3. สาระสาํ คญั วรรณคดีเร่ือง ราชาธิราช แปลมาจากพงศาวดารมอญ และนํามาเรียบเรียงใหมสอดแทรกวิถีชีวิต ความเปนไทย เร่ือง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มีคําศัพทที่ควรศึกษามากมายเพ่ือเปนประโยชนใน การอานเร่อื งใหเขา ใจมากยิ่งขึน้ 4. ทกั ษะการคิด 1) ทกั ษะการอา น 2) ทักษะการตีความ 3) ทกั ษะการสรุปลงความเห็น 4) ทกั ษะการวิเคราะห 5.สาระการเรียนรู ความรู 1) คําศัพทและความหมายจากเรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการวิเคราะห 2) ทักษะการสรปุ ยอ 3) ทกั ษะการตีความ

คุณลกั ษณะ 1) ใฝเ รียนรู 2) มงุ ม่นั ในการทาํ งาน 3) รกั ความเปนไทย 6.สมรรถนะสําคญั ของผูเรียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร - ทักษะการอา น - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟง การดู และการพูด 2. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห - การสรุปความรู 3. ความสามารถในการแกปญหา 4. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต 7. กิจกรรมการเรียนรู ขนั้ นําเขาสูบ ทเรยี น ๑. ใหนกั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชคําถามทา ทาย ดงั น้ี  การเขา ใจคําศพั ทม ีประโยชนในการศกึ ษาวรรณคดอี ยางไร ขน้ั ดาํ เนินการสอน ๒. ใหน ักเรียนศกึ ษาบทนําเรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา โดยใหน ักเรียนรว มกันสนทนา ในประเด็นตอไปนี้  วรรณคดเี รอ่ื ง ราชาธิราช มีความเปน มาอยางไร  มกี ารประพันธใ นลักษณะใด  เนอื้ เรือ่ งมีการกลา วถึงเรอื่ งใดบาง  ตัวละครเดน ในเรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา นา จะเปนใคร และเร่ืองราว ตอนนีน้ า จะมีเหตกุ ารณใ ด ๓. ใหน กั เรยี นสรุปความรูแ ละบันทกึ สาระสําคัญ ๔. ครนู ําความหมายใหนักเรยี นคนหาคาํ ศัพท โดยการจับฉลากหมายเลข ใครไดข อความ ที่ตรงกับ หมายเลขใด ใหค นหาคาํ ศพั ทจากขอความน้ัน ใหครแู ยกขอความเปน แนวต้ังและแนวนอน ๕. ครเู ขียนตารางปรศิ นาอักษรไขวบนกระดานตามจํานวนคําศัพททก่ี าํ หนด ใหนกั เรียนคน หา พรอมเขียนหมายเลขกาํ กับชอ งตารางบนกระดาน แลว ใหนักเรียนออกไปเขียนคาํ ศัพทลงในชอ งตารางทีต่ นเอง จับฉลากไดท ง้ั แนวตั้งและแนวนอน ๖. ครูและนักเรยี นรวมกันตรวจสอบความถกู ตอ งของตารางบนกระดาน ๗. ใหนักเรียนอา นและอธิบายความหมายคําศพั ทบ นกระดานรวมกนั และครอู ธิบายสรุปเพิม่ เติม

ขั้นสรปุ การสอน ใหนกั เรยี นและครูรวมกันสรปุ ความรู ดังน้ี  วรรณคดเี ร่อื ง ราชาธริ าช แปลมาจากพงศาวดารมอญ และนํามาเรียบเรียงใหมสอดแทรกวถิ ี ชีวติ ความเปน ไทย เรอ่ื ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มีคําศัพทที่ควรศกึ ษามากมาย เพ่อื เปนประโยชน ในการอา นเร่ืองใหเ ขาใจมากย่งิ ข้นึ 8. ส่ือการเรียนรู/ แหลง การเรียนรู ส่อื การเรียนร/ู อปุ กรณ แหลง เรยี นรู ๑. ตารางปริศนาอกั ษรไขว แหลงเรียนรูภายใน ๒. ฉลากหมายเลข 1) หอ งสมุดโรงเรยี น 2) หองศูนยภาษาของกลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย แหลงเรยี นรูภายนอก 1) http://www.vichakarn.com 9. การวัดและประเมนิ ผล ช้นิ งาน/ภาระงาน แบบฝกหดั เรื่อง ปริศนาอักษรไขว เกณฑการวัดผล/ประเมนิ ผล ประเด็นการพิจารณา 4 ระดับคณุ ภาพ การตคี วามคาํ ยาก ตคี วามคาํ ยาก 32 1 โดยพจิ ารณาจาก ตคี วามคาํ ยาก ตีความคาํ ยาก ตคี วามคาํ ยาก โดยพจิ ารณาจากบริบท บริบทไดรวดเรว็ โดยพิจารณาจาก โดยพิจารณาจาก โดยพจิ ารณาจาก และถูกตอ งทกุ คํา บรบิ ทไดรวดเร็ว บริบทไดถกู ตอ ง บรบิ ทไดถ ูกตอ ง และสามารถ และถกู ตอ งทุกคาํ ทุกคาํ แตบางคํา ทุก คํา แตสวน ให ญ  แตไมสามารถ ตองใชเ วลาบา ง ตอ งใชเ วลา อธิบายได อธิบายได ในการพิจารณามาก หรอื ตองมผี ูแนะนํา ๑๐. กจิ กรรมเสนอแนะ - 1๑. การเตรียมตวั ลวงหนา (ลงช่อื )..............................................ครูผสู อน (นางสาวปานทอง แสงสุทธิ) ............./................./............

๑๒. ความเห็นของรองผูอํานวยการกลุมบรหิ ารวชิ าการ หรือผูท ่ไี ดร บั มอบหมาย ความเห็นของเพอ่ื ครูคูนิเทศ ความเห็นของหัวหนากลุมสาระการเรยี นรู  จดั ทําแผนการจัดการเรียนรู  รบั ทราบการจัดทาํ แผนการจัดการเรียนรู  จัดทําแผนการจัดการเรียนรูไดด ี ความเห็นเพมิ่ เตมิ ความเห็นเพิม่ เติม ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. (ลงชือ่ ).................................................... (ลงชอื่ )............................................ (.................................................) (นางจุฑามาศ อรามศร)ี ........ / ....... / ........ หวั หนากลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย ........ / ....... / ........ ความเห็นของรองผูอาํ นวยการกลมุ บรหิ ารวิชาการ/ผทู ไ่ี ดรบั มอบหมาย  รบั ทราบการจดั ทาํ แผนการจัดการเรยี นรู  จัดทาํ แผนการจดั การเรยี นรูไดด ี ความเหน็ เพมิ่ เติม ………………………………………………………………………………………………….……………..…………. (ลงชอ่ื ).......................................................... (.......................................................) ........................................................................ ........ / ....... / ........ ๑๓. ความคิดเห็นของฝา ยบริหารหรือผทู ่ไี ดรบั มอบหมาย .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... (ลงช่อื )................................................... (นายประทปี ไชยเมอื ง) ผูอ าํ นวยการโรงเรยี นบดินทรเดชา (สิงห สงิ หเสน)ี ๔ ........ / ....... / ........

แบบบันทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑ เรอื่ ง ปริศนาอักษรไขว ใชค วามหมายไขคาํ ศพั ท หนว ยการเรียนรทู ่ี 1 เรอ่ื ง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหัสวชิ า ท2110๒ ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 1 ภาคเรยี นที่ ๒ ปการศึกษา 2562 เวลา 1 คาบ ครผู ูสอน นางสาวปานทอง แสงสุทธิ โรงเรยี นบดนิ ทรเดชา (สิงห สงิ หเสนี) ๔ 1. ผลการนาํ ไปใชในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 1.1การจัดกิจกรรมการเรยี นรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.2 การใชส อื่ /แหลงเรียนรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.3 การวดั ผล/ประเมนิ ผล ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. ปญหา/อปุ สรรค ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ขอเสนอแนะ/แนวทางแกไข ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... (ลงช่อื )..............................................ครูผสู อน (นางสาวปานทอง แสงสุทธิ) .............../................./..............

หนวยการเรียนรทู ี่ 1 แผนการจัดการเรียนรทู ่ี 2 เร่ือง อานคลอง ตองฝก ฝน เรอื่ ง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวิชาภาษาไทย ๒ รหสั วชิ า ท2110๒ กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 1 ภาคเรียนที่ ๒ ปการศกึ ษา 2562 เวลา 2 คาบ ครผู ูสอน นางสาวปานทอง แสงสุทธิ โรงเรียนบดนิ ทรเดชา (สิงห สงิ หเสน)ี ๔ 1. มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก ระบวนการอานสรา งความรแู ละความคดิ เพอ่ื นําไปใชตดั สนิ ใจแกป ญหาใน การดาํ เนนิ ชีวิต และมนี สิ ัยรักการอา น ตัวช้ีวัด ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อา นออกเสียงบทรอยแกว และบทรอ ยกรองไดถกู ตองเหมาะสมกบั เรื่องทอี่ า น ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการอาน 2. จุดประสงคก ารเรียนรูส ตู ัวชวี้ ัด (KPA) ๑. อธบิ ายแนวทางการอานออกเสียงบทรอ ยแกว (K) ๒. อานออกเสียงคาํ ศัพทย ากจากเนือ้ เรื่อง (P) ๓. จับใจความเรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา (P) ๔. กระตือรือรนในการอานและการทาํ กิจกรรมเพอื่ ใหเ ขา ใจเน้อื เรื่อง (A) 3. สาระสําคัญ แนวทางท่ีจะทําใหอานออกเสียงบทรอ ยแกว ทเ่ี ปนวรรณคดไี ดดีนนั้ ตอ งศกึ ษาเน้อื เร่ือง ใหเขาใจ สงั เกตถอ ยคําและขอ ความที่เปน ใจความสําคญั เพ่ือเนนเสียง และฝกอานออกเสียงคาํ ทอ่ี านยากใหถ ูกตอ ง 4. ทักษะการคิด 1) ทกั ษะการอา น 2) ทักษะการตีความ 3) ทกั ษะการสรุปลงความเหน็ 4) ทกั ษะการวเิ คราะห 5. สาระการเรยี นรู ความรู 1. แนวทางการอานออกเสยี งบทรอ ยแกว ทักษะ/กระบวนการ 1) ทกั ษะการอาน 2) ทกั ษะการตีความ 3) ทกั ษะการสรุปลงความเห็น 4) ทกั ษะการวเิ คราะห

คุณลกั ษณะ 1) ใฝเ รียนรู 2) มงุ มนั่ ในการทาํ งาน 3) รกั ความเปนไทย 6. สมรรถนะสําคญั ของผูเ รียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอา น - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การวเิ คราะห - การจัดระบบความคิดเปนแผนภาพ - การสรปุ ความรู ๓. ความสามารถในการแกปญ หา ๔. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ 7. กิจกรรมการเรียนรู ขัน้ นาํ เขา สูบทเรียน ๑. ใหนกั เรยี นรวมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใชคําถามทา ทาย ดงั น้ี  การอา นแบบนกแกว นกขนุ ทองเปนอยางไร ขนั้ สอน ๒. ใหนักเรยี นศึกษาความรเู รื่อง การอานออกเสยี งบทรอยแกว แลวรวมกนั สรุปความเขาใจ ครูเปน ผอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ๓. ค รูเล า เน ้ือ เรือ่ งร าช าธริ าช ก อ น ถ งึ ต อ น ส ม ิงพ ระ ราม อ าส า แ ล ะ เร่ือ งย อ ข อ งต อ น ส ม ิงพ ระ ร าม อาสา ใหนักเรียนฟง ๔. ให น ัก เรยี น แ บ ง ก ล มุ ๘ ก ล ุม อ า น เร่ือ ง ร าช าธิราช ต อ น ส ม งิ พ ระ ร าม อ าส า เพ ือ่ จบั ใจ ค ว าม เน้ือ เร่อื งในแตล ะชว ง ดงั น้ี กลมุ ที่ ๑ ต้งั แตพ ระเจากรงุ จีนมีพระราชประสงคจะทอดพระเนตรทหารข่ีมาสูก ับกามะนีตวั ตอตวั จนถงึ พระเจากรุงจีนไดอ า นพระราชสาสนตอบของพระเจาฝรัง่ มังฆอ งวา จะใหม กี าํ หนด นัดหมายออกไปแจง ภายในเจด็ วนั กลุมที่ ๒ ตง้ั แตพระเจามณเฑียรทองตรสั ปรกึ ษาเหลาขา ราชบรพิ ารท้งั ปวงเก่ยี วกับการหาผูรับ อาสาขม่ี าแทงทวนสกู บั กามะนี จนถึงพระเจาฝรัง่ มงั ฆองตรสั สั่งเสนาบดใี หจดั หามา เชลย ศักดท์ิ ั้งในพระนครและนอกพระนครเพื่อใหส มิงพระรามเลอื ก กลุม ท่ี ๓ ตั้งแตเ สนาขาหลวงทจี่ ัดหามาเชลยศกั ด์ิไปพบมา สองตวั แมลกู ของหญงิ มายจนถึง พระเจาฝรง่ั มังฆอ งใหม งั มหาราชานําพระราชสาสนกําหนดนัดหมายพรอมดวยเครอื่ งราช บรรณาการไปถวายพระเจา กรุงจีน

กลมุ ท่ี ๔ ตงั้ แตมังมหาราชาถอื พระราชสาสนกําหนดไปถวายพระเจา กรงุ จีน จนถึงสมิงพระรามตัด ศรี ษะกามะนไี ด กลุมท่ี ๕ ตงั้ แตพระเจากรงุ จนี ใหทหารนําศพกามะนมี าทาํ ศีรษะตอ เขาแลว ใสหีบไปฝง จนถึง พระเจามณเฑยี รทองตรสั แกพ ระอัครมเหสวี า ทาํ ไฉนจึงจะใหส มิงพระรามรบั ราชสมบัติ อยดู ว ยได กลุม ที่ ๖ ตงั้ แตพระอคั รมเหสีถวายคําแนะนาํ ตอพระเจามณเฑยี รทอง จนถงึ พระนาง มีพระราชเสาวนียใ หแ ตง โภชนาหารเตรียมไว กลุม ที่ ๗ ตั้งแตพ ระเจา มณเฑยี รทองมรี บั สง่ั ใหหาเจา สมงิ พระรามเขา มากนิ เลี้ยงบน พระราชมนเทียร จนถึงสมงิ พระรามไดอภิเษกกบั พระราชธดิ าและไดรับ ตําแหนงมหาอปุ ราช กลุมที่ ๘ ตง้ั แตพระราชธิดาทรงพระครรภ จนถงึ สมิงพระรามกลับกรุงหงสาวดแี ละไดป กครอง เมอื งวาน ๕. ใหนักเรยี นแตละกลมุ สงตวั แทนออกมานาํ เสนอใจความสําคญั โดยเรยี งลาํ ดบั ต้ังแต กลมุ ท่ี ๑ เพื่อใหไ ดใจความที่ตอเนอื่ งกัน ๖. ใหน ักเรยี นรวมกนั สรปุ เนอ้ื เร่ืองทง้ั หมดอกี ครง้ั โดยเรยี งลําดับเหตุการณ แลวบนั ทกึ เปน แผนภาพความคิด ๗. ใหนกั เรียนแตล ะกลุม พิจารณาคาํ ทอี่ านยากจากเน้ือเร่อื งทไ่ี ดร ับมอบหมาย แลว ออกมาชวยกนั เขียนคาํ บนกระดาน เชน เคร่ืองราชบรรณาการ วสนั ตฤดู พลพยหุ เสนา สุปะเพยี ญชนาหาร เสนาพฤฒามาตยร์ าชปุโรหิต เยาวรูปสิริวลิ าสลกั ษณ์ พระราชมนเทยี ร ตณั ฑุลา กลั ปาวสาน กณั หสปั ปะชาติ ๘. ใหนกั เรยี นชวยกันอานออกเสยี งคําบนกระดานทีละคาํ ใหถกู ตอง ครชู วยแนะนาํ และอธิบาย เพ่มิ เติม ข้นั สรุปการสอน ใหน ักเรยี นและครูรวมกนั สรุปความรู ดังน้ี แนวทางที่จะทําใหอานออกเสียงบทรอ ยแกวที่เปน วรรณคดไี ดดีนน้ั ตองศกึ ษาเน้ือเรื่อง ใหเขาใจสังเกต ถอ ยคาํ และขอ ความทเ่ี ปนใจความสําคัญเพือ่ เนน เสยี ง และฝก อานออกเสียงคาํ ทีอ่ านยากใหถกู ตอ ง 8. ส่ือการเรยี นร/ู แหลง การเรียนรู -

9. การวดั และประเมนิ ผล ๑. วิธีการวัดและประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขารว มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขารว มกจิ กรรมกลุม ๓) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครอื่ งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขารวมกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา รว มกจิ กรรมกลุม ๓. เกณฑก ารประเมนิ ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขารว มกจิ กรรม ผานตงั้ แต ๒ รายการ ถือวา ผา น ผาน ๑ รายการ ถอื วา ไมผ าน ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเขารว มกิจกรรมกลมุ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง ๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ ใหนักเรียนชวยกนั อา นจับใจความเพ่ือทําความเขา ใจเน้อื เรื่อง แลวจดั ระบบความคดิ โดยใชแผนภาพ 1๑. การเตรยี มตัวลวงหนา (ลงช่อื )..............................................ครผู ูสอน (นางสาวปานทอง แสงสุทธิ) ............./................./............

๑๒. ความเห็นของรองผูอํานวยการกลมุ บริหารวิชาการ หรอื ผูท ่ไี ดรบั มอบหมาย ความเหน็ ของเพอ่ื ครคู ูนิเทศ ความเห็นของหัวหนากลุม สาระการเรียนรู  จดั ทําแผนการจัดการเรยี นรู  รบั ทราบการจัดทําแผนการจัดการเรียนรู  จัดทําแผนการจัดการเรียนรูไดดี ความเห็นเพมิ่ เตมิ ความเห็นเพิ่มเติม ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. (ลงชื่อ).................................................... (ลงชื่อ)............................................ (.................................................) (นางจุฑามาศ อรามศร)ี ........ / ....... / ........ หวั หนากลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย ........ / ....... / ........ ความเหน็ ของรองผอู ํานวยการกลุมบริหารวิชาการ/ผูทไ่ี ดรับมอบหมาย  รบั ทราบการจดั ทาํ แผนการจดั การเรยี นรู  จดั ทําแผนการจัดการเรียนรูไดด ี ความเหน็ เพมิ่ เติม ………………………………………………………………………………………………….……………..…………. (ลงชือ่ ).......................................................... (.......................................................) ........................................................................ ........ / ....... / ........ ๑๓. ความคดิ เห็นของฝา ยบริหารหรือผูท ไี่ ดรับมอบหมาย .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)................................................... (นายประทีป ไชยเมอื ง) ผอู าํ นวยการโรงเรยี นบดินทรเดชา (สงิ ห สงิ หเสนี) ๔ ........ / ....... / ........

แบบบันทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู แผนการจดั การเรียนรูท ี่ ๒ เร่ือง อานคลอ ง ตอ งฝก ฝน หนวยการเรยี นรูท่ี 1 เรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา กลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหสั วชิ า ท2110๒ ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 1 ภาคเรียนที่ ๒ ปก ารศกึ ษา 2562 เวลา 2 คาบ ครูผสู อน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ โรงเรยี นบดินทรเดชา (สิงห สงิ หเสน)ี ๔ 1. ผลการนําไปใชใ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 1.1การจดั กิจกรรมการเรียนรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.2 การใชสอ่ื /แหลงเรียนรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.3 การวดั ผล/ประเมินผล ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. ปญ หา/อปุ สรรค ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ขอ เสนอแนะ/แนวทางแกไ ข ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... (ลงชือ่ )..............................................ครผู สู อน (นางสาวปานทอง แสงสุทธิ) .............../................./..............

แผนการจัดการเรียนรูท่ี 3 เรือ่ ง อานได เขาใจเร่ือง หนวยการเรยี นรูท ี่ 1 เร่ือง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหัสวชิ า ท2110๒ กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 1 ภาคเรยี นที่ ๒ ปก ารศกึ ษา 2562 เวลา 2 คาบ ครูผูสอน นางสาวปานทอง แสงสุทธิ โรงเรยี นบดนิ ทรเดชา (สิงห สิงหเสนี) ๔ 1. มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก ระบวนการอา นสรา งความรูและความคดิ เพื่อนาํ ไปใชตัดสนิ ใจแกป ญ หาใน การดาํ เนินชวี ติ และมีนสิ ยั รักการอาน ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ม.๑/๑ อานออกเสียงบทรอ ยแกวและบทรอยกรองไดถกู ตองเหมาะสมกับเรอ่ื งท่ีอาน ท ๑.๑ ม.๑/๙ มมี ารยาทในการอา น 2. จุดประสงคการเรยี นรสู ตู ัวชวี้ ัด (KPA) ๑. อธบิ ายวิธีการอา นออกเสียงบทรอ ยแกว (K) ๒. แบง วรรคตอนเนือ้ เรอื่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา (P) ๓. อานออกเสียงเร่อื งราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา (P) ๔. เหน็ ความสาํ คัญของการอา นออกเสยี งบทรอ ยแกว อยางถูกตองชดั เจน (A) 3. สาระสาํ คญั การอานออกเสียงบทรอยแกวตอ งออกเสียงคาํ ใหถกู ตอง ชัดเจน ตามอักขรวิธี และแบง วรรคตอน ใหถกู ตอง เพ่ือใหผูฟง เขา ใจเน้อื หาของเรอ่ื ง 4. ทกั ษะการคิด - การวเิ คราะห - การประยุกต/ การปรับปรงุ - การสรปุ ความรู - การประเมนิ คา 5. สาระการเรยี นรู ความรู วธิ ีการอานออกเสียงบทรอ ยแกว ทักษะ/กระบวนการ 1) ทกั ษะการอา น 2) ทักษะการตีความ 3) ทักษะการสรปุ ลงความเห็น 4) ทักษะการวเิ คราะห

คณุ ลกั ษณะ 1) ใฝเ รยี นรู 2) มงุ ม่นั ในการทํางาน 3) รักความเปนไทย 6. สมรรถนะสําคัญของผูเรยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอาน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การวิเคราะห - การประยกุ ต/การปรบั ปรุง - การสรปุ ความรู - การประเมนิ คา ๓. ความสามารถในการแกป ญหา ๔. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต 7. กิจกรรมการเรยี นรู ขน้ั นาํ เขาสบู ทเรียน ๑. ใหน กั เรยี นฟงและสงั เกตการอา นออกเสียงบทรอยแกว จากแถบขอความท่ีครูติดบนกระดาน ดังน้ี คร้ันเวลาเชาพระเจามณเฑียรทองจึงมีรับส่ังใหหาเจาสมิงพระรามเขามากินเล้ียง บ น พ ระ ร า ช ม ณ เฑ ีย ร ส ม ิงพ ระ ร า ม รับ พ ร ะ รา ช ท า น เค รื่อ ง เล้ีย ง พ อ ค ว ร แ ลว ก ็เขา ม า ก ร า บ ถ ว า ย บ ังค ม เฝาอยูโดยลําดับ พระเจามณเฑียรทองจึงตรัสวา เราเปนกษัตริยอันประเสริฐไดออก วาจาแลว ถงึ จะตายก็หาเสยี ดายชีวติ ไม เพราะรักสตั ยย ิ่งกวารักชวี ิตไดรอ ยเทา ... ข้ันสอน ๒. ใหน กั เรียนรวมกนั สนทนาจากขอ สงั เกตทฟ่ี ง ครอู า นในประเด็นตอ ไปน้ี  การอานออกเสยี งคาํ ตามอักขรวธิ ี เชน ความสัน้ ยาวของเสยี งสระ ความสงู ตํา่ ของเสยี ง วรรณยกุ ต คําทม่ี ีพยัญชนะควบกล้ํา คาํ ที่มี ร ล  การแบงวรรคตอนของขอ ความ  การเนน เสียงถอยคาํ หรือขอ ความท่เี ปนใจความสําคัญ  การใชน้าํ เสียงใหสอดคลอ งกับเนือ้ หา ๓. ใหน กั เรียนฝก อานออกเสยี งบทรอยแกวในแถบขอ ความพรอ มกัน ครสู งั เกตการอา นออกเสียงของ นักเรียนและใหคาํ แนะนํา ๔. ใหนกั เรียนแบง กลมุ ๘ กลุม สงตัวแทนออกมาเลอื กหมายเลขทมี่ ีบทอาน กลุมละ ๑ หมายเลข เม่อื ไดร บั บทอา นแลว แตละกลุมรว มกันอา นสาํ รวจเพ่อื จบั ใจความ คนหาคํายากและถอ ยคําหรอื ขอ ความที่ควร เนน เสยี ง แบงวรรคตอน และฝก ฝนการอานออกเสียงใหถ กู ตอ ง คลอ งแคลว

๕. ใหนักเรียนออกมาอา นออกเสียงหนาช้นั เรียนทีละกลุม โดยออกมาอา นพรอ มกนั ทุกคน กลุมที่ เปน ผฟู ง รวมกันประเมนิ การอาน ครูเสนอแนะเพม่ิ เติม ขั้นสรปุ การสอน ๖. ใหนกั เรียนและครรู วมกันสรุปความรู ดงั นี้ การอานออกเสียงบทรอยแกว ตอ งออกเสียงคาํ ให ถกู ตอ ง ชัดเจน ตามอักขรวธิ ี และแบง วรรคตอนใหถูกตอ ง เพื่อใหผ ูฟ ง เขา ใจเน้อื หาของเรอื่ ง 7. ใหนกั เรียนรวมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชคําถามทาทาย ดงั น้ี การแบง วรรคตอนบทรอ ย แกวมคี วามสําคัญในการอา นออกเสียงอยา งไร ๘. ครมู อบหมายใหนกั เรยี นทุกคนไปเลอื กเน้ือความทีช่ อบจากราชาธิราชตอนน้ี ประมาณ ๔-๖ บรรทัด แลว ฝก ฝนอา นออกเสยี งสําหรับประกวดในชัว่ โมงตอ ไป 8. สอื่ การเรียนร/ู แหลง การเรียนรู ส่อื การเรยี นรู/ อุปกรณ แหลง เรียนรู ๑. แถบขอ ความ แหลง เรียนรภู ายใน ๒. บทอาน 1) หอ งสมุดโรงเรยี น 2) หองศูนยภาษาของกลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย แหลง เรยี นรูภ ายนอก 1) หองเรียน DLIT 9. การวัดและประเมินผล ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขารวมกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขารว มกจิ กรรมกลมุ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เคร่ืองมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขารว มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา รว มกจิ กรรมกลมุ ๓. เกณฑการประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขารวมกจิ กรรม ผา นตง้ั แต ๒ รายการ ถือวา ผาน ผาน ๑ รายการ ถือวา ไมผ าน ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา รวมกจิ กรรมกลุม คะแนน ๙ – ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ

๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ ใหนกั เรียนฝก ฝนอา นออกเสยี งรวมกัน ชว ยกนั สังเกต แนะนาํ และฝกฝนการอานออกเสยี ง ครู แนะนําเพ่มิ เติมเพอื่ ใหน ักเรียนสามารถพฒั นาไดด ยี ่ิงขึน้ 1๑. การเตรียมตัวลวงหนา (ลงชือ่ )..............................................ครูผสู อน (นางสาวปานทอง แสงสทุ ธ)ิ ............./................./............ ๑๒. ความเหน็ ของรองผอู าํ นวยการกลุม บรหิ ารวิชาการ หรอื ผูทไ่ี ดรบั มอบหมาย ความเหน็ ของเพื่อครูคนู ิเทศ ความเหน็ ของหวั หนากลุมสาระการเรยี นรู  จัดทําแผนการจัดการเรยี นรู  รบั ทราบการจัดทาํ แผนการจดั การเรยี นรู  จัดทําแผนการจัดการเรยี นรูไดดี ความเหน็ เพ่ิมเตมิ ความเห็นเพิ่มเตมิ ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. (ลงชื่อ).................................................... (ลงช่ือ)............................................ (.................................................) (นางจฑุ ามาศ อรา มศร)ี ........ / ....... / ........ หัวหนากลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ........ / ....... / ........ ความเห็นของรองผูอาํ นวยการกลุมบริหารวิชาการ/ผูที่ไดรบั มอบหมาย  รับทราบการจัดทําแผนการจัดการเรียนรู  จดั ทาํ แผนการจดั การเรยี นรูไดดี ความเห็นเพิม่ เตมิ ………………………………………………………………………………………………….……………..…………. (ลงชือ่ ).......................................................... (.......................................................) ........................................................................ ........ / ....... / ........

๑๓. ความคิดเห็นของฝา ยบรหิ ารหรือผทู ไ่ี ดรับมอบหมาย .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... (ลงชอื่ )................................................... (นายประทีป ไชยเมอื ง) ผอู าํ นวยการโรงเรยี นบดนิ ทรเดชา (สงิ ห สงิ หเสนี) ๔ ........ / ....... / ........

แบบบนั ทึกหลงั แผนการจัดการเรยี นรู แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๓ เรือ่ ง อานได เขาใจเรอื่ ง หนว ยการเรียนรูท่ี 1 เรื่อง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา กลุมสาระการเรยี นรูภ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ๒ รหสั วชิ า ท2110๒ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 1 ภาคเรยี นที่ ๒ ปการศกึ ษา 2562 เวลา 2 คาบ ครูผสู อน นางสาวปานทอง แสงสุทธิ โรงเรยี นบดินทรเดชา (สิงห สงิ หเสน)ี ๔ 1. ผลการนําไปใชใ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 1.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.2 การใชสอื่ /แหลง เรียนรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.3 การวดั ผล/ประเมินผล ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. ปญหา/อปุ สรรค ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ขอเสนอแนะ/แนวทางแกไข ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... (ลงช่อื )..............................................ครูผูส อน (นางสาวปานทอง แสงสุทธิ) .............../................./..............

แผนการจดั การเรียนรูท ี่ 4 เรอื่ ง การเขยี นยอความ หนว ยการเรียนรูท่ี 1 เร่อื ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหัสวชิ า ท2110๒ กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 1 ภาคเรยี นที่ ๒ ปการศึกษา 2562 เวลา 2 คาบ ครูผูส อน นางสาวปานทอง แสงสุทธิ โรงเรียนบดนิ ทรเดชา (สิงห สิงหเสน)ี ๔ 1. มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก ระบวนการอา นสรา งความรูและความคดิ เพอ่ื นาํ ไปใชตัดสนิ ใจแกปญหาใน การดําเนนิ ชีวติ และมนี ิสยั รกั การอา น ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๑/๒ จบั ใจความสําคัญจากเร่อื งท่ีอาน มาตรฐานการเรยี นรู มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชกระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขียนเรียงความ ยอความ และเขียนเรื่องราว ในรปู แบบตาง ๆ เขียนรายงานขอ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน ควา อยา งมีประสทิ ธภิ าพ ตัวช้ีวัด ท ๒.๑ ม.๑/๕ เขียนยอความจากเร่อื งที่อาน ท ๒.๑ ม.๑/๙ มีมารยาทในการเขียน 2. จดุ ประสงคการเรียนรูสูต ัวชว้ี ดั (KPA) ๑. อธิบายวิธกี าร องคประกอบ และรูปแบบการเขยี นยอ ความ (K) ๒. เขยี นยอความรูปแบบตา ง ๆ (P) ๓. เห็นความสาํ คญั ของการเขียนยอ ความ (A) 3. สาระสาํ คัญ การเขียนยอ ความเปน การนําใจความสาํ คญั ของเรอ่ื งท่อี าน ฟง หรอื ดู มาเรยี บเรียงใหมใ หก ระชับ เขา ใจงา ย และไดใจความถกู ตอ ง ครบถว นตามเรอื่ งเดมิ 4. ทักษะการคดิ - การวิเคราะห - การสังเคราะห - การสรปุ ความรู - การประเมนิ คา ๕. สาระการเรยี นรู ความรู 1) การเขยี นยอความ

ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการอา น 2) ทักษะการเขยี น 3) ทกั ษะการฟง การดู และการพดู คณุ ลกั ษณะฯ 1) ใฝเ รียนรู 2) มงุ ม่นั ในการทํางาน 3) รักความเปนไทย 6. สมรรถนะสําคญั ของผเู รียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอา น - ทักษะการเขยี น - ทกั ษะการฟง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การวเิ คราะห - การสังเคราะห - การสรปุ ความรู - การประเมินคา ๓. ความสามารถในการแกปญหา ๔. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ ๕. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 7. กจิ กรรมการเรยี นรู ขน้ั นาํ เขา สบู ทเรียน ๑. ใหน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชคาํ ถามทา ทาย ดงั น้ี  สิ่งสําคญั ในการเขียนยอ ความคืออะไร ขั้นสอน ๒. ใหน กั เรียนศกึ ษาเรอ่ื ง การเขยี นยอ ความ โดยรวมกนั สนทนาในประเด็นตอ ไปน้ี  การเขียนยอความคืออะไร  การเขยี นยอความมีวิธีการอยา งไรบาง  องคป ระกอบสาํ คญั ของการเขียนยอ ความมอี ะไรบา ง  การเขยี นยอความมกี ร่ี ปู แบบ  การเขียนยอ ความมีจดุ ประสงคใ ด  การเขยี นยอความมปี ระโยชนอยางไร ๓. ใหน ักเรียนบันทึกสาระสาํ คญั ๔. ครนู าํ ตวั อยางการเขยี นยอความมาใหน ักเรยี นรว มกนั ศกึ ษาเปนแนวทาง ดงั น้ี

ตัวอยางการเขียนยอ ความ กษตั ริยน กั บริหาร การปฏิรปู การปกครองในสมัยรัชกาลที่ ๕ นับเปนภารกจิ อันย่ิงใหญและเปนรากฐานแหง ระบบการปกครอง ระเบียบการบรหิ าร มาตราบจนทุกวนั นี้ รูปแบบของการปกครองแบบใหม โดยยอคอื การยกเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ โดยจดั ระเบียบการบริหารเปน สวนกลางและ สวนภูมิภาค สวนกลางไดจัดต้ังกระทรวง ทบวง กรมแบบตะวันตก มีเสนาบดีประจําแตละ กระทรวงรับผิดชอบและบังคับบัญชาการปฏิบัติราชการตามภาระหนาที่ซ่งึ แตกตางกนั ออกไป สวนการบรหิ ารสวนภมู ิภาคนัน้ ไดจัดรูปแบบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล มีเทศาภิบาล (เทียบเทากับผูวาราชการจังหวัดในปจจุบัน) ซ่ึงไดรับการแตงตั้งจากสวนกลางไปปฏิบัติหนาที่ บังคับบัญชา ระบบการบริหารแบบใหมน้ียอมตองอาศัยขาราชการท่ีมีประสิทธิภาพเปนกาํ ลงั สําคัญจึงจะบังเกิดผลสําเร็จในการปกครอง พระบาทสมเด็จพ ร ะ จุล จ อ ม เก ล า เจา อ ย ูห ัว ท ร ง ค ําน ึงถ ึงป ญ ห าต ัว บ ุค ค ล โด ย ต ล อ ด ม า ห าก แ ต พ ร ะ บ ร ม ร าโช ว าท ที่รอบคอบ การปฏิบัติพระราช ภารกจิ ในฐานะหัวหนาคณะบรหิ ารท่ีทรงอุทิศเวลาใหกับงานอยางเต็มท่ี ท้งั ความเอาพระทัยใส ในการแกปญหาตาง ๆ อยางละเอียดถี่ถวน ยังผลใหระบบการบริหารอยางใหมสําเร็จสมพระ ราชประสงคใ นทสี่ ุด ยอความเรื่อง กษัตริยนักบริหาร โดย อัจฉราพร กมุทพิสมัย ในหนังสือแนวพระราชดําริเการัชกาล จดั พิมพเ มอ่ื พ.ศ. ๒๕๒๘ พมิ พที่โรงพิมพค รุ สุ ภาลาดพรา ว หนา ๑๓๓ ความวา การปฏิบัติระบบบริหารราชการแผนดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา-เจาอยูหัวเปน รากฐานของระบบราชการในปจจุบัน โดยเฉพาะอยางยิ่งการแบงการบริหารแบบใหมเปนสวนกลางและสวน ภูมิภาค ดว ยเหตุนี้ พระองคจ งึ ทรงใหความสําคัญกับการสรรหาบคุ คลเพอื่ เขารับราชการเปนอยา งยิ่ง ๕. ใหนักเรยี นแบงกลมุ ๔ กลุม เขียนยอความที่กําหนดให ดังนี้  กลุมท่ี ๑ เขยี นยอ ความจากหนงั สอื หรือหนงั สือพมิ พ เชน เรอ่ื งสน้ั ขาว  กลมุ ที่ ๒ เขียนยอความจากการฟง เชน พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู วั  กลมุ ที่ ๓ การยอ ความจากการดู เชน รายการโทรทัศน  กลุมที่ ๔ การยอความจากขอ มูลอน่ื ๆ เชน ประกาศตาง ๆ โดยใหแ ตละกลุมสืบคน ขอ มูลหรือเร่อื งทจี่ ะนํามาเขียนยอความจากหองสมุดหรือแหลงขอมลู สารสนเทศของโรงเรยี น ๖. แตล ะกลุมสง ตวั แทนออกมานําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน ใหน ักเรยี นรวมกันแสดง ความคิดเห็น และวิจารณ ครูอธิบายสรุปเปนความรูเพมิ่ เติม ขัน้ สรุปการสอน ใหนักเรียนและครูรวมกันสรุปความรู ดังนี้ การเขียนยอความเปนการนําใจความสําคัญของเรื่องที่ อาน ฟง หรือดู มาเรยี บเรยี งใหมใ หกระชับ เขา ใจงาย และไดใจความถูกตอ ง ครบถว นตามเรอื่ งเดิม

8. สือ่ การเรียนรู/แหลงการเรยี นรู แหลงเรยี นรู ส่อื การเรยี นรู/ อปุ กรณ แหลง เรยี นรูภายใน ๑.ตัวอยา งการเขียนยอความ 1) หองสมุดโรงเรยี น ๒.หนงั สอื หรือหนงั สอื พมิ พ แหลงเรียนรูภายนอก ๓.แหลง ขอมลู สารสนเทศ 1) หองเรียน DLIT 9. การวดั และประเมินผล ๑. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา รวมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขารว มกิจกรรมกลุม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เครอื่ งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขารวมกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขารว มกิจกรรมกลุม ๓. เกณฑก ารประเมนิ ๑) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา รวมกจิ กรรม ผานตง้ั แต ๒ รายการ ถือวา ผาน ผา น ๑ รายการ ถือวา ไมผา น ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขารวมกจิ กรรมกลุม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช คะแนน ๐ - ๔ ระดับควรปรบั ปรุง ๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ - 1๑. การเตรยี มตวั ลวงหนา (ลงชอ่ื )..............................................ครผู สู อน (นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ) ............./................./............

๑๒. ความเห็นของรองผูอํานวยการกลมุ บริหารวิชาการ หรอื ผูท ่ไี ดรบั มอบหมาย ความเหน็ ของเพอ่ื ครคู ูนิเทศ ความเห็นของหัวหนากลุมสาระการเรียนรู  จดั ทําแผนการจัดการเรยี นรู  รบั ทราบการจัดทําแผนการจัดการเรียนรู  จัดทําแผนการจัดการเรียนรูไดดี ความเห็นเพมิ่ เตมิ ความเห็นเพิ่มเติม ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. (ลงชื่อ).................................................... (ลงชื่อ)............................................ (.................................................) (นางจุฑามาศ อรามศร)ี ........ / ....... / ........ หวั หนากลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย ........ / ....... / ........ ความเหน็ ของรองผูอ ํานวยการกลุมบริหารวิชาการ/ผูทไ่ี ดรับมอบหมาย  รบั ทราบการจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู  จดั ทําแผนการจัดการเรียนรูไดด ี ความเหน็ เพมิ่ เติม ………………………………………………………………………………………………….……………..…………. (ลงชือ่ ).......................................................... (.......................................................) ........................................................................ ........ / ....... / ........ ๑๓. ความคดิ เห็นของฝา ยบริหารหรือผูท ไี่ ดรับมอบหมาย .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)................................................... (นายประทีป ไชยเมอื ง) ผูอาํ นวยการโรงเรยี นบดินทรเดชา (สงิ ห สิงหเสนี) ๔ ........ / ....... / ........

แบบบนั ทกึ หลังแผนการจดั การเรยี นรู แผนการจดั การเรียนรูท ่ี 4 เรอื่ ง การเขียนยอ ความ หนวยการเรียนรทู ี่ 1 เร่อื ง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวิชาภาษาไทย ๒ รหัสวชิ า ท2110๒ กลุมสาระการเรยี นรูภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 1 ภาคเรยี นท่ี ๒ ปการศึกษา 2562 เวลา 2 คาบ ครผู สู อน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ โรงเรยี นบดนิ ทรเดชา (สงิ ห สิงหเสน)ี ๔ 1. ผลการนาํ ไปใชใ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู 1.1การจดั กิจกรรมการเรยี นรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.2 การใชส อ่ื /แหลง เรียนรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.3 การวัดผล/ประเมินผล ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. ปญ หา/อปุ สรรค ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ขอ เสนอแนะ/แนวทางแกไข ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... (ลงชอ่ื )..............................................ครูผูสอน (นางสาวปานทอง แสงสุทธ)ิ .............../................./..............

แผนการจัดการเรียนรทู ่ี 5 เรอ่ื ง วิเคราะหค ํา เพิม่ ความรู หนว ยการเรยี นรูท่ี 1 เร่อื ง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวิชาภาษาไทย ๒ รหัสวชิ า ท2110๒ กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 1 ภาคเรยี นที่ ๒ ปการศกึ ษา 2562 เวลา 2 คาบ ครผู ูส อน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ โรงเรยี นบดนิ ทรเดชา (สงิ ห สิงหเสนี) ๔ 1. มาตรฐานการเรยี นรู มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และ พลงั ของภาษา ภมู ิปญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเปนสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชี้วัด ท ๔.๑ ม.๑/๒ สรางคาํ ในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๑/๓ วิเคราะหชนดิ และหนาท่ขี องคําในประโยค 2. จดุ ประสงคการเรยี นรูส ูตัวชี้วดั (KPA) ๑. อธิบายลักษณะของคาํ ซอนและคาํ ประสม (K) ๒. จําแนกคาํ ซอ นกับคาํ ประสม (P) ๓. หาคําจากเร่อื งราชาธิราชมาสรางคําซอ น (P) ๔. วิเคราะหก ารใชลกั ษณนาม (P) ๕. เหน็ ความสําคัญของการเรียนรคู าํ ในภาษาไทยเพอ่ี นําไปใชอ ยางถูกตอ ง (A) 3. สาระสําคัญ คําซอ น เปนคําท่ีเกดิ จากการนาํ คาํ มลู ทม่ี คี วามหมายเหมือนกัน คลา ยคลึงกนั หรือตรงขา มกัน ตงั้ แต ๒ คาํ มารวมกัน ทําใหเ กิดคําใหมท่มี ีความหมายใหมห รอื มีเคาของความหมายเดิม คาํ ประสม เปน คาํ ท่เี กิดจากการนําคําทม่ี ีความหมายตางกนั ตง้ั แต ๒ คํามารวมกันเปน คําใหมท่มี ี ความหมายใหม หรือมีเคาของความหมายเดิม ลักษณนาม เปนคาํ ที่ใชบ อกลกั ษณะของส่ิงตาง ๆ เพอ่ื แสดงรปู รา ง ลกั ษณะ หรือปริมาณของสงิ่ น้นั 4. ทักษะการคิด - การจาํ แนก - การวเิ คราะห - การสรปุ ความรู 5. สาระการเรยี นรู ความรู 1) การสรา งคําซอ น คาํ ประสม 2) ลกั ษณนาม

ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทกั ษะการอา น 2) ทกั ษะการตีความ 3) ทกั ษะการสรุปลงความเห็น 4) ทกั ษะการวเิ คราะห คุณลกั ษณะ 1) ใฝเรียนรู 2) มงุ มน่ั ในการทํางาน 3) รกั ความเปนไทย 6. สมรรถนะสาํ คัญของผเู รยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอาน - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟง การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคดิ - การจําแนก - การวเิ คราะห - การสรปุ ความรู 7. กิจกรรมการเรียนรู ขน้ั นาํ เขาสูบทเรยี น ๑. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใชคาํ ถามทาทาย ดงั น้ี  เพียงแคร คู วามหมายของคาํ ก็สามารถใชภาษาส่ือสารไดจรงิ หรือไม เพราะเหตุใด ขัน้ สอน ๒. ใหนักเรยี นทบทวนความรูเกย่ี วกบั คําซอน คาํ ประสม และลักษณนาม ๓. ครนู ําคําซอ นและคําประสมจากเรือ่ ง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา มาใหน ักเรยี นจาํ แนก แลวนําไปเขยี นลงในกรอบท่กี าํ หนดให ดังน้ี เยื้องกราย ฝก หดั เจาของ เสยี แรง คุน เคย กลอุบาย ขวัญตา หายใจ เกี่ยวพนั ฝมือ ขบกัด จนใจ รบั สง่ั หางไกล ตานทาน แกไ ข คอยทา นับถือ แผน ดนิ เวยี นวน รปู รา ง จองจํา ขา ศกึ กลาหาญ แปรปรวน คูครอง ใจความ หามปราม หนว งเหนย่ี ว เสื่อมเสีย เคร่ืองประดับ ขาราชการ ถอยคํา ฟอนราํ บา นเมือง เปรยี บเทยี บ ใหญห ลวง มั่นคง ลว งเลย กราบทูล

คาํ ซ้อน คาํ ประสม ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ๔. ครูและนกั เรยี นรว มกันตรวจสอบความถูกตอง ๕. ครนู าํ คาํ ตอ ไปนี้คอื ๑. หนา________ ๒. สงู ___________ ๓. ซื้อ___________ ๔. ผูใหญ_______ ๕. ยาก__________ มาใหน กั เรียนหาคําท่มี ีความหมายตรงขามกนั ตามที่ปรากฏในเรือ่ ง ราชาธริ าช ตอนสมิงพระราม อาสา มาซอนลงในคําทกี่ ําหนดให ๖. ครแู ละนักเรยี นรวมกนั ตรวจสอบความถกู ตอง ๗. ครูยกตวั อยา งคาํ ซอน ๓ คําหรือ ๔ คาํ มาอธิบายใหนกั เรยี นฟง หรือใหน ักเรียนชวยกนั ยกตัวอยางคําซอน ๓ คาํ หรอื ๔ คาํ ท่ีตนเองรจู กั มาแลกเปลย่ี นความรูกนั ๘. ครเู ขียนคาํ ที่ปรากฏในเร่ือง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา แลว ใหนกั เรียนหาคาํ ทป่ี รากฏ ในเน้อื เรอ่ื งมาเตมิ ใหเปน คําซอ น ๓ คําหรอื ๔ คาํ ดงั นี้ ๑. อยูเย็น______________ ๖. สมณ_____________ ๒. ตีฆอ ง_______________ ๗. ชาวบา น___________ ๓. กาํ หนด______________ ๘. พระเดช___________ ๔. ยศฐา________________ ๙. ลาํ บาก____________ ๕. เหนด็ เหนื่อย__________ ๑๐. นายทพั ____________ ๙. ครแู ละนกั เรียนรว มกันตรวจสอบความถกู ตอง ๑๐. ครนู าํ ขอ ความหรอื ประโยคทป่ี รากฏในเนอ้ื เรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา ใหน ักเรยี นหาลกั ษณนามมาเติมลงในชอ งวาง ดังน้ี ๑. แพรลายมังกรรอ ย ___________________ ๒. ฝนตก ___________ ใหญ ๓. เครอ่ื งยศประดบั หยก __________________ หนึง่ ๔. กระทอ มนอ ย ______________ หนง่ึ ๕. ผาสกั หลาดยี่สบิ _____________

๖. นอระมาดหาสิบ ____________ ๗. นาํ้ ดอกไมเทศสามสบิ _____________ ๘. ชางพลายผูกเคร่อื งทอง_____________ หน่ึง ๙. ตนตาลมผี ลสกุ ตนละส่ี _____________ บา ง หา ____________ บาง ๑๐. แลวพงุ ผลตาลสกุ ทง้ั สามตน หลนลงทีละ ___________________ ๑๑. ครูและนกั เรยี นรวมกันตรวจสอบความถกู ตอง และใหน กั เรยี นรว มกนั ตรวจสอบวา ปจจุบัน สิ่งตาง ๆ ในขอ ความจากเรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ยงั ใชลักษณนามเชน เดมิ หรือไม แลวบนั ทกึ เปนความรู ขัน้ สรุปการสอน ใหน กั เรียนและครรู ว มกันสรุปความรู ดงั น้ี ค ําซ อ น เป น ค ําท ี่เก ิด จาก ก าร น าํ ค ําม ูล ท มี่ ีค ว าม ห ม าย เห ม อื น ก ัน ค ล าย ค ล ึงก ัน ห รือ ต รงข าม กนั ต้ังแต ๒ คาํ มารวมกัน ทาํ ใหเกิดคําใหมทม่ี คี วามหมายใหมห รอื มีเคา ของความหมายเดมิ คําประสม เปน คาํ ท่เี กิดจากการนําคําท่ีมีความหมายตา งกนั ตงั้ แต ๒ คาํ มารวมกนั เปน คาํ ใหมที่มี ความหมายใหม หรือมีเคาของความหมายเดิม ลักษณนาม เปน คาํ ท่ีใชบ อกลักษณะของส่งิ ตาง ๆ เพือ่ แสดงรูปรา ง ลกั ษณะ หรือปริมาณของสง่ิ นนั้ 8. สอื่ การเรยี นรู/แหลงการเรียนรู ส่อื การเรยี นรู/อปุ กรณ แหลงเรียนรู ๑.คาํ ศพั ท แหลงเรยี นรภู ายใน ๒.ตวั อยา งขอ ความหรอื ประโยค 1) หองสมุดโรงเรียน 2) หองศูนยภาษาของกลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย แหลงเรียนรภู ายนอก 1) หองเรียน DLIT 9. การวดั และประเมนิ ผล ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา รว มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขารวมกจิ กรรมกลุม ๓) ตรวจผลงานของนักเรยี น ๒. เครอ่ื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา รว มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขารว มกจิ กรรมกลมุ ๓. เกณฑการประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา รว มกจิ กรรม ผา นตัง้ แต ๒ รายการ ถือวา ผา น ผา น ๑ รายการ ถอื วา ไมผ าน

๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขารว มกิจกรรมกลุม คะแนน ๙ – ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ ๑๐. กจิ กรรมเสนอแนะ ใหนกั เรยี นรวบรวมคาํ ซอ นและคาํ ประสมจากเน้ือเรอื่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระราม-อาสา มาทํา เปน บัตรคํา แลวแขง ขันจําแนกคําซอนและคําประสม โดยแบงเปนกลุมและมีผูชูบตั รคํา ๑ คน ผูบนั ทกึ คะแนน ๑ คน กลมุ ใดตอบเร็วและถูกตองมากท่ีสุดเปนฝายชนะ 1๑. การเตรยี มตวั ลวงหนา (ลงชอ่ื )..............................................ครูผูสอน (นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ) ............./................./............

๑๒. ความเห็นของรองผูอํานวยการกลมุ บริหารวิชาการ หรอื ผูท ่ไี ดร ับมอบหมาย ความเหน็ ของเพอ่ื ครคู ูนิเทศ ความเห็นของหัวหนากลุม สาระการเรยี นรู  จดั ทําแผนการจัดการเรยี นรู  รบั ทราบการจัดทําแผนการจดั การเรียนรู  จัดทําแผนการจัดการเรียนรูไดดี ความเห็นเพมิ่ เตมิ ความเห็นเพิม่ เติม ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. (ลงชื่อ).................................................... (ลงชอื่ )............................................ (.................................................) (นางจุฑามาศ อรา มศร)ี ........ / ....... / ........ หวั หนากลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ........ / ....... / ........ ความเหน็ ของรองผอู ํานวยการกลุมบริหารวิชาการ/ผูทไ่ี ดรับมอบหมาย  รบั ทราบการจดั ทาํ แผนการจดั การเรยี นรู  จดั ทาํ แผนการจัดการเรียนรูไดด ี ความเหน็ เพมิ่ เติม ………………………………………………………………………………………………….……………..…………. (ลงชือ่ ).......................................................... (.......................................................) ........................................................................ ........ / ....... / ........ ๑๓. ความคดิ เห็นของฝา ยบริหารหรือผูท ไี่ ดรับมอบหมาย .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)................................................... (นายประทีป ไชยเมอื ง) ผอู าํ นวยการโรงเรยี นบดินทรเดชา (สงิ ห สงิ หเสนี) ๔ ........ / ....... / ........

แบบบนั ทึกหลังแผนการจัดการเรยี นรู หนวยการเรียนรูที่ 1 แผนการจัดการเรยี นรูท่ี 5 เร่ือง วิเคราะหคาํ เพิ่มความรู เรอื่ ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวิชาภาษาไทย ๒ รหสั วิชา ท2110๒ กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 1 ภาคเรียนท่ี ๒ ปการศึกษา 2562 เวลา 2 คาบ ครผู ูส อน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ โรงเรียนบดนิ ทรเดชา (สิงห สงิ หเสน)ี ๔ 1. ผลการนาํ ไปใชใ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู 1.1การจัดกิจกรรมการเรยี นรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.2 การใชสอ่ื /แหลงเรยี นรู ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 1.3 การวัดผล/ประเมนิ ผล ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. ปญหา/อปุ สรรค ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ขอเสนอแนะ/แนวทางแกไข ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)..............................................ครผู ูสอน (นางสาวปานทอง แสงสุทธ)ิ .............../................./..............

แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ 6 เรื่อง วิเคราะหภาษาในราชาธริ าช หนว ยการเรยี นรูที่ 1 เรื่อง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหสั วิชา ท2110๒ กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 1 ภาคเรยี นที่ ๒ ปการศึกษา 2562 เวลา 2 คาบ ครูผสู อน นางสาวปานทอง แสงสทุ ธิ โรงเรยี นบดินทรเดชา (สิงห สงิ หเสน)ี ๔ 1. มาตรฐานการเรยี นรู มาตรฐาน ท ๔.๑ เขาใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา และ พลงั ของภาษา ภูมปิ ญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ ปนสมบตั ิของชาติ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม.๑/๒ สรางคําในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๑/๓ วเิ คราะหชนิดและหนาทข่ี องคาํ ในประโยค 2. จดุ ประสงคการเรยี นรูสูตัวชว้ี ัด (KPA) ๑. อธบิ ายลักษณะของคําพอ ง (K) ๒. อธิบายความหมายของคําทเ่ี ปนคาํ พอ ง (K) ๓. วิเคราะหชนิดของคาํ พอ ง (P) ๔. เหน็ ความสาํ คญั ของการเรยี นรูคําพอ งท่ีทาํ ใหภ าษาไทยไพเราะและสละสลวย (A) 3. สาระสําคญั การเขาใจลักษณะและความหมายของคาํ พองที่ใชในวรรณคดี ทําใหเขาใจเนอื้ ความท่ีอา นไดถ กู ตอ ง 4. ทกั ษะการคิด - การวิเคราะห - การสังเคราะห - การประยุกต/การปรับปรุง - การสรปุ ความรู 5. สาระการเรียนรู ความรู 1) คําพอง 2) ชนดิ ของคาํ ทักษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการอาน 2) ทักษะการตคี วาม 3) ทกั ษะการสรุปลงความเห็น 4) ทกั ษะการวเิ คราะห

คุณลักษณะ 1) ใฝเ รยี นรู 2) มงุ มน่ั ในการทํางาน 3) รักความเปนไทย 6. สมรรถนะสําคัญของผูเ รยี น ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร - ทักษะการอา น - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห - การสงั เคราะห - การประยุกต/ การปรบั ปรุง - การสรุปความรู 7. กิจกรรมการเรยี นรู ขั้นนาํ เขา สบู ทเรยี น ๑. ใหนกั เรยี นรว มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใชคําถามทาทาย ดังน้ี  ความไพเราะคมคายของเรื่องราชาธริ าชเกิดจากสิ่งใดบา ง ขั้นสอน ๒. ใหนักเรยี นศกึ ษาความรเู รอื่ ง คาํ พอ ง แลว รวมกันอธิบายในประเด็นตอ ไปนี้  คาํ พอ งมีลกั ษณะอยางไรบา ง  คําพอ งรูปและคาํ พอ งเสียงมีลักษณะตางกันอยางไร  คาํ พอ งรูปพองเสยี งเปน อยางไร  การสงั เกตความหมายของคําพองมหี ลักการสําคัญอยา งไร ๓. ใหน กั เรียนชว ยกันยกตวั อยางคาํ พอ งแตละชนิด พรอมท้งั อธบิ ายความหมายของคํา ครบู นั ทกึ บนกระดาน ๔. ใหน ักเรียนรวมกันนาํ คาํ พองท่ยี กตวั อยางมาแตงประโยคหลาย ๆ แบบ เชน แตงประโยคที่ใชค าํ พอง ๑ คาํ แตงประโยคที่ใชคําพอง ๒ คํา ครบู ันทกึ ประโยคท่นี กั เรยี นแตง บนกระดานและชวยปรบั ปรุงแกไข ๕. ใหนักเรียนรว มกนั ทบทวนความรูเร่อื ง ชนิดของคาํ แลว สรปุ ความเขาใจ ๖. ใหน ักเรียนรวมกันวเิ คราะหค าํ พอ งในประโยคทีอ่ ยูบนกระดานวาเปน คําชนดิ ใด ครชู ว ยอธิบาย เพ่ิมเตมิ และตรวจสอบความถกู ตอง ๗. ใหน ักเรยี นนําความรเู ร่ืองคําพอง และชนดิ ของคํามาวเิ คราะหก ารใชภ าษาในเรอ่ื งราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา โดยพจิ ารณาประโยคที่กําหนดใหดงั ตอ ไปน้ี ๑) มา ดีไดต องเอามอื ตองหลงั ดูกอ นจงึ จะรวู า ดี ๒) สตรีรปู งามถา พรอ มดวยลักษณะกิริยามารยาทตอ งอยา งจึงควรนับวางาม ๓) ขณะเมื่อสมิงพระรามราํ สิ้นเพลงทวนแลว แกลงทํากลอบุ ายหวังจะดูชองเกราะหมายสําคญั ๔) หญิงเจาของจงึ เอาขา วเปลือกมาตาํ ไดราํ แลว ก็รอ งเรยี กลูกมา ดุจดงั ทกุ วัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook