Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา

หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา

Published by Dab Techa, 2022-02-17 05:09:34

Description: หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา

Search

Read the Text Version

ภาคผนวก



หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลง สู่สงั คมท่ไี ม่ทนต่อการทจุ ริต ส�ำ นักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑

หลกั สูตรสร้างวิทยากรผ้นู ำ�การเปล่ยี นแปลง สูส่ ังคมที่ไม่ทนตอ่ การทุจริต พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ�นวนพิมพ์ ๗๔๕ เลม่ ผจู้ ดั พมิ พ์ สำ�นกั งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พิมพท์ ่ ี ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำ�กัด สาขา ๔ ๑๔๕ , ๑๔๗ ถ.เลีย่ งเมอื งนนทบรุ ี ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๐๗-๙ , ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๓-๔ โทรสาร ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๕ E-mail : [email protected] www.co-opthai.com

คำ�นำ� ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ไดก้ ำ�หนดประเด็นยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ สรา้ งสงั คมที่ไม่ทนต่อการทจุ ริต ประกอบด้วย กลยทุ ธ์ท่ี ๑ ปรบั ฐาน ความคดิ ทกุ ช่วงวยั ตัง้ แตป่ ฐมวัยเปน็ ต้นไปใหส้ ามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม กลยทุ ธท์ ่ี ๒ สง่ เสรมิ ใหม้ รี ะบบและกระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมเพอ่ื ตา้ นทจุ รติ กลยทุ ธท์ ่ี ๓ ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเคร่ืองมือต้านทุจริต และกลยุทธ์ที่ ๔ เสริมพลังการมี ส่วนร่วมของชุมชน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือต่อต้านการทุจริต จากกลยุทธ์ที่ ๑ คณะกรรมการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จงึ ไดม้ คี �ำ สง่ั แตง่ ตง้ั คณะอนกุ รรมการ จัดท�ำ หลกั สูตรหรอื ชดุ การเรียนรู้และสือ่ ประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทจุ ริต ซึ่งประกอบด้วย ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิด้านการใหก้ ารศกึ ษาและการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยข์ ้นึ เพ่ือศกึ ษา วิเคราะห์ และรวบรวม ข้อมลู กำ�หนดแนวทางและขอบเขตในการจดั ทำ�หลกั สูตร ยกรา่ งและจดั ทำ�เนอ้ื หาหลกั สตู รหรือชุดการเรยี นรู้ และสอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ รวมทง้ั พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ เพม่ิ เตมิ ก�ำ หนดแผนหรอื แนวทางการน�ำ หลกั สตู ร ไปใช้ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และด�ำ เนนิ การอื่นๆ ตามทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนกุ รรมการจดั ท�ำ หลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอ่ื ประกอบการเรยี นรดู้ า้ นการปอ้ งกนั การทุจริตได้ร่วมกันสร้างชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ดงั น้ี ๑. หลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (รายวิชาเพ่มิ เติม การปอ้ งกันการทจุ ริต) ๒. หลกั สูตร อดุ มศกึ ษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ๓. หลกั สตู รตามแนวทางรบั ราชการ กลุ่มทหารและตำ�รวจ ๔. หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต ชุดหลักสูตรดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการนำ�ไปทดลองใช้ เพ่ือปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสำ�หรับการใช้ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากนี้ คณะอนกุ รรมการจดั ท�ำ หลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอ่ื ประกอบการเรยี นรดู้ า้ นการปอ้ งกนั การทจุ รติ ยงั ได้คัดเลือกส่อื การเรยี นรูจ้ ากแหลง่ ตา่ งๆ ทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศ รวม ๕๐ ชิ้น เพื่อใชใ้ นการ เรยี นรู้ ซง่ึ คณะรฐั มนตรมี มี ตเิ หน็ ชอบตามทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยใหห้ นว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งน�ำ หลกั สตู รต้านทจุ รติ ศกึ ษาไปปรบั ใชใ้ นโครงการหรอื หลกั สตู รฝกึ อบรมของ ข้าราชการ บุคลากรของรฐั หรอื พนักงานรัฐวิสาหกจิ ทบ่ี รรจุใหม่ หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไี่ มท่ นตอ่ การทจุ รติ จดั ท�ำ โดยผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ดา้ นการศกึ ษาและการฝกึ อบรม ในคณะอนกุ รรมการจัดทำ�หลักสตู รหรอื ชดุ การเรียนรู้และสื่อประกอบ การเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต สาระการเรียนรู้ประกอบด้วย (๑) การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม (๒) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต (๓) การประยุกต์ โมเดล STRONG : จติ พอเพยี งต้านทจุ ริต (๔) การฝกึ ปฏิบตั ิการเปน็ วทิ ยากร

คณะกรรมการ ป.ป.ช. หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ หนว่ ยงานภาครฐั รฐั วสิ าหกจิ รวมถงึ หนว่ ยงานภาค เอกชน ทปี่ ระสงคจ์ ะสรา้ งวทิ ยากรดา้ นการตา้ นทจุ รติ จะน�ำ หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลยี่ นแปลง สูส่ งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทุจรติ ในชุดหลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ไปปรบั ใช้ ในโครงการหรือหลักสูตรฝึกอบรมวิทยากรตัวคูณด้านการต้านทุจริต ขยายผลปลูกฝังวิธีคิดป้องกัน การทจุ ริตอยา่ งเป็นอัตโนมัติ เพ่ือรว่ มกนั สร้างประเทศไทยใสสะอาด ไทยทงั้ ชาติตา้ นทุจรติ พลต�ำ รวจเอก (วชั รพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑

สารบญั หนา้ คำ�นำ� รายละเอียดหลกั สูตร ๑ ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู ร ๓ วิชาท่ี ๑ เร่ือง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๕ วิชาท่ี ๒ เรอ่ื ง ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ ๓๔ วชิ าท่ี ๓ เรอ่ื ง การประยกุ ต์หลกั ความพอเพยี งด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงต้านทุจริต ๖๑ วิชาท่ี ๔ เร่อื ง การฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเป็นวิทยากร ๗๓ ภาคผนวก ก รายการส่อื ประกอบเน้ือหาวิชา ๘๓ ข แบบทดสอบ ๘๙ ค กระดาษคำ�ตอบและเฉลย ๙๔ ง ค�ำ สง่ั คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ี ๖๔๖/๒๕๖๐ เรอ่ื ง แต่งต้ังคณะอนุกรรมการ ๙๕ จัดท�ำ หลกั สตู ร หรอื ชุดการเรียนรูแ้ ละส่ือประกอบการเรยี นรู้ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ ริต จ รายชอื่ ผจู้ ดั ท�ำ หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงส่สู งั คมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต ๙๘

--

หลกั สตู รสร้างวิทยากรผู้น�ำการเปล่ยี นแปลงสูส่ ังคมท่ไี ม่ทนตอ่ การทุจรติ ช่ือหลกั สูตร สร้างวิทยากรผ้นู �ำการเปลีย่ นแปลงสสู่ งั คมทไี่ มท่ นตอ่ การทจุ รติ หลักการและเหตผุ ล ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ไดก้ �ำหนด ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๑ สร้างสงั คมที่ไมท่ นต่อการทุจรติ อันมีกลยทุ ธว์ า่ ด้วยเรอื่ งของการปรับฐานความคิดทุกชว่ งวยั ตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบ และกระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมเพอ่ื ตา้ นทุจริต ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ เคร่ืองมือ ต้านทุจริต เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการ ทุจริต ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้จัดท�ำหลักสูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำการเปล่ียนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต เพ่ือน�ำไปใช้เป็นแนวทางในการฝึกอบรมให้กับบุคลากรของส�ำนักงาน ป.ป.ช. และบุคลากรของหน่วยงาน ภาครฐั ตา่ ง ๆ เพือ่ เปน็ แกนน�ำวิทยากรผนู้ �ำการเปล่ยี นแปลง (ผทู้ ไี่ ด้รบั การอบรมเนอื้ หา/หลกั สตู รนี้) ในการน�ำ ความรทู้ ไี่ ดไ้ ปถา่ ยทอดใหก้ บั บคุ ลากรในหนว่ ยงานนน้ั ๆ ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั เรอื่ งการคดิ แยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การประยุกต์หลัก ความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริต ซึง่ คดิ คน้ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ฒั ศริ ิ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑) S (sufficient ความพอเพียง) 1 ๒) T (transparent ความโปร่งใส) ๓) R (realise ความตน่ื รู้) ๔) O (onward มุง่ ไปขา้ งหนา้ ) ๕) N (knowledge ความร)ู้ ๖) G (generosity ความเอื้ออาทร) หลกั สูตรสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมทไี่ ม่ทนต่อการทุจริต

วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจและทศั นคตทิ ถี่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจริต และการฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารเป็นวทิ ยากร ๒. เพ่อื สรา้ งวทิ ยากรท่มี ีทักษะและสามารถขยายผลองคค์ วามรูไ้ ปสกู่ ลมุ่ เปา้ หมายต่าง ๆ เพือ่ มุง่ สร้าง สงั คมทีไ่ มท่ นต่อการทจุ ริต ขอบเขตเน้ือหา วชิ าที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (๖ ช่ัวโมง) วชิ าท่ี ๒ ความอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต (๓ ชวั่ โมง) วิชาที่ ๓ การประยกุ ตห์ ลักความพอเพียงดว้ ยโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งต้านทุจริต (๓ ช่วั โมง) วชิ าท่ี ๔ การฝึกปฏบิ ตั กิ ารเป็นวิทยากร (๖ ชว่ั โมง) ระยะเวลาหลักสูตร ๓ วัน ๒ คนื กล่มุ เปา้ หมาย บุคลากรของส�ำนักงาน ป.ป.ช. บุคลากรภาครัฐและรฐั วิสาหกิจ และภาคประชาสังคม สื่อการเรียนรู้ Power Point วิดโี อ ภาพยนตรส์ ้นั ใบงาน หรือส่อื อื่น ๆ ท่ีเหมาะสม การวดั และประเมินผล ๑. การทดสอบความรู้ (๖๐ คะแนน) ๒. การประเมินฝึกปฏิบตั กิ ารเปน็ วิทยากร (๔๐ คะแนน) เกณฑก์ ารประเมนิ ผู้ผ่านการอบรมจะต้องได้คะแนนรวมจากค่าคะแนนจากแบบทดสอบความรู้และค่าคะแนนจาก การประเมนิ ฝกึ ปฏิบัตกิ ารเปน็ วิทยากรรวมกนั อย่างนอ้ ยต้ังแต่ ๖๐ คะแนนขน้ึ ไป 2 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู ังคมท่ีไมท่ นตอ่ การทุจริต

ตารางวเิ คราะห์หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลยี่ นแปลงส่สู ังคมทีไ่ ม่ทนต่อการทุจรติ ท่ี เรอ่ื ง เนือ้ หา ชว่ั โมง กระบวนการ การวดั และ ประเมินผล ๑ การคดิ แยกแยะ ๑.๑ สาเหตุของการทจุ ริตฯ ๖ การบรรยาย สอบเนอ้ื หา ระหว่าง ๑.๒ ความหมายของการขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชน์ การคิดวิเคราะห์ (๒๐ คะแนน) ประโยชน์ สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม รปู แบบของการขัดกนั กรณีศกึ ษา สว่ นตนและ ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม การท�ำกิจกรรม ประโยชน์ ๑.๓ กฎหมายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการขดั กันฯ กลมุ่ สว่ นรวม ๑.๔ วธิ คี ิดแบบ Analog thinking (ฐาน ๑๐)/Digital การอภิปรายกลมุ่ thinking (ฐาน๒) ๑.๕ บทบาทของรัฐ/เจ้าหน้าทข่ี องรัฐ (มาตรฐาน ทางจรยิ ธรรมของเจา้ หน้าทข่ี องรัฐ) ๑.๖ กรณตี ัวอยา่ งการคดิ แยกแยะระหวา่ งประโยชน์ ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม ๒ ความละอาย ๒.๑ การทจุ ริต ๓ การบรรยาย สอบเนอื้ หา และความ - ความหมาย/รูปแบบการทุจริต การคดิ วิเคราะห์ (๒๐ คะแนน) ไม่ทนต่อ - สาเหตกุ ารเกิดการทุจริต กรณีศกึ ษา การทุจรติ - สถานการณ์การทจุ ริตในประเทศไทย การท�ำ - ผลกระทบจากการทุจริตตอ่ การพฒั นาประเทศ กจิ กรรมกลุม่ - ทิศทางการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ การอภิปรายกลมุ่ - กรณตี วั อยา่ งผลท่เี กดิ จากการทจุ รติ ๒.๒ ความอายตอ่ การทุจริต - ความเป็นพลเมือง - แนวคดิ เกีย่ วกบั ความอายตอ่ การทุจริต ๒.๓ ความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต - แนวคิดเกย่ี วกับความไม่ทนตอ่ การทุจริต ๒.๔ ตวั อย่างความอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ การแสดงออกถึงการไม่ทนต่อการทุจริต ๒.๕ ลงโทษทางสังคม ๒.๖ ชอ่ งทางและวิธีการรอ้ งเรยี นการทจุ ริต ๒.๗ มาตรการค้มุ ครองช่วยเหลือพยานและ การกนั บคุ คลไว้เปน็ พยานโดยไม่ด�ำเนนิ คดี - มาตรการคมุ้ ครองช่วยเหลือพยาน - การกันบคุ คลไว้เป็นพยานโดยไมด่ �ำเนินคดี - กฎ ก.พ. ว่าดว้ ยหลักเกณฑ์และวธิ ีการการให้บ�ำเหนจ็ ความชอบ การกนั เป็นพยาน การลดโทษ และการให้ ความคมุ้ ครองพยาน พ.ศ. ๒๕๕๓ หลกั สูตรสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมที่ไม่ทนตอ่ การทุจรติ 3

ท่ี เรือ่ ง เนอื้ หา ชว่ั โมง กระบวนการ การวดั และ ประเมนิ ผล ๓ การประยกุ ต์ ๓.๑ ต้นแบบความพอเพียง (ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง) ๓ กรณีโครงการ STRONG สอบเน้ือหา หลักความ ๓.๒ โมเดล STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ จติ พอเพียง (๒๐ คะแนน) พอเพียง ต้านทจุ รติ ดว้ ยโมเดล การบรรยาย STRONG : จิตพอเพยี ง การฝกึ ปฏบิ ตั ถิ ่ายทอดความรู้ ตามทีก่ �ำหนด ๖ - ๓ ช่ัวโมงแรก การ ตา้ นทจุ ริต ได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ให้ผเู้ ข้าร่วม ประเมนิ ๔ การฝึกปฏบิ ตั ิ - ความหมายของวิทยากร ทกุ คนแบง่ กลุม่ ฝึกปฏบิ ัติ การเป็น - บทบาทและหนา้ ท่ีของวิทยากร ฝกึ ปฏบิ ัตกิ าร การเปน็ วทิ ยากร - คุณสมบตั ขิ องวิทยากรทีด่ ี เปน็ วทิ ยากร วิทยากร - การเป็นผนู้ �ำเสนอทด่ี ี โดยส่มุ หัวข้อ (๔๐ คะแนน) - เทคนคิ การเตรยี มตวั ทด่ี ขี องวทิ ยากร วชิ าการบรรยาย จาก ๓ วิชา โดยให้วิทยากร ประเมิน - ๓ ช่ัวโมง หลัง วิทยากร ใหข้ ้อเสนอแนะ กระบวนการ หลากหลาย 4 หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู ังคมท่ไี ม่ทนตอ่ การทุจริต

วชิ าที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ไี ม่ทนตอ่ การทุจรติ วชิ าที่ ๑ : เรอื่ ง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม จ�ำนวนชั่วโมง : ๖ ช่วั โมง เร่ือง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม สาระส�ำคัญ วชิ านเี้ ปน็ การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั การขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม กฎหมาย ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง แนวคดิ เกย่ี วกบั การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี น สามารถน�ำไปถ่ายทอดได้อยา่ งถูกตอ้ งและน�ำไปปรับใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสมกับผ้เู ขา้ รบั การฝกึ อบรม วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อเสรมิ สร้างความรคู้ วามเขา้ ใจ การน�ำไปใช้ การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมินเกย่ี วกับ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ๒. เพื่อสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเรื่องการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวมใหผ้ เู้ รียนน�ำไปปรับใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั ผ้เู ขา้ รบั การฝึกอบรม ขอบเขตเนือ้ หา ๑. สาเหตุของการทุจริต ๒. ความหมายของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม รูปแบบของ การขดั กันระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๓. กฎหมายที่เกย่ี วขอ้ งกับการขดั กันฯ ๔. วธิ ีคดิ แบบ Analog thinking (ฐาน ๑๐)/Digital thinking (ฐาน๒) ๕. บทบาทของรัฐ/เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั (มาตรฐานทางจริยธรรมของเจา้ หน้าทข่ี องรัฐ) ๖. กรณีตัวอยา่ งการคดิ แยกแยะระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวม วิธีการฝึกอบรม การบรรยาย การคดิ วเิ คราะห์กรณีศึกษา การท�ำกจิ กรรมกล่มุ การอภปิ รายกลมุ่ สือ่ การเรียนรู้ Power Point วดิ ีโอ ภาพยนตร์ส้ัน ใบงาน หรอื สอ่ื อืน่ ๆ ทเี่ หมาะสม การวัดและประเมนิ ผล การทดสอบเนื้อหา (๒๐ คะแนน) หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปลย่ี นแปลงสูส่ ังคมท่ไี ม่ทนต่อการทุจรติ 5

เน้ือหาโดยสงั เขป หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผ้นู �ำการเปลี่ยนแปลงสูส่ ังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต วิชาท่ี ๑ : เรือ่ ง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม จ�ำนวนชั่วโมง : ๖ ช่ัวโมง รายละเอยี ดเนื้อหา ๑. สาเหตขุ องการทุจรติ และทศิ ทางการปอ้ งกนั การทุจรติ ในประเทศไทย การทุจริตเป็นหนึ่งในประเด็นท่ีทั่วโลกแสดงความกังวล อันเน่ืองมาจากเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน ยากตอ่ การจดั การและเกย่ี วขอ้ งกบั ทกุ ภาคสว่ น เปน็ ทย่ี อมรบั กนั วา่ การทจุ รติ นน้ั มคี วามเปน็ สากล เพราะมกี ารทจุ รติ เกิดขึ้นในทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศท่ีก�ำลังพัฒนา การทุจริตเกิดขึ้นทั้งใน ภาครฐั และภาคเอกชน หรอื แมก้ ระทง่ั ในองคก์ รทไ่ี มแ่ สวงหาผลก�ำไรหรอื องคก์ รเพอ่ื การกศุ ล ในปจั จบุ นั การกลา่ วหา และการฟอ้ งรอ้ งคดกี ารทจุ รติ ยงั มบี ทบาทส�ำคญั ในดา้ นการเมอื งมากกวา่ ชว่ งทผี่ า่ นมา รฐั บาลในหลายประเทศ มีผลการปฏิบัติงานที่ไม่โปร่งใสเท่าท่ีควร องค์กรระดับโลกหลายองค์กรเส่ือมเสียช่ือเสียง เนื่องมาจากเหตุผล ด้านความโปร่งใส ส่ือมวลชนทั่วทั้งโลกต่างเฝ้ารอที่จะได้น�ำเสนอข่าวอื้อฉาวและการประพฤติผิดจริยธรรม ด้านการทุจริต โดยเฉพาะบุคคลซึ่งด�ำรงต�ำแหน่งระดับสูงต่างถูกเฝ้าจับจ้องว่าจะถูกสอบสวนเมื่อใด อาจกล่าวได้ว่า การทุจริตเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ท่ีจะขัดขวางการพัฒนาประเทศให้เป็นรัฐสมัยใหม่ ซึ่งต่างเป็นที่ทราบกันดีว่า การทจุ รติ ควรเป็นประเดน็ แรก ๆ ทค่ี วรใหค้ วามส�ำคัญในวาระของการพฒั นาประเทศของทุกประเทศ เห็นได้ชัดว่าการทุจริตส่งผลกระทบอย่างมากกับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในประเทศ ท่ีก�ำลังพัฒนา เช่นเดียวกันกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็มีความกังวลในปัญหาการทุจริตด้วย เชน่ เดยี วกนั โดยเหน็ พอ้ งตอ้ งกนั วา่ การทจุ รติ เปน็ ปญั หาใหญท่ ก่ี �ำลงั ขดั ขวางการพฒั นาเศรษฐกจิ การเมอื ง และสงั คม ใหก้ ้าวไปสู่รัฐสมยั ใหม่ และควรเป็นปญั หาทค่ี วรจะต้องรบี แกไ้ ขโดยเร็วท่ีสุด การทจุ รติ นน้ั อาจเกดิ ขน้ึ ไดใ้ นประเทศทมี่ สี ถานการณ์ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑) มกี ฎหมาย ระเบยี บ หรอื ขอ้ ก�ำหนด จ�ำนวนมากท่ีเกี่ยวข้องกับการด�ำเนินการทางธุรกิจ ซ่ึงจะเป็นโอกาสท่ีจะท�ำให้เกิดเศรษฐผล หรือมูลค่าเพิ่ม หรือก�ำไรส่วนเกินทางเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาตรการหรือข้อก�ำหนดดังกล่าวมีความซับซ้อน คลมุ เครอื เลอื กปฏบิ ัติ เป็นความลบั หรอื ไม่โปร่งใส ๒) เจา้ หนา้ ท่ผี มู้ อี �ำนาจมีสิทธข์ิ าดในการใช้ดลุ ยพินิจ ซ่งึ ให้ อิสระในการเลือกปฏิบัติเป็นอย่างมากว่าจะเลือกใช้อ�ำนาจใด กับใครก็ได้ ๓) ไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพหรือ องคก์ รทม่ี หี นา้ ทค่ี วบคมุ ดแู ลและจดั การตอ่ การกระท�ำใด ๆ ของเจา้ หนา้ ทที่ มี่ อี �ำนาจ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ประเทศ ทก่ี �ำลงั พฒั นา ท�ำให้การทุจริตมแี นวโน้มทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ ได้อยา่ งมาก โดยไมใ่ ชเ่ พียงเพราะว่าลกั ษณะประชากรนนั้ แตกต่างจากภูมิภาคอื่นท่ีพัฒนาแล้ว หากแต่เป็นเพราะกลุ่มประเทศที่ก�ำลังพัฒนาน้ันมีปัจจัยภายในต่าง ๆ ท่ีเอื้อหรือสนับสนุนต่อการเกิดการทุจริต อาทิ ๑) แรงขับเคลื่อนที่อยากมีรายได้ เป็นจ�ำนวนมากอันเป็นผล เนือ่ งมาจากความจน ค่าแรงในอัตราทีต่ ่�ำ หรือมีสภาวะความเสี่ยงสงู ในด้านตา่ ง ๆ เชน่ ความเจบ็ ปว่ ย อุบัติเหตุ หรอื การวา่ งงาน ๒) มสี ถานการณห์ รอื โอกาสทอี่ าจกอ่ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ ไดเ้ ปน็ จ�ำนวนมาก และมกี ฎระเบยี บตา่ ง ๆ ที่อาจน�ำไปสกู่ ารทจุ ริต ๓) การออกกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เขม้ แขง็ ๔) กฎหมายและประมวล 6 หลักสตู รสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมท่ไี ม่ทนตอ่ การทุจรติ

จริยธรรมไม่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย ๕) ประชากรในประเทศยังคงจ�ำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ อยู่เปน็ จ�ำนวนมาก ๖) ความไม่มเี สถียรภาพทางการเมือง และเจตจ�ำนงทางการเมอื งท่ีไมเ่ ขม้ แขง็ ปจั จยั ตา่ ง ๆ ดงั กลา่ ว จะน�ำไปสกู่ ารทจุ รติ ไมว่ า่ จะเปน็ ทจุ รติ ระดบั บนหรอื ระดบั ลา่ งกต็ าม ซงึ่ ผลทตี่ ามมาอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เจน มดี ้วยกันหลายประการ เช่น การทุจริตท�ำให้ภาพลกั ษณ์ของประเทศด้านความโปร่งใสนัน้ เลวร้ายลง การลงทุน ในประเทศโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ จากนกั ลงทนุ ตา่ งชาตลิ ดนอ้ ยลง สง่ ผลกระทบท�ำใหก้ ารเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ลดนอ้ ย ลงไปดว้ ยเชน่ กนั หรอื การทจุ รติ ท�ำใหเ้ กดิ ชอ่ งว่างของความไมเ่ ท่าเทยี มทกี่ ว้างขน้ึ ของประชากรในประเทศหรอื อกี นยั หนง่ึ คอื ระดบั ความจนนนั้ เพมิ่ สงู ขน้ึ ในขณะทกี่ ลมุ่ คนรวยกระจกุ ตวั อยเู่ พยี งกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ เดยี ว นอกจากน้ี การทุจริตยังท�ำให้การสร้างและปรับปรุงสาธารณูปโภคต่าง ๆ ของประเทศนั้นลดลงท้ังในด้านปริมาณและ คณุ ภาพ รวมทั้งยังอาจน�ำพาประเทศไปสวู่ ิกฤติทางการเงินท่ีรา้ ยแรงได้อกี ด้วย การเปล่ียนแปลงวิธีคิด (Paradigm Shift) จึงเป็นเร่ืองส�ำคัญอย่างมาก ต่อการด�ำเนินงานด้านการ ต่อต้านการทุจริต ตามค�ำปราศรัยของประธานท่ีได้กล่าวต่อที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรฐั อเมรกิ า เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ว่า “การทุจริตเป็นหนงึ่ ในความท้าทายทมี่ ีความส�ำคัญมากในศตวรรษที่ ๒๑ ผนู้ �ำโลกควรจะเพม่ิ ความพยายามขน้ึ เปน็ สองเทา่ ทจ่ี ะสรา้ งเครอ่ื งมอื ทมี่ คี วามเขม้ แขง็ เพอื่ รอ้ื ระบบการ ทุจริตท่ีซอ่ นอย่อู อกให้หมดและน�ำทรพั ย์สินกลบั คืนใหก้ บั ประเทศ ตน้ ทางท่ีถกู ขโมยไป…” ท้งั นี้ ไมเ่ พยี งแต่ ผนู้ �ำโลกเทา่ นนั้ ทตี่ อ้ งจรงิ จงั มากขนึ้ กบั การตอ่ ตา้ นการทจุ รติ เราทกุ คนในฐานะประชากรโลกกม็ คี วามจ�ำเปน็ ทจ่ี ะ ต้องเอาจริงเอาจังกับการต่อต้านการทุจริตเช่นเดียวกัน โดยท่ัวไปอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้ที่จริงแล้ว การทุจริตน้ันเป็นเร่ืองใกล้ตัวทุกคนในสังคมมาก การเปล่ียนแปลงระบบวิธีการคิดเป็นเรื่องส�ำคัญ หรือความ สามารถในการการแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ส่วนรวม เป็นสิ่งจ�ำเป็นท่ีจะต้อง เกดิ ขน้ึ กบั ทกุ คนในสงั คม ตอ้ งมคี วามตระหนกั ไดว้ า่ การกระท�ำใดเปน็ การลว่ งลำ�้ สาธารณประโยชน์ การกระท�ำใด เปน็ การกระท�ำทอ่ี าจเกดิ การทบั ซอ้ นระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ตอ้ งค�ำนงึ ถงึ ประโยชน์ ของประเทศชาติเป็นอันดบั แรกก่อนท่ีจะค�ำนึงถงึ ผลประโยชนส์ ว่ นตนหรือพวกพ้อง การทุจริตในสังคมไทยระหว่างช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลและเป็น อุปสรรคส�ำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ รูปแบบการทุจริตจากเดิมที่เป็นการทุจริตทางตรงไม่ซับซ้อน อาทิ การรับสินบน การจัดซ้ือจัดจ้าง ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นการทุจริตท่ีซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทจุ รติ โดยการท�ำลายระบบการตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจรฐั การกระท�ำทเี่ ปน็ การขดั กนั แหง่ ผลประโยชนห์ รอื ผลประโยชน์ทับซ้อน และการทุจริตเชิงนโยบาย ประเทศไทยมีความพยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันสร้างเคร่ืองมือ กลไก และก�ำหนดเป้าหมายส�ำหรับการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เริ่มต้ังแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จนถงึ ปจั จบุ นั การด�ำเนนิ งานไดส้ ร้างความตนื่ ตวั และเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจริตตามบทบาทของแต่ละหน่วยงาน จึงมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องปรับฐานความคิดและสร้าง ความตระหนักรใู้ ห้ทกุ ภาคสว่ นของสงั คม ส�ำหรับประเทศไทยได้ก�ำหนดทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งมีความสอดคล้องกับ สถานการณท์ างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม และความรนุ แรง รวมถึงการสรา้ งความตระหนักในการ ประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตของคนในสังคม ทั้งนี้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรหลักด้าน หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมทีไ่ มท่ นต่อการทุจรติ 7

การด�ำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเป็นองค์กรท่ีต้องบูรณาการการท�ำงานด้านการต่อต้าน การทุจรติ เข้ากับทุกภาคสว่ น ดงั น้นั สาระส�ำคัญท่ีมคี วามเช่อื มโยงกบั ทิศทางการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต มีดังน้ี ๑. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๒. วาระการปฏริ ปู ที่ ๑ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบของสภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ ๓. ยุทธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ๔. แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๕. โมเดลประเทศไทยสู่ความมัน่ คง มัง่ ค่งั และย่งั ยืน (Thailand ๔.๐) ๖. ยทุ ธศาสตรช์ าติว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๑. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ก�ำหนดในหมวดท่ี ๔ หนา้ ทขี่ องประชาชน ชาวไทยว่า“...บุคคลมีหน้าท่ี ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริต และประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ” ถือได้ว่า เปน็ ครง้ั แรกทร่ี ฐั ธรรมนญู ไดก้ �ำหนดใหก้ ารปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ เปน็ หนา้ ทข่ี องประชาชนชาวไทยทกุ คน นอกจากนี้ ยงั ก�ำหนดชดั เจนในหมวดท่ี ๕ หนา้ ทข่ี องรฐั วา่ “รฐั ตอ้ งสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชน ถึงอันตรายท่ีเกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และจัดให้มีมาตรการและกลไก ที่มีประสิทธิภาพเพ่ือป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมท้ังกลไกในการ สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรวมตวั กนั เพอ่ื มสี ว่ นรว่ มในการรณรงคใ์ หค้ วามรู้ ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ หรอื ชเี้ บาะแส โดยไดร้ บั ความคุ้มครองจากรัฐตามท่ีกฎหมายบัญญัติ” ในการบริหารราชการแผ่นดินรัฐต้องเสริมสร้างให้ประชาชน ไดร้ บั บรกิ ารทส่ี ะดวก มปี ระสทิ ธภิ าพทส่ี �ำคญั คอื ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ติ ามหลกั การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทดี่ ี ซง่ึ การ บรหิ ารงานบคุ คลของหนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งเปน็ ไปตามระบบคณุ ธรรมตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ โดยอยา่ งนอ้ ยตอ้ ง มมี าตรการปอ้ งกนั มใิ หผ้ ใู้ ดใชอ้ �ำนาจหรอื กระท�ำการโดยมชิ อบแทรกแซงการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ หรอื กระบวนการแตง่ ตงั้ หรอื การพจิ ารณาความดคี วามชอบของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั และรฐั ตอ้ งจดั ใหม้ มี าตรฐานทางจรยิ ธรรม เพอื่ ใหห้ นว่ ย งานใช้เป็นหลักในการก�ำหนดประมวลจริยธรรมส�ำหรับเจ้าหน้าท่ีในหน่วยงาน ซ่ึงต้องไม่ต่�ำกว่ามาตรฐานทาง จริยธรรมดังกล่าว การที่รัฐธรรมนูญได้ให้ความส�ำคัญต่อการบริหารราชการที่มีประสิทธิภาพและการบริหาร บุคคลที่มีคุณธรรมนั้น สืบเน่ืองมาจากช่วงระยะเวลาท่ีผ่านมาได้เกิดปัญหาท่ีเกี่ยวข้องกับการบริหารบุคคล มีการโยกย้ายแต่งตั้งท่ีไม่เป็นธรรม บังคับหรือช้ีน�ำให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานโดยไม่ยึดมั่น ในหลกั ผลประโยชนแ์ หง่ รฐั รวมถงึ การมงุ่ เนน้ การแสวงหาผลประโยชนใ์ หก้ บั ตนเองรวมถงึ พวกพอ้ ง รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ จึงได้มคี วามพยายามทจ่ี ะแสดงให้เห็นอยา่ งชดั เจนว่าต้องการสรา้ ง ประสทิ ธภิ าพในระบบการบรหิ ารงานราชการแผน่ ดนิ และเจ้าหน้าทขี่ องรฐั ตอ้ งยดึ มนั่ ในหลกั ธรรมาภบิ าล และ มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมตามท่กี �ำหนดเอาไว้ ๒. วาระการปฏริ ปู ที่ ๑ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบของสภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ สภาปฏริ ปู แหง่ ชาตใิ นฐานะองคก์ รทมี่ บี ทบาทและอ�ำนาจหนา้ ทใี่ นการปฏริ ปู กลไก และปฏบิ ตั งิ านดา้ นการบรหิ าร ราชการแผน่ ดนิ ไดม้ ขี อ้ เสนอเพอ่ื ปฏริ ปู ดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ เพอื่ แกไ้ ข ปญั หาดงั กลา่ วใหเ้ ปน็ ระบบ มปี ระสทิ ธภิ าพ ยง่ั ยนื เปน็ รปู ธรรมปฏบิ ตั ไิ ด้ สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานสากลและบรบิ ท ของสงั คมไทย โดยเสนอใหม้ ยี ทุ ธศาสตรก์ ารแกไ้ ขปญั หา ๓ ยทุ ธศาสตร์ ประกอบดว้ ย (๑) ยทุ ธศาสตรก์ ารปลกู ฝงั “คนไทย ไมโ่ กง”เพอ่ื ปฏริ ปู คนใหม้ จี ติ ส�ำนกึ สรา้ งจติ ส�ำนกึ ทตี่ วั บคุ คลรบั ผดิ ชอบชวั่ ดี อะไรควรท�ำ อะไรไมค่ วรท�ำ 8 หลักสตู รสร้างวิทยากรผูน้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไี่ ม่ทนต่อการทุจรติ

มองว่าการทุจริตเป็นเรื่องน่ารังเกียจเป็นการเอาเปรียบสังคมและสังคมไม่ยอมรับ (๒) ยุทธศาสตร์การป้องกัน ด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล เพ่ือเป็นระบบป้องกันการทุจริต เสมือนการสร้างระบบภูมิต้านทานแก่ ทกุ ภาคส่วนในสังคม (๓) ยุทธศาสตรก์ ารปราบปราม เพ่อื ปฏิรปู ระบบและกระบวนการจดั การตอ่ กรณีการทุจรติ ให้มีประสิทธิภาพ ให้สามารถเอาตัวผู้กระท�ำความผิดมาลงโทษได้ ซึ่งจะท�ำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะ กระท�ำการทุจรติ ข้ึนอีกในอนาคต ๓. ยุทธศาสตร์ชาตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) สภาขบั เคล่อื นการปฏิรปู ประเทศไดก้ �ำหนดให้ กฎหมายวา่ ดว้ ยยทุ ธศาสตรช์ าตมิ ผี ลบงั คบั ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ หรอื ภายในรฐั บาลน้ี และก�ำหนดใหห้ นว่ ยงาน ของรัฐทกุ หนว่ ยงานน�ำยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ด้านตา่ ง ๆ แผนพัฒนาด้านตา่ ง ๆ มาเป็นแผนแม่บทหลัก ในการก�ำหนดแผนปฏบิ ตั กิ ารและแผนงบประมาณ ยทุ ธศาสตรช์ าตดิ งั กลา่ วเปน็ ยทุ ธศาสตรท์ ยี่ ดึ วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั แหง่ ชาตเิ ปน็ แมบ่ ทหลกั ทศิ ทางดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ การสรา้ งความโปรง่ ใสและธรรมาภบิ าล ในการบริหารราชการแผน่ ดนิ ของหน่วยงานภาครฐั ทกุ หนว่ ยงานจะถกู ก�ำหนดจากยทุ ธศาสตรช์ าตฯิ สภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ วางกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ในระยะ ๒๐ ปี โดยมีกรอบวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมนั่ คง ม่งั ค่ัง ยง่ั ยนื เป็นประเทศพฒั นาแล้ว ดว้ ยการพฒั นาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” คตพิ จนป์ ระจ�ำชาตวิ ่า “มั่นคง มงั่ คั่ง ย่ังยนื ” ประกอบดว้ ย ๖ ยทุ ธศาสตร์ คอื ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ ความมนั่ คง ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การสร้างความสามารถในการแข่งขนั ยุทธศาสตรท์ ่ี ๓ การพฒั นาและเสรมิ สร้าง ศกั ยภาพคน ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๔ การสรา้ งโอกาสความเสมอภาคและเทา่ เทยี มกนั ทางสงั คม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๕ การสรา้ ง การเตบิ โตบนคณุ ภาพชวี ติ ทเี่ ปน็ มติ รตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม และยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๖ การปรบั สมดลุ และพฒั นา การบรหิ าร จัดการภาครฐั ในยุทธศาสตรท์ ่ี ๖ ได้ก�ำหนดกรอบแนวทางที่ส�ำคัญ ๖ แนวทาง ประกอบดว้ ย (๑) การปรบั ปรงุ การบริหารจดั การรายไดแ้ ละรายจ่ายของภาครัฐ (๒) การพัฒนาระบบ การใหบ้ รกิ ารประชาชนของหน่วยงาน ภาครฐั (๓) การปรบั ปรงุ บทบาท ภารกจิ และโครงสรา้ งของหนว่ ยงานภาครฐั ใหม้ ขี นาดทเี่ หมาะสม (๔) การวาง ระบบบรหิ ารงานราชการแบบบรู ณาการ (๕) การพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การก�ำลงั คนและพฒั นาบคุ ลากรภาครฐั ในการปฏิบัติราชการ (๖) การตอ่ ต้านการทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบ (๗) การปรบั ปรุงแกไ้ ขกฎหมาย ระเบียบ และขอ้ บงั คบั ใหม้ คี วามชดั เจน ทนั สมยั เปน็ ธรรม และสอดคลอ้ งกบั ขอ้ บงั คบั สากลหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ตลอดจนพัฒนาหน่วยงานภาครฐั และบคุ ลากรท่ีมีหนา้ ทีเ่ สนอความเห็นทางกฎหมายใหม้ ศี ักยภาพ ๔. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ก�ำหนดในยทุ ธศาสตร์ ท่ี ๖ การบริหารจัดการภาครัฐ การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบและธรรมาภิบาลในสังคมไทย ในยุทธศาสตร์น้ี ได้ก�ำหนดกรอบ แนวทางการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชัน มุ่งเน้น การสง่ เสรมิ และพฒั นาปลกู ฝงั คา่ นยิ ม วฒั นธรรม วธิ คี ดิ และกระบวนทศั นใ์ หค้ นมคี วามตระหนกั มคี วามรเู้ ทา่ ทนั และมีภูมิต้านทาน ต่อโอกาสและการชักจูงให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันและมีพฤติกรรมไม่ยอมรับการทุจริต ประพฤตมิ ชิ อบ รวมทงั้ สนบั สนนุ ทกุ ภาคสว่ น ในสงั คมไดเ้ ข้ามามสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกนั และปราบรามการทจุ รติ และมุ่งเน้นให้เกิดการส่งเสริมธรรมาภิบาลในภาคเอกชน เพื่อเป็นการตัดวงจรการทุจริตระหว่างนักการเมือง ขา้ ราชการ และนกั ธุรกิจออกจากกัน ทั้งนี้ การบรหิ ารงานของสว่ นราชการต้องมีความโปรง่ ใสและตรวจสอบได้ ๕. โมเดลประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (Thailand ๔.๐) เป็นโมเดลที่น้อมน�ำหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดหลักในการบริหารประเทศ ถอดรหัสออกมาเป็น ๒ ยุทธศาสตร์ ส�ำคญั คอื (๑) การสรา้ งความเขม้ แข็งจากภายใน (Strength from Within) และ (๒) การเช่อื มโยงกบั ประชาคม หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงส่สู ังคมทไี่ มท่ นตอ่ การทจุ รติ 9

โลกในยทุ ธศาสตรก์ ารสร้างความเข้มแขง็ จากภายใน Thailand ๔.๐ เน้นการปรบั เปล่ยี น ๔ ทิศทาง และเน้น การพฒั นาทส่ี มดลุ ใน ๔ มิติ มิตทิ ีห่ ยบิ ยก คอื การยกระดับศักยภาพและคุณคา่ ของมนุษย์ (Human Wisdom) ดว้ ยการพฒั นาคนไทยใหเ้ ปน็ “มนุษย์ทสี่ มบรู ณ์” ผ่านการปรับเปลี่ยนระบบนเิ วศน์ การเรียนรู้เพอื่ เสริมสรา้ ง แรงบนั ดาลใจบม่ เพาะความคดิ สรา้ งสรรค์ ปลกู ฝงั จติ สาธารณะ ยดึ ประโยชนส์ ว่ นรวมเปน็ ทตี่ งั้ มคี วามซอื่ สตั ย์ สจุ รติ มีวินัย มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม มีความรับผิดชอบ เนน้ การสรา้ งคุณคา่ ร่วม และค่านยิ มที่ดี คือ สงั คมท่ีมคี วามหวัง (Hope) สงั คมท่เี ปี่ยมสขุ (Happiness) และสงั คมท่มี ีความสมานฉันท์ (Harmony) ๖. ยทุ ธศาสตร์ชาติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ทกี่ �ำหนดวิสยั ทศั น์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทัง้ ชาติตา้ นทุจริต” (Zero Tolerance & Clean Thailand) ก�ำหนดยุทธศาสตร์หลกั ออกเปน็ ๖ ยุทธศาสตร์ ยทุ ธศาสตรท์ ่สี �ำคัญ คือ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ สรา้ งสงั คมที่ไม่ทน ตอ่ การทุจริต เปน็ ยทุ ธศาสตรท์ ม่ี ุง่ เน้นการกระบวนการปรับสภาพทางสังคมใหเ้ กิดภาวะ “ไม่ทนต่อการทจุ รติ ” โดยเรมิ่ ตง้ั แต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม สรา้ งวัฒนธรรมตอ่ ต้านการทุจรติ ปลูกฝังความพอเพียง มวี นิ ยั ซอื่ สตั ย์ สุจริต มจี ิตสาธารณะ จติ อาสา และความเสยี สละเพ่อื สว่ นรวม ปลกู ฝงั ความคิดแบบดิจิทลั (Digital Thinking) ใหส้ ามารถคิดแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม และประยกุ ตห์ ลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครอื่ งมือต้านทุจริต สาระส�ำคญั ทงั้ ๖ ดา้ นดงั กลา่ ว จงึ เปน็ เครอ่ื งมอื ชน้ี �ำทศิ ทางการปฏบิ ตั งิ านและการบรู ณาการดา้ นตอ่ ตา้ น การทุจริตของประเทศ โดยมีส�ำนักงาน ป.ป.ช. เป็นองค์กรหลักในการบูรณาการงานของภาคส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกนั ๒. ทฤษฎี ความหมาย และรปู แบบของการขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (Conflict of Interests) ค�ำว่า Conflict of Interests มีผู้ให้ค�ำแปลเป็นภาษาไทยไว้หลากหลาย เช่น “การขัดกันแห่ง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม” หรอื “การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม” หรือ “การขัดกันระหว่างผลประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์ส่วนตน” หรือ “ประโยชน์ทับซ้อน” หรือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” หรือ “ผลประโยชน์ขัดกัน” หรือบางท่านแปลว่า “ผลประโยชน์ขัดแย้ง” หรือ “ความขัดแย้งทางผลประโยชน์” การขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวม หรือทเ่ี รียกว่า Conflict of Interests น้ัน ก็มีลักษณะท�ำนองเดียวกันกับกฎศีลธรรม ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี หลักคุณธรรมจริยธรรม กล่าวคือ การกระท�ำใด ๆ ทเี่ ปน็ การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม เปน็ สงิ่ ทค่ี วรหลกี เลยี่ งไมค่ วรจะ กระท�ำ แตบ่ ุคคลแต่ละคน แต่ละกลมุ่ แตล่ ะสงั คม อาจเหน็ วา่ เรื่องใดเป็นการขัดกนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตน และประโยชน์ส่วนรวมแตกต่างกันไป หรือเม่ือเห็นว่าเป็นการขัดกันแล้วยังอาจมีระดับของความหนักเบา แตกตา่ งกนั อาจเหน็ แตกตา่ งกนั วา่ เรอ่ื งใดกระท�ำไดก้ ระท�ำไมไ่ ดแ้ ตกตา่ งกนั ออกไปอกี และในกรณที มี่ กี ารฝา่ ฝนื บางเรอื่ งบางคนอาจเห็นว่าไม่เป็นไร เป็นเรอื่ งเล็กนอ้ ย หรอื อาจเห็นเป็นเรือ่ งใหญ่ ตอ้ งถูกประณาม ต�ำหนิ ติฉิน นนิ ทา ว่ากลา่ ว ฯลฯ แตกตา่ งกันตามสภาพของสังคม 10 หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมท่ไี มท่ นตอ่ การทจุ ริต

โดยพนื้ ฐานแลว้ เรอื่ งการขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม เปน็ กฎศลี ธรรมประเภท หนึง่ ท่บี ุคคลไมพ่ งึ ละเมดิ หรือฝา่ ฝืน แต่เน่ืองจากมีการฝา่ ฝนื กันมากขนึ้ และบคุ คลผู้ฝ่าฝืนกไ็ ม่มคี วามเกรงกลวั หรือละอายต่อการฝ่าฝืนนั้น สังคมก็ไม่ลงโทษหรือลงโทษไม่เพียงพอท่ีจะมีผลเป็นการห้ามการกระท�ำดังกล่าว และในทส่ี ดุ เพอ่ื หยดุ ยงั้ เรอ่ื งดงั กลา่ วน้ี จงึ มกี ารตรากฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การขดั กนั แหง่ ผลประโยชนม์ ากขน้ึ ๆ และเปน็ เรือ่ งท่ีสังคมใหค้ วามสนใจมากขึ้นตามล�ำดบั คู่มือการปฏิบัติส�ำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อมิให้ด�ำเนินกิจการท่ีเป็นการขัดกันประโยชนส่วนตนและ ประโยชน์ส่วนรวม ได้ให้ความหมายไว้ ดงั น้ี “ประโยชน์ส่วนตน (Private Interests) คือ การที่บุคคลท่ัวไปในสถานะเอกชนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในสถานะเอกชนไดท้ �ำกจิ กรรมหรอื ไดก้ ระท�ำการตา่ ง ๆ เพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นตน ครอบครวั เครอื ญาติ พวกพอ้ ง หรอื ของกลุ่มในสังคมทีม่ ีความสัมพนั ธก์ ันในรปู แบบต่าง ๆ เช่น การประกอบอาชีพ การท�ำธรุ กิจ การคา้ การลงทุน เพ่อื หาประโยชน์ในทางการเงินหรอื ในทางธรุ กจิ เป็นตน้ ” “ประโยชนส์ ่วนรวมหรือประโยชนส์ าธารณะ (Public Interests) คือ การท่บี คุ คลใด ๆ ในสถานะที่เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ (ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใน หนว่ ยงานของรฐั ) ไดก้ ระท�ำการใด ๆ ตามหนา้ ทหี่ รอื ไดป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ นั เปน็ การด�ำเนนิ การในอกี สว่ นหนง่ึ ทแ่ี ยก ออกมาจากการด�ำเนนิ การตามหนา้ ทใี่ นสถานะของเอกชน การกระท�ำการใด ๆ ตามหนา้ ทข่ี องเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั จึงมีวัตถุประสงค์หรือมีเป้าหมายเพ่ือประโยชน์ของส่วนรวม หรือการรักษาประโยชน์ส่วนรวมที่เป็นประโยชน์ ของรัฐการท�ำหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงมีความเก่ียวเนื่องเช่ือมโยงกับอ�ำนาจหน้าท่ีตามกฎหมายและจะมี รูปแบบของความสัมพันธ์หรือมีการกระท�ำในลักษณะต่าง ๆ กันที่เหมือนหรือคล้ายกับการกระท�ำของบุคคล ในสถานะเอกชน เพียงแต่การกระท�ำในสถานะท่ีเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐกับการกระท�ำในสถานะเอกชนจะมี ความแตกต่างกนั ที่วัตถุประสงค์ เป้าหมายหรอื ประโยชน์สุดท้ายทีแ่ ตกตา่ งกัน” “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interests) คอื การท่เี จ้าหนา้ ที่ของรฐั กระท�ำการใด ๆ หรือด�ำเนินการในกิจการสาธารณะที่เปน็ การด�ำเนนิ การ ตามอ�ำนาจหนา้ ทหี่ รอื ความรบั ผดิ ชอบในกจิ การของรฐั หรอื องคก์ รของรฐั เพอื่ ประโยชนข์ องรฐั หรอื เพอ่ื ประโยชน์ ของสว่ นรวม แตเ่ จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ไดม้ ผี ลประโยชนส์ ว่ นตนเขา้ ไปแอบแฝง หรอื เปน็ ผทู้ ม่ี สี ว่ นไดเ้ สยี ในรปู แบบตา่ ง ๆ หรือน�ำประโยชน์ส่วนตนหรือความสัมพันธ์ส่วนตนเข้ามามีอิทธิพลหรือเก่ียวข้องในการใช้อ�ำนาจหน้าท่ีหรือ ดุลยพินิจในการพิจารณาตัดสินใจในการกระท�ำการใด ๆ หรือด�ำเนินการดังกล่าวน้ัน เพ่ือแสวงหาประโยชน์ ในการทางเงนิ หรือประโยชนอ์ น่ื ๆ ส�ำหรับตนเองหรือบุคคลใดบุคคลหน่งึ ” ความสัมพันธ์ระหว่าง “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม” “จริยธรรม” และ “การทุจริต “จรยิ ธรรม” เปน็ กรอบใหญท่ างสงั คมทเี่ ปน็ พน้ื ฐานของแนวคดิ เกย่ี วกบั การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชนส์ ว่ นรวมและการทจุ รติ การกระท�ำใดทผี่ ดิ ตอ่ กฎหมายวา่ ดว้ ยการขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชนส์ ว่ นรวมและการทุจรติ ย่อมเป็นความผิดจริยธรรมด้วย หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงสู่สังคมทีไ่ มท่ นตอ่ การทจุ ริต 11

แต่ตรงกันข้าม การกระท�ำใดท่ีฝา่ ฝืนจรยิ ธรรม อาจไมเ่ ป็นความผดิ เก่ียวกับการขดั กนั ระหว่างประโยชน์ สว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวมและการทุจริต เช่น มีพฤตกิ รรมส่วนตัวไมเ่ หมาะสม มีพฤตกิ รรมชสู้ าว เป็นต้น การทจุ ริต Corruption ผลประโยชนท์ ับซ้อน Conflict of Interests จริยธรรม Ethics “จรยิ ธรรม” เป็นหลกั ส�ำคญั ในการควบคมุ พฤตกิ รรมของเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั เปรียบเสมอื นโครงสรา้ งพน้ื ฐาน ทเ่ี จ้าหน้าทขี่ องรัฐต้องยึดถอื ปฏิบัติ “การขดั กันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม” เป็นพฤติกรรมท่อี ยู่ระหวา่ งจรยิ ธรรมกบั การทจุ ริต ทีจ่ ะกอ่ ให้เกิดผลประโยชน์สว่ นตนกระทบต่อผลประโยชน์สว่ นรวม ซึ่งพฤติกรรมบางประเภทมีการบญั ญัติ เป็นความผิดทางกฎหมายมบี ทลงโทษชัดเจน แตพ่ ฤตกิ รรมบางประเภทยังไมม่ ีการบัญญัติข้อหา้ มไวใ้ นกฎหมาย “การทุจริต” เป็นพฤตกิ รรมทฝี่ ่าฝนื กฎหมายโดยตรง ถอื เป็นความผดิ อยา่ งชัดเจน สงั คมส่วนใหญจ่ ะมกี าร บญั ญตั ิกฎหมายออกมารองรบั มีบทลงโทษชัดเจน ถือเปน็ ความผดิ ขนั้ รุนแรงทส่ี ดุ ทีเ่ จ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ต้อง ไม่ปฏบิ ัติ “เจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ท่ีขาดจริยธรรมในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ โดยเขา้ ไปกระท�ำการใดๆ ทเี่ ป็นการขดั กันระหว่าง ประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ถอื ว่าเจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ผู้น้ันขาดความชอบธรรมในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี และจะเปน็ ตน้ เหตขุ องการทจุ ริตตอ่ ไป” รปู แบบของการขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมมไี ดห้ ลายรปู แบบไมจ่ �ำกดั อยเู่ ฉพาะในรปู แบบ ของตวั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ เทา่ นน้ั แตร่ วมถงึ ผลประโยชนอ์ น่ื ๆ ทไี่ มไ่ ดอ้ ยใู่ นรปู แบบของตวั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ดว้ ย ท้งั น้ี John Langford และ Kenneth Kernaghan ไดจ้ �ำแนกรปู แบบของการขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชน์ส่วนรวม ออกเปน็ ๗ รูปแบบ คือ 12 หลักสูตรสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสู่สังคมที่ไมท่ นต่อการทุจรติ

๑) การรบั ผลประโยชนต์ า่ ง ๆ (Accepting benefits) ซึง่ ผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็นทรัพยส์ นิ ของขวญั การลดราคา การรบั ความบนั เทงิ การรบั บรกิ าร การรบั การฝกึ อบรม หรอื สง่ิ อนื่ ใดในลกั ษณะเดยี วกนั น้ี และผลจากการรับผลประโยชน์ต่าง ๆ นั้น ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการด�ำเนินการ ตามอ�ำนาจหน้าท่ี ๒) การท�ำธุรกิจกับตนเอง (Self-dealing) หรือเป็นคู่สัญญา (Contracts) เป็นการที่เจ้าหน้าท่ี ของรฐั โดยเฉพาะผมู้ อี �ำนาจในการตดั สนิ ใจเขา้ ไปมสี ว่ นไดเ้ สยี ในสญั ญาทที่ �ำกบั หนว่ ยงานทต่ี นสงั กดั โดยอาจจะ เปน็ เจ้าของบรษิ ทั ทท่ี �ำสญั ญาเอง หรอื เปน็ ของเครอื ญาติ สถานการณเ์ ชน่ นเี้ กดิ บทบาททขี่ ดั แยง้ หรอื เรยี กไดว้ ่า เปน็ ท้งั ผซู้ อื้ และผู้ขายในเวลาเดียวกัน ๓) การท�ำงานหลังจากออกจากต�ำแหน่งหน้าท่ีสาธารณะหรือหลังเกษยี ณ (Post-employment) เป็นการท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐลาออกจากหน่วยงานของรัฐ และไปท�ำงานในบริษัทเอกชนท่ีด�ำเนินธุรกิจประเภท เดยี วกนั หรอื บรษิ ทั ทม่ี คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั หนว่ ยงานเดมิ โดยใชอ้ ทิ ธพิ ลหรอื ความสมั พนั ธจ์ ากทเี่ คยด�ำรงต�ำแหนง่ ในหน่วยงานเดมิ น้ัน หาประโยชน์จากหนว่ ยงานใหก้ ับบรษิ ัทและตนเอง ๔) การท�ำงานพิเศษ (Outside employment or Moonlighting) ในรูปแบบนีม้ ีไดห้ ลายลกั ษณะ ไม่ว่าจะเปน็ การท่ีเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ตัง้ บรษิ ทั ด�ำเนนิ ธรุ กจิ ทเ่ี ปน็ การแข่งขนั กับหนว่ ยงานหรือองคก์ ารสาธารณะ ที่ตนสังกัด หรือการรับจ้างพิเศษเป็นท่ีปรึกษาโครงการ โดยอาศัยต�ำแหน่งในราชการสร้างความน่าเชื่อถือว่า โครงการของผู้วา่ จ้างจะไมม่ ปี ญั หาติดขัดในการพิจารณาจากหนว่ ยงานทีท่ ี่ปรึกษาสังกัดอยู่ ๕) การรู้ข้อมูลภายใน (Inside information) เป็นสถานการณ์ท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ประโยชน์จาก การทีต่ นเองรบั รขู้ ้อมลู ภายในหนว่ ยงาน และน�ำขอ้ มูลน้ันไปหาผลประโยชน์ให้กบั ตนเองหรือพวกพอ้ ง อาจจะ ไปหาประโยชนโ์ ดยการขายขอ้ มูลหรอื เข้าเอาประโยชนเ์ สียเอง ๖) การใชท้ รพั ยส์ นิ ของราชการเพ่ือประโยชน์ธุรกิจสว่ นตัว (Using your employer’s property for private advantage) เป็นการท่เี จ้าหน้าทข่ี องรฐั น�ำเอาทรัพย์สนิ ของราชการซ่งึ จะตอ้ งใช้เพ่อื ประโยชน์ ของทางราชการเทา่ นนั้ ไปใชเ้ พอื่ ประโยชนข์ องตนเองหรอื พวกพอ้ ง หรอื การใชใ้ หผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาไปท�ำงานสว่ นตวั ๗) การน�ำโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตงั้ เพอื่ ประโยชนท์ างการเมอื ง (Pork-barreling) เปน็ การ ท่ีผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองหรือผู้บริหารระดับสูงอนุมัติโครงการไปลงพื้นที่หรือบ้านเกิดของตนเอง หรือ การใชง้ บประมาณสาธารณะเพอ่ื หาเสยี ง ทง้ั นี้ เมอื่ พจิ ารณา “รา่ งพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยความผดิ เกย่ี วกบั การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน กบั ประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. ....” ท�ำให้มรี ปู แบบเพ่มิ เติมจาก ทก่ี ล่าวมาแล้วขา้ งต้นอีก ๒ กรณี คือ ๘) การใช้ต�ำแหน่งหน้าท่ีแสวงหาประโยชน์แก่เครือญาติหรือพวกพ้อง (Nepotism) หรืออาจจะ เรียกว่าระบบอุปถัมภ์พิเศษ เป็นการที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ใช้อิทธิพลหรือใช้อ�ำนาจหน้าท่ีท�ำให้หน่วยงานของตน เขา้ ท�ำสัญญากับบรษิ ทั ของพน่ี ้องของตน ๙) การใชอ้ ทิ ธพิ ลเขา้ ไปมผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั หรอื หนว่ ยงานของรฐั อน่ื (Influence) เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กต่ นเองหรอื พวกพอ้ ง โดยเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ใชต้ �ำแหนง่ หนา้ ทข่ี ม่ ขผู่ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาใหห้ ยดุ ท�ำการตรวจสอบบรษิ ทั ของเครอื ญาติของตน หลักสตู รสร้างวิทยากรผนู้ �ำ การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทุจริต 13

ตวั อย่างการขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชนส์ ่วนรวมในรูปแบบตา่ ง ๆ ๑. การรบั ผลประโยชน์ต่าง ๆ ๑.๑ นายสจุ รติ ขา้ ราชการชน้ั ผใู้ หญ่ ไดเ้ ดนิ ทางไปปฏบิ ตั ริ าชการในพน้ื ทจ่ี งั หวดั ราชบรุ ี ซงึ่ ในวนั ดงั กลา่ ว นายรวย นายก อบต. แหง่ หน่ึง ได้มอบงาช้างจ�ำนวนหนงึ่ ค่ใู หแ้ ก่ นายสุจรติ เพอื่ เป็นของที่ระลกึ ๑.๒ การที่เจ้าหน้าทีข่ องรฐั รบั ของขวัญจากผบู้ ริหารของบรษิ ทั เอกชน เพ่อื ชว่ ยใหบ้ ริษทั เอกชนรายน้นั ชนะการประมูลรบั งานโครงการขนาดใหญ่ของรฐั ๑.๓ การที่บริษัทแห่งหนึ่งให้ของขวัญเป็นทองค�ำมูลค่ามากกว่า ๑๐ บาท แก่เจ้าหน้าที่ในปีที่ผ่านมา และปนี ี้เจ้าหน้าทเี่ ร่งรัดคนื ภาษใี ห้กบั บรษิ ทั นน้ั เป็นกรณพี เิ ศษ โดยลดั คิวใหก้ อ่ นบริษทั อืน่ ๆ เพราะคาดว่าจะ ไดร้ ับของขวัญอกี ๑.๔ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปเป็นคณะกรรมการของบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจและได้รับความ บันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ จากบริษัทเหล่าน้ัน ซ่ึงมีผลต่อการให้ค�ำวินิจฉัยหรือข้อเสนอแนะท่ีเป็นธรรมหรือ เปน็ ไปในลักษณะทเ่ี ออื้ ประโยชน์ ต่อบรษิ ัทผูใ้ หน้ ัน้ ๆ ๑.๕ เจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับชุดไม้กอล์ฟจากผู้บริหารของบริษัทเอกชน เม่ือต้องท�ำงานที่เกี่ยวข้องกับ บรษิ ทั เอกชนแหง่ นนั้ กช็ ว่ ยเหลอื ใหบ้ รษิ ทั นนั้ ไดร้ บั สมั ปทาน เนอื่ งจากรสู้ กึ วา่ ควรตอบแทนทเี่ คยไดร้ บั ของขวญั มา ๒. การท�ำธรุ กจิ กบั ตนเองหรอื เป็นคสู่ ญั ญา ๒.๑ การที่เจ้าหน้าท่ีในกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างท�ำสัญญาให้หน่วยงานต้นสังกัดซื้อคอมพิวเตอร์ ส�ำนกั งานจากบรษิ ทั ของครอบครวั ตนเอง หรอื บริษทั ทตี่ นเองมีหุ้นส่วนอยู่ ๒.๒ ผู้บริหารหน่วยงานท�ำสัญญาเชา่ รถไปสัมมนาและดูงานกับบรษิ ทั ซง่ึ เปน็ ของเจ้าหน้าท่ีหรือบรษิ ัท ทีผ่ บู้ รหิ ารมหี นุ้ สว่ นอยู่ ๒.๓ ผู้บริหารของหน่วยงาน ท�ำสัญญาจ้างบริษัทที่ภรรยาของตนเองเป็นเจ้าของมาเป็นท่ีปรึกษาของ หนว่ ยงาน ๒.๔ ผบู้ รหิ ารของหนว่ ยงาน ท�ำสญั ญาใหห้ นว่ ยงานจดั ซอื้ ทดี่ นิ ของตนเองในการสรา้ งส�ำนกั งานแหง่ ใหม่ ๒.๕ ภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรี ประมูลซ้ือท่ีดินย่านถนนรัชดาภิเษกใกล้กับศูนย์วัฒนธรรม แห่งประเทศไทย จากกองทุนเพ่ือการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการก�ำดูแลของธนาคาร แห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง โดยอดีตนายกรฐั มนตรี ซึ่งในขณะนนั้ ด�ำรงต�ำแหนง่ นายกรฐั มนตรีในฐานะ เจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลกิจการของกองทุนฯ ได้ลงนามยินยอมในฐานะคู่สมรสให้ภรรยาประมูลซื้อท่ีดินและ ท�ำสัญญาซื้อขายที่ดิน ส่งผลให้เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาซ้ือท่ีดินโฉนดแปลงดังกล่าว อันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีความผิดตาม พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐ (๑) 14 หลักสูตรสร้างวิทยากรผ้นู �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไี่ มท่ นต่อการทจุ ริต

๓. การท�ำงานหลังจากออกจากต�ำแหน่งหน้าท่ีสาธารณะหรือหลงั เกษียณ ๓.๑ อดีตผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพ่ิงเกษียณอายุราชการไปท�ำงานเป็นที่ปรึกษาในบริษัท ผลิตหรือขายยา โดยใชอ้ ทิ ธิพลจากทีเ่ คยด�ำรงต�ำแหนง่ ในโรงพยาบาลดงั กลา่ ว ให้โรงพยาบาลซอื้ ยาจากบริษัท ท่ีตนเองเป็นท่ีปรึกษาอยู่ พฤติการณ์เช่นน้ีมีมูลความผิดท้ังทางวินัยและทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ท่ีอาจท�ำให้ผู้อ่ืนเชื่อว่าตนมีต�ำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งท่ีตนมิได้ มีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีนั้น เพ่ือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓ ๓.๒ การที่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าท่ีขององค์กรด้านเวชภัณฑ์และสุขภาพออกจากราชการไปท�ำงาน ในบรษิ ัทผลติ หรอื ขายยา ๓.๓ การที่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกษียณแล้วใช้อิทธิพลที่เคยด�ำรงต�ำแหน่ง ในหน่วยงานรัฐ รับเป็นท่ีปรึกษาให้บริษัทเอกชนท่ีตนเคยติดต่อประสานงาน โดยอ้างว่าจะได้ติดต่อกับ หน่วยงานรัฐไดอ้ ยา่ งราบร่ืน ๓.๔ การว่าจ้างเจ้าหน้าท่ีผู้เกษียณมาท�ำงานในต�ำแหน่งเดิมท่ีหน่วยงานเดิมโดยไม่คุ้มค่ากับภารกิจ ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ๔. การท�ำงานพิเศษ ๔.๑ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี ๖ ส�ำนักงานสรรพากรจังหวัดในส่วนภูมิภาค ได้จัดต้ังบริษัทรับจ้าง ท�ำบัญชีและให้ค�ำปรึกษาเกี่ยวกับภาษีและมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบริษัท โดยรับจ้างท�ำบัญชีและยื่นแบบ แสดงรายการให้ผู้เสียภาษีในเขตจังหวัดท่ีรับราชการอยู่และจังหวัดใกล้เคียง กลับมีพฤติการณ์ช่วยเหลือผู้เสีย ภาษีให้เสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง และรับเงินค่าภาษีอากรจากผู้เสียภาษีบางรายแล้ว มิได้น�ำไปยื่นแบบ แสดงรายการช�ำระภาษีให้ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าท่ีดังกล่าว เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับกรมสรรพากรว่า ด้วยจรรยาข้าราชการ กรมสรรพากร พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๙ (๗) (๘) และอาศัยต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการของตน หาประโยชน์ให้แก่ตนเอง เป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา ๘๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ อีกท้ังเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ ทางราชการโดยร้ายแรง และปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยทุจริต และยังกระท�ำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัว อย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๘๕ (๑) และ (๔) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ๔.๒ นิติกร ฝ่ายกฎหมายและเรง่ รดั ภาษอี ากรค้าง ส�ำนักงานสรรพากรจงั หวดั ในสว่ นภูมภิ าคหารายได้ พิเศษโดยการเปน็ ตัวแทนขายประกันชีวติ ของบริษัทเอกชน ไดอ้ าศยั โอกาสทีต่ นปฏิบตั ิหนา้ ท่ี เรง่ รดั ภาษอี ากร คา้ งผปู้ ระกอบการรายหนง่ึ หาประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเองดว้ ยการขายประกนั ชวี ติ ใหแ้ กห่ นุ้ สว่ นผจู้ ดั การของผปู้ ระกอบ การดังกลา่ ว รวมทัง้ พนกั งานของผู้ประกอบการนัน้ อกี หลายคน ในขณะท่ีตนก�ำลงั ด�ำเนินการเรง่ รัดภาษอี ากร ค้าง พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเป็นการอาศัยต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเอง เปน็ ความผดิ วนิ ยั อยา่ งไมร่ า้ ยแรง ตามมาตรา ๘๓ (๓) ประกอบมาตรา ๘๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการ พลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผูน้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมที่ไมท่ นต่อการทจุ รติ 15

๔.๓ การทเี่ จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั อาศยั ต�ำแหนง่ หนา้ ทท่ี างราชการรบั จา้ งเปน็ ทป่ี รกึ ษาโครงการ เพอื่ ใหบ้ รษิ ทั เอกชนทวี่ ่าจา้ งน้นั มคี วามนา่ เชอ่ื ถอื มากกวา่ บรษิ ัทคแู่ ข่ง ๔.๔ การทเ่ี จา้ หน้าที่ของรัฐไมท่ �ำงานที่ไดร้ บั มอบหมายจากหนว่ ยงานอยา่ งเตม็ ที่ แตเ่ อาเวลาไปรบั งาน พเิ ศษอืน่ ๆ ทอ่ี ยนู่ อกเหนอื อ�ำนาจหนา้ ท่ที ีไ่ ด้รับมอบหมายจากหน่วยงาน ๔.๕ การท่ีผู้ตรวจสอบบัญชีภาครัฐรับงานพิเศษเป็นที่ปรึกษา หรือเป็นผู้ท�ำบัญชีให้กับบริษัทท่ีต้อง ถูกตรวจสอบ ๕. การรขู้ อ้ มลู ภายใน ๕.๑ นายช่าง ๕ แผนกชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้น�ำข้อมูล เลขหมายโทรศัพท์เคล่ือนที่ระบบ ๔๗๐ MHZ และระบบปลดล็อคไปขายให้แก่ผู้อื่น จ�ำนวน ๔๐ หมายเลข เพอื่ น�ำไปปรบั จนู เขา้ กบั โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทที่ น่ี �ำไปใชร้ บั จา้ งใหบ้ รกิ ารโทรศพั ทแ์ กบ่ คุ คลทวั่ ไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติชี้มลู ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ มาตรา ๑๕๗ และ มาตรา ๑๖๔ และมคี วามผิด วินยั ตามขอ้ บงั คบั องค์การโทรศัพทแ์ หง่ ประเทศไทยว่าดว้ ยการพนักงาน พ.ศ. ๒๕๓๖ ขอ้ ๔๔ และ ๔๖ ๕.๒ การท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐทราบข้อมูลโครงการตัดถนนเข้าหมู่บ้าน จึงบอกให้ญาติพ่ีน้องไปซ้ือที่ดิน บริเวณโครงการดังกลา่ ว เพ่ือขายใหก้ บั ราชการในราคาทส่ี ูงขน้ึ ๕.๓ การที่เจา้ หน้าทห่ี นว่ ยงานผ้รู ับผดิ ชอบโครงขา่ ยโทรคมนาคมทราบมาตรฐาน (Spec) วัสดุอปุ กรณ์ ที่จะใช้ในการวางโครงข่ายโทรคมนาคม แล้วแจ้งข้อมูลให้กับบริษัทเอกชนท่ีตนรู้จัก เพ่ือให้ได้เปรียบในการ ประมูล ๕.๔ เจ้าหน้าท่ีพัสดุของหน่วยงานเปิดเผยหรือขายข้อมูลท่ีส�ำคัญของฝ่ายที่มาย่ืนประมูลไว้ก่อนหน้า ใหแ้ กผ่ ู้ประมลู รายอื่นทีใ่ หผ้ ลประโยชน์ ท�ำใหฝ้ า่ ยท่มี ายื่นประมลู ไวก้ ่อนหนา้ เสียเปรยี บ ๖. การใช้ทรพั ย์สินของราชการเพ่ือประโยชน์ส่วนตน ๖.๑ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ใช้อ�ำนาจหน้าที่โดยทุจริต ด้วยการสั่งให้เจ้าหน้าท่ีน�ำเก้าอี้พร้อม ผ้าปลอกคุมเก้าอี้ เคร่ืองถา่ ยวดิ ีโอ เครอ่ื งเลน่ วิดโี อ กล้องถา่ ยรปู และผา้ เตน็ ท์ น�ำไปใชใ้ นงานมงคลสมรสของ บุตรสาว รวมทัง้ รถยนต์ รถตสู้ ว่ นกลาง เพ่อื ใชร้ บั สง่ เจ้าหน้าทเ่ี ขา้ รว่ มพิธี และขนย้ายอปุ กรณท์ ้งั ท่ีบา้ นพกั และ งานฉลองมงคลสมรสทโี่ รงแรม ซง่ึ ลว้ นเปน็ ทรพั ยส์ นิ ของทางราชการ การกระท�ำของจ�ำเลยนบั เปน็ การใชอ้ �ำนาจ โดยทจุ รติ เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นตนอนั เปน็ การเสยี หายแกร่ ฐั คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดช้ ม้ี ลู ความผดิ วนิ ยั และอาญา ตอ่ มาเรอ่ื งเขา้ สกู่ ระบวนการในชน้ั ศาล ศาลพเิ คราะหพ์ ยานหลกั ฐานโจทกแ์ ลว้ เหน็ วา่ การกระท�ำของจ�ำเลย เปน็ การ ทุจริตต่อต�ำแหน่งหน้าที่ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อท�ำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ และ ๑๕๗ จงึ พพิ ากษาใหจ้ �ำคกุ ๕ ปี และปรบั ๒๐,๐๐๐ บาท ค�ำใหก้ ารรบั สารภาพ เปน็ ประโยชน์ แกก่ ารพจิ ารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนงึ่ คงจ�ำคกุ จ�ำเลยไว้ ๒ ปี ๖ เดือนและปรบั ๑๐,๐๐๐ บาท 16 หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผ้นู ำ�การเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจริต

๖.๒ การทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผมู้ หี นา้ ทขี่ บั รถยนตข์ องสว่ นราชการ น�ำนำ้� มนั ในรถยนตไ์ ปขาย และน�ำเงนิ มาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ท�ำให้ส่วนราชการต้องเสียงบประมาณ เพ่ือซ้ือน�้ำมันรถมากกว่าท่ีควรจะเป็นพฤติกรรม ดังกล่าวถือเป็นการทุจริต เป็นการเบียดบังผลประโยชน์ของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ของตนเอง และมีความผิด ฐานลกั ทรพั ย์ตามประมวลกฎหมายอาญา ๖.๓ การทเี่ จ้าหนา้ ทรี่ ฐั ผมู้ อี �ำนาจอนมุ ตั ใิ หใ้ ชร้ ถราชการหรอื การเบกิ จ่าย ค่านำ�้ มนั เชอื้ เพลงิ น�ำรถยนต์ ของส่วนราชการไปใช้ในกจิ ธุระสว่ นตัว ๖.๔ การทเี่ จา้ หน้าทีร่ ัฐน�ำวสั ดุครุภัณฑข์ องหน่วยงานมาใช้ทบี่ ้าน หรือใชโ้ ทรศพั ท์ของหนว่ ยงานติดตอ่ ธรุ ะส่วนตน หรือน�ำรถสว่ นตนมาลา้ งทีห่ นว่ ยงาน ๗. การน�ำ โครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตงั้ เพ่อื ประโยชน์ในทางการเมือง ๗.๑ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลแห่งหน่ึงร่วมกับพวก แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ปรับปรุงและซ่อมแซมถนนคนเดินใหม่ ในต�ำบลที่ตนมีฐานเสียงโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ และ ตรวจรับงานท้ังที่ไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการที่ก�ำหนด รวมทั้งเมื่อด�ำเนินการแล้วเสร็จได้ติดป้ายช่ือของตน และพวก การกระท�ำดงั กลา่ วมมี ลู เปน็ การกระท�ำการฝา่ ฝนื ตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ย หรอื สวสั ดภิ าพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าท่ี มีมูลความผิดทั้งทางวินัยอย่างร้ายแรงและ ทางอาญา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนงั สือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหผ้ ูม้ ีอ�ำนาจแต่งตั้ง ถอดถอน และส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กต้งั ทราบ ๗.๒ การทน่ี กั การเมอื งในจงั หวดั ขอเพมิ่ งบประมาณเพอื่ น�ำโครงการตดั ถนน สรา้ งสะพานลงในจงั หวดั โดยใชช้ ื่อหรอื นามสกุลของตนเองเปน็ ชอ่ื สะพาน ๗.๓ การทรี่ ัฐมนตรอี นมุ ัตโิ ครงการไปลงในพ้ืนทหี่ รอื บ้านเกดิ ของตนเอง ๘. การใชต้ �ำ แหน่งหน้าท่แี สวงหาประโยชน์แก่เครอื ญาติ พนักงานสอบสวนละเว้นไม่น�ำบันทึกการจับกุมท่ีเจ้าหน้าที่ต�ำรวจชุดจับกุมท�ำข้ึนในวันเกิดเหตุรวมเข้า ส�ำนวน แต่กลับเปล่ียนบันทึกและแก้ไขข้อหาในบันทึกการจับกุม เพ่ือช่วยเหลือผู้ต้องหาซ่ึงเป็นญาติของตน ใหร้ บั โทษนอ้ ยลง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมมี ูลความผิดทางอาญาและทางวินยั อย่างรา้ ยแรง ๙. การใชอ้ ทิ ธิพลเข้าไปมีผลตอ่ การตดั สนิ ใจของเจา้ หน้าที่รัฐหรอื หนว่ ยงานของรฐั อ่ืน ๙.๑ เจา้ หนา้ ที่ของรฐั ใชต้ �ำแหน่งหน้าทใ่ี นฐานะผู้บรหิ าร เขา้ แทรกแซงการปฏบิ ตั งิ านของเจา้ หนา้ ที่ ให้ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีโดยมชิ อบดว้ ยระเบยี บ และกฎหมายหรอื ฝา่ ฝืนจริยธรรม ๙.๒ นายเอ เป็นหวั หน้าส่วนราชการแห่งหนงึ่ ในจงั หวัด รูจ้ ักสนทิ สนมกับ นายบี หัวหนา้ ส่วนราชการ อกี แหง่ หน่งึ ในจงั หวดั เดียวกัน นายเอ จึงใชค้ วามสมั พันธ์ส่วนตัวฝากลูกชาย คอื นายซี เขา้ รับราชการภายใต้ สงั กัดของนายบี หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผู้น�ำ การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมทไี่ มท่ นต่อการทุจริต 17

๑๐. การขดั กนั แหง่ ผลประโยชนส์ ว่ นตนกับประโยชน์สว่ นรวมประเภทอ่ืนๆ ๑๐.๑ การเดนิ ทางไปราชการตา่ งจงั หวดั โดยไมค่ �ำนงึ ถงึ จ�ำนวนคน จ�ำนวนงาน และจ�ำนวนวนั อยา่ งเหมาะสม อาทิ เดนิ ทางไปราชการจ�ำนวน ๑๐ วนั แตใ่ ช้เวลาในการท�ำงานจรงิ เพยี ง ๖ วนั โดยอีก ๔ วนั เป็นการเดินทาง ท่องเท่ยี วในสถานทต่ี า่ ง ๆ ๑๐.๒ เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติไม่ใช้เวลาในราชการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เน่ืองจากต้องการปฏิบัติงาน นอกเวลาราชการ เพราะสามารถเบกิ เงินงบประมาณค่าตอบแทนการปฏิบัตงิ านนอกเวลาราชการได้ ๑๐.๓ เจ้าหน้าที่ของรัฐลงเวลาปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ โดยมิได้อยู่ปฏิบัติงานในช่วงเวลานั้น อย่างแทจ้ รงิ แต่กลบั ใช้เวลาดังกลา่ วปฏบิ ตั กิ ิจธุระสว่ นตัว ๓. กฎหมายทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั การขัดกันระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๖ นอกจากเจา้ พนกั งานของรฐั ทร่ี ฐั ธรรมนญู กําหนดไวเ้ ปน็ การเฉพาะแลว้ หา้ มมใิ หก้ รรมการ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอสิ ระ และเจา้ พนกั งานของรฐั ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกําหนด ดําเนินกจิ การ ดงั ต่อไปน้ี (๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาท่ีทํากับหน่วยงานของรัฐท่ีเจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้นปฏิบัติ หน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งมีอํานาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรอื ดําเนนิ คดี (๒) เปน็ หนุ้ สว่ นหรอื ผถู้ อื หนุ้ ในหา้ งหนุ้ สว่ นหรอื บรษิ ทั ทเ่ี ขา้ เปน็ คสู่ ญั ญากบั หนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี จา้ พนกั งาน ของรัฐผู้น้ันปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะท่ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซ่ึงมีอํานาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดําเนินคดี เว้นแต่จะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัดไม่เกิน จํานวนทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด (๓) รบั สมั ปทานหรอื คงถอื ไวซ้ งึ่ สมั ปทานจากรฐั หนว่ ยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รฐั วสิ าหกจิ หรอื ราชการ ส่วนทอ้ งถิน่ หรอื เขา้ เปน็ คสู่ ญั ญากบั รฐั หน่วยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รัฐวิสาหกิจ หรอื ราชการส่วนทอ้ งถนิ่ อนั มลี กั ษณะเปน็ การผูกขาดตดั ตอน หรอื เป็นหุ้นส่วนหรอื ผู้ถือหนุ้ ในห้างหุ้นสว่ นหรือบริษทั ทร่ี ับสัมปทานหรือ เข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ในฐานะท่ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐซ่ึงมีอํานาจ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ในการกํากบั ดแู ล ควบคมุ ตรวจสอบหรอื ดําเนนิ คดี เวน้ แตจ่ ะเปน็ ผถู้ อื หนุ้ ในบรษิ ทั จํากดั หรอื บรษิ ทั มหาชนจํากดั ไมเ่ กินจํานวนท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด (๔) เข้าไปมีส่วนไดเ้ สยี ในฐานะเปน็ กรรมการ ทปี่ รึกษา ตัวแทน พนักงานหรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชน ซงึ่ อยภู่ ายใตก้ ารกํากบั ดแู ล ควบคมุ หรอื ตรวจสอบของหนว่ ยงานของรฐั ทเี่ จา้ พนกั งานของรฐั ผนู้ น้ั สงั กดั อยหู่ รอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นฐานะเปน็ เจา้ พนกั งานของรฐั ซงึ่ โดยสภาพของผลประโยชนข์ องธรุ กจิ ของเอกชนนนั้ อาจขดั หรอื แย้งต่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ทางราชการหรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าท่ีของ เจา้ พนักงานของรัฐผนู้ ั้น 18 หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปล่ียนแปลงสู่สงั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจริต

ให้นําความในวรรคหน่ึง มาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าพนักงานของรัฐตามวรรคหน่ึงด้วย โดยให้ถือว่า การดําเนนิ กจิ การของคสู่ มรสเปน็ การดําเนนิ กจิ การของเจา้ พนกั งานของรฐั เวน้ แตเ่ ปน็ กรณที คี่ สู่ มรสนน้ั ดําเนนิ การ อย่กู ่อนทเี่ จ้าพนกั งานของรฐั จะเขา้ ดํารงตําแหนง่ คสู่ มรสตามวรรคสองใหห้ มายความรวมถงึ ผซู้ งึ่ อยกู่ นิ กนั ฉนั สามภี รยิ าโดยมไิ ดจ้ ดทะเบยี นสมรสดว้ ย ทง้ั นี้ ตามหลกั เกณฑท์ ี่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด เจ้าพนักงานของรัฐที่มลี กั ษณะตาม (๒) หรือ (๓) ต้องดําเนนิ การไม่ให้มีลักษณะดังกลา่ ว ภายในสามสิบ วันนบั แตว่ ันทเ่ี ข้าดํารงตําแหนง่ มาตรา ๑๒๗ ห้ามมิให้กรรมการ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ดํารงตําแหน่งระดับสูงและผู้ดํารง ตําแหนง่ ทางการเมืองทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด ดําเนนิ การใดตามมาตรา ๑๒๖ (๔) ภายในสองปนี บั แต่ วันทพ่ี น้ จากตําแหน่ง มาตรา ๑๒๘ หา้ มมใิ หเ้ จา้ พนกั งานของรฐั ผใู้ ดรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดอนั อาจคํานวณ เปน็ เงนิ ได้ จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับท่ีออกโดยอาศัย อํานาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย เวน้ แตก่ ารรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใด โดยธรรมจรรยาตามหลกั เกณฑ์ และจํานวนทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด ความในวรรคหน่ึงมิให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือ ญาตทิ ี่ให้ตามประเพณี หรอื ตามธรรมจรรยาตามฐานานุรูป บทบัญญัติในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของผู้ซึ่งพ้นจากการเป็น เจา้ พนักงานของรัฐมาแลว้ ยงั ไม่ถึงสองปดี ว้ ยโดยอนุโลม มาตรา ๑๒๙ การกระทําอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติในหมวดน้ีให้ถือว่าเป็นการกระทําความผิด ต่อตําแหน่งหน้าท่รี าชการหรอื ความผดิ ต่อตําแหน่งหน้าท่ีในการยุตธิ รรม ประกาศคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์การรับ ทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์อ่ืนใดโดยธรรมจรรยาของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั พ.ศ. ๒๕๔๓ อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจึงก�ำหนด หลกั เกณฑแ์ ละจ�ำนวนทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั จะรบั จากบคุ คลไดโ้ ดยธรรมจรรยาไว้ ดงั น้ี ขอ้ ๓ ในประกาศน้ี “การรับทรัพย์สนิ หรอื ประโยชนอ์ ื่นใดโดยธรรมจรรยา” หมายความวา่ การรบั ทรพั ย์สนิ หรือประโยชน์ อื่นใดจากญาติหรอื จากบุคคลท่ีให้กันในโอกาสต่าง ๆ โดยปกตติ ามขนบธรรมเนียม ประเพณี หรือวัฒนธรรม หรอื ใหก้ ันตามมารยาททปี่ ฏบิ ตั กิ ันในสงั คม “ญาติ” หมายความวา่ ผูบ้ พุ การี ผูส้ ืบสันดาน พีน่ ้องร่วมบดิ ามารดาหรือ รว่ มบดิ าหรือมารดาเดยี วกัน ลงุ ปา้ น้า อา คสู่ มรส ผู้บุพการีหรือผสู้ ืบสนั ดานของคู่สมรส บุตรบญุ ธรรมหรือผรู้ ับบตุ รบญุ ธรรม “ประโยชน์อื่นใด” หมายความว่า สิ่งท่ีมูลค่า ได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ การรับการฝึกอบรม หรือสงิ่ อน่ื ใดในลักษณะเดยี วกัน หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผู้นำ�การเปล่ยี นแปลงสู่สงั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจริต 19

ขอ้ ๔ หา้ มมใิ หเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผใู้ ด รบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใด จากบคุ คลนอกเหนอื จากทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์อนั ควรได้ตามกฎหมาย หรอื กฎ ข้อบงั คบั ที่ออกโดยอาศยั อ�ำนาจตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์อนื่ ใดโดยธรรมจรรยาตามทีก่ �ำหนดไว้ในประกาศนี้ ข้อ ๕ เจ้าหนา้ ทขี่ องรัฐจะรับทรพั ย์สินหรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใดโดยธรรมจรรยาได้ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) รับทรัพย์สินหรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดจากญาตซิ งึ่ ให้โดยเสนห่ าตามจ�ำ นวนที่เหมาะสมตามฐานานรุ ปู (๒) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากบุคคลอื่นซ่ึงมิใช่ญาติมีราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละ บุคคล แตล่ ะโอกาสไมเ่ กินสามพันบาท (๓) รบั ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชน์อนื่ ใดทีก่ ารให้นน้ั เป็นการใหใ้ นลักษณะใหก้ ับบุคคลท่ัวไป ข้อ ๖ การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ให้มิได้ระบุให้เป็นของส่วนตัวหรือมี ราคาหรอื มูลค่าเกนิ กวา่ สามพนั บาท ไม่วา่ จะระบเุ ปน็ ของสว่ นตวั หรือไม่ แตม่ เี หตุผลความจำ�เป็นท่ีจะตอ้ งรบั ไว้ เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้น้ันรายงานรายละเอียด ขอ้ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกบั การรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนด์ งั กลา่ วใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาทราบโดยเรว็ หากผบู้ งั คบั บญั ชาเหน็ วา่ ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้เจ้าหน้าท่ีผู้นั้นยึดถือทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวนั้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ีของรัฐ ผู้นนั้ สง่ มอบทรัพยส์ นิ ให้หนว่ ยงานของรฐั ที่เจ้าหน้าท่ขี องรัฐผนู้ นั้ สงั กัดทนั ที ข้อ ๗ การรบั ทรพั ย์สินหรอื ประโยชนอ์ ื่นใดทีไ่ มเ่ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์ หรอื มีราคาหรอื มมี ูลคา่ มากกวา่ ที่ก�ำหนดไว้ในข้อ ๕ ซ่ึงเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับมาแล้วโดยมีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงที่ต้องรับไว้เพ่ือรักษาไมตรี มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้นั้นต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเก่ียวกับ การรับทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนน์ ้นั ต่อผบู้ ังคบั บญั ชา ซ่ึงเป็นหวั หน้าส่วนราชการ ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของรฐั วสิ าหกิจ หรอื ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของหนว่ ยงาน สถาบนั หรอื องคก์ รทเี่ จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ผนู้ น้ั สงั กดั โดยทนั ทที สี่ ามารถกระท�ำได้ เพ่ือให้วินิจฉัยว่ามีเหตุผลความจ�ำเป็น ความเหมาะสม และสมควรท่ีจะให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้น้ันรับทรัพย์สิน หรือประโยชนน์ ั้นไวเ้ ปน็ สทิ ธขิ องตนหรอื ไม่ ในกรณที ผี่ บู้ งั คบั บญั ชาหรอื ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของรฐั วสิ าหกจิ หนว่ ยงานหรอื สถาบนั หรอื องคก์ รทเ่ี จา้ หนา้ ที่ ของรัฐผู้นั้นสังกัด มีค�ำสั่งว่าไม่สมควรรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าว ก็ให้คืนทรัพย์สินหรือประโยชน์น้ัน แกผ่ ู้ให้โดยทันที ในกรณที ่ีไม่สามารถคนื ใหไ้ ด้ ให้เจ้าหน้าท่ขี องรัฐผู้นั้นส่งมอบทรพั ยส์ นิ หรือประโยชน์ดงั กลา่ ว ให้เปน็ สทิ ธขิ องหนว่ ยงานทเี่ จา้ หน้าที่ของรัฐผนู้ ้นั สงั กัดโดยเร็ว เม่ือได้ด�ำเนินการตามความในวรรคสองแล้ว ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้น้ัน ไม่เคยได้รับทรัพย์สินหรือ ประโยชน์ดงั กลา่ วเลย ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ได้รับทรัพย์สินไว้ตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็น หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า หรือเป็นกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หรือ เป็นกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานของรัฐ ให้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับทรัพย์สิน หรอื ประโยชนน์ น้ั ตอ่ ผมู้ อี �ำนาจแตง่ ตงั้ ถอดถอน สว่ นผทู้ ดี่ �ำรงต�ำแหนง่ ประธานกรรมการและกรรมการในองคก์ ร อสิ ระตามรฐั ธรรมนญู หรอื ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทไ่ี มม่ ผี บู้ งั คบั บญั ชาทม่ี อี �ำนาจถอดถอนใหแ้ จง้ ตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท้งั น้ี เพ่อื ด�ำเนนิ การตามความในวรรคหนึง่ และวรรคสอง ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ได้รับทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ให้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเก่ียวกับการรับทรัพย์สินหรือ 20 หลกั สูตรสร้างวิทยากรผนู้ �ำ การเปลีย่ นแปลงส่สู ังคมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจรติ

ประโยชนเ์ ทา่ นนั้ ตอ่ ประธาน สภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา หรอื ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ทเ่ี จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ผนู้ น้ั เป็นสมาชกิ แลว้ แต่กรณี เพอ่ื ด�ำเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ข้อ ๘ หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ตามประกาศฉบับนี้ให้ใช้ บังคบั แกผ่ ซู้ ง่ึ พ้นจากการเป็นเจ้าหนา้ ที่ของรฐั มาแล้วไมถ่ ึงสองปีดว้ ย ระเบียบสำ�นกั นายกรัฐมนตรวี า่ ดว้ ยการใหห้ รือรับของขวญั ของเจ้าหนา้ ที่ของรฐั พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติคณะรัฐมนตรีเก่ียวกับแนวทางปฏิบัติในการให้ของขวัญและรับ ของขวญั ของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไวห้ ลายครง้ั เพอื่ เปน็ การเสรมิ สรา้ งคา่ นยิ มใหเ้ กดิ การประหยดั มใิ หม้ กี ารเบยี ดเบยี น ขา้ ราชการโดยไม่จ�ำเปน็ และสรา้ งทศั นคติท่ไี ม่ถูกตอ้ ง เนอื่ งจากมีการแข่งขันกนั ใหข้ องขวัญในราคาแพง ท้ังยงั เปน็ ชอ่ งทางใหเ้ กดิ การประพฤตมิ ชิ อบอน่ื ๆ ในวงราชการอกี ดว้ ย และในการก�ำหนดจรรยาบรรณของเจ้าหนา้ ที่ ของรฐั ประเภทตา่ ง ๆ กม็ กี ารก�ำหนดในเรอ่ื งท�ำนองเดยี วกนั ประกอบกบั คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจริตแห่งชาติได้ประกาศก�ำหนดหลักเกณฑ์และจ�ำนวนที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อ่ืนใดโดยธรรมจรรยาได้ ฉะนัน้ จงึ สมควรรวบรวมมาตรการเหล่านัน้ และก�ำหนดเป็นหลกั เกณฑ์การปฏิบัตขิ อง เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในการใหข้ องขวญั และรบั ของขวญั ไวเ้ ปน็ การถาวรมมี าตรฐานอยา่ งเดยี วกนั และมคี วามชดั เจน เพ่ือเสริมมาตรการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้เป็นผลอย่างจริงจัง ทั้งนี้ เฉพาะในสว่ นทคี่ ณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติไมไ่ ดก้ �ำหนดไว้ อาศยั อ�ำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรโี ดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบยี บไวด้ ังตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๓ ในระเบยี บนี้ “ของขวัญ” หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่กัน เพ่ืออัธยาศัยไมตรี และให้ หมายความรวมถึงเงิน ทรัพย์สินหรอื ประโยชนอ์ ่นื ใดท่ีใหเ้ ปน็ รางวัล ให้โดยเสนห่ าหรือเพ่ือการสงเคราะห์ หรอื ใหเ้ ปน็ สนิ นำ�้ ใจ การใหส้ ทิ ธพิ เิ ศษซงึ่ มใิ ชเ่ ปน็ สทิ ธทิ จี่ ดั ไวส้ �ำหรบั บคุ คลทวั่ ไปในการไดร้ บั การลดราคาทรพั ยส์ นิ หรอื การใหส้ ิทธพิ ิเศษในการไดร้ บั บริการหรอื ความบันเทิง ตลอดจนการออกคา่ ใชจ้ ่ายในการเดินทางหรอื ทอ่ งเทีย่ ว ค่าท่พี กั ค่าอาหาร หรือสิ่งอ่นื ใดในลกั ษณะเดียวกัน และไม่วา่ จะให้เปน็ บตั ร ตัว๋ หรอื หลักฐานอน่ื ใด การช�ำระ เงินให้ลว่ งหนา้ หรอื การคนื เงินให้ในภายหลัง “ปกตปิ ระเพณนี ยิ ม” หมายความวา่ เทศกาลหรอื วนั ส�ำคญั ซงึ่ อาจมกี ารใหข้ องขวญั กนั และใหห้ มายความ รวมถึงโอกาสในการแสดงความยินดี การแสดงความขอบคุณ การต้อนรับ การแสดงความเสียใจ หรือการให้ ความช่วยเหลือตามมารยาทท่ีถอื ปฏิบัติกนั ในสงั คมดว้ ย “ผู้บังคับบัญชา” ให้หมายความรวมถึง ผู้ซ่ึงปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหน่วยงาน ท่ีแบ่งเป็นการภายในของ หนว่ ยงานของรฐั และผซู้ ง่ึ ด�ำรงต�ำแหนง่ ในระดบั ทสี่ งู กวา่ และไดร้ บั มอบหมายใหม้ อี �ำนาจบงั คบั บญั ชาหรอื ก�ำกบั ดแู ลด้วย “บุคคลในครอบครวั ” หมายความว่า คสู่ มรส บุตร บิดา มารดา พีน่ ้องรว่ มบิดามารดาหรือรว่ มบิดาหรือ มารดาเดยี วกัน หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลยี่ นแปลงสสู่ ังคมทีไ่ มท่ นตอ่ การทุจริต 21

ข้อ ๔ ระเบียบน้ีไม่ใช้บังคับกับกรณีการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งอยู่ ภายใตบ้ ังคับกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ข้อ ๕ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะให้ของขวัญแก่ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลในครอบครัวของผู้บังคับบัญชา นอกเหนอื จากกรณปี กติประเพณนี ิยมท่ีมกี ารให้ของขวัญแกก่ ันมิได้ การใหข้ องขวญั ตามปกตปิ ระเพณนี ยิ มตามวรรคหนง่ึ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั จะใหข้ องขวญั ทมี่ รี าคาหรอื มลู คา่ เกินจ�ำนวนท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก�ำหนดไว้ส�ำหรับการรับทรัพย์สินหรือ ประโยชนอ์ นื่ ใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ตามกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ ริตมิได้ เจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั จะท�ำการเรย่ี ไรเงินหรอื ทรพั ย์สินอน่ื ใดหรอื ใชเ้ งินสวัสดิการใด ๆ เพอ่ื มอบให้หรอื จดั หา ของขวญั ให้ผบู้ ังคับบัญชาหรือบคุ คลในครอบครัวของผ้บู งั คับบญั ชาไม่ว่ากรณีใด ๆ มไิ ด้ ขอ้ ๖ ผบู้ ังคับบญั ชาจะยินยอมหรือรเู้ หน็ เปน็ ใจใหบ้ ุคคลในครอบครัวของตนรบั ของขวญั จากเจ้าหน้าที่ ของรฐั ซง่ึ เป็นผ้อู ยูใ่ นบงั คับบญั ชามไิ ด้ เว้นแตเ่ ปน็ การรบั ของขวญั ตามข้อ ๕ ข้อ ๗ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลในครอบครัวของตนรับของขวัญจากผู้ที่ เก่ียวข้องในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ีของเจ้าหน้าทข่ี องรฐั มไิ ด้ ถ้ามิใช่เปน็ การรับของขวัญตามกรณีทีก่ �ำหนดไวใ้ น ข้อ ๘ ผทู้ ี่เกีย่ วข้องในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีข่ องเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ตามวรรคหนึง่ ได้แก่ ผมู้ าตดิ ตอ่ งานหรือผู้ซ่งึ ได้รบั ประโยชนจ์ ากการปฏบิ ัตงิ านของเจ้าหน้าทข่ี องรฐั ในลักษณะดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ซึ่งมีคำ�ขอให้หน่วยงานของรัฐดำ�เนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น การขอใบรับรอง การขอให้ ออกค�ำ สัง่ ทางปกครอง หรือการร้องเรียน เป็นต้น (๒) ผูซ้ งึ่ ประกอบธรุ กิจหรอื มีสว่ นไดเ้ สยี ในธุรกิจท่ที ำ�กับหนว่ ยงานของรฐั เชน่ การจัดซอื้ จดั จา้ ง หรอื การไดร้ บั สัมปทาน เปน็ ต้น (๓) ผซู้ ง่ึ ก�ำ ลงั ด�ำ เนนิ กจิ กรรมใด ๆ ทมี่ หี นว่ ยงานของรฐั เปน็ ผคู้ วบคมุ หรอื ก�ำ กบั ดแู ล เชน่ การประกอบ กจิ การโรงงาน หรอื ธุรกิจหลักทรพั ย์ เป็นต้น (๔) ผู้ซ่ึงอาจได้รับประโยชน์หรือผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ข้อ ๘ เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลในครอบครัวของตนรับของขวัญจากผู้ท่ี เกยี่ วขอ้ งในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ไดเ้ ฉพาะกรณี การรบั ของขวญั ทใ่ี หต้ ามปกตปิ ระเพณนี ยิ ม และ ของขวัญนั้นมีราคาหรือมูลค่าไม่เกินจำ�นวนท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำ�หนด ไว้สำ�หรับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ตามกฎหมายประกอบ รฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ขอ้ ๙ ในกรณที บี่ คุ คลในครอบครวั ของเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั รบั ของขวญั แลว้ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ทราบในภายหลงั ว่าเป็นการรับของขวัญโดยฝ่าฝืนระเบียบน้ี ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก�ำหนดไว้ส�ำหรับการรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของ เจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีมีราคาหรือมูลค่าเกินกว่าที่ก�ำหนดไว้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ รติ 22 หลกั สตู รสร้างวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู ังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ รติ

ข้อ ๑๐ ในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ใดจงใจปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ของขวัญหรือรับของขวัญโดยฝ่าฝืน ระเบยี บน้ี ให้ด�ำเนนิ การดังตอ่ ไปน้ี (๑) ในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐเป็นข้าราชการการเมือง ให้ถือว่าเจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้น้ันประพฤติปฏิบัติ ไมเ่ ปน็ ไปตามคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม และใหด้ �ำ เนนิ การตามระเบยี บทน่ี ายกรฐั มนตรกี �ำ หนดโดยความเหน็ ชอบ ของคณะรฐั มนตรีวา่ ด้วยมาตรฐานทางคณุ ธรรมและจริยธรรมของขา้ ราชการการเมอื ง (๒) ในกรณที เ่ี จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เปน็ ขา้ ราชการประเภทอนื่ นอกจาก (๑) หรอื พนกั งานขององคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิ่น หรือพนกั งานของรัฐวิสาหกิจให้ถือว่าเจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐผนู้ ้ันเปน็ ผู้กระท�ำ ความผดิ ทางวินยั และให้ ผู้บงั คบั บัญชามหี น้าทด่ี ำ�เนนิ การใหม้ กี ารลงโทษทางวนิ ยั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ผู้น้นั ข้อ ๑๑ ให้ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรีมีหน้าท่ีสอดส่อง และให้ค�ำแนะน�ำในการปฏิบัติตาม ระเบียบนี้แก่หน่วยงานของรัฐ ในกรณีท่ีมีผู้ร้องเรียนต่อส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายรัฐมนตรีว่าเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ผู้ใดปฏิบัติในการให้ของขวัญหรือรับของขวัญฝ่าฝืนระเบียบน้ี ให้ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งไปยัง ผู้บังคบั บัญชาของเจ้าหน้าทขี่ องรฐั ผนู้ น้ั เพอ่ื ด�ำเนนิ การตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๒ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างให้เกิดทัศนคติในการประหยัดแก่ประชาชนท่ัวไปในการแสดง ความยนิ ดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดงการตอ้ นรบั หรอื การแสดงความเสยี ใจในโอกาสตา่ ง ๆ ตามปกติ ประเพณีนิยม ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามใช้วิธีการแสดงออกโดยใช้บัตรอวยพร การลงนามในสมุดอวยพร หรือใชบ้ ัตรแสดงความเสยี ใจ แทนการใหข้ องขวญั ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าท่ีเสริมสร้างค่านิยมการแสดงความยินดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดง การต้อนรับ หรือการแสดงความเสียใจ ด้วยการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง แนะน�ำหรือก�ำหนดมาตรการจูงใจ ทีจ่ ะพัฒนาทัศนคติ จิตส�ำนกึ และพฤติกรรมของผู้อยู่ในบังคับบัญชาใหเ้ ปน็ ไปในแนวทางประหยัด ระเบียบสำ�นกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยการเรีย่ ไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “การเร่ียไร” หมายความว่า การเก็บเงินหรือทรัพย์สิน โดยขอร้องให้ช่วยออกเงินหรือทรัพย์สิน ตามใจสมัคร และให้หมายความรวมถึงการซ้ือขาย แลกเปล่ียน ชดใช้หรือบริการซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือ โดยปรยิ ายวา่ มใิ ชเ่ ปน็ การซอ้ื ขาย แลกเปลย่ี น ชดใชห้ รอื บรกิ ารธรรมดา แตเ่ พอื่ รวบรวมเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทไี่ ดม้ า ทั้งหมด หรือบางส่วนไปใชใ้ นกจิ การอยา่ งใดอย่างหนง่ึ นน้ั ด้วย “เข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการเรี่ยไร” หมายความว่า เข้าไปช่วยเหลือโดยมีส่วนร่วมในการจัดให้มี การเรย่ี ไรในฐานะเป็นผ้รู ่วมจัดให้มกี ารเรย่ี ไร หรือเปน็ ประธานกรรมการ อนุกรรมการ คณะท�ำงาน ที่ปรึกษา หรือในฐานะอ่ืนใดในการเร่ียไรนัน้ ข้อ ๖ หน่วยงานของรฐั จะจดั ใหม้ ีการเรย่ี ไรหรือเขา้ ไปมสี ่วนเก่ียวข้องกับการเร่ยี ไรมไิ ด้ เว้นแต่เปน็ การ เรย่ี ไร ตามข้อ ๑๙ หรือไดร้ บั อนุมตั ิจากคณะกรรมการควบคมุ การเร่ยี ไรของหน่วยงานของรฐั (กคร.) หรอื กคร. จงั หวัด แล้วแตก่ รณี ทัง้ น้ี ตามหลกั เกณฑท์ ี่ก�ำหนดไว้ในระเบยี บน้ี หนว่ ยงานของรฐั ซงึ่ จะตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตในการเรยี่ ไรตามกฎหมายวา่ ดว้ ย การควบคมุ การเรย่ี ไร นอกจาก จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ การเรยี่ ไรแลว้ จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑท์ ก่ี �ำหนดไวใ้ นระเบยี บ หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผ้นู �ำ การเปลี่ยนแปลงสสู่ ังคมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจริต 23

นดี้ ว้ ย ในกรณนี ี้ กคร. อาจก�ำหนดแนวทางปฏบิ ตั ขิ องหนว่ ยงานรฐั ดงั กลา่ วใหส้ อดคลอ้ งกบั กฎหมายวา่ ดว้ ยการ ควบคุมการเรี่ยไรกไ็ ด้ ข้อ ๘ ใหม้ คี ณะกรรมการควบคมุ การเรี่ยไรของหนว่ ยงานของรัฐ เรยี กโดยยอ่ วา่ “กคร.” ประกอบดว้ ย รองนายกรฐั มนตรที น่ี ายกรฐั มนตรมี อบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ ผแู้ ทนส�ำนกั นายกรฐั มนตรี ผแู้ ทนกระทรวง กลาโหม ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวง สาธารณสุข ผู้แทนส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ ผู้แทนส�ำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงนายกรัฐมนตรีแต่งต้ังอีกไม่เกิน สี่คนเปน็ กรรมการ และผู้แทนส�ำนักงานปลดั ส�ำนักนายกรฐั มนตรเี ปน็ กรรมการและเลขานกุ าร กคร. จะแตง่ ตง้ั ขา้ ราชการในส�ำนกั งานปลดั ส�ำนกั นายกรฐั มนตรจี �ำนวนไมเ่ กนิ สองคนเปน็ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ก็ได้ ข้อ ๑๘ การเรี่ยไรหรือเข้าไปมสี ว่ นเกีย่ วข้องกบั การเรย่ี ไรที่ กคร. หรอื กคร. จังหวดั แลว้ แต่กรณี จะพจิ ารณาอนมุ ัตใิ หต้ ามข้อ ๖ ได้นน้ั จะตอ้ งมลี กั ษณะและวัตถุประสงค์อยา่ งหนงึ่ อยา่ งใด ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เป็นการเรี่ยไรทห่ี นว่ ยงานของรัฐเป็นผดู้ �ำ เนินการเพอื่ ประโยชน์แก่หนว่ ยงานของรัฐน้นั เอง (๒) เปน็ การเรยี่ ไรทหี่ นว่ ยงานของรฐั เปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การเพอ่ื ประโยชนแ์ กก่ ารปอ้ งกนั หรอื พฒั นาประเทศ (๓) เปน็ การเรีย่ ไรทห่ี น่วยงานของรัฐเปน็ ผ้ดู �ำ เนินการเพอ่ื สาธารณประโยชน์ (๔) เปน็ กรณีทห่ี นว่ ยงานของรัฐเข้าไปมสี ว่ นเก่ยี วข้องกบั การเร่ยี ไรของบุคคลหรอื นติ ิบคุ คล ท่ไี ดร้ ับอนญุ าตจากคณะกรรมการควบคุมการเรย่ี ไรตามกฎหมายว่าดว้ ยการควบคุมการเรย่ี ไรแลว้ ขอ้ ๑๙ การเรยี่ ไรหรอื เข้าไปมสี ว่ นเก่ยี วขอ้ งกบั การเรย่ี ไรดงั ตอ่ ไปน้ี ให้ได้รบั ยกเว้นไม่ตอ้ งขออนมุ ัตจิ าก กคร. หรอื กคร. จงั หวัด แล้วแต่กรณี (๑) เป็นนโยบายเรง่ ด่วนของรัฐบาล และมมี ติคณะรัฐมนตรีใหเ้ รี่ยไรได้ (๒) เป็นการเร่ียไรท่ีรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐจำ�เป็นต้องดำ�เนินการ เพ่ือช่วยเหลือผู้เสียหายหรือ บรรเทาความเสียหายทเี่ กิดจากสาธารณภัยหรอื เหตกุ ารณ์ใดทีส่ �ำ คญั (๓) เป็นการเรย่ี ไรเพือ่ ร่วมกนั ท�ำ บุญเนอื่ งในโอกาสการทอดผา้ พระกฐินพระราชทาน (๔) เป็นการเร่ียไรตามข้อ ๑๘ (๑) หรือ (๓) เพื่อให้ได้เงินหรือทรัพย์สินไม่เกินจำ�นวนเงินหรือมูลค่า ตามที่ กคร. ก�ำ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๕) เปน็ การเขา้ ไปมสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั การเรย่ี ไรตามขอ้ ๑๘ (๔) ซง่ึ กคร. ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ยกเวน้ ให้หน่วยงานของรัฐด�ำ เนนิ การไดโ้ ดยไม่ตอ้ งขออนมุ ัติ (๖) เป็นการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐอ่ืนท่ีได้รับอนุมัติหรือได้รับยกเว้นในการขออนุมัติ ตามระเบยี บนี้แล้ว ขอ้ ๒๐ ในกรณที หี่ นว่ ยงานของรฐั ไดร้ บั อนมุ ตั หิ รอื ไดร้ บั ยกเวน้ ตามขอ้ ๑๙ ใหจ้ ดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไรหรอื เขา้ ไป มีส่วนเกีย่ วข้องกับการเร่ยี ไร ใหห้ น่วยงานของรัฐด�ำเนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ใหก้ ระท�ำ การเร่ยี ไรเป็นการท่วั ไป โดยประกาศหรือเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน (๒) ก�ำ หนดสถานที่หรอื วิธีการที่จะรับเงนิ หรือทรพั ยส์ ินจากการเรี่ยไร (๓) ออกใบเสร็จหรือหลักฐานการรับเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ผู้บริจาคทุกครั้ง เว้นแต่โดยลักษณะ แหง่ การเรย่ี ไรไมส่ ามารถออกใบเสรจ็ หรอื หลกั ฐานดงั กลา่ วได้ กใ็ หจ้ ดั ท�ำ เปน็ บญั ชกี ารรบั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ นน้ั ไว้ เพื่อใหส้ ามารถตรวจสอบได้ 24 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงสสู่ งั คมทไี่ ม่ทนต่อการทุจริต

(๔) จดั ท�ำ บญั ชกี ารรบั จา่ ยหรอื ทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดจ้ ากการเรย่ี ไรตามระบบบญั ชขี องทางราชการภายในเกา้ สบิ วันนับแตว่ ันทสี่ น้ิ สุดการเร่ียไร หรอื ทกุ สามเดือน ในกรณที ่เี ป็นการเร่ียไรท่กี ระท�ำ อยา่ งต่อเน่ืองและปดิ ประกาศ เปดิ เผย ณ ทที่ �ำ การของหนว่ ยงานของรฐั ทไี่ ดท้ �ำ การเรยี่ ไรไมน่ อ้ ยกวา่ สามสบิ วนั เพอ่ื ใหบ้ คุ คลทว่ั ไปไดท้ ราบและ จดั ใหม้ เี อกสารเกย่ี วกบั การด�ำ เนนิ การเรยี่ ไรดงั กลา่ วไว้ ณ สถานทสี่ �ำ หรบั ประชาชนสามารถใชใ้ นการคน้ หาและ ศกึ ษาขอ้ มูลขา่ วสารของราชการด้วย (๕) รายงานการเงนิ ของการเร่ียไรพรอ้ มทั้งส่งบัญชตี าม (๔) ให้สำ�นักงานการตรวจเงนิ แผ่นดินภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ได้จัดทำ�บัญชีตาม (๔) แล้วเสร็จ หรือในกรณีที่เป็นการเรี่ยไรที่ได้กระทำ�อย่างต่อเนื่อง ให้รายงานการเงนิ พร้อมท้ัง ส่งบญั ชดี ังกลา่ วทกุ สามเดอื น ข้อ ๒๑ ในการเร่ียไรหรือเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการเรี่ยไร ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐด�ำเนินการ ดังต่อไปน้ี (๑) กำ�หนดประโยชนท์ ีผ่ ูบ้ ริจาคหรอื บุคคลอืน่ จะได้รับซง่ึ มิใชป่ ระโยชน์ท่ีหนว่ ยงานของรฐั ได้ประกาศไว้ (๒) ก�ำ หนดใหผ้ บู้ รจิ าคตอ้ งบรจิ าคเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ เปน็ จ�ำ นวนหรอื มลู คา่ ทแี่ นน่ อน เวน้ แต่ โดยสภาพ มีความจำ�เป็นต้องกำ�หนดเป็นจำ�นวนเงินท่ีแน่นอน เช่น การจำ�หน่ายบัตรเข้าชมการแสดงหรือบัตรเข้าร่วม การแขง่ ขัน เป็นตน้ (๓) กระท�ำ การใด ๆ ท่ีเปน็ การบังคบั ให้บุคคลใดท�ำ การเรี่ยไรหรอื บรจิ าค หรอื กระทำ�การในลักษณะ ที่ท�ำ ให้บคุ คลน้นั ต้องตกอยู่ในภาวะจ�ำ ยอมไม่สามารถปฏเิ สธหรือหลกี เลยี่ งที่จะไม่ชว่ ยทำ�การเร่ยี ไรหรือบรจิ าค ไมว่ ่าโดยทางตรงหรือทางออ้ ม (๔) ใหเ้ จา้ หน้าทีข่ องรฐั ออกท�ำ การเรยี่ ไร หรอื ใช้ สง่ั ขอร้อง หรอื บงั คบั ใหผ้ ู้ใต้บงั คบั บัญชาหรอื บคุ คล อื่นออกทำ�การเรี่ยไร ข้อ ๒๒ เจ้าหน้าที่ของรัฐท่ีเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการเรี่ยไรของบุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาต จากคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไรซึ่งมิใช่หน่วยงานของรัฐจะต้อง ไม่กระท�ำการดังต่อไปนี้ (๑) ใช้หรือแสดงตำ�แหน่งหน้าท่ีให้ปรากฏในการดำ�เนินการเรี่ยไรไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาด้วยสิ่งพิมพ์ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการพิมพห์ รอื สอื่ อย่างอ่ืน หรอื ดว้ ยวธิ กี ารอน่ื ใด (๒) ใช้ ส่ัง ขอร้อง หรือบังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือบุคคลใดช่วยทำ�การเร่ียไรให้ หรือกระทำ� ในลักษณะท่ีทำ�ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบุคคลอื่นน้ันต้องตกอยู่ในภาวะจำ�ยอมไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยง ท่ีจะไม่ช่วยทำ�การเร่ียไรใหไ้ ด้ ไมว่ ่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ๔. วิธีคิดแบบฐาน ๑๐ (Analog thinking)/ฐาน ๒ (Digital thinking) แนวทางการแก้ปัญหาการทุจริตอย่างย่ังยืน ต้องเริ่มต้นแก้ไขท่ีตัวบุคคล โดยการปรับเปลี่ยนระบบ การคิดของคนในสังคมแยกแยะให้ไดว้ า่ … “เร่ืองใดเป็นประโยชน์สว่ นตน...เร่ืองใดเปน็ ประโยชน์สว่ นรวม” ต้องแยกออกจากกันให้ได้อย่างเด็ดขาด ไม่น�ำมาปะปนกัน ไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ ส่วนตน ไม่เอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาทดแทนบุญคุณส่วนตน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เหนอื กวา่ ประโยชนส์ ว่ นรวม กรณีเกิดผลประโยชน์ขัดกันต้องยึดประโยชนส์ ่วนรวมเหนอื กว่าประโยชนส์ ่วนตน หลกั สูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทีไ่ ม่ทนต่อการทุจรติ 25

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม “เจ้าหน้าท่ีของรัฐ” ซ่ึงมีอ�ำนาจหน้าท่ีท่ีจะต้องกระท�ำการหรือใช้ดุลยพินิจ ในการตัดสินใจท่ีเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวม หากปล่อยให้มีผลประโยชน์ส่วนตนหรือความสัมพันธ์ สว่ นตนเขา้ มามสี ว่ นในการตดั สนิ ใจแลว้ ยอ่ มตอ้ งเกดิ การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) ขน้ึ แนน่ อน และความเสียหายก็จะตกอย่กู ับประชาชนและ ประเทศชาตนิ น่ั เอง ระบบคิดที่จะกล่าวต่อไปนี้… เป็นการน�ำมาประยุกต์ใช้และเปรียบเทียบ เพ่ือให้เจ้าหน้าที่ของรัฐน�ำไป เป็น “หลกั คิด” ในการปฏิบตั ิงานให้สามารถแยกประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมไดอ้ ยา่ งเดด็ ขาด คือ “ระบบคิด ฐานสบิ (Analog)” กบั “ระบบคิด ฐานสอง (Digital)” ทำ�ไม จงึ ใช้ระบบเลขฐานสบิ (Analog) และระบบเลขฐานสอง (Digital) มาใช้แยกแยะการแก้ทุจรติ เรามาท�ำ ความเขา้ ใจในระบบ… ฐานสบิ (Analog), ฐานสอง (Digital) กนั เถอะ 26 หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลีย่ นแปลงสู่สงั คมที่ไมท่ นต่อการทจุ รติ

ระบบเลข “ฐานสบิ ” (decimal number system) หมายถงึ ระบบเลขทมี่ ตี วั เลข ๑๐ ตวั คอื ๐ , ๑ , ๒ , ๓ , ๔ , ๕ , ๖ , ๗ , ๘ , ๙ เป็นระบบคดิ เลขทเ่ี ราใชใ้ นชีวิต ประจ�ำวันกันมา ต้ังแต่จ�ำความกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บอกปริมาณหรือบอกขนาด ช่วยให้เกิดความเข้าใจ ที่ตรงกนั ในการส่ือความหมาย สอดคล้องกับระบบ “Analog” ที่ใช้ค่าต่อเน่ืองหรือสัญญาณ ซึ่งเปน็ ค่าตอ่ เนื่อง หรือแทนความหมายของขอ้ มลู โดยการใชฟ้ ังชั่นทตี่ อ่ เนอ่ื ง (Continuous) ระบบเลข “ฐานสอง” (binary number system) หมายถงึ ระบบเลขทีม่ สี ัญลกั ษณ์ เพียงสองตัว คอื ๐ (ศนู ย์) กับ ๑ (หนง่ึ ) สอดคลอ้ งกบั การทำ�งานระบบ Digital ทมี่ ีลกั ษณะ การท�ำ งานภายในเพยี ง ๒ จังหวะ คือ ๐ กบั ๑ หรอื ON กับ OFF (Discrete) ตัดเด็ดขาด จากทกี่ ลา่ วมา... เม่อื น�ำระบบเลข “ฐานสิบ Analog” และ ระบบเลข “ฐานสอง Digital” มาปรบั ใช้ เป็นแนวคิด คอื ระบบคิด “ฐานสบิ Analog” และ ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” จะเหน็ ได้ว่า... ระบบคิด “ฐานสิบ Analog” เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่มีตัวเลขหลายตัว และอาจหมายถึง โอกาสที่จะเลอื กไดห้ ลายทาง เกิดความคิดทห่ี ลากหลาย ซับซ้อน หากน�ำมาเปรียบเทียบกบั การปฏบิ ตั งิ านของ เจา้ หนา้ ที่ของรฐั จะท�ำให้เจ้าหนา้ ที่ของรฐั ตอ้ งคดิ เยอะ ตอ้ งใชด้ ลุ ยพนิ จิ เยอะ อาจจะน�ำประโยชน์สว่ นตนและ ประโยชนส์ ่วนรวมมาปะปนกนั ได้ แยกประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมออกจากกนั ไมไ่ ด้ ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” เป็นระบบการคดิ วิเคราะห์ขอ้ มูลทส่ี ามารถเลือกได้เพยี ง ๒ ทางเท่านัน้ คือ ๐ (ศนู ย์) กบั ๑ (หน่ึง) และอาจหมายถึงโอกาสที่จะเลือกได้เพยี ง ๒ ทาง เชน่ ใช่ กบั ไม่ใช,่ เทจ็ กับ จริง, ท�ำได้ กบั ท�ำไมไ่ ด,้ ประโยชน์ส่วนตน กับ ประโยชนส์ ่วนรวม เปน็ ต้น จงึ เหมาะกับการน�ำมาเปรียบเทยี บกบั การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีต้องสามารถแยกเรื่องต�ำแหน่งหน้าท่ีกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่าง เดด็ ขาด และไมก่ ระท�ำการท่เี ปน็ การขัดกนั ระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม ระบบคดิ “ฐานสิบ Analog” Vs ระบบคิด “ฐานสอง Digital” “การปฏบิ ตั งิ านแบบใชร้ ะบบคดิ ฐานสบิ (Analog)” คอื การทเ่ี จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั มรี ะบบการคดิ ทยี่ งั แยก เรื่องต�ำแหน่งหน้าท่ีกับเร่ืองส่วนตนออกจากกันไม่ได้ น�ำประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกัน ไปหมด แยกแยะไม่ออกว่าสง่ิ ไหนคือประโยชน์สว่ นตน สงิ่ ไหนคอื ประโยชนส์ ่วนรวม น�ำบคุ ลากรหรือทรัพย์สิน หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลีย่ นแปลงสู่สังคมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจรติ 27

ของราชการมาใช้เพ่ือประโยชน์ส่วนตน เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เครือญาติ หรือพวกพ้อง เหนอื กวา่ ประโยชนข์ องสว่ นรวมหรอื ของหนว่ ยงาน จะคอยแสวงหาประโยชนจ์ ากต�ำแหนง่ หนา้ ทรี่ าชการ กรณี เกดิ การขัดกันระหว่างประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม จะยึดประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก “การปฏบิ ตั งิ านแบบใชร้ ะบบคดิ ฐานสอง (Digital)” คอื การทเี่ จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั มรี ะบบการคดิ ทสี่ ามารถ แยกเรื่องต�ำแหน่งหน้าท่ีกบั เรอ่ื งสว่ นตนออกจากกัน แยกออกอย่างชดั เจนวา่ สิ่งไหนถูกส่ิงไหนผิด สง่ิ ไหนท�ำได้ ส่งิ ไหนท�ำไม่ได้ สิง่ ไหนคอื ประโยชนส์ ว่ นตนสิง่ ไหนคือประโยชน์สว่ นรวม ไมน่ �ำมาปะปนกัน ไม่น�ำบคุ ลากรหรอื ทรพั ยส์ นิ ของราชการมาใชเ้ พอ่ื ประโยชนส์ ว่ นตน ไมเ่ บยี ดบงั ราชการ เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมหรอื ของหนว่ ยงาน เหนอื กวา่ ประโยชนข์ องสว่ นตน เครอื ญาติ และพวกพอ้ ง ไมแ่ สวงหาประโยชนจ์ ากต�ำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ ไมร่ บั ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อน่ื ใดจากการปฏิบัติหน้าที่ กรณเี กิดการขดั กนั ระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ ส่วนรวม กจ็ ะยึดประโยชน์สว่ นรวมเป็นหลัก ๕. บทบาทของรฐั /เจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าทข่ี องรฐั ) หลักคิดการแยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมอย่างเด็ดขาด ดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับ แนวปฏิบัติของเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ ตามประมวลจริยธรรมขา้ ราชการพลเรือน ขอ้ ๕ ทีก่ �ำหนดใหเ้ จ้าหน้าท่ีของรฐั ตอ้ งแยกเรอื่ งสว่ นตวั ออกจากต�ำแหนง่ หนา้ ท่ี และยดึ ถอื ประโยชนส์ ว่ นรวมของประเทศชาติ เหนอื กวา่ ประโยชน์ สว่ นตน โดยอยา่ งน้อยต้องวางตน ดังนี้ (๑) ไม่น�ำความสัมพันธส์ ่วนตวั ทตี่ นมตี อ่ บุคคลอน่ื ไมว่ า่ จะเปน็ ญาตพิ ีน่ อ้ ง พรรคพวก เพือ่ นฝูง หรือผูม้ ี บุญคณุ ส่วนตวั มาประกอบการใชด้ ุลพินิจใหเ้ ป็นคุณหรือเป็นโทษแกบ่ ุคคลนนั้ หรือปฏิบัติตอ่ บุคคลนัน้ ตา่ งจาก บคุ คลอน่ื เพราะชอบหรือชัง (๒) ไม่ใชเ้ วลาราชการ เงนิ ทรัพย์สิน บคุ ลากร บรกิ าร หรือสงิ่ อ�ำนวยความสะดวกของทางราชการไป เพอื่ ประโยชน์สว่ นตัวของตนเองหรอื ผ้อู ื่น เวน้ แตไ่ ด้รับอนุญาตโดยชอบดว้ ยกฎหมาย (๓) ไมก่ ระท�ำการใด หรอื ด�ำรงต�ำแหนง่ หรอื ปฏบิ ตั กิ ารใดในฐานะสว่ นตวั ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเคลอื บแคลง หรอื สงสัยว่าจะขัดกับประโยชน์สว่ นรวมท่ีอยู่ในความรบั ผดิ ชอบของหนา้ ท่ี ในกรณมี คี วามเคลอื บแคลงหรอื สงสยั ใหข้ า้ ราชการผนู้ นั้ ยตุ กิ ารกระท�ำดงั กลา่ วไวก้ อ่ นแลว้ แจง้ ใหผ้ บู้ งั คบั บัญชา หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการจริยธรรมพิจารณา เม่ือคณะกรรมการจริยธรรมวินิจฉัย เป็นประการใดแลว้ จงึ ปฏบิ ตั ิตามนั้น (๔) ในการปฏิบัติหน้าท่ีที่รับผิดชอบในหน่วยงานโดยตรงหรือหน้าที่อ่ืนในราชการรัฐวิสาหกิจ องค์การ มหาชน หรอื หนว่ ยงานของรฐั ขา้ ราชการตอ้ งยดึ ถอื ประโยชนข์ องทางราชการเปน็ หลกั ในกรณที ม่ี คี วามขดั แยง้ ระหว่างประโยชน์ของทางราชการหรือประโยชน์ส่วนรวม กับประโยชน์ส่วนตนหรือส่วนกลุ่ม อันจ�ำเป็นต้อง วนิ ิจฉัยหรือช้ขี าด ต้องยึดประโยชน์ของทางราชการและประโยชน์ส่วนรวมเป็นส�ำคัญ 28 หลกั สตู รสร้างวิทยากรผูน้ ำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทจุ ริต

นอกจากนี้ ยงั สอดคลอ้ งกบั แนวปฏบิ ตั ขิ องเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในระดบั สากล ซงึ่ องคก์ รในระดบั สากลตา่ งกใ็ ห้ ความส�ำคญั ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากจรรยาบรรณสากลส�ำหรบั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตามประกาศขององคก์ ารสหประชาชาติ และอนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ (United Nations Convention Against Corruption- UNCAC) ค.ศ. ๒๐๐๓ ที่ก�ำหนดให้การแยกเร่ืองส่วนตัวออกจากต�ำแหน่งหน้าท่ีเป็นมาตรฐานความประพฤติ ส�ำหรับเจ้าหน้าทขี่ องรัฐในการปฏบิ ตั งิ านของรัฐแต่ละรฐั และระหว่างรฐั จรรยาบรรณระหว่างประเทศส�ำหรับเจ้าหน้าทข่ี องรัฐ จรรยาบรรณระหว่างประเทศส�ำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ท่ีระบุในภาคผนวกของมติสหประชาชาติ คร้ังท่ี ๕๑/๕๙ เม่อื วนั ที่ ๑๒ ธนั วาคม ๑๙๙๖ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ผลประโยชนข์ ดั กนั และการขาดคณุ สมบตั ิ ๔. เจ้าหน้าท่ีของรัฐไม่พึงใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหน้าท่ีของตนในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือ ผลประโยชนท์ างการเงนิ อนั ไมส่ มควรส�ำหรบั ตนหรอื สมาชกิ ในครอบครวั ไมพ่ งึ ประกอบธรุ กรรมเขา้ รบั ต�ำแหนง่ หรือหน้าที่หรือมีผลประโยชน์ทางการเงิน การค้า หรือผลประโยชน์อ่ืนใดในท�ำนองเดียวกันซึ่งขัดกับต�ำแหน่ง บทบาทหนา้ ท่ี หรอื การปฏิบตั ิในต�ำแหน่ง หรอื บทบาทหนา้ ทนี่ น้ั ๕. เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตามขอบเขตทกี่ �ำหนดโดยต�ำแหนง่ หนา้ ทข่ี องตนภายใตก้ ฎหมายหรอื นโยบายในการ บรหิ าร พงึ แจง้ เกยี่ วกบั ผลประโยชนท์ างธรุ กจิ การคา้ และการเงนิ หรอื กจิ การอนั ท�ำเพอ่ื ผลตอบแทนทางการเงนิ ซงึ่ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลประโยชนข์ ดั กนั ไดใ้ นสถานการณท์ ม่ี โี อกาสจะเกดิ หรอื ทดี่ เู หมอื นวา่ ไดเ้ กดิ กรณผี ลประโยชน์ ขัดกันขึ้นระหว่างหน้าท่ีและผลประโยชน์ส่วนตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นพึงปฏิบัติตาม มาตรการทกี่ �ำหนดไวเ้ พอื่ ลดหรอื ขจัดซึง่ ผลประโยชน์ขดั กนั นั้น ๖. เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่พึงใช้เงิน ทรัพย์สิน บริการ หรือข้อมูลซึ่งได้มาจากการปฏิบัติงาน หรือเป็นผล มาจากการปฏบิ ัตงิ าน เพอ่ื กิจการอ่ืนใดโดยไม่เกีย่ วขอ้ งกับงานในต�ำแหน่งหน้าที่โดยไม่สมควรอยา่ งเด็ดขาด ๗. เจ้าหน้าที่ของรัฐ พึงปฏิบัติมาตรการซึ่งก�ำหนดโดยกฎหมายหรือนโยบายในการบริหาร เพ่ือมิให้ ผลประโยชน์จากต�ำแหน่งหน้าทเ่ี ดมิ ของตนโดยไม่สมควรเมือ่ พ้นจากต�ำแหน่งหนา้ ที่ไปแล้ว การรบั ของขวญั หรือของก�ำนัล ๙. เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ไมพ่ งึ เรยี กรอ้ ง หรอื รบั ของขวญั หรอื ของก�ำนลั อน่ื ไมว่ า่ ทางตรงหรอื ทางออ้ ม ซงึ่ อาจ มีอิทธิพลตอ่ การปฏบิ ตั ิงานตามบทบาท การด�ำเนินงานตามหนา้ ทห่ี รือการวินจิ ฉัยของตน หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ ริต 29

๖. กรณีตัวอย่างระบบคิดเพอื่ แยกแยะระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวม 30 หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสสู่ ังคมทีไ่ มท่ นต่อการทุจริต

หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงสู่สงั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทจุ รติ 31

คิดแบบไหน? ...ไมท่ จุ ริต คิดได้ - คิดกอ่ นท�ำ (ก่อนกระท�ำการทุจรติ ) - คิดถึงผลเสียผลกระทบตอ่ ประเทศชาติ (ความเสียหายทีเ่ กดิ ข้นึ กบั ประเทศในทกุ ๆ ด้าน) - คดิ ถงึ ผไู้ ดร้ ับบทลงโทษจากการทจุ ริต (เอามาเปน็ บทเรยี น) - คิดถงึ ผลเสียผลกระทบท่จี ะเกิดขึ้นกับตนเอง (จะตอ้ งอยู่กับ ความเสี่ยงทีจ่ ะถกู ร้องเรยี น ถกู ลงโทษไล่ออกและตดิ คกุ ) - คดิ ถึงคนรอบขา้ ง (เสอ่ื มเสียตอ่ ครอบครวั และวงศต์ ระกลู ) - คิดอย่างมีสตสิ มั ปชญั ญะ - คิดแบบพอเพยี ง ไมเ่ บียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบยี นผู้อนื่ และ คิดดี ไมเ่ บยี ดเบยี นประเทศชาติ - คิดอย่างรับผดิ ชอบตามบทบาทหน้าท่ี กฎระเบียบ - คดิ ตามคณุ ธรรม ว่า “ท�ำดไี ด้ดี ท�ำชว่ั ไดช้ ่วั ” คดิ เปน็ - คิดแยกเรือ่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมออกจากกนั อยา่ งชดั เจน - คดิ แยกเร่ืองต�ำแหนง่ หน้าท่ี กับ เรอื่ งสว่ นตวั ออกจากกนั - คิดที่จะไมน่ �ำประโยชน์ส่วนตนกบั ประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกนั มากา้ วกา่ ยกนั - คดิ ท่จี ะไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชนส์ ว่ นตน - คิดที่จะไมเ่ อาผลประโยชน์สว่ นรวมมาตอบแทนบุญคุณสว่ นตน - คดิ เหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกวา่ ประโยชน์ส่วนตน เครอื ญาติ และพวกพ้อง - คดิ ฐานสองและท้งิ ฐานสบิ 32 หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงสสู่ ังคมทไี่ มท่ นต่อการทุจริต

บรรณานุกรม ก�ำชยั จงจกั รพนั ธ.์ (ม.ป.ป.). การขดั กนั แหง่ ผลประโยชนแ์ ละมาตรา ๑๐๐ พ.ร.บ. ป.ป.ช.. นนทบรุ :ี ส�ำนกั งาน คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาต.ิ ม.ป.ท.: ม.ป.พ. พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต. สืบค้นเม่ือ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐, จาก https://www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=๓๖ สทุ ธนิ นั ท์ สารมิ าน. (๒๕๕๒). การก�ำหนดต�ำแหนง่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทตี่ อ้ งหา้ มด�ำเนนิ กจิ การอนั เปน็ การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นบคุ คลและประโยชนส์ ว่ นรวม ตามบทบญั ญตั มิ าตรา ๑๐๐ พระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒. (วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญามหาบัณฑติ , ภาควชิ านติ ิศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ). สวุ รรณา ตลุ ยวศนิ พงศ์ และคณะ. (๒๕๔๖). รายงานผลการวจิ ยั เรอ่ื งความขดั แยง้ ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชนส์ ่วนรวม. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น. ส�ำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น. (๒๕๕๘). คมู่ อื แนวทางการสรา้ งมาตรฐานความโปรง่ ใสของสว่ น ราชการ. กรงุ เทพฯ: ส�ำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. ส�ำนกั งานปลดั กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม. (ม.ป.ป.) คมู่ ือการปอ้ งกันผลประโยชนท์ ับซ้อน. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม. ส�ำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์. (๒๕๕๙). คมู่ อื การปอ้ งกันผลประโยชน์ทบั ซอ้ น. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานปลดั กระทรวงพาณชิ ย.์ ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (๒๕๕๙). คมู่ อื การป้องกนั ผลประโยชน์ทับซอ้ น. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงาน ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ . ส�ำนกั งานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรี. (๒๕๖๐). คมู่ ือป้องกันผลประโยชนท์ บั ซอ้ น. กรงุ เทพฯ: ศนู ย์ปฏบิ ตั กิ าร ตอ่ ตา้ นการทุจริต (ศปท.). หนงั สอื ชุดความรูก้ ารเฝ้าระวังการทุจรติ ของหน่วยงานภาครฐั ชดุ ท่ี ๓. (ม.ป.ป). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงสูส่ ังคมที่ไมท่ นต่อการทุจรติ 33

วิชาที่ ๒ ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผ้นู ำ�การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจรติ วชิ าท่ี ๒ : เรือ่ ง ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ จ�ำนวนช่ัวโมง : ๓ ชว่ั โมง เรอ่ื ง : ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต สาระสำ�คญั วิชานเ้ี ป็นการเรยี นรเู้ กี่ยวกับแนวคิดเกยี่ วกบั ความอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ ความเปน็ พลเมอื ง ทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ รติ การแสดงออกถงึ การไมท่ นตอ่ การทจุ รติ กรณศี กึ ษาปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในประเทศและ ต่างประเทศ ท่สี ะท้อนถึงความอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถน�ำไปถา่ ยทอดไดอ้ ย่าง ถูกต้องและน�ำไปปรบั ใช้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับผู้เขา้ รับการฝึกอบรม วัตถุประสงค์ ๑. เพอื่ เสรมิ สร้างความรู้ความเข้าใจ การน�ำไปใช้ การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมินเกี่ยวกบั ความไม่ทนและความอายตอ่ การทจุ ริต ๒. เพอื่ สามารถถา่ ยทอดองคค์ วามรอู้ ยา่ งถกู ตอ้ งในเรอ่ื งความอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ใหผ้ เู้ รยี น น�ำไปปรับใชไ้ ด้อย่างเหมาะสมกับผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรม ขอบเขตเนอ้ื หา ๑. การทุจริต - ความหมาย/รูปแบบการทจุ ริต - สาเหตุการเกิดการทุจรติ - สถานการณ์การทจุ รติ ในประเทศไทย - ผลกระทบจากการทุจรติ ต่อการพฒั นาประเทศ - ทศิ ทางการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ - กรณตี ัวอยา่ งผลทเ่ี กดิ จากการทจุ ริต ๒. ความอายต่อการทจุ ริต - ความเป็นพลเมือง - แนวคดิ เก่ยี วกบั ความอายต่อการทุจริต ๓. ความไมท่ นตอ่ การทจุ ริต แนวคิดเกยี่ วกับความไมท่ นตอ่ การทุจริต ๔. ตวั อยา่ งความอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ การแสดงออกถึงการไมท่ นตอ่ การทุจรติ ๕. ลงโทษทางสงั คม 34 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมที่ไม่ทนต่อการทจุ รติ

๖. ชอ่ งทางและวิธีการร้องเรยี นการทุจรติ ๗. มาตรการคมุ้ ครองช่วยเหลอื พยานและการกนั บุคคลไวเ้ ป็นพยานโดยไมด่ �ำเนินคดี - มาตรการคุ้มครองชว่ ยเหลือพยาน - การกันบุคคลไวเ้ ป็นพยานโดยไมด่ �ำเนินคดี - กฎ ก.พ. ว่าดว้ ยหลกั เกณฑ์และวธิ ีการการใหบ้ �ำเหน็จความชอบ การกันเป็นพยาน การลดโทษ และการให้ความคุม้ ครองพยาน พ.ศ. ๒๕๕๓ วธิ ีการฝกึ อบรม การบรรยาย การคดิ วิเคราะห์กรณีศกึ ษา การท�ำกิจกรรมกลุ่ม การอภิปรายกลมุ่ ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิดโี อ หรือสอื่ อืน่ ๆ ท่เี หมาะสม การวดั และประเมินผล การทดสอบเน้ือหา (๒๐ คะแนน) หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผูน้ �ำ การเปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมทไี่ ม่ทนต่อการทุจรติ 35

เนื้อหาโดยสังเขป หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผู้น�ำการเปลยี่ นแปลงสสู่ ังคมท่ไี ม่ทนตอ่ การทจุ ริต วชิ าท่ี ๒ : เร่อื ง ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต จ�ำนวนช่ัวโมง : ๓ ชั่วโมง รายละเอียดเนอื้ หา ๑. การทจุ ริต ปญั หาการทจุ รติ เป็นปัญหาท่สี �ำคัญทั้งของประเทศไทยและประเทศอ่นื ๆ ทว่ั โลก ปญั หาการทุจริตจะ ท�ำใหเ้ กิดความเส่อื มในด้านตา่ ง ๆ เกิดขึ้น ท้งั สังคม เศรษฐกจิ การเมอื ง และนับวันปญั หาดังกล่าวก็จะรนุ แรง มากขนึ้ และมรี ปู แบบการทจุ รติ ทซ่ี บั ซอ้ น ยากแกก่ ารตรวจสอบมากขน้ึ จากเดมิ ทกี่ ระท�ำเพยี งสองฝา่ ย ปจั จบุ นั การทจุ รติ จะกระท�ำกนั หลายฝา่ ย ทงั้ ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั และเอกชน โดยประกอบดว้ ย สองสว่ นใหญ่ ๆ คอื ผูใ้ หผ้ ลประโยชน์กบั ผู้รบั ผลประโยชน์ ซง่ึ ทั้งสองฝา่ ยนีจ้ ะมผี ลประโยชน์ร่วมกัน ตราบใดที่ ผลประโยชนส์ มเหตสุ มผลตอ่ กนั กจ็ ะน�ำไปสปู่ ญั หาการทจุ รติ ได้ บางครง้ั ผทู้ ร่ี บั ผลประโยชนก์ เ็ ปน็ ผใู้ หป้ ระโยชน์ ได้เช่นกนั โดยผูร้ บั ผลประโยชน์และผูใ้ ห้ผลประโยชน์ คือ ผรู้ บั ผลประโยชน์ จะเปน็ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ซง่ึ มอี �ำนาจหนา้ ทใี่ นการกระท�ำ การด�ำเนนิ การตา่ ง ๆ และรบั ประโยชน์จะเปน็ ไปในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น การจัดซื้อจัดจา้ ง การเรียกรับประโยชนโ์ ดยตรง การก�ำหนดระเบียบ หรือคุณสมบตั ิที่เอ้ือต่อตนเองและพวกพอ้ ง ผ้ใู ห้ผลประโยชน์ เช่น ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ เงนิ สทิ ธิพิเศษอนื่ ๆ เพ่ือจูงใจให้นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ กระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใดอย่างหน่ึงในต�ำแหน่งหน้าท่ี ซ่งึ การกระท�ำดังกล่าวเปน็ การกระท�ำทีฝ่ ่าฝนื ต่อระเบียบหรือผิดกฎหมาย เป็นต้น ๑.๑ ทจุ ริต คอื อะไร ค�ำวา่ ทจุ รติ มกี ารใหค้ วามหมายไดม้ ากมายหลากหลาย ขน้ึ อยกู่ บั วา่ จะมกี ารใหค้ วามหมายดงั กลา่ วไวว้ า่ อย่างไร โดยที่ค�ำวา่ ทจุ รติ นัน้ จะมีการให้ความหมายโดยหน่วยงานของรฐั หรอื การใหค้ วามหมายโดยกฎหมาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการให้ความหมายจากแหล่งใด เนื้อหาส�ำคัญของค�ำว่าทุจริตก็ยังคงมีความหมายที่สอดคล้อง กันอยู่ นน่ั คอื การทจุ รติ เปน็ ส่ิงทไ่ี ม่ดี มีการแสวงหาหรือเอาผลประโยชนข์ องส่วนรวม มาเป็นของส่วนตวั ท้งั ๆ ทตี่ นเองไม่ได้มีสิทธใิ นส่งิ ๆ นนั้ การยึดถือเอามาดงั กล่าวจึงถอื เป็นสิง่ ท่ีผดิ ทง้ั ในแงข่ องกฎหมายและศีลธรรม ในแงข่ องกฎหมายนน้ั ประเทศไทยไดม้ กี ารก�ำหนดถึงความหมายของการทุจริตไว้หลัก ๆ ในกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑) “โดยทุจริต” หมายถึง “เพ่ือแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายส�ำหรบั ตนเองหรอื ผู้อ่ืน” พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔ ค�ำวา่ “ทจุ ริตตอ่ หนา้ ท่”ี หมายถึง “ปฏบิ ัติหรอื ละเว้นการปฏบิ ตั อิ ยา่ งใดในต�ำแหนง่ หรอื หน้าทหี่ รอื 36 หลักสตู รสร้างวิทยากรผูน้ �ำ การเปลีย่ นแปลงสูส่ ังคมที่ไม่ทนตอ่ การทุจริต

ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ ท่ีอาจท�ำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีท้ังท่ีตนมิได้มี ต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีนั้น หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งนี้ เพ่ือแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้โดยชอบ ส�ำหรับตนเองหรือผ้อู ่ืน” นอกจากน้ี ค�ำว่าทุจริต ยังได้มีการบัญญัติให้ความหมายเอาไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยระบุไว้วา่ ทจุ รติ หมายถึง “ความประพฤติชัว่ คดโกง ฉ้อโกง” ในค�ำภาษาอังกฤษ ค�ำวา่ ทุจรติ จะตรงกับค�ำว่า Corruption (คอร์รปั ชัน) โดยในประเทศไทยมักมีการ กล่าวถงึ ค�ำวา่ คอร์รัปชันมากกวา่ การใช้ค�ำว่าทจุ ริต โดยการทจุ ริตนี้สามารถใชไ้ ดก้ ับทุกที่ไมว่ ่าจะเป็นหนว่ ยงาน ราชการ หนว่ ยงานของเอกชน หากเกิดกรณกี ารยดึ เอา ถอื เอาซึง่ ประโยชนส์ ว่ นตนมากกวา่ สว่ นรว่ ม ไมค่ �ำนงึ ถงึ วา่ สง่ิ ๆ นนั้ เปน็ ของตนเอง หรอื เปน็ สทิ ธทิ ต่ี นเองควรจะไดม้ าหรอื ไมแ่ ลว้ นนั้ กจ็ ะเรยี กไดว้ า่ เปน็ การทจุ รติ เชน่ การทุจรติ ในการเบิกจ่ายเงิน ไม่วา่ จะเกิดขนึ้ ในหน่วยงานของรัฐหรือของเอกชน การกระท�ำเชน่ น้ี ก็ถือเปน็ การ ทุจริต อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคอร์รัปชันมิได้เกิดเฉพาะในวงราชการเท่านั้น ดังนั้น ในอีกมุมหน่ึงคอร์รัปชัน จงึ ต้องหมายรวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์ของภาคธุรกจิ เอกชน ในรูปของการใหส้ นิ บนหรือสง่ิ ตอบแทนแก่ นกั การเมอื งหรอื ขา้ ราชการเพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ผลประโยชนท์ ต่ี นเองอยากไดใ้ นรปู แบบของการประมลู การสมั ปทาน เป็นต้น รูปแบบเหล่าน้ีจะสามารถสร้างก�ำไรให้แก่ภาคเอกชนเป็นจ�ำนวนมาก หากภาคเอกชนสามารถเข้ามา ด�ำเนินงานได้ รวมถึงการที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐมีความต้องการทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากส่ิงท่ีได้รับ ตามปกติ เมื่อเหตผุ ลของท้ังสองฝา่ ยสามารถบรรจบหากันได้ การทุจริตกเ็ กดิ ข้นึ ได้ จากนยิ ามของการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ไมเ่ พยี งแตจ่ ะกนิ ความถงึ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในระบบราชการเทา่ นนั้ แต่ยังครอบคลุมไปถงึ เรื่องกิจกรรมทางการเมอื ง เศรษฐกิจและสังคมในภาคเอกชนอกี ด้วย ซึ่งอาจกล่าว ไดว้ า่ การทุจริตคอร์รปั ชัน คอื การทุจริต และ การประพฤติมชิ อบของขา้ ราชการ ดงั นั้น การทจุ รติ คือ การคดโกง ไม่ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ การกระท�ำท่ผี ดิ กฎหมาย เพอื่ ให้เกิดความไดเ้ ปรยี บ ในการแข่งขัน การใช้อ�ำนาจหน้าท่ีในทางที่ผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับสิ่งตอบแทน การให้หรือ การรับสินบน การก�ำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์แกต่ นหรือพวกพอ้ งรวมถงึ การทุจรติ เชิงนโยบาย ๑.๒ รูปแบบการทุจริต รปู แบบการทจุ ริตที่เกดิ ขึน้ สามารถแบ่งได้ ๓ ลักษณะ คือ แบ่งตามผูท้ ีเ่ ก่ียวข้อง แบ่งตามกระบวนการ ท่ใี ช้ และแบ่งตามลักษณะรปู ธรรม ดังน้คี ือ ๑) แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นรูปแบบการทุจริตในเร่ืองของอ�ำนาจและความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ ระหว่างผู้ท่ีให้การอุปถัมภ์ (ผู้ให้การช่วยเหลือ) กับผู้ถูกอุปถัมภ์ (ผู้ท่ีได้รับการช่วยเหลือ) โดยในกระบวนการ การทจุ รติ จะมี ๒ ประเภทคอื (๑) การทุจริตโดยข้าราชการ หมายถึง การกระท�ำที่มีการใช้หน่วยงานราชการเพื่อมุ่งแสวงหา ผลประโยชน์จากการปฏิบัติงานของหน่วยงานน้ัน ๆ มากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคมหรือประเทศ โดยลกั ษณะของการทจุ รติ โดยข้าราชการสามารถแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทย่อย ดังน้ี ก) การคอรร์ ปั ชันตามน�้ำ (corruption without theft) จะปรากฏข้นึ เมอื่ เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ตอ้ งการสนิ บนโดยใหม้ กี ารจา่ ยตามชอ่ งทางปกตขิ องทางราชการ แตใ่ หเ้ พม่ิ สนิ บนรวมเขา้ ไวก้ บั การจา่ ยคา่ บรกิ าร ของหน่วยงานนั้น ๆ โดยที่เงินค่าบริการปกติที่หน่วยงานนั้นจะต้องได้รับก็ยังคงได้รับต่อไป เช่น การจ่ายเงิน หลกั สตู รสร้างวิทยากรผ้นู �ำ การเปลยี่ นแปลงส่สู ังคมทีไ่ ม่ทนตอ่ การทุจริต 37

พเิ ศษให้แกเ่ จ้าหนา้ ท่ีในการออกเอกสารต่าง ๆ นอกเหนอื จากคา่ ธรรมเนยี มปกตทิ ่ีตอ้ งจ่ายอย่แู ล้ว เปน็ ตน้ ข) การคอรร์ ปั ชนั ทวนนำ�้ (corruption with theft) เปน็ การคอรร์ ปั ชนั ในลกั ษณะทเ่ี จ้าหนา้ ที่ ของรฐั จะเรยี กรอ้ งเงนิ จากผขู้ อรบั บรกิ ารโดยตรง โดยทหี่ นว่ ยงานนน้ั ไมไ่ ดม้ กี ารเรยี กเกบ็ เงนิ คา่ บรกิ ารแตอ่ ยา่ งใด เชน่ ในการออกเอกสารของหน่วยงานราชการไมไ่ ดม้ ีการก�ำหนดให้ต้องเสยี คา่ ใช้จา่ ยในการด�ำเนินการ แตก่ รณี นม้ี กี ารเรียกเกบ็ ค่าใชจ้ า่ ยจากผ้ทู ีม่ าใชบ้ รกิ ารของหนว่ ยงานของรฐั (๒) การทุจริตโดยนักการเมือง (political corruption) เป็นการใช้หน่วยงานของทางราชการ โดยบรรดานกั การเมอื งเพอื่ มงุ่ แสวงหาผลประโยชนใ์ นทางการเงนิ มากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นรวมของสงั คมหรอื ประเทศ เชน่ เดยี วกัน โดยรปู แบบหรือวิธกี ารทวั่ ไปจะมลี กั ษณะเชน่ เดียวกบั การทจุ รติ โดยขา้ ราชการ แตจ่ ะเปน็ ในระดบั ท่สี ูงกว่า เช่น การทุจรติ ในการประมลู โครงการกอ่ สรา้ งขนาดใหญ่ และมีการเรยี กรับ หรือยอมจะรบั ทรัพยส์ ิน หรือประโยชนต์ า่ ง ๆ จากภาคเอกชน เป็นตน้ ๒) แบง่ ตามกระบวนการทใี่ ช้ มี ๒ ประเภท คอื (๑) เกดิ จากการใชอ้ �ำนาจในการก�ำหนด กฎ กตกิ าพน้ื ฐาน เช่น การออกกฎหมาย และกฎระเบียบต่าง ๆ เพ่ืออ�ำนวยประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจของตนหรือพวกพ้อง และ (๒) เกิดจากการใช้อ�ำนาจหน้าท่ีเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกฎ และระเบียบที่ด�ำรงอยู่ ซ่ึงมักเกิดจากความ ไม่ชัดเจนของกฎและระเบียบเหล่าน้ันท่ีท�ำให้เจ้าหน้าท่ีสามารถใช้ความคิดเห็นของตนได้ และการใช้ความคิด เห็นนัน้ อาจไม่ถูกต้องหากมีการใชไ้ ปในทางท่ผี ดิ หรือไมย่ ตุ ิธรรมได้ ๓) แบง่ ตามลกั ษณะรปู ธรรม มที ัง้ หมด ๔ รปู แบบคอื (๑) คอร์รัปชันจากการจัดซ้ือจัดหา (Procurement Corruption) เช่น การจัดซ้ือส่ิงของใน หน่วยงาน โดยมกี ารคดิ ราคาเพิ่มหรือลดคณุ สมบัตแิ ต่ก�ำหนดราคาซื้อไว้เทา่ เดิม (๒) คอร์รัปชันจากการให้สัมปทานและสิทธิพิเศษ (Concessionaire Corruption) เช่น การให้ เอกชนรายใดรายหนง่ึ เข้ามามีสิทธใิ นการจัดท�ำสมั ปทานเป็นกรณีพิเศษตา่ งกับเอกชนรายอืน่ (๓) คอร์รปั ชันจากการขายสาธารณสมบตั ิ (Privatization Corruption) เช่น การขายกิจการของ รัฐวิสาหกิจ หรอื การยกเอาที่ดิน ทรพั ย์สินไปเป็นสทิ ธกิ ารครอบครองของตา่ งชาติ เป็นตน้ (๔) คอรร์ ปั ชนั จากการก�ำกบั ดแู ล (Regulatory Corruption) เชน่ การก�ำกบั ดแู ลในหนว่ ยงานแลว้ ท�ำการทจุ รติ ต่าง เปน็ ตน้ นักวิชาการที่ได้ศึกษาเก่ียวกับปัญหาการทุจริต ได้มีการก�ำหนดหรือแบ่งประเภทของการทุจริตเป็น รปู แบบตา่ ง ๆ ไว้ เชน่ การวจิ ยั ของรองศาสตราจารย์ ดร.นวลนอ้ ย ตรรี ตั น์ และคณะ ไดแ้ บง่ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ออกเป็น ๓ รูปแบบ ได้แก่ ๑) การใช้อ�ำนาจในการอนุญาตให้ละเว้นจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐ เพอ่ื ลดตน้ ทุนการท�ำธรุ กิจ ๒) การใช้อ�ำนาจในการจดั สรรผลประโยชน์ในรูปของสิง่ ของ และบริการ หรือสทิ ธิ ให้แก่เอกชน และ ๓) การใช้อ�ำนาจในการสร้างอุปสรรคในการให้บริการแก่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจ เน่ืองจากเงินเดือนและผลตอบแทนในระบบราชการต่ำ� เกนิ ไปจนขาดแรงจงู ใจในการท�ำงาน นอกจากน้ี จากผลการสอบสวนและศกึ ษาเรือ่ งการทจุ รติ ของคณะกรรมการวิสามญั พิจารณาสอบสวน และศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตของวุฒิสภา (วิชา มหาคุณ) มีการแบ่งรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชั่นออกเป็น ๕ ประเภท ได้แก่ 38 หลกั สตู รสร้างวิทยากรผ้นู ำ�การเปลยี่ นแปลงสสู่ ังคมทไี่ มท่ นต่อการทจุ ริต

๑) การทุจริตเชงิ นโยบาย เป็นรปู แบบใหม่ของการทุจริตทแ่ี ยบยล โดยอาศัยรูปแบบของกฎหมายหรอื มตขิ องคณะรฐั มนตรี หรอื มติของคณะกรรมการเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ท�ำให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็น การกระท�ำท่ีถูกต้องชอบธรรม ๒) การทจุ รติ ต่อต�ำแหนง่ หน้าทร่ี าชการ เปน็ การใชอ้ �ำนาจและหนา้ ทใ่ี นความรบั ผดิ ชอบของตนในฐานะเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เออื้ ประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเอง หรอื บคุ คลใดบคุ คลหนง่ึ หรอื กลมุ่ ใดกลมุ่ หนง่ึ ปจั จบุ นั มกั เกดิ จากความรว่ มมอื กนั ระหวา่ งนกั การเมอื ง พอ่ คา้ และ ข้าราชการประจ�ำ ๓) การทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้าง การทจุ รติ ประเภทนจี้ ะพบไดท้ งั้ รปู แบบของการสมยอมราคา ตงั้ แตข่ น้ั ตอนการออกแบบ ก�ำหนดรายละเอยี ด หรือสเป็กงาน ก�ำหนดเง่ือนไข ค�ำนวณราคากลาง ออกประกาศประกวดราคา การขายแบบ การรับและ เปดิ ซอง การประกาศผล การอนมุ ตั ิ การท�ำสญั ญาทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการจดั ซอ้ื จดั จา้ งลว้ นมชี อ่ งโหวใ่ หม้ กี าร ทุจริตกันได้อย่างงา่ ย ๆ นอกจากนี้ ยงั มีการทุจรติ ทีม่ าเหนือเมฆ คือ การอาศยั ความเปน็ หนว่ ยงานราชการด้วย กนั จงึ ได้รับการยกเวน้ และการไม่ถกู เพ่งเล็ง แต่ความจริง ผลประโยชนจ์ ากการรบั งานและเงินท่ไี ดจ้ ากการรับ งานไมไ่ ดน้ �ำสง่ กระทรวงการคลงั แตเ่ ปน็ ผลประโยชนข์ องกลมุ่ บคุ คล ซงึ่ ไมแ่ ตกตา่ งอะไรกบั การจา้ งบรษิ ทั เอกชน ๔) การทจุ ริตในการใหส้ ัมปทาน เปน็ การแสวงหาหรอื เออื้ ประโยชนโ์ ดยมชิ อบจากโครงการหรอื กจิ การของรฐั ซง่ึ รฐั ไดอ้ นญุ าตหรอื มอบให้ เอกชนด�ำเนินการแทนใหล้ ักษณะสมั ปทานผูกขาดในกิจการใดกิจการหนงึ่ เชน่ การท�ำสัญญาสมั ปทานโรงงาน สุรา การท�ำสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม เปน็ ต้น ๕) การทจุ ริตโดยการท�ำลายระบบตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจรฐั เปน็ การพยายามด�ำเนนิ การใหไ้ ดบ้ คุ คลซง่ึ มสี ายสมั พนั ธก์ บั ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื งในอนั ทจ่ี ะเขา้ ไป ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญซ่ึงมีอ�ำนาจหน้าท่ีในการตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐ เช่น คณะ กรรมการการเลือกตงั้ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ เปน็ ตน้ ท�ำใหอ้ งค์กรเหลา่ น้ี มคี วามอ่อนแอ ไม่สามารถตรวจสอบการให้อ�ำนาจรฐั ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ ๑.๓ สาเหตทุ ี่ท�ำให้เกดิ การทุจรติ จากการศกึ ษาวจิ ยั โครงการประเมนิ สถานการณ์ดา้ นการทุจริตในประเทศไทยของเสาวนยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ ได้ระบุ เง่อื นไข/สาเหตทุ ี่ท�ำใหเ้ กดิ การทุจรติ คอร์รปั ชั่นอาจมาจากสาเหตภุ ายในหรือสาเหตุภายนอก ดงั น้ี (๑) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ พฤติกรรมส่วนตัวของข้าราชการบางคนท่ีเป็นคนโลภมาก เห็นแก่ได้ ไมร่ จู้ ักพอ ความเคยชนิ ของขา้ ราชการที่ค้นุ เคยกับการทจ่ี ะได้ “คา่ นำ�้ รอ้ นนำ้� ชา” หรอื “เงนิ ใต้โตะ๊ ” จากผมู้ า ติดตอ่ ราชการ ขาดจิตส�ำนึกเพอื่ ส่วนรวม (๒) ปจั จัยภายนอก ประกอบดว้ ย ๑) ดา้ นเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ รายไดข้ องขา้ ราชการนอ้ ยหรอื ตำ�่ มากไมไ่ ดส้ ดั สว่ นกบั คา่ ครองชพี ทส่ี งู ขนึ้ การเตบิ โตของระบบทนุ นยิ มทเ่ี นน้ การบรโิ ภค สรา้ งนสิ ยั การอยากได้ อยากมี เมอื่ รายไดไ้ มเ่ พยี งพอกต็ อ้ งหาทาง ใชอ้ �ำนาจไปทจุ ริต หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงสสู่ งั คมทีไ่ มท่ นตอ่ การทจุ ริต 39

๒) ด้านสงั คม ไดแ้ ก่ คา่ นิยมของสงั คมท่ยี กยอ่ งคนมีเงิน คนร�ำ่ รวย และไม่สนใจวา่ เงนิ นัน้ ไดม้ า อยา่ งไร เกิดลัทธเิ อาอย่าง อยากได้สงิ่ ท่ีคนรวยมี เมื่อเงินเดือนของตนไม่เพียงพอ ก็หาโดยวิธมี ชิ อบ ๓) ด้านวัฒนธรรม ได้แก่ การนิยมจ่ายเงินของนักธุรกิจให้กับข้าราชการท่ีต้องการความสะดวก รวดเรว็ หรอื การบริการทด่ี กี วา่ ด้วยการลดต้นทุนที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ๔) ด้านการเมือง ไดแ้ ก่ การทุจรติ ของข้าราชการแยกไมอ่ อกจากนักการเมอื ง การรว่ มมอื ของคน สองกลุ่มน้ีเกิดขน้ึ ได้ในประเด็นการใช้จ่ายเงนิ การหารายไดแ้ ละการตดั สินพจิ ารณาโครงการของรัฐ ๕) ดา้ นระบบราชการ ได้แก่ - ความบกพร่องในการบรหิ ารงานเปดิ โอกาสให้เกดิ การทจุ รติ - การใช้ดลุ พนิ จิ มากและการผกู ขาดอ�ำนาจจะท�ำให้อตั ราการทจุ รติ ในหน่วยงานสูง - การทขี่ ้ันตอนของระเบียบราชการมมี ากเกินไป ท�ำให้ผ้ทู ่ีไปตดิ ต่อต้องเสียเวลามาก จงึ เกดิ การสมยอมกนั ระหว่างผูใ้ หก้ บั ผูร้ บั - การตกอยใู่ ตภ้ าวะแวดลอ้ มและอทิ ธพิ ลของผทู้ จุ รติ มที างเปน็ ไปไดท้ ผี่ นู้ นั้ จะท�ำการทจุ รติ ดว้ ย - การรวมอ�ำนาจ ระบบราชการมลี กั ษณะทร่ี วมศนู ย์ ท�ำใหไ้ มม่ รี ะบบตรวจสอบทเี่ ปน็ จรงิ และ มีประสทิ ธิภาพ - ต�ำแหน่งหน้าท่ีในลักษณะอ�ำนวยต่อการกระท�ำผิด เช่น อ�ำนาจในการอนุญาต การอนุมัติ จัดซ้อื จัดจ้าง ผู้ประกอบการเอกชนมักจะยอมเสียเงนิ ติดสนิ บนเจา้ หนา้ ท่เี พอ่ื ให้เกดิ ความสะดวกและรวดเร็ว - การที่ข้าราชการผู้ใหญ่ทุจริตให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วไม่ถูกลงโทษ ข้าราชการช้ันผู้น้อยจึง เลยี นแบบกลายเปน็ ความเคยชนิ และมองไมเ่ หน็ วา่ การกระท�ำเหลา่ นน้ั จะเปน็ การคอรร์ ปั ชน่ั หรอื มคี วามสบั สน ระหว่างสินน้ำ� ใจกบั คอรร์ ัปชั่นแยกออกจากกนั ๖) กฎหมายและระเบยี บ ได้แก่ - กฎหมายหลายฉบับทีใ่ ช้อย่ยู งั มี “ชอ่ งโหว่” ทท่ี �ำใหเ้ กิดการทุจริตทด่ี �ำรงอยู่ได้ - การทุจริตไม่ได้เป็นอาชญากรรมให้คู่กรณีท้ังสองฝ่าย หาพยานหลักฐานได้ยาก ยิ่งกว่าน้ัน คู่กรณีท้ังสองฝ่ายมักไม่ค่อยมีฝ่ายใดยอมเปิดเผยออกมา และถ้าหากมีฝ่ายใดต้องการที่จะเปิดเผยความจริง ในเรื่องน้ี กฎหมายหมนิ่ ประมาทก็ยบั ย้งั เอาไว้ อีกทงั้ กฎหมายของทุกประเทศเอาผิดกบั บุคคลผใู้ ห้สนิ บนเท่า ๆ กับผ้รู ับสินบน จึงไม่ค่อยมผี ้ใู ห้สินบนรายใดกลา้ ด�ำเนินคดกี ับผรู้ ับสนิ บน - ราษฎรท่ีรู้เห็นการทุจริตก็เป็นโจทก์ฟ้องร้องมิได้เน่ืองจากไม่ใช่ผู้เสียหาย ยิ่งกว่าน้ัน กระบวนการพิจารณาพพิ ากษายงั ยุ่งยากซับซ้อนจนกลายเปน็ ผลดแี ก่ผ้ทู ุจรติ - ขน้ั ตอนทางกฎหมายหรอื ระเบียบปฏบิ ตั ิยงุ่ ยาก ซบั ซอ้ น มขี ั้นตอนมาก ท�ำให้เกิดชอ่ งทาง ให้ขา้ ราชการหาประโยชน์ได้ ๗) การตรวจสอบ ไดแ้ ก่ - ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็ง ท�ำให้กระบวนการต่อต้านการทุจริตจากฝ่ายประชาชน ไม่เข้มแขง็ เท่าทีค่ วร - การขาดการควบคมุ ตรวจสอบ ของหนว่ ยงานทม่ี หี นา้ ทตี่ รวจสอบหรอื ก�ำกบั ดแู ลอยา่ งจรงิ จงั 40 หลกั สตู รสร้างวทิ ยากรผูน้ ำ�การเปล่ียนแปลงสู่สงั คมท่ไี มท่ นต่อการทุจริต

๘) สาเหตอุ ื่น ๆ - อิทธิพลของภรรยาหรือผู้หญิง เนื่องจากเป็นผู้ใกล้ชิดสามีอันเป็นตัวการส�ำคัญท่ีสนับสนุน และสง่ เสริมใหส้ ามีของตนท�ำการทจุ รติ เพื่อความเปน็ อยู่ของครอบครวั - การพนนั ท�ำให้ข้าราชการท่เี สียพนันมีแนวโนม้ จะทุจริตมากขน้ึ ๑.๔ ระดบั การทุจริตในประเทศไทย ๑) การทจุ รติ ระดบั ชาติ เปน็ รปู แบบการทจุ รติ ของนกั การเมอื งทใ่ี ชอ้ �ำนาจในการบรหิ ารราชการ รวมถงึ อ�ำนาจนิติบัญญัติ เป็นเคร่ืองมือในการออกกฎหมาย แก้ไขกฎหมาย การออกนโยบายต่าง ๆ โดยการอาศัย ชอ่ งว่างทางกฎหมาย ๒) การทุจริตในระดับท้องถ่ิน การบริหารราชการในรูปแบบท้องถ่ินเป็นการกระจายอ�ำนาจเพื่อให้ บริการตา่ ง ๆ ของรัฐสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้มากขน้ึ แตก่ ารด�ำเนินการในรปู แบบ ของทอ้ งถ่ินก็กอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาการทจุ รติ เป็นจ�ำนวนมาก ผบู้ ริหารทอ้ งถ่นิ จะเปน็ นกั การเมืองทอี่ ย่ใู นท้องถ่นิ นนั้ หรือนกั ธรุ กิจท่ปี รบั บทบาทตนเองมาเปน็ นกั การเมือง และเมอื่ เปน็ นักการเมือง เป็นผบู้ ริหารทอ้ งถ่นิ แลว้ กเ็ ป็น โอกาสในการแสวงหาผลประโยชนส์ �ำหรับตนเองและพวกพอ้ งได้ ระดับการทุจริตในประเทศไทยท่ีแบ่งออกเป็นระดับชาติและระดับท้องถ่ินส่วนใหญ่มักจะมีรูปแบบการ ทุจริตที่คล้ายกัน เช่น การจัดซ้ือจัดจ้าง การประมูล การซื้อขายต�ำแหน่ง โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นที่มีข่าว จ�ำนวนมากเกยี่ วกบั ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ เรยี กรบั ผลประโยชนใ์ นการปรบั เปลย่ี นต�ำแหนง่ หรอื เลอื่ นต�ำแหนง่ เปน็ ตน้ โดยการทุจริตที่เกิดข้ึนอาจจะไม่ใช่การทุจริตที่เป็นตัวเงินให้เห็นได้ชัดเจนเท่าใด แต่จะแฝงตัวอยู่ในรูปแบบ ต่าง ๆ หากไม่พิจารณาให้ดีแลว้ อาจมองได้วา่ การกระท�ำดงั กลา่ วไม่ใชก่ ารทุจรติ แต่แท้จริงแล้วการกระท�ำนัน้ เปน็ การทจุ รติ อยา่ งหนง่ึ และรา้ ยแรงมากพอทจี่ ะสง่ ผลกระทบ และกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ สงั คม ประเทศชาตไิ ด้ เชน่ กนั ตวั อยา่ งเชน่ การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านซงึ่ ผบู้ งั คบั บญั ชาใหค้ ะแนนประเมนิ พเิ ศษแกล่ กู นอ้ งทตี่ นเอง ชอบ ท�ำให้ได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าความเป็นจริงท่ีบุคคลน้ันควรจะได้รับ เป็นต้น การกระท�ำดังกล่าว ถอื เปน็ ความผดิ ทางวนิ ยั ซงึ่ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั จะมบี ทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั ประมวลจรยิ ธรรมขา้ ราชการพลเรอื นใหย้ ดึ ถอื ปฏบิ ัติอยแู่ ล้ว ๑.๕ สถานการณก์ ารทจุ ริตของประเทศไทย การทุจริตที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หากประเทศใดมีการทุจริตน้อยจะส่งผลให้ ประเทศนั้นมีความเป็นอยู่ท่ีดี นักลงทุนมีความต้องการท่ีจะมาลงทุนในประเทศ ซ่ึงหมายถึงเศรษฐกิจของ ประเทศจะสามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเน่ือง แต่หากมีการทุจริตเป็นจ�ำนวนมากนักธุรกิจย่อมไม่กล้าที่จะ ลงทนุ ในประเทศนน้ั ๆ เนื่องจากต้องเสยี คา่ ใช้จ่ายในการท�ำธรุ กิจที่มากกว่าปกติ แตห่ ากสามารถด�ำเนินธุรกิจ ดงั กลา่ วได้ ผลทเี่ กดิ ขนึ้ ยอ่ มตกแกผ่ บู้ รโิ ภคทจ่ี ะตอ้ งซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารทม่ี รี าคาสงู หรอื อกี กรณหี นง่ึ คอื การใช้ สินคา้ และบริการทไ่ี มม่ คี ุณภาพ ดังนนั้ จึงได้มีการวดั และจัดอนั ดบั ประเทศต่าง ๆ เพอื่ บ่งบอกถึงสถานการณ์ การทจุ รติ ซงึ่ การทจุ รติ ทผี่ า่ นมานอกจากจะพบเหน็ ขา่ วการทจุ รติ ดว้ ยตนเอง และผา่ นสอื่ ตา่ ง ๆ แลว้ ยงั มตี วั ชวี้ ดั ที่ส�ำคัญอีกตัวหนึ่งท่ีได้รับการยอมรับ คือ ตัวช้ีวัดขององค์กรเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ไดจ้ ัดอนั ดับดัชนีการรบั รู้การทุจริต ประจ�ำปี ๒๕๖๐ พบวา่ ประเทศไทยได้ ๓๗ คะแนน จากคะแนนเตม็ ๑๐๐ คะแนน อยู่อนั ดบั ที่ ๙๖ จากการจัดอนั ดับท้งั หมด ๑๘๐ ประเทศทว่ั โลก หากเทยี บกับ ปี ๒๕๕๙ ประเทศไทยได้คะแนน ๓๕ คะแนน อยูล่ �ำดับที่ ๑๐๑ เทา่ กบั วา่ ประเทศไทย มคี ะแนนความโปรง่ ใส ดีข้ึน แต่ยังแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีการทุจริตคอร์รัปชันอยู่ในระดับสูงซึ่งสมควรได้รับการแก้ไขอย่าง เรง่ ด่วน โดยคะแนนของประเทศไทยมดี งั ตารางน้ี หลักสตู รสร้างวิทยากรผ้นู ำ�การเปล่ยี นแปลงสสู่ ังคมทีไ่ มท่ นต่อการทจุ รติ 41

ตารางที่ ๑ แสดงคา่ คะแนนดัชนีการรับรูก้ ารทุจรติ ของประเทศไทย ระหวา่ งปี ๒๕๔๗-๒๕๖๐ ปี พ.ศ. คะแนน อันดบั จ�ำนวนประเทศ ๒๕๔๗ ๓.๖๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๖๔ ๑๔๖ ๒๕๔๘ ๓.๘๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๕๙ ๑๕๙ ๒๕๔๙ ๓.๖๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๖๓ ๑๖๓ ๒๕๕๐ ๓.๓๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๔ ๑๗๙ ๒๕๕๑ ๓.๕๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๘๐ ๑๘๐ ๒๕๕๒ ๓.๔๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๘๔ ๑๘๐ ๒๕๕๓ ๓.๕๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๗๘ ๑๗๘ ๒๕๕๔ ๓.๔๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๐ ๑๘๓ ๒๕๕๕ ๓๗ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๘๘ ๑๗๖ ๒๕๕๖ ๓๕ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๑๐๒ ๑๗๗ ๒๕๕๗ ๓๘ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๘๕ ๑๗๕ ๒๕๕๘ ๓๘ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๗๖ ๑๖๘ ๒๕๕๙ ๓๕ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๑๐๑ ๑๗๖ ๒๕๖๐ ๓๗ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๙๖ ๑๘๐ และเมอ่ื จดั อนั ดบั ประเทศในกลมุ่ อาเซยี น จ�ำนวน ๑๐ ประเทศ เพอื่ เปรยี บเทยี บดชั นรี บั รกู้ ารทจุ รติ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเทศสงิ คโปรย์ งั คงอนั ดบั หน่ึงในกลุ่มอาเซียนเชน่ เดียวกับ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามตารางดา้ นลา่ งนี้ ตารางท่ี ๒ แสดงค่าคะแนนดัชนกี ารรับรู้การทจุ ริต ประจ�ำปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ในภมู ภิ าคอาเซยี น อนั ดับประเทศ ประเทศ คะแนนปี ๒๕๖๐ คะแนนปี ๒๕๕๙ คะแนนปี ๒๕๕๘ ในอาเซียน สงิ คโปร์ ๘๔ ๘๔ ๘๕ ๑ บรูไน ๖๒ ๕๘ - ๒ มาเลเซีย ๔๗ ๔๙ ๕๐ ๓ อินโดนเี ซยี ๓๗ ๓๗ ๓๖ ๔ ไทย ๓๗ ๓๕ ๓๘ ๕ เวียดนาม ๓๕ ๓๓ ๓๑ ๖ ฟลิ ิปปนิ ส์ ๓๔ ๓๕ ๓๕ ๗ พมา่ ๓๐ ๒๘ ๒๒ ๘ ลาว ๒๙ ๓๐ ๒๖ ๙ กัมพชู า ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๑๐ 42 หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลยี่ นแปลงสู่สงั คมท่ไี มท่ นตอ่ การทจุ รติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook