Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา

หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา

Published by Dab Techa, 2022-02-17 05:09:34

Description: หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา

Search

Read the Text Version

ในการประเมนิ ดชั นกี ารรบั รกู้ ารทจุ รติ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จะถกู ประเมนิ จากแหลง่ ขอ้ มลู ๙ แหลง่ ครอบคลมุ ด้านต่าง ๆ ท้ังด้านเศรษฐกิจ การเมือง การจัดการของรัฐบาล ความสามารถในการแข่งขันระดับประเทศ ความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การรบั รกู้ ารทจุ รติ ประสทิ ธภิ าพของภาครฐั และภาคเอกชนในการด�ำเนนิ งานและการวดั ดา้ น ความเปน็ ประชาธปิ ไตยของประเทศ โดยวดั จากความคดิ เหน็ ของประชาชนวา่ ประเทศนน้ั มคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตย มากนอ้ ยแคไ่ หน เชน่ การมสี ว่ นรว่ ม ความเปน็ เอกฉนั ท์ การเลอื กตงั้ ความเทา่ เทยี ม ความเปน็ เสรี โดยทงั้ หมดน้ี จะใช้รูปแบบของการสอบถามจากนกั ลงทนุ ชาวต่างชาติที่เขา้ มาท�ำธรุ กิจในประเทศ ๑.๖ ผลกระทบจากการทจุ รติ ตอ่ การพัฒนาประเทศ การทุจริตมีผลกระทบตอ่ การพฒั นาประเทศในทกุ ๆ ดา้ น เปน็ พืน้ ฐานที่ก่อให้เกิดความขัดแยง้ ของคน ในชาติ จากการเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ประชาชนได้รับบริการสาธารณะหรือ สิ่งอ�ำนวยความสะดวกไม่เต็มท่ีอย่างท่ีควรจะเป็น เงินภาษีของประชาชนตกไปอยู่ในกระเป๋าของผู้ทุจริต และ ผลกระทบอ่นื ๆ อกี มากมาย นอกจากน้ีแลว้ หากพจิ ารณาในแง่การลงทุนจากต่างประเทศเพอ่ื ประกอบกจิ การ ตา่ ง ๆ ภายในประเทศ พบวา่ นกั ลงทนุ ตา่ งประเทศจะมองวา่ การทจุ รติ ถอื วา่ เปน็ ตน้ ทนุ อยา่ งหนงึ่ ซงึ่ นกั ลงทนุ จาก ตา่ งประเทศจะใชป้ ระกอบการพิจารณาการลงทนุ ประกอบกบั ปจั จยั ด้านอื่น ๆ ทงั้ นี้ หากตน้ ทนุ ทีต่ ้องเสียจาก การทุจริตมีต้นทุนที่สูง นักลงทุนจากต่างประเทศอาจพิจารณาตัดสินใจการลงทุนไปยังประเทศอื่น ส่งผลให้ การจา้ งงาน การสรา้ งรายไดใ้ หแ้ กป่ ระชาชนลดลง เมอ่ื ประชาชนมรี ายไดล้ ดลงกจ็ ะสง่ ผลตอ่ การจดั เกบ็ ภาษอี ากร ซึ่งเปน็ รายได้ของรฐั ลดลง จงึ สง่ ผลต่อการจดั สรรงบประมาณและการพฒั นาประเทศ มหาวิทยาลยั หอการคา้ ไทยได้ส�ำรวจดชั นีสถานการณ์คอรร์ ัปชันไทยจากกลุ่มตัวอยา่ ง ๒,๔๐๐ ตวั อยา่ ง จากประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการภาคเอกชน และข้าราชการ/ภาครัฐ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ พบว่า หากเปรียบเทียบความรุนแรงของปัญหาการทุจริตในปัจจุบันกับปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ที่ตอบว่ารุนแรงเพ่ิมข้ึนมี ๓๘% รนุ แรงเทา่ เดิม ๓๐% สว่ นสาเหตกุ ารทจุ รติ อนั ดบั หนึ่ง คอื กฎหมายเปดิ โอกาสให้เจ้าหนา้ ที่ใช้ดลุ พินจิ ทีเ่ ออ้ื ต่อการทจุ ริต อันดับสอง ความไมเ่ ขม้ งวดของการบังคับใชก้ ฎหมาย อนั ดบั สาม กระบวนการทางการเมือง ขาดความโปรง่ ใส ตรวจสอบไดย้ ากสว่ นรปู แบบการทจุ รติ ทเ่ี กดิ ขนึ้ บอ่ ยทส่ี ดุ อนั ดบั หนง่ึ คอื การใหส้ นิ บน ของก�ำนลั หรือรางวลั อนั ดับสอง การใชช้ ่องโหว่ทางกฎหมายเพ่ือแสวงหาประโยชน์สว่ นตัว อันดบั สาม การใชต้ �ำแหน่ง ทางการเมอื งเพ่อื เออ้ื ประโยชน์แก่พรรคพวก ส�ำหรับความเสียหายจากการทุจริต โดยการประเมินจากงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๕๙ ที่ ๒.๗๒ ล้านล้านบาท ว่าแม้จะมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่อัตราการจ่ายอยู่ที่เฉล่ีย ๑-๑๕% โดยหากจ่ายที่ ๕% ความเสยี หายจะอยทู่ ี่ ๕๙,๖๑๐ ลา้ นบาท หรอื ๒.๑๙% ของงบประมาณ และมผี ลท�ำใหอ้ ตั ราการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ลดลง ๐.๔๒% แตห่ ากจา่ ยท่ี ๑๕% คดิ เปน็ ความเสยี หาย ๑๗๘,๘๓๐ ลา้ นบาท หรอื ๖.๕๗% ของเงนิ งบประมาณ และมผี ลท�ำใหเ้ ศรษฐกจิ ลดลง ๑.๒๗% โดยการลดการเรยี กเงนิ สนิ บนลงทกุ ๆ ๑% จะท�ำใหม้ ลู คา่ ความเสยี หาย จากการทุจรติ ลดลง ๑๐,๐๐๐ ลา้ นบาท ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทยมีหน่วยงานหลักที่ด�ำเนินการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ คอื ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (ส�ำนกั งาน ป.ป.ช.) นอกจากน้ียังมีหน่วยงานอ่ืนท่ีมีภารกิจในลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. เช่น ส�ำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดิน ส�ำนักงานผตู้ รวจการแผ่นดนิ ส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต ในภาครฐั นอกจากนย้ี งั มหี นว่ ยงานภาคเอกชนทใ่ี หค้ วามรว่ มมอื ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ อกี หลาย หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู งั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจรติ 43

หน่วยงาน และส�ำหรับหน่วยงานภาครัฐในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการ ป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) เพ่ือเปน็ มาตรการ แนวทางการด�ำเนินงาน ทั้งของภาครฐั และภาคเอกชน ๑.๗ ทิศทางการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ประเทศไทยไดม้ คี วามพยายามในการแก้ไขปญั หาการทจุ รติ มาอย่างตอ่ เน่ือง โดยอาศัยความรว่ มมือท้งั หนว่ ยงานของรฐั หนว่ ยงานของเอกชน และภาคประชาชนในการรว่ มมอื ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ รวมถงึ ได้มีการออกกฎหมายลงโทษผู้ท่ีกระท�ำความผิด มีการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อท�ำ หนา้ ทใ่ี นการด�ำเนนิ คดกี บั บคุ คลทท่ี �ำการทจุ รติ นอกจากนย้ี งั ไดม้ กี ารก�ำหนดยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต ซึ่งฉบบั ปัจจุบนั เปน็ ฉบบั ที่ ๓ มีก�ำหนดใชต้ ั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ โดยมีวสิ ยั ทศั น์ วา่ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยท้ังชาตติ ้านทจุ ริต (Zero Tolerance & Clean Thailand) และมีพนั ธกจิ คือ สร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต ยกระดับธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ และ ปฏริ ูปกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตทัง้ ระบบใหม้ ีมาตรฐานสากล โดยมรี ายละเอียด ดังนี้ ยทุ ธศาสตร์ชาตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตร์ชาตฯิ ระยะที่ ๓ ประกอบดว้ ยยุทธศาสตร์ จ�ำนวน ๖ ยทุ ธศาสตร์ เป็นการด�ำเนนิ การปอ้ งกัน และปราบปรามการทุจริตท้ังระบบ ตั้งแต่การป้องกันการทุจริตโดยใช้ประบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ผา่ นกิจกรรมและการเรยี นการสอน รวมถงึ การป้องกนั การทจุ ริตเชิงระบบ นอกจากนรี้ วมไปถงึ การด�ำเนินการ ในส่วนการตรวจสอบทรัพย์สิน ท่ีเป็นการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ ของรัฐว่าจะมีแนวทางในการด�ำเนินงานอย่างไร และด้านการปราบปรามการทุจริตเพ่ือให้การด�ำเนินการด้าน ปราบปรามการทจุ ริตมปี ระสิทธิภาพมากขึน้ ท้ังนี้ เพอื่ เปน็ การยกระดับค่า CPI ให้ได้คะแนน ๕๐ คะแนน ตาม ท่ตี ง้ั เป้าหมายไว้ โดยมรี ายละเอยี ดแตล่ ะยุทธศาสตร์ ดังน้ี ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑ : สร้างสงั คมทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ ริต มีวัตถุประสงค์ในการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยให้มีค่านิยมร่วมต้านทุจริต มีจิตส�ำนึกสาธารณะ และ สามารถแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม และสร้างกระบวนการกลอ่ มเกลาทาง สงั คมในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ อยา่ งเปน็ ระบบ รวมถงึ การบรู ณาการและเสรมิ พลงั การมสี ว่ นรว่ ม ของทกุ ภาคสว่ นในการผลักดันให้เกดิ สงั คมท่ีไม่ทนต่อการทุจรติ ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ : ยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมอื งในการตอ่ ต้านการทจุ รติ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของประชาชนได้รับการปฏิบัติ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และเพ่ือรักษาเจตจ�ำนงทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาการทุจริตให้เป็นส่วนหน่ึง ของนโยบายรัฐบาลในแตล่ ะชว่ ง ยุทธศาสตรท์ ี่ ๓ : สกัดกนั้ การทุจรติ เชิงนโยบาย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กระบวนการนโยบายเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล สามารถกระจายผลประโยชน์ สู่ประชาชนอย่างเป็นธรรม และไม่มีลักษณะของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริต เชิงนโยบายทุกระดับ 44 หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมที่ไม่ทนตอ่ การทจุ รติ

ยุทธศาสตรท์ ี่ ๔ : พัฒนาระบบปอ้ งกนั การทุจรติ เชิงรกุ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการป้องกันการทุจริตให้เท่าทันต่อสถานการณ์การทุจริตพัฒนา กระบวนการท�ำงานด้านการปอ้ งกันการทุจรติ ให้สามารถป้องกนั การทจุ รติ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ เพอ่ื ให้เกิดความ เข้มแข็งในการบูรณาการการท�ำงานระหว่างองค์กรท่ีเก่ียวข้องกับการป้องกันการทุจริต และเป็นการป้องกัน ไมใ่ ห้มีการทจุ รติ เกดิ ขึ้นในอนาคต ยุทธศาสตร์ที่ ๕ : ปฏริ ปู กลไกและกระบวนการปราบปรามการทจุ รติ มีวัตถุประสงค์เพ่ือปรับปรุงและพัฒนากลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริตให้มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเท่าทันต่อพลวัตของการทุจริต การตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมายให้กระบวนการ ปราบปรามการทจุ รติ มปี ระสทิ ธภิ าพ บรู ณาการกระบวนการปราบปรามการทจุ รติ ของหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งทงั้ ระบบ และเพอื่ ใหผ้ ูก้ ระท�ำความผดิ ถูกด�ำเนินคดีและลงโทษอย่างเป็นรปู ธรรมและเท่าทนั ต่อสถานการณ์ ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๖ : ยกระดบั คะแนนดชั นกี ารรับรกู้ ารทจุ ริต มวี ัตถุประสงค์เพ่อื ยกระดับคะแนนดัชนกี ารรบั รกู้ ารทจุ รติ ของประเทศไทยให้มรี ะดับร้อยละ ๕๐ ขนึ้ ไป เปน็ เปา้ หมายทต่ี อ้ งการยกระดบั คะแนนใหม้ คี า่ สงู ขน้ึ หากไดร้ บั คะแนนมากจะหมายถงึ การทปี่ ระเทศนนั้ มกี าร ทจุ ริตนอ้ ย ดังน้ัน ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๖ นี้ จงึ ถอื เป็นเปา้ หมายส�ำคญั ในการท่ีจะต้องมุ่งมั่นในการด�ำเนินการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ๑.๘ กรณตี วั อย่างผลทเ่ี กิดจากการทุจรติ คดที ุจริตจัดซือ้ รถและเรือดบั เพลิงของกรงุ เทพมหานคร แตเ่ ดมิ ภารกจิ ดา้ นการดบั เพลงิ เปน็ ภารกจิ ของต�ำรวจดบั เพลงิ มฐี านะเปน็ กองบงั คบั การต�ำรวจดบั เพลงิ ปฏิบัตงิ านทางด้านป้องกันระงบั อคั คภี ยั และบรรเทาสาธารณภัย จนกระท่ังไดม้ แี นวคดิ ท่จี ะปรับปรงุ โครงสร้าง ของส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ซ่ึงเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ กองบังคับการต�ำรวจดับเพลิง ให้มีขนาดเล็กลง โดยมแี นวคดิ ทจี่ ะโอนภารกจิ ทไ่ี มใ่ ชห่ นา้ ทขี่ องต�ำรวจโดยตรงใหไ้ ปอยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของหนว่ ยงานทมี่ หี นา้ ที่ รบั ผดิ ชอบโดยตรง งานดา้ นดบั เพลงิ และกภู้ ยั ถอื เปน็ ภารกจิ หนง่ึ ทมี่ ใิ ชห่ นา้ ทโ่ี ดยตรงของส�ำนกั งานต�ำรวจแหง่ ชาติ จึงเหน็ ควรทจี่ ะโอนภารกิจดงั กลา่ วให้กรงุ เทพมหานครรบั ไปด�ำเนินการ โดยเมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรี ได้มมี ติใหส้ �ำนักงานต�ำรวจแหง่ ชาติถา่ ยโอนภารกจิ ปอ้ งกันและระงับอัคคภี ัยใหก้ รงุ เทพมหานคร มสี ถานะเป็น ส�ำนัก ชื่อวา่ ส�ำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย คดีทุจริตจัดซ้ือรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร มีผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าท่ีของรัฐและเอกชน โดยเอกชนท่ีเข้ามาท�ำธุรกิจการขายรถและเรอื ดับเพลิง คือ บรษิ ทั ส. โดยเม่ือเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บริษทั สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด ถูกบริษัท General Dynamics Worldwide Holdings, Inc. ของสหรฐั อเมริกาซอื้ กจิ การทง้ั หมด แตย่ งั คงเปน็ บริษัทถูกต้องตามกฎหมายของประเทศออสเตรีย บรษิ ทั สไตเออรเ์ ดมเลอร์พคุ สเปเชยี ลฟาห์รซอยก์ จ�ำกดั ว่าจา้ งบรษิ ทั Somati Vehicle N.V. ของประเทศเบลเยย่ี ม เป็นผู้รับจ้างจัดหา ผลิตและประกอบรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย (ยกเว้นเรือดับเพลิง) ให้กับ กรุงเทพมหานครโดยได้รบั ค่าจ้างผลติ ราว ๒๘ ล้านยูโร หรอื ราว ๑,๔๐๐ ลา้ นบาท บรษิ ทั สไตเออร์ฯ จงึ ไม่ใช่ ผู้ผลิตและประกอบสินค้าเพ่ือเสนอขายโดยตรง แต่เป็นเพียงนายหน้าและบริหารจัดการในการจัดหาสินค้า ให้กับกรงุ เทพมหานครเท่าน้นั หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผ้นู �ำ การเปลีย่ นแปลงสูส่ งั คมท่ไี ม่ทนต่อการทุจรติ 45

ในชว่ งเดอื นมถิ นุ ายน ๒๕๔๖ เอกอคั รราชทตู ออสเตรยี ประจ�ำประเทศไทยไดม้ หี นงั สอื ถงึ รฐั มนตรวี า่ การ กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการขายรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ บริษัท สไตเออร์เดม เลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด โดยเป็นขอ้ เสนอให้ด�ำเนนิ การในลักษณะรัฐตอ่ รัฐ และบรษิ ทั สไตเออร์ฯ ได้เชิญนาย ป. รัฐมนตรีชว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทยดงู านโรงงานผลิตของบริษัท MAN ซง่ึ ผลติ ตวั รถดบั เพลงิ ให้ บรษิ ทั สไตเออรฯ์ ที่ประเทศออสเตรยี และเบลเย่ยี ม และนาย ส. ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร ได้อนุมตั ิ โครงการจัดซ้ือครุภัณฑ์เพ่ือใช้ในกิจการดับเพลิง ตามท่ี พล.ต.ต. อ. ผู้อ�ำนวยการส�ำนักป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยกรุงเทพมหานครเสนอ ได้แก่ รถดับเพลิงชนิดต่าง ๆ และรถบรรทุกน้�ำรวม ๓๑๕ คัน และเรือ ดับเพลงิ ๓๐ ล�ำตลอดจนอปุ กรณส์ าธารณภัยอน่ื ๆ ซ่งึ ตรงกันกบั รายการในใบเสนอราคาของบรษิ ทั สไตเออรฯ์ ผา่ นเอกอคั รราชทตู ออสเตรยี จากนน้ั คณะรฐั มนตรมี มี ตอิ นมุ ตั ใิ นหลกั การโดยมกี ารจดั ท�ำ A.O.U. (Agreement of Understanding) และข้อตกลงซื้อขาย (Purchase/Sale Agreement) โดยทูตพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐ ออสเตรียย่ืนร่าง A.O.U.ให้แก่พล.ต.ต. อ. ซ่ึงน�ำเสนอต่อนาย ส. โดยตรงโดยไม่ผ่านปลัดกรุงเทพมหานคร นายส.ลงนามรบั ทราบบนั ทกึ และเสนอตอ่ นายภ.รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยและหลงั จากทไ่ี ดม้ กี ารลงนาม ร่วมกันคุณหญิง ณ. ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้สง่ รา่ งข้อตกลงซือ้ ขายยานพาหนะและอุปกรณ์ดับเพลิงระหวา่ ง กรงุ เทพมหานครกบั บรษิ ทั สไตเออรฯ์ ใหส้ �ำนกั งานอยั การสงู สดุ ตรวจพจิ ารณาตามขอ้ บญั ญตั กิ รงุ เทพมหานคร เร่อื งการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ และคณะรัฐมนตรีไดม้ ีมตอิ นมุ ัตใิ ห้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ด�ำเนิน การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจดั ซ้อื รถและเรอื ดับเพลิงในวงเงิน ๖,๖๘๗,๔๘๙,๐๐๐ บาท และ อนมุ ตั วิ งเงนิ เพม่ิ เติม เพ่ือเปน็ คา่ ธรรมเนียมในการเปิด Letter of Credit (L/C) อีกจ�ำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรอื ตามจ�ำนวนทจ่ี า่ ยจรงิ รวมทง้ั ใหก้ ระทรวงพาณชิ ยเ์ รง่ รดั ด�ำเนนิ การเกยี่ วกบั การคา้ ตา่ งตอบแทนตามมตคิ ณะ รฐั มนตรเี ม่ือ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ โดยใหเ้ น้นไกต่ ม้ สุกเปน็ สินคา้ ทจ่ี ะด�ำเนินการเปน็ ล�ำดบั แรก ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ไดม้ ีการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นนาย อ. และกอ่ นมอบหมาย งานในหน้าท่ีให้กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ นาย ส. ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนเดิม ไดม้ หี นงั สอื ถงึ ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ขอเปิด L/C วงเงนิ ๑๓๓,๗๔๙,๗๘๐ ยโู รใหก้ ับบริษัท สไตเออร์ฯ โดย กรงุ เทพมหานครช�ำระค่าธรรมเนียม เปน็ เงนิ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐บาท และมอบอ�ำนาจใหพ้ ล.ต.ต. อ. ผอู้ �ำนวยการ ส�ำนักปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครเป็นผู้ด�ำเนนิ การและลงนาม ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนนิ การไตส่ วนการด�ำเนนิ การดงั กลา่ วของกรงุ เทพมหานคร และยนื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง จากการกระท�ำดงั กลา่ วทเี่ กดิ ขน้ึ กอ่ ให้ เกดิ ผลกระทบทเี่ สยี หายและรนุ แรง โดยราคาของรถและเรอื ดบั เพลงิ ทก่ี รงุ เทพมหานครซอื้ มานน้ั มรี าคาทส่ี งู มาก ส่งผลให้รัฐสญู เสียงบประมาณไปอยา่ งน่าเสยี ดาย ซึง่ ความเสยี หายท่ีเกดิ ขึน้ มดี ังนี้ 46 หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมท่ไี มท่ นตอ่ การทุจรติ

ตารางที่ ๓ เปรยี บเทยี บราคาจากการจดั ซ้อื ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๗ กบั กรงุ เทพมหานคร รถดับเพลิง ๔x๔ + สบู น�้ำแบกหาม รายละเอียด ความแตกต่าง โครงประธานรถเคร่ืองยนต์ย่ีห้อมิตซูบิชิ ๒,๕๐๐ ซีซี ๔x๔ กรงุ เทพมหานครซือ้ แพงกวา่ คันละ ๒,๑๕๔,๐๕๐ บาท ประกอบโดย บริษทั กาญจนาอิควปิ เม้นท์ จ�ำกัด รวม ๗๒ คัน เป็นเงนิ แพงกว่า๑๕๔,๘๗๕,๖๐๐ บาท เครอ่ื งดับเพลงิ ชนดิ หาบหามจากญป่ี ุน่ รถดับเพลิง + บันได ๑๓ เมตร รายละเอียด ความแตกตา่ ง โครงประธานรถผลิตภัณฑ์ฟินแลนด์ ซ้อื จาก บริษทั เชส เอ็น กรุงเทพมหานครซ้ือแพงกวา่ คันละ ๑๗,๑๔๓,๒๐๐ บาท เตอร์ไพรส์ (สยาม) จ�ำกัดมาตรฐานใกล้เคียงกันเคร่ืองสูบน้�ำ รวม ๙ คนั เป็นเงินแพงกว่า ๑๕๔,๘๗๕,๖๐๐ บาท สมรรถนะสูงกว่า รถดบั เพลิง ๒,๐๐๐ ลติ ร รายละเอยี ด ความแตกต่าง ซื้อจาก บรษิ ัท ตรีเพชรอซี ูซเุ ซลส์ กรงุ เทพมหานครซือ้ แพงกว่า คันละ ๑๕,๔๕๕,๓๗๐ บาท รวม ๑๔๔ คนั เป็นเงิน แพงกว่า ๒,๒๒๕,๕๗๓,๒๘๐ บาท รถถังนำ�้ ๒๐,๐๐๐ ลติ ร รายละเอยี ด ความแตกต่าง ขนาด ๑๐,๐๐๐ ลิตรซ้ือจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส กรุงเทพมหานครซื้อแพงกวา่ คันละ ๑๕,๑๘๙,๑๐๐ บาท (ประเทศไทย) จ�ำกดั รวม ๗๒ คนั เปน็ เงิน แพงกวา่ ๑,๐๙๓,๖๑๕,๒๐๐ บาท รถไฟฟา้ สอ่ งสว่าง ๓๐ KVA รายละเอียด ความแตกต่าง ซื้อจาก บรษิ ทั มิตซบู ชิ ิ มอเตอรส์ (ประเทศไทย) จ�ำกดั กรุงเทพมหานครซ้ือแพงกวา่ คันละ ๕๖,๕๗๗,๒๕๐ บาท รวม ๗ คนั เป็นเงนิ แพงกว่า๓๙๖,๐๔๐,๗๕๐ บาท ตารางท่ี ๔ เปรียบเทียบขอ้ มลู และราคาเรอื ดับเพลิง ข้อมลู เรือดบั เพลิง บริษัท สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด บริษัท สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด ซ้อื เรือดับเพลงิ จาก บริษทั ซีทโบต๊ จ�ำกัด ผลิตและประกอบ ขายให้ กรงุ เทพมหานคร ราคาล�ำละ ๒๕,๔๖๒,๑๐๐ บาท ท่ีเมืองพัทยา ราคาล�ำละ ๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท จากตารางขา้ งต้น แสดงให้เห็นถงึ ความเสียหายทเี่ กิดข้ึนจากการทุจริต ความเสยี หายท่เี กิดข้ึนนอกจาก จะสามารถแสดงเปน็ ตัวเลขใหไ้ ดเ้ หน็ ว่าสูญเสยี งบประมาณจ�ำนวนเทา่ ไร แต่การสญู เสียดังกลา่ วแทนท่ีรฐั และ ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์จากรถและเรือดับเพลิง ซ่ึงถือเป็นสิ่งจ�ำเป็นที่ช่วยในการป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั โดยเฉพาะอคั คภี ยั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี แตเ่ มอ่ื มกี ารทจุ รติ แลว้ ยงั สง่ ผลใหไ้ มส่ ามารถน�ำรถและเรอื ดบั เพลงิ มาใชง้ านได้ เท่ากับวา่ สญู เสียงบประมาณแล้วยังไมส่ ามารถน�ำสงิ่ เหล่าน้ีมาใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ีก หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผ้นู �ำ การเปลีย่ นแปลงส่สู งั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทจุ รติ 47

๒. ความอายตอ่ การทจุ รติ แนวคิดเกีย่ วกับความอายต่อการทจุ รติ พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของค�ำว่าละอาย หมายถึง การรู้สึกอายที่จะท�ำในสิ่งท่ี ไมถ่ ูก ไมค่ วร เช่น ละอายที่จะท�ำผดิ ละอายใจ ความละอาย เปน็ ความละอายและความเกรงกลวั ตอ่ สง่ิ ทไ่ี ม่ดี ไม่ถกู ต้อง ไม่เหมาะสม เพราะเห็นถงึ โทษ หรือผลกระทบท่ีจะไดร้ ับจากการกระท�ำน้ัน จงึ ไมก่ ล้าทจ่ี ะกระท�ำ ท�ำให้ตนเองไมห่ ลงท�ำในส่ิงท่ีผิด นั่นคอื มคี วามละอายใจ ละอายตอ่ การท�ำผดิ ลกั ษณะของความละอายตอ่ การทุจริต ลักษณะของความละอายสามารถแบ่งได้ ๒ ระดับ คือ ความละอายระดับต้น หมายถึง ความละอาย ไมก่ ลา้ ทจ่ี ะท�ำในสง่ิ ทผ่ี ดิ เนอ่ื งจากกลวั วา่ เมอื่ ตนเองไดท้ �ำลงไปแลว้ จะมคี นรบั รู้ หากถกู จบั ไดจ้ ะไดร้ บั การลงโทษ หรือไดร้ ับความเดอื ดร้อนจากสงิ่ ทต่ี นเองไดท้ �ำลงไป จงึ ไมก่ ล้าทจ่ี ะกระท�ำผดิ และในระดับที่สองเปน็ ระดบั ทส่ี งู คือ แม้ว่าจะไม่มีใครรับรู้หรือเห็นในสิ่งท่ีตนเองได้ท�ำลงไป ก็ไม่กล้าที่จะท�ำผิด เพราะนอกจากตนเองจะได้รับ ผลกระทบแลว้ ครอบครวั สงั คมกจ็ ะไดร้ บั ผลกระทบตามไปดว้ ย ทงั้ ชอื่ เสยี งของตนเองและครอบครวั กจ็ ะเสอ่ื มเสยี บางคร้ังการทุจริตบางเรื่องเป็นส่ิงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การลอกข้อสอบ อาจจะไม่มีใครใส่ใจหรือสังเกตเห็น แต่หากเป็นความละอายขั้นสงู แล้ว บุคคลนั้นก็จะไม่กลา้ ท�ำ ๓. ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ๓.๑ ความเปน็ พลเมือง ค�ำวา่ “พลเมอื ง” มนี กั วิชาการใหค้ วามหมาย สรปุ ได้พอสังเขป พจนานุกรมนกั เรียนฉบับราชบัณฑิตยสถาน ใหค้ วามหมาย “พลเมือง” หมายถงึ ชาวเมอื ง ชาวประเทศ ประชาชน “วถิ ”ี หมายถึง สาย แนว ทาง ถนน และ “ประชาธิปไตย” หมายถึง แบบการปกครองทถี่ อื มติ ปวงชนเปน็ ใหญ่ ดังน้นั ค�ำว่า “พลเมืองดใี นวิถีประชาธิปไตย” จงึ หมายถงึ พลเมอื งทีม่ ีคณุ ลักษณะทส่ี �ำคญั คือ เป็นผูท้ ่ียึดม่ันในหลักศลี ธรรมและคุณธรรมของศาสนา มีหลักการทางประชาธิปไตยในการด�ำรงชวี ิตปฏบิ ัติตน ตามกฎหมายด�ำรงตนเปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม โดยมกี ารชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั อนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาสงั คมและ ประเทศชาติ ใหเ้ ปน็ สังคมและประเทศประชาธปิ ไตยอย่างแท้จรงิ วราภรณ์ สามโกเศศ อธบิ ายวา่ ความเปน็ พลเมอื ง หมายถงึ การเปน็ คนทรี่ บั ผดิ ชอบไดด้ ว้ ยตนเองมคี วาม ส�ำนึกในสนั ติวธิ ี มีการยอมรบั ความคดิ เห็นของผ้อู ่ืน ปรญิ ญา เทวานฤมิตรกุล กล่าววา่ ความเปน็ พลเมืองของระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การทสี่ มาชกิ มอี สิ รภาพ ควบคู่กบั ความรับผดิ ชอบ และมอี ิสรเสรีภาพควบคกู่ ับ “หน้าที่ ” จากความหมายของนักวชิ าตา่ ง ๆ พอสรปุ ไดว้ า่ “พลเมอื ง” หมายถึง ประชาชนท่นี อกจากเสยี ภาษีและ ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ยังต้องมีบทบาทในทางการเมือง คือ อย่างน้อยมีสิทธิไปเลือกตั้ง แต่ยิ่งไป กวา่ นัน้ คือ มีสทิ ธิในการแสดงความคดิ เห็นตา่ ง ๆ ตอ่ ทางการหรือรฐั ได้ ท้งั ยงั มสี ิทธเิ ข้ารว่ มในกิจกรรมต่าง ๆ กบั รฐั และอาจเปน็ ฝา่ ยรกุ เพอ่ื เรยี กรอ้ งกฎหมาย นโยบายและกจิ กรรมของรฐั ตามทเี่ หน็ พอ้ ง พลเมอื งนนั้ จะเปน็ คนท่ีรู้สกึ เปน็ เจ้าของในส่งิ สาธารณะ มคี วามกระตือรอื ร้นอยากมสี ว่ นรว่ ม เอาใจใสก่ ารท�ำงานของรัฐ และเปน็ ประชาชนที่สามารถแก้ไขปัญหาสว่ นรวมไดใ้ นระดับหนง่ึ โดยไมต่ ้องรอให้รฐั มาแก้ไขใหเ้ ท่าน้นั 48 หลกั สตู รสร้างวิทยากรผ้นู �ำ การเปล่ยี นแปลงสสู่ ังคมที่ไม่ทนต่อการทจุ ริต

๓.๒ แนวคดิ เกยี่ วกบั ความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ พจนานุกรมราชบณั ฑติ ยสถาน ใหค้ วามหมายของค�ำว่า “ทน” หมายถงึ การอดกลั้นได้ ทานอยู่ได้ เชน่ ทนดา่ ทนทุกข์ ทนหนาว ไมแ่ ตกหักหรอื บุบสลายงา่ ย ความอดทน คอื การรจู้ กั รอคอยและคาดหวงั เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความมนั่ คง แนว่ แนต่ อ่ สง่ิ ทรี่ อคอย หรอื สิ่งท่ีจงู ใจใหก้ ระท�ำในสิง่ ทไ่ี ม่ดี ไมท่ น หมายถึง ไมอ่ ดกล้นั ไมอ่ ดทน ไม่ยอม ดงั นน้ั ความไมท่ น หมายถงึ การแสดงออกตอ่ การกระท�ำทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ตนเอง บคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งหรอื สงั คม ในลักษณะทไี่ ม่ยินยอม ไม่ยอมรบั ในสิ่งท่ีเกิดขน้ึ ความไมท่ นสามารถแสดงออกไดห้ ลายลักษณะ ทงั้ ในรปู แบบ ของกรยิ าทา่ ทางหรือค�ำพดู ความไมท่ นต่อการทุจรติ หรอื การกระท�ำท่ไี มถ่ ูกต้อง ต้องมกี ารแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขนึ้ เชน่ การแซงควิ เพอ่ื ซื้อของ การแซงควิ เปน็ การกระท�ำทไ่ี ม่ถกู ต้อง ผ้ถู ูกแซงคิวจึงต้องแสดงออกให้ผ้ทู แี่ ซงคิวรับรวู้ า่ ตนเองไม่พอใจ โดยแสดงกิริยาหรือบอกกล่าวให้ทราบ เพื่อให้ผู้ท่ีแซงคิวยอมท่ีจะต่อท้ายแถว กรณีน้ีแสดงให้ เหน็ วา่ ผทู้ ถี่ กู แซงควิ ไมท่ นตอ่ การกระท�ำทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง และหากผทู้ แ่ี ซงควิ ไปตอ่ แถวกจ็ ะแสดงใหเ้ หน็ วา่ บคุ คลนนั้ มคี วามละอายต่อการกระท�ำทีไ่ มถ่ กู ตอ้ ง เปน็ ต้น ความไมท่ นต่อการทจุ รติ บคุ คลจะมีความไมท่ นตอ่ การทุจริตมาก-น้อย เพียงใด ขน้ึ อยกู่ บั จติ ส�ำนกึ ของ แตล่ ะบคุ คลและผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการกระท�ำนนั้ ๆ แลว้ มพี ฤตกิ รรมทแ่ี สดงออกมา ซงึ่ การแสดงกรยิ าหรอื การกระท�ำจะมหี ลายระดบั เชน่ การวา่ กลา่ วตกั เตอื น การประกาศใหส้ าธารณชนรบั รู้ การแจง้ เบาะแส การรอ้ งทกุ ข์ กล่าวโทษ การชุมนุมประท้วงซ่ึงเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่รุนแรงท่ีสุด เนื่องจากมีการรวมตัวของคนจ�ำนวนมาก และสร้างความเสยี หายอย่างมากเชน่ กัน ความไม่ทนของบุคคลต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวท่ีส่งผลในทางไม่ดีต่อตนเองโดยตรง สามารถพบเห็นได้ง่าย ซึ่งปกติแล้วทุกคนมักจะไม่ทนต่อสภาวะ สภาพแวดล้อมที่ไม่ดีและส่งผลกระทบต่อตนเองแล้ว มักจะแสดง ปฏกิ ริ ยิ าออกมา แตก่ ารทบี่ คุ คลจะไมท่ นตอ่ การทจุ รติ และแสดงปฏกิ ริ ยิ าออกมานนั้ อาจเปน็ เรอ่ื งยาก เนอ่ื งจาก ปัจจุบันสังคมไทยมีแนวโน้มยอมรับการทุจริต เพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์หรือให้งานสามารถด�ำเนินต่อไปสู่ ความส�ำเรจ็ ซง่ึ การยอมรบั การทจุ รติ ในสงั คมไมเ่ วน้ แมแ้ ตเ่ ดก็ และเยาวชน มองวา่ การทจุ รติ เปน็ เรอ่ื งไกลตวั และ ไม่มผี ลกระทบกบั ตนเองโดยตรง ๓.๓ ลกั ษณะของความไม่ทนต่อการทจุ ริต ความไม่ทนต่อการทุจริต จากความหมายท่ีได้กล่าวมาแล้ว คือ เป็นการแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง เกดิ ขน้ึ เพอ่ื ใหร้ บั รวู้ า่ จะไมท่ นตอ่ บคุ คลหรอื การกระท�ำใด ๆ ทท่ี �ำใหเ้ กดิ การทจุ รติ ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ สามารถ แบ่งระดบั ตา่ ง ๆ ไดม้ ากกวา่ ความละอาย ใช้เกณฑค์ วามรุนแรงในการแบง่ แยก เชน่ หากเพอ่ื นลอกขอ้ สอบเรา และเราเห็นซ่ึงเราจะไม่ยินยอมให้เพ่ือนทุจริตในการลอกข้อสอบ เราก็ใช้มือหรือกระดาษมาบังส่วนท่ีเป็น ค�ำตอบไว้ เชน่ นี้กเ็ ป็นการแสดงออกถงึ การไมท่ นต่อการทจุ รติ นอกจากการแสดงออกด้วยวิธีดงั กลา่ วที่ถือเปน็ การแสดงออกทางกายแลว้ การวา่ กลา่ วตกั เตอื นตอ่ บคุ คลทท่ี จุ รติ การประณาม การประจาน การชมุ นมุ ประทว้ ง ถอื วา่ เปน็ การแสดงออกซง่ึ การไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทง้ั สนิ้ แตจ่ ะแตกตา่ งกนั ไปตามระดบั ของการทจุ รติ ความตน่ื ตวั ของประชาชน และผลกระทบท่ีเกดิ ข้ึนจากการทุจรติ โดยท้ายบทนไี้ ด้ยกตวั อยา่ งกรณศี กึ ษาที่มีสาเหตมุ าจาก การทจุ รติ ท�ำให้ประชาชนไมพ่ อใจและรวมตวั ต่อตา้ น หลกั สูตรสร้างวิทยากรผูน้ ำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมทีไ่ มท่ นต่อการทุจรติ 49

ความจ�ำเป็นของการที่ไม่ทนต่อการทุจริตถือเป็นสิ่งส�ำคัญ เพราะการทุจริตไม่ว่าระดับเล็กหรือใหญ่ ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ สงั คม ประเทศชาติ ดงั เชน่ ตวั อยา่ งคดรี ถและเรอื ดบั เพลงิ ของกรงุ เทพมหานคร ผลของ การทจุ รติ สรา้ งความเสยี หายไวอ้ ยา่ งมาก รถและเรอื ดบั เพลงิ กไ็ มส่ ามารถน�ำมาใชไ้ ด้ รฐั ตอ้ งสญู เสยี งบประมาณ ไปโดยเปล่าประโยชน์ และประชาชนเองก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน หากเกิดเพลิงไหม้พร้อมกันหลายแห่ง รถ เรอื และอปุ กรณด์ บั เพลงิ จะไมม่ ไี มเ่ พยี งพอทจี่ ะดบั ไฟไดท้ นั เวลา เพยี งแคค่ ดิ จากมลู คา่ ความเสยี หายทรี่ ฐั สญู เสยี งบประมาณไปยงั ไมไ่ ดค้ ดิ ถงึ ความเสยี หายทเี่ กดิ จากความเดอื ดรอ้ นหากเกดิ เพลงไหมแ้ ลว้ ถอื เปน็ ความเสยี หาย ทสี่ งู มาก ดงั นนั้ หากยงั มกี ารปลอ่ ยใหม้ กี ารทจุ รติ ยนิ ยอมใหม้ กี ารทจุ รติ โดยเหน็ วา่ เปน็ เรอื่ งของคนอน่ื เปน็ เรอ่ื ง ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองแล้ว สุดท้ายความสูญเสียท่ีจะได้รับตนเองก็ยังคงท่ีจะได้รับผลนั้นอยู่ แม้ไมใ่ ช่ทางตรงก็เป็นทางออ้ ม ๔. ตวั อย่างความอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ การทุจริตมผี ลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ท�ำให้เกิดความเสียหายอยา่ งมากในด้านต่าง ๆ หากน�ำเอา เงนิ ทท่ี จุ รติ มาพฒั นาในสว่ นอน่ื ความเจรญิ หรอื การไดร้ บั โอกาสของผทู้ ดี่ อ้ ยโอกาสกจ็ ะมมี ากขน้ึ ความเหลอื่ มลำ�้ ทางด้านโอกาส ทางด้านสังคม ทางด้านการศึกษา ฯลฯ ของประชาชนในประเทศก็จะลดน้อยลง ดังท่ีเห็น ในปัจจุบนั ว่าความเจรญิ ตา่ ง ๆ มักอยู่กบั คนในเมืองมากกว่าชนบท ท้งั ๆ ท่ีคนชนบทก็คือประชาชนสว่ นหนึ่งของ ประเทศ แตเ่ พราะอะไรท�ำไมประชาชนเหลา่ นน้ั ถงึ ไมไ่ ดร้ บั โอกาสใหท้ ดั เทยี มหรอื ใกลเ้ คยี งกบั คนในเมอื ง ปจั จยั หน่ึงคือการทุจริต สาเหตุการเกิดทุจริตมีหลายประการตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่ท�ำอย่างไรถึงท�ำให้มีการ ทจุ รติ ไดม้ าก อยา่ งหนงึ่ คอื การลงทนุ เมอ่ื มกี ารลงทนุ กย็ อ่ มมงี บประมาณ เมอื่ มงี บประมาณกเ็ ปน็ สาเหตใุ หบ้ คุ คล ทค่ี ดิ จะทจุ รติ สามารถหาชอ่ งทางดงั กลา่ วในทางทจุ รติ ได้ แมว้ า่ ประเทศไทยจะมกี ฎหมายหลายฉบบั เพอ่ื ปอ้ งกนั การทจุ รติ ปราบปรามการทจุ รติ แตน่ น่ั กค็ อื ตวั หนงั สอื ทไ่ี ดเ้ ขยี นเอาไว้ แตก่ ารบงั คบั ใชย้ งั ไมจ่ รงิ จงั เทา่ ทค่ี วร และ ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ หากประชาชนเหน็ วา่ เรอื่ งดงั กลา่ วไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ตนเองกม็ กั จะไมอ่ ยากเขา้ ไปเกย่ี วขอ้ ง เนอื่ งจาก ตนเองกไ็ มไ่ ดร้ บั ผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ แตก่ ารคดิ ดงั กลา่ วเปน็ สง่ิ ทผี่ ดิ เนอื่ งจากวา่ ตนเองอาจจะไมไ่ ดร้ บั ผลกระทบ โดยตรงต่อการท่ีมีคนทุจรติ แต่โดยอ้อมแล้วถอื ว่าใช่ เช่น เมือ่ มกี ารทุจรติ มาก งบประมาณของประเทศทจี่ ะใช้ พัฒนาหรอื ลงทุนก็นอ้ ย อาจสง่ ผลใหป้ ระเทศไมส่ ามารถจา้ งแรงงานหรือลงทนุ ได้ ความเสียหายท่เี กดิ จากการทจุ รติ หากเป็นการทุจรติ ในโครงการใหญ่ ๆ แลว้ ปรมิ าณเงนิ ทท่ี จุ รติ ยอ่ มมี มาก ความเสียหายก็ย่อมมีมากตามไปด้วย โดยในบทน้ีได้ยกกรณีตัวอย่างที่เกิดข้ึนจากการทุจริตไว้ในท้ายบท ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเสียหายที่เกิดข้ึนน้ันมีมูลค่ามากมาย และน้ีเป็นเพียงโครงการเดียวเท่าน้ัน หากรวมเอา การทจุ รติ หลาย ๆ โครงการ หลาย ๆ กรณเี ขา้ ด้วยกัน จะพบว่าความเสียหายที่เกิดขนึ้ มาน้นั มากมายมหาศาล ดังน้ัน เม่ือเป็นเช่นนี้แล้ว ประชาชนจะต้องมีความต่ืนตัวในการที่จะร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม การทุจริต การร่วมมือกันในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ สถานการณ์ที่อาจเกิดการทุจริตได้ เม่ือประชาชนรวมถึง ภาคเอกชน ภาคธรุ กจิ มคี วามตน่ื ตวั ทจี่ ะรว่ มมอื กนั ในการแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ ว ปญั หาการทจุ รติ จะถอื เปน็ ปญั หา เพียงเล็กน้อยของประเทศไทย เพราะไม่ว่าจะท�ำอย่างไรก็จะมีการสอดส่อง ติดตาม เฝ้าระวังเร่ืองการทุจริต อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแล้วส่ิงส�ำคัญสิ่งแรกท่ีจะต้องสร้างให้เกิดขึ้น คือ ความตระหนักรู้ถึงผลเสียท่ีเกิดข้ึนจาก การทจุ รติ สรา้ งให้เกิดความตื่นตวั ตอ่ การปราบปราบการทจุ ริต การไม่ทนตอ่ การทจุ ริต ใหเ้ กดิ ขึ้นในสังคมไทย 50 หลักสตู รสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปล่ยี นแปลงสสู่ งั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทุจรติ

เม่ือประชาชนในประเทศมีความตืน่ ตวั ทวี่ า่ “ไมท่ นตอ่ การทจุ ริต” แล้ว จะท�ำให้เกดิ กระแสการตอ่ ตา้ น ต่อการกระท�ำทุจริต และคนท่ีท�ำทุจริตก็จะเกิดความละอายไม่กล้าที่จะท�ำทุจริตต่อไป เช่น หากพบเห็นว่ามี การทุจริตเกิดขึ้นอาจมีการบันทึกเหตุการณ์หรือลักษณะการกระท�ำ แล้วแจ้งข้อมูลเหล่าน้ันไปยังหน่วยงาน หรอื สอ่ื มวลชนเพอื่ รว่ มกนั ตรวจสอบการกระท�ำทเ่ี กดิ ขนึ้ และยงิ่ ในปจั จบุ นั เปน็ สงั คมสมยั ใหม่ และก�ำลงั เดนิ หนา้ ประเทศไทยก้าวสยู่ ุคไทยแลนด์ ๔.๐ แตก่ ารจะเป็น ๔.๐ ให้สมบรู ณ์แบบไดน้ ัน้ ปญั หาการทจุ ริตจะต้องลดนอ้ ย ลงไปด้วย เม่ือประชาชนมีความต่ืนตัวต่อการที่ไม่ทนต่อการทุจริตแล้ว ผลที่เกิดข้ึนจะเป็นอย่างไร ตัวอย่าง ทจี่ ะน�ำมากลา่ วถงึ ตอ่ ไปนเี้ ปน็ กรณที เ่ี กดิ ขนึ้ ในตา่ งประเทศ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทปี่ ระชาชน ไดล้ กุ ข้ึนมาต่อสู้ ต่อตา้ นต่อนกั การเมอื งทที่ �ำทุจริต จนน�ำในท่สี ดุ นักการเมอื งเหล่านน้ั หมดอ�ำนาจทางการเมอื ง และได้รับบทลงโทษทง้ั ทางสังคมและทางกฎหมาย ดงั นี้ ๑. ประเทศเกาหลใี ต้ เกาหลใี ตถ้ อื เปน็ ประเทศหนง่ึ ทป่ี ระสบความส�ำเรจ็ ในดา้ นของการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจรติ แต่ก็ยงั คงมปี ญั หาการทจุ ริตเกิดขึ้นอยบู่ ้าง เช่น เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีข่าวกรณขี องประธานาธบิ ดีถกู ปลดออกจากต�ำแหน่งเพราะเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องในการ เอ้ือประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยการถูกกล่าวหาว่าให้เพื่อน สนิทของครอบครัวเข้ามาแทรกแซงการบริหารประเทศ รวมถึงใช้ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีแสวงหา ประโยชน์ส่วนตัว ผลท่ีเกิดขึ้นคือถูกด�ำเนินคดีและต้ัง ขอ้ หาว่าพวั พันการทจุ รติ และใชอ้ �ำนาจหน้าที่ในทางมชิ อบเพอ่ื เอื้อผล ประโยชนใ์ ห้แกพ่ วกพ้อง กรณีทเ่ี กิดขึน้ นี้ ประชาชนเกาหลีใต้ได้มีการรวมตัวกันประท้วงกว่าพันคนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีคนดังกล่าวลาออกจาก ต�ำแหน่งหลงั มเี หตอุ ื้อฉาวทางการเมอื ง อีกกรณีที่จะกล่าวถึงเพ่ือเป็นตัวอย่างการต่อต้าน การกระท�ำที่ไม่ถกู ต้อง คือ การที่นักศึกษาคนหนึง่ ได้เข้าเรียน ในมหาวิทยาลัยท้ังที่ผลคะแนนท่ีเรียนมาน้ันไม่ได้สูง และ การท่ีคุณสมบัติของนักศึกษาดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่ตรงกับ การคัดเลือกโควตานักกีฬาท่ีก�ำหนดไว้ว่าจะต้องผ่านการ แข่งขันประเภทเดี่ยว แต่นักศึกษาคนดังกล่าวผ่านการแข่งขัน ประเภททมี เท่ากับว่าคุณสมบัตไิ ม่ถกู ตอ้ งแต่ได้รับเข้าเรียนใน มหาวิทยาลัยดังกล่าว การกระท�ำเช่นน้ีจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของ การน�ำไปสกู่ ารประท้วง ตอ่ ต้านจากนกั ศกึ ษาและอาจารย์ของ มหาวิทยาลัยดังกล่าว ซ่ึงทางมหาวิทยาลัยก็ไม่สามารถให้ ค�ำตอบทช่ี ัดเจนแกก่ ล่มุ ผู้ประท้วงได้ จนในท่ีสุด ประธานของมหาวิทยาลัยดังกล่าวจึง ลาออกจากต�ำแหนง่ หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผ้นู �ำ การเปล่ียนแปลงสสู่ ังคมที่ไมท่ นต่อการทจุ ริต 51

๒. ประเทศบราซิล ปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประชาชนในประเทศบราซิลได้มีการชุมนุมประท้วงการ ทุจริตที่เกิดข้ึน เป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อ วฒั นธรรม การโกงของระบบราชการของประเทศ โดยมี ประชาชนจ�ำนวนหลายหมนื่ คนเขา้ รว่ มการชมุ นมุ ในครง้ั นี้ และมกี ารแสดงภาพหนเู พอื่ เปน็ สญั ลกั ษณใ์ นการประณาม ต่อนักการเมืองท่ีทุจริต การประท้วงดังกล่าวยังถือว่ามี ขนาดเลก็ กวา่ ครง้ั กอ่ น เพราะทผี่ า่ นมาไดม้ กี ารทจุ รติ เกดิ ขนึ้ และมีการประท้วง จนในที่สุดประธานาธิบดีได้ถูกปลด จากต�ำแหนง่ เนอื่ งจากการกระท�ำทลี่ ะเมดิ ตอ่ กฎระเบยี บ เร่ืองงบประมาณ จากตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความต่ืนตัวของประชาชนที่ออกมาต่อต้านต่อการทุจริต ไม่ว่าจะ เป็นการทจุ รติ ในระดับหน่วยเลก็ ๆ หรอื ระดับประเทศ เป็นการแสดงออกซึง่ การไม่ทนต่อการทุจรติ การไม่ทน ต่อการทุจริตสามารถแสดงออกมาได้หลายระดับต้ังแต่การเห็นคนท่ีท�ำทุจริตแล้วตนเองรู้สึกไม่พอใจ มีการส่ง เรอื่ งตรวจสอบ รอ้ งเรยี น และในทสี่ ดุ คอื การชมุ นมุ ประทว้ ง ตามตวั อยา่ งทไ่ี ดน้ �ำมาแสดงใหเ้ หน็ ขา้ งตน้ ตราบใด ที่สามารถสร้างให้สังคมไม่ทนต่อการทุจริตได้ เม่ือน้ันปัญหาการทุจริตก็จะลดน้อยลง แต่หากจะให้เกิดผลดี ยง่ิ ข้นึ จะตอ้ งสร้างใหเ้ กดิ ความละอายตอ่ การทจุ รติ ไม่กล้าทีจ่ ะท�ำทจุ ริต โดยน�ำเอาหลกั ธรรมทางศาสนามาเป็น เครื่องมือในการส่ังสอน อบรม ในขณะเดียวกันหากมีการทุจริตเกิดขึ้นกระบวนการในการแสดงออกต่อการ ไมท่ นต่อการทุจรติ จะต้องเกดิ ข้ึน และมกี ารเปิดเผยช่อื บคุ คลทีท่ จุ รติ ให้กบั สาธารณะชนไดร้ ับทราบอยา่ งท่ัวถงึ เม่ือสังคมมีทั้งกระบวนการในการป้องกันการทุจริต การปราบปรามการทุจริตที่ดี รวมถึงการสร้างให้สังคม เป็นสังคมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทุจริต มคี วามละอายต่อการท�ำทจุ ริตแล้ว ปญั หาการทจุ ริตจะลดนอ้ ยลง ประเทศชาติ จะสามารถพฒั นาได้มากขึ้น ส�ำหรบั ระดบั การทจุ รติ ทเี่ กดิ ขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ ในระดบั ใดลว้ นแลว้ แตส่ ง่ ผลกระทบตอ่ สงั คมและประเทศชาติ ทัง้ ส้ิน บางครงั้ การทุจรติ เพียงนดิ เดยี วอาจน�ำไปสูก่ ารทจุ รติ อย่างอ่นื ทมี่ ากกวา่ เดมิ ได้ การมีวฒั นธรรม คา่ นยิ ม หรือความเชอื่ ทไ่ี ม่ถูกต้องก็สง่ ผลให้เกดิ การทุจริตไดเ้ ช่นกนั เชน่ การมอบเงินอดุ หนุนแก่สถานศกึ ษาเพอ่ื ให้บตุ ร ของตนได้เข้าศึกษาในสถานที่แห่งน้ัน หากพิจารณาแล้วอาจพบว่าเป็นการช่วยเหลือสถานศึกษาเพ่ือที่สถาน ศกึ ษาแหง่ นนั้ จะไดน้ �ำเงนิ ทไี่ ดไ้ ปพฒั นาสภาพแวดลอ้ ม การเรยี นการสอนของทางสถานศกึ ษาตอ่ ไป แตก่ ารกระท�ำ ดงั กล่าวน้ีไม่ถกู ต้อง เป็นการปลกู ฝงั สง่ิ ท่ไี ม่ดีใหเ้ กิดขน้ึ ในสงั คม และตอ่ ไปหากกระท�ำเช่นนี้เรื่อย ๆ จะมองว่า เปน็ เรอ่ื งปกตทิ ที่ กุ คนท�ำกนั ไมม่ คี วามผดิ แตอ่ ยา่ งใด จนท�ำใหแ้ บบแผนหรอื พฤตกิ รรมทางสงั คมทด่ี ถี กู กลนื หาย ไปกบั การกระท�ำท่ีไม่เหมาะสมเหลา่ น้ี ตัวอย่างการมอบเงินอุดหนุนแก่สถานศึกษายังคงเกดิ ขึน้ ในประเทศไทย อยา่ งต่อเน่อื ง โดยเฉพาะในสถานศกึ ษาทมี่ ีชอื่ เสยี งซงึ่ หลายคนอยากใหบ้ ุตรของตนเขา้ ศกึ ษาในสถานท่ีแหง่ นน้ั แตด่ ว้ ยขอ้ จ�ำกดั ทไี่ มส่ ามารถรบั นกั เรยี น นกั ศกึ ษาไดท้ งั้ หมด จงึ ท�ำใหผ้ ปู้ กครองบางคนตอ้ งใหเ้ งนิ กบั สถานศกึ ษา เพ่อื ใหบ้ ตุ รของตนเองไดเ้ ข้าเรียน 52 หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจรติ

๕. การลงโทษทางสงั คม (Social Sanction) ค�ำวา่ “การลงโทษโดยสงั คม” หรอื เรยี กวา่ “การลงโทษทางสงั คม” ซงึ่ ตรงกบั ภาษาองั กฤษค�ำวา่ “Social Sanction” พจนานกุ รมศพั ท์สงั คมวทิ ยาฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน (๒๕๓๒ : ๓๖๑-๓๖๒) ได้ใหค้ วามหมายของ ค�ำว่า “Social Sanction” เป็นภาษาไทยว่า สิทธานุมตั ิทางสังคม หมายถงึ การขู่ว่าจะลงโทษหรือการสญั ญาวา่ จะให้ รางวลั ตามทก่ี ลมุ่ ก�ำหนดไวส้ �ำหรบั การประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องสมาชกิ เพอื่ ชกั น�ำใหส้ มาชกิ กระท�ำตามขอ้ บงั คบั และ กฎเกณฑ์ Radcliffe-Brown (๑๙๕๒ : ๒๐๕) อธิบายการลงโทษโดยสังคมว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางสังคม อย่างหน่ึงและเป็นการแสดงออกถึงพฤติกรรมที่เป็นด้านตรงกันข้ามระหว่างการเห็นชอบกับการไม่เห็นชอบ พดู อกี อยา่ งหน่งึ กค็ ือ การลงโทษโดยสงั คมนนั้ มีคณุ ลกั ษณะวภิ าษ (Dialectic) คอื มที ั้งด้านบวกและด้านลบอยู่ ภายในความหมายของตวั เองส�ำหรบั การลงโทษโดยสงั คมเชงิ บวก (Positive Social Sanction) จะอยใู่ นรปู ของ การใหก้ ารสนบั สนุนหรือการสร้างแรงจงู ใจ ฯลฯ ใหแ้ ก่ปจั เจกบคุ คลและสงั คมใหป้ ระพฤติปฏบิ ตั ิใหส้ อดคลอ้ ง กับปทสั ถานของชมุ ชนหรือของสังคม จากการศึกษายงั พบดว้ ยว่าการลงโทษโดยสงั คมเชิงบวกนน้ั อาจเป็นการ สร้างแรงจูงใจให้แก่สังคม เพ่ือยกระดับปทัสถานของสังคมในระดับท้องถ่ินให้ไปสอดคล้องกับปทัสถานใหม่ ในระดับระหวา่ งประเทศ Whitmeyer (๒๐๐๒ : ๖๓๐-๖๓๒) กลา่ ววา่ การลงโทษโดยสงั คม มีทั้งเชงิ บวกและเชงิ ลบ เปน็ การ ท�ำงานตามกลไกของสังคม การลงโทษโดยสังคมเป็นมาตรการควบคุมทางสังคมที่ต้องการให้สมาชิกในสังคม ประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ที่สังคมยอมรับร่วมกัน เม่ือสมาชิกปฏิบัติตามก็จะมีการให้รางวัล เปน็ แรงจงู ใจ และลงโทษเมอื่ สมาชกิ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑข์ องสงั คมและจะแสดงการไมย่ อมรบั สมาชกิ คนหนงึ่ หรอื กลมุ่ คนกลมุ่ หนึง่ โดยสรปุ แลว้ การลงโทษโดยสงั คม (Social Sanction) หมายถงึ ปฏกิ ริ ยิ าปฏบิ ตั ทิ างสงั คม เปน็ มาตรการ ควบคมุ ทางสังคมทตี่ ้องการใหส้ มาชกิ ในสังคมประพฤติปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานหรอื กฎเกณฑท์ สี่ ังคมก�ำหนด โดย มที ้ังด้านลบและดา้ นบวก การลงโทษโดยสังคมเชิงลบ (Negative Social Sanction) เปน็ การลงโทษโดยการ กดดันและแสดงปฏิกิริยาต่อต้านพฤติกรรมของบุคคลท่ีไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคม ท�ำให้บุคคลนั้นเกิด ความอับอายขายหน้า ส�ำหรับการลงโทษโดยสังคมเชิงบวกหรือการกระตุ้นสังคมเชิงบวก (Positive Social Sanction) เป็นการแสดงออกในเชงิ สนับสนนุ หรือใหร้ างวลั เปน็ แรงจงู ใจ เพื่อให้บุคคลในสังคมประพฤติปฏบิ ัติ ตามกฎเกณฑ์ของสงั คม การลงโทษทางสังคม เป็นการลงโทษกับบุคลที่ปฏิบัติตนฝ่าฝืนกับธรรมเนียม ประเพณี หรือแบบแผน ท่ปี ฏิบตั ติ ่อ ๆ กนั มาในชมุ ชน มกั ใชใ้ นลกั ษณะการลงโทษทางสงั คมเชงิ ลบมากกว่าเชงิ บวก การฝ่าฝืนดังกล่าว อาจจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ด้วยธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาน้ันถูกละเมิด ถูกฝ่าฝืน หรือถูกดูหม่ินเกี่ยวกับ ความเชอ่ื ของชมุ ชน กจ็ ะน�ำไปสกู่ ารตอ่ ตา้ นจากคนในชมุ ชน แมว้ า่ การฝา่ ฝนื ดงั กลา่ วจะไมผ่ ดิ กฎหมายกต็ าม และที่ ส�ำคัญไปกว่านนั้ หากการกระท�ำดงั กลา่ วผิดกฎหมายดว้ ยแล้ว อาจสร้างใหเ้ กิดความไมพ่ อใจข้ึนได้ ไมเ่ พียงแต่ ในชุมชนน้ัน แตอ่ าจเกีย่ วเน่อื งไปกบั ชมุ ชนอน่ื รอบข้าง หรอื เปน็ ชุมชนท่ใี หญท่ ส่ี ดุ น่ันคอื ประชาชนทง้ั ประเทศ ซง่ึ การลงโทษทางสังคมมที ง้ั ดา้ นบวกและด้านลบ ดังน้ี หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผูน้ ำ�การเปลี่ยนแปลงส่สู งั คมทไี่ มท่ นตอ่ การทจุ ริต 53

การลงโทษโดยสงั คมเชงิ บวก (Positive Social Sanction) จะอยใู่ นรปู ของการใหก้ ารสนบั สนนุ หรอื การ สรา้ งแรงจงู ใจ หรอื การใหร้ างวลั ฯลฯ แกบ่ คุ คลและสงั คม เพอื่ ใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั สิ อดคลอ้ งกบั ปทสั ถาน (Norm) ของสงั คมในระดบั ชุมชนหรอื ในระดบั สังคม การลงโทษโดยสังคมเชงิ ลบ (Negative Social Sanctions) จะอย่ใู นรปู แบบของการใช้มาตรการต่าง ๆ ในการจดั ระเบยี บสงั คม เช่น การว่ากล่าวตักเตอื น ซ่งึ เปน็ มาตรการข้ันต�ำ่ สดุ เร่อื ยไปจนถึงการกดดนั และบีบค้ัน ทางจิตใจ (Moral Coercion) การต่อตา้ น (Resistance) และการประท้วง (Protest) ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่า จะโดยปจั เจกบคุ คลหรือการชุมนุมของมวลชน การลงโทษทางสงั คมทางลบ จะสรา้ งใหเ้ กดิ การลงโทษตอ่ บคุ คลทถ่ี ูกกระท�ำ การลงโทษประเภทนี้เปน็ ลงโทษเพอื่ ใหห้ ยดุ กระท�ำในสงิ่ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง และบคุ คลทถี่ กู ลงโทษจะเกดิ การเขด็ หลาบ ไมก่ ลา้ ทจี่ ะท�ำในสง่ิ นนั้ อกี การลงโทษประเภทนีม้ ีความรุนแรงแตกต่างกนั ตัง้ แต่ การวา่ กล่าวตกั เตือน การนินทา การประจาน การชมุ นุม ขบั ไล่ ซง่ึ เปน็ การแสดงออกถงึ การไมท่ น ไมย่ อมรบั ตอ่ สงิ่ ทบี่ คุ คลอน่ื ไดก้ ระท�ำไป ดงั นนั้ เมอื่ มใี ครทท่ี �ำพฤตกิ รรม เหล่าน้นั ขน้ึ จึงเปน็ การสรา้ งใหเ้ กดิ ความไม่พอใจแก่บคุ คลรอบขา้ ง หรือสังคม จนน�ำไปสกู่ ารตอ่ ตา้ นดังกล่าว การลงโทษทางสงั คมจะมคี วามรนุ แรงมากหรอื นอ้ ย กข็ น้ึ อยกู่ บั การกระท�ำของบคุ คลนน้ั วา่ รา้ ยแรงขนาดไหน หากเป็นเร่ืองเล็กน้อยจะถูกต่อต้านน้อย แต่หากเรื่องน้ันเป็นเรื่องร้ายแรงท่ีเกิดข้ึนประจ�ำ หรือมีผลกระทบ ต่อสังคม การลงโทษก็จะมีความรุนแรงมากข้ึนด้วย เช่น หากมีการทุจริตเกิดข้ึนก็อาจน�ำไปเป็นประเด็นทาง สังคมจนน�ำไปสู่การต่อต้านจากสังคมได้ เพราะการทุจริตถือว่าเป็นส่ิงที่ไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย และผิดต่อ ศลี ธรรม บ่อยคร้งั ท่ีมกี ารทุจริตเกิดขน้ึ จนเป็นสาเหตุของการชมุ นมุ ประทว้ ง เพอื่ กดดัน ขบั ไลใ่ ห้บุคคลนน้ั หยุด การกระท�ำดังกล่าว หรือการออกจากต�ำแหน่งนั้น ๆ หรือการน�ำไปสู่การตรวจสอบและลงโทษโดยกฎหมาย โดยในหัวข้อสุดท้ายของชุดวิชานี้ ได้น�ำเสนอตัวอย่างที่ได้แสดงออกถึงความไม่ทนต่อการทุจริตท่ีมีการชุมนุม ประทว้ ง บางเหตกุ ารณผ์ ทู้ ถ่ี กู กลา่ วหาไดล้ าออกจากต�ำแหนง่ ซง่ึ การลาออกจากต�ำแหนง่ นน้ั ถอื เปน็ ความรบั ผดิ ชอบ อยา่ งหนึง่ และเปน็ การแสดงออกถงึ ความละอายในส่งิ ท่ตี นเองได้กระท�ำ ๖. ชอ่ งทางและวิธีการร้องเรยี นการทุจริต สามารถรอ้ งเรยี นมายงั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ไดโ้ ดยมวี ิธกี ารดังนี้ ๑) ท�ำเป็นหนงั สือ “เรยี น เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.” และสง่ ไปที่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เลขที่ ๓๖๑ ถนนนนทบุรี ต�ำบลทา่ ทราย อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดนนทบรุ ี ๑๑๐๐๐ หรือสง่ มาท่ตี ู้ ปณ. ๑๐๐ ถนนพษิ ณุโลก | เขตดสุ ิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ หรือส่งมาที่ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวดั ใกลบ้ า้ นของท่าน ๒) กลา่ วหาดว้ ยวาจาโดยตรงตอ่ เจา้ หนา้ ทขี่ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง หรอื ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำ จงั หวดั เพอ่ื ให้เจา้ หนา้ ท่ีท�ำการบันทึกค�ำกลา่ วหาไว้เปน็ พยานหลักฐาน ๓) ทางโทรศพั ทห์ มายเลข ๐ ๒๕๒๘ ๔๘๐๐-๔๙ หรือสายด่วน ป.ป.ช. โทร. ๑๒๐๕ ๔) ทางเว็บไซต์ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th หวั ข้อ “ร้องเรยี น” โดยในค�ำกล่าวหา ตอ้ งมรี ายละเอียด ดังนี้ ๑) ชื่อ-สกุล ทอี่ ยู่ และหมายเลขโทรศพั ท์ของผู้กลา่ วหา ๒) ชอื่ -สกลุ ต�ำแหนง่ สังกดั ของผูถ้ กู กล่าวหา ๓) ระบุข้อกลา่ วหาการกระท�ำความผดิ 54 หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลยี่ นแปลงสสู่ งั คมท่ไี มท่ นต่อการทจุ ริต

๔) บรรยายการกระท�ำความผิดอยา่ งละเอียดตามหัวขอ้ ดังน้ี ๔.๑ หากเปน็ การกระท�ำความผดิ ตอ่ หนา้ ท่ี การกระท�ำความผดิ ตอ่ ต�ำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ การกระท�ำ ความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม จะต้องระบุว่า การกระท�ำความผิดเกิดข้ึนเม่ือใด มีขั้นตอนหรือ รายละเอยี ดการกระท�ำความผดิ อยา่ งไร มพี ยานบคุ คลรเู้ หน็ เหตกุ ารณห์ รอื ไม่ มเี อกสารหลกั ฐานทเี่ กย่ี วขอ้ งหรอื ไม่ (ถ้าไม่สามารถน�ำมาได้ให้ระบุว่าใครเป็นผู้เก็บรักษา) และในเรื่องนี้ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานใดบ้าง เมื่อใด และผลเป็นประการใด ๔.๒ หากเปน็ การกลา่ วหาวา่ รำ่� รวยผดิ ปกติ หรอื มที รพั ยส์ นิ เพม่ิ ขนึ้ ผดิ ปกติ จะตอ้ งระบวุ า่ ฐานะเดมิ ของผ้ถู ูกกลา่ วหา และภรรยาหรือสามี รวมทง้ั บดิ ามารดาของท้ังสองฝ่ายเปน็ อยา่ งไร ผู้ถูกกล่าวหา และภรรยา หรอื สามี มีอาชพี อืน่ ๆ หรือไม่ ถ้ามีอาชพี อืน่ แล้วมีรายได้มากนอ้ ยเพียงใด และทรัพยส์ นิ ทจ่ี ะแสดงใหเ้ หน็ วา่ ร่�ำรวยผดิ ปกติมีอะไรบา้ ง เช่น - บา้ น มีจ�ำนวนกห่ี ลงั ตง้ั อยูท่ ใ่ี ด (เลขทีบ่ า้ น ถนน ซอย ต�ำบล/แขวง อ�ำเภอ/เขต จงั หวดั ) ซื้อเมอื่ ใด และราคาขณะซ้อื เทา่ ใด - ท่ดี นิ มจี �ำนวนก่แี ปลง ตัง้ อยู่ท่ีใด (ถนน ซอย ต�ำบล/แขวง อ�ำเภอ/เขต จังหวดั ) ซ้อื เมื่อใด และราคาขณะซื้อเท่าใด - รถยนต์ มีจ�ำนวนกคี่ ัน ยห่ี อ้ ร่นุ สี หมายเลขทะเบยี นรถ ซ้อื เมอื่ ใด จากใคร และราคาขณะ ซื้อเท่าใด - มเี งนิ ฝากที่ธนาคารใด สาขาใด รวมทง้ั ทรัพย์สนิ อ่นื ๆ ส�ำคัญทส่ี ุด คือ ต้องให้ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ชื่อ-สกุล ท่ีอยู่ หมายเลขโทรศพั ท์ ของผู้กล่าวหาท่ีสามารถตดิ ตอ่ ได้อย่างชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการติดต่อกลับเพ่ือยืนยันการกล่าวหาร้องเรียน ขอทราบข้อเท็จจริงเพ่ิมเติม ให้ชดั เจนจนสามารถด�ำเนนิ การต่อไปได้ และรายงานผลใหผ้ ู้กล่าวหาทราบ ทัง้ นี้ ขอ้ มลู จะถูกเกบ็ เป็นความลบั ที่สุด ถ้าไม่ต้องการให้มีการเปิดเผยช่ือ ก็ให้บอกด้วยว่าให้ปกปิดช่ือ-ท่ีอยู่ไว้เป็นความลับ ตอนท�ำค�ำสั่งไต่สวน จะได้ระบุไว้ตามความประสงค์ กรณกี ารรอ้ งเรยี นโดยไมแ่ จง้ ชอ่ื -สกลุ จรงิ ถอื วา่ เปน็ “บตั รสนเทห่ ”์ จะตอ้ งระบพุ ยานหลกั ฐานใหช้ ดั เจน เพียงพอทจ่ี ะด�ำเนนิ การไต่สวนข้อเทจ็ จริงได้ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจะรับไวพ้ ิจารณา ทง้ั น้ี ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. จะแจง้ กลับไปใหผ้ ้กู ลา่ วหาทราบว่ารบั เร่อื งไวพ้ ิจารณาและแจ้งผลการพิจารณา ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แตห่ ากประสงค์จะตดิ ตามเร่ืองรอ้ งเรียน กส็ ามารถตดิ ตามไดท้ างน้ี ๑) ตดิ ต่อด้วยตนเองท่สี �ำนกั งาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง หรอื ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ๒) ทางโทรศพั ทห์ มายเลข ๐ ๒๕๒๘ ๔๘๐๐-๔๙ หรอื สายด่วน ป.ป.ช. โทร. ๑๒๐๕ ๓) ทางเว็บไซต์ www.nacc.go.th หัวขอ้ “ตดิ ตามเร่ืองร้องเรยี น” ทง้ั น้ี โปรดจ�ำเลขรับเร่ืองจากส�ำนกั งาน ป.ป.ช. /วัน เดอื น ปี ทีย่ นื่ เรอ่ื ง/ชื่อ-สกุล เร่อื ง ของผถู้ ูกกลา่ วหา นอกจากนี้ ยังสามารถรอ้ งเรยี นไปยงั หน่วยงานต่าง ๆ ได้ดงั นี้ ๑) ศูนย์บริการประชาชน ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรี (สายด่วน) ท�ำเนียบรัฐบาลหมายเลข ๑๑๑๑ บรกิ ารรบั แจ้งเร่อื งร้องทุกข์ ตลอด ๒๔ ช่ัวโมง หรอื รบั รอ้ งเรยี นผ่านทาง โทร. ๐ ๒๒๘๓ ๑๒๗๑-๘๔ ๒) ส�ำนักงานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ โทร. ๐ ๒๒๗๑ ๘๐๐๐ หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สังคมทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ ริต 55

๓) ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตในภาครฐั (ส�ำนกั งาน ป.ป.ท.) สายด่วน โทร. ๑๒๐๖ ๔) ศูนย์ด�ำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วน โทร. ๑๕๖๗ หรือศูนยด์ �ำรงธรรมจงั หวัด ๕) คณะกรรมการธรรมาภบิ าลจังหวดั ในแต่ละจังหวัด ๖) แจ้งความ ร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีต�ำรวจในเขตอ�ำนาจสอบสวน โดย พนกั งานสอบสวนจะส่งเรอ่ื งท่หี ากอยใู่ นอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปยังส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพอ่ื ด�ำเนิน การตอ่ ไป ๗. มาตรการคมุ้ ครองช่วยเหลอื พยาน และการกันบคุ คลไวเ้ ป็นพยานโดยไมด่ ำ�เนินคดี ๗.๑ มาตรการคุ้มครองช่วยเหลอื พยาน ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ก�ำหนดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน (ตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๑ และระเบยี บคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการคมุ้ ครองชว่ ยเหลือพยาน พ.ศ. ๒๕๕๔) - ผทู้ ่มี สี ทิ ธริ ้องขอใหค้ ุ้มครองช่วยเหลอื พยาน ส�ำหรับผ้ทู ีม่ สี ทิ ธริ ้องขอให้คุ้มครองชว่ ยเหลือพยาน ได้แก่ ผ้กู ลา่ วหา ผู้เสยี หาย ผทู้ �ำค�ำร้อง ผู้รอ้ งทกุ ขก์ ล่าวโทษ ผู้ให้ถ้อยค�ำ หรือผู้ท่ีแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ การร่�ำรวยผิดปกติ การตรวจสอบ ทรัพย์สินและหนี้สิน หรือข้อมูลอืน่ ท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ การด�ำเนินการตามพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต และกฎหมายอนื่ ท่ีเกี่ยวข้อง รวมถึงสามี ภรยิ า ผู้บพุ การี ผู้สบื สนั ดาน ของบุคคลดังกล่าว และผู้ทมี่ ีความสัมพันธ์ใกลช้ ิดกบั บุคคลดงั กล่าว - การร้องขอคุม้ ครองชว่ ยเหลอื พยาน การร้องขอคมุ้ ครองช่วยเหลือพยานท�ำไดโ้ ดยยน่ื ค�ำร้องต่อส�ำนักงาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง หรอื ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดดว้ ยตนเองไดเ้ ลย หรือต่อหนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้องกบั การค้มุ ครองพยาน (ส�ำนกั งานค้มุ ครอง พยาน กรมคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพ หรอื ส�ำนกั งานต�ำรวจแหง่ ชาต)ิ หากมาดว้ ยตนเองไมไ่ ด้ สามารถยน่ื ค�ำรอ้ ง เปน็ หนงั สอื หรอื จดหมาย หรอื ทางโทรศพั ท์ หรอื อาจมอบอ�ำนาจใหผ้ อู้ นื่ ด�ำเนนิ การแทนได้ โดยระบชุ อ่ื นามสกลุ ทีอ่ ยขู่ องผูร้ ้องขอ และพฤติการณ์ท่แี สดงใหเ้ หน็ ว่าอาจไม่ไดร้ ับความปลอดภัย พร้อมทงั้ ลงลายมือช่ือ ๗.๒ การกนั บุคคลไว้เปน็ พยานโดยไม่ด�ำเนนิ คดี ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดก้ �ำหนดใหม้ มี าตรการการกนั บคุ คลไวเ้ ปน็ พยานโดยไมด่ �ำเนนิ คดี (ตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๕ และประกาศคณะ กรรมการ ป.ป.ช. เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขในการกนั บคุ คลหรอื ผถู้ กู กลา่ วหาไวเ้ ปน็ พยานโดยไมด่ �ำเนนิ คดี พ.ศ. ๒๕๕๔) มีรายละเอยี ดดังน้ี ผู้ถูกกล่าวหารายใดท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าท่ีของรัฐรายอื่น และยังไม่ได้ถูกแจ้ง ขอ้ กลา่ วหา คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจเหน็ สมควรกนั ไวเ้ ปน็ พยานโดยไมต่ อ้ งด�ำเนนิ คดกี ไ็ ด้ หากบคุ คลดงั กลา่ ว มีลกั ษณะดงั น้ี ๑) เป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์และมีส่วนเก่ียวข้องในการกระท�ำความผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่นที่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานก่อนการไต่สวน ข้อเท็จจรงิ หรอื อยูร่ ะหว่างการไต่สวนข้อเทจ็ จริง 56 หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปล่ยี นแปลงสู่สงั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต

๒) เปน็ ผใู้ หถ้ อ้ ยค�ำทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ การตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื การแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ และรวบรวม พยานหลักฐาน หรือการไต่สวนข้อเท็จจริง หรือให้ถ้อยค�ำ หรือแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลท่ีเป็นสาระส�ำคัญ จนสามารถใช้เป็นพยานหลกั ฐานในการวนิ จิ ฉัยช้ีมลู ความผิดเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐรายอน่ื ท่เี ปน็ ตัวการส�ำคัญ ๓) เต็มใจท่ีจะให้ถ้อยค�ำหรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลตามข้อ ๒ พร้อมกับรับรองว่าจะไปเบิกความ เปน็ พยานในช้ันศาลตามที่ให้การหรือใหถ้ ้อยค�ำไว้ - การรอ้ งขอใหก้ นั ตนเองไวเ้ ปน็ พยานในคดี สามารถมีค�ำขอดว้ ยวาจาหรือท�ำเปน็ หนงั สอื ยนื่ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอกนั ตนเองไวเ้ ปน็ พยาน ในคดนี น้ั นับแต่วนั ท่ไี ดท้ ราบเหตุแหง่ การกลา่ วหา ซ่งึ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพจิ ารณาค�ำขอโดยค�ำนึงถงึ เหตุ ดังต่อไปนี้ ๑) หากไมก่ นั บคุ คลหรอื ผถู้ กู กลา่ วหาคนใดคนหนงึ่ เปน็ พยานแลว้ พยานหลกั ฐานทม่ี อี ยอู่ าจไมเ่ พยี งพอ และไมอ่ าจแสวงหาพยานหลกั ฐานอน่ื แทนเพอ่ื ใหเ้ พยี งพอในการด�ำเนนิ คดกี บั ผถู้ กู กลา่ วหารายอน่ื ทเี่ ปน็ ตวั การ ส�ำคัญ ๒) บคุ คลนนั้ จะตอ้ งเบิกความตามทีใ่ ห้การไว้ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตใิ ห้กนั บุคคลหรอื ผู้ถกู กลา่ วหานัน้ ไว้เป็นพยานแลว้ ถอื ว่าบคุ คลดงั กล่าว อยใู่ นฐานะพยานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีนั้น และอาจไดร้ ับการคุ้มครองช่วยเหลอื ตามกฎหมายต่อไป ๗.๓ กฎ ก.พ. วาดว ยหลักเกณฑและวธิ ีการการใหบาํ เหน็จความชอบ การกนั เปนพยาน การลดโทษ และการใหค วามคมุ ครองพยาน พ.ศ.๒๕๕๓ ขอ ๓ ขาราชการพลเรอื นสามญั ผใู ดใหข อ มลู ตอ ผบู งั คบั บญั ชาหรอื ใหถ อ ยคําในฐานะพยาน ตอ ผมู หี นาที่ สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ อันเปนประโยชนและเปนผลดีย่ิง ตอ ทางราชการ ใหถ อื วาผนู นั้ ปฏบิ ตั หิ นาทรี่ าชการ ซง่ึ ไดร บั ความคมุ ครองพยานและอาจไดร บั บําเหนจ็ ความชอบ เปนกรณีพิเศษ ตามกฎ ก.พ. นี้ ขอมูลหรือถอยคําตามวรรคหน่ึงจะถือวาเปนประโยชนและเปนผลดียิ่งตอทางราชการตอเมื่อ เปน ปจ จยั สําคญั ทที่ ําใหด ําเนนิ การทางวนิ ยั ได หรอื เปน ปจ จยั สําคญั ทท่ี ําใหล งโทษทางวนิ ยั แกผ กู ระทําความผดิ ได และมผี ลทําใหส ามารถประหยดั งบประมาณแผน ดนิ เปน อยางมากหรอื มผี ลทําใหส ามารถรกั ษาไวซ ง่ึ ระบบบรหิ าร ราชการท่ีดโี ดยรวมได ในกรณที ข่ี าราชการผนู นั้ เปน ผกู ระทําผดิ วนิ ยั นน้ั เสยี เองหรอื อาจจะถกู กลาวหาวามสี ว นรว มในการกระทํา ผิดวนิ ยั น้ันดว ย ไมใ หไ ดรับบําเหนจ็ ความชอบเปนกรณพี ิเศษตามขอ น้ี ขอ ๔ ขาราชการพลเรอื นสามญั ผทู อี่ าจจะถกู กลาวหาวามสี ว นรว มในการกระทําผดิ วนิ ยั กบั ขาราชการอนื่ ถาไดใ หข อ มลู ตอ ผบู งั คบั บญั ชา หรอื ใหถ้ อ ยคําเกย่ี วกบั การกระทําผดิ วนิ ยั ทไ่ี ดก ระทํามาตอ บคุ คลหรอื คณะบคุ คล ท่มี ีหนาที่สบื สวนสอบสวนหรอื ตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบยี บของทางราชการ และขอมูลหรอื ถอยคํานน้ั เปน ปจ จัยสําคัญจนเปน เหตุใหม ีการสอบสวนทางวนิ ยั แกผ ูเปน ตนเหตุแหง การกระทําผดิ อาจไดร ับการกนั เปน พยาน การลดโทษ หรอื การใหค วามคมุ ครองพยานตามกฎ ก.พ. นี้ ขอ ๕ การใหขอมูลหรอื ใหถอยคําตามขอ ๓ หรอื ขอ ๔ ทจี่ ะไดรบั ประโยชนตามกฎ ก.พ. นี้ จะตอ งเปน ความเชอื่ โดยสจุ รติ วามกี ารกระทําผดิ วนิ ยั หรอื เปน ไปตามทตี่ นเองเชอ่ื วาเปน ความจรงิ และไมม กี ารกลบั ถอ ยคํา นน้ั ในภายหลัง หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลยี่ นแปลงสูส่ งั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต 57

การใหขอมูลหรือถอยคําตามวรรคหนง่ึ ไมถือเปนการเปด เผยความลับของทางราชการ และไมเ ปนการ กระทําการขามผูบังคับบญั ชาเหนือตน ขอ ๖ ผบู งั คบั บญั ชาตามลําดบั ชน้ั ทไี่ ดร บั ขอ มลู มหี นาทร่ี ายงานใหผ บู งั คบั บญั ชาซงึ่ เปน ผมู อี �ำนาจสง่ั บรรจุ และแตง ตั้งเพอ่ื ทราบและพิจารณาดําเนนิ การตอ ไป ขอ ๗ ผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้นและผูมีอํานาจส่ังบรรจุและแตงต้ังมีหนาท่ีใหความคุมครองพยาน ดังตอ ไปน้ี (๑) ไมเ ปดเผยชือ่ หรอื ขอ มลู ใด ๆ ทจ่ี ะทําใหทราบวาผใู ดเปนผใู หขอ มูลหรือใหถอยคํา (๒) ไมใชอํานาจไมว าในทางใดหรือกระทําการอน่ื ใดอนั เปนการกลน่ั แกลงหรอื ไมเปน ธรรม ซ่งึ อาจมผี ลทําใหก ระทบสิทธหิ รือหนาท่ขี องผนู ัน้ ในทางเสยี หาย (๓) ใหความคุม ครองมิใหผ ูน้ันถกู กลน่ั แกลง หรือถูกขม ขูเพราะเหตุท่ีมีการใหข อมลู หรือถอยคํา (๔) ประสานงานกับพนักงานอยั การเพือ่ เปน ทนายแกตางคดีใหถ าผนู น้ั ถูกฟอ งเปน คดตี อ ศาล ในกรณที พี่ ยานผใู ดรอ งขอเปน หนงั สอื ผมู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ละแตง ตง้ั จะพจิ ารณายายผนู น้ั หรอื พจิ ารณา ดําเนนิ การอน่ื ใดทเี่ หน็ วาจําเปน เพอ่ื ใหผ นู นั้ ไดร บั ความคมุ ครอง โดยไมต อ งไดร บั ความยนิ ยอมหรอื เหน็ ชอบจาก ผูบังคับบญั ชาของผนู ้นั และไมตอ งปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนหรอื กระบวนการตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิไวก ไ็ ด ขอ ๘ พยานผูใดเห็นวาผูบังคับบัญชาตามลําดับช้ันยังไมไดใหการคุมครองตามขอ ๗ หรือการใหการ คมุ ครองดงั กลาวยงั ไมเ พยี งพอ อาจยนื่ คํารอ งเปน หนงั สอื ตอ ผมู อี ํานาจสง่ั บรรจุ และแตง ตง้ั เพอ่ื พจิ ารณาดําเนนิ การ ขอ ๙ เมอ่ื ผมู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ละแตง ตง้ั ไดร บั คํารอ งตามขอ ๘ แลว หากมมี ลู นาเชอื่ วาเปน ไปตามทพ่ี ยาน กลาวอาง ใหผ ูม อี ํานาจสัง่ บรรจแุ ละแตงต้ังดําเนินการใหความคมุ ครองพยานในโอกาสแรกทีส่ ามารถกระทําได ขอ ๑๐ พยานผูใดเหน็ วาผมู อี ํานาจสงั่ บรรจแุ ละแตงตง้ั ยังไมไ ดใ หการคุมครองตามหมวดนี้ หรอื การให การคมุ ครองดงั กลาวยงั ไมเพยี งพอ อาจยื่นคํารองเปนหนงั สอื ตอสํานกั งาน ก.พ. ได ขอ ๑๑ เม่ือสํานักงาน ก.พ. ไดรับคํารองตามขอ ๑๐ แลว หากมีมูลนาเช่ือวาเปนไปตามที่พยาน กลาวอางใหส ํานกั งาน ก.พ. ดําเนนิ การใหม กี ารยายหรอื โอน หรอื ดําเนนิ การอน่ื ใดตามท่ี เหน็ สมควรเพอ่ื ใหผ นู น้ั ไดรับความคุมครอง โดยไมตองไดรับความยินยอมหรือเห็นชอบจากผูมีอํานาจส่ังบรรจุและแตงตั้งกอน หรือ ไมตอ งปฏบิ ัติตามขั้นตอนหรือกระบวนการตามทก่ี ฎหมายกําหนด ในกรณที ่ีผมู ีอํานาจสั่งบรรจุและแตง ตงั้ ไมดําเนินการตามทสี่ ํานกั งาน ก.พ. กําหนด ตามวรรคหน่ึง หรือ ในกรณีท่ีเห็นสมควร ใหสํานกั งาน ก.พ. เสนอ ก.พ. เพื่อพจิ ารณาดําเนนิ การตามมาตรา ๙ ตอไป ขอ ๑๒ การใหค วามคมุ ครองพยานตามหมวดน้ี ใหพ จิ ารณาดําเนนิ การในโอกาสแรกทส่ี ามารถกระทําได และใหเรมิ่ ตัง้ แตมีการใหข อ มลู หรอื ใหถอยคําตามขอ ๓ หรอื ขอ ๔ แลว แตกรณี จนกวาจะมีการสัง่ ยตุ เิ ร่ืองหรือ การดําเนนิ การทางวินยั ตามกฎหมายนีแ้ กผ เู ปน ตน เหตุเสรจ็ ส้ิน ขอ ๑๓ กอนมีการแจงเร่ืองกลาวหาวาขาราชการพลเรือนสามัญผูใดกระทําผิดวินัย ถาผูใหขอมูลหรือ ใหถอยคําตามขอ ๔ ไมใชผ ูเ ปน ตนเหตแุ หงการกระทําผิดวนิ ัยในเรอื่ งนน้ั และเปนกรณี ท่ีไมอ าจแสวงหาขอมูล หรือพยานหลักฐานอ่ืนใดเพื่อดําเนินการทางวินัยแกผูเปนตนเหตุแหงการกระทําความผิดวินัยในเรื่องนั้นได นอกจากจะไดข อ มูลหรอื พยานหลักฐานจากผนู นั้ ผูมีอํานาจสั่งบรรจแุ ละแตง ตั้งอาจกันผูน ัน้ เปนพยานได้ ขอ ๑๔ ในกรณีที่ผูที่ถูกกันเปนพยานตามขอ ๑๓ ไมมาใหถอยคําตอบุคคลหรือคณะบุคคล ผูมีหนาที่ สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือมาแตไมใหถอยคํา หรือ 58 หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู งั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต

ใหถอยคําแตไมเปน ประโยชนตอการดําเนินการ หรอื ใหถอ ยคําอนั เปน เท็จ หรอื กลบั คําใหก าร ใหการกันผูน้นั ไวเ ปนพยานเปน อนั ส้ินสดุ ลง ขอ ๑๕ ใหผูบังคับบัญชาผูมอี ํานาจส่ังบรรจุและแตงต้ังแจงเร่ืองการกนั ขาราชการพลเรือนสามัญ ตาม ขอ ๑๓ ไวเ ปนพยาน หรือการสน้ิ สดุ การกันเปนพยานตามขอ ๑๔ ใหบคุ คลหรอื คณะบุคคล ทมี่ ีหนาที่สืบสวน สอบสวนหรอื ตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบยี บของทางราชการและขาราชการผูนนั้ ทราบ ขอ ๑๖ ขาราชการพลเรือนสามัญผูใหขอมูลหรือใหถอยคําตามขอ ๔ ผูใดไดใหขอมูลหรือใหถอยคํา ทส่ี ําคญั จนเปน เหตใุ หล งโทษทางวนิ ยั แกผ เู ปน ตน เหตแุ หง การกระทําผดิ ได และผนู นั้ ตอ งถกู ลงโทษทางวนิ ยั เพราะ เหตุที่ไดรวมกระทําผิดวินัยน้ันดวย ถาผูมีอํานาจส่ังบรรจุและแตงตั้งพิจารณาเห็นวาผูนั้นมิไดเปนตนเหตุ แหง การกระทําความผดิ วนิ ัยน้ัน หรอื ไดร ว มกระทําความผิดวินัยไปเพราะตกอยใู นอํานาจบงั คบั หรือกระทําไป โดยรูเทาไมถึงการณ ผูมีอํานาจส่ังบรรจุและแตงต้ังอาจพิจารณาลดโทษใหผูน้ันต่�ำกวาโทษท่ีควรไดรับจริงได แตท้งั นตี้ อ งไมต ำ�่ กวาการลดโทษที่อาจกระทําไดตามทก่ี ฎหมายกําหนด ขอ ๑๗ ผมู ีอํานาจสง่ั บรรจุและแตงต้งั อาจพจิ ารณาใหบําเหน็จความชอบเปนกรณีพิเศษ แกผูใหข อ มูล หรอื ถอยคําตามขอ ๓ ไดด ังนี้ (๑) ใหถ อื วาการใหข อ มลู หรอื ใหถ อ ยคํานน้ั เปน ขอ ควรพจิ ารณาอน่ื ตามกฎ ก.พ. วาดว ยการเลอื่ นเงนิ เดอื น ทีผ่ บู งั คบั บัญชาตองนําไปใชเ ปน ขอ มูลประกอบในการพิจารณาเล่ือนเงนิ เดือน (๒) เครอ่ื งหมายท่เี ห็นสมควรเพือ่ เปน เครือ่ งเชิดชเู กียรติ (๓) รางวลั (๔) คําชมเชยเปนหนังสือ ขอ ๑๘ ใหผูมีอํานาจสั่งบรรจุและแตงตั้งพิจารณาใหบําเหน็จความชอบเปนกรณีพิเศษตามขอ ๑๗ แกผ ใู หข อ มลู หรอื ใหถ อ ยคําตามขอ ๓ ตามระดบั ความมากนอ ยของประโยชนแ ละผลดยี งิ่ ตอ ทางราชการทไี่ ดร บั จากการใหข อมลู หรอื ถอ ยคํานนั้ หลักสตู รสร้างวิทยากรผนู้ �ำ การเปลีย่ นแปลงสูส่ ังคมที่ไม่ทนตอ่ การทจุ ริต 59

บรรณานุกรม กรมสรรพากร. (๒๕๕๙). คู่มอื การป้องกันผลประโยชนท์ บั ซอ้ น. กรุงเทพฯ: กรมสรรพากร. ดัชนชี ้วี ัดภาพลกั ษณค์ อรร์ ปั ชันโลก ปี ๒๕๕๙ คะแนนไทยร่วงจาก ๓๘ เป็น ๓๕ อนั ดับตกจาก ๗๖ เปน็ ๑๐๑ จาก ๑๗๖ ประเทศ. (๒๕๖๐). สืบค้นเมื่อ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐, จาก http://thaipublica. org/2017/01/corruption-perceptions-index-2016-thailand/ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ . สบื คน้ เมอื่ ๑๖ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐, จาก https:// www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=36 สังศิต พิริยะรังสรรค์ และคณะ. (๒๕๕๙). โครงการส่งเสริมและสนับสนุนมาตรการลงโทษทางสังคม. ทุนสนับสนุนการวิจัยจากส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. สังศติ พิรยิ ะรงั สรรค์. Social Sanction. วารสารสงั คมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ปีที่ ๔๖ ฉบบั ที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๙. หนา้ ท่ี ๖๕ เสาวนีย์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ. (๒๕๕๓). โครงการประเมินดา้ นสถานการณ์ด้านการทจุ รติ ในประเทศไทย. กรงุ เทพมหานคร : คณะอนกุ รรมการฝ่ายวิจยั ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทจุ ริตแห่งชาติ ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาต.ิ (๒๕๕๘). เปดิ แฟม้ ๑๐ คดที จุ รติ บทเรยี น ราคาแพงของคนไทย. กรงุ เทพมหานคร : อมรินพร้ินตงิ้ แอนดพ์ ับลิชชง่ิ ส�ำนักงานปลดั กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม. (ม.ป.ป.) คู่มือการป้องกันผลประโยชนท์ ับซอ้ น. กรงุ เทพฯ: ส�ำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. ส�ำนักงานปลดั กระทรวงพาณิชย์. (๒๕๕๙). ค่มู ือการป้องกนั ผลประโยชน์ทบั ซ้อน. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานปลดั กระทรวงพาณชิ ย.์ ส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ . (๒๕๕๙). คู่มอื การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน. กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั งาน ปลัดกระทรวงสาธารณสขุ . ส�ำนักงานปลดั ส�ำนกั นายกรฐั มนตรี. (๒๕๖๐). คู่มอื ปอ้ งกนั ผลประโยชนท์ ับซ้อน. กรุงเทพฯ: ศนู ย์ปฏบิ ตั กิ าร ตอ่ ต้านการทจุ รติ (ศปท.). หอการค้าไทยเผยดัชนีคอร์รัปชัน มิ.ย. ปรับตัวลด. สืบค้นเม่ือ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐, จากhttp://www. thairath.co.th/content/661992 Radcliffe-Brown, A.R. (1952). Structure and function in primitive society. Illinois: The free Press. 60 หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมท่ีไมท่ นตอ่ การทจุ ริต

วชิ าที่ ๓ การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งต้านทจุ ริต หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมท่ไี ม่ทนต่อการทุจรติ วชิ าท่ี ๓ : เรอื่ ง การประยุกตห์ ลักความพอเพยี งดว้ ยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงต้านทุจรติ จ�ำนวนชว่ั โมง : ๓ ช่ัวโมง เรอื่ ง การประยกุ ต์หลกั ความพอเพยี งด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ ริต สาระสำ�คญั วชิ านเ้ี ปน็ การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั ทมี่ า ความหมายของโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ การน�ำโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ไปประยุกต์ในบริบทต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถน�ำไปถ่ายทอดได้อย่าง ถกู ต้องและน�ำไปปรบั ใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสมกับผูเ้ ข้ารบั การฝกึ อบรม วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือเสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเข้าใจ การน�ำไปใช้ การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมนิ เกย่ี วกบั การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทจุ รติ ๒. เพ่ือสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเร่ืองการประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงต้านทุจริต ใหผ้ ้เู รยี นน�ำไปปรบั ใช้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ผู้เข้ารับการฝกึ อบรม ขอบเขตเน้อื หา ๑. ต้นแบบความพอเพียง (ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง) ๒. STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจรติ วิธกี ารฝึกอบรม การอภปิ ราย กรณโี ครงการ STRONG การบรรยาย ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint สารคดี หรือส่อื อน่ื ๆ ท่ีเหมาะสม การวัดและประเมินผล การทดสอบเน้อื หา (๒๐ คะแนน) หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงสูส่ ังคมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต 61

เนอ้ื หาโดยสงั เขป หลักสูตรสร้างวิทยากรผูน้ �ำการเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมทไี่ มท่ นต่อการทุจริต วชิ าท่ี ๓ : เรอ่ื ง การประยกุ ต์หลกั ความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ จ�ำนวนชั่วโมง : ๓ ชั่วโมง รายละเอยี ดเนือ้ หา ๑. ต้นแบบความพอเพยี ง (ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง) เมื่อวนั ท่ี ๙ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชได้เสดจ็ ขนึ้ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ และเมอื่ วนั ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ พระทนี่ ง่ั ไพศาลทกั ษณิ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ในพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช นบั เปน็ เวลา ๗๐ ปี ทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชย์ ทรงมีพระราชปณิธาณที่จะให้ประชาชนชาวไทยได้ประโยชน์และความสุข อย่างทว่ั ถึงกันทงั้ ประเทศ โดย “คน” เป็นศนู ย์กลางในการพัฒนา และทรงพระวิรยิ ะอุตสาหะท่ีจะขจดั ปัญหา ตา่ ง ๆ อาทิ ปญั หาดา้ นเศรษฐกจิ เกษตรกรรม สงั คม การศกึ ษา เปน็ ตน้ เพอื่ ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน ชาวไทยสามารถพึง่ พาตนเองอย่างม่นั คงและยง่ั ยืนตอ่ ไป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระราชทานแนวพระราชด�ำริหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง จากพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วนั พฤหสั บดที ี่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗ โดยมใี จความตอนหนง่ึ วา่ “...การพฒั นาประเทศจ�ำเปน็ ตอ้ งท�ำตามล�ำดบั ข้ันต้องสรา้ งพน้ื ฐาน คือ ความพอมีพอกนิ พอใชข้ องประชาชนส่วนใหญ่เปน็ เบื้องตน้ กอ่ น โดยใช้วธิ กี ารและใช้ อปุ กรณท์ ปี่ ระหยดั แตถ่ กู ตอ้ งตามหลกั วชิ า เมอ่ื ไดพ้ น้ื ฐานมนั่ คงพรอ้ มพอควรและปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ลว้ จงึ คอ่ ยสรา้ งคอ่ ย เสรมิ ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกจิ ขน้ั ทส่ี งู ขน้ึ โดยล�ำดบั ตอ่ ไป หากมงุ่ แตจ่ ะทมุ่ เทสรา้ งความเจรญิ ยกเศรษฐกจิ ขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชน โดยสอดคลอ้ งดว้ ย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเร่ืองต่าง ๆ ข้ึนซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในท่ีสุด ดังเห็นได้ท่ี อารยประเทศหลายประเทศก�ำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงอยู่ในเวลานี้...” ซ่ึงเป็นแนวพระ ราชด�ำริทพ่ี ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชพระราชทานแก่ราษฎร มานานกว่า ๔๐ ปี เพ่อื ให้ ราษฎรสามารถด�ำรงชีวิตด้วยการพึงพาตนเอง มีสติอยู่อย่างประมาณตนสามารถด�ำรงชีพปกติสุขอย่างมั่นคง และยงั่ ยนื เมื่อวนั ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nations :UN) โดยนายโคฟี อนั นนั เลขาธิการองค์การสหประชาชาติไดท้ ูลเกล้าทลู กระหม่อม ถวายรางวลั ความส�ำเร็จสูงสดุ ดา้ นการพัฒนามนษุ ย์ ของโครงการพฒั นาแห่งสหประชาชาติ(The Human Development Lifetime Achievement Award) เพ่อื เทดิ พระเกยี รตเิ ปน็ กรณีพเิ ศษ ในวโรกาสทที่ รงครองสริ ิราชสมบตั ิครบ ๖๐ ปี โดยนายโคฟี อันนันได้กล่าวสดุดี พระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช และกลา่ วถงึ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งวา่ เปน็ หลักการที่มุ่งเน้นการกล่ันกรองในการบริโภคเน้นความพอประมาณและการมีภูมิคุ้มกันในตัวสามารถต้านทาน 62 หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผู้น�ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไี่ ม่ทนต่อการทุจริต

ผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์ “ทางสายกลาง” จึงเป็นการตอกย�้ำแนวทางท่ีสหประชาชาติที่มุ่งเน้นคน เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและย่ังยืน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ส�ำนักงานโครงการพัฒนา แหง่ สหประชาชาตปิ ระจ�ำประเทศไทย (United Nations Development Programme : UNDP) ไดก้ ล่าวถงึ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยจัดพิมพใ์ นรายงานประจ�ำปี ๒๐๐๗ เพ่ือเผยแพร่ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งไปยงั ประเทศสมาชิกกวา่ ๑๕๐ ประเทศทว่ั โลก ๒. โมเดล STRONG : จิตพอเพยี งต้านทจุ รติ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ได้มี การวเิ คราะหภ์ าพอนาคตของประชาชนและสังคมไทยในระยะ ๕ ปขี ้างหน้าไวว้ ่า หากยุทธศาสตรช์ าติฯ ได้รับ ความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในการน�ำไปปฏิบัติจริง ประชาชนไทยจะมีความต่ืนตัวต่อ การทจุ รติ มากขนึ้ มกี ารใหค้ วามสนใจตอ่ ขา่ วสารและตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการทจุ รติ ทมี่ ตี อ่ ประเทศมากขนึ้ มีการแสดงออกซึ่งการต่อต้านการทุจริตทั้งในชีวิตประจ�ำวันและการแสดงออกผ่านสื่อสาธารณะและส่ือสังคม ออนไลนต์ า่ ง ๆ ประชาชนในแตล่ ะชว่ งวยั ไดร้ บั กระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมวา่ การทจุ รติ ถอื เปน็ พฤตกิ รรม ทน่ี อกจากจะผิดกฎหมายและท�ำใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ ประเทศแล้ว ยังเปน็ พฤตกิ รรมที่ผิดจรยิ ธรรม ไม่ได้รบั การยอมรับจากสังคม ประชาชนจะเริ่มเรียนรู้การปรับเปล่ียนฐานความคิดท่ีท�ำให้สามารถแยกแยะระหว่าง ผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ วฒั นธรรมทางสงั คมทมี่ ฐี านอยบู่ นหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จะหล่อหลอมให้ประชาชนไม่กระท�ำการทุจริตเน่ืองจากมีพ้ืนฐานจิตท่ีพอเพียง มีความละอายต่อการทุจริต ประพฤติมิชอบ และไม่ยอมให้ผอู้ ืน่ กระท�ำการทุจริตอันสง่ ผลให้เกิดความเสยี หายต่อสังคมส่วนรวม เพ่ือให้ภาพอนาคตดังกล่าวสามารถบรรลุผลได้จริง หน่วยงานทุกภาคส่วนต้องให้ความส�ำคัญอย่าง แทจ้ รงิ กบั การปรบั ประยกุ ตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชป้ ระกอบกบั หลกั การตอ่ ตา้ นการทจุ รติ อนื่ ๆ เพอ่ื สรา้ งฐานคดิ จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ใหเ้ กดิ ขนึ้ เปน็ พนื้ ฐานความคดิ ของปจั เจกบคุ คล โดยประยกุ ตห์ ลกั “STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ ” ซง่ึ คดิ คน้ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ฒั ศริ ิ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มาเป็นแนวทางในการพฒั นาวฒั นธรรมหน่วยงาน หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผ้นู �ำ การเปลย่ี นแปลงสู่สังคมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต 63

ค�ำอธิบายความหมายของ “STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ ” ๑) S (sufficient) : ความพอเพยี ง ผู้น�ำ ผู้บริหาร บคุ คลทุกระดับ องค์กรและชุมชนน้อมน�ำปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยุกต์เป็นหลักความพอเพียงในการท�ำงาน การด�ำรงชีวิต การพัฒนาตนเอง และสว่ นรวม รวมถึงการป้องกันการทุจรติ อย่างยง่ั ยืน ความพอเพียงต่อส่ิงใดส่ิงหน่ึง ของมนุษย์แม้ว่าจะแตกต่างกันตามพ้ืนฐาน แต่การตัดสินใจว่าความ พอเพยี งของตนเองตอ้ งตงั้ อยบู่ นความมีเหตุมีผลรวมท้ังต้องไมเ่ บียดเบียนตนเอง ผูอ้ ่ืน และส่วนรวม ความพอเพียงดังกล่าวจึงเป็นภูมิคุ้มกันให้บุคคลนั้นไม่กระท�ำการทุจริต ซ่ึงต้องให้ความรู้ความเข้าใจ (knowledge) และปลกุ ใหต้ น่ื รู้ (realize) ๒) T (transparent) : ความโปร่งใส ผนู้ �ำ ผบู้ รหิ าร บคุ คลทกุ ระดบั องคก์ รและชมุ ชนตอ้ งปฏิบัติงาน บนฐานของความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ ดังน้นั จงึ ต้องมีและปฏบิ ตั ติ ามหลกั ปฏิบัติ ระเบียบ ขอ้ ปฏิบตั ิ กฎหมาย ด้านความโปรง่ ใส ซึ่งตอ้ งใหค้ วามรู้ความเข้าใจ (knowledge) และปลกุ ให้ตืน่ รู้ (realize) ๓) R (realize) : ความต่นื รู้ ผูน้ �ำ ผูบ้ รหิ าร บุคคลทุกระดบั องคก์ รและชมุ ชน มคี วามรู้ความเขา้ ใจและ ตระหนกั รถู้ งึ รากเหงา้ ของปญั หาและภัยร้ายแรงของการทจุ ริตประพฤติมชิ อบภายในชมุ ชนและประเทศ ความ ต่ืนรู้จะบังเกิดเม่ือได้พบเห็นสถานการณ์ที่เส่ียงต่อการทุจริต ย่อมจะมีปฏิกิริยาเฝ้าระวังและไม่ยินยอมต่อการ ทุจริตในท่สี ุดซึง่ ต้องใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ (knowledge) เกี่ยวกบั สถานการณก์ ารทุจริตท่ีเกิดขน้ึ ความรา้ ยแรง และผลกระทบต่อระดบั บคุ คลและส่วนรวม ๔) O (onward) : มงุ่ ไปขา้ งหน้า ผู้น�ำ ผ้บู รหิ าร บคุ คลทุกระดบั องค์กรและชุมชน มงุ่ พฒั นาและ ปรบั เปลย่ี นตนเองและสว่ นรวมใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ อยา่ งยง่ั ยนื บนฐานความโปรง่ ใส ความพอเพยี งและรว่ มสรา้ ง วัฒนธรรมสุจริตใหเ้ กดิ ขน้ึ อย่างไม่ยอ่ ท้อ ซง่ึ ต้องมีความรู้ความเข้าใจ (knowledge) ในประเด็นดงั กลา่ ว ๕) N (knowledge) : ความรู้ ผูน้ �ำ ผบู้ ริหาร บคุ คลทุกระดับ องค์กรและชุมชน ต้องมีความร้คู วาม เข้าใจสามารถน�ำความรูไ้ ปใช้ สามารถวเิ คราะหึรรท่ ื่ สังเคราะห์ ประเมินได้อยา่ งถ่องแท้ ในเร่ือง สถานการณ์ การทจุ รติ ผลกระทบทม่ี ตี อ่ ตนเองและสว่ นรวม ความพอเพยี งตา้ นทจุ รติ การแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และ ผลประโยชน์สว่ นรวมที่มคี วามส�ำคัญยง่ิ ต่อการลดการทุจรติ ในระยะยาว รวมทั้ง ความอายไม่กลา้ ท�ำทจุ ริตและ ความไมท่ นเมอ่ื พบเหน็ วา่ มีการทุจรติ เกิดขึน้ เพอ่ื สร้างสังคมไมท่ นต่อการทุจรติ ๖) G (generosity) : ความเอ้ืออาทร คนไทยมีความเอื้ออาทร มีเมตตา น�้ำใจ ต่อกันบนฐานของ จติ พอเพียงตา้ นทุจรติ ไมเ่ อือ้ ต่อการรบั หรอื การใหผ้ ลประโยชน์หรอื ต่อพวกพ้อง ความพอเพยี ง พระราชด�ำรสั พระราชทานแกบ่ คุ คลตา่ ง ๆ ทเ่ี ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคลเนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดสุ ิต วันศุกรท์ ี่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ “...ค�ำวา่ พอเพยี ง มคี วามหมายกวา้ งออกไปอกี ไมไ่ ดห้ มายถงึ การมพี อส�ำหรบั ใชข้ องตวั เอง มคี วามหมาย ว่าพอมีพอกิน พอมีพอกนิ นี้ ถา้ ใครได้มาอยทู่ นี่ ี่ ในศาลานเ้ี มือ่ ๒๔ ปี ๒๕๑๗ ถงึ ๒๕๔๑ ก็ ๒๔ ปี ใช่ไหม วันนั้น ไดพ้ ดู ถงึ วา่ เราควรจะปฏบิ ตั ใิ หพ้ อมพี อกนิ พอมพี อกนิ นก้ี แ็ ปลวา่ เศรษฐกจิ พอเพยี งนนั่ เองถา้ แตล่ ะคนพอมพี อกนิ ก็ใชไ้ ด้ ย่ิงถ้าท้งั ประเทศพอมพี อกนิ กย็ งิ่ ดี และประเทศไทยก็เวลานน้ั กเ็ ริม่ จะเปน็ ไมพ่ อมี พอกิน บางคนก็มมี าก 64 หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผูน้ �ำ การเปล่ียนแปลงส่สู ังคมท่ีไม่ทนตอ่ การทุจริต

บางคนก็ไม่มีเลย สมัยก่อนนี้พอมีพอกิน มาสมัยน้ีชักจะไม่พอมีพอกิน จึงต้องมีนโยบายท่ีจะท�ำเศรษฐกิจ พอเพียง เพอื่ ทีจ่ ะให้ทกุ คนมีพอเพยี งได้...” “...ค�ำวา่ พอกเ็ พยี งพอ เพยี งนกี้ พ็ อดงั นนั้ เอง คนเราถา้ พอในความตอ้ งการ กม็ คี วามโลภนอ้ ย เมอื่ มคี วาม โลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศใดมีความคิด อันน้ีไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าท�ำอะไรต้อง พอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมขี องหรหู รากไ็ ด้ แตว่ า่ ตอ้ งไมไ่ ปเบยี ดเบยี นคนอนื่ ตอ้ งใหพ้ อประมาณ พดู จากพ็ อเพยี ง ท�ำอะไรกพ็ อเพยี ง ปฏิบตั ติ นก็พอเพยี ง…” “...อยา่ งเคยพดู เหมอื นกนั วา่ ทา่ นทงั้ หลายทนี่ ง่ั อยตู่ รงนี้ ถา้ ไมพ่ อเพยี งคอื อยากจะไปนงั่ บนเกา้ อข้ี องผทู้ ี่ อยู่ขา้ ง ๆ อนั นั้นไมพ่ อเพียงและท�ำไม่ได้ ถ้าอยากน่ังอยา่ งนน้ั ก็เดอื ดรอ้ นกนั แน่เพราะวา่ อึดอดั จะท�ำให้ทะเลาะ กนั และเม่อื มีการทะเลาะกันกไ็ มม่ ปี ระโยชน์เลย ฉะนัน้ ควรทจี่ ะคดิ วา่ ท�ำอะไรพอเพยี ง...” “...ถ้าใครมีความคิดอย่างหน่ึงและต้องการให้คนอื่นมีความคิดอย่างเดียวกับตัวซึ่งอาจจะไม่ถูก อันน้ีก็ ไม่พอเพียง การพอเพียงในความคิดก็คือแสดงความคิด ความเห็นของตัวและปล่อยให้อีกคนพูดบ้าง และมา พิจารณาว่าที่เขาพูดกับท่ีเราพูด อันไหนพอเพียงอันไหนเข้าเรื่อง ถ้าไม่เข้าเรื่องก็แก้ไขเพราะว่าถ้าพูดกันโดยท่ี ไมร่ ู้เรื่องกัน กจ็ ะกลายเปน็ การทะเลาะ จากการทะเลาะด้วยวาจากก็ ลายเปน็ การทะเลาะดว้ ยกาย ซง่ึ ในที่สดุ ก็ น�ำมาสู่ความเสยี หาย เสียหายแก่คนสองคนทเ่ี ป็นตัวการ เป็นตวั ละครทัง้ สองคน ถา้ เปน็ หม่กู ็เลยเปน็ การตีกนั อย่างรนุ แรง ซง่ึ จะท�ำให้คนอน่ื อีกมากเดอื ดรอ้ น ฉะนั้น ความพอเพยี งน้กี แ็ ปลว่า ความพอประมาณและความ มเี หตผุ ล...” ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ประมวลและกล่ันกรองจาก พระราชด�ำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เรอื่ งเศรษฐกจิ พอเพยี ง และขอพระราชทาน พระบรมราชานญุ าตน�ำไปเผยแพร่ ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงพระกรณุ าปรบั ปรงุ แก้ไขและทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานญุ าตตามทข่ี อพระมหากรุณา โดยมีใจความวา่ “เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการด�ำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ ระดบั ครอบครวั ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐ ทง้ั ในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ด�ำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจเพ่อื ให้กา้ วทนั ตอ่ โลกยคุ โลกาภวิ ัตน์ ความพอเพยี ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจ�ำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งมรี ะบบภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทดี่ พี อสมควร ตอ่ การมผี ลกระทบใด ๆ อนั เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงทง้ั ภายนอกและภายใน ทงั้ นี้ จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อยา่ งยิ่งในการน�ำวชิ าการต่าง ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการด�ำเนนิ การทุกขั้นตอน และขณะเดยี วกันจะต้อง เสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มี ส�ำนกึ ในคุณธรรมความซือ่ สตั ย์สุจรติ และให้มคี วามรอบรู้ที่เหมาะสม ด�ำเนนิ ชีวติ ด้วยความอดทน ความเพยี ร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและ กว้างขวางทง้ั ด้านวัตถุ สงั คม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เปน็ อยา่ งด”ี คณุ ลักษณะทส่ี �ำคัญของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงประกอบดว้ ย ๓ หว่ ง ๒ เงอื่ นไข คอื แนวทางการ ด�ำเนนิ ชวี ติ ใหอ้ ยบู่ นทางสายกลางตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอื่ พน้ จากภยั และวกิ ฤตกิ ารณต์ า่ ง ทเ่ี กดิ ขน้ึ ก่อให้เกิดคณุ ภาพชีวติ ทด่ี ีอยา่ งมัน่ คงและยั่งยนื หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลยี่ นแปลงส่สู ังคมทไี่ ม่ทนตอ่ การทจุ รติ 65

• ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีต่อความจ�ำเป็น ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไปและต้องไม่ เบยี ดเบยี นตนเองและผู้อ่ืน • ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจด�ำเนินการเรื่องต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลกั ศีลธรรมจรยิ ธรรมและวฒั นธรรมทดี่ ีงาม คดิ ถงึ ปัจจยั ทีเ่ ก่ยี วข้องอยา่ งถ่ีถ้วน โดยค�ำนงึ ถึงผล ที่คาดว่าจะเกิดขึน้ จากการกระท�ำนั้น ๆ อยา่ งรอบคอบ • มีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัวเอง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้าน เศรษฐกิจ สังคม สง่ิ แวดล้อมที่จะเกิดขนึ้ เพ่ือใหส้ ามารถปรบั ตวั และรับมอื ได้อยา่ งทนั ท่วงที เงื่อนไขในการตัดสินใจในการด�ำเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๑. เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ กย่ี วกบั วชิ าการตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบ ทจี่ ะน�ำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชือ่ มโยงกัน เพอ่ื ประกอบการวางแผนและความระมัดระวงั ในการปฏบิ ัติ ๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสรมิ สร้าง ประกอบด้วย มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วามซื่อสัตย์ สุจริตและมีความอดทน มคี วามเพยี ร ใช้สติปัญญาในการด�ำเนนิ ชีวติ ทม่ี า : ส�ำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ แนวทางด�ำเนินชวี ิตทางสายกลาง การพงึ่ ตนเอง ร้จู ักประมาณตนอยา่ ง มีเหตุผล อยู่บนพ้ืนฐานความรู้และคุณธรรมในการพิจารณา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด�ำเนินการไม่ได้เฉพาะ เจาะจงในเร่ืองของเศรษฐกิจแต่เพียงอยา่ งเดยี ว แต่ยงั ครอบคลมุ ไปถงึ การด�ำเนินชวี ิตดา้ นอื่น ๆ ของมนุษยใ์ ห้ อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข อย่างเช่น หากเรามีความพอเพียง เราจะไม่ทุจริต คดโกง ไม่ลักขโมยของ เบียดเบยี นผู้อืน่ กจ็ ะสง่ ผลให้ผ้อู ่ืนไมเ่ ดือดรอ้ น สงั คมกอ็ ยูไ่ ด้อย่างปกติสขุ 66 หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผ้นู ำ�การเปลย่ี นแปลงส่สู งั คมท่ีไมท่ นตอ่ การทุจรติ

แบบอยา่ งในเร่ืองของความพอเพียง เร่อื ง ฉลองพระองค์ บนความ “พอเพียง”: หนังสอื พิมพ์คม ชดั ลกึ ๒๔ ตลุ าคม ๒๕๕๙ นายสุนทร ชนะศรีโยธิน เจ้าของร้านสูท “วินสัน เทเลอร์” ได้บอกเล่าพระราชจริยวัตรในด้าน “ความพอเพยี ง” ทพ่ี ระองคท์ า่ นทรงปฏบิ ตั มิ าอยา่ งตอ่ เนอื่ งวา่ “นายต�ำรวจน�ำมาใหผ้ มซอ่ ม เปน็ ผา้ รดั อกส�ำหรบั เลน่ เรอื ใบสภาพเกา่ มากแลว้ นายต�ำรวจทา่ นนน้ั บอกวา่ ไมม่ รี า้ นไหนยอมซอ่ มใหเ้ ลย ผมเหน็ วา่ ยงั แกไ้ ขไดก้ ร็ บั มา ซ่อมแซมใหไ้ มค่ ิดเงิน เพราะแค่นกึ อยากบริการแกไ้ ขใหด้ ใี หล้ ูกค้าประทบั ใจ แตไ่ มร่ ูม้ ากอ่ นวา่ เขาเป็นเจา้ หนา้ ท่ี ในพระราชส�ำนักตอนนั้นผมบอกไม่คิดค่าตัดบอกเขาว่าไม่รับเงิน แก้ไขแค่นี้ ผมมีน�้ำใจ ผมเปิดร้านเส้ือเพราะ ต้องการให้มีช่ือเสียงด้านคุณภาพและบริการลูกค้ามากกว่า แก้ไขนิดเดียวก็อยากท�ำให้เขาดี ๆ ไม่ต้องเสียเงิน ตอนน้ันเขาถามผมอีกว่า แล้วจะเอามาให้ท�ำอีกได้ไหม เราก็บอกได้เลยผมบริการให้ จากนั้นเราก็รับแก้ชุดให้ ให้นายต�ำรวจท่านน้ีเรอ่ื ย ๆ เขาขอให้คิดเงินก็ไม่คิดให้ พอคร้ังท่ี ๕ นสี่ ิ ท่านเอาผา้ มา ๔-๕ ผืน จะให้ตัดถามผม วา่ เท่าไหร่ ๆ แลว้ กร็ ีบควกั นามบัตรมาให้ผม ทา่ นชื่อ พล.ต.ต.จรัส สุดเสถียร ต�ำแหน่งเขยี นวา่ เป็นนายต�ำรวจ ประจ�ำราชส�ำนัก ท่านบอกวา่ “ส่ิงที่เถา้ แกท่ �ำให้เปน็ ของพระเจา้ อยูห่ ัวนะ” ผมอ้ึงมากรบี ยกมอื ท่วมหวั ดีใจที่ ได้รบั ใชเ้ บื้องพระยุคลบาทแล้ว” นายสนุ ทรเล่าด้วยน�้ำเสียงตื้นตันใจแต่ละฉลองพระองค์ทไี่ ด้รับมาใหซ้ ่อมแซม ถ้าเปน็ คนอ่ืนผ้าเก่าขนาดนน้ั เขาไมซ่ ่อมกนั แล้ว เอาไปท้ิงหรือให้คนอน่ื ๆ ได้แล้ว แตพ่ ระเจา้ อย่หู วั รัชกาลที่ ๙ ทรงมีความมธั ยัสถ์ แต่ละองคท์ เ่ี อามาเก่ามาก เชน่ เสอ้ื สูทสฟี ้าชยั พฒั นา ผ้าเก่าสีซีดมากแลว้ ตรงตราชยั พฒั นา มัวหมอง ตรงดน้ิ ทองกห็ ลุดเกือบหมด ผมเอามาแกะหมดเลยใหโ้ รงงานปักใหมใ่ หเ้ หมือนแบบเดิม เพราะเข้าใจ ว่าทา่ นอยากได้ฉลองพระองคอ์ งค์เดมิ แต่เปลี่ยนตราให้ดูใหม่ ถ้าสมมตุ ิวนั นีม้ ีเจ้าหน้าทมี่ าส่งซ่อม พร่งุ นเ้ี ยน็ ๆ ผมก็ท�ำเสร็จส่งคืนเข้าไป เจ้าหน้าท่ีท่ีมารับฉลองพระองค์ชอบถามว่า ท�ำไมท�ำไว ผมตอบเลยว่า เพราะตั้งใจ ถวายงานครับ ผมอยูผ่ ืนแผ่นดนิ ไทย ใตร้ ่มพระบารมขี องพระองค์ ผมกอ็ ยากได้รบั ใช้เบ้อื งพระยคุ ลบาทสกั เร่ือง ผมเป็นแค่ช่างตัดเส้ือ ไดร้ ับใชข้ นาดนผ้ี มกป็ ลม้ื ปีตทิ ี่สุดแลว้ “ผมถือโอกาสน�ำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านมาใช้ตลอด เส้ือผ้าเก่า ๆ ท่ีได้รับมาวันแรก ท�ำใหร้ ู้วา่ พระองคท์ รงอย่อู ยา่ งประหยดั มัธยสั ถ์ ทรงเป็นแบบอยา่ งความพอเพียงใหแ้ กป่ ระชาชน และเมอื่ ได้ ถวายงานบอ่ ยครงั้ ท�ำใหผ้ มตระหนกั วา่ คนเราวนั หนงึ่ ตอ้ งคดิ พจิ ารณาตวั เองวา่ สง่ิ ไหนบกพรอ่ งกต็ อ้ งแกไ้ ขสงิ่ นนั้ ทุกคนต้องแก้ไขส่ิงท่ีบกพร่องก่อน งานถึงจะบรรลุเป้าหมาย และเม่ือประสบความส�ำเร็จแล้วอย่าลืมตั้งใจท�ำ ส่ิงดี ๆ ให้ประเทศชาติตลอดไป” ขอ้ คิดและข้อปฏิบัติดี ๆ ที่ได้จากพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ของช่างสุนทร ฉลองพระบาท ก.เปรมศลิ ป์ ชา่ งซอ่ มฉลองพระบาท รอยเทา้ ในหลวง ร. ๙ รอยเทา้ ของความพอเพยี ง นายศรไกร แนน่ ศรีนิลหรอื ช่างไก่ ช่างนอกราชส�ำนกั ผถู้ วายงานซ่อมฉลองพระบาท ในหลวงรัชกาลท่ี ๙ มานานกว่า ๑๐ ปี ปัจจุบนั ยังเปน็ เจา้ ของร้านซอ่ มรองเท้า ก.เปรมศลิ ป์ บริเวณสีแ่ ยกพิชัย เขตดุสิต กรุงเทพฯ ประมาณปี ๒๕๔๖ มีลูกค้าสวมชุดพระราชส�ำนักมา ๒ คน เดินประคองถุงผ้าลายสก๊อต ด้านในเป็นรองเท้า เข้ามาในร้าน พอวางรองเท้าลงก็ก้มลงกราบ เลยถามว่า เอาอะไรมาให้ ลูกค้ารายน้ันตอบว่า ฉลองพระบาท ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ได้ยินเท่าน้ัน ท�ำตัวไม่ถูก ขนลุก พดู อะไรไมถ่ ูก ในใจคดิ แต่เพียงว่าโชคดแี ล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้ซ่อมรองเท้าของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ช่างไก่ เล่าว่า รองเท้าคู่แรกท่ีในหลวง ร. ๙ ทรงน�ำมาซอ่ ม เปน็ รองเทา้ หนงั สดี �ำ ทรงคทั ชู แบรนดไ์ ทย เปน็ ฉลองพระบาทคโู่ ปรดของพระองค์ เบอร์ ๔๓ เทา่ ทสี่ งั เกตสภาพช�ำรดุ ทรดุ โทรม ราวกบั ใสใ่ ชง้ านมาแลว้ หลายสบิ ปี ภายในรองเทา้ ผกุ รอ่ นหลดุ ลอกหลายแหง่ ถา้ เปน็ คนทั่วไปจะแนะน�ำใหท้ ้งิ แล้วซือ้ ใหม่ หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผู้นำ�การเปลย่ี นแปลงสูส่ ังคมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทจุ รติ 67

“จรงิ ๆ ผมใชเ้ วลาซอ่ มรองเทา้ คนู่ น้ั ไมถ่ งึ ๑ ชว่ั โมงกเ็ สรจ็ แตด่ ว้ ยความทอี่ ยากใหร้ องเทา้ คนู่ นั้ อยใู่ นบา้ น ให้นาน เลยบอกเจ้าหน้าทีว่ า่ ใช้เวลาซ่อม ๑ เดือน ซึง่ ฉลองพระบาทคนู่ ้ี ทรงโปรดใชท้ รงดนตร”ี นับจากน้ันเป็นต้นมาช่างไก่ยังมีโอกาสได้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาทอีกหลายคู่ ซ่ึงคู่ท่ี ๒ และคู่ที่ ๓ เปน็ รองเทา้ หนังสีด�ำ ทรงคัทชู คู่ที่ ๔ ฉลองพระบาทหนงั วัว ทรงฮาฟมักใสใ่ นงานราชพธิ ี ซงึ่ ฉลองพระบาทค่นู ้ี มีรอยพระบาทติดมากบั แผ่นรองเท้า ชา่ งไก่เกบ็ แผน่ รองเท้าไว้ที่รา้ นเพอ่ื ความเป็นสิรมิ งคล สว่ นฉลองพระบาท คูท่ ่ี ๕ ทรงน�ำมาเปล่ยี นพื้น ฉลองพระบาทคทู่ ่ี ๖ เป็นรองเทา้ เปิดสน้ ซง่ึ คุณทองแดง สุนัขทรงเล้ยี งกัด รวมแล้ว ทง้ั หมด ๖ คู่ “ผมซอ่ มฉลองพระบาททกุ คอู่ ยา่ งสดุ ความสามารถ ซงึ่ รองเทา้ ของพระองคจ์ ะน�ำไปวางปนกบั ของลกู คา้ คนอื่นไม่ได้ เลยซ้ือพานมาใส่พร้อมกับผ้าสีเหลืองมารอง แล้วน�ำไปวางไว้ที่สูงที่สุดในร้าน เพราะท่านคงทรง โปรดมาก สภาพรองเท้าช�ำรุดมาก ซับในรองเท้าหลุดออกมาหมด ถ้าเป็นเศรษฐีทั่วไปคงจะไม่น�ำมาใช้แล้ว แต่น่พี ระองค์ยงั ทรงใช้คู่เดิมอยู”่ ประการส�ำคญั ทที่ �ำใหช้ ายผนู้ ไี้ ดเ้ รยี นรจู้ ากพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช คอื “ความ พอเพยี ง” ขนาดฉลองพระบาทขาดและเกา่ ยงั สง่ มาซอ่ ม หากคนไทยเดนิ ตามรอยของพระองคท์ า่ น ชวี ติ ไมฟ่ งุ้ เฟอ้ จะเปน็ สุขกนั มากกว่าน้ี “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เขียนไวใ้ นหนังสอื “ใต้เบ้อื งพระยุคลบาท” “...พระองคท์ า่ น ทรงเปน็ ผนู้ �ำอยา่ งแทจ้ รงิ ดแู คฉ่ ลองพระบาทเปน็ ตน้ พวกตามเสดจ็ ฯ ทง้ั หลายใสร่ องเทา้ นอก และย่ิงมาจากต่างประเทศใส่แล้วนุ่มเท้าดี พระองค์กลับทรงรองเท้าที่ผลิตในเมืองไทยคู่ละร้อยกว่าบาท สีด�ำเหมอื นอยา่ งท่นี กั เรยี นใส่กัน แมก้ ระท่ังพวกเรายงั ไม่ซ้ือใส่เลย...” “ดร.สุเมธ ตันตเิ วชกลุ ” เขียนไวใ้ นหนังสอื “ใต้เบ้อื งพระยุคลบาท” นาฬกิ าบนขอ้ พระกร วนั งานเปดิ ตวั รายการทวี ี “ธรรมดที พี่ อ่ ท�ำ” และงานสมั มนา “ถอดรหสั ” ธรรมดที พี่ อ่ ท�ำ พอเรม่ิ บรรยาย ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกุล ถามผูฟ้ งั ว่า พวกเรามเี สื้อผ้าคนละกีช่ ดุ ใสน่ าฬกิ าเรือนละเทา่ ไหร่ หลายคนแยง่ กันตอบ และพากันอึง้ เมื่อ ดร.สเุ มธ ตันติเวชกลุ เล่าว่า “คร้งั หนึ่ง ผมพยายามจะแอบดวู า่ พระองค์ท่านใส่นาฬิกายห่ี ้อ อะไร จนพระองค์ท่านรู้สึกได้ว่าผมพยายามอยากจะดูย่ีห้อ ท่านจึงย่ืนข้อพระหัตถ์มาให้ดูตรงหน้า จึงทราบ ว่าพระองค์ท่านใส่นาฬิการาคาเพียงเรือนละ ๗๕๐ บาทเท่านั้นซึ่งก็เดินตรงเหมือนกันกับนาฬิกาเรือนแพง แม้กระท่ังฉลองพระองค์ก็ทรงมีไม่ก่ีชุด ทรงใช้จนเปื่อยซีด แต่พวกเรามักคิดว่า การมีแบบเหลือกินเหลือใช้ จงึ จะดี เพราะคนสมยั นเี้ รมิ่ ไมเ่ อาเกษตรกรรม แตเ่ ลอื กทจี่ ะท�ำอตุ สา่ หากรรม (เปน็ ศพั ทท์ บี่ ญั ญตั ขิ น้ึ เอง) สดุ ทา้ ย อนาคตก็จะอดกิน” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ถามอีกว่า คนในห้องน้ีมีรองเท้าคนละกี่คู่ ก็มีนักธุรกิจสตรีตอบว่า ร้อยกว่าคู่ ดร.สเุ มธ จงึ ถามตอ่ วา่ วนั นใ้ี สม่ ากค่ี ู่ ถา้ จะใชใ้ หค้ มุ้ ท�ำไมไมเ่ อามาแขวนคอดว้ ย (ท�ำเอาบรรยากาศในหอ้ งเงยี บสงดั เพราะโดนใจกันเตม็ ๆ) ก่อนจะบอกว่า พระองคท์ รงฉลองพระบาทค่ลู ะ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ขณะท่ขี า้ ราชบรพิ าร ใส่รองเท้าคู่ละ ๓-๔ พัน แต่เวลาที่พระองค์ทรงออกเย่ียมราษฎรในพ้ืนที่ห่างไกล ที่สุดแล้วข้าราชบริพาร ก็เดินตามพระองค์ไม่ทันอยู่ดี เวลาเดินคนเราใส่รองเท้าได้คู่เดียว อีกท้ังฉลองพระบาทของพระองค์ยังถูกน�ำ ส่งไปซ่อมแลว้ ซ่อมอกี 68 หลกั สูตรสร้างวิทยากรผ้นู ำ�การเปล่ยี นแปลงส่สู ังคมทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ ริต

ดนิ สอทรงงาน สารคดีเฉลมิ พระเกียรตเิ นอื่ งในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ หมวด พระบารมีบันดาล ตอน ดินสอของพระเจา้ อยู่หัว ดินสอธรรมดาซ่ึงคนท่ัวไปอาจหาซื้อได้ด้วยราคาเพียงไม่ก่ีบาทน้ีเป็นดินสอชนิดเดียวที่ปรากฏอยู่บน พระหตั ถข์ องพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ขณะทรงงานอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำรติ ่าง ๆ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงดินสอไม้ธรรมดา ๆ โดยมบี นั ทกึ วา่ ในปีหนงึ่ ๆ ทรงเบิกดินสอใช้เพียง ๑๒ แท่ง โดยทรงใช้ดินสอเดือนละ ๑ แท่งเท่าน้ัน เมื่อดินสอสั้นจะทรงใช้กระดาษ มามว้ นตอ่ ปลายดนิ สอใหย้ าวเพอื่ ใหเ้ ขยี นไดถ้ นดั มอื จนกระทงั่ ดนิ สอนน้ั กดุ ใชไ้ มไ่ ดแ้ ลว้ เนอ่ื งจาก พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมแี นวพระราชด�ำริที่เปน็ เหตุ เปน็ ผล ดินสอ ๑ แทง่ ทา่ นไมไ่ ด้มองว่าเรา ตอ้ งประหยดั เงนิ ในกระเปา๋ แตท่ า่ นมองวา่ ดนิ สอ ๑ แทง่ ตอ้ งใชท้ รพั ยากรหรอื พลงั งานเทา่ ไหร่ ตอ้ งใชท้ รพั ยากร ธรรมชาติ คอื ไม้ แรธ่ าตทุ ีท่ �ำไส้ดินสอ การน�ำเข้าวตั ถุดิบท่นี �ำเขา้ ต่างประเทศ พลงั งานในกระบวนการผลติ และ ขนสง่ ดงั นน้ั การผลติ ดนิ สอทกุ แทง่ มผี ลตอ่ การรายรบั รายจา่ ยของประเทศ เปน็ สว่ นหนงึ่ มลู คา่ สนิ คา้ น�ำเขา้ ดา้ น วัตถุดิบและเป็นการน�ำทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีจ�ำกัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความประหยัดไม่ใช่หมายถึง การไม่ใช้ แตย่ งั รวมถึงการใชส้ งิ่ ต่าง ๆ อยา่ งมสี ตแิ ละมเี หตุผล อันเปน็ ส�ำคญั ของเศรษฐกจิ พอเพียง “ดร.สเุ มธ ตันติเวชกลุ ” เขยี นไว้ในหนังสอื “ใตเ้ บอื้ งพระยุคลบาท” “ท่านผู้หญิงบุตรี” บอกผมมาว่า ปีหน่ึงท่านทรงเบิกดินสอ ๑๒ แท่ง เดือนละแท่ง ใช้จนกระท่ังกุด ใครอย่าได้ไปทิ้งของพระองค์ทา่ นนะ จะทรงกร้ิว ทรงประหยัดทกุ อยา่ ง ทรงเป็นตน้ แบบทกุ อย่าง ของทุกอยา่ ง มีค่าส�ำหรับพระองค์ท่านท้ังหมด ทุกบาท ทุกสตางค์ จะทรงใช้อย่างระมัดระวัง ทรงสั่งให้เราปฏิบัติงาน ด้วยความรอบคอบ... หลอดยาสีพระทนต์ หลอดยาสพี ระทนตข์ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มลี กั ษณะแบนราบเรยี บคลา้ ย แผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยิ่งปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด สาเหตุท่ีเป็นเช่นนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋มศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์ หญงิ ทา่ นผหู้ ญงิ เพช็ รา เตชะกมั พชุ ทนั ตแพทยป์ ระจ�ำพระองค์ อดตี คณบดคี ณะทนั ตแพทยศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ไดเ้ ขียนเลา่ ในวา่ “ครง้ั หนึง่ ทันตแพทยป์ ระจ�ำพระองค์ กราบถวายบังคมทูลเรอ่ื งศิษยท์ ันตแพทย์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย บางคนมีคา่ นิยมในการใชข้ องต่างประเทศ และมีราคาแพง รายท่ไี ม่มที รัพยพ์ อซ้ือหา กย็ งั ขวนขวาย เชา่ มาใชเ้ ปน็ การชวั่ ครงั้ ชว่ั คราว ซงึ่ เทา่ ทที่ ราบมา มคี วามแตกตา่ งจากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ที่ทรงนยิ มใชก้ ระเป๋าท่ีผลิตภายในประเทศเช่นสามัญชนท่วั ไป ทรงใชด้ นิ สอสั้นจนต้องตอ่ ดา้ ม แมย้ าสีพระทนต์ ของพระองค์ท่าน ก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบนจนแน่ใจว่าไม่มียาสีพระทนต์หลงเหลืออยู่ใน หลอดจริง ๆ ” “เม่ือกราบบังคมทูลเสร็จ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวทรงรบั สัง่ ว่า ของพระองคท์ า่ นก็เหมอื นกัน และ ยังทรงรับสงั่ ต่อไปอีกด้วยว่า เม่อื ไมน่ านมานีเ้ องมหาดเล็กห้องสรง เหน็ ว่ายาสีพระทนตข์ องพระองค์คงใชห้ มด แล้วจึงได้น�ำหลอดใหม่มาเปล่ียนให้แทน เม่ือพระองค์ได้ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขาน�ำยาสีพระทนต์หลอดเก่า มาคืนและพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปได้อีกถึง ๕ วัน จะเห็นได้ว่าในส่วนของพระองค์ท่านเองน้ัน ทรงประหยดั อยา่ งยงิ่ ซงึ่ ตรงกนั ขา้ มกบั พระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคท์ ท่ี รงพระราชทานเพอื่ ราษฎรผยู้ ากไรอ้ ยเู่ ปน็ นจิ ” หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมท่ไี ม่ทนต่อการทจุ รติ 69

“พระจรยิ วตั รของพระองค์ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ อย่างแจ่มชัดถงึ พระวริ ยิ ะ อุตสาหะ ตลอดจนความประหยัด ในการใช้ของอย่างคุ้มค่า หลังจากน้ันทันตแพทย์ประจ�ำพระองค์ได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอด ยาสพี ระทนตห์ ลอดนน้ั เพอื่ น�ำไปใหศ้ ษิ ยไ์ ดเ้ หน็ และรบั ใสเ่ กลา้ เปน็ ตวั อยา่ งเพอื่ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นโอกาสตอ่ ๆ ไป” “ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานส่งหลอดยาสีพระทนต์เปล่า หลอดนั้นมาให้ถึงบ้าน ทันตแพทย์ประจ�ำพระองค์รู้สึกซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้ายิ่ง เม่ือได้ พจิ ารณาถงึ ลักษณะของหลอดยาสีพระทนตเ์ ปล่าหลอดนัน้ แลว้ ท�ำใหเ้ กดิ ความสงสยั ว่า เหตุใดหลอดยาสีพระทนต์ หลอดนี้จึงแบนราบเรียบโดยตลอด คล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยังปรากฏรอยบุ๋มลึก ลงไปเกอื บถงึ เกลียวคอหลอด เม่ือไดม้ ีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อกี ครง้ั ในเวลาตอ่ มา จึงได้รับค�ำอธบิ ายจากพระองคว์ ่า หลอดยาสพี ระทนตท์ เี่ หน็ แบนเรยี บนน้ั เปน็ ผลจากการใชด้ า้ มแปรงสพี ระทนตช์ ว่ ยรดี และกดจนเปน็ รอยบมุ๋ ทเี่ หน็ นน่ั เอง และเพอ่ื ทจี่ ะขอน�ำไปแสดงใหศ้ ษิ ยท์ นั ตแพทยไ์ ดเ้ หน็ เปน็ อทุ าหรณ์ จงึ ไดข้ อพระราชานญุ าต ซง่ึ พระองค์ ท่านก็ไดท้ รงพระเมตตาด้วยความเต็มพระราชหฤทยั ” รถยนต์พระทีน่ ง่ั นายอนนั ต์ รม่ รนื่ วาณชิ กจิ ชา่ งดแู ลรถยนตพ์ ระทนี่ ง่ั ไดใ้ หส้ มั ภาษณร์ ายการตสี บิ เมอ่ื วนั ที่ ๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๒ โดยมีใจความว่า “คร้ังหนึ่งผมต้องซ่อมรถตู้เชฟโรเลต ซึ่งเป็นรถท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแกส่ มเด็จพระเทพรตั นฯ สมัยท่านเรียนจบที่จุฬาฯ และเปน็ คนั โปรดของท่านด้วย ก่อนซ่อมข้าง ประตดู า้ นท่ีทา่ นประทบั เวลาฝนตกจะมนี ้�ำหยด แต่หลงั จากท่ีซอ่ มแลว้ วันหนึ่งท่านกร็ บั สัง่ กับสารถวี า่ วันนี้รถ ดแู ปลกไป นำ�้ ไมห่ ยด อยา่ งนกี้ ็ไม่เย็นนะ่ สิ แตก่ ด็ ีเหมือนกนั ไมต่ ้องเอากระปอ๋ งมารอง” นายอนันต์ เปดิ เผยวา่ ภายในรถยนตพ์ ระทน่ี งั่ ของแตล่ ะพระองคน์ ั้น เรยี บงา่ ยมากไมม่ ีอะไรเลยทเ่ี ปน็ สง่ิ อ�ำนวยความสะดวก มีแต่ถัง ขยะเล็ก ๆ กบั ทีท่ รงงานเท่าน้นั ส่วนการไดม้ โี อกาสดูแลรถยนต์พระทีน่ ง่ั ท�ำให้ได้เห็นถึงพระราชกรณียกจิ ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยนั้น นายอนันต์ กล่าวว่า คร้ังหนึ่งมีรถยนต์พระที่นั่งท่ีเพิ่งทรงใช้ในพระราช กรณยี กจิ มาท�ำ เหน็ วา่ พรมใตร้ ถมนี ำ�้ แฉะขงั อยแู่ ละมกี ลนิ่ เหมน็ ดว้ ย แสดงวา่ พระองคท์ า่ นทรงน�ำรถไปทรงพระ ราชกรณยี กจิ ในทท่ี นี่ ำ้� ทว่ ม แถมนำ�้ ยงั ซมึ เขา้ ไปในรถพระทนี่ งั่ ดว้ ย แสดงวา่ นำ้� กต็ อ้ งเปยี กพระบาทมาตลอดทาง จึงถามสารถีวา่ ท�ำไมไม่รบี เอารถมาซ่อม กไ็ ดค้ �ำตอบวา่ ตอ้ งรอให้เสรจ็ พระราชกรณียกจิ ก่อน เม่อื พิธกี รถามว่า จากการท่ไี ด้มโี อกาสรบั ใช้เบอื้ งพระยคุ ลบาท ไดเ้ ห็นถึงความพอเพียงของพระองค์อย่างไร นายอนันต์ ตอบว่า “ปกติถ้าทรงงานส่วนพระองค์ ท่านก็ใช้รถคันเล็กเพ่ือประหยัดน้�ำมัน และเมื่อเราสังเกตสีรถพระที่น่ัง จะเห็น วา่ มรี อยสถี ลอกรอบคนั รถ กว่าทท่ี ่านจะน�ำมาท�ำสใี หมก่ ร็ อบคันแล้ว แตค่ นใชร้ ถอยา่ งเราแค่รอยนิดเดยี วกร็ ีบ เอามาท�ำสแี ลว้ และครง้ั หนง่ึ ระหวา่ งทผ่ี มก�ำลงั ประสานงานไปรบั รถพระทน่ี ง่ั ของสมเดจ็ พระเทพรตั นฯ กม็ วี ทิ ยุ ของขา้ ราชบริพารบอกกนั ว่ารถตดิ มาก สมเดจ็ พระเทพรัตนฯ เสด็จฯ ขึ้นรถไฟฟ้าไปแลว้ ” ห้องทรงงาน ห้องทรงงานพระต�ำหนักจิตรลดารโหฐานไม่ได้หรูหราประดับด้วยของแพงแต่อย่างใด เวลาทรงงาน จะประทับบนพน้ื พระต�ำหนักจติ รลดารโหฐาน มไิ ด้ประทบั พระเก้าอเ้ี วลาทรงงาน เพราะทรงวางสิ่งของตา่ ง ๆ ไดส้ ะดวก หอ้ งทรงงานเปน็ หอ้ งเลก็ ๆ ขนาด ๓ x ๔ เมตร ภายในหอ้ งทรงงานจะมวี ทิ ยุ โทรทศั น์ โทรสาร โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ เทเล็กซ์เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ อากาศ เพื่อจะได้ทรงสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ ทนั ทว่ งที โดยผนังห้องทรงงานโดยรอบมีแผนท่ีทางอากาศแสดงถึงพื้นท่ีประเทศ 70 หลักสูตรสร้างวิทยากรผ้นู ำ�การเปลยี่ นแปลงส่สู งั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ รติ

หอ้ งทรงงานของพระองคก์ เ็ ปน็ อกี สง่ิ หนง่ึ ทเ่ี ตอื นสตคิ นไทยไดอ้ ยา่ งมาก โตะ๊ ทรงงานหรอื เกา้ อโ้ี ยกรปู ทรงหรหู รา ไม่เคยมีปรากฏในห้องนี้ ดังพระราชด�ำรัสของพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนหนึ่งท่ีว่า “...ส�ำนักงานของท่าน คือ ห้องกว้าง ๆ ไม่มีเก้าอ้ี มีพื้น และท่านก็ก้มทรงงานอยู่กับพื้น...” นั่นเอง นับเป็น แบบอย่างของความพอดี ไมฟ่ งุ้ เฟ้อโดยแท้ “ห้องทรงงาน” เป็นเพยี งห้องขนาดธรรมดา กว้างยาวรวม ๕ คณู ๑๐ เมตร โปร่ง ๆ โลง่ ๆ พ้ืนทเี่ ป็น ไม้ปาร์เกต์ ผมกราบบังคมทูลและถวายต�ำรา จากน้ันได้ทรงสอบถามรายละเอียดของต�ำราพร้อมทั้งเรื่องราว ความคืบหน้างานอน่ื ทีก่ �ำลงั ด�ำเนินเปน็ เวลากว่าหน่ึงชว่ั โมง เครื่องประดับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฉลองพระองค์ธรรมดา ห้อยกล้องถ่ายภาพไว้ท่ี พระศอ มทิ รงโปรดการสวมใสเ่ ครือ่ งประดบั อน่ื เช่น แหวน สร้อยคอหรือของมีคา่ ต่าง ๆ เวน้ แต่นาฬกิ าบนข้อ พระกรเท่านั้น ซง่ึ กไ็ มไ่ ดม้ ีราคาแพงแตอ่ ยา่ งใด “...เครื่องประดับ พระองค์ก็มิทรงโปรดที่จะสวมใส่สักช้ิน นอกเสียจากว่าจะทรงแต่งองค์เพ่ือเสด็จฯ ไปงานพระราชพิธตี า่ ง ๆ หรอื ต้อนรบั แขกบ้านแขกเมอื งเทา่ นน้ั ...” ดร.สเุ มธ ตนั ติเวชกลุ เขียนไวใ้ นหนงั สือ “ใต้เบ้ืองพระยุคลบาท” “...เมอื่ ปี ๒๕๒๔ ทไ่ี ด้รบั แตง่ ตงั้ จากรฐั บาลใหไ้ ปถวายงาน ผมตน่ื เตน้ มาก สังเกตรายละเอยี ดรอบ ๆ ตัว ไปเสยี ทกุ อยา่ ง มองไปทขี่ อ้ พระหตั ถว์ า่ ทรงใชน้ าฬกิ าอะไร มองจนพระองคท์ รงยนื่ ขอ้ พระหตั ถม์ าใหด้ ู ทรงตรสั อย่างมีพระอารมณ์ขนั ว่า “ย่ีหอ้ ใส่แลว้ โก้” ผมจ�ำแบบไว้ เพราะอยากรวู้ ่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้ นาฬิกาเรอื นละเทา่ ไร พอวนั หยุดก็รบี ไปทีร่ ้าน กท็ ราบวา่ มีราคาเพียงแค่ ๗๕๐ บาท...” “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เขียนเล่าไว้ใน “ประสบการณ์สนองพระราชด�ำริเรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ” พระต�ำหนกั จิตรลดา พระต�ำหนกั จติ รลดา “...ไมม่ พี ระราชวงั ไหนในโลกเหมอื นพระต�ำหนกั จติ รลดา และบรเิ วณสวนจติ รลดา ท่ีเต็มไปด้วยบ่อเล้ียงปลา และไร่นาทดลอง อีกท้ังผองโคนม ผสมด้วยโรงสีและโรงงานหลากหลาย จึงพูดได้ เตม็ ปากว่า ในประเทศไทยไม่มชี ่องวา่ งระหวา่ งเกษตรกรกบั พระมหากษตั ริย์ ผทู้ รงท�ำงานอยา่ ง “หลังสฟู้ ้าหนา้ ส้ดู ิน” ด้วยพระองคเ์ อง” ซองเอกสารต่าง ๆ ทจี่ ะส่งขน้ึ ทลู เกลา้ “... แต่หากเป็นเรื่อง “งานในราชการ” แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรม ราโชวาทมายังข้าราชบริพารในพระองค์ว่า “เอกสารต่าง ๆ ท่ีจะส่งข้ึนทูลเกล้าฯ ถวาย หากเป็นซองแล้ว กข็ อใหต้ ิดกาวเฉพาะตรงหัวมมุ หรอื หากเป็นตอ้ งใช้เทปกาวตดิ กใ็ หต้ ดิ แค่สองนวิ้ กพ็ อ ไมใ่ ช่ปิดทง้ั หมด เพราะ เป็นการเปลืองเทปและเปิดยาก” พระองค์จะไม่พอพระราชหฤทัย เพราะไม่เป็นการประหยัด ซ่ึงตรงนี้เป็น สงิ่ ส�ำคญั นอกจากน้ี กระดาษและซองจดหมายภายใน หากไมใ่ ชเ่ อกสารส�ำคญั กค็ วรใชก้ ระดาษรไี ซเคลิ แตห่ าก เป็นจดหมายลบั หรอื ส�ำคญั กส็ ามารถใช้ของใหม่ได้” หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมที่ไม่ทนตอ่ การทจุ ริต 71

บรรณานุกรม จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . (๒๕๕๙). ใตร้ ม่ พระบารมพี ระบรมธรรมกิ ราชา. กรงุ เทพฯ: ศนู ยห์ นงั สอื จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยรู ธมฺมจติ โต). (๒๕๓๘). จรรยาบรรณขา้ ราชการ. กรุงเทพฯ: สหธรรมกิ . พระราชด�ำรัสพระราชทานแก่บุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจิตรลดาฯ พระราชวงั ดุสติ วันศุกรท์ ี่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑. สืบคน้ เมอ่ื ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐, จาก http://www.amarin.com/royalspeech/speech๔๑.htm พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. มูลนธิ ิพุทธธรรม.พระเมธธี รรมาภรณ์ (ประยรู ธมฺมจติ โต). (๒๕๓๙). คุณธรรมส�ำหรับนักบรหิ าร. กรงุ เทพฯ: สหธรรมกิ . มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง. (๒๕๕๕). ตามรอยพระราชด�ำรัสสู่ “ปรัชญญาเศรษฐกิจพอเพียง”. กรุงเทพฯ: เพชรร่งุ เรอื ง. ยทุ ธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ . สืบค้นเมื่อ ๑๖ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๐, จาก https:// www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=๓๖ วศิน อินทสระ. (๒๕๔๑). พุทธจรยิ ศาสตร์. กรงุ เทพฯ: ทองกวาว. สมบตั ิ คชสทิ ธิ์ และคณะ. (๒๕๕๑). ตามรอยเบอ้ื งพระยคุ ลบาท. ปทุมธานี: งานวชิ าศกึ ษาทัว่ ไป: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ.์ ส�ำนกั งานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสุขภาพ และมูลนธิ สิ ดศรี-สฤษดิ์วงศ์. (๒๕๔๙). ค�ำพ่อสอน: ประมวล พระบรมราโชวาทและพระราชด�ำรสั เก่ียวกับความสขุ ในการด�ำเนนิ ชีวติ . กรงุ เทพฯ: ประสขุ ชยั . ส�ำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม. (๒๕๕๗). คู่มือการขับเคล่ือนงานการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมในมิติ วัฒนธรรม. กรงุ เทพฯ: องคก์ ารสงเคราะหท์ หารผ่านศึก. สเุ มธ ตันติเวชกลุ . (๒๕๔๘). หลกั ธรรม หลกั ท�ำ ตามรอยพระยคุ ลบาท. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพมิ พ.์ สุเมธ ตันติเวชกลุ . (๒๕๔๔). ใตเ้ บอื้ งพระยุคลบาท. กรงุ เทพฯ: มติชน. 72 หลักสูตรสร้างวิทยากรผ้นู �ำ การเปลีย่ นแปลงสู่สงั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต

วิชาท่ี ๔ การฝกึ ปฏบิ ัติการเปน็ วิทยากร หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สงั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจริต วิชาที่ ๔ : เร่อื ง การฝึกปฏบิ ตั กิ ารเป็นวิทยากร จ�ำนวนช่ัวโมง : ๖ ช่ัวโมง เรอื่ ง การฝกึ ปฏบิ ัติการเป็นวทิ ยากร สาระสำ�คัญ วชิ านเี้ ปน็ การฝกึ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยมบี ทบาทในการเปน็ วทิ ยากรถา่ ยทอดความรใู้ นประเดน็ ใดประเดน็ หนงึ่ จาก ๓ ประเด็น โดยเลอื กใชเ้ ทคนคิ ฝกึ อบรมแบบตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสมกบั เนอื้ หา วัตถุประสงค์ เพอ่ื ฝกึ ทกั ษะการเปน็ วทิ ยากรทถ่ี า่ ยทอดองคค์ วามรใู้ นเรอ่ื งการคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งต้านทุจริต ขอบเขตเน้ือหา การฝึกปฏบิ ตั ิถา่ ยทอดความรู้ ตามท่ีก�ำหนดได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม วธิ ีการฝกึ อบรม - ๓ ช่ัวโมงแรก ให้ผู้เข้าร่วมทุกคนแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติการเป็นวิทยากรโดยสุ่มหัวข้อวิชาการบรรยาย จาก ๓ วชิ า โดยใหว้ ิทยากรประเมนิ - ๓ ชว่ั โมงหลัง วทิ ยากรให้ข้อเสนอแนะกระบวนการหลากหลาย ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint ฝกึ ปฏิบตั ิ หรอื ส่ืออื่น ๆ ท่เี หมาะสม การวัดและประเมินผล การประเมนิ ฝึกปฏบิ ัตกิ ารเปน็ วทิ ยากร (๔๐ คะแนน) หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงสูส่ งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทจุ ริต 73

เนอื้ หาโดยสังเขป หลกั สตู รสร้างวทิ ยากรผ้นู �ำการเปล่ยี นแปลงสูส่ งั คมที่ไม่ทนต่อการทุจรติ วชิ าท่ี ๔ : เร่ือง การฝึกปฏิบัติการเป็นวิทยากร จ�ำนวนชั่วโมง : ๖ ชั่วโมง รายละเอียดเนื้อหา เทคนิคการเป็นวิทยากรมอื อาชีพ การที่บุคคลใดก็ตามท่ีจะก้าวเข้าสู่การเป็นวิทยากรได้นั้น จ�ำเป็นจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการสอนและ การถา่ ยทอดความรตู้ า่ ง ๆ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การอบรม การทจี่ ะเปน็ วทิ ยากรฝกึ อมรมทด่ี ตี อ้ งเปน็ ผทู้ นั สมยั อยเู่ สมอ มคี วามรอบรใู้ นวทิ ยาการใหม่ ๆ ใฝห่ าความรูอ้ ย่เู ปน็ นิจ มศี ิลปะในการถา่ ยทอดความรู้ ความหมายของวทิ ยากร วิทยากร คือ ผู้ท่ีท�ำหน้าท่ีเป็นตัวการส�ำคัญ ท่ีจะท�ำให้ผู้เข้ารับการอบรม เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดทักษะ เกิดทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับเรื่องที่อบรม จนกระทั่งผู้เข้ารับการอบรมเกิดการเรียนรู้และสามารถ จดุ ประกายความคดิ เกิดการเปล่ียนแปลงทศั นคติ หรอื พฤตกิ รรมไปตามวตั ถปุ ระสงค์ของเรื่องหรอื วิชาน้นั ๆ วิทยากร หมายถึง ผู้ท่ีมีความรู้ ความสามารถ ในภาษาอังกฤษเรียกวิทยากรว่า Resource Person วิทยากรมาจาก “วิทยา” แปลว่า ความรู้ “กร” แปลว่า มือ หรือ ผู้ถือ วิทยากรก็คือ ผู้ทรงไว้ซ่ึงความรู้ ความสามารถ นน่ั กค็ อื บคุ คลทเ่ี ปน็ วทิ ยากรไดจ้ ะตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามรู้ และความสามรถในการทาใหผ้ อู้ น่ื มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเรอื่ งนนั้ ๆ ตามทต่ี นตอ้ งการ วทิ ยากรจงึ หมายถงึ ผรู้ แู้ ละผมู้ คี วามสามารถในการทาใหผ้ อู้ น่ื มคี วามรู้ ความเขา้ ในเร่อื งนัน้ ๆ วิทยากร หมายถงึ บุคคลซึ่งมีความรู้ ความสามรถ ตลอดจนการพูดหรอื นาเสนอและใชเ้ ทคนิคต่าง ๆ ในเร่ืองนน้ั ๆ ในการถา่ ยทอดอันจะท�ำให้ผรู้ บั การฝึกอบรมให้เกดิ ความรู้ (Knowledge) ความเข้าใจ (Under- stand) เจตคติ (Attitude) ความสามารถ (Skill) จนสามารถทาให้ผู้รับการฝึกอบรมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี อ้ งการ บทบาทและหนา้ ทีท่ ่สี �ำ คญั ของวทิ ยากร มดี ังน้ี ๑. วิทยากร คือ ผทู้ ที่ �ำใหเ้ กิดการเรียนรู้ (Instructor) บทบาทแรกของวทิ ยากร คือ ค�ำว่า “ท�ำให้เกดิ การเรยี นร”ู้ หมายความวา่ วทิ ยากรจะตอ้ งท�ำใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนามคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรอื่ งหรอื หลกั สตู รทว่ี ทิ ยากร ถา่ ยทอด จนสามารถเปลย่ี นแปลงทศั นคตแิ ละพฤตกิ รรมไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องเรอ่ื งหรอื หลกั สตู รนน้ั ๆ ดงั นน้ั บทบาทนวี้ ทิ ยากรจ�ำเปน็ ตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งหรอื หลกั สตู รทถี่ า่ ยทอดนน้ั ๆ ไดอ้ ยา่ งถอ่ งแท้ หากวทิ ยากร มีความรู้ไม่มากพอ ก็ยากท่ีจะท�ำให้ผู้เข้าสัมมนาเกิดการเรียนรู้ได้ ดังนั้นการเป็นวิทยากรบทบาทแรก จะตอ้ งหาความรเู้ ยอะ ๆ ในทกุ ๆ เรอ่ื งโดยเฉพาะเรือ่ งทีจ่ ะต้องใหผ้ เู้ ข้ารับฟงั การสมั มนาเกดิ การเรียนรู้ ๒. วิทยากร คือ ผู้ฝึก (Trainer) บทบาทที่ ๒ มีความส�ำคัญต่อการเป็นวิทยากรที่สมบูรณ์แบบ อกี บทบาทหนง่ึ การเปน็ ผฝู้ กึ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งง่าย นอกจากตอ้ งมคี วามรเู้ กยี่ วกบั เรอื่ งหลกั สตู รทอ่ี บรมแลว้ วทิ ยากรจ�ำเปน็ 74 หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทไี่ มท่ นตอ่ การทุจรติ

ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผู้เข้าสัมมนาด้วยว่ามีคุณสมบัติหรือพ้ืนความรู้เป็นอย่างไร การเป็นวิทยากร ในบทบาทน้สี ่วนใหญ่ คอื หลกั สตู รหรือเรอ่ื งทีเ่ ก่ียวกบั การอบรมเชงิ ฝึกปฏบิ ัติ เชน่ หลักสูตรศิลปะการพดู สร้าง แรงจงู ใจ เทคนคิ การเปน็ พธิ กี ร หรอื วทิ ยากรมอื อาชพี ฯลฯ วทิ ยากรผอู้ บรมท�ำหนา้ ทใ่ี นบทบาทนี้ ตอ้ งอดทน ใจเยน็ รอคอย ฝกึ ฝนจนผเู้ ขา้ อบรมสมั มนาบรรลผุ ลเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี อ้ งการ เปรยี บเสมอื น โคช้ !!! ตอ้ งรอบรู้ รู้ลึก รูจ้ รงิ และรกู้ ว้าง ๓. วิทยากร คือ พี่เลี้ยง (Mentor) ในบทบาทน้ีวิทยากรต้องท�ำหน้าที่เป็นพี่เล้ียงคอยให้ค�ำปรึกษา ให้ก�ำลังใจ แนะแนวทางต่าง ๆ เพื่อท�ำให้ผู้เข้าสัมมนา มีความรู้ ความเข้าใจ จุดประกายความคิด สามารถ เปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม ปฏบิ ตั ติ าม จนประสบผลส�ำเรจ็ ตามเปา้ หมายของการอบรม-สมั มนา ทว่ี างไว้ ในบทบาท พ่ีเลย้ี งของวทิ ยากรนี้ วิทยากรตอ้ งมีมนษุ ยส์ มั พนั ธ์ ย้ิมแยม้ แจม่ ใส อารมณ์ดี จึงจะสามารถทาบทบาทนีไ้ ดด้ ี ๔. วิทยากร คือ ผู้สอน (Teacher) บทบาทน้ีเป็นบทบาทที่ส�ำคัญอีกบทบาทหน่ึงของวิทยากร การถ่ายทอดความร้เู พอ่ื ท�ำใหผ้ ูเ้ ข้าสมั มนาเกดิ ความเข้าใจน้ัน วิทยากรตอ้ งท�ำหน้าทีเ่ ปน็ ครูผู้สอนดว้ ย การพดู ดว้ ยเสยี งทด่ี งั ชดั เจน สอนดว้ ยการยกตวั อยา่ งประกอบ เปรยี บเทยี บ จะท�ำใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนา เปลย่ี นแปลงทศั นคติ จนสามารถจุดประกายความคิดเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมเปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงคข์ องเรือ่ งหรือหลกั สตู รนั้น ๆ ได้ การท�ำหนา้ ทขี่ องวทิ ยากรในบทบาทครผู สู้ อน จะท�ำใหผ้ ฟู้ งั เชอื่ และเปลยี่ นแปลงไดใ้ นทส่ี ดุ ในบทบาทนว้ี ทิ ยากร จ�ำเปน็ ตอ้ งฝึกฝนอยา่ งมากในจติ วิญญาณของการเปน็ ครู ๕. วทิ ยากร คอื ผบู้ รรยาย (Lecturer) ในบทบาทนเ้ี ปน็ อกี บทบาทหนงึ่ ของวทิ ยากร การบรรยายของ วทิ ยากรนั้นเป็นบทบาทหลกั เลยกว็ า่ ได้ แต่ท่สี �ำคญั วทิ ยากรจะบรรยายอย่างไร ทจ่ี ะท�ำใหผ้ ู้ฟงั หรือผ้เู ขา้ สัมมนา ไม่เบ่ือ หรือหลบั เสียกอ่ น บรรยายอยา่ งไร ท่ีจะท�ำใหส้ นกุ สนานตืน่ เตน้ เรยี งล�ำดบั ข้ันตอนไดอ้ ย่างชดั เจนเขา้ ใจ ง่าย และได้เน้อื หาสาระครบถว้ น บทบาทนี้กต็ อ้ งได้รับฝึกฝน องคก์ รหรอื หนว่ ยงานใดมวี ทิ ยากรทคี่ รบเครอ่ื งท�ำไดท้ กุ บทบาทกถ็ อื วา่ ส�ำเรจ็ ไปแลว้ ครง่ึ หนงึ่ หรอื ทา่ นใด ทเ่ี ปน็ วทิ ยากรอยแู่ ลว้ ท�ำไดท้ กุ บทบาทกถ็ อื ไดว้ า่ สดุ ยอดแลว้ แตถ่ า้ ทา่ นใดยงั ท�ำไมไ่ ดท้ กุ บทบาทหรอื ท�ำไดเ้ พยี ง บางบทบาท ก็ฝกึ ฝนกนั ตอ่ ไป ฝึกบ่อย ๆ ก็จะเก่งและช�ำนาญ เป็นวทิ ยากรมืออาชพี ไดใ้ นท่สี ุด การเปน็ คนช่าง สงั เกต ชา่ งพูด ชอบการถา่ ยทอดเน้ือหาสาระ จะตอ้ งหมน่ั สังเกตผ้ฟู งั ว่ารู้สึกเชน่ ไร การเรยี นรู้ภาษากาย มคี วาม จ�ำเปน็ อย่างยงิ่ เพราะจะท�ำให้เราสามารถร้ไู ด้วา่ ผู้ฟังตอบรบั การพดู ของวิทยากรได้มากนอ้ ยแค่ไหน คณุ สมบตั ิของวิทยากรที่ดี มดี งั นี้ ๑. ต้องมีความรู้จริงในเรื่องที่จะถ่ายทอดอย่างชัดเจน การเป็นวิทยากร เป็นนักพูดที่เก่งนั้น ต้องมี ความร้เู ยอะ มีความร้ทู ีห่ ลากหลาย โดยเฉพาะเร่อื งทจี่ ะบรรยาย ต้องรู้ชนิดทะลุปรโุ ปรง่ สามารถเข้าใจเรื่องท่ี จะถา่ ยทอดไดอ้ ย่างกระจ่างแจ้งชดั เจน ส่วนความรูอ้ ื่น ๆ ก็ตอ้ งมรี อบด้าน ไม่วา่ จะเป็นนทิ าน เรอื่ งตลกข�ำขัน ความรู้รอบตวั อื่น ๆ อีกมากมาย การเปน็ คนรกั การเรยี นร้จู ะสามารถทาให้เราเป็นวิทยากรทเี่ ก่ง มีคา่ ตัวแพง ๆ ได้ เพราะวทิ ยากรคือผู้ถ่ายทอดใหค้ วามรู้ จงึ มคี �ำกล่าวที่วา่ “อ่านหนงั สือประวัติศาสตร์ ๑ เล่ม ยน่ ยอ่ ระยะ เวลาของประวัติศาสตรน์ บั ๑๐๐ ป”ี ๒. มคี วามคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ ความคิดของคนเรามี ๒ ดา้ น ด้านหน่งึ บวก อกี ดา้ นหนึง่ ลบ การคิดลบ ท�ำใหจ้ ติ ใจหดหู่ ห่อเหย่ี ว หมดความหวงั หมดก�ำลังใจ การคดิ บวกกอ่ ให้เกดิ ความหวงั พลงั ใจ มแี รงท่ีจะต่อสู้ ปญั หาอุปสรรค มคี วามคิดสร้างสรรค์ คดิ สิง่ แปลก ๆ สิ่งใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา คณุ สมบตั ิของผทู้ ีต่ อ้ งการฝึกฝน หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมทีไ่ มท่ นต่อการทจุ ริต 75

เปน็ วทิ ยากรในขอ้ นกี้ ค็ อื การคดิ บวก มคี วามคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ เพราะจะท�ำใหเ้ รามอี ะไร แปลก ๆ ใหม่ ๆ ตลอด เวลา เวลาถา่ ยทอดใหค้ วามรู้ ก็จะเปน็ ความรู้ท่ีดี ๆ ความรูท้ ่สี ร้างสรรค์ ผเู้ ข้าสัมมนากจ็ ะไดแ้ นวความคดิ จาก การฟงั บรรยายน�ำไปปฏบิ ัติให้เกดิ ประโยชน์ ท�ำให้ผู้ที่เปน็ วทิ ยากรได้รับการตอบรบั มากยิ่งข้นึ ดงั นน้ั การฝกึ ฝน เกี่ยวกบั ความคดิ สร้างสรรคก์ ็เป็นอกี ข้อหนง่ึ ทว่ี ทิ ยากรพงึ มี ๓. มมี นษุ ย์สัมพนั ธด์ ี การเปน็ คนร่าเรงิ ยม้ิ แยม้ แจม่ ใสเปน็ กนั เอง ท�ำใหม้ ีเสนห่ ์ มแี ต่คนอยากเขา้ ใกล้ เปน็ คณุ สมบตั อิ กี ขอ้ หนงึ่ ทค่ี วรมสี �ำหรบั การเปน็ วทิ ยากร รอยยมิ้ ของวทิ ยากร จะท�ำใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนาฟงั อยา่ งตง้ั ใจ คงไม่มใี ครอยากฟังวิทยากรหนา้ บงึ้ หรอื หน้าบอกบญุ ไม่รบั ฝึกย้ิมเสยี แต่วันนี้เพ่อื เป็นวทิ ยากรทดี่ ีในวันหนา้ ๔. ช่างสงั เกต การพดู การถา่ ยทอดเน้อื หาสาระ ตอ้ งหมนั่ สงั เกตผูฟ้ ังรสู้ ึกเช่นไร การเรียนรูภ้ าษากาย มคี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะจะท�ำใหส้ ามารถรไู้ ดว้ า่ ผฟู้ งั ตอบรบั การพดู ของวทิ ยากรไดม้ ากนอ้ ยแคไ่ หน ดงั นน้ั คณุ สมบตั ขิ ้อนี้คอื ต้องฝึกเปน็ คนช่างสังเกต ๕. มีไหวพริบปฏิภาณ วิทยากรต้องมีความสามารถในการแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเก่ง คุณสมบัติ ข้อน้ีขาดไม่ได้ ใครไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ฝึกฝนได้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนบางครั้งเกินความคาดหมาย การมี ไหวพริบปฏภิ าณคิดไวท�ำไว แกไ้ ขเหตุการณเ์ ฉพาะหนา้ ได้ เปน็ คณุ สมบัติอกี ข้อหนง่ึ ของวิทยากรท่ตี ้องฝึกฝน ๖. มคี วามเชอื่ มัน่ ในตนเอง วิทยากรเป็นย่ิงกวา่ ผนู้ �ำ เนื่องจากผ้นู �ำสามารถน�ำคนอนื่ ได้ แตผ่ ้นู �ำอาจจะ ไมใ่ ชว่ ทิ ยากรทดี่ ี แตผ่ นู้ �ำมคี วามเชอื่ มน่ั ดงั นน้ั วทิ ยากรจงึ ตอ้ งมคี วามเชอ่ื มนั่ มากกวา่ หากไมม่ คี วามเชอ่ื มนั่ ไมม่ ี ความมนั่ ใจในเร่ืองทบ่ี รรยายในเรอ่ื งทถ่ี ่ายทอด แลว้ ใครจะเชอื่ ความเชื่อมนั่ จะแสดงออกมาทางน�ำ้ เสียง สหี น้า แววตา ขอ้ มูล ค�ำพดู ทา่ ทาง บคุ ลกิ ภาพ การพดู ทีม่ ีหลกั การ การพูดทีม่ ีน�ำ้ เสยี งทรงพลงั ชว่ ยเสริมสร้างความ เช่อื ม่นั ใหเ้ กดิ ขนึ้ ได้ ความเชือ่ ม่ันในตนเองเปน็ คณุ สมบตั ิอีกข้อหนึ่งทคี่ วรมกี ารฝึกฝน ๗. มกี ารวางแผนทดี่ ี นกั พดู ทด่ี หี รอื วทิ ยากรทดี่ ตี อ้ งมคี ณุ สมบตั เิ รอื่ งการวางแผนการพดู ใหไ้ ปตามล�ำดบั ขนั้ ตอน ถอื เปน็ เรอื่ งส�ำคญั ส�ำหรบั การถา่ ยทอด เพราะจะท�ำใหผ้ ฟู้ งั เขา้ ใจเรอ่ื งทไ่ี ดร้ บั การถา่ ยทอดอยา่ งกระจา่ ง แจ้งชัดเจน การขาดการวางแผน จะท�ำให้การพูด วกไปวนมา ท�ำให้เกิดการล้มเหลวในการพูด ไม่ประสบ ความส�ำเรจ็ ในการเป็นวทิ ยากร ดังนนั้ การวางแผนเปน็ คณุ สมบัติอกี ข้อหน่ึงทคี่ วรมีการฝึกฝน ๘. มีความจริงใจต้ังใจให้ความรู้ คุณสมบัติข้อน้ีเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของการเป็นวิทยากรมืออาชีพ ความจริงใจต้ังใจมากน้อยแค่ไหนสัมผัสได้ไม่ยาก ระหว่างวิทยากรกับผู้ฟังการสัมมนา หากมีความจริงใจและ ต้ังใจจริง ๙. มลี ีลาแบบฉบับเป็นของตวั เอง ลลี าแบบฉบับของนักพดู หรือวทิ ยากรทเ่ี ป็นตัวของตัวเองจะท�ำให้ ผู้ฟังจ�ำได้แมน่ ยา โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ดังนั้น วิทยากรตอ้ งหาลีลาทเี่ ป็นแบบฉบบั ของตวั เอง ๑๐. ท�ำใหผ้ ู้เขา้ สัมมนามีส่วนร่วมในการบรรยาย การพดู คือ การสื่อสารระหว่างผู้พดู กับผูฟ้ งั แตก่ าร บรรยาย คอื การพูดสอ่ื สารระหว่างวิทยากรกับผ้เู ขา้ สมั มนา หากวิทยากรพดู ไป ผฟู้ งั กเ็ งยี บ นานเขา้ บรรยากาศ ก็จะกรอ่ ยสดุ ทา้ ยคนก็จะหายหมดท้งั หอ้ ง ดงั นน้ั การสรา้ งบรรยากาศใหผ้ ู้ฟังหรือ ผู้เข้าสมั มนามสี ่วนรว่ ม เป็น คุณสมบัติข้อส�ำคัญท่ีต้องฝึกฝนอย่างหนัก เพราะการท�ำให้ผู้เข้าสัมมนามีส่วนร่วมเป็นจุดแจ้งเกิดของวิทยากร มอื อาชีพ ๑๑. บคุ ลิกภาพการแตง่ กายโดดเด่น ดูดมี ีสงา่ วางตวั เหมาะสมเป็นวทิ ยากร การแตง่ กายท่เี หมาะสม บุคลิกภาพดูดี โดดเด่น เป็นท่ีเคารพเลื่อมใสต่อผู้พบเห็นไม่ว่าจะเป็นบนเวทีหรืออยู่ข้างล่างเวทีนับว่ามีความ ส�ำคัญอย่างย่งิ ดังน้นั วิทยากรก็ต้องฝึกฝนเชน่ กนั 76 หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทจุ รติ

๑๒. ถา่ ยทอดเปน็ ๑๒.๑ มเี ทคนิคต่าง ๆ เช่น การบรรยาย การน�ำอภปิ ราย การสมั มนา กรณศี กึ ษา การจัดกิจกรรม ฯลฯ เพื่อท�ำให้เกดิ ความรู้ เขา้ ใจง่าย ได้สาระ ๑๒.๒ พดู เป็น คือ พูดแล้วท�ำให้ผู้ฟังเขา้ ใจตามทพี่ ูดได้อย่างรวดเรว็ สามารถพดู เรอ่ื งยาก ซบั ซ้อน ให้เข้าใจง่าย ๑๒.๓ ฟงั เปน็ คอื ตงั้ ใจฟงั ฟงั ใหต้ ลอด ขณะทฟ่ี งั ตอ้ งควบคมุ อารมณ์ ขณะทฟ่ี งั อยา่ คดิ ค�ำตอบทนั ที จงฟงั เอาความหมายมากกวา่ ถอ้ ยค�ำ ๑๒.๔ น�ำเสนอเปน็ ประเด็นและสรปุ ประเดน็ ใหช้ ัดเจน ๑๒.๕ มอี ารมณ์ขนั สร้างบรรยากาศในการอบรมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๑๒.๖ มปี ระสทิ ธภิ าพในการอบรม สามารถเชอื่ มโยงทฤษฎเี ขา้ กบั การปฏบิ ตั ไิ ดด้ ี มองเหน็ เปน็ รปู ธรรม ๑๒.๗ ใชภ้ าษาพดู ได้ดี ใช้ภาษาง่าย ๆ รจู้ กั เลือกภาษาให้ตรงกบั เน้ือหาและตรงกบั ความต้องการ และพืน้ ฐานความร้ขู องผู้ฟงั ๑๓. มีหลักจิตวิทยาในการสอนผใู้ หญ่ ๑๓.๑ ความสนใจในการรบั ฟงั จะเกิดข้นึ จากการรับรู้ถึงเรื่องที่วิทยากรจะพดู หรอื บรรยาย ๑๓.๒ มุง่ ประโยชน์ในการรบั ฟังเปน็ ส�ำคญั ๑๓.๓ จะตั้งใจและเรียนรไู้ ดด้ ี ถ้าวิทยากรแยกเรอื่ งท่สี อนออกเปน็ ประเด็น/ขน้ั ตอน ๑๓.๔ จะเรียนรไู้ ด้ดถี ้าไดฝ้ กึ ปฏิบัตไิ ปด้วยพร้อม ๆ กับการรบั ฟัง ๑๓.๕ จะเรียนร้ไู ด้ดียิง่ ขน้ึ ถา้ ฝกึ แลว้ ได้ทราบผลของการปฏบิ ตั ิอย่างรวดเรว็ ๑๓.๖ จะเรยี นรไู้ ด้ดีเมื่อมีการฝกึ หัดอยู่เสมอ ๑๓.๗ จะเรียนรู้ได้ดีเมื่อเปิดโอกาสให้ใช้เวลาในการท�ำความเข้าใจ อย่าเร่งรัด เพราะแต่ละคนมี ความสามารถในการเรียนรูต้ า่ งกนั ๑๔. มีจรรยาบรรณของวิทยากร ๑๔.๑ เมือ่ จะสอนต้องมน่ั ใจวา่ มีความรจู้ รงิ ในเรอื่ งท่ีจะสอน ๑๔.๒ ตอ้ งมุ่งประโยชนข์ องผู้ฟังเป็นทีต่ ้งั ๑๔.๓ ไมค่ วรฉกฉวยโอกาสในการเปน็ วิทยากรเพื่อแสวงหาผลประโยชนส์ ่วนตัว ๑๔.๔ ความประพฤตแิ ละการปฏบิ ตั ิตนของวทิ ยากร ควรจะสอดคล้องกับเรื่องที่สอน การเปน็ ผนู้ �ำ เสนอทีด่ ี การเปน็ วทิ ยากรทด่ี ี วทิ ยากรจะตอ้ งเปน็ ผนู้ �ำเสนอทด่ี ดี ว้ ย เพอื่ ใหก้ ารบรรยายบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี �ำหนดไว้ โดยวทิ ยากรจะต้องมีการเตรยี มการทีป่ ระกบดว้ ยขั้นตอน ดังน้ี ๑. การวางแผน (Planning) เปน็ ขน้ั ตอนแรกทส่ี �ำคญั ทจ่ี ะน�ำไปสคู่ วามมน่ั ใจของการเปน็ ผนู้ �ำเสนอทดี่ ี นน้ั คอื การวางแผนเตรยี ม ความพรอ้ ม โดย - ส�ำรวจตวั เอง - วิเคราะห์จุดออ่ นและจดุ แข็งตนเอง - สร้างความเช่อื มนั่ ตนเอง - ก�ำหนดแผนและกิจกรรมการเรียนรู้ หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผูน้ ำ�การเปล่ียนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนตอ่ การทุจรติ 77

๒. การด�ำเนินการ (Doing) การด�ำเนินการเป็นไปตามแผนและกิจกรรมการเรยี นรู้ทีก่ �ำหนดข้ึน ซึ่งอาจพบปัญหาหรืออุปสรรค ที่ตอ้ งแก้ไขปัญหาเหล่านนั้ ๓. การตรวจสอบ (Checking) บุคคลที่จะประสบความส�ำเร็จในอาชีพการงานต่าง ๆ ได้น้ัน จะต้องคอยตรวจสอบผลการด�ำเนิน งานของตนเองเปน็ ระยะ ๆ โดยประเมนิ ความส�ำเรจ็ ของกิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีด�ำเนนิ การมาทง้ั หมดวา่ เปน็ ไปตาม เปา้ หมายที่ตอ้ งการใหเ้ ป็นหรือไม่ ท้งั น้ี เพอื่ สร้างความส�ำเรจ็ ในการก้าวขึน้ สู่เวทขี อง “ผนู้ �ำเสนอหรือวิทยากร” ๔. การลงมือปฏิบตั ิจริง (Acting) เมือ่ มีความพรอ้ มในทกุ อยา่ ง ก็เรมิ่ ก้าวสเู่ วทีของการเป็นผู้น�ำเสนอทด่ี ี เทคนคิ การเตรียมตวั ท่ีดขี องวิทยากร กอ่ นการฝกึ อบรม ก่อนที่จะมีการฝึกอบรมเกิดข้ึน วิทยากรจะต้องมีภารกิจในการเตรียมตัว เพราะวิทยากรจะต้องทราบ ล่วงหน้าว่าตนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องใด ดังนั้น ในข้ันตอนน้ีวิทยากรควรจะด�ำเนินการเตรียมการ เพอ่ื การถา่ ยทอดและเปลย่ี นทศั นคตขิ องผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม การเตรยี มการทดี่ ยี อ่ มส�ำเรจ็ ไปแลว้ ครง่ึ หนง่ึ เพราะ จะท�ำใหว้ ทิ ยากรเกดิ ความมนั่ ใจในการฝกึ อบรม และเมอื่ มปี ญั หาตา่ ง ๆ เกดิ ขน้ึ ยอ่ มแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม การเตรียมการในขนั้ นี้เกย่ี วขอ้ งกบั ๑. การประสานงานกบั หน่วยงานทจ่ี ะฝกึ อบรม เพ่ือขอข้อมลู ที่จะเปน็ ประโยชน์ต่อการฝึกอบรม ไดแ้ ก่ หลักสูตร กลุ่มผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรม เอกสารประกอบ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ๒. การเขยี นแผนการฝกึ อบรม ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทไ่ี ดจ้ ากหนว่ ยงานจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การเขยี นแผนการฝกึ อบรม แผนการฝกึ อบรมเปน็ แนวทางสาหรบั วทิ ยากรวา่ จะถา่ ยทอดและเปลย่ี นพฤตกิ รรมโดยใชส้ อื่ และเทคนคิ การฝึกอบรมอย่างไร เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกับผเู้ ขา้ ร่วมอบรม ๓. การเตรยี มอปุ กรณ์ สอื่ ตา่ ง ๆ วทิ ยากรควรจะเตรยี มอปุ กรณแ์ ละสอื่ ตา่ ง ๆ เชน่ ไฟลน์ �ำเสนอ กระดาษ ฯลฯ ให้เรียบร้อย เหมาะสมกบั ฐานะของวทิ ยากร ระหวา่ งการฝกึ อบรม เมื่อวิทยากรมาถึงสถานที่จัดฝึกอบรม ควรตรวจสอบสถานท่ีและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้และ สอบถามข้อมลู ตา่ ง ๆ เช่น บรรยากาศในการฝกึ อบรม ใครเป็นผ้นู �ำกลมุ่ วทิ ยากรคนกอ่ น ๆ พดู เกี่ยวกับอะไร ฯลฯ เมื่อถึงเวลาการฝึกอบรม จะตอ้ งด�ำเนนิ การต่าง ๆ ที่ส�ำคัญได้แก่ ๑. การถา่ ยทอดความรู้ ควรมคี วามสามารถในการถา่ ยทอด โดยอาศัยเทคนิคและใช้สื่ออปุ กรณต์ า่ ง ๆ ให้เปน็ ประโยชน์ ๒. การเปน็ ศนู ยก์ ลาง ในการแลกเปลย่ี นประสบการณแ์ ละความคดิ เหน็ วทิ ยากรจะตอ้ งคอยกระตนุ้ ให้ ผรู้ บั การฝกึ อบรมแลกเปลย่ี นประสบการณค์ วามคดิ เหน็ รวมถงึ ตอ้ งคอยชแี้ นะ สรปุ ประเดน็ และน�ำเสนอแนวทาง ทเี่ หมาะสมด้วย ๓. การเสรมิ สรา้ งบรรยากาศ วทิ ยากรจะตอ้ งสรา้ งบรรยากาศทเี่ หมาะสมตอ่ การเรยี นรู้ ทงั้ ดา้ นกายภาพ ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์ สอื่ ใหเ้ หมาะสม และดา้ นจติ ภาพ หมายถงึ ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม มคี วามสนใจทจ่ี ะเรยี นรอู้ ยตู่ ลอดเวลา 78 หลกั สูตรสร้างวิทยากรผูน้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ ังคมที่ไมท่ นต่อการทุจรติ

๔. การมมี นษุ ยสมั พันธ์ วทิ ยากรจะต้องอาศัยหลกั การ ด้านมนษุ ยสัมพันธ์ เพือ่ เปน็ การชว่ ยลดชอ่ งว่าง วทิ ยากรกับผเู้ ขา้ รับการฝกึ อบรม จะท�ำใหผ้ ู้เขา้ รับการฝึกอบรมประทบั ใจ ๕. การแกป้ ญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ ปญั หาบางอยา่ งวทิ ยากรสามารถรู้ หรอื คาดเดาไดล้ ว่ งหนา้ แตป่ ญั หาบางอยา่ ง เป็นปัญหาท่ีเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ วิทยากรมืออาชีพจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาได้ หรอื บรรเทาใหล้ ดนอ้ ยลง หลังการฝึกอบรม อาจจะกระท�ำไดโ้ ดย ๑. การประเมินผลการอบรม วิทยากรควรจะขอข้อมูล จากผู้จัดฝึกอบรม นอกเหนือจากประเมิน โดยการสงั เกต เพ่ือจะไดท้ ราบผลการปฏบิ ัตงิ านของตน และนามาใชป้ รับปรงุ แกไ้ ขในโอกาสต่อไป ๒. การเข้ารว่ มกิจกรรมต่าง ๆ ตามความจ�ำเป็น วิทยากรควรเขา้ ร่วมกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามท่เี ห็นสมควร เชน่ การมอบวุฒบิ ตั ร การเลยี้ งสงั สรรค์ระหว่างผู้เข้ารบั การฝกึ อบรม เป็นต้น ๓. การติดตามผลการฝึกอบรม ต้องติดตามดูว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้น�ำความรู้ท่ีได้ฝึกฝนมาใช้ ให้เกดิ ประโยชนม์ ากน้อยเพยี งใด พรอ้ มท้ังใหค้ �ำแนะน�ำแก่เขาเท่าที่จ�ำเปน็ บันได ๑๓ ขนั้ สู่ความสำ�เรจ็ การเปน็ วิทยากร ๑. เตรยี มใหพ้ ร้อม ๒. ซักซอ้ มให้ดี ๓. ทา่ ทีใหส้ ง่า ๔. หน้าตาใหส้ ขุ ุม ๕. ทักที่ประชุมไมว่ กวน ๖. เร่ิมต้นใหโ้ น้มน้าว ๗. เรื่องราวให้กระชบั ๘. ตาจบั ท่ผี ูฟ้ ัง ๙. เสยี งดงั ให้พอดี ๑๐. อย่าให้มีเอ้ออ้า ๑๑. ดูเวลาให้พอครบ ๑๒. สรุปจบให้จบั ใจ ๑๓. ย้ิมแย้มแจม่ ใสตลอดการพูด ๑๐ ประการ ทะยานสู่ความส�ำ เรจ็ ในการพูด ๑. รู้เรื่องดี กพ็ ดู ได้ ๒. เตรยี มตวั ไว้ ก็พูดดี ๓. พูดท้งั ทีตอ้ งเช่ือมั่น ๔. แตง่ กายนั้น ต้องเหมาะสม ๕. ปรากฏโฉม กระตือรือร้น ๖. ไมล่ กุ ลน ใช้ทา่ ทาง หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผู้นำ�การเปลีย่ นแปลงส่สู งั คมทีไ่ ม่ทนตอ่ การทจุ รติ 79

๗. สบตาบ้าง อย่างท่ัวถงึ ๘. ภาษาซ้งึ เข้าใจง่าย ๙. น้ำ� เสยี งไซร้ เป็นธรรมชาติ ๑๐. อย่าใหข้ าดรปู ธรรม หลกั การพัฒนาคำ�พูด ๙ ประการ ๑. อ่านหนังสือพบประโยค หรือวลีมคี ณุ คา่ จดไว้เป็นเสบยี งกรัง ๒. จัดล�ำดบั ความคดิ ทจ่ี ะพูดใหค้ ลอ้ งจองเหมือนเรียงความ ๓. พดู จากหัวใจ จรงิ ใจ ๔. วเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารพูด คนฟัง สถานท่ี เวลา เรื่องทจ่ี ะพูด ๕. กอ่ นพูดเตรยี มรา่ งกายให้ดี ๖. ตรวจดคู วามพรอ้ มของอุปกรณ์ เช่น ไมโครโฟน ๗. พูดเหมือนการเขียน-ค�ำน�ำ เนอ้ื เร่ือง สรปุ ๘. ระลกึ ว่าการพูดเปน็ “ศาสตร”์ และ “ศิลป”์ พูดให้สอดคล้องสหี นา้ และอารมณ์ ๙. ก�ำหนดสารบญั การพดู ในใจ จากใจ ที่ข้นึ ใจ การเตรียมตัวพูดในทชี่ มุ ชน ๑. ก�ำหนดจดุ มุ่งหมาย ใหช้ ัดเจนวา่ จะพูดอะไร เพือ่ อะไร มีขอบขา่ ยกวา้ งขวางมากนอ้ ย เพียงใด ๒. วิเคราะห์ผู้ฟัง พิจารณาจ�ำนวนผู้ฟัง เพศ วัย การศึกษา สถานภาพทางสังคม อาชีพ ความสนใจ ความมงุ่ หวงั และทศั นคติ ทกี่ ลมุ่ ผฟู้ งั มตี อ่ เรอ่ื งทพี่ ดู และตวั ผพู้ ดู เพอ่ื น�ำขอ้ มลู มาเตรยี มพดู เตรยี มวธิ กี ารใชภ้ าษา ให้เหมาะกับผู้ฟัง ๓. ก�ำหนดขอบเขตของเร่ือง โดยค�ำนึงถงึ เนื้อเรอ่ื งและเวลาท่ีจะพดู ก�ำหนดประเด็น ส�ำคญั ให้ชัดเจน ๔. รวบรวมเน้ือหา ต้องจัดเนื้อหาท่ีผู้ฟังได้รับประโยชน์มากที่สุด การรวบรวมเน้ือหาท�ำได้ หาได้จาก การศึกษา คน้ คว้าจากการอา่ นการสมั ภาษณ์ ไต่ถามผู้รู้ ใชค้ วามรู้ความสามารถ แล้วจดบันทึก ๕. เรียบเรยี งเนือ้ เรอ่ื ง ผพู้ ูดจดั ท�ำเค้าโครงเร่ืองใหช้ ดั เจนเป็นตามล�ำดับจะกล่าวเปดิ เร่ืองอย่างไร เตรยี ม การใช้ภาษาให้เหมาะสม กะทัดรัด เขา้ ใจง่าย ตรงประเดน็ พอเหมาะกับเวลา ๖. การซ้อมพดู เพอื่ ให้แสดงความม่นั ใจตอ้ งซอ้ มพูด ออกเสียงพดู อักขรวธิ ี มลี ีลาจังหวะ ทา่ ทาง สหี น้า สายตา น้�ำเสยี ง มีผู้ฟงั ช่วยตชิ ม การพูด มีการบนั ทึกเสยี งเปน็ อปุ กรณก์ ารฝกึ ซ้อม ข้อคิดนกั พูด ๑. นกั พูดท่ีด.ี ..ต้องเป็นนักฟงั ที่ดี ๒. ความส�ำเรจ็ ของนักพดู ไม่ไดว้ ดั จากเสยี งฮา ๓. ควรพดู ใหไ้ ด้ สาระ และ บนั เทงิ ๔. อ่านหนงั สือดี ๆ ๑ เลม่ ประหยดั เวลาชวี ิตไป ๑๐ ปี ฟงั นักพูดดี ๆ ๑ ชั่วโมง ประหยดั เวลาอา่ น หนงั สือไป ๑๐ เล่ม ๕. จะเปน็ นักพูด ตอ้ งใชห้ วั ใจนกั ปราชญ์ “สุ จิ ปุ ล”ิ 80 หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปลยี่ นแปลงสู่สงั คมท่ไี ม่ทนต่อการทุจรติ

บรรณานุกรม กฤตนิ กุลเพง็ . (๒๕๖๐). เทคนิคการประชุมและการน�ำเสนอแบบมืออาชีพ. นนทบุรี: เอกสารประกอบการ บรรยายโครงการอบรมหลกั สตู รนักบรหิ าร ป.ป.ช. ระดบั สงู (นบปส.อ�ำนวยการ) รุน่ ที่ ๕ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ยั . เทคนิคการเป็นวทิ ยากรมืออาชพี . สืบค้นเมือ่ ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จากhttp://nrei.rmutsv.ac.th/sites/default/files/km/%E๐%B๙%๘๐%E๐%B๘%๙๗%E๐ %B๘%๘๔%E๐%B๘%๙๙%E๐%B๘%B๔%E๐%B๘%๘๔%E๐%B๘%๘๑%E๐%B๘%B๒% E๐%B๘%A๓%E๐%B๙%๘๐%E๐%B๘%๙B%E๐%B๙%๘๗%E๐%B๘%๙๙%E๐%B๘%A๗ %E๐%B๘%B๔%E๐%B๘%๙๗%E๐%B๘%A๒%E๐%B๘%B๒%E๐%B๘%๘๑%E๐%B๘%A ๓%E๐%B๘%A๑%E๐%B๘%B๗%E๐%B๘%AD%E๐%B๘%AD%E๐%B๘%B๒%E๐%B๘% ๘A%E๐%B๘%B๕%E๐%B๘%๙E.pdf มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. วทิ ยากร. สืบคน้ เมอื่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐, จากhttp://www.stou.ac.th/ Offices/rdec/ubon/upload/trniner.pdf ส�ำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี. เทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ. สืบค้นเม่ือ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐, จากhttp://pvlo-knr.dld.go.th/webfile/idp๕๘/idp๕๘new_n๒/ppt_idp๕๘n๒.pdf สภุ าภรณ์ ลมลู ศลิ ป.์ วทิ ยากรมอื อาชพี . สบื คน้ เมอื่ ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จากhttp://kcenter.anamai.moph. go.th/info/pdf/๖๖be๘๙๓dd๔๘๓e๕๐ff๗๖๘๕๖๑๕e๒๙ef๓๓e.pdf หลกั สตู รสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปลยี่ นแปลงส่สู ังคมที่ไมท่ นตอ่ การทุจริต 81






















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook