ก หลักสูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ก คานา หลักสูตรโรงเรียนบ้านนางเลิศ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เป็นหลักสูตรท่ีได้พัฒนาให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แผนการศึกษาชาติ ๒๐ ปี (๒๕๖๐-๒๕๗๙) และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และฉบับปรับปรุง รวมท้ังให้สอดคล้องกับสภาพความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจสังคม และความ เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตลอดจนสอดคล้องกับแนวนโยบายและความต้องการในการจัดการศึกษาของ ชาติ ในการจัดทําหลักสูตรทางโรงเรียนได้ยึดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เปน็ หลกั สตู รแกนกลาง มสี าระมาตรฐาน และตัวช้วี ัด การเรียนรู้ครบท้ัง ๘ กลุ่มสาระ คอื 1. กลุมํ สาระการเรียนรู๎ภาษาไทย 2. กลุํมสาระการเรยี นรู๎คณิตศาสตร์ 3. กลมํุ สาระการเรียนรู๎วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. กลมํุ สาระการเรยี นรส๎ู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5. กลมํุ สาระการเรียนรส๎ู ุขศึกษาและพลศกึ ษา 6. กลุํมสาระการเรยี นรศ๎ู ลิ ปะ 7. กลมํุ สาระการเรียนร๎ูการงานอาชพี 8. กลมุํ สาระการเรียนรู๎ภาษาตาํ งประเทศ โดยไดก้ ําหนดใหม้ กี ารเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ช้ันปีละ ๔๐ ชว่ั โมง ส่วนสาระเพิม่ เติม ไดก้ าํ หนด ๔๐ ชัว่ โมงในระดับประถมศกึ ษา กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ๑๒๐ ชว่ั โมง ซงึ่ ประกอบด้วย ๓ กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี นและสอดแทรกกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ เพอ่ื ให้ผ้เู รียนมีจิตสาธารณะ โครงสร้างหลักสตู ร ท้งั ๘ กลุม่ สาระ ทางโรงเรยี นไดจ้ ดั ใหค้ รอบคลุมทุกสาระมาตรฐาน ทุกตัวช้ีวัด ของรายวิชา เพ่ือเป็นแนวทางในการประกอบการจัดการศึกษาให้เกิดกับผู้เรียนได้ตรงจุดมุ่งหมาย และ เจตนารมณ์ ของหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ต่อไป ( นายเฉลมิ เกยี รติ คําไพ ) ผอู้ ํานวยการโรงเรียนบ้านนางเลิศ หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ข สารบัญ หนา้ ก คํานํา..................................................................................................................................... ข สารบญั ................................................................................................................................. ค ประกาศใช้หลกั สตู ร............................................................................................................. ง คําชแี้ จง................................................................................................................................ ๑ ความนํา................................................................................................................................ ๒ ๓ วสิ ยั ทศั น์ ............................................................................................................................... ๓ สมรรถนะสาํ คัญของผ้เู รยี น................................................................................................. ๔ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์.................................................................................................. ๑๕ โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา............................................................................................. ๑๕ คาํ อธิบายรายวิชา.............................................................................................................. ... ๒๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย........................................................................................... ๓๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์........................................................................................ ๓๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี………...................................................... ๕๓ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม.................................................... ๕๙ กลมุ่ สาระการเรียนร้สู ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา........................................................................ ๖๕ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ.................................................................................................. ๗๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ..................................................................................... ๗๙ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ............................................................................... ๙๑ คาํ อธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเติม................................................................................................... ๑๑๑ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น............................................................................................................ ๑๑๙ เกณฑ์การจบหลกั สตู ร............................................................................................................ คาํ สง่ั คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู ร..................................................................................... หลักสูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
ค ประกาศโรงเรยี นบ๎านนางเลิศ เร่ือง ใหใ๎ ช๎หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ พทุ ธศักราช ๒๕๖3 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ****************** เพือ่ ให๎การจดั การศึกษาขั้นพน้ื ฐานโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ สานักงานเขตพื้นที่การกศึกษาประถมศึกษา นครพนม เขต ๑ สอดคล๎องกับสภาพการเปล่ียนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและความเจริญก๎าวหน๎า ทางวทิ ยาการ สนองนโยบาย คุณธรรมนาความรู๎ ตอบสนองความตอ๎ งการของผเ๎ู รียน ชมุ ชน ท๎องถ่ินและสังคม ยดึ หลกั เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาริ โรงเรียนบ๎านนางเลิศได๎ดาเนินการเพ่ือให๎เป็นไปตามตามคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการมีคาสั่งให๎ ใชม๎ าตรฐานการเรียนรู๎และตวั ช้วี ัด กลมํุ สาระการเรียนรู๎ ท่ี สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เร่ือง ให๎ใชม๎ าตรฐานการเรยี นร๎แู ละตวั ช้วี ดั กลํุมสาระการเรยี นร๎ูคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลมุํ สาระการเรียนรู๎สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรมฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ จึงประกาศให๎ใช๎หลักสูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ พุทธศักราช ๒๕63 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ทั้งน้ี หลักสูตรโรงเรียนได๎รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานเม่ือวันท่ี 14 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖3 จึงประกาศให๎ใช๎หลกั สตู รโรงเรยี นต้งั แตบํ ดั นเ้ี ปน็ ต๎นไป ประกาศ ณ วันที่ 15 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕63 ( นายรงุ่ ศลิ ป์ แผน่ สิงห์ ) (นายเฉลิมเกยี รติ คาํ ไพ) ประธานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ผ้อู ํานวยการโรงเรียนบา้ นนางเลศิ หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
ง คาช้แี จง ด๎วยกระทรวงศึกษาธิการ ได๎มีคาส่ังให๎ใช๎หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยให๎โรงเรียนต๎นแบบและโรงเรียนที่มีความพร๎อม ใช๎หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในปีการศึกษา ๒๕๕๒ และโรงเรียนทั่วไป ให๎ใช๎หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในปีการศึกษา ๒๕๕๓ โรงเรียนบ๎านนางเลิศ จึงจาเป็นอยํางยิ่งที่จะต๎อง ปรับหลักสูตรสถานศึกษาเดิม คือ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านนางเลิศตามหลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ เป็นหลักสูตรแกนกลางสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านนางเลิศ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในระดับประถมศึกษา ขนึ้ การจัดทาหลักสูตรได๎ยึดโครงสร๎างเวลาเรียนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลักในการกาหนดเวลาเรียน กาหนดหนํวยการเรียนร๎ู การจัดการเรียนรู๎ การวัดผลประเมินผล อิงมาตรฐาน การจดั การเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล เน๎นผู๎เรียนเป็นสาคัญและเป็นไปตามที่กฎหมาย กาหนด ใชก๎ ระบวนการวจิ ัยในการพฒั นาทกุ ดา๎ น หวังเป็นอยํางยิ่งวําหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านนางเลิศ พุทธศักราช ๒๕63 จะเป็น เครือ่ งมอื ในการพัฒนาผเ๎ู รยี นให๎เป็นคนดี คนเกงํ คนมคี วามสุข ตามเปาู หมายการศกึ ษา หากสังคมมีการเปลี่ยนแปลง เปูาหมายของผู๎เรียนเปล่ียนไป หลักสูตรน้ีจะต๎องมีการปรับปรุง พฒั นาให๎เหมาะสมตามความต๎องการของผเ๎ู รียน ท๎องถิ่น สงั คม และนโยบายที่เกยี่ วขอ๎ งในโอกาสตํอไป (นายเฉลมิ เกยี รติ คําไพ) ผู้อาํ นวยการโรงเรียนบ้านนางเลศิ หลกั สตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๑ ความนา กระทรวงศึกษาธิการได๎ประกาศใชม๎ าตรฐานการเรยี นรแู๎ ละตัวชีว้ ัด กลุํมสาระการเรียนรค๎ู ณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมศิ าสตร์ในกลมุํ สาระการเรียนร๎สู ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศกึ ษาธกิ ารท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ที่ ๓๐/๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให๎เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรยี นรู๎และตวั ชว้ี ดั กลมํุ สาระการเรียนร๎ู คณติ ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคาสง่ั ใหโ๎ รงเรยี นดาเนนิ การใช๎หลกั สูตรในปี การศึกษา ๒๕๖๑ โดยให๎ใช๎ในชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ และ ๔ ตัง้ แตปํ ีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต๎นมา ให๎เป็น หลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจดุ หมาย และมาตรฐานการเรียนรเ๎ู ป็นเปาู หมายและกรอบทิศทาง ในการพฒั นาคณุ ภาพผ๎เู รียนมีพฒั นาการเต็มตามศกั ยภาพ มีคณุ ภาพและมที กั ษะการเรยี นรใ๎ู นศตวรรษที่ ๒๑ เพือ่ ใหส๎ อดคล๎องกบั นโยบายและเปาู หมายของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ จงึ ได๎ทาการปรับปรงุ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในกลํุมสาระการเรียนรคู๎ ณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระ ภมู ิศาสตร์ในกลํมุ สาระการเรียนรสู๎ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อนาไปใชป๎ ระโยชนแ์ ละเปน็ กรอบใน การวางแผนและพฒั นาหลักสูตรของสถานศึกษาและจดั การเรยี นการสอน โดยมีเปูาหมายในการพัฒนา คุณภาพผ๎เู รียน ให๎มีกระบวนการนาหลักสูตรไปสํูการปฏบิ ัติ โดยมีการกาหนดวสิ ัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะ สาคญั ของผเู๎ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มาตรฐานการเรยี นร๎แู ละตัวชว้ี ัด โครงสรา๎ งเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผลใหม๎ คี วามสอดคล๎องกบั มาตรฐานการเรียนรู๎ เปิดโอกาสให๎โรงเรยี นสามารถ กาหนดทิศทางในการจัดทาหลักสตู รการเรียนการสอนในแตํละระดับตามความพร๎อมและจุดเน๎น โดยมีกรอบ แกนกลางเป็นแนวทางที่ชัดเจนเพ่อื ตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มคี วามพร๎อมในการกา๎ วสํูสังคมคุณภาพ มคี วามรูอ๎ ยํางแทจ๎ ริง และมีทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ มาตรฐานการเรียนรแ๎ู ละตวั ชว้ี ัดทีก่ าหนดไว๎ในเอกสารน้ี ชํวยทาให๎หนํวยงานที่เกยี่ วข๎อง ในทกุ ระดับ เหน็ ผลคาดหวังท่ีต๎องการในการพฒั นาการเรียนรู๎ของผ๎เู รียนท่ีชัดเจนตลอดแนว ซง่ึ จะสามารถชํวยให๎หนํวยงาน ท่ีเกยี่ วข๎องในระดบั ท๎องถิ่นและสถานศึกษารวํ มกันพฒั นาหลักสูตรได๎อยํางมนั่ ใจ ทาใหก๎ ารจดั ทาหลักสูตรใน ระดบั สถานศึกษามคี ุณภาพและมคี วามเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น อกี ท้ังยังชํวยให๎เกิดความชัดเจนเรอ่ื งการวดั และ ประเมินผลการเรียนรู๎ และชวํ ยแกป๎ ัญหาการเทียบโอนระหวํางสถานศกึ ษา ดงั นน้ั ในการพฒั นาหลักสตู รในทุก ระดับต้ังแตรํ ะดับชาติจนกระทงั่ ถึงสถานศึกษา จะต๎องสะท๎อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรูแ๎ ละตวั ช้ีวดั ที่ กาหนดไวใ๎ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน รวมทั้งเปน็ กรอบทิศทางในการจดั การศกึ ษาทุกรปู แบบ และครอบคลุมผเู๎ รยี นทุกกลมุํ เปาู หมายในระดบั การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน การจัดหลักสูตรการศกึ ษาข้นั พื้นฐานจะประสบความสาเรจ็ ตามเปูาหมายท่ีคาดหวังได๎ ทุกฝุาย ท่ีเกีย่ วข๎องท้ังระดับชาติ ชมุ ชน ครอบครวั และบุคคลต๎องรํวมรับผดิ ชอบ โดยรํวมกนั ทางานอยาํ งเปน็ ระบบ และตํอเนื่อง ในการวางแผน ดาเนนิ การ สงํ เสริมสนับสนนุ ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก๎ไข เพื่อ พัฒนาเยาวชนของชาติไปสํคู ุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู๎ทก่ี าหนดไว๎ หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒ วสิ ัยทศั นโ์ รงเรยี นบา้ นนางเลิศ โรงเรียนบา๎ นนางเลิศ มุงํ เน๎นความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการสคูํ วามเป็นสากล พรอ๎ มกา๎ วสปํู ระชาคม อาเซียน มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม แก๎ปญั หาอยํางมเี หตุผลตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยเ์ ปน็ ประมุข มีอนามยั สมบูรณ์ ชุมชนรํวมพัฒนา รกั ษาส่ิงแวดล๎อม กา๎ วทนั เทคโนโลยีสารสนเทศ ดารง เอกลกั ษณ์ไทย สนใจภูมิปญั ญาทอ๎ งถน่ิ และเรียนร๎ตู ลอดชีวติ หลักการ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ มหี ลักการทีส่ าคัญ ดังนี้ ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเปน็ เอกภาพของชาติ มจี ุดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู๎ เปน็ เปูาหมายสาหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชนให๎มีความร๎ู ทักษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพ้ืนฐานของความเป็น ไทยควบคูํกบั ความเปน็ สากล ๒. เปน็ หลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ท่ปี ระชาชนทุกคนมโี อกาสได๎รับการศึกษาอยํางเสมอภาค และมคี ุณภาพ ๓. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให๎สงั คมมสี วํ นรวํ มในการจดั การศกึ ษาให๎ สอดคล๎องกับสภาพและความตอ๎ งการของท๎องถ่ิน ๔. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาท่ีมีโครงสรา๎ งยืดหยนุํ ท้งั ดา๎ นสาระการเรียนรู๎ เวลาและการจัดการ เรยี นรู๎ ๕. เปน็ หลักสตู รการศึกษาท่ีเนน๎ ผู๎เรียนเป็นสาคัญ ๖. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาสาหรับการศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุม ทุกกลมํุ เปาู หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู๎ และประสบการณ์ จุดหมาย หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านนางเลศิ มํุงพฒั นาผ๎ูเรยี นให๎เปน็ คนดี มีปญั ญา มคี วามสุข มี ศักยภาพในการศึกษาตํอและประกอบอาชีพจึงกาหนดเป็นจดุ หมายเพ่ือใหเ๎ กิดกับผ๎เู รียนเม่อื จบการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ดังน้ี ๑. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคาํ นิยมท่พี ึงประสงค์ เหน็ คุณคําของตนเอง มีวินัยและปฏิบตั ติ น ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถอื ยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มคี วามรู๎ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแกป๎ ัญหา การใชเ๎ ทคโนโลยี และมีทักษะ ชีวิตทีจ่ าเป็น พร๎อมก๎าวสํูประชาคมอาเซยี น ๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจิตท่ดี ี มสี ุขนสิ ัย และรักการออกกาลงั กาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยดึ มน่ั ในวถิ ีชีวติ และการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข ๕. มจี ติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย การอนุรักษแ์ ละพฒั นาสงิ่ แวดล๎อม มี จติ สาธารณะทม่ี ุํงทาประโยชน์และสรา๎ งส่ิงที่ดงี ามในสังคม และอยํูรวํ มกนั ในสงั คมอยาํ งมคี วามสุข หลักสูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๓ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน หลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ มุงํ พฒั นาผู๎เรียนใหม๎ ีคณุ ภาพตามมาตรฐานของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด ซึง่ การพฒั นาผูเ๎ รยี นให๎บรรลุมาตรฐานการเรียนรท๎ู ่ีกาหนดน้นั จะชวํ ยใหผ๎ เ๎ู รยี น เกดิ สมรรถนะสาคญั ๕ ประการ ดังน้ี ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและสงํ สาร มวี ัฒนธรรมในการใช๎ภาษา ถาํ ยทอดความคิด ความร๎คู วามเข๎าใจ ความร๎ูสึก และทัศนะของตนเองเพอ่ื แลกเปลย่ี นข๎อมลู ขาํ วสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชนต์ อํ การพฒั นาตนเองและสงั คม รวมท้ังการเจรจาตอํ รองเพอ่ื ขจัดและลด ปัญหาความขดั แย๎งตาํ งๆ การเลือกรับหรือไมํรบั ข๎อมลู ขาํ วสารด๎วยหลกั เหตุผลและความถูกตอ๎ ง ตลอดจนการ เลอื กใชว๎ ธิ กี ารส่อื สาร ท่ีมีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบท่มี ีตํอตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคดิ สังเคราะห์ การคดิ สร๎างสรรค์ การคดิ อยํางมวี ิจารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพ่ือนาไปสกํู ารสรา๎ งองค์ความร๎หู รอื สารสนเทศ เพ่อื การตดั สินใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได๎อยํางเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแกป๎ ัญหา เป็นความสามารถในการแก๎ปัญหาและอุปสรรคตํางๆ ท่ีเผชิญไดอ๎ ยํางถูกต๎อง เหมาะสมบนพน้ื ฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข๎อมลู สารสนเทศ เขา๎ ใจความสัมพนั ธ์และการเปล่ยี นแปลง ของเหตุการณ์ตํางๆ ในสังคม แสวงหาความรู๎ ประยุกต์ความร๎ูมาใช๎ในการปูองกันและแก๎ไขปัญหา และมีการ ตัดสินใจทม่ี ีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทีเ่ กิดข้นึ ตํอตนเอง สังคมและส่ิงแวดลอ๎ ม ๔. ความสามารถในการใชท๎ ักษะชวี ติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการตาํ งๆ ไปใชใ๎ นการ ดาเนนิ ชีวติ ประจาวัน การเรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง การเรยี นรู๎อยาํ งตอํ เน่ือง การทางาน และการอยรํู วํ มกันในสงั คม ด๎วยการสรา๎ งเสริมความสัมพนั ธอ์ นั ดีระหวาํ งบคุ คล การจัดการปัญหาและความขดั แย๎งตาํ งๆ อยาํ งเหมาะสม การ ปรับตัวให๎ทันกับการเปล่ยี นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล๎อม และการร๎ูจักหลกี เลีย่ งพฤตกิ รรมไมํพงึ ประสงค์ ทีส่ ํงผลกระทบตํอตนเองและผู๎อื่น ๕. ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลอื ก และใช๎ เทคโนโลยีด๎านตํางๆ และมที ักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสงั คม ในดา๎ นการเรียนร๎ู การส่ือสารการทางาน การ แก๎ปัญหาอยํางสร๎างสรรค์ ถูกตอ๎ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลิศ พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ มํุงพัฒนาผู๎เรยี นให๎มคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เพ่ือใหส๎ ามารถอยํูรํวมกับผู๎อื่นในสงั คมได๎อยาํ งมคี วามสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดงั นี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสตั ย์สจุ รติ ๓. มวี ินัย ๔. ใฝเุ รียนรู๎ ๕. อยูอํ ยาํ งพอเพียง ๖. มุงํ มนั่ ในการทางาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มีจิตสาธารณะ หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๔ โครงสร้างหลกั สตู รสถานศึกษา หลักสูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดจ๎ ัดแบงํ องค์ความร๎ูและทกั ษะตามมาตรฐานการเรียนร๎ูไว๎ ๘ กลํุมสาระการเรียนร๎ู ดงั นี้ ๑. ภาษาไทย ๒. คณติ ศาสตร์ ๓. วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔. สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔.๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๔.๒ ประวตั ิศาสตร์ ๕. สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๖. ศิลปะ ๗. การงานอาชีพ ๘. ภาษาตํางประเทศ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กําหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสําคัญของการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งท่ีผู้เรียนพึงเรียนรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมและค่านิยมอันพึง ประสงค์เม่ือจบการศึกษาตามหลักสูตร นอกจากน้ัน มาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสําคัญใน การขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่า ต้องการอะไร ต้องสอนอะไร จะสอนอย่างไรและจะประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็นเคร่ืองมือในการตรวจสอบเพ่ือการประกัน คุณภาพการศึกษาโดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซ่ึงรวมถึง การทดสอบระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ว่าสามารถพัฒนา ผู้เรียนให้มีคุณภาพตามที่มาตรฐานการเรียนรู้กําหนด เพยี งใด หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๕ โครงสร้างหลกั สตู รโรงเรียนบา้ นนางเลศิ โครงสร้างหลกั สูตรเวลาเรียนโรงเรยี นบา้ นนางเลศิ ๑. เวลาเรยี น(ชั่วโมง/ปี) กล่มุ สาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม ระดบั ประถมศกึ ษา ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณิตศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ประวตั ิศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ศลิ ปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชีพ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ภาษาตํางประเทศ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ รวมเวลาเรยี น (พน้ื ฐาน) ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ รายวชิ าเพิม่ เติม - - - ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาอังกฤษ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ หน๎าทพ่ี ลเมือง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ รวมเวลาเรยี น (เพม่ิ เติม) กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมแนะแนว ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ กิจกรรมนกั เรยี น - กิจกรรมลกู เสือ/เนตรนารี ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ - ชมุ นมุ ๑,๐๔๐ ช่วั โมง/ปี ๑,๐๔๐ ช่ัวโมง/ปี กจิ กรรมสาธารณประโยชน์ รวมเวลาเรียนท้ังหมด หลกั สตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๖ โครงสรา้ งหลกั สตู รชัน้ ปี โรงเรยี นบา้ นนางเลิศ หลกั สตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ ไดก๎ าหนดเวลาเรยี นของกลํุมสาระการเรียนรู๎ ๘ กลํมุ สาระ ท่เี ป็น เวลาเรยี นพนื้ ฐาน เวลาเรยี นเพ่ิมเติมและเวลาในการจัดกจิ กรรมพฒั นาผเ๎ู รยี น จาแนกแตํละชน้ั ปี ดงั น้ี โครงสรา้ งหลกั สตู รชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ รหสั กลุม่ สาระการเรยี นรู้/กจิ กรรม เวลาเรียน (ชม./ปี) ท ๑๑๑๐๑ รายวิชาพืน้ ฐาน (๘๔๐) ค ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ ๒๐๐ ว ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ ๒๐๐ ส ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑ ส ๑๑๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๑ ๘๐ พ ๑๑๑๐๑ ประวตั ศิ าสตร์ ๑ ๘๐ ศ ๑๑๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๑ ๔๐ ง ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ ๑ ๔๐ อ ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๑ ๔๐ อ ๑๑๒๐๑ ๑๒๐ รายวชิ าเพิ่มเติม (80) ภาษาองั กฤษ ๑ ๘๐ (๑๒๐) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ๔๐ แนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน ๔๐ ๓๐ ลูกเสอื เนตรนารี ๑๐ ชุมนมุ 1,040 กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑ รวมเวลาเรยี นท้งั ส้นิ หลักสูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
โครงสร้างหลักสตู รช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๒ ๗ รหัส กลมุ่ สาระการเรยี นรู้/กจิ กรรม เวลาเรยี น (ชม./ปี) ท ๑๒๑๐๑ รายวิชาพ้นื ฐาน (๘๔๐) ค ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ ๒๐๐ ว ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒ ๒๐๐ ส ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒ ส ๑๒๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๒ ๘๐ พ ๑๒๑๐๑ ประวตั ศิ าสตร์ ๒ ๘๐ ศ ๑๒๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๒ ๔๐ ง ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ ๒ ๔๐ อ ๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๒ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๒ ๔๐ อ ๑๒๒๐๒ ๑๒๐ รายวชิ าเพิ่มเติม (๘๐) ภาษาองั กฤษ ๒ ๘๐ (๑๒๐) กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔๐ แนะแนว กจิ กรรมนักเรียน ๔๐ ๓๐ ลูกเสือ เนตรนารี ๑๐ ชมุ นุม 1,040 กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๑ รวมเวลาเรียนทัง้ สิ้น หลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ๘ รหัส กลมุ่ สาระการเรยี นร้/ู กจิ กรรม เวลาเรยี น (ชม./ปี) ท ๑๓๑๐๑ รายวชิ าพ้นื ฐาน (๘๔๐) ค ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๒๐๐ ว ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๓ ๒๐๐ ส ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ ส ๑๓๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ ๘๐ พ ๑๓๑๐๑ ประวตั ศิ าสตร์ ๓ ๘๐ ศ ๑๓๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๓ ๔๐ ง ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ ๓ ๔๐ อ ๑๓๑๐๓ การงานอาชพี ๓ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๓ ๔๐ อ ๑๓๒๐๓ ๑๒๐ รายวิชาเพิม่ เติม (๘๐) ภาษาองั กฤษ ๓ ๘๐ (๑๒๐) กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔๐ แนะแนว กจิ กรรมนักเรยี น ๔๐ ๓๐ ลกู เสอื เนตรนารี ๑๐ ชุมนุม 1,040 กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๑ รวมเวลาเรียนทง้ั สน้ิ หลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
โครงสร้างหลักสูตรช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๙ รหัส กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม เวลาเรยี น (ชม./ปี) ท ๑๔๑๐๑ รายวิชาพ้ืนฐาน (๘๔๐) ค ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ ๑๖๐ ว ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๔ ๑๖๐ ส ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔ ส ๑๔๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๔ ๘๐ พ ๑๔๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๔ ๘๐ ศ ๑๔๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔ ๔๐ ง ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ ๔ ๘๐ อ ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ๔ ๘๐ ภาษาอังกฤษ ๔ ๘๐ ส ๑๔๒๓๔ ๘๐ อ ๑๓๒๐4 รายวชิ าเพ่ิมเติม (80) หนา๎ ท่พี ลเมือง ๔ ๔๐ ภาษาองั กฤษ 4 40 (๑๒๐) กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๔๐ แนะแนว กิจกรรมนักเรียน ๔๐ ๓๐ ลกู เสอื เนตรนารี ๑๐ ชุมนมุ 1,040 กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑ รวมเวลาเรยี นทงั้ ส้นิ หลักสูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
โครงสร้างหลกั สูตรชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ ๑๐ รหัส กลุ่มสาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรยี น (ชม./ปี) ท ๑๕๑๐๑ รายวชิ าพื้นฐาน (๘๔๐) ค ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ ๑๖๐ ว ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๕ ๑๖๐ ส ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๕ ส ๑๕๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๕ ๘๐ พ ๑๕๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๕ ๘๐ ศ ๑๕๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๕ ๔๐ ง ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๕ ๘๐ อ ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี ๕ ๘๐ ภาษาอังกฤษ ๔ ๘๐ ส ๑๕๒๓๕ ๘๐ อ ๑๓๒๐5 รายวิชาเพมิ่ เติม (80) หนา๎ ที่พลเมือง ๕ ๔๐ ภาษาองั กฤษ 5 40 (๑๒๐) กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ๔๐ แนะแนว กิจกรรมนักเรียน ๔๐ ๓๐ ลกู เสอื เนตรนารี ๑๐ ชมุ นุม 1,040 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๑ รวมเวลาเรียนทง้ั สิน้ หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
โครงสร้างหลกั สูตรชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ๑๑ รหัส กลุ่มสาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรยี น (ชม./ปี) ท ๑๖๑๐๑ รายวชิ าพื้นฐาน (๘๔๐) ค ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ ๑๖๐ ว ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๖ ๑๖๐ ส ๑๖๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๖ ส ๑๖๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๖ ๘๐ พ ๑๖๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๖ ๘๐ ศ ๑๖๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๖ ๔๐ ง ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๖ ๘๐ อ ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี ๖ ๘๐ ภาษาอังกฤษ ๖ ๘๐ ส ๑๖๒๓๖ ๘๐ อ ๑๓๒๐6 รายวิชาเพมิ่ เติม (80) หนา๎ ที่พลเมือง ๖ ๔๐ ภาษาองั กฤษ 6 40 (๑๒๐) กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ๔๐ แนะแนว กิจกรรมนักเรียน ๔๐ ๓๐ ลกู เสอื เนตรนารี ๑๐ ชมุ นุม 1,040 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๑ รวมเวลาเรียนทง้ั สิน้ หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
รายวิชาของโรงเรียนบา้ นนางเลศิ ๑๒ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย จานวน ๒๐๐ ชั่วโมง รายวิชาพื้นฐาน จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ จานวน ๑๖๐ ช่ัวโมง ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ จานวน ๒๐๐ ชั่วโมง ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ จานวน ๒๐๐ ชั่วโมง จานวน ๒๐๐ ชวั่ โมง **************** จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ จานวน ๑๖๐ ช่วั โมง รายวชิ าพ้ืนฐาน จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง ค ๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑ จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง ค ๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒ จานวน ๑๒๐ ชั่วโมง ค ๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๓ จานวน ๑๒๐ ชั่วโมง ค ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๔ จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕ จานวน ๑๒๐ ชั่วโมง ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๖ จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง **************** จานวน ๘๐ ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนวิทยาศาสตร์ จานวน ๘๐ ชั่วโมง รายวิชาพ้ืนฐาน จานวน ๘๐ ชว่ั โมง จานวน ๘๐ ช่ัวโมง ว ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑ จานวน ๘๐ ช่วั โมง ว ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๒ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ว ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๓ ว ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๔ ว ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๕ ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๖ *************** กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ าพื้นฐาน ส ๑๑๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๑ ส ๑๒๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๒ ส ๑๓๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๓ ส ๑๔๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๔ ส ๑๕๑๐๑ สงั คมศกึ ษาฯ ๕ ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศกึ ษาฯ ๖ หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
รายวิชาพืน้ ฐาน ๑๓ ส ๑๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๑ ส ๑๒๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๒ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ส ๑๓๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๓ จานวน ๔๐ ชัว่ โมง ส ๑๔๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๔ จานวน ๔๐ ช่ัวโมง ส ๑๕๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๕ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ส ๑๖๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๖ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๔๐ ชว่ั โมง รายวิชาเพ่มิ เตมิ ส ๑๔๒๓๔ หน๎าท่พี ลเมอื ง ๔ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ส ๑๕๒๓๕ หน๎าที่พลเมอื ง ๕ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง ส ๑๖๒๓๖ หนา๎ ทพ่ี ลเมอื ง ๖ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง **************** จานวน ๘๐ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา จานวน ๘๐ ชว่ั โมง รายวิชาพืน้ ฐาน จานวน ๘๐ ชว่ั โมง จานวน ๘๐ ชั่วโมง พ ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาฯ ๑ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง พ ๑๒๑๐๑ สขุ ศึกษาฯ ๒ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง พ ๑๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาฯ ๓ พ ๑๔๑๐๑ สขุ ศกึ ษาฯ ๔ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง พ ๑๕๑๐๑ สขุ ศกึ ษาฯ ๕ จานวน ๘๐ ชั่วโมง พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศึกษาฯ ๖ จานวน ๘๐ ชั่วโมง จานวน ๘๐ ชว่ั โมง **************** จานวน ๘๐ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง รายวิชาพน้ื ฐาน จานวน ๔๐ ชัว่ โมง ศ ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ ๑ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ศ ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ ๒ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ศ ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ ๓ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ศ ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ ๔ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ ๕ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ศ ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๖ **************** กลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพ รายวิชาพื้นฐาน ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชีพฯ ๑ ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชีพฯ ๒ ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชีพฯ ๓ ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชีพฯ ๔ ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี ฯ ๕ ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชีพฯ ๖ หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ(อังกฤษ) ๑๔ รายวิชาพื้นฐาน จานวน ๑๒๐ ช่วั โมง อ ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ จานวน ๑๒๐ ชวั่ โมง อ ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๒ จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง อ ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๓ จานวน ๘๐ ชั่วโมง อ ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๔ จานวน ๘๐ ชั่วโมง อ ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๕ จานวน ๘๐ ชั่วโมง อ ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๖ รายวชิ าเพิ่มเตมิ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง อ ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ จานวน ๘๐ ชวั่ โมง อ ๑๒๒๐๒ ภาษาองั กฤษ ๒ จานวน ๘๐ ชัว่ โมง อ ๑๓๒๐๓ ภาษาอังกฤษ 3 จานวน 40 ชว่ั โมง อ ๑๑๒๐4 ภาษาอังกฤษ 4 จานวน 40 ชั่วโมง อ ๑๒๒๐5 ภาษาอังกฤษ 5 จานวน 40 ชวั่ โมง อ ๑๓๒๐6 ภาษาองั กฤษ 6 **************** หลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๕ คาอธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หลักสูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๖ คาอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย กลมํุ สาระการเรยี นรภ๎ู าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง ศกึ ษา ฝึกทักษะการอําน การเขยี น การฟัง การดูและการพูด หลกั การใช๎ภาษาไทย และวรรณคดี และวรรณกรรมในสาระตํอไปนี้ การอําน การอาํ นออกเสียงและบอกความหมายของคา คาคล๎องจอง และข๎อความ ที่ประกอบ ดว๎ ยคาพนื้ ฐาน คือคาท่ีใช๎ในชีวติ ประจาวันไมํน๎อยกวาํ ๖๐๐ คา รวมทัง้ คาทีใ่ ช๎เรียนร๎ูในกลํมุ สาระ การเรียนรู๎ อื่น ประกอบด๎วยคาท่ีมีรูปวรรณยกุ ต์และไมํมีรูปวรรณยุกต์ คาทม่ี ตี ัวสะกดตรงตามมาตราและ ไมํตรงตาม มาตรา คาท่มี ีพยญั ชนะควบกลา้ คาทม่ี ีอักษรนา การอาํ นจับใจความจากสื่อตาํ งๆ การอาํ นหนังสือตามความ สนใจ การอํานเครื่องหมายและสัญลักษณ์ มารยาทในการอาํ น การเขียน การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทดั ตามรปู แบบการเขยี นตัวอกั ษรไทย การเขียนสอื่ สาร มารยาทในการเขียน การฟัง การดู และการพูด การฟงั และปฏิบัตติ ามคาแนะนา คาส่ังงาํ ยๆ การจับใจความและพูด แสดงความคิดเห็น ความรสู๎ ึกจากเร่ืองทีฟ่ งั และดู ทั้งท่ีเปน็ ความร๎แู ละความบันเทิง การพดู สอ่ื สาร ใน ชวี ิตประจาวัน มารยาทในการฟงั มารยาทในการดู มารยาทในการพูด หลักการใชภ๎ าษา การบอกและเขยี นพยัญชนะ สระ และวรรณยกุ ต์ เลขไทย การเขียนสะกดคา การ แจกลกู และการอาํ นเปน็ คา มาตราตัวสะกดทต่ี รงตามมาตราและไมตํ รงตามมาตรา การผันคา ความหมาย ของคา การแตํงประโยคและตํอคาคล๎องจอง วรรณคดแี ละวรรณกรรม การอาํ นหรือการฟงั วรรณกรรมร๎อยแกว๎ และร๎อยกรองสาหรบั เด็ก การ ทํองบทอาขยานและบทรอ๎ ยกรองตามที่กาหนดและความสนใจ โดยใช๎กระบวนการอําน การเขยี น การฟัง การดู การพูด และการวิเคราะห์ เพ่ือใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความคดิ ความเข๎าใจ สามารถสื่อสารสิ่งทีเ่ รยี นรู๎ มีความสามารถในการสื่อสาร คดิ วเิ คราะห์ เห็นคุณคาํ ของการนาความรูไ๎ ปใช๎ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน มีเจตคตทิ ดี่ ีตํอภาษาไทย มมี ารยาทในการอําน การเขยี น การฟัง การดูและการพูด มีความซาบซ้ึง ภาคภูมิใจในภาษาไทย รกั ความเปน็ ไทย ใฝเุ รยี นร๎แู ละ มีคํานิยมที่เหมาะสม รหสั ตัวช้ีวดั ท ๑.๑ ป.๑/๑,ป.๑/๒,ป.๑/๓,ป.๑/๔,ป.๑/๕,ป.๑/๖,ป.๑/๗,ป.๑/๘ ท ๒.๑ ป.๑/๑,ป.๑/๒,ป.๑/๓ ท ๓.๑ ป.๑/๑,ป.๑/๒,ป.๑/๓,ป.๑/๔,ป.๑/๕ ท ๔.๑ ป.๑/๑,ป.๑/๒,ป.๑/๓,ป.๑/๔ ท ๕.๑ ป.๑/๑,ป.๑/๒ รวมทั้งหมด ๒๒ ตัวช้ีวัด หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๑๗ คาอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย กลํมุ สาระการเรยี นร๎ูภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๒๐๐ ชว่ั โมง ศึกษา ฝึกทักษะการอําน การเขยี น การฟัง การดแู ละการพูด หลกั การใช๎ภาษาไทย และวรรณคดี และวรรณกรรมในสาระตํอไปน้ี การอําน การอํานออกเสียงและการบอกความหมายของคา คาคลอ๎ งจอง ข๎อความและบท รอ๎ ย กรองงํายๆ ท่ปี ระกอบด๎วยคาพ้นื ฐานเพิ่มจาก ป.๑ไมนํ ๎อยกวํา ๘๐๐ คา รวมทั้งคาที่ใช๎เรยี นร๎ใู นกลํุมสาระ การเรยี นรู๎อืน่ ประกอบด๎วยคาท่ีมีรปู วรรณยกุ ต์และไมมํ ีรปู วรรณยกุ ต์ คาทีม่ ีตัวสะกดตรงตามมาตราและ ไมํ ตรงตามมาตรา คาควบกล้า คาท่มี ีอกั ษรนา คาท่ีมีตัวการันต์ คาทมี่ ี รร คาท่มี ีพยญั ชนะและสระที่ ไมํออก เสียง การอํานจบั ใจความสาคัญจากการสื่อตาํ งๆ นิทาน เร่ืองสัน้ บทเพลงและบทรอ๎ ยกรองงาํ ยๆ เร่ืองราว จากบทเรยี นในกลํมุ สาระการเรยี นรภู๎ าษาไทยและกลมํุ สาระการเรยี นรู๎อ่นื ขําวเหตุการณ์ประจาวนั การอําน หนงั สือตามความสนใจ การอํานขอ๎ เขียนเชงิ อธบิ ายและปฏิบัติตามคาสัง่ หรือข๎อแนะนา มารยาทในการอาํ น การเขียน การคัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทดั ตามรูปแบบการเขยี นตวั อกั ษรไทย การเขียนเรอื่ ง ส้นั ๆ เกีย่ วกบั ประสบการณ์ การเขยี นเรื่องสน้ั ๆ เก่ียวกับจินตนาการ มารยาทในการเขียน การฟงั การดู และการพูด การฟงั และปฏิบตั ติ ามคาแนะนา คาส่ังที่ซบั ซ๎อน การจับใจความและ พูดแสดงความคิดเห็น ความร๎ูสึกจากเรอ่ื งท่ีฟงั และดู ทั้งที่เป็นความร๎ูและความบันเทิง การพดู สื่อสาร ใน ชีวิตประจาวัน มารยาทในการฟงั มารยาทในการดู มารยาทในการพูด หลกั การใชภ๎ าษา การบอกและเขียนพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เลขไทย การเขียนสะกดคา การแจกลูกและการอาํ นเปน็ คา มาตราตัวสะกดทต่ี รงตามมาตราและไมตํ รงตามมาตรา การผนั อักษรกลาง อกั ษรสงู และอักษรต่า คาท่ีมีตัวการนั ต์ คาท่ีมีพยัญชนะควบกลา้ คาทมี่ ีอกั ษรนา คาที่มคี วามหมาย ตรงขา๎ ม คาทมี่ ี รร ความหมายของคา การแตํงประโยค การเรียบเรยี งประโยคเป็นข๎อความส้ันๆ คาคลอ๎ งจอง การใช๎ ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาทอ๎ งถน่ิ อิสานได๎เหมาะสมกับกาลเทศะ วรรณคดีและวรรณกรรม การอาํ นหรอื การฟังวรรณกรรมร๎อยแก๎วและรอ๎ ยกรองสาหรบั เด็ก การร๎อง บทร๎องเลนํ ที่มคี ุณคาํ ในท๎องถิ่นบทเพลงนอนสาหลํา การทํองบทอาขยานและ บทร๎อยกรองที่มีคุณคาํ ตามท่ี กาหนดและความสนใจ โดยใช๎กระบวนการอาํ น การเขยี น การฟงั การดู การพูด และการวเิ คราะห์ เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความคดิ ความเขา๎ ใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนร๎ู มีความสามารถในการส่อื สาร คิดวิเคราะห์ เหน็ คณุ คําของการนาความรูไ๎ ปใชป๎ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน มเี จตคติที่ดตี ํอภาษาไทย มมี ารยาทในการอําน การเขียน การฟัง การดูและการพดู มีความซาบซ้ึง ภาคภมู ิใจในภาษาไทย รักความเป็นไทย ใฝุเรยี นรแ๎ู ละ มคี ํานิยมทเ่ี หมาะสม รหัสตัวช้ีวัด ท ๑.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓,ป.๒/๔,ป.๒/๕,ป.๒/๖,ป.๒/๗,ป.๒/๘ ท ๒.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓,ป.๒/๔ ท ๓.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓,ป.๒/๔,ป.๒/๕,ป.๒/๖,ป.๒/๗ ท ๔.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓,ป.๒/๔,ป.๒/๕ ท ๕.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓ รวมท้งั หมด ๒๗ ตวั ชีว้ ัด หลกั สตู รโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๘ คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย กลมุํ สาระการเรยี นร๎ภู าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา ๒๐๐ ชว่ั โมง ศกึ ษา ฝกึ ทักษะการอําน การเขียน การฟัง การดูและการพูด หลักการใชภ๎ าษาไทย และวรรณคดี และวรรณกรรมในสาระตํอไปน้ี การอาํ น การอํานออกเสยี งและการบอกความหมายของคา คาคล๎องจอง ข๎อความ และบทร๎อย กรองงํายๆ ท่ีประกอบด๎วยคาพื้นฐานเพิ่มจาก ป.๒ ไมํน๎อยกวํา ๑,๒๐๐ คา รวมทงั้ คาท่ีเรียนรู๎ในกลุมํ สาระการ เรยี นรู๎อื่น การอํานจบั ใจความจากสอ่ื ตาํ งๆ การอํานหนงั สอื ตามความสนใจ การอํานข๎อเขยี นเชิงอธบิ ายและ ปฏบิ ัติตามคาสั่งหรือข๎อแนะนา การอํานข๎อมลู จากแผนภาพ แผนท่ี และแผนภูมิ มารยาทในการอําน การเขียน การคัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั ตามรูปแบบการเขียนตวั อักษรไทย การเขียนบรรยาย เกีย่ วกบั ลักษณะของ คน สตั ว์ สง่ิ ของ สถานที่ การเขียนบันทึกประจาวัน การเขยี นจดหมายลาครู การเขยี น เรือ่ งตามจินตนาการจากคา ภาพและหัวข๎อท่ีกาหนด มารยาทในการเขียน การฟงั การดู และการพดู การจบั ใจความและพูดแสดงความคิดเหน็ และความรสู๎ ึกจากเรื่องทฟ่ี งั และดู ทง้ั ทีเ่ ป็นความรู๎และความบันเทิง การ พูดส่อื สารในชีวติ ประจาวัน มารยาทในการฟัง มารยาทในการดู มารยาทในการพูด หลกั การใช๎ภาษา การสะกดคา การแจกลูกและการอํานเปน็ คา มาตราตัวสะกดท่ตี รงตามมาตรา และไมตํ รงตามมาตรา การผันอักษรกลาง อักษรสงู และอักษรต่า คาที่มีพยญั ชนะควบกลา้ คาทมี่ อี ักษรนา คา ท่ปี ระวสิ รรชนยี แ์ ละคาท่ีไมปํ ระวสิ รรชนีย์ คาท่มี ี ฤ ฤๅ คาทใ่ี ช๎ บนั บรร คาท่ีใช๎ รร คาท่มี ตี วั การันต์ ความหมายของคา ชนดิ และหน๎าท่ีของคา การใช๎พจนานุกรม การแตงํ ประโยคเพอ่ื การสื่อสาร การแตํง คา คล๎องจองและคาขวัญ การใชภ๎ าษาไทยมาตรฐานและภาษาทอ๎ งถนิ่ อิสานได๎เหมาะสมกับกาลเทศะ วรรณคดีและวรรณกรรม การอํานวรรณคดี วรรณกรรมและเพลงพืน้ บา๎ นกลอนลาและเพลงกลํอม เด็กเพลงนอนสาหลาํ การทํองจาบทอาขยานและบทร๎อยกรองท่มี ีคุณคาํ ตามท่กี าหนดและ ความสนใจโดยใช๎ กระบวนการอําน การเขยี น การฟัง การดู การพูด และการวเิ คราะห์ เพอื่ ให๎เกดิ ความรู๎ ความคิด ความ เขา๎ ใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนร๎ู มคี วามสามารถในการสื่อสาร คิดวเิ คราะห์และ วจิ ารณ์ อยาํ งสรา๎ งสรรค์ เห็นคุณคําของการนาความรไ๎ู ปใช๎ประโยชน์ในชวี ิตประจาวัน มเี จตคตทิ ่ดี ีตํอภาษาไทย มีมารยาทใน การอาํ น การเขยี น การฟงั การดแู ละการพูด มคี วามซาบซง้ึ ภาคภูมใิ จในภาษาไทย รักความเป็นไทย ใฝุ เรยี นร๎แู ละมีคาํ นยิ มท่ีเหมาะสม รหัสตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖,ป.๓/๗,ป.๓/๘,ป.๓/๙ ท ๒.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖ ท ๓.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖ ท ๔.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖ ท ๕.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔ รวมทั้งหมด ๓๑ ตวั ชวี้ ดั หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๑๙ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย กลํุมสาระการเรียนร๎ูภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง ศึกษา ฝกึ ทักษะการอําน การเขียน การฟัง การดูและการพูด หลักการใชภ๎ าษาไทย และวรรณคดี และวรรณกรรมในสาระตํอไปนี้ การอําน การอาํ นออกเสียงและการบอกความหมายของบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรอง การอํานบท รอ๎ ยกรองเปน็ ทานองเสนาะ การอาํ นจบั ใจความจากสื่อตาํ งๆ การอาํ นหนังสือตามความสนใจ มารยาทใน การอําน การเขียน การคดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทดั ตามรปู แบบการเขียนตัวอักษรไทย การเขยี นสอ่ื สาร การนาแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพความคิดไปพัฒนางานเขียน การเขียนยอํ ความจากส่ือ ตาํ งๆ ประกาศ จดหมาย คาสอน การเขียนจดหมายถงึ เพอ่ื นและบิดามารดา การเขียนบันทึก และเขียน รายงานจากการศึกษาค๎นคว๎า การเขยี นเร่ืองตามจินตนาการ มารยาท ในการเขยี น การฟงั การดู และการพูด การจาแนกข๎อเท็จจรงิ และข๎อคิดเห็นจากเรอ่ื งทีฟ่ ังและดูในชวี ติ ประจาวัน การจับใจความและการพูดแสดงความร๎ู ความคิดในเรื่องท่ีฟังและดจู ากสื่อตาํ งๆ การพูดรายงาน มารยาทใน การฟงั การดแู ละการพดู หลักการใช๎ภาษา การสะกดคาในแมํ ก กา มาตราตัวสะกด การผนั อักษร คาเปน็ คาตาย คาพ๎อง ชนิดและหนา๎ ทข่ี องคา การใช๎พจนานกุ รม ประโยคสามัญ การแตํงกลอนสแี่ ละคาขวัญ สานวนทเ่ี ปน็ คาพังเพย และสภุ าษติ เปรยี บเทียบภาษาไทยมาตรฐานและภาษาท๎องถน่ิ อิสานได๎ วรรณคดีและวรรณกรรม การอํานวรรณคดี วรรณกรรม วรรณกรรมท๎องถ่ินและเพลงพื้นบ๎านกลอน ลา และเพลงกลอํ มเด็กเพลงนอนสาหลํา การทํองจาบทอาขยานและบทร๎อยกรองท่ีมีคณุ คาํ ตามท่ีกาหนดและ ความสนใจ โดยใช๎กระบวนการอาํ น การเขยี น การฟัง การดู การพูด และการวเิ คราะห์ เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความคดิ ความเขา๎ ใจ สามารถส่ือสารสง่ิ ทเี่ รียนร๎ู มคี วามสามารถในการสือ่ สาร คิดวิเคราะห์ และ วจิ ารณ์ อยาํ งสร๎างสรรค์ เห็นคุณคาํ ของการนาความรูไ๎ ปใชป๎ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั มเี จตคติท่ีดีตํอภาษาไทย มีมารยาทใน การอําน การเขยี น การฟงั การดแู ละการพูด มีความซาบซ้งึ ภาคภูมิใจในภาษาไทย รักความเป็นไทย ใฝุ เรียนร๎แู ละมีคํานยิ มทเี่ หมาะสม รหัสตัวชวี้ ัด ท ๑.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗,ป.๔/๘ ท ๒.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗,ป.๔/๘ ท ๓.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖ ท ๔.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗ ท ๕.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔ รวมทั้งหมด ๓๓ ตัวช้วี ดั หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๐ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย กลํุมสาระการเรียนรภู๎ าษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕ เวลา ๑๖๐ ช่วั โมง ศึกษา ฝกึ ทักษะการอําน การเขยี น การฟัง การดแู ละการพูด หลักการใช๎ภาษาไทย และวรรณคดี และวรรณกรรมในสาระตํอไปนี้ การอาํ น การอํานออกเสียงและการบอกความหมายของบทรอ๎ ยแกว๎ และบทร๎อยกรอง การอํานบท ร๎อยกรองเปน็ ทานองเสนาะ การอํานจบั ใจความจากส่ือตาํ งๆ การอํานงานเขียนเชิงอธบิ าย คาสั่ง ข๎อแนะนา และปฏบิ ตั ิตาม การอํานหนงั สอื ตามความสนใจ มารยาทในการอําน การเขียน การคัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัดและครง่ึ บรรทัดตามรปู แบบการเขียนตวั อักษรไทย การเขยี นสื่อสาร การนาแผนภาพโครงเรอื่ งและแผนภาพความคดิ ไปพฒั นางานเขียน การเขียนยํอความ จาก ส่ือตาํ งๆ การเขียนจดหมายถึงผูป๎ กครองและญาติ การเขียนแสดงความรูส๎ กึ และความคิดเห็น การกรอกแบบ รายการ การเขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการ มารยาทในการเขียน การฟัง การดแู ละการพูด การจับใจความและการพูดแสดงความรู๎ ความคิดในเรือ่ งท่ีฟงั และดกู าร พูดแสดงความรู๎ ความคิดเห็นและความรู๎สกึ จากเร่ืองที่ฟงั และดจู ากสอื่ ตาํ งๆ การวิเคราะหค์ วามนําเช่ือถือ จากเรือ่ งทีฟ่ งั และดูในชวี ิตประจาวนั การพดู รายงาน มารยาทในการฟัง การดูและการพดู หลักการใชภ๎ าษาไทย ชนิดและหน๎าที่ของคาในประโยค ประโยคและสํวนประกอบของประโยค การเปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาท๎องถิ่นอิสาน การใชค๎ าราชาศัพท์ คาท่ีมาจากภาษาตาํ งประเทศ การแตํงกาพย์ยานี ๑๑ การใช๎สานวนที่เปน็ คาพังเพยและสุภาษิต วรรณคดีและวรรณกรรม การสรุปเรอื่ งจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่อําน การนาความรู๎ และ ข๎อคิดท่ไี ด๎จากการอํานไปใชใ๎ นชีวติ จรงิ การแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั คุณคําของวรรณคดีและวรรณกรรม การ ทํองจาบทอาขยานและบทร๎อยกรองท่มี ีคุณคําตามที่กาหนดและความสนใจ โดยใชก๎ ระบวนการอาํ น การเขยี น การฟัง การดู การพูด และการวเิ คราะห์ เพ่ือให๎เกดิ ความร๎ู ความคดิ ความเขา๎ ใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรยี นร๎ู มีความสามารถในการสือ่ สาร คิดวิเคราะห์ และ วิจารณ์ อยาํ ง สรา๎ งสรรค์ เห็นคณุ คาํ ของการนาความรไู๎ ปใชป๎ ระโยชน์ในชีวิตประจาวนั มเี จตคตทิ ่ดี ีตํอภาษาไทย มีมารยาทในการอําน การเขยี น การฟัง การดูและการพูด มีความซาบซึ้ง ภาคภมู ิใจในภาษาไทย รักความเป็นไทย ใฝุเรยี นรแ๎ู ละมี คาํ นยิ มท่เี หมาะสม รหสั ตัวชี้วดั ท ๑.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕,ป.๕/๖,ป.๕/๗,ป.๕/๘ ท ๒.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕,ป.๕/๖,ป.๕/๗,ป.๕/๘,ป.๕/๙ ท ๓.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕ ท ๔.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕,ป.๕/๖,ป.๕/๗ ท ๕.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔ รวมทงั้ หมด ๓๓ ตวั ชว้ี ัด หลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๑ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย กลํมุ สาระการเรยี นรูภ๎ าษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลาเรียน ๑๖๐ ชว่ั โมง ศกึ ษา ฝึกทักษะการอําน การเขียน การฟัง การดูและการพูด หลกั การใชภ๎ าษาไทย และวรรณคดี และวรรณกรรมในสาระตํอไปนี้ การอําน การอํานออกเสยี งและการบอกความหมายของบทร๎อยแกว๎ และบทร๎อยกรอง การอาํ นบท รอ๎ ยกรองเปน็ ทานองเสนาะ การอาํ นจบั ใจความจากส่ือตํางๆ การอาํ นเรว็ การอํานงานเขยี นเชิงอธิบาย คาสั่ง ข๎อแนะนาและปฏบิ ัติตาม การอาํ นข๎อมูลจากแผนผัง แผนท่ี แผนภมู ิ และกราฟ การอาํ นหนังสอื ตามความสนใจ มารยาทในการอาํ น การเขยี น การคดั ลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครง่ึ บรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทยการ เขียนส่อื สาร การนาแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิด การเขียนเรยี งความ การเขียนยํอความจากสื่อ ตํางๆ การเขยี นจดหมายสํวนตวั การกรอกแบบรายการ การเขยี นเรือ่ งตามจนิ ตนาการมารยาทในการเขยี น การฟัง การดูและการพูด การพดู แสดงความร๎ู ความเข๎าใจในจดุ ประสงค์ของเร่ืองท่ฟี ังและดู จาก ส่ือตํางๆ การวิเคราะห์ความนําเชือ่ ถอื จากการฟังและดสู ื่อโฆษณา การพูดรายงาน การพูด โนม๎ น๎าว ใน สถานการณต์ ํางๆ มารยาทในการฟงั การดแู ละการพูด หลักการใช๎ภาษาไทย ชนิดและหนา๎ ทขี่ องคาในประโยค การใชค๎ าราชาศัพท์ ระดับภาษา การใชภ๎ าษาถ่ิน คาทมี่ าจากภาษาตํางประเทศ ลกั ษณะประโยค กลมํุ คาหรอื วลี ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซอ๎ น การแตงํ กลอนสุภาพ การวเิ คราะห์เปรียบเทียบสานวนทเี่ ป็นคาพังเพย และสุภาษิต วรรณคดแี ละวรรณกรรม การแสดงความคิดเหน็ จากวรรณคดหี รือวรรณกรรมนิทานพื้นบา๎ น การ นาความร๎แู ละข๎อคิดท่ีไดจ๎ ากการอาํ นไปประยุกตใ์ ช๎ในชีวติ จริง การอธิบายคุณคําของวรรณคดีและวรรณกรรม การทํองจาบทอาขยานและบทรอ๎ ยกรองที่มคี ุณคําตามท่ีกาหนดและความสนใจ โดยใช๎กระบวนการอาํ น การเขยี น การฟงั การดู การพูด และการวเิ คราะห์ เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความคิด ความเขา๎ ใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู๎ มคี วามสามารถในการสอื่ สาร คดิ วเิ คราะห์ และ วิจารณ์ อยํางสรา๎ งสรรค์ เหน็ คุณคาํ ของการนาความรไ๎ู ปใชป๎ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวนั มเี จตคติท่ดี ีตํอภาษาไทย มมี ารยาทในการอําน การเขยี น การฟงั การดูและการพดู มีความซาบซึ้ง ภาคภูมใิ จในภาษาไทย รกั ความเป็นไทย ใฝเุ รียนร๎ูและ มคี ํานิยมท่เี หมาะสม รหัสตัวชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖,ป.๖/๗,ป.๖/๘,ป.๖/๙ ท ๒.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖,ป.๖/๗,ป.๖/๘,ป.๖/๙ ท ๓.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖ ท ๔.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖ ท ๕.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔ รวมทงั้ หมด ๓๔ ตวั ชี้วดั หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๒ คาอธิบายรายวิชา กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๓ คาอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน ค ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์๑ กลมุํ สาระการเรียนรค๎ู ณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐๐ ช่วั โมง ศกึ ษา ฝึกทักษะการคิดคานวณและฝกึ แกป๎ ญั หา จานวนนับ ๑ ถงึ ๑๐๐ และ ๐ บอกและแสดง จานวนสงิ่ ตาํ งๆ ตามจานวนที่กาหนด อํานและเขียนตวั เลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย การบอกอันดบั ท่ีหลัก คํา ของเลขโดดในแตํละหลัก และเขยี นแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทียบจานวนนับไมเํ กิน ๑๐๐ และ ๐ โดยใช๎เครือ่ งหมาย = ≠ > < เรียงลาดับจานวนต้งั แตํ ๓ ถงึ ๕ จานวน และหาคําของตัวไมํทราบคาํ ใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก การลบ การแก๎โจทย์ปัญหาการบวก การลบ ของจานวนนับไมเํ กนิ ๑๐๐ และ ๐ ความยาวและน้าหนัก สร๎างโจทยป์ ัญหาพร๎อมท้งั แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ ของจานวนนับไมํเกนิ ๑๐๐ และ ๐ ระบุจานวนท่หี ายไปในแบบรูปของจานวนทีเ่ พ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงทลี ะ๑ ที ละ ๑๐ รูปทีห่ ายไปในแบบรูปซ้าของรูปเรขาคณติ และรปู อืน่ ๆ ท่ีสมาชกิ ใน แตํละชดุ ที่ซ้ามี ๒ รูป วัดและ เปรยี บเทียบความยาวเป็นเซนตเิ มตร เปน็ เมตร น้าหนกั เป็นกโิ ลกรัมเปน็ ขีด และใชห๎ นํวยที่ไมํใชํหนํวย มาตรฐาน จาแนกรูปสามเหลี่ยม รปู ส่ีเหล่ยี ม วงกลม วงรี ทรงส่เี หลีย่ มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย ใชข๎ อ๎ มูลจากแผนภมู ริ ูปภาพในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา เมอื่ กาหนดรปู ๑ รูปแทน ๑ หนวํ ย มาตรฐาน/ตัวชวี้ ัด ค ๑.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ , ป.๑/๔ , ป.๑/๕ ค ๑.๒ ป.๑/๑ ค ๒.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ ค ๒.๒ ป.๑/๑ ค ๓.๑ ป.๑/๑ รวมทัง้ หมด ๑๐ ตวั ชว้ี ดั หลักสูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๔ คาอธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน ค๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลมํุ สาระการเรียนรค๎ู ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง ศกึ ษา ฝึกทกั ษะการคดิ คานวณ และฝกึ การแก๎ปัญหาในสาระตอํ ไปนี้ การเขยี นตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนังสือแสดงจานวน การอํานตวั เลขฮินดู อารบกิ และตัวเลขไทย การนบั เพม่ิ ทีละ ๕ ทลี ะ ๑๐ และทีละ ๑๐๐ การนบั ลดทลี ะ ๒ ทีละ ๑๐ และ ทลี ะ ๑๐๐ จานวนคํู จานวนค่ี หลักและคําของเลขโดในแตลํ ะหลกั และการใช๎ ๐ เพ่อื ยึดตาแหนงํ ของหลัก การ เขยี น ตวั เลขแสดงจานวนในรปู กระจาย การเปรยี บเทยี บจานวนและการใชเ๎ ครื่องหมาย = > < การ เรียง ลาดับจานวนไมํเกนิ หา๎ จานวน การบวก การลบ ความหมายของการคณู และการใชเ๎ คร่ืองหมาย × การ คณู จานวนหนึ่งหลักกับจานวนไมํเกนิ สองหลกั ความหมายของการหารและการใชเ๎ ครื่องหมาย ÷ การหารที่ ตัวหารและผลหารมหี นึ่งหลัก การบวก ลบ คูณ หารระคน โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคณู การ หาร โจทย์ปญั หาการบวก ลบ คณู หารระคน การสรา๎ งโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ การคูณ การหาร การวดั ความยาว (เมตร เซนตเิ มตร) การเปรยี บเทียบความยาว (หนํวยเดยี วกนั ) การช่งั นา้ หนกั (กิโลกรัม ขีด) การเปรยี บเทียบน้าหนกั (หนวํ ยเดยี วกนั ) การตวง (ลิตร) การเปรยี บเทียบปริมาตรและ ความจุ (ลิตร) ชนดิ และคาํ ของเงินเหรยี ญและธนบตั ร การเปรยี บเทยี บคาํ ของเงนิ เหรยี ญและธนบตั ร การบอกจานวนเงิน ทงั้ หมด (บาท สตางค)์ การบอกเวลาเป็นนาฬิกากบั นาที (ชํวง ๕ นาท)ี การอาํ นปฏิทิน เดือน และอันดับท่ี ของเดือน โจทยป์ ญั หาเก่ียวกับการวดั ความยาว (บวก ลบ) โจทย์ปญั หาเกย่ี วกับการช่งั (บวก ลบ) โจทย์ ปญั หาเกยี่ วกับการตวง (บวก ลบ คณู หาร) โจทยป์ ัญหาเก่ยี วกับเงิน (บวก ลบ หนํวยเปน็ บาท) ชนิดของ รปู เรขาคณติ รปู สามเหลีย่ ม รูปสี่เหลยี่ ม รปู วงกลม รปู วงรี ทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก รูปเรขาคณติ สองมิตกิ บั รปู เรขาคณติ สามมิติ การเขยี นรูปสามเหล่ยี ม รปู สีเ่ หล่ียม รูปวงกลมและรูปวงรีโดย ใชแ๎ บบของรปู แบบรปู ของจานวนทเ่ี พ่ิมขึ้นทีละ ๕ ทลี ะ ๑๐ ทีละ ๑๐๐ แบบรปู ของจานวนทลี่ ดลงทีละ ๒ ทลี ะ ๑๐ ทลี ะ ๑๐๐ แบบรูปของรปู ทีม่ รี ปู ราํ ง ขนาด หรือสี ทีส่ ัมพนั ธก์ นั อยํางใดอยํางหน่งึ เชํน โดยการฝึกปฏิบตั ิ คิด วิเคราะห์ แก๎ปัญหา อธบิ าย การให๎เหตุผล การสือ่ สาร การนาเสนอ และ การสรุปผล เพือ่ ให๎เกิดความรู๎ ความคดิ ความเขา๎ ใจส่ิงทเ่ี รียนรู๎ มคี วามสามารถในการวางแผน การปฏบิ ตั ิ การตดั สนิ ใจและการแก๎ปัญหา เห็นคณุ คาํ ของการนาความรูไ๎ ปใช๎ในชีวติ ประจาวนั มีเจตคติทดี่ ตี ํอคณิตศาสตร์ มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและ คาํ นยิ มที่พงึ ประสงค์ สามารถทางานอยํางมีระบบ มีระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ ใฝุเรยี นร๎ู มีความมํงุ ม่นั ในการทางานและมคี วามเชอ่ื มั่นในตนเอง หสั ตัวช้ีวัด ค ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ ค ๑.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ค ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖ ค ๒.๒ ป.๒/๑ ค ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ ค ๓.๒ ป.๒/๑ ค ๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ค ๖.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖ รวม ๒๔ ตวั ชีว้ ดั หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๕ คาอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน ค๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุมํ สาระการเรยี นรค๎ู ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง ศึกษา ฝึกทกั ษะการคดิ คานวณ ใชว๎ ธิ กี ารท่ีหลากหลายแก๎ปญั หา ใช๎ความร๎ู ทกั ษะและกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ในการแกป๎ ัญหา ในสถานการณ์ตาํ งๆ ในสาระตอํ ไปน้ี การเขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทยและตวั หนังสือแสดงจานวน การอํานตัวเลขฮนิ ดู อารบิกและตัวเลขไทย การนับเพ่มิ ทีละ ๓ ทลี ะ ๕ ทลี ะ ๒๕ และทลี ะ ๕๐ การนับลดทลี ะ ๓ ทลี ะ ๕ ทลี ะ ๒๕ และทลี ะ ๕๐ หลักและคาํ ของเลขโดดในแตํละหลกั และการใช๎ ๐ เพ่ือยดึ ตาแหนํงของหลัก การ เขียนตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจาย การเปรยี บเทียบจานวนและการใชเ๎ ครื่องหมาย = > < การเรียง ลาดับจานวนไมํเกนิ ห๎าจานวน การบวก การลบ การคูณจานวนหน่ึงหลักกับจานวนไมํเกนิ สี่หลัก การคูณ จานวนสองหลักกบั จานวนสองหลกั การหารที่ตัวตงั้ ไมเํ กนิ สี่หลักและตวั หารมีหน่ึงหลกั การบวก ลบ คณู หารระคน โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคณู การหาร โจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คูณ หารระคน การ สรา๎ งโจทย์ปญั หาการบวก การลบ การคณู การหาร การวัดความยาว (เมตร เซนติเมตร มิลลิเมตร) การ เลอื กเครื่องมือวดั ความยาวทเ่ี หมาะสม (ไม๎เมตร ไมบ๎ รรทัด สายวดั ตัว สายวดั ชนิดตลับ) การเปรยี บเทยี บ ความยาว การคาดคะเนความยาว (เมตร เซนตเิ มตร) การชง่ั (กโิ ลกรัม กรัม ขีด) การเลือกเครื่องชัง่ ท่ี เหมาะสม (เครอื่ งชั่งสปรงิ เครอ่ื งชงั่ น้าหนกั ตัว เคร่ืองชัง่ สองแขน เครื่องชั่งแบบตม๎ุ ถวํ ง) การเปรยี บเทียบ น้าหนัก การคาดคะเนน้าหนัก (กโิ ลกรมั ) การตวง (ลติ ร มิลลิลติ ร) การเลอื กเครือ่ งตวง การเปรยี บเทยี บ ปรมิ าตรของสิง่ ของและความจขุ องภาชนะ (หนํวยเดียวกัน) การคาดคะเนปรมิ าตรของสิง่ ของและความจุของ ภาชนะ (ลติ ร) การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที (ชํวง ๕ นาที) การเขียนบอกเวลาโดยใชจ๎ ดุ และการอําน ความสัมพนั ธ์ของหนํวยความยาว (มลิ ลิเมตรกบั เซนตเิ มตร เซนติเมตรกบั เมตร) ความสัมพนั ธข์ องหนํวยการ ชง่ั (กโิ ลกรัมกับขีด ขดี กับกรัม กโิ ลกรัมกับกรมั ) ความสมั พนั ธ์ของหนํวยเวลา (นาทีกับชวั่ โมง ชวั่ โมงกับวัน วันกับสปั ดาห์ วันกับเดือน เดอื นกับปี วนั กับปี) การเขียนจานวนเงนิ โดยใช๎จดุ และการอาํ น โจทย์ปญั หา เกยี่ วกับการวัดความยาว (บวก ลบ) การช่งั (บวก ลบ) ปรมิ าตรและความจุ (บวก ลบ) โจทยป์ ัญหา เกย่ี วกบั เงนิ (บวก ลบ ) และโจทยป์ ญั หาเกี่ยวกับเวลา การอํานและการเขยี นบันทกึ รายรับ รายจําย การ อาํ นและเขียนบนั ทึกกจิ กรรมหรอื เหตกุ ารณท์ ี่ระบเุ วลา รปู วงกลม รปู วงรี รปู สามเหลี่ยม รูปสี่เหลยี่ ม รูปห๎า เหล่ียม รปู หกเหลี่ยม รูปแปดเหล่ยี ม รูปที่มแี กนสมมาตร จุด เส๎นตรง รังสี สํวนของเสน๎ ตรง จุดตดั มมุ และสัญลกั ษณ์ การเขยี นรูปเรขาคณิตสองมิติ รปู เรขาคณิตสองมิติ ท่ีอยูใํ นสงิ่ แวดล๎อมรอบตวั แบบรูปของจานวนทเ่ี พ่ิมขน้ึ ทีละ ๓ ทลี ะ ๔ ทีละ ๒๕ ทลี ะ ๕๐ แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลง ที ละ ๓ ทีละ ๔ ทีละ ๕ ทลี ะ ๒๕ ทีละ ๕๐ แบบรูปซา้ แบบรปู ของรูปท่ีมีรปู ราํ ง ขนาด หรอื สี ที่ สมั พันธ์กนั สองลักษณะ เชนํ การเก็บรวบรวมข๎อมูลและการจาแนกข๎อมลู เกย่ี วกับ ตนเองและสง่ิ แวดล๎อมใกล๎ตัวทพี่ บเหน็ ในชีวติ ประจาวัน การอาํ นแผนภูมริ ปู ภาพและแผนภูมิแทงํ โดยการฝกึ ปฏิบัติ คดิ วิเคราะห์ แกป๎ ญั หา อธิบาย การให๎เหตผุ ล การสอ่ื สาร การนาเสนอ และ การสรุปผล เพอื่ ให๎เกิดความร๎ู ความคดิ ความเขา๎ ใจส่ิงทเี่ รียนรู๎ มคี วามสามารถในการวางแผน การปฏบิ ัติ การตัดสินใจและการแก๎ปัญหา เห็นคุณคาํ ของการนาความรู๎ไปใชใ๎ นชีวิตประจาวัน มีเจตคติทด่ี ตี ํอคณติ ศาสตร์ มคี ุณธรรมจริยธรรมและ คํานิยมท่ีพงึ ประสงค์ สามารถทางานอยํางมีระบบ มรี ะเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบ ใฝเุ รยี นรู๎ มคี วามมงํุ มน่ั ในการทางานและมีความเชอ่ื ม่ันในตนเอง หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๖ รหสั ตวั ช้ีวดั ค ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ค ๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ค ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ค ๒.๒ ป.๓/๑, ป๓/๒, ป.๓/๓ ค ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ค ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ค ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ค ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ค ๖.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖ รวมท้ังหมด ๒๘ ตวั ช้วี ัด หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๗ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์๔ กลํุมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง ศึกษา ฝกึ ทกั ษะการอํานและเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนังสือแสดงจานวนนับท่ี มากกวํา ๑๐๐,๐๐๐ พรอ๎ มทั้งเปรียบเทยี บและเรียงลาดบั จานวนนับทมี่ ากกวาํ ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณ์ ตาํ งๆ บอก อํานและเขยี นเศษสํวน จานวนคละแสดงปริมาณส่งิ ตาํ งๆ และแสดงส่ิงตํางๆ ตามเศษสวํ น จานวน คละที่กาหนด เปรยี บเทียบ เรียงลาดับเศษสวํ นและจานวนคละท่ีตวั สวํ นตัวหน่ึงเปน็ พหูคูณของอีกตวั หน่งึ อาํ น และเขยี นทศนิยมไมํเกิน ๓ ตาแหนงํ แสดงปริมาณของส่งิ ตํางๆ ตามทศนิยมท่ีกาหนด เปรยี บเทยี บและ เรยี งลาดบั ทศนิยมไมเํ กนิ ๓ ตาแหนงํ และประมาณผลลัพธข์ องการบวก การลบการคูณ การหาร จาก สถานการณ์ตํางๆ อยํางสมเหตุสมผล หาคาํ ของตัวไมํทราบคาํ ในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการบวก การลบของ จานวนนบั ที่มากกวํา ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ แสดงการคูณของจานวนหลายหลกั ๒ จานวน ทีม่ ีผลคูณไมเํ กิน ๖ หลกั และแสดงการหารทต่ี ัวตั้งไมเํ กิน ๖ หลัก ตวั หารไมเํ กิน ๒ หลัก หาผลลพั ธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคน ของจานวนนบั และ ๐ แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา ๒ ขน้ั ตอนของจานวนนบั ท่ีมากกวํา ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ สร๎างโจทยป์ ญั หา ๒ ข้นั ตอนของจานวนนบั และ ๐ พร๎อมทัง้ หาคาตอบ หาคาตอบและแสดงวิธีหา คาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบของเศษสวํ นและจานวนคละท่ตี วั สวํ นตวั หนึ่งเป็นพหูคณู ของอีกตัว หนง่ึ หาผลบวก ผลลบของทศนยิ มไมเํ กิน ๓ ตาแหนํง และแสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ ๒ ขัน้ ตอนของทศนยิ มไมเํ กิน ๓ ตาแหนงํ แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาเกยี่ วกับเวลา วัดและสร๎างมุมโดยใช๎โพรแทรกเตอร์ แสดงวธิ หี า คาตอบของโจทย์ปญั หาเกี่ยวกบั ความยาวรอบรูปและพนื้ ท่ีของรปู สเ่ี หลย่ี มมุมฉาก จาแนกชนิดของมมุ บอกชอ่ื มมุ สํวนประกอบของมุมและเขียนสัญลกั ษณ์แสดงมุม สร๎างรปู สเ่ี หลี่ยมมมุ ฉากเมื่อกาหนดความยาวของดา๎ น และใชข๎ ๎อมูลจากแผนภมู ิแทํง ตารางสองทางในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั ค ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘, ป.๔/๙, ป.๔/๑๐, ป.๔/๑๑, ป. ๔/๑๒, ป.๔/๑๓, ป.๔/๑๔, ป.๔/๑๕, ป.๔/๑๖ ค ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ค ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ค ๓.๑ ป.๔/๑ รวม ๒๒ ตัวชว้ี ัด หลักสตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๘ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ค๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ กลมํุ สาระการเรียนรูค๎ ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลาเรยี น ๑๖๐ ชั่วโมง ศึกษา และฝกึ ให๎เกิดความคลํองในการคิดคานวณ การแกโ๎ จทยป์ ัญหา รวมท้งั การเขียน แสดง ความหมายหรอื วธิ ีการในเรือ่ งตอํ ไปนี้ ความหมาย การอาํ นและการเขียนเศษสวํ นแท๎ เศษเกนิ จานวนคละ และทศนิยมไมํเกินสอง ตาแหนํง เศษสวํ นท่เี ทาํ กบั จานวนนบั การเขียนจานวนนับในรูปเศษสวํ น การเขียนเศษเกินในรปู จานวนคละ และการเขยี นจานวนคละในรปู เศษเกนิ เศษสํวนท่ีเทํากัน เศษสวํ นอยํางต่า หลัก คาํ ประจาหลัก และคําของ เลขโดดในแตํละหลักของจานวนนบั และทศนิยมไมเํ กินสองตาแหนงํ การเขียนทศนิยมในรปู กระจาย การ เปรยี บเทียบและเรียงลาดับทศนิยมไมํเกนิ สองตาแหนํง การเปรียบเทยี บและเรียงลาดับเศษสํวนทีต่ วั สํวนตวั หน่ึงเป็นพหุคูณของตัวสวํ นอีกตวั หนง่ึ ความหมาย การอําน และการเขยี นร๎อยละ การเขยี นเศษสํวนที่มีตัว สํวนเปน็ ตวั ประกอบของ ๑๐ , ๑๐๐ ในรปู ทศนยิ มและร๎อยละ การเขยี นร๎อยละ ในรูปเศษสํวนและทศนยิ ม การเขียนทศนยิ มไมํเกินสองตาแหนํงในรปู เศษสวํ นและรอ๎ ยละ การบวก การลบเศษสวํ นทตี่ วั สวํ นตัวหนึ่งเป็น พหคุ ณู ของตวั สวํ นอีกตวั หนงึ่ การคณู เศษสํวนกับจานวนนับ การคณู เศษสํวนกบั เศษสวํ น การหารเศษสวํ น ดว๎ ย จานวนนบั การหารจานวนนบั ด๎วยเศษสวํ น การหารเศษสํวนดว๎ ยเศษสํวน การบวก ลบ คูณระคนของ เศษสํวน การบวกและการลบทศนิยมไมํเกนิ สองตาแหนงํ การคูณทศนิยมไมเํ กินสองตาแหนงํ กบั จานวนนับ การคณู ทศนยิ มหน่ึงตาแหนงํ กบั ทศนยิ มหนึ่งตาแหนงํ การบวก ลบ คูณระคนของทศนิยม โจทย์ปญั หาการ บวก การลบ การคณู การหาร และการบวก ลบ คูณ หารระคนของจานวนนบั โจทย์ปญั หาท่ใี ชบ๎ ญั ญัติ ไตรยางศ์ การสร๎างโจทย์ปัญหา การบวก การลบ การคูณ การหาร และการบวก ลบ คูณ หารระคนของ จานวนนับ โจทยป์ ัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารเศษสวํ น โจทยป์ ัญหาการบวก ลบ คณู ระคน ของเศษสวํ น โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณทศนิยม และการสร๎างโจทยป์ ญั หา โจทยป์ ัญหารอ๎ ยละ ในสถานการณ์ตํางๆ รวมถงึ โจทย์ปญั หา ร๎อยละเก่ียวกับการหากาไร ขาดทนุ การลดราคา และการหา ราคาขาย คําประมาณใกล๎เคียงเป็นจานวนเตม็ สบิ เต็มรอ๎ ย เต็มพัน ความสัมพันธ์ของหนวํ ยการวัด ปรมิ าตร หรือความจุ (ลูกบาศก์เซนตเิ มตร ลกู บาศก์เมตร) ความยาวรอบรปู ของรปู สเี่ หลยี่ ม ความยาวรอบรปู ของรปู สามเหล่ียม การหาพน้ื ท่ขี องรูปสเ่ี หล่ียมมุมฉาก การหาพ้นื ทีข่ องรูปสามเหลยี่ ม การวดั ขนาดของมุมโดยใช๎ โปรแทรกเตอร์ การหาขนาดของมุมกลับ การหาปรมิ าตรเป็นลูกบาศกห์ นํวย ลกู บาศก์เซนตเิ มตร และ ลกู บาศกเ์ มตร การหาปริมาตรหรือความจุของทรงส่เี หลี่ยมมุมฉากโดยใช๎สูตร โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกับพ้ืนทข่ี อง รูปสีเ่ หลีย่ มมมุ ฉากและรปู สามเหลยี่ ม โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกบั ความยาวรอบรปู ของรูปสี่เหล่ียมมมุ ฉากและรูป สามเหลย่ี ม ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย ปริซึม พีระมิด รูปส่ีเหล่ียมจัตรุ ัส รูปส่เี หล่ยี มผืนผ๎า รูป สเี่ หล่ียมขนมเปียกปูน รปู สเ่ี หล่ยี มด๎านขนาน รูปส่ีเหลยี่ มคางหมู รูปสี่เหล่ียมรูปวําว รูปสามเหลย่ี มแบํงตาม ลักษณะของด๎าน รูปสามเหล่ียมแบงํ ตามลักษณะของมุม สํวนประกอบของรูปสามเหล่ียม มมุ ภายในของรปู สามเหลย่ี ม ชนิดของมุม การสร๎างมุมโดยใช๎ โปรแทรกเตอร์ การสร๎างรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก การสรา๎ งรูป สามเหลย่ี ม การสร๎างรปู วงกลม การสร๎างเสน๎ ขนานใหผ๎ าํ นจดุ ที่กาหนดโดยใชไ๎ ม๎ฉาก แบบรปู ของจานวนการ เกบ็ รวบรวมขอ๎ มลู และการจาแนกข๎อมลู การเขียนแผนภูมิแทํงทมี่ ีทม่ี ีการยํนระยะของเส๎นแสดงจานวนการ อํานแผนภูมิแทํงเปรียบเทยี บ การคาดคะเนเกย่ี วกับการเกดิ ขึน้ ของเหตกุ ารณต์ าํ งๆ หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๙ โดยการฝกึ ปฏิบัติ คดิ วิเคราะห์ แกป๎ ัญหา อธิบาย การใหเ๎ หตุผล การส่ือสาร การนาเสนอ และ การสรปุ ผล เพื่อให๎เกดิ ความร๎ู ความคดิ ความเขา๎ ใจสิง่ ทเี่ รียนร๎ู มีความสามารถในการวางแผน การปฏิบตั ิ การตดั สินใจและการแก๎ปญั หา เหน็ คณุ คาํ ของการนาความร๎ไู ปใช๎ในชีวติ ประจาวนั มีเจตคตทิ ีด่ ตี ํอคณติ ศาสตร์ มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและ คาํ นิยมท่ีพึงประสงค์ สามารถทางานอยํางมรี ะบบ มรี ะเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบ ใฝเุ รียนรู๎ มีความมํงุ มั่นในการทางานและมคี วามเชอื่ มน่ั ในตนเอง รหสั ตวั ชีว้ ัด ค ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ค ๑.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ค ๑.๓ ป.๕/๑ ค ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ค ๒.๒ ป.๕/๑ ค ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ค ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ค ๔.๑ ป.๕/๑ ค ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ค ๕.๒ ป.๕/๑ ค ๖.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖ รวมท้ังหมด ๒๙ ตัวชี้วัด หลักสตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๐ คาอธิบายรายวิชาพื้นฐาน ค๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ กลํมุ สาระการเรยี นรูค๎ ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา ๑๖๐ ชว่ั โมง ศกึ ษา และฝกึ ใหเ๎ กิดความคลํองในการคิดคานวณ การแกโ๎ จทยป์ ัญหา รวมทั้งการเขยี น แสดง ความหมายหรือวธิ ีการในเรอื่ งตํอไปน้ี ความหมาย การอํานและการเขยี นทศนยิ มสามตาแหนงํ หลกั คาํ ประจาหลกั และเลขโดดในแตํละ หลักของทศนยิ มสามตาแหนงํ หลกั คําประจาหลัก และคําของเลขโดดในแตํละหลกั ของทศนิยมสามตาแหนงํ การเขียนทศนยิ มในรปู กระจาย การเปรียบเทยี บและเรยี งลาดบั ทศนยิ มไมเํ กินสามตาแหนํง การเปรียบเทียบ และเรียงลาดบั เศษสํวน การเขยี นทศนิยมไมํเกนิ สามตาแหนงํ ในรูปเศษสํวน การเขยี นเศษสวํ นทมี่ ีตัวสวํ นเป็น ตัวประกอบของ ๑๐, ๑๐๐, ๑,๐๐๐ ในรปู ทศนิยม การบวก การลบ การคณู การหารเศษสํวน การบวก การลบ การคูณ การหารจานวนคละ การบวก ลบ คณู หารระคนของเศษสวํ นและจานวนคละ การบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยมท่ีมีผลลัพธเ์ ป็นทศนยิ มไมํเกนิ สามตาแหนํง การบวก การคณู การบวก ลบ คูณหารระคนของทศนิยมไมํเกินสามตาแหนํง โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหาร และการบวก ลบ คูณ หารระคนของจานวนนบั การสร๎างโจทย์ปญั หาการบวก การลบ การคูณ การหาร และการบวก ลบ คูณ หารระคนของจานวนนับ โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคณู การหาร และการบวก ลบ คณู หารระคนของเศษสํวน โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคณู การหาร และการบวก ลบ คณู หารระคน ของทศนิยม การสร๎างโจทยป์ ญั หาการคูณ การหาร และการคูณ หารระคนของทศนิยม โจทยป์ ญั หารอ๎ ย ละในสถานการณ์ตาํ งๆ รวมถงึ โจทยป์ ญั หาร๎อยละเกี่ยวกับเกี่ยวกบั การหากาไร ขาดทุน การลดราคา การหา ราคาขาย การหาราคาทุน และดอกเบีย้ คาํ ประมาณใกล๎เคยี งเป็นจานวนเต็มหม่นื เต็มแสน และเตม็ ลา๎ น คําประมาณใกลเ๎ คยี งทศนยิ มหน่งึ ตาแหนงํ และสองตาแหนํง สมบตั กิ ารสลบั ท่ี การเปลย่ี นหมํู การแจกแจงใน การบวก การคูณ และการบวก ลบ คูณ หารระคน ตวั ประกอบ จานวนเฉพาะและตัวประกอบเฉพาะ การหา ห.ร.ม. การหา ค.ร.น. ทิศ การบอกตาแหนํงโดยใช๎ทิศ มาตราสํวน การอาํ นแผนผัง การหาพื้นที่ ของรูปสี่เหลี่ยมโดยใชค๎ วามยาวของด๎าน การหาพ้นื ที่ ของรปู สี่เหลี่ยมโดยใชส๎ มบตั ิเสน๎ ทแยงมมุ การหาความยาวรอบรปู วงกลมหรือความยาวรอบวง การหาพื้นท่ขี อง รปู วงกลม การคาดคะเนพ้ืนท่ีของรปู สีเ่ หลี่ยม โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกับความยาวรอบรปู และพน้ื ที่ ของรูปส่เี หลย่ี ม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรปู และพื้นท่ขี องรูปวงกลม โจทยป์ ัญหาเก่ียวกับปริมาตรหรอื ความจุของทรง สเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก การเขยี นแผนผงั แสดงสิง่ ตาํ งๆ การเขียนแผนผงั แสดงเส๎นทางการเดนิ ทาง การเขยี นแผนผัง โดยสงั เขป สวํ นประกอบของรปู เรขาคณิตสามมติ ิ (ทรงสี่เหล่ียมมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย ปริซึม พีระมดิ ) สมบัติของเสน๎ ทแยงมมุ ของรูปสี่เหล่ียม การพิจารณาเส๎นขนานโดยอาศัยมุมแยง๎ การ พิจารณาเสน๎ ขนานโดยอาศยั ผลบวกของขนาดมมุ ภายในที่อยูํบนข๎างเดยี วกันของเส๎นตดั เป็น ๑๘๐ องศา รูป คล่ขี องรปู เรขาคณติ สามมิติ (ทรงสี่เหลย่ี มมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย ปรซิ ึม พรี ะมิด) การ ประดษิ ฐร์ ูปเรขาคณิตสามมติ ิ การสรา๎ งรปู สี่เหลีย่ มเมอื่ กาหนดความยาวของดา๎ นและขนาดของมมุ หรือเม่ือ กาหนดความยาวของเสน๎ ทแยงมมุ ปัญหาเกี่ยวกบั แบบรูป สมการเชิงเส๎นทม่ี ตี วั ไมทํ ราบคาํ หน่งึ ตัว การแก๎ สมการโดยใชส๎ มบัติของการเทํากนั เก่ยี วกับการบวก การลบ การคณู หรือการหาร การแก๎โจทย์ปญั หาดว๎ ย สมการ การอํานกราฟเสน๎ และแผนภูมิรปู วงกลม การเขยี นแผนภูมิแทงํ เปรียบเทยี บและกราฟเสน๎ การ คาดคะเนเก่ยี วกับการเกดิ ขึน้ ของเหตุการณ์ตํางๆ หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๓๑ โดยการฝกึ ปฏบิ ตั ิ คดิ วเิ คราะห์ แกป๎ ญั หา อธิบาย การใหเ๎ หตุผล การสอื่ สาร การนาเสนอ และ การสรุปผล เพื่อให๎เกดิ ความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจส่งิ ท่ีเรียนรู๎ มีความสามารถในการวางแผน การปฏบิ ัติ การตัดสนิ ใจและการแก๎ปญั หา เห็นคณุ คาํ ของการนาความรูไ๎ ปใช๎ในชีวิตประจาวนั มเี จตคติทีด่ ีตํอคณติ ศาสตร์ มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและ คาํ นยิ มท่ีพึงประสงค์ สามารถทางานอยํางมรี ะบบ มรี ะเบยี บ มคี วามรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบ ใฝุเรยี นรู๎ มีความมํงุ มนั่ ในการทางานและมีความเชอ่ื ม่นั ในตนเอง รหัสตัวชว้ี ดั ค ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ค ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/ ค ๑.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ค ๑.๔ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ค ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ค ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ค ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ค ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ค ๔.๑ ป.๖/๑ ค ๔.๒ ป.๖/๑ ค ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ค ๕.๒ ป.๖/๑ ค ๖.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ รวมทง้ั หมด ๓๑ ตวั ช้ีวดั หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๒ คาอธิบายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๓ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน กลํุมสาระการเรียนรวู๎ ทิ ยาศาสตร์ ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 4๐ ชว่ั โมง ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ ระบชุ ื่อพืชและสตั วท์ ี่อาศยั อยํูบรเิ วณตํางๆที่ไดจ๎ ากการสารวจบอกสภาพแวดลอ๎ มทเ่ี หมาะสมใน บริเวณทพ่ี ืชและสตั ว์อาศยั อยูํในบรเิ วณที่สารวจบรรยายลกั ษณะและบอกหนา๎ ท่สี วํ นตาํ งๆของราํ งกายมนษุ ย์ สัตวแ์ ละพืชรวมทง้ั บรรยายการทาหน๎าท่รี ํวมกันของสํวนตํางๆของรํางกายมนุษย์ในการทากิจกรรมตํางๆจาก ข๎อมูลทร่ี วบรวมได๎ ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของสวํ นตํางๆของราํ งกายของตนเองและการดแู ลสวํ นตาํ งๆอยําง ถกู ต๎องและปลอดภัยอธบิ ายสมบตั ทิ ี่สังเกตได๎ของวัสดทุ ่ีทาจากวสั ดุชนดิ เดียวหรือหลายชนิดประกอบกนั โดยใช๎ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ระบุชนดิ ของวัสดแุ ละจดั กลํมุ วัสดตุ ามสมบัติทส่ี งั เกตได๎ บรรยายการเกิดเสยี งและทิศ ทางการเคล่อื นท่ีของเสยี งจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ระบดุ าวทป่ี รากฏบนทอ๎ งฟาู ในเวลากลางวนั และกลางคืน จากข๎อมูลที่รวบรวมได๎ อธิบายสาเหตุท่ีมองไมํเหน็ ดวงดาวสํวนใหญํในเวลากลางวนั จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ อธิบายลักษณะภายนอกของหนิ จากลกั ษณะเฉพาะตัวทส่ี งั เกตได๎แสดงลาดับขัน้ ตอนการทางานและแก๎ปัญหา อยาํ งงาํ ยโดยการเปรยี บเทียบเขียนโปรแกรมโดยใชซ๎ อฟต์แวรแ์ ละจดั เก็บข๎อมูลดูแลรักษาคอมพิวเตอรไ์ ด๎อยาํ ง เหมาะสม มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั ว ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ว ๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ว ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ว ๒.๓ ป.๑/๑ ว ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ว ๓.๒ ป.๑/๑ ว ๘.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ รวมทง้ั หมด ๑๕ ตวั ชี้วัด หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
คาอธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน ๓๔ ว๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๒ กลํมุ สาระการเรยี นรว๎ู ิทยาศาสตร์ เวลา 4๐ ชั่วโมง ศกึ ษาวิเคราะห์ ปัจจยั ท่จี าเป็นตํอการดารงชวี ิตของพืช ปัจจัยท่ีจาเปน็ ตอํ การดารงชวี ิตและการ เจริญเตบิ โตของพืชและสัตว์ การนาความร๎ูไปใช๎ประโยชนใ์ นการดูแลพชื และสตั ว์ พืชและสตั ว์ มกี ารตอบสนอง ตอํ สิ่งเรา๎ ราํ งกายมนุษยม์ ีการตอบสนองตํอแสง อณุ หภมู ิและการสัมผัส ปจั จัยท่ีจาเป็นตํอการดารงชีวิตและ การเจรญิ เติบโตของมนุษย์ ประโยชน์ของพืชและสัตวใ์ นท๎องถนิ่ ลกั ษณะหรือสมบัติของวสั ดุที่นามาทาของ เลํน ของใช๎ในชวี ิตประจาวัน การเลอื กใช๎วสั ดแุ ละสง่ิ ตํางๆ ไดอ๎ ยํางเหมาะสม และปลอดภยั สมบตั ขิ อง แมเํ หล็กและการนาแมเํ หลก็ มาใชป๎ ระโยชน์ แรงไฟฟูา ทเ่ี กิดจากการถูวัตถบุ างชนิด พลังงานไฟฟาู การ จาแนกดินและการใช๎ประโยชนจ์ ากดิน ดวงอาทิตย์เปน็ แหลงํ พลังงาน ของโลก โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน๎ ขอ๎ มูลและการ อภปิ รายเพ่ือให๎เกิดความรู๎ ความคดิ ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารสิง่ ทเี่ รยี นร๎ู มคี วามสามารถในการสื่อสาร การ คิดวิเคราะห์และการแก๎ปัญหา เห็นคุณคาํ ของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ ใฝเุ รยี นร๎ู มคี วามมุงํ ม่นั ในการ ทางาน มจี ริยธรรม คณุ ธรรมและคํานยิ มที่เหมาะสม รหสั ตัวชี้วดั ว ๑.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓,ป.๒/๔,ป.๒/๕ ว ๑.๒ ป.๒/๑ ว ๓.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒ ว ๔.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓ ว ๕.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒ ว ๖.๑ ป.๒/๑ ว ๗.๑ ป.๒/๑ ว ๘.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓,ป.๒/๔,ป.๒/๕,ป.๒/๖,ป.๒/๗,ป.๒/๘ รวมทั้งหมด ๒๓ ตวั ช้วี ัด หลกั สตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๓๕ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน กลุํมสาระการเรียนร๎วู ทิ ยาศาสตร์ ว๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 4๐ ชวั่ โมง ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓ ศกึ ษา วเิ คราะห์ ลกั ษณะความแตกตํางกนั ของสิ่งมชี วี ิตแตํละชนดิ การถาํ ยทอดลักษณะทาง พนั ธุกรรม ประโยชนใ์ นการพัฒนาสายพนั ธ์ุของพชื และสัตว์ การปรบั ตัวให๎เขา๎ กบั สภาพแวดล๎อม ของสง่ิ มชี วี ติ ส่ิงแวดล๎อมและความสมั พนั ธข์ องส่ิงมีชวี ติ กับส่งิ แวดล๎อม ทรพั ยากรธรรมชาติ ความสาคัญและประโยชน์ของ ทรพั ยากรธรรมชาติ การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ การจาแนกวสั ดุและการใช๎ประโยชนจ์ ากวสั ดุ แรงกระทา ตอํ วตั ถุทาใหว๎ ัตถุเปล่ียนแปลงรูปราํ งและสมบัติแตกตํางไปจากเดมิ ประโยชนแ์ ละอันตรายจากการ เปลี่ยนแปลงของวัสดุ แรงกระทาตํอวัตถทุ าให๎วัตถุเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนที่ แรงโนม๎ ถํวงของโลก พลังงาน ธรรมชาติทใ่ี ชผ๎ ลิตไฟฟูา ความสาคัญของพลงั งานไฟฟูา สมบัติของน้าและการใชป๎ ระโยชนจ์ ากนา้ องค์ประกอบของอากาศและความสาคญั ของอากาศ การเกดิ ลม ปรากฏการณท์ โี่ ลกหมุนรอบตัวเอง โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน๎ ข๎อมลู และการ อภิปรายเพ่ือให๎เกิดความรู๎ ความคดิ ความเขา๎ ใจ สามารถสื่อสารสิง่ ทีเ่ รียนร๎ู มีความสามารถ ในการสอื่ สาร การคดิ วเิ คราะห์และการแก๎ปัญหา เห็นคณุ คาํ ของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ ใฝุเรียนรู๎ มคี วามมํงุ มั่นในการ ทางาน มจี ริยธรรม คุณธรรมและคํานยิ มท่เี หมาะสม รหสั ตวั ชีว้ ัด ว ๑.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔ ว ๒.๑ ป.๓/๑,ว ๒.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓ ว ๓.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒ ว ๓.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒ ว ๔.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓, ว ๕.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒ ว ๖.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓ ว ๗.๑ ป.๓/๑ ว ๘.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖,ป.๓/๗,ป.๓/๘ รวมท้งั หมด ๒๙ ตัวชวี้ ดั หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๓๖ คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน กลมํุ สาระการเรียนรว๎ู ิทยาศาสตร์ ว๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา ๘๐ ช่วั โมง ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ศึกษาวเิ คราะห์ ลักษณะและหนา๎ ท่ขี องทํอลาเลียงและปากใบของพชื การสงั เคราะห์แสงของพชื การ ตอบสนองตอํ ส่ิงเร๎าของพชื การตอบสนองตํอส่งิ เร๎าของสัตว์ การนาความร๎ูจากการตอบสนองตอํ สิง่ เร๎าของ สตั ว์ไปใชป๎ ระโยชน์ การเคลอื่ นทขี่ องแสง หลักการสะท๎อนของแสง การเดินทางของแสง การหักเหของแสง การเปลีย่ นแสงเป็นพลงั งานไฟฟูา สมบัติของแสง การเกิดดินและองคป์ ระกอบของดินท่ีใชป๎ ลกู พืชในท๎องถ่ิน ระบบสรุ ิยะประกอบดว๎ ยดวงอาทติ ย์เป็นศูนย์กลางและมบี ริวารโคจรอยูํโดยรอบ โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสบื ค๎นข๎อมลู และการ อภิปรายเพื่อให๎เกิดความรู๎ ความคดิ ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารส่ิงทเี่ รยี นรู๎ มีความสามารถ ในการสอ่ื สาร การ คิดวเิ คราะห์และการแกป๎ ัญหา เห็นคุณคาํ ของการนาความร๎ไู ปใช๎ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ ใฝเุ รยี นร๎ู มีความ มํงุ มน่ั ในการทางาน มจี รยิ ธรรม คุณธรรมและคํานยิ มทเี่ หมาะสม รหัสตวั ชีว้ ัด ว ๑.2 ป.๔/๑ ว 1.3 ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ว 2.1 ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ว 2.2 ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ว 2.3 ป.๔/๑ ว 3.1 ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ว 4.2 ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕ รวมทงั้ หมด ๒๑ ตัวช้ีวัด หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๗ คาอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน กลุํมสาระการเรยี นรูว๎ ิทยาศาสตร์ ว๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๘๐ ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ ศึกษาวิเคราะห์ สวํ นประกอบของดอกและหนา๎ ท่ขี องดอก การสืบพันธ์ุของพืชดอก การขยายพันธ์ พชื วฏั จกั รของพชื ดอก สตั ว์มกี ารสบื พนั ธุแ์ บบอาศยั เพศและแบบไมอํ าศยั เพศ การขยายพนั ธุ์สตั ว์สามารถทา ไดโ๎ ดยการคัดเลือกพนั ธ์แุ ละการผสมเทียม วัฏจกั รชวี ติ ของสตั ว์ การถํายทอดทางพนั ธกุ รรมการจาแนกพชื พืชดอกท่ีเป็นใบเลี้ยงเดยี วและใบเลยี้ งคํู การจาแนกสตั ว์ออกเปน็ กลุํมโดยใช๎ลกั ษณะภายนอกและลักษณะ ภายในบางลักษณะเปน็ เกณฑ์ สัตวม์ กี ระดกู สันหลงั แบํงเป็นกลมํุ ปลา สตั ว์ครึง่ น้า ครง่ึ บก สัตว์เลือ้ ยคลาน สัตว์ปกี และสตั วเ์ ล้ียงลกู ด๎วยนม สมบัติของวสั ดุในชีวติ ประจาวันและการนาวสั ดไุ ปใช๎ประโยชน์ แรงดนั ของ อากาศและของเหลว แรงเสยี ดทานเป็นแรงตา๎ นการเคลื่อนที่ของวัตถุ การเกิดเสยี งและการเคล่ือนท่ีของเสยี ง อันตรายทเ่ี กดิ ข้ึนจากเสยี ง วฏั จกั รของน้า การเปลย่ี นแปลงของบรรยากาศ การเคลื่อนท่ขี องอากาศทาใหเ๎ กิด ลม ประโยชนท์ ไ่ี ด๎จากพลังงานของลม ปรากฏการณ์ข้นึ - ตกของดวงดาวในท๎องฟูา โดยใชก๎ ระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน๎ ข๎อมูลและการอภปิ รายเพ่ือใหเ๎ กิดความรู๎ ความคิด ความเขา๎ ใจ สามารถสอ่ื สารสง่ิ ทีเ่ รียนรู๎ มีความสามารถในการส่อื สาร การคดิ วิเคราะห์และการ แกป๎ ญั หา เหน็ คณุ คาํ ของการนาความร๎ูไปใชป๎ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ ใฝุเรยี นร๎ู มคี วาม มุงํ มั่นในการทางาน มีจรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคํานิยมท่ีเหมาะสม รหัสตัวชว้ี ัด ว ๑.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕ ว ๑.๒ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕ ว ๓.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒ ว ๔.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔ ว ๔.๒ ป.๕/๑ ว ๕.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔ ว ๖.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔ ว ๗.๑ ป.๕/๑ ว ๘.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕,ป.๕/๖,ป.๕/๗,ป.๕/๘ รวม ๓๔ ตวั ชว้ี ดั หลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๓๘ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน กลํุมสาระการเรียนรูว๎ ทิ ยาศาสตร์ ว๑๖๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา ๘๐ ช่วั โมง ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ศึกษาวเิ คราะห์ การเจรญิ เตบิ โตและการเปล่ยี นแปลงทางรํางกายของมนุษย์ การทางานและหน๎าท่ี ของระบบยํอยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมุนเวยี นเลอื ด สารอาหารทีจ่ าเป็นตํอรํางกาย ความสัมพนั ธ์ ของกลุมํ สิ่งมีชวี ิตในแหลํงท่ีอยูํตาํ งๆ ความสัมพันธ์ของสง่ิ มีชีวติ กบั สงิ่ มชี วี ิตในรปู ของโซํอาหารและสายใย อาหารทาให๎เกิดการถํายทอดพลังงาน ความสัมพนั ธร์ ะหวาํ งการดารงชวี ิตของสิ่งมีชีวติ กับสภาพแวดลอ๎ มใน ท๎องถ่นิ ทรัพยากรธรรมชาตใิ นแตํละท๎องถ่ินมีประโยชน์ตอํ การดารงชีวติ การเพ่ิมขน้ึ ของประชากรมนุษย์ทาให๎ ทรัพยากรธรรมชาติถูกใช๎มากข้ึน ผลกระทบจาการเปลยี่ นแปลงสิ่งแวดลอ๎ ม การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล๎อม ตลอดจนการมสี ํวนรวํ มในการดแู ลรกั ษาส่งิ แวดลอ๎ ม ในท๎องถิ่น สมบัติของสาร การจาแนก สารและการแยกสาร สารตํางๆ ทใี่ ชใ๎ นชีวิตประจาวนั มีสมบัติตาํ งกนั การเลือกใชส๎ ารใหถ๎ กู ต๎องและปลอดภัย การเปลีย่ นแปลงสถานะสารทาให๎ได๎สารเดิมและสารใหมํตาํ งมีผลตอํ สงิ่ มีชีวิตและส่งิ แวดล๎อม การตํอ วงจรไฟฟูา วสั ดุท่กี ระแสไฟฟูาผํานได๎เปน็ ตัวนาไฟฟูา ถา๎ กระแสไฟฟูาผํานไมํได๎เปน็ ฉนวนไฟฟูา การตํอ เซลลไ์ ฟฟาู แบบอนกุ รมและแบบขนาน สายไฟท่มี ีกระแสไฟฟาู ไหลผํานจะเกดิ สนามแมํเหลก็ รอบสายไฟ ลักษณะของหิน ประเภทของหินมสี มบตั แิ ตกตํางกนั การเปลยี่ นแปลงของหินในธรรมชาติ ผลกระทบท่ีมตี ํอ มนุษยแ์ ละสิง่ แวดล๎อมทเ่ี กิดจากธรณีพิบัติ ปรากฏการณ์ที่เกิดจากโลกและดวงจนั ทรโ์ คจรรอบดวงอาทติ ย์ ความก๎าวหน๎าและประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน๎ ข๎อมูลและการอภิปรายเพื่อใหเ๎ กิดความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสื่อสาร ส่ิงท่เี รยี นร๎ู มคี วามสามารถในการส่ือสาร การคดิ วเิ คราะห์และการแก๎ปัญหา เห็นคุณคาํ ของการนาความรูไ๎ ปใช๎ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ ใฝุเรียนรู๎ มีความ มํุงม่ันในการทางาน มจี ริยธรรม คณุ ธรรมและคํานยิ มทเ่ี หมาะสม รหัสตัวชว้ี ัด ว ๑.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓ ว ๒.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓ ว ๒.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕ว ๓.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕ ว ๓.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓ ว ๕.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕ ว ๖.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓ ว ๗.๑ ป.๖/๑ ว ๗.๒ ป.๖/๑ ว ๘.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖, ป.๖/๗,ป.๖/๘ รวม ๓๗ ตวั ชว้ี ดั หลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๓๙ คาอธิบายรายวิชา กลุม่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๐ ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษา ฯ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ กลมํุ สาระการเรียนรส๎ู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา 4๐ ชั่วโมง ศกึ ษาพทุ ธประวตั ิ พทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า ชาดก ศาสนกิ ชนตวั อยาํ ง ความหมายความสาคญั และเคารพพระรัตนตรยั ปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรมโอวาท ๓ พุทธศาสนสุภาษติ ฝกึ สวดมนตแ์ ละแผเํ มตตา การบาเพ็ญประโยชนต์ ํอวัดหรือศาสนสถาน การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ ประวตั โิ ดยสังเขปของวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา การบชู าพระรัตนตรยั การเปน็ สมาชิกทดี่ ีของครอบครวั และโรงเรียน ประโยชน์ของการ ปฏบิ ตั ิตนเปน็ สมาชกิ ท่ดี ีของครอบครวั และโรงเรยี น ลกั ษณะความสามารถและลักษณะความดขี องตนเองและ ผูอ๎ ่ืน ผลของการกระทาความดี โครงสรา๎ งของครอบครัวและความสมั พนั ธข์ องบทบาทหนา๎ ที่ของสมาชิกใน ครอบครัว โครงสร๎างของโรงเรยี น ความสัมพนั ธข์ องบทบาท หนา๎ ท่ขี องสมาชกิ ในโรงเรียน ความหมายและ ความแตกตาํ งของอานาจตามบทบาท สิทธิ หนา๎ ท่ใี นครอบครัวและโรงเรียน การใชอ๎ านาจในครอบครวั ตาม บทบาท สทิ ธิ หน๎าที่ กิจกรรมตามกระบวนการประชาธิปไตยในครอบครัว กิจกรรมตามกระบวนการ ประชาธปิ ไตยในโรงเรยี น สนิ ค๎าและบริการทีใ่ ช๎อยํูในชีวติ ประจาวนั สินคา๎ และบริการทไี่ ดม๎ าโดยไมใํ ช๎เงิน ท่ี ไดม๎ าโดยใช๎เงินซ้ือ วธิ กี ารใช๎ประโยชนจ์ ากสนิ คา๎ และบริการใหค๎ ุ๎มคาํ การใชจ๎ าํ ยเงนิ ในชีวติ ประจาวนั เพ่อื ซื้อ สนิ คา๎ และบรกิ าร ประโยชน์ของการใชจ๎ าํ ยเงนิ ท่ีไมํเกินตัว ประโยชนข์ องการออม โทษของการใชจ๎ าํ ยเงนิ เกิน ตวั วางแผนการใชจ๎ ําย ทรัพยากรทีใ่ ชใ๎ นชีวติ ประจาวนั ทรัพยากรสวํ นรวม วธิ กี ารใช๎ทรัพยากร ท้ังของ สวํ นตัวและสํวนรวมอยาํ งถูกต๎อง ประหยดั และคุ๎มคํา ความหมาย ประเภท และความสาคญั ของการทางาน เหตผุ ลของการทางาน ผลของการทางานประเภท ตํางๆ ที่มีตอํ ครอบครวั และสงั คม การทางานอยํางสุจรติ ทาใหส๎ ังคมสงบสุข สิ่งตาํ งๆ รอบตวั ท่ีเกิดข้นึ เองตามธรรมชาติและท่ีมนษุ ย์สรา๎ งข้นึ ความสัมพนั ธ์ของตาแหนํง ระยะทิศของสิ่งตํางๆ รอบตวั ทิศหลักและท่ตี ้ังของส่งิ ตาํ งๆ การแสดงตาแหนํงของสิง่ ตํางๆ ในห๎องเรียน การ เปล่ียนแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน ส่ิงตํางๆ ทเ่ี กดิ ตามธรรมชาตทิ ส่ี ํงผลตํอความเป็นอยํูของมนุษย์ การ เปลย่ี นแปลงของสภาพแวดล๎อมท่ีอยํรู อบตวั การจดั ระเบียบส่งิ แวดลอ๎ มท่ีบ๎านและชัน้ เรียน โดยใชก๎ ระบวนการสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสบื ค๎นข๎อมลู การอธิบาย การวเิ คราะหแ์ ละ การอภิปราย เพ่ือให๎เกดิ ความร๎ู ความคดิ ความเขา๎ ใจ สามารถส่ือสารส่งิ ท่ีเรียนร๎ู มีความ สามารถในการใช๎ ทกั ษะชีวติ การคิดวิเคราะห์ การตดั สนิ ใจและการแก๎ปญั หา เหน็ คณุ คาํ ของการนาความร๎ูไปใช๎ในชีวิตประจาวนั สามารถปรบั ตัวเองกับบริบทสภาพแวดลอ๎ ม เป็นพลเมืองดี มีความรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สัตย์สจุ ริต มวี ินัย รกั ความเปน็ ไทย ใฝุเรียนร๎ู มีจติ สาธารณะ และมีคณุ ธรรมและคาํ นิยมท่ีเหมาะสม รหสั ตัวชีว้ ัด ส ๑.๒ ป. ๑/๑, ป.๑/๒, ป. ๑/๓ ส ๑.๑ ป./๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ส ๒.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป. ๑/๓ ส ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ส ๓.๒ ป.๑/๑ ส ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ ส ๕.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ , ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ ส ๕.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ รวมทงั้ หมด ๒๔ ตวั ชว้ี ัด หลักสตู รโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๑ ส๑๒๑๐๑ สงั คมศึกษา ฯ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๒ กลุมํ สาระการเรยี นรูส๎ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลา 4๐ ช่วั โมง ศึกษาความสาคัญของพระพุทธศาสนา สรปุ พุทธประวัติ พุทธสาวก พุทธสาวกิ า ชาดก ศาสนิก ชนตัวอยาํ ง พระรัตนตรัย โอวาท ๓ พทุ ธศาสนสุภาษติ ตวั อยาํ งการกระทาความดีของตนเองและบคุ คลใน ครอบครวั และในโรงเรียน ฝกึ สวดมนตไ์ หว๎พระและแผํเมตตา ศาสนา ศาสดาและคัมภรี ์ของศาสนาตาํ งๆ การ ฝึกปฏิบตั มิ ารยาทชาวพุทธ การเข๎ารํวมกจิ กรรมและพธิ กี รรมทเี่ กย่ี วเนอื่ งกบั วันสาคญั ทางพุทธศาสนา ข๎อตกลง กติกา กฎ ระเบียบ หนา๎ ที่ ทีต่ อ๎ งปฏิบัตใิ นครอบครัว โรงเรยี น สถานทส่ี าธารณะ การปฏิบตั ิตนตาม มารยาทไทย การยอมรบั ความแตกตํางของคนในสังคมเร่ืองความคดิ ความเชื่อ ความสามารถ และการ ปฏบิ ตั ิตนของบุคคลอนื่ ท่แี ตกตํางกนั สทิ ธิเสรีภาพของตนเองและผ๎ูอืน่ ความสัมพนั ธข์ องตนเองและสมาชิกใน ครอบครวั กับชุมชน ผ๎ูมบี ทบาท อานาจในการตดั สนิ ใจ ในโรงเรยี นและชุมชน ทรัพยากรทีน่ ามาใช๎ในการผลติ สนิ ค๎าและบรกิ ารทีใ่ ช๎ในครอบครวั และโรงเรียน ผลของการใช๎ทรพั ยากรในการผลิตท่ีหลากหลายท่มี ีผลตอํ ราคา คุณคาํ และประโยชนข์ องสนิ คา๎ และบริการรวมทั้งส่งิ แวดล๎อม การประกอบอาชพี ของครอบครัว การแสวงหา รายไดท๎ ่ีสุจรติ และเหมาะสม รายไดแ๎ ละรายจํายในภาพรวมของครอบครวั รายไดแ๎ ละรายจาํ ยของตนเอง วธิ ีการทาบัญชีรายรับ – รายจํายของตนเองอยํางงํายๆ รายการของรายรบั ทเ่ี ปน็ รายได๎ท่ีเหมาะสมและไมํ เหมาะสม รายการของรายจํายทเี่ หมาะสมและไมํเหมาะสม ทีม่ าของรายไดส๎ ุจรติ การใชจ๎ ํายท่เี หมาะสม ผลดีของการใชจ๎ าํ ยท่ีเหมาะสมกบั รายได๎ การออมและผลดีของการออม การนาเงินที่ออมมาใช๎ใหเ๎ กิดประโยชน์ ความหมายและความสาคญั ของสนิ ค๎าและบรกิ ารและการแลกเปลีย่ นสนิ ค๎าและบริการ ลกั ษณะของการ แลกเปล่ยี นสินคา๎ และบรกิ ารโดยไมใ๎ ช๎เงินรวมทั้งการแบงํ ปัน การชวํ ยเหลือ ลกั ษณะการแลกเปลยี่ นสินคา๎ และบรกิ ารโดยการใช๎เงิน ความหมายและบทบาทของผซู๎ ื้อและผูข๎ าย ผ๎ผู ลิต และผู๎บรโิ ภคพอสังเขป ความสัมพนั ธ์ระหวาํ งผูซ๎ ้ือและผ๎ูขายในการกาหนดราคาสินคา๎ และบริการ ความสมั พนั ธร์ ะหวํางผ๎ูซ้ือและผู๎ขาย ทาให๎สงั คมสงบสุขและประเทศม่ันคง สิง่ ตํางๆ ท่ีเปน็ ธรรมชาติกบั ทีม่ นุษย์สรา๎ งขึน้ ซ่งึ ปรากฏระหวําง โรงเรยี นกบั บ๎าน ตาแหนํงอยํางงาํ ยและลักษณะทางกายภาพของสิง่ ตํางๆ ทป่ี รากฏในลกู โลก แผนท่ี แผนผัง และภาพถําย ความสัมพันธข์ องปรากฏการณร์ ะหวํางโลก ดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจนั ทร์ คุณคําของสิ่งแวดล๎อม ทางธรรมชาติ ประเภททรัพยากรธรรมชาติท่ีใชแ๎ ลว๎ หมดไปและที่ใชแ๎ ลว๎ ไมํหมดไป ความสัมพนั ธข์ องฤดูกาล กับการดาเนินชวี ิตของมนุษย์ การเปลีย่ นแปลงของสง่ิ แวดล๎อม การรักษาและฟนื้ ฟูสงิ่ แวดล๎อมในชมุ ชนปลา ปากราษฎรบ์ ารงุ โดยใชก๎ ระบวนการสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นขอ๎ มูล การอธบิ าย การวิเคราะห์และการอภิปราย เพ่อื ใหเ๎ กดิ ความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสื่อสารสง่ิ ท่ีเรยี นร๎ู มคี วาม สามารถในการใช๎ทกั ษะชีวติ การคิดวเิ คราะห์ การตัดสินใจและการแก๎ปัญหา เห็นคณุ คาํ ของการนาความรไู๎ ปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน สามารถปรับตวั เองกบั บรบิ ทสภาพแวดลอ๎ ม เปน็ พลเมืองดี มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต มีวนิ ัย รกั ความเปน็ ไทย ใฝุเรียนร๎ู มีจิต สาธารณะ และมคี ุณธรรมและคํานยิ มที่เหมาะสม หลักสตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๒ รหสั ตวั ชี้วัด ส ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗ ส ๑.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ส ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ ส ๒.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ ส ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ ส ๓.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ส ๕.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ ส ๕.๒ ป. ๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ รวมท้ังหมด ๒๙ ตวั ชว้ี ัด หลักสูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๓ ส๑๓๑๐๑ สงั คมศึกษา ฯ คาอธิบายรายวิชาพื้นฐาน ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓ กลุมํ สาระการเรยี นรสู๎ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา 4๐ ชัว่ โมง ศึกษาความสัมพันธข์ องพระพุทธศาสนากบั การดาเนนิ ชวี ิตประจาวัน พระพุทธศาสนากับการดาเนิน ชวี ติ ประจาวนั พระพุทธศาสนามอี ิทธิพลตํอการสรา๎ งสรรค์ผลงานทางวฒั นธรรมไทยอนั เกดิ จากความศรัทธา สรปุ พทุ ธประวัติ (ทบทวน) พทุ ธสาวก พุทธสาวกิ า ชาดก ศาสนกิ ชนตัวอยําง ความสาคัญของพระไตรปิฎก พระรัตนตรยั โอวาท ๓ พทุ ธศาสนสุภาษิต ฝึกสวดมนต์ไหว๎พระ สรรเสรญิ คณุ พระรตั นตรัยและแผํเมตตา ชอื่ ของศาสนวตั ถแุ ละความสาคญั ของศาสนวตั ถุ ศาสนสถานและศาสนบุคคล ในพระพุทธศาสนา ศาสนา อิสลาม ศาสนาครสิ ตแ์ ละศาสนาฮนิ ดู การปฏิบตั ติ นท่ีเหมาะสมตํอศาสนวัตถุ ศาสนสถานและศาสนบุคคลใน ศาสนาอ่นื ๆ ฝกึ ปฏบิ ตั ิมารยาทชาวพุทธ การปฏบิ ัตติ นในศาสนพธิ ี ความเป็นมาของการแสดงตนเป็นพุทธมาม กะ การแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ ประเพณแี ละวัฒนธรรม ในครอบครัวและในท๎องถ่นิ พฤติกรรมของตนเอง และเพื่อนๆ ในชีวติ ประจาวนั สาเหตทุ ่ที าใหพ๎ ฤตกิ รรมการดาเนนิ ชีวิตในปจั จบุ นั ของนักเรยี นและผอ๎ู นื่ แตกตาํ ง กนั วนั หยดุ ราชการทสี่ าคญั บทบาทหน๎าที่ของสมาชกิ ในชุมชน การมีสํวนรวํ มในกจิ กรรมตํางๆ ตาม กระบวนการประชาธปิ ไตย การออกเสยี งโดยตรงและการเลอื กตัวแทนออกเสยี ง วิธกี ารเลอื กตวั แทนอยําง ถกู ต๎องและเหมาะสม การตดั สินใจของบุคคลและกลํุมที่มีผลตอํ การเปลี่ยนแปลงในชนั้ เรยี น โรงเรยี นและ ชมุ ชน สนิ ค๎าท่ีจาเป็นในการดารงชวี ติ ทเี่ รยี กวําปัจจยั ๔ สนิ คา๎ ทเี่ ป็นความต๎องการของมนุษย์ ประโยชนแ์ ละ คณุ คําของสนิ ค๎าและบริการท่ีสนองตํอความต๎องการของมนษุ ย์ หลักการเลอื กสินค๎าที่จาเป็น ใช๎บญั ชีรับจาํ ย วิเคราะหก์ ารใชจ๎ าํ ยท่จี าเปน็ และเหมาะสม วางแผนการใช๎จํายเงนิ ของตนเอง วางแผนการแสวงหารายไดท๎ ี่ สุจรติ และเหมาะสม วางแผน การนาเงินทีเ่ หลือจํายมาใช๎อยาํ งเหมาะสม ความหมายของผ๎ูผลิตและผู๎บริโภค ความหมายของสินค๎าและบริการ ปัญหาพน้ื ฐานของเศรษฐกจิ ท่ีเกิดจากความหายากของทรัพยากรกับความ ตอ๎ งการของมนษุ ย์ทีไ่ มํจากดั สินค๎าท่บี ริการภาครฐั ทุกระดับจดั หาและให๎บริการแกปํ ระชาชน ความหมาย และความสาคัญของภาษีทีร่ ฐั นามาสร๎างความเจริญและให๎บรกิ ารแกํประชาชน ตวั อยาํ งของภาษี บทบาท หน๎าท่ขี องประชาชนในการเสียภาษี ความสาคัญและผลกระทบของการแขํงขนั ทางการค๎าท่มี ีผลทาให๎ราคา สนิ คา๎ ลดลง การใชแ๎ ผนท่ี แผนผัง และภาพถําย ในการหาข๎อมลู ทางภมู ิศาสตร์ในชุมชนปลาปากราษฎรบ์ ารงุ แผนผังแสดงตาแหนงํ ทต่ี ั้งของสถานทส่ี าคัญในโรงเรียนและชุมชนปลาปากราษฎรบ์ ารุง ความสมั พนั ธ์ของ ลกั ษณะทางกายภาพกบั ลักษณะทางสงั คมของชมุ ชนปลาปากราษฎร์บารุง การเปลยี่ นแปลงสภาพแวดล๎อมใน ชุมชนปลาปากราษฎรบ์ ารุงจากอดีตถึงปัจจบุ นั การพ่งึ พาสง่ิ แวดลอ๎ มและทรัพยากรธรรมชาติในการสนอง ความตอ๎ งการพ้ืนฐานของมนุษยแ์ ละการประกอบอาชพี มลพิษและการกํอให๎เกดิ มลพิษโดยมนุษย์ ความ แตกตํางของชุมชนปลาปากราษฎร์บารงุ กับชนบท การเปลยี่ นแปลงของส่งิ แวดล๎อมในชมุ ชนปลาปากราษฎร์ บารงุ โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมลู การอธิบาย การ วเิ คราะหแ์ ละการอภิปราย เพื่อใหเ๎ กิดความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสือ่ สารส่งิ ที่เรยี นรู๎ มีความ สามารถในการใช๎ทักษะชวี ติ การคดิ วิเคราะห์ การตัดสินใจและการแก๎ปญั หา เห็นคณุ คาํ ของการนาความร๎ูไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั สามารถปรับตัวเองกบั บรบิ ทสภาพแวดลอ๎ ม เปน็ พลเมอื ง ดี มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สัตยส์ จุ ริต มวี ินยั รกั ความเป็นไทย ใฝุเรียนรู๎ มีจติ สาธารณะ และมี คุณธรรมและคาํ นิยมท่เี หมาะสม หลกั สตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๔ รหัสตัวชีว้ ดั ส ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘ ส ๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ส ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ ส ๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ส ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ส ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ส ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ส ๕.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ รวมทง้ั หมด ๓๐ ตัวชว้ี ัด หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๕ ส๑๔๑๐๑ สังคมศึกษา ฯ คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ กลมํุ สาระการเรียนรสู๎ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลาเรยี น ๘๐ ช่ัวโมง ศึกษาความสาคัญของพระพุทธศาสนา สรุปพทุ ธศาสนา (ทบทวน) พทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา ชาดก ศาสนิกชนตัวอยําง พระรตั นตรัย ไตรสิกขา โอวาท ๓ พทุ ธศาสนสภุ าษติ ตวั อยําง การกระทาความดีของ ตนเองและบคุ คลในครอบครวั โรงเรยี นและชมุ ชน สวดมนต์ไหว๎พระ สรรเสริญคณุ พระรตั นตรยั และแผํเมตตา หลักธรรมเพื่อการอยรํู วํ มกนั อยํางสมานฉันท์ ประวัติศาสดา ความร๎ูเบ้อื งต๎นและความสาคัญของศาสนสถาน การแสดงความเคารพตํอศาสนสถาน การบารงุ ศาสนสถาน มรรยาทของศาสนกิ ชน การปฏิบตั ิตนในศาสน พิธีการเขา๎ รวํ มกิจกรรมประชาธิปไตยของชุมชน แนวทางการปฏิบตั ิตนเปน็ สมาชิกทด่ี ีของชมุ ชน การเป็นผ๎นู า และผู๎ตามท่ีดี สิทธพิ ้ืนฐานของเดก็ วฒั นธรรมในภาคตาํ ง ๆ ของไทย ทแี่ ตกตํางกัน ปญั หาและสาเหตขุ องการ เกิดความขดั แยง๎ ในชีวติ ประจาวัน แนวทางการแก๎ปัญหาความขดั แยง๎ ดว๎ ยสนั ตวิ ธิ ี อานาจอธิปไตย ความสาคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย บทบาทหน๎าที่ของพลเมืองในกระบวนการเลอื กตงั้ สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสงั คมไทย ความสาคัญ ของสถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย สนิ คา๎ และบริการที่ มีอยํหู ลากหลายในตลาดที่มีความแตกตํางด๎านราคาและคุณภาพ ปัจจัยทีม่ ผี ลตอํ การเลอื กซ้ือสินค๎าและบริการ ทม่ี มี ากมาย ซ่ึงขึ้นอยํูกับผซู๎ ้ือ ผข๎ู าย และตัวสนิ ค๎า สิทธิพื้นฐานของผูบ๎ ริโภค สินคา๎ และบริการท่ีมี เคร่อื งหมายรับรองคณุ ภาพ หลักการและวิธีการเลือกบริโภค หลกั การของเศรษฐกิจพอเพยี ง การประยกุ ต์ใช๎ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการดารงชวี ติ อาชีพ สนิ คา๎ และบริการตํางๆ ที่ผลติ ในชมุ ชน การพึง่ พา อาศัยกันภายในชมุ ชนทางด๎านเศรษฐกิจ การสร๎างความเข๎มแข็งให๎ชุมชนด๎วยการใช๎สิง่ ของทผี่ ลิตในชมุ ชน ความหมายและประเภทของเงนิ หนา๎ ที่เบื้องตน๎ ของเงินในระบบเศรษฐกิจ สกุลเงินสาคัญทใี่ ชใ๎ นการซื้อขาย แลกเปล่ยี นระหวํางประเทศ การใชแ๎ ผนท่ี ภาพถําย ลกั ษณะทางกายภาพของจังหวัดนครพนม แหลงํ ทรัพยากรและสิ่งตาํ งๆ การใชแ๎ ผนที่แสดงความสมั พนั ธ์ของสิ่งตํางๆ ทีม่ ีอยูใํ นจังหวัดนครพนม ลกั ษณะทาง กายภาพ (ภมู ลิ ักษณ์หรือภมู ิประเทศและภูมิอากาศ) ที่มีผลตอํ สภาพสังคมของจังหวดั นครพนม สภาพแวดล๎อมทางกายภาพของชมุ ชนปลาปากราษฎร์บารุง ทส่ี งํ ผลตํอการดาเนินชวี ิตของคนในจังหวดั นครพนม การเปล่ียนแปลงสภาพแวดล๎อมในจังหวัดนครพนมและผลทเ่ี กิดจากการเปล่ียนแปลง การอนุรักษ์ ส่งิ แวดลอ๎ มและทรัพยากรธรรมชาตใิ นจงั หวดั นครพนม โดยใชก๎ ระบวนการสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจ ตรวจสอบ การสืบคน๎ ข๎อมลู การอธิบาย การวิเคราะหแ์ ละการอภิปราย เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความคดิ ความ เข๎าใจ สามารถสื่อสาร ส่ิงทเี่ รยี นร๎ู มีความ สามารถในการใชท๎ ักษะชวี ติ การคดิ วเิ คราะห์ การตดั สินใจและ การแก๎ปัญหา เห็นคุณคําของการนาความรู๎ไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน สามารถปรบั ตัวเองกบั บรบิ ทสภาพแวดลอ๎ ม เปน็ พลเมืองดี มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต มวี นิ ัย รกั ความเปน็ ไทย ใฝุเรยี นรู๎ มจี ิต สาธารณะ และมคี ุณธรรมและคํานิยมที่เหมาะสม หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137