บทที 2 หลกั การและเทคนิคปฏิบัตกิ ารพยาบาล ในการดูแลแบบองค์รวม อ.สิริอร ข้อยุ่น
เนือหาการเรียนรู้ 2.1 สุขวทิ ยาส่วนบุคคลทุกวยั (Personal Hygiene) 2.2 ทาํ เตียง และสิงแวดลอ้ ม (Unit Care ) 2.3การผกู ยดึ (Restraint) 2.4 การบาํ บดั ดว้ ยความร้อนเยน็ (Hot-Cold therapy) 2.5 การนวด (Massage)
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ 1. เพือให้นักศึกษามคี วามรู้ ความเข้าใจเกียวกบั หลกั การและเทคนิคการ ปฏบิ ตั ิ การพยาบาลด้านความสุขสบาย ได้แก่ การดูแลสุขวทิ ยาส่วน บุคคลทุกวยั การทาํ เตียงและสิงแวดล้อม การบาํ บดั ด้วยความ ร้อน ความเยน็ และการนวดได้อย่างถูกต้อง 2. เพือให้นักศึกษาสามารถให้การปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลผู้ป่ วยโดยใช้หลกั การ และเทคนิค การปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลด้านความสุขสบาย ได้แก่ การดูแล สุขวทิ ยาส่วนบุคคลทุกวยั การทาํ เตียง และสิงแวดล้อม การบาํ บดั ด้วยความร้อน ความเยน็ และการนวดได้อย่างถูกต้อง
2.1 สุขวทิ ยาส่วนบุคคลทุกวยั (Personal Hygiene) • การดูแลสุขอนามยั หรือ สุขวทิ ยา (Hygiene) หมายถึง ความสุข สบายของร่างกาย หรือความสมบรู ณ์ของสุขภาพ (Healthful) โดยจะหมายรวมถึงการทาํ ร่างกายใหส้ ะอาด ปลอดภยั และส่งเสริมใหม้ ี สุขภาพดี • การดูแลสุขอนามยั ส่วนบุคคล (Personal hygiene care) หมายถึง การดูแลบุคคลใหม้ ีสุขภาพดี โดยการดูแลผวิ หนงั เสน้ ผม ขน เลบ็ ปาก ฟัน หู จมูก รวมทงั อวยั วะสืบพนั ธุภ์ ายนอก ซึงจะแตกต่างกนั ไปตามปัจจยั ทีมีผลต่อการรับรู้ของบุคคลนนั
วตั ถุประสงค์ในการดูแลสุขวทิ ยาส่วนบุคคล • กระตุน้ การไหลเวยี นโลหิตตามส่วนต่างๆของร่างกาย • ช่วยใหผ้ ปู้ ่ วยสดชืน สุขสบาย ลดความตึงเครียด • เพอื ใหผ้ ปู้ ่ วยมีความรู้สึกต่อภาพลกั ษณ์ของตนดีขึน และลดความ วติ กกงั วล • สงั เกตลกั ษณะผวิ หนงั ผปู้ ่ วยวา่ มีความผดิ ปกติหรือไม่
การดูแลสุขวทิ ยาส่วนบุคคล ประกอบด้วย • การดูแลผม หรือการสระผม ((bed shampoo) • การดูแสะอาดช่องปาก (mouth care) • การดูแลความสะอาดเลบ็ • การดูแลความสะอาดของผวิ หนัง • การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ (perineum care)
การดูแลผม หรือการสระผม ((bed shampoo) • จุดประสงค์ของการสระผมให้ผู้ป่ วยทีเตยี ง 1. กาํ จดั สิงสกปรก ไขมนั ลดจาํ นวนเชือโรคทีสะสมทีหนงั ศีรษะ 2. กระตุน้ การไหลเวยี นโลหิตทีหนงั ศีรษะ 3. กระตุน้ ต่อมไขมนั ใหข้ บั ไขมนั ออกมาหล่อเลียงผม 4.เพือส่งเสริมใหผ้ ปู้ ่ วยรู้สึกสุขสบาย
การดูแลผม หรือการสระผม ((bed shampoo) • อุปกรณ์ทีต้องใช้ในการสระผมให้แก่ผู้ป่ วยบนเตยี ง 1.ผา้ เชด็ ตวั 2 ผนื 2. ผา้ ยางหรือผา้ พลาสติก 1 ผนื 3.แชมพู 4.สาํ ลีแหง้ สองกอ้ น 5. กาละมงั ใส่นาํ 6.ถงั พลาสติกหรือกระป๋ องเปล่า 7. ขนั นาํ หรือแกว้
การดูแลผม หรือการสระผม ((bed shampoo)
การดูแลความสะอาดช่องปาก (mouth care) • จุดประสงค์การทาํ ความสะอาดปากและฟัน 1. เพือรักษาความสะอาดของช่องปาก 2. เพือช่วยใหเ้ กิดความอยากอาหาร 3. เพือสงั เกตความผดิ ปกติภายในช่องปาก 4. เพือป้ องกนั การเกิดแผล และลดการติดเชือในช่องปาก
การดูแลความสะอาดช่องปาก (mouth care) • อุปกรณ์ทีใช้ 1.แปรงสีฟันขนาดเหมาะสมกบั ช่องปากของผปู้ ่ วย หรือใชไ้ มพ้ นั สาํ ลี 2.ยาสีฟันทีผปู้ ่ วย หรือนาํ ยาบว้ นปาก 3.แกว้ ใส่นาํ สะอาด 4.ชามรูปไต 5.ลกู สูบยางแดง syringe 20 cc. 6. วาสลินสาํ หรับทาปาก • การปฏิบตั ิ
การดูแลความสะอาดเลบ็ • เลบ็ มือและเทา้ จะตอ้ งสันและสะอาด เลบ็ มือควรตดั เป็นรูปมน แต่ตอ้ งระวงั ไม่ใหเ้ กิดอนั ตราย กบั หนงั กาํ พร้า ส่วนเลบ็ เทา้ ตดั ใหเ้ ป็นรูปตรง เพือ ป้ องกนั เลบ็ งอกในเนือเยือและเป็นแหล่ง เพาะเชือโรค • ระวงั ไม่ตดั เลบ็ ใหส้ ันเกินไปเพราะจะทาํ ใหล้ ึกเขา้ ไปในเนือ และรู้สึกเจบ็ ได้ • สาํ หรับผสู้ ูงอายหุ รือผปู้ ่ วยบางรายทีเลบ็ มีความแขง็ มาก ตอ้ งแช่เลบ็ ในนาํ อุ่น ก่อนตดั เลบ็ จะสามารถตดั ไดง้ ่ายขึน
การดูแลความสะอาดผวิ หนัง (การอาบนําผู้ป่ วย) • วตั ถุประสงค์ 1.เพอื กาํ จดั สิงสกปรกช่วยใหผ้ ปู้ ่ วยสดชืน สุขสบาย ลดความตึงเครียด 2.เพอื กระตุน้ ใหม้ ีการไหลเวยี นของเลือด 3. เพอื ใหผ้ รู้ ับบริการไดร้ ับความสุขสบายลดความตึงเครียด 4. สังเกตลกั ษณะผวิ หนงั ผปู้ ่ วยวา่ มีความผดิ ปกติหรือไม่
การดูแลความสะอาดผวิ หนัง (การอาบนําผู้ป่ วย) • การอาบนําให้ผู้ป่ วยมหี ลายชนิด ดงั นี 1.การอาบนาํ ทีหอ้ งนาํ (Shower) 2.การอาบนาํ โดยผปู้ ่ วยทาํ เองบนเตียง (Self help bath) 3.การอาบนาํ บนเตียงโดยพยาบาลทาํ ใหบ้ างส่วน (Partial bed bath) 4.การอาบนาํ โดยพยาบาลทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วยทงั หมด (Complete bed bath)
การดูแลความสะอาดผวิ หนัง (การอาบนําผู้ป่ วย) • อุปกรณ์ทีใช้อาบนําผู้ป่ วย 6. แป้ ง 1.ตะกร้าหรือถาดใส่อุปกรณ์ 7.หวี 8.ผา้ ห่ม/ผา้ คลุม 2.ผา้ เช็ดตวั 1 ผนื 9. เสือผา้ สาํ หรับเปลียน 3.ผา้ ถูตวั 2 ผนื 4.อ่างนาํ 2 ใบ 5.สบู่
การปฏบิ ัตใิ นการอาบนําผู้ป่ วย(complete bed bath) 1. เตรียมอุปกรณ์ แจง้ ผปู้ ่ วย กนั ม่าน 2.ทาํ ความสะอาดช่องปาก 3.ถอดเสือผา้ ตวั เดิมออก ใชผ้ า้ คลุมไว้ 4.เช็ดหนา้ –แขนไกลตวั -ลาํ ตวั -แขนดา้ นใกลต้ วั –อวยั วะสืบพนั ธุ์-ขา ดา้ นไกลตวั -ขาดา้ นใกลต้ วั -พลิกตวั เช็ดหลงั (เชด็ ดว้ ยนาํ สบู่ และเชด็ ดว้ ยนาํ เปล่าใหส้ ะอาด) 5.นวดหลงั กรณีนวดได้ 6.สวมเสือผา้ ชุดใหม่ 7.ทาํ เตียงใหเ้ รียบร้อย และจดั ท่าใหผ้ ปู้ ่ วยสุขสบาย
การพบั ผา้ เพือเชด็ ตวั ผปู้ ่ วย
การปฏิบตั ใิ นการอาบนําผู้ป่ วย(complete bed bath)
การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ (perineum care) • การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ หมายถึง การทาํ ความสะอาด อวยั วะสืบพนั ธุ์ใหส้ ะอาด รวมทงั ฝีเยบ็ (ในผปู้ ่ วยเพศหญิง) • จุดประสงค์ 1.เพือกาํ จดั กลินทีไม่พงึ ประสงค์ และกาํ จดั สิงทีขบั ออกมา 2.ป้ องกนั และลดการติดเชือบริเวณอวยั วะสืบพนั ธุ์ 3.ทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วยรู้สึกสุขสบาย 4.ทาํ ความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธุห์ ลงั การขบั ถ่ายอุจจาระหรือ ปัสสาวะ และก่อนอาบนาํ ก่อนสวนปัสสาวะใหผ้ ปู้ ่ วย
การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ (perineum care) • หลกั ในการปฏบิ ัตใิ นการทาํ ความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ คอื 1. ไม่เปิ ดเผยผปู้ ่ วย 2. เช็ดใหแ้ หง้ จากบนลงล่างหรือไกลตวั ก่อน และไม่เช็ดยอ้ นไปยอ้ นมา เพือป้ องกนั การติดเชือ 3. สาํ ลีทีเช็ดแลว้ ไม่ทิงลงในหมอ้ นอน เพือป้ องกนั การอุดตนั ของชกั โครก 4. ในผปู้ ่ วยรายทีกลนั อุจจาระและปัสสาวะเองไม่ได้ หรือไดร้ ับการผา่ ตดั บริเวณฝี เยบ็ ทวารหนกั หรืออวยั วะเพศ ขาหนีบ ตอ้ งระมดั ระวงั การติดเชือเขา้ สู่ท่อ ทางเดินปัสสาวะ
อปุ กรณ์ทีใช้ทาํ ความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ
การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ (perineum care) • 5. การเช็ดบริเวณอวยั วะสืบพนั ธ์ุผู้ป่ วยหญงิ มีหลกั การเช็ด ดงั นี สาํ ลีกอ้ นที 1 เชด็ จากหวั เหน่าดา้ นซา้ ยไปขวา สาํ ลีกอ้ นที 2 เช็ดแคมนอกดา้ นไกลตวั จากดา้ นบนลงสู่ดา้ นล่างจนถึง ทวารหนกั สาํ ลีกอ้ นที 3 เชด็ แคมนอกดา้ นใกลต้ วั จากดา้ นบนจนถึงทวารหนกั สาํ ลีกอ้ นที 4 เช็ดแคมในดา้ นไกลตวั เช่นเดียวกบั สาํ ลีกอ้ นที 2 สาํ ลีกอ้ นที 5 เชด็ แคมในดา้ นใกลต้ วั เช่นเดียวกบั กอ้ นที 3 สาํ ลีกอ้ นที 6 เช็ดตรงกลางจากดา้ นบนลงถึงทวารหนกั
การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ เพศหญิง สําลกี ้อน5 สําลกี ้อน1 สําลกี ้อน3 สําลกี ้อน2 สําลกี ้อน4 สําลกี ้อน6
การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ (perineum care) • 5. การเช็ดบริเวณอวยั วะสืบพนั ธ์ุผู้ป่ วยชาย มีหลกั การเช็ด ดงั นี สาํ ลีกอ้ นที 1 เช็ดจากหวั เหน่าดา้ นซา้ ยไปขวา สาํ ลีกอ้ นที 2 เชด็ ขาหนีบและอณั ฑะดา้ นไกลตวั จากดา้ นบนลงสู่ดา้ นล่าง สาํ ลีกอ้ นที 3 เชด็ ขาหนีบและอณั ฑะดา้ นไกลตวั จากดา้ นบนลงสู่ดา้ นล่าง สาํ ลีกอ้ นที 4 เช็ดปลายองคชาตดา้ นไกลตวั วนลงดา้ นล่างผา่ นอณั ฑะจนถึงทวาร หนกั สาํ ลีกอ้ นที 5 เชด็ ปลายองคชาตดา้ นไกลตวั วนลงดา้ นล่างผา่ นอณั ฑะจนถึงทวาร หนกั สาํ ลีกอ้ นที 6 เช็ดปลายองคชาตโดยดึงหนงั หุม้ ปลายองคชาตลง เชด็ วนจากบนลง ล่าง จนถึงทวารหนกั
การดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพนั ธ์ุ เพศชาย
การดูแลความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ (perineum care) หลกั ในการปฏบิ ตั ใิ นการทาํ ความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธ์ุ คอื 6. ในผปู้ ่ วยเพศชาย ตอ้ งรูดหนงั หุม้ ปลายองคชาตขึน แลว้ เชด็ เป็นวงกลมจาก รูเปิ ดของท่อปัสสาวะลงมา เชด็ จนสะอาด เมือเช็ดเสร็จรูดหนงั หุม้ ปลายองค ชาตกลบั ปิ ดคงเดิมและเช็ดลูกอณั ฑะอยา่ งเบามือใหส้ ะอาด 7. หลงั จากเชด็ ทาํ ความสะอาดอวยั วะเพศดว้ ยนาํ สบ่หู รือนาํ ยาฆ่าเชือแลว้ ราด นาํ และซบั อวยั วะเพศของผปู้ ่ วยใหแ้ หง้
2.2 การทาํ เตยี ง และสิงแวดล้อม (Unit Care ) • การทาํ เตยี ง และสิงแวดล้อม หมายถึง การดูแลรักษาความสะอาด เตียง อุปกรณ์เครืองใชใ้ นการนอน ตลอดจนสภาพสิงต่างๆทีอยรู่ อบๆตวั ผปู้ ่ วยใหส้ ะอาด และอยใู่ นสภาพทีจดั วางอยา่ งเป็นระเบียบ เรียบร้อย ซึงสภาพแวดลอ้ มในโรงพยาบาลมีความสาํ คญั และมีอิทธิพล ต่อภาวะสุขภาพของผปู้ ่ วยอยา่ งมาก เนืองจากสภาพแวดลอ้ มทีสะอาด และไดร้ ับการดูแลทุกวนั รวมทงั การมีการระบายอากาศที เหมาะสม ปราศจากกลินรบกวน การจดั วางสิงของต่างๆเป็น ระเบียบ จะไม่เป็นแหล่งสะสมของเชือโรค
2.2 การทาํ เตยี ง และสิงแวดล้อม (Unit Care ) อุปกรณ์ 1. ถงั นาํ ใส่ผงซกั ฟอก 2. ถงั นาํ ใส่นาํ เปล่า 3. ผา้ เชด็ เตียง 3 ผนื (เชด็ ดว้ ยนาํ ผงซกั ฟอก นาํ สะอาด และผา้ แหง้ )
การทาํ เตยี ง และสิงแวดล้อม (Unit Care ) การทาํ เตยี ง แบ่งออกเป็ น 4 ประเภท ดงั นี 1. เตยี งทียงั มผี ู้ป่ วยครองเตยี งอยู่ แต่ผู้ป่ วยไม่ได้นอนอยู่ทีเตยี ง (open bed) เช่น นังข้างๆเตยี ง ไปห้องนํา ซึงเมือทาํ เตยี งเสร็จจะไม่ต้องคลุมผ้า เพือให้ผู้ป่ วย เข้านอนได้อย่างสะดวกสบาย 2. เตียงทีมผี ้ปู ่ วยอยู่บนเตียง (occupied bed) เป็ นเตยี งทีมผี ู้ป่ วยนอนอย่บู น เตยี งและไม่สามารถลุกออกจากเตยี งได้ในขณะทีทาํ เตียง 3. เตยี งสําหรับรอรับผู้ป่ วยหลงั ผ่าตดั (ether bed) เป็ นการทาํ เตยี งเพือรอรับ ผู้ป่ วย ทีได้รับยาสลบจากการทีทาํ ผ่าตดั 4. เตยี งว่าง (closed bed) เป็ นเตยี งทีไม่มผี ้ปู ่ วยครองเตยี งเป็ นการทาํ เตยี ง ภายหลงั จากการทีผู้ป่ วยกลบั บ้าน ย้าย หรือถึงแก่กรรม และเป็ นการเตรียมเตยี ง เพือรับผ้ปู ่ วยรายใหม่ คลมุ ด้วยผ้าคลมุ เตยี ง เพือรักษาทีนอนและหมอนให้สะอาด
การทาํ เตยี ง และสิงแวดล้อม (Unit Care ) 12 3 การพบั มุมผา้ ปูเตียง
เตยี งทีผู้ป่ วยไม่ได้นอนอยู่ทีเตยี ง (open bed)
เตยี งทีผู้ป่ วยไม่ได้นอนอยู่ทีเตยี ง (open bed)
เตยี งทีมผี ู้ป่ วยอยู่บนเตยี ง (occupied bed)
การทาํ เตยี ง รอรับผู้ป่ วยหลงั ผ่าตดั (ether bed)
การทาํ เตยี งว่าง(Closed bed)
2.3การผูกยดึ (Restraint) • การผกู ยดึ หมายถึง การจาํ กดั การเคลือนไหวทุกส่วนของร่างกาย หรือ เพยี ง บางส่วนของผปู้ ่ วยทีมีพฤติกรรมรุนแรง และไม่ใหค้ วามร่วมมือใน การรักษา โดยใชอ้ ุปกรณ์ทีมี การเตรียมสาํ หรับ ใชผ้ กู ยดึ ผปู้ ่ วย เพือป้ อง กนอนั ตรายทีอาจจะเกิดขึนต่อตวั ผปู้ ่ วย ทีมีการรักษา หรือ ต่อบุคคลอืน โดยจะเลือกใชก้ ารผกู ยดึ เป็นวิธีสุดทา้ ยหากใชว้ ธิ ีการพยาบาลอืนๆแลว้ ไม่ไดผ้ ล
การผูกยดึ ผู้ป่ วย(Restraint) วตั ถุประสงคข์ องการผกู ยดึ ผปู้ ่ วย 1. เพือป้ องกนั อนั ตรายทีจะเกิดขึนกบั ตนเองและผอู้ ืน เนืองจากผปู้ ่ วยมี พฤติกรรมกา้ วร้าว 2. เพือควบคุมอาการหรือพษิ ของยาหรือพิษของแอลกอฮอล์ 3. เพือเป็นการรักษาโยผกู ยดึ ใหผ้ ปู้ ่ วยสงบ หรือหมดจากภาวะเสียง ขอ้ บ่งชี ผปู้ ่ วยทีประเมินแลว้ มีอาการขอ้ ใดขอ้ หนึงตามแนวทางการประเมินเพือ การตดั สินใจผกู ยดึ
การผูกยดึ ผู้ป่ วย(Restraint) • การเลอื กอปุ กรณ์ในการผูกยดึ ผู้ป่ วย 1. ตอ้ งไม่ทาํ ใหเ้ กิดอนั ตรายกบั ผปู้ ่ วย 2. นิม สะดวกต่อการใชง้ าน และสะดวกต่อการประเมินอวยั วะทีผกู ยดึ 3. สามารถผกู ยดึ ไดแ้ น่นหนา ปลอดภยั ต่อผปู้ ่ วยและเจา้ หนา้ ที 4. มีอุปกรณ์หลายชนิดใหเ้ ลือกใชก้ บั ผปู้ ่ วยแต่ละราย และแต่ละอวยั วะ ทีผกู ยดึ 5. สะดวกต่อการทาํ ความสะอาด และไม่เป็นแหล่งสะสมเชือโรค
การผูกยดึ ผู้ป่ วย(Restraint) • เทคนิคการผูกยดึ ผู้ป่ วย 1. ผกู ยดึ ใหแ้ น่นเกบ็ สายใหเ้ รียบร้อย 2. ควรผกู ปลายกบั ตวั เตียงไม่ควรผกู กบั ราวกนั เตียง 3. ไม่ควรผกู เงือนทียิงดินยิงแน่น 4. เลือกใชอ้ ุปกรณ์ทีเหมาะสมกบั ผปู้ ่ วย 5. หากผกู รัดลาํ ตวั เลือกขนาดใหเ้ หมาะสมกบั ผปู้ ่ วย
การผูกยดึ ผู้ป่ วย(Restraint) • การดูแลผู้ป่ วยทีได้รับการผูกยดึ 1. ประเมินอาการผปู้ ่ วยวา่ เขา้ เกณฑก์ ารผกู ยดึ และเขียนบนั ทึกทางการ พยาบาลใหช้ ดั เจน 2. ตอ้ งคาํ นึงถึงสิทธิผปู้ ่ วย 3. แจง้ เหตุผลแก่ผปู้ ่ วยและญาติ 4. ยกไมก้ นั เตียงและสิงแวดลอ้ มใหป้ ลอดภยั 5. มีการประเมินผปู้ ่ วยอยา่ งต่อเนือง หากผปู้ ่ วยอาการดีขึน ควรเลิกผกู ยดึ
การสวมปลอกถุงมือป้ องกนั ผปู้ ่ วยดึงอุปกรณ์
การผกู ยดึ แขนป้ องกนั ผปู้ ่ วยดึง อปุ กรณ์
การผกู ยดึ ขา
การผกู ยดึ ทงั ตวั
การผกู ยดึ ทงั ตวั
2.4 การบําบดั ด้วยความร้อนเยน็ (Hot-Cold therapy) • การใชค้ วามร้อน หรือความเยน็ ในการบาํ บดั รักษาอาการ ซึงปฏิกิริยา ตอบสนองของร่างกายต่อความร้อนและเยน็ จะแตกต่างกนั • การใชค้ วามร้อนหรือความเยน็ ในการบาํ บดั รักษามีขอ้ พึงระวงั หลาย ประการเช่น อายุ ระดบั ของความรู้สึกตวั สภาวะของโรค และ ระยะเวลาการนาํ มาใช้ ความร้อนหรือความเยน็ นอกจาก จะช่วยบรรเทา อาการทุกขท์ รมานแลว้ ยงั สามารถช่วยทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วยรู้สึกสุขสบายดว้ ย
การบําบดั ด้วยความร้อนเยน็ (Hot-Cold therapy) • การประคบร้อน การประคบร้อนจะเริมใชห้ ลงั จากมีอาการผา่ นไปแลว้ 48 ชัวโมงประคบครัง ละ 15-20 นาที วนั ละ 2-3 ครัง เพือลดอาการปวดและผอ่ นคลายกลา้ มเนือ อาการทีควรประคบร้อน เช่น ปวดตึงของกลา้ มเนือบริเวณคอ บ่า หลงั น่อง ปวดประจาํ เดือน อาจใชเ้ จลสาํ หรับประคบร้อนเยน็ แบบสาํ เร็จรูป ใชก้ ระเป๋ านํา ร้อน หรืออาจใชผ้ า้ ขนหนูชุบนาํ ร้อน • อุณหภูมิทีเหมาะสมไม่ควรเกิน 45 องศาเซลเซียส • ไม่ควรประคบดว้ ยความร้อนทีมากเกินไป ไม่ควรประคบนานหรือถีเกินไป และตอ้ งไม่ประคบร้อนในบริเวณทีมีบาดแผลเปิ ดหรือมีเลือดออก เพราะจะยิง ทาํ ใหม้ ีการอกั เสบเพิมมากขึน
การบําบดั ด้วยความร้อนเยน็ (Hot-Cold therapy) • ข้อระมดั ระวงั ในการประคบร้อน • ระมดั ระวงั ในผปู้ ่ วย เบาหวาน โรคผวิ หนงั ผปู้ ่ วยทีปัญหาระบบประสาท โรค หลอดเลือด • ระมดั ระวงั อยา่ ใชอ้ ุณหภูมิสูงจนเกินไป • ไม่ควรใชเ้ วลาในการประคบเกินกวา่ 15-20 นาที • ใชผ้ า้ ขนหนูห่ออุปกรณ์ทีใหค้ วามร้อนเอาไวเ้ พือหลีกเลียงการสมั ผสั กบั ผวิ หนงั โดยตรง
การบาํ บดั ด้วยความร้อนเยน็ (Hot-Cold therapy) • ประคบเยน็ มีอาการปวดหรือไดร้ ับบาดเจบ็ (ภายใน 24-48 ชัวโมง) ประคบนาน 20-30 นาที วนั ละ 2-3 ครัง อาการทีควรประคบเยน็ เช่น ปวดศีรษะ มีไขส้ ูง ปวดฟัน ปวด บวมขอ้ เทา้ ขอ้ เคลด็ เลือดกาํ เดาไหล หรือ ปวดบวมบริเวณอืนๆ ทีเกิดจากการ ไดร้ ับบาดเจบ็ หรือเพิงมีอาการใหม่ๆ อาจใชเ้ จลสาํ หรับประคบร้อนเยน็ แบบสาํ เร็จรูปหรือทาํ ถุงนําแขง็ ขึนใชเ้ อง ตรวจสอบวา่ ไม่เยน็ เกินไปโดยการนาํ มาประคบผวิ หนงั ถา้ บริเวณทีมีอาการเป็น บริเวณมือ แขน ขา หรือเทา้ อาจใชก้ ารแช่ในภาชนะทีบรรจุนาํ เยน็ แทน โดยแช่ นานประมาณ 15-20 นาที
การบาํ บัดด้วยความร้อนเยน็ (Hot-Cold therapy) • ข้อควรระวงั ในการประคบเยน็ • ควรระมดั ระวงั เป็นพิเศษเมือตอ้ งประคบเยน็ บริเวณดวงตา • หา้ มประคบนาํ แขง็ กบั ผวิ หนงั โดยตรง แต่ควรห่อดว้ ยผา้ ขนหนูไว้ และ หา้ มประคบนานเกิน 15-20 นาที/ครัง • หา้ มนอนหลบั ขณะทีประคบนาํ แขง็ อยู่ • ไม่ควรประคบเยน็ ในอาการบาดเจบ็ ทีรุนแรงมาก เพราะร่างกายอาจเกิด การเปลียนแปลงมากเกินกวา่ ทีความเยน็ จะช่วยบรรเทาอาการได้ • ประคบเยน็ ดว้ ยความระมดั ระวงั อยา่ งสูงในบริเวณทีผวิ หนงั มี ความสามารถในการรับความรู้สึกลดลง อนั เป็นผลมาจากความผดิ ปกติ ของเสน้ ประสาทส่วนปลายจากโรคต่าง ๆ เช่น ผปู้ ่ วยโรคเบาหวาน
Search