บทที 3 หลกั การและเทคนคิ การจดั ทา่ การเคลือนไหวและการฟื นฟรู า่ งกาย อ.สริ อิ ร ขอ้ ยนุ่
เนือหาการเรยี นรู ้ 3.1 บรหิ ารรา่ งกาย ขอ้ และกลา้ มเนือ 3.2 การจัดทา่ การพลกิ ตวั 3.3 การเคลือนยา้ ย การยกการพยงุ 3.4 การดแู ลผปู ้ ่ วยใส่ Traction และเฝื อก 3.5 การใชก้ ายอปุ กรณ์
การทรงตวั ทีดี การทรงตวั อยา่ งถกู ตอ้ ง หมายถงึ ความมันคงและความสมดลุ ของรา่ งกายในทกุ อริ ยิ าบถ ไมโ่ อนเอยี งหรอื ลม้ ลง โดยมกี ระดกู สนั หลงั ทํา หนา้ ทีรองรับสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย -ทา่ ยนื -ทา่ นัง -ทา่ นอน คอื ลกั ษณะกระดกู สนั หลังอยใู่ นทา่ ที ถกู ตอ้ งเชน่ เดยี วกบั การยนื หลังตรง เขา่ งอเล็กนอ้ ย แขน วางขา้ งลําตวั ขอ้ ศอก และนิวมอื งอเล็กนอ้ ย
การทรงตวั ทีดี 1.คงไวซ้ ึงแนวปกตขิ องรา่ งกายและการทรงตวั ทีดี 2.ถอื สิงของทีเคลือนยา้ ย ใหอ้ ยใู่ กลก้ บั รา่ งกาย 3.ใชก้ ลา้ มเนือมดั ใหญใ่ นการทํางานทีตอ้ งใชก้ ําลังมาก 4.ใชน้ ําหนักตนเองในการชว่ ยเคลือนยา้ ยวตั ถุ สิงของ 5. ใชก้ ารดนั การดงึ หรอื การหมนุ ผลกั สิงของแทนการยก 6. ถอื สิงของอยกู่ ึงกลางจดุ ศนู ยก์ ลางของแรงถว่ ง 7. ขณะยกสิงของควรแยกเทา้ ออก เพือใหม้ คี วามมันคง 8.หลกี เลียงการยดื กลา้ มเนือ หรอื การบดิ กลา้ มเนือขณะเคลือนยา้ ย สิงของ 9.การยกสิงของอยใู่ นทา่ หลงั ตรง และยอ่ เขา่ แทนการกม้ หลงั
การทรงตวั ทีดี 10.มกี ารหยดุ พักเป็ นชว่ ง ๆ ในระหวา่ งการทํากจิ กรรม 11.หาผชู ้ ว่ ยเหลอื หรอื อปุ กรณ์ผอ่ นแรง 12. เกร็งกลา้ มเนือหนา้ ทอ้ งและกลา้ มเนือสะโพกกอ่ นยก สิงของเพือป้องกนั การบาดเจ็บของกลา้ มเนือหลงั 13.เคลือนไหวรา่ งกายอยา่ งนุ่มนวล ประสานกนั และเป็ นจังหวะ
3.1 บรหิ ารรา่ งกาย ขอ้ และกลา้ มเนือ การออกกําลงั กายเพือการบําบดั รกั ษา (Therapeutic exercise) คอื การเคลือนไหวสว่ นใดสว่ นหนึงหรอื ทกุ สว่ นของรา่ งกายเพือการ บําบดั รักษา ลดอาการของผปู ้ ่ วย หรอื ชว่ ยเพิมประสทิ ธภิ าพการ ทํางานของรา่ งกายใหด้ ขี ึน
การบรหิ ารรา่ งกาย ขอ้ และกลา้ มเนือ วตั ถปุ ระสงค์ ของการออกกําลังกาย 1.เพือป้องกนั ขอ้ ตดิ หรอื เพิมพสิ ยั การเคลือนไหวของขอ้ (range of motion) 2.เพือเพิมความแข็งแรง(strength) และความทนทาน (endurance) 3.เพือเพิมการประสานงานกนั ของกลา้ มเนือ (coordination) และ ทกั ษะ (skill) 4. เพือการผอ่ นคลาย (relaxation)
การบรหิ ารรา่ งกาย ขอ้ และกลา้ มเนือ 1. ใชแ้ รงขนาดทีทําใหเ้ กดิ การเจ็บตงึ เล็กนอ้ ย แตอ่ าการเจ็บนันควร หายไปหลงั สินสดุ การดดั ขอ้ 2. ควรใชแ้ รงนอ้ ยๆบอ่ ยครัง ดว้ ยเวลาสันๆ ดกี วา่ ใชแ้ รงมาก 3. ควรใหผ้ ปู ้ ่ วยออกแรงขยบั ขอ้ จนสดุ พสิ ยั ทีทําไดเ้ อง กอ่ น (active exercise) แลว้ ผชู ้ ว่ ยจงึ ออกแรงชว่ ยดดั ตอ่ (passive stretching exercise) 4. กรณีทีมภี าวะเกร็ง (spastic) มากควรรักษาภาวะเกร็งรว่ มดว้ ย 5. ควรหลกี เลียงการดดั ขอ้ ทีมกี ารบวมหรอื การอกั เสบ
การบรหิ ารรา่ งกาย ขอ้ และกลา้ มเนือ การออกกําลงั กาย เพือป้องกนั ขอ้ ตดิ หรอื เพิมพสิ ยั การเคลือนไหว ของขอ้ ป้องกนั ภาวะขอ้ ตดิ เชน่ กลา้ มเนือออ่ นแรง มภี าวะกลา้ มเนือ เกร็ง หรอื บวมรอบๆขอ้ แบง่ ออกเป็ น 4 ประเภท 1.Active exercise คอื ใหผ้ ปู ้ ่ วยออกแรงขยบั ขอ้ เองทังหมด 2.Passive exercise คอื ใหผ้ ชู ้ ว่ ยหรอื ใชแ้ รงจากภายนอกเป็ นผขู ้ ยบั ตลอดพสิ ยั การเคลือนไหวของขอ้ โดยผปู ้ ่ วยไมไ่ ดอ้ อกแรงเลย 3.Active assistive exercise คอื ใหผ้ ปู ้ ่ วยออกแรงขยบั ใหเ้ ต็มทีกอ่ น แลว้ ใชแ้ รงจากภายนอกหรอื ผอู ้ ืนชว่ ยขยบั ตอ่ จนสดุ พสิ ยั การ เคลือนไหวของขอ้ 4.Passive stretching exercise คอื ผชู ้ ว่ ยหรอื ผบู ้ ําบดั ชว่ ยดดั ยดื เพือ เพิมพสิ ยั การเคลือนไหวขอ้ ในกรณีทีมขี อ้ ตดิ
การบรหิ ารรา่ งกาย ขอ้ และกลา้ มเนือ หลกั การดดั ยดื (stretching exercise) 1. ถา้ ยงั ไมม่ ขี อ้ ตดิ ทําเพือป้องกนั โดยเคลือนไหวขอ้ จนครบพสิ ยั ของขอ้ นันอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 2รอบ รอบละ 3 ครัง ซึงจะทํา เป็ น active หรอื passive ROM exercise กไ็ ด ้ 2. ถา้ มขี อ้ ตดิ ตอ้ งใชก้ ารดดั ยดื (stretching) คอื มแี รงมากระทําที มากพอจนทําใหเ้ นือเยือนันมกี ารเปลียนรปู (deformation) ซึง ตอ้ งทําบอ่ ยและคา้ งไวป้ ระมาณ 15-30 วนิ าที
การบรหิ ารสว่ นแขน : การยกแขนขึนลง
การบรหิ ารสว่ นแขน : การกางแขนออก และหบุ แขนเขา้
การบรหิ ารสว่ นแขน : การหมนุ ขอ้ ไหลเ่ ขา้ และออก
การบรหิ ารสว่ นแขน : การงอขอ้ ศอกเขา้ และเหยยี ดออก
การบรหิ ารสว่ นแขน มอื : การกระดกขอ้ มอื ขึน และลง
การบรหิ ารสว่ นแขน มอื : การกาํ นิวมอื เขา้ และเหยยี ดนิวมอื ออก
การบรหิ ารสว่ นแขน มอื : การกระดกนิวโป้ งขึน ลง
การบรหิ ารสว่ นขา:การงอขาเขา้ และเหยยี ดขาออก ของขอ้ สะโพก และขอ้ เขา่
การบรหิ ารสว่ นขา:การหมนุ ขอ้ สะโพกเขา้ และหมนุ ขอ้ สะโพกออก
การบรหิ ารสว่ นขา: การกางขาออก และหบุ ขาเขา้ ของขอ้ สะโพก
การบรหิ ารสว่ นขา: กระดกขอ้ เทา้ ขึน ลง
การบรหิ ารสว่ นขา: หมนุ ปลายเทา้ เขา้ ออก
การเคลือนไหวขอ้ ไหลด่ ว้ ยตัวผปู ้ ่ วยเอง :นอนหงาย ประสานมอื ขา้ งทีดกี บั ขา้ งทีออ่ นแรง โดยใหน้ ิวหัวแมม่ อื ของขา้ งทีออ่ นแรงอยบู่ นขา้ งทีดี ยก แขนขึนและลง ทําประมาณ 5-10 ครัง
3.2 การจดั ทา่ การพลกิ ตวั การจัดทา่ ทีเหมาะสม ควรตอ้ งมกี ารทรงตวั อยา่ งถกู ตอ้ ง หมายถงึ ความมันคงและความสมดลุ ของรา่ งกายในทกุ อริ ยิ าบถ ไมโ่ อนเอยี งหรอื ลม้ ลง โดยมกี ระดกู สนั หลงั ทําหนา้ ทีรองรับสว่ น ตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย การทีรา่ งกายมกี ารทรงตวั อยา่ งถกู ตอ้ งสง่ ผล ดตี อ่ รา่ งกาย คอื สง่ เสรมิ และสนับสนุนการท างานของรา่ งกายให ้ เป็ นไปตามปกติ ป้องกนั ไมใ่ หร้ า่ งกายเกดิ อนั ตรายหรอื มคี วาม พกิ ารของกระดกู และกลา้ มเนือ ลดการเมือยลา้ หรอื การใช ้ พลงั งานมากเกนิ
3.2 การจดั ทา่ การพลกิ ตวั แนวปฏบิ ตั ิ 1. ผปู ้ ่ วยทีไมส่ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเองไดต้ อ้ งเปลียนทา่ นอนอยา่ งนอ้ ย ทกุ 2 ชัวโมง 2. ปรับระดบั ความสงู ของเตยี งใหเ้ หมาะสม โดยอยรู่ ะดบั ขอ้ ศอกของ พยาบาล 3. นําหมอนและเครืองนอนออก กอ่ นการจัดทา่ 4. ตรวจสอบสายตา่ ง ๆ ไมใ่ หต้ ดิ อยกู่ บั ทีนอน 5. พลกิ ใหล้ ําตวั เคลือนพรอ้ มกนั เพือป้องกนั การบดิ ของกระดกู สนั หลงั 6. ขอ้ ตา่ ง ๆ อยใู่ นทา่ งอเล็กนอ้ ย 7. จัดทา่ นอนใหค้ งไวซ้ ึงแนวปกตขิ องรา่ งกาย 8. จัดพยงุ สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายดว้ ยมว้ นผา้ หรอื หมอน 9. ตรวจสอบสภาพผวิ หนัง และนวดป่ มุ กระดกู ทีรับนําหนักตวั 10.ดแู ลเตยี งใหส้ ะอาด เรยี บตงึ หลงั การจัดทา่
การปฏบิ ตั กิ ารจดั ทา่ การปฏบิ ตั กิ ารจดั ทา่ ผปู ้ ่ วย พยาบาลตอ้ งทําการเลือนตวั ผปู ้ ่ วยให ้ มาในตําแหน่งทีตอ้ งการและพลกิ ตะแคงตวั เพือทําการจดั ทา่ ตาม ความเหมาะสม 1.การเลือนตวั ผปู้ ่ วย 1.1 ผปู ้ ่ วยสามารถชว่ ยเลือนได ้ พยาบาลแจง้ ใหผ้ ปู ้ ่ วยทราบ ปรับ ระดบั เตยี งใหอ้ ยใู่ นแนวราบแลว้ ใหผ้ ปู ้ ่ วยชว่ ยเลือนตวั ไปยงั ตําแหน่งทีตอ้ งการ 1.2 ผปู ้ ่ วยไมส่ ามารถชว่ ยเลือนตวั ได ้
การปฏบิ ตั กิ ารจดั ทา่ 1.2 ผปู ้ ่ วยไมส่ ามารถชว่ ยเลือนตวั ได ้ 1) แจง้ ใหผ้ ปู ้ ่ วยทราบวา่ จะเลือนตวั ผปู ้ ่ วย 2) ปรบั ระดบั เตยี งใหอ้ ยใู่ นแนวราบ ล็อกลอ้ เตยี ง จัดทา่ นอนหงายราบ 3) นําหมอนหนุนศรี ษะพงิ ไวท้ ีพนักหวั เตยี ง 4) พยาบาลยนื อยขู่ า้ งเตยี งในทา่ กา้ วเทา้ ไปขา้ งหนา้ หันหนา้ ไปใน ทศิ ทางทีจะเลือนผปู ้ ่ วย ยอ่ เขา่ และตะโพกเพือใหป้ ลายแขนอยใู่ น ระดบั เดยี วกบั เตยี ง 5) สอดมอื ขา้ งหนึงเขา้ ใตไ้ หลแ่ ละอกี ขา้ งหนึงเขา้ ใตต้ น้ ขา 6) ใหผ้ ปู ้ ่ วยยกศรี ษะ กม้ คอใหค้ างชดิ อก และชนั เขา่ ขึน ใหเ้ ทา้ ยนั ที นอน มอื จับพนักเตยี งหรอื ออกแรงกดลงบนทีนอนเพือชว่ ยดนั ตนเอง ขึนพรอ้ ม ๆ กบั ทีพยาบาลชว่ ยเลือนตวั
การปฏบิ ตั กิ ารจดั ทา่ 7) พยาบาลอยใู่ นทา่ ยนื ทิงนําหนักตวั ทีขาดา้ นหลงั สง่ สญั ญาณให ้ ผปู ้ ่ วยชว่ ยดนั ตวั พรอ้ มกบั พยาบาลถา่ ยนําหนักตวั มาทีขาดา้ นหนา้ และเลือนตวั ผปู ้ ่ วยขึนไปทางหวั เตยี ง 8) จัดทา่ นอนใหอ้ ยใู่ นทา่ ทีสขุ สบาย กรณีทีเลือนตวั ผปู ้ ่ วยโดยพยาบาล 2 คน ขันตอนตา่ ง ๆ คลา้ ยกนั แตพ่ ยาบาล 2 คนยนื อยคู่ นละดา้ น แลว้ ชว่ ยเลือนตวั ผปู ้ ่ วยตาม ขันตอน
การพลกิ ตะแคงตวั 1. แจง้ ใหผ้ ปู ้ ่ วยทราบ 2. เลือนตวั ผปู ้ ่ วยมาชดิ ขอบเตยี งทางดา้ นตรงขา้ มทีจะพลกิ ตวั ผปู ้ ่ วยไป 3.พยาบาลยนื อยู่ ดา้ นทีจะพลกิ โดยพลกิ ผปู ้ ่ วยเขา้ หาตวั พยาบาลเสมอ เพือ ป้องกนั ผปู ้ ่ วยตกเตยี ง 4.วางแขนผปู ้ ่ วยพาดบนหนา้ อก 5.จัดขาผปู ้ ่ วยดา้ นไกลตวั พยาบาลไขวม้ าทางทีจะพลกิ 6.พยาบาลใชม้ อื ขา้ งหนึงประคองทีไหล่ และตะโพก พลกิ ตวั ผปู ้ ่ วยใหต้ ะแคงเขา้ หาพยาบาล จดั ทา่ ตามตอ้ งการ 7.ยกราวกันเตยี งขึน
การพลกิ ตะแคงตวั กรณีทีเลือนตวั ผปู ้ ่ วยโดยพยาบาล 2 คน ขันตอนตา่ ง ๆ คลา้ ยกนั แตพ่ ยาบาล 2 คน ยนื อยคู่ นละดา้ น แลว้ ชว่ ยเลือนตวั ผปู ้ ่ วยตามขันตอน
การจดั ทา่ ในผปู้ ่ วย ทา่ นอนหงาย(dorsal position/ supine position)
ทา่ นอนตะแคง (lateral position) ใชใ้ นการเปลียนทา่ พลกิ ตวั ผปู ้ ่ วย ป้องกนั แผลกดทบั ลดการกดทบั บรเิ วณหลงั
ทา่ นอนหงายศรี ษะสงู (Fowler’s position) ชว่ ยใหผ้ ปู ้ ่ วยหายใจสะดวก ปอดขยายตวั ไดด้ ี สําหรับทํา กจิ กรรมบนเตยี ง หา้ มใช ้ ผป.บาดเจ็บไขสนั หลงั
ทา่ semi-Fowler’s position ชว่ ยใหผ้ ปู ้ ่ วยหายใจสะดวก ปอดขยายตวั ไดด้ ี สาํ หรับทํากจิ กรรมบนเตยี ง ผปู ้ ่ วยหลงั ผา่ ตดั ชอ่ งทอ้ ง
ทา่ นอนตะแคงซา้ ยกึงควํา(Sim’s position) ใชเ้ ตรยี มตรวจทางทวารหนัก การสวนอจุ จาระ
ทา่ นอนควํา (prone position) ชว่ ยระบายเสมหะ เตรยี มตรวจ เจาะไขกระดกู ไมค่ วรจดั ทา่ นีใน ผป.หลงั ผา่ ตดั ชอ่ งทอ้ ง
ทา่ นอนควําคกุ เขา่ (knee-chest position) เพือเตรยี มตรวจ หรอื ผา่ ตดั บรเิ วณทวารหนัก และลําไสใ้ หญส่ ว่ นปลาย
ทา่ นอนศรี ษะตําปลายเทา้ สงู (Trendelenburg position) สําหรับผปู ้ ่ วย ทีเสยี เลอื ดมากเพือใหเ้ ลอื ดมาเลียงสมองใหม้ ากขึน ผป. สว่ นปลายขาบวม
ทา่ นอนหงายชนั เขา่ (dorsal recumbent position) ทา่ เพือ สําหรับการรักษาพยาบาลบรเิ วณอวยั วะสบื พันธุ์ เชน่ ตรวจบรเิ วณชอ่ งคลอด ฝี เย็บ
ทา่ นอนหงายพาดเทา้ บนขาหยัง (lithotomy position) เป็ นการจัดทา่ เตรยี มตรวจเฉพาะเหมอื นกบั ทา่ นอนหงายชนเขา่ ทําใหผ้ ตู ้ รวจสะดวก ถนัดขึน เชน่ ทา่ สาํ หรับตรวจภายในสตรี ทําคลอด
3.3 การเคลือนยา้ ย การยกการพยงุ สิงทีตอ้ งประเมนิ กอ่ นทาํ การเคลือนยา้ ย 1.ความสามารถในการชว่ ยเหลอื ตนเองของผปู ้ ่ วย 2.ทา่ ทีเป็ นขอ้ หา้ มสําหรับผปู ้ ่ วย 3.อวยั วะสว่ นทีออ่ นแรงหรอื พกิ าร 4.ความมันคงในการคงทา่ ของผปู ้ ่ วย 5.สว่ นทีตอ้ งใหอ้ ยนู่ ิง ๆ 6.อปุ กรณท์ ีตดิ ตวั ผปู ้ ่ วย 7. ความออ่ นเพลยี ของผปู ้ ่ วย 8.ความตอ้ งการการเคลือนยา้ ย เปลียนทา่ และความสขุ สบาย ของผปู ้ ่ วย
การเคลือนยา้ ย การยกการพยงุ 1.กรณีทีผปู ้ ่ วยชว่ ยเหลอื ตนเองไมไ่ ด ้ ควรหาผชู ้ ว่ ยเหลอื ในการ เคลือนยา้ ย 2.กรณีพยาบาล 1 คน ใหย้ นื ดา้ นเดยี วกนั กบั ดา้ นทีจะเคลือนยา้ ย ผปู ้ ่ วย 3.ยนื ในทา่ ทรงตวั ทีถกู ตอ้ ง 4.ถา้ ผปู ้ ่ วยมอี ปุ กรณ์สวมพยงุ ตวั ใหส้ วมใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ นทําการ เคลือนยา้ ย 5.ผอ่ นแรงในการยก โดยยนื อยใู่ กลผ้ ปู ้ ่ วยมากทีสดุ 6.ใหข้ าผปู ้ ่ วยดา้ นทีออ่ นแรง อยใู่ กลด้ า้ นรถเข็นนัง 7. ใชอ้ ปุ กรณ์ชว่ ยเพือผอ่ นแรง 8.ใหส้ ญั ญาณในการเคลือนยา้ ย 9.อธบิ ายใหผ้ ปู ้ ่ วยทราบขันตอนครา่ ว ๆ และใหช้ ว่ ยออกแรงเทา่ ที สามารถทําได ้
การเคลือนยา้ ยผปู้ ่ วยบนเตยี ง 1. การเคลือนย้ายผู้ป่ วยบนเตยี ง : การช่วยผู้ป่ วยเลือนขึนหวั เตยี ง โดยพยาบาล 1 คน 2. การเคลือนย้ายผู้ป่ วยบนเตยี ง :การช่วยผู้ป่ วยเลือนขึนหวั เตยี งโดย พยาบาล 2 คน โดยการใช้ผ้าขวางเตยี ง หรือใช้การยกตวั ผู้ป่ วย 3. การเคลือนย้ายผู้ป่ วยบนเตยี ง : การช่วยผู้ป่ วยเลือนตวั ให้นอนอยู่ ริมเตยี ง 4. การเคลือนย้ายผู้ป่ วยบนเตยี ง :การช่วยเหลือผู้ป่ วยพลิกตะแคงตวั
การเคลือนยา้ ยผปู้ ่ วยจากเตยี งหรอื ทีใดทีหนึงไป อกี ทีหนึง 1. การเคลือนยา้ ยผปู ้ ่ วยจากเตยี งไปเกา้ อีหรอื รถเข็นนัง 2. การเคลือนยา้ ยผปู ้ ่ วยจากเตยี งไปรถเข็นนอน
การเคลือนยา้ ย โดยผชู้ ว่ ยเหลอื คนเดยี ว 1. พยงุ เดนิ เหมาะสําหรบั ผปู ้ ่ วยที รสู ้ กึ ตวั ดี แตแ่ ขนหรอื ขาขา้ งใดขา้ งหนึง เจ็บ
การเคลือนยา้ ย โดยผชู้ ว่ ยเหลอื คนเดยี ว 2.การอมุ ้ วธิ นี ีใชก้ บั ผบู ้ าดเจ็บทีมนี ําหนักตวั นอ้ ย หรอื ในเด็กซึง ไมม่ บี าดแผลรนุ แรง
การเคลือนยา้ ย โดยผชู้ ว่ ยเหลอื คนเดยี ว 3. วธิ ลี าก เหมาะทีจะใชใ้ นกรณีฉุกเฉนิ เชน่ เกดิ ไฟไหม ้ ถงั แก็สระเบดิ หรอื ตกึ ถลม่ จําเป็ นตอ้ งเคลือนยา้ ยออกจากทีเกดิ เหตใุ หเ้ ร็วทีสดุ
การเคลือนยา้ ยผปู้ ่ วยโดยผชู้ ว่ ยเหลอื สองคน 1.อมุ ้ และยก เหมาะสําหรับผปู ้ ่ วยรายในรายทีไมร่ สู ้ กึ ตวั แตไ่ ม่ ควรใชใ้ นรายทีมกี ารบาดเจ็บของลําตวั หรอื กระดกู หกั
การเคลือนยา้ ยผปู้ ่ วยโดยผชู้ ว่ ยเหลอื สองคน 2.นังบนมอื ทังสีทีจับประสานกนั เป็ นแคร่ เหมาะสําหรับผปู ้ ่ วยใน รายทีขาเจ็บแตร่ สู ้ กึ ดแี ละสามารถใชแ้ ขนทังสองขา้ งได ้
การเคลือนยา้ ยผปู้ ่ วยโดยผชู้ ว่ ยเหลอื สองคน 3. การพยงุ เดนิ วธิ นี ีใชใ้ นรายทีไมม่ บี าดแผลรนุ แรง หรอื กระดกู หกั และผบู ้ าดเจ็บยงั รสู ้ กึ ตวั ดี
Search