Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การใช้สีเพื่องานออกแบบ

การใช้สีเพื่องานออกแบบ

Published by jantanuch, 2022-01-05 05:22:16

Description: การใช้สีเพื่องานออกแบบ

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน วิชาการใช้สีเพอ่ื งานออกแบบ รหัส 20302-2002

• 20302-2002 การใชส้ เี พอื่ งานออกแบบ 1 - 3 - 2 • จุดประสงคร์ ายวชิ าเพอ่ื ให้ 1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีสีสแี ละการใช้สีในการออกแบบ 2. มีทักษะการใช้สใี นการออกแบบประเภทต่างๆ 3. มีกิจนสิ ัยที่ดีในการปฏบิ ัติงาน สมรรถนะรายวชิ า • สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรู้เก่ยี วกบั ทฤษฎีสแี ละการใชส้ ีในการออกแบบประเภทต่างๆ 2. ใช้สีโปสเตอร์ ดนิ สอสี สีนํา้ สีเมจิกในการออกแบบตามหลักการและวิธีการใช้สี • คําอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏบิ ัติเกี่ยวกับสี คณุ ลักษณะของสี ชนิดและคณุ สมบัตขิ องสี แม่สวี ัตถธุ าตุ แม่สขี องแสง วงจรสี หลักการใช้วรรณะของสี ค่าในน้ําหนักของสี การใชส้ ีตรงขา้ ม สีกลมกลืน สีเอกรงคส์ ีขดั กัน สีสว่าง ในที่มดื สีสว่ นรวม สีเลื่อมพราย จิตวทิ ยาเกี่ยวกับสีและการใช้คู่สี เทคนคิ วธิ ีการผสมสี การ เลือกใช้สแี ต่ละชนิดให้ สัมพันธก์ บั งานออกแบบ การฝกึ ทักษะการใช้สใี นการออกแบบตามหลักการ และ วิธีการใช้สชี นดิ ต่างๆ(ได้แก่ สี โปสเตอร์ ดินสอสี สีน้าํ สเี มจิก

หน่วยที่ 1 ทฤษฏสี ี ความหมายของสี • สี หมายถงึ แสงที่มากระทบวัตถแุ ล้วสะทอ้ นเข้าตาเรา ทาํ ให้เห็นเป็นสีต่างๆ การที่เรามองเหน็ วัตถเุ ปน็ สีใดๆ ได้ เพราะวัตถุนัน้ ดดู แสงสีอ่ืน สะทอ้ นแต่สีของมัน เอง เช่น วัตถสุ ีแดง เม่ือมีแสงสอ่ งกระทบ กจ็ ะดดู ทุกสี สะทอ้ นแต่สีแดง ทาํ ให้เรา มองเห็นเป็นสีแดง • เรารับรสู้ ีได้เพราะ เม่ือสามร้อยกว่าปที ผี่ ่านมา ไอแซก นวิ ตัน ได้ค้นพบ ว่า แสงสี ขาวจาก ดวงอาทิตยเ์ มื่อหักเห ผ่านแท่งแก้วสามเหลี่ยม ( prism) แสงสีขาวจะ กระจายออกเปน็ สีรงุ้ เรียกว่า สเปคตรัม มี 7 สี ได้แก่ ม่วง คราม นา้ํ เงิน เขียว เหลอื ง ส้ม แดง

ความสาํ คัญของสที มี่ ตี อ่ วถิ ชี ีวติ ของเรา ปัจจุบัน เราได้นําสีมา ใช้ ให้เกิดประโยชน์โดยใช้เปน็ สัญลักษณ์ในการ ถ่ายทอด ความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง • 1 . ใช้ในการจาํ แนกส่ิงต่าง ๆ เพื่อให้เหน็ ชัดเจน 2 . ใช้ในการจัดองค์ประกอบของสิ่งต่าง ๆ เพ่ือให้เกดิ ความสวยงาม กลมกลนื เช่น การแต่ง กาย การจดั ตกแต่งบ้าน 3 . ใช้ในการจัดกลุ่ม พวก คณะ ด้วยการใช้สีต่าง ๆ เช่น คณะสี เครอ่ื งแบบต่าง ๆ 4 . ใช้ในการสื่อความหมาย เปน็ สัญลักษณ์ หรือใช้บอกเล่าเร่ืองราว 5 . ใช้ในการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะ เพ่ือให้เกดิ ความสวยงาม สร้างบรรยากาศ สมจริงและ น่าสนใจ 6 . เปน็ องค์ประกอบในการมองเหน็ ส่ิงต่าง ๆ ของ มนษุ ย์ •

ที่มาของสี สีที่อย่รู อบตัวเรานั้นมีท่มี า 3 ทาง คือ 1 . สสารทมี่ ีอยู่ตามธรรมชาติ และนํามาใช้โดยตรง หรอื ด้วยการสกัด ดัดแปลงบ้าง จากพืช สัตว์ ดนิ แร่ธาตตุ ่าง ๆ 2 . สสารทไี่ ด้จากการสังเคราะห์ซ่ึงผลิตข้นึ โดยกระบวนการทางเคมี เป็นสารเคมีที่ ผลติ ขนึ้ เพ่ือให้สามารถ นํามาใช้ได้ สะดวกมากขึน้ ซึ่งเปน็ สีทเี่ ราใช้อยู่ท่วั ไปใน ปัจจุบัน 3 . แสง เป็นพลังงานชนดิ เดียวที่ให้สี โดยอยู่ในรูปของรังสี (Ray) ที่มีความเข้มของ แสง อยู่ในชว่ ง ทสี่ ายตา มองเห็นได้

แม่สี สีเป็นองคป์ ระกอบหนึ่งของงานศลิ ปะที่มคี วามหมายมาก เพราะสีช่วยใหเ้ กดิ คณุ ค่าในองคป์ ระกอบอ่ืนๆ เช่น การใช้สีให้เกดิ รูปร่าง การใช้สีให้เกดิ จังหวะ หรือ การใช้สีแสดงลักษณะของพื้นผวิ นอกจากนี้การใช้สียังมีส่วนส่งเสริมใหเ้ กดิ ความคดิ ความรู้สกึ และอารมณ์ สีแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื • สีที่เป็นแสง (spectrum) เป็นสีที่เกิดจากการหักเหของแสง • สีที่เป็นวัตถุ (pigment) เปน็ สีที่มีอยใู่ นธรรมชาติทั่วไป เช่น ในพชื ในสัตว์ เปน็ ต้น

• .แม่สขี องแสง (spectrum primaries) • 1. แม่สี หรอื สขี นั้ ตน้ (primary colors) มี 3 สี คือ สีเหลอื ง สีแดง และสนี า้ํ เงนิ • คือสีที่เกดิ จากการผสมกันของคล่ืนแสง มีแม่สี 3 สี คอื 1. สีแดง (Red) 2. สีเขียว (Green) 3. สีนา้ํ เงิน (Blue) เม่ือนําแม่สีของแสงมาผสมกันจะเกดิ เป็นสีต่างๆ ดังนี้ 1. สีม่วงแดง (Magenta) เกิดจากสีแดง (Red) ผสมกับสีน้าํ เงิน (Blue) 2. สีฟา้ (Cyan) เกิดจากสีเขียว (Green) ผสมกับสีนํา้ เงนิ (Blue) 3. สีเหลือง (Yellow) เกิดจากสีเขียว (Green) ผสมกับสี แดง (Red) และเม่ือนําแม่สีทัง้ 3 มาผสมกัน จะได้สีขาว

• สีสัน Hue หมายถึงสีบริสุทธ์ิที่อ่ิมตัวตามที่เหน็ ในวงลอ้ สีข้างตน้ • สีอ่อน Tint มาจากการผสมผสานองค์ประกอบของสขี าวเพอื่ ให้โทนที่สว่างขน้ึ และอ่ิมตัวน้อยลง โดยสี มักจะเบากว่าคู่สีที่อิ่มตัว • โทนสี Tone ทําได้โดยการเพิ่มสีเทาลงบนสีสัน ทาํ ให้สีดีขึ้นโดยรวม • เฉดสี Shade จะทําได้โดยการเพ่ิมสว่ นของสีดาํ ลงในเฉดสีเดียวเพ่ือทําให้เกดิ สีเข้มขน้ึ • ความอ่ิมตัวของสี หมายถึงความเข้มโดยรวมของสี สีทบี่ รสิ ทุ ธ์ิจะอิ่มตัวมากกว่าสีอ่อนหรอื โทนสี • ค่า หมายถงึ ความสว่างโดยทวั่ ไปหรือความมืดของสี สีท่อี ่อนจะมีค่ามากกว่าสีเข้ม • อ้างอิง : https://www.shutterstock.com/th/blog/complete-guide-color-in- design/

• สีที่เปน็ วตั ถุ (Pigment) แบ่งออกเปน็ • 1. แม่สี หรือสีขัน้ ต้น (primary colors) มี 3 สี คอื สีเหลอื ง สีแดง และสีนํา้ เงนิ

• สีหลัก • สีหลักคือสี “ต้นฉบับ” ประกอบดว้ ยสแี ดง เหลือง และนํา้ เงนิ คณุ ไม่สามารถผสมสีใดๆเข้าด้วยกันเพ่ือให้ไดส้ ีเหล่านี้ • อ้างองิ : https://www.shutterstock.com/th/blog/complete-guide-color-in-design/

• 2. สีขัน้ ทสี่ อง (secondary colors) มี 3 สี เกดิ จากการนําแม่สีทัง้ 3 มา ผสมกันเข้าทีละคกู่ ็จะได้สีออกมาดังนี้ สีแดง + สีน้าํ เงนิ > สีม่วง สีแดง + สีเหลอื ง > สีส้ม สีนาํ้ เงนิ + สีเหลอื ง > สีเขยี ว

• สีรอง • สีรองจะเกดิ ขน้ึ จากสว่ นผสมของสีหลักสองสีที่เท่ากนั ผสมสีเหลืองและสีน้าํ เงินเพ่ือสร้างสีเขียว ผสมสี เหลืองและสีแดงเพื่อสร้างสีส้ม และผสมสีน้าํ เงินและสีแดงเพื่อสร้างสีม่วง • อ้างองิ : https://www.shutterstock.com/th/blog/complete-guide-color-in- design/

• สีตติยภูมิ • สีตตยิ ภมู ถิ ูกสร้างข้นึ โดยการรวมเฉดสีหลักและรองทอี่ ยู่ตดิ กัน ตัวอย่างเช่น สีหลักอย่างเช่นสีเหลือง และสีรอง อย่างเช่นสีเขียว ผสมกันเพื่อสร้างสีเหลืองเขียว • อ้างองิ : https://www.shutterstock.com/th/blog/complete-guide-color-in-design/

• 3. สีขั้นทสี่ าม (tertiary colors) เปน็ สีที่ได้จากการนําสีขั้นที่ 2 ผสมกับแม่สีทีละคู่ ก็จะได้สี เพิ่มขึน้ อีก 6 สี คอื ส้มเหลือง ส้มแดง เขียวเหลือง เขียวน้ําเงิน ม่วงแดง ม่วงน้าํ เงิน

• สีหลัก • สีหลกั คอื สี “ต้นฉบับ” ประกอบด้วยสีแดง เหลือง และน้าํ เงิน คุณไม่สามารถผสมสีใดๆเข้าด้วยกันเพื่อให้ไดส้ ีเหล่านี้ • อ้างอิง : https://www.shutterstock.com/th/blog/complete-guide-color-in-design/

• วงลอ้ สี (Colors wheel) จากสี 12 สี ในวงล้อจะแบ่งออกเป็น 2 วรรณะ คอื - วรรณะสีอุ่น (warm tone) - วรรณะสีเยน็ (cool tone)

คณุ ลักษณะของสมี ี 3 ประการ คือ 1. สีแท้ หรอื ความเปน็ สี (Hue ) หมายถงึ สีที่อยใู่ นวงจรสีธรรมชาติ ทั้ง 12 สี สี ที่เราเหน็ อยทู่ กุ วันนี้แบง่ เป็น 2 วรรณะ โดยแบ่งวงจรสีออกเป็น 2 ส่วน จากสีเหลือง วนไปถึงสี ม่วง คอื วรรณะของสี คอื สีที่ให้ความรสู้ ึกร้อน-เยน็ ในวงจรสีจะมีสีร้อน 7 สี และสีเยน็ 7 สี ซง่ึ แบง่ ท่ี สีม่วง กับสีเหลือง ซ่ึงเปน็ ได้ทัง้ สองวรรณะ แบ่งออกดังนี้ 1.วรรณะสรี ้อน (WARM TONE) ประกอบด้วยสีเหลือง สีส้มเหลือง สีส้ม สีส้มแดง สีม่วงแดง และสีม่วง สีใน วรรณะรอ้ นนีจ้ ะไม่ใช่สีสดๆ ดังที่เห็นในวงจรสีเสมอไป เพราะสีในธรรมชาตยิ ่อมมีสี แตกต่างไปกว่าสีในวงจรสีธรรมชาติอีกมาก ถ้าหากว่าสีใด ค่อนข้างไปทางสีแดงหรือสีส้ม เช่น สี นํ้าตาลหรอื สีเทาอมทอง กถ็ ือว่าเปน็ สีวรรณะรอ้ น 2.วรรณะสเี ยน็ (COOL TONE) ประกอบด้วย สีเหลือง สีเขียวเหลอื ง สีเขียว สีเขียวน้าํ เงนิ สีนํา้ เงนิ สีม่วงนํ้าเงิน และสีม่วง ส่วนสีอน่ื ๆ ถ้าหนักไปทางสีนํา้ เงนิ และสีเขียวกเ็ ป็นสีวรรณะเย็นดังเช่น สีเทา สีดํา สีเขียวแก่ เป็นต้น จะสังเกตได้ว่าสีเหลืองและสีม่วงอยทู่ ัง้ วรรณะรอ้ นและวรรณะเย็น ถ้าอยู่ ในกลุ่มสีวรรณะร้อนก็ให้ความรูสกึ ร้อนและถ้า อยใู่ นกลุ่มสีวรรณะเยน็ กใ็ ห้ความรู้สึกเยน็ ไปด้วย สี เหลืองและสีม่วงจึงเปน็ สีได้ทัง้ วรรณะรอ้ นและวรรณะเยน็

2. สีที่เปน็ ทงั้ วรรณะรอ้ นและวรรณะเยน็ สีเหลอื งและม่วงจะอยู่ได้ทั้งสองวรรณะขน้ึ อย่กู ับสีแวดล้อม เช่น หากนาํ สีเหลอื งไปไว้กับสี แดงและส้มกก็ ลายเป็นสีโทนร้อน แต่หากนาํ มาไว้กับสีเขียวก็จะเป็นสี โทนเยน็ ทันที 3. สีกลาง (Muddy Colors) สีกลาง ในความหมายนี้เป็นสีที่เข้ากับสีได้ทุกสี ได้แก่ สีน้ําตาล สีขาว สีเทา และดาํ สีเหล่านี้ เมื่อนาํ ไปใช้งานลดความรนุ แรงของสีอื่นและจะเสริมให้งานดูเดน่ ย่ิงขน้ึ



น้าํ หนักของสี (Values) หมายถึง สีที่สดใส (Brightness) สีกลาง (Grayness) สีทบึ (Darkness) ของสีแต่ละสี สีทกุ สีจะมีนา้ํ หนักในตัวเอง ถ้าเราผสมสีขาวเข้าไปในสีใดสีหน่ึง สีนั้นจะ สว่างข้นึ หรอื มีนา้ํ หนักอ่อนลง ถ้าเพ่ิมสีขาวเข้าไปทีละน้อยๆ ตามลําดับ เราจะได้ นาํ้ หนักของสีที่เรียงลาํ ดับจากแกส่ ุด ไปจนถงึ อ่อนสดุ น้ําหนักอ่อนแก่ของสีกไ็ ด้ เกดิ จากการผสมด้วยสีขาว เทา และ ดาํ นํ้าหนักของสีจะลดลงด้วยการใช้สีขาวผสม ( tint) ซ่ึงจะทําให้ เกิดความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนหวาน สบายตา น้าํ หนักของสีจะ เพ่ิมขนึ้ ปานกลางด้วยการใช้สีเทาผสม ( tone) ซึ่งจะทําให้ความเข้มของสีลดลง เกิดความรู้สกึ ที่สงบ ราบเรียบ และน้ําหนักของสีจะเพิ่มขน้ึ มากขนึ้ ด้วยการใช้สีดาํ ผสม (shade) ซ่ึงจะทําให้ความเข้มของสีลดความสดใสลง เกดิ ความรู้สกึ ขรมึ ลกึ ลับ น้ําหนักของสียังหมายถงึ การเรียงลาํ ดับน้ําหนกั ของสีแท้ด้วยกันเอง โดย เปรียบเทียบ นํา้ หนักอ่อนแก่กับสีขาว – ดํา

• ค่าในนาํ้ หนกั ของสี Value of color 1. ค่าความเขม้ หรอื นา้ํ หนกั ของสี สีต่างๆทเี่ กดิ ขนึ้ ในวงจรสีหากเรานาํ มาเรียงนํา้ หนัก ความอ่อนแก่ของสีหลายสี เช่น ม่วง นาํ้ เงิน เขียวแกมนํา้ เงิน เขียว และเหลอื งแกม เขียว หรอื ม่วงแดง แดงส้ม ส้ม ส้มแกมเหลือง และเหลอื ง หรอื เรียกว่าคา่ ในน้าํ หนัก ของสีหลายสี (Value of different color) ดังตัวอย่าง 2. ค่าความเข้มอีกประเภทหนึ่งเกดิ จากการนาํ สีใดสีหนึ่งเพียงสีเดียวแล้วนํามาไล่น้าํ หนักอ่อน แก่ในตัวเองเราเรียกว่าคา่ นาํ้ หนักสีเดียว (Value of single color)

การใช้สีต่างวรรณะ หลักการทั่วไป ใช้อัตราส่วน 80% ต่อ 20% ของวรรณะสี คอื ถา้ ใช้สีวรรณะ ร้อน 80% สีวรรณะเยน็ ก็ 20% เปน็ ต้น ซึ่งการใช้แบบนี้สร้างจุดสนใจของผู้ดู ไม่ควรใช้อัตราส่วนทเี่ ท่ากันเพราะจะทาํ ให้ไม่มีสีใดเด่น ไม่นา่ สนใจ

• สีตรงข้าม (Complementary Colors) หมายถึง สีสองสที อี่ ย่ตู รงข้ามกันบนวงจรสี ให้ความร้สู ึกที่ขัดแย้งกัน อย่างรุนแรง มี 6 คู่คือ 1. เหลอื ง (Yellow) กับ ม่วง(Violet) 2. แดง (Red) กับ เขียว(Green) 3. น้ําเงิน (Blue) กับ ส้ม(Orange) 4. ส้มเหลอื ง(Yellow-Orange) กับ ม่วงนา้ํ เงนิ (Blue-Green) 5. ส้มแดง (Red-Orange) กับ เขียวน้าํ เงิน (Blue-Green) 6. เขียวเหลอื ง (Yellow-Green) กับ มว่ งแดง (Red-Violet) การนําสีตรงขา้ มกันมาใช้ร่วมกัน อาจกระทาํ ได้ดังนี้ 1. มีพนื้ ที่ของสีหนึ่งมาก อกี สีหน่ึงน้อย 2. ผสมสีอน่ื ๆ ลงไปสีสีใดสีหนึ่ง หรอื ท้งั สองสี 3. ผสมสีตรงข้ามลงไปในสีทัง้ สองสี

• คู่สี • คู่สีอยดู่ ้านตรงข้ามของวงล้อสี หนึ่งสีมักเป็นสีหลักและอกี หนึ่งสีมักเปน็ สีรอง คู่สีหลักคอื สีนํ้าเงิน และสีส้ม สีแดงและสีเขียว และสีเหลอื งและสีม่วง

การใชส้ ตี รงกนั ขา้ ม 1.การใช้สีแบบลดความเข้มของสีค่ตู รงข้ามลงเป็นการเนน้ สีใดสีหนึ่งเปน็ หลัก และลดโทนสีคู่ตรง ข้ามลง ไม่ให้มีความเข้มหรอื สีสดมากเกนิ ไปจน ทําให้สีที่ต้องการเนน้ ดูไม่โดดเด่น

2.การใช้สีแบบลดพื้นทลี่ ง เป็นการลดพ้นื ที่สีคู่ตรงข้ามไม่ให้เท่ากัน โดยเน้นสี ใดสีหน่ึงเปน็ หลัก ส่วนมากเน้นการออกแบบและลวดลายต่าง ๆ ให้ดูแปลกตา

3. การใช้สีแบบทาํ ให้สีหม่นทั้งสองสี เป็นการทาํ ให้คู่สีตรงข้ามหม่นลงไปทัง้ สองสี ซึ่งจะ ช่วยทาํ ให้ภาพดูเบาบางลงได้ ส่วนมากเน้นภาพทตี่ ้องการความกว้าง ไม่หนาแน่นของ ภาพ วธิ ีนีเ้ หมาะ กับภาพท่ตี ้องการให้ดูกวา้ งใหญ่

4. การใช้สีแบบนําสีเข้มมาตัดเส้นเป็นการเน้นขอบรปู ให้เข้มขนึ้ ส่วนมากใช้กับภาพที่ ต้องการ เน้นให้เดน่ ชัด การใช้สีตัดเส้นจะทาํ ให้ภาพมีความโดดเด่นขน้ึ

5. การใช้สีแบบทําให้เปน็ จุดเลก็ ๆ กระจายกัน เป็นการสรา้ งสรรคก์ ารใช้สีคตู่ รงข้ามวิธี หนึ่ง แทน การระบายสีแบบปกติ แต่เปลี่ยนมาใช้วธิ ีการจดุ ลงไปแทน ภาพทไี่ ด้จึงดูแปลก ตา

• คู่สีเสรมิ กันในองค์ประกอบเพ่ือเพิ่มความคมชัดและความเข้มของภาพตามที่แสดงด้านล่าง ความ สดช่ืนของผลส้ม สีส้มโดดเด่นเหนือฉากหลังสีฟ้าอ่อน • ภาพโดย casanisa

• สีตรงกันขา้ มเยื้อง • สีตรงกันขา้ มเย้อื งอาจมีลักษณะคล้ายกับคู่สี แต่ชุดคา่ ผสมนี้ รวมทัง้ เฉดสีที่อยใู่ กล้เคียงกันสองสี อาทิเช่น สีเหลอื งคู่กบั ม่วงฟ้าและม่วงแดง

• โทนสีนีม้ ีภาพลักษณ์คล้ายคลงึ กบั ค่สู ี แต่ไม่มีความเข้มข้น การนําสีที่คล้ายคลงึ กันสามารถช่วย ลดความแตกต่างอย่างสิ้นเชงิ ของการเตมิ เต็มได้ • ภาพโดย Maciej Bledowski

• สีตรงกันขา้ มข้างเคียงท้งั สองด้าน (Tetradic) • คู่สีมีความเข้มข้นตามธรรมชาติ ในขณะที่สีตรงกันข้ามข้างเคียงทัง้ สองด้านหรอื tetradic โทนสีจะใช้สองคู่ของคู่สี

• สีตรงกันข้ามข้างเคียงทั้งสองดา้ น อย่างเช่นสีเหลืองและสีม่วงจับคู่กับสีเขียวและสีแดงจะใช้ค่าที่หลากหลายซ่ึง มักจะยากที่จะกลมกลืน ให้เลือกสีที่โดดเด่นและลดความอ่ิมตัวหรอื ความเข้มของเฉดสีอน่ื ๆ • ภาพโดย leonori

• สีทัง้ สาม • สีทัง้ สามประกอบด้วยสีจาํ นวนสามสี ซงึ่ เทคนิคการเลือกสีโดยใช้สามเหลี่ยมดา้ นเท่ามาทาบลง บนวงล้อสี ซง่ึ สีทั้งสามคือ สีหลัก สีรอง สีตติยภูมิ

• สีเหลอื ง สีนาํ้ เงนิ และสีแดงคือสที ัง้ สามที่สามารถสร้างความสมดุลได้ ปล่อยใหส้ ีหน่ึงฉายแวว อย่างเช่นสีเหลอื งบนรถด้านล่าง และเน้นด้วยเฉดสีทัง้ สามอื่นๆ อาทิเช่นสีฟา้ และสีแดงที่พบในอุปกรณ์ชายหาดบนรถ • หลักเกณฑท์ ี่ดีในการออกแบบคือการสร้างลาํ ดับชน้ั ปริมาณที่แตกต่างกันทั้ง 3 สี แล้วใช้สีออ่ น ของสีใดสีหน่ึงใน สามสี มาลดความสดใสของสีทั้ง สามลง • ภาพโดย alphaspirit

ความจดั ของสี (Intensity) หมายถึง ความสด หรือความบริสทุ ธิ์ของสีใดสีหน่ึง สีที่ถูกผสมด้วย สีดําจนหม่นลง ความจัด หรอื ความบริสทุ ธจิ์ ะลดลง ความจัดของสีจะเรียงลาํ ดับจากจัดที่สุด ไปจน หม่น ที่สุด ได้หลายลาํ ดับ ด้วยการค่อยๆ เพ่ิมปรมิ าณของสีดาํ ที่ผสมเข้าไปทีละน้อยจนถงึ ลาํ ดับที่ความจัดของสีมีน้อยทสี่ ดุ คอื เกือบเป็นสีดํา

จากความรู้สกึ ดังกล่าว เราสามารถนําไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจําวันได้ในทุกเร่ือง และเม่ือ ต้องการสร้างผลงาน ท่เี กี่ยวกับการใช้สี เพอื่ ที่จะได้ผลงานที่ตรงตามความต้องการในการส่ือ ความหมาย และจะช่วยลดปัญหาในการ ตัดสนิ ใจที่จะเลือกใช้สีต่างๆได้ เช่น 1. ใช้ในการแสดงเวลาของบรรยากาศในภาพเขียน เพราะสีบรรยากาศในภาพเขียนนัน้ ๆ จะ แสดงให้รู้วา่ เป็นภาพตอนเช้า ตอนกลางวัน หรือตอนบ่าย เปน็ ต้น 2. ในด้านการค้า คือ ทําให้สนิ ค้าสวยงาม น่าซ้อื หา นอกจากนีย้ งั ใช้กับงานโฆษณา เช่น โปสเตอร์ต่างๆ ช่วยให้จําหน่ายสนิ ค้าได้มากขน้ึ 3. ในด้านประสิทธภิ าพของการทาํ งาน เช่น โรงงานอตุ สาหกรรม ถ้าทาสีสถานที่ทํางานให้ถูก หลักจิตวิทยา จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าทํางาน คนงานจะทํางานมากขึน้ มี ประสิทธภิ าพในการทาํ งานสูงขึ้น 4. ในด้านการตกแต่ง สีของห้อง และสีของเฟอรน์ เิ จอร์ ช่วยแก้ปัญหาเร่ืองความสว่างของห้อง รวมทั้งความสุขในการใช้ห้อง ถ้าเป็นโรงเรียนเด็กจะเรียนได้ผลดีขึน้ ถ้าเปน็ โรงพยาบาลคนไข้ จะหายเร็วขึน้

หน่วยที่ 2 หลักการใชส้ ใี นการออกแบบ สีกับการออกแบบ ในงานออกแบบ หรือการจัดภาพ หากเรารู้จักใช้สีให้มสี ภาพโดยรวมเป็นวรรณะร้อน หรอื วรรณะเย็น เราจะ สามารถควบคุม และสร้างสรรคภ์ าพให้เกิดความประสานกลมกลนื งดงามได้งา่ ยขึน้ เพราะสีมีอิทธิพลตอ่ มวล ปรมิ าตร และช่องว่าง สีมีคณุ สมบัติที่ทําให้เกดิ ความกลมกลนื หรอื ขัดแย้งได้ สีสามารถขับเน้นให้ใหเ้ กดิ จุดเด่น และการรวมกันให้เกดิ เปน็ หน่วยเดียวกันได้ เราในฐานะผู้ใช้สีต้องนาํ หลักการตา่ งๆของสีไปประยกุ ต์ใช้ให้ สอดคล้อง กับเปา้ หมายในงานของเรา เพราะสีมีผลตอ่ การออกแบบ คอื 1. สร้างความรสู้ กึ สีให้ความร้สู กึ ต่อผู้พบเหน็ แตกต่างกันไป ทั้งนีข้ ึ้นอยู่กับประสบการณ์ และภูมิหลัง ของแต่ละคนสีบางสีสามารถรักษาบาํ บัดโรคจติ บางชนิดได้ การใช้สีภายใน หรอื ภายนอกอาคาร จะมีผลตอ่ การ สัมผัส และสร้างบรรยากาศได้ 2. สร้างความนา่ สนใจ สีมีอิทธิพลต่องานศลิ ปะการออกแบบ จะช่วยสร้างความประทับใจ และความ น่าสนใจเป็นอันดับแรกทพี่ บเหน็ 3. สีบอกสญั ลกั ษณข์ องวัตถุ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ หรอื ภูมิหลัง เช่น สีแดงสัญลักษณ์ของไฟ หรอื อันตราย สีเขียวสัญลกั ษณแ์ ทนพชื หรือความปลอดภัย เป็นตน้ 4. สีช่วยใหเ้ กดิ การรบั รู้ และจดจาํ งานศลิ ปะการออกแบบตอ้ งการให้ผู้พบเห็นเกดิ การจดจาํ ใน รูปแบบ และผลงานหรอื เกิดความประทับใจ การใช้สีจะต้องสะดุดตา และมีเอกภาพ

ผู้สร้างสรรค์งานออกแบบจะเปน็ ผู้ทเี่ กยี่ วข้องกับการใช้สีโดยตรง มัณฑนากรจะ คิดค้นสีขึ้นมาเพื่อใช้ในงานตกแต่ง คนออกแบบฉากเวทีการแสดงจะคดิ ค้นสี เกี่ยวกับแสง การออกแบบด้านพาณชิ ยศิลป์ ต้องใช้สีเพ่ือกระตนุ่ ความสนใจ ทาง การตลาดของลูกค้า แล้วตัวเราจะคิดค้นสีขึ้นมาเพื่อความงาม ความสขุ สําหรับเรา มไิ ด้หรอื สีที่ใช้สาํ หรับการออกแบบนั้น ถ้าเราจะใช้ให้เกิดความสวยงามตรงตาม ความต้องการของเรา มีหลักในการใช้สีดังนี้

การใชส้ เี อกรงค์ (Monochrome) หมายถึง การใช้สี สีเดียว หรอื การใช้สีทแี่ สดงความเด่นชัดออกมาเพียงสีเดียว แต่มีการ ลดหลั่นกนั ในเร่ืองน้ําหนักสี เพื่อให้เกดิ ความแตกต่าง วธิ ีการใช้สีเอกรงค์ คอื จะใช้สีใดสีหน่ึงที่ เปน็ สีแท้(Hue)หรือมคี วามสด (Intensity) เป็นตัวยนื เพียงสีเดียวให้เปน็ จุดเด่นของภาพ ส่วนประกอบรอบๆนั้นจะใช้สีเดยี วกนั แต่ลดความสดของสีให้น้อยกวา่ สีหลัก สีที่นาํ มาเปน็ ส่วนประกอบอาจแบ่งนา้ํ หนักได้ตั้งแต่ 3 - 6 สี

การใชส้ เี อกรงค์ (Monochrome) ในงานออกแบบตกแตง่

การใชส้ เี อกรงค์ (Monochrome) ในงานออกแบบตกแตง่

การใชส้ เี อกรงค์

การใชส้ กี ลมกลนื (Harmony) การใช้สีกลมกลนื หมายถงึ การเคียงคกู่ ันของสีต่างๆ ซึ่งไปด้วยกันโดยไม่ขดั แย้ง หรอื ตัดกัน ความกลมกลืนของสีทําไดห้ ลายลักษณะคือ 1 กลมกลืนด้วยค่าของน้ําหนักของสีๆเดียว (Total Value Harmony) คอื การใช้สียืนเพยี งสี เดียว แต่มีค่าหลายน้ําหนัก หรือเปน็ แบบเดียวกับ สีเอกรงค์ อาจใช้การผสมสีขาวให้น้ําหนัก อ่อนลง และผสมดาํ ให้น้าํ หนักเข้มขึ้น

การใชส้ กี ลมกลนื (Harmony) ในงานออกแบบตกแตง่

การใชส้ กี ลมกลนื (Harmony) ในงานออกแบบตกแตง่

• 2. กลมกลนื โดยใช้สีใกล้เคียง (Sympel Harmony) เป็นการใช้สีข้างเคียงกันในวงจรสี ซ่ึงมีลักษณะสีใกล้เคียงกัน เช่น ม่วง - ม่วงน้ําเงนิ - นา้ํ เงิน หรือ เขียวเหลือง - เขียว - เขียวนาํ้ เงนิ

3 สีกลมกลืนโดยใช้สีคู่ผสม (Two Colours Mixing) หมายถึง สีคใู่ ดคหู่ นึ่งที่ผสมกันแล้วได้ สีที่3 เช่น สีแดง ผสมกับสีเหลืองได้สีส้ม แล้วน้าํ ทั้ง 3สี มาใช้ในงานเดียวกัน

• 4 สีกลมกลนื โดยใช้วรรณะของสี (Tone) หมายถึง นาํ สีในกลุ่มวรรณะเดียวกันมาจัด อยู่ด้วยกัน เช่น สีในวรรณะร้อน เช่น แดง ส้ม เหลอื ง ม่วงแดง หรือสีในวรรณะเยน็ ไดแ้ ก่ นํ้าเงนิ ม่วง เขียว เขียวน้ําเงนิ เปน็ ต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook