Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ การปฏิบัติงานกลุ่มบริหารงานวิชาการ พ.ว.

คู่มือ การปฏิบัติงานกลุ่มบริหารงานวิชาการ พ.ว.

Published by Prasong Nusonthara, 2022-08-01 08:52:13

Description: คู่มือ การปฏิบัติงานกลุ่มบริหารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร

Search

Read the Text Version

คู่มอื การปฏิบัตงิ านกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ |1

คู่มอื การปฏิบัตงิ านกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ |2

คมู่ อื การปฏบิ ัตงิ านกลุม่ บริหารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ |3 คำอภิธำนศพั ท์ PPW Model เป็นรปู แบบท่ีโรงเรียนพนมไพรวิทยาคารได้พัฒนาขึ้นเพื่อนามาใช้เป็นเครื่องมอื บริหารจัดการ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพ OBECQA โดยยึดหลักการที่มีส่วนร่วมทุกภาคส่วนทั้งใน โรงเรยี นและภายนอกโรงเรยี น คานึงถงึ ความต้องการและความคาดหวังของผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสีย โดยยดึ หลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียงและศาสตร์พระราชาเปน็ ตัวกาหนดในการดาเนนิ งานทกุ ขน้ั ตอนกระบวนการ มีเป้าหมายสาคัญ คอื การพฒั นาผ้เู รยี นเต็มศกั ยภาพ คณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นจึงได้ตกลงร่วมกนั คดิ และออกแบบระบบการบรหิ าร จัดการเพ่ือให้สอดคล้องกบั บรบิ ทโรงเรยี นในปจั จุบัน และประกาศใหท้ กุ องคก์ รในโรงเรยี นยึดถือปฏบิ ตั ิ โดยเครอ่ื งมอื ยนื ยันความสาเรจ็ ในการบรหิ ารโรงเรียนดว้ ยระบบคณุ ภาพคอื PPW Model ตามกระบวนการ PDCA ดังแผนภาพ ซง่ึ อธิบายไดด้ ังนี้ Process – กระบวนการ เพ่อื มุง่ สกู่ ารพัฒนาทั้งระบบ เปน็ กระบวนการที่ใชป้ รับปรงุ การทางานขององคก์ ร อย่างเปน็ ระบบ โดยมีเปา้ หมายเพือ่ แกป้ ัญหาและเกิดการพัฒนาอยา่ งต่อเน่อื ง Product – ผลลัพธท์ เี่ กดิ จากกระบวนการ ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลของกระบวนการที่เกิดจากการ บรหิ ารงานขององค์กร รวมถงึ ความพึงพอใจที่เกดิ ข้นึ จากการบรหิ ารงาน Well-organization - เพอื่ เปน็ องคก์ รที่มุ่งเนน้ คุณภาพของผู้บรหิ าร ประสิทธภิ าพของทมี การบริหารจดั การ ท่เี กดิ จากการวางแผนท่ีดี มกี ารใช้สารสนเทศนาไปสกู่ ารทางานที่มมี าตรฐานและความสขุ ของบุคลากรภายในองค์กร โดยรปู แบบการบริหารองคก์ รจะต้ังอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ (Understanding) เขา้ ถึง (Connecting) และการพัฒนา (Development)

คู่มือ การปฏิบตั ิงานกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ |4 วิสยั ทัศน์ พันธกจิ เป้ำหมำย อตั ลกั ษณ์ และเอกลกั ษณ์ของสถำนศึกษำ วสิ ยั ทศั น์ พันธกจิ และคำ่ นิยม (VISION, MISSION AND VALUES) วิสัยทัศน์ : “ภายในปี ๒๕๖๕ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร เนน้ การจัดการศึกษาให้ผูเ้ รียนมีคุณธรรม นาวชิ าการ ภมู ิใจในความเป็นไทย ดารงตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีการบริหารจัดการทมี่ ีคณุ ภาพ มุ่งส่มู าตรฐานสากล” พนั ธกจิ : ๑. พัฒนาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึนและไดม้ าตรฐานสถานศกึ ษา ๒. พฒั นากระบวนการบรหิ ารจัดการ ให้มีประสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสิทธิผลอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๓. พัฒนาระบบประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในโรงเรยี นเพ่อื พฒั นาคุณภาพอยา่ งต่อเน่อื ง ๔. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับความต้องการของท้องถน่ิ และมาตรฐานสากล ๕. พฒั นาศกั ยภาพครแู ละบคุ ลากรของสถานศกึ ษาใหส้ ามารถปฏิบัติงานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ และเกดิ ประสิทธิผลอย่างต่อเน่อื ง ๖. พัฒนาแหล่งเรยี นร้แู ละอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิง่ แวดล้อม โดยชุมชนมสี ว่ นร่วม เพอื่ พัฒนาให้เป็นสงั คมภมู ิปญั ญาแหง่ การเรยี นรบู้ นพืน้ ฐานของความเป็นไทย ตาม หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๗. พัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ มีการนาผลมาพัฒนา และปรบั ปรงุ การจดั การเรยี นรู้อยา่ งต่อเนื่อง เป้ำประสงค์ : ผูเ้ รยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ขึ้น และมีคุณภาพตามมาตรฐานสถานศกึ ษา ค่ำนยิ มหลกั : ยดึ หลกั ธรรมาภิบาล มุง่ มั่นส่คู วามเป็นเลิศ อตั ลักษณ์ของผ้เู รยี น : ผู้เรียนมีสมั มาคารวะ เอกลกั ษณข์ องผู้เรียน : เลศิ ล้าวิชาการ สบื สานวฒั นธรรม สมรรถนะหลักของโรงเรียน : ๑. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Achievement Motivation) ครแู ละบคุ ลากรของโรงเรยี นมีความรกั และศรทั ธา ในวชิ าชีพ มุ่งม่ันพัฒนาตนเองให้มคี วามร้คู วามสามารถ มคี วามเช่ยี วชาญในการจัดการเรียนการสอน ๒. การทางานเป็นทีม (Teamwork) ครแู ละบคุ ลากรของโรงเรียนสามารถทางานร่วมกันเป็นทมี มคี วาม ตัง้ ใจท่จี ะทางานรว่ มกับผอู้ ืน่ เปน็ ส่วนหนึง่ ของทีม สามารถสรา้ งและรักษาสมั พันธภาพกับสมาชิกในทมี ๓. ทรพั ยากรและสิ่งอานวยความสะดวก (Resource and Facility) โรงเรียนมีงบประมาณในการ บริหารจดั การและการเรยี นการสอนอยา่ งเพียงพอ มีบคุ ลากรเพยี งพอและมคี ณุ ภาพ มีอาคารสถานทแี่ ละสิ่งอานวย ความสะดวกอย่างเพียงพอ มีบรรยากาศและสงิ่ แวดล้อมเอือ้ ตอ่ การเรยี นการสอน และมีเครอื ขา่ ยอุปถัมภท์ ีเ่ ข้มแข็ง ทาให้สามารถบริหารจดั การไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

คู่มือ การปฏิบัติงานกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ |5 คำขวญั “มานะ อดทน ออ่ นโยน สามคั คี” สีประจำโรงเรยี น “เขียว-ขาว” สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๒) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ มงุ่ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ สมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร เปน็ ความสามารถในการรับและสง่ สาร มีวัฒนธรรมในการใชภ้ าษาถ่ายทอด ความคิด ความรคู้ วามเข้าใจ ความรสู้ ึก และทศั นะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะ เปน็ ประโยชน์ตอ่ การพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาตอ่ รองเพอ่ื ขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การ เลอื กรบั หรอื ไม่รบั ข้อมูลข่าวสารดว้ ยหลกั เหตุผลและความถกู ต้อง ตลอดจนการเลอื กใช้วธิ กี ารสอื่ สาร ท่มี ี ประสิทธิภาพโดยคานึงถงึ ผลกระทบทม่ี ีตอ่ ตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพือ่ นาไปสู่การสร้างองคค์ วามร้หู รอื สารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจ เกยี่ วกับตนเองและสงั คมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ที่เผชญิ ได้อย่าง ถกู ต้องเหมาะสมบนพืน้ ฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ เข้าใจความสมั พันธแ์ ละการเปลีย่ นแปลง ของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรูม้ าใช้ในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา และมีการตัดสนิ ใจ ที่มปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบที่เกดิ ขึ้นต่อตนเอง สงั คมและสิ่งแวดล้อม ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการดาเนิน ชวี ิตประจาวนั การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง การเรียนร้อู ย่างตอ่ เน่ือง การทางาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมด้วยการสร้าง เสริมความสมั พนั ธอ์ นั ดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปล่ียนแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการรจู้ กั หลกี เล่ยี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงค์ท่ีส่งผลกระทบต่อ ตนเองและผอู้ นื่ ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลอื ก และใช้ เทคโนโลยดี ้านตา่ งๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพือ่ การพฒั นาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรียนรู้ การสือ่ สาร การทางาน การ แกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๒) ตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ เพ่อื ให้สามารถ อยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ืน่ ในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซือ่ สตั ยส์ ุจรติ ๓. มีวนิ ยั ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๖. มุง่ มน่ั ในการทางาน ๗. รักความเปน็ ไทย ๘. มีจติ สาธารณะ

ค่มู อื การปฏิบัติงานกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร ปีการศึกษา ๒๕๖๕ |6 คำ่ นยิ มหลักของคนไทย ๑๒ ประกำร ๑. มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ๒. ซอ่ื สตั ย์ เสียสละ อดทน มอี ดุ มการณ์ในสิ่งทดี่ งี ามเพ่อื ส่วนรวม ๓. กตญั ญูต่อพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครบู าอาจารย์ ๔. ใฝห่ าความรู้ หมน่ั ศึกษาเล่าเรยี นทง้ั ทางตรง และทางอ้อม ๕. รกั ษาวฒั นธรรมประเพณไี ทยอนั งดงาม ๖. มศี ีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดตี ่อผู้อ่ืน เผอ่ื แผแ่ ละแบง่ ปัน ๗. เขา้ ใจเรียนรู้การเปน็ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ ทถ่ี ูกตอ้ ง ๘. มรี ะเบยี บวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผ้นู ้อยรูจ้ กั การเคารพผู้ใหญ่ ๙. มีสติรู้ตัว รคู้ ิด รูท้ า รปู้ ฏิบัติตามพระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ๑๐. รู้จกั ดารงตนอยู่โดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดารสั ของพระบาท สมเด็จพระ เจา้ อยหู่ ัวรู้จกั อดออมไวใ้ ช้เม่ือยามจาเปน็ มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจาหน่าย และพรอ้ มท่ีจะขยายกจิ การ เมอื่ มีความพรอ้ ม เม่ือมภี มู คิ มุ้ กันทีด่ ี ๑๑. มคี วามเข้มแขง็ ทงั้ รา่ งกาย และจิตใจ ไมย่ อมแพต้ ่ออานาจฝ่ายตา่ หรอื กิเลสมีความละอายเกรงกลัวตอ่ บาปตามหลักของศาสนา ๑๒. คานงึ ถึงผลประโยชนข์ องสว่ นรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง คณุ ลกั ษณะของพลโลกทพี่ งึ ประสงค์ของผเู้ รียน ตำมเกณฑม์ ำตรฐำนสำกล ๑. เป็นเลศิ วิชาการ ๒. สื่อสารสองภาษา ๓. ล้าหนา้ ทางความคดิ ๔. ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์ ๕. รว่ มกนั รบั ผิดชอบตอ่ สงั คมโลก

คู่มอื การปฏิบตั ิงานกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ |7 กำรบรหิ ำรงำนวชิ ำกำร แนวคิดหลกั ในกำรบริหำรวิชำกำร การบรหิ ารงานวิชาการเป็นภารกิจที่สาคญั ของการบรหิ ารโรงเรยี นตามท่ีพระราชบญั ญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม(ฉบับท่ี ๒)พ.ศ.๒๕๔๕ ถอื เป็นงานท่มี คี วามสาคญั ทีส่ ดุ เป็น หวั ใจของการจัดการศกึ ษา ซงึ่ ทั้งผู้บริหาร โรงเรียน คณะครู และผู้มีสว่ นเก่ยี วข้องทกุ ฝา่ ย ตอ้ งมคี วามรูค้ วาม เขา้ ใจ ให้ความสาคัญและ มสี ว่ นรว่ มในการวางแผน กาหนดแนวทางปฏิบัติการประเมนิ ผล และการปรบั ปรุงแกไ้ ข อยา่ งเป็น ระบบและต่อเน่ือง ม่งุ ใหก้ ระจายอานาจในการบรหิ ารจัดการไปให้สถานศกึ ษาให้มากที่สุด ดว้ ย เจตนารมณท์ ่ีจะใหส้ ถานศึกษาดาเนนิ การไดโ้ ดยอสิ ระ คล่องตวั รวดเรว็ สอดคล้องกบั ความต้องการของผูเ้ รยี น โรงเรียน ชมุ ชน ท้องถ่ิน และการมีส่วนรว่ มจากผมู้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสียทกุ ฝ่าย ซง่ึ จะเป็นปจั จยั สาคญั ทาให้ สถานศกึ ษามีความเขม้ แข็งในการบรหิ ารและจดั การ สามารถพัฒนาหลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ลอดจน การวดั ผล ประเมนิ ผล รวมท้ังปัจจยั เก้อื หนนุ การพฒั นาคุณภาพนักเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน ท้องถิ่น ไดอ้ ย่างมี คุณภาพและมปี ระสทิ ธิภาพ วัตถุประสงค์ ๑. เพอื่ ให้บรหิ ารงานด้านวิชาการได้โดยอสิ ระ คลอ่ งตัว รวดเรว็ และ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ นักเรียน สถานศึกษา ชุมชน ทอ้ งถิน่ ๒. เพอื่ ให้การบรหิ าร และ การจัดการศกึ ษาของโรงเรียนได้มาตรฐาน และ มคี ณุ ภาพสอดคลอ้ งกับระบบ ประกนั คณุ ภาพการศึกษา และ ประเมนิ คุณภาพภายในเพือ่ พัฒนาตนเอง และ จากการประเมนิ หนว่ ยงานภายนอก ๓. เพือ่ ให้โรงเรียนพัฒนาหลักสูตร และ กระบวนการเรยี นรู้ ตลอดจนปจั จยั หนุนการเรยี นร้ทู ่สี นองต่อ ความตอ้ งการของผเู้ รียน ชมุ ชน และ ทอ้ งถ่ิน โดยยดึ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ได้อยา่ งมีคณุ ภาพ และ ประสทิ ธิภาพ ๔. เพ่ือใหโ้ รงเรียนไดป้ ระสานความร่วมมือในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา และ ของ บคุ คล ครอบครัว องค์กร หนว่ ยงาน และ สถาบันอ่ืนๆอย่างกวา้ งขวาง ขอบข่ำยภำรกิจ 1. การพัฒนาหลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้ 2. การจัดทาทะเบยี นและวัดผล-ประเมนิ ผล 3. การบรหิ ารกลุม่ สาระการเรียนรูแ้ ละกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น 4. การสง่ เสริมคณุ ภาพการจดั การศกึ ษา 5. การสง่ เสรมิ พัฒนาสือ่ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา 6. การพฒั นาห้องสมดุ และแหลง่ เรียนรู้ 7. การสรา้ งเครือขา่ ยพฒั นาหลกั สูตรและการจัดการเรียนการสอน

ค่มู ือ การปฏบิ ัตงิ านกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปีการศึกษา ๒๕๖๕ |8 งำนในกลุ่มบริหำรวชิ ำกำร 1. งานบริหารสานกั งานกลุ่มบริหารวชิ าการ 2. งานพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษาและกระบวนการเรยี นรู้ 3. งานกลุ่มสาระการเรียนรู้ 4. งานทะเบยี น 5. งานวัดผลและประเมนิ ผล 6. งานวิจยั และคณุ ภาพการศึกษา 7. งานโรงเรยี นมาตรฐานสากล 8. งานประกันคุณภาพการศกึ ษา 9. งานกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน 10. งานแนะแนว 11. งานหอ้ งสมุด 12. งานศนู ยส์ ่อื เทคโนโลยที างการศึกษาและเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต 13. งานดนตรีและนาฏศิลป์ 14. งานศูนย์พฒั นาการเรยี นรกู้ ล่มุ สาระการเรียนรู้ 15. งานโครงการโรงเรียนสจุ ริต 16. งานโครงการหอ้ งเรียนพิเศษ 17. งานส่งเสริมความเปน็ เลิศ 18. งานนิเทศการศกึ ษา 19. งาน TO BE NUMBER ONE 20. งานพัฒนาศูนย์การเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 21. งานจัดการศกึ ษาแบบเรียนรวม 22. งานรบั นักเรียน 23. งานแผนงานและสารสนเทศ กลมุ่ บริหารงานวชิ าการ บทบำทหนำ้ ทร่ี องผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น กลมุ่ บริหำรงำนวิชำกำร ขอบขำ่ ยหนำ้ ท่ี 1. เปน็ ทีป่ รกึ ษาของผู้อานวยการโรงเรยี นเกีย่ วกับงานวชิ าการของสถานศึกษา 2. เปน็ ประธานกลุม่ บรหิ ารวิชาการ 3. เปน็ ท่ีปรึกษา แนะนา ชว่ ยเหลือ ในการบรหิ ารงานวิชาการ 4. วางแผนงานด้านวิชาการ ในด้านการจดั ทาแผนงาน โครงการ ปฏทิ นิ ปฏบิ ตั งิ าน การทาระเบยี บ และแนวปฏิบัติเก่ยี วกบั งานดา้ นวชิ าการของสถานศึกษา รวมทัง้ การพฒั นามาตรฐานการปฏิบัติงาน 5. พัฒนากระบวนการจดั การเรียนรู้ทย่ี ึดผเู้ รียนเปน็ สาคญั การจัดตารางเรยี นตารางสอน การจัด ครเู ข้าสอนในช้นั ต่าง ๆ ให้ตรงตามแผนการเรยี น และเป้าหมายของหลักสตู ร 6. วางแผนดาเนนิ การจัดทา และพัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษา รวมทงั้ การพัฒนาหลกั สตู รท้องถน่ิ 7. จดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการวดั และประเมินผลและการดาเนนิ การเทียบโอนผลการเรียน 8. ส่งเสรมิ และพฒั นากระบวนการวิจยั เพอ่ื พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา 9. พฒั นาและส่งเสรมิ ให้มีแหล่งเรียนรู้ การใชเ้ ทคโนโลยเี พือ่ การศกึ ษา รวมทัง้ การพิจารณา คัดเลอื กหนงั สือ แบบเรยี นเพอ่ื ใช้ในสถานศกึ ษา 10. ส่งเสรมิ และพฒั นากระบวนการนเิ ทศการศกึ ษา และการแนะแนวการศึกษา ระบบประกนั

ค่มู อื การปฏบิ ตั ิงานกลุ่มบริหารงานวชิ าการ โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ |9 คณุ ภาพการศกึ ษาภายใน และมาตรฐานการศึกษา รวมทง้ั การจัดระบบการควบคมุ ภายในหน่วยงาน 11. สง่ เสรมิ ชุมชนให้มีความเขม้ แขง็ ทางวชิ าการ รวมทง้ั ประสานความร่วมมอื ในการพฒั นา วชิ าการกับสถานศึกษาและองคก์ รอ่นื 12. ส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการ แก่ บุคคล ครอบครวั องค์กร หนว่ ยงาน สถานประกอบการและ สถาบันอนื่ ทีจ่ ดั การศกึ ษา 13. พฒั นาระบบเครอื ขา่ ยข้อมูลสารสนเทศ และประสานงานพัฒนาเครือขา่ ยการศึกษา 14. วางแผนการรบั นักเรียน จดั ทาทะเบียนประวัติผ้เู รยี น 15. ประเมินผลและรายงานผลการปฏิบัติงานต่อผู้อานวยการโรงเรยี น 16. วางแผนจดั สรรงบประมาณพฒั นางานกลุ่มบรหิ ารวิชาการ 17. ปฏิบตั หิ นา้ ที่อื่น ๆ ตามทโ่ี รงเรียนได้มอบหมาย บทบำทหน้ำท่ีของคณะกรรมกำรกลุ่มงำนบรหิ ำรวชิ ำกำร ขอบข่ำยหน้ำที่ 1. ใหข้ ้อคิดเห็นเกีย่ วกบั ปญั หา ความตอ้ งการ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขและสง่ เสริมพัฒนา เกี่ยวกบั กลุ่มงานบรหิ าร วิชาการต่อรองผบู้ ริหารกลุ่มงานบรหิ ารวชิ าการ 2. ใหก้ ารดูแล ช่วยเหลอื ส่งเสริม สนับสนุน นโยบายและการบรหิ ารกลุม่ งานบรหิ ารวิชาการดาเนินไปด้วย ความราบรนื่ เรยี บร้อย 3. เข้าประชมุ เพ่ือเสนอข้อคิด ความเหน็ การแกไ้ ขปัญหา การปรบั ปรุงพฒั นางานและการพิจารณาให้ความ เหน็ ชอบ การมีมติสรุปกาหนดเปน็ แนวปฏบิ ตั ิในรปู ของมิติคณะกรรมการบรหิ ารกลุม่ งานบริหารวชิ าการไม่ต่ากวา่ เดอื น ละ 1 ครั้ง เพ่ือให้ผู้บรหิ ารพิจารณาดาเนนิ การ 4. ปฏบิ ัตหิ น้าท่อี ื่น ๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย บทบำทหนำ้ ทข่ี องผู้ช่วยรองผู้อำนวยกำรโรงเรยี น กลุ่มงำนบริหำรวชิ ำกำร ขอบข่ำยหนำ้ ท่ี 1. เปน็ ผชู้ ่วยรองผู้อานวยการโรงเรียนกลุ่มบริหารวชิ าการ 2. ปฏบิ ัติงานในหนา้ ท่ีรองผ้อู านวยการโรงเรียนกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ในกรณีทร่ี องผู้อานวยการกล่มุ บริหาร วชิ าการไมอ่ าจปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ด้ 3. ปฏิบตั หิ น้าท่อี ่ืน ๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย ขอบข่ำยงำนวชิ ำกำร งำนบรหิ ำรสำนกั งำนกลมุ่ บริหำรวชิ ำกำร ขอบขำ่ ยหน้ำที่ 1. จดั ทาทะเบยี นคมุ และจดั ทาแฟ้มเอกสารหนังสือรบั -สง่ ของกล่มุ บรหิ ารวิชาการ กลุม่ สาระการเรียนรู้ 2. ประสานงาน แจง้ หนังสอื เวียนต่าง ๆ ให้ผูเ้ ก่ียวขอ้ งทราบ 3. จัดทาวาระการประชุม บนั ทกึ และรายงานการประชุมของกลุม่ บรหิ ารวิชาการเสนอผู้เก่ยี วขอ้ งทราบ ตามลาดบั 4. รบั ผิดชอบการเบกิ -จ่ายพสั ดุ ตรวจสอบและรายงานพัสดคุ รภุ ัณฑป์ ระจาปีของสานักงานกลุ่มบริหาร วิชาการ

คมู่ ือ การปฏิบตั งิ านกลมุ่ บริหารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 10 5. ควบคมุ การออกเกียรตบิ ตั รของกลุ่มบรหิ ารวิชาการ 6. อ่ืน ๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย งำนพฒั นำหลกั สตู รสถำนศึกษำและกระบวนกำรเรียนรู้ ขอบขำ่ ยหน้ำท่ี 1. ศกึ ษาวเิ คราะห์เอกสารหลกั สูตรการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 สาระแกนกลางของ กระทรวงศึกษาธกิ าร ขอ้ มูลสารสนเทศเกี่ยวกับสภาพปัญหา และความตอ้ งการของสงั คม ชมุ ชน และทอ้ งถน่ิ 2. วิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม และ ประเมนิ สถานภาพสถานศึกษาเพ่ือกาหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย คุณลักษณะที่พึงประสงคโ์ ดยมสี ว่ นรว่ มของทกุ ฝ่ายในโรงเรยี น และชุมชน 3. จัดทาโครงสร้างหลกั สตู รและสาระตา่ ง ๆ ทก่ี าหนดใหม้ ีในหลกั สูตรสถานศึกษาที่สอดคล้องกบั วิสัยทศั น์ เป้าหมาย และคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ โดยพยายามบูรณาการเนอื้ หาสาระทั้งในกลุ่มสาระการเรียนรเู้ ดียวกันและ ระหว่างกลุ่มสาระการเรยี นร้ตู ามความเหมาะสม 4. นาหลักสตู รไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน และบริหารจัดการการใช้หลกั สูตรให้เหมาะสม 5. เสนอแต่งตง้ั คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู ร 6. จัดทาหลักสูตรและแนวปฏบิ ัตกิ ารใช้หลกั สูตร 7. ตรวจสอบเกยี่ วกับการโอน/ยา้ ย หลักสูตรระหว่างโรงเรียนและหลกั สตู รอ่ืน 8. สารวจความต้องการของผู้รบั บรกิ ารในการจัดการเรียนการสอนนอกระบบโรงเรียน การเรียนแบบ อธั ยาศัย รวมทั้งกาหนดแนวทางการใช้หลกั สตู ร เสนอแนะกลุ่มงาน งาน ท่ีเกีย่ วขอ้ งในการดาเนนิ งาน 9. จดั ตารางสอนนักเรยี น ครู ตารางการใช้หอ้ ง และตดิ ตาม ควบคมุ ใหก้ ารดาเนินการตามตารางสอนให้ ถูกตอ้ ง ทัง้ การเรยี นและการสอน 10. กาหนดแนวปฏิบัตใิ นการจัดสอนแทน ติดตามผลการปฏิบัติ งำนกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ขอบขำ่ ยหน้ำท่ี 1. จดั โครงสรา้ งการบรหิ ารกล่มุ สาระการเรยี นรู้ 2. บริหารกลุ่มสาระการเรียนรใู้ หเ้ ป็นไปตามหลักสตู รของโรงเรยี น สอดคล้องกบั นโยบาย วสิ ยั ทัศน์ พนั ธะกจิ และเปา้ หมายของโรงเรยี น และของหลกั สูตร 3. ควบคมุ ดแู ล กากบั การใชห้ ลักสตู รของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ประเมินผลการใชห้ ลักสูตรอย่างตอ่ เนือ่ ง รวมท้ังเสนอขอปรับปรุงหลักสตู รเม่ือพบข้อบกพร่อง หรือจุดท่คี วรพฒั นา 4. จดั ทาเอกสารแผนงาน/โครงการตามฝ่ายธุรการโรงเรียนกาหนดและสอดคลอ้ งกบั แผนงานโรงเรยี น 5. ควบคุม ดูแล กากบั ให้ครใู นกลมุ่ สาระการเรยี นรทู้ ุกคนจดั ทาหลกั สตู รชั้นเรยี น แผนการจดั การเรยี นรู้และ สอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ การตรวจสมุด ปพ.5 ข้อสอบกลางภาค ข้อสอบปลายภาค การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน สมรรถนะของผูเ้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 6. กากบั ติดตามให้ครเู ขา้ สอนตามตารางสอนทกุ คาบ จัดสอนซอ่ มเสรมิ สอนชดเชยและสอนแทนเม่อื ครใู น กลมุ่ สาระลาหรือไปราชการ 7. จดั ให้มกี ารนเิ ทศงานวิชาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ประชมุ ครูในสังกัดอยา่ งน้อยเดือนละ 1 ครัง้ เพือ่ ปรบั ปรงุ แก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอน การวิจยั ในช้ันเรยี น และการพฒั นาครูโดยการประชมุ สมั มนา ศกึ ษาดู งาน 8. จดั กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร และรว่ มกบั งานกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นจัดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น

คูม่ ือ การปฏบิ ตั งิ านกลุม่ บริหารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 11 9. ประสานงานระหว่างกลมุ่ สาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ในการบรู ณาการการเรยี นการสอน ระหว่างกลมุ่ สาระ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 10. จดั ทาหลักสูตรสถานศึกษาของกลุ่มสาระ 11. ประสานงานใหม้ กี ารจดั หา ผลิต และใช้ส่ือการเรียนการสอน ปรับซอ่ มส่อื การเรยี นการสอน 12. จัดใหม้ กี ารพัฒนาครดู า้ นวิชาการในรูปแบบต่างๆ เพ่ือใหค้ รูสามารถจดั การเรียนการสอนได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ 13. สง่ เสรมิ ให้มกี ารจัดกิจกรรมทางวชิ าการรปู แบบต่าง ๆ เชน่ การประกวด แข่งขันและสาธติ 14. จัดระบบข้อมลู สถิติ เอกสารสารสนเทศของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 15. กากบั ดแู ลกิจกรรมชมุ ชน และโครงการพิเศษทีอ่ ยใู่ นความรับผิดชอบของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 16. จดั ทาเอกสารสรุปผลการดาเนนิ งานของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ เสนอตอ่ โรงเรียนเม่ือส้นิ ภาคเรยี น/ปี งำนทะเบียน ขอบขำ่ ยหน้ำท่ี 1. จดั ทาแผนงาน/ โครงการ กจิ กรรมและปฏิทินปฏบิ ตั งิ านทะเบยี นนักเรียน 2. ดาเนินการตรวจสอบเอกสาร และรบั มอบตัวนักเรียนใหม่ 3. ดาเนินการบันทึกขอ้ มูลประวตั นิ ักเรยี นในระบบงานทะเบียน 4. จัดทาสถติ ิจานวนนักเรยี นและการจาหน่ายนกั เรยี นใหเ้ ปน็ ปัจจบุ นั 5. จดั ทาทะเบียนรายช่ือนกั เรยี นตามชน้ั เรียน สาหรับการใช้งานและบรกิ ารแกผ่ เู้ ก่ยี วขอ้ ง 6. จดั ทาแบบฟอรม์ และใบคาร้องในการดาเนินงานทกุ ประเภทของงานทะเบยี นนักเรยี น 7. จดั ทาเอกสารหลักฐานทางการศกึ ษา ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) ประกาศนียบตั รของนักเรยี น ที่จบการศึกษา (ปพ. 2) แบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา (ปพ.3) แบบรายงาน ผลการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี นรายบุคคล (ปพ.6) ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ.7) บัตรประจาตวั นักเรียน ระเบยี นแสดงผลการเรยี นฉบับภาษาองั กฤษ (Transcript) และ เอกสารแสดงผลการเรยี นอ่ืน ๆ 8. ประมวลผลการเรยี น เพอื่ จดั ทาประกาศผลการเรียนรายภาคเรียน สาหรับนักเรยี นทุกระดับชั้น 9. ตรวจสอบ/รับรองวุฒกิ ารศกึ ษาสาหรับนกั เรยี นทจ่ี บหลักสูตร หรือออกจากสถานศึกษาแล้ว 10. ดาเนินการส่งต่อนกั เรียนท่ีขอย้ายสถานศกึ ษา ขอลาออก และขอพักการเรียน 11. ดาเนินการเทียบโอนผลการเรยี นสาหรบั นกั เรยี นกรณียา้ ยเขา้ หรอื กรณกี ลับจากโครงการ แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ 12. ดาเนนิ การส่งต่อข้อมลู สารสนเทศ ( GPA ) ไปยังสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานโดย เครง่ ครัด 13. ติดตามประเมินผล และสรุปรายงานผลการดาเนนิ งานของงานทะเบยี นเสนอตอ่ ฝา่ ยบริหาร 14. ปฏิบัติงานอน่ื ๆ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมายจากฝ่ายบริหาร

คู่มือ การปฏิบตั ิงานกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 12 งำนวดั ผลและประเมนิ ผล ขอบขำ่ ยหนำ้ ที่ 1. จดั หาวัสดุ อปุ กรณ์ เอกสาร ระเบยี บ ค่มู ือ เก่ียวกบั งานวัดผลและจดั เก็บเปน็ แฟม้ อยา่ งเปน็ ระบบ 2. ประสาน ดาเนินการลงทะเบียนเรยี นในรายวชิ าต่างๆ ตามทนี่ กั เรียนลงทะเบียนเรียนไวใ้ นแต่ละภาคเรยี น ลงในโปรแกรม SGS ในระบบงานทะเบยี น-วดั ผล 3. จัดทาแบบฟอร์ม แบบคาร้องตา่ งๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั งานวัดผล 4. เกบ็ รกั ษาเอกสาร/หลักฐานที่เกี่ยวขอ้ งตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี 5. จัดทาและตรวจสอบระเบียบแสดงผลการเรียน ( ปพ1 ) ให้ถกู ต้องและเป็นปัจจุบนั อยู่เสมอออกให้ ระเบยี นแสดงผลการเรียนใหแ้ กน่ ักเรียนทจี่ บหลักสตู รและประสงคจ์ ะลาออก 6. จดั ทารายงานผลการเรียนของผเู้ รยี นที่จบหลกั สตู ร ( ปพ1 ) ให้เสร็จสิ้นเรียบรอ้ ยภายใน 30 วนั นับแตว่ ัน อนุมตั ผิ ลการเรยี นส่งหน่วยงานเจ้าของสังกัด ให้ถูกตอ้ งตามระเบยี บ 7. ดาเนินการในการออกประกาศนยี บัตรแกผ่ ู้สาเรจ็ การศึกษา จัดทาทะเบียนคุมและการจ่าย ประกาศนียบัตรแก่ผสู้ าเร็จการศกึ ษา 8. ดาเนินการในการออกเอกสารรับรองผลการเรยี น รบั รองการเปน็ นกั เรียน เอกสารแสดงผลการเรยี น ภาษาอังกฤษและเอกสารรบั รองอื่น ๆ ทน่ี ักเรียนรอ้ งขอ 9. ให้ความร่วมมอื กับสถานศึกษาอ่ืนท่ีขอตรวจคุณวุฒิและดาเนินการในการขอตรวจสอบคุณวุฒขิ องนกั เรยี น 10. ดาเนินการเกยี่ วกับการขอผอ่ นผนั การเรียน การหยดุ พักการเรียน การเปลยี่ นแปลงวชิ าเรียน การถอน การขอเพ่ิมวิชาเรียน 11. การควบคุมดูแล กากับ ติดตาม งานด้านวัดผลประเมนิ ผลให้เปน็ ไปตามแนวปฏบิ ตั แิ ละปฏทิ นิ ท่กี าหนด 12. ดาเนนิ การเกยี่ วกับหลักฐานการเรยี นการประเมินผลการเรียนใหถ้ ูกตอ้ งเปน็ ปัจจุบนั มกี ารจดั เกบ็ อยา่ ง เปน็ ระบบ สะดวกแก่การสืบค้นและใหบ้ รกิ าร 13. ดาเนนิ การเก่ยี วกับนกั เรยี นท่ีมีเวลาเรยี นไมถ่ ึง ร้อยละ 80 ประกาศรายช่อื ผทู้ ี่มีเวลาเรียนไมค่ รบรอ้ ยละ 80 การผอ่ นผันใหเ้ ขา้ ประเมินผลปลายภาคเรียน รวมทงั้ ประกาศรายชื่อผูไ้ ม่มีสิทธเิ ข้ารบั การประเมนิ ผลปลายภาค เรยี น แจ้งผู้เกย่ี วข้องทราบ 14. ดาเนนิ การจดั ทาตารางสอบกลางภาค ปลายภาค ประสานงานกับงานธุรการฝา่ ยวชิ าการในการออก คาสั่งการสอบตา่ ง ๆ จัดเตรยี มอปุ กรณ์การสอบ เกบ็ รักษาขอ้ สอบไว้ 1 ภาคเรยี น และดาเนินการจาหนา่ ยใหถ้ ูกตอ้ ง ตามระเบียบ 15. ดาเนินการเกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงผลการเรียนของนักเรียนทีไ่ มผ่ า่ นรายวิชา และการลงทะเบียน เรยี นซา้ 16. จดั ทาสารสนเทศผลการวัดและประเมินความรู้, คณุ ลกั ษณะฯ, การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน, สมรรถนะ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น 17. แจง้ แนวปฏบิ ัติเกย่ี วกับงานวัดผลให้ผู้เกยี่ วข้องทราบ

คมู่ อื การปฏบิ ัติงานกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 13 งำนวิจัยและพฒั นำคณุ ภำพกำรศึกษำ ขอบข่ำยหน้ำที่ 1. จัดทา แผนงาน/โครงการ/กิจกรรมและปฏิทินปฏิบตั งิ าน 2. ศกึ ษา วิเคราะห์ วิจัย การบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพงานวิชาการและการบรหิ ารงานในภาพรวม ของสถานศกึ ษา 3. จดั ระบบการรายงานผลการปฏิบัติงาน / กิจกรรม ต่าง ๆ ในสถานศึกษา 4. ส่งเสรมิ ให้ครศู ึกษา วเิ คราะห์ วจิ ัย เพ่ือพฒั นาคุณภาพการเรียนรู้อยา่ งหลากหลายในทุกกล่มุ สาระ การเรยี นรู้ 5. จัดหาเอกสารงานวิจยั เพอ่ื ส่งเสริมการทาผลงานทางวิชาการของครู 6. ใหค้ าปรกึ ษาและอานวยความสะดวกแก่ครูในการทาวิจยั ในชนั้ เรยี นและวิจัยการศึกษา 7. ประสานความร่วมมอื ในการศกึ ษา วิเคราะห์ วิจยั ตลอดจนการเผยแพร่ผลงาน วิจัยของครู 8. รวบรวมผลการดาเนนิ งานวิจัย เพอื่ พฒั นาการเรียนการสอนของครู และจดั ทา ทาเนียบ งานวิจัย เพือ่ เผยแพร่ผลงาน 9. ติดตาม ประเมนิ ผลและสรปุ รายงานผลการดาเนนิ งานวิจัยทางการศึกษาเพอ่ื ปรบั ปรงุ พัฒนาใหด้ ีย่ิงขึ้น 10. ปฏบิ ัตงิ านอืน่ ๆ ตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย งำนพฒั นำกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ ขอบข่ำยหน้ำท่ี 1. พฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา โครงสรา้ งเวลาเรียน รว่ มกบั คณะกรรมการวชิ าการ และนาไปใชใ้ ห้ถูกตอ้ ง 2. จัดการเรียนการสอนและวัดผลประเมนิ ผลนกั เรียนในกลุ่มสาระการเรยี นรทู้ ่ีรบั ผดิ ชอบ 3. นิเทศการสอนครใู นกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ี่รับผิดชอบอย่างนอ้ ยภาคเรียนละ 2 ครัง้ ปรบั ปรุง/พฒั นาการ สอนของครู พรอ้ มทั้งให้คาแนะนาและบันทกึ ผลส่งฝ่ายบริหารทกุ คร้งั 4. จัดทาโครงการ / กิจกรรมทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสนอตอ่ ผบู้ รหิ าร และประเมนิ / สรปุ ผลการดาเนินงาน ทกุ สิ้นปกี ารศึกษา 5. จดั ทากิจกรรมตามแผนปฏบิ ัติการประจาปีของกลุ่มสาระการเรยี นร้ใู ห้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมาย 6. รับนโยบายจากผู้บริหารมาปฏบิ ตั ิและแจง้ ให้ครใู นกลุม่ สาระการเรยี นรทู้ ราบอย่างสม่าเสมอ 7. จดั การแข่งขนั วิชาการภายในกลมุ่ สาระฯ เพอื่ เตรยี มการแขง่ ขนั กบั หน่วยงานอนื่ ทง้ั ภายในและภายนอก อย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ 1 คร้งั 8. ประชุมครใู นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ เก่ยี วกบั การเรยี นของนกั เรยี นพร้อมท้ังติดตามผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ในกลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ัปดาห์ละ 1 คร้งั ส่งวาระการประชมุ และบันทกึ การประชุมทุกสัปดาห์ 9. ดแู ลติดตามงานสอนซ่อมเสรมิ ในคาบซอ่ มเสริม และวนั เสารข์ องนกั เรียนในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ 10. ดูแลรับผิดชอบแหล่งเรียนรู้ หรอื ห้องพิเศษต่าง ๆ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย 11. วิเคราะห์ผลสมั ฤทธ์ิของกลุม่ สาระการเรยี นรเู้ พือ่ ปรับปรงุ และพฒั นาอย่างตอ่ เนอื่ ง 12. ตรวจแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนของครใู นกลุม่ สาระการเรียนรู้ พรอ้ มทง้ั ให้ข้อเสนอแนะ และนาสง่ รองผ้อู านวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการตรวจสอบทกุ สัปดาห์ 13. มอบหมายและตดิ ตามใหค้ รูจดั ทาวจิ ัยในชนั้ เรยี นทกุ กล่มุ สาระการเรียนรู้ อย่างน้อย 1 ครัง้ ตอ่ ภาคเรยี น

คมู่ อื การปฏบิ ัตงิ านกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ปีการศึกษา ๒๕๖๕ | 14 14. ร่วมกับกลุ่มบรหิ ารวชิ าการเพือ่ ยกระดบั คุณภาพผเู้ รยี นด้านผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นอยา่ งเปน็ ระบบและ มปี ระสทิ ธิภาพ 15. จัดสอนแทนครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 16. พฒั นาแหลง่ เรียนรู้ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ ตารางการใช้หอ้ ง สรปุ สถติ ิการใชห้ ้องเรยี นและแหลง่ เรยี นรู้ เสนอ รองผ้อู านวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 คร้ัง 17. งานอ่ืน ๆ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย งำนประกันคุณภำพกำรศึกษำ ขอบข่ำยหน้ำที่ 1. กาหนดมาตรฐานการศึกษาเพมิ่ เติมของสถานศกึ ษาให้สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการศึกษาชาติ มาตรฐาน การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน มาตรฐานสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาและความตอ้ งการของชมุ นมุ 1.1 จัดให้มีประกาศแต่งตงั้ กรรมการพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษา ซึง่ ประกอบด้วย คณะกรรมการ สถานศึกษา ครแู ละบุคลากรในโรงเรียน กรรมการนกั เรียน เครอื ข่ายผปู้ กครอง ชมุ ชน องค์กรภาครฐั 1.2 นามาตรฐานการศกึ ษาของสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานมาเป็นต้นแบบ เพ่ือกาหนด มาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนจากผมู้ ีสว่ นร่วมตามประกาศขอ้ 1.1 2. จดั ระบบบริหารและสารสนเทศ โดยจัดโครงสร้างการบรหิ ารท่เี ออ้ื ตอ่ การพฒั นางานและการสรา้ ง ระบบ ประกนั คุณภาพภายในจดั ระบบสารสนเทศให้เปน็ หมวดหมู่ ขอ้ มลู มีความสมบรู ณเ์ รยี กใช้ งา่ ย สะดวก รวดเร็ว ปรับปรุงให้เปน็ ปัจจุบันอยู่เสมอ 2.1 กาหนดผรู้ ับผิดชอบมาตรฐานและตวั บง่ ชี้เพ่ือดาเนนิ การจดั ทาสารสนเทศ 2.2 ร่วมมือกบั งานแผนงาน/สารสนเทศ เพ่อื วางแผนจัดทาแผนพฒั นาการศึกษาและแผนปฏิบัตกิ าร ประจาปกี ารศึกษา 3. จัดทาแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาที่มงุ่ เนน้ คณุ ภาพการศึกษา 3.1 รว่ มมือกบั งานแผนงาน/สารสนเทศ เพือ่ กากับติดตามการดาเนินงานตามแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี การศึกษา 4. กาหนดมาตรฐานและตัวบง่ ชีผ้ ลการปฏบิ ัติงานแต่ละด้านของสถานศกึ ษา 5. ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศกึ ษาโดยการดาเนินการอย่างต่อเนือ่ งดว้ ยการสนับสนนุ ให้ครู ผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามามีสว่ นรว่ ม 5.1 ประชุมคณะทางานเพอ่ื วางแผนการประเมินคณุ ภาพภายใน 5.2 แตง่ ต้ังกรรมการประเมินคณุ ภาพภายใน และดาเนนิ การประเมนิ คณุ ภาพภายในตามปฏทิ นิ งาน 6. จดั ทารายงานประจาปีของสถานศึกษา (SAR) สรุปรายงานประจาปโี ดยความเหน็ ชอบของ คณะกรรมการ สถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐานเสนอต่อหน่วยงานต้นสงั กัดเผยแพรม่ าตรฐานการปฏบิ ัตงิ าน ของสถานศึกษาให้ผ้รู บั ผิดชอบ และผู้ทเ่ี กี่ยวขอ้ งและสาธารณชนทราบ 7. ตดิ ตามประเมินผลการปฏิบัตงิ านตามมาตรฐานการปฏิบัติงานแลการรายงานผลการพฒั นา การศกึ ษา ของสถานศึกษา 8. ปรบั ปรุงพัฒนาทั้งมาตรฐานการปฏิบัตงิ านและระบบประเมินมาตรฐานการปฏบิ ัตงิ านของ สถานศกึ ษา 9. ปรับปรงุ พฒั นาระบบการติดตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผล และการรายงานผลการพัฒนาการศกึ ษา 10. จัดทาหนังสอื ราชการ คาสง่ั และแบบบนั ทึกที่ใชง้ านในงานประกันคณุ ภาพภายในและมาตรฐาน การศกึ ษา

คู่มอื การปฏบิ ัตงิ านกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 15 11. จัดทาปฏิทนิ ปฏบิ ตั งิ านประกนั คุณภาพภายในและมาตรฐานการศกึ ษา 12. เสนองาน/โครงการ งบประมาณประจาปีของงานประกันคณุ ภาพภายในและมาตรฐานการศกึ ษา 13. ปฏบิ ัติงานอน่ื ๆ ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย งำนกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี น ขอบขำ่ ยหนำ้ ที่ 1. จดั ทาแผนงาน/โครงการ พัฒนากจิ กรรมการจดั การเรยี นการสอนตามหลักสูตร 2. กาหนดแนวปฏิบตั กิ ารจัดการเรียนการสอนกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนและการวัดประเมินผล กจิ กรรมพฒั นา ผู้เรยี นของโรงเรียน 3. นิเทศครู เรื่องแนวปฏบิ ตั กิ ารจัดการเรยี นการสอนและการวดั ประเมนิ ผลในกจิ กรรมพฒั นา ผ้เู รียน และ จดั ให้ครทู กุ คนเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น 4. ควบคุม ดูแล ติดตามการเรียนการสอนกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ใหเ้ ปน็ ไปตามแนวปฏิบัติ 5. วเิ คราะหป์ ญั หาต่าง ๆ ในการดาเนนิ งานกิจกรรม เพือ่ หาแนวทางปรับปรุงแกไ้ ขปัญหา 6. นิเทศการปฏบิ ัตงิ าน การใช้วสั ดุอุปกรณข์ องแตล่ ะกจิ กรรม 7. จดั หา ควบคมุ และตดิ ตามการใช้วัสดุ – อุปกรณข์ องหมวดกิจกรรม 8. ประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน / โครงการ และสรปุ รายงานผลการดาเนนิ งานเสนอผ้อู านวยการ โรงเรียน 9. ปฏิบตั งิ านอื่น ๆ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย งำนกิจกรรมชมุ นมุ 1. กาหนดแผนการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นใหเ้ ป็นไปตามหลักสูตรสถานศึกษาและนโยบาย 2. ประสานงานการจดั กิจกรรมเพอ่ื พัฒนาผู้เรียน กิจกรรมชุมนมุ และกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพือ่ ใหเ้ กิด ประสทิ ธิภาพและสง่ ผลตอ่ การพฒั นาผูเ้ รียนสูงสดุ 3. กากบั ติดตามดูแลการจดั กจิ กรรมชมุ นุมให้เปน็ ไปตามแผนงาน/โครงการทก่ี าหนดไว้ 4. สรุปรายงานผลการดาเนนิ การของงานกิจกรรมชุมนุม 5. ปฏบิ ตั ิงานอืน่ ตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย งำนกิจกรรมรักษำดินแดน 1. รว่ มกับหัวหน้ากลุ่มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น จัดวางแผนการจัดกจิ กรรมชมุ นุมรักษาดนิ แดนให้ เป็นไปตาม ระเบียบของกจิ กรรมรกั ษาดินแดนและนโยบายของโรงเรยี น 2. รว่ มกบั กลุ่มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน พิจารณาโครงการและระเบียบขอ้ บงั คบั ของกิจกรรมรกั ษา ดนิ แดน 3. วางแผนจดั ใหน้ กั เรียนได้เขา้ รว่ มกจิ กรรมตามความสามารถ ความถนดั และความสนใจ 4. นเิ ทศติดตามและควบคมุ การเรียนการสอนและการวัดประเมินผลกิจกรรมรกั ษาดนิ แดน 5. จดั ทาทะเบียนขอ้ มูลเอกสารของกิจกรรมรกั ษาดินแดน 6. วเิ คราะห์ข้อมลู เพอื่ แกไ้ ขขอ้ บกพร่องของกจิ กรรมนนั้ ๆ ในปีการศึกษาตอ่ ไป 7. ประเมนิ ผลและรายงานผลการดาเนนิ งาน / โครงการเสนอผ้อู านวยการโรงเรยี น

คู่มอื การปฏิบตั งิ านกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 16 งำนกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสำธำรณะประโยชน์ 1. สง่ เสริมใหน้ กั เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม และ ประเทศชาติ 2. ส่งเสริมใหน้ ักเรียนออกแบบการจดั กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตาม ความ ถนัดและความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร 3. ส่งเสริมใหน้ ักเรียนพฒั นาศักยภาพในการจดั กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธภิ าพ 4. สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์จนเกดิ คุณธรรมจริยธรรมตาม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ใหน้ ักเรยี นมีจิตสาธารณะและใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ งำนกจิ กรรมลกู เสอื - เนตรนำรี 1. วางแผนการจดั กจิ กรรมลูกเสือ ยวุ กาชาด และกจิ กรรมผ้บู าเพ็ญประโยชน์ ให้เปน็ ไปตามนโยบาย และ ระเบียบของกระทรวงศกึ ษาธิการ 2. จดั ทาแผนงาน / โครงสร้างการจัดกิจกรรมลูกเสือ ยวุ กาชาด และกจิ กรรมผู้บาเพ็ญประโยชน์ เสนอ ผู้อานวยการพจิ ารณาอนมุ ัติ 3. ควบคมุ ดแู ลการจดั ให้นักเรยี นได้เข้าร่วมกจิ กรรมตามทกี่ าหนด 4. ติดตอ่ ประสานงานและประชาสมั พนั ธก์ ับบุคคล หนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งท้ังภายในและภายนอก โรงเรียนใน การจัดกิจกรรม 5. จัดให้ครูในโรงเรียนได้เขา้ ร่วมการฝึกอบรมลูกเสอื ยุวกาชาด และกจิ กรรมผูบ้ าเพญ็ ประโยชน์ ตามความ เหมาะสม 6. จัดทาระเบยี บเอกสารการเงินของกิจกรรมอย่างมีระบบและถกู ตอ้ งตามระเบยี บของทางราชการ 7. สรุปและวิเคราะหป์ ญั หาของกจิ กรรมเพือ่ วางแผนการจดั กจิ กรรมในปีการศึกษาต่อไป 8. ประเมนิ ผลและสรปุ รายงานผลการดาเนนิ งานตามโครงการลูกเสอื ยุวกาชาด และกิจกรรมผู้ บาเพญ็ ประโยชน์ เม่ือสนิ้ ปกี ารศึกษา 9. ปฏบิ ตั ิงานอน่ื ๆ ท่ีผ้บู ังคับบญั ชามอบหมาย งำนแนะแนว ขอบข่ำยหนำ้ ที่ 1. บรกิ ารรวบรวมข้อมูลนักเรียนรายบคุ คล ดาเนนิ การจดั บรกิ ารรวบรวมขอ้ มลู และศกึ ษา และศึกษา นกั เรยี นรายบุคคลเป็นบรกิ ารจาเปน็ พน้ื ฐาน เพอื่ ชว่ ยเหลือนกั เรียนได้อยา่ งถูกต้อง โดยดาเนินการจัดทาระเบียน สะสมของนักเรยี นรายบุคคล 2. บริการสนเทศ ดาเนินการจดั หอ้ งแนะแนวทเ่ี หมาะสมเป็นสัดสว่ นเพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั การ เปน็ สถานทใ่ี ห้ คาปรึกษาแนะแนวแกน่ ักเรยี น จัดบรกิ ารให้ความรแู้ กน่ ักเรยี นในหลายรูปแบบ เพอ่ื ช่วยใหน้ กั เรียนปรับตวั เข้ากับ สถานการณ์ต่างๆ ได้ รจู้ ักตดั สนิ ใจและวางแผนอนาคต อยา่ งชาญฉลาด ไดแ้ ก่ การปฐมนิเทศ การเชญิ วิทยากร การ จดั ป้ายนิเทศ การจัดสื่อการเรียนรู้ การจดั หาเอกสารไวบ้ ริการในห้องแนะแนว และงานแนะแนวสญั จรสง่ เสรมิ การศกึ ษา

คมู่ อื การปฏบิ ัติงานกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 17 3. บรกิ ารให้คาปรกึ ษานักเรยี นท้งั รายบคุ คล และรายกลมุ่ ดาเนินการชว่ ยแนะนานกั เรียนที่มี ปัญหา ครอบคลุมด้านการศึกษา อาชพี และสังคม ศกึ ษาและหาแนวทางชว่ ยเหลอื ให้นกั เรยี น แกป้ ัญหาของตนเองได้อย่าง ถกู ต้องและเหมาะสม 4. บรกิ ารจดั วางตวั บุคคล บรกิ ารช่วยเหลือสง่ เสริมและพัฒนานักเรียนในด้านต่าง ๆ ไดแ้ ก่ งานกองทนุ เงนิ ใหก้ ้ยู ืมเพ่ือการศึกษา งานทุนการศึกษา การวางแผนเลอื กวิชาทเี่ รยี น การจดั สรร โควตานกั เรยี นระบบโควตาพิเศษ/ การรับตรง จากสถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ และสง่ เสริม ศักยภาพในด้านต่างๆ ให้เตม็ ตามศักยภาพของแตล่ ะคน 5. บรกิ ารตดิ ตามผล ปฏิบัติหน้าท่ตี ดิ ตามผลนกั เรียนท่มี าใช้บริการ ติดตามผลนกั เรยี นท่จี บการศกึ ษา และ การประเมินผลการปฏบิ ัตงิ านแนะแนว 6. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกิจกรรมแนะแนว ปฏิบัติหนา้ ที่จัดกิจกรรมแนะแนวตาม หลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรงุ บ พ.ศ. 2560) โดยมีขอบขา่ ยการจดั กิจกรรม 3 ดา้ น คอื การแนะแนวการศกึ ษา การแนะแนวอาชีพ และการแนะแนวสว่ นตวั และสงั คม 7. งานประสานระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น ปฏิบตั หิ น้าทปี่ ระสาน ชว่ ยเหลอื การรจู้ กั นักเรยี น เป็น รายบุคคล การคัดกรองและจดั กลุ่มนกั เรียน การส่งเสรมิ /พัฒนานักเรียน และแก้ไข นักเรียนกลมุ่ เสย่ี ง/มีปัญหา รบั การสง่ ต่อ 8. ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี ่ืน ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย งำนห้องสมุด ขอบขำ่ ยหน้ำท่ี 1. จัดทาแผนงานหรอื โครงการสาหรับงานหอ้ งสมุด 2. จัดทาปฏิทินปฏบิ ตั งิ าน เพอ่ื พฒั นาศักยภาพของงานหอ้ งสมุดใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพดยี ่งิ ขน้ึ 3. วางแผนจัดทางบประมาณประจาปี ปรบั ปรงุ ห้องสมุดให้มีความทนั สมัย สะอาด สวยงามจัดบรรยากาศ ในห้องสมดุ ใหเ้ หมาะสม 4. จดั ทาบญั ชีทะเบียนหนงั สอื ควบคมุ วสั ดุอปุ กรณ์ ครภุ ัณฑ์ให้มกี ารลงทะเบยี นวัสดุอปุ กรณ์ และครภุ ณั ฑ์ งานห้องสมุดอยา่ งเปน็ ระบบ 5. ปฐมนเิ ทศนกั เรียนเข้าใหม่ เร่ืองการใช้หอ้ งสมุด แนะนาหนังสือใหมใ่ นห้องสมุด 6. จดั ซือ้ หนงั สือใหมใ่ ห้สอดคล้องกบั หลกั สูตร และความสนใจ 7. จัดหมวดหมหู่ นังสือ ทาบัตรรายการและจัดทาดรรชนีวารสาร 8. บรกิ ารให้ยมื -คืนหนงั สอื และบรกิ ารตอบคาถามเกี่ยวกับข่าวสาร 9. ร่วมมอื กบั ครูประจาวิชาในการนานักเรียนใชห้ อ้ งสมุดเปน็ กลมุ่ หรอื เปน็ ชน้ั เรียน 10. รวบรวมสิง่ พิมพ์รัฐบาล เพื่อให้เปน็ เอกสารอ้างองิ สาหรบั ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 11. ควบคมุ ดแู ลการใช้วสั ดุอุปกรณ์ในห้องสมุด และการมาใชบ้ รกิ ารของนักเรียน 12. จดั ให้บรกิ ารด้านสารนเิ ทศ สื่อ เทคโนโลยี การสืบคน้ ทางอินเตอร์เนต็ 13. ซอ่ มแซม บารงุ รกั ษา หนังสอื ที่ชารุด 14. จดั ทาสถิติข้อมลู เก่ียวกบั การใชบ้ ริการห้องสมดุ 15. ตดิ ตาม รวบรวมข้อมูล สรุป และประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงาน รายงานผลงานประจาปี 16. ปฏบิ ตั งิ านอน่ื ๆ ตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย

คู่มือ การปฏบิ ัติงานกลุ่มบริหารงานวชิ าการ โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 18 งำนศูนย์พฒั นำกำรเรียนร้กู ล่มุ สำระกำรเรียนรู้ ขอบข่ำยหน้ำท่ี 1. วางแผนงาน/โครงการ 2. ดาเนนิ การขับเคลือ่ นตามแผนงานและโครงการ 3. ประสานงานกบั โรงเรียนตา่ ง ๆ ในสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษาร้อยเอ็ด 4. นเิ ทศ กากบั ตดิ ตามและประเมินผล การดาเนินงาน 5. สรปุ รายงานผลการดาเนินงานให้สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาร้อยเอ็ด 6. อ่ืน ๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย งำนโครงกำรโรงเรยี นสุจริต ขอบข่ำยหนำ้ ที่ 1. วางแผนพฒั นาโครงการ “โรงเรียนสุจรติ ” ทงั้ ระยะสั้น และระยะยาว 2. ดาเนินการขบั เคล่ือนโครงการ “โรงเรยี นสุจรติ ” ให้เปน็ ไปตามแผน/นโยบาย/ยุทธศาสตร์ของ โครงการ 3. สง่ เสรมิ สนับสนุน พัฒนาวจิ ยั นวตั กรรมการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรยี นการสอน 4. นเิ ทศ กากับ ตดิ ตามและประเมินผล การดาเนินงานของโรงเรยี นทีต่ ามโครงการ “โรงเรียน สุจรติ ” อยา่ ง ต่อเน่อื ง 5. สรุปรายงานผล การดาเนนิ งานใหส้ านักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา รายไตรมาสและ สรุปผลรายปี 6. อ่นื ๆ ทีเ่ หน็ สมควร และเปน็ ประโยชน์ตอ่ การดาเนินโครงการ “โรงเรียนสุจริต” งำนโครงกำรห้องเรียนพเิ ศษ ขอบข่ำยหนำ้ ที่ 1. จัดทาแผนหรือโครงการงานโครงการห้องเรยี นพเิ ศษ 2. แต่งต้งั คณะกรรมการ ในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องกบั งานโครงการห้องเรยี นพเิ ศษ 3. ประชมุ ผูป้ กครอง สรา้ งความเข้าใจในการจดั การเรียนการสอน 4. การจดั การเรยี นการสอนห้องเรียนพิเศษ เป็นไปตามแนวทางหลกั สูตร สสวท.ที่ สพฐ. อนญุ าต 5. ควบคุมดูแลนักเรยี นเขา้ รว่ มกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่หน่วยกลางของโครงการห้องเรียนพิเศษ กาหนด 6. ปฏิบตั ิงานอน่ื ๆ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย งำนส่งเสรมิ ควำมเป็นเลิศ ขอบขำ่ ยหน้ำท่ี 1. สง่ เสรมิ ให้ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในโรงเรียนเขา้ รบั การพัฒนาสามารถนาความรู้ ความเข้าใจที่ ได้รับไปขบั เคลอ่ื นและจัดกจิ กรรม ยกระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนในโรงเรยี นได้ 2. ส่งเสรมิ ใหโ้ รงเรียนมแี ผนการจัดการเรยี นรู้ เครอื่ งมอื และแนวทาง การขบั เคลื่อนการยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี น สกู่ ารปฏบิ ัติจรงิ ในสถานศึกษาท่มี ีประสิทธภิ าพ 3. ส่งเสริมให้มกี ลุ่มที่ขับเคล่อื นการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น สามารถนิเทศ ติดตาม การขับเคล่ือน ของสถานศกึ ษาไดต้ ามแผนท่กี าหนด 4. ส่งเสริมให้ครมู ีการพฒั นาตามแผน และกรอบการยกระดบั ผลการเรยี น ไปใชใ้ นการพัฒนา คุณภาพ ผ้เู รยี น

คมู่ ือ การปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 19 5. ส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนมีความรู้ และทักษะตามมาตรฐานการเรียนรใู้ นทุกกล่มุ สาระฯ ส่งเสริมให้ นักเรยี น มผี ลการประเมนิ ระดับชาติ (O - NET) ทุกกลมุ่ สาระฯเพม่ิ ข้นึ 6. ปฏบิ ัติงานอื่น ๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย งำนนิเทศกำรศึกษำ ขอบขำ่ ยหนำ้ ท่ี 1. ส่งเสริมและพฒั นาครใู นการจดั กระบวนการเรยี นรูใ้ ห้สอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รโรงเรียน 2. สง่ เสริมการจัดเนื้อหาสาระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกบั ความสนใจ ความถนัดของผเู้ รียน ทัง้ ด้านความรู้ ทักษะ/กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 3. จัดประชมุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ เพื่อวเิ คราะหป์ ญั หา และความต้องการทจ่ี าเปน็ เพอ่ื จัด โครงการนิเทศ ภายในโรงเรยี น และภายในกล่มุ สาระการเรียนรู้ 4. ร่วมกับคณะกรรมการวชิ าการวางแผนจดั กิจกรรมการนเิ ทศในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ประชมุ 5. ปรึกษาหารือ อบรมสมั มนา ประชมุ ปฏิบัติการ ประชุมอภปิ ราย จัดทาเอกสารเผยแพรค่ วามรู้ 6. ใหค้ าแนะนาและปรกึ ษา เพ่ือปรับปรงุ การเรยี นการสอน 7. สง่ เสริมและแนะนาใหจ้ ดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ และบนั ทกึ การสอน การจดั ทาผลงานทางวชิ าการ เพอื่ ความกา้ วหนา้ ของครู นเิ ทศการเรยี นการสอนให้เปน็ ไปตามแผนการเรียนรแู้ ละบนั ทึกการสอน 8. นเิ ทศและสง่ เสริมใหค้ รู ผลิตส่อื การเรยี นการสอนและจดั ทาผลงานทางวชิ าการ 9. จดั ให้มีการนิเทศการเรยี นการสอนแก่ครใู นกลุ่มสาระตา่ ง ๆ โดยเนน้ การนิเทศท่รี ว่ มมอื ชว่ ยเหลือกนั แบบ กลั ยาณมติ ร เชน่ นเิ ทศแบบเพอ่ื นชว่ ยเพือ่ น เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน รว่ มกัน หรือแบบอืน่ ๆ ตามความเหมาะสม 10. ปฏิบัติงานอืน่ ๆ ที่ไดร้ บั มอบหมาย งำนโครงกำรโรงเรียนมำตรฐำนสำกล ขอบขำ่ ยหน้ำที่ 1. ประสานงานกบั คณะทางานในการวางแผนการดาเนนิ งาน เพื่อให้เป็นไปตามหลกั สูตร เปา้ หมายและ ตวั ช้ีวดั โรงเรียนมาตรฐานสากล ท้ัง 5 ด้าน ประกอบดว้ ย เปน็ เลิศทางวชิ าการ ส่ือสารสองภาษา ล้าหน้าทางความคดิ ผลิตงาน อยา่ งสรา้ งสรรค์ และร่วมกันรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมโลก 2. จดั ทาแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมโรงเรยี นมาตรฐานสากลตามหลักสูตร ในแผนปฏิบตั กิ ารประจาปี การศึกษา 3. แต่งต้งั คณะกรรมการดาเนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามแผนงานโครงการ/กิจกรรม และปฏิทนิ งาน ประสานการ จัดครขู องกลุ่มสาระการเรยี นร้เู พื่อจดั การเรยี นการสอนวิชา IS (Independent Study) 4. สรุป และรายงานผลการดาเนนิ งาน 5. แต่งต้ังคณะกรรมการจดั ทาเอกสารเพ่อื ประเมินเกณฑร์ างวลั คุณภาพ OBEC QA 6. ปฏบิ ัติงานอื่น ๆ ตามทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย งำนรบั นกั เรยี น ขอบข่ำยหนำ้ ที่ 1. จัดทาแผนงาน / โครงการและปฏทิ นิ ปฏิบตั งิ านของงานรับนกั เรยี น 2. กาหนดเขตพืน้ ทบ่ี ริการ โครงสร้าง แผนการรับนกั เรียน

คู่มือ การปฏิบตั ิงานกล่มุ บรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 20 3. กาหนดแนวปฏบิ ัติ ขน้ั ตอนและวิธีการรบั นักเรยี นของโรงเรียนใหส้ อดคล้องกับนโยบายการรับนักเรียน จากหนว่ ยงานตน้ สงั กดั 4. จัดทาค่มู ือการรับนกั เรยี น ใบสมัคร บัตรประจาตัวผสู้ มัคร เพ่ืออานวยความสะดวกแกน่ กั เรยี นและ ผ้ปู กครองท่สี นใจ 5. จัดนักเรียนเขา้ ชนั้ เรยี นตามศักยภาพของนักเรยี นและตามความเหมาะสม 6. รายงานผลการรบั นกั เรยี นตอ่ หน่วยงานตน้ สงั กดั 7. ประเมินผลและสรปุ ผลการปฏิบตั งิ าน เพือ่ ปรับปรงุ พฒั นางานใหด้ ีขึ้น 8. ปฏบิ ัติหนา้ ทีอ่ ่ืน ๆ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย

คมู่ อื การปฏิบตั งิ านกลมุ่ บริหารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ | 21 แนวปฏิบตั ิ เก่ียวกบั งานวชิ าการ

คู่มือ การปฏบิ ตั ิงานกลุ่มบริหารงานวชิ าการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 22 1. กำรปฏิบัตกิ ำรติดตำมนักเรยี นขำดเรียน/ขำดเรยี นนำน ถ้านกั เรียนขาดเรียนนานติดต่อกันให้ถือปฏบิ ัติ ดังนี้ 1.1 การติดตามนักเรยี นท่ีขาดเรียน / ขาดเรยี นนานติดตอ่ กัน เปน็ หนา้ ท่ีโดยตรงของครูที่ปรึกษา 1.2 ถา้ นักเรียนขาดเรยี นนานติดต่อกัน 5 วนั ทาการ โดยไม่ทราบสาเหตุใหค้ รทู ่ีปรกึ ษาดาเนินการติดตาม โดยสอบถามจากนกั เรียนใกลเ้ คียง ครู–อาจารยห์ รอื ผปู้ กครองแลว้ แตก่ รณี แลว้ แจ้งให้ฝา่ ยกิจการนักเรียนทราบ เพ่ือ ดาเนนิ การ ตามระเบียบต่อไป 1.3 ในกรณที คี่ รทู ี่ปรึกษาไปพบผู้ปกครองหรอื นักเรียนแลว้ ได้สอบถามสาเหตุและพิจารณาหาทางแก้ไข หาก ไมส่ ามารถแกไ้ ขได้ ใหป้ ฏิบัตดิ งั น้ี - ถา้ เปน็ นักเรยี นท่ีกาลังเรยี นอยู่ในชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนต้น ตอ้ งชี้แจงให้นักเรียนและผปู้ กครอง รบั ทราบถึงระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื งการสง่ เดก็ เข้าเรยี นในสถานศกึ ษาภาคบังคับ พรอ้ มกับรายงานการ ดาเนินงานให้ฝ่ายบริหารรับทราบเพื่อจะได้ดาเนินการตามระเบยี บต่อไป - ถา้ เปน็ นักเรยี นที่กาลงั เรยี นอยใู่ นชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย ให้ผ้ปู กครองมาลาออกให้ถกู ตอ้ ง 1.4 ในกรณีท่คี รทู ่ปี รกึ ษา/ หวั หน้าระดับไปตามนักเรยี นที่บา้ นแล้วไมพ่ บทั้งผู้ปกครองและนกั เรยี น ใหง้ าน ทะเบยี นนักเรยี นดาเนินงานดงั น้ี 1.4.1 กรณีนกั เรียนทเ่ี รยี นอยู่ในช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ให้ดาเนนิ การดงั นี้ 1.4.1.1 ฝา่ ยกิจการนกั เรียนแจ้งขอ้ มลู ทง่ี านทะเบียนนักเรยี น 1.4.1.2 งานทะเบยี นนกั เรยี นทาหนังสือของโรงเรยี นถงึ ผ้ปู กครองนกั เรียน ถ้ายังไมไ่ ดต้ อบ รับใหท้ าหนังสือแจ้งผู้นาชุมชน หรือองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน และรายงานให้สานักงานเขตพื้นที่รบั ทราบ 1.4.2 กรณีนกั เรยี นทเ่ี รียนอยู่ในชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ให้ดาเนินการดังน้ี 1.4.2.1 ฝา่ ยกิจการนักเรียนแจ้งข้อมูลทงี่ านทะเบยี นนักเรยี น 1.4.2.2 งานทะเบียนนกั เรยี นทาหนงั สือของโรงเรียนถงึ ผู้ปกครองนกั เรยี น ถ้ายังไมไ่ ดต้ อบ รบั ให้ทาหนงั สอื แจ้งผู้ปกครองอกี เปน็ ครง้ั ที่ 2 หากยังไมไ่ ดร้ บั คาตอบการติดตอ่ ครง้ั ที่ 2 ภายใน 10 วัน งานทะเบียน นักเรยี นขออนมุ ตั หิ ัวหนา้ สถานศกึ ษา จดั ทาบัญชีแขวนลอยและจาหนา่ ยช่อื ออกจากทะเบียนนกั เรยี นเพราะเหตุขาด เรยี นนานแลว้ แจง้ ให้ครผู ู้สอน และผเู้ กี่ยวข้องรับทราบ 1.4.2.3 งานทะเบยี นทาหนงั สอื แจ้งผู้ปกครองนกั เรยี นทราบวา่ โรงเรียนได้จาหน่าย นกั เรียนออกแลว้ 2. แนวทำงกำรปฏบิ ตั เิ รื่องกำรขำดเรยี นและขำดเรียนนำนของนกั เรียน มีดังนี้ 2.1 ครูท่ีปรกึ ษา / ครูประจาวิชาสารวจการมาเรียนของนักเรียนท่ตี นรบั ผิดชอบทุกวนั และทกุ ชัว่ โมงทีส่ อน 2.2 เมื่อพบว่ามนี กั เรียนขาดเรียนบอ่ ยและขาดเรียนตดิ ต่อกันเป็นเวลาหลายวนั ตอ้ งปฏิบัติ ดงั น้ี 2.2.1 ถ้าเปน็ ครูประจาวชิ าทส่ี อนใหร้ ายงานนกั เรียนท่ขี าดเรยี นนานและขาดเรยี นบอ่ ย ๆ ใหค้ รทู ี่ปรกึ ษารบั ทราบ และครทู ่ีปรึกษาต้องติดตามนักเรียนท่ขี าดเรยี นตามแนวปฏิบตั ิข้อ 1.2,1.3,1.4 แล้วแตก่ รณี 2.2.2 ถ้าครูท่ีปรึกษาสารวจแลว้ พบว่านักเรยี นในช้ันขาดเรยี นบ่อยและขาดเรียนตดิ ต่อกัน เป็นเวลานาน ให้ปฏิบตั ิตามแนวปฏบิ ตั ิข้อ 1.2,1.3,1.4

คู่มือ การปฏิบัตงิ านกลมุ่ บริหารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 23 3. นักเรยี นแขวนลอย ควำมหมำยของคำ “นกั เรียน” หมายความวา่ บุคคลที่กาลงั เรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียน “นักเรียนแขวนลอย” หมายความว่า นักเรยี นทมี่ ีรายชือ่ อยูใ่ นบัญชรี ายชือ่ นกั เรียนในชั้นต่าง ๆทโี่ รงเรยี นจดั ทาขน้ึ ตอนต้นปีการศกึ ษา หรอื มีชอ่ื อย่ใู นสมุดประเมนิ ผลรายวชิ า และขาดเรียนนานโดยไมท่ ราบสาเหตุ ไม่มีตวั ตน มไิ ด้ ลาออกจากโรงเรยี น และโรงเรยี นไม่สามารถจาหนา่ ยรายชือ่ ออกจากทะเบยี นนกั เรียนได้ ข้ันตอนกำรจัดทำบัญชีรำยชื่อนกั เรียนแขวนลอย 3.1 เมอ่ื นกั เรียนขาดเรยี นติดตอ่ กันเป็นเวลา 5 วันทาการ โดยไม่ทราบสาเหตุ ใหป้ ฏิบตั ิดงั น้ี 3.1.1 ครูทีป่ รกึ ษาบนั ทกึ รายงานหวั หน้าระดับชั้น เพือ่ ติดตามนักเรยี น และดาเนินการสืบหาขอ้ มูล เบอื้ งต้น 3.1.2 หวั หนา้ ระดับช้ันรายงาน รองผู้อานวยการสถานศึกษาฝา่ ยกจิ การนกั เรียน และนาเสนอ ขอ้ มูล 3.1.3 รองผ้อู านวยการสถานศกึ ษาฝ่ายกจิ การนักเรียน และคณะกรรมการดาเนนิ การตดิ ตาม นกั เรยี นครง้ั ที่ 1 3.2 เมอ่ื นักเรียนขาดเรยี นติดตอ่ กนั เป็นเวลา 10 วันทาการ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้ปฏิบัตดิ ังนี้ 3.2.1 ครทู ปี่ รกึ ษารายงานหวั หน้าระดบั ชนั้ เพ่อื ลงบัญชีรายช่ือนักเรียนแขวนลอยและติดตาม นกั เรียน 3.2.2 หัวหน้าระดบั ชน้ั รายงาน รองผอู้ านวยการโรงเรยี นฝ่ายกจิ การนักเรียน และนาเสนอข้อมลู 3.2.3 รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายกิจการนกั เรยี น เสนอผูอ้ านวยการสถานศึกษา เพื่อขออนุมตั ิ ลงบัญชรี ายช่ือนกั เรยี นแขวนลอย พรอ้ มเหตผุ ล 3.2.4 ผู้อานวยการสถานศกึ ษา อนมุ ตั ิ หรอื พิจารณาส่งั การ 3.2.5 นายทะเบียน จดั ทาบัญชรี ายชือ่ นักเรียนแขวนลอย บทบาทหน้าท่ี ขอ้ 3.3 ครูทปี่ รึกษำ มหี น้าทดี่ ังนี้ 3.3.1 สารวจและตดิ ตามนกั เรียนทข่ี าดเรียนตดิ ต่อกัน 5 วนั ทาการ และเสนอชือ่ นักเรียนต่อ หวั หนา้ ระดับ / ฝา่ ยปกครองเพอื่ ตดิ ตามนกั เรียน 3.3.2 สารวจและตดิ ตามนักเรยี นทข่ี าดเรยี นติดต่อกัน 10 วันทาการ และเสนอชือ่ นักเรียนตอ่ หัวหน้าระดับ/ฝา่ ยปกครอง เพ่ือลงบญั ชรี ายชื่อนกั เรยี นแขวนลอย และติดตามนกั เรยี น ขอ้ 3.4 หวั หนำ้ ระดับ มหี น้าท่ี ดังนี้ 3.4.1 ตดิ ตามนักเรยี นท่ขี าดเรยี นติดตอ่ กนั 5 วันทาการ 3.4.2 เสนอชอื่ นกั เรียนทข่ี าดเรยี นตดิ ตอ่ กัน 10 วันทาการ เพอื่ ลงบญั ชรี ายช่อื นกั เรยี นแขวนลอย และตดิ ตามนักเรียน 3.4.3 เมอ่ื ผู้บรหิ ารสถานศึกษา อนมุ ตั ิลงบัญชีรายชือ่ นกั เรยี นแขวนลอยแลว้ ให้แจ้งนายทะเบยี น เพอื่ ลงบัญชรี ายชื่อนักเรียนแขวนลอย ขอ้ 3.5 ผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ มหี น้าทด่ี ังน้ี 3.5.1 ตรวจสอบขอ้ มูล 3.5.2 พจิ ารณาสง่ั การอนมุ ัติให้ลงบัญชีรายชื่อนักเรยี นแขวนลอย หรอื สงั่ การอนื่ ใดตามท่ี เหน็ สมควร

คูม่ ือ การปฏิบตั ิงานกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 24 ข้อ 3.6 นำยทะเบยี น มหี น้าที่ดงั นี้ 3.6.1 รบั ทราบคาสง่ั จากผู้บริหารสถานศึกษา 3.6.2 จัดทาทะเบียนรายชื่อนักเรียนแขวนลอย กำรยกเลิกรำยชอ่ื นักเรยี นแขวนลอย 3.7 กรณีทน่ี กั เรยี นมีชอื่ อยใู่ นบัญชรี ายชอ่ื นักเรียนแขวนลอย กลบั มารายงานตวั เพือ่ เขา้ เรียนตามปกติ ให้ ปฏบิ ัติดังนี้ 3.7.1 ครูที่ปรกึ ษารายงานหัวหน้าระดบั ชั้น เพอื่ ขอยกเลกิ รายชื่อนักเรียนแขวนลอย 3.7.2 หวั หน้าระดบั ชัน้ รายงานรองผูอ้ านวยการโรงเรียนฝา่ ยกิจการนักเรียน 3.7.3 รองผู้อานวยการโรงเรยี น ฝ่ายกจิ การนักเรยี น รายงานผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา 3.7.4 ผ้อู านวยการสถานศกึ ษา อนมุ ัตใิ หย้ กเลิกรายชื่อนกั เรียนแขวนลอย คนน้นั 3.7.5 นายทะเบียนลงบัญชยี กเลิกรายชอ่ื นักเรียนแขวนลอย คนน้นั 3.8 ข้อมูลนกั เรียนท่มี อี ยจู่ รงิ ในปจั จุบันของโรงเรียน ฐานข้อมูลนกั เรียนของโรงเรียน มาจากทะเบียนนกั เรยี น ในช่วงตอนต้นปกี ารศึกษา สามารถแบง่ ออกไดส้ องกลุ่ม ดังน้ี 3.8.1 ขอ้ มูลนกั เรียนทย่ี งั ไมส่ ามารถจาหนา่ ยออกจากทะเบียนนกั เรยี นได้ เชน่ นกั เรียนที่เรียนครบ หลักสูตร แต่ไมจ่ บหลักสูตรได้ตามกาหนด นกั เรียนทีข่ าดเรียนไปโดยไม่ได้ลาออก 3.8.2 ขอ้ มูลนกั เรยี นท่มี ีรายชอื่ อยู่ในบญั ชีรายช่อื นกั เรยี นช้ันตา่ ง ๆ (หอ้ งตา่ ง ๆ ) ที่โรงเรียนจัดทา ขึน้ ตอนตน้ ปีการศกึ ษา 3.8.3 ในระหวา่ งปกี ารศกึ ษา จะมีนักเรยี นเข้า – ออก ระหว่างปีการศึกษา แบง่ ออกได้ 3 กลุ่ม ดงั น้ี 3.8.3.1 นกั เรยี นเข้าใหม่ ระหว่างปีการศกึ ษา 3.8.3.2 นกั เรียนทีอ่ อกกลางคนั ระหว่างปกี ารศกึ ษา 3.8.3.3 นกั เรียนทีอ่ ยู่ในบัญชรี ายชือ่ นกั เรียนแขวนลอย 3.8.4 การรายงานขอ้ มลู จานวนนกั เรียนท่ีมอี ยู่จรงิ ในปจั จุบันของโรงเรียน ต้องพิจารณาจากข้อมูล จานวนนักเรียนท่ีมีรายชื่อในบญั ชีนกั เรียนประจาช้ัน ทโี่ รงเรียนจดั ทาข้ึนตอนต้นปีการศึกษา บวกเพิ่มด้วยจานวน นกั เรยี นทีเ่ ข้าใหม่ระหวา่ งปีการศกึ ษา ลบออกด้วยจานวนนกั เรยี นทลี่ าออกกลางคนั ระหว่างปกี ารศึกษา และลบออก ดว้ ยจานวนนักเรยี นทีม่ ีชอื่ อยู่ในบัญชรี ายช่ือนกั เรยี นแขวนลอย 4. แนวปฏบิ ตั ิในกำรแก้ “0” ในการแก้ “0” มแี นวปฏิบตั ดิ งั น้ี 4.1 ให้นกั เรยี นแก้ตัวได้ไมเ่ กิน 2 คร้ัง และกอ่ นแก้ตัวทกุ คร้งั นกั เรยี นตอ้ งยนื่ คาร้องขอสอบแก้ตัวที่ฝา่ ย วชิ าการก่อน 4.2 การดาเนินการสอบแกต้ ัวเป็นหนา้ ที่โดยตรงของครผู สู้ อน เมื่อมนี ักเรยี นติด “0” ในรายวิชาที่รับผดิ ชอบ ตอ้ งดาเนนิ การแก้ “0” ใหเ้ สรจ็ ส้ินภายในภาคเรียนถัดไป ถา้ ไม่สามารถดาเนินการให้แลว้ เสร็จตามกาหนด ให้ รายงานฝ่ายวชิ าการรบั ทราบ ถา้ ไม่ดาเนนิ การใด ๆ ถอื วา่ บกพร่องตอ่ หน้าท่รี าชการ 4.3 ครูผู้สอนตอ้ งจดั สอนซอ่ มเสรมิ ให้นักเรียนกอ่ นสอบแก้ตวั ทกุ ครงั้

คูม่ ือ การปฏบิ ัติงานกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 25 4.4 ชว่ งเวลาของการสอบแกต้ วั ใหเ้ ปน็ ไปตามกาหนดปฏิทนิ ปฏิบตั ิงานฝ่ายวิชาการ 4.5 ถ้านักเรยี นไม่มาสอบแกต้ ัวตามระยะเวลาทีก่ าหนดถอื ว่าไดผ้ ลการเรียน “0” ตามเดิม และมสี ิทธิสอบ แกต้ ัวได้ 2 ครัง้ ถ้านักเรยี นสอบแกต้ ัวครง้ั ท่ี 2 แล้วยงั ไม่ผ่านใหป้ ฏบิ ตั ติ ามแนวปฏบิ ตั ิการเรยี นซา้ 4.6 ครทู ีป่ รึกษาเป็นผมู้ ีหน้าท่ีตดิ ตามผลการเรยี นของนักเรยี นทอ่ี ยใู่ นความรับผิดชอบทกุ รายวิชา พร้อมทง้ั กวดขนั ใหน้ กั เรยี นมาดาเนนิ การแก้ “0” ตามกาหนดเวลา 4.7 การให้นกั เรยี นสอบแก้ตัว ครูผู้สอนควรดาเนินการดงั น้ี 4.7.1 ตรวจสอบดูวา่ นักเรยี นติด “0” เน่ืองจากไม่ผา่ นจุดประสงค์ใดหรือตัวช้ีวัดใด 4.7.2 ดาเนินการสอนซอ่ มเสรมิ ในจดุ ประสงค/์ ตัวช้ีวดั ทน่ี ักเรยี นสอบไม่ผา่ น 4.7.3 การดาเนนิ การสอบแกต้ ัว คาวา่ “สอบแก้ตัว”ไมไ่ ด้หมายความวา่ จะต้องทดสอบด้วยขอ้ สอบ ทเี่ ป็นข้อเขียนเท่านนั้ นักเรียนจะสอบแกต้ วั อย่างไรนัน้ ต้องดวู ่าในจดุ ประสงคน์ ั้นนักเรยี นไม่ผ่านตรงสว่ นใด เชน่ ใน สว่ น K, P, A กใ็ ห้ซอ่ มตรงคะแนนในส่วนนน้ั 4.8 ขน้ั ตอนและแนวปฏบิ ตั ใิ นการแก้ “0” ของนกั เรียน 4.8.1 ฝา่ ยวิชาการโดยงานวดั ผลสารวจนักเรียนทม่ี ีผลการเรียน “0” และกาหนดวัน เวลา สอบแก้ ตัวตามปฏทิ ินการปฏบิ ัติงานของฝา่ ยวชิ าการ 4.8.2 แจง้ ให้นกั เรียนท่ีมผี ลการเรียน “0” ไดร้ ับทราบ 4.8.3 ฝา่ ยวชิ าการแจ้งครูที่ปรึกษารบั ทราบเพ่อื ช่วยดูแลและตดิ ตามนกั เรยี นมาดาเนินการแก้ “0” 4.8.4 นกั เรยี นทต่ี ิด “0” มาย่นื คาร้องขอแก้ “0” ท่ีฝา่ ยวิชาการ และฝ่ายวชิ าการแจง้ ใหค้ รปู ระจา วิชารบั ทราบ พรอ้ มกบั ใบคาร้องขอสอบแก้ตัวของนกั เรยี น 4.8.5 ครูประจาวิชาดาเนินการสอนซ่อมเสริมและใหน้ กั เรยี นสอบแกต้ วั 4.8.6 ครูประจาวชิ านาผลการสอบแก้ตัวของนกั เรยี นมารายงานให้ฝ่ายวิชาการรับทราบ 4.8.7 ฝา่ ยวชิ าการแจ้งผลการสอบแก้ตัวใหน้ กั เรียนและครูท่ีปรกึ ษารบั ทราบ 4.9 ระดบั ผลการเรยี นหลังจากนักเรียนทาการสอบแกต้ ัวแลว้ อยู่ท่ี “ 0 ” หรอื “ 1 ” เท่านน้ั ระดบั ผลการ เรยี นหลงั สอบแกต้ วั ถ้านักเรยี นยังได้ “ 0 ” อยู่ ให้นักเรียนผู้น้ันเรียนซา้ ใหมห่ มดท้งั รายวชิ า 5. แนวปฏิบตั ิในกำรแก้ “ร” ในการแก้ “ร” มีแนวปฏิบตั ิดังน้ี 5.1 การดาเนนิ การแก้ “ร” เป็นหนา้ ทโ่ี ดยตรงของครผู ูส้ อน เมอื่ มนี กั เรยี นติด “ร” ในรายวิชาทร่ี ับผิดชอบ ต้องดาเนนิ การแก้ “ร” ให้เสรจ็ ส้นิ ภายในภาคเรยี นถดั ไป ถ้าไมส่ ามารถดาเนนิ การใหแ้ ลว้ เสร็จตามกาหนด ใหร้ ายงาน ฝ่ายวิชาการรบั ทราบ ถ้าไม่ดาเนินการใดๆ ถือวา่ บกพรอ่ งตอ่ หนา้ ที่ราชการ 5.2 การแกไ้ ขผลการเรยี น “ร” แยกออกเป็น 2 กรณคี ือ 5.2.1 ได้ระดับผลการเรียน “0 – 4” ในกรณีท่เี นอื่ งมาจากเหตุสดุ วิสยั เช่น เจ็บปว่ ย หรือเกดิ อุบตั เิ หตุ ไมส่ ามารถมาเขา้ สอบได้ 5.2.2 ได้ระดบั ผลการเรียน “0 – 1” ในกรณที ่ีสถานศกึ ษาไดพ้ จิ ารณาแล้วเหน็ วา่ ไมใ่ ชเ่ หตสุ ุดวิสยั เชน่ มีเจตนาหลบการสอบเพ่อื หวังผลบางอย่าง หรอื ไมส่ นใจทางานท่ีได้รบั มอบหมายให้ทาเปน็ ตน้ 5.3 การแก้ “ ร ” ต้องดาเนินการใหแ้ ล้วเสร็จภายในภาคเรยี นถดั ไป ถา้ นกั เรียนท่ีมีผลการเรยี น “ ร ” ไม่ มาดาเนนิ การแก้ “ร” ใหเ้ สรจ็ สิ้นตามกาหนดเวลา นักเรยี นผนู้ ั้นตอ้ งเรียนซ้าทง้ั รายวิชาหรอื เปล่ียนรายวชิ าใหม่ ใน กรณที ่ีเป็นรายวิชาเพม่ิ เติม 5.4 ถา้ หากนกั เรียนทม่ี ผี ลการเรียน “ ร ” ผนู้ ั้นไมส่ ามารถมาทาการแก้ “ ร ” ตามกาหนดเวลาไดเ้ นื่องจาก เหตสุ ดุ วิสัย ให้อยใู่ นดลุ พินิจของหัวหนา้ สถานศกึ ษาจะขยายเวลาการแก้ “ ร ” ออกไปอกี 1 ภาคเรยี นแต่ถ้าพน้ กาหนดแลว้ นกั เรียนยังไมม่ าดาเนินการแก้ “ ร ” ให้นักเรยี นผูน้ นั้ เรียนซ้าใหมห่ มดทงั้ รายวชิ า

คู่มือ การปฏบิ ัตงิ านกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 26 5.5 ขนั้ ตอนและแนวปฏบิ ตั ใิ นการแก้ “ ร ” ของนักเรียน 5.5.1 ฝา่ ยวชิ าการโดยงานวดั ผลสารวจนักเรยี นท่ีมีผลการเรียน “ ร ” และแจง้ ให้นักเรยี นรับทราบ 5.5.2 ฝา่ ยวิชาการแจ้งครูท่ปี รกึ ษารับทราบเพือ่ ช่วยดูแลและติดตามนกั เรียนมา ดาเนนิ การแก้ “ ร ” 5.5.3 นักเรียนทตี่ ดิ “ ร ” มาย่ืนคารอ้ งขอแก้ “ ร ” ทีฝ่ า่ ยวชิ าการ และฝ่ายวิชาการแจง้ ให้ครู ประจาวชิ ารบั ทราบ 5.5.4 ครูประจาวชิ าดาเนนิ การ แก้ “ ร ” ให้กับนักเรียน 5.5.5 ครปู ระจาวชิ านาผลการแก้ “ ร ” ของนกั เรยี นมารายงานให้ฝ่ายวชิ าการรบั ทราบ 5.5.6 ฝา่ ยวิชาการแจ้งผลการแก้ “ ร ” ให้นกั เรยี นและครูท่ีปรกึ ษารับทราบ 6. แนวปฏิบตั ใิ นกำรแก้ “ มส. ” ในการแก้ “มส.” มแี นวปฏบิ ตั ิดังต่อไปน้ี 6.1 ครผู ู้สอนไดพ้ จิ ารณาสาเหตทุ ่นี ักเรยี นได้ผลการเรียน “มส.” ซึง่ มีอยู่ 2 กรณคี ือ 6.1.1 นกั เรยี นมเี วลาเรยี นไมถ่ ึง 60 % ไม่มีสิทธยิ น่ื คารอ้ งขอมีสิทธิ์สอบ ต้องเรยี นซา้ ใหม่หมด 6.1.2 นักเรียนมีเวลาเรยี นไมถ่ ึง 80 % แตไ่ ม่นอ้ ยกวา่ 60 % 6.1.2.1 ใหน้ กั เรยี นยื่นคารอ้ งขอแก้ผลการเรียน “มส.” จากครูผู้สอน 6.1.2.2 ครูผสู้ อนตอ้ งจัดใหน้ กั เรยี นเรยี นเพิ่มเตมิ เพอื่ ให้เวลาครบตามรายวิชานนั้ ๆ โดย อาจใช้ชัว่ โมงว่าง / วันหยุด 6.1.2.3 เม่ือนักเรยี นมาดาเนนิ การแก้ “มส.” ตามขอ้ 2 แล้วจะได้ระดับผลการเรยี น 0–1 6.1.2.4 ถา้ นักเรยี นไมม่ าแก้ “มส.” ใหเ้ สร็จตามระยะเวลาท่กี าหนดใหน้ กั เรยี นผู้นั้นตอ้ ง เรียนซา้ 6.1.2.5 ถา้ มเี หตุสดุ วสิ ัยไมส่ ามารถมาแก้ “มส.” ได้ ใหอ้ ยู่ในดุลพนิ ิจของหวั หน้า สถานศกึ ษาทจี่ ะขยายเวลามาแก้ “มส.” ออกไปอกี 1 ภาคเรียน เมอ่ื พ้นกาหนดนแี้ ลว้ ใหน้ ักเรยี นผู้น้นั เรียนซ้าหรือให้ เปลย่ี นรายวิชาใหมไ่ ด้ในกรณที ี่เปน็ รายวิชาเพม่ิ เติม 6.2 ข้นั ตอนและแนวปฏบิ ตั ิในการแก้ “มส.” ของนักเรยี น 6.2.1 ครปู ระจาวชิ าแจง้ ผล “มส. “ ของนกั เรยี นท่ฝี ่ายวชิ าการ 6.2.2 ฝ่ายวิชาการโดยงานวัดผลแจง้ นักเรียนที่มีผลการเรียน “มส.” รับทราบ 6.2.3 ฝา่ ยวิชาการแจ้งครทู ป่ี รึกษารับทราบเพ่อื ช่วยดแู ลและติดตามนักเรียนมาดาเนนิ การแก้ “มส.” 6.2.4 นกั เรยี นทต่ี ดิ “มส.” นาผ้ปู กครองมายื่นคารอ้ งขอแก้ “มส.” ทฝ่ี ่ายวชิ าการ ฝา่ ยวิชาการแจง้ ให้ครปู ระจาวชิ ารบั ทราบ เพื่อดาเนนิ การแก้ “มส.”ของนักเรยี นตามแนวปฏบิ ตั กิ ารแก้ “มส.” ของนักเรยี น ครูประจาวชิ า

คูม่ อื การปฏิบัตงิ านกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ | 27 นาผลการแก้ “มส.” ของนักเรียนมารายงานให้ฝา่ ยวชิ าการรับทราบ ฝ่ายวชิ าการแจ้งผลการแก้ “มส.” ให้นกั เรียน และครทู ีป่ รกึ ษารับทราบ 7. แนวปฏบิ ัตใิ นกำรเรยี นซำ้ ในการจัดให้นกั เรยี น “ เรียนซ้า ” มแี นวปฏิบตั ดิ ังนี้ 7.1 ให้ครูผู้สอนเดิมในรายวชิ านัน้ เป็นผู้รับผดิ ชอบสอนซ้า 7.2 การดาเนินการ “เรยี นซ้า” เปน็ หน้าทโ่ี ดยตรงของครผู ู้สอน เมอ่ื มนี กั เรียน“เรยี นซา้ ” ในรายวชิ าท่ี รบั ผดิ ชอบต้องดาเนินการ “เรียนซา้ ” ใหเ้ สร็จสนิ้ ภายในภาคเรยี นถดั ไป ถ้าไม่สามารถดาเนนิ การให้แลว้ เสร็จตาม กาหนด ให้รายงานฝา่ ยวิชาการรับทราบ ถา้ ไมด่ าเนินการใดๆ ถือวา่ บกพรอ่ งต่อหน้าทรี่ าชการ 7.3 ครูผู้สอนและนกั เรยี นกาหนดจัดตารางเรียนรว่ มกนั ใหจ้ านวนชั่วโมงครบตามระดับชั้น และครบตาม หนว่ ยการเรยี นของรายวชิ านน้ั ๆ ครผู ้สู อนอาจมอบหมายงานให้ในช่ัวโมงที่กาหนด จะสอนหรอื มอบหมายงานใหท้ า จะมากหรือนอ้ ยต้องพจิ ารณาตามความสามารถของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล 7.4 สาหรบั ช่วงเวลาที่จัดใหเ้ รียนซ้าอาจทาได้ดังนี้ 7.4.1 ชั่วโมงวา่ ง 7.4.2 ใช้เวลาหลังเลิกเรียน 7.4.3 วนั หยดุ ราชการ 7.4.4 สอนเป็นคร้ังคราวแลว้ มอบหมายงานให้ทา 7.5 การประเมนิ ผลการเรียนให้ดาเนนิ การตามระเบียบการประเมนิ ผลทุกประการ 7.6 ครผู ูส้ อนส่งผลการเรียนซา้ พรอ้ มกับการประเมนิ ผลปลายภาคเรยี นให้ฝา่ ยวชิ าการ 7.7 ข้ันตอนและแนวปฏิบตั ใิ นการ “เรยี นซา้ ” ของนักเรียน 7.7.1 ฝ่ายวชิ าการโดยงานวัดผลสารวจและแจ้งนักเรียนทต่ี อ้ ง “เรยี นซา้ ” รับทราบ 7.7.2 ฝ่ายวชิ าการแจ้งครูทป่ี รกึ ษารบั ทราบเพือ่ ช่วยดแู ลและตดิ ตามนักเรยี นมาดาเนินการ “เรยี นซา้ ” 7.7.3 นกั เรยี น “เรียนซ้า” มายนื่ คาร้องขอ “เรียนซา้ ” ที่ฝา่ ยวชิ าการ 7.7.4 ฝ่ายวิชาการแจ้งใหค้ รปู ระจาวิชารบั ทราบ เพอ่ื ดาเนนิ การ “เรียนซ้า” ของนกั เรียน ตาม แนวปฏิบัติ 7.7.5 ครูประจาวชิ านาผลการประเมินการ “เรยี นซ้า”ของนกั เรียนรายงานใหฝ้ ่ายวิชาการรับทราบ 7.7.6 ฝา่ ยวิชาการแจ้งผลการ“เรยี นซา้ ”ใหน้ ักเรียนและครทู ี่ปรกึ ษารบั ทราบ 8. แนวปฏิบตั กิ ำรจดั สอนแทน 8.1 ทุกคร้งั ทม่ี ีครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตดิ ราชการ / ขาด / ลา ฯลฯ ไมส่ ามารถมาปฏิบตั ริ าชการได้ ให้ หวั หน้ากลมุ่ สาระ หรือ ผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย จดั ให้มกี ารสอนแทนในช่วั โมงนั้น ๆ ถา้ จัดไมไ่ ด้ใหแ้ จง้ ฝ่ายวชิ าการ 8.2 บนั ทึกการจดั สอนแทนในเอกสารที่ฝ่ายวิชาการแจกให้ทุกครัง้ 8.3 หวั หนา้ กลุ่มสาระ หรอื ผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมายส่งบนั ทกึ การจดั สอนแทนทุกวันศุกร์ 8.4 หวั หนา้ กลมุ่ สาระรวบรวมการสอนแทนเม่ือส้ินภาคเรียนทุกภาคเรยี น สง่ ฝ่ายวิชาการ หมำยเหตุ เมอ่ื ครูท่านใดมีธุระจาเป็นทีจ่ ะตอ้ งลากิจ หรอื ไปราชการ จะตอ้ งทาการแลกช่ัวโมงสอน หรอื จัดเตรยี มเอกสาร เชน่ ใบงาน ใบความรู้ หรอื มอบหมายงานให้นกั เรียนทาในช่วงเวลาดงั กล่าว แลว้ มอบใหห้ วั หน้ากลุม่ สาระเพ่อื ให้ผ้ทู ี่ทา การสอนแทนจะได้ทาการสอนตอ่ ไป 9. แนวปฏบิ ัตกิ ำรสง่ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้

คู่มอื การปฏบิ ตั ิงานกลุ่มบริหารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปีการศึกษา ๒๕๖๕ | 28 ครทู กุ คนจะตอ้ งมีแผนการจดั การเรยี นรู้ กอ่ นนาไปจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ให้กบั นักเรียน และมแี นวปฏิบตั ิดังน้ี 9.1 ใหค้ รูทกุ คนจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ มกี ารวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด เพือ่ กาหนดขอบขา่ ยสาระทีจ่ ะใช้ในการจัดการเรยี นการสอน มีการจัดทาโครงสรา้ งรายวชิ าและแผนการประเมนิ ให้ ครบถว้ น ในการจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรใู้ หม้ อี งค์ประกอบของแผนครบถว้ น โดยยึดรปู แบบที่ฝา่ ยบริหารวิชาการ กาหนดให้ องค์ประกอบของแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ ประกอบด้วย 1. รายละเอยี ดของแผนการจดั การเรียนรู้และหนว่ ยการเรยี นรู้ 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด 3. ตัวชี้วดั /จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ (ถา้ ม)ี 5. สมรรถนะผเู้ รยี น (เฉพาะหัวข้อทีต่ อ้ งการประเมนิ ผู้เรยี น) 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะหัวข้อท่ีตอ้ งการประเมนิ ผู้เรียน) 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 8. การวดั และการประเมินผล 9. สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ หมำยเหตุ อาจมีการเพม่ิ เติมรายละเอยี ดได้ตามความเหมาะสมและธรรมชาติของวชิ าท่จี ัดกจิ กรรม 9.2 ใหค้ ุณครูบันทกึ รายงานการจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ เสนอฝา่ ยบรหิ ารวชิ าการและหวั หนา้ สถานศกึ ษา เพอื่ ให้ความเหน็ ชอบกอ่ นนาแผนไปใช้จดั กิจกรรมใหก้ บั นกั เรียน 9.3 การจัดสง่ แผนการจดั การเรยี นรขู้ องครู ให้จดั ส่งท่ีหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ่อนนาไปใช้จดั กจิ กรรม 2 สปั ดาห์ โดยใหส้ ง่ อยา่ งนอ้ ยเดอื นละ 2 ครัง้ และใหห้ ัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรูเ้ ปน็ ผรู้ วบรวม ตรวจสอบและ รายงานฝ่ายบริหารวิชาการทราบทุกวันศกุ ร์ หากไมร่ ายงานถอื วา่ บกพร่องตอ่ หน้าที่ 9.4 หลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนในแตล่ ะวนั ใหค้ รทู ุกคนที่มีคาบสอนสง่ บันทึกหลงั สอนทุกคร้งั ท่ี ฝ่ายบรหิ ารวิชาการ ในคาบสุดทา้ ยกอ่ นเลกิ เรยี น 9.5 หลงั จากจดั การเรียนรูจ้ นครบหน่วยการเรยี นรู้ ให้มีการวัดและประเมนิ ผลผ้เู รยี นให้เสร็จส้นิ โดยแจง้ ข้อมูลนกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินและไม่ผ่านเกณฑ์ ในกรณที ่นี ักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ให้ทาการซ่อนเสริมและหาวธิ ี ช่วยเหลือ ดาเนนิ การประเมนิ ผลจนกระท่งั นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ทง้ั หมดในหนว่ ยน้นั ๆ กอ่ นจะไปสอนใน หนว่ ยการเรียนรูถ้ ัดไป 10. แนวปฏิบัตใิ นกำรเข้ำหอ้ งเรยี นและออกจำกหอ้ งเรยี นของครผู ูส้ อน ในการเขา้ ใช้หอ้ งเรยี นของครูซึ่งเปน็ ห้องเรยี นทต่ี อ้ งใชร้ ่วมกันจงึ จาเปน็ ต้องช่วยกันรกั ษาความสะอาดและความเปน็ ระเบยี บวินัย และจะตอ้ งรบั ผดิ ชอบร่วมกนั โดยมีข้อปฏบิ ตั ิดังนี้ 10.1 ให้คณุ ครูเข้าหอ้ งเรยี นทีร่ ับผิดชอบสอนตามตารางสอนท่ีทางฝ่ายบรหิ ารวชิ าการจัดให้ ใหต้ รงเวลาและ สอนให้เต็มเวลาท่กี าหนด 10.2 หากมคี วามจาเปน็ ตอ้ งเปลย่ี นแปลงการใช้ห้องเรยี น ในการจัดกิจกรรมให้แจง้ ใหผ้ ู้ทรี่ บั ผิดชอบหอ้ ง นน้ั ๆ ทราบล่วงหนา้ และมีการลงบันทึกการใชห้ อ้ งให้เรียบร้อย เชน่ หอ้ งสมุด หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารต่าง ๆ เป็นตน้ 10.3 ใหค้ ุณครเู ขา้ สอนให้ตรงเวลาตามตารางสอนกาหนด หากติดราชการ / ขาด / ลา ฯลฯ ใหม้ อบหมาย ใหม้ ผี ู้สอนแทน การมอบหมายงานให้เด็กปฏบิ ัตเิ พียงลาพงั โดยไม่มีครคู วบคมุ เป็นสิ่งไมค่ วรกระทา เน่อื งจากเปน็ ละ ทง้ิ /ทอดทิ้งหนา้ ทีใ่ นการสอน ซงึ่ มคี วามผิดชัดเจน

ค่มู อื การปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ บริหารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ปีการศึกษา ๒๕๖๕ | 29 10.4 การจดั การเรียนรู้ควรจัดสภาพแวดลอ้ มและสรา้ งบรรยากาศทเ่ี อื้อต่อการเรยี นรู้ กระตุ้นให้นักเรียนได้ มสี ว่ นร่วมในการคิดและลงมอื ปฏบิ ัติ ใช้สือ่ การเรยี นทหี่ ลากหลายทนั สมยั มีการวัดและประเมินผลทหี่ ลากหลายเนน้ ที่ พัฒนาการของผู้เรยี น และความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล 10.5 ก่อนหมดเวลาเรียน ให้นกั เรียนไดจ้ ดั โต๊ะ-เกา้ อีใ้ ห้อย่ใู นสภาพท่ีเรียบรอ้ ย จดั เก็บสิง่ ของเข้าที่ให้ เรยี บร้อยและเกบ็ กวาดหอ้ งเรียนให้สะอาด ทิง้ ขยะ สารวจความเรียบร้อยกอ่ นออกจากหอ้ ง เช่น ไฟฟา้ และพดั ลม ตลอดจนโสตทัศนปู กรณ์ตา่ ง ๆ ใหเ้ รียบรอ้ ย 10.6 ออกจากห้องเรยี นเมื่อหมดเวลาและมีเสียงสญั ญาณดงั หมำยเหตุ หากหอ้ งเรยี นสกปรก ไม่มคี วามเป็นระเบยี บเรียบร้อย และไมพ่ ร้อมให้นักเรยี นเขา้ ไปใชบ้ รกิ าร ใหร้ ายงาน เปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษรใหฝ้ ่ายบรหิ ารวชิ าการทราบทนั ที และครูท่ีใชห้ อ้ งเรียนกอ่ นคาบน้นั จะต้องรับผดิ ชอบ เพราะเปน็ หนา้ ทีข่ องครผู ูน้ ้ันโดยตรง ท้งั น้จี ะพิจารณาจากตารางการใชห้ ้องตามตารางสอนทฝ่ี ่ายบรหิ ารวชิ าการจัดไว้ไห้ กรณี ห้องข้างเคยี งไม่มีครเู ขา้ สอนหรอื ครเู ข้าห้องสายและนกั เรยี นส่งเสยี งดงั รบกวนการเรยี นของห้องอนื่ ใหค้ รูที่ไดร้ ับ ความเดือดร้อนรายงานให้ฝ่ายบรหิ ารวิชาการทราบทนั ที เพ่ือรายงานใหผ้ ูอ้ านวยการทราบต่อไป 11. เอกสำร ปพ. 5 11.1 ฝ่ายวชิ าการได้จัดทา ปพ. 5 พรอ้ มรายชอ่ื นกั เรียนทกุ ห้อง ครทู ุกทา่ น ทกุ รายวชิ ารับไดท้ ่ีฝา่ ยวิชาการ 11.2 การบันทกึ รายการต่างๆ 11.2.1 การวิเคราะห์ผู้เรียน ดา้ นการเรียน ม.1 และ ม. 4 ให้ใช้ผลสอบ O-NET ในรายวชิ านั้นๆ สว่ น ม. 2,ม.3 ม. 5 และ ม.6 ใหใ้ ช้ผลการเรียนในรายวชิ านน้ั ๆ ในชน้ั ท่ีถัดลงมา 1 ระดบั ชัน้ (ปกี ารศกึ ษาท่ผี ่านมา) 11.2.2 การวเิ คราะห์ผู้เรยี น ดา้ นพฤติกรรม ให้ใชผ้ ลการประเมิน SDQ ม.1 และ ม. 4 ให้ประเมิน ใหม่ สว่ น ม. 2,ม.3 ม. 5 และ ม.6 ให้ใชผ้ ลการประเมนิ ในชั้นทีถ่ ดั ลงมา 1 ระดับชน้ั (ปีการศกึ ษาท่ีผา่ นมา) 11.2.3 การบันทกึ เวลาเรียนในช่องวันที่ ใหใ้ ส่วนั จนั ทร์-วนั ศกุ ร์ (เช่น 17-18-19-20-21) ให้ ครบทกุ ช่องสว่ นในชอ่ งเวลาเรียน ถ้าเปน็ คาบเดียว ใส่เลข 1,2,3 ตามลาดับ ถ้าเปน็ คาบคู่ ใหใ้ ส่ 1-2,3-4,....) 11.2.4 ให้ใส่เครอื่ งหมาย ✓ลงในช่องเวลาเรยี นของนักเรียนแตล่ ะคน ถา้ นกั เรยี นขาด ลา ใหใ้ ส่ (ข) ขาดเรียน (ล) ลา 11.2.5 ช่องรวมเวลาเรยี น ตัวเลขด้านบน คอื รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียน ดา้ นล่าง คือจานวนคาบ เตม็ 11.2.6 อัตราสว่ นคะแนน ระหว่างภาค:ปลายภาค 5 วชิ าหลัก ท้งั พ้ืนฐานและเพ่มิ เติม ควรกาหนด สัดส่วนเป็น 70:30 สว่ นวชิ าอืน่ ๆ เช่น สุขศึกษาพลศึกษา ศิลปศกึ ษา การงานอาชพี และเทคโนโลยี อาจใช้สดั สว่ น 80:20 , 90:10 ตามความเหมาะสม หมำยเหตุ หลักสูตร 51 เนน้ ให้เก็บคะแนนระหวา่ งภาคมากกวา่ ปลายภาค ซ่งึ การเก็บระหว่างภาคถอื วา่ เปน็ การ ประเมนิ เพื่อพัฒนานกั เรยี น (formative) สว่ นการเกบ็ คะแนนปลายภาคเปน็ การประเมนิ เพือ่ สรุปผล (summative) 11.2.7 การสอบจดุ ประสงค์ และการสอบกลางภาค ใหใ้ ส่คะแนนท่ีนักเรียนไดล้ งในชอ่ งบันทกึ คะแนน สาหรับนกั เรยี นท่ีไดค้ ะแนนไมผ่ า่ นเกณฑ์ทีก่ าหนด หลงั จากมีการสอบแก้ตัวแล้ว จะไดไ้ มเ่ กนิ ครึง่ ของคะแนน เตม็ ให้บันทกึ ดงั นี้ คะแนนเตม็ 10 คะแนน นักเรยี นสอบได้ 2 คะแนน หลังจากสอบแก้ตัวแล้ว ได้ 6 คะแนน (เกณฑ์ ท่คี รูกาหนด) บนั ทกึ คะแนนเปน็ 2/6 หากบันทึกเฉพาะ เลข 2 แสดงว่า นักเรยี นยังไมส่ อบแก้ตวั เพ่อื ปรับคะแนน หมำยเหตุ สาหรับการบนั ทกึ คะแนน อาจใช้รูปแบบนอกเหนอื จาก ปพ. 5 ของโรงเรยี นกไ็ ด้ โดยปดิ ทับลงไปในหน้า การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โดยต้องครบทุกหนว่ ยการเรยี นรตู้ ามหลกั สูตรชั้นเรยี นที่ไดก้ าหนดไว้ 11.2.8 การวัดและประเมินผลดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ขอรับไดท้ ่ีฝ่ายวิชาการ เพ่อื นามาปิดทบั ลงใน ปพ. 5

คูม่ ือ การปฏิบัตงิ านกล่มุ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ | 30 11.2.9 การวดั และประเมนิ ผลด้านการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น ผลการประเมินในรายวิชาท่รี บั ผิดชอบ สอนปดิ ทับลงไป ปพ. 5 หน้าการวดั และประเมนิ ผลด้านการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขียน 11.2.10 คาอธบิ ายรายวิชา ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ พิมพป์ ดิ ทบั หรือเขียน ก็ได้ 12. กำรจดั ทำแบบทดสอบกลำงภำค/ปลำยภำค ในการดาเนนิ การสอบกลางภาคและปลายภาค แนวปฏบิ ัตดิ ังนี้ 12.1 ใชร้ ูปแบบตามท่ีฝ่ายวชิ าการกาหนด 12.2 ครปู ระจาวิชาออกขอ้ สอบโดยให้มีขอ้ สอบทง้ั แบบปรนัยและอัตนัย ในอัตราสว่ น 70:30 หรือตาม สัดส่วนทตี่ กลงกัน 12.3 นาข้อสอบ O-Net ในปีที่ผา่ นๆ มาบรรจุลงไปในข้อสอบทงั้ กลางภาคและปลายภาคอย่างนอ้ ยร้อยละ 10 ของขอ้ สอบทั้งหมด เช่น ขอ้ สอบ 40 ข้อ มขี ้อสอบ O-Net จานวน 4-5 ขอ้ เป็นต้น 12.4 ข้อสอบควรครอบคลุมท้ัง ความรูค้ วามจา(1) ความเข้าใจ(2) การนาไปใช้(3) วเิ คราะห์(4) สังเคราะห์ (5) การประเมินคา่ (6) 12.5 ขอ้ สอบตอ้ งผ่านการหาค่า IOC โดยใช้ผูเ้ ชี่ยวชาญในกล่มุ สาระเดียวกนั จานวน 3-5 คน (คา่ IOC คือ ค่าความเท่ียงตรงของข้อสอบ โดยค่าความสอดคลอ้ งของขอ้ สอบกับจดุ ประสงคท์ ่ีใชไ้ ดอ้ ยรู่ ะหว่าง 0.50-1) 12.6 ส่งข้อสอบต้นฉบับ พรอ้ มสาเนาครบถ้วนตามจานวนผู้เขา้ สอบ ให้ฝา่ ยวิชาการตรวจสอบทันตาม กาหนดเวลา หากล่าชา้ กว่ากาหนด ถือว่าบกพร่องตอ่ หนา้ ทรี่ าชการ 13. กำรรำยงำนผลกำรวัดและประเมินผลกำรเรียน การวดั และประเมินผลการเรียน ท่ีจะต้องรายงานใหท้ นั ตามกาหนดเวลาตามปฏิทินงานฝ่ายวิชาการ ซึ่งหากลา่ ชา้ กวา่ กาหนดถือว่าบกพร่องต่อหน้าทีร่ าชการ มีดงั นี้ 13.1 การส่งสมดุ ปพ. 5 13.2 แบบบันทึกกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ประกอบดว้ ย 13.2.1 กจิ กรรมชุมนุม 13.2.2 กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี และนกั ศึกษาวชิ าทหาร 13.2.3 กจิ กรรมบาเพ็ญประโยชน์ 13.2.4 กจิ กรรมแนะแนว 13.3 แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ครทู ป่ี รึกษา) แบบประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น (ครูผู้สอน) 13.4 การบนั ทกึ ข้อมลู ผลการวดั และประเมินผลการเรยี นในรายวชิ าทร่ี บั ผดิ ชอบลงใน SGS เอกสำรหลกั ฐำนทำงกำรศึกษำ 1. ระเบยี นแสดงผลกำรเรยี น (TRANSCRIPT) (ปพ.1) เป็นเอกสารสาหรบั บันทึกขอ้ มูลผลการเรียนของผู้เรยี นตามเกณฑ์การผา่ นชว่ งชน้ั ของหลกั สูตรการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน แตล่ ะชว่ งชนั้ ได้แก่ ผลการเรยี นรตู้ ามกลุม่ สาระการเรยี นรู้ 8 กล่มุ ผลการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ เขียน ผล การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของโรงเรียน และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น โรงเรยี นจะตอ้ งจัดทา และออกเอกสารน้ใี หก้ ับผู้เรยี นเปน็ รายบคุ คล เมอื่ จบการศึกษาแตล่ ะชว่ งช้นั เพ่ือใช้ประโยชน์ในด้านตา่ งๆ ตอ่ ไปนี้ - แสดงผลการเรยี นของผ้เู รียนตามโครงสรา้ งหลกั สูตรของโรงเรียน - รบั รองผลการเรยี นของผู้เรียนตามขอ้ มูลทบี่ นั ทึกในเอกสาร

ค่มู ือ การปฏิบตั งิ านกล่มุ บรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร ปีการศึกษา ๒๕๖๕ | 31 - ตรวจสอบผลการเรยี นและวุฒกิ ารศึกศกึ ษาของผู้เรียน - ใช้เปน็ หลกั ฐานแสดงวฒุ ิการศกึ ษาเพอื่ สมัครเข้าศึกษาตอ่ สมัครงานหรอื ขอรบั สิทธิประโยชนอ์ ืน่ ใดทพี่ งึ มี พงึ ได้ตามวุฒิการศกึ ษาน้นั 2. หลกั ฐำนแสดงวฒุ กิ ำรศึกษำ (ประกำศนียบัตร) (ปพ.2) เปน็ วุฒิบัตรที่มอบใหผ้ ู้เรยี นท่สี าเรจ็ การศกึ ษาหลักสตู รการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน เพ่ือประกาศและรบั รองวฒุ กิ ารศกึ ษาของ ผู้เรยี น ส่งผลใหผ้ ู้เรียนได้รับศกั ดแ์ิ ละสทิ ธติ ่างๆ ของผู้สาเร็จการศกึ ษาตามวุฒิแห่งประกาศนียบัตรน้นั ประกาศนียบตั รสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ ดงั น้ี - แสดงวุฒทิ างการศกึ ษาของผู้เรยี น - ตรวจสอบวฒุ ิทางการศกึ ษาของผู้เรยี น - ใช้เปน็ หลกั ฐานแสดงวุฒกิ ารศกึ ษา เพ่อื สมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงานหรอื ขอรบั สทิ ธิประโยชน์ อนื่ ใด ทพ่ี ึงมีพงึ ไดต้ ามวุฒกิ ารศึกษาแหง่ ประกาศนียบตั รนัน้ 3. แบบรำยงำนผู้สำเรจ็ กำรศึกษำ (ปพ.3) เป็นเอกสารสาหรบั สรปุ ผลการเรยี นของผสู้ าเรจ็ การศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พ้นื ฐานแตล่ ะช่วงชน้ั โดยบันทึก ข้อมูลของผเู้ รียนที่จบการศกึ ษาชว่ งชนั้ เดียวกนั รุ่นเดียวกนั ไวใ้ นเอกสารฉบบั เดยี วกนั เปน็ เอกสารท่ผี บู้ รหิ าร โรงเรียนใชส้ าหรับตัดสินและอนุมัติผลการเรยี นให้ผ้เู รียนจบช่วงชัน้ เปน็ เอกสารทางการศกึ ษาท่ีสาคัญที่สดุ ใช้เปน็ หลักฐานแสดงคณุ สมบตั หิ รอื คุณวฒุ ทิ างการศึกษาของผ้เู รยี น ผู้ทมี่ รี ายชอื่ ในเอกสารนที้ ุกคน จะได้รับรองวุฒิทางการ ศกึ ษา จากกระทรวงศกึ ษาธิการ แบบรายงานผสู้ าเร็จการศึกษา นาไปใช้ประโยชน์ ดังน้ี - เปน็ เอกสารสาหรบั ตัดสินและอนุมัติผลการเรยี นให้ผเู้ รียนเปน็ ผู้สาเร็จการศึกษา - เปน็ เอกสารสาหรับตรวจสอบ ยืนยนั และรับรองความสาเร็จและวุฒิการศึกษาของผสู้ าเร็จ การศึกษาแตล่ ะคนตลอดไป 4. แบบแสดงผลกำรพัฒนำคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (ปพ.4) โรงเรียนจะจัดทาเอกสารนี้และมอบให้ผ้เู รยี นทุกคนเมอ่ื จบช่วงชน้ั หรือจบหลกั สตู รการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน เอกสารนจ้ี ะ ใช้บนั ทกึ ผลการประเมินผ้เู รยี นเกย่ี วกับคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมทีโ่ รงเรียนกาหนดเปน็ คุณลักษณะ อันพึง ประสงคข์ องโรงเรยี นแตล่ ะประการอย่างตอ่ เนือ่ ง และสรุปผลการประเมินเมือ่ จบช่วงชน้ั เพอ่ื ให้ผู้เรียนนาไปใชแ้ สดง หรอื รบั รองคณุ ลักษณะของตน ควบคกู่ ับระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1)แบบแสดงผลการพฒั นา คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (ปพ.4) นาไปใชป้ ระโยชน์ ดงั น้ี - แสดงผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผู้เรียนแตล่ ะประการ - ใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรยี นในการสมัครเข้าศกึ ษาต่อสมคั รทางาน หรือเมื่อมีกรณีอื่นใดท่ี ผู้เรียนตอ้ งแสดงคณุ สมบัติเก่ียวกบั ประวัติความประพฤตหิ รือคุณความดตี ่างๆ 5. แบบบนั ทึกกำรพัฒนำคุณภำพผเู้ รยี น (ปพ.5) เป็นเอกสารทโ่ี รงเรียนจัดทาข้ึน เพอื่ ให้ผู้สอนใช้บันทกึ ขอ้ มลู การวดั และประเมินผลการเรียนของผู้เรยี น ตามแผนการ จัดการเรียนการสอน และประเมนิ ผลการเรียน เพ่ือใช้เป็นข้อมลู สาหรับพิจารณาตดั สินผลการเรยี นแต่ละรายวิชา เอกสารบนั ทกึ ผลการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ ดังนี้ - ใช้เปน็ เอกสารประกอบการดาเนนิ งานในการวดั และประเมนิ ผลการเรียนของผเู้ รียน - ใช้เป็นหลักฐานสาหรบั ตรวจสอบ รายงานและรับรองขอ้ มลู เก่ียวกับวิธกี ารและกระบวนการวดั และ ประเมินผลการเรยี น

คู่มือ การปฏบิ ตั ิงานกลุ่มบริหารงานวิชาการ โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ | 32 6. เอกสำรรำยงำนผลกำรพัฒนำคุณภำพผูเ้ รียนรำยบคุ คล (ปพ.6) เปน็ เอกสารทีโ่ รงเรียนจัดทาขน้ึ เพ่อื บันทกึ ข้อมลู การประเมนิ ผลการเรียนรแู้ ละพัฒนาการดา้ นตา่ งๆ ของผูเ้ รียนแต่ ละคน ตามเกณฑก์ ารผา่ นช่วงชัน้ ของหลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน รวมทง้ั ข้อมลู ด้านอนื่ ๆ ของผเู้ รยี นทั้งท่บี ้านและ โรงเรียน โดยจดั ทาเปน็ เอกสารรายบุคคล เพ่อื ใช้สาหรับสอ่ื สารให้ผ้ปู กครองของผูเ้ รียนแต่ละคนได้ทราบผลการเรียน และพัฒนาการด้านตา่ งๆ ของผูเ้ รียนอย่างต่อเนื่อง แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบคุ คล นาไปใช้ ประโยชน์ ดงั น้ี - รายงานผลการเรยี น ความประพฤติ และพัฒนาการของผู้เรยี นใหผ้ ูป้ กครองไดร้ ับทราบ - ใช้เป็นเอกสารสื่อสาร ประสานงานเพ่ือความรว่ มมอื ในการพฒั นาและปรับปรุงแกไ้ ขผเู้ รียน - เป็นเอกสารหลกั ฐานสาหรับตรวจสอบ ยนื ยัน และรบั รองผลการเรยี นและพัฒนาการต่างๆ ของผเู้ รยี น 7. ใบรบั รองผลกำรศกึ ษำ (ปพ.7) เปน็ เอกสารทโี่ รงเรยี นจดั ทาขึน้ เพือ่ ใช้เปน็ เอกสารสาหรับรับรองสถานภาพผู้เรียนหรอื ผลการเรยี นของผูเ้ รียนเปน็ การ ชวั่ คราวตามที่ผเู้ รยี นร้องขอ ท้ังกรณีทผ่ี เู้ รยี นกาลังศกึ ษาอยใู่ นโรงเรยี นและเมอื่ จบการศกึ ษาไปแล้ว ใบรบั รองผล การศึกษา นาไปใช้ประโยชน์ดังน้ี - รบั รองความเปน็ ผูเ้ รยี นของโรงเรยี นท่เี รยี นหรอื เคยเรยี น - รับรองและแสดงความรู้ วุฒขิ องผูเ้ รยี น - ใช้เปน็ หลกั ฐานแสดงคุณสมบัตขิ องผูเ้ รยี นในการสมคั รเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าทางาน หรอื เมอื่ มกี รณีอ่ืนใดท่ี ผูเ้ รยี นต้องแสดงคณุ สมบัตเิ กี่ยวกับวุฒคิ วามรู้ หรือสถานะ การเป็นผู้เรยี นของตน - เป็นหลักฐานสาหรับการตรวจสอบ รับรอง ยนื ยันการใชส้ ทิ ธคิ์ วามเปน็ ผู้เรียน หรือการได้รับการรบั รอง จากโรงเรยี น

คมู่ ือ การปฏบิ ตั งิ านกลุม่ บริหารงานวชิ าการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ | 33

คมู่ ือ การปฏบิ ตั งิ านกลุม่ บริหารงานวชิ าการ โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ | 34


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook