คํานาํ ภูมิปญญาชาวบานในแตละทองถิ่นนั้น หากที่ใดมีอยูยอมแสดงให เห็นถึงอารยธรรม ความเจริญของการพัฒนาชุมชน ในการเรียนรูอยูกับ ธรรมชาติ การดาํ รงชวี ิต ความเปนอยู วิถชี ีวิตของชุมชนนั้นๆ ชมุ ชนบานดง หว ยเยน็ หมูท ่ี 14 ตําบลบานโฮง อําเภอบานโฮง จังหวัดลําพูน เปนชุมชน หนึ่งในหลายชุมชนในจังหวัดลําพูน ที่ราษฎรมีความเขมแข็งในเรื่องการ บริหารจัดการปา ดังจะเห็นจาก ในป พ.ศ.2556 กรมปาไมไดคัดเลือกให ชุมชนบานดงหวยเย็นเปนชุมชนที่มีการจัดการปาชุมชนดีเดนระดับประเทศ โดยมีลักษณะเดนในการดูแลรักษาปา และสืบทอดภูมิปญญาของตนเองท่ี บรรพบุรุษไดส่ังสมความรูท่ีเก่ียวของทั้งดานสมุนไพร และความเชื่อใน พิธีกรรมดานการรักษาปาไมอยางยั่งยืน พิธีกรรมฟงธรรมปลาชอนและสืบชะตาตนนํ้าลําธารเปนอีกรูปแบบ หนงึ่ ทใ่ี ชค วามเชอ่ื ในทางศาสนา การเคารพในสงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธเ์ิ ทพยดา เทพาอารกั ษ ภูตผตี างๆ ท่ีสิงสถิตยในปา และเปนกุศโลบายในการดูแลรักษาปาซ่ึงยัง สบื ทอดมาจนถงึ ปจ จบุ นั ดงั นนั้ จงึ มคี วามจาํ เปน ทจ่ี ะตอ งมกี ารศกึ ษาถงึ วถิ ชี วี ติ ความเปน มารปู แบบพธิ กี รรมฯ และทศั นคตขิ องชมุ ชน เพอื่ สรา งขวญั กาํ ลงั ใจ ใหแ กช มุ ชนทพ่ี งึ่ พงิ อาศยั ปา ในการดาํ รงชวี ติ สบื ตอ ไปโดยอาศยั ภมู ปิ ญ ญาท่ีมี อยูในทองถิ่น เปนเคร่ืองยึดเหน่ียว เปนศูนยรวมทางดานจิตใจใหดํารงอยู ชัว่ ลกู ชั่วหลานสืบตอไป คณะผจู ดั ทาํ กันยายน 2558
สารบญั ความหมายภูมิปญ ญา ............................................................................................... 1 สภาพทวั่ ไปของตาํ บลบานโฮง .................................................................................. 1 ที่มาและแนวคิดเกีย่ วกบั พิธกี รรมฟง ธรรมปลาชอ นและสบื ชะตาตน นาํ้ ลําธาร ......... 3 รูปแบบพธิ กี รรมฟงธรรมปลาชอ นและสืบชะตาตน นํา้ ลาํ ธาร .................................... 4 เคร่ืองบวงสรวงพิธกี รรมฟง ธรรมปลาชอนและสืบชะตาตน น้ําลาํ ธาร ........................ 7 พิธีกรรมทางศาสนา ................................................................................................... 9 ตํานานธรรมปลาชอ น ............................................................................................... 12 ความเชอ่ื เกยี่ วกบั พธิ ีกรรมฟง ธรรมปลาชอนและสืบชะตาตนน้ําลาํ ธาร ................... 13
ความหมายภมู ปิ ญญา ภูมปิ ญ ญา (Wisdom) หมายถงึ ความรู ความสามารถ ความเชอ่ื ทน่ี ําไปสูการ ปฏิบตั ิเพ่ือแกไขปญหาของมนษุ ย หรือพ้นื ความรขู องปวงชนในสังคมนน้ั ๆ และปวงชน ในสังคมยอมรบั รู เช่อื ถือ เขา ใจ รว มกัน ภูมปิ ญญาชาวบาน หรือภูมิปญญาทอ งถิน่ (Folk Wisdom) กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2539) หมายถึง ความรูทเ่ี กิดจากประสบการณในชวี ติ ของคนเราทผี่ านกระบวนการศึกษา สงั เกต คิดวเิ คราะหจ นเกดิ ปญญา และตกผลกึ มา เปน องคความรทู ป่ี ระกอบกันขน้ึ มาจากความรูเฉพาะหลายๆ เร่ือง ความรดู ังกลา วไมได แยกยอยออกมาเปนศาสตรเฉพาะสาขาวิชาตางๆ อาจกลาวไดวา ภมู ิปญญาทองถน่ิ จดั เปนพน้ื ฐานขององคค วามรสู มยั ใหมท่จี ะชว ยในการเรยี นรู การแกปญ หา การจดั การ และการปรับตวั ในการดาํ เนนิ ชวี ติ ของคนเรา ภมู ิปญ ญาทองถน่ิ เปนความรทู ีม่ ีอยทู ่วั ไป ในสังคม ชุมชนและในตวั ของผูรเู อง หากมีการสบื คนเพือ่ ศึกษา และนาํ มาใชก ็จะเปน ที่ รจู ักเกิดการยอมรับ ถายทอด และพฒั นาไปสูค นรนุ ใหมต ามยุคตามสมัยได ศกั ด์ิชัย เกยี รตนิ าคนิ ทร (2542) หมายถึง องคความรคู วามสามารถของชมุ ชน ที่ส่ังสมสืบทอดกันมานาน เปนความจริงแทของชุมชนเปนศักยภาพที่จะใชแกปญหา จดั การปรบั ตน เรยี นรแู ละถายทอดสคู นรุนใหม เพ่ือใหด ํารงชีวติ อยูไดอยา งผาสกุ เปน แกน ของชมุ ชนทจี่ รรโลงความเปน ชาตใิ หอ ยรู อดจากทกุ ขภ ยั พบิ ตั ทิ ง้ั ปวง จารุวรรณ ธรรมวัติ (2543) หมายถึง แบบแผน การดําเนินชีวิตท่มี ีคณุ คา แสดงถึงความเฉลียวฉลาดของบุคคลและสังคมซ่ึงไดส่ังสมและปฏิบัติกันสืบมา ภูมปิ ญญาจะเปน ทรพั ยากรบุคคล หรือทรพั ยากรความรกู ไ็ ด ภูมปิ ญ ญาทเ่ี กิดจากความสมั พันธระหวา งคนกบั คนอืน่ ในสงั คม จะแสดงออกมา ในลกั ษณะจารตี ขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะและนนั ทนาการ ภาษาและวรรณกรรม ตลอดท้ังการส่อื สารตา งๆ เปนตน ภมู ปิ ญ ญาทเี่ กดิ จากความสมั พนั ธร ะหวา งคนกบั สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ สง่ิ เหนอื ธรรมชาตจิ ะ แสดงออกมาในลักษณะของสงิ่ ศักดส์ิ ทิ ธิ์ ศาสนา ความเชื่อตา งๆ เปน ตน สภาพท่วั ไปของตําบลบา นโฮง 1. ที่ต้งั และอาณาเขตของตาํ บลบานโฮง พน้ื ทตี่ าํ บลบา นโฮง อาํ เภอบา นโฮง จงั หวดั ลาํ พนู มเี นอ้ื ทปี่ ระมาณ 49,493 ไร คดิ เปน 79.189 ตารางกิโลเมตร ประกอบดว ย 18 หมบู าน ไดแ ก 1
หมทู ี่ 1 บานหวยกาน หมูที่ 2 บา นโฮง หมทู ่ี 3 บานปาปวย หมูที่ 4 บานยางสม หมูท่ี 5 บา นหว ยนา้ํ ดิบ หมูที่ 6 บา นดอยกอ ม หมทู ี่ 7 บา นหว ยหา หมูที่ 8 บานดงฤาษี หมูท ี่ 9 บานลอง หมูท่ี 10 บา นน้าํ เพอะพะ หมูที่ 11 บา นสบลอ ง หมูท ี่ 12 บา นหวยแพง หมทู ่ี 13 บานปา ดาํ หมูท่ี 14 บา นดงหวยเย็น หมูท ี่ 15 บา นหวยแทงใต หมูที่ 16 บานหวยปางคา หมูท ี่ 17 บา นสนั ตับเตา หมูท่ี 18 บา นกลาง ตําบลบานโฮง พื้นที่สวนใหญเปนท่ีราบลุมติดเชิงเขา สภาพดินมีความอุดม สมบูรณ การเขาถึงสามารถใชเสนทางไดหลายเสนทาง มีแมนํ้าสําคัญไหลผาน คือ แมน า้ํ ลี้ มีอาณาเขตติดตอ ดงั นี้ ทิศเหนือ ติดตอ ตําบลเหลา ยาว อาํ เภอบา นโฮง จงั หวดั ลาํ พนู ทศิ ใต ติดตอ ตาํ บลปา พลู อาํ เภอบา นโฮง จงั หวดั ลําพูน ทศิ ตะวันออก ตดิ ตอ ตาํ บลนครเจดยี อาํ เภอปา ซาง จังหวัดลาํ พูน ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ ตาํ บลหนองปลาสวาย อาํ เภอบา นโฮง จงั หวดั ลาํ พนู สภาพท่วั ไปของตาํ บลบานโฮง 2. สภาพทางสังคม มีการปกครองแบง ออกเปน 2 สวน โดยสว นแรกอยูในเขตปกครองของเทศบาล ตาํ บลบานโฮง สว นท่ีสอง อยูในเขตปกครองขององคก ารบริหารสว นตําบลเวยี งกานต จากขอมูลของสํานักทะเบียนทองถ่ินเทศบาลตําบลบานโฮง ณ เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 พบวา ประชากรที่อยใู นเขตเทศบาลตําบลบา นโฮง จาํ นวนทั้งสิน้ 8,785 คน แยก เปนชาย 3,844 คน หญิง 4,344 คน สวนประชากรที่อยูในเขตองคการบริหาร สว นตาํ บลเวียงกานต จาํ นวนทง้ั สิ้น 5,603 คน เปนชาย 2,770 คน หญงิ 2,833 คน 2
ประชากรสวนใหญตั้งบานเรือนกระจายอยูในท่ีราบลุมแมนํ้าล้ี และสองขางถนนหลัก หมายเลข 106 ลาํ พนู -ล้ี อยูรวมกันแบบเครือญาติ สว นใหญน ับถอื ศาสนาพุทธ มี เอกลกั ษณและวฒั นธรรมของตนเอง 3. สภาพทางเศรษฐกิจ ขอมูลของสํานักงานเกษตรอําเภอบานโฮง จังหวัดลําพูน ป 2557 พบวา ประชากรในตําบลประกอบอาชีพเกษตรกรรมเปนหลัก โดยมีการถือครองพื้นท่ีเพื่อ การเกษตรเฉลย่ี 35.66 ไร มกี ารปลกู ตน ไม/ ไมผ ล มากทสี่ ดุ 1,534 ราย ใชท ด่ี นิ 9,631 ราย รองลงมา คอื การทาํ นา 1,011 ราย ใชท ด่ี นิ 5,080 ไร การปลกู พชื สวน/พชื ผกั 244 ราย ใชท ดี่ นิ 659 ไร และปลกู พชื ไร 1 ราย ใชท ดี่ นิ 5 ไร (ตามลาํ ดบั ) สรปุ พน้ื ทที่ งั้ หมด 59,040 ไร ใชท ดี่ นิ เพอื่ การเกษตรกรรม 15,375 ไร เพอื่ ทอ่ี ยอู าศยั 2,261 ไร และอนื่ ๆ 41,404 ไร ประเภทสทิ ธใิ นทดี่ นิ ทาํ กนิ ไดแ ก น.ส.3 นส.3 ก และสทก. เปน ตน พชื ทเ่ี กษตรกรรมปลกู เปน หลกั ไดแ ก ขา ว หอมแดง กระเทยี ม ลาํ ไย และมะมว ง เปน ตน ทางดา นการเลย้ี งสตั ว มกี ารเลยี้ งในทกุ หมบู า น ไดแ ก โคเนอื้ โคนม ไกพ นื้ เมอื ง สกุ ร และมกี ารเลย้ี งปลาไวเ พอื่ บริโภคในครัวเรือน แรงงานสวนใหญจะอยใู นภาคการเกษตรกรรม ซง่ึ ปจ จุบันคอนขาง หายาก เนื่องจากแรงงานทจี่ บการศกึ ษาภาคบงั คบั หรือสงู กวาจะนิยมเขา ไปทาํ งานใน ตัวเมือง อาชพี ทางดา นเกษตรกรรม ทม่ี าและแนวคดิ เกยี่ วกบั พธิ กี รรมฟง ธรรมปลาชอ น และสบื ชะตาตน นาํ้ ลาํ ธาร บา นดงหว ยเยน็ หมทู ี่ 14 ตาํ บลบา นโฮง อาํ เภอบา นโฮง จงั หวดั ลาํ พนู สมยั กอน บานดงหว ยเยน็ ผืนปา ไดรบั ความเสียหายอยา งหนัก มกี ารลักลอบตดั ตนไมและบุกรุกผืนปากันอยางรุนแรง สงผลใหลําหวยหลายสาขาที่มีความเย็นจากปา ตน นา้ํ เหอื ดแหง พชื ผลทางเกษตรไดร บั ความเสยี หายอยา งหนกั จนชาวบา นตอ งรวมตวั กนั เดินขบวนคัดคานกับผูวาราชการจังหวัดสมัยนั้น และนํามาสูการยกเลิกสัมปทาน เหมอื งแรใ นท่สี ุดแตพ อเหน็ ผลกระทบที่เกดิ ขึน้ ทงั้ ปาเสือ่ มโทรม นาํ้ แหง แลง ชาวบาน 3
ชวยกนั เอาตน ไมมาปลูก พลิกฟน ผนื ปา ใหก ลับมามคี วามอุดมสมบรู ณดงั เดมิ เปนแหลง อาศยั ของนกยงู ไทย และสตั วป า จาํ นวนมากมาย มตี านาํ้ จากหว ยปคู าํ ทเี่ พยี งพอสาํ หรบั ทาํ ประปาหมบู า น รวมทง้ั ผลผลติ จากปา ทง้ั เหด็ หนอ ไม และพชื สมนุ ไพรนบั 100 ชนดิ ท่ี หายาก และใชพ ธิ กี รรมความเชอื่ ทางศาสนาทสี่ บื ทอดกนั มาตง้ั แตค รงั้ บรรพบรุ ษุ มาชว ย ในการขอฝนฟา ใหต กขจดั ความแหง แลง ถอื เปน กศุ โลบายใหช มุ ชนมคี วามสามคั คี เกดิ ความรกั และหวงแหนทรพั ยากรปา ไม ชาวบานดงหวยเย็นมีความเชื่อวาธรรมชาติและสรรพส่ิงตางๆ มีเจาของจะใช ประโยชนอะไรตองขออนุญาตจากสิ่งศักดิ์สิทธ์ิท้ังหลายที่ดูแลรักษาปากอน และไดรับ การถา ยทอดผา นคาํ สอนและขอ หา มตา งๆ กลายเปน จารตี ประเพณแี ละกฎเกณฑใ นการ อยูรวมกันระหวางคนกับธรรมชาติมีความเกื้อกูลอยางเคารพและออนนอมถอมตนตอ ธรรมชาตอิ นั ยง่ิ ใหญ เมอ่ื ปา ดนิ นา้ํ มบี ญุ คณุ ตอ ชวี ติ ตงั้ แตเ กดิ จนตาย บานดงหว ยเยน็ จะประยกุ ตพ ธิ กี รรมการฟงธรรมปลาชอ นและสบื ชะตาตนน้ํา ลําธารเขาดวยกันการจัดพิธีกรรมฯน้ี แสดงถึงความกตัญูและสํานึกในบุญคุณของ ธรรมชาติตลอดจนการไมลวงละเมิดกฎของเทวดาอารักษ และส่ิงศักด์ิสิทธิ์ท้ังหลาย ทด่ี ูแลรักษาปา และแมน ํา้ ทาํ ใหเ กดิ ความเล่ือมใสเคารพตอ สงิ่ ศกั ดิ์สทิ ธ์ิท่ีปกปอ งผนื ปา และรกั ษาแมน าํ้ รวมถงึ เกดิ ความรกั ความหวงแหน สาํ นกึ ในการบาํ รงุ รกั ษาปา และแมน า้ํ จนกลายเปน กฎศกั ดสิ์ ทิ ธใ์ิ นใจคนและเปน ศนู ยร วมจติ ใจของคนทง้ั ชมุ ชน สาํ หรบั การจดั พธิ กี รรมฯ ดงั กลา ว บา นดงหว ยเยน็ จะจดั ขน้ึ เปน ประจาํ ทกุ ๆป ใน วนั แรม 9 คา่ํ เดอื น 8 (พฤษภาคม) สาํ หรบั ปน ตี้ รงกบั วนั ท่ี 11 มถิ นุ ายน 2558 ชาวบา น ไดใ ชเ รอ่ื งหลกั ของความเชอื่ ความศรทั ธา เทวดาอารกั ษ เจา ปา เจา เขา หรอื สงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ ตามปา และลาํ ธาร จะมพี ธิ กี รรมบวงสรวงเพอื่ ขอขมาและขอบคณุ ตอ เทพาอารกั ษท ดี่ แู ล ผนื ปา ผนื นาํ้ แหง นี้ รูปแบบพิธีกรรมฟง ธรรมปลาชอ น และสบื ชะตาตน นาํ้ ลาํ ธาร พธิ ีกรรมฟงธรรมปลาชอ นและสืบชะตาตนนํา้ ลําธารบา นดงหว ยเย็น จะจัดใหม ี 3 วัน คอื ในวนั ท่ี 1 อาจารย (ปูจาน) จะนําธูปเทยี นและขา วตอกดอกไม นมิ นตพ ระมงคล เทพนมิ ติ ร พระพทุ ธรปู องคใ หญท ปี่ ระดษิ ฐานอยใู นศาลาหว ยปคู าํ ซงึ่ ถอื เปน องคป ระธาน ในพิธี ลงจากแทน สักการะ มาประทบั หลังรถแหท ่ีมีการประดบั ประดาดวยดอกไมและ ผนื ผา อยางสวยงาม โดยจะแหร อบตําบลบานโฮง เพื่อใหช าวบานกราบสกั การะบชู า ชาวบานทเ่ี คารพนับถือ จะออกมาสกั การบชู าดวยขาวตอก ดอกไม และน้ําขม้ินสม ปอย 4
ตลอดเสนทาง ชาวบานบางคนก็จะถวายปจจัย เพ่ือเปนกองทุนในการจัดพิธีกรรมฯ ดงั กลา ว เม่อื แหรอบตําบลแลว ก็แหรอบในตวั หมูบ า น และจะนาํ องคพระประธานมา ประดิษฐานทปี่ ะรําพิธีการจัดงาน การแหองคพ ระประธานรอบตําบลน้ีถือเปน การแจง ใหทราบวา อกี 2 วัน จะมพี ิธีกรรมฯ ดังกลา วทหี่ วยปคู าํ บา นดงหว ยเยน็ อญั เชญิ พระมงคลเทพนมิ ิตรลงจากแทนประดษิ ฐาน แหรอบตวั อาํ เภอบา นโฮง ในวันที่ 2 ชาวบานจะมาชวยกันทําความสะอาดบริเวณพิธี และจัดทําเคร่ือง บวงสรวงบชู าส่งิ ศักดสิ์ ิทธ์ิ และเทพยดาตางๆ เพ่ือใชในการทาํ พธิ กี รรมฯ มกี ารตกแตง สถานทด่ี ว ยดอกไมอ ยา งสวยงาม เมอื่ จดั สถานทเี่ สรจ็ แลว อาจารยจ ะทาํ การโยงสายสญิ จน จากพระมงคลเทพนมิ ิตรประธานในพิธี ไปสูพ ระเจาทนั ใจ สุเทพฤาษเี จา ครูบาศรีวชิ ัย ศาลรุกขเทวดา และโยงสายสิญจนล งมายงั ศาลเจาพอ กมั มะทีอ่ ยูด า นลา ง จากนนั้ โยง สายสิญจนขึ้นไปที่บอปลาชอน และโยงสายสิญจนวนกลับไปท่ีพระมงคลเทพนิมิตร ตามเดมิ หลงั จากนัน้ ก็โยงสายสญิ จนลงมาสใู นบริเวณพธิ สี ืบชะตาในวันงาน พระมงคลเทพนมิ ติ ร 5
ในวนั ที่ 3 (วันแรม 9 คา่ํ เดอื น 8) ตรงกับวนั ที่ 11 พฤษภาคม 2558 เปน วันจัด พิธกี รรมฯ ดงั กลาว ตอนเชา จะมีการบวงสรวงเจาพอ กมั มะ ที่ประดิษฐานอยูในบริเวณ พิธีดวยอาหารคาวหวาน เพื่อเปนการสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธ์ิทั้งหลายท่ีดูแลรักษา ผืนปาแหงน้ี และขอพรใหการจัดพิธีกรรมฟงธรรมปลาชอนและสืบชะตาตน นํ้าลําธาร ใหสาํ เรจ็ ลุลว งไปดวยดี เม่อื ถงึ เวลาอาจารยจ ะนมิ นตพ ระสงฆ จํานวน 9 รูป มาประกอบ พิธีกรรมฯ ดังกลาว โดยจะเร่ิมทําพิธีกรรมฟงธรรมปลาชอนกอนหลังจากนั้นก็จะทํา พธิ ีกรรมสืบชะตาตนน้าํ ลําธารและสืบชะตาตออายคุ นจนเสรจ็ พธิ ี ในวันนีจ้ ะมีการสรง นํ้าพระเจาทันใจ สุเทพฤาษีเจา ครูบาศรีวิชัย ศาลรุกขเทวดา และศาลเจาพอกัมมะ ท่ชี าวบานเชือ่ วาเปนสิ่งศักดส์ิ ิทธิ์ท่คี มุ ครอง และดูแลรกั ษาปา แหง น้แี ละจะมกี ารถวาย ผา ปาเพอื่ เปน กองทุนปาชมุ ชนดวย เจา พอ กัมมะ สิ่งศกั ดิส์ ทิ ธท์ิ ีช่ าวบา นเชือ่ วา เปน ผดู ูแล ปกปอ ง รกั ษา ผืนปา จะมีการบวงสรวงดว ย ดอกไม ธปู เทยี น อาหารคาวหวานผลไม ในตอนเชากอ นทาํ พิธีกรรมฟงธรรมปลาชอนและสบื ชะตาปา บานดงหวยเยน็ แหงน้ี พธิ กี รรมฟง ธรรมปลาชอ นและสบื ชะตาตน นา้ํ ลาํ ธาร เปน พธิ กี รรมฯ ทส่ี บื ทอดกนั มา ตงั้ แตบ รรพบรุ ษุ เปน พธิ กี รรมแบบลา นนาโดยมคี วามเชอ่ื ทแี่ สดงออกถงึ ความปรารถนาท่ี จะขอใหอ าํ นาจแหงธรรมชาตดิ ลบันดาลใหเ กดิ ความอดุ มสมบูรณ โดยเฉพาะพิธขี อฝน 6
และเปนความเช่ือเกี่ยวกับการนับถือผี ซึ่งชาวลานนาเชื่อวา “ผี” เปนตัวแทนอํานาจ เหนือธรรมชาติที่มีอิทธิพลตอชีวิตโดยเช่ือวาสถานท่ีแทบทุกแหงมีผีใหความคุมครอง รกั ษาอยู ความเชอื่ นจ้ี งึ มอี ทิ ธพิ ลตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั เหน็ ไดจ ากขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และพิธีกรรมตางๆ การนับถือผีมีความสัมพันธกับการนับถือบรรพบุรุษซ่ึง แสดงถึงการผกู พันและเคารพ การนบั ถือผีเปนการสะทอนภูมปิ ญญาดานตางๆ เชน • ผีด้ําคือ ผีบรรพบุรุษ มีหนาท่ีคุมครองเครือญาติและครอบครัวสะทอนความ กตัญูรูคุณ • ผีอารักษหรือผีเจาที่เจาทาง มีหนาที่ คุมครองบานเมืองและชุมชนสะทอน ความเปน ผนู ํา • ผีเจาปาเจาเขา มีหนาท่ี คุมครองเม่ือเขาไปหาของในปาซึ่งเปนแหลงอาหารของ ชมุ ชน สะทอ นความกตัญูของทรพั ยากรปาไม เปน ตน เครอื่ งบวงสรวงพิธกี รรมฟง ธรรมปลาชอน และสืบชะตาปาตน นํ้าลําธาร เครือ่ งบวงสรวงพธิ กี รรมฟง ธรรมปลาชอน - สะตวง ใสเ ครอ่ื งบชู าทา ว ทง้ั 4 มฉี ตั รสขี าว 4 อนั ขา วตอก ดอกไม ธปู เทยี น หมาก พลู ขาวตม ขนมตางๆ กลวย ออย ผลไม ตางๆ (สะตวง หรือ กระทงแตละอัน ใสเ ครอ่ื งฯอยา งละ 4 ชนิ้ ) - เครอื่ งประดบั หนองสระ มี นก ชอ ธงนอ ย ตงุ ไชย และตน กลว ย เครอื่ งบวงสรวงสบื ชะตาตน นา้ํ ลาํ ธาร - ไมค ํา้ ใหญ 1 อัน บนั ไดชะตา 1 อนั ขวั ไต 1 อันลวดเงินและลวดทองอยา งละ 4 เสน หมากพลผู กู ตดิ เสนดายในลวดเงนิ ลวดทอง 108 ชอ ดอกไม ธปู เทียน 108 ชดุ บหุ ร่ี 108 มวน ธงเลก็ 108 ผนื ไมค าํ้ เลก็ (ฉาํ ฉา) 108 ชดุ กลา ตน กลว ย 1 ตน กลว ยดบิ 1 เครอื มะพราว 1 ทะลาย ทาํ เหมือนกนั สามชุด - ไม 3 ทอ น ประกอบกนั คลายกระโจม ไมท อนแรกเรียกวา “สะพานเงินสะพาน ทอง (ขัวเงิน-ขัวดํา) อีก 2 ทอน ทอนทสี่ องจะมกี ่งิ ไมกา มปูหรอื ไมฉาํ ฉาเล็กๆ ตัดเปนกํา มดั รวมกันขางลา งอยางละ 108 ชิน้ ทอนสดุ ทายใชธูปเทียน ดอกไม เมี่ยง บุหรี่อยางละ 108 ชิ้น ทําเปนสายมัดรวมกันท่ีปลายไม เมื่อต้ังแยกเปนสามขาอยูคนละมุม ใหมัด สายสญิ จนจากจดุ ท่ีไมสามทอ นรวมกนั ดานบนแลว โยงสายสิญจนเ ขา หากนั และปลอย สายหอ ยลงมาขา งลา ง (ทาํ เหมือนกนั 3 ชดุ ชุดท่ี 1 วางขางพระประธาน 1 ชุด และมมุ ซา ยและขวา ของปะลําพธิ ี 2 ชดุ ) 7
- ดา ยสายสิญจนลอ มรอบผูสืบชะตา 1 กลุม ฝา ยจดุ นํ้ามนั 1 สาย - บาตรนาํ้ มนต 1 ลกู ในบาตรผสมน้ําขมิ้น สมปอ ย และนํ้าอบ - เครือ่ งขันตั้งของอาจารย (ของบูชาคร)ู มเี บีย้ พานดอกไม ธูปเทยี น 3 พาน แจกันเงนิ 1 อัน หมอทอง 1 อนั กลวย 1 หวี นํา้ ขมิน้ สมปอย ดอกไมธปู เทยี น เคร่อื งบวงสรวงในพธิ กี รรมฟง ธรรมปลาชอน เครอื่ งบูชาทาวทัง้ 4 ฉัตรสขี าว และธงสี ประดับสะตวง และสระปลาชอน สระปลาชอนในพิธี 8
รปู เครอ่ื งสบื ชะตาตน นา้ํ ลาํ ธาร ไม 3 ทอน มัดตดิ กับเครอ่ื งบวงสรวง ต้ังเปน สามขาหางกนั 3 จุด เรมิ่ มัดโยงสายสิญจนจ ากองคพ ระ ประธาน มดั โยงไปทางขวาเรยี งไปจากไมท อ นที่ 1, 2 และ 3 วนกลบั มา ทพี่ ระประธานตามเดมิ จาก นนั้ โยงสายสญิ จนไ ปมาในบรเิ วณ แลว มดั สายสญิ จนป ลอ ยสายสญิ จนห อยลงมาเปนจุด เครอ่ื งบวงสรวงสืบชะตา ไมค าํ เล็ก ขนั ต้งั อาจารย พธิ กี รรมทางศาสนา เมอ่ื ถงึ เวลาทจี่ ะกระทาํ พธิ ี นมิ นตพ ระพทุ ธรปู ตงั้ ในปะราํ พธิ ี นมิ นตพ ระสงฆเ ขา นั่งบนอาสนะ จุดธูปเทยี นบชู าพระรตั นตรัย อาจารยกลาวนาํ ไหวพระ สมาทานศีลแลว ยกขันต้ังหรือขันครูใหอาจารยโยงครูบาอาจารย จากน้ันอาจารยยกเคร่ืองครัวไปบูชา ทา วทงั้ 4 ทตี่ งั้ อยทู างทศิ เหนอื ของปะราํ พธิ ี แลว กลา วบชู าทา วทง้ั 4 จากนน้ั อาจารยย ก เอาเครอ่ื งบชู าขน้ึ ตงั้ บนหอของปช ชนุ นะเทวบตุ ร 1 กระทง และยกตงั้ บนหอของวลาหก เทวบตุ ร 1 กระทง แลว กลา วคาํ โอกาสราธนาเทวบตุ รทง้ั 2 ตน อาจารยก ลา วคาํ โอกาส ราธนาเทวดา และพระพทุ ธเจา ดงั นี้ “สาธโุ อกาสะ ขา แดพ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา สมั โพธญิ าณเจา ตนบาํ เพญ็ สมภารนาน ได 4 อสงไขย ปลายแสนมหากปั ป จง่ึ ไดต รสั ผญาสพั พญั ตุ ญาณ นงั่ เหนอื แทน แกว แทบ 9
เคา ไมม หาโพธติ นประเสรฐิ ผจญมาแพม าร 5 ประการ แลว โผดยงั สตั วท งั้ หลาย หอ้ื พน จากทกุ ขท งั้ มวล ตนประกอบดว ยอรหนั ตทคิ ณุ อนั ประเสริ ฐ ปางเมอื่ เจา ยงั สรา งสมภาร เทยี วไปมาในวฏั ฏะสงสารวนั นน้ั กไ็ ดต รสั (ผญา) เกดิ ในวงศาอนั เปน มจั ฉาราชอยใู นสระ วงั นา้ํ อนั ใหญ บา นเมอื งทงั้ มวล กเ็ ปน อนั แหง แลง ขาดจากนาํ้ ฟา สายฝน สระวงั นา้ํ กแ็ หง เสยี หมญู าตกิ าแหง เจา กเ็ ปน ทกุ ขเวทนาลาํ บากดว ยภยั คอื วา เกดิ แตแ รง และกา รงุ เหลว นกยางทงั้ หลาย หากเบยี ดเบยี นกนั มากนกั เจา กอ็ นิ ดขู ณุ ณายงั หมญู าตทิ ง้ั หลายมากนกั กจ็ ง่ึ ราํ เพงิ เถงิ ยงั สจั จะบารมแี กง อรยิ สปั ปรุ สิ ะเจา ทง้ั หลายฝงู อนั เปน แลว ในกาลเมอื่ กอ น เจา กจ็ งึ่ สวาทธยิ ายมงั มจั ฉาราชคาถา ทน่ี น้ั ฝนอนั ใหญก ต็ กลงมาในบา นเมอื งทง้ั มวล กจ็ งึ่ จกั ชมุ เยน็ เปน สขุ สบาย หายภยั กงั วล อนั ตรายกล็ าํ งบั ดว ยเตชะมจั ฉาราชบารมธี รรมแหง เจา คู วนั นนั้ แล ในคราบดั นี้ ราชสณั ฐานบา นเมอื งอนั น้ี กม็ าแลง แหง จากนาํ้ ฟา สายฝน มาก ผขู า ทงั้ หลายกจ็ กั สวาทธยิ ายยงั สจั จะบารมธี รรมแหง เจา คู ปางเมอ่ื เกดิ เปน พญา มจั ฉาราชวนั นน้ั ดหี ลี บดั น้ี ขอเทพยดา อนิ ทร พรหม ยมราช และทา วจตโุ ลกทงั้ 4 สกั ขสิ ากสี ขอหอ้ื เทพบตุ รตนชอ่ื ปช ชนุ นะ อนั รกั ษายงั นา้ํ ฝน และเทวบตุ รตนชอื่ วลาหก อนั รกั ษายงั เมฆ จมุ นาํ มายงั มหาเมฆ และหา ฝนอนั ใหญต กลงมา ในราชสนั ฐานบา นเมอื งทน่ี ี้ หอื้ ชมุ เยน็ เปน สขุ กระทาํ ไรน า สวน เรอื ก เพงิ่ ดว ยอานภุ าวะ สจั จะอธษิ ฐาน บารมธี รรม แหง องค พระสมั มาสมั พทุ ธเจา ปางเมอื่ ไดเ กดิ เปน มจั ฉาราช คอื วา พญาปลาชอ น วนั นน้ั แทด หี ลี แดเ ทอะ” เมอื่ กลา วคาํ โอกาสรธานาจบแลว พระสงฆเ ทศนอ า นคมั ภรี เ รอื่ ง มจั ฉาปลาชอ น จบแลว อาจารยก ลา วชมุ นมุ เทวดา สคั เคหลวง พระสงฆส วดมนตด ว ยบท สมั พทุ ธคาถา 12 จบ สวดมจั ฉาราช 10 จบ พระสงฆน าํ นา้ํ อบ นา้ํ หอม ไปพรมลงในสระปลาชอ นท่ี เตรยี มไวถ อื วา เปน เสรจ็ พธิ ี หลงั จากนน้ั พระสงฆจ ะทาํ พธิ สี บื ชะตาตน นาํ้ ลาํ ธาร โดยจะดงึ สายสญิ จนท โ่ี ยง จากพระเจา ทนั ใจ สเุ ทพฤาษเี จา ครบู าศรวี ชิ ยั ศาลรกุ เทวดา และศาลเจา พอ กมั มะ จาก พระประธาน มาถอื ไว ซงึ่ ถอื วา เปน ตวั แทนของสง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธทิ์ งั้ หลาย ทด่ี แู ลรกั ษาปา ผนื ปา แหง น้ี ชาวบา นเขา ไปนง่ั ประนมมอื ในซมุ หนั หนา ไปทางพระประธาน เครอ่ื งสบื ชะตา ตงั้ ไวห นา พระสงฆ พระสงฆจ ะสวดสบื ชะตาปา และคนไปพรอ มๆ กนั จนเสรจ็ พธิ กี รรมฯ ประธานในพิธถี วายปจ จัยแดอ งคพ ระสงฆ พระสงฆใ หพ รแลวประพรมน้าํ อบ นาํ้ หอม องคพระประธานและผูรวมงาน หลังจากน้ันถวายอาหารแดพระสงฆ อาจารยก็นํา ปลาชอนในสระไปปลอยลงในสระนาํ้ ของหมูบานเปนเสร็จพธิ ี เม่ือพระสงฆฉันทเสร็จเรียบรอย ชาวบานก็จะทยอยกันนําผาปาแตละกอง ที่ แตล ะบา นตงั้ กองผา ปา ไว มาถวายปจ จยั ใหแ กพ ระสงฆท อ่ี ยใู นพธิ ี เพอ่ื เปน กองทนุ ดแู ล รกั ษาปา ของชมุ ชน ชาวบา นทม่ี ารว มพธิ กี จ็ ะนาํ นาํ้ ขมนิ้ สม ปอ ย นา้ํ อบ นา้ํ หอม ไปสระ 10
สรงองคพระมงคลเทพนิมิตร ในศาลา และพระเจาทันใจ สุเทพฤาษีเจา ครูบาศรีวิชัย ศาลรกุ ขเทวดา และศาลเจา พอ กมั มะ ทตี่ ง้ั อยใู นบรเิ วณหว ยปคู าํ แหง นี้ และชาวบา นเชอ่ื กันวาเม่อื ฟงธรรมปลาชอ นและสระองคสงิ่ ศักด์ิสิทธิท์ ง้ั หลายในผืนปาแลว ฝนจะตกลง มาภายใน 3 วนั 7 วัน สงผลใหเ กดิ ความชมุ ช้นื ดินเกดิ ความอดุ มสมบูรณตอไป มจั ฉราชจรยิ าคาถา คาถาปลาชอ น (คาถาขอฝน) ปนุ ะ ปะรงั ยะทา โหมิ มจั ฉะราชา มะหาสะเร อณุ เห สรุ ยิ ะสนั ตา เปสะเร อทุ ะกงั ขยี ะถะ ตะโต กากา จะ คชิ ฌา จะ กงั กากลุ าละเสนะกงั ภกั ขายนั ติ ทวิ ารตั ตงิ มชั เฌ อปุ ะนสิ ที ยิ ะ เอวงั จนิ เตสะหงั ตตั ถะ สะหะ ญาตภิ ปิ ฏ ฐโิ ต เกนะ นุ โข อปุ าเยนะ ญาติ ทกุ ขา ปะโมจะยงั วจิ นิ ตะยติ ะวา ธมั มฏั ฐงั สจั จงั อทั ทะสะ วสั สะยงั สะเจ ฐตั ะวา ปะโมเจสงิ ญาตนี งั ตงั อะตกิ ขะยะ อะนสุ สะรติ ะวา สะตงั ธมั มงั ปะระมตั ถงั วจิ นิ ตะยงั อะกาสงิ สจั จะกริ ยิ งั ยงั โลเกธวุ ะสสั สะตงั ยะโต สะรามิ อตั ตานงั ยะโต ปต โตสะมิ วญิ ตุ งั นาภชิ านามิ สญั จจิ จะ เอกะปาณมิ หิ หงิ สติ า เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ ปะชนุ โน อะภวิ สั สะตุ อะภติ ถะนายงั ปะชนุ นะ นธิ งิ กากสั สะ นาสะยะ กากงั โสกายะ รนั เชหิ มจั เฉ โสกา ปะโมจะยะ สะหะ กะเต สจั จะวะเร ปะชนุ โน อะภวิ สั สยิ ะ ถลงั นนิ นญั จะ ปเู รนโต ขะเณนะ อะภวิ สั สยิ ะ เอวะรปู ง สจั จะกริ ยิ งั กตั ะวา วริ ยิ ะมตุ ตะมงั วสั สาเปสงิ มะหาเมฆงั สจั จะเตชะพะลสั สโิ ต สจั เจนะ เม สะโม นตั ถิ เอสา เม สจั จะปาระมตี ิ ฯ มจั ฉะราชา จะรยิ า นฏิ ฐติ าฯ คาํ แปลมจั ฉราชจรยิ าคาถา (คาถาปลาชอ นหรอื คาถาขอฝน) ในกาลเมอ่ื เราเปน พระยาปลาอยใู นสระใหญ นา้ํ ในสระแหง ขอดเพราะแสงพระอาทติ ย ในฤดรู อ น ทนี่ นั้ กาแรง นกกระสา นกตะกรมุ และเหยยี่ ว มาคอยจบั ปลากนิ ทง้ั กลางวนั กลางคนื ในกาลนนั้ เราคดิ อยา งนว้ี า เรากบั หมญู าตถิ กู บบี คน้ั จะพงึ เปลอ้ื งหมญู าตใิ หพ น จากทุกขไดดวยอุบายอะไรหนอ เราคิดแลวไดเห็นความสัตยอันเปนอรรถเปนธรรมวา 11
เปน ทพ่ี ง่ึ ของหมญู าตไิ ด เราตง้ั อยใู นความสตั ยแ ลว จะเปลอื้ งความพนิ าศใหญข องหมญู าติ นน้ั ได เรานึกถงึ ธรรมของสตั บุรุษ คิดถึงการไมเ บยี ดเบยี นสตั ว อันตง้ั อยูใ นเท่ยี งแทใน โลก ซง่ึ เปน ประโยชนอ ยางยง่ิ ได แลวไดกระทําสัจกริ ิยาวา ตั้งแตเ ราระลกึ ตนได ตงั้ แต เรารูความมาจนถึงบัดนี้ เราไมรูสึกวาแกลงเบียดเบียนสัตวแมตัวหน่ึงใหไดรับความ ลําบากเลย ดวยสัจวาจาน้ี ขอเมฆจงยังฝนใหตกหาใหญนะเมฆ ทานจงเปลงสายฟา คํารามใหฝนตก จงทําขุมทรัพยของกาใหพินาศไป ทานจงปลดกาใหเดือดรอนดวย ความโศก จงปลดเปลอ้ื งฝงู ปลาจากความโศก พรอ มกบั เมอ่ื เราทาํ สจั กริ ยิ า เมฆสง เสยี ง สนน่ั ครนั่ ครนื้ ยงั ฝนใหต กครเู ดยี ว กเ็ ตม็ เปย มทงั้ ทดี่ อนและทลี่ มุ ครน้ั เราทาํ ความเพยี ร อยา งสงู สดุ อนั เปน ความสตั ยอ ยา งประเสรฐิ เหน็ ปานนแี้ ลว อาศยั กาํ ลงั อานภุ าพความสตั ย จงึ ยงั ฝนใหต กหา ใหญผ เู สมอดว ยความสตั ยข องเราไมม นี เี้ ปน สจั บารมขี องเรา ฉะนแี้ ล คาถาสบื ชะตา-ตอ อายุ (อณุ หสิ สะวชิ ะยะ) อตั ถิ อณุ หสิ สะ วชิ ะโย ธมั โม โลเกอะนตุ ตะโร สพั พะสตั ตะหติ ตั ถายะ ตงั ตวงั คณั หาหิ เทวะเต ปะรวิ ชั เช ระชะทณั เฑ อะมะนสุ เสหิ ปาวะเก พะยคั เฆนาเค วเิ ส ภเู ต อะกาละมะระเณนะ วา สพั พสั มามะระณา มตุ โต ฐะเปตวา กะละมารติ งั ตสั เสวะ อานภุ าเวนะ โหตุ เทโว สขุ สี ะทา สทุ ธะ สลี งั สะมาทายะ ธมั มงั สจุ ะรติ งั จะเร ตสั เสวะ อานภุ าเวนะ โหตเุ ทโว สขุ สะทา ลกิ ขติ งั จนิ ตติ งั ปชู งั ธาระนงั วาจะนงั คะรงุ ปะเรสงั เทสะนงั สตุ วา ตสั สะ อายุ ปะวฑั ฒะตตี ิ พระคาถาบทน้ี ชาวบา นมคี วามเชอื่ ในเรอื่ งของการมอี ายยุ นื ยาว จงึ นาํ คาถาบท นมี้ าใชก บั การสบื ชะตาตน นา้ํ ลาํ ธารเชน กบั สบื ชะตาคน เมอื่ ทาํ พธิ นี แ้ี ลว จะทาํ ใหป า มคี วาม อดุ มสมบรู ณ และอายยุ นื ยาวชวั่ ลกู ชว่ั หลาน “ตาํ นานธรรมปลาชอ น” “ธรรมปลาชอ น” เปน พระธรรมเทศนาพน้ื เมอื งเหนอื หรอื เรยี กอกี อยา งหนง่ึ วา “มจั ฉาราชาปลาชอ น” หรอื “ธรรมพระยาปลาชอ น” ตามคตธิ รรมเชอ่ื วา เปน ธรรมทใี่ ช เทศนาใหฝนตกตองตามฤดกู าล การฟง ธรรมปลาชอนจะเกดิ ขนึ้ เนอ่ื งจากเกดิ เหตุการณ ฝนแลง การทาํ ไรท าํ นาไมไ ดผ ล ผคู นในบรเิ วณลมุ นา้ํ ไดม กี ารจดั การแหป ลาชอ นตามลมุ นา้ํ 12
จากปลายนํา้ สตู น นา้ํ โดยมกี ารสงตอๆ กนั ไปเปนทอดๆ เมื่อถงึ บริเวณตนนาํ้ แลว ก็จะมี การทาํ พธิ ี“เทศนาธรรมปลาชอ น”เพอื่ เปน การใหส ตเิ ตอื นใจใหผ คู นไดร กั ษาปา รกั ษานาํ้ ซึ่งธรรมปลาชอ นน้ี มเี รือ่ งเลา มาชานานวา ในดนิ แดนแหง หนงึ่ ไดเ กิดภยั แหง แลง อยา ง หนกั ทกุ ขย ากลาํ เคญ็ เปน อยา งยง่ิ แมน า้ํ ลาํ ธารแหง ขอดจนนก กา อแี รง บนิ ลงมาจกิ กนิ หอย ปู ปลา ในแมน า้ํ ลาํ ธารทแ่ี หง ขอด นอกจากนยี้ งั ทาํ ใหน าขา วในไรน าไดแ หง ตายไป ดวยพระยาปลาชอนผูท่ีมีใจอันเปนกุศลซ่ึงหมายถึงพระโพธิสัตวไดแสดงปาฏิหาริย ดลบันดาลใหมีฝนฟาตกลงมาโปรดสรรพสิ่งท้ังหลายทั้งปวงซ่ึงหมายถึงการสั่งสอนให มนุษยทุกผูทกุ คนมีใจรกั ในหมูญาติพีน่ องของตน เมื่อญาตพิ นี่ อ งมที กุ ขก ต็ องชวยเหลือ เผอื่ แผซ งึ่ กนั และกนั ความเชอ่ื เกยี่ วกบั พธิ กี รรมฟง ธรรมปลาชอ น และสบื ชะตาตน นา้ํ ลาํ ธาร นายกมล แสงหงษ ผใู หญบ า นบา นดงหว ยเยน็ หมทู ่ี 14 ตาํ บลบา นโฮง อาํ เภอ บานโฮง จังหวัดลําพนู เลา วา “พิธีกรรมฟง ธรรมปลาชอนและสบื ชะตาตนนา้ํ ลําธาร” เปนวัฒนธรรมทองถ่ินของลานนา ซ่ึงมีการสืบทอดตอๆ กันมาจากรุนสูรุนตั้งแตคร้ัง โบราณกาลมาจนถงึ ปจ จบุ นั ชาวบา นดงหว ยเยน็ ไดม กี ารจดั พธิ กี รรมฯ นข้ี น้ึ ทกุ ๆ ป ในวนั แรม 9 คาํ่ เดอื น 8 (พฤษภาคม) และไดร วมเอาพธิ กี รรมฟง ธรรมปลาชอ นและสบื ชะตา ตนน้ําลําธารเขา เปน พธิ ีกรรมเดยี วกัน โดยจดั ขึ้นบริเวณหว ยปคู าํ เพื่อ “ขอฟา ขอฝน” บชู าผขี นุ นาํ้ หรอื บชู าสายนา้ํ ทไี่ ดป ระทานความชมุ ชน้ื และความอดุ มสมบรู ณม าใหก บั ชุมชนตลอดท้ังป เปนการสืบชะตาใหกับสายน้ํา แสดงความกตัญูตอสายนํ้าท่ีได หลอ เลยี้ งชวี ติ ใหก บั ชาวชมุ ชน ซง่ึ เปน อกี รปู แบบหนง่ึ ของการอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ มทช่ี าวบา นไดช ว ยกนั สบื สานตอ ๆ กนั มาตง้ั แตค รง้ั โบราณกาล พธิ กี รรม ฯ นี้ ไดรับการยอมรับจากชุมชนและชุมชนใกลเคียง หลายทองท่ีมีการจัดพิธีกรรมฯ นี้ แต ขน้ั ตอนอาจจะแตกตา งกนั ไปบา ง แตก ม็ จี ดุ ประสงคเ ดยี วกนั คอื ชว ยกนั อนรุ กั ษส ายนาํ้ ตา งๆ ใหม คี วามสะอาดบรสิ ทุ ธแิ์ ละอดุ มสมบรู ณอ ยา งยงั่ ยนื ตลอดไป” 13
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: