Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บุณยานุช สุขพงษ์ไทย

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บุณยานุช สุขพงษ์ไทย

Published by Bunyanuch Sukpongthai, 2020-11-07 12:37:39

Description: แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บุณยานุช สุขพงษ์ไทย

Search

Read the Text Version

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรือ่ ง ปจั จยั ทีม่ ผี ลต่อความรุ่งเรอื งของอารยธรรมโบราณ สอน 25 นาที 1.สาระสาคญั อารยธรรมโบราณสั่งสมขนึ้ มาโดยอาศัยปจั จยั สาคญั ได้แก่ การตง้ั ถนิ่ ฐาน ความเชื่อ ความก้าวหนา้ ทาง วิทยาการ และรปู แบบการปกครอง ไดก้ ลายเป็นรากฐานและมรดกท่มี กี ารสบื สาน ถ่ายทอด และพัฒนาเป็นอารย ธรรมของมนษุ ยชาติในสมัยตอ่ มา 2.ตวั ชีว้ ัดท่เี กย่ี วข้อง มาตรฐาน ส.4.2 ม.4-6/1 วิเคราะหอ์ ิทธพิ ลของวฒั นธรรมโบราณ และการติดตอ่ ระหว่างโลกตะวนั ออก กบั โลกตะวันตกที่มีผลตอ่ พัฒนาการและการเปล่ียนแปลงของโลก 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เพ่ือให้นักเรียนสามารถ ด้านความรู้ วิเคราะหป์ จั จยั ทมี่ ผี ลต่อความรุ่งเรืองของอารยธรรมโบราณ ด้านทักษะ 1.การให้เหตุผล 2.การวเิ คราะห์ 3.การสืบคน้ ด้านคณุ ลกั ษณะ เหน็ ความสาคญั ในการศกึ ษาอารยธรรมโบราณ เพ่ือประโยชนท์ างด้านการศึกษาและนาความร้ไู ป ประยกุ ต์ใช้ในการดาเนินชวี ติ

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 4.สาระการเรยี นรู้ 1.อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ด้านภูมศิ าสตร์ ทรัพยากร ตั้งถิ่นฐานบรเิ วณไทกรสี -ยูเฟรทสี โดยทั่วไปสภาพภูมิประเทศของชาวเมโสโปเตเมยี ไมค่ อ่ ย เออื้ อานวยต่อการต้ังถ่ินฐานมากนกั เพราะมปี ริมาณน้าฝนน้อย อากาสรอ้ นจัด ขาดหินที่เปน็ วัสดกุ ่อสรา้ ง ทีส่ าคญั และบ่อยครง้ั อาจจะได้รับภยั จากน้าทว่ มทเ่ี กิดจากภาวะฝนตกหนกั ในตอนเหนอื และการละลาย ของหมิ ะในบรเิ วณเทอื กเขาเทารสั ซึ่งเกิดขึน้ เปน็ ประจาทุกปี ในขณะเดยี วกันธรรมชาติ ณ. บริเวณ ดงั กลา่ ว มีสิ่งทดแทน ไดแ้ ก่ ความอดุ มสมบรู ณ์ของผลอินทผลัมท่อี ดุ มดว้ ยธาตอุ าหารต่าง ๆ ที่สาคญั ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ทเี่ ป็นสารอาหารท่ใี ห้พลังงานแก่ร่างกาย ดินตามแม่น้าไทกรีส-ยเู ฟรทีสยังเปน็ ดินท่ี อดุ มสมบรู ณ์ดว้ ยปุ๋ยจากธรรมชาติจากการตกตะกอน ดา้ นความเช่ือ ศาสนา ภยั จากธรรมชาติเป็นสิง่ ท่ีมนุษย์ไม่สามารถควบคมุ ได้ เชน่ ภาวะน้าทว่ ม ถึงแมจ้ ะมกี ารสรา้ ง เขือ่ นแตไ่ มส่ ามารถป้องกนั ชีวติ ของผ้คู นได้ รวมทงั้ การไรป้ ราการธรรมชาตทิ ี่จะขวางกนั้ ศัตรูไดส้ รา้ ง ความรูส้ ึกสิน้ หวงั ใหแ้ ก่พวกเขาและยอมตกอยใู่ นอานาจลีล้ บั ของพระเจา้ เชอ่ื ว่ามนษุ ย์เกดิ มาเพื่อรับใช้ พระเจา้ เทา่ น้ัน จงึ สรา้ งสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ มลี ักษณะคล้ายภเู ขาเรียกวา่ ซิกกูแรต(Ziggurat) เพอ่ื เป็นเทวสถานในการบชู าพระเจา้ เพอ่ื ไมใ่ ห้พระองคท์ รงขุ่นเคืองและลงทณั ฑ์มนุษย์ด้วยภยั ตา่ ง ๆ ความก้าวหน้าดา้ นวทิ ยาการ 1.ประดษิ ฐ์อักษรคูนฟิ อรม์ หรอื อกั ษรลม่ิ เพื่ออธบิ ายคาท่ีเปน็ นามธรรม ใช้ในการทาบญั ชี และถกู นาไปบันทกึ บทบญั ญตั ทิ างศาสนาและงานวรรณกรรมทแี่ สดงให้เหน็ ถึงอานาจของพระเจา้ ทอี่ าจดล บนั ดาลใหเ้ กดิ ภัยพิบัติทางธรรมชาตแิ ก่มนุษยไ์ ด้ 2.ประดิษฐ์จานหมุนเพื่อใชใ้ นการปั้นภาชนะดินเผา ถือวา่ เปน็ เครอ่ื งกลชนิดแรกของโลก และ พวกเขายงั สร้างวงลอ้ ท่ปี ระกอบติดกับเพลาเพอื่ ใชก้ ับเกวยี นและรถศึก ซ่งึ เปิดโอกาสให้นักรบได้ใชอ้ าวธุ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 3.ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี เป็นการสร้างความยุติธรรมใหแ้ ก่สังคมและทาลายความชัว่ ป้องกนั มิใหผ้ ทู้ ่เี ข้มแขง็ กวา่ กดขี่ผู้ทอ่ี ่อนแอกว่า ยึดหลัก “ตาตอ่ ตา ฟันตอ่ ฟนั ”

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 การปกครอง โครงสร้างทางสงั คม เปน็ วฒั นธรรมเมือง มลี กั ษณะเป็น รฐั สวัสดกิ าร รฐั ดูแลพลเมืองอยา่ งใกลช้ ดิ มคี วามเช่ือวา่ กษตั ริย์เปน็ สมมตุ ิเทพหรือผู้แทนของพระเจ้า 2.อารยธรรมอียิปต์ ด้านภมู ิศาสตร์ ทรัพยากร ที่ตง้ั ของอยี ิปตม์ ีความม่นั คงและมีปราการธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ทะเลทรายทหี่ ้อมล้อมทงั้ ทศิ ตะวนั ตก ทศิ ตะวนั ออก และทิศใต้ ส่วนทิศเหนอื เปน็ สามเหลย่ี มเดลตาซ่ึงไมม่ ชี ายฝ่ังทเ่ี รือสามารถจอดได้ มชี ยั ภูมิที่ ดีตอ่ การปอ้ งกนั การรกุ รานของศัตรู อีกท้งั มแี ม่นา้ ไนลท์ ่นี าความชุม่ ชนื่ อุดมสมบรู ณ์ตลอด มีนา้ เออ่ ท่วม บริเวณชายฝั่ง ทางตอนใต้มเี ขตเพาะปลูก ด้านความเชอื่ ศาสนา 1.เช่ือในชีวติ หลงั ความตาย ชวี ติ อมตะ บูชาเทพโอซริ ิส 2.เช่อื ว่าฟาโรหท์ รงเปน็ เทวะหรือพระเจา้ จึงทาใหเ้ กิดวฒั นธรรมการเชดิ ชูฟาโรห์ โดยสรา้ งสสุ าน ขนาดใหญ่ เรียกว่า พรี ะมดิ เพื่อเกบ็ พระศพ หรอื มมั ม่ี ผ่านกรรมวธิ ีทซ่ี ับซอ้ นเพ่ือรักษาร่างมใิ หเ้ น่าเปื่อย ความกา้ วหน้าดา้ นวิทยาการ 1.จัดทาระบบชลประทานและสร้างเขื่อน 2.พฒั นาอักษรฮิโรกลฟิ กิ 3.พีระมดิ 4.การทามัมม่ี การปกครอง โครงสรา้ งทางสงั คม 1.เป็นวฒั นธรรมจกั รวรรดดิ ินแดนมีความเปน็ ปกึ แผ่น ปกครองต่อเน่อื งโดยราชวงศ์ 28 ราชวงศท์ ่ี เข้มแข็ง 2.กษัตริยอ์ ียปิ ตห์ รอื ฟาโรห์ มอี านาจสูงสุด มหี นา้ ทค่ี วบคมุ ระบบชลประทาน การเพาะปลกู การ เกบ็ เกยี่ วผลผลิตในคลงั หลวงเพ่อื ใชเ้ ลยี้ งดูราชสานกั และประชาชน

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 3.ชนช้ันลา่ งมกั ถูกเอาเปรียบ ไม่มกี ฎหมาย ถอื วา่ วจนะของฟาโรห์คอื กฎหมาย 3.อารยธรรมกรกี ด้านภมู ิศาสตร์ ทรัพยากร 1.ต้ังอยบุ่ รเิ วณทะเลอาเจียนและทะเลเมดิเตอรเ์ รเนยี น เป็นอารยธรรมทางทะเล 2.ออกเดินเรอื คา้ ขายเพื่อแสวงหาทองคา เหล็ก ดา้ นความเชื่อ ศาสนา เช่ือในเทพเจ้าและเทพี ความกา้ วหน้าด้านวิทยาการ 1.การแขง่ ขนั กฬี าโอลิมปกิ 2.ระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตย (เอเธนส)์ 3.ระบอบการปกครองแบบเผด็จการทหาร (สปารต์ า) 4.สถาปตั ยกรรม ตามหลัก ธรรมชาตินิยม โดยเสนอเร่ืองราวของธรรมชาติอย่างเทีย่ งตรง การปกครอง โครงสร้างทางสังคม 1.จัดตัง้ นครรฐั หรือโพลิส โดยแต่ละแห่งเกดิ จากการพัฒนาของเขตศนู ย์การคา้ และมีอะโครโพ ลสิ เมืองป้อมปราการและอณาบริเวรโดยรอบมฐี านะเปน็ เสมือนประเทศเล็ก ๆ ประชาชนที่อาศัยต่างมี หนา้ ทีต่ ่อโพลสิ 2.มคี วามสัมพนั ธแ์ นบแนน่ กบั เมอื งแม่ แตม่ ีอานาจทางการเมืองที่เปน็ อิสระจากกนั

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 4.อารยธรรมโรมนั ดา้ นภมู ศิ าสตร์ ทรพั ยากร 1.ตง้ั ถิ่นฐานบรเิ วณทีร่ าบอาติอมุ ในแหลมอติ าลี คาบสมทุ รอิตาลี 2.ผูกขาดการคา้ ในทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน ดา้ นความเช่ือ ศาสนา เชอ่ื ในเทพเจา้ และเทพี รับแนวคิดมาจากอารยธรรมกรีก ความก้าวหน้าด้านวิทยาการ 1.สร้างถนนทวั่ จักรวรรดเิ พอ่ื ลาเลยี งสนิ ค้าและทหาร 2.งานศลิ ปไดร้ ับมาจากอารยธรรมกรกี แต่มีความอ่อนช้อยน้อยกวา่ การปกครอง โครงสร้างทางสังคม 1.ระบบสังคมเมือง ยุติระบอบการปกครองแบบสาธารณรฐั และเปล่ียนเปน็ ระบอบจกั รวรรดิ 2.พลเมืองโรมนั พูดภาษาเดยี วกัน (ละติน) และอยภู่ ายใตก้ ฎหมายเดยี วกัน

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 5.กจิ กรรมการเรียนรู้ (25 นาที) ขนั้ นา (2นาท)ี ครูเปดิ รูปภาพอารยธรรมโบราณ ไดแ้ ก่ 1.อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 2.อารยธรรมอยี ิปต์ 3.อารยธรรมโรมนั 4.อารยธรรมกรกี ให้นกั เรยี นดู แลว้ ชวนสนทนาซกั ถามว่า “แหลง่ อารยธรรมทีป่ รากฎในรปู ภาพคือแหลง่ อารยธรรมใดบา้ ง เพราะอะไร” ขน้ั สอน (18นาท)ี 1.ครใู ช้รปู ภาพอารยธรรมทัง้ 4 ภาพ เพอ่ื เชอ่ื มโยงเข้าสู่กจิ กรรม โดยครแู บ่งนกั เรยี นออกเปน็ 4 กลุม่ โดย การคละกลมุ่ ละเทา่ ๆ กนั จากการนบั เลข 1-4 โดยกาหนดให้นกั เรยี นทนี่ ับได้เลขเหมอื นกันอย่กู ล่มุ เดยี วกนั โดยคละดังน้ี กลมุ่ ท่ี 1 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี กลมุ่ ที่ 2 อารยธรรมอียิปต์ กล่มุ ท่ี 3 อารยธรรมกรกี กล่มุ ที่ 4 อารยธรรมโรมัน 2.ครูแจกใบความรูใ้ หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่ม 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั อา่ นใบความรทู้ คี่ รูแจกและสรปุ ความร้ใู ห้สมาชกิ ในกลมุ่ ฟงั พร้อมคน้ คว้า เพ่มิ เติมเกยี่ วกบั อารยธรรมของกลมุ่ ท่ีตนได้ 4.นกั เรยี นภายในกลุม่ ร่วมกนั อภปิ รายปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ ความรุ่งเรอื งของอารยธรรมนัน้ ๆ 5.จับกลมุ่ นาเสนอและอภิปรายรว่ มกันระหวา่ ง -นกั เรยี นกลมุ่ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี กบั กลุ่มอารยธรรมอียิปต์ -นกั เรยี นกลมุ่ อารยธรรมกรีก กบั กลมุ่ อารยธรรมโรมนั

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 โดยอภิปรายเรื่องความเหมอื นและความแตกต่างของการตง้ั ถนิ่ ฐาน ดา้ นความเช่อื ความกา้ วหนา้ ทางวิทยาการ และรปู แบบการปกครอง 5.ครซู กั ถามนกั เรยี นวา่ “ปจั จัยอะไรบา้ งท่ีมีผลต่อความรงุ่ เรอื งของอารยธรรมโบราณ” ขน้ั สรปุ (5นาท)ี 1.นกั เรยี นแต่ละคนได้รบั กระดาษโพสอทิ 1 ใบ ซึง่ ด้านหลังของกระดาษโพสอทิ กากับเลข 1-4 ซ่ึงเป็นตวั แทนของแหลง่ อารยธรรมโบราณตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ 1.อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 2.อารยธรรมอียิปต์ 3.อารยธรรมโรมัน 4.อารยธรรมกรีก 2.นกั เรยี นแตล่ ะคนเขยี นปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ ความรงุ่ เรืองของอารยธรรมโบราณ ตามแหลง่ อารยธรรมโบราณ ที่ตนได้รบั ลงในกระดาษโพสอิทที่ครแู จกให้ จากนน้ั นามาแปะไวบ้ นกระดานดา ตามรูปภาพของแหล่งอารยธรรม ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1.อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 2.อารยธรรมอียิปต์ 3.อารยธรรมโรมนั 4.อารยธรรมกรกี 3.ครซู กั ถามนกั เรยี นเพ่อื สรุปบทเรยี น สื่อและอุปกรณก์ ารเรียนรู้ 1. Power Point 2. ใบความรเู้ รือ่ ง “ปัจจัยที่มีผลต่อความร่งุ เรืองของอารยธรรมโบราณ” 3. กระดาษ Post it

นางสาวบณุ ยานชุ สขุ พงษ์ไทย 6043597127 การวัดและประเมนิ ผล การมีส่วนร่วมในช้ันเรยี น 1.การทากิจกรรมกลุม่ 2.การตอบคาถามในกระดาษโพสอทิ เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพการประเมนิ การประเมินผล ผ่าน (1) ไมผ่ า่ น (0) การทากิจกรรมในช้นั เรยี น นกั เรยี นมสี ่วนรว่ มกับการทา นกั เรยี นไมม่ สี ว่ นรว่ มกบั การทา กจิ กรรมในขนั้ เรยี น กจิ กรรมในขัน้ เรยี น การตอบคาถามในกระดาษโพสอทิ นกั เรยี นสามารถอธบิ ายปจั จยั ทม่ี ผี ล นกั เรยี นไมส่ ามารถอธบิ ายปัจจยั ทีม่ ี ต่อความรงุ่ เรอื งของอารยธรรม ผลต่อความรงุ่ เรืองของอารยธรรม โบราณได้ โบราณ