Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา

Description: แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา

Search

Read the Text Version

แผนพัฒนาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) อัตราการเจ็บป่วยของประชาชนในจังหวดั ฉะเชิงเทรา ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สาเหตุการป่วยท่ีสาคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) โรคความดัน โลหิตสูงท่ีไม่มีสาเหตุนา อัตราป่วย 33,577.93 ต่อแสนประชากร (2) โรคการติดเช้ือของทางเดินหายใจ ส่วนบนแบบเฉียบพลันอ่ืน ๆ อัตราป่วย 30,301.64 ต่อแสนประชากร (3) โรคเบาหวาน อัตราป่วย 25,617.10 ต่อแสนประชากร (4) โรคเนื้อเยื่อผิดปกติ อัตราป่วย 18,792.80 ต่อแสนประชากร (5) โรค ความผดิ ปกตอิ ื่น ๆ ของฟนั และโครงสรา้ ง อัตราป่วย 15,269.29 ต่อแสนประชากร ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สาเหตกุ ารตายท่ีสาคญั 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) เนื้องอกร้าย อัตราตาย 105.09 ต่อแสนประชากร (2) ปอดบวม อัตราตาย 89.03 ต่อแสนประชากร (3) โลหิตเป็นพิษ อัตราตาย 50.29 ตอ่ แสนประชากร (4) โรคหลอดเลือดในสมอง อัตราตาย 43.11 ตอ่ แสนประชากร (5) โรคหัวใจ อัตรา ตาย 38.17 ต่อแสนประชากร และปัญหาสุขภาพ/ปัญหาสาธารณสุข ที่สาคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง (2) อบุ ัตเิ หตุจราจร (3) โรคหัวใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง (4) โรคมะเร็ง เน้ืองอกร้าย และ (5) ปญั หาสขุ ภาพของผู้สงู อายุ ตารางท่ี 26 สาเหตกุ ารปว่ ย จ้าแนกตามกลมุ่ สาเหตุ 21 กล่มุ โรค (รง.504) จงั หวัดฉะเชงิ เทรา ปี 2558-2560 ชอ่ื กลมุ่ (298โรค) รวม อัตรา:แสนประชากร สาเหตุการปว่ ยของผปู้ ว่ ยนอกตามกลมุ่ โรค 10 อนั ดับแรก จังหวดั ฉะเชิงเทราประจา้ ปงี บประมาณ 2558 1) 145 ความดนั โลหิตสงู ท่ไี มม่ สี าเหตุนา 208,197 29,704.15 2) 167 การติดเช้อื ของทางเดินหายใจส่วนบนแบบเฉยี บพลนั อน่ื ๆ 176,605 25,196.82 3) 104 เบาหวาน 160,610 22,914.76 4) 207 เน้ือเย่อื ผิดปกติ 116,213 16,580.49 5) 165 คออกั เสบเฉยี บพลันและตอ่ มทอนซลิ อกั เสบเฉียบพลัน 97,424 13,899.80 6) 181 ความผดิ ปกติอ่ืน ๆ ของฟนั และโครงสรา้ ง 87,178 12,437.97 7) 281 การบาดเจบ็ ระบเุ ฉพาะอนื่ ๆ , ไมร่ ะบเุ ฉพาะและหลายบริเวณในร่างกาย 72,689 10,370.78 8) 185 โรคอ่ืน ๆ ของหลอดอาหาร กระเพาะและดโู อเดนมั 60,574 8,642.29 9) 180 ฟันผุ 50,606 7,220.12 10) 206 พยาธิสภาพของหลงั สว่ นอ่ืน ๆ 48,048 6,855.17 11) 199 โรคอน่ื ๆ ของผิวหนงั และเนื้อเยื่อใต้ผวิ หนงั 46,957 6,699.51 12) 267 ปวดท้องและปวดองุ้ เชงิ กราน 36,476 5,204.15 13) 170 หลอดลมอกั เสบเฉยี บพลันและหลอดลมเลก็ อกั เสบเฉียบพลัน 21,279 3,035.95 14) 198 โรคอกั เสบตดิ เช้อื ของผิวหนังและนือ้ เยื่อใต้ผวิ หนัง 21,228 3,028.67 15) 176 โรคหดื 19,422 2,771.00 รวม 1,223,506 174,561.64 สาเหตกุ ารปว่ ยของผ้ปู ่วยนอกตามกลมุ่ โรค 10 อันดบั แรก จงั หวดั ฉะเชงิ เทราประจา้ ปีงบประมาณ 2559 1) 145 ความดันโลหติ สงู ท่ไี มม่ ีสาเหตนุ า 225,595 32,026.59 2) 167 การติดเชือ้ ของทางเดินหายใจสว่ นบนแบบเฉยี บพลนั อื่น ๆ 208,545 29,606.09 3) 104 เบาหวาน 177,823 25,244.64 4) 207 เนื้อเยอื่ ผดิ ปกติ 138,375 19,644.41 5) 165 คออักเสบเฉยี บพลันและต่อมทอนซิลอักเสบเฉยี บพลนั 109,306 15,517.63 6) 181 ความผิดปกติอน่ื ๆ ของฟนั และโครงสร้าง 98,572 13,993.77 7) 281 การบาดเจบ็ ระบเุ ฉพาะอน่ื ๆ , ไมร่ ะบเุ ฉพาะและหลายบรเิ วณในร่างกาย 73,411 10,421.79 8) 180 ฟนั ผุ 71,903 10,207.71 ๔๕

แผนพัฒนาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ช่อื กลมุ่ (298โรค) รวม อตั รา:แสนประชากร 9) 185 โรคอื่น ๆ ของหลอดอาหาร กระเพาะและดโู อเดนัม 58,464 8,299.84 10) 199 โรคอื่น ๆ ของผิวหนังและเน้อื เยือ่ ใตผ้ วิ หนงั 55,924 7,939.25 11) 206 พยาธสิ ภาพของหลงั สว่ นอ่นื ๆ 52,769 7,491.35 12) 267 ปวดท้องและปวดอุ้งเชงิ กราน 34,436 4,888.71 13) 170 หลอดลมอกั เสบเฉยี บพลันและหลอดลมเลก็ อกั เสบเฉยี บพลัน 28,397 4,031.38 14) 039 ภูมิคมุ้ กนั บกพรอ่ งเนอ่ื งจากไวรสั (HIV) 24,833 3,525.42 รวม 1,383,046 196,344.12 สาเหตกุ ารป่วยของผ้ปู ่วยนอกตามกลมุ่ โรค 10 อันดับแรก จังหวัดฉะเชงิ เทราประจา้ ปีงบประมาณ 2560 ๑) 145 ความดันโลหิตสงู ทไี่ มม่ สี าเหตนุ า 238,366 33,577.93 ๒) 167 การตดิ เชื้อของทางเดินหายใจสว่ นบนแบบเฉยี บพลันอน่ื ๆ 215,108 30,301.64 3) 104 เบาหวาน 181,853 25,617.10 4) 207 เนอื้ เยื่อผดิ ปกติ 133,408 18,792.80 5) 181 ความผิดปกตอิ ื่น ๆ ของฟันและโครงสร้าง 108,395 15,269.29 6) 180 ฟันผุ 94,994 13,381.53 7) 165 คออกั เสบเฉยี บพลนั และต่อมทอนซลิ อกั เสบเฉียบพลนั 86,497 12,184.58 8) 281 การบาดเจบ็ ระบเุ ฉพาะอนื่ ๆ , ไม่ระบุเฉพาะและหลายบรเิ วณในร่างกาย 74,139 10,443.75 9) 185 โรคอน่ื ๆ ของหลอดอาหาร กระเพาะและดโู อเดนัม 60,325 8,497.81 10) 199 โรคอ่นื ๆ ของผิวหนังและเนอ้ื เยอ่ื ใตผ้ ิวหนงั 53,176 7,490.75 11) 206 พยาธิสภาพของหลงั สว่ นอื่น ๆ 39,783 5,604.12 12) 267 ปวดท้องและปวดองุ้ เชงิ กราน 34,438 4,851.18 13) 198 โรคอักเสบติดเชอื้ ของผิวหนงั และนื้อเยอื่ ใต้ผิวหนงั 26,426 3,722.55 14) 192 โรคอ่นื ๆ ของลาไสแ้ ละเยือ่ บุชอ่ งทอ้ ง 26,414 3,720.86 15) 170 หลอดลมอกั เสบเฉยี บพลนั และหลอดลมเล็กอกั เสบเฉียบพลัน 24,382 3,434.62 รวม 1,397,704 196,890.50 ทม่ี า : - ขอ้ มลู จาก รง.504 เดอื น มกราคม – ธันวาคม ของทกุ ปี - ใช้ข้อมูลประชากรจากสานกั บริหารการทะเบยี น กระทรวงมหาดไทย ณ วันท่ี 31 ธันวาคม ของทุกปี หมายเหตุ : การคานวน คิดตาม 298 กลุ่มโรคนับเป็นครั้งตามการวินิจฉัย โดยที่ dxtype=1 และรหัสหน่วยบริการ (10 อันดบั โรคทมี่ ารบั บริการ/พบบอ่ ย) ตารางท่ี 27 อตั ราตายจา้ แนกตามสาเหตุทีส่ ้าคัญ 10 อนั ดบั แรกจังหวดั ฉะเชงิ เทรา จา้ แนกตามสาเหตุท่ีสา้ คญั 10 อนั ดบั แรก จังหวดั ฉะเชิงเทรา ปี พ.ศ. 2557-2560 ลา้ ดบั สาเหตุการตาย ปี 2557 อตั รา : แสนประชากร ปี 2560 104.82 ปี 2558 ปี 2559 105.09 1 เน้ืองอกรา้ ย (Neoplasms) (C00-C99) 57.8 89.03 2 ปอดบวม (Pneumonia) (J12-J18) 50.18 110.86 100.80 50.29 3 โลหิตเป็นพิษ (Septicaemia) (A40-A41) 45.44 70.77 93.84 43.11 4 โรคหลอดเลอื ดในสมอง (Cerebrivascular diseases) (I60-I69) 41.12 41.8 50.40 38.17 5 โรคหวั ใจ (Heart diseases) (I20 - I52) 23.72 47.8 45.57 27.47 6 โรคของระบบสืบพนั ธแ์ุ ละทางเดนิ ปสั สาวะ 40.09 43.73 28.33 33.1 26.26 25.64 (Diseases of the genitourinary system) (N00-N99) 20.56 19.58 7 อบุ ัติเหตกุ ารขนสง่ (Transport accidents) (V01-V99) 19.84 29.1 25.84 13.80 8 โรคของตับ (Diseases of liver) (K70-K76) 18.4 18.55 13.91 10.42 9 เบาหวาน (E10-E14) (Diabetes mellitus) 20.54 13.77 10 ความดนั โลหิตสงู (I10 - I15) 15.12 11.64 ทม่ี า : กลุ่มข้อมูลขา่ วสารสุขภาพ สานกั นโยบายและยทุ ธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ๔๖

แผนพฒั นาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) การจัดล้าดับความสา้ คญั ของปญั หาสุขภาพ/สาธารณสุขจังหวดั ฉะเชิงเทราปี 2559 สานักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยกลุ่มงานพัฒนายุทธศาสตร์สาธารณสุข ได้รวบรวม ปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข จากทุกกลุ่มงานในสานักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา และเครือข่ายบริการ สุขภาพของทุกอาเภอประมวลสรุปเป็นปัญหาสุขภาพจังหวัดฉะเชิงเทรา ประจาปี ๒๕๖๐ โดยใช้วิธีตาราง ตัดสินใจ (Multi-variable decision) ผลการวิเคราะห์สรุปจัดลาดับความสาคัญของปัญหาสุขภาพ จังหวัด ฉะเชงิ เทรา ปี ๒๕๖๐ : 10 อันดบั แรก เป็นดงั นี้ ตารางที่ 28 ผลการวิเคราะหส์ รปุ จดั ลา้ ดบั ความส้าคญั ของปัญหาสุขภาพ จังหวดั ฉะเชิงเทรา ปี ๒๕60 : 10 อนั ดับแรก อนั ดบั ปัญหาสุขภาพ/สาธารณสขุ คะแนน 1 โรคเบาหวานและความดนั โลหิตสงู 80.00 2 อบุ ัตเิ หตุจราจร 78.00 3 โรคหวั ใจ, โรคหลอดเลือดสมอง 77.00 4 โรคมะเร็ง, เนื้องอกรา้ ย ๗๕.๕๐ 5 ปญั หาสขุ ภาพของผ้สู งู อายุ ๗๔.๐๐ 6 ภาวะอว้ นลงพุง, ขาดการออกกาลงั กาย,พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารหวานมนั เค็ม อาหารจานดว่ น ๗๐.๐๐ 7 ผพู้ ิการขาดคนดูแล, ผพู้ กิ ารทช่ี ว่ ยเหลอื ตนเองไมไ่ ด้ ๖๘.๕๐ 8 ทารกและการดูแลทารก,ทารกแรกเกดิ นา้ หนกั นอ้ ยกว่า ๒,๕๐๐ กรัม, เดก็ กนิ นมแมน่ อ้ ยกว่า ๖ เดือน ๖๗.๐๐ 9 โรคไขเ้ ลือดออก ๖๖.๕๐ 10 ยาเสพตดิ ๖๔.๕๐ การประกนั สงั คม ตารางที่ 29 แสดงสถิตกิ องทนุ ประกนั สังคม จงั หวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2557 – 2559 รายการ 2557 2558 2559 (2014) (2015) (2016) จานวนสถานประกอบการ1/ (แหง่ ) จานวนผปู้ ระกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 2/ (คน) 4,185 4,274 4,303 จานวนผปู้ ระกนั ตนในระบบประกันสงั คมตามมาตรา 39 3/ (คน) 209,019 215,033 212,578 จานวนการใช้บริการของผปู้ ระกนั ตน 11,958 13,264 14,689 345,320 384,980 385,679 กรณเี จบ็ ปว่ ย (ราย) 27,025 29,937 29,857 กรณีทุพพลภาพ (ราย) กรณตี าย (ราย) 3,111 3,301 3,345 กรณคี ลอดบุตร (ราย) 1,062 1,255 1,267 กรณีชราภาพ (ราย) 4,887 5,226 5,237 กรณีสงเคราะหบ์ ุตร (ราย) 4,482 7,614 13,840 ว่างงาน4/ (ราย) 296,593 316,000 307,797 ท่ีมา : สานักงานประกันสงั คม กระทรวงแรงงาน 17,160 21,647 24,336 ๔๗

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) การปราบปรามยาเสพติด ตารางท่ี 30 แสดงผลการจับกมุ คดียาเสพติดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ประเภทความผดิ 2558 2559 2560 2561 จบั แจง้ จบั กมุ จับแจง้ จบั กมุ จับแจ้ง จับกมุ จับแจ้ง จบั กมุ ผลติ (ราย) (คน) (ราย) (คน) (ราย) (คน) (ราย) (คน) จา้ หนา่ ย ครอบครองเพ่ือจา้ หน่าย 121 136 35 42 29 29 10 10 ครอบครอง 368 411 265 298 195 224 139 151 เสพ 748 823 613 657 515 550 647 683 1,224 1,254 1,234 1,264 806 818 877 857 2,615 2,632 3,080 3,094 2,343 2,372 2,264 2,256 ทมี่ า: สานักงานตารวจภูธรจงั หวัดฉะเชงิ เทรา การบา้ บัดและฟืน้ ฟผู เู้ สพยาเสพติด ตารางท่ี 31 สถิติคดีจา้ นวนผู้เขา้ รับการฟื้นฟูยอ้ นหลงั 3 ปี (พ.ศ. 2557 – 2559) ปีพ.ศ ม.ค ก.พ มี.ค เม.ย พ.ค ม.ิ ย ก.ค ส.ค ก.ย ต.ค พ.ย ธค รวม 2557 239 234 241 220 241 278 322 278 283 262 248 280 3,126 2558 132 209 167 150 106 164 104 156 144 165 199 166 1,862 2559 204 115 307 157 270 246 206 232 197 225 200 185 2,544 ท่ีมา: สานักงานคุมประพฤติจังหวดั ฉะเชงิ เทรา สถิติจา้ นวนผู้ตอ้ งขงั ตารางที่ 32 ขอ้ มูลสถิตผิ ู้ต้องขังยอ้ นหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2557 – 2559) และข้อมลู ปี พ.ศ. 2560 จา้ นวน จ้านวนผู้ตอ้ งขังทีร่ บั ใหม่และผ้ทู ไ่ี ด้รับการปล่อยตัว(คน) ปี ผู้ตอ้ งขัง ปลอ่ ยอภยั โทษ ปล่อยพกั โทษ ปล่อยลดวัน ปลอ่ ยตัวตาม รวมจ้านวน เข้าใหม่ ต้องโทษ หมายปลอ่ ย ผู้ต้องขงั ท่ีไดร้ บั (คน) การปลอ่ ยตวั 2557 3510 190 337 1183 1710 2558 2823 405 96 309 839 1649 2559 2577 680 92 423 805 2000 2560 1821 207 2 67 613 889 รวม 10731 1292 380 1136 3440 6248 ทมี่ า : เรือนจากลางฉะเชิงเทรา ๔๘

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ตารางท่ี 33 ขอ้ มลู สถิตผิ ตู้ ้องขงั ยอ้ นหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2557 – 2559) และขอ้ มลู ปี พ.ศ. 2560 แยกประเภทฐานความผดิ (ระบุ 5 อันดบั แรก) ท่ี ประเภทฐานความผิด 2,557 2,558 2,559 2,560 2,220 1,588 1,411 111 1 พรบ. ยาเสพติดใหโ้ ทษ 404 319 285 39 2 ความผดิ เกยี่ วกบั ทรพั ย์ 240 283 240 5 3 พรบ.อาวธุ ปืน / ความผดิ ตอ่ ร่างกาย 122 164 149 3 4 ความผดิ ตอ่ ชีวิต 4 5 ความผิดเกยี่ วกับเพศ 86 51 56 ทม่ี า : เรอื นจากลางฉะเชิงเทรา (ข้อมูล ณ วนั ท่ี 1 กนั ยายน ๒๕60) งานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั ฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรามีสถานีดับเพลิงรวมท้ังส้ิน 68 แห่ง สังกัดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และ สถานีอยู่ใกล้ชุมชน สามารถเข้าถึงชุมชนที่เกิดเหตุได้ภายในเวลา 15 นาที ยกเว้นในพื้นท่ีอาเภอคลองเข่ือน และอาเภอราชสาส์น ซึ่งมีเพียงรถบรรทุกน้าอเนกประสงค์ อาเภอละ 1 คัน จาเป็นต้องเพิ่มศักยภาพ ให้เพียงพอต่อการรองรับการดับเพลิง แต่อย่างไรก็ดีต้องเตรียมการเร่ืองจุดเติมน้า ข้อต่อระบบประปา กบั ข้อต่อสายฉีด ในชุมชนหรือเมอื ง จังหวดั ฉะเชิงเทรามีสถิตดิ ้านภัยตา่ งๆ ดงั นี้ - วาตภยั จานวน 24 ตาบล มรี าษฎรเดือดร้อน จานวน 520 ครัวเรือน - อุทกภัย จานวน 8 ตาบล มีราษฎรเดือดร้อน จานวน 1,560 ครัวเรือน มีการดาเนินการ ให้ความช่วยเหลอื เป็นเงิน 3,559,221 บาท - อคั คีภัย จานวน 5 ตาบล มีราษฎรเดือดร้อน จานวน 15 ครวั เรอื น - ช้างป่า จานวน 2 ตาบล มรี าษฎรเดอื ดรอ้ น จานวน 223 ครวั เรอื น - ภยั แลง้ ไม่พบพืน้ ทีป่ ระสบภัย ตารางท่ี 34 สถิตขิ อ้ มลู การประกาศพนื ทปี่ ระสบภัย และการใหค้ วามช่วยเหลอื พ.ศ. 2560 ท่ี สาธารณภัย \"พืนทป่ี ระกาศพืนทีป่ ระสบภัยพบิ ตั ิฉกุ เฉนิ พ.ศ. 2560\" การใหค้ วามช่วยเหลอื โดยใช้ จา้ นวนตา้ บล จา้ นวนหม่บู ้าน / ชมุ ชน จ้านวนครวั เรอื น เงินทดลองราชการฯ 1 วาตภัย 24 70 520 3,559,221 2 อุทกภยั 8 34 1,560 3 อคั คีภัย 5 5 15 4 ภัยแลง้ - - - 5 ช้างป่า 2 31 223 ท่มี า : สานกั งานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวดั ฉะเชิงเทรา ๔๙

แผนพัฒนาจังหวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ตารางที่ 35 สถิติการประกาศพืนทีป่ ระสบภยั พิบตั ิ รายอ้าเภอ พ.ศ. 2560 ที่ อาเภอ พ้ืนท่ีประกาศพน้ื ทปี่ ระสบภยั พิบตั ิ (จานวนตาบล) 1 เมืองฉะเชิงเทรา วาตภัย อทุ กภยั อคั คีภัย ภัยแลง้ ชา้ งปา่ 2 บางคลา้ 3 บางน้าเปร้ียว 5- - - - 4 บางปะกง 5 บา้ นโพธ์ิ 3-- - - 6 พนมสารคาม 7 สนามชยั เขต 10 - -1- 8 แปลงยาว 9 ราชสาส์น 3 - -1- 10 ทา่ ตะเกียบ 11 คลองเขือ่ น 4---- รวมทงั สิน 2- -1- 3 - - -1 1 11 - - - - ---- 1 12 1 1 2 2- - - - 34 23 2 4 3 ที่มา : สานักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฉะเชงิ เทรา ขอ้ มูลความจ้าเปน็ พืนฐานจังหวดั (จปฐ.) จากรายงานข้อมูลความจาเป็นพ้ืนฐานจังหวัดฉะเชิงเทรา ประจาปี 2560 ของสานักงาน พัฒนาชุมชนจังหวัดฉะเชิงเทรา ซ่ึงได้มีการจัดเก็บข้อมูล จปฐ.จากครัวเรือนในจังหวัด ปรากฏว่าประชาชน จงั หวัดฉะเชงิ เทรา มคี ุณภาพชวี ิตบรรลุเปา้ หมาย เป็นส่วนมาก โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี ตารางที่ 36 สรุปผลการจัดเกบ็ ข้อมลู คุณภาพชวี ิตของครวั เรอื น (จปฐ.) ปี 2560 ระดับจงั หวดั จงั หวัดฉะเชิงเทรา หมวดที่ 1 สุขภาพดี (คนไทยมีสุขภาพและอนามัยด)ี ตวั ชวี ดั ข้อมลู ความจ้าเปน็ พนื ฐาน จา้ นวนคนท่ี ผ่านเกณฑ์ ไมผ่ ่านเกณฑ์ ส้ารวจ หมวดที่ 1 สุขภาพ มี 7 ตวั ชีวดั ทังหมด จ้านวน รอ้ ยละ จ้านวน ร้อยละ 1. เดก็ แรกเกดิ มนี ้าหนัก 2,500 กรมั ข้นึ ไป ๒. เด็กแรกเกิดได้กินนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนแรก 3,178 คน 3,173 99.84 5 คน 0.16 ติดต่อกัน 2,257 คน 2,178 96.50 79 คน 3.50 ๓. เด็กแรกเกิดถึง 12 ปี ได้รับวัคซีนป้องกันโรคระบาดตาม ตารางสรา้ งเสรมิ ภูมคิ ้มุ กัน 48,668 คน 48,665 99.99 3 คน 0.01 ๔. ครัวเรือนกินอาหารถูกสุขลักษณ ะ ปลอดภัย และได้ มาตรฐาน 149,181 145,946 97.83 3,235 คร. 2.17 ๕. ครัวเร่ือนมีการใช้ยาเพื่อบาบัด บรรเทาอาการเจ็บป่วย คร. คร. เบอ้ื งตน้ อยา่ งเหมาะสม 98.92 1,606 คร. 1.08 ๖. คนอายุ ๓๕ ปีขนึ้ ไป ได้รับการตรวจสุขภาพประจาปี 149,181 147,575 คร. คร. 95.82 10,398 4.18 ๗. คนอายุ ๖ ปีข้ึนไป ออกกาลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๓ คน วันๆ ละ ๓๐ นาที 248,858 238,460 คน คน 99.26 2,900 คน 0.74 392,164 389,264 คน คน ๕๐

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) หมวดที่ 2 มบี ้านอาศยั (คนไทยมีบา้ นอาศัยและสภาพแวดล้อมเหมาะสม) มี 8 ตวั ชีวดั ตวั ชีวดั ข้อมลู ความจ้าเป็นพนื ฐาน จา้ นวนคนที่ ผา่ นเกณฑ์ ไม่ผา่ นเกณฑ์ ส้ารวจทังหมด จ้านวน ร้อยละ จา้ นวน รอ้ ยละ หมวดท่ี 2 สภาพแวดลอ้ ม มี 7 ตัวชีวดั 8. ครัวเรือนมีความม่ันคงในท่ีอยู่อาศัย และบ้านมีสภาพ 149,181 คร. 148,729 คร. 99.70 452 คร. 0.30 คงทนถาวร 9. ครัวเรือนมีน้าสะอาดสาหรับด่ืมและบริโภคเพียงพอ 149,181 คร. 149,023 คร. 99.89 158 คร. 0.11 ตลอดปี อย่างน้อยคนละ ๕ ลติ รต่อวนั 10. ครัวเรือนมีน้าใช้เพียงพอตลอดปี อย่างน้อยคนละ 149,181 คร. 148,995 คร. 99.88 186 คร. 0.12 ๔๕ ลิตรต่อวนั 11. ครัวเรือนมีการจัดบ้านเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อย 149,181 คร. 144,735 คร. 97.02 4,446 คร. 2.98 สะอาดและถกู สขุ ลกั ษณะ 12. ครวั เรือนไม่ถูกรบกวนจากมลพิษ 149,181 คร. 147,227 คร. 98.69 1,954 คร. 1.31 13. ครัวเรือนมีการป้องกันอุบตั ิภัยและภัยธรรมชาตอิ ยา่ ง 149,181 คร. 146,911 คร. 98.48 2,270 คร. 1.52 ถูกวิธี 14. ครัวเรือนมคี วามปลอดภยั ในชวี ิตและทรพั ยส์ นิ 149,181 คร. 149,057 คร. 99.92 124 คร. 0.08 หมวดท่ี 3 ฝกั ใฝ่การศกึ ษา (คนไทยมีการศกึ ษาทีเ่ หมาะสม) มี 5 ตัวชวี ัด ตัวชีวดั ข้อมูลความจา้ เปน็ พนื ฐาน จ้านวนคนท่ี ผ่านเกณฑ์ ไม่ผา่ นเกณฑ์ ส้ารวจทงั หมด จ้านวน รอ้ ยละ จา้ นวน รอ้ ยละ หมวดที่ ๓ การศึกษา มี ๕ ตวั ชีวดั 15. เด็กอายุ ๓-๕ ปี ได้รับบริการเลี้ยงดูเตรียมความ 11,585 คน 11,573 คน 99.90 12 คน 0.10 พร้อมกอ่ นเรยี น 16. เด็กอายุ ๖-๑๔ ปี ได้รับการศึกษาภาคบังคบั ๙ ปี 38,483 คน 38,302 คน 99.53 181 คน 0.47 17. เด็กจบชัน้ ม.๓ ไดเ้ รียนตอ่ ชัน้ ม.๔ หรอื เทียบเทา่ 1,392 คน 1,343 คน 96.48 49 คน 3.52 18. คนในครัวเรอื นที่จบการศึกษาภาคบังคับ ๙ ปี ทีไ่ ม่ได้ 829 คน 749 คน 90.35 80 คน 9.65 เรยี นตอ่ และยงั ไมม่ ีงานทา ไดร้ บั การฝกึ อบรมด้านอาชพี 19. คนอายุ ๑๕-๕๙ ปี อา่ น เขียน ภาษาไทย และคิดเลข 276,593 คน 275,877 คน 99.74 716 คน 0.26 อยา่ งงา่ ยได้ หมวดที่ 4 รายได้ก้าวหน้า (คนไทยมงี านท้าและมีรายได)้ มี 4 ตัวชีวัด ตวั ชีวดั ข้อมูลความจ้าเปน็ พนื ฐาน จ้านวนคนที่ ผ่านเกณฑ์ ไม่ผา่ นเกณฑ์ ส้ารวจทังหมด จา้ นวน รอ้ ยละ จา้ นวน รอ้ ยละ หมวดที่ 4 การมีงานทา้ และรายได้ มี 4 ตวั ชวี ดั 20. คนอายุ 15-59 ปี มีอาชพี และรายได้ 250,724 คน 247,718 คน 98.80 3,006 คน 1.20 21. คนอายุ ๖๐ ปีขึน้ ไป มอี าชีพและรายได้ 69,571 คน 90.87 6,986 คน 9.13 22. รายได้เฉลยี่ ของครัวเรือนต่อปี 76,557 คน 23. ครัวเรอื นมีการเกบ็ ออมเงิน 149,181 คร. 147,385 คร. 98.80 1,796 คร. 1.20 149,181 คร. 124,678 คร. 83.57 24,503 คร. 16.43 ๕๑

แผนพฒั นาจงั หวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) หมวดท่ี 5 ปลูกฝงั คา่ นยิ มไทย (คนไทยประพฤตดิ ีและมคี ุณธรรม) มี 6 ตัวชีวัด ตวั ชีวดั ข้อมูลความจา้ เป็นพนื ฐาน จ้านวนคนท่ี ผ่านเกณฑ์ ไมผ่ ่านเกณฑ์ ส้ารวจทังหมด จ้านวน ร้อยละ จ้านวน ร้อยละ หมวดท่ี ๕ คา่ นยิ ม มี ๘ ตวั ชีวัด 24. คนในครวั เรือนไม่ดืม่ สุรา 411,240 คน 393,676 คน 95.73 17,564 คน 4.27 25. คนในครวั เรือนไม่สูบบุหรี่ 390,552 คน 94.97 20,688 คน 5.03 26. คนอายุ 6 ปีข้ึนไป ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาอย่าง 411,240 คน 389,636 คน 99.36 น้อยสปั ดาหล์ ะ 1 ครงั้ 392,164 คน 2,528 คน 0.64 27. ผู้สูงอายุ ได้รบั การดูแลจากครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ 77,133 คน 99.91 หรือภาคเอกชน 77,206 คน 73 คน 0.09 28. ผู้พิการ ได้รับการดูแลจากครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ 4,624 คน 99.98 หรือภาคเอกชน 4,628 คน 1 คน 0.02 29. ผู้ป่วยโรคเร้ือรัง ได้รับการดูแลจากครอบครัว ชุมชน 8,377 คน 99.94 ภาครัฐ หรือภาคเอกชน 8,382 คน 5 คน 0.06 30. ครัวเรือนมีส่วนร่วมทากิจกรรมสาธารณ ะเพ่ือ 147,682 คร. 99.00 ประโยชนข์ องชมุ ชน หรือท้องถิ่น 149,181 คน 1,499 คร. 1.00 31. ครอบครวั มคี วามอบอุ่น 148,188 คร. 99.33 149,181 คน 993 คร. 0.67 ด้านการศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรามีโรงเรียนในสังกัดส้านักงานการศึกษาขันพืนฐาน ได้แก่ สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทราเขต 1,2 สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 6 จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา โรงรียนในสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศีกษาเอกชน โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ และ โรงเรยี นในสังกัดอ่นื เช่น โรงเรียนตารวจตะเวนชายแดน มจี านวนโรงเรยี น ท้ังหมด 363 แห่ง แบง่ เป็น ระดับ อนุบาลถึงประถมศึกษา จานวน 219 แห่ง โรงเรียนขยายโอกาสที่เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 102 แห่ง โรงเรียนมัธยมที่เปิดสอนต้ังแต่ชั้น ม.1-ม.6 จานวน 29 แห่ง ส่วนระดับอาชีวศึกษาและ อุดมศึกษา อยู่ในอาเภอเมืองฉะเชิงเทรา จานวน 6 แห่ง อาเภอบางปะกง จานวน 2 แห่ง อาเภอบ้านโพธิ์ จานวน 3 แห่ง อาเภอพนมสารคาม จานวน 2 แห่ง และอาเภอบางน้าเปร้ียว จานวน 1 แห่ง ส่วนสถาบันอดุ มศกึ ษา มี 1 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลยั ราชภัฎราชนครนิ ทร์ ตารางท่ี 37 จ้านวนนกั เรียน จ้าแนกตามระดับชัน ปกี ารศกึ ษา 2558 - 2561 สา้ นกั งานเขตพืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 ระดบั ชัน จ้านวนนักเรียน(คน) อ.1 (3 ขวบ) ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 อ.2 (อ.1 เดิม) อ.3 (อ.2 เดิม) - - 146 349 ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 3,115 3,389 3,444 3,001 ประถมศึกษาปที ี่ 2 3,320 3,174 3,451 3,488 ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 3,851 3,754 3,487 3,742 3,732 3,771 3,639 3,437 3,627 3,658 3,741 3,601 ๕๒

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ระดับชนั จา้ นวนนกั เรยี น(คน) ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 3,683 3,661 3,703 3,727 มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 3,947 3,652 3,626 3,647 มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 3,797 3,956 3,660 3,585 มัธยมศึกษาปีที่ 3 1,164 1,147 1,207 1,114 1,082 1,100 1,083 1,128 รวม 1,006 1,006 997 985 32,324 32,268 32,184 31,804 ที่มา : สา้ นกั งานเขตพืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 ตารางท่ี 38 จา้ นวนนักเรียน จา้ แนกตามระดับชนั ปีการศึกษา 2558 – 2561 ส้านักงานเขตพนื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทราเขต 2 ระดับชัน จา้ นวนนกั เรยี น(คน) อ.1 (3 ขวบ) ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 อ.2 (อ.1 เดมิ ) - - 131 194 อ.3 (อ.2 เดิม) 3,026 ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 3,045 3,252 3,369 3,441 ประถมศกึ ษาปีที่ 2 3,122 3,486 ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 3,352 3,045 3,341 3,102 ประถมศึกษาปที ่ี 4 3,275 3,099 ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 3,032 3,300 3,229 3,119 ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 3,088 3,170 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 3,261 3,145 3,179 2,949 มัธยมศึกษาปีที่ 2 3,078 1,323 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 1,431 3,223 3,156 1,257 1,295 1,097 รวม 1,172 2,969 3,235 29,151 29,263 3,059 2,964 3,220 3,033 1,366 1,371 1,276 1,203 1,097 1,161 28,952 29,372 ท่ีมา : ส้านักงานเขตพืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทราเขต 2 ๕๓

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ตารางที่ ๓9 ขอ้ มูลจา้ นวนนกั เรียน จา้ แนกตามระดบั ชนั และเพศ ปีการศกึ ษา 2561 สา้ นกั งานเขตพนื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 6 (สมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา) ชัน จ้านวนนักเรียน ปีการศกึ ษา 2561 จา้ นวนห้อง ก่อนประถมศึกษา ชาย หญิง รวม 11 อนบุ าล 1 3 อนบุ าล 2 159 164 323 4 4 ประถมศึกษา 27 38 65 21 ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 4 ประถมศกึ ษาปีที่ 2 63 55 118 4 ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 4 ประถมศกึ ษาปีที่ 4 69 71 140 3 ประถมศึกษาปีที่ 5 3 ประถมศึกษาปที ่ี 6 434 377 811 3 มธั ยมศึกษาตอนต้น 371 มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 86 69 155 129 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 122 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 79 63 142 120 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 311 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 82 65 147 107 มัธยมศึกษาปีที่ 5 102 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 65 56 121 714 รวมทงั สพม.6 62 64 126 60 60 120 6,512 7,091 13,603 2,143 2,289 4,432 2,289 2,389 4,678 2,080 2,413 4,493 3,648 6,216 9,864 1,258 2,165 3,423 1,222 1,987 3,209 10,753 13,848 24,601 ทม่ี า : สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต (สมุทรปราการ – ฉะเชงิ เทรา) 6 จงั หวดั ตารางที่ 40 ขอ้ มลู จ้านวนโรงเรยี น / ครู / นกั เรียน / หอ้ งเรียน ห้องเรยี น ครู ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ จ้าแนกรายจงั หวดั ฉะเชิงเทรา 714 1,283 สมทุ รปราการ จา้ นวน จ้านวนนกั เรยี น ปกี ารศกึ ษา 2561 1,249 1,985 รวมทัง สพม. โรงเรียน กอ่ นประถม ประถม ม.ต้น ม.ปลาย รวม 1,936 3,168 29 323 811 13,603 9,864 24,601 25 - - 27,934 20,069 48,003 54 253 748 41,301 30,220 72,522 ที่มา : สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 6 (สมุทรปราการ – ฉะเชงิ เทรา) (ขอ้ มูล ณ วนั ที่ ๑๐ มถิ ุนายน ๒๕๕๙) ๕๔

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ตารางท่ี 41 แสดงขอ้ มูลจา้ นวนโรงเรียน / ครู / นกั เรยี น / ห้องเรียน ปีการศึกษา 2561 จ้าแนกรายจังหวดั /อ้าเภอ จา้ นวน จา้ นวนนักเรียน ปีการศึกษา 2561 อ้าเภอ โรงเรยี น กอ่ นประถม ม.ตน้ ม.ปลาย รวม หอ้ งเรยี น ครู และประถม เมืองฉะเชิงเทรา 8 1,134 6,721 5,320 13,175 350 639 บางคล้า 2 0 131 120 251 16 28 บางนา้ เปร้ียว 5 0 1,185 730 1,915 70 117 บางปะกง 1 0 621 468 1,089 32 49 บา้ นโพธิ์ 3 0 704 316 1,020 35 71 พนมสารคาม 3 0 2,265 1,408 3,673 101 191 ราชสาสน์ 1 0 65 53 118 11 11 สนามชยั เขต 1 0 678 663 1,341 36 65 แปลงยาว 3 0 679 320 999 33 54 ท่าตะเกียบ 1 0 493 434 927 24 45 คลองเข่อื น 1 0 61 32 93 6 13 รวม จว.ฉะเชงิ เทรา 29 1,134 13,603 9,864 24,601 714 1,283 ทม่ี า : สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 6 (สมทุ รปราการ – ฉะเชงิ เทรา) ขอ้ มูลพืนฐานด้านการศกึ ษาทกุ ประเภททุกระดบั ของจังหวดั ฉะเชิงเทรา การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน มจี านวนสถานศึกษาทั้งสิน้ 390 แห่ง แบ่งการจดั การศกึ ษา ดังน้ี ตารางที่ 42 แสดงจา้ นวนสถานศกึ ษาจงั หวัดฉะเชิงเทรา จ้าแนกตามประเภทการจัดการศึกษา ขนั พืนฐาน อาชวี ศึกษา กศน. อดุ มศึกษา รวม (แห่ง) (แหง่ ) (แห่ง) (แห่ง) (แหง่ ) 363 15 11 1 390 ตารางที่ 43 แสดงสถานศึกษาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา จ้าแนกตามประเภทการจดั การศกึ ษา สังกดั จ้านวนแห่ง 390 รวมทังสิน 345 กระทรวงศึกษาธิการ 318 สพฐ. 138 สพป.ฉะเชงิ เทรา เขต 1 152 สพป.ฉะเชิงเทรา เขต 2 29 สพม.เขต 6 การศึกษาพิเศษ 1 (โรงเรียนฉะเชงิ เทราปัญญานกุ ลู ) 27 สช. 15 สอศ. ๕๕

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) สงั กดั จา้ นวนแหง่ รัฐบาล 7 เอกชน 8 กศน. 11 สกอ. 2 มหาวิทยาลยั ราชภัฎราชนครนิ ทร์ 2 โรงเรียนสาธติ มรร 1 17 ส่วนราชการอืน่ 17 องค์การปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ 12 กองกากบั การตารวจตระเวนชายแดน 2 สานกั งานพระพทุ ธศาสนา 3 ศนู ย์พัฒนาเดก็ เล็ก ตารางที่ 44 แสดงจา้ นวนนักเรียน นักศกึ ษา จังหวัดฉะเชิงเทรา จา้ แนกตามประเภทการจดั การศกึ ษา ข้นั พ้นื ฐาน อาชีวศึกษา กศน. การศึกษา รวม (คน) (คน) (คน) (คน) พิเศษ (คน) 140,201 รัฐบาล เอกชน รฐั บาล เอกชน 7,643 719 94,570 18,209 9,399 2,616 ตารางที่ 45 แสดงจา้ นวนนกั เรียนระดบั อาชีวศกึ ษา จงั หวดั ฉะเชิงเทรา จา้ แนกตามระดบั การศกึ ษา (รัฐบาลและเอกชน) ระดับ ปวช. (คน) ระดบั ปวส. (คน) รวม (คน) 7,994 4,021 12,015 ตารางท่ี 46 แสดงจ้านวนนกั เรียนระดับการศกึ ษาขนั พืนฐาน (ประเภทสามัญศึกษา) จงั หวัดฉะเชงิ เทรา จา้ แนกตามสังกัด ท่ี สงั กดั จ้านวน กอ่ นประถม ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา รวม รร. ตอนต้น ตอนปลาย 1 สพป.ฉช. 1 (แห่ง) 32,184 2 สพป.ฉช. 2 7,041 21,856 3,287 - 29,372 3 สพม.6 138 6,841 18,796 3,735 - 24,399 4 สช. 152 361 13,557 9,719 17,961 5 ตชด. 29 4,413 762 3,265 1,506 6 องค์การปกครอง 27 8,777 - 499 2 38 461 - สว่ นท้องถนิ่ 7,101 7 สกอ. (สาธติ มรร.) 12 1,764 3,299 1,618 420 494 - 1 262 232 - ๕๖

แผนพัฒนาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ท่ี สงั กดั จ้านวน ก่อนประถม ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษา มัธยมศกึ ษา รวม รร. ตอนต้น ตอนปลาย 8 ฉะเชงิ เทราปญั (แห่ง) ญานกุ ลู 1 29 223 114 63 429 9 กศน. 10 สานกั งาน 11 - 379 2,660 4,441 7,480 พระพุทธศาสนา -- รวม 3 266 141 407 347 54,785 20,749 28,502 16,290 120,326 ตารางที่ 47 แสดงจา้ นวนนักเรยี นนกั ศึกษาอาชวี ศึกษา ปีการศกึ ษา 2561 จ้าแนกตามสถานศกึ ษา และ ระดับชนั (รฐั บาล) 7 แหง่ ลา้ ดบั ช่ือสถานศกึ ษา ปวช.1 ปวช.2 ปวช.3 รวม ปวส.1 ปวส.2 รวม รวม ทงั หมด 1 วทิ ยาลัยการอาชีพบางปะกง 144 155 145 444 80 55 135 579 2 วิทยาลัยการอาชีพพนมสารคาม 465 325 908 1,698 253 264 517 2,215 3 วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยี 12 12 9 33 7 5 12 45 ฉะเชิงเทรา 4 วิทยาลยั เทคนิคจฬุ าภรณ์ 247 266 317 830 119 124 243 1,073 5 วิทยาลยั เทคนคิ ฉะเชงิ เทรา 748 487 598 1,833 487 633 1,120 2,953 6 วิทยาลยั สารพัดช่างฉะเชิงเทรา 278 197 124 599 85 49 134 733 7 วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาฉะเชงิ เทรา 721 529 504 1,754 399 237 636 2,390 รวมทงั สนิ 2,615 1,971 2,605 7,191 1,430 1,367 2,797 9,988 ตารางท่ี 48 แสดงจ้านวนนักเรยี น จา้ แนกตามระดับชนั ปีการศึกษา 2561 (ข้อมูล ณ วันท่ี 10 มิถนุ ายน 2561) ระดบั ชนั จ้านวนนักเรยี น เตรยี มอนุบาล - อนุบาล 3 ขวบ (เอกชน) 2,274 อนบุ าล 1 9,323 อนบุ าล 2 9,223 20,820 รวมก่อนประถมศึกษา 8,994 ประถมศึกษาปีท่ี 1 9,183 ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 9,196 ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 9,246 ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 8,856 ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 8,928 ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 54,403 9,266 รวมประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ๕๗

แผนพฒั นาจังหวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ระดับชัน จ้านวนนักเรยี น มัธยมศึกษาปที ่ี 2 8,483 มัธยมศึกษาปีที่ 3 8,081 25,830 รวมมัธยมศกึ ษาตอนตน้ 4,154 มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 4,082 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 3,613 มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ 11,849 112,902 รวมมธั ยมศึกษาตอนปลาย รวมทงั สิน ตารางที่ ๔9 แสดงสรุปจา้ นวนนกั เรียน/นกั ศึกษา สายอาชวี ศกึ ษา ปีการศกึ ษา 2561 สถานศกึ ษา ปวช.1 ปวช.2 ปวช.3 รวม ปวส.1 ปวส.2 รวม ปวช. ปวส. รฐั บาล (7 แหง่ ) เอกชน (8 แห่ง) 2,639 1,973 2,140 6,752 1,360 1,287 2,647 430 404 408 1,242 889 485 1,374 รวมทังจังหวดั 3,069 2,377 2,548 7,994 2,249 1,772 4,021 ตารางท่ี 50 แสดงจา้ นวนครู อาจารย์ จงั หวดั ฉะเชิงเทรา จ้าแนกตามประเภทการจัดการศึกษา ขนั พนื ฐาน (คน) อาชวี ศกึ ษา (คน) อุดมศกึ ษา (คน) รวม (คน) 6,348 367 379 7,094 ตารางที่ 51 แสดงจ้านวนนักเรียนนกั ศึกษาอาชีวศึกษาปีการศึกษา 2561 จา้ แนกตามสถานศึกษา และระดับชนั (เอกชน) 8 แห่ง ลา้ ดับ ช่ือสถานศึกษา ปวช. ปวช. ปวช. รวม ปวส. ปวส. รวม รวม 123 12 ทังหมด 1 วทิ ยาลยั เทคโนโลยีศรีวรการ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีฉะเชงิ เทรา 97 91 95 283 30 9 39 375 3 วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์ 142 88 83 313 - - - 313 โตโยตา้ 4 วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาพณชิ ยการ --- - 189 215 404 404 ฉะเชิงเทรา 25 18 29 72 30 27 57 129 5 วทิ ยาลยั เทคโนโลยบี างปะกง 131 156 142 429 261 181 442 871 บรหิ ารธรุ กจิ 6 วิทยาลัยเทคโนโลยอี าเซียนไทย 16 37 59 112 50 24 74 186 บา้ นโพธิ์ 6 - - 6 305 - 305 311 7 วทิ ยาลัยเทคโนโลยกี ารจดั การ 13 14 - 27 - - - 27 นวตั กรรม 430 404 408 1,242 889 485 1,374 2,616 8 วิทยาลัยเทคโนโลยวี ิถีอิสลาม รวมทงั สิน ๕๘

แผนพฒั นาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ตารางที่ 52 แสดงจา้ นวนนกั เรยี นทเี่ รยี นตอ่ สายสามัญกับสายอาชีพย้อนหลัง 3 ปี ระดบั การศกึ ษา ปี พ.ศ. 2558 ปี พ.ศ. 2559 ปี พ.ศ. 2560 ปี พ.ศ. 2561 ม.4 (สพฐ.) 3,333 3,598 3,369 3,423 ปวช.1 (รัฐ+เอกชน) 3,223 3,017 3,069 3,002 การจดั การศกึ ษาอุดมศกึ ษา สถานศกึ ษาที่จัดการศกึ ษาระดับอดุ มศึกษา จานวน ๑ แห่ง คอื มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ มีจานวนนกั ศึกษาท้งั สน้ิ 7,042 คน มีขอ้ มูล ดงั น้ี ตารางที่ 53 แสดงข้อมลู จ้านวนนกั เรียน นสิ ติ นกั ศึกษา จ้าแนกตามระดบั ชันเรยี น ปีการศกึ ษา 2561 ระดับการศกึ ษา (ชัน) คน ระดับปริญญาตรชี นั้ ปีท่ี 1 1,996 ระดับปรญิ ญาตรีชน้ั ปีท่ี 2 1,321 ระดับปริญญาตรชี นั้ ปีท่ี 3 1,462 ระดบั ปรญิ ญาตรีชน้ั ปีท่ี 4 1,398 ระดบั ปรญิ ญาตรชี นั้ ปที ่ี 5 645 ระดบั ปริญญาโท ระดบั ปริญญาเอก 54 ระดับประกาศนยี บตั รบณั ฑติ 18 148 รวม 7,042 การศาสนาประจา้ ปีการศกึ ษา 2561 จงั หวัดฉะเชิงเทรา มีโรงเรียนพระปริยัตธิ รรมจานวน 3 โรงเรียน ตารางท่ี 54 แสดงสถติ ขิ ้อมูลนกั เรียน ห้องเรียน ครู และเจา้ หนา้ ทโี่ รงเรียนพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา ปีการศึกษา 2561 ลา้ ดบั โรงเรยี น จ้านวนหอ้ ง จ้านวนนกั เรียน จ้านวนครู จา้ นวน ม.ต้น ม.ปลาย รวม ม.ตน้ ม.ปลาย รวม เจ้าหนา้ ท่ี 1 โรงเรียนพระปริยตั ิธรรม 6 3 9 131 98 229 26 7 วัดโสธรวราราม 2 โรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม 5 3 8 95 31 126 16 1 วัดปิตุลาธริ าชรงั สฤษฎ์ิ 3 โรงเรยี นวจิ ติ รธรรมวทิ ยา 3 0 3 32 - 32 9 2 รวม 14 6 20 258 129 387 51 10 ที่มา : สานักงานพระพทุ ธศาสนาจงั หวัดฉะเชิงเทราข้อมูล ณ กนั ยายน 2561 ๕๙

แผนพฒั นาจงั หวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ความสุขในชวี ติ สานักงานสถติ ิแห่งชาติ รว่ มกับสานกั งานกองทนุ สนับสนุนการสร้างเสรมิ สุขภาพ หรอื สสส. และ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม (มหาวิทยาลัยมหิดล) ในการสารวจสุขภาพจิต (ความสุข) คนไทย พ.ศ. 2558 ผา่ นกลุม่ ตวั อย่างอายุ 15 ปี ขึน้ ไปในจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า คะแนนสุขภาพจิตของคนในจังหวัดฉะเชิงเทรา เฉลี่ยอยทู่ ่ี 31.13 ซง่ึ อยใู่ นลาดบั 49 ของประเทศไทย โดยเพศชายมีคะแนนเฉล่ียสุขภาพจติ 31.54 คะแนน ส่วนเพศหญิง 30.81 คะแนน และผู้อยู่นอกเขตเทศบาลมีคะแนนเฉลี่ยสุขภาพจิต 31.29 คะแนน ผู้ท่ีอยู่ใน เขตมีคะแนนเฉล่ียสุขภาพจิต 30.76 คะแนน ซ่ึงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานท่ีกาหนดไว้สาหรับสุขภาพจิตของคน ทว่ั ไป (27.01 – 34.00 คะแนน) โครงสร้างพนื ฐานและสาธารณูปโภค การประปา แหลง่ น้ำประปำ จังหวัดฉะเชิงเทรามีหน่วยงานของการประปาส่วนภูมิภาค ให้บริการอยู่ 4 แห่ง และแบ่งเขตความ รับผดิ ชอบ ประกอบดว้ ย 1. การประปาส่วนภูมิภาคสาขาฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่เลขท่ี 61 ถนนจุลละนันท์ ตาบลหน้าเมือง อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา มีกาลังการผลิต (ข้อมูลล่าสุด พฤศจิกายน 2556) 51,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยใช้น้าดิบจากคลองท่าไข่และการประปาบางคล้า มีเขตจาหน่ายน้าครอบคลุมพ้ืนท่ี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา ตาบลนครเน่ืองเขต ตาบลวังตะเคียน ตาบลบ้านใหม่ และชุมชนนอกเขต 17 หมบู่ า้ น จานวน 12.76 ตารางกิโลเมตร 2. การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบางปะกง ตั้งอยู่เลขท่ี 89 หมู่ 2 ถนนบางนา – ตราด ตาบล บางวัว อาเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีกาลังการผลิต (ข้อมูลล่าสุด พฤศจิกายน 2556) 43,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยใช้น้าดิบจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต มีเขตจาหน่ายน้าครอบคลุมพ้ืนที่ 2 อาเภอ ได้แก่ อาเภอบางปะกง ในตาบลพิมพา ตาบลบางเกลือ ตาบลท่าข้าม ตาบลบางปะกง ตาบลสองคลอง ตาบลท่าสะอา้ น ตาบลเขาดนิ ตาบลบางผึ้ง ตาบลหนองจอก ตาบลบางววั ตาบลบางสมัคร ตาบลหอมศีล และ อาเภอบ้านโพธิ์ ในตาบลแสนภูดาษ ตาบลลาดขวาง และตาบลคลองประเวศ จานวน 257.00 ตารางกโิ ลเมตร 3. การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบางคล้า ตั้งอยู่เลขที่ 18/1 ถนนฤทธิ์ประศาสน์ ตาบลบางคล้า อาเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีกาลังการผลิต (ข้อมูลล่าสุด พฤศจิกายน 2556) 28,800 ลูกบาศก์ต่อวัน โดยใช้น้าดิบจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต คลองวัดแจ้ง คลองท่าลาด แม่น้าบางปะกง สถานีจ่ายน้าคลองนาและบ่อบาดาลมีเขตจาหน่ายน้าในพ้ืนที่ ตาบลคลองนา ตาบลคลองอุดมชลจร องค์การบริหารส่วนตาบลปากน้า องค์การบรหิ ารส่วนตาบลเสมด็ เหนือ เทศบาลตาบลบางคล้า อาเภอบางคล้า เทศบาลตาบลบางน้าเปร้ียว อาเภอบางน้าเปรี้ยว ตาบลบ้านโพธ์ิ ตาบลเทพราช เทศบาลตาบลแสนภูดาษ ตาบลแสนภูดาษ อาเภอบ้านโพธ์ิ เทศบาลตาบลแปลงยาว เทศบาลตาบลทุ่งสะเดา อาเภอแปลงยาว จานวน 326.16 ตารางกิโลเมตร 4. การประปาส่วนภูมิภาค สาขาพนมสารคาม ต้ังอยู่เลขท่ี 447 หมู่ 1 ตาบลพนมสารคาม อาเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา มีกาลังการผลิต (ข้อมูลล่าสุด พฤศจิกายน 2556) 9,600 ลูกบาศก์ เมตร ตอ่ วนั โดยใช้น้าดิบจากคลองทา่ ลาด มเี ขตจาหน่ายนา้ ในเทศบาลตาบลสนามชัยเขต อาเภอสนามชยั เขต เทศบาลตาบลเกาะขนุน อาเภอพนมสารคาม และเทศบาลตาบลพนมสารคาม อาเภอพนมสารคาม จานวน 10.90 ตารางกิโลเมตร ๖๐

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ระบบปรับปรุงคุณภาพน้าดิบของท้ัง 4 แห่ง จะมีการเติมสารส้มหรือปูนขาวเพื่อช่วยในการ ตกตะกอนและปรบั ความเป็นกรด ด่างของนา้ ดิบ จากนั้นไหลเขา้ สู่ถังตะกอนทาให้เกดิ รวมตัวของตะกอนขนาด เล็กกลายเป็นตะกอนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และนามาผ่านทรายกรองหรือกรวดกรองเพ่ือกรองตะกอนหรือ สิ่งที่ปนเป้ือนขนาดเล็ก และเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนนาไปเก็บในถังน้าใสเพ่ือรอการสูบจ่าย (การประปา ส่วนภมู ภิ าค เขต 1) นอกจากการประปาส่วนภูมิภาคที่ผลิตและจาหน่ายน้าประปาให้กับชุมชนแล้ว บรษิ ัทจัดการและ พัฒนาทรัพยากรน้าภาคตะวันออก จากัด (มหาชน) ได้จาหน่ายน้าประปาให้ภาคอุตสาหกรรมในเขตจังหวัด ฉะเชงิ เทรา โดยใชน้ ้าดบิ จากสระสานักบกแหลง่ นา้ เอกชนและอ่างเก็บน้าบางพระ จงั หวดั ชลบรุ ี ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 256๑ มีผู้ใช้น้ารวมท้ังส้ิน 1๑๓,1๙๙ ราย กาลังการผลิตที่ใช้งาน 135,500 ลกู บาศก์เมตร/วัน ปริมาณน้าผลิต 4,763,921 ลูกบาศก์เมตร ปริมาณนา้ ผลิตจา่ ย 4,212,591 ลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้าจาหน่าย 3,392,140 ลูกบาศก์เมตร ข้อมูลดังตารางแสดงกาลังการผลิตและ ปรมิ าณการจ่ายนา้ ของการประปาสว่ นภูมภิ าคในจงั หวัดฉะเชิงเทรา ณ เดือนกรกฎาคม 256๑ ตารางท่ี 55 แสดงก้าลังการผลิตและปรมิ าณการจ่ายนา้ ของการประปาส่วนภูมิภาคในจงั หวดั ฉะเชิงเทรา ณ เดือนกรกฎาคม 2561 ส้านักงานประปา จ้านวนผ้ใู ช้นา้ ก้าลังการผลิต ปริมาณน้าผลติ ปริมาณน้าผลติ ปริมาณนา้ (ราย) ที่ใชง้ าน (ลบ.ม.) จ่าย จา้ หน่าย (ลบ.ม./วัน) (ลบ.ม.) (ลบ.ม.) สาขาฉะเชงิ เทรา 26,853 51,600 1,078,965 921,096 799,699 สาขาบางปะกง 25,589 43,200 1,307,310 1,172,397 996,208 สาขาบางคล้า 44,668 28,700 1,758,129 1,715,480 1,271,800 สาขาพนมสารคาม 16,089 12,000 619,517 403,617 324,433 รวม 113,199 135,500 4,763,921 4,212,591 3,392,140 ทมี่ า : การประปาส่วนภมู ภิ าคเขต ๑ (ข้อมูล ณ 31 กรกฎาคม 2561) การไฟฟ้า โรงไฟฟา้ จังหวัดฉะเชิงเทรามีโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้แก่ โรงไฟฟ้าบางปะกง มีกาลังการผลิตติดต้ัง (Gross Capacity) 1,450 เมกะวัตต์และคาดว่าจะดาเนินการผลิตกระแสไฟฟ้า เชงิ พาณชิ ยป์ ี พ.ศ.2563 โดยมีกาลงั การผลิตรวมทงั้ หมด 4,070 เมกะวตั ต์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ในความรับผิดชอบจานวน 11 อาเภอ มีสถานี ไฟฟ้า จานวน 14 แห่ง ในปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรามีผู้ใช้ไฟประมาณ 243,297 ราย มีการใช้พลังงาน ไฟฟ้าอยู่ท่ี 4,880,761,812 (MWh) โดยมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าในกิจการขนาดใหญ่มากที่สุด จานวน 3,181,298,117 (MWh) รองลงมาคือปริมาณการใช้ไฟฟ้ากิจการขนาดกลาง จานวน 794,151,551 (MWh) ๖๑

แผนพัฒนาจังหวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ตารางท่ี 56 สถติ ผิ ู้ใช้ไฟฟา้ และการจา้ หน่ายพลงั งานไฟฟา้ ของการไฟฟา้ ส่วนภมู ภิ าค จ้าแนกตามประเภท ผใู้ ชใ้ นจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา พ.ศ. 2556 – 2560 ประเภทผใู้ ช้ 2556 2557 2558 2559 2560 215,264 222,743 229,997 จ้านวนผ้ใู ชไ้ ฟฟ้า(ราย) 4,309,630,147 4,430,927,209.40 4,562,360,548.89 237,804 243,297 พลงั งานไฟฟา้ จา้ หน่ายและใช้ 463,928,931.7 482,936,879.52 520,279,438.81 4,770,851,793.74 4,880,761,812 (กโิ ลวัตต์-ชั่วโมง) 283,096,954.98 233,417,891.00 250,216,072.69 บา้ นอยู่อาศยั 640,386,174.64 711,228,582.35 988,131,384.22 559,638,183.76 575,043,994 กิจการขนาดเล็ก 2,845,409,926.30 2,670,057,336.60 2,970,124,541.93 269,631,218.26 281,095,415 กิจการขนาดกลาง 45,436,040.08 52,936,638.67 43,537,463.46 773,785,774.50 794,151,551 กิจการขนาดใหญ่ 3,070,559,087.10 3,181,298,117 อืน่ ๆ 59,220,180.90 49,172,735 ตารางที่ 57 ขอ้ มูลสถานการณ์ การมีไฟฟา้ ใชใ้ นพนื ทฉ่ี ะเชงิ เทรา จา้ นวนครวั เรอื นท่มี ีไฟฟ้าใชแ้ ล้ว (ครวั เรอื น) จา้ นวนครวั เรือนทีย่ ังไม่มไี ฟฟ้าใช้ หมายเหตุ ครัวเรอื นทงั หมด ปกั เสาพาดสาย โซลาร์โฮม ทงั หมด ไม่สามารถระบุ มแี ผนงานแล้ว รอการพจิ ารณา อยใู่ นเขตหวง แหลง่ ทีม่ าได้ (ครัวเรือน) (ครัวเรอื น) (SHS) (ครวั เรือน) (ครัวเรอื น) จดั เข้าโครงการ ห้าม (ครัวเรอื น) 287,823 287,544 200 79 (ครัวเรอื น) (ครัวเรอื น) - 16 63 - การคมนาคม จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้ังอยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจท่ีสาคัญของประเทศ และยังเป็นประตูสู่พ้ืนท่ีชายฝั่งทะเลตะวันออก ศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ ทาให้การพัฒนาโครงการบริการ พ้ืนฐานด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการทั่วถึง นอกจากน้ีการเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทางคมนาคมมีความ สะดวก รวดเร็ว และเพ่ือประโยชน์ในการเช่ือมต่อพื้นที่หลายจังหวดั ภาคตะวันออก โดยเฉพาะการเดินทางจาก จงั หวดั ฉะเชิงเทรา ไปยังกรุงเทพฯ ชลบรุ ี ปราจีนบุรี สระแกว้ นครนายก เป็นตน้ 1) การคมนาคมทางบก 1.1) ทางหลวงแผ่นดนิ ทีส่ าคญั มีดังน้ี - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 เร่ิมต้นจากอนุสาวรีย์หลักส่ี เขตบางเขน กรุงเทพฯ ผา่ นมนี บุรถี งึ ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 75 กโิ ลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 เริ่มจากสถานีขนส่งเอกมัย ผ่านสมุทรปราการถึง ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 100 กโิ ลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 จากส่ีแยกบางนา แยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 314 (สายบางปะกง – ฉะเชงิ เทรา) ถงึ ฉะเชงิ เทรา ระยะทางประมาณ 90 กโิ ลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 315 สายฉะเชิงเทรา – อาเภอพนัสนิคม – อาเภอพาน ทอง – จงั หวดั ชลบุรี ระยะทางประมาณ 49 กโิ ลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 23 สายฉะเชิงเทรา – นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 233 กิโลเมตร - ทางหลวงสายสามแยกหนองปลาตะเพียน อาเภอบางคล้า – สัตหีบ ระยะทางประมาณ 147 กโิ ลเมตร - ทางสายฉะเชงิ เทรา – ปราจนี บรุ ี ระยะทางประมาณ 72 กโิ ลเมตร ๖๒

แผนพฒั นาจังหวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) เนอ่ื งดว้ ยจงั หวัดฉะเชงิ เทราเปน็ จดุ เชื่อมต่อท่สี าคัญในการคมนาคมทางบกจากภาคกลางไปส่ภู าค ตะวันออกจึงทาให้มีปริมาณรถที่ใช้งานบนถนนเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะรถบรรทุกที่ต้องขนส่งสินค้าไปยัง ท่าเรือแหลมฉบัง หรือเดินทางไปยังด่านชายแดนทางภาคตะวันออก ทาให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดในถนน สายหลกั เส้นรอบเมือง 1.2 ) ทางหลวงชนบท ถนนโครงขา่ ยในความรับผิดของแขวงทางหลวงชนบทฉะเชงิ เทรา ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2557 – 2560 มหี ลายเส้นทาง ดังน้ี ตารางที่ 58 ทางหลวงชนบท ถนนโครงขา่ ยในความรบั ผิดของแขวงทางหลวงชนบทฉะเชิงเทรา ประจา้ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2557 – 2560 รหสั สาย ช่อื สายทาง อ้าเภอ ระยะทาง ชนดิ ผวิ จราจร ทาง (กม.) ลกู รงั ลาดยาง คอนกรีต แยกทางหลวงหมายเลข.314 (กม.ท่ี 14+800) – บา้ นโพธ์ิ 9.494 1 ฉช.3001 บา้ นลาดกระบัง (ตอนฉะเชงิ เทรา) 10.528 - 9.494 - 2 ฉช.3002 แยกทางหลวงหมายเลข.319 (กม.ท่ี 121+100) พนมสารคาม 25.046 - 10.528 - 3 ฉช.2004 - บา้ นตลาดพนม 6.076 - 25.046 - 4 ฉช.3005 แยกทางหลวงหมายเลข.34(กม.ท่ี 35+900) - บางปะกง,บา้ น 13.026 - 6.076 - 5 ฉช.5006 บา้ นบางพระ โพธิ์,เมอื ง 19.688 - 13.026 6 ฉช.3010 แยกทางหลวงหมายเลข314 (กม.ที่ 13+540) - บา้ นโพธิ์ 21.000 - 19.688 - 7 ฉช.4012 อาเภอบา้ นโพธ์ิ 11.470 - 21.000 - 8 ฉช.3013 แยกทางหลวงชนบท.นย.3001 (กม.ท่ี 26+493)- บางนา้ เปร้ยี ว 12.775 9 ฉช.3015 บ้านตลาดคลอง 16 10.908 11.470 - 10 ฉช.4016 แยกทางหลวงหมายเลข331(กม.ที่ 25+200) - แปลงยาว 6.000 - 12.775 - 11 ฉช.3018 บ้านหนองปลาดกุ 7.973 - 10.908 - 12 ฉช.3020 แยกทางหลวงหมายเลข 3259 (กม.ท่ี 8+038)- สนามชยั เขต,แปลงยาว, 27.680 - 6.000 - 13 ฉช.4023 บ้านเนนิ หิน พนัสนคิ ม 5.070 - 7.973 - 14 ฉช.3026 แยกทางหลวงหมายเลข 331(กม.ที่ 27+050)- แปลงยาว 7.870 - 27.680 - 15 ฉช.3028 บ้านโกรกแกว้ วงพระจนั ทร์ 13.924 - 3.614 1.456 16 ฉช.4029 แยกทางหลวงหมายเลข 331 (กม.ท่ี 23+195)- แปลงยาว 12.390 - 7.870 - 17 ฉช.5033 บา้ นโปรง่ นกเปา้ - 13.924 - แยกทางหลวงหมายเลข 3481(กม.ท่ี 5+700) - บางน้าเปร้ยี ว - 12.390 - บา้ นคลองยส่ี ิบเอ็ด แยกทางหลวงหมายเลข 331(กม.ที่ 23+195) - แปลงยาว ตลาดบางบ่อ แยกทางหลวงหมายเลข 314 (กม.ที่ 9+080)- บ้านโพธ์ิ,บางปะกง บา้ นพิมพาวาส แยกทางหลวงหมายเลข 3347 (กม.ที่ 9+060) - ราชสาส์น,บางคลา้ บา้ นควายเขาหกั แยกทางหลวงหมายเลข 331(กม.ท่ี 24+515) - แปลงยาว บ้านคลองโรงเลื่อย แยกทางหลวงหมายเลข 304 (กม.ท่ี 58+500)- เมอื ง บา้ นคลองเจ้า แยกทางหลวงหมายเลข 3259(กม.ที่ 27+068) - สนามชัยเขต,แปลงยาว บ้านหนองไม้แกน่ แยกทางหลวงชนบทฉช.4023(กม.ท่ี 16+550) – บางคลา้ บ้านสามแยก ๖๓

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) รหัสสาย ชือ่ สายทาง อ้าเภอ ระยะทาง ชนิดผวิ จราจร ทาง (กม.) ลกู รงั ลาดยาง คอนกรีต 18 ฉช.3042 แยกทางหลวงหมายเลข 304 (กม.ท่ี 21+400) - บางคล้า 4.905 - 4.905 - 19 นย.3001 บ้านกกสับใน 14.423 - 14.423 - แยกทางหลวงหมายเลข 305 (กม.ที่ 44+125)- บางนา้ เปรย้ี ว 20 ฉช.4049 บา้ นบางน้าเปรีย้ ว 13.723 - 13.723 - 21 ฉช.4050 (ตอนฉะเชงิ เทรา) คลองเขือ่ น,บางคล้า 24.024 - 24.024 - 22 ฉช.3003 แยกทางหลวงหมายเลข3481 (กม.ที่ 26.100)- 46.07 0.260 45.810 - 23 ฉช.4008 บา้ นหวั ไทร เมอื ง,คลองเข่ือน 40.555 - 40.555 - 24 ฉช.3009 แยกทางหลวงหมายเลข 3200 (กม.ท่ี 2+200)- 58.72 10.670 48.050 - 25 ฉช.4011 บ้านบางขนาก พนมสารคาม,สนามชยั 12.01 - 12.010 - 26 ฉช.3017 แยกทางหลวงหมายเลข 304 (กม.ที่ 8+280) - เขต,ท่าตะเกียบ 6.54 - 6.540 - 27 ฉช.4022 อาเภอทา่ ตะเกยี บ ท่าตะเกียบ,บอ่ ทอง 48.935 - 48.935 - 28 ฉช.4014 แยกทางหลวงหมายเลข3259(กม.ท่ี 49+342) - 24.86 2.820 22.040 29 ฉช.5031 บ้านขนุ ชานาญ พนมสารคาม,สนามชัย 17.35 - 17.350 - 30 ฉช.5036 แยกทางหลวงหมายเลข304 (กม.ที่ 53+650) - เขต 11.28 - 11.280 - 31 ฉช.4039 บ้านเทพประทาน ท่าตะเกียบ 1.250 7.150 - แยกทางหลวงหมายเลข3259(กม.ที่ 37+900) - 8.4 15.000 536.257 1.456 บา้ นหนองขาหยง่ั พนมสารคาม,สนามชยั 552.713 แยกทางหลวงหมายเลข 304 (กม.ที่ 13+018) - เขต บ้านห้วยหนิ สนามชยั เขต,เขาฉกรรจ์ แยกทางหลวงหมายเลข.3079(กม.ท่ี 20+650) - บา้ นทุ่งสอ่ หงษา ทา่ ตะเกียบ แยกทางหลวงหมายเลข 3259(กม.ท่ี 20+850) - บา้ นหนองกระทิง สนามชัยเขต แยกทางหลวงชนบทฉช.3009(กม.ที่ 21+200) - บา้ นวงั อีเลยี่ น สนามชยั เขต แยกทางหลวงชนบทฉช.3009(กม.ท่ี 16+800) - บา้ นทา่ ทองดา ท่าตะเกียบ แยกทางหลวงหมายเลข3259(กม.ท่ี 60+.171) - อ่างเก็บนา้ เขาละลาก รวม ภาพรวมการจราจร จากสถิติปริมาณจราจรบนทางหลวงแผ่นดินสายต่างๆ ในพ้ืนท่ีจังหวัด ฉะเชิงเทรา พบว่ามีปริมาณจราจรโดยเฉล่ียสูงสุดมากว่า 80,000 คันต่อวัน บนถนนทางหลวงหมายเลข 34 304 ปริมาณจราจรเฉลี่ยจะแยกทิศทางบนถนนทางหลวงแผ่นดินในพ้ืนท่ีจังหวัดหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งปริมาณ การเพ่ิมข้ึนของจานวนรถจดทะเบียนใหม่รวมกับการจดทะเบียนสะสมเดิม จึงส่งผลให้การจราจรติดขัด โดยเฉพาะในเขตเมืองท่มี ีอตั ราการขยายตวั ของความยาวถนนมีอัตราทีต่ ่ากว่าปริมาณรถทจ่ี ดทะเบียนสะสม 2) การคมนาคมทางน้า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีแม่น้าบางปะกงเป็นสายสาคัญท่ีสุดของจังหวัด ซ่ึง จะไหลผ่านพ้ืนที่ตอนกลางของจังหวัด ตั้งแต่อาเภอบางน้าเปร้ียว อาเภอบางคล้า อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอบ้านโพธ์ิ และไหลลงสู่อ่าวไทยที่อาเภอบางปะกง จึงเป็นแม่น้าที่ใช้ประโยชน์ด้านคมนาคมท่ีสาคัญที่สุด นอกจากจะใช้เพื่อการคมนาคมติดต่อระหว่างพ้ืนที่ภายในจังหวัดแล้ว ยังใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าเกษตรที่ สาคัญ อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์มันสาปะหลัง ข้าว ขา้ วโพด จากบริเวณไซโลปากแม่นา้ บางปะกง ไปถ่ายลงเรือใหญ่ ที่เกาะสีชัง เพื่อส่งเป็นสินค้าออกไปต่างประเทศในขณะท่ีมีการพัฒนาท่าเรือน้าลึกท่ีแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และมาบตาพุด จังหวัดระยอง การขนส่งสินค้าทางน้าเพ่ือส่งสินค้าออกจากไซโลบริเวณปากแม่น้าบางปะกง ๖๔

แผนพัฒนาจงั หวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) จะสามารถใช้บริการจากท่าเรือน้าลึกทั้ง 2 ท่าได้โดยตรงสาหรับเส้นทางการคมนาคมทางน้าที่ใช้ประโยชน์ ติดต่อระหว่างฉะเชิงเทรากับกรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรปราการ จะอาศัยคลองสาคัญๆ เช่น คลองสาโรง คลองแสนแสบ คลองท่าไข่ คลองบางขนาก และคลองประเวศบุรีรมย์ เป็นต้น และการคมนาคมทางนา้ ภายใน จังหวัด การเดินทางเรือหรือการติดต่อธุรกิจ ก็จะอาศัยทางเรือข้ามฝั่งไปมาหาสู่กันตามแม่น้าบางปะกง และลาคลองทส่ี าคญั ตารางที่ ๕9 จ้านวนทา่ เทียบเรือประเภทต่างๆ ในพนื ที่จังหวดั ฉะเชิงเทรา ลา้ ดบั ประเภททา่ เทียบเรอื จา้ นวนท่าเทยี บเรือใน พนื ที่ 1 ทา่ เทยี บเรือทอ่ งเที่ยวในพื้นทจี่ งั หวัดฉะเชงิ เทรา 2 ทา่ เทยี บเรือประมงในพ้ืนที่จังหวดั ฉะเชิงเทรา 7 3 ทา่ เทยี บเรอื พาณชิ ย์ในพนื้ ทีจ่ งั หวัดฉะเชงิ เทรา 11 18 รวม 36 ทมี่ า : สานกั งานเจา้ ทา่ ภูมิภาคสาขาฉะเชงิ เทรา ข้อมลู ณ วนั ที่ 1 กันยายน 2560 การเดนิ ทางของจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทราได้ท้ังทางรถยนต์และรถไฟ แต่การเดินทาง ด้วยรถยนต์เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกท่ีสุด เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราอยู่ติดกับกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาเดินทาง จากจดุ ศนู ย์กลางกรงุ เทพฯ เพียงชวั่ โมงกวา่ ๆ เทา่ นั้น รถยนต์ จากกรุงเทพฯ สามารถเดนิ ทางได้ 3 เสน้ ทาง คือ 1. จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 ( กรุงเทพฯ - มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา ) ระยะทาง 75 กิโลเมตร 2. จากกรุงเทพฯไปตามทางหลวงหมายเลข 34 ( ถนนสายบางนา – ตราด ) จากน้ันเล้ียวเข้า ทางหลวงหมายเลข 314 ( บางปะกง – ฉะเชงิ เทรา ) ระยะทาง 90 กิโลเมตร 3. จากกรุงเทพฯไปตามทางหลวงหมายเลข 3 ( ผ่านสมุทรปราการ - บางปะกง ) จากนั้นใช้ ทางหลวงหมายเลข 314 ระยะทาง 100 กโิ ลเมตร รถไฟ ทางรถไฟ จงั หวัดฉะเชิงเทรา มเี ส้นทางสายตะวนั ออกผา่ นอยู่ 4 สาย ได้แก่ (๑) เส้นทางรถไฟ ฉะเชิงเทรา ถึงกรุงเทพฯ (๒) เส้นทางฉะเชิงเทรา ถึง อรัญประเทศ (จ.สระแก้ว) (๓) เส้นทางฉะเชิงเทรา ถึง แก่งคอย และ (๔) เสน้ ทางชุมทางฉะเชงิ เทรา ถึง มาบตาพุด (จ.ระยอง) โดยแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง - ท่าเรือ สัตหีบ - นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (จ.ชลบุรี) โดยมีขบวนรถไฟโดยสารผ่านขึ้น และล่องวันละ 24 เท่ียว รถไฟขบวนสนิ คา้ ข้นึ และล่องวันละ 48 ขบวน เพื่อขนสง่ สินค้าจากท่าเรอื แหลมฉบัง ไปยังกรุงเทพและภมู ิภาค อ่ืน ๆ และขนส่งไปยังท่าเรือแหลมฉบังด้วย สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าต่าง ๆ ในรูปแบบตู้คอนเทนเนอร์ น้ามันสาเร็จรูปน้ามันดิบก๊าซแอลพีจี ปูนซีเมนต์ผง น้าตาล หินคลุก/ทราย และสินค้าอื่นๆระยะทางรถไฟจาก ชุมทางฉะเชิงเทราถึงกรุงเทพฯ ยาว 61.00 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที การรถไฟแห่ง ประเทศไทยไดเ้ ปิดบริการรถชานเมืองปรบั อากาศข้นึ และลอ่ ง รวม 4 เท่ียว สอบถามเพิ่มเตมิ ได้ที่ โทร. 1690, 0 2220 4334, 0 2220 4444 หรือ สถานีรถไฟฉะเชิงเทรา โทร. 0 3851 1007 หรือเว็บไซต์ www.railway.co.th ๖๕

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) รถโดยสารประจาทาง มีรถตู้โดยสารปรับอากาศออกจากสถานีขนส่งฯ สายเหนือ (ถนนกาแพงเพชร 2) ใช้เวลา เดินทางประมาณ 1 ช่ัวโมง 20 นาที (ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์) ต้ังแต่เวลา 05.00-18.00 น. รถออกทุกครึ่ง ชว่ั โมง วันธรรมดา มีรถออกตั้งแต่เวลา 05.00-17.30 น. เสาร์-อาทติ ย์ ออกตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมท่ีสถานีขนส่งฯสายเหนือ (ถนนกาแพงเพชร 2) โทร. 0 2936 2852-66 ต่อ 311, 442 นอกจากน้ี ยังสามารถเดินทางมาจากสถานีขนส่งฯสายตะวันออก(เอกมัย) สอบถามรายละเอียด เพ่ิมเติมท่ี บริษัท ขนส่ง จากัดจังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. 0 3851 4814, 0 2712 1018 มีรถออกตั้งแต่ เวลา 05.00-21.30 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ สถานีขนส่งฯสายตะวันออก(เอกมัย) โทร.0 2391 2504 หรอื สถานขี นส่งฯจงั หวัดฉะเชงิ เทรา โทร. 0 3851 4482 การคมนาคมภายในจงั หวดั สามารถเลอื กใช้บริการยานพาหนะต่าง ๆ ได้หลายรปู แบบตามความเหมาะสม ท้ังรถโดยสาร ปรับอากาศ และรถโดยสารสองแถวซ่งึ เปน็ รถสองแถวทอ้ งถ่ินที่ให้บริการรอบตวั เมอื ง สามารถเรียกใช้บริการได้ ท่ีจุดจอดรถต่าง ๆ เช่น บริเวณสถานีขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีจุดจอดรถท่ีฝ่ังตรงข้ามวัดโสธร วรารามวรวิหาร ตลาดบ้านใหม่ ตลาดน้าบางคล้า ตลาดคลองสวนร้อยปี และบริเวณหน้าวัดสมานรัตนราม ซึง่ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ียวสาคญั ของจงั หวัดฉะเชงิ เทรากม็ ีรถสองแถวเช่ือมโยงเสน้ ทางกันระยะทางจากอาเภอเมือง ฉะเชิงเทราไปยงั อาเภอตา่ งๆ ดงั น้ี (๑) อาเภอบา้ นโพธ์ิ ระยะทาง 14 กโิ ลเมตร (๒) อาเภอคลองเขื่อน ระยะทาง 18 กโิ ลเมตร (๓) อาเภอบางน้าเปรยี้ ว ระยะทาง 19 กโิ ลเมตร (๔) อาเภอบางปะกง ระยะทาง 22 กโิ ลเมตร (๕) อาเภอบางคลา้ ระยะทาง 25 กิโลเมตร (๖) อาเภอพนมสารคาม ระยะทาง 30 กิโลเมตร (๗) อาเภอแปลงยาว ระยะทาง 35 กโิ ลเมตร (๘) อาเภอราชสาส์น ระยะทาง 46 กิโลเมตร (๙) อาเภอสนามชัยเขต ระยะทาง 50 กิโลเมตร (๑๐) อาเภอท่าตะเกยี บ ระยะทาง 65 กิโลเมตร ๖๖

แผนพฒั นาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) การส่อื สารและโทรคมนาคม 1) การไปรษณยี ์โทรเลข จากข้อมูลไปรษณีย์จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่าท่ีทาการไปรษณีย์ในสังกัดจังหวัดฉะเชิงเทรามี จานวน 11 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่จานวน 11 อาเภอ ซึ่งผใู้ ช้บริการไปรษณีย์หลัก คือ การส่งเอกสารทางธุรกิจ และพัสดุ สาหรับการส่อื สารทางจดหมายไดล้ ดบทบาทลงตามการพฒั นาระบบโทรคมนาคม ตารางที่ 60 ทท่ี ้าการไปรษณียใ์ นสังกดั จังหวัดฉะเชิงเทรา จ้านวน ๑๑ ที่ทา้ การ ตอ่ ไปนี ที่ทา้ การ ประเภท ปรมิ าณงานน้าจา่ ย/วนั ปจ.ฉะเชงิ เทรา รับ-จ่าย 28,900 ช้นิ ปณ.ดอนทอง รับ-จา่ ย ปณ.บางคล้า รับ-จ่าย ไม่มีปริมาณงานนาจา่ ย 3,580 ชนิ้ ปณ.พนมสารคาม รับ-จา่ ย ปณ.บางปะกง รับ-จา่ ย 7,800 ชิ้น ปณ.บ้านโพธิ์ รบั -จ่าย 20,000 ชิน้ ปณ.บางนา้ เปรยี้ ว รบั -จา่ ย 6,000ช้ิน 3,400 ชิ้น ปณ.สนามชยั เขต รับ-จา่ ย ปณ.ดอนฉมิ พลี รบั -จ่าย 3,300 ชน้ิ ปณ.บางววั รบั -จ่าย 2,300 ชิ้น ปณ.แปลงยาว รับ-จ่าย 400 ช้ิน 5,640 ชน้ิ ที่มา: ท่ีทาการไปรษณยี ์จังหวดั ฉะเชิงเทรา (ข้อมลู ณ วนั ที่ 8 กนั ยายน 2560) 2) หนงั สือพิมพท์ ้องถิ่น จงั หวัดฉะเชงิ เทรา มหี นังสือพิมพ์ท้องถ่นิ ท่ดี าเนนิ การอยู่ทัง้ หมด 6 ฉบับ ได้แก่ 2.1 ดาวแปดริ้ว 2.2 ก้าวหน้า 2.3 มหาชน 2.4 ริเวอร์ซัน 2.5 ฉะเชิงเทรานวิ ส์ 2.6 ขา่ วแปดรวิ้ 2.7 นครชล (แปดร้ิว เดล)่ี ที่มา : สานักงานประชาสมั พนั ธจ์ ังหวัดฉะเชงิ เทรา ขอ้ มลู ณ เดอื นกนั ยายน 2560 3) เคเบลิ ทวี จี ังหวัดฉะเชิงเทรา จงั หวดั ฉะเชิงเทรามีเคเบิ้ลทีวีอย่ทู ั้งหมด ๖ แห่ง ไดแ้ ก่ 3.1 บริษัท เอม็ เอสเอส เคเบ้ิลทวี ี จากดั 3.2 บรษิ ัท สาครเคเบล้ิ จากัด ทมี่ า: สา้ นักงานประชาสมั พนั ธจ์ ังหวัดฉะเชงิ เทราข้อมลู ณ เดอื นกันยายน 2560 ๖๗

แผนพัฒนาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) 4) หอกระจายขา่ วจังหวัดฉะเชิงเทรา มจี า้ นวน 202 แหง่ แยกรายอ้าเภอ ดงั นี 4.1 อาเภอเมอื งฉะเชิงเทรา จานวน 21 แห่ง 4.2 อาเภอบางน้าเปรีย้ ว จานวน 28 แห่ง 4.3 อาเภอบา้ นโพธิ์ จานวน 16 แห่ง 4.4 อาเภอบางปะกง จานวน 15 แห่ง 4.5 อาเภอแปลงยาว จานวน 17 แหง่ 4.6 อาเภอพนมสารคาม จานวน 40 แห่ง 4.7 อาเภอสนามชัยเขต จานวน 21 แห่ง 4.8 อาเภอท่าตะเกยี บ จานวน 15 แห่ง 4.9 อาเภอบางคล้า จานวน 14 แห่ง 4.10 อาเภอราชสาสน์ จานวน 9 แห่ง 4.11 อาเภอคลองเข่ือน จานวน 6 แห่ง 5) สถานวี ทิ ยุชุมชนจังหวัดฉะเชิงเทรา แยกตามอาเภอ ดังนี้ 5.1 อ้าเภอเมอื ง (1) สถานีวทิ ยุ MSS RADIO 102.25 MHz (2) สถานวี ทิ ยุเพ่อื การเรยี นรู้พระพทุ ธศาสนาและชุมชนแปดร้วิ วัดบางแกว้ 106.75 MHz (3) สถานวี ทิ ยุชุมชนเทพคณุ ากร “สวสั ดี เรดโิ อ” 102.65.๖๕ MHz (4) สถานีวทิ ยุชมุ ชนทา่ ไข่เรดิโอ 93.25 MHz (5) สถานวี ทิ ยชุ มุ ชนคนบางปรง 98.75 MHz (6) สถานวี ทิ ยพุ ทุ ธศาสนาวดั นิโครธาราม 104.25 MHz (7) สถานวี ทิ ยุ TFM คลน่ื วยั มันสส์ ายพันธุท์ นี 90.75 MHz (8) สถานีวิทยวุ าไรต้เี รดโิ อ 97.25 MHz (9) สถานวี ทิ ยเุ พื่อการศึกษาและพฒั นาอาชีพวิทยาลยั เทคนคิ ฉะเชิงเทรา 88.75 MHz (10) สถานีวทิ ยุแปดรวิ้ Today เรดิโอ 94.25 MHz 5.2 อา้ เภอพนมสารคาม (1) สถานวี ทิ ยคุ นรักเมืองพนมคัดชาเรดโิ อ 103.75 MHz (2) สถานีวทิ ยวุ ิทยาลัยการอาชีพพนมสารคาม 107.25 MHz (3) สถานวี ทิ ยุเรดิโอวาไรตี้ 100.75 MHz (4) สถานวี ิทยุชมุ ชนทอ้ งถนิ่ ไทยพนมสารคาม 92.75 MHz (5) สถานีวทิ ยุพลอยใสเรดิโอ 102.75 MHz 5.3 อา้ เภอแปลงยาว (1) สถานวี ิทยุชมุ ชนคนแปลงยาว 105.75 MHz 5.4 อ้าเภอบางคลา้ (1) สถานีวิทยชุ ุมชนเพ่ือคนบางคล้ากา้ วหนา้ เรดโิ อ 106.25 MHz (2) สถานีวทิ ยุปากน้าเรดโิ อ 105.50 MHz (3) สถานฮี ๊อตสเตชั่น บางคล้า เรดิโอ 104.75 MHz ๖๘

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) 5.5 อา้ เภอราชสาส์น 94.25 MHz (1) สถานวี ทิ ยชุ ุมชนดงน้อยเรดโิ อ ๙0.๐๐ MHz 5.6 อา้ เภอท่าตะเกยี บ 96.00MHz (1) สถานวี ทิ ยชุ ุมชนหนองคอกเรดโิ อ (2) สถานวี ิทยชุ มุ ชนทา่ ตะเกียบ เรดโิ อ 96 107.25 MHz 93.75 MHz 5.7 อ้าเภอบางปะกง (1) สถานวี ิทยุชุมชนท้องถ่นิ ไทย 90.25 MHz (2) สถานีวทิ ยชุ ุมชนรักบางเกลอื เรดิโอ 92.90 MHz 100.25 MHz 5.8 อ้าเภอบางนา้ เปรียว (1) สถานวี ทิ ยทุ ้องถ่ินไทยบางขนาก 99.25 MHz (2) สถานีวิทยุชมุ ชนคลอง ๒๐ (3) สถานวี ิทยุชมุ ชนคนรกั ถนิ่ 93.25 MHz 5.9 อา้ เภอบ้านโพธ์ิ (1) สถานวี ทิ ยุไลออ้ นเรดิโอ เอฟเอ็ม 5.10. อา้ เภอสนามชัยเขต (1) สถานีวิทยจุ รญิ รุ่งเรืองเรดิโอ ท่มี า: สานักงานประชาสมั พนั ธจ์ ังหวดั ฉะเชงิ เทรา ข้อมลู ณ เดือนกนั ยายน 2560 6) โทรศัพท์ ในปี 2558 มีจานวนผู้เปิดใช้บริการโทรศัพท์รวม 30,018 ราย แยกเป็น ส่วนราชการ 2,052 ราย หรือ รอ้ ยละ 6.84 บ้านพักเอกชน 18,299 ราย หรือ 60.96 ธุรกิจ 8,357 ราย หรอื รอ้ ยละ 27.84 ตารางท่ี 61 แสดงบริการโทรศพั ท์ในจังหวัด แยกเปน็ ประเภทผู้ใช้โทรศพั ท์ ปี 2550 – 2558 เปดิ ใช้ จ้านวนเลขหมายทม่ี ผี ู้เช่า บรกิ ารรวม ปี ราชการ บ้านพกั ธรุ กิจ ภายใน สาธารณะ อน่ื ๆ เอกชน ท.ศ.ท. 2550 33,628 2,080 22,982 6,645 179 1,742 - 2551 57,256 2,466 41,110 10,841 180 2,462 97 2553 32,632 2,159 21,605 6,895 192 1,781 - 2554 31,346 2,217 19,931 7,211 202 1,785 - 2555 29,777 2,210 18,126 7,475 205 1,761 - 2556 30,216 1,299 21,044 6,511 159 1,202 - 2557 29,503 1,304 20,349 6,511 152 1,185 - 2558 30,018 2,052 18,299 8,357 150 1,158 - ท่ีมา : ศูนย์การขายและบรกิ ารลูกค้าสมั พันธ์ สว่ นปฏิบัตกิ ารจงั หวัดฉะเชิงเทรา ๖๙

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) 4) ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรนา้ แหล่งน้าผิวดิน 1. ลุ่มนา้ บางปะกง เป็นลุ่มน้าสาคัญในภาคตะวันออกของประเทศ มีพื้นท่ีลุ่มน้ารวมท้ังส้ิน 10,707.48 ตร.กม. มีพื้นที่ครอบคลุม 11 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก นครราชสีมา ปทุมธานี ปราจีนบุรี สมุทรปราการ สระแก้ว และสระบุรี ต้ังอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 13° 09´ เหนือ ถึงเส้นรุ้ง ท่ี 14° 32´ เหนือ และระหว่างเส้นแวงท่ี 100° 52´ ตะวันออก ถึงเส้นแวงท่ี 102°00´ ตะวนั ออก ทิศเหนือ ตดิ กับลมุ่ น้าป่าสักและลุ่มน้ามูล ทิศใต้ติดกับลุ่มนา้ ชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก ทิศตะวันออกติดกับลุ่มน้าปราจีนบุรี และทศิ ตะวันตกติดกับลุม่ นา้ เจ้าพระยาและอ่าวไทย ภาพ 9 สภาพภูมิประเทศและน้านา้ สาขาในลุม่ นา้ บางปะกง ๗๐

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ในระบบลุ่มนา้ บางปะกงจะมี 2 ล่มุ น้าสาขาอยู่ในพน้ื ท่ีของจังหวัดฉะเชงิ เทรา (จาก 4 ลมุ่ นา้ สาขา) ดงั น้ี 1) ลุ่มน้าสาขาคลองท่าลาด ประกอบด้วย 5 อาเภอ คือ อาเภอพนมสารคาม อาเภอสนามชัยเขต อาเภอราชสาส์น อาเภอแปลงยาว และอาเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา และอาณาเขตด้านทิศเหนือ ติดลุ่มน้าสาขาแม่น้าปราจีนบุรีสายหลักตอนล่าง และลุ่มน้าสาขาแม่น้าปราจีนบุรีสายหลักตอนบน ทิศตะวันออกติดลุ่มน้าสาขาคลองพระสทึง ทิศใต้ติดลุ่มน้าหลักชายฝั่งทะเลตะวันออก ทิศตะวันตกติดลุ่มน้า สาขาแม่น้าบางปะกงสายหลกั 2) ลุ่มน้าสาขาท่ีราบแม่น้าบางปะกง ประกอบด้วย 5 อาเภอ ได้แก่ อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอบางคล้า อาเภอบางปะกง อาเภอบางน้าเปร้ียว อาเภอบ้านโพธ์ิ และอาเภอคลองเขื่อน จังหวัด ฉะเชิงเทรา และอาณาเขตด้านทิศเหนือติดลุ่มน้าสาขาแม่น้านครนายก ทิศตะวันออกติดลุ่มน้าสาขาแม่น้า ปราจีนบุรีสายหลักตอนล่างและลุ่มน้าสาขาคลองท่าลาด ทิศใต้ติดลุ่มน้าหลักชายฝั่งทะเลตะวันออกและ อ่าวไทย ทศิ ตะวนั ตกติดลมุ่ นา้ หลกั เจา้ พระยา และอีก 2 ลมุ่ นา้ สาขาท่อี ย่ใู นระบบลุ่มนา้ บางปะกงที่อยู่นอกพ้ืนทีจ่ ังหวดั ฉะเชงิ เทรา ไดแ้ ก่ 1. ลุ่มน้าสาขาแม่น้านครนายก ประกอบด้วย 4 อาเภอ คือ อาเภอเมืองนครนายก อาเภอบ้านนา อาเภอปากพลี และอาเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และอาณาเขตด้านทิศเหนือติดลุ่มน้าหลักแม่น้าป่าสัก และลุ่มน้าหลักมูล ทิศตะวันออกติดลุ่มน้าสาขาแม่น้าปราจีนบุรีสายหลักตอนบนและลุ่มน้าสาขาแม่น้า ปราจีนบุรีสายหลักตอนล่าง ทิศใต้ติดลุ่มน้าสาขาคลองท่าลาดและลุ่มน้าสาขาบางปะกงสายหลัก ทิศตะวันตก ติดลุม่ น้าหลักเจา้ พระยา 2. ลุ่มน้าสาขาคลองหลวง ประกอบด้วย 5 อาเภอ ในจังหวัดชลบุรี คือ อาเภอพานทอง อาเภอพนัสนิคม อาเภอบ่อทอง อาเภอหนองใหญ่ อาเภอบ้านบึง และอาเภอเกาะจันทร์ ท้ังน้ี การแบ่งลุ่มน้า สาขาในลุ่มน้าบางปะกง พิจารณาหลักเกณฑ์การแบ่งขอบเขตลุ่มน้าสาขา การเรียกช่ือลุ่มน้า ลาน้า และการกาหนดรหัสลุ่มน้า โดยยึดหลัก “มาตรฐานลุ่มน้าและลุ่มน้าสาขา” ของคณะอนุกรรมการศูนย์ข้อมูล สารสนเทศอุทกวิทยา (น้าผิวดิน) ภายใต้คณะกรรมการอุทกวิทยาแห่งชาติ (ปัจจุบันได้รวมอยู่ใน - กรมทรพั ยากรน้า) รายละเอยี ดของลมุ่ นา้ สาขาต่างๆ ในลุ่มน้าบางปะกง เปน็ ดงั น้ี ภาพ 10 ลมุ่ น้าสาขา ๗๑

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) สภาพทั่วไปของลุ่มน้าบางปะกง พ้ืนทีส่ ่วนใหญ่เป็นท่ีราบ ทางเหนือจะมเี ทอื กเขาสงู ซงึ่ เป็นต้นกาเนิด ของแม่น้านครนายก ส่วนทางตอนใต้และทางตะวันออกเฉียงใต้ของลุ่มน้ามีเทือกเขาซึ่งเป็นแนวแบ่งเขต ระหว่างจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และจังหวัดจันทบุรี ซ่ึงเป็นต้นกาเนิดของลาน้าสาขาสายต่างๆ ได้แก่ คลองใหญ่ คลองหลวง และคลองท่าลาด โดยแม่น้านครนายกมีทิศทางการไหลจากทิศเหนือลงมาทางทิศใต้ และมาบรรจบกับแม่น้าปราจีนบุรีซึ่งไหลเข้ามาทางฝั่งซ้ายท่ีบริเวณเหนืออาเภอบางน้าเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา ก่อนจะไหลลงทางใต้ผ่านท่ีราบต่าในเขตอาเภอบางคล้า และอาเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา และ ไหลลงอ่าวไทยทอ่ี าเภอบางปะกง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา ล้าน้าสาขาของที่ส้าคัญของแม่น้าบางปะกง ประกอบด้วย แม่น้านครนายกท่ีอยู่ทางทิศเหนือ คลองใหญ่ คลองหลวง และคลองท่าลาด (รวมคลองระบม และคลองสียัด) ซึ่งไหลลงมาจากเทือกเขาทางตอน ใต้ของลุ่มน้า และยังมีแม่น้าปราจีนบุรี ซ่ึงถูกจัดเป็นลุ่มน้าประธานลุ่มน้าหน่ึงก็เป็นลาน้าสาขาของแม่น้า บางปะกงด้วย โดยมรี ายละเอยี ดดังนี้ 1) แม่น้าบางปะกง เกิดจากการรวมตัวกันของแม่น้านครนายกกับแม่น้าปราจีนบุรีที่ไหลมาบรรจบกัน ท่ีบริเวณตาบล บางแตน อาเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ไหลผ่านมาจากทิศเหนือผ่านที่ราบต่าตอนกลางและไหลผ่าน ตอนล่างลงสู่ทิศใต้ และออกสู่อ่าวไทยท่ีตาบลปากน้า อาเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ลาน้าสาขาที่สาคัญ ได้แก่ แมน่ า้ นครนายกและคลองทา่ ลาด 2) แมน่ ้านครนายก มีต้นกาเนิดจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้แก่ เขาสูง เขาแก้ว เขาสามยอด และ เขาเขียว แม่น้านครนายก ไหลผ่านเขตอาเภอเมืองนครนายก เขตอาเภอบ้านนา และเขตอาเภอองครักษ์ ไปบรรจบกับแม่นา้ บางปะกงที่อาเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบรุ ี เรยี กว่า “ปากนา้ โยธกา” ความยาวประมาณ 130 กิโลเมตร ส่วนลาน้าย่อยที่สาคัญได้แก่ คลองนางรอง คลองวังตะไคร้ คลองแม่น้าบางปลากด คลองโบด คลองจมูกกลวง คลองเหมือง คลองสารกิ า คลองห้วยทราย และคลองบ้านนา 3) ลา้ นา้ สาขาคลองทา่ ลาด มีต้นกาเนิดจากการรวมตัวกันของคลองระบมและคลองสียัด และไหลออกสู่แม่น้าบางปะกง ที่บริเวณตาบลปากน้า อาเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีฝายที่สาคัญ ได้แก่ ฝายคลองท่าลาด สาหรับพ้ืนที่ครอบคลุมของลุ่มน้าบางปะกงในเขตจังหวัดต่างๆ แสดงดังตารางสภาพภูมิประเทศ โดยทว่ั ไป ๗๒

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ภาพ 11 ขอบเขตลุ่มนา้ สาขาในลมุ่ น้าบางปะกง ๗๓

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) รูป ระบบลุ่มน้าบางปะกง (Schematic Diagram) ภาพ 12 ระบบล่มุ นา้ บางปะกง (Schematic Diagram) 2. แหล่งนา้ ธรรมชาติทสี่ า้ คญั ในจงั หวัดฉะเชงิ เทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา มีแหล่งน้าธรรมชาติท่ีสาคัญ คือ แม่น้าบางปะกงความยาวท้ังสิ้น 122 กิโลเมตร (นับจากจุดบรรจบของต้นน้าถึงบริเวณปากอ่าว) และตั้งอยู่ในพ้ืนที่ลุ่มแม่น้าบางปะกง ในลุ่มแม่น้า บางปะกงสายหลักฝ่ังซ้ายฝั่งขวา และลุ่มน้าคลองท่าลาด รวมพ้ืนท่ีลุ่มน้าสาขาท้ัง ๓ ลุ่มน้า เป็นพื้นที่ 4,052.56 ตร.กม. โดยมีปริมาณน้าท่ารายปีเฉล่ียของลุ่มน้าคลองท่าลาดมากที่สุด คือ 744.81 ล้าน ลบ.ม. รองลงมา คือ ลุ่มน้าบางปะกงสายหลักฝั่งซ้ายมีปริมาณน้าท่ารายปีเฉลี่ย 167.33 ล้าน ลบ.ม. และลุ่มน้าฝั่ง ขวามีปริมาณน้าท่ารายปี 131.61 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้มีปริมาณน้าท่ารายปีเฉล่ียต่อประชาชนสูงกว่าเกณฑ์ กาหนดแต่อย่างไรก็ตามบางพ้ืนท่ีอาจมีสภาพขาดแคลนน้าได้เนื่องจากอยู่ห่างไกลแหล่งน้าหรือมีคุณภาพน้า ไมเ่ หมาะสมเช่น น้าเสยี หรือนา้ เคม็ โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งท่ีมกี ารรกุ ล้าของน้าเค็มแหลง่ นา้ ธรรมชาติ ๗๔

แผนพฒั นาจังหวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) 1) แม่น้าบางปะกง เกิดจากแม่น้าหนุมานและแม่น้าพระปรงบรรจบกันในจังหวัดปราจีนบุรี (ชว่ งท่ไี หลผ่านในจังหวัดปราจีนบุรี เรยี ก แม่น้าปราจีนบุรี) ไหลลงมาทางทศิ ตะวนั ตกแล้ววกลงทางใต้ มีแม่น้า นครนายกมาบรรจบทางฝ่ังขวาเป็นเส้นแบ่งเขตจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทราช่วงน้ีจะเรียกว่า แม่น้าบางปะกง จากน้ันจะไหลลงสู่ทะเลระหว่างตาบลบางปะกง อาเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และตาบลคลองตาหรุ อาเภอเมือง จังหวัดชลบุรี มคี วามยาวประมาณ ๑๒๒ กิโลเมตร ๒) คลองท่าลาด มีต้นน้าอยู่ในเขตอาเภอสนามชัยเขต เป็นคลองธรรมชาติที่เกิดจากคลอง สาขา คือ คลองสียัดและคลองระบม ไหลมาบรรจบกันในเขตอาเภอพนมสารคาม ไหล่ผ่านอาเภอราชสาส์น ไปบรรจบกับแม่น้าบางปะกงระหว่างตาบลบางคล้าและ ตาบลปากน้า ในเขตอาเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชงิ เทรา ความยาวประมาณ 30.36 กิโลเมตร 3) คลองสียัด เกิดจากลาห้วยเล็ก ๆ ในบริเวณเขาใหญ่ด้านท่ีติดกับจังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดชลบุรี ไหลผ่านอาเภอสนามชัยเขต มีต้นก้าเนิดจากอ่างเก็บน้าคลองสียัดท่ีตังอยู่ในเขตต้าบล ท่าตะเกียบ ต้าบลคลองตะเกรา อ้าเภอท่าตะเกียบ และไปบรรจบกับคลองระบมกลายเป็นคลองท่าลาด ท่ีอาเภอพนมสารคาม ความยาวประมาณ 67.22 กโิ ลเมตร 4) คลองระบม เป็นคลองเหนือคลองสียัด เกิดจากการรวมตัวของลาห้วยสายเล็ก ๆ หลาย สายในบริเวณเขาชาระกา เขาพลูเหม็น เขาสมาด่างและเทือกเขาอ่ืน ๆ ในบริเวณด้านตะวันออกของอาเภอ สนามชัยเขต ไหลไปบรรจบกับคลองสียัดท่ีอาเภอพนามสารคาม ความยาวประมาณ 104.95 กิโลเมตร พบว่าคลองนี้จะมนี ้าเกือบตลอดปี 5) คลองแสนแสบ เป็นคลองท่ีขุดในสมัยรัชกาลท่ี 3 เพ่ือเชื่อมแม่น้าเจ้าพระยากับแม่น้า บางปะกงเข้าด้วยการดาเนินการในปี พ.ศ. 2380 เริ่มจากคลองมหานาคแล้วผ่านเขตบางกะปิ เขตมีนบุรี และเขตหนองจอก แล้วไปบรรจบกับคลองบางขนาก ที่อาเภอบางน้าเปรี้ยว ไหลผ่านพ้ืนที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ท่ีอาเภอบางน้าเปรี้ยว ไปบรรจบกับแม่น้าบางปะกงท่ีตาบลบางขนาก อาเภอบางน้าเปร้ียว ความยาวในเขตจังหวัด ฉะเชิงเทรา ประมาณ 1.09 กโิ ลเมตร คลองน้ีใช้เปน็ เสน้ ทางคมนาคมได้ตลอดปี 6) คลองบางขนาก เป็นคลองท่ีขุดในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยขุดต้ังแต่คลองหัวหมาก เขตคลองสามวา จังหวัดกรุงเทพมหานคร ไปจนถึงตาบลบางขนาก อาเภอบางน้าเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ใชเ้ ปน็ เส้นทางลาเลียงเสบยี งอาหารและยุทโธปกรณ์ เพื่อใช้ในการทาศึกกบั ญวน 7) คลองประเวศบุรีรมย์ เป็นคลองขุดในสมัยรัชกาลท่ี 5 โดยขุดต่อจากคลองพระโขนง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ไปเชื่อมกับคลองด่าน อาเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ แล้วไหลออก สู่แม่น้าบางปะกง ที่อาเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และยังดานินการขุดคลองแยกจากคลองประเวศบุรี รมย์ อีก 4 คลอง คือ คลองหน่ึง คลองสอง คลองสาม และคลองสี่ เริ่มขุดต้ังแต่ พ.ศ. 2421 แล้วเสร็จ ในปี พ.ศ.2423 ความยาวในเขตจังหวัดฉะเชงิ เทรา ประมาณ 1.06 กโิ ลเมตร 8) คลองสายย่อย เช่น คลองสาโรง คลองท่าไข่ คลองบางขนาก คลองหลวงแพ่ง เป็นต้น ซึ่งเปน็ คลองทเ่ี ช่ือมโยงกบั คลองในกรงุ เทพมหานคร 9) พืนที่ชุ่มน้า (Wetland) จังหวัดฉะเชิงเทรามีพ้ืนที่บางส่วนอยู่ในพ้ืนที่ชุ่มน้าอ่าวไทย เน่ืองจากขอบเขตของพื้นท่ีช่มุ น้าอ่าวไทยครอบคลมุ ในหลายจังหวัดโดยขอบเขตของพืน้ ที่ชุ่มน้าอา่ วไทยเร่ิมจาก บริเวณต้ังแต่ใต้สุดของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงตอนใต้สุดของจังหวัดตราดมีเนื้อท่ีครอบคลุม ๙๓๑.๘ ตารางกิโลเมตรในจังหวัดฉะเชิงเทรา ประกอบด้วย พื้นท่ีชุ่มน้าชายฝ่ังทะเลและพ้ืนที่ชุ่มน้าน้าจืดโดยเป็นพื้นท่ี ชุ่มนา้ ท่มี คี วามสาคญั ดังนี้ ๗๕

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) 9.๑) พืนท่ีชุ่มน้าแม่น้าบางปะกง แม่น้าบางปะกงมีจุดเริ่มต้นที่บริเวณแม่น้านครนายก และแมน่ ้าปราจีนบุรี มาบรรจบกนั ท่ีอาเภอบางน้าเปร้ียว จังหวดั ฉะเชิงเทรา และไหลลงอ่าวไทยระหวา่ งอาเภอ บางปะกง จงั หวัดฉะเชิงเทรา กบั อาเภอเมืองชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี มีความยาวตลอดลาน้า ๑๒๒ กโิ ลเมตร 9.๒) พืนท่ีชุ่มน้าในเขตรักษาพันธุส์ ัตว์ปา่ เขาอา่ งฤาไน พ้ืนที่ชุ่มน้าในเขตรักษาพันธุส์ ัตว์ ปา่ เขาอ่างฤาไน จงั หวัดฉะเชงิ เทรา ครอบคลมุ พ้ืนท่อี าเภอสนามชยั เขต และอาเภอทา่ ตะเกยี บ ทรพั ยากรน้าใตด้ นิ จงั หวัดฉะเชิงเทราพบว่ามแี หล่งนา้ ใต้ดนิ หรอื น้าบาดาลอยูท่ ั่วไปภายในจังหวดั โดยพ้นื ท่ีมีปริมาณ น้าใต้ดินมากจะอยู่ทางด้านตะวันตกของจังหวัดในเขตลุ่มน้าบางปะกง ส่วนทางด้านตะวันออก มีปริมาณน้าใต้ ดินน้อย น้าใต้ดินส่วนใหญ่มคี ุณภาพไม่เหมาะสมที่จะนามาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคหรือเกษตรกรรม เนื่องจากน้ามีความเค็มหรือเป็นน้ากร่อยพื้นท่ีท่ีสามารถนาน้าใต้ดินมาใช้ประโยชน์ได้ คือ บางส่วนของ อาเภอบางคล้า อาเภอสนามชยั เขต อาเภอพนมสารคาม อาเภอทา่ ตะเกยี บ แตม่ ปี ริมาณน้อย จานวนบ่อบาดาลทั้งหมด ๑๖๑ บ่อ ซ่ึงบ่อบาดาลที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภค จานวน๕๕บ่อ บอ่ ธุรกิจ ๗๓ บ่อ บ่อเกษตรกรรม ๓๓ บ่อ โดยบ่อบาดาลดังกล่าวอยู่ในท้องที่อาเภอเมืองฉะเชงิ เทรา ๑๕ บอ่ อาเภอ บ้านโพธิ์ ๑๓ บ่อ อาเภอบางคล้า ๑๐ บ่อ อาเภอบางน้าเปรี้ยว ๑๐ บ่อ อาเภอบางปะกง ๒๐ บ่อ อาเภอแปลง ยาว ๕๖ บ่อ อาเภอท่าตะเกยี บ ๗ บ่อ อาเภอสนามชัยเขต ๖ บ่อ อาเภอพนมสารคาม ๒๓ บ่อ อาเภอคลองเขอ่ื น ๑ บ่อ แหลง่ ชลประทาน สาหรับแหล่งนา้ ชลประทานที่มอี ยู่ภายในจงั หวดั ประกอบดว้ ย แหล่งนา้ ตามโครงการชลประทาน ขนาดใหญ่ โครงการชลประทานขนาดกลาง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ และโครงการชลประทาน ขนาดเล็กท่สี ร้างแลว้ เสร็จถึงสิ้นปีงบประมาณ 2559 รวม 157 โครงการ และสามารถเกบ็ กักนา้ ได้ ๔๘๔.๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร และมีพื้นที่ท่ีได้รับประโยชน์จากโครงการ ๑,๑๔๒,๘๒๖ ไร่ หรือร้อยละ ๓๕.๐๒ ของพ้ืนท่ี ถอื ครองทางการเกษตรของจงั หวดั โครงการชลประทานขนาดใหญใ่ นพืนท่จี ังหวดั ฉะเชงิ เทรามี ๘ โครงการ ดงั นี ๑. โครงการส่งน้าและบารุงรักษารังสติ ใต้ ๒. โครงการส่งนา้ และบารุงรักษาพระองค์ไชยานชุ ิต ๓. โครงการสง่ น้าและบารงุ รักษาชลหารพิจิตร ๔. โครงการส่งนา้ และบารุงรักษาบางพลวง ๕. โครงการส่งน้าและบารงุ รักษาเขื่อนบางปะกง ๖. โครงการส่งนา้ และบารุงรักษาคลองสียดั ๗. โครงการชลประทานฉะเชิงเทรา ๘. โครงการชลประทานชลบุรี โครงการชลประทานขนาดกลางในพนื ที่จงั หวัดฉะเชิงเทรามี ๓ โครงการ ดังนี ๑. โครงการอ่างเก็บน้าคลองระบม ๒. โครงการอ่างเก็บนา้ ลาดกระทิง ๓. โครงการฝายท่าลาด ๗๖

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ภาพ 13 โครงการชลประทานในเขตจังหวดั ฉะเชิงเทรา ตารางที่ 62 แสดงโครงการชลประทานในเขตจังหวดั ฉะเชิงเทราทก่ี อ่ สรา้ ง โครงการ จ้านวน เก็บกกั นา้ พืนที่ได้รบั คดิ เปน็ รอ้ ยละ โครงการ (ล้าน ลบ.ม.) ประโยชนจ์ าก ของพนื ทถ่ี อื ๑. แหล่งน้าชลประทานประเภทอ่างเก็บนา้ ชลประทาน ครองทาง - โครงการชลประทานขนาดใหญ่ 1 การเกษตร - โครงการชลประทานขนาดกลาง 2 (ไร่) - โครงการชลประทานขนาดเล็ก 137 - โครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ 9 420 166,174 5.09 0.58 ๒. แหลง่ น้าชลประทานประเภทรับน้านอง 7 44.20 18,826 3.06 -โครงการชลประทานขนาดใหญ่ 157 0.24 รวม 14.57 100,126 5.84 7,930 - 849,770 26.05 484.61 1,142,826 35.02 ท่ีมา : โครงการชลประทานฉะเชงิ เทรา เขอ่ื นทดน้าบางปะกง เขื่อนทดน้าบางปะกงต้ังอยู่บริเวณบ้านไผ่เสวก ตาบลบางแก้ว อาเภอเมือง อยู่ห่างจากปากแม่น้า ๗๐ กิโลเมตร ความจุ ๓๐ ล้านลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามมติคณะรัฐมนตรี เพ่ือป้องกัน การรุกล้าของนาเค็มและกักเก็บน้าไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรม และการชลประทาน ขณะนี้ การดาเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จโดยอยู่ระหว่างการศึกษาแก้ไขปัญหาผลกระทบและศึกษาหาแนวทาง ในการบริหารจัดการที่มปี ระสิทธิภาพเพ่ือให้สามารถดาเนินการเปิดใชง้ านเข่ือนทดนา้ บางปะกงตามวัตถปุ ระสงค์ ทีม่ า : สานกั งานส่งิ แวดลอ้ มภาคท่ี ๑๓ (ชลบุร)ี ๗๗

แผนพฒั นาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) พนื ที่ลุ่มนา้ และปริมาณนา้ ท่าตามธรรมชาติ แหล่งน้าท่ีมีอยู่ภายในจังหวัด ประกอบด้วย แหล่งน้าธรรมชาติที่สาคัญ คือ แม่น้าบางปะกงและ แม่น้าสาขา ห้วย ลาธาร คลอง รวมทั้งส้ิน ๗๖๒ สาย มีน้าให้ใช้ได้ในฤดูแล้ง จานวน ๗๔๕ สาย มีหนอง บึง อีกจานวน ๑๖๗ แห่ง ใช้งานได้ในฤดูแล้ง ๑๖๖ แห่ง มีน้าพุ น้าซับ ๙ แห่ง มีน้าในฤดูแล้ง ท้ัง ๙ แห่ง และอื่นๆ อีก ๑๗๙ แหง่ ใชง้ านได้ในฤดูแล้ง ๑๗๘ แห่ง พนื ท่ีเส่ยี งภยั กดั เซาะชายฝ่ัง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพ้ืนที่ติดชายฝ่ังทะเล ในพ้ืนที่ตาบลสองคลอง และตาบลบางปะกง อาเภอ บางปะกง สาหรบั ตาบลท่าขา้ มเปน็ ตาบลที่อย่บู ริเวณปากแม่นา้ บางปะกง โดยบริเวณชายฝั่งเป็นเขตพื้นที่ตาบล บางตาหรุ อาเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี แนวชายฝั่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา มีความยาว 16.28 กิโลเมตร จาแนกเป็นหาดโคลน 14.95 กิโลเมตร และปากแม่น้า 1.33 กิโลเมตร โดยแนวชายฝั่งอยู่ในระบบกลุ่มหาด พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน หรืออ่าวรูปตัว ก (หรือ อ่าวรูปตัว U) ซ่ึงได้รับผลกระทบด้านการกัดเซาะ ชายฝ่ัง ตามรายงานรวบรวมข้อมูลฐานขอ้ มูลการกดั เซาะชายฝ่ังรายจังหวัด 23 จงั หวัด ซงึ่ รวบรวมข้อมูลจาก โครงการตามแผนหลักและแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง ตั้งแต่ปี 2546 -2557 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พบว่า พ้ืนที่ตาบลสองคลอง อาเภอบางปะกง มีอัตราการกัดเซาะชายฝ่ัง 9.61 เมตร/ปี มีระยะทางกัดเซาะ 7.40 กิโลเมตร พื้นที่กัดเซาะ 104.38 ไร่ ระดับความรุนแรงของการกัด เซาะ กาหนดเป็นพ้ืนท่ีวิกฤต ซ่ึงการแก้ปัญหาในระยะส้ันมุ่งเน้นการก่อสรา้ งโครงการป้องกันการกัดเซาะตาม แนวชายฝั่งในรูปแบบต่างๆ ท่ีดาเนินการโดยหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นหลายหน่วยงาน ซึ่งควรส่งเสริม การฟืน้ ฟพู ้ืนทีป่ า่ ชายเลนในพ้นื ทซี่ งึ่ นา้ ทะเลท่วมถงึ ด้วย ความต้องการใชน้ ้าและข้อมลู ปัญหา ขอ้ มลู สภาพปัญหาดา้ นทรพั ยากรน้าในระดับจงั หวดั ในพนื้ ท่ีจังหวัดฉะเชิงเทรา มีปัญหาด้านทรัพยากรน้าอยู่ 3 ประเภท คือ ปัญหาการขาดแคลนน้า ปญั หาคุณภาพนา้ (น้าเค็ม และนา้ เสีย) และปัญหานา้ ท่วม ซง่ึ สาเหตุของปญั หาเหลา่ น้มี ี ดงั นี้ 1. ปญั หาการขาดแคลนน้า 1.1 ความตอ้ งการใชน้ า้ ความต้องการใช้น้าในจังหวัดฉะเชิงเทรา จาแนกออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ ความต้องการใช้น้าเพื่อการอุปโภค – บริโภค ความต้องการใช้น้าเพ่ือการเกษตร ความต้องการใช้น้า เพื่ออุตสาหกรรม และความต้องการใช้น้าเพื่อการท่องเที่ยว ความต้องการใช้น้าเพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศ และความต้องการใช้น้าที่ถูกนาไปใช้นอกจังหวัดฉะเชิงเทรา (สานักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้า บางปะกง, 2556) ดงั นี้ (1) ความต้องการใช้นา้ เพอื่ การอปุ โภค – บริโภค ความต้องการใช้น้าเพ่ือการอุปโภค – บริโภค ของจังหวัดฉะเชิงเทรา ในช่วงระหว่างปี 2555 – 2565 มีปริมาณอยู่ระหว่าง 15.526 – 22.982 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีตามลาดับ โดยพิจารณา ใช้อัตราการใช้น้าเฉล่ียเท่ากับ 50 ลิตรต่อคนต่อวัน (สานักบริการจัดการน้า กรมทรัพยากรน้า) และพบว่า อาเภอ 3 ลาดับแรกท่ีมีความต้องการใช้น้าเพ่ือการอุปโภค – บริโภค สูงที่สุด ได้แก่ อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอบางปะกง และอาเภอบางนา้ เปรีย้ ว ๗๘

แผนพัฒนาจังหวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) (2) ความตอ้ งการใชน้ า้ เพื่อการเกษตร จากข้อมูลของสานักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า มีพ้ืนที่เพาะปลูกข้าวรวม 1,227,900 ไร่ ซ่ึงพื้นท่ีส่วนใหญ่อยู่ในอาเภอบางน้าเปร้ียว อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา และอาเภอพนมสารคาม และมีความต้องการใช้น้าเฉล่ียสาหรับ 1) การปลูกข้าว เท่ากับ 1,964.640 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (สานักงานเลขานกุ ารคณะกรรมการลุ่มน้าบางปะกง, 2556) 2) ส่วนการปศุสัตว์ พบวา่ มีความต้องการใช้น้า เท่ากับ 3.644 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ดังนัน จึงสรุปได้ว่า จังหวัดฉะเชิงเทรามีความต้องการใช้น้าเพ่ือ การเกษตรในปี 2555 ประมาณ 1,968.284 ลา้ นลูกบาศก์เมตรตอ่ ปี (3) ความตอ้ งการใช้น้าเพื่ออุตสาหกรรม สานักงานเลขานุการคณะกรรมการการลุ่มน้าบางปะกง รายงานปริมาณความต้องการใช้ น้าเพื่ออุตสาหกรรมสาหรับจังหวัดฉะเชิงเทราในปี 2555, 256 0 และ 2565 เท่ากับ 42.0261, 51.1312 และ 62.2089 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ตามลาดับ โดยอาเภอที่มีความต้องการใช้น้าเพ่ือ อตุ สาหกรรมสูงทสี่ ุด ได้แก่ อาเภอบางปะกง (4) ความตอ้ งการใชน้ ้าเพอ่ื การทอ่ งเทยี่ ว สานักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้าบางปะกง รายงานความต้องการใช้น้า เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทราในปี 2555, 2560 และ 2565 เท่ากับ 752,312.07 915,302.67 และ 1,113,605.64 ลกู บาศก์เมตรตอ่ ปี (5) ความต้องการใชน้ า้ เพ่ือรักษาระบบนิเวศ การใช้น้าในพื้นที่ต้นน้ามีผลท้าให้น้าในพ้ืนท่ีปลายน้าลดลง จึงต้องมีการวางแผนและ จัดการการใช้น้าให้เกิดความเป็นธรรม อน่ึงในการใช้น้าจะต้องมีการปล่อยน้าลงท้ายน้าในปริมาณท่ีเหมาะสม เปน็ ธรรมตอ่ ผทู้ ี่อยทู่ า้ ยน้าไดใ้ ช้น้าและเป็นการรกั ษาสมดลุ นิเวศทา้ ยนา้ ความต้องการใช้น้าเพ่ือรักษาสมดุลนิเวศท้ายน้า คือ ปริมาณน้าต่าสุดที่ไหลในฤดูแล้ง ของ ลาน้านั้นๆ ในอดีต ซ่ึงประเมินจากอัตราการไหลรายวัน ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนมกราคม ถึงเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่อัตราการไหลมีค่าต่า และทาการวิเคราะห์จากสถิติข้อมูลน้าท่าท่ีสถานีวัดน้าในลุ่มน้า ซึ่งค่าอัตราการไหลต่าสุดท่ีได้เป็นค่ามีความม่ันคงไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลา ณ สถานีท่ีนามาวิเคราะห์ ผลท่ีได้จะนามากาหนดอัตราการไหลข้ันต่า (Minimum Flow) ในทุกลาน้าของลุ่มน้าย่อย ต่อพ้ืนที่รับน้า 1 ตารางเมตร ความต้องการใช้น้าเพ่ือรักษาระบบนิเวศ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีปริมาณเฉล่ียเท่ากับ 197.16 ลา้ นลูกบาศก์เมตรตอ่ ปี (6) ความต้องการใช้นา้ เพือ่ นาไปใชน้ อกจงั หวดั การส่งน้าของชลประทานจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานปริมาณน้าท่ีส่งออกไปใช้นอก จังหวัดในปี 2555 ประมาณ 18.00 ลา้ นลูกบาศก์เมตรต่อปี และเพ่มิ ขึ้นในอตั รารอ้ ยละ 20 ต่อ 2 ปี ดังน้ัน ในปี 2560 และ 2565 จึงมีความต้องการใช้น้าเพื่อนาไปใช้นอกจังหวัดเพ่ิมเป็น 21.60 และ 25.92 ล้าน ลูกบาศก์เมตรตอ่ ปีตามลาดับ 1.2 พืนทป่ี ระสบภยั แลง้ จังหวัดฉะเชิงเทรามีแหล่งน้าธรรมชาติท่ีสาคัญ คือ แม่น้าบางปะกงและแม่น้าสาขา ห้วย ลาธาร คลอง รวมท้ังส้ิน 762 สาย ในจานวนน้ีมีน้าให้ใช้ได้ในฤดูแล้ง จานวน 745 สาย มีหนอง บึง อกี จานวน 167 แหง่ ใช้งานได้ในฤดแู ล้ง 166 แห่ง มีน้าพุ น้าซับ 9 แห่ง มีนา้ ในฤดแู ล้ง ท้ัง 9 แห่ง และอ่นื ๆ อกี 179 แห่ง ใชง้ านไดใ้ นฤดูแล้ง 178 แห่ง ๗๙

แผนพฒั นาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) สาหรับแหล่งน้าชลประทานท่ีมีอยู่ภายในจังหวัดประกอบด้วย แหล่งน้าตามโครงการ ชลประทานขนาดใหญ่ โครงการชลประทานขนาดกลาง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ และโครงการ ชลประทานขนาดเล็กท่ีสร้างแล้วเสร็จถึงส้ินปีงบประมาณ 2553 รวม 154 โครงการ และสามารถเก็บกักน้า ได้ 484.61 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีพ้ืนท่ีที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ 1,142,826 ไร่ หรือร้อยละ 35.02 ของพื้นท่ีถือครองทางการเกษตรของจังหวัด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีโครงการพัฒนาแหล่งน้าเกิดขึ้นอย่างต่อเน่ือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนน้าอยู่ในหลายพื้นท่ีโดยปัญหาการขาดแคลนน้า สามารถแบ่งได้ 2 กรณี คื อ สภาพการขาดแคลนน้าเพื่อการอุปโภคบริโภค และสภาพการขาดแคลนน้าเพ่ือการเพาะปลูก จากการศึกษา และทบทวนรายงานโครงการจัดทาแผนการบริหารจัดการทรพั ยากรน้าในพนื้ ท่ีลุ่มน้าบางปะกง ปราจีนบุรี และ โตนเลสาบ กรมทรพั ยากรน้าพบวา่ พนื้ ที่ทีม่ ีสภาพการขาดแคลนน้าเพื่อการอุปโภคมากที่สุด ไดแ้ ก่ ลุ่มน้าสาขา ท่ีราบแม่น้าบางปะกง รองลงมา ได้แก่ ลุ่มน้าสาขาคลองท่าลาด ส่วนพื้นที่ที่มีสภาพการขาดแคลนน้า เพื่อการเพาะปลูกมากที่สุด ได้แก่ ลุ่มน้าสาขาคลองท่าลาด โดยมีสาเหตุที่ทาให้เกิดภัยแล้งอาจจาแนกได้ เปน็ 3 ลักษณะคอื 1) สภาวะอากาศแห้ง (Meteorogical Drought) มีลักษณ ะสาคัญ คือ เป็นสภาวะ ที่มีการระเหยน้าเกินจานวนที่รับได้ คือ มีการระเหยจากไอน้าของดินและพืชพรรณมากกว่าปริมาณฝนรายปี เป็นผลใหพ้ ืน้ ทีน่ นั้ ๆ มีภูมอิ ากาศแห้งแลง้ 2) สภาวะการขาดน้า (Hydrological Drought) เป็นปรากฏการณ์ที่มีสาเหตุมาจาก การเปล่ียนแปลงของ สภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการมีฝนน้อยเฉลี่ยต่ากว่าปกติเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกัน จนมผี ลกระทบต่อการลดลงของระดบั น้าผิวดนิ นา้ ใตด้ ิน และการขาดแคลนน้าเพื่ออุปโภค บรโิ ภคในช่วงฤดูแลง้ 3) สภาวะความแห้งแล้งทางการเกษตร (Agricultural Drought) เป็นสภาวะท่ีเกิดจาก การขาดน้าสาหรับการเกษตรอันเน่ืองมาจากการลดลงของปริมาณน้าฝน ระดับน้าใต้ดิน ความช้ืนในดินลดลง จนพชื ไม่สามารถดึงนา้ มาใช้ มีผลทาให้พชื หยดุ ชะงกั การเจริญเตบิ โต และตายไปในท่สี ดุ จากรายงานสถานการณ์สาธารณภัย จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า ในปัจจุบันจังหวัดฉะเชิงเทรา มีพ้ืนที่ประสบภัยแล้ง รวมท้ังส้ิน 8 อาเภอ 51 ตาบล 477 หมู่บ้านราษฎรได้รับความเดือดร้อน 68,616 ครัวเรือนหมู่บ้านท่ีได้รับผลกระทบ คิดเป็น 53.47% ของจานวนหมู่บ้านทั้งจังหวัด (892 หมู่บ้าน) (ขอ้ มูล ณ วันท่ี 23 เมษายน 2557) ประกอบดว้ ย (1) อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา 13 ตาบล 114 หมูบ่ ้าน 33,062 หลงั คาเรอื น (2) อาเภอบางน้าเปร้ียว 10 ตาบล 146 หมบู่ ้าน 3,106 หลังคาเรอื น (3) อาเภอบางปะกง 12 ตาบล 101 หมู่บ้าน 13,183 หลงั คาเรอื น (4) อาเภอบา้ นโพธ์ิ 4 ตาบล 20 หมูบ่ า้ น 5,129 หลงั คาเรอื น (5) อาเภอคลองเขอื่ น 5 ตาบล 32 หมู่บ้าน 5,065 หลังคาเรือน (6) อาเภอบางคลา้ 4 ตาบล 28 หมูบ่ า้ น 5,129 หลังคาเรือน (7) อาเภอพนมสารคาม 1 ตาบล 8 หมบู่ ้าน 20 หลังคาเรือน (8) อาเภอทา่ ตะเกียบ 2 ตาบล 28 หมู่บา้ น 4,790 หลงั คาเรอื น ข้อมูลจากคณะกรรมการศูนย์อานวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัด ฉะเชิงเทรา ปีงบประมาณ 2557 ได้รายงานปริมาณน้าเก็บกักในอ่างเก็บน้าภายในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา ชว่ งเดือนมนี าคม 1.3 ปญั หานา้ ทว่ ม ๘๐

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ลักษณะการเกิดปัญหาน้าท่วมในจังหวดั ฉะเชิงเทรา สามารถแบ่งได้ 2 ลกั ษณะคอื สภาวะน้า ทว่ มฉบั พลนั (Flash Flood) และน้าท่วมลน้ ตลิง่ สองฝงั่ ลาน้า (River Flood) โดยสภาวะน้าท่วมฉับพลัน เกิดจากสภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจากการพัดผ่านของพายุ ฝนเป็นเวลาหลายวัน จากนั้นฝนท่ีตกสะสมในบริเวณพ้ืนท่ีสูงบริเวณสันปันน้า ในเขตอ้าเภอจันตคามจังหวัด ปราจีนบุรี และจะเปล่ียนไปเป็นน้าท่าและไหลบ่าผ่านอ้าเภอบ้านสร้าง และอ้าเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี และเข้าสู่ที่ราบลุ่มแม่น้าบางปะกงในเขตอ้าเภอพนมสารคาม อ้าเภอคลองเข่ือน และอา้ เภอบางคล้า จงั หวัดฉะเชงิ เทรา ตามล้าดบั สาหรับภาวะน้าท่วมล้นตล่ิงสองฝ่ังลาน้า (River flood) มักเกิดบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้าและ บริเวณชุมชนเมืองใหญ่ๆ เน่ืองจากสภาพภูมิประเทศ เป็นที่ราบลุ่มมีความลาดชันของพ้ืนท่ีและความลาดชัน ของลาน้าค่อนขา้ งต่า จึงระบายน้าไดช้ ้า มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเกดิ จากฝนตกหนัก ณ จุดนั้นๆ ติดต่อกัน เป็นเวลาหลายวัน หรือเกิดจากสภาวะน้าล้นตล่ิง น้าท่วมขังสว่ นใหญจ่ ะเกดิ บริเวณทา้ ยนา้ และมลี กั ษณะแผเ่ ป็น บริเวณกว้าง ในบริเวณลุ่มน้าบางปะกงเกิดน้าท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง 5 – 10 กิโลเมตรจากริมฝ่ังลาน้า เกิด จากสภาวะน้าทะเลหนุนในช่วงฤดฝู นระหว่างเดอื นตุลาคม ถึง ธันวาคม บริเวณปากแม่นา้ บางปะกง ทาใหน้ ้าที่ ไหลบ่าลงมาไม่สามารถออกสทู่ ะเลได้สะดวก ก่อให้เกดิ นา้ ท่วมขังในพืน้ ทเี่ ป็นเวลานาน สาหรับบรเิ วณท่ปี ระสบ ปัญหาส่วนใหญ่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา จะอยู่ในเขตอาเภอเมืองฉะเชิงเทรา บางคล้า บางน้าเปร้ียว บางปะกง และบ้านโพธ์ิ สาหรับสถานการณ์น้าท่วมในจังหวัดฉะเชิงเทราได้มีการสรุปโดยสถาบันเทคโนโลยีน้าและ การเกษตร (องค์การมหาชน) แสดงได้ดังน้ี 1) อาเภอบางคล้า มีพืน้ ท่ที ถี่ ูกนา้ ทว่ มประมาณ 1.5 ตารางกโิ ลเมตร โดยท่วมนาน 30 วัน ระดับนา้ สูงโดยเฉล่ีย 1.9 เมตร ในพน้ื ทต่ี ่า และ 1.0 เมตรในพน้ื ท่สี ูง 2) อาเภอบางนา้ เปร้ยี ว มพี ืน้ ท่ีเกิดนา้ ท่วมขงั เปน็ เวลานาน 45 วัน 3) อาเภอสนามชัยเขต มีลาน้าที่สาคัญ คือ คลองระบม คลองสียัด คลองกะพง และคลองวังอีเลี่ยน ซึ่งพ้ืนที่ท่ีอยู่ติดกับคลองเหล่านี้มักเกิดภาวะน้าท่วมทุกปีบริเวณท่ีถูกน้าท่วมรุนแรง อยู่ในเขตตาบลคู้ยายหมี ตาบลลาดกระทิง ตาบลท่ากระดาน และตาบลท่าพระยา ระดับน้าสูงสุด ในชว่ งทีผ่ า่ นมา 0.90 เมตร โดยทว่ มขังนานประมาณ 2 เดอื น 4) อาเภอท่าตะเกียบ บริเวณที่ประสบปัญหาอุทกภัย คือ บริเวณเขตตาบลท่าตะเกียบ อนั ประกอบด้วย บา้ นวงั วนุ้ บา้ นชมพู บา้ นทงุ่ ยายชี บา้ นทา่ กลอย และบา้ นคลองเตียน 5) อาเภอราชสาส์น พ้ืนที่เกือบทั้งหมดของอาเภอราชสาส์น จะถูกน้าท่วมเป็นประจาทุกปี โดยระดบั น้าจะท่วมอยู่ระหว่าง 0.50 – 2.0 เมตร มีระยะเวลาทว่ มขงั ประมาณ 2 เดือน 6) อาเภอแปลงยาว ระดับน้าทว่ มสูงประมาณ 0.6 – 0.7 เมตร ท่วมนานประมาณ 1 เดือน ในช่วง เดอื นสงิ หาคม ถงึ เดอื นตุลาคม ของทุกปี 7) อาเภอคลองเขื่อน พน้ื ท่ที ม่ี กั ประสบปัญหาน้าท่วม คอื บริเวณตาบลบางเลา่ และบางตลาด 8) อาเภอพนมสารคาม พื้นที่ท่ีถูกน้าท่วมขัง ได้แก่ พ้ืนท่ีในเขตตาบลพนมสารคาม ตาบลท่าถ่าน ตาบลหนองแหน ตาบลเกาะขนุน ตาบลหนองยาง และตาบลบ้านซ่อง ระดับน้าท่วมประมาณ 1.5 เมตร เป็นระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งน้าจะท่วมเปน็ ประจาทกุ ปี ๘๑

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) 2. สถานการณ์นา้ ตน้ ทุนโดยรวมของจงั หวดั ฉะเชิงเทราในปัจจบุ ัน 2.1 ปริมาณนา้ ท่าตามธรรมชาติ ลุ่มน้าบางปะกง (ขนาดพื้นท่ีลุ่มน้าประมาณ 10,481 ตารางกิโลเมตร) ตั้งอยู่ทางด้านท้ายน้า ของลุ่มน้าปราจีนบุรี (ขนาดพื้นท่ีลุ่มน้าประมาณ 7,978 ตารางกิโลเมตร) โดยลุ่มน้าบางปะกงประกอบด้วย 4 ลุ่มน้าสาขาย่อย ได้แก่ ลุ่มน้าสาขาคลองท่าลาด ลุ่มน้าสาขาคลองหลวง ลุ่มน้าสาขาท่ีราบแม่น้าบางปะกง และลุ่มน้าสาขาแม่นา้ นครนายก จังหวัดฉะเชิงเทราซ่ึงมีพ้ืนที่ประมาณ 5,351 ตารางกิโลเมตร ต้ังอยู่ในลุ่มน้าสาขาคลอง ท่าลาดและลุ่มน้าสาขาที่ราบแม่น้าบางปะกง (บางส่วน) ซ่ึงสามารถประเมินเป็นปริมาณน้าท่าตามธรรมชาติ เฉพาะในเขตจังหวัดฉะเชิงเทราได้ประมาณเฉลี่ยปีละ 1,558.8 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถจาแนกเป็น ปริมาณน้าท่าในฤดูฝน (เดือนพฤษภาคมถงึ ตุลาคม) 1,447.4 ล้านลกู บาศก์เมตร และเป็นปรมิ าณน้าท่าในฤดู แล้ง (เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน) 111.4 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกปริมาณน้าท่าในพื้นที่จังหวัดข้างต้นแล้ว จังหวัดฉะเชิงเทรายังรับน้าที่เหลือใช้จากลุ่มน้าทางด้านเหนือ ซ่ึงได้แก่ ลุ่มน้าปราจีนบุรีและลุ่มน้า สาขา นครนายกรวมกันอีกประมาณเฉล่ียปีละ 7,094 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นปริมาณน้าท่าในฤดูฝน 6,527.1 ล้านลกู บาศกเ์ มตร และเปน็ ปรมิ าณนา้ ทา่ ในฤดูแล้ง 566.9 ลา้ นลกู บาศก์เมตร ดังแสดงการสรปุ ปริมาณนา้ ทา่ 3.3.2 แหลง่ น้าตน้ ทนุ จากโครงการพัฒนาแหลง่ น้า 2.2 ปริมาณความตอ้ งการใช้นา้ ความต้องการน้าในปัจจุบันในจังหวัดฉะเชิงเทราสามารถจาแนกได้ดังน้ี กล่าวคือ เพื่อการอุปโภคบริโภคเฉล่ียปีละ 15.53 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อการชลประทานเฉลี่ยปีละ 1,968.28 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพ่ือการอุตสาหกรรมเฉลี่ยปีละ 42.03 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อการท่องเที่ยว เฉลี่ยปีละ 0.75 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อรักษาสมดุลนิเวศท้ายน้าเฉลี่ยปีละ 197.16 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และความต้องการน้าเพ่ือนาไปใช้ในพ้ืนที่นอกจังหวัดฉะเชิงเทราเฉลี่ยปีละ 18.00 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเปน็ ปริมาณความตอ้ งการใชน้ า้ รวมของท้งั จงั หวดั ประมาณ 2,241.75 ลา้ นลูกบาศกเ์ มตรตอ่ ปี 2.3 สถานการณน์ า้ ต้นทนุ โดยรวมของจงั หวดั ฉะเชงิ เทราในปจั จบุ ัน การศึกษาสถานการณ์น้าต้นทุนโดยรวมของจังหวัดฉะเชิงเทราในปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์ เพ่ือให้ทราบสถานการณ์ของน้าต้นทุนในจังหวัดฉะเชิงเทราว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้งานหรือไม่ ซึ่งดาเนนิ การโดยวิเคราะห์สมดลุ น้า (Water Balance) ระหว่างปริมาณนา้ ต้นทุน (ปริมาณน้าท่าธรรมชาติรวม กับปริมาณน้าเก็บกักจากโครงการพัฒนาแหล่งน้า) กับปริมาณการใช้น้าด้านต่าง ๆ กล่าวคือ ถ้าปริมาณน้า ต้นทุนมีน้อยกว่าปริมาณความต้องการน้าย่อมส่งผลถึงสถานการณ์ขาดแคลนน้าตามมา โดยต้องพิจารณา เฉพาะปริมาณน้าท่าในพ้ืนท่ีจังหวัด (1) และพิจารณาปริมาณน้าท่าในพื้นท่ีจังหวัดรวมกับปริมาณน้าที่เหลือ จากลุ่มน้าอื่นท่ีตั้งอยู่ด้านเหนือน้า (2) ดังนั้น เพื่อความถูกต้องของการวิเคราะห์สถานการณ์น้าในจังหวัด อย่างแทจ้ รงิ ควรศึกษาสมดลุ นา้ แบบรายเดือนในรอบ 30 ปี สาหรบั แต่ละโครงการพัฒนาแหล่งน้าและล่มุ น้าย่อย 3. คุณภาพน้า ข้อมลู จากรายงานสถานการณ์มลพษิ ของประเทศไทย ประจาปี พ.ศ.2560 ของกรมควบคุม มลพิษ โดยมขี อ้ มูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจงั หวดั ฉะเชิงเทรา ดังน้ี 3.1 คณุ ภาพน้าในลมุ่ น้าบางปะกง และคณุ ภาพนา้ บนดิน จากรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทยดังกล่าว การติดตามตรวจสอบ คุณภาพน้าแหล่งน้าสาคัญท่ัวประเทศ โดยการเก็บตัวอย่างน้า 366 จุดตรวจวัด 59 แม่น้าสายหลัก และ 6 ๘๒

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) แหล่งน้าน่ิง โดยทาการเก็บตัวอย่างน้า จานวน 4 ครั้ง/ปี จากการประเมินโดยใช้ดัชนีคุณภาพน้าในแหล่งน้า ผิวดิน 1 (Water Quality Index ; WQI) พบว่าแหล่งน้า มีคุณภาพน้าอยู่ในเกณฑ์ดี ร้อยละ 28 (18 แหล่งน้า) เกณฑ์พอใช้ ร้อยละ 55 (36 แหล่งน้า) และ เกณฑ์เสื่อมโทรม ร้อยละ 17 (11 แหล่งน้า) ซึ่งตามเกณฑ์ คุณภาพน้าแหล่งน้าผิวดินในแต่ละภูมิภาค ปี 2560 ของกรมควบคุมมลพิษ แม่น้าบางปะกงได้ค่าคะแนน WQI อยู่ที่ 64.61 อยู่ในเกณฑ์พอใช้ (ดัชนีคุณภาพน้าในแหล่งน้าผิวดิน แสดงถึงสถานการณ์คุณภาพน้าในภาพรวม โดยพิจารณา จากค่าคุณภาพน้า 5 พารามิเตอร์ ได้แก่ ออกซิเจนละลาย (Dissolved Oxygen ; DO) ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ (Biochemical Oxygen Demand ; BOD) แบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์ม ท้ังหมด (Total Coliform Bacteria ; TCB) แบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์ม (Fecal Coliform Bacteria ; FCB) และแอมโมเนยี - ไนโตรเจน (NH3 - N) มีคะแนนอยรู่ ะหว่าง 0- 100โดยจัดเกณฑ์คุณภาพน้าเป็นดีมาก (คะแนน 91 - 100) ดี (คะแนน 71 - 90) พอใช้ (คะแนน 61 - 70) เสื่อมโทรม (คะแนน 31 - 60) และเสอ่ื มโทรมมาก (คะแนน 0 - 30)) ภาคตะวันออก คุณภาพน้าส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ พารามิเตอร์ที่ร้อยละของการตรวจวัด ไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้าในแหล่งน้าผิวดินประเภทท่ี 3 มากที่สุด คือ ค่าความสกปรกในรูป สารอินทรีย์ และมีโลหะหนักมีค่าเกินมาตรฐานคุณภาพน้าในแหล่งน้าผิวดิน (ร้อยละ 0.1 ของการตรวจวัด ท้ังหมด) คือ ปรอท จุดตรวจวัดที่มีค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้า ในแหล่งน้าผิวดินประเภทที่ 3 ได้แก่ อา้ เภอเมือง จงั หวัดฉะเชิงเทรา อาเภอองครักษ์ อาเภอบ้านนา จังหวัด นครนายก อาเภอเมอื ง จังหวัดระยอง จุดตรวจวัดที่มปี ริมาณปรอทไม่เป็นไปตามมาตรฐาน คือ แม่น้าประแสร์ บริเวณเทศบาลตาบล ปากน้าประแสร์ อาเภอแกลง จังหวัดระยอง โดยตรวจพบในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 สาเหตุหลักของปัญหามาจากชุมชนเมือง ชุมชนท่ีอาศัยริมน้า การท่องเท่ียว พ้ืนที่ทาการเกษตร อาทิ การปลูก พืชสวนและพืชไร่ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า โดยเฉพาะแม่น้าระยองในพื้นที่จังหวัดระยอง ภาคอุตสาหกรรม ขนาดกลางและเล็ก มีการระบายน้าเสียโดยยังไม่มีการบาบัดคุณภาพนา้ หรือ ระบายน้าทิ้งที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน นา้ ทง้ิ โรงงาน เนอ่ื งจากขาดการกากับดแู ลท่ถี ูกต้อง ในระหว่างทุกเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคมของทุกปี แม่น้าบางปะกง จะมีค่าไม่ไดม้ าตรฐาน DO, BOD แหล่งกาหนดปัญหาคุณภาพน้า ได้แก่ พ้ืนที่เกษตรกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์น้า (การเล้ียงกุ้ง การเล้ียงปลากระพง) โรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม และในช่วงเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม ของทุกปี พบว่า ปัญหาคุณภาพน้า ได้แก่ อ้าเภอบางปะกง อ้าเภอบ้านโพธ์ิ อ้าเภอเมืองฉะเชิงเทรา เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และ อ้าเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ที่มาของปัญหา คือ ก า ร เปิ ด บ า น ป ร ะ ตู ร ะ บ า ย น้ า จ า ก ค ล อ ง ส า ร ภี ต า บ ล บ า ง เด ช ะ อ า เภ อ เมื อ ง ป ร า จี น บุ รี เพ่ือระบายน้าให้ชาวนาได้สามารถเก็บเก่ียวผลผลิตในนาข้าว ซ่ึงจะมีการเปิดบานประตูในระหว่างเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคมของทุกปี โดยระบายน้าจากคลองสารภีลงสู่แม่น้าปราจีนบุรี เป็นน้าเน่าเสียสะสม ในช่วงปลายฤดูฝนจากการทาการเกษตรและอุตสาหกรรม จากซากพืชผลผลิตข้าว ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงท่ีตกค้าง หรือสะสมในน้าเหนือคลองสารภี ที่สะสมทั้งในเขต อาเภอปากพลี จังหวัดนครนายก และ จากฝั่ง อาเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี หรืออาจมาจากโรงงานอุตสาหกรรม ท่ีถูกปล่อยออกมาจากการปิดก้ันประตู ระบายน้าจนเกิดการเน่าเสียสะสมและเข้มขน้ หลังเปิดบานประตนู ้าทาให้น้าในคลองไหลลงสู่แม่นา้ ปราจนี บุรี ส่งผลให้สัตว์น้าในแม่น้าปราจีนบุรี ต้ังแต่ปากคลองสารภี ทางด้านตาบลบางพลวง อาเภอบ้านสร้าง จังหวัด ปราจีนบุรี ไปจนถึง ตาบลบ้านสร้าง อาเภอบ้านสรา้ ง ต่อเน่ืองมายังจุดบริเวณ ตาบลบางขนาก อาเภอบางน้า เปร้ียว อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอบ้านโพธ์ิ จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับความเสียหายและเกิดผลกระทบกับ เกษตรกรผู้เลี้ยงสตั วน์ ้าและผู้ใช้นา้ ซ่ึงกินพ้ืนที่เปน็ วงกว้างและเป็นประจาทุกปี ซึ่งการแก้ไขส่วนใหญ่จะค่อยๆ เปิดบานประตูคลองสารภีให้น้าค่อยเจอื จางและใช้น้าดีไล่นา้ เสียจากเขื่อนขนุ ด่านปราการชล เข่ือนนฤบดนิ ทร จินดา อ่างสียัด เป็นต้น ประกอบกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพ้ืนที่รับทราบเพื่อเตรียมการรับมือ ๘๓

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ซ่ึงเป็นปัญหาที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี และ จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้องหารือ เพอ่ื หาทางออกร่วมกัน สาหรับปัญหาคุณภาพนา้ สามารแยกเป็นปญั หานา้ เสยี ดังรายละเอียดต่อไปน้ี (1) ปัญหาน้าเค็ม มีสาเหตุจากสภาพธรรมชาติ เน่ืองจากปากแม่น้าบางปะกงอยู่ติดกับอ่าวไทย ทาให้น้าทะเลสามารถรุกเข้ามาในแม่น้าได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งปริมาณน้าในแม่น้ามีน้อย จึงทาให้ นา้ เคม็ สามารถรุกตวั เขา้ ไปในแมน่ า้ ไดไ้ กลมากข้นึ (2) ปัญหาน้าเสีย มีสาเหตุมาจากการขยายตัวของชุมชน (ซ่ึงทาให้มีการทิ้งของเสียลงแหล่งน้า มากขึ้น โดยส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบบาบัดน้าเสีย) และการขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรมซ่ึงมีการลักลอบท้ิง น้าเสียออกส่แู หล่งนา้ สาธารณะเป็นประจา สรุปได้ว่าแหล่งน้าส่วนใหญ่มีคุณภาพน้าไม่ได้ตามประเภทแหล่งน้าท่ีกาหนด สาเหตุสาคัญ มาจากน้าเสียแหล่งชุมชนท่ีปัจจุบันมีการเพ่ิมข้ึนของประชากร และการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยเฉพาะ ชุมชนที่ต้ังอยู่ริมน้า น้าท้ิงที่บาบัดแล้วแต่ยังไม่ได้ตามมาตรฐานที่กาหนด น้าเสียจาก ภาคอุตสาหกรรมที่มี การขยายตัวเพ่ิมขึ้น การลักลอบระบายน้าเสีย รวมถึงน้าเสียภาคเกษตรกรรม ที่ไม่มีระบบจัดการท่ีดีหรือ การปรบั ปรงุ คณุ ภาพนา้ กอ่ นการระบาย 3.2 คณุ ภาพนา้ บาดาล ข้อมูลจากรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ประจาปี พ.ศ.2560 ของกรมควบคุม มลพิษ พื้นท่ีเฝ้าระวังคุณภาพน้าบาดาลในพ้ืนที่เส่ียง บางพ้ืนท่ีพบปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักและ สารอินทรีย์ระเหยง่าย มีการติดตามเฝ้าระวังพื้นที่เส่ียงต่อการปนเปื้อนจากการฝังกลบหรือกาจัดกาก อุตสาหกรรมอย่างไม่ถูกหลักวิชาการ พื้นท่ีลักลอบ ท้ิงกากของเสียซ่ึงพบปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักและ สารอินทรีย์ ระเหยง่ายรวมถึงตรวจติดตามพ้ืนที่ศักยภาพแร่และพื้นที่อุตสาหกรรม รวม 12 พื้นท่ีครอบคลุม จังหวัดเพชรบูรณ์ พิจิตร สระบุรี เลย ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ตาก ราชบุรี และกาญจนบุรี ทั้งนี้หน่วยงาน ท่ีเกี่ยวข้องมีการดาเนินงานแก้ไขปัญหาจากกิจกรรมดงั กล่าวอย่าง ต่อเน่ือง ในส่วนของจังหวัด ฉะเชงิ เทรา มคี า่ เกนิ เกณฑ์อนโุ ลมสูงสุด (18-160 มล.ก./ล.) ในพื้นท่ี อาเภอบางน้าเปรีย้ ว อาเภอบ้านโพธ์ิ ภาพ 14 คณุ ภาพน้าบาดาล ๘๔

แผนพัฒนาจงั หวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ทรัพยากรปา่ ไม้ ป่าตะวันออกหรือป่าเขตรอยต่อ ๕ จังหวัด ครอบคลุมบริเวณพื้นท่ีรอยต่อของจังหวัดชลบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดสระแก้ว เดิมมีพ้ืนที่ประมาณ ๕,๐๐๐,๐๐๐ ไร่ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ป่าตะวันออกได้ถูกบุกรุก เน่ืองจากเกิดสงครามเวียดนาม มีการตัดถนน พ.ศ. ๒๕๑๓ รัฐบาลให้สัมปทานทาไม้ในพ้ืนท่ีแก่บริษัททาไม้ ๘ บริษัท เป็นเวลา ๓๐ ปี ซ่ึงเป็นสาเหตุใหญ่ ที่ทาให้ป่า ตะวันออกได้ถูกทาลายมากยิ่งข้ึน ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้มีการกาหนดให้พื้นท่ีบริเวณป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด เป็น ป่าปิด แต่ก็ไม่สามารถท่ีจะยับยั้งการบุกรุกป่าของราษฎรได้ ดังน้ันใน พ.ศ. ๒๕๓๕ และ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงได้ มี การออกพระราชกฤษฎีกาใหผ้ นวกพน้ื ที่ป่ารอยต่อ ๕ จังหวดั เข้าเป็นส่วนหนึง่ ของเขตรักษาพันธ์สุ ัตวป์ ่าเขาอา่ ง ฤาไน รวมแล้วมเี นือ้ ที่ ๖๔๓,๗๕๐ไร่ ในพื้นที่แห่งนม้ี ีความหลากหลายทางชีวภาพค่อนข้างสงู พบว่ามีสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนมไม่น้อยกว่า ๑๔๔ ชนิด นกไม่น้อยกว่า ๔๐๙ ชนิด สัตว์เล้ือยคลานไม่น้อยกว่า ๑๒๑ ชนิด สัตว์ สะเทินน้าสะเทินบกไม่น้อยกว่า ๔๓ ชนิด ปลาน้าจืดไม่น้อยกว่า ๙๔ ชนิด และผีเสื้อไม่น้อยกว่า๙๒ ชนิด (ข้อมูลจากเขตรกั ษาพันธุ์สัตวป์ ่าเขาอา่ งฤาไน พ.ศ. ๒๕๖๐) พนื ที่ป่าไม้ จงั หวดั ฉะเชิงเทรามีพื้นที่ท้ังหมด 5,351 ตารางกิโลเมตร หรอื 3,344,375 ไร่ ปี พ.ศ. 2547 โดยมพี ื้นท่ปี า่ ท้ังสน้ิ 536,181.97 ไร่ คดิ เป็นรอ้ ยละ 16.61 ของพ้ืนทจ่ี งั หวัด ซง่ึ จาแนกเป็น พน้ื ท่ปี า่ บก 528,160.10 ไร่ คดิ เปน็ ร้อยละ 16.36 ของพน้ื ทที่ ั้งหมด ปา่ ชายเลน 8,021 ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 0.25 ของพืน้ ท่ที ั้งหมด 16.36 0.25 พืนท่ีทงั หมด 83.39 ป่าบก ปา่ ชายเลน ภาพ 15 กราฟแสดงพืนท่ีป่าไม้ อาเภอที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุด ได้แก่ อาเภอท่าตะเกียบ จานวน 409,507.40 ไร่ รองลงมาได้แก่ อาเภอสนามชัยเขต จานวน 108,580.57 ไร่ สาหรับพ้ืนท่ีป่าชายเลนจะมีอยู่ในพ้ืนท่ี 3 อาเภอ ได้แก่อาเภอ บางปะกง อาเภอบ้านโพธิแ์ ละอาเภอเมอื งฉะเชิงเทรา ๘๕

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ตารางที่ 63 แสดงจ้านวนพืนทป่ี า่ ไม้และพนื ท่ีอ่ืน ๆ แยกรายอา้ เภอของจังหวดั ฉะเชิงเทรา อ้าเภอ ปา่ บก (ไร)่ ป่าชายเลน นากงุ้ (ไร่) แหลง่ นา้ (ไร่) พืนทีอ่ นื่ ๆ (ไร)่ รวม (ไร)่ (ไร)่ บางปะกง - ๒๑,๕๐๓.๘๗ ๔,๐๘๐.๗๐ ๑๒๘,๒๑๖.๑๗ ๑๖๐,๑๙๔.๖๘ บ้านโพธ์ิ - ๖,๓๙๓.๙๓ ๓๖,๙๗๑.๘๐ ๔,๒๔๓.๗๔ ๘๙,๒๑๐.๗๕ ๑๓๒,๐๒๔.๗๐ เมือง - ๑๖,๖๒๓.๖๒ ๓,๐๙๔.๔๙ ๒๒๐,๙๓๕.๒๗ ๒๔๐,๖๘๒.๙๒ บางนา้ เปร้ยี ว - ๑,๕๙๘.๔๐ ๕๘๗.๓๑ ๓๐๙,๙๐๒.๘๗ ๓๑๐,๔๙๐.๑๘ บางคล้า - ๒๙.๕๘ - ๒,๑๗๒.๒๕ ๑๓๔,๖๙๘.๒๙ ๑๔๗,๒๔๘.๘๕ คลองเข่อื น - - ๑๐,๓๗๘.๓๑ ๑,๖๖๓.๔๓ ๖๐,๘๒๐.๖๓ ๖๖,๙๘๐.๒๑ ราชสาส์น - ๔,๔๙๖.๑๕ ๘๙,๘๕๐.๙๑ ๙๐,๔๗๙.๖๘ แปลงยาว ๒,๑๓๐.๖๔ - - ๑๙๙,๓๐๐.๑๑ ๒๐๔,๙๔๐.๓๐ พนมสารคาม ๗,๙๔๑.๔๙ ๖๒๘.๗๖ ๗๙๒.๗๒ ๓๐๙,๐๙๔.๘๘ ๓๑๙,๕๓๒.๐๙ สนามชัยเขต ๑๐๘,๕๘๐.๕๗ - ๒,๗๑๖.๘๓ ๒,๔๑๗.๐๓ ๕๕๑,๕๖๙.๑๕ ๖๖๖,๙๐๑.๒๒ ทา่ ตะเกยี บ ๔๐๙,๕๐๗.๔๐ - ๖,๗๕๑.๕๐ ๔๕๗,๓๑๙.๕๗ ๘๘๙,๑๒๘.๖๗ ๕๒๘,๑๖๐.๑๐ - ๗๘.๖๙ ๒๒,๓๐๑.๗๐ ๒,๕๕๐,๙๑๘.๖๒ ๓,๒๒๘,๖๐๓.๔๙ รวม - - ๔๘,๑๐๔.๘๗ - - - ๙๓,๓๙๘.๐๓ ๘,๐๒๑.๘๗ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จงั หวัดฉะเชิงเทรา 1. ประวตั คิ วามเป็นมา พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มป่าตะวันออก หรือกลุ่มป่า รอยต่อ ๕ จังหวัดภาคตะวันออก ท่ีมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน หลักฐานต่าง ๆ ท่ีปรากฏอยู่ร่วมสมัยกับ ประวตั ขิ องมนุษย์โบราณเริ่มต้ังแตใ่ นยุคของขอมยงั เรืองอานาจในสวุ รรณภมู ิ ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๑๓ ในขณะท่ี พ้ืนที่เขตที่ราบภาคกลางยังเจิ่งนองไปด้วยน้าและทะเลตม ภาคตะวันออกกลับเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ซาก ปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ในภาคตะวันออกของปราสาทขอม ๓ แห่ง คือ ปราสาทหินท่ีวัดสระมรกต อาเภอ ศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ซากปราสาทที่เมืองพญาเร่ อาเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี และปราสาทหินที่ อาเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ล้วนเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมท่ีบ่งบอกวา่ ในอดีตพ้ืนท่ีโดยรอบเคยเป็นที่ตั้งของ ชุมชนใหญ่ท่ีมีความเจริญรุ่งเรือง หากลากเส้นตรงเช่ือมระหว่างซากปราสาทหินทั้ง ๓ แห่ง พ้ืนที่ที่ได้จะ ครอบคลมุ พื้นท่เี ขตรักษาพันธุส์ ัตว์ปา่ เขาอ่างฤาไนท้งั หมด จากการเป็นท่ตี ้ังของเมืองใหญ่ของขอมในอดีต ทาให้ป่าผืนน้เี ปน็ ป่าท่เี คยผา่ นการใช้ประโยชน์ มาก่อน การหักร้างถางพง เพื่อสร้างบ้าน และเพื่อประกอบอาชีพทางเกษตร ทาให้ป่าผืนนี้เคยถูกทาลาย ภายหลังสังคมมนุษย์ในพื้นท่ีเกิดการล่มสลาย โดยไม่ทราบสาเหตุ ป่าได้ฟื้นกลับคืนสภาพมาอีกครั้งหนึ่ง บ้านเรือนผู้คนที่สร้างด้วยวัสดุง่ายต่อการเส่ือมสลาย เช่น ไม้ ดิน และหญ้า ได้สิ้นสภาพลงไปตามกาลเวลา คงเหลอื ไวแ้ ตศ่ าสนสถานที่เป็นศูนย์รวมจิตใจที่ชมุ ชนและผ้ปู กครองไดบ้ รรจงสร้างสรรค์ไว้ พื้นท่ีป่าตะวันออกจึงเคยเป็นพ้ืนที่ผ่านการใช้ประโยชน์อันยาวนาน จากยุคขอมโบราณ มาสู่ยุคคนไทยในปัจจุบัน รวมระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๑,๓๐๐ ปี ท่ีป่ามีโอกาสรับใช้มนุษย์โดยตรง จนกระท้ังใน ทศวรรษท่ี ๒๕๑๐ รัฐบาลได้สร้างถนนท่ีสาคัญ ๒ สายคือ สายสระแก้ว-จันทบุรี และสายสัตหีบ–ปักธงชัย ที่ทาให้ผู้คน เข้ามาทามาหากิน ยึดถือครอบครองพ้ืนที่ เกิดการต้ังชุมชนท่ีถาวร และหนาแน่น จนกระทั้งในปี ๒๕๓๒ รฐั บาลได้ประกาศยกเลกิ สมั ปทานป่าบกท่ัวประเทศป่าตะวันออกเป็นป่าสัมปทานผืนแรกของประเทศท่ี ๘๖

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ได้รับการยกเลิกการทาไม้ และต่อมาในปี ๒๕๓๕ รัฐบาลได้ประกาศผนวกพ้ืนที่ป่าที่เคยถูกสัมปทานทาไม้ เขา้ เปน็ ส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธ์ุสตั วป์ ่าเขาอา่ งฤาไน ทาให้พืน้ ท่ีส่วนใหญ่ไดร้ ับการค้มุ ครองจนมาถงึ ทุกวนั น้ี เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ได้รับการจัดตั้งและดาเนินการมาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๒๐ ขณะน้ันมีพื้นที่ประมาณ ๑๐๐ ตารางกิโลเมตร ในท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และชลบุรี ต่อมามีการผนวกพ้ืนท่ี เข้ากับปา่ รอยต่อ ๕ จังหวัด เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๕ และ พ.ศ. ๒๕๔๔ ทาให้ปัจจุบันครอบคลุมพนื้ ท่ี ๑,๐๗๙ ตาราง กิโลเมตร หรือ 674,352 ไร่ (จังหวัดฉะเชิงเทรา 394,352 ไร่) อยู่ในพ้ืนที่จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และสระแก้ว ดังนั้นป่า ๑๐๐ ตารางกิโลเมตร แรกเริ่มท่ีเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาอ่ างฤาไนจึ งเป็ น “ป่ าโบ ราณ ” ของสั งคมป่ าท่ี ราบใน พ้ื น ท่ี ภ าคตะวั น ออกที่ ห ลงเห ลื ออยู่ ป่าโบราณน้ีมีการรบกวนจากมนุษย์น้อยมาก เน่ืองจากมีการกันพ้ืนที่ไว้เป็นป่าอนุรักษ์ในช่วงที่สังคมมนุษย์ยังเข้ามา ไม่ ถึ งแม้ แต่ สถานท่ี ท าการเขตรักษาพั นธุ์สั ตว์ ป่ าในขณ ะน้ั นยั งตั้ งอยู่ ห่ างจากแนวเขตประมาณ ๒๕ กโิ ลเมตร บริเวณที่ปัจจุบันนี้คือ สถานีเพาะเล้ียงสัตว์ป่ากระบกคู่ สภาพป่าของเขตรักษาพันธส์ุ ัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ในปัจจุบันเป็นป่าดิบแล้งกว่า ร้อยละ๙๐ ของพ้ืนท่ีท้ังหมด ท่ีเหลือเป็นป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ทุ่งหญ้า และสวนป่า นอกจากน้ีกว่า ร้อยละ๘๐ ของพ้ืนที่เป็นที่ราบ ที่อยู่ต่ากว่า ๓๐๐ เมตร จากระดับน้าทะเลปานกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนท่ีผนวกเพ่ิมน้ี เคยมีการบุกรุก ต้ังถิ่นฐานของราษฎรมาก่อน กว่า ๑,๐๐๐ ครอบครัว พื้นท่ีทากินประมาณ ๗๕,๐๐๐ ไร่ ทาให้ป่าและสัตว์ป่าบริเวณน้ีถูกทาลายลงไปมาก จนต้องมีการอพยพราษฎรออกจากพ้ืนที่ในปี ๒๕๒๙ และ ๒๕๓๒ การดาเนินการผนวกพื้นท่ีป่าโดยรอบ อกี ๕๙,๖๒๕ ไร่ ใหเ้ ขา้ เปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั ว์ป่าเขาอ่างฤาไน เมอื่ รวมกับของเดิมแลว้ จะมเี นื้อทรี่ วม ๗๓๓,๙๗๗ ไร่ 2. ความหลากหลายและความสา้ คัญของป่าตะวนั ออก 2.1 สตั วป์ ่าในพื้นทีเ่ ขตรกั ษาพนั ธ์สุ ัตว์ปา่ เขาอ่างฤาไน ซ่งึ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น ๔ กลุ่ม ไดแ้ ก่ 2.1.๑ สัตว์เล้ียงลูกด้วยนม พบทั้งส้ิน ๑๓๒ ชนิด เช่น กระแต บ่าง ค้างคาว ลิง ชะนี มงกุฎ กระต่าย กระรอก เม่น หมาใน หมี หมู ชะมด เสือ ช้าง กระจง กวาง เก้ง เลียงผ่า วัว และกระทิง เปน็ ตน้ สาหรบั ช้างนน้ั ปจั จุบันเป็นสตั วเ์ ลี้ยงลูกดว้ ยนมท่เี ป็นสญั ลกั ษณ์ของชาติไทย 2.1.๒ สัตว์จาพวกนก หรือสัตว์ปีกพบท้ังส้ิน ๓๙๕ ชนิด เช่น นกยาง นกเป็ดน้า นก เงือก เหย่ียว ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ป่า นกอ้ายงั่ว สาหรับไก่ฟ้าพญาลอน้ันคร้ังหนึ่งเคยมีแนวความคิดท่ีจะเสนอให้ เป็นนกที่เป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย เน่ืองจากเป็นป่าท่ีราบต่า เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เป็น ๑ ใน ๑๐ พ้นื ทดี่ นู กทส่ี าคัญของประเทศไทย 2.1.๓ สัตวส์ ะเทินนา้ สะเทินบกมีจานวนท้ังสิน้ ๓๒ชนิดเช่นคางคกกบเขียดปาดอึง่ อ่างฯลฯ 2.1.๔ สัตว์เล้อื ยคลานพบทง้ั ส้ิน ๑๐๗ ชนดิ เช่น เต่า กงิ้ ก่า งู ต๊กุ แก แย้ และตะกวด เป็นต้น ตารางที่ 64 แสดงความหลากหลายของจา้ นวนสตั วใ์ นประเทศไทย กล่มุ สัตว์ จานวนชนดิ จานวนทพี่ บในประเทศไทย ร้อยละ ๑. สตั วเ์ ลีย้ งลกู ดว้ ยนม ๑๓๒ ๓๐๒ ๔๓.๗๑ ๒. สตั ว์จาพวกนก ๓๙๕ ๙๘๒ ๔๐.๒๒ ๓. สัตวส์ ะเทินน้าสะเทนิ บก ๓๒ ๑๔๑ ๒๒.๗๐ ๔. สตั วเ์ ลอ้ื ยคลาน ๑๐๗ ๓๑๘ ๓๓.๖๕ รวม ๖๖๖ ๑,๗๔๓ ๓๘.๒๑ 2.2. ปลาและแมลงท่ีพบในเขตรักษาพันธุ์สัตวป์ า่ เขาอา่ งฤาไน ปลาท่ีพบได้แก่ ปลาแก้มช้า ปลาซิวควาย ปลาเนื้ออ่อน ปลาช่อน ปลากระด่ี ปลาหลด เป็นต้น แมลง แมลงถือเป็นสัตว์ที่มีจานวนและชนิดมากท่ีสุด นอกจากนี้ยังได้ประกาศแมลงท่ีหายากเป็นสัตว์ป่า คุ้มครองอีกด้วย ได้แก่ ผีเสื้อภูฐาน สกุลผีเส้ือไกเซอร์ สกุลผีเส้ือถุงทอง สกุลผีเส้ือนางพญา ผีเส้ือรักแร้ขาว ผีเส้ือหางติ่งสะพายเขียว สกุล ผีเสอ้ื หางดาบตาลไหม้ ด้วงดินปีกแผ่น สกุลดว้ งดินขอบทองแดง สกุลด้วงคีมยีราฟ และสกุลกว่างดาว เป็นต้น แมลงในเขต ๘๗

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) รักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน สามารถพบเห็นได้ในทุกๆ ที่ โดยเฉพาะในฤดูฝน แมลงท่ีพบมีจานวน 106 ชนิด จาก 76 สกุลใน 12 วงศ์ กลุ่มท่ีพบเห็นได้บ่อย ได้แก่ ผีเส้ือติ่งฉะอ้อน ผีเสื้อสะพายฟ้า ผีเส้ือหางต่ิงแววมยุรา ผีเส้ือช่างร่อน ผีเส้ือหางต่ิงนางระเวง ผีเสื้อโยม่า ผีเสื้อโคคิโน ผีเสื้อเจ้าป่า กว่างสามเขาเมืองจันทน์ เป็นต้น จะเห็นได้ว่า แมว้ ่าพน้ื ที่ปา่ ของเขตรกั ษาพันธ์ุสัตวป์ ่าเขาอา่ งฤาไน จะมพี ื้นทไ่ี ม่ถึง ๑% ของพื้นท่ีป่าทเี่ หลืออยู่ในประเทศ แตพ่ บสัตวป์ ่า อาศัยอยู่ถึง ๓๘.๒๑% ของสัตว์ป่าที่พบในประเทศไทย สาเหตุสาคัญมาจากเป็นป่าที่ราบต่าและความหลากหลาย ของพ้ืนทถ่ี ่นิ อาศยั สาหรบั สัตวป์ า่ 3. ข้อมลู ด้านกายภาพ 3.1 ภูมิประเทศ พื้นที่ตอนบนและตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ส่วนใหญ่เป็นท่ีราบ ลกู ฟูก มีความลาดชนั ปานกลาง จงึ เป็นบริเวณทีร่ าษฎรบกุ รุกแผว้ ถางและถือครองที่ดินกนั มากก่อนท่ีจะมีการ อพยพออกจากพ้ืนท่ี ส่วนพ้ืนที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็น ภูเขาสูง ความสูงของพื้นที่จากระดับน้าทะเลปานกลางตั้งแต่ 30 - 802 เมตร ยอดเขาสูงสุดอยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ของเขตฯ คือ เขาสิบห้าช้ัน มีความสูงจากระดับน้าทะเลปานกลาง 802 เมตร พื้นที่ทางตอนใต้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาบรรทัด และเทือกเขาจันทบุรี ประกอบด้วยภูเขาท่ีมีความลาดชันต่อเน่ืองกัน เช่น เขาอ่างฤาไน เขาใหญ่ เขาชะมูนและเขาชะอม เป็นต้น ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นท่ีเกิดของลาห้วย และลาธาร ทส่ี าคัญหลายสาย ไหลลงสู่แม่น้าสาคัญๆ คือ แควระบม - สียดั ทไ่ี หลไปรวมกับแม่น้าบางประกง ท่ีอาเภอบาง คล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา คลองลาพระเพลิงใหญ่ คลองพระสะทึง จากเขาสิบห้าชั้น ไหลไปรวมกับแม่น้า ปราจีนบุรี คลองตะโหนด ไหลลงสู่อาเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และคลองประแสร์ท่ีต้นน้ามาจากเทือกเขาใหญ่ ไหลผา่ นอาเภอบ่อทอง จงั หวัดชลบรุ ี ออกส่ทู ะเลทจ่ี ังหวดั ระยอง เปน็ ตน้ 3.2 ภูมิอากาศ พ้ืนที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นพ้ืนท่ีท่ีมีร่องมรสุมพาดผ่านฝนตกค่อนข้างชุกและเนื่องจากมีเทือกเขาบรรทัดและเทือกเขาจันทบุรี ซึ่งอยู่ ทางตอนใตข้ องพืน้ ที่ จึงทาให้พ้นื ที่บริเวณดงั กลา่ วมีฝนตกมากกวา่ ทางตอนเหนือ นอกจากอิทธิพลของลมมรสุม ที่พัดผ่านแล้วยังได้รับอิทธิพลจากทะเล ลักษณะของภูมิอากาศ จึงมที ั้งแบบสะวนั นาทางตอนบนของพ้ืนท่ีและ แบบมรสมุ เขตรอ้ นทางตอนล่างของพืน้ ที่ ด้วยเหตุของภูมิอากาศทแ่ี ตกต่างกันของพืน้ ที่โดยรอบผืนปา่ ของเขต รกั ษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ดังน้ัน จึงเป็นปัจจัยท่ีก่อให้เกิดความหลากหลายของสังคมพืชและสังคมสัตว์ใน พื้นที่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสังคมพืชน้ันมีการกระจายของพรรณพืชจาก 2 ภูมิภาคด้วยกัน คือ ภูมภิ าคอินโดจีน (Indo-China) และภมู ิภาคอินโดมาลายา (Indo-Malaya) 3.3 ธรณีวิทยา พื้นท่ีตอนใต้ของเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาบรรทัด และเทือกเขาจันทบรุ ี ซ่ึงเกดิ จากการดันตัวของหินอัคนชี นิดเยน็ ตัวภายใน 3.4 ทรัพยากรป่าไม้ ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ซ่ึงเป็นส่วนหนึ่งของป่าภาคตะวันออกหรือป่า รอยต่อ 5 จังหวัด เป็นป่าลุ่มต่าที่ไม่ผลัดใบท่ีอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ท่ีสุดและเป็นป่าพื้นท่ีรอยเชื่อมต่อ (transitionzone) ระหว่างระบบนิเวศภาคกลางกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) อย่างมาก ป่าดงดิบส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบแล้ง มีเพียงเล็กน้อยที่เป็นป่าดงดิบช้ืน ป่าเบญจ พรรณ ป่าเต็งรงั และทุ่งหญ้ากับไร่ร้าง แบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังน้ี สงั คมพืชป่าดงดบิ แล้ง [ Dry Evergreen forest ] ป่าดงดิบแล้ง เป็นสังคมป่าที่ข้ึนปกคลุมพื้นที่ของเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนเกือบทั้งหมด ยกเว้นพื้นท่ี ๘๘

แผนพัฒนาจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ตามสันเขาหรือในบริเวณที่มีดินต้ืนจะมีสังคมพืชชนิดอื่นข้ึนแทรกอยู่เป็นหย่อม ๆ ลักษณะโครงสร้างทางด้าน ตัง้ ของป่าดงดิบแล้ง สามารถแบง่ ได้ 3 ชน้ั เรือนยอด ด้วยกันคอื ไม้ช้ันบนมีความสงู 20 - 40 เมตร พรรณไม้ท่ี สาคัญ ได้แก่ ตะแบกแดง กระบก ยางแดง สมพง ตะเคียนทอง ปออีเก้ง เป็นต้น จะข้ึนอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ตามริมลาธารหรือริมห้วย ไม้ชั้นรองมีความสูง 15 - 25 เมตร พรรณไม้ท่ีสาคัญได้แก่ ค้างคาว ลาป้าง กระท้อน เฉียงพร้านางแอ ตาเสอื คอแลน. เป็นต้น ไม้ชั้นล่างมีความสูง 6 - 15 เมตร พรรณไม้ท่ีสาคัญ ได้แก่ แก้ว ตังตาบอด นางดา ลาบิด จันทน์ชะมด ส่ังทา กะโมกเขา ว่านช้างร้อง เป็นต้น สังคมป่าผสมผลัดใบ [ Mixed Deciduous Forest ] สังคมพืชชนิดน้ี มีลักษณะเรือนยอดโปร่ง พื้นป่าไม่รกทึบและในฤดูแล้งพรรณ ไม้จะผลัดใบการกระจายในสังคมป่าผลัดใบในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนข้ึนปกคลุมอยู่น้อย โดยกระจายอยู่ ตามสันเขาหินปูน หรือบริเวณท่ีมีดินต้ืนหรือบริเวณที่มีไฟป่าเกิดข้ึนเป็นประจา เช่น บริเวณรอบๆ หนองปรือ หรือข้ึนแทรกตัวอยู่เป็นหย่อมๆ ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบแล้งลักษณะโครงสร้างทางด้านตั้งของป่าชนิดนี้สามารถ แบ่งได้เป็น 3 ช้นั เรือนยอดด้วยกันคือ ไม้เรือนยอดชั้นบนมคี วามสูง 25 - 30 เมตร ไม้เดน่ ในช้ันนี้ได้แก่ ประดู่ งิ้วป่า กางข้ีมอด ตะคร้อ สมอภิเภก เป็นต้น ไม้เรือนยอดชั้นรองมีความสูง 10 - 25 เมตร พรรณไม้ในชั้นนี้ ได้แก่ ตีนนก ขี้อ้าย ติ้วแดง แคหัวหมู หอมไกลดง รักขาว มะกอกป่า เป็นต้น ไม้ช้ันล่างมีความสูง 5 - 10 เมตร พรรณไมใ้ นชน้ั นไ้ี ด้แก่ หมเี หมน็ เมา่ ไข่ปลา โมกมัน มะกา มะกวม กระมอบ เคลด็ หนู เปน็ ตน้ 3.5 สถานทต่ี งั เขตรักษาพนั ธส์ุ ัตว์ป่าเขาอา่ งฤาไน ตงั้ อยู่ระหวา่ งเส้นแวงท่ี 101 องศา 35 ลปิ ดา ถึง 102 องศา 05 ลปิ ดาตะวนั ออก และเส้นร้งุ ที่ 13 องศา ถึง 13 องศา 30 ลิปดาเหนือ มพี ้ืนท่ีรวม 643,750 ไร่ ตั้งอยู่ในพืน้ ที่รอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) ได้แก่ จงั หวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดสระแก้ว จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบรุ ี อาณาเขตติดต่อ ทศิ เหนือ : อยู่ในท้องท่ีอาเภอท่าตะเกียบ อาเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา และอาเภอ วงั นา้ เยน็ จังหวดั สระแก้ว ทิศใต้ : อยู่ในท้องทีก่ งิ่ อาเภอเขาชะเมา จังหวดั ระยอง และอาเภอแก่งหางแมว จงั หวดั จันทบรุ ี ทางตอนใต้ของเขตรักษาพนั ธสุ์ ตั ว์ปา่ เขาอา่ งฤาไน ติดต่อกับเขตรักษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เขาสอยดาว และ อุทยานแหง่ ชาติเขาชะเมา - เขาวง ทศิ ตะวนั ออก : อยู่ในท้องทีอ่ าเภอวงั นา้ เย็นและก่ิงอาเภอวังสมบูรณ์ จังหวดั สระแก้ว ทิศตะวนั ตก : อยใู่ นท้องทอี่ าเภอทา่ ตะเกยี บ จังหวดั ฉะเชิงเทรา และอาเภอบอ่ ทอง จงั หวัดชลบรุ ี 3.6 การพัฒนาแหลง่ ท่องเที่ยว และอนุรักษแ์ หลง่ ท่องเท่ียวธรรมชาติ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพ้ืนท่ีป่าในความรับผิดชอบจานวนท้ังส้ิน 497,385.87 ไร่ คิดเป็น 15.39 ของพื้นท่ีจังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์เพ่ิมเติม (conservation forest) และเขต รักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ซึ่งได้รับการจัดต้ังและดาเนินการมาต้ังแต่ พ.ศ. 2520 ครอบคลุมพื้นท่ีป่า รอยต่อ 5 จังหวัด คือจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และสระแก้ว ปัจจุบันมีพ้ืนท่ีรวมกันทั้งส้ิน 1,079 ตารางกิโลเมตร ซ่ึงในพื้นท่ีป่าเหล่านี้บางแห่งสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติได้ แต่การดาเนินการ จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 รวมท้ังมติคณะรัฐมนตรี ระเบยี บ หลักเกณฑ์ ตลอดจนนโยบายของส่วนราชการ ในสังกดั กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ๘๙

แผนพฒั นาจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ปัญหาอุปสรรค และข้อจากัดท่ีมีผลต่อการท่องเท่ียวในพ้ืนที่รับผิดชอบของส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ปัญหาอันเป็นผลสืบเน่ืองมาจากผลของกฎหมาย อานาจหน้าที่ และภารกิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกระดับท้ัง กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จนถึงระดับกระทรวง และรัฐบาล ท่ีเน้นไปในการสงวน ป้องกันรักษา และฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ เป็นด้านหลัก ทาให้ไม่สามารถกาหนดแผนงาน โครงการเพ่ือส่งเสริมการท่องเที่ยวได้โดยตรง และเต็มท่ี กล่าวคือสามารถ ดาเนินการได้เฉพาะการสนับสนุน หรือเปิดโอกาสให้มีการเข้าไปท่องเที่ยวในบริเวณที่เหมาะสมได้ แต่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติให้เป็นตามระเบียบ เง่ือนไข หรือข้อบังคับท่ีกาหนด ท้ังนี้ เพื่อให้การเข้าไปท่องเที่ยว ในพื้นท่ีธรรมชาติอยู่ในขอบเขต และช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ทาให้เกิดผลกระทบกับระบบนิเวศ สตั วป์ า่ พืชปา่ ตลอดจนสภาพธรรมชาติ ในพืน้ ที่ หรอื เกดิ ผลกระทบน้อยท่ีสดุ ในพ้ืนที่ อาเภอท่าตะเกียบ และอาเภอสนามชัยเขต มีช้างป่าจากเขาอ่างฤาไน เข้ามาใน พื้นท่ีและบุกรกุ พืชผลทางการเกษตร ท่อี ยู่อาศัยของชาวบ้าน ซง่ึ เกดิ ผลกระทบระหวา่ งช้างกบั คน ประกอบกับ ชา้ งถูกรถยนตช์ นไดร้ ับบาดเจ็บและประชาชนได้รบั บาดเจบ็ หรือเสยี ชีวติ อีกดว้ ย ภาพ 16 แผนทท่ี ้ายประราชกฤษฎกี า ๙๐

แผนพฒั นาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ภาพ 17 แผนที่โครงการอนรุ ักษท์ รัพยากรป่าไมแ้ ละสัตว์ปา่ ในพืนทป่ี ่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) เนือ่ งมาจากพระราชดา้ หริ ๙๑

แผนพัฒนาจงั หวดั ฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) 1.2 ประเด็นปญั หาและความต้องการเชิงพนื ท่ี จังหวัดฉะเชิงเทราทาการสารวจปัญหาและความต้องการของประชาชนในจังหวัด โดยดาเนินการประมวลปัญหาพ้ืนที่จากแผนพฒั นาหมู่บ้าน/ชุมชน ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาอาเภอ แผนชุมชนเชิง บูรณาการระดับจังหวัด และการสารวจปัญหาความต้องการของประชาชนโดยกระบวนการมีส่วนร่วม ของทกุ ภาคส่วนในพ้นื ท่ี โดยสามารถสรุปสาระสาคญั ดังน้ี ดา้ นสังคม 1. ปัญหาการว่างงานเกิดจากภาวะเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว ประชากรต้องการหา รายไดเ้ สรมิ และเกษตรกรมชี ่วงเวลาว่างหลงั จากทาการเกษตร พบไดใ้ นทุกอาเภอ 2. ประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อการยังชีพพบได้ใน อาเภอสนามชัยเขต และอาเภอบางน้าเปรีย้ ว 3. ประชาชนขาดแคลนทด่ี นิ ในการทาเกษตรกรรมพบได้ในทกุ อาเภอ 4. ปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม เกิดจากกมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เสี่ยงกับการติดโรค ทางเพศสมั พันธ์ เดก็ ถกู ทอดทงิ้ และเกดิ ครอบครัวเลีย้ งเด่ียวจานวนมาก พบได้ในทกุ อาเภอ 5. ขาดสง่ิ อานวยความสะดวกสาหรับคนพกิ ารพบไดใ้ นทุกอาเภอ 6. ปญั หายาเสพติด พบได้ในทุกอาเภอ 7. ปญั หาแรงงานข้ามชาติพบไดใ้ นทุกอาเภอ 8. อาชญากรรมพบไดใ้ นทกุ อาเภอ ดา้ นเศรษฐกิจ ๑. ราคาสนิ คา้ เกษตรตกตา่ พบไดใ้ นทกุ อาเภอ ๒. ขาดองค์ความรูใ้ นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลทางการเกษตรพบได้ในทุกอาเภอ ๓. ขาดการรว่ มมอื ในการแก้ไขปญั หาท้ังภาครฐั เอกชน และเกษตรกรพบไดใ้ นทกุ อาเภอ ๔. ปญั หาช้างป่าบุกรกุ พนื้ ท่ีการเกษตรพบได้ใน อาเภอทา่ ตะเกยี บ และ อาเภอสนามชยั เขต ด้านการท่องเทยี่ ว 1. แหล่งโบราณสถานในจังหวัดฉะเชิงเทราหลายแห่งทรุดโทรมไม่ได้รับการบูรณะให้ อยูใ่ นสภาพทีจ่ ะส่งเสริมให้เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางวัฒนธรรมพบได้ในทุกอาเภอ ๒. ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สาคัญของชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา เริ่มจะสูญหาย เช่น วัฒนธรรมไทย-พวนอาเภอพนมสารคาม ๓. ขาดแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม พบได้ในทกุ อาเภอ ๔.ขาดการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมให้มีการบริหารจัดการได้มาตรฐาน และ สามารถให้บริการกับประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเกิดประโยชน์ พบได้ใน อาเภอบ้านโพธิ์ ,อาเภอเมือง, อาเภอบางนา้ เปรี้ยว และ อาเภอสนามชยั เขต ๕. ขาดการพฒั นาองค์ความรูเ้ ครือข่ายทางวัฒนธรรมใหม้ ีความเข้มแข็งพบได้ในทุกอาเภอ ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1. ปัญหาน้าเสีย พบได้ใน อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอบ้านโพธ์ิ อาเภอบางปะกง อาเภอบางคลา้ อาเภอแปลงยาว และอาเภอบางน้าเปรีย้ ว ๒. ปญั หาการขาดแคลนน้า เพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร รวมถึงปญั หาน้าท่วม พบได้ทุกพนื้ ที่ในจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (เดอื นมกราคม – พฤษภาคม ของทกุ ปี) ๙๒

แผนพฒั นาจังหวัดฉะเชิงเทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบับทบทวน) ๓. ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย พบใน อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอบ้านโพธ์ิ อาเภอบางปะกง อาเภอบางคลา้ อาเภอแปลงยาว อาเภอบางน้าเปรยี้ ว และอาเภอพนมสารคาม ๔. มลพิษทางอากาศ เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งโรงงานอุตสาหกรรม มลพิษทางอากาศ จากการเผาตอซงั พบได้ใน อาเภอบางปะกง ๕. ปญั หาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล พบไดใ้ นอาเภอบางปะกง ๖. ปัญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐพบได้ในป่าสงวนแห่งชาติ, ป่าอนุรักษ์, ป่าชายเลน, ป่าแควระบมและป่าสียัด เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอบ้านโพธิ์ และอาเภอบางปะกง ทั้งนี้ เม่ือจาแนกผลการสารวจปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่แต่ละอาเภอ สามารถสรปุ ปัญหาและความต้องการของประชาชนในแต่ละอาเภอได้ดังนี้ ตารางท่ี 65 สรปุ ปญั หาและความตอ้ งการของประชาชนในแต่ละอา้ เภอ ปญั หาในพนื ท่ี ความตอ้ งการ อ้าเภอเมอื งฉะเชิงเทรา ด้านแหลง่ นา้ ๑. ผกั ตบชวาและวชั พชื หนาแน่นในลา้ คลอง 1. พฒั นาแหลง่ นา้ คูคลอง 1.1 ผักตบชวาและวัชพืชมีจานวนมากปก 2. ขุดลอกคลองเพ่ือกาจัดวัชพืช และเปิดทางน้าให้ คลุมหนาแน่นมกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ สามารถกักเก็บนา้ ในปริมาณทม่ี ากขึ้น 1.2 กีดขวางทางน้า ทาให้ปริมาณการไหล 3. รณรงค์และปลูกจิตสานึกประชาชนในพ้ืนที่ให้ ของนา้ ลดลง ชว่ ยกนั รักษาแหล่งนา้ คู คลอง 1.3 ผักตบ ชวามี จาน วน ม ากท าให้ เป็ น 4. เฝ้าระวังสถานประกอบการและหมู่บ้านจัดสรร อุปสรรคต่อการสญั จรทางน้า ไมใ่ หม้ ีการปลอ่ ยน้าท้ิงทยี่ งั ไมม่ กี ารบาบดั ลงสลู่ าคลอง 2. น้าเสีย 5. กาจดั วชั พชื ที่ถูกวิธี ป้องกนั ปัญหาน้าเนา่ เสีย 2.1 น้าเสียในคลองสายหลัก ช่วงน้าเค็ม 6. ส่วนราชการร่วมแก้ปัญหา เน่ืองจากต้องปิดประตูระบายน้า เพื่อก้ันมิให้น้าเค็ม 7. เคร่ืองมอื ทมี่ ีศักยภาพในการกาจัดผักตบชวาและ เข้า จึงเกดิ น้าน่งิ ไมไ่ หลเวียน วัชพชื 2.2 น้าทิ้งจากหมู่บ้านจัดสรร สถานประกอบการ ปลอ่ ยน้าทีไ่ ม่ผ่านการบาบัดลงส่คู ลองโดยตรง 2.3 นา้ ท้ิงจากครัวเรือน การถ่ายเทระบายน้า จากบ่อปลา – บอ่ กงุ้ ลงสู่ลาคลอง 2.4 การกาจัดวัชพืช โดยการใช้สารเคมี หรือ การใชเ้ ครื่องจกั รสับวชั พืชแล้วมไิ ด้นาวัชพชื ขน้ึ จากน้า ทาให้น้าเนา่ เสีย ด้านปญั หาโครงสร้างพืนฐาน 1. ปัญหาถนนสายหลักมีผิวจราจรชารุด ขรุขระ 1. ซ่อมแซมผิวจราจรชารุดขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหลุมเป็นบ่อ บางพื้นท่ีเป็นดินลูกรัง หินคลุก เพอ่ื แก้ไขปัญหาในพน้ื ท่ี มีปัญหาฝุ่นละออง และอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อ 2. ปรับปรุงเส้นทางสัญจรภายในตาบลให้สามารถ ชวี ติ และทรพั ย์สินของประชาชน ใชไ้ ด้โดยสะดวก ปลอดภัย ลดอุบตั เิ หตุ 2. องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ไม่มีงบประมาณ 3. การสนับสนุนงบประมาณในการปรับปปรุง เพยี งพอในการแกไ้ ขปญั หาถนนชารุด ซอ่ มแซมถนน ๙๓

แผนพัฒนาจังหวัดฉะเชงิ เทรา (พ.ศ. 2561 – 2565) (ฉบบั ทบทวน) ปัญหาในพนื ที่ ความตอ้ งการ ด้านเศรษฐกิจ 1. ศึกษาวิจัยการแก้ไขปญั หาในพืน้ ท่ี 1. ขาดความรู้ตามแนวพระราชดารกิ ารใชช้ ีวิต 2. พัฒนาศนู ยเ์ รียนรูใ้ นพน้ื ทีอ่ าเภอ แบบเศรษฐกิจพอเพยี ง 3. ให้ความรู้อบรมด้านอาชีพเพ่ือนาไปประกอบ อาชพี 2. พฒั นาด้านความคิดในการแกไ้ ขปญั หาในพน้ื ที่ 4. พัฒนาสนิ ค้า OTOP ในชุมชนให้มีคณุ ภาพ เป็นท่ี 3. ขาดศูนย์ประสานบริหาร การตลาดเศรษฐกิจ รู้จกั แก่นักท่องเที่ยว ชมุ ชนอาชีพกลุม่ ผลติ ภณั ฑ์ OTOP 5. จัดต้ังศูนย์การจาหนา่ ยสนิ คา้ OTOP 6. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ศึกษาหมู่บ้าน ด้านสังคม ตน้ แบบเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เยาวชนในสถานศึกษาทะเลาะวิวาท และการ 1. สถาบันการศึกษาให้ความร่วมมือในการป้องกัน แพร่ระบาดของยาเสพตดิ และแก้ไขปญั หา 2. ประชาชนต้องการความปลอดภัยในชีวิตและ ๒. การเสริมสร้างความเข้มแข็งในระดับหมู่บ้าน ทรพั ย์สิน ชมุ ชนใช้มาตรการ 25 ตาสับปะรด 3. บุคลากรในพื้นท่ีขาดความคล่องตัวในการ ๓. ความปลอดภยั ในชีวิตและทรพั ยส์ นิ ของราษฎรใน ดาเนนิ งาน หมู่บา้ น 4. บุคลากรขาดความรู้ในการวิเคราะห์พื้นท่ีและ ๔. พัฒนาบุคลากรให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ใน การแก้ไขปญั หา ด้านอาชพี ใหเ้ หมาะสมกับพน้ื ที พ้ืนที่ มีความคล่องตัวในการลงพ้ืนท่ี ศึกษาวิจัยการทา 5. ปัญหาคนวา่ งงาน แผนแม่บทหมูบ่ ้าน 6. ปัญหาความแตกแยกในสงั คม/ชุมชน จากการ ๕. พัฒนาให้ความร้ดู ้านอาชีพแก่ชมุ ชน เลอื กต้งั ทุกระดับ 6. พฒั นาผปู้ ระกอบการ 7. ปัญหาทางด้านสังคม (วัยรุ่น) เช่น โรคเอดส์ 7. สร้างความสมานฉันทใ์ นระดบั พนื้ ที่ 8. ให้ความรู้ คาแนะนา เช่น โรคเอดส์ การมี การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร รวมกลุ่มกันเพ่ือ เพศสมั พันธก์ อ่ นวยั อันควร ฯลฯ แข่งขนั จกั รยานยนต์ในชว่ งเวลากลางคนื ฯลฯ 9. จดั กจิ กรรมให้ความรู้ 10. กวดขนั จบั กุมกลุ่มวยั รุ่นทีม่ ีพฤติกรรมนา่ สงสัย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม 1. สภาพแวดลอ้ มทรุดโทรม 1. ปรับปรุงภมู ทิ ัศนใ์ นพ้นื ท่ตี าบลคลองหลวงแพง่ 2. พ้ืนท่ีเกษตรมีความเส่ือมโทรมจากการใช้ 2. ส่งเสริมการเกษตรทฤษฎใี หม่ 3. กาจดั วชั พชื ลดมลพิษ สารเคมี 4. รักษาระบบนิเวศน์ 3. ประชากรท่ีมีอาชีพทาการเกษตรได้รับผลจาก 5. รักษาแมน่ า้ ลาคลอง 6. แกไ้ ขปญั หาสภาพแวดลอ้ ม การใช้สารเคมี 7. ให้ความร้เู ก่ียวกบั การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติอย่าง 4. แม่น้าลาคลองเน่าเสีย เนื่องจากในลาคลองมี มปี ระสิทธิภาพ 8. การนาส่งิ เหลือใชก้ ลบั มาใชใ้ หม่ วัชพืชจานวนมาก 9. ส่งเสริมยกย่องและให้เกียรติภูมิปัญญาท้องถิ่น 5. สิ่งเหลือใช้จากภาคเกษตรกรรมมีจานวนมาก และปราชญช์ าวบ้าน ทาใหเ้ ป็นปญั หาในการเนา่ เสีย 6. ประชาชนขาดความรู้ในการนาสิ่งเหลือใช้มา ทาประโยชน์ ๙๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook