1 การบรหิ ารจัดการในภาวะการ เป็นผ้นู ำและผูต้ าม
2 การบรหิ ารจดั การในภาวะการเปน็ ผนู้ ำและผู้ตาม ในการบริหารหน่วยงานหรือองค์การ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐบาลหรือเอกชนปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานภายในองค์การคือการมีผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถและทักษะในการ บริหาร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การมีภาวะผู้นำของผู้บริหารทจี่ ะสามารถนำพาองค์การให้มีความเป็นน้ำหน่ึงใจเดียวกัน ที่ปฏิบัตงิ านเพื่อมุง่ ไปสู่เป้าหมายท่ีตัง้ ไว้ร่วมกันไดภ้ าวะผู้นำเปรียบเสมอื นอาวุธประจำกายของผู้บริหารและผ้นู ำท่ี เป็นนักบริหารมืออาชีพที่จะสามารถสร้างอำนาจชักนำและมีอิทธิพลเหนือผู้อื่นตัวชีว้ ัดการนำของผู้บริหารท่ีได้ช่อื ว่ามืออาชีพคือผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพของงานภาวะผู้นำจึงเป็นตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพของงาน จำเป็นต้องมีบุคคลที่ทำหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารซึ่งเราเรยี กวา่ หัวหน้าหรือผู้บงั คับบัญชา(Superior) หัวหนา้ หรือผบู้ งั คบั บญั ชาจึงมีความสำคญั ในฐานะเป็นผู้ดูแลรบั ผิดชอบในการบริหารให้ประสบความสำเร็จ หัวหน้าบางที ก็เรียกผู้บริหารหรือผู้นำ แต่ละคนจะมีความสำคัญต่อหน่วยงานเพราะความสำเร็จของการบริหารที่ส่งผลไปสู่ ความสำเร็จขององค์การจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นำที่จะใช้ศักยภาพที่มีใช้ทรัพยากรทางการบริหาร ได้แก่ คน งบประมาณวัสดุอุปกรณ์ และวิธีการให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไรความสามารถของผู้นำในการใช้ ทรพั ยากรบคุ คลมาร่วมทำงานดว้ ยกนั จนสำเรจ็ จะเกิดจากภาวะผนู้ ำ ภาวะผู้นำของผู้นำจึงถือว่าเปน็ ส่วนสำคัญยิ่งในการบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จ การพัฒนาองค์การให้ กา้ วหนา้ ควรเรม่ิ ตน้ ที่การสร้างภาวะผู้นำใหเ้ กดิ กับผู้นำผ้บู ริหารในฐานะเปน็ ผ้นู ำองคก์ าร จะตอ้ งสรา้ งความร่วมมือ ร่วมใจกันในการปฏิบัติงานเพื่อใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงคร์ ่วมกัน นนั่ คอื ผู้บรหิ ารจะต้องเป็นผู้นำ (Leader) ผู้นำจะต้อง มีความเป็นผูน้ ำ หรือภาวะผนู้ ำ (Leadership) คำว่า ผู้นำ (Leader) กับคำว่า ภาวะผู้นำ (Leadership) เป็นคำที่มีความสัมพันธ์กันเมื่อมีผู้นำก็ต้องมี ภาวะผู้นำของคนนั้นซึ่งเป็นคุณสมบัติของความเป็นผู้นำทีอ่ ยูใ่ นตนเองท่ีทำให้ผูอ้ ื่นรู้สึกสัมผัสการนำเป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ผู้นำจึงต้องเป็นผู้ที่มีทั้งศาสตร์และศิลป์อยู่ในตนเองที่สร้างความโดด เด่นในกลุ่มทำให้เป็นที่ยอมรับของ กลุ่มที่จะให้ความไว้วางใจและเชื่อใจว่าสามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จทำให้ได้รับความร่วมมือและ ท่นี อกเหนือไปจากนน้ั คือการได้รับความเคารพนบั ถือ ผนู้ ำหมายถงึ บุคคลในกลุ่มท่ีได้รับมอบหมายให้กำกบั และประสานงานให้กิจกรรมของกลุ่มมีความสัมพันธ์ กนั ซึ่งผู้นำอาจเปน็ ผู้ท่ีอาจได้รบั การเลือกตั้งหรือแตง่ ตัง้ หรือเป็นผู้ท่ีแสดงตวั เป็นผู้ท่ีมีอิทธิพลในกลุ่มเพื่อที่จะกำกับ และประสานงานท่ีจะนำไปสู่เปา้ หมายด้วยพลังของกลุ่มเป็นผู้ตดั สนิ ใจเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นผู้ขจัดปญั หาการโต้แยง้ ภายในกลมุ่ สรุปได้ว่าผู้นำ (Leader)คือบุคคลที่สามารถชักจูงหรือชี้นำบุคคลอื่น ให้ปฏิบัติงาน สำเร็จตามเป้าหมาย บรรลุวตั ถุประสงคท์ ่ีวางไวไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธผิ ลและประสิทธิภาพ ส่วนภาวะผ้นู ำ(Leadership)การนำองค์การสู่ความสำเร็จบรรลุเป้าหมายน้ัน ผู้นำจำเป็นต้องพัฒนาตนเอง ให้มีความรู้ความสามารถในการนำรวมถงึ การเปดิ โอกาสใหผ้ ู้อืน่ มีส่วนรว่ มในการวางแผน สร้างระบบงานภาวะผู้นำ สามารถจำแนกออกได้ 2 ลักษณะ คือในลักษณะของการใช้อำนาจบังคับกำกับควบคุมเพือ่ ให้ผู้ตามเกิดพฤติกรรม
3 ตามทตี่ นต้องการเพ่อื การบรรลุเป้าหมายสว่ นอีกลักษณะหนึ่งก็คอื การใชส้ ัมพันธภาพที่ดรี ะหว่างผู้นำกบั ผู้ตามสร้าง ความเป็นกันเองเพื่อกระตุ้นจูงใจให้ผู้ตามเต็มใจที่จะมีส่วนร่วม หรือมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์เพื่อการบรรลุ เป้าหมายเช่นเดียวกนั สรุปได้ว่า ภาวะผู้นำ(Leadership) คือ ความสามารถของแต่ละบุคคลในอันที่จะก่อให้เกิดกิจกรรมหรือ การเปลี่ยนแปลง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกลุ่มโดยใช้การชักชวน จูงใจให้บุคคลหรือกลุ่มปฏิบัติตามความ คิดเห็น ความต้องการของตนได้ด้วยความเต็มใจ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือโดยมีความสำเร็จของกลุ่มหรือ องคก์ ารเปน็ เป้าหมาย ดังนนั้ ผู้นำคอื ผู้ท่ีมอี ิทธิพลต่อบุคคลหรอื กลมุ่ ในอันทก่ี ่อใหเ้ กดิ การกระทำกิจกรรม หรอื การ เปลีย่ นแปลงเพ่ือให้บรรลวุ ัตถุประสงค์ของกลุ่ม ลกั ษณะและบทบาทของผ้นู ำทจ่ี ะทำใหอ้ งคก์ ารประสบความสำเร็จ ผนู้ ำเป็นสว่ นหนึ่งของการบริหารหรอื การจัดการ ผู้จดั การหรือผูบ้ รหิ ารมหี น้าท่ีวางแผนและจัดระเบียบให้ งานดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย แต่ผู้นำมีหน้าที่ทำให้ผู้อื่นตาม และการที่คนอื่นตามผู้นำก็ไม่มีใครรับรองว่า ผู้นำจะนำไปในทิศทางท่ีถูกต้องเสมอ ดังนั้นคนทีเ่ ป็นผู้นำที่เข้มแข็ง ก็อาจจะไม่ใชผ่ ู้จดั การ หรือบริหารที่ดีได้ หรือ ผบู้ ริหารผู้จดั การท่ีดีก็อาจไม่ใช่ผ้นู ำท่ีดีก็ได้ดังนั้นถ้าเป็นไปได้องค์การหนึ่งองค์การใดทต่ี ้องการประสบความสำเร็จ ก็ยอ่ มตอ้ งการผูบ้ ริหาร หรอื ผจู้ ดั การทม่ี ีลกั ษณะเปน็ ผนู้ ำดังนี้ 1. ต้องมีความฉลาด (Intelligence) ผู้นำจะต้องมีระดับความรู้และสติปัญญาโดยเฉลี่ยสูงกว่าบุคคลที่ให้ เขาเป็นผู้นำ เพราะผู้นำจะต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ บุคคลที่ฉลาดเท่านั้นที่จะสามารถ จดั การกับปญั หาตา่ ง ๆ หรอื เรอื่ งราวต่าง ๆ ได้ 2. ต้องมีวุฒิภาวะทางสังคมและใจกว้าง (Social Maturity & Achievement Drive) คือจะต้องมีความ สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างกว้างขวาง มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ต้องยอมรับสภาพต่าง ๆ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ไม่ว่า ผิดหวังหรือสำเร็จ ผู้นำจะต้องมีความอดทนต่อความคับข้องใจต่าง ๆ พยายามขจัดความรู้สึกต่อต้านสังคม หรือ ต่อตา้ นคนอื่นใหเ้ หลือน้อยที่สดุ เปน็ คนมเี หตผุ ล เป็นคนเชอ่ื ม่นั ในตนเอง และนับถือตนเอง 3. ต้องมีแรงจูงใจภายใน (Inner Motivation) ผู้นำจะต้องมีแรงขับที่จะทำอะไรให้เด่น ให้สำเร็จอยู่เรื่อย ๆ เมอื่ ทำสิ่งหนงึ่ สำเร็จก็ต้องการทจี่ ะทำสิง่ อ่นื ต่อไป เมอ่ื ทำส่ิงใดสำเรจ็ กจ็ ะกลายเปน็ แรงจูงใจทา้ ทายใหท้ ำสิ่งอ่ืนให้ สำเร็จต่อไป ผู้นำจะต้องมคี วามรับผิดชอบอย่างสูง เพราะความรับผิดชอบจะเป็นบันไดทีท่ ำให้เขามีโอกาสประสบ ความสำเรจ็ 4. ต้องมีเจตคติทีด่ ีเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations Attitudes) ผู้นำที่ประสบความสำเร็จนั้น เขายอมรับอยู่เสมอว่า งานที่สำเร็จนั้นมีคนอื่นช่วยทำ ไม่ใช่เขาทำเอง ดังนั้น เขาจะต้องพัฒนาความเข้าใจและ ทักษะทางสงั คมท่ีจะทำงานร่วมกับผู้อนื่ ผนู้ ำจะตอ้ งใหค้ วามนับถอื ผ้อู ื่นและจำต้องระลกึ อย่เู สมอวา่ ความสำเร็จใน การเปน็ ผ้นู ำนัน้ ขึ้นอยู่กบั ความรว่ มมอื กับผู้อนื่ และการติดตอ่ กบั บคุ คลอ่นื ในฐานะที่เขาเป็นบคุ คล ไม่ใช่ในฐานะท่ี
4 เขาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานเท่านั้น ผู้นำจะต้องยอมรับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอื่น และมีความสนใจ รว่ มกบั ผู้อืน่ จะเห็นได้ว่า ผู้นำ ซึ่งหมายความถึงบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งขึ้นมาหรือได้รับการยกย่องขึ้นให้เป็นหัวหน้า ผู้ตัดสินใจ เพราะมีความสามารถการปกครองบังคับบัญชา และจะพาผู้ตามหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ไปในทางดีหรือ ชั่วได้ โดยใช้ระบบกระบวนการติดต่อซึ่งกันและกันในอันที่จะให้บรรลุเป้าหมาย และความสามารถทีจ่ ะชักจูงผ้อู ่นื ให้ความร่วมมือร่วมใจกับตน ดำเนินการไปสู่จุดมุ่งหมายของตนได้ ดังนั้น การเป็นผู้นำจึงเปน็ ศลิ ปะของการทีจ่ ะมี อิทธิพลเหนือคน และนำคนแต่ละคนไปโดยที่คนเหล่านั้นมีความเชื่ออย่างเต็มใจ มีความมั่นใจในตัวผู้นำ มีความ เคารพนับถือและให้ความร่วมมือกับผู้นำด้วยความจริงใจ เพื่อจะได้ปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงไปด้วยดี ภาวะผู้นำนั้น ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการบริหารงาน และเป็นจุดรวมพลังของทุกคนในองค์กร ฉะนั้นผู้นำย่อมเป็นหลักที่มี ความสำคัญยงิ่ ในการบริหารงาน ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และต่อผลงานอันเป็นส่วนรวม คุณภาพ และคุณลักษณะของผู้นำย่อมจะมีผลสะท้อนต่อวิธี ปฏบิ ตั ิงานและผลงานขององค์การเป็นอย่างมาก บทบาทของผู้นำในยุคที่ผ่าน ๆ มานั้น ถือว่าไม่มีบทบาทที่สำคัญ โดยถือว่าผู้นำเกิดขึ้นโดยกำเนิด หรือ เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่ในสภาวะปัจจุบันนี้ ถือว่าผู้นำนั้นสามารถเรียนรู้ ฝึกอบรม และเสริมสร้างขึ้นมาได้ ทั้งนี้เพราะว่าผู้นำได้เป็นที่ยอมรับว่า มีบทบาทสำคัญต่อการบริหาร ลักษณะของผู้นำก็แตกต่างกันไปตาม สถานการณ์ ซึ่งทำให้เกิดผู้นำในแบบต่าง ๆ แต่ลักษณะของผู้นำที่เป็นที่ยอมรับคือผู้นำในฐานะผู้นำทาง ไม่ว่าจะ เป็นผนู้ ำขององคก์ าร หรือผูน้ ำทางสงั คม ก็หมายถงึ คนทส่ี ามารถชใี้ หค้ นอ่ืนดำเนนิ การไปในทางทถ่ี ูกต้องได้ ในปัจจุบันเรามักจะมุ่งที่ตัวผู้นำที่สามารถชักจูงให้ผู้ปฏิบัติงานดำเนินงานไปพร้อม ๆ กันอย่างมี ประสิทธภิ าพ งานขององค์การจะกา้ วหน้าอย่างไรอยู่ที่ตัวผ้นู ำเปน็ สำคญั ผู้นำจะตอ้ งเรียนรู้สง่ิ ต่างๆ มากกว่าคนอ่ืน แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ สามารถทำให้ผู้ใต้บงั คับบัญชาร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างสอดคล้องตามสถานการณต์ ่าง ๆ ท่เี ปล่ยี นแปลงไปอย่างรวดเร็วจนองค์การมีขนาดใหญ่และมีความสลับซบั ซ้อนในการบรหิ ารงานตามสถานการณ์ ท่ีผนู้ ำต้องมีความสามารถหลายอย่าง ลกั ษณะการบรหิ ารไม่ได้อยู่ทผี่ ู้นำคนเดียว แตอ่ ยูท่ ผ่ี ู้ปฏบิ ตั ิงานทุกคน ดังนั้น ผู้นำในทศวรรษหน้าจะต้องเป็นนักพัฒนา ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละคนสามารถทำงานได้เองทุกอย่าง ทั้งในงานที่ ทำรว่ มกัน และงานท่ีทำเฉพาะตัวผนู้ ำในทศวรรษหน้าจะต้องพัฒนาผู้ใตบ้ ังคับบัญชาให้มคี วามสามารถที่จะทำงาน ไดเ้ องไมไ่ ดข้ น้ึ อยู่กับผนู้ ำองคก์ รหรือหัวหนา้ งาน S :Shoulders own responsibility ไมป่ ัดสวะ รบั ผดิ ชอบงานในหนา้ ทท่ี งั้ ของตนเอง และลกู นอ้ ง U : Understands his menใหค้ วามสนใจและมคี วามเข้าใจลกู นอ้ ง P : Progresses เรียนรู้อยู่เสมอ รู้จักปรับปรงุ ตนเอง แก้ไขข้อบกพร่องไม่ทำตัวเป็นน้ำเตม็ แก้วเติมอะไร ไมไ่ ด้อีกเลย E : Enforces all regulations เปน็ ตวั อย่างที่ดี R : Respects his men ยอมรบั และเหน็ ความสำคัญของลูกน้องวา่ เปน็ ทรัพยากรมีคุณคา่
5 V : Visualizes problems รูจ้ ักป้องกันปัญหา ไมม่ องข้ามทงั้ เร่ืองงานไม่ปล่อยใหเ้ ร่ืองเลก็ เป็นเร่ืองใหญ่ I : Inspires confidence เสรมิ สรา้ งขวญั ลกู นอ้ งใหด้ ี ใหล้ ูกนอ้ งเช่อื ม่นั ยอมรบั ความศรทั ธา S : Sells ideas สรา้ งความรว่ มมอื สามารถจงู ใจลูกน้องได้ ขายความคดิ I : Instructs clearly สอนงานเป็น สัง่ งานชดั เจน O : Originatesมีความคดิ รเิ ริม่ กระต้นุ และเสรมิ สร้างบรรยากาศใหล้ ูกน้องได้มโี อกาสรเิ ร่ิมสร้างสรรค์ด้วย N : Notice performance ใหก้ ารยกยอ่ งชมเชย หวั หนา้ ไมค่ วรหวงคำชมเชยลูกนอ้ ง ควรสง่ เสริมและให้ กำลังใจกนั อยู่เสมอ บทสรุป ความสำเร็จของการบริหารที่ส่งผลไปสู่ความสำเร็จขององค์การ คือความสามารถของผู้นำที่จะ ให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการสร้างพันธกิจแรงจูงใจวิสัยทัศน์ การสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิผลไปในทิศทาง เดียวกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นผู้ นำที่มุ่งทั้งงานและคนโดยใช้แนวความคิด ผู้นำเชิงคุณลักษณะแนวคิดผู้นำเชิงพฤติกรรม แนวคิดผู้นำเชิงสถานการณ์ แนวคิดภาวะผู้นำสมัยใหม่และการนำ หลกั ธรรมมาประยุกต์ใชเ้ พอื่ เป็นผนู้ ำทด่ี มี ีประสทิ ธิภาพในยคุ โลกาภิวฒั น์ ภาวะผู้นำมีบทบาททแ่ี บง่ อย่างกว้างๆ ออกเปน็ 4 ประการ การกำหนดแนวทางหลัก (Pathfinding) ผู้นำควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายและแนวความคิดท่ี ชัดเจน บทบาทดังกล่าวจะช่วยให้ผู้นำสร้างแผนงานแม่แบบ (blueprint of action) ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ หลักการก่อนจะลงมือปฏิบัติตามแผน และนอกจากนั้น ไม่เพียงแต่ต้องรู้ถึงวิธีการกำหนดทิศทางและเป้าหมาย เท่านั้น แต่ผู้นำต้องได้รับการสนับสนุนและความมุ่งมั่นจากพนักงานในการบรรลุถึงเป้าหมายด้วย ผู้นำต้องมี ความสามารถนำให้ผู้อื่นมีสว่ นร่วมในการสร้างพันธกิจ (Mission) วิสัยทศั น์ (Vision) และสอื่ สารอย่างชัดเจน ผู้นำ ต้องช้ใี ห้เหน็ ถงึ ผลประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับจากความสำเร็จในอนาคต การสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิผล (Aligning) การสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิผลหรือการ ทำให้องค์การดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน คือการลงมือสร้างแผนหลักที่กำหนดขึ้นในขั้นตอนที่หนึ่ง ทุกระดับช้ัน ขององค์การควรมีการดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน ผู้นำยังต้องเปลี่ยนแปลง ระบบการทำงาน ขั้นตอนการทำงาน และโครงสร้างองค์การทำงานให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายขององค์การที่ได้ วางไว้ การมอบอำนาจ (Empowering) หากผนู้ ำมีการมอบอำนาจใหแ้ ก่พนักงานอย่างจริงจังจะทำให้บรรยากาศ ในการทำงานมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน การสื่อสารระหว่างบุคคลและระหว่างกลุ่มเกิดประสิทธิผลและเกิดผล ลัพธ์ใหมๆ่ ท่ีสร้างสรรค์ และพนักงานสามารถแสดงความคดิ เหน็ และศักยภาพของตนได้อย่างอิสระ ดังนั้นผู้นำต้อง สร้างสภาวะที่จะกระตุ้นการสร้างเสริมและปลดปล่อยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ความสามารถ และศกั ยภาพท่มี ีอยใู่ นทกุ คน
6 การสร้างตัวแบบ (Modeling) ผู้นำต้องสร้างความน่าเชื่อถือต้องมีคุณสมบัติของผู้นำที่ดีด้วย กล่าวคือ ต้องเข้าใจถึงความสำคัญของดุลยภาพระหว่างคุณลักษณะ (Characteristics) กับความรู้ความสามารถ (Competence) ผนู้ ำองค์การควรแสดงบทบาทอย่างไร ผู้นำองค์การเป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์การ สอดรับกับภาวัฒน์ พันธุ์แพ (2547, หนา้ 57) ที่ได้กล่าววา่ การเปล่ยี นแปลงองค์การจะไมส่ ามารถเกดิ ข้ึนได้เลยหากผู้นำไมเ่ ป็นผรู้ เิ ริ่มโดยเฉพาะ การเปลยี่ นแปลงไปเปน็ องค์การแห่งการเรยี นรู้ซง่ึ จะต้องทำใหบ้ ุคลากรใน องคก์ ารยอมรับและมคี วามรูส้ ึกรว่ มกับการเปลย่ี นแปลง ซง่ึ ถอื เป็นภารกิจ ที่ท้าทายสำคญั ของผู้นำองค์การในปจั จุบัน ดังนั้น ผู้นำองค์การในฐานะผู้ มีบทบาทสำคัญในระดับองค์การจึงต้องแสดงบทบาทที่ชัดเจนในการ ส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนพัฒนาองค์การไปสู่องค์การแห่งการ เรียนรู้ โดยมีแนวทางปฏิบัติที่สำคัญซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ด้านที่ สอดคลอ้ งตามกรอบแนวคิดองค์การแห่งการเรียนรู้ของ ปเี ตอร์ เซน็ เก้ ดังน้ี 1. บทบาทต่อการพฒั นาองค์การแห่งการเรยี นรูด้ ้านความรอบรู้แหง่ ตน เชน่ 1.1 การส่งเสรมิ และสนับสนุนใหบ้ ุคลากรมีความม่งุ มนั่ ในการแสวงหาความรใู้ หม่ๆท่ีทนั ต่อสภาพการ เปลีย่ นแปลงเพ่ือนำมาใช้ใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อการปฏิบตั ิงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ 1.2 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และสามารถสร้างศักยภาพในการ ปฏิบตั งิ านให้เกิดความสำเรจ็ 1.3 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีการวางแผน กำหนดขั้นตอนและวิธีการในการทำงาน อย่างเป็นระบบที่ชดั เจน 2. บทบาทตอ่ การพัฒนาองคก์ ารแหง่ การเรียนรใู้ นด้านแบบแผนความคิดอา่ น เชน่ 2.1 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีกระบวนการคิด วิเคราะห์และวินิจฉัยข้อมูลต่างๆบน พ้นื ฐานของขอ้ เท็จจรงิ 2.2 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีการพิจารณาไตรต่ รองข้อมูลต่างๆอย่างรอบคอบทุกด้าน ก่อนการตดั สินใจดำเนินการเรอื่ งใดเรอ่ื งหนง่ึ ทุกครั้ง 2.3 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีการนำปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงานมา วิเคราะห์ 3. บทบาทตอ่ การพฒั นาองค์การแหง่ การเรียนร้ใู นด้านวสิ ยั ทศั น์รว่ มกนั เชน่ 3.1 การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ใหบ้ คุ ลากรมีส่วนร่วมในการกำหนดวสิ ัยทัศนข์ องหน่วยงาน 3.2 การส่งเสรมิ และสนับสนุนใหบ้ ุคลากรรบั รู้ถึงเปา้ หมายของหนว่ ยงานท่ตี อ้ งการในอนาคต
7 3.3 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีการวางแผนงานของตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและ สอดคลอ้ งกบั วสิ ัยทศั นข์ องหน่วยงาน 4. บทบาทต่อการพฒั นาองค์การแหง่ การเรยี นรใู้ นด้านการเรียนรขู้ องทมี เช่น 4.1 การสนับสนุนให้หน่วยงานมีการจัดระบบการบริหารจัดการที่เปิดโอกาสให้บุคลากรได้ตัดสินใจ แก้ปัญหาการปฏบิ ตั งิ านรว่ มกัน 4.2 การสง่ เสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมกี ารวางแผนการปฏบิ ตั งิ านรว่ มกนั 4.3 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นและยอมรับเหตุผล ของกนั และกัน 5. บทบาทตอ่ การพฒั นาองคก์ ารแห่งการเรยี นรใู้ นด้านการคิดอย่างเปน็ ระบบ เชน่ 5.1 การสนับสนุนให้หน่วยงานกำหนดเป้าหมายและทิศทางการทำงานที่ชัดเจน สอดคล้องความ เปล่ยี นแปลงท่เี กิดข้ึน 5.2 การสนบั สนุนให้หนว่ ยงานมกี ารจัดแบ่งหนา้ ที่ความรบั ผิดชอบอยา่ งเป็นระบบที่ชดั เจน 5.3 การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีความสามารถในการคิดและปฏิบัติงานที่สลับซับซ้อนได้ อย่างเปน็ ระบบ ภาวะผูน้ ำกับการบรหิ ารจัดการเชงิ กลยุทธ์ ภาวะผู้นำ (Leadership) คือ กระบวนการที่บุคคลใดบุคคลหน่ึง หรอื มากกวา่ พยายามใช้อทิ ธพิ ลของตนหรือกลุ่มตน กระตนุ้ ชนี้ ำ ผลักดัน ให้ บุคคลอื่น หรือกลุ่ม บุคคลอื่น มีความเต็มใจ และกระตือรือร้นในการทำสิ่ง ตา่ ง ๆ ตามตอ้ งการ โดยมคี วามสำเรจ็ ของกลุ่ม หรอื องค์การเปน็ เป้าหมาย ภาวะผู้นำเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญและพยายามท่ี จะพัฒนาบุคลากรให้มีภาวะผู้นำบางองค์กรจัดส่งบุคลากรฝึกอบรมหลักสูตร ภาวะผ้นู ำเพ่ือท่ีจะหลอ่ หลอมใหบ้ ุคลากรเปน็ ผู้ที่มีภาวะผนู้ ำมากกวา่ ทจี่ ะเป็นแค่เพยี งผ้ปู ฏิบัติงานไปวนั ๆ ลักษณะ ของบุคคลท่มี ีภาวะผูน้ ำ ดังน้ี 1.ผู้นำจะต้องมองไกล คิดไกล มองเห็นเป้าหมายในอนาคตข้างหน้า และไม่ใช่แค่มองเห็นอย่างเดียว เท่านั้น จะต้องช่วยให้ทุกคนในทีมงานมองเห็นภาพอนาคตอย่างที่ผู้นำเห็นด้วย ผู้นำที่ดีจะไม่หยุดสร้างสรรค์ อนาคตใหม่ ๆ ใหก้ บั องค์กร และพฒั นาวิธีการทำงานใหม่ ๆ อยู่เสมอ 2.ผู้นำที่ดีจะต้องเป็นผู้ที่สร้างทีมงานที่แข็งแกร่งได้ มีความน่าเชื่อถือ ทำให้บุคลากรทุกคนในทีมงาน ยินดที ่ีจะทำงานรว่ มกัน ไม่มีความลำเอยี ง และเลือกปฏิบัตติ ่อใครบางคนเป็นพเิ ศษ เพราะถ้าทำแบบนนั้ ทีมงานท่ี ดีก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน การมอบหมายและจัดสรรงาน ผู้นำที่ดีไม่ใช่แค่เพียงมอบหมายงานให้กับสมาชิกใน ทีมอย่างเดียว แต่จะต้องพิจารณาเสมอว่า ใครที่เหมาะสมกับงานต่าง ๆ ก็จะมอบหมายที่เขาถนัดเพื่อให้เกิดผล งานที่ดที ส่ี ุด น่ันแสดงว่าผ้นู ำจะต้องศึกษาและรจู้ กั จดุ แขง็ จุดอ่อนของสมาชิกของทีมงานตนเองเปน็ อย่างดี
8 3.ผนู้ ำทีด่ ีจะตอ้ งสรา้ งและพัฒนาคนทุกคนทอี่ ยใู่ นการดแู ล เพ่อื ทำให้ทกุ คนเกง่ ข้ึน และมีความสามารถ ในการทำงานมากขึ้น ไม่ใช่แค่บริหารแบบเดิม ๆ ไม่มอี ะไรใหม่เกิดข้ึนในตวั พนักงานเลย ดงั น้ันผู้นำจะตอ้ ง Coach พนักงาน และวางแผนความก้าวหน้าในสายอาชีพให้กับพนักงานแต่ละคน เพื่อให้พนักงานมีทักษะใหม่ ๆ ในการ ทำงานเกดิ ขึน้ เสมอ 4.ผู้นำที่ดีจะต้องเป็นคนที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นกับสมาชกิ ในทีมงาน ทำให้สมาชิกเกิด ความฮึกเหิมและมงุ่ มน่ั ทจ่ี ะทำงานและฟนั ฝ่าอปุ สรรคไปพร้อม ๆ กนั คนที่สามารถท่ีจะเปน็ ผูน้ ำได้นั้นจะต้องมีความต้องการทีจ่ ะเป็นผู้นำเป็นพื้นฐาน คือ มีความต้องการท่ี จะนำผู้อ่นื ต้องการทำให้ผู้อ่ืนเกิดความเชอ่ื มนั่ คนที่มี passion ในการเป็นผูน้ ำ จะหยิบเอาสง่ิ ท่ีเรยี นรูม้ าปรับใช้ใน ชวี ติ การทำงานจริง ๆ มคี นพดู ว่า “Leadership is action, not position” ซง่ึ แปลวา่ ภาวะผ้นู ำน้ันเป็นเรื่องของ การกระทำ ไม่ใช่เป็นเรื่องของตำแหน่ง ท่านที่ต้องการจะเป็นผู้นำจริง ๆ ก็คงต้องเริ่มต้นลงมือกระทำอย่างจริงจัง ในสิ่งที่ผู้นำเขาทำกัน ต้องเริ่ม Action ในทุกวัน แล้วจากนั้นเราจะเป็นผู้นำตลอดเวลา แม้ว่าเราจะไม่มีตำแหน่ง อะไรเลยกต็ าม 5.ผนู้ ำไม่จำเป็นตอ้ งเป็นบคุ คลที่มีตำแหน่งหัวหน้าหรือผ้ทู ี่ได้รบั การยอมรับจากผู้อนื่ เทา่ น้ัน แต่ที่สำคัญ ก็คือ ผู้นำเป็นผู้ที่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลเชิงบวกต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อื่น ของชุมชน และ ของสังคมโดยรวม อาจกล่าวได้ว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพพอที่จะเป็นผู้นำได้ กระบวนการของการเป็นผู้นำหรือ ภาวะผูน้ ำนัน้ ไม่สามารถอธบิ ายไดโ้ ดยงา่ ยเพยี งแค่ดจู ากพฤติกรรมของบุคคล ใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น แต่ภาวะผู้นำยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในแง่ความ ร่วมมือของกลุ่มคนหรือระหว่างกลุ่มคนในการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน บนฐาน ของคา่ นิยมเหมือนกัน คือ การทำงานเพ่ือให้เกิดการเปล่ียนแปลงเชิงบวกจาก ความเชื่อที่ว่า ผู้นำ คือ ผู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Change agent) และ ภาวะผู้นำ คือ การทำงานร่วมกันในลักษณะของกลุ่มบุคคลที่ต้องการให้เกิด การเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การพัฒนาผู้นำที่มีฐานความเชื่อดังกล่าวจึงเน้นเรือ่ ง ค่านิยม (Values) สำคัญที่ใชเ้ ป็นฐานของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมควบคู่ไป กับการเรียนรคู้ า่ นยิ มส่วนบคุ คลเพือ่ การเปน็ ผนู้ ำที่ดีต่อไป การบรหิ ารจดั การเชิงกลยุทธ์ เปน็ กระบวนการของการบริหารจดั การองคก์ ารโดยรวมที่เน้นการสร้าง อนาคตในระยะยาว และการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอกองค์การ ตลอดจนเป็นการเน้นสร้าง กลยุทธข์ ององค์การเพื่อความสำเร็จขององค์การในอนาคต ซ่ึงประกอบด้วย การวางแผนกลยุทธ์ การนำกลยุทธ์ไป ปฏิบัติ การประเมินและควบคุมกลยุทธ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ที่ต้องดำเนินการอย่าง เปน็ ขน้ั ตอนผ่านกระบวนการวิเคราะห์ตอ่ เน่อื งอย่างเป็นระบบโดยแตล่ ะสว่ นจะมีความสัมพนั ธร์ ะหว่างกนั เพื่อสร้าง ความไดเ้ ปรยี บในการแขง่ ขนั อยา่ งยั่งยืนและสร้างมูลคา่ เพิ่ม
9 การวางแผนกลยุทธ์ เป็นการวางแผนโดยการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมที่เผชิญอยู่ทัง้ ภายในและภายนอก เพื่อกำหนดทิศทางที่จะสรา้ งความได้เปรยี บในการแข่งขันให้แก่ องค์กร กลยุทธ์ หมายถงึ แผนแมบ่ ทและแผนปฏบิ ตั กิ ารท่จี ะชว่ ยใหก้ ารปฏิบัตงิ านบรรลวุ ตั ถุประสงค์ระยะยาว ในอนาคต จากการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมภายนอกกับสง่ิ แวดล้อมภายในขององค์การเพื่อสรา้ งความไดเ้ ปรียบใน การแข่งขันอย่างยงั่ ยืน คนทำงานกับปัญหาในการทำงานเป็นของคู่กัน ไม่มีใครที่ทำงานแล้วไม่เคยประสบปัญหา และก็ไม่มี คนที่ประสบความสำเร็จที่ไม่เคยผ่านปัญหามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการประสานงาน กับเพื่อนร่วมงาน กับ ผู้บังคับบัญชา หรือปัญหาจากการทำงานของตนเอง ในการแก้ปัญหาแต่ละเรื่องมวี ิธีที่แตกต่างกันไป เราไม่อาจใช้ วิธีแบบเดียวกนั กบั ทกุ ปัญหาได้ แต่กไ็ ม่ใชว่ ่าเมื่อเกิดปัญหาจะต้องคิดใหม่ไปเสียทุกครั้ง จะตอ้ งมศี ิลปะในการแก้ไข ปญั หากจ็ ะสามารถช่วยใหก้ ารแก้ปัญหานน้ั ง่ายขนึ้ ได้ 1. เมื่อเกิดปัญหาไม่ได้อยู่ที่ปัญหานั้นรุนแรงแค่ไหน แต่อยู่ที่เราคิดแก้ปัญหานัน้ อย่างไร หลายคนที่ คิดแกป้ ญั หาดว้ ยวิธีการเพยี งแบบเดยี ว และพยายามจะใหว้ ิธกี ารน้ันใช้ได้ผลกบั ทกุ ปญั หา ซึง่ ไมอ่ าจเปน็ ไปได้ และ เราก็ยังคงเสียเวลาวนเวียนอยู่กับวิธีเดิม ๆ แสดงว่าไม่ได้เข้าใจปัญหานั้นอย่างแท้จริง ไม่ได้ใช้เวลามากพอที่จะ หาทางออกท่ีสร้างสรรค์และดีพอ เราจำเปน็ ต้องคดิ แบบยืดหยุน่ คิดใหห้ ลดุ ออกจากกรอบเดิม ๆ ท่คี รอบเราไว้ จึง จะพบวธิ ีการใหม่ ๆ ในแก้ปญั หา ซ่ึงอาจจะดกี วา่ วิธีเดิม ๆ ทเ่ี ราใชอ้ ยู่ 2. รา่ งกายกบั จติ ใจนนั้ เชอื่ มโยงกัน ถา้ รา่ งกายเราถูกใช้งานหนกั จนเกินไป เครง่ เครยี ดกบั งานจนไม่มี เวลาพักผอ่ น จติ ใจก็ไม่ได้พักผ่อนไปดว้ ย ควรใหเ้ วลากบั การผ่อนคลายจติ ใจเสียบ้าง เชน่ ออกไปเดินเล่น ฟังเพลง ดหู นงั ว่ายนำ้ หรอื ทำงานอดิเรกอนื่ ๆ เพือ่ ทจ่ี ติ ใจจะได้วา่ ง และเปิดกวา้ งพอที่จะคิดสงิ่ ใหม่ ๆ ทีส่ ร้างสรรค์ รวมถึง วธิ กี ารแก้ปญั หาอย่างสร้างสรรคด์ ว้ ย 3. ให้ถามตัวเองเสมอว่าทำไมสิ่งนี้จึงเป็นปัญหา สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาอะไร บันทึกปัญหาท้ัง หมดแล้วค่อย ๆ ตัดออกทีละข้อ ให้เหลือแต่ข้อที่เรามั่นใจ เพื่อที่เราจะได้มุ่งคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมได้ อย่างรวดเรว็ และแม่นยำ 4. สอบถามความเห็นในการแก้ปัญหาจากคนหลาย ๆ คน หลาย ๆ วัย เช่น คุณพอ่ คุณแม่ หรอื เพอ่ื นสนทิ จะทำให้คุณไดร้ ับคำตอบจากมุมมองท่ี แตกตา่ งกนั การคดิ แบบไร้ขอบเขตนำไปสวู่ ธิ กี ารแก้ปญั หาทีค่ ุณต้องการ เพียงคุณแก้ปัญหาอย่างมีศิลปะคุณกจ็ ะพบทางออกได้อย่างง่ายดาย ไมต่ ้องเสียเวลากบั การคิดวนเวยี นไปมาอยจู่ ุดเดมิ โดยไรท้ างออกอีกต่อไป
10 ผ้ตู าม (Followers) และภาวะผตู้ าม (Followship) ผู้ตาม หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานในองค์การที่มีหน้าที่และ ความรับผิดชอบที่จะต้องรับคำสั่ง จากผู้บังคับบัญชามาปฏิบัติให้ สำเร็จบรรลุวตั ถุประสงค์ แบบของภาวะผู้ตาม เคลลี่ (Kelley) ได้แบ่งประเภท ของผตู้ ามโดยใช้เกณฑ์ 2 มิติ ดังน้ี มิติที่ 1 คุณลักษณะของผู้ตามระหว่างความอิสระ (การพึ่งพาตนเอง) และความคิด สังสรรค์ ไม่อิสระ (พึ่งพาผู้อื่น) และขาดความคิดสร้างสรรค์ พฤติกรรมของผู้ที่มี ความเป็น อิสระ และความคิดสร้างสรรค์จะมีลักษณะเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่ม และเสนอวิธีการใหม่อยู่เสมอ ส่วน บุคคลทมี่ ลี กั ษณะพงึ่ พาผอู้ ื่นจะขาดความคิดริเริ่ม และคอยรบั คำส่งั จากผู้นำโดยขาดการ ไตรตรอง มิตทิ ี่ 2 คณุ ลกั ษณะของผู้ตามระหวา่ ง “ความกระตือรอื รน้ กับความเฉอื่ ยชา\" คุณลักษณะพฤติกรรมของผู้ตาม 5 แบบมดี งั น้ี 1) ผู้ตามแบบห่างเหิน ผู้ตามแบบนี้เป็นคนเฉื่อยชาแต่มีความเป็นอิสระและมีความคิดสร้างสรรค์สูง ผตู้ ามแบบหา่ งเหนิ ส่วนมากเป็นผตู้ ามทีม่ ีประสทิ ธิผล มปี ระสบการณ์ และผ่าน อุปสรรคมาก่อน 2) ผู้ตามแบบปรับตาม ผู้ตามแบบนี้ เรียกว่า ผู้ตามแบบครับผม เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น ในการ ทำงาน แต่ขาดความคิดสร้างสรรค์ 3) ผู้ตามแบบเอาตัวรอด ผู้ตามแบบนี้จะเลือกใช้ลักษณะผู้ตามแบบใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่จะเอ้ือ ประโยชนก์ บั ตวั เองให้มากทีส่ ุดและมีความเสี่ยงนอ้ ยทสี่ ุด 4) ผตู้ ามแบบเฉ่อื ยชา ผู้ตามแบบน้ชี อบพึ่งพาผอู้ นื่ ขาดความอิสระ ไมม่ ีความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ 5) ผู้ตามแบบมีประสิทธิผล ผู้ตามแบบนี้เป็นผู้ที่ทีความตั้งใจในการปฏิบัติงานสูงมี ความสามารถใน การบรหิ ารจัดการงานไดด้ ้วยตนเอง ลักษณะผตู้ ามท่ีมปี ระสิทธผิ ล ดังน้ี 1. มีความสามรถในการบริหารจดั การตนเองได้ดี 2. มีความผกู พันตอ่ องคก์ ารตอ่ วัตถุประสงค์ 3. ทำงานเต็มศกั ยภาพ และสุดความสามารถ 4. มีความกล้าหาญ ซื่อสตั ย์ และน่าเชอ่ื ถือ การพฒั นาศกั ยภาพตนเองของผตู้ าม การพฒั นาลกั ษณะนิสยั ตนเองใหเ้ ป็นคนที่มีประสทิ ธผิ ลสูง 1. ตอ้ งมีนิสยั เชงิ รกุ หมายถึงไม่ต้องรอให้นายส่งั 2. เรมิ่ ตน้ จากส่วนลกึ ในจิตใจ 3. ลงมือทำสง่ิ แรกก่อน
11 4. คดิ แบบชนะทง้ั สองฝ่าย 5. เขา้ ใจคนอืน่ กอ่ นจะใหค้ นอื่นเข้าใจเรา 6. การรวม หรือ ทำงานเปน็ ทมี 7. ลับเลื่อยใหค้ ม คอื พัฒนาตนเองอยู่เสมอ แนวทางสง่ เสรมิ และพัฒนาผตู้ ามใหม้ คี ณุ ลกั ษณะผตู้ ามที่มีวตั ถปุ ระสงค์ 1. การดูแลเอาใจใส่ เรื่องความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษยใ์ ห้กับบุคลากรเป็นธรรม 2. การจงู ใจด้วยการให้รางวัลคำชมเชย 3. การใหค้ วามรู้และพฒั นาความคดิ โดยการจัดโครงการฝกึ อบรมสัมมนาและศึกษาดงู าน 4. ผนู้ ำตอ้ งปฏบิ ัติตนให้เปน็ แบบอยา่ ง 5. มกี ารประเมนิ ผลการปฏิบัติงานอย่างตอ่ เนอ่ื ง 6. ควรนำหลกั การประเมินผลงานที่เน้นผลสัมฤทธม์ิ าพจิ ารณาความดคี วามชอบ 7. ส่งเสรมิ การนำพทุ ธศาสนามาใชใ้ นการทำงาน 8. การสง่ เสริมสนับสนนุ ใหผ้ ู้ตามนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการปฏิบตั ิงานอยา่ งจรงิ จัง
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: