Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ม.1 หน่วยที่ 1

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.1 หน่วยที่ 1

Published by fern.lbn, 2022-06-07 13:48:06

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ม.1 หน่วยที่ 1

Search

Read the Text Version

1 แผนการจดั การเรยี นรู้แบบองิ มาตรฐาน Backward Design รายวชิ าภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท 21101 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 สอนโดย นางขวัญกมล สขุ เจรญิ ตาแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรยี นยูงทองพิทยาคม อาเภอนายูง จังหวดั อดุ รธานี สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษาอุดรธานี สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

2 คานา แผนการจดั การเรียนร้เู ล่มน้ี จดั ทาข้นึ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อใชเ้ ป็นส่ือใน การจัดการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัดช้ันปีและสาระการเรียนรู้แกนกลางท่ี หลักสูตรกาหนด พัฒนานักเรียนให้มีสมรรถนะสาคัญทั้งด้านการสื่อสารการคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้ เทคโนโลยี ตลอดจนพัฒนานักเรียนให้มคี ุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมไทยและสังคมโลกได้ อยา่ งมคี วามสุข ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอย่างย่งิ ว่า แผนการจัดการเรยี นรเู้ ล่มน้ีจะสนับสนุนให้นักเรียนได้พฒั นาการเรียนรู้ดา้ นภาษาไทยได้เป็น อยา่ งดี ผู้จัดทา นางขวัญกมล สุขเจริญ

สารบัญ 3 เรือ่ ง คานา หน้า สารบญั ข สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ก ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 1 คาอธบิ ายรายวิชา 2 โครงสร้างรายวชิ า 7 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ แบบบรรยาย 8 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว แบบพรรณนา 23 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 หลกั การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง 34 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง : กลอน 44 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง : กาพย์ยานี 11 54 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง : โคลง 64 74

1 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ภาษาไทย สาระท่ี 1 การอ่าน มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ติ และมนี ิสยั รกั การอ่าน สาระที่ 2 การเขยี น มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงาน ขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสิทธิภาพ สาระที่ 3 การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรสู้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมี วจิ ารณญาณ สาระที่ 4 หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลังของภาษาภูมิปัญญาทาง ภาษา และรกั ษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ สาระที่ 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คุณคา่ และนามาใชป้ ระยกุ ต์ใช้ ในชวี ิตจรงิ

2 ตัวช้วี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระที่ 1 การอา่ น มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาในการดาเนินชวี ิตและมนี สิ ยั รัก การอา่ น ช้ัน ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ม. 1 2. อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว และ  การอ่านออกเสยี งประกอบด้วย บทร้อยกรองไดถ้ ูกต้องเหมาะสม - บทรอ้ ยแก้วทีเ่ ป็นบทบรรยาย เร่ืองที่อา่ น - บทรอ้ ยกรอง เชน่ กลอนสุภาพ กลอน สกั วา กาพย์ยานี 22 กาพยฉ์ บัง 26 กาพย์ สรุ างคนางค์ 28 และโคลงส่ีสุภาพ 2. จบั ใจความสาคัญจากเรือ่ งทอ่ี า่ น  การอ่านจับใจความจากสอ่ื ต่างๆ เชน่ 3.ระบุเหตุและผล และข้อเทจ็ จรงิ กับ ข้อคิดเหน็ จากเร่ืองท่ีอา่ น - เรอื่ งเลา่ ประสบการณ์ - เรื่องส้ัน 4. ระบแุ ละอธบิ ายคาเปรยี บเทยี บ - บทสนทนา และคาทีม่ ีหลายความหมายในบริบท ตา่ งๆจากการอ่าน - นทิ านชาดก - วรรณคดีในบทเรยี น 5. ตีความคายากในเอกสารวชิ าการ - งานเขียนเชงิ สร้างสรรค์ โดยพจิ ารณาจากบรบิ ท 6. ระบขุ อ้ สังเกตและความ - บทความ - สารคดี สมเหตสุ มผลของงานเขียนประเภท - บันเทิงคดี ชักจงู โนม้ นา้ ว ใจ - เอกสารทางวิชาการที่มคี า ประโยค และ ข้อความทต่ี ้องใช้บรบิ ทช่วยพิจารณาความหมาย - งานเขยี นประเภทชกั จูงโนม้ นา้ วใจเชิง สรา้ งสรรค์ 7. ปฏิบตั ิตามคู่มือแนะนาวิธกี ารใช้  การอ่านและปฏบิ ัติตามเอกสารคูม่ ือ งานของเคร่ืองมือหรอื เคร่อื งใช้ใน ระดบั ท่ีวากขึ้น 8. วเิ คราะหค์ ณุ ค่าท่ีไดร้ บั จากกการ  การอ่านหนงั สือตามความสนใจ เชน่ อา่ นงานเขียนอยา่ งหลากหลายเพ่ือ นาไปใชแ้ ก้ปัญหาในชีวิต - หนงั สือทน่ี ักเรยี นสนใจและเหมาะสมกับวยั - หนังสอื อ่านทค่ี รูกับนักเรยี นกาหนดรว่ มกัน 9. มมี ารยาทในการอ่าน  มารยาทในการอ่าน

3 สาระท่ี 2 การเขยี น มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นส่ือสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงาน ข้อมูลสารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม. 1 1. คดั ลายมอื ตวั บรรจงคร่ึงบรรทัด  การคัดลายมือตัวบรรจงครึง่ บรรทัด ตามรูปแบบการเขยี นตวั อักษรไทย 2. เขยี นส่ือสารโดยใช้ถอ้ ยคาถกู ต้อง  การเขียนสอ่ื สาร เช่น ชดั เจน เหมาะสม และสละสลวย -การเขยี นแนะนาตนเอง -การเขยี นแนะนาสถานที่สาคัญๆ -การเขียนบนสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3. เขยี นบรรยายประสบการณโ์ ดยระบุ  การบรรยายประสบการณ์ สาระสาคญั และรายละเอียดสนับสนนุ 4. เขียนเรียงความ  การเขยี นเรยี งความเชงิ พรรณนา 5. เขียนย่อความจากเรือ่ งที่อ่าน  การเขยี นย่อความจากส่ือต่างๆ เชน่ เรอื่ งสั้น คาสอน โอวาท คาปราศรัย สุนทรพจน์ รายงาน ระเบยี บ คาส่ัง บทสนทนาเรอ่ื งเล่าประสบการณ์ 6. เขียนแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั สาระ  การเขียนแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั จากส่ือท่ีได้รับ สาระจากส่อื ต่างๆ เชน่ - บทความ - หนงั สอื อ่านนอกเวลา - ข่าวและเหตกุ ารณป์ ระจาวนั - เหตุการณ์สาคญั ต่างๆ 7. เขียนจดหมายสว่ นตัวและจดหมายกจิ  การเขียนจดหมายส่วนตวั ธุระ - จดหมายขอความช่วยเหลือ - จดหมายแนะนา  การเขยี นจดหมายกจิ ธุระ - จดหมายสอบถามขอ้ มลู 8. เขยี นรายงานการศึกษาค้นควา้ และ  การเขียนรายงาน ได้แก่ โครงงาน - การเขียนรายงานจากการศกึ ษา ค้นคว้า - การเขียนรายงานโครงงาน

4 สาระท่ี 3 การฟงั การดู การพดู มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรูส้ ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ ง มีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ช้นั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ม. 1 1. พูดสรุปใจความสาคัญของเรือ่ งท่ีฟงั  การพดู สรุปความ พดู แสดงความรู้ และดู 2. เลา่ เร่ืองย่อจากเรื่องที่ฟังและดู ความคดิ อย่างสร้างสรรคจ์ ากเร่ืองที่ 3. พูดแสดงความคิดเห็นอย่าง ฟงั และดู สร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องท่ีฟงั และดู  การพดู ประเมินความนา่ เชื่อถือของ 4. ประเมินความนา่ เช่ือถือของสอื่ ทม่ี ี สอ่ื ทม่ี ีเนื้อหาโน้มน้าว เนอ้ื หาโนม้ นา้ วใจ  การพดู รายงานการศกึ ษาค้นคว้าจาก 5. พดู รายงานเรอื่ งหรือประเด็นท่ี แหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆในชมุ ชน และ ศกึ ษาคน้ คว้าจากการฟงั การดู และ ทอ้ งถนิ่ ของตน การสนทนา  มารยาทในการฟัง การดู และการพดู 6. มมี ารยาทในการฟัง การดู และการ พดู

5 สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทาง ภาษา และรกั ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ ชนั้ ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.1 1.อธิบายลักษณะของเสียงในภาษาไทย  เสียงในภาษาไทย  การสรา้ งคา 2.สร้างคาในภาษาไทย - คาประสม คาซ้า คาซอ้ น - คาพ้อง 3.วเิ คราะห์ชนิดและหน้าทีข่ องคาใน  ชนิดและหน้าทีข่ องคา ประโยค 4.วิเคราะห์ของภาษาพดู และภาษาเขียน  ภาษาพดู  ภาษาเขียน 5.แตง่ บทรอ้ ยกรอง  กาพยย์ านี 11 6.จาแนกและใชส้ านวนทีเ่ ป็นคาพงั เพย  สานวนทเ่ี ป็นคาพงั เพย และสภุ าษิต

6 สาระที่ 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณคา่ และนามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ชัน้ ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.1 1.สรปุ เน้อื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรม  วรรณคดีและวรรณกรรมเก่ยี วกบั ทอี่ า่ น - ศาสนา - ประเพณี - พิธีกรรม - สภุ าษิตคาสอน - เหตกุ ารณป์ ระวัตศิ าสตร์ - บนั เทงิ คดี - บันทึกการเดินทาง - วรรณกรรมท้องถ่ิน 2.วเิ คราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมท่ี  การวิเคราะห์คณุ ค่าและข้อคิดจาก อ่านพร้อมยกเหตผุ ลประกอบ วรรณคดีและวรรณกรรม 3.อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดีและ วรรณกรรมท่ีอ่าน 4.สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากการอ่านเพ่ือ ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ 5.ทอ่ งจาบทอาขยานตามทีก่ าหนดและ  บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองท่มี ี บทร้อยกรองท่ีมีคุณคา่ ตามความสนใจ คณุ ค่า - บทอาขยานตามท่ีกาหนด - บทร้อยกรองตามความสนใจ

7 กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย คาอธบิ ายรายวิชา ภาคเรยี นที่ 1 รหสั วชิ า ท 21101 เวลา 60 ชว่ั โมง/ปี รายวิชา ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ฝึกทักษะการอ่าน การเขียน การฟัง การดู และการพูด การวิเคราะห์และประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรม โดย ศึ ก ษ า เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร อ่ า น อ อ ก เ สี ย ง ก า ร อ่ า น จั บ ใ จ ค ว า ม ก า ร อ่ า น แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม เ อ ก ส า ร คู่ มื อ การอ่านหนังสือตามความสนใจ ฝึกทักษะการคัดลายมือ การเขียนส่ือสาร เขียนบรรยายประสบการณ์ เขียนเรียงความ เขียนย่อความ เขียนแสดงความคิดเห็น การเขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ การเขียนรายงาน การ พูดสรุปความ พูดแสดงความรู้ ความคิดอย่างสร้างสรรค์จากเรื่องที่ฟังและดู พูดประเมินความน่าเชื่อถือของสื่อที่มีเนื้อหาโน้ม น้าว พูดรายงานการศึกษาค้นคว้า และศึกษาลักษณะของเสียงในภาษาไทย การสร้างคาประสม คาซ้า คาซ้อน และคาพ้อง วเิ คราะหช์ นิดและหนา้ ท่ีของคา ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน การแตง่ บทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี 11 จาแนก และใช้สานวนที่เปน็ คาพงั เพยและสุภาษติ วิเคราะห์ ประเมินค่า และข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเร่ือง นิราศภูเขาทอง โคลงโลกนิติ สุภาษิต พระร่วง กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน และนิทาน พื้นบ้าน ท่องจาบท อาขยานตามทก่ี าหนด และบทร้อยกรองที่มคี ณุ คา่ ตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่านเพ่ือสร้างความรู้ความคิดนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิตกระบวนการเขียนเพ่ือ การสอื่ สารอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการฟัง การดู และการพูด สามารถเลอื กฟังและดู และพดู แสดงความรู้ความคิดอย่างมี วิจารณญาณและสร้างสรรค์ เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา พลังภาษา ภูมิปัญญา ทางภาษา วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมอย่างเห็นคุณค่านามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง รักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติ ของชาติ และมีนสิ ยั รกั การอ่าน การเขยี น มมี ารยาทในการอา่ น การเขียน การฟงั การดู และการพูด ตวั ชว้ี ัด ท 1.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ท 2.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ท 3.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ท 4.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ท 5.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 รวม 35 ตัวชีว้ ดั

8 โครงสร้างรายวชิ า วิชาภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.1 ลาดับ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ที่ เรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน 1 การอ่านออกเสียง ท 1.1 ม.1/1 การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและ 7 2 การอา่ น บทร้อยกรอง ต้องฝึกอา่ นออกเสยี ง ในชวี ติ ประจาวนั ให้ถูกต้องเหมาะสมกับเร่ืองที่อ่าน 3 การเขียนสอ่ื สาร ท 1.1 ม.1/2 การอา่ นเพ่ือนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิต- 10 ด้วยถ้อยคา ม.1/3 ประจาวนั ตอ้ งจบั ใจความสาคญั ของ ม.1/4 เรอื่ งที่อ่าน ระบเุ หตุและผล ข้อเทจ็ จริง 4 การเขียนเพ่อื การ ม.1/5 กบั ข้อคดิ เหน็ จากเรอื่ งทอ่ี ่าน ตีความ คา สอื่ สาร ม.1/6 ยาก ปฏิบัตติ ามคู่มือแนะนาวิธกี าร ใช้ ม.1/7 งานของเครื่องมือหรอื เครือ่ งใช้ วิเคราะห์ ม.1/8 คณุ ค่าทีไ่ ดร้ ับจากการอา่ น งานเขยี น ม.1/9 อย่างหลากหลาย และมี มารยาทในการ อา่ น ท 2.1 ม.1/1 การเขียนสอื่ สารดว้ ยการคัดลายมอื 3 ม.1/2 ตวั บรรจงครึ่งบรรทัดตามรูปแบบ ม.1/9 การเขียนตัวอักษรไทย จะตอ้ งเลอื ก ใชถ้ ้อยคาท่ถี ูกต้อง ชดั เจน เหมาะสม และมีความสละสลวย โดยคานึงถึง มารยาทในการเขียน ท 2.1 ม.1/3 การเขยี นบรรยายประสบการณ์ 14 ม.1/4 เรียงความ ยอ่ ความ จดหมาย ม.1/5 รายงานการศึกษาคน้ คว้า และโครงงาน ม.1/7 จะต้องมคี วามรู้เรื่อง ม.1/8 หลกั การเขียน และมมี ารยาท ม.1/9 ในการเขยี น

9 ลาดบั ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ที่ เรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน 5 การเขยี นแสดง ความคดิ เหน็ จากส่ือ ท 2.1 ม.1/6 การศกึ ษาส่ือประเภทต่างๆ ต้อง 12 เขียนแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ 6 การฟงั และการดสู ือ่ สาระจากสอ่ื ทไี่ ดร้ ับ 7 การฟงั การดู ท 3.1 ม.1/6 การฟัง การดู และการพูดทม่ี ี 4 และการพูด ประสิทธภิ าพนั้น ต้องฝกึ ฝนให้ ในชีวติ ประจาวัน เกิดทักษะ และคานึงถงึ มารยาท ในการฟัง การดู และการพดู 8 เสียงในภาษาไทย และการสรา้ งคา ท 3.1 ม.1/1 การพดู เกย่ี วกับสือ่ ท่ีฟังและดู จะต้อง 9 ม.1/2 พูดสรปุ ใจความสาคญั เลา่ เร่ืองย่อ พดู 9 ชนิดและหนา้ ทข่ี องคา ม.1/3 แสดงความคดิ เหน็ พดู รายงาน เรอื่ ง ในประโยค ม.1/4 หรอื ประเดน็ ที่ศึกษาค้นคว้า ม.1/5 และมมี ารยาทในการพดู 10 ความแตกต่างของ ม.1/6 ภาษา ท 4.1 ม.1/1 การศกึ ษาหลกั ภาษาไทย จะต้องเขา้ ใจ 4 ม.1/2 ลักษณะของเสยี งในภาษาไทย และ หลักการสรา้ งคาในภาษาไทย ท 4.1 ม.1/3 การศึกษาเรื่องประโยคในภาษาไทย 3 ต้องวเิ คราะหช์ นิดและหนา้ ท่ีของคา ใน ประโยคได้ ท 4.1 ม.1/4 การวิเคราะห์ความแตกตา่ งระหว่าง 4 ภาษาพูดและภาษาเขียน จะช่วยให้ สามารถใช้ภาษาในการสอื่ สารไดอ้ ย่าง ถูกต้องและมีประสิทธภิ าพ

10 ลาดบั ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั ที่ เรียนรู้/ตัวชี้วัด (ช่วั โมง) คะแนน 11 สานวน คาพังเพย และสภุ าษติ ท 4.1 ม.1/6 การศกึ ษาสานวนทเี่ ปน็ คาพงั เพย 2 และสภุ าษิต จะต้องสามารถจาแนก 12 การแตง่ บทรอ้ ยกรอง ความแตกต่างและบอกหลักการใช้ 3 ได้ถูกต้องและเหมาะสม ท 4.1 ม.1/5 การแตง่ บทร้อยกรองประเภท กาพยย์ านี 11 ต้องมีความรู้เร่ือง ฉันทลักษณ์ และร้จู ักเลอื กสรรคา มาใชใ้ ห้เหมาะสม

โครงสร้างแผนฯ วิชาภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.1 11 หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั วธิ สี อน/กระบวนการจัดการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 1. การอ่านออกเสียง - วิธสี อนแบบสบื เสาะหา 1. ทักษะการตั้งเกณฑ์ 1 การอ่านออกเสียง บทรอ้ ยแกว้ แบบ ความรู้ 2. ทกั ษะการประเมนิ (Inquiry Method : 5E) 1 บรรยาย 2 2. การอา่ นออกเสียง - วิธีสอนโดยเนน้ 1. ทักษะการต้ังเกณฑ์ บทร้อยแกว้ แบบ กระบวนการ : 2. ทกั ษะการประเมนิ 1 พรรณนา กระบวนการปฏิบตั ิ 1 3. หลักการอ่าน - วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา 1. ทักษะการต้ังเกณฑ์ ออกเสยี งบท ความรู้ 2. ทกั ษะการประเมิน 1 รอ้ ยกรอง (Inquiry Method : 5E) 4. การอ่านออกเสียง - วธิ ีสอนโดยเน้น 1. ทกั ษะการต้ังเกณฑ์ บทรอ้ ยกรอง : กระบวนการ : 2. ทักษะการประเมนิ กลอน กระบวนการปฏบิ ตั ิ 5. การอ่านออกเสยี ง - วธิ ีสอนโดยเนน้ 1. ทกั ษะการตั้งเกณฑ์ บทรอ้ ยกรอง : กระบวนการ : 2. ทกั ษะการประเมนิ กาพย์ยานี 11 กระบวนการปฏิบตั ิ 6. การอา่ นออกเสียง - วิธสี อนโดยเน้น 1. ทักษะการต้ังเกณฑ์ บทร้อยกรอง : กระบวนการ : 2. ทักษะการประเมิน โคลง กระบวนการปฏบิ ัติ

12 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การอ่านออกเสยี ง (7 ชัว่ โมง) 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั ท 1.1 ม.1/1 อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกบั เรื่องท่ีอา่ น 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง ต้องฝึกอ่านออกเสยี งให้ถูกต้องเหมาะสมกับเรอ่ื งที่อา่ น 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง  การอา่ นออกเสยี ง ประกอบด้วย - บทร้อยแกว้ ท่เี ป็นบทบรรยาย - บทร้อยกรอง เช่น กลอนสภุ าพ กลอนสักวา กาพย์ยานี 11 กาพยฉ์ บงั 16 กาพย์สรุ างคนางค์ 28 และโคลงส่ี สุภาพ 3.2 สาระการเรียนร้ทู อ้ งถน่ิ  การอา่ นออกเสยี ง ประกอบด้วย - บทร้อยกรอง เชน่ กลอนหก โคลงกระทู้ 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการตั้งเกณฑ์ 2) ทกั ษะการประเมิน 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน 6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) การนาเสนอบทอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง 7. การวัดและการประเมนิ ผล 7.1 การประเมินกอ่ นเรยี น - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เร่อื ง การอ่านออกเสยี ง 7.2 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ตรวจแบบบนั ทึกการอา่ น 2) ประเมินการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ 3) ประเมินการอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง 4) ประเมินการนาเสนอผลงาน 5) สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 6) สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 7) สงั เกตคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

13 7.3 การประเมินหลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การอา่ นออกเสยี ง 7.4 การประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - สงั เกตการนาเสนอบทอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรอง 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

14 เรอ่ื งท่ี 1 การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว แบบบรรยาย (1 ช่ัวโมง) วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage 1. นกั เรียนชมวดี ทิ ัศน์ แล้วครูสนทนากับนกั เรียนเก่ยี วกับการใชภ้ าษาในการดาเนินรายการของพิธกี รรายการ 2. นกั เรียนยกตัวอย่างพธิ กี รรายการท่ีสามารถเป็นแบบอย่างการอ่านทด่ี ีและบอกเหตุผล ขน้ั ท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore) 1. นักเรียนศึกษาความรเู้ ร่ือง การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว : วิธีการอา่ นแบบบรรยาย จากหนงั สือเรยี น และแหลง่ ข้อมูล สารสนเทศ 2. นกั เรียนอา่ นบทบรรยายตานานดอกกหุ ลาบ และทาเครื่องหมายแบ่งวรรคตอนในการอา่ น จากน้ันฝกึ อ่าน บทบรรยายที่ ทาเครอื่ งหมายไว้ โดยใหจ้ บั คู่กบั เพ่ือนเพ่ือฝกึ อา่ นตามหลกั เกณฑ์ 3. ครูสงั เกตการอา่ นออกเสียงของนักเรยี น แล้วเสนอแนะในสว่ นที่บกพร่องเพ่ือให้นักเรียนนาไปปรับปรงุ แก้ไขการอา่ นให้ ถูกต้อง ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับวธิ กี ารอา่ นแบบบรรยายไม่เน้นการแสดงอารมณ์ และวิธีการอ่านแบบบรรยายเน้นการ แสดงอารมณ์ และสรปุ วธิ กี ารอ่านทีถ่ ูกต้อง 2. ครอู า่ นเปน็ ตัวอย่างใหน้ ักเรยี นเห็นความแตกต่างของวธิ ีการอ่านทั้ง 2 แบบ ตามตวั อยา่ งจากหนังสือเรียน ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. นักเรยี นจับคู่กบั เพ่ือนคนเดิมเพอ่ื ฝึกอา่ นตามตัวอย่าง จากหนงั สือเรยี น 2. ครูส่มุ เรยี กนักเรยี น 3 คน ออกมาอา่ นออกเสยี งหน้าช้นั เรยี น แล้วครูเสนอแนะในสว่ นที่ควรปรับปรงุ เพื่อเปน็ ประโยชน์ใน การนาไปปรับแก้ไข ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) นักเรยี นเลือกขอ้ ความที่เปน็ บทร้อยแก้วแบบบรรยายตามท่ีนักเรยี นสนใจ คนละ 1 ตอน มาทดสอบการอา่ นกบั ครู นอก เวลาเรียน

15 เรอื่ งที่ 2 การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว แบบพรรณนา ( 1 ชวั่ โมง ) วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบตั ิ ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต รับรู้ 1. ครอู า่ นออกเสียงตัวอย่างข้อความจากเรอ่ื ง เรียวรุ้งเหนือทุ่งกวา้ ง ใหน้ กั เรยี นฟงั 1 ยอ่ หน้า จากนั้นใหน้ ักเรยี นบอกเลา่ ถึงภาพ ต่างๆ ทน่ี กั เรยี นเกิดจนิ ตภาพเมื่อได้ยนิ เรือ่ งราวท่ีครูอา่ นให้ฟงั 2. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า การอา่ นแบบพรรณนามีความแตกต่างจากการอา่ นแบบบรรยายอย่างไร จากนั้นครู อธบิ ายให้นกั เรียนเขา้ ใจความแตกต่างของการอา่ นแบบบรรยายและแบบพรรณนา ขัน้ ที่ 2 ทาตามแบบ 1. ครูอา่ นออกเสยี งตวั อยา่ งข้อความจากเรือ่ ง เรยี วรุ้งเหนือทุง่ กวา้ ง ให้นกั เรยี นฟงั 1 ยอ่ หน้าอกี ครั้ง เพื่อให้นกั เรียนสังเกตการ แบ่งวรรคตอนในการอา่ น การเว้นจงั หวะในการอ่านทเ่ี หมาะสม 2. นกั เรียนจับคู่เดิมเพ่ือรว่ มกันฝึกอ่านออกเสยี งตัวอย่างข้อความจากเร่ือง เรยี วร้งุ เหนือทุ่งกวา้ ง 1 ยอ่ หนา้ ตามแบบทีค่ รู อ่าน 3. ครูสังเกตการอา่ นออกเสียงของนักเรียน แลว้ เสนอแนะในส่วนทบ่ี กพร่องเพ่ือให้นักเรยี นนาไปปรบั ปรุงแก้ไขการอา่ นให้ ถกู ต้อง ขั้นท่ี 3 ทาเองโดยไม่มแี บบ นักเรยี นแต่ละค่รู ว่ มกนั ฝึกอ่านออกเสยี งตัวอย่างข้อความจากเรอื่ ง เรยี วรงุ้ เหนือทงุ่ กวา้ ง ตอ่ เนอื่ งไปจนจบ ข้นั ที่ 4 ฝึกทาใหช้ านาญ ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคูเ่ ลือกข้อความทีเ่ ป็นบทร้อยแกว้ ตามท่ีนกั เรยี นสนใจ 1 หนา้ มาอา่ นเพอื่ ทดสอบ การอ่านแบบพรรณนา นอกเวลาเรียน

16 เรื่องท่ี 3 หลกั การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง (2 ชว่ั โมง) วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ข้นั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) นกั เรียนฟงั เสยี งการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรองประเภทตา่ งๆ จากซีดที ่ีครูเปิด แลว้ ร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับลักษณะ ของการอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองแต่ละประเภท ขน้ั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 1. ครแู บง่ นกั เรยี นเป็นกลุม่ กลุ่มละ 6 คน คละกนั ตามความสามารถ โดยใหส้ มาชิกแต่ละคนเลือกหมายเลข ประจาตวั ต้ังแต่ หมายเลข 1-6 เรียกว่า กลุ่มบ้าน 2. นักเรยี นท่มี หี มายเลขเดยี วกนั มารวมกนั เปน็ กลุ่มใหม่ เรยี กวา่ กลุม่ ผู้เช่ยี วชาญ ครใู หส้ มาชกิ ในกลุม่ ผูเ้ ช่ยี วชาญร่วมกนั ศึกษาความรูเ้ รอ่ื ง การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง จากหนังสอื เรียน ตามประเด็นความรู้ท่กี าหนด ดงั น้ี - กลุ่มผูเ้ ชี่ยวชาญหมายเลข 1-2 ศึกษาความรเู้ รื่อง วิธกี ารอ่านกลอนสุภาพ - กลมุ่ ผ้เู ชย่ี วชาญหมายเลข 3-4 ศึกษาความรเู้ รื่อง วธิ กี ารอา่ นกาพย์ยานี 11 - กลมุ่ ผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 5-6 ศกึ ษาความรู้เร่ือง วิธีการอ่านโคลงสส่ี ภุ าพ 3. นักเรยี นกลมุ่ ผู้เชยี่ วชาญศกึ ษาความรู้ในประเด็นท่ีตนรับผดิ ชอบ จากหนงั สอื เรยี น และฝึกอา่ นออกเสียง บทร้อย กรอง จากซีดีท่ีครูแจก ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. สมาชิกในกลุ่มผเู้ ช่ียวชาญร่วมกนั อภปิ รายและฝกึ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรองจนทุกคนมีความเขา้ ใจ กระจา่ งชดั ในประเด็น ที่ศกึ ษาและอา่ นได้อย่างถูกต้อง 2. สมาชกิ กลุม่ ผูเ้ ชี่ยวชาญกลับไปยังกลุม่ เดิมของตนทเี่ รียกวา่ กลมุ่ บา้ น แล้วให้สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มบ้าน ผลดั กันอธิบาย เพ่ือถ่ายทอดความรู้ทตี่ นไดไ้ ปศึกษามา ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. นักเรียนรว่ มกันทบทวนวธิ ีการอ่านออกเสยี งบทร้อยกรองแต่ละประเภท 2. สมาชกิ แต่ละกลุม่ ฝกึ อ่านออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทตา่ งๆ ตามคาแนะนาของผเู้ ชย่ี วชาญในแต่ละเร่ืองจนสามารถอ่าน ได้ถูกตอ้ ง ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทตา่ งๆ

17 เรอ่ื งที่ 4 การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง : กลอน (1 ชัว่ โมง) วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ ขั้นที่ 1 สงั เกต รับรู้ 1. ครเู ปดิ ซดี ีการอา่ นบทรอ้ ยกรองประเภทกลอน ใหน้ ักเรยี นฟัง จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นวา่ การอ่าน กลอนสุภาพ กลอนสักวา และกลอนหก มีการแบ่งวรรคตอนในการอ่านแตกต่างกันอยา่ งไร 2. ครูอธบิ ายเกีย่ วกับหลักการแบง่ วรรคตอนในการอ่านของกลอนสภุ าพ กลอนสักวา และกลอนหก ขน้ั ที่ 2 ทาตามแบบ 1. ครเู ปิดซดี ีการอา่ นบทร้อยกรองประเภทกลอน ให้นักเรียนฟังอีกครัง้ เพื่อใหน้ กั เรยี นสงั เกตการแบ่ง วรรคตอน การเวน้ จงั หวะในการอา่ น 2. นกั เรียนรวมกลุ่มเดิมเพ่ือรว่ มกันฝึกอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ กลอนสกั วา และกลอนหก ตามแบบ จากซดี ี โดยครูแจกแบบฝึกอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทกลอน เพ่ืออ่านประกอบซีดี 3. ครสู ังเกตการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองเป็นรายกลุม่ แล้วเสนอแนะในส่วนท่บี กพร่องเพื่อให้นกั เรยี นนาไปปรบั ปรงุ แก้ไข การอ่านให้ถกู ต้อง ขั้นท่ี 3 ทาเองโดยไม่มีแบบ นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันฝึกอ่านออกเสียง จากแบบฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกลอนสภุ าพ กลอนสักวา และกลอน หก โดยไมเ่ ปิดซดี ี พร้อมนาข้อเสนอแนะจากครมู าปรบั ปรุงแกไ้ ขการอ่านให้ถูกต้อง ข้นั ที่ 4 ฝึกทาให้ชานาญ ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ เลือกบทร้อยกรองประเภทกลอนท่ีกลุม่ สนใจ ความยาว 2-3 บท มาอา่ นเพ่ือทดสอบการอ่านบทร้อย กรองประเภทกลอน นอกเวลาเรียน

18 เรอื่ งที่ 5 การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง : กาพย์ยานี 11 (1 ชัว่ โมง) วธิ ีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ ขั้นท่ี 1 สงั เกต รับรู้ ครูเปดิ ซดี กี ารอา่ นบทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ยานี 11 ให้นกั เรียนฟงั จากน้นั ให้นักเรยี นร่วมกันบอกหลกั การแบง่ วรรคตอนใน การอา่ นที่ถกู ตอ้ ง ขัน้ ที่ 2 ทาตามแบบ 1. ครเู ปิดซดี กี ารอา่ นบทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ยานี 11 ให้นกั เรยี นฟังอกี คร้งั เพื่อใหน้ ักเรียนสงั เกตการแบง่ วรรคตอนในการ อา่ น การเวน้ จังหวะ การใชเ้ สียงต่าและเสียงสงู ในการอา่ น 2. นกั เรยี นรวมกล่มุ เดิมเพ่ือรว่ มกนั ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี 11 ตามแบบจากซีดี โดยครูแจกแบบ ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี 11 เพ่อื อ่านประกอบซดี ี 3. ครสู ังเกตการอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองเป็นรายกลมุ่ แล้วเสนอแนะในส่วนทีบ่ กพรอ่ งเพื่อให้นักเรียนนาไปปรบั ปรงุ แก้ไข การอ่านให้ถกู ต้อง ขน้ั ที่ 3 ทาเองโดยไม่มีแบบ 1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ฝึกอ่านออกเสียง จากแบบฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกาพยย์ านี 11 โดยไม่เปิด ซดี ี 2. สมาชิกในแต่ละกลุม่ สงั เกตและตรวจสอบการแบ่งวรรคตอนในการอ่าน การเว้นจังหวะ การใชเ้ สยี งต่า และเสยี งสงู ใน การอา่ น พรอ้ มนาข้อเสนอแนะจากครูมาปรับปรงุ แก้ไขการอา่ นให้ถูกต้อง ขน้ั ที่ 4 ฝกึ ทาให้ชานาญ นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมารบั แบบทดสอบการอ่านออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทกาพยย์ านี 11 เพือ่ มาทดสอบการอา่ นกับครเู ปน็ รายกล่มุ นอกเวลาเรยี น

19 เร่ืองท่ี 6 การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง : โคลง (1 ชวั่ โมง) วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏบิ ตั ิ ข้นั ที่ 1 สงั เกต รับรู้ 1. ครเู ปดิ ซีดีการอ่านบทรอ้ ยกรองประเภทโคลง ให้นกั เรียนฟัง จากน้ันรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นวา่ การอา่ นโคลงสีส่ ภุ าพกับ โคลงกระทู้ มีการแบ่งวรรคตอนในการอา่ นแตกตา่ งกนั อย่างไร 2. ครูอธิบายเก่ยี วกับหลกั การแบ่งวรรคตอนในการอ่านโคลงสีส่ ุภาพและโคลงกระทู้ ขัน้ ที่ 2 ทาตามแบบ 1. ครเู ปิดซีดกี ารอ่านบทรอ้ ยกรองประเภทโคลง ใหน้ ักเรียนฟังอีกครงั้ เพ่ือให้นักเรียนสงั เกตการแบ่งวรรคตอน การเว้น จงั หวะในการอ่าน 2. นกั เรียนรวมกล่มุ เดิมเพื่อร่วมกันฝึกอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรองประเภทโคลง ตามแบบจากซีดี โดยครูแจกแบบฝกึ อ่านออก เสยี งบทร้อยกรองประเภทโคลง เพ่อื อา่ นประกอบซดี ี 3. สมาชิกในแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันตรวจสอบความบกพรอ่ งในการอา่ นของสมาชิกกลมุ่ แลว้ เสนอแนวทางในการแก้ไข และฝึก อ่านตามแบบอีกครั้ง โดยนาข้อบกพร่องของกล่มุ มาแก้ไข 4. ครูสงั เกตการอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองเปน็ รายกลุ่ม แลว้ เสนอแนะในส่วนทบ่ี กพร่องเพื่อใหน้ ักเรียน นาไปปรบั ปรุงแกไ้ ข ขั้นท่ี 3 ทาเองโดยไม่มแี บบ นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั ฝึกอ่านออกเสียง จากแบบฝึกอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองประเภทโคลง โดยไม่เปดิ ซดี ี พร้อมนา ขอ้ เสนอแนะจากครูมาปรบั ปรุงแกไ้ ขการอา่ นให้ถกู ต้องและมคี วามไพเราะ ขัน้ ท่ี 4 ฝกึ ทาใหช้ านาญ นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมารบั แบบทดสอบการอ่านออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทโคลงสสี่ ภุ าพ และโคลงกระทู้ เพอื่ มาทดสอบการอา่ นออกเสียงกบั ครูเป็นรายกลมุ่ นอกเวลาเรียน  ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนจัดทาบทอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองเพือ่ นาเสนอการอ่านกบั ครู โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ตามทก่ี าหนด นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 9. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2) วดี ทิ ศั น์งานพระราชพิธีต่างๆ 3) ซดี กี ารอ่านบทร้อยกรองประเภทตา่ งๆ 4) บทบรรยายตานานดอกกุหลาบ 5) ตัวอยา่ งข้อความจากเร่ือง เรียวรุ้งเหนือท่งุ กว้าง 6) แบบฝึกอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทตา่ งๆ 7) แบบทดสอบการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรองประเภทตา่ งๆ

20 9.2 แหลง่ การเรียนรู้  แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ - Hhttp://werapon222.tripod.com/thai1.htm - Hhttp://www.kr.ac.th/wai/show.php?id=127 - Hhttp://school.obec.go.th/niboog/thai33101_1.html

21 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการนาเสนอบทอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง รายการประเมนิ คาอธิบายระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) 1. ความถูกตอ้ งตาม ออกเสียงได้ถกู ต้อง ออกเสียงได้ถูกต้อง ออกเสียงได้ถกู ต้อง ออกเสียงได้ถูกต้อง อกั ขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวิธี แตม่ ี ตามอักขรวธิ ี แตม่ ี ตามอักขรวธิ ี แตม่ ี ไมม่ ีจดุ ผิดพลาด จดุ ผิดพลาด 1-2 จดุ จุดผิดพลาด 3-4 จุด จุดผิดพลาด 5 จุด ขึน้ ไป 2. ความถูกตอ้ งตาม แบ่งวรรคตอนการ แบง่ วรรคตอนการ แบ่งวรรคตอนการอ่าน แบ่งวรรคตอนการอ่าน หลักการอา่ น อ่านได้ถูกต้อง ใช้ อา่ นผิด 1 จุด แตใ่ ช้ ผดิ 2 จดุ แต่ใช้ ผิดมากกว่า 3 จดุ แต่ นา้ เสียงสอดคล้องและ น้าเสยี งสอดคล้องและ นา้ เสียงสอดคล้องและ ใชน้ า้ เสยี งสอดคล้อง เหมาะสมกับเร่ืองท่ี เหมาะสมกับเร่อื งที่ เหมาะสมกับเร่ืองที่ และเหมาะสมกบั เรอื่ ง อ่าน อ่าน อ่าน ท่อี า่ น เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางสว่ น 3. ความไพเราะ มีความไพเราะ มคี วามไพเราะ มคี วามไพเราะ มคี วามไพเราะ ในการอา่ น บทรอ้ ยกรอง เหมาะสมกับลักษณะ เหมาะสมกับลักษณะ เหมาะสมกบั ลักษณะ เพียงเลก็ น้อย คาประพนั ธ์ คาประพันธเ์ ปน็ คาประพนั ธ์เป็น แตไ่ ม่คอ่ ยเหมาะสม ส่วนใหญ่ บางสว่ น กับลกั ษณะคา ประพันธ์ 4. ความไพเราะ มคี วามไพเราะ มีความไพเราะ มคี วามไพเราะ มคี วามไพเราะ ในการอ่าน เหมาะสมกบั เนือ้ เหมาะสมกับเนอื้ เหมาะสมกับเน้อื เพยี งเล็กน้อย บทรอ้ ยแก้ว เรอื่ ง เรอ่ื ง เรอ่ื ง แต่ไม่ค่อยเหมาะสม ทีอ่ ่าน ท่อี ่านเป็นส่วนใหญ่ ทอ่ี ่านเป็นบางส่วน กบั เนอ้ื เร่ืองท่ีอา่ น เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ 14 - 16 11 - 13 8 - 10 ต่ากวา่ 8 ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

22 แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การใช้เสียงในการอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ ขอ้ ใด 6. การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองมจี ดุ มุ่งหมายในการอา่ น ไมถ่ ูกต้อง อย่างไร ก. ออกเสียงดงั เพ่ือเรียกร้องความสนใจ ก. มุ่งใหเ้ กิดจนิ ตภาพ ข. ออกเสียงให้เปน็ เสียงพดู อยา่ งเป็นธรรมชาติ ข. มงุ่ ใหเ้ กิดอรรถรสในการอ่าน ค. เน้นเสียงตามน้าหนกั ความสาคญั ของใจความ ค. มุ่งให้เกิดความงามทางภาษา ง. ออกเสยี งใหเ้ หมาะสมกับประเภทของเรือ่ งท่ีอ่าน ง. มงุ่ ให้เกิดความซาบซ้งึ ในรสของบทประพันธ์ 2. การอา่ นท่ตี อ้ งการเน้นหรือเพิม่ นา้ หนักของเสยี งควรใช้ 7. การอ่านบทรอ้ ยกรองประเภทใดทมี่ ีการแบง่ วรรคตอน เคร่อื งหมายใดกากับ แตกตา่ งจากขอ้ อนื่ ก. เครื่องหมาย / ข. เครื่องหมาย // ก. กลอนหก ข. กลอนสกั วา ค. เคร่อื งหมาย _ ง. เครื่องหมาย /_ ค. โคลงกระทู้ ง. กลอนสุภาพ 3. ข้อใดเปน็ ลักษณะเดน่ ของการอา่ นแบบบรรยาย 8. การอ่านด้วยน้าเสยี งหนักแนน่ สนั้ กระชับ เหมาะกับ ก. การอา่ นท่ีเน้นน้าหนักของเสียง การอ่านเนอื้ ความในลกั ษณะใด ข. การอ่านทล่ี ากเสียงช้าๆ และไว้หางเสยี ง ก. เนอื้ ความประเภทสง่ั สอน ค. การอ่านทที่ าให้ผฟู้ งั เกิดอารมณ์คลอ้ ยตาม ข. เน้อื ความประเภทตดั พอ้ ต่อว่า ง. การอ่านท่ที าให้เกดิ เสยี งโศกเศร้า แลว้ กลับเป็น ค. เน้ือความประเภทแสดงอารมณก์ ลัว เสยี งปกติ ง. เนอื้ ความประเภทแสดงอารมณโ์ กรธ 4. การอ่านให้เกิดจนิ ตภาพควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร 9. การอ่านคาประพันธป์ ระเภทใด ฝกึ อ่านไดง้ ่ายท่สี ดุ ก. อ่านให้ถกู ต้องตามอักขรวธิ ีในภาษาไทย ก. อา่ นบทเจรจา ข. อ่านบทร้อยแก้ว ข. อ่านจากพจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน ค. อ่านบทกลอนสวด ง. อ่านแบบทานองเสนาะ ค. อา่ นออกเสยี งใหด้ ังกงั วานจนผ้ฟู ังเกิดจนิ ตภาพ 10. การอ่านโคลงกระทูม้ ีหลักในการอา่ นอยา่ งไร ง. อา่ นเน้นคาสาคญั และคาทีต่ อ้ งการให้เกดิ จนิ ตภาพ ก. อา่ นเหมือนโคลงสี่สภุ าพ คือ อา่ นตามแนวนอน 5. การอ่านคาให้เอื้อสมั ผสั ในเพ่ือเพิม่ ความไพเราะ เป็นการอ่าน ข. ไม่มกี ฎเกณฑ์ตายตัว แล้วแตผ่ ูอ้ ่านจะพิจารณา ในขอ้ ใด ค. อา่ นตามแนวนอนก่อนแล้วย้อนไปอา่ นกระทเู้ รียง ก. ไม่มีกษัตรยิ ์ครองปฐพี อ่านว่า ปะ-ถะ-พี ตามแนวต้ัง ข. ข้าอตุ ส่าห์มาเคารพอภวิ นั ท์ อ่านว่า อะ-พิ-วัน ง. อา่ นกระท้เู รยี งตามแนวต้งั ก่อน แลว้ ย้อนไปอา่ น ค. บุญบันดาลดลจติ พระธดิ า อา่ นวา่ พระ-ท-ิ ดา ตามแนวนอน ง. คิดถึงบาทบพิตรอดศิ ร อา่ นวา่ อะ-ดดิ -สอน

23 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 การอา่ นออกเสียง 1 ชวั่ โมง บทร้อยแกว้ แบบบรรยาย 1 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วท่เี ป็นบทบรรยาย ตอ้ งฝกึ อา่ นให้ถูกต้องเหมาะสม 2 ตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ชวี้ ดั ท 1.1 ม.1/1 อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกต้องเหมาะสมกับเรอ่ื งที่อ่าน 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ แบบบรรยายไดถ้ กู ต้องเหมาะสมกบั เรอ่ื งที่อ่าน 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง  การอา่ นออกเสยี ง ประกอบด้วย - บทร้อยแกว้ ท่เี ป็นบทบรรยาย 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 2) ทกั ษะการประเมิน 5 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 6 กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ สี อนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1

ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ 24 สอื่ การเรียนรู้ : วีดทิ ัศน์ คาถามกระตนุ้ ความคดิ 1. พธิ กี รทด่ี าเนนิ รายการนมี้ จี ดุ เดน่ อยา่ งไร และใชภ้ าษา 1. นักเรียนชมวีดิทศั น์งานพระราชพธิ ีตา่ งๆ แล้วครสู นทนากบั ถกู ตอ้ งหรอื ไม่ นกั เรยี นเก่ยี วกับการใชภ้ าษาในการดาเนนิ รายการของพิธีกรรายการ (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ น ดุลย 2. นักเรยี นยกตวั อย่างพธิ กี รบรรยายรายการต่างๆ ท่สี ามารถ พนิ จิ ของครูผู้สอน) เป็นแบบอย่างการอา่ นท่ีดีและบอกเหตุผล 2. นกั เรยี นคดิ วา่ พธิ กี รรายการโทรทศั นท์ ด่ี าเนนิ รายการได้ ดที สี่ ดุ คอื ใคร เพราะเหตใุ ด 3. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1-2 (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ใน ดุลย พินิจของครูผูส้ อน) ข้นั ท่ี 2 สารวจคน้ หา คาถามกระตนุ้ ความคดิ สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ :  การทาเครอื่ งหมายแบง่ วรรคตอนชว่ ยในการอา่ นของ นกั เรยี นไดอ้ ยา่ งไร 1. หนังสือเรยี น หลักภาษาฯ ม.1 2. บทบรรยายตานานดอกกุหลาบ (ชว่ ยใหอ้ ่านไดง้ ่ายขน้ึ และอ่านไดถ้ กู ต้อง) 3. แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ 1. นกั เรียนศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ : วธิ กี ารอา่ นแบบบรรยาย จากหนงั สือเรียน และแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ แลว้ บนั ทึกความรูท้ ไี่ ด้จากการศกึ ษาลงในแบบบนั ทกึ การอา่ น 2. นกั เรียนอา่ นบทบรรยายตานานดอกกุหลาบ และทาเครอ่ื งหมาย แบง่ วรรคตอนในการอา่ น เพ่ือใหฝ้ ึกอ่านไดถ้ กู ตอ้ ง 3. นกั เรยี นฝกึ อา่ นบทบรรยายท่ที าเครอ่ื งหมายไว้ โดยใหจ้ บั คู่กบั เพื่อนเพ่ือฝึกอ่านตามหลักเกณฑ์ 4. ครูสังเกตการอ่านออกเสียงของนกั เรียน แล้วเสนอแนะในส่วนท่ี บกพร่องเพื่อให้นกั เรียนนาไปปรับปรุงแกไ้ ขการอ่านให้ถูกต้อง 5. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุน้ ความคดิ ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ สื่อการเรียนรู้ : หนังสอื เรียน หลกั ภาษาฯ ม.1 1. นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกบั วิธีการอา่ นแบบบรรยาย ไม่ เนน้ การแสดงอารมณ์ และวิธีการอา่ นแบบบรรยายเนน้ การแสดงอารมณ์ 2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกบั วิธกี ารอ่านแบบบรรยายไม่ เน้นการแสดงอารมณ์ และวธิ กี ารอ่านแบบบรรยายเน้นการแสดงอารมณ์ 3. ครอู า่ นเป็นตวั อย่างใหน้ ักเรยี นเหน็ ความแตกต่างของวธิ ีการอา่ น ทงั้ 2 แบบ ตามตวั อย่างจากหนงั สอื เรียน

ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 25 สอ่ื การเรยี นรู้ : หนงั สอื เรียน หลักภาษาฯ ม.1 คาถามกระตนุ้ ความคดิ  ผอู้ า่ นควรทาความเขา้ ใจในเรอ่ื งใดกอ่ น การอา่ น 1. นักเรียนจับคู่กับเพอื่ นคนเดมิ เพอื่ ฝึกอ่านตามตวั อยา่ ง แบบฝกึ การอา่ นทงั้ สองแบบ จากหนงั สือเรียน ดังนี้ (ทาความเข้าใจในเน้ือหาและเจตนาของผูส้ ่งสาร) 1) การฝกึ อ่านออกเสยี งแบบบรรยายไมเ่ น้นการแสดงอารมณ์ 2) การฝกึ อา่ นออกเสยี งแบบบรรยายเน้นการแสดงอารมณ์ โดยใหเ้ พ่อื นประเมินการอา่ นออกเสยี งของคู่ตนเอง 2. ครสู มุ่ เรยี กนักเรยี น 3 คน ออกมาอา่ นออกเสยี งหนา้ ชน้ั เรียน แล้วครูเสนอแนะในสว่ นที่ควรปรับปรงุ เพื่อเปน็ ประโยชน์ ในการ นาไปปรับแก้ไข 3. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล คาถามกระตนุ้ ความคดิ ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ : –  เพราะเหตใุ ด นกั เรยี นจงึ เลอื กขอ้ ความตอนนน้ั มาอา่ น (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ น ดุลย 1. นักเรยี นเลือกข้อความทีเ่ ปน็ บทร้อยแกว้ แบบบรรยายตาม ที่ นักเรยี นสนใจ คนละ 1 ตอน มาทดสอบการอ่านกับครู นอกเวลาเรียน พินจิ ของครูผู้สอน) 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด 7 การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน แบบบันทกึ การอ่าน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว แบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และม่งุ มั่นในการทางาน 8 สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2) วีดทิ ัศน์งานพระราชพิธีต่างๆ 3) บทบรรยายตานานดอกกหุ ลาบ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้  แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ - http://werapon222.tripod.com/thai1.htm - http://www.kr.ac.th/wai/show.php?id=127

26 เอกสารประกอบการสอน บทบรรยายตานานดอกกหุ ลาบ เคยไดย้ นิ คาเปรยี บเปรยไหมทีว่ า่ ผหู้ ญิงสวยแตเ่ ต็มไปด้วยเลห่ ์เหล่ยี มกเ็ ปรยี บไดด้ ัง “ดอกกุหลาบ” เพราะดอกกหุ ลาบนัน้ แม้จะมี รูปรา่ งภายนอกทสี่ วยงามรวมถงึ กลน่ิ ที่หอมชวนดม แตม่ ันก็มหี นามแหลม หากไมร่ ะวงั อาจโดนบาด ได้งา่ ยๆ กหุ ลาบน้นั มชี อ่ื สามญั ว่า “Rose” ชอ่ื ทางพฤกษาศาสตรว์ ่า “Rosa hybrids” และมชี อ่ื วงศว์ ่า “Rosaceae” ขยายพันธ์ุโดยการตอน กิง่ ลกั ษณะของกุหลาบนัน้ มีทง้ั ไมพ้ มุ่ และไมเ้ ล้อื ย ลาตน้ และก่ิงจะมีหนาม ส่วนดอกของกหุ ลาบ จะมที ัง้ ดอกเด่ยี วและเป็นช่อ กลีบดอก มลี กั ษณะใหญ่ มไี มต่ ่ากว่า 5 กลีบ กุหลาบนนั้ มีกล่นิ หอมชวนดม และมหี ลายสี เชน่ แดง ขาว เหลือง ชมพู ฯลฯ อกี ท้งั ยงั มหี ลายชนดิ ดว้ ย ซึ่งคาวา่ กุหลาบนน้ั มาจากคาว่า “คลุ ” ท่ใี นภาษาเปอรเ์ ซยี แปลวา่ “สแี ดง ดอกไม้ หรอื ดอกกหุ ลาบ” โดยในภาษาฮนิ ดกี ม็ คี า ว่า “คลุ ” แปลว่า “ดอกไม้” และคาว่า “คุลาพ” ก็หมายถึงกหุ ลาบอย่างท่ีไทยเราเรียกกนั แตอ่ อกเสียงเป็น “กุหลาบ” สว่ นคา ว่า “Rose” ในภาษาองั กฤษน้นั มาจากคาวา่ “Rhodon” ที่แปลวา่ กุหลาบในภาษากรกี กุหลาบเป็นดอกไมท้ น่ี ยิ มปลกู มาแตโ่ บราณว่ากันว่ากหุ ลาบเกดิ ขึน้ เมือ่ 70 ล้านปมี าแล้ว และเคยมีการค้นพบ ฟอสซิลของกุหลาบท่ี ประเทศสหรฐั อเมรกิ า โดยแตก่ อ่ นกุหลาบนัน้ เป็นกุหลาบป่าและมีรปู ร่างไม่เหมอื นในทุกวนั นี้ แตเ่ นอื่ งจากมนษุ ยไ์ ดน้ าเอากหุ ลาบป่ามา ปลูกและผสมพันธจ์ุ นขยายเปน็ พนั ธุ์ตา่ งๆ มากมาย ตามประวัตศิ าสตรเ์ ลา่ ว่ากหุ ลาบป่าถกู นามาปลกู ไว้ในพระราชวงั ของจกั รพรรดใิ นสมยั ราชวงศฮ์ นั่ ราว 5,000 ปมี าแลว้ ขณะที่ อียิปตเ์ องก็ปลูกกหุ ลาบเปน็ ไมด้ อกส่งไปขายใหแ้ กช่ าวโรมนั เพราะชาวโรมนั เป็นชาตทิ ่รี กั ดอกกหุ ลาบมาก แม้วา่ จะสัง่ ซ้ือจากประเทศ อียปิ ต์แลว้ กต็ าม แตก่ ย็ ังลงทุนสรา้ งสถานทีข่ นาดใหญ่สาหรบั ปลกู ดอกกหุ ลาบอีกดว้ ย เพราะสาหรบั ชาวโรมันแล้วดอกกหุ ลาบนนั้ มี ความสาคญั ตอ่ ชวี ิตประจาวนั อกี ทั้งชาวโรมนั ถอื ว่าดอกกหุ ลาบเป็นสญั ลกั ษณข์ องความรกั เปน็ ท้ังของขวญั และเปน็ ดอกไมส้ าหรบั ทา มาลยั ตอ้ นรบั แขก รวมถงึ เปน็ ดอกไมส้ าหรับงานฉลองตา่ งๆ แถมยงั เปน็ สว่ นประกอบสาหรับทาขนม ทาไวน์ และยาไดอ้ ีกด้วย เมือ่ เอย่ ถึงดอกกหุ ลาบแลว้ หลายๆ คนก็คงจะนกึ ถงึ เรือ่ งความรกั เพราะกหุ ลาบถือเป็นสญั ลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมบี างตานานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเคร่ืองหมายแทนการกาเนดิ ของ เทพธิดาวนี สั ซ่งึ เป็นเทพแห่งความงามและความรัก วนี ัสเป็นท่ีรจู้ ักกันในชือ่ อโฟรไดท์ ในตานานเทพของกรีกไดก้ ล่าวไวว้ า่ น้าตาของเธอหยดลงปะปนกบั เลอื ดของ อคอนสิ คนรักของเธอ ทถ่ี ูกหมปู า่ ฆ่า เลอื ดและน้าตาหยดลงสู่พ้นื แล้วกลายเป็นดอกไมส้ ีแดงเข้มหรอื ดอกกหุ ลาบนนั่ เอง แตบ่ างตานานกเ็ ล่าวา่ ดอกกุหลาบ เกดิ จากเลอื ดของอโฟรไดท์เองท่หี ยดลงสูพ่ นื้ เมื่อเธอแทงตัวเองดว้ ยหนามแหลม แมจ้ ะไมม่ ีการบนั ทกึ อย่างชดั เจนว่าดอกกหุ ลาบนน้ั เขา้ มาเกย่ี วขอ้ งกบั บ้านเราตอนไหน แต่จากบนั ทกึ ของ ลา ลแู บร์ ราชทูต ฝร่ังเศสในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ได้บนั ทึกไว้ว่าเหน็ กุหลาบทีก่ รงุ ศรอี ยุธยา และในกาพยห์ อ่ โคลงนิราศธารโศกสมยั กรุงศรี อยุธยา ซ่ึงเปน็ พระราชนพิ นธข์ องเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ก็ได้มีการกล่าวถงึ กุหลาบเอาไว้ และยงั มตี านานดอกกุหลาบของไทยท่ีเปน็ บท ละครพระราชนพิ นธข์ องรัชกาลท่ี 6 เรอ่ื ง มัทนะพาธา ในเร่ืองเลา่ ถึงเทพธิดาองคห์ นง่ึ ชอื่ “มทั นา” ซ่ึงไดม้ ีเทพบตุ รองคห์ นึง่ ช่อื “สุ เทษณะ” ซ่ึงพระองค์ทรงหลงรกั เทพธิดา “มัทนา” มาก แต่นางไม่มใี จรั ตอบ จึงถกู สาปให้ไปเกดิ เป็นดอกกหุ ลาบ จึงกลายเปน็ ตานานดอกกหุ ลาบแตน่ น้ั มา ทม่ี า http://hilight.kapook.com/view/17583

27 ชอื่ หนงั สือ ราคา ช่ือผแู้ ตง่ แบบบนั ทกึ การอา่ น สานกั พิมพ์ สถานทพ่ี ิมพ์ จานวนหน้า บาท อา่ นวนั ท่ี เดือน นามปากกา ปีท่ีพิมพ์ พ.ศ. เวลา 1. สาระสาคัญของเรอ่ื ง 2. วิเคราะหข์ ้อคดิ /ประโยชนท์ ี่ได้จากเร่ืองทอี่ ่าน 3. สิง่ ทีส่ ามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน 4. ขอ้ เสนอแนะของครู ลงชื่อ นักเรียน ลงช่ือ ผู้ปกครอง ( )( ) ลงชือ่ ครูผูส้ อน () เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ผลงานมขี อ้ บกพรอ่ งเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานมคี วามสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานมขี อ้ บกพรอ่ งเพยี งเลก็ นอ้ ย ให้ 3 คะแนน ผลงานมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน

28 แบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมการอ่านของนกั เรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ชอื่ -สกลุ ถกู ตอ้ งตาม การแบง่ วรรค ออกเสยี ง การใชน้ า้ เสยี ง รวม ท่ี ของผรู้ บั การ อกั ขรวธิ ี ตอน ชดั เจน 4321 16 คะแนน ประเมนิ 4321 4321 432 1 ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตไิ ดถ้ กู ตอ้ ง ปฏิบัตมิ ขี อ้ บกพรอ่ งเลก็ นอ้ ย ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัตมิ ขี อ้ บกพรอ่ งปานกลาง ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั มิ ขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 2 คะแนน 14 - 16 ดีมาก ให้ 1 คะแนน 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

29 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่อง ทีต่ รงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ชอ่ื -สกลุ ความมวี นิ ยั ความมนี ้าใจ การรบั ฟงั ความ การแสดงความ การตรงตอ่ รวม ที่ ของผูร้ บั การ 4321 เออ้ื เฟอ้ื 20 เสยี สละ คดิ เหน็ คดิ เห็น เวลา คะแนน ประเมนิ 4321 432 14321 4321 ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดีมาก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

30 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่ คาชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ ง ทตี่ รงกับ ระดบั คะแนน ลาดั ชอื่ -สกลุ ความรว่ มมอื การแสดงความ การรบั ฟงั การตง้ั ใจ การแกไ้ ข รวม บ ท่ี ของผรู้ บั การ กันทากจิ กรรม คิดเหน็ ความคดิ เหน็ ทางาน ปญั หา/หรอื 20 ปรบั ปรงุ คะแนน ประเมนิ 4321 4321 4321 4321 ผลงานกลมุ่ 4321 ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดีมาก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กว่า 10 ปรับปรุง

31 แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอก เวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมื่อไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธิบายความหมายของ เพลงชาติ กษตั รยิ ์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามสิทธิและหนา้ ท่ขี องนกั เรยี น 1.3 ใหค้ วามรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทางานกบั สมาชิกในชั้นเรยี น 2. ซอื่ สตั ย์ สจุ ริต 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อ โรงเรยี นและชมุ ชน 3. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลักของศาสนา 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 1.6 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่ีเกยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ต์ ามทโ่ี รงเรยี น 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง และชมุ ชนจดั ขึน้ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทีถ่ กู ต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ัตใิ นสงิ่ ที่ถกู ต้อง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทาความผิด ทาตาม สัญญาทีต่ นให้ไว้กับเพอ่ื น พ่อแม่หรือผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏิบตั ิตอ่ ผ้อู ื่นด้วยความซอื่ ตรง 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว และโรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรยี นรูต้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความรู้อย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความร้ไู ดอ้ ย่างมีเหตุผล 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ ของตนเอง เชน่ ส่ิงของ เคร่ืองใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คุม้ ค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั ค้มุ ค่า และเก็บรกั ษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบตั ิตนและตัดสินใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตุผล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผูอ้ นื่ และไมท่ าใหผ้ ูอ้ ่นื เดอื ดร้อน พร้อมใหอ้ ภัยเมือ่ ผอู้ ่ืน กระทาผิดพลาด

32 คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321 5.5 วางแผนการเรียน การทางานและการใชช้ ีวติ ประจาวนั บนพ้นื ฐานของ 6. มงุ่ มน่ั ในการ ความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร ทางาน 5.6 รู้เทา่ ทนั การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรับและ ปรับตัว อย่รู ว่ มกบั ผอู้ นื่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทางานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 8. มจี ติ สาธารณะ 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพื่อใหง้ านสาเร็จ 7.1 มจี ติ สานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏิบตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน 8.2 อาสาทางาน ชว่ ยคิด ชว่ ยทา และแบ่งปันสิ่งของใหผ้ ู้อื่น 8.3 รูจ้ กั ดแู ล รักษาทรพั ย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน 191 - 108 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ากวา่ 54 ปรบั ปรุง

33 แบบบนั ทกึ หลงั แผนการสอน  ดา้ นความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤติกรรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื ) ( ตาแหนง่

34 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 การอา่ นออกเสียง 1 ชว่ั โมง บทร้อยแกว้ แบบพรรณนา 1 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วที่เปน็ บทพรรณนาให้เหน็ ภาพ จะตอ้ งฝกึ อ่านให้ถกู ต้องเหมาะสม เพือ่ ใหผ้ ู้ฟังเกิด ความคล้อยตามและเห็นภาพ 2 ตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ชว้ี ดั ท 1.1 ม.1/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้องเหมาะสมกับเรือ่ งท่อี ่าน 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ แบบพรรณนาใหเ้ หน็ ภาพได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับเรื่องท่ีอ่าน 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง  การอา่ นออกเสียง ประกอบดว้ ย - บทร้อยแก้วทีเ่ ป็นบทบรรยาย 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ (พิจารณาตามหลักสตู รสถานศึกษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการต้งั เกณฑ์ 2) ทกั ษะการประเมิน 5 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน 6 กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏบิ ตั ิ

ข้ันท่ี 1 สงั เกต รบั รู้ 35 สอ่ื การเรยี นรู้ : ตวั อย่างขอ้ ความจากเรื่อง เรียวรุ้งเหนือทงุ่ กวา้ ง คาถามกระตนุ้ ความคดิ  การอา่ นออกเสยี งประเภทใดทที่ าใหผ้ อู้ า่ นเกดิ อารมณ์ 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ คลอ้ ยตาม และเกดิ จนิ ตภาพตาม 2. ครอู า่ นออกเสยี งตวั อยา่ งขอ้ ความจากเรอ่ื ง เรยี วรงุ้ เหนอื ทงุ่ กวา้ ง ใหน้ กั เรียนฟงั 1 ยอ่ หน้า จากนน้ั ให้นกั เรียนบอกเลา่ ถึงภาพตา่ งๆ ท่ี เรอื่ งราวทอี่ า่ นไดด้ ี นกั เรียนเกิดจนิ ตภาพเมอื่ ได้ยินเร่อื งราวท่ี ครูอา่ นใหฟ้ ัง (การอ่านออกเสยี งเรอ่ื งราวตา่ งๆ ทเ่ี ขียนแบบพรรณนา) 3. นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นวา่ การอ่านแบบพรรณนามี ความแตกต่างจากการอา่ นแบบบรรยายอยา่ งไร 4. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจวา่ วธิ ีการอ่านแบบบรรยายและแบบ พรรณนามีวิธกี ารอา่ นทแี่ ตกต่างกัน โดยขน้ึ อย่กู บั จดุ มงุ่ หมายของผ้อู า่ น และการถา่ ยทอดอารมณใ์ นการอา่ น ขั้นที่ 2 ทาตามแบบ สอ่ื การเรียนรู้ : ตัวอยา่ งขอ้ ความจากเรื่อง เรียวรงุ้ เหนอื ทงุ่ กว้าง 1. ครอู า่ นออกเสยี งตวั อย่างขอ้ ความจากเร่อื ง เรียวรงุ้ เหนอื ทงุ่ กวา้ ง ให้นักเรยี นฟงั 1 ย่อหนา้ อีกครงั้ เพื่อใหน้ ักเรียนสังเกตการแบ่งวรรคตอน ในการอ่าน การเว้นจงั หวะในการอา่ นท่เี หมาะสม 2. นักเรียนจับคู่เดิม (จากแผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1) เพอื่ รว่ มกนั ฝกึ อา่ นออกเสยี งตวั อย่างข้อความจากเรอ่ื ง เรียวรุ้งเหนอื ทงุ่ กวา้ ง 1 ยอ่ หน้า ตามแบบท่ีครอู า่ น 3. ครูสงั เกตการอา่ นออกเสยี งของนักเรยี น แลว้ เสนอแนะ ในสว่ นทีบ่ กพรอ่ งเพ่ือให้นักเรยี นนาไปปรบั ปรุงแกไ้ ขการอา่ นใหถ้ กู ต้อง ขนั้ ท่ี 3 ทาเองโดยไมม่ แี บบ คาถามกระตนุ้ ความคดิ สือ่ การเรยี นรู้ : ตวั อย่างขอ้ ความจากเร่ือง เรยี วรงุ้ เหนอื ทุ่งกว้าง  การอา่ นบรรยายแบบเนน้ การแสดงอารมณแ์ ตกตา่ งจาก การอา่ นแบบพรรณนาใหเ้ หน็ ภาพอยา่ งไร 1. นักเรยี นแตล่ ะคูร่ ว่ มกันฝกึ อ่านออกเสียงตวั อย่างขอ้ ความจาก เรอื่ ง เรียวร้งุ เหนือทงุ่ กวา้ ง ตอ่ เนอื่ งไปจนจบ (การอา่ นบรรยายเนน้ การแสดงอารมณ์ จะให้ความร้สู ึก เกี่ยวกบั เร่ืองราวมากกว่า ส่วนการอา่ นแบบพรรณนาเนน้ ให้ 2. นักเรียนตอบคาถามกระต้นุ ความคดิ เหน็ ภาพและเกดิ จินตนาการ) ขน้ั ที่ 4 ฝกึ ทาใหช้ านาญ ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ : – ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะค่เู ลือกขอ้ ความทีเ่ ป็นบทร้อยแกว้ ตามทน่ี ักเรยี น สนใจ 1 หนา้ มาอา่ นเพือ่ ทดสอบการอ่านแบบพรรณนา นอกเวลาเรยี น

36 7 การวดั และประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบประเมินการอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และม่งุ มน่ั ในการทางาน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8 สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ - ตัวอยา่ งขอ้ ความจากเร่ือง เรยี วรุ้งเหนือทงุ่ กว้าง 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ —

37 เอกสารประกอบการสอน ตวั อยา่ งขอ้ ความจากเรอ่ื ง เรยี วรงุ้ เหนอื ทงุ่ กวา้ ง ฉนั เปน็ สายน้าท่ไี หลเออื่ ยๆ อยใู่ นลาคลอง ฉนั ไหลผ่านบ้านเรือน ชุมชนต่างๆ บางคร้งั มผี ูค้ นท้งิ ขยะลงมาใส่ ฉัน ทาให้ตัวฉันมกี ล่นิ เหมน็ เป็นท่ีรงั เกียจของคนทว่ั ไป แมแ้ ตส่ ตั ว์น้าทีอ่ าศัยอยู่ร่วมกบั ฉนั อย่างมคี วามสุขกพ็ ลอยได้รับความ เดอื ดรอ้ นไปด้วย บางตวั กป็ ว่ ยไข้หายใจพะงาบๆ เขาพยายามพดู กบั ฉันวา่ “โอย! นา้ จา๋ ชว่ ยไหลแรงๆ พาพวกฉนั ใหพ้ น้ ไปจากบริเวณน้ีทเี ถอะ พวกฉนั อยากไปอยใู่ นที่ทม่ี นี า้ สะอาด กว่าน”้ี “เอาเถอะ ฉันจะพยายามพาพวกเธอไปอาศยั อยทู่ ี่ทะเลอนั กว้างใหญ่ พวกเธอจะไดม้ นี า้ สะอาดๆ อยู่ อดทน หนอ่ ยนะ ฉันเองก็ไมอ่ ยากอาศยั อยทู่ นี่ ่ีเหมอื นกนั ” วา่ แลว้ ฉนั กไ็ หลลงไปสู่ทะเลอันกวา้ งใหญ่ โดยมฝี ูงปลาประคองตัวลอยตามไป กอ่ นจากกันปลาตวั หนง่ึ หนั มาพูดกบั ฉนั วา่ “ขอบคณุ มากสายนา้ ผอู้ ารี พวกฉนั จะไม่ลมื พระคุณของท่านเลย” “ไม่เป็นไรหรอก เราต้องพง่ึ พาอาศยั กนั อยู่แล้ว” ฉนั ตอบ แล้วฝงู ปลากว็ ่ายนา้ จากไป (เรยี วรุง้ เหนอื ทงุ่ กวา้ ง : ปัฐพร ตุกชแู สง)

38 แบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมการอ่านของนกั เรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ชอื่ -สกลุ ถกู ตอ้ งตาม การแบง่ วรรค ออกเสยี ง การใชน้ า้ เสยี ง รวม ท่ี ของผรู้ บั การ อกั ขรวธิ ี ตอน ชดั เจน 4321 16 คะแนน ประเมนิ 4321 4321 432 1 ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตไิ ดถ้ กู ตอ้ ง ปฏิบัตมิ ขี อ้ บกพรอ่ งเลก็ นอ้ ย ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัตมิ ขี อ้ บกพรอ่ งปานกลาง ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั มิ ขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 2 คะแนน 14 - 16 ดีมาก ให้ 1 คะแนน 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

39 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่อง ทีต่ รงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ชอ่ื -สกลุ ความมีวนิ ยั ความมนี ้าใจ การรบั ฟงั ความ การแสดงความ การตรงตอ่ รวม ที่ ของผู้รบั การ 4321 เออ้ื เฟอ้ื 20 เสยี สละ คดิ เหน็ คดิ เห็น เวลา คะแนน ประเมนิ 4321 432 14321 4321 ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

40 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่ คาชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ ง ทตี่ รงกับ ระดบั คะแนน ลาดั ชอื่ -สกลุ ความรว่ มมอื การแสดงความ การรบั ฟงั การตง้ั ใจ การแกไ้ ข รวม บ ท่ี ของผรู้ บั การ กันทากจิ กรรม คิดเหน็ ความคดิ เหน็ ทางาน ปญั หา/หรอื 20 ปรบั ปรงุ คะแนน ประเมนิ 4321 4321 4321 4321 ผลงานกลมุ่ 4321 ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดีมาก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กว่า 10 ปรับปรุง

41 แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอก เวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมื่อไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติ กษตั รยิ ์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามสิทธิและหนา้ ท่ขี องนกั เรยี น 1.3 ใหค้ วามรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชั้นเรยี น 2. ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมท่ีสรา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อ โรงเรยี นและชมุ ชน 3. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏิบตั ติ นตามหลักของศาสนา 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 1.6 เขา้ ร่วมกจิ กรรมที่เกยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามทโ่ี รงเรยี น 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง และชมุ ชนจดั ขนึ้ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทีถ่ กู ต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งที่ถกู ต้อง ละอาย และเกรงกลวั ท่จี ะทาความผิด ทาตาม สัญญาที่ตนให้ไว้กบั เพ่อื น พ่อแม่หรือผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏิบตั ิตอ่ ผ้อู ื่นด้วยความซอื่ ตรง 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว และโรงเรียน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ การเรยี นรูต้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความรู้อย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความร้ไู ดอ้ ย่างมีเหตุผล 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ ของตนเอง เชน่ ส่ิงของ เคร่ืองใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คุม้ ค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอย่างประหยัด ค้มุ ค่า และเก็บรกั ษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบตั ิตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผูอ้ น่ื และไมท่ าใหผ้ ูอ้ ่นื เดอื ดร้อน พร้อมใหอ้ ภัยเมือ่ ผอู้ ่ืน กระทาผิดพลาด

42 คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321 5.5 วางแผนการเรียน การทางานและการใชช้ ีวิตประจาวันบนพน้ื ฐานของ 6. มงุ่ มน่ั ในการ ความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร ทางาน 5.6 รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และ ปรับตัว อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.1 มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ด้รับมอบหมาย 8. มจี ติ สาธารณะ 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพอื่ ให้งานสาเรจ็ 7.1 มจี ติ สานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ช่วยคิด ชว่ ยทา และแบง่ ปันสิง่ ของให้ผอู้ ื่น 8.3 รู้จักดแู ล รกั ษาทรพั ย์สมบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรียน โรงเรียน ชมุ ชน 8.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน 191 - 108 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ตา่ กวา่ 54 ปรบั ปรุง

43 แบบบนั ทกึ หลงั แผนการสอน  ดา้ นความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤติกรรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื ) ( ตาแหนง่

44 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 หลกั การอ่านออกเสียง 2 ชวั่ โมง บทร้อยกรอง 1 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรองแตล่ ะประเภท จะตอ้ งฝึกอ่านใหถ้ กู ต้องเหมาะสมกบั ประเภทของบทรอ้ ยกรองท่ีอา่ น 2 ตวั ชวี้ ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ชวี้ ดั ท 1.1 ม.1/1 อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกับเรอ่ื งทีอ่ า่ น 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - บอกหลักการอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองแตล่ ะประเภทได้ถกู ตอ้ ง 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง  การอ่านออกเสยี ง ประกอบดว้ ย - บทร้อยกรอง เชน่ กลอนสุภาพ กลอนสกั วา กาพย์ยานี 11 กาพยฉ์ บัง 16 กาพย์สุรางคนางค์ 28 และโคลงสส่ี ุภาพ 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ (พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการตงั้ เกณฑ์ 2) ทักษะการประเมิน 5 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทางาน

45 (ช่วั โมงที่ 1) 6 กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ สี อนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงท่ี 1 ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ คาถามกระตนุ้ ความคดิ สื่อการเรียนรู้ : ซีดีการอา่ นบทรอ้ ยกรอง 1. การอา่ นบทรอ้ ยกรองมปี ระโยชนต์ อ่ นกั เรยี นหรอื ไม่ อยา่ งไร 1. นกั เรียนฟงั เสียงการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรองประเภทต่างๆ จากซดี ที คี่ รูเปดิ แล้วรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั ลักษณะของการ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ น ดลุ ย อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง แต่ละประเภท พินิจของครูผสู้ อน) 2. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ ข้อ 1-2 2. นกั เรยี นจะนาความรเู้ รอ่ื ง การอา่ นออกเสยี ง บทรอ้ ยกรองไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไร (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ใน ดุลย พนิ จิ ของครผู สู้ อน) ขนั้ ท่ี 2 สารวจค้นหา คาถามกระตนุ้ ความคดิ สื่อการเรยี นรู้ : 1. การอา่ นบทรอ้ ยแกว้ แตกตา่ งจากการอา่ น บท รอ้ ยกรองอยา่ งไร 1. หนังสอื เรียน หลกั ภาษาฯ ม.1 2. ซีดกี ารอา่ นบทรอ้ ยกรอง (การอา่ นบทร้อยแก้วมุ่งให้เกดิ ความถูกต้องตาม อักขรวธิ ี ชัดถอ้ ยชดั คา ส่วนการอ่านบทรอ้ ยกรอง มุ่งให้เกิด 1. ครแู บ่งนกั เรียนเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 6 คน คละกันตามความ ความเพลดิ เพลิน) สามารถ คอื เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งอ่อน และ อ่อน โดยให้สมาชกิ แตล่ ะคนเลอื กหมายเลขประจาตวั ตามความสมคั รใจ 2. การอา่ นบทรอ้ ยกรองจะนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ใน ต้ังแตห่ มายเลข 1-6 เรยี กว่า กลมุ่ บ้าน การศกึ ษาเรอ่ื งใด 2. นักเรยี นท่มี หี มายเลขเดียวกันมารวมกันเป็นกลมุ่ ใหม่ เรยี กวา่ (วรรณคดแี ละวรรณกรรม) กลมุ่ ผู้เชีย่ วชาญ ครูให้สมาชกิ ในกลุม่ ผู้เชยี่ วชาญรว่ มกนั ศกึ ษาความรู้ เรอ่ื ง การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง จากหนงั สอื เรียน ตามประเด็น 3. ถา้ อา่ นบทรอ้ ยกรองไมไ่ ดจ้ ะเปน็ ผลเสยี ตอ่ นกั เรยี น ความรทู้ ีก่ าหนด ดังนี้ อยา่ งไร - กลุ่มผ้เู ชีย่ วชาญหมายเลข 1-2 ศึกษาความรู้เร่อื ง วธิ กี าร (ทาให้ขาดความซาบซง้ึ ในรสของภาษา) อา่ นกลอนสภุ าพ - กลมุ่ ผู้เช่ยี วชาญหมายเลข 3-4 ศกึ ษาความรู้เรือ่ ง วธิ กี าร อา่ นกาพย์ยานี 11

46 (ชว่ั โมงที่ 2) - กลมุ่ ผเู้ ชย่ี วชาญหมายเลข 5-6 ศึกษาความรเู้ ร่ือง วธิ ีการ อ่านโคลงสี่สุภาพ 3. นกั เรียนกลมุ่ ผู้เช่ยี วชาญศึกษาความรู้ในประเด็นที่ตนรบั ผดิ ชอบ จากหนงั สอื เรยี น และฝึกอ่านออกเสยี งบท รอ้ ยกรองจากซีดที ี่ครแู จก ให้ (หมายเลขเดยี วกันอาจมีซ้ากนั หลายกลุ่มกไ็ ด้ขน้ึ อยกู่ บั จานวน นักเรยี น) 4. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด ข้อ 1-3 ชว่ั โมงที่ 2 ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ : – 1. สมาชิกในกลมุ่ ผ้เู ชย่ี วชาญรว่ มกนั อภิปรายและฝึกอา่ น ออก เสียงบทรอ้ ยกรองจนทกุ คนมคี วามเข้าใจกระจา่ งชดั ในประเด็นที่ ศึกษาและอ่านไดอ้ ย่างถกู ต้อง 2. สมาชกิ กลมุ่ ผู้เชี่ยวชาญกลับไปยงั กลมุ่ เดมิ ของตนทเี่ รียกว่า กลุม่ บ้าน 3. สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มบ้านผลัดกนั อธบิ ายเพือ่ ถา่ ยทอดความรู้ ที่ตนไดไ้ ปศึกษามา โดยเริม่ จากหมายเลข 1-6 ตามลาดบั หรอื อาจ ถา่ ยทอดความรูต้ ามความสมัครใจ โดยไม่เรียงลาดบั กไ็ ด้แตท่ กุ คน ตอ้ งถา่ ยทอดความรจู้ นครบ ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ คาถามกระตนุ้ ความคดิ สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ : –  ถา้ นกั เรยี นรหู้ ลกั การอา่ นบทรอ้ ยกรองแลว้ แตย่ งั อา่ น ไมไ่ ด้ นกั เรยี นจะปรบั ปรงุ อยา่ งไร 1. นกั เรยี นร่วมกันทบทวนวธิ กี ารอา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง แตล่ ะ ประเภท (ฝึกอ่านอยู่เสมอและขอคาแนะนา ความชว่ ยเหลือจากผู้ ทม่ี คี วามรู้ความสามารถในด้านนี้) 2. สมาชกิ แต่ละกลุ่มฝกึ อา่ นออกเสียงบทร้อยกรองประเภทต่างๆ ตามคาแนะนาของผเู้ ชีย่ วชาญในแต่ละเรือ่ งจนสามารถอ่านได้ถกู ต้อง 3. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ

47 (ช่วั โมงที่ 2) ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ : – คาถามกระตนุ้ ความคดิ 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ หลักการอ่านออกเสยี ง บท  นกั เรยี นไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการฝกึ อา่ น บทรอ้ ยกรอง อยา่ งไร และแตกตา่ งจากทน่ี กั เรยี นเคยเรยี นมาในชนั้ ร้อยกรองประเภทต่างๆ ประถมศกึ ษาหรอื ไม่ จงอธบิ าย 2. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ใน ดุลย พนิ จิ ของครูผู้สอน) 7 การวดั และประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ สังเกตความมวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และมุ่งมั่นในการทางาน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8 สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2) ซดี กี ารอา่ นบทรอ้ ยกรอง 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ —


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook