Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยชั้นเรียนบิงโกอักษรนำ

วิจัยชั้นเรียนบิงโกอักษรนำ

Published by rapeepat hansopa, 2022-03-23 06:09:05

Description: วิจัยชั้นเรียนบิงโกอักษรนำ

Search

Read the Text Version

1 รายงานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น การจดั การเรียนรแู้ บบ Active Learning โดยใชเ้ กมบิงโกหรรษาพฒั นาทกั ษะการอา่ นและการเขยี นคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ นางวชั ราภรณ์ พานชิ ยก์ ฤษติ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพเิ ศษ โรงเรยี นบา้ นเทานาบอน สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1

1 ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา การอ่านเป็นทักษะทางภาษาท่ีสำคัญและจำเป็นมากในการดำเนินชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน รวมท้ัง ข้อมูลต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันจะต้องอาศัยการอ่านจึงจะสามารถเข้าใจและส่ือความหมายกันได้ถูกต้อง ฉะนั้น คนเราจำเป็นต้องมีทักษะในการอ่าน กล่าวคือ ต้องอ่านได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผู้มีประสิทธิภาพใน การอ่านสูงจึงได้รับท้ังความรู้ ประสบการณ์ และความบันเทิง เพ่ือนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิต การอ่าน เป็นทักษะที่ต้องเน้นและต้องฝึกฝนผู้เรียนเป็นอย่างมากนอกจากจะทำให้เกิดความรู้แล้วยงั ก่อให้เกิดความ สนุกสนานเพลิดเพลินและส่งเสริมให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์การอ่านจึงเป็นหัวใจของการศึกษาทุกระดับ และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ต่าง ๆ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) ส่วนการเขียนเป็นเครื่องมือ ถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ การเขียนเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ช่วยให้โลกเจริญก้าวหน้า นอกจากนี้ การเขยี นยังมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับทักษะการฟัง การพูดและการอ่านคนท่ีฟังมาก อ่านมาก และพูด ดีย่อมเขียนได้ดี จึงควรมีการส่งเสริมทักษะการเขียนเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาทักษะทางภาษาและเพื่อรักษา มรดกทางวัฒนธรรมสืบไป การเขียนซึ่งควบคู่กับการอ่านน้ันถือเป็นเครื่องมือแสดงออกซึ่งความรู้ ความคิด ความรสู้ ึกและจินตนาการของมนษุ ยท์ ง้ั เร่ืองในอดตี ปัจจุบันและอนาคต เป็นเคร่ืองมือสำคัญทางวัฒนธรรม ท่ีถ่ายทอดมรดกทางสติปัญญาของมนุษย์อันสะท้อนความเจริญหรืออารยธรรมของมนุษย์แต่ละยุคสมัยได้ ทางหนึ่ง เม่ืองานเขียนนั้นมีคุณค่าและสามารถส่ือได้อย่างกว้างขวางรวดเร็วก็จะช่วยสร้างความรู้ ความคิดหรือ ความเพลิดเพลินตามเจตนาของผู้เขียนให้แก่ผู้อ่านได้อย่างกว้างขวาง ผู้ท่ีมีความสามารถในการเขียนและ ผลงานเป็นที่ยอมรับในสังคมก็สามารถยึดงานเขียนเป็นอาชีพได้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน, 2550) ดังน้ัน การสอนอ่านและการสอนเขียนจึงมีความสำคัญมากในการจัดการเรียนการสอนวชิ าภาษาไทยใน ระดับประถมศึกษา ครูผู้สอนจะต้องจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านการเขียนอย่างหลากหลาย ความสำเร็จของการ สอนอ่านสอนเขียนมิใช่เพยี งทำใหน้ ักเรยี นสนใจการอ่านการเขยี นเพียงชั่วครชู่ ่ัวยามเทา่ นัน้ แตอ่ ยูท่ ่ีการช่วยทำ ให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนให้เกิดความคงทนในการเรียนรู้ซึ่งผู้เรียนจะต้องนำความรู้ เหล่าน้ไี ปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ตลอดชวี ติ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็นกระบวนการเรียนการสอนท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมในชั้นเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยมีครูเป็นผู้ อำนวยความสะดวก สรา้ งแรงบันดาลใจ ให้คำปรกึ ษา ดูแล แนะนำ จัดวิธีการเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้ท่ี หลากหลาย ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย สร้างองค์ความรู้ได้ มีความเข้าใจในตนเอง ใช้ สติปัญญา คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ผลงาน มีสมรรถนะสำคัญ มีทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต บรรลุ เปา้ หมายการเรยี นรตู้ ามระดับชว่ งวยั (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน. 2562)

2 ลกั ษณะของการจดั การเรียนรู้แบบ Active Learning มีดังน้ี 1. เป็นการพฒั นาศักยภาพการคิด การแก้ปญั หา และการนำความรไู้ ปประยุกต์ใช้ 2. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดระบบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้โดยมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันใน รปู แบบของความรว่ มมือ 3. เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนมสี ่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้สูงสุด 4. เป็นกจิ กรรมที่ให้ผเู้ รียนบูรณาการข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ สทู่ ักษะการคิดวิเคราะห์ 5. ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรคู้ วามมีวินัยในการทำงานรว่ มกับผู้อื่น 6. ความรู้เกดิ จากประสบการณ์ และการสรุปของผู้เรยี น 7. ผสู้ อนเปน็ ผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้ เพอื่ ให้ผู้เรยี นเปน็ ผู้ปฏบิ ัติด้วยตนเอง (สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน, 2562) เทคนิคการจดั การเรียนรแู้ บบ Active Learning การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ทั้งในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน รวมท้ังสามารถใช้ได้กับนักเรียนทุกระดับ ทั้งการเรียนรู้เป็นรายบุคคล การเรียนรู้แบบกลุ่มเล็ก และการเรียนรู้แบบกลุ่มใหญ่ ตัวอยา่ งรูปแบบหรือเทคนิค การจัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ีจะช่วยให้ผเู้ รียนเกิด การเรยี นรู้แบบ Active Learning ได้ดี (สถาพร พฤฑฒิกลุ , 2558) ไดแ้ ก่ 1. การเรียนรู้แบบแลกเปล่ียนความคิด (Think-Pair-Share) คือ การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ท่ีให้ผู้เรียนคดิ เกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดแต่ละคน ประมาณ 2-3 นาที (Think) จากน้ันให้แลกเปล่ียน ความคดิ กับเพ่ือนอกี คน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคดิ เหน็ ต่อผ้เู รียนทัง้ หมด (Share) 2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือ การจัดกิจกรรมการ เรยี นร้ทู ่ีใหผ้ ูเ้ รยี นได้ทำงานรว่ มกับผอู้ ่ืน โดยจัดเปน็ กลุ่มๆ ละ 3-6 คน 3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือ การจัด กิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติ กิจกรรมการเรียนรู้ โดยครจู ะคอยชว่ ยเหลอื กรณีทมี่ ีปญั หา 4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีผสู้ อนนำเกมเข้าบูรณา การในการเรียนการสอน ซ่ึงใช้ไดท้ ้งั ในข้นั การนำเข้าสบู่ ทเรียน การสอน การมอบหมายงาน และหรือข้นั การ ประเมินผล 5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือ การจัด กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิด เก่ยี วกบั สงิ่ ทไี่ ดด้ ู อาจโดยวธิ ีการพูดโตต้ อบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุม่ 6. การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ ผเู้ รยี นไดน้ ำเสนอขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพอ่ื ยืนยันแนวคดิ ของตนเองหรอื กลุม่

3 7. การเรียนรูแ้ บบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ใ่ี หผ้ ู้เรยี นสรา้ งแบบทดสอบจากสิ่งท่ีไดเ้ รียนรมู้ าแล้ว 8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือ การ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้ วางแผนการเรียน เรยี นรู้ตามแผน สรุปความรหู้ รือสร้างผลงาน และสะท้อนความคิดในสงิ่ ที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอน แบบโครงงาน (project-based learning) หรือการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem-based learning) 9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากน้ันให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรือ แนวทางแกป้ ญั หาภายในกลุม่ แลว้ นำเสนอความคดิ เห็นตอ่ ผเู้ รยี นทั้งหมด 10. การเรยี นรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือ การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ท่ีผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ท่ีได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอ ความคิดเพ่ิมเติมเก่ียวกับบนั ทกึ ท่ีเขยี น 11. การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทใ่ี ห้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อนั ประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดข้นึ แล้วแจกจ่ายไปยงั บุคคลอ่ืนๆ 12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพ่ือนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบ ความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเช่ือมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อ ผู้เรยี นอนื่ ๆ จากน้นั เปิดโอกาสให้ผเู้ รียนคนอน่ื ได้ซกั ถามและแสดงความคิดเห็นเพม่ิ เติม บทบาทของครูในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางของ Active Learning (ณัชนัน แก้วชัย เจรญิ กิจ, 2550) ดงั นี้ 1. จดั ใหผ้ ้เู รยี นเป็นศนู ย์กลางของการเรยี นการสอน นำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ จรงิ ของผู้เรยี น 2. สรา้ งบรรยากาศของการมสี ่วนรว่ ม และการเจรจาโต้ตอบทีส่ ่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ทดี่ ี กบั ผสู้ อนและเพ่ือนในช้นั เรียน 3. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม รวมท้ังกระตุ้นให้ ผู้เรยี นความสำเร็จในการเรยี นรู้ 4. จดั กิจกรรมการเรยี นการสอนแบบร่วมมือ ส่งเสริมใหเ้ กิดการร่วมมือในกลุ่มผเู้ รยี น 5. จดั กิจกรรมการเรียนการสอนใหท้ ้าทาย และให้โอกาสผเู้ รียนได้รบั วิธีการสอนทีห่ ลากหลาย 6. วางแผนเกี่ยวกับเวลาในการจัดการเรียนการสอนอย่างชัดเจน ทั้งในส่วนของเน้ือหาและ กจิ กรรม

4 7. ครผู สู้ อนต้องใจกวา้ ง ยอมรับความสามารถในการแสดงออก และความคดิ ของผเู้ รยี น เน่ืองจากการเรียนรู้หลักภาษาไทยในปัจจุบันมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเป็นพื้นฐาน ในการเรียนในระดับท่ีสูงต่อไปนักเรียนในระดับประถมศึกษาจะต้องมีพื้นฐานทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ท่ดี ี การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระภาษาไทย ในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ของโรงเรียนบ้าน เทานาบอนประสบกับปัญหานักเรียนอ่านและเขียนสะกดคำไม่ถูกต้อง และนักเรียนไม่มีความมั่นใจในการ อา่ นออกเสยี ง จากปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนได้ฝึกอ่านและ เขียนคำอักษรนำ โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษาประกอบการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ โดยมีแนวคิดว่าธรรมชาติของเด็ก ๆ ชอบเล่มเกม ชอบการเรียนรู้ท่ีสนุกสนาน เพลิดเพลิน ดังน้ันผู้วิจัยจึงได้มีความสนใจท่จี ะนำเอา “เกมบิงโกหรรษา” มาจัดกิจกรรมการเรียนรูใ้ นเรื่อง คำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนบ้านเทานา บอน เพ่ือให้นักเรียนมีความสนุกสนานเพลิดเพลินในการเรียน และมีพัฒนาการพ้ืนฐานทักษะการเรียนรู้ดี ข้ึนตอ่ ไป วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั เพ่ือศึกษาความสามารถในการอ่านและเขียนคำอักษรนำ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำ อกั ษรนำ ความสำคัญของการศกึ ษาคน้ คว้า ผลของการประเมินครั้งน้ี ทำให้ได้วิธีการสอนหลักภาษาไทย โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ อันจะเป็นแนวทาง สำหรับครผู ู้สอนนำไปใช้พฒั นากระบวนการเรียนการสอนหลกั ภาษาไทย ให้มีประสทิ ธภิ าพมากขน้ึ ขอบเขตของการวิจัย 1. ขอบเขตดา้ นประชากร ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาครั้งน้ี เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านเทานาบอน สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาหนองคาย เขต 1 จำนวน 34 คน กลุ่มตัวอย่างการวิจัยคร้ังน้ี เป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนบ้านเทานาบอนสำนักงาน เขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 จำนวน 18 คน

5 2. ขอบเขตด้านเนอ้ื หา เนื้อหาท่ีใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ ได้แก่ เนื้อหาวิชาภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2563 ตามหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนบ้านเทานาบอน พุทธศักราช 2560 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซึ่ง เป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐานพทุ ธศักราช 2551 สาระที่ 1 การอ่าน มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวติ และมนี ิสัยรักการอ่าน สาระท่ี 2 การเขยี น มาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนส่อื สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี น เรอื่ งราวใน รูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ โดยมีเนื้อหารายละเอียดเก่ียวกับ โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโก หรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรยี นบา้ นเทานาบอน ประกอบด้วยเกมบิง โก จำนวน 5 ชดุ ดงั ตอ่ ไปน้ี ชดุ ที่ 1 เกมบงิ โกคำอกั ษรนำ ( ห นำ ง ญ น) ชดุ ที่ 2 เกมบงิ โกคำอกั ษรนำ ( ห นำ ม ย) ชดุ ท่ี 3 เกมบงิ โกคำอกั ษรนำ ( ห นำ ร ล ว) ชดุ ท่ี 4 เกมบงิ โกคำอักษรนำ (อกั ษรสูงนำ) ชุดท่ี 5 เกมบิงโกคำอักษรนำ (อักษรกลางนำ) ระยะเวลาทใี่ ช้ในการศกึ ษาค้นควา้ ระยะเวลาที่ใช้ในการศกึ ษาค้นควา้ ดำเนินการทดลองใน ปกี ารศึกษา 2564 ตัวแปรทศ่ี กึ ษา ตัวแปรอิสระ ได้แก่ การจัดการเรียนการสอนหลักภาษาไทย โดยใช้ “เกมบิงโกหรรษา... พัฒนาการอา่ นและการเขียนคำอักษรนำ” ตัวแปรตาม ได้แก่ ความสามารถในการอ่านและเขียนคำอักษรนำของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปี ท่ี 3/1

6 กรอบแนวคดิ ของการศกึ ษา ผู้วิจัยได้วางกรอบแนวคิดในการเรียนการสอนหลักภาษาไทย โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ ประกอบการเรียนรู้ ดงั น้ี การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ความสามารถในการอ่านและ แบบ Active Learning การเขยี นคำอักษรนำ ดว้ ยเกมบิงโกหรรษา...พฒั นา การอา่ นและการเขียนคำอักษรนำ ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะไดร้ บั 1. ไดแ้ นวทางสำหรับครผู ูส้ อนภาษาไทยในการเลอื กกจิ กรรมการเรยี นการสอน 2. ได้แนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยใน ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 1. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning หมายถึง กระบวนการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในช้ันเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยมี ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก สร้างแรงบันดาลใจ ให้คำปรึกษา ดูแล แนะนำ จดั วธิ ีการเรยี นรู้และแหล่ง เรียนรู้ท่ีหลากหลาย ให้ผูเ้ รยี นไดเ้ รยี นรู้อย่างมีความหมาย สร้างองคค์ วามรู้ได้ มีความเข้าใจในตนเอง ใช้ สติปัญญา คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ผลงาน มีสมรรถนะสำคัญ มีทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต บรรลุ เป้าหมายการเรยี นร้ตู ามระดับชว่ งวยั 2. การสอนโดยใช้เกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ หมายถึงการนำ เกมบิงโกหรรษา มาใช้เป็นกิจกรรมประกอบการเรียนการสอนในเน้ือหาวิชาหลักภาษาไทย ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 3. ความสามารถในการอ่านและการเขียนคำศัพท์ หมายถึง ความรู้ ความสามารถของ นักเรียนที่จะแสดงพฤติกรรมตามผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังของหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 ภายหลังส้ินสุดจากการเรียนการสอนซ่ึงสามารถสังเกตและวัดได้จากคะแนนของนักเรียนในการ ทดสอบ ความสามารถในการอ่านและเขยี นคำศพั ท์ 4. แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เรื่อง การ อ่านและการเขียนคำอักษรนำ โดยใช้เกมบงิ โกหรรษา...พัฒนาทักษะพัฒนาการอา่ นและการเขยี นคำอักษรนำ

7 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ซึ่งประกอบไปด้วยจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ การวดั ผลประเมนิ ผล 5. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรู้ ความสามารถของนักเรียนท่ีแสดงพฤติกรรมตาม ตวั ชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560 หลังจากส้ินสุด การเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ซึ่งสามารถวัดได้จากคะแนนของนักเรียนในการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ตอนที่ 1 แบบทดสอบวัดทักษะการอ่าน จำนวน 15 คำ ตอนท่ี 2 แบบทดสอบวดั ทักษะการเขยี น จำนวน 15 คำ 6. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การอ่านและการเขียนคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ผู้ศึกษาสร้างข้ึน แบ่ง ออกเป็น 2 ตอน ตอนท่ี 1 แบบทดสอบวัดทักษะการอ่าน จำนวน 15 คำ ตอนที่ 2 แบบทดสอบวัดทักษะการเขียน จำนวน 15 คำ เพ่ือใช้ทดสอบนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านและการ เขยี นคำอักษรนำ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3 วธิ ีดำเนินการวจิ ยั 1. ประชากร ประชากรเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนบ้านเทานาบอน สังกัดสำนักงาน เขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน 2. เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย 2.1 แบบประเมินผลการอา่ นและการเขยี นกอ่ นเรียนและหลังเรียน 2.2 เกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอา่ นและการเขียนคำอกั ษรนำ 3. ขนั้ ตอนการสร้างเคร่ืองมือ 3.1 ศกึ ษาเอกสารหลกั สตู รสถานศกึ ษา แนวคดิ ทฤษฎีการเรียนการสอน 3.2 ศึกษาปญั หาของนกั เรยี น วเิ คราะห์ข้อมลู ที่พบในการจดั การเรียนการสอน 3.3 ศกึ ษาเทคนิควธิ กี ารจดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning 3.3 ศกึ ษาเทคนคิ การจัดทำเกม เพื่อใหเ้ หมาะสมกบั เนอื้ หาและผู้เรยี น 3.4 สรา้ งแบบประเมนิ ผลการอา่ นและการเขยี นกอ่ นเรียน - หลังเรียน 3.5 ประเมินผลการอ่านและเขียนก่อนใช้เกม 3.6 ดำเนินการจัดกจิ กรรมตามแผนการจัดการเรยี นรู้ 3.5 ประเมนิ ผลการอา่ นและเขียนหลงั ใช้ เกมหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขยี นคำอักษรนำ

8 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานการณ์จริงในช้ันเรียน โดยใช้แบบประเมินผลการอ่าน และการเขียน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา... พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ และสังเกตพฤติกรรมของผู้เรยี นระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนการ สอน การวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน นำมาวิเคราะห์หาค่าเฉล่ีย (  ) และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) แลว้ เปรยี บเทียบคะแนนความกา้ วหนา้ ของนักเรียนแต่ละคน ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มท่ีศึกษา คือ เป็นนักเรียนกลุ่มตัวอย่างการวิจัย ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ทั้งหมดรวม 18 คน มีการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน แล้วจึงดำเนินการสอนตามแผนการจัดการ เรียนรู้โดยใช้ส่ือการเรียนการสอนเกมชุด บิงโกหรรษา หลังจากน้ันจึงทำการทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิหลัง เรียน แล้วจึงนำผลมาเก็บรวบรวม ข้อมูลก่อนเรียนและหลังเรียนที่รวบรวมได้จากเคร่ืองมือท่ีผู้วิจัยสร้าง ขน้ึ มาจำแนกผลการเรยี นรู้ ดงั น้ี ตาราง 1 แสดงคา่ เฉลีย่ และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน ค่าสถิตทิ ดสอบที และระดับนยั สำคญั ทางสถติ ิของ การทดสอบเปรยี บเทยี บคะแนนก่อนและหลงั เรียนของนักเรยี นในการใช้เกมบิงโกหรรษา ประกอบการ เรยี นรู้เร่ือง คำอักษรนำ (n=18) การทดสอบ S.D. D S..D.D t Sig.(1-tailed) กอ่ นเรยี น 12.11 2.30 13.83 2.36 24.89 * 0.0000 หลังเรยี น 25.94 1.51 จากตารางที่ 1 สรุปได้ว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา ...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรูภาษาไทย ก่อนเรียนและหลังเรียนของ นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 มีคะแนนเฉลี่ย เทา่ กับ 12.11 คะแนน และ 25.94 คะแนน ตามลำดับ และ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียน สูงกว่าก่อน เรยี นอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิตทิ ่รี ะดบั .05 (รายละเอียดคะแนนอยูใ่ นภาคผนวก)

9 สรปุ ผลการวจิ ัย การวิจัยครัง้ นีม้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศกึ ษาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น โดยการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ เพ่ือแก้ปัญหาการอ่าน และการเขยี นคำอักษรนำ สำหรับนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรยี นบ้านเทานาบอน พบว่า นักเรียนมี ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เร่ืองคำอกั ษรนำ ดีขนึ้ อภปิ รายผล ผลการศึกษาค้นคว้าในคร้ังน้ีปรากฏว่า ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของนักเรียนหลังการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ มีคุณภาพ และประสทิ ธิภาพอย่างดียงิ่ ด้วยเหตผุ ลดังต่อไปนี้ 1. เกมบงิ โกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ เป็นบทเกมท่มี คี ุณภาพ และประสทิ ธิภาพตามผลของการวิเคราะห์ข้อมลู ดังกล่าว 1. เกมบิงโกหรรษา...พฒั นาการอา่ นและการเขียนคำอักษรนำ ชุดนสี้ ร้างข้ึนอย่างถกู วธิ ี ได้ผา่ น ข้ันตอนการสร้างและพัฒนาอย่างเป็นระบบ เริ่มต้ังแต่เอกสารหลักสูตรและเอกสารท่ีเก่ียวข้องในการใช้ หลักสูตร และยังได้รับการแนะนำ ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านเน้ือหาการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ ความเหมาะสมของเน้ือหา 2. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ Active Learning ดว้ ยเกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอา่ นและ การเขียนคำอกั ษรนำ นกั เรียนเกดิ ความสนกุ สนานในการเรียนรู้ 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยเกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและ การเขียนคำอักษรนำ ได้เรียงลำดับความยากง่ายสอดคล้องตามธรรมชาติการเรียนรู้ ทำให้เรียนรู้สึกว่า ตนเองประสบความสำเร็จในการเรยี นรู้ จงึ สรปุ ได้ว่าเพลงเกมบงิ โกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขยี นคำ อกั ษรนำ พัฒนาทกั ษะการอ่านและการเขียนคำอักษรนำ มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง สามารถนำไปใช้ในการ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ สง่ ผลให้ผูเ้ รยี นมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสูงข้ึน ขอ้ เสนอแนะ จากผลการศกึ ษาคน้ ควา้ คร้งั นม้ี ีขอ้ เสนอแนะเพอ่ื ประโยชนต์ ่อการศึกษา ดังนี้ 1. กอ่ นนำเกมไปใช้ประกอบการสอน ผู้สอนควรศกึ ษารายละเอียดของทุกกิจกรรมก่อนนำไปใช้ 2. เกมบิงโกหรรษา...พัฒนาการอ่านและการเขียนคำอักษรนำน้ี จะเกิดความสมบูรณ์ครูผู้สอน ตอ้ งใช้ควบคไู่ ปกบั แผนการจัดการเรยี นรู้ทีผ่ ู้วจิ ัยจัดทำขึน้ จดั กิจกรรมให้ครบทุกขนั้ ตอน ต้องตรวจแบบฝึก อยา่ งเปน็ ปัจจบุ นั ใหผ้ ู้เรยี นร้ผู ลทนั ที พรอ้ มกับเฉลยคำตอบท่ีถกู ต้องใหผ้ เู้ รียนได้ร้ทู ุกครั้ง

10 บรรณานุกรม ไชยยศ เรอื งสุวรรณ. Active Learning. ข่าวสารวิชาการ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ประจำเดอื นพฤศจกิ ายน, ๒๕๕๓. ณัชนัน แก้วชัยเจรญิ กิจ. บทบาทของครูผูส้ อนในการจัดกจิ กรรมและวธิ กี ารปฏบิ ตั ิตาม แนวทางของ Active Learning. สบื ค้นจาก http//www.kroobannok.com เม่ือ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔. ดวงมน ปรปิ ณุ ณะ. เทคนคิ และวธิ ีสอนในระดบั ประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานชิ , ๒๕๔๗. ปิตินันธ์ สุทธสาร. กิจกรรมการสอนภาษาไทยด้วยเพลง. พมิ พ์ครั้งที่ ๘. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๔. พรวิไล เลิศวิชา. สอนภาษาไทยต้องเขา้ ใจสมองเดก็ . กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พศ์ าลาแดง, ๒๕๕๐. วรรณี โสมประยูร. การสอนภาษาไทยระดับประถมศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, ๒๕๔๗. สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน. คมู่ อื หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย. กรงุ เทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน, ๒๕๔๖. . หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั , ๒๕๕๑. อัจฉรา ชีวพนั ธ.์ ศิลปะการจดั การเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับประถมศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : เบ็นพับลิซชงิ่ , ๒๕๔๖.

11 ภาคผนวก

แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น

แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน การอ่านและการเขียนคำอักษรนำ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ คำชแ้ี จง แบบวัดผลสัมฤทธ์ิมีทั้งหมด ๒ ตอน ๓๐ ข้อ ใช้เวลาทำ ๖๐ นาที ดงั น้ี ตอนที่ ๑ ข้อสอบวดั ทักษะการอ่านโดยใหน้ ักเรยี นอา่ นคำกับครู เป็นรายบุคคล จำนวน ๑๕ คำ ตอนท่ี ๒ ข้อสอบวัดทกั ษะการเขียนโดยใหน้ กั เรียนเขยี นคำตามคำบอก ลงในช่องวา่ ง จำนวน ๑๕ ข้อ

แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เร่ือง การอา่ นและการเขยี นคำอกั ษรนำ ชือ่ ___________________________________ชน้ั ________เลขท_่ี ______ _____________________________________________________ ตอนท่ี ๑ คำชแี้ จง ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงคำตอ่ ไปนี้กบั ครเู ปน็ รายบคุ คล จำนวน ๑๕ คำ คำ อา่ นได้ อ่านไมไ่ ด้ ๑. หงอก ๒. หญงิ ๓. หนอน ๔. หมนุ ๕. หยกิ ๖. หรอื ๗. เหลอื ๘. แหวน ๙. ขนุน ๑๐. ฝร่งั ๑๑. ฉลาม ๑๒. ถนน ๑๓. สมดุ ๑๔. จรวด ๑๕. ตลาด

ตอนท่ี ๒ คำช้แี จง ให้นกั เรยี นเขียนคำตามคำบอกลงในช่องวา่ ง จำนวน ๑๕ ขอ้ ๑. ๙. ๒. ๑๐. ๓. ๑๑. ๔. ๑๒. ๕. ๑๓. ๖. ๑๔. ๗. ๑๕. ๘.

เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ตอนที่ ๑ คำอา่ น คำ อา่ นวา่ หงอก อ่านว่า หยิง ๑. หงอก อา่ นว่า หนอน ๒. หญิง อา่ นวา่ หมุน ๓. หนอน อา่ นวา่ หยิก ๔. หมนุ อา่ นวา่ หรือ ๕. หยกิ อ่านว่า เหลอื ๖. หรอื อา่ นวา่ แหวน ๗. เหลือ อา่ นวา่ ขะ - หนนุ ๘. แหวน อ่านว่า ฝะ - หรั่ง ๙. ขนุน อา่ นว่า ฉะ - หลาม ๑๐. ฝรงั่ อา่ นวา่ ถะ - หนน ๑๑. ฉลาม อ่านว่า สะ - หมุด ๑๒. ถนน อ่านว่า จะ - หรวด ๑๓. สมุด อ่านว่า ตะ - หลาด ๑๔. จรวด ๑๕. ตลาด

ตอนที่ ๒ คำสำหรับครูผ้สู อน ๑. หนัก ๒. แหงน ๓. หมอน ๔. หยดุ ๕. หลบั ๖. ไหว้ ๗. ขนม ๘. ฉลอง ๙. ถนัด ๑๐. ผวา ๑๑. สมอง ๑๒. ปลัด ๑๓. อรอ่ ย ๑๔. กนก ๑๕. จมูก

นวตั กรรม เกมบิงโกหรรษา...พฒั นาการอ่านและการเขยี นคำอกั ษรนำ



ตัวอย่างแบบฝกึ ประกอบการใช้ เกมบงิ โกหรรษา...พฒั นาการอ่านและการเขยี นคำอกั ษรนำ

ใบความรู้ คำอกั ษรนำ (ห นำ ง น ญ) คำอกั ษรนำ (ห นำ ง น ญ) คือ คำทมี่ ีพยญั ชนะตวั หน้าเปน็ ห นำพยัญชนะตวั หลงั ไดแ้ ก่ ง น ญ อา่ นออกเสยี งพยางค์เดยี ว โดยจะอ่านออกเสยี ง พยญั ชนะตวั หลังตามอักษรนำ ตัวอย่าง ห นำ ง ห นำ น ห นำ ญ เหงา เหง้า หนู หนี หนา หนุ่ม หญา้ หงาย หงอน ห นุ น ไห น ห น่ อ ใหญ่ แหงน เหงือก หนาว หนาม หนัง หญงิ หงอก เหง่อื หนัก เหนือ หนวด หงิก หงดุ หงิด หนอน เหน็บ หนอ่ ย เหนยี ว หนอง เหนด็ เหน่ือย

การอา่ นสะกดคำ ห นำ ง น ญ ใหส้ ะกดแบบเรยี งพยัญชนะ ดงั น้ี เหงา อ่านวา่ หอ - งอ - เอา - เหงา หงอน อ่านว่า หอ - งอ - ออ - นอ -หงอน หงาย อ่านวา่ หอ - งอ - อา - ยอ - หงาย แหงน อา่ นว่า หอ - งอ - แอ - นอ - แหงน หนู อา่ นวา่ หอ - นอ - อู - หนู หนัง อา่ นวา่ หอ - นอ - อะ - งอ - หนัง หนอน อ่านวา่ หอ - นอ - ออ - นอ - หนอน หนวด อา่ นว่า หอ - นอ - อวั - ดอ - หนวด หญิง อา่ นว่า หอ - ญอ - อิ - งอ - หญงิ หญา้ อา่ นว่า หอ - ญอ - อา - หญา - ไมโ้ ท - หญา้

แบบฝึกทักษะท่ี ๑ คำชี้แจง นกั เรียนอ่านออกเสยี งคำอกั ษรนำ (ห นำ ง น ญ ) ตอ่ ไปน้ี ให้ถูกต้อง (๑๐ คะแนน) ๑. หงอน ๖. ผใู้ หญ่ ๒. หนอน ๗. นอ้ ยหน่า ๓. เหงื่อ ๘. ใบหญา้ ๔. หนาว ๙. หงุดหงิด ๕. เหนื่อย ๑๐. นิดหน่อย เกณฑ์การให้คะแนน (ขอ้ ละ ๑ คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ - อา่ นคาไดถ้ กู ตอ้ ง ให้คะแนนขอ้ ละ ๑ คะแนน ไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ (๘ คะแนน) ข้ึนไป ถือว่าผา่ น - อ่านคาไม่ถูกตอ้ ง ให้คะแนนขอ้ ละ ๐ คะแนน หนูทาได_้ ________คะแนน ( ) ผา่ น ( ) ไม่ผา่ น

แบบฝึกทักษะท่ี ๒ คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นคำอักษรนำ (ห นำ ง น ญ) ลงในชอ่ งว่าง แลว้ ฝึกอา่ นออกเสียงใหถ้ กู ตอ้ ง (๑๐ คะแนน) ตวั อยา่ ง หอ - นอ - ออ - นอ หนอน ๑. หอ - ญอ - อิ - งอ ๒. หอ - งอ - แอ - นอ ๓. หอ - นอ - อา - วอ ๔. หอ - ญอ - อา - หญา - ไมโ้ ท ๕. หอ - งอ - ออ - นอ

๖. หอ - นอ - อุ - นอ ๗ หอ - ญอ -ใอ - ใหญ - ไมเ้ อก . ๘. หอ - งอ - อา - ยอ ๙. หอ - นอ - เอะ - บอ ๑๐. หอ - งอ - อิ - ดอ เกณฑ์การให้คะแนน (ขอ้ ละ ๑ คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ - เขยี นคาไดถ้ กู ตอ้ ง ให้คะแนนขอ้ ละ ๑ คะแนน ไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ (๘ คะแนน) ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น - เขียนคาไมถ่ กู ตอ้ ง ให้คะแนนขอ้ ละ ๐ คะแนน หนูทาได_้ ________คะแนน ( ) ผา่ น ( ) ไมผ่ า่ น

แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๓ คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นโยงเสน้ จับคคู่ ำแล้วเขยี นลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) ตัวอย่าง ผหู้ ญิง ผู้ หน่อย ๑. ยง่ิ หญิง ๒. หงุด หงอย ๓. นิด ใหญ่ ๔. เหงา เหน็บ หงิด

๕. ใบ หน่า ๖. นอ้ ย หนา้ ๗. แหงน หงอก ๘. อดุ หงบั ๙. หนกั หญา้ ๑๐. หงุบ หน่วง หนุน เกณฑ์การให้คะแนน (ขอ้ ละ ๑ คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ - โยงเสน้ จบั คแู่ ละเขยี นคาไดถ้ กู ตอ้ งใหค้ ะแนน ขอ้ ละ ๑ คะแนน ไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ (๘ คะแนน) ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น - โยงเส้นจบั คหู่ รือเขียนคาไม่ถูกตอ้ งใหค้ ะแนน ขอ้ ละ ๐ คะแนน หนูทาได_้ ________คะแนน ( ) ผา่ น ( ) ไม่ผา่ น

แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๔ คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนเลอื กคำที่มีความหมายตรงกบั รปู ภาพ นำไป เขียนลงในชอ่ งวา่ ง แล้วฝึกอา่ นให้ถูกต้อง (๑๐ คะแนน) ตวั อยา่ ง ( หนู หนี ) หนู ๑. ( ใหญ่ หญา้ ) ๒. ( เหงา เหงือก ) ๓. ( เหน่ง หน่ึง ) ๔. ( หนอน เหน็บ )

๕. ( เหงือก หงอน ) ๖. ( หนาว เหนียว ) ๗. ( หญา้ หญิง ) ๘. (หงุดหงิด เหงาหงอย) ๙. ( มงั คุด นอ้ ยหน่า) ๑๐. ( หน่อไม้ ตน้ ไม้ ) เกณฑ์การให้คะแนน (ขอ้ ละ ๑ คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ - เขียนคาไดถ้ กู ตอ้ ง ใหค้ ะแนนขอ้ ละ ๑ คะแนน ไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ (๘ คะแนน) ข้ึนไป ถือว่าผา่ น - เขียนคาไม่ถกู ตอ้ ง ให้คะแนนขอ้ ละ ๐ คะแนน หนูทาได_้ ________คะแนน ( ) ผา่ น ( ) ไม่ผา่ น

แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๕ คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นวงกลมลอ้ มรอบคำอกั ษรนำ (ห นำ ง น ญ) แลว้ ฝึกอ่านใหถ้ ูกต้อง (๑๐ คะแนน) ตวั อย่าง หญิง เหน่ือย นอ้ ง ง่วง เหงา แห่ง หนู หนวด นวด หงาย แงม้ ง่าย แหนม เนียน งาม ใหญ่ ญาติ โยม นอ้ ย งวั เงีย แนบ โน่น หงิก หอ้ ย หนา้ โหน เหนือ หา้ ม เห็ด เกณฑ์การให้คะแนน (ขอ้ ละ ๑ คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ - วงกลมลอ้ มรอบคาไดถ้ กู ตอ้ งใหค้ ะแนน ขอ้ ละ ๑ คะแนน ไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ (๘ คะแนน) ข้นึ ไป ถือว่าผา่ น - วงกลมลอ้ มรอบคาไมถ่ กู ตอ้ งให้คะแนน ขอ้ ละ ๐ คะแนน หนูทาได_้ ________คะแนน ( ) ผา่ น ( ) ไม่ผา่ น

แบบฝึกทักษะท่ี ๖ คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นแตง่ ประโยคจากคำอกั ษรนำ (ห นำ ง น ญ) แลว้ ฝึกอา่ นให้ถูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) ตวั อยา่ ง หญ้า แม่ววั ชอบกินหญา้ ๑. หงาย ๒. หนาว ๓. ใหญ่ ๔. เหง่ือ ๕. หญงิ

๖. หนัก ๗. หงอก ๘. หนวด ๙. แหงน ๑๐. เหน่ือย เกณฑ์การให้คะแนน (ขอ้ ละ ๑ คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ - แต่งประโยคไดใ้ จความสมบรู ณ์ มีส่วนประกอบของ ไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ (๘ คะแนน) ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น ประโยคครบถว้ น ให้คะแนน ขอ้ ละ ๑ คะแนน หนูทาได_้ ________คะแนน ( ) ผา่ น - แต่งประโยคไม่ไดใ้ จความสมบูรณ์ มีส่วนประกอบของ ( ) ไมผ่ า่ น ประโยคไมค่ รบถว้ น ใหค้ ะแนน ขอ้ ละ ๐ คะแนน

การวเิ คราะห์หลกั สูตร มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้ีวดั

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ วิสัยทัศน์ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน มุ่งพฒั นาผูเ้ รียนทุกคน ซ่ึงเป็ นกาลงั ของชาติให้เป็ น มนุษยท์ ี่มีความสมดุลท้งั ดา้ นร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็ นพลเมืองไทยและเป็ นพลโลก ยึดมนั่ ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นประมุขมีความรู้และทกั ษะ พ้ืนฐาน รวมท้งั เจตคติที่จาเป็ นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้น ผเู้ รียนเป็นสาคญั บนพ้ืนฐานความเชื่อวา่ ทุกคนสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ หลกั การ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน มีหลกั การที่สาคญั ดงั น้ี ๑. เป็ นหลกั สูตรการศึกษาเพื่อความเป็ นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสาหรับพฒั นาเด็กและเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพ้นื ฐานของความ เป็นไทยควบคกู่ บั ความเป็นสากล ๒. เป็ นหลกั สูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่าง เสมอภาค และมีคณุ ภาพ ๓. เป็ นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัด การศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถ่ิน ๔. เป็ นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นท้ังด้านสาระการเรียนรู้ เวลา และ การจดั การเรียนรู้ ๕. เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ๖. เป็ นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทกุ กล่มุ เป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์

จดุ หมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มุ่งพัฒนาผูเ้ รียนให้เป็ นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็ นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผูเ้ รียน เมื่อจบ การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ดงั น้ี ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินยั และปฏิบตั ิตนตาม หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถือ ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยีและ มีทกั ษะ ชีวติ ๓. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสยั และรักการออกกาลงั กาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็ นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย การอนุรักษแ์ ละพฒั นาส่ิงแวดลอ้ ม มี จิตสาธารณะท่ีม่งุ ทาประโยชนแ์ ละสร้างส่ิงท่ีดีงามในสงั คม และอยรู่ ่วมกนั ในสังคมอยา่ งมีความสุข สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในการพฒั นาผูเ้ รียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน มุ่งเน้นพฒั นาผูเ้ รียนให้ มี คณุ ภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนด ซ่ึงจะช่วยใหผ้ เู้รียนเกิดสมรรถนะสาคญั และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดงั น้ี สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ม่งุ ใหผ้ เู้ รียนเกิดสมรรถนะสาคญั ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวฒั นธรรมในการใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพ่ือแลกเปลี่ยนขอ้ มูล ข่าวสาร และประสบการณ์อนั จะเป็ นประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาต่อรองเพ่ือ ขจดั และลดปัญหาความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับขอ้ มูลข่าวสารดว้ ยหลกั เหตุผลและความ ถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใชว้ ิธีการส่ือสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและ สังคม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อยา่ งสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้าง องคค์ วามรู้หรือ สารสนเทศเพือ่ การตดั สินใจเกี่ยวกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็ นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ เขา้ ใจ ความสมั พนั ธ์และการเปล่ียนแปลงของเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามรู้ มาใชใ้ นการ

ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา และมีการตดั สินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบ ท่ีเกิดข้ึนต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต เป็ นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆไปใชใ้ นการ ดาเนินชีวิตประจาวนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งต่อเน่ือง การทางานและการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมดว้ ย การสร้างเสริมความสัมพนั ธ์อนั ดีระหว่างบุคคล การจดั การปัญหาและความขดั แยง้ ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ให้ทนั กบั การเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ ม และการรู้จกั หลีกเล่ียงพฤติกรรมไม่ พึงประสงคท์ ่ีส่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีดา้ นตา่ ง ๆ และมีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพฒั นาตนเองและสังคม ในดา้ นการเรียนรู้ การส่ือสาร การ ทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน มุ่งพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพ่ือให้ สามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่นในสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซื่อสตั ยส์ ุจริต ๓. มีวินยั ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง ๖. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ นอกจากน้ี สถานศึกษาสามารถกาหนดคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์เพ่ิมเติมให้สอดคลอ้ งตาม บริบทและจุดเนน้ ของตนเอง

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ทาไมต้องเรียนภาษาไทย ภาษาไทยเป็ นเอกลกั ษณ์ของชาติเป็ นสมบตั ิทางวฒั นธรรมอนั ก่อให้เกิดความเป็ นเอกภาพและ เสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็ นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อส่ือสารเพ่ือสร้างความ เขา้ ใจและความสัมพนั ธ์ท่ีดีต่อกนั ทาให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และดารงชีวิตร่วมกนั ในสังคม ประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข และเป็ นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งขอ้ มูล สารสนเทศต่างๆ เพื่อพฒั นาความรู้ พฒั นากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทนั ต่อการ เปล่ียนแปลงทางสังคม และความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนาไปใช้ในการพฒั นา อาชีพให้มีความมนั่ คงทางเศรษฐกิจ นอกจากน้ียงั เป็ นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษดา้ นวฒั นธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพเป็ นสมบัติล้าค่าควรแก่การเรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทย ตลอดไป เรียนรู้อะไรในภาษาไทย ภาษาไทยเป็นทกั ษะท่ีตอ้ งฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใชภ้ าษาเพื่อการส่ือสารการเรียนรู้อยา่ ง มีประสิทธิภาพ และเพอื่ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง • การอ่าน การอ่านออกเสียงคา ประโยค การอ่านบทร้อยแกว้ คาประพนั ธ์ชนิดต่างๆ การอ่านในใจเพ่ือสร้างความเขา้ ใจ และการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้จากส่ิงท่ีอ่าน เพื่อนาไป ปรับใชใ้ น ชีวิตประจาวนั • การเขียน การเขียนสะกดตามอกั ขรวิธี การเขียนส่ือสาร โดยใชถ้ อ้ ยคาและรูปแบบต่างๆ ของ การเขียน ซ่ึงรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่างๆ การเขียนตามจินตนาการ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ และเขียนเชิงสร้างสรรค์ • การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก พูดลาดบั เร่ืองราวต่างๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่างๆ ท้งั เป็นทางการและไม่เป็น ทางการ และการพูดเพอื่ โนม้ นา้ วใจ • หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับ โอกาสและบคุ คล การแต่งบทประพนั ธ์ประเภทต่างๆ และอิทธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย • วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือศึกษาขอ้ มูล แนวความคิด คุณค่าของงานประพนั ธ์ และความเพลิดเพลิน การเรียนรู้และทาความเขา้ ใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก เพลง พ้ืนบา้ นท่ีเป็นภูมิปัญญาท่ีมีคุณค่าของไทย ซ่ึงไดถ้ ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เร่ืองราวของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให้เกิดความซาบซ้ึงและภูมิใจในบรรพบุรุษที่ได้ ส่งั สมสืบทอดมาจนถึงปัจจุบนั

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอ่าน สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี ประสิทธิภาพ สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของ ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง คุณภาพผู้เรียน หลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดก้ าหนดคุณภาพผูเ้ รียนเมื่อจบ ช้ัน ประถมศึกษาปี ท่ี ๓ และช้นั ประถมศึกษาปี ที่ ๖ ไวด้ งั น้ี จบช้ันประถมศึกษาปี ที่ ๓ อ่านออกเสียงคา คาคลอ้ งจอง ขอ้ ความ เรื่องส้ันๆ และบทร้อยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกตอ้ งคล่องแคล่ว เขา้ ใจความหมายของคาและขอ้ ความท่ีอ่าน ต้งั คาถามเชิงเหตุผล ลาดบั เหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้ขอ้ คิดจากเรื่องที่อ่าน ปฏิบตั ิตามคาส่ัง คาอธิบายจากเรื่องท่ีอ่านได้ เขา้ ใจความหมายของ ขอ้ มูลจากแผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ อ่านหนงั สืออยา่ งสม่าเสมอและ มีมารยาทในการอ่าน มีทกั ษะในการคดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั เขียนบรรยาย บนั ทึกประจาวนั เขียนจดหมายลาครู เขียนเร่ืองเก่ียวกบั ประสบการณ์ เขยี นเรื่องตามจินตนาการและมีมารยาทในการเขียน

เล่ารายละเอียดและบอกสาระสาคญั ต้งั คาถาม ตอบคาถาม รวมท้งั พูดแสดงความคิดความรู้สึก เกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟังและดู พูดส่ือสารเล่าประสบการณ์และพูดแนะนาหรือพูดเชิญชวนให้ผูอ้ ่ืนปฏิบตั ิตาม และมีมารยาทในการฟัง ดู และพดู สะกดคาและเข้าใจความหมายของคา ความแตกต่างของคาและพยางค์ หน้าท่ีของคา ในประโยค มีทกั ษะการใชพ้ จนานุกรมในการคน้ หาความหมายของคา แต่งประโยคง่าย ๆ แต่งคาคลอ้ ง จอง แต่งคาขวญั และเลือกใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ เข้าใ จแ ล ะ ส าม ารถ ส รุ ป ข้อคิ ดที่ ได้จาก ก ารอ่าน วรรณ ค ดี แ ล ะ วรรณ ก รรม เพ่ื อน าไป ใช้ใ น ชีวติ ประจาวนั แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีท่ีอา่ น รู้จกั เพลงพ้นื บา้ น เพลงกล่อมเด็ก ซ่ึงเป็นวฒั นธรรม ของท้องถิ่น ร้องบ ทร้องเล่น ส าห รับเด็กใน ท้องถิ่น ท่ องจาบท อาขยาน และบท ร้อยกรอง ที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจได้ จบช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๖ อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองเป็ นทานองเสนาะไดถ้ ูกตอ้ ง อธิบายความหมายโดยตรง และความหมายโดยนยั ของคา ประโยค ขอ้ ความ สานวนโวหาร จากเรื่องท่ีอา่ น เขา้ ใจคาแนะนา คาอธิบาย ในคู่มือต่าง ๆ แยกแยะขอ้ คิดเห็นและขอ้ เท็จจริง รวมท้งั จบั ใจความสาคญั ของเรื่องท่ีอ่าน และนาความรู้ ความคิดจากเร่ืองที่อ่านไปตดั สินใจแกป้ ัญหาในการดาเนินชีวิตไดม้ ีมารยาทและมีนิสัยรักการอ่าน และเห็น คุณคา่ ส่ิงท่ีอ่าน มีทกั ษะในการคดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั และคร่ึงบรรทดั เขียนสะกดคา แต่งประโยคและ เขียนขอ้ ความ ตลอดจนเขียนส่ือสารโดยใชถ้ อ้ ยคาชดั เจนเหมาะสม ใชแ้ ผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพ ความคิด เพื่อพฒั นางานเขียน เขียนเรียงความ ยอ่ ความ จดหมายส่วนตวั กรอกแบบรายการต่าง ๆ เขียน แสดงความรู้สึกและความคดิ เห็น เขยี นเรื่องตามจินตนาการอยา่ งสร้างสรรค์ และมีมารยาทในการเขียน พูดแสดงความรู้ ความคิดเกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟังและดู เล่าเร่ืองยอ่ หรือสรุปจากเรื่องท่ีฟัง และดู ต้งั คาถาม ตอบคาถามจากเร่ืองที่ฟังและดู รวมท้งั ประเมินความน่าเช่ือถือจากการฟังและดูโฆษณาอย่างมี เหตุผล พูดตามลาดบั ข้นั ตอนเรื่องต่าง ๆ อย่างชดั เจน พูดรายงานหรือประเด็นคน้ ควา้ จากการฟัง การดู การ สนทนา และพูดโนม้ นา้ วไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล รวมท้งั มีมารยาทในการดูและพดู สะกดคาและเขา้ ใจความหมายของคา สานวน คาพงั เพยและสุภาษิต รู้และเขา้ ใจชนิดและหนา้ ท่ี ของคาในประโยค ชนิดของประโยค และคาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ใชค้ าราชาศพั ท์และคาสุภาพได้ อยา่ งเหมาะสม แตง่ ประโยค แตง่ บทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ กลอนสุภาพ และกาพยย์ านี ๑๑ เขา้ ใจและเห็นคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน เล่านิทานพ้ืนบา้ น ร้องเพลงพ้ืนบา้ นของ ทอ้ งถิ่น นาขอ้ คดิ เห็นจากเรื่องที่อ่านไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง และทอ่ งจาบทอาขยาน ตามท่ีกาหนดได้ ตวั ชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง

สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหา ในการ ดาเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอา่ น ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๓ ๑. อา่ นออกเสียงคา ขอ้ ความ เรื่อง  การอา่ นออกเสียงและการบอกความหมายของคา ส้นั ๆ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ได้ คาคลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ที่ ถูกตอ้ ง คล่องแคลว่ ประกอบดว้ ย คาพ้ืนฐานเพิม่ จาก ป.๒ ไม่นอ้ ยกว่า ๒. อธิบายความหมายของคาและ ๑,๒๐๐ คา รวมท้งั คาท่ีเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ขอ้ ความที่อา่ น อ่ืน ประกอบดว้ ย - คาที่มีตวั การันต์ - คาที่มี รร - คาที่มีพยญั ชนะและสระไม่ออกเสียง - คาพอ้ ง - คาพิเศษอ่ืนๆ เช่น คาที่ใช้ ฑ ฤ ฤๅ ๓. ต้งั คาถามและตอบคาถามเชิง  การอา่ นจบั ใจความจากสื่อตา่ งๆ เช่น เหตุผลเก่ียวกบั เร่ืองท่ีอา่ น - นิทานหรือเรื่องเกี่ยวกบั ทอ้ งถ่ิน ๔. ลาดบั เหตกุ ารณ์และคาดคะเน - เร่ืองเลา่ ส้ันๆ เหตกุ ารณ์จากเรื่องที่อา่ นโดยระบุ - บทเพลงและบทร้อยกรอง - บทเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น เหตุผลประกอบ - ขา่ วและเหตกุ ารณ์ในชีวิตประจาวนั ในทอ้ งถ่ิน ๕. สรุปความรู้และขอ้ คดิ จากเร่ืองท่ี และชุมชน อา่ นเพื่อนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ๖. อ่านหนงั สือตามความสนใจ  การอา่ นหนงั สือตามความสนใจ เช่น อยา่ งสม่าเสมอและนาเสนอเรื่อง - หนงั สือที่นกั เรียนสนใจและเหมาะสมกบั วยั ท่ีอา่ น - หนงั สือท่ีครูและนกั เรียนกาหนดร่วมกนั ๗. อ่านขอ้ เขียนเชิงอธิบายและปฏิบตั ิ  การอ่านขอ้ เขียนเชิงอธิบาย และปฏิบตั ิตามคาสงั่ ตามคาส่งั หรือขอ้ แนะนา หรือขอ้ แนะนา - คาแนะนาตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั - ประกาศ ป้ายโฆษณา และคาขวญั

ช้ัน ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๘. อธิบายความหมายของขอ้ มลู จาก  การอา่ นขอ้ มูลจากแผนภาพ แผนที่ และแผนภมู ิ แผนภาพ แผนท่ี และแผนภมู ิ ๙. มีมารยาทในการอา่ น  มารยาทในการอ่าน เช่น - ไม่อา่ นเสียงดงั รบกวนผอู้ ่ืน - ไม่เล่นกนั ขณะท่ีอา่ น - ไม่ทาลายหนงั สือ - ไมค่ วรแยง่ อา่ นหรือชะโงกหนา้ ไปอ่านขณะท่ี ผอู้ ่ืนกาลงั อ่าน สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ช้ัน ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๓ ๑. คดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั  การคดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั ตาม รูปแบบการเขียน ตวั อกั ษรไทย ๒ เขยี นบรรยายเก่ียวกบั สิ่งใดสิ่งหน่ึง  การเขียนบรรยายเก่ียวกบั ลกั ษณะของ คน สัตว์ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ส่ิงของ สถานที่ ๓. เขยี นบนั ทึกประจาวนั  การเขียนบนั ทึกประจาวนั ๔. เขียนจดหมายลาครู  การเขียนจดหมายลาครู ๕. เขียนเร่ืองตามจินตนาการ  การเขยี นเรื่องตามจินตนาการจากคา ภาพ และ หวั ขอ้ ที่กาหนด ๖. มีมารยาทในการเขียน  มารยาทในการเขยี น เช่น - เขียนใหอ้ า่ นงา่ ย สะอาด ไม่ขดี ฆา่ - ไมข่ ีดเขียนในที่สาธารณะ - ใชภ้ าษาเขียนเหมาะสมกบั เวลา สถานที่ และ บคุ คล - ไม่เขยี นลอ้ เลียนผอู้ ื่นหรือทาใหผ้ อู้ ่ืนเสียหาย

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ ความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ช้ัน ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๓ ๑. เล่ารายละเอียดเก่ียวกบั เร่ืองที่ฟัง  การจบั ใจความและพูดแสดงความคดิ เห็นและ และดูท้งั ท่ีเป็นความรู้และความ ความรู้สึกจากเร่ืองท่ีฟังและดูท้งั ที่เป็นความรู้ บนั เทิง และความบนั เทิง เช่น ๒. บอกสาระสาคญั จากการฟังและ - เรื่องเลา่ และสารคดีสาหรับเด็ก การดู - นิทาน การ์ตนู เรื่องขบขนั ๓. ต้งั คาถามและตอบคาถามเกี่ยวกบั - รายการสาหรับเดก็ เร่ืองท่ีฟังและดู - ข่าวและเหตกุ ารณ์ในชีวิตประจาวนั ๔. พูดแสดงความคิดเห็นและ - เพลง ความรู้สึกจากเรื่องท่ีฟังและดู ๕. พูดสื่อสารไดช้ ดั เจนตรงตาม  การพูดสื่อสารในชีวิตประจาวนั เช่น วตั ถุประสงค์ - การแนะนาตนเอง - การแนะนาสถานที่ในโรงเรียนและ ๖. มีมารยาทในการฟัง การดู และการ ในชุมชน พดู - การแนะนา/เชิญชวนเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิตน ในดา้ นต่างๆ เช่น การรักษาความสะอาด ของร่างกาย - การเล่าประสบการณ์ในชีวิตประจาวนั - การพูดในโอกาสตา่ งๆ เช่น การพดู ขอร้อง การพูดทกั ทาย การกล่าวขอบคณุ และ ขอโทษ การพูดปฏิเสธ และการพดู ชกั ถาม  มารยาทในการฟัง เช่น - ต้งั ใจฟัง ตามองผพู้ ดู - ไมร่ บกวนผอู้ ื่นขณะท่ีฟัง - ไม่ควรนาอาหารหรือเครื่องดื่มไป รับประทานขณะที่ฟัง - ไมแ่ สดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม เช่น โห่ ฮา

ช้ัน ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง หาว - ใหเ้ กียรติผพู้ ดู ดว้ ยการปรบมือ - ไมพ่ ดู สอดแทรกขณะท่ีฟัง  มารยาทในการดู เช่น - ต้งั ใจดู - ไมส่ ่งเสียงดงั หรือแสดงอาการรบกวนสมาธิ ของผอู้ ื่น  มารยาทในการพูด เช่น - ใชถ้ อ้ ยคาและกิริยาท่ีสุภาพ เหมาะสมกบั กาลเทศะ - ใชน้ ้าเสียงนุ่มนวล - ไม่พดู สอดแทรกในขณะที่ผอู้ ่ืนกาลงั พูด - ไม่พูดลอ้ เลียนใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ ับความอบั อาย หรือเสียหาย

สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๓ ๑. เขียนสะกดคาและบอกความหมาย  การสะกดคา การแจกลูก และการอา่ นเป็นคา ของคา  มาตราตวั สะกดท่ีตรงตามมาตราและไม่ตรง ตามมาตรา  การผนั อกั ษรกลาง อกั ษรสูง และอกั ษรต่า  คาที่มีพยญั ชนะควบกล้า  คาท่ีมีอกั ษรนา  คาที่ประวิสรรชนียแ์ ละคาที่ไม่ประวสิ รรชนีย์  คาที่มี ฤ ฤๅ  คาท่ีใช้ บนั บรร คาที่ใช้ รร  คาท่ีมีตวั การันต์  ความหมายของคา ๒. ระบชุ นิดและหนา้ ที่ของคาใน  ชนิดของคา ไดแ้ ก่ ประโยค - คานาม - คาสรรพนาม - คากริยา ๓. ใชพ้ จนานุกรมคน้ หาความหมาย  การใชพ้ จนานุกรม ของคา ๔. แตง่ ประโยคงา่ ยๆ  การแต่งประโยคเพอื่ การส่ือสาร ไดแ้ ก่ - ประโยคบอกเลา่ - ประโยคปฏิเสธ - ประโยคคาถาม - ประโยคขอร้อง - ประโยคคาส่ัง

ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๕. แตง่ คาคลอ้ งจองและคาขวญั  คาคลอ้ งจอง  คาขวญั ๖. เลือกใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและ  ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถ่ินไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ ภาษาถิ่น สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็น คุณค่าและนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ช้ัน ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๓ ๑. ระบุขอ้ คิดที่ไดจ้ ากการอ่าน  วรรณคดี วรรณกรรม และเพลงพ้ืนบา้ น วรรณกรรมเพอื่ นาไปใชใ้ น - นิทานหรือเร่ืองในทอ้ งถิ่น ชีวติ ประจาวนั - เรื่องส้นั งา่ ยๆ ปริศนาคาทาย ๒. รู้จกั เพลงพ้ืนบา้ นและเพลงกล่อม - บทร้อยกรอง เด็ก เพ่ือปลกู ฝังความช่ืนชม - เพลงพ้นื บา้ น วฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน - เพลงกลอ่ มเด็ก ๓. แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั - วรรณกรรมและวรรณคดีในบทเรียนและ วรรณคดี ตามความสนใจ ท่ีอา่ น  บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณคา่ ๔. ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนด - บทอาขยานตามท่ีกาหนด - บทร้อยกรองตามความสนใจ และบทร้อยกรองท่ีมีคุณคา่ ตาม ความสนใจ

คาอธบิ ายรายวชิ า ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ ๓ เวลา ๒๔๐ ชวั่ โมง ฝึ กอ่านออกเสียงคา ขอ้ ความ เรื่องส้ัน ๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ อธิบายความหมายของคาและ ขอ้ ความที่อ่านต้งั คาถาม ตอบคาถามเชิงเหตุผล ลาดบั เหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้ขอ้ คิดจาก เรื่องที่อ่าน เพ่ือนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั เลือกอ่านหนงั สือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอและนาเสนอเร่ือง ท่ีอ่านอา่ นขอ้ เขยี นเชิงอธิบาย และปฏิบตั ิตามคาสง่ั หรือขอ้ แนะนาอธิบายความหมายของขอ้ มูลจากแผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ มีมารยาทในการอ่าน ฝึ กคดั ลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย เขียนบันทึกประจาวนั เขียนเรื่องตาม จินตนาการ มีมารยาทในการเขยี น ฝึ กทกั ษะการฟัง การดูและการพูด เล่ารายละเอียด บอกสาระสาคญั ต้งั คาถาม ตอบคาถาม พูด แสดงความคดิ เห็น ความรู้สึก พดู ส่ือสารไดช้ ดั เจนตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด ฝึ กเขียนตามหลกั การเขียน เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา ระบุชนิด หนา้ ที่ของคา ใช้ พจนานุกรมค้นหาความหมายของคา แต่งประโยคง่ายๆ แต่งคาคลอ้ งจองและคาขวญั เลือกใช้ภาษาไทย มาตรฐานและภาษาถิ่นไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ ระบุขอ้ คิดที่ไดจ้ ากการอ่านวรรณกรรมเพ่ือนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั รู้จกั เพลงพ้ืนบา้ น เพลง กล่อมเด็ก เพ่ือปลูกฝังความช่ืนชมวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั วรรณคดีที่อ่าน ท่องจาบท อาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสื่อความ กระบวนการแกป้ ัญหา การฝึ กปฏิบตั ิ อธิบาย บนั ทึก การ ต้งั คาถาม ตอบคาถาม ใช้ทกั ษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น กระบวนการสร้างความคิด รวบยอด เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สื่อสารไดถ้ ูกตอ้ ง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคณุ ค่าของ การอนุรักษภ์ าษาไทย และตวั เลขไทย สามารถนาความรู้ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ งเหมาะสม

ตวั ชีว้ ดั ท ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙ ท ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ (รวม ๓๒ ตัวชี้วัด)

ตารางแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปี ที่ ๓ สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพ่อื นาไปใชต้ ดั สินใจแกป้ ัญหา ในการดาเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชีว้ ัด ผ้เู รียนรู้อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้ ๑. อา่ นออกเสียงคา หลกั การอ่านออกเสียงคา ๑. อ่านออกเสียงคา ขอ้ ความ เรื่องส้ันๆ และ ขอ้ ความ เรื่องส้นั ๆและ ๒. อ่านขอ้ ความ บทร้อยกรองงา่ ยๆ ได้ บทร้อยกรองงา่ ยๆ ๓. อ่านเร่ืองส้นั ๆ ถูกตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ ๔. อ่านบทร้อยกรอง รู้ความหมายของคาและ ๑. อธิบายความหมายของคา ๒. อธิบายความหมายของ ขอ้ ความ คาและขอ้ ความท่ีอ่าน และขอ้ ความที่อา่ น ๓. ต้งั คาถามและตอบ รู้และเขา้ ใจเร่ืองที่อ่าน ๑.ต้งั คาถามและตอบคาถาม คาถามเชิงเหตุผล เก่ียวกบั เร่ืองท่ีอ่านอยา่ งมี เก่ียวกบั เร่ืองที่อ่าน เหตุผล ๔. ลาดบั เหตุการณ์และ หลกั การคาดคะเนเหตกุ ารณ์ คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ือง คาดคะเนเหตกุ ารณ์จาก จากเร่ืองท่ีอา่ นไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล ท่ีอ่าน เรื่องที่อา่ นโดยระบุเหตุผล ประกอบ ๕. สรุปความรู้และขอ้ คิดจาก หลกั การสรุปความรู้และขอ้ คิด สรุปความรู้และขอ้ คิดจากเร่ือง เรื่องที่อ่านเพอื่ นาไปใชใ้ น จากเรื่องท่ีอ่าน ที่อา่ น ชีวติ ประจาวนั ๖. อ่านหนงั สือตามความ รู้วิธีการเลือกหนงั สือตามความ ๑. อ่านหนงั สือตามความสนใจ สนใจอยา่ งสม่าเสมอ สนใจอยา่ งสม่าเสมอและ อยา่ งสม่าเสมอ และนาเสนอเร่ืองท่ีอา่ น นาเสนอเร่ืองที่อา่ น ๒.นาเสนอเร่ืองที่อ่าน ๗. อ่านขอ้ เขยี นเชิงอธิบาย รู้เขา้ ใจขอ้ เขียนเชิงอธิบาย ๑. เขา้ ใจขอ้ เขยี นเชิงอธิบาย และปฏิบตั ิตามคาสงั่ ปฏิบตั ิตามคาสง่ั หรือ ๒. ปฏิบตั ิตามคาสง่ั หรือ หรือขอ้ แนะนา ขอ้ แนะนา ขอ้ แนะนา

ตัวชี้วัด ผ้เู รียนรู้อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้ ๘. อธิบายความหมายของ รู้และเขา้ ใจความหมายของ ๑. อธิบายความหมายของ ขอ้ มลู จากแผนภาพ แผนที่ และแผนภมู ิ ขอ้ มูลจากแผนภาพ แผนท่ีและ ขอ้ มลู จากแผนภาพ ๙. มีมารยาท ในการอา่ น แผนภูมิ ๒.อธิบายความหมายของ หมายเหตุ ตวั ช้ีวดั ตวั น้ีให้จดั ขอ้ มูลจากแผนที่ กิจกรรมรวมกบั ตวั ช้ีวดั ท่ี ๑ - ๗ ๓. อธิบายความหมายของ ขอ้ มูลจากแผนภูมิ มารยาทในการอา่ น มีมารยาท ในการอ่าน สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ชี้วดั ผู้เรียนรู้อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้ ๑. คดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ หลกั การเขียนดว้ ยตวั บรรจง คดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั บรรทดั ตามหลกั การคดั ลายมือช่วยให้ ได้ การส่ือสารมีประสิทธิภาพตรง ตามวตั ถุประสงค์ ๒ เขียนบรรยายเก่ียวกบั ส่ิงใด หลกั การเขยี นบรรยาย เขียนบรรยายไดอ้ ยา่ งชดั เจน สิ่งหน่ึงไดอ้ ยา่ งชดั เจน หลกั การเขียนบนั ทึกประจาวนั เขยี นบนั ทึกประจาวนั ได้ ๓. เขียนบนั ทึกประจาวนั หลกั การเขียนจดหมายลาครู เขยี นจดหมายลาครู ๔. เขียนจดหมายลาครู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook