Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิราศ ภูเขาทอง (1)

นิราศ ภูเขาทอง (1)

Published by JANE Kan, 2022-08-01 13:29:20

Description: นิราศ ภูเขาทอง (1)

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียน นิราศ ภูเขาทอง สุนทรภู่ ครูผู้สอน นางสาวกันภิรมย์ สุขศาลา

ประวัติความเป็นมาของ นิราศภูเขาทอง ผู้แต่งนิราศภูเขาทองคือ สุนทรภู่ แต่งขึ้นเมื่อปลาย พ.ศ. ๒๓๗๓ ในรัชสมัยของพระบาท สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ หลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ สวรรคตได้ ๖ ปี ในขณะที่บวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดราช บุรณะ หรือเรียกอีกชื่อว่าวัดเลียบ นิราศภูเขาทอง เป็นนิราศที่มีเนื้อหาสั้นที่สุดของ สุนทรภู่ คือมีความยาวเพียง ๑๗๖ คำกลอนเท่านั้น

จุดประสงค์ในการแต่ง แต่งขึ้นเพื่อบอกเล่าการเดินทางของสุนทร ภู่เอง โดยเป็นการเดินทางจากวัดราชบุรณะ ไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เพื่อหาความสบายใจแก่ ตนเอง เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนใจ บางประการขณะบวชอยู่ที่วัดราชบุรณะ

ลักษณะคำประพันธ์ นิราศภูเขาทองเป็นลักษณะกลอนนิราศ โดยทั่วไป กลอนนิราศมี ลักษณะเหมือนกลอนแปด แต่มักเริ่มบทแรกด้วยวรรครับ ไม่เริ่มด้วย วรรคสดับ จึงเหลือเพียง ๓ วรรค แล้วจบทายด้วยคำว่าเอย โดยไม่มี การจำกัดความยาว

แผนที่การเดินทาง

เนื้อเรื่องย่อ นิราศภูเขาทอง เริ่มเรื่องด้วยการปรารภถึงสาเหตุที่ต้องออกจากวัดราช บุรณะและการเดินทางโดยเรือพร้อมหนูพัดซึ่งเป็นบุตรชาย ล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยาผ่านพระบรมมหาราชวัง จนมาถึง วัดประโคนปัก ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู บางพลัด บางโพ บ้านญวน วัดเขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บางเดื่อ บางหลวงเชิงราก สามโคก บ้าน งิ้ว เกาะราชคราม จนถึงกรุงเก่า ผ่านจวนผู้ว่า เมื่อเวลาเย็น โดยจอดเรือพักทีท่าน้ำวัดพระเมรุ ครั้นรุ่งเช้าจึงไปนมัสการ เจดีย์ภูเขาทอง ส่วนขากลับใช้เวลาเพียง 1 วัน สุนทรภู่กล่าว แต่เพียงว่า เมื่อถึงกรุงเทพได้จอดเรือเทียบที่ท่าน้ำหน้ าวัด อรุณราชวรรามราชวรมหาวิหาร

นิราศภูเขาทอง รับกฐินภิญโญโมทนา เดือนสิ บเอ็ดเสร็จธุ ระพระวสา ออกจากวัดทัศนาดูอาวาศ ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศัย โอ้อาวาสราชบุรณะพระวิหาร มาจำไกลอารามเมื่อยามเย็น เหลือรำลึกนึ กน่ าน้ำตากระเด็น แต่นี้ นานนั บทิวาจะมาเห็น จะยกหยิบธิบดีเป็นที่ตั้ง เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง จึ่งจำลาอาวาสนิ ราศร้าง ก็ใช้ถังแทนสั ดเห็นขัดขวาง มาอ้างว้างวิญญาณ์ในสาคร ฯ ถึงน่ าวังดังหนึ่ งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น พระนิ พพานปานประหนึ่ งศีรษะขาด ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา จะสร้างพรตอตส่ าห์ส่ งบุญถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา เป็นสิ่ งของฉลองคุณมุลิกา ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาติไป ฯ คิดถึงครั้งก่อนมาน้ำตาไหล ถึงหน้ าแพแลเห็นเรือที่นั่ ง แล้วลงในเรือที่นั่ งบัลลังก์ทอง เคยหมอบรับกับพระจมื่นไวย เคยรับราชโองการอ่านฉลอง เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ มิได้ข้องเคืองขัดหัทยา จนกฐินสิ้ นแม่น้ำในลำคลอง ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ วาสนาเราก็สิ้ นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ สิ้ นแผ่นดินสิ้ นรศสุคนธา ตั้งสติเติมถวายฝ่ายกุศล ให้ผ่องพ้นภัยสำราญผ่านบุรินทร์ ฯ ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ ทั้งปิ่ นเกล้าเจ้าพิภพจบสกล

นิราศภูเขาทอง ถึงอารามนามวัดประโคนปัก ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน เป็นสำคัญปันแดนในแผ่นดิน มิรู้สิ้ นสุดชื่อที่ลือชา ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน้ำ แพประจำจอดรายเขาขายของ มีแพรผ้าสารพัดสี ม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสำเภา ฯ มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง ให้มัวเมาเหมือนหนึ่ งบ้าเป็นน่ าอาย โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย สุดจะหักห้ามจิตจะคิดไฉน ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก แต่เมาใจนี้ ประจำทุกค่ำคืน ฯ ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป มามัวหมองม้วนหน้ าไม่ฝ่าฝืน จึงต้องขืนในพรากมาจากเมือง ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้ อง เคยใส่ ซองส่ งให้ล้วนใบเหลือง เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมาร้อนรน ถึงบางพลูคิดถึงคู่เมื่ออยู่ครอง ร่มนิ โรธรุกขมูลให้พูนผล ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง ให้ผ่องพ้นภัยพาลสำราญกาย ฯ ถึงบางโพธิ์โอ้พระศรีมหาโพธิ์ มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย ขอเดชะอานุภาพพระทศพล พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง ทรมานหม่นไหม้ฤไทยหมอง ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง พึ่งฉลองเลิกงานเมื่อวานซืน ฯ ตรงหน้ าโรงโพงพางเขาวางราย จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถาน ถึงเขมาอารามอร่ามทอง

นิราศภูเขาทอง โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จบรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น ชมพระพิมพ์ริมผนั งยังยั่งยืน ทั้งแปดหมื่นสี่ พันได้วันทา โอ้ครั้งนี้ มิได้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา เป็นบุญน้ อยพลอยนึ กโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน ดูน้ำวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกรอก กลับกระฉอกฉาดฉั ดฉวัดเฉวียน บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็นหว่างวน ทั้งหัวท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน โอ้เรือพ้นวนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลา ฯ สองฟากฝั่ งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง เหมือนกลิ่นผ้าแพรร่ำดำมะเกลือ โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคา ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ำระกำแฝง เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ำเจือ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน ฯ ทั้งของสวนล้วนแต่เรือเรียงราย ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น ถึงสี่ หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร มาถึงบางธรณี ทวีโศก ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย โอ้สุธาหนาแน่ นเป็นแผ่นพื้น เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา ล้วนหนามเหน็ บเจ็บแสบคับแคบใจ ทั้งผัดหน้ าจับเขม่าเหมือนชาวไทย เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสั ย ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ที่จิตใครจะเป็นหนึ่ งอย่าพึงคิด ฯ เดี๋ยวนี้ มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง นี่ หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ

นิราศภูเขาทอง ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ฯ ถึงบ้านใหม่ใจจิตก็คิดอ่าน จะหาบ้านใหม่มาดเหมือนปราถนา ขอให้สมคะเนเถิดเทวา จะได้ผาสุกสวัสดิ์กำจัดภัย บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน สู้ เสี ยศั กดิ์สั งวาสพระศาสนา ถึงบางหลวงเชิงรากเหมือนจากรัก ถึงนางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดี ฯ เป็นล่วงพ้นรนราคราคา พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ชื่อปทุมธานี เพราะมีบัว ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่ นเกล้า แต่ชื่อตั้งก็ยังอยู่เขารู้ทั่ว ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ไม่รอดชั่วเช่นสามโคกยิ่งโศกใจ โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย แต่เรานี้ ที่สุนทรประทานตัว ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี สิ้ นแผ่นดินสิ้ นนามตามเสด็จ อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี แม้นกำเนิ ดเกิดชาติใดใด ทุกวันนี้ ก็ซังตายทรงกายมา ฯ สิ้ นแผ่นดินขอให้สิ้ นชีวิตบ้าง ไม่มีฝูงสั ตว์สิ งกิ่งพฤกษา เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี นึ กก็น่ ากลัวหนามขามขามใจ ดังขวากแซมเสี้ ยมแซกแตกไสว ถึงบ้านงิ้วเห็นแต่งิ้วละลิ่วสูง ก็ต้องไปปีนต้นน่ าขนพอง ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา ยังคลาดแคล้วครองตัวไม่มัวหมอง งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม เจียนจะต้องปีนบ้างหรืออย่างไร ฯ ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย เราเกิดมาอายุเพียงนี้ แล้ว ทุกวันนี้ วิปริตผิดทำนอง

นิราศภูเขาทอง โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาด ตัดสวาทตัดรักมิยักไหว ถวิลหวังนั่ งนึ กอนาถใจ ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น ดูห่างย่านบ้านช่องทั้งสองฝั่ ง ระวังทั้งสั ตว์น้ำจะทำเข็ญ เป็นที่อยู่ผู้ร้ายไม่วายเว้น เที่ยวซ่อนเร้นตีเรือเหลือระอา ฯ ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา พระสุริยงลงลับพยับฝน ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว เป็นเงาง้ำน้ำเจิ่งดูเวิ้งว้าง ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้ าพวกปลาเลย เห็นดุ่มดุ่มหนุ่ มสาวเสียงกราวเกรียว เรือเราฝืดเฝือมานิ จาเอ๋ย เขาถ่อคล่องว่องไวไปเป็นยืด ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้าพงรก ต้องถ่อค้ำร่ำไปทั้งไม่เคย เรือขย่อนโยกโยนกะโถนหก กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน น้ำค้างตกพร่างพรายพระพายพัด เงียบสงัดสั ตว์ป่าคณานก พอหยุดยุงฉู่ ชุมมารุ มกัด ไม่เห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุ่ง ต้องนั่ งปัดแปะไปมิได้นอน เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ในทุ่งกว้างเห็นแต่แขมแซมสลอน กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง พระพายเฉื่ อยฉิ วฉิ ววะหวิวหวาม จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนั ส ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนิ บัติ วังเวงจิตคิดคะนึ งรำพึงความ ช่วยนั่ งปัดยุงให้ไม่ไกลกาย สำรวลกับเพื่อนรักสะพรักพร้อม ระดะดอกบัวเผื่อนเมื่อเดือนหงาย โอ้ยามเข็ญเห็นอยู่แต่หนูพัด ข้างหน้ าท้ายถ่อมาในสาคร จนเดือนเด่นเห็นกอกระจับจอก เห็นร่องน้ำลำคลองทั้งสองฝ่าย

นิราศภูเขาทอง จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ ารักบรรจงส่งเกสร เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสี ยดสาหร่ายใต้คงคา สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดั่งดาวพราย โอ้เช่นนี้ สีกาได้มาเห็น จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนมุ่งหมาย ที่มีเรือน้ อยน้ อยจะลอยพาย เที่ยวถอนสายบัวผันสั นตวา ถึงตัวเราเล่าถ้ายังมีโยมหญิง ไหนจะนิ่ งดูดายอายบุบผา คงจะใช้ให้ศิษย์ที่ติดมา อุตส่ าห์หาเอาไปฝากตามยากจน นี่ จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยน ถึงตำบลกรุงเก่ายิ่งเศร้าใจ ฯ คิดถึงครั้งก่อนมาน้ำตาไหล มาทางท่าน่ าจวนจอมผู้รั้ง ก็จะได้รับนิ มนต์ขึ้นบนจวน จะแวะหาถ้าท่านเหมือนเมื่อเป็นไวย อกมิแตกเสี ยหรือเราเขาจะสรวล แต่ยามยากหากว่าถ้าท่านแปลก จะต้องม้วนหน้ ากลับอัปประมาณ ฯ เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไม่สมควร ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง มาจอดท่าหน้ าวัดพระเมรุข้าม ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ ง บ้างขึ้นล่องร้องลำเล่นสำราญ เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนื่ อยหู มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสำเพ็ง จนลูกคู่ขอทุเลาว่าหาวนอน ฯ อ้ายลำหนึ่ งครึ่งท่อนกลอนมันมาก จนสงัดเงียบหลับลงกับหมอน ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรือ ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด ประมาณสามยามคล้ำในอัมพร

นิราศภูเขาทอง นาวาเอียงเสี ยงกุกลุกขึ้นร้อง มันดำล่องน้ำไปช่างไวเหลือ ไม่เห็นหน้ าสานุศิษย์ที่ชิดเชื้อ เหมือนเนื้ อเบื้อบ้าเคลอะดูเซอะซะ แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทียนส่ อง ไม่เสี ยของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ ชัยชนะมารได้ดังใจปอง ฯ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย ไปเจดีย์ที่ชื่อภูเขาทอง เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์ สันโดษเด่น คงคาลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได ในจังหวัดวงแขวงกำแพงกั้น มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม บันไดมีสี่ ด้านสำราญรื่น ได้เสร็จสามรอบคำนั บอภิวันท์ ประทักษิณจินตนาพยายาม ด้วยพระพายพัดเวียนอยู่เหียนหัน ห้องถ้ำสำหรับจุดเทียนถวาย แต่ทุกวันนี้ ชราหนั กหนานั ก เป็นลมทักขิณาวัฏน่ าอัศจรรย์ เผลอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เสียดายนั กนึ กน่ าน้ำตากระเด็น โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก จะมิหมดล่วงหน้ าทันตาเห็น กระนี้ หรือชื่อเสียงเกียรติยศ คิดก็เป็นอนิ จจังเสียทั้งนั้ น ฯ เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น บรรจุธาตุที่ตั้งนรังสรรค์ เป็นอนั นต์อานิ สงส์ดำรงกาย ขอเดชะพระเจดีย์คิรีมาศ ให้บริสุทธสมจิตที่คิดหมาย ข้าอุตส่ าห์มาเคารพอภิวันท์ แสนสบายบริบูรณ์ ประยูรวงค์ จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่าใกล้กราย

นิราศภูเขาทอง ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ให้ชนะใจได้อย่าใหลหลง ขอฟุ้งเฟื่ องเรืองวิชาปัญญายง ทั้งให้ทรงศี ลขันธ์ในสั นดาน อีกสองสิ่ งหญิงร้ายและชายชั่ว อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน ขอสมหวังตั้งประโยชน์ โพธิญาณ ตราบนิ พพานภาคหน้ าให้ถาวร ฯ พบพระธาตุสถิตย์ในเกสร พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ ประคองช้อนเชิญองค์ลงนาวา สมถวิลยินดีชุลีกร ใส่ ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา กับหนูพัดมัสการสำเร็จแล้ว ไม่ปะตาตันอกยิ่งตกใจ มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา ใจจะขาดคิดมาน้ำตาไหล แสนเสี ยดายหมายจะชมบรมธาตุ เสี ยน้ำใจเจียนจะดิ้นสิ้ นชีวัน โอ้บุญน้ อยลอยลับครรไลไกล กำเริบโรคร้อนฤไทยเฝ้าใฝ่ฝัน สุดจะอยู่ดูอื่นไม่ฝืนโศก ให้ล่องวันหนึ่ งมาถึงธานี ฯ พอตรู่ตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ ค่อยสร่างทรวงทรงศี ลพระชินสี ห์ ไว้เป็นที่โสมนั สทัศนา ประทับท่าหน้ าอรุณอารามหลวง ทั้งสถูปบรมธาตุพระศาสนา นิ ราศเรื่องเมืองเก่าของเรานี้ ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรูป แรมนิ ราศร้างมิตรพิสมัย เป็นนิ สัยไว้เหมือนเตือนศรัทธา ตามนิ สัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา ใช่จะมีที่รักสมัครมาด สารพัดเพียญชนั งเครื่องมังสา ซึ่งครวญคร่ำทำทีพิรี้พิไร ต้องโรยหน้ าเสียสักหน่ อยอร่อยใจ เหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด อย่านึ กนิ นทาแกล้งแหนงไฉน อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสี กา จึงร่ำไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย ฯ จงทราบความตามจริงทุกสิ่ งสิ้ น นั กเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ

จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร่ำไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย ฯ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook