STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 1 ค่มู อื ระบบดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น โรงเรียนห้วยข้าวกา่ วทิ ยา ปฏิทินการดาเนนิ การตามคมู่ ือระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน โรงเรยี นห้วยข้าวก่าวทิ ยา อ่าเภอจุน จงั หวัดพะเยา ภาคเรียนที่ 1 วนั /เดอื น/ปี รายการ เอกสาร / ผเู้ กย่ี วข้อง …. พ.ค. ….. เตรยี มเอกสารและแจกคู่มอื ระบบดูแลนักเรยี น งานปกครอง,ครูท่ีปรกึ ษา …. พ.ค. ….. ประชุมครู / ผ้ปู กครองนักเรียนชนั้ SDQ ฉบับผ้ปู กครองประเมิน …. พ.ค. ….. ครูทปี่ รกึ ษาพบนักเรียน SDQ ฉบับนกั เรียนประเมนิ …. พ.ค. ….. ครทู ี่ปรกึ ษาพบนักเรยี น SDQ ฉบับครูประเมนิ นักเรยี น …. พ.ค. ….. ครูทป่ี รกึ ษาทา่ การคดั กรองนักเรียนโดยใชเ้ คร่ืองมือ EQ ฉบบั นกั เรียนประเมิน ประเมิน ความเครยี ด,ความสขุ ,ระเบยี นสะสม …. พ.ค. ….. 1. ครูท่ีปรกึ ษาส่งแบบรายงานผลการจัดประชุม ทุกชนั้ ผปู้ กครองช้นั เรียน …. มิ.ย.….. 2. สรุปผลการประชมุ ผ้ปู กครองนักเรียน งานปกครองน่าเสนอผูบ้ รหิ าร ครูท่ีปรึกษาส่งแบบสรุปการคัดกรองนักเรียนทงี่ าน …. มิ.ย.….. ปกครอง แบบบันทกึ การติดตามดูแลนักเรียน ครูท่ปี รึกษาด่าเนินการชว่ ยเหลอื ส่งเสรมิ และ …. มิ.ย.….. แก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ งานปกครองน่าเสนอผ้บู ริหาร ครูทป่ี รกึ ษาสรปุ ผลการตดิ ตามดูแลนักเรยี นที่งาน …. ก.ค..….. ปกครอง แบบบันทกึ การสง่ ต่อภายใน ครทู ่ีปรกึ ษาส่งตอ่ นักเรยี นท่ีมพี ฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงคใ์ ห้ (งานปกครอง,ฝาุ ยวิชาการ) …. ก.ค. ….. ฝาุ ยท่ีเกีย่ วข้อง แบบรายงานแจง้ การชว่ ยเหลือ ฝุายทเ่ี ก่ยี วข้องรายงานสรุปผลการชว่ ยเหลอื นักเรยี น …. ก.ค. ….. นักเรยี น เพอื่ น่าเสนอผบู้ ริหารพจิ ารณาการส่งต่อ …. ก.ค. ….. ภายนอก แบบบนั ทึกการสง่ ต่อภายนอก สง่ ตอ่ ภายนอกกรณีที่มปี ญั หารนุ แรง งานปกครองนา่ เสนอผูบ้ ริหาร ครูทป่ี รกึ ษาส่งสรปุ ผลการด่าเนินการตามคู่มอื ระบบดูแลท่ี งานปกครอง หมายเหตุ วันเวลาการดา่ เนนิ การตามปฏิทินนี้สามารถเปลย่ี นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 2 ค่มู อื ระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น โรงเรียนห้วยข้าวกา่ วทิ ยา ปฏิทินการดาเนนิ การตามคมู่ ือระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน โรงเรยี นห้วยข้าวก่าวทิ ยา อ่าเภอจุน จังหวัดพะเยา ภาคเรียนที่ 2 วัน/เดอื น/ปี รายการ เอกสาร / ผเู้ กย่ี วข้อง …. พ.ย. ….. เตรยี มเอกสารและแจกคู่มอื ระบบดูแลนักเรียน งานปกครอง,ครูท่ีปรกึ ษา …. พ.ย. ….. ประชุมครู / ผ้ปู กครองนักเรียนชนั้ SDQ ฉบับผปู้ กครองประเมิน …. พ.ย. ….. ครูทปี่ รกึ ษาพบนักเรียน SDQ ฉบับนกั เรียนประเมนิ …. พ.ย. ….. ครทู ี่ปรกึ ษาพบนักเรยี น SDQ ฉบับครูประเมนิ นักเรยี น …. พ.ย. ….. ครูทป่ี รกึ ษาทา่ การคดั กรองนักเรียนโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื EQ ฉบบั นกั เรยี นประเมิน ประเมิน ความเครยี ด,ความสขุ ,ระเบยี นสะสม …. พ.ย. ….. 1. ครูท่ีปรกึ ษาส่งแบบรายงานผลการจัดประชุม ทุกชนั้ ผปู้ กครองช้นั เรียน …. ธ.ค..….. 2. สรุปผลการประชมุ ผ้ปู กครองนักเรียน งานปกครองน่าเสนอผูบ้ รหิ าร ครูท่ีปรึกษาส่งแบบสรุปการคัดกรองนักเรียนทีง่ าน …. ธ.ค..….. ปกครอง แบบบันทกึ การติดตามดูแลนักเรียน ครูท่ปี รึกษาด่าเนินการชว่ ยเหลอื ส่งเสรมิ และ …. ธ.ค..….. แก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ งานปกครองน่าเสนอผ้บู ริหาร ครูทป่ี รกึ ษาสรปุ ผลการตดิ ตามดูแลนกั เรยี นท่ีงาน …. ม.ค..….. ปกครอง แบบบันทึกการสง่ ต่อภายใน ครทู ่ีปรกึ ษาส่งตอ่ นักเรยี นท่ีมพี ฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงค์ให้ (งานปกครอง,ฝาุ ยวิชาการ) …. ม.ค. ….. ฝาุ ยท่ีเกีย่ วข้อง แบบรายงานแจง้ การชว่ ยเหลือ ฝุายทเ่ี ก่ยี วข้องรายงานสรุปผลการชว่ ยเหลือ นักเรยี น …. ม.ค. ….. นักเรยี น เพอื่ น่าเสนอผบู้ ริหารพจิ ารณาการสง่ ตอ่ …. ม.ค. ….. ภายนอก แบบบนั ทึกการสง่ ต่อภายนอก สง่ ตอ่ ภายนอกกรณีที่มปี ญั หารนุ แรง งานปกครองนา่ เสนอผูบ้ ริหาร ครูทป่ี รกึ ษาส่งสรปุ ผลการด่าเนินการตามคมู่ อื ระบบดูแลท่ี งานปกครอง หมายเหตุ วนั เวลาการดา่ เนนิ การตามปฏิทินนี้สามารถเปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 3 คู่มอื ระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น โรงเรยี นหว้ ยขา้ วกา่ วิทยา แผนภาพแสดงกระบวนการระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 4 คมู่ อื ระบบดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน โรงเรียนหว้ ยขา้ วก่าวทิ ยา กระบวนการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน การรู้จักนักเรยี นเปน็ รายบุคคล การคดั กรอง การสง่ เสริม การชว่ ยเหลือแก้ไข พฒั นา การส่งต่อ กลยุทธค์ วามสาเรจ็ ในการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียน การบรหิ ารเชงิ ระบบ • การวางแผน • การด่าเนินงาน • การตรวจสอบ/ประเมนิ ผล • การปรับปรงุ พฒั นา การท่างานเป็นทีม กลยทุ ธ์ การนิเทศ ติดตาม และ ประเมิน • ทีมนา่ • ทีมสนบั สนุน • ทมี ท่า การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ • ภายในโรงเรียน • ภายนอกโรงเรยี น STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 5 คมู่ ือระบบดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน โรงเรียนหว้ ยข้าวกา่ วิทยา 1. ระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน ตามบทบัญญตั ิในพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั การดแู ล ช่วยเหลือนักเรียน มาตรา 6 (2542 : 5) ได้ก่าหนดความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคน ไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมใน การดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีวิถีชีวิตที่เป็นสุข ตามท่ีสังคมมุ่งหวัง โดยผ่าน กระบวนการทางการศกึ ษาน้ัน นอกจากจะดาเนินการดว้ ยการส่งเสริมสนับสนุนนักเรียนแล้ว การปูองกันและ แกไ้ ขปัญหาตา่ ง ๆ ท่เี กิดขน้ึ กับนกั เรยี นกเ็ ปน็ สิ่งสา่ คัญ เนื่องจากกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสังคมและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สารสนเทศ และการเปิดรับข้อมูลขา่ วสารแบบไรพ้ รมแดนก่อใหเ้ กดิ การหล่ังไหลแลกเปลี่ยนของวัฒนธรรมท่ัว โลก ส่งผลให้เด็กและเยาวชนมีการรับรู้ ความคิด เจตคติ และพฤติกรรมท่ีเส่ียงต่อการเกิดปัญหาสังคม มาก ขึ้น ปัญหายาเสพติด ปัญหาพฤติกรรมวัยรุ่นที่นิยมความฟุมเฟือยและไม่เหมาะสม การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง อายุที่เร็วขึ้น ปัญหาการพนัน ปัญหาการก่ออาชญากรรม ล้วนแต่กระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสงบสุข ของสังคม ดังนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้อง ทุกฝุาย ในโรงเรียน เพื่อดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด ด้วยความรักและเมตตาต่อศิษย์ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้เติบโต งอกงาม เป็นบุคคลท่ีมี คุณค่าในสังคมต่อไป ส่านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2547,ก:1) ได้ก่าหนดนโยบายให้ สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัด มีหน้าที่ในการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและส่งเสริมสนับสนุนให้ สถานศกึ ษา ตลอดจนผูเ้ กี่ยวข้องเข้ามามสี ่วนรว่ มในการพัฒนาการดาเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยก่าหนดมาตรการสนับสนุน ส่งเสริมศักยภาพนักเรียน เน้นกิจกรรมส่งเสริม พัฒนา ปูองกัน และแก้ปัญหา การคุ้มครองเด็ก เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับความช่วยเหลือให้มีคุณภาพทั้งด้าน รา่ งกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา ใหม้ คี ณุ ธรรมจริยธรรมสามารถดารงชีวิตไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น เปน็ การดา่ เนนิ งานที่มปี ระสทิ ธภิ าพระบบหน่ึงท่กี ระทรวง ศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสุขภาพจิต ได้ ร่วมกันวางรากฐานเพ่ือการพัฒนาคุณภาพนักเรียน ซ่ึงมีแนวทางการด่า เนินงาน ดังน้ี (ส่านักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน , 2547 : 1) 1. ปรับเปล่ียนบทบาทและทัศนคติของผู้บริหาร ครู อาจารย์ ให้ส่งเสริมดูแลพัฒนานักเรียนท้ัง ดา้ นรา่ งกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสงั คม 2. วางระบบทีจ่ ะสร้างความมั่นใจวา่ นกั เรยี นจะมีครูอาจารยอ์ ย่างนอ้ ย 1 คน ที่จะ คอยดแู ลทกุ ข์สขุ อย่างใกล้ชดิ และตอ่ เนื่อง 3. สนบั สนุนใหค้ รูอาจารยม์ คี วามสัมพันธใ์ กล้ชิดกบั ผ้ปู กครอง เพอ่ื ให้บ้าน โรงเรียน ชุมชน เชื่อม ประสาน และร่วมมือกนั เป็นเครือขา่ ยในการเฝูาระวังดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น 4. ประสานสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน ชุมชน และผู้ช่านาญการในสาขาต่าง ๆ เพ่ือให้มีการส่งต่อ และรับช่วงการแกไ้ ข ส่งเสรมิ พัฒนานกั เรยี นและเยาวชนในรปู แบบสหวทิ ยาการ ดังนั้น การด่าเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจึงมีคุณค่าและความจ่าเป็นที่สถานศึกษา จะตอ้ งนาไปปฏิบัติ ให้เกิดผลกับนกั เรียนอยา่ งเปน็ ระบบ ตอ่ เน่ือง และยั่งยืน ซึง่ การท่ี STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 6 คมู่ อื ระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน โรงเรยี นหว้ ยขา้ วกา่ วทิ ยา จะท่าให้การดาเนินงานประสบความส่าเร็จได้ผู้รับผิดชอบในการดาเนินงานต้องมีความเช่ือดังนี้ (ส่านักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน , 2547 : 3) 1. นักเรียนทุกคนต้องการความรักความเข้าใจการให้อภัยการให้โอกาสอยากเป็นคนดีมีปัญญา และมีความสขุ 2. นกั เรยี นทุกคนมศี กั ยภาพท่ีจะเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้ตลอดชวี ติ เพยี งแต่ใช้เวลาและวิธีการ ที่แตกตา่ งกัน 3. ความส่าเร็จของงานต้องอาศัยความร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมคิด ร่วมกระท่าของทุกคนท่ีมีส่วน เก่ยี วขอ้ ง 2. ความหมายของระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน ส่านักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (2547 : 17) ให้ความหมายว่า ระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียน เป็นกระบวนการด่าเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีขั้นตอน พร้อมด้วยวิธีการและ เคร่ืองมือการท่างานที่ชัดเจน โดยมีครูประจ่าช้ันหรือครูท่ีปรึกษาเป็นบุคลากรหลักในการด่าเนินงานและ บุคลากรทุกฝุายท่ีเก่ียวข้องทั้งในและนอกสถานศึกษา ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้บริหารและครูทุกคน ฯลฯ มีส่วนร่วม และดูแลช่วยเหลือนักเรียน คือ การส่งเสริมพัฒนา ปูองกัน และการ แก้ไขปัญหา ได้แก่ นักเรียนที่มีคุณลักษณะที่พ่ึงประสงค์ มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี มี ทกั ษะการดา่ เนินชวี ิตและรอดพันจากวกิ ฤติ ทั้งปวง อานนท์ นนทวัน ( 2551 : 5 ) ได้กล่าวถึงความหมายของระบบการดูและช่วยเหลือนักเรียนไว้ ว่า กระบวนการด่าเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีขั้นตอน พร้อมด้วยวิธีการและเคร่ืองมือท่างานท่ี ชัดเจนโดยมีครูทปี่ รึกษาเป็นบุคลากรหลัก และมีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับครูท่ีเกี่ยวข้องหรือ บคุ คลภายนอก รวมท้งั การสนับสนนุ ส่งเสรมิ จากโรงเรยี น บญุ ประสพ กุลศรี ( 2550 : 6 ) ไดก้ ลา่ วถึงความหมายของระบบการดแู ละช่วยเหลือนักเรียนไว้ ว่า กระบวนการด่าเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีข้ันตอนชัดเจน พร้อมทั้งวิธีการและเคร่ืองมือท่ีมี มาตรฐาน คุณภาพ และมีหลักฐานในการท่างานท่ีตรวจสอบได้ โดยมีครูประจ่าช้ัน / ครูที่ปรึกษา เป็น บุคลากรหลักในการด่าเนินงานและ บุคลาการทุกฝุายท่ีเกี่ยวข้องทั้งในและนอกสถานศึกษา ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้บริหาร และครูทุกคนท่ีมีส่วนร่วมมี องค์ประกอบท่ี ส่าคัญ 5 ด้าน ไดแ้ กก่ ารร้จู ักนกั เรียนเป็นรายบุคคล การคดั กรองนักเรียน การส่งเสริมนักเรียน การปรับปรุงแก้ไข และ การส่งตอ่ กิติภพ เกาแกกูล (2547 : 5-6 ) ได้กล่าวถึงความหมายของระบบการดูและช่วยเหลือนักเรียน ไว้ว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นระบบโดยใช้วิธีการด่าเนินงานดูแลช่วยเหลือที่มี ประสทิ ธิภาพคือด่าเนินตามองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรองนักเรียน การส่งเสริมนกั เรียน การปรบั ปรุงแกไ้ ขและการสง่ ตอ่ กรมสุขภาพจิต ( 2544 : 15 ) ได้กล่าวถึงความหมายของระบบการดูและช่วยเหลือนักเรียนไว้ ว่า ระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นเป็นกระบวนการด่าเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีข้ันตอน พร้อม ด้วยวิธีการและเคร่ืองมือการท่างานท่ีชัดเจน โดยมีครูท่ีปรึกษาเป็นบุคลากรหลักในการด่าเนินงานดังกล่าว STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 7 คู่มือระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน โรงเรยี นหว้ ยข้าวก่าวิทยา และมีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับครูที่เก่ียวข้อง หรือบุคลากรภายนอก รวมท้ังการสนับสนุน สง่ เสริมจากทางโรงเรยี นเพือ่ อา่ นวยความสะดวกซึ่งทางด้านวสั ดอุ ปุ กรณ์ การบรหิ ารจัดการ จากการศึกษาความหมาย ระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียนทก่ี ล่าวมานน้ั สรปุ ได้ว่าระบบการดแู ล ช่วยเหลอื นักเรียน หมายถึง กระบวนการดา่ เนินงานดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียนอยา่ งมีขั้นตอน พร้อมดว้ ยวิธกี าร และเครื่องมือประกอบการทางานทช่ี ดั เจน โดยมคี รูประจา่ ชั้นเป็นบคุ ลากรหลักในการดา่ เนินงาน ประสาน ความรว่ มมอื ระหว่างบุคคลภายในและนอกสถานศึกษา ท่ีเก่ียวข้อง ในการสง่ เสรมิ การปูองกัน และการแก้ไข ปัญหาโดยดาเนินงานตามองค์ประกอบ 5 ดา้ น ไดแ้ กก่ ารรู้จักนักเรียนเปน็ รายบุคคล การคัดกรองนกั เรยี น การสง่ เสรมิ นักเรยี น การปรบั ปรุงแก้ไขและการส่งต่อ 3. ความสาคญั และประโยชน์ของระบบดูและชว่ ยเหลอื นกั เรยี น การดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี นมีความส่าคัญตอ่ การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของนักเรียนทุกคนให้เตบิ โตอย่าง มคี ณุ ภาพ สามารถดารงชวี ิตอยา่ งมคี วามสขุ และก่อให้เกดิ กับสถานศึกษาและบคุ คลทีม่ สี ่วนเกย่ี วข้อง ดงั น้ี (สา่ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน , 2547 : 8) 3.1 นกั เรียน 3.1.1 ไดร้ ับการดแู ลช่วยเหลอื และพัฒนาด้านสขุ ภาพกาย สขุ ภาพจติ และ สภาพแวดลอ้ มทางสงั คมอยา่ งท่ัวถงึ 3.1.2 ไดร้ ับการสง่ เสริม พัฒนา ปอู งกนั แก้ปญั หา ทั้งด้านการเรียนร้แู ละความสามารถ พิเศษ 3.1.3 ได้ร้จู กั ตนเอง สามารถปรบั ตัว มที ักษะทางสังคม และอยูใ่ นสังคมได้อย่าง เปน็ สขุ 3.1.4 มที ักษะในชวี ิตและมสี ัมพันธภาพท่ีดีกับเพอื่ น ครู และผปู้ กครอง 3.2 ครู 3.2.1 ตระหนักและเห็นความส่าคญั ของการดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน 3.2.2 มีเจตคติที่ดตี ่อนักเรยี น 3.2.3 มผี ลงานสอดคล้องกบั มาตรฐานการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา 3.2.4 มีความรกั และศรัทธาในวชิ าชพี ครู 3.3 ผบู้ รหิ ารโรงเรียน 3.3.1 ร้ศู กั ยภาพของครูในการขบั เคล่อื นให้เกดิ การปฏิรูปการเรยี นรู้ 3.3.2 ไดข้ อ้ มลู พ้ืนฐานของนักเรยี นเพ่ือใช้ในการก่าหนดแนวทางในการพฒั นานกั เรียน หลักสูตร และคุณภาพการจดั การศึกษา 3.3.3 มีรปู แบบ กระบวนการพัฒนา และการพัฒนาเชิงระบบ ภายใตก้ ารมีสว่ นร่วม 3.4 โรงเรยี น 3.4.1 มผี ลการดาเนินงานตามมาตรฐานการศึกษา 3.4.2 ไดร้ ับการยอมรับ การสนับสนนุ และความรว่ มมือจากชมุ ชน บคุ ลากร องคก์ รที่ เกย่ี วขอ้ ง 3.4.3 มีการพฒั นาสังคมแหง่ การเรียนรูแ้ ละเอ้ืออาทร 3.5 ผ้ปู กครองและชมุ ชน STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 8 คู่มือระบบดแู ลช่วยเหลอื นักเรียน โรงเรียนห้วยข้าวก่าวทิ ยา 3.5.1 ตระหนกั ในการมีส่วนร่วมกับโรงเรยี น 3.5.2 เขา้ ใจถึงวิธีการอบรมส่ังสอนบตุ รหลาน 3.5.3 เป็นตัวอย่างทด่ี กี ับบตุ รหลานและบุคคลในชุมชน 3.5.4 มสี ัมพันธภาพทดี่ ีกับบุตรหลานและเป็นครอบครัวที่เขม้ แข็ง 4. วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรยี นโดยมกี ระบวนการ วธิ กี าร และเครื่องมอื ที่มี คณุ ภาพและมีมาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้ 2. เพื่อส่งเสรมิ ให้ครูประจ่าช้ัน/ครทู ่ีปรึกษา บคุ ลากรในโรงเรยี น ผูป้ กครอง ชุมชน หนว่ ยงาน และองคก์ รภายนอกมสี ่วนร่วมในการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน 3. เพ่ือดูแลชว่ ยเหลอื และสง่ เสรมิ พฒั นาผ้เู รยี นเตม็ ตามศักยภาพ เป็นคนท่สี มบูรณ์ทั้งด้าน ร่างกายอารมณ์ สังคม และสติปญั ญา 5. องค์ประกอบของระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียน กรมสขุ ภาพจิต (2544 : 19) ไดก้ ลา่ วถงึ องค์ประกอบของระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนไวว้ า่ ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นกระบวนการเนินงานท่ีมอี งค์ประกอบสา่ คญั 5 ประการดงั น้ี 1. การร้จู กั นักเรยี นเปน็ รายบุคคล 2. การคดั กรองนกั เรยี น 3. การส่งเสริมนกั เรยี น 4. การปอู งกนั และแกไ้ ขปญั หา 5. การสง่ ต่อ องค์ประกอบของระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี นท้งั 5 ประการผทู้ ่ีมหี นา้ ทีห่ ลกั ในการด่าเนินงานคือ ครูท่ีปรึกษา โดยประสานความร่วมมือกับครู บุคลากรอื่นท่ีเกี่ยวข้อง ดังนั้นความส่าเร็จจะข้ึนอยู่กับความ รว่ มมือ รว่ มคิด รว่ มท่าของทุกคนโดยเฉพาะผู้บริหารจะต้องตระหนักและให้ความส่าคัญ ให้การสนับสนุนทั้ง ดา้ นวสั ดอุ ปุ กรณ์ ส่งเสริมท้ังด้านความรู้เทคนิควิธีการเพ่ือให้ครูและบุคลากรมีความรู้ความสามารถเกิดความ ม่ันใจ มีขวัญ และก่าลังใจ เพ่ือให้การดูแลช่วยเหลือนักเรียนด่าเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน การ ประกันระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน สังคมเกิดการยอมรับ และมีความเช่ือมั่นว่าโรงเรียน สามารถจัดการศกึ ษาใหผ้ ้เู รยี นท่ีจบการศึกษามีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ การด่าเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนของครูที่ปรึกษาท้ัง 5 องค์ประกอบจะต้องด่าเนินการไป อย่างต่อเนื่องจึงจะสามารถดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากกการ ด่าเนินงานใน องค์ประกอบใดองค์ประกอบหน่ึง ไม่ได้รับการเอาใจใส่หรือมองข้ามความส่าคัญไป การดูแลช่วยเหลือ นกั เรียนจะเป็นไปโดยไม่ทว่ั ถึง และการแก้ปัญหานักเรียนอาจไม่ตรงตามสาเหตุการด่าเนินการดูแลช่วยเหลือ นักเรียนจะไมป่ ระสบผลส่าเร็จ องคป์ ระกอบของระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนดงั กลา่ ว มีความสา่ คัญ วิธีการ และเคร่ืองมือที่ แตกต่างกันไป แตม่ ีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันซึ่งเอื้อให้การดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียนของโรงเรียนเปน็ ระบบท่ี มปี ระสทิ ธภิ าพ ดังรายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 9 คมู่ ือระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน โรงเรยี นหว้ ยข้าวกา่ วทิ ยา 1. การรจู้ กั นักเรียนเป็นรายบุคคล กรมสุขภาพจิต (2545 : 20) ได้กล่าวถึงความส่าคัญของการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลไว้ว่า ความแตกตา่ งของนกั เรยี นแต่ละคนมพี ้นื ฐานความเป็นมาของชีวิตท่ีไม่เหมอื นกัน หล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรม หลากหลายรปู แบบ ทัง้ ด้านบวกและด้านลบ ดังนั้น การรู้ข้อมูลที่จาเป็นเก่ียวกับตัวนักเรียนจึงเป็นส่ิงส่าคัญที่ จะช่วยให้ครูท่ีปรึกษามีความเข้าใจนักเรียนมากขึ้น สามารถน่าข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อคัดกรองนักเรียน เป็น ประโยชนต์ ่อการส่งเสรมิ ปอู งกนั และแก้ไขปญั หานักเรียนได้อย่างถูกทางซ่ึงเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์มิใช่ การใช้ ความรูส้ กึ หรอื การคาดเดาโดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหานักเรียน จะท่าให้ไม่เกิดข้อผิดพลาดต่อการช่วยเหลือ นกั เรยี น หรือเกดิ น้อยที่สดุ โดยข้อมลู พื้นฐานที่เกย่ี วกบั ตัวนักเรยี น ครูที่ปรึกษาควรมอี ยา่ งน้อย 3 ดา้ น ดงั น้ี 1. ด้านความสามารถ แยกเปน็ 1.1 ด้านการเรยี น 1.2 ด้านความสามารถอ่นื ๆ 2. ด้านสขุ ภาพ แยกเปน็ 2.1 ด้านร่างกาย 2.2 ด้านจิตใจ – พฤติกรรม 3. ดา้ นครอบครัว แยกเป็น 3.1 ดา้ นเศรษฐกจิ 3.2 ดา้ นการคมุ้ ครองนักเรยี น 4. ด้านอ่ืน ๆ ท่ีครูพบเพ่ิมเติม ซ่ึงมีความส่าคัญหรือเกี่ยวข้องกับการดูแลช่วยเหลือนักเรียนข้อมูล พนื้ ฐานเกี่ยวกบั ตวั นกั เรยี นในแต่ละด้านทคี่ รทู ปี่ รึกษาจะตอ้ งทราบรายละเอียดและแหล่งของข้อมูลที่เกี่ยวกับ ตวั นกั เรยี นและอาจจะต้องประสานความร่วมมือกับครูและบคุ ลากรอื่น ทัง้ ในและนอกโรงเรียนเพ่ือให้ได้มาซ่ึง ขอ้ มลู ดงั กล่าวอนั เปน็ ประโยชน์ต่อการรจู้ กั นกั เรยี นดีขึ้น รายละเอียดข้อมูลพ้ืนฐานนักเรียนท่ีครูที่ปรึกษาควร ทราบ กรมสุขภาพจิต ( 2544 : 22-24) ได้กล่าวถึง วิธีการและเครื่องมือในการรู้จักนักเรียนเป็น รายบุคคลของครู ครูที่ปรึกษาควรใช้วิธีการและเคร่ืองมือท่ีหลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลนักเรียนครอบคลุมทั้ง ทางดา้ นความสามารถ ด้านสขุ ภาพ และด้านครอบครวั ทสี่ ่าคัญ คือ 1.1 ระเบียนสะสม ระเบียนสะสม เป็นเคร่ืองมือในรูปแบบของเอกสารเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลที่เก่ียวกับตัวนักเรียน โดยนักเรียนเป็นผู้กรอกข้อมูลและครูที่ปรึกษาน่าข้อมูลเหล่านั้นมาศึกษาพิจารณาทาความรู้จักนักเรียน เบื้องต้น หากข้อมลู ไมเ่ พยี งพอ หรือมขี อ้ สงั เกตบางประการก็ควรหาขอ้ มูลเพิ่มเติมด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การ สอบถามจากนกั เรยี นโดยตรง การสอบถามจากครูอื่น ๆ หรือเพ่ือนอื่น ๆ ของนักเรียน เป็นต้น รวมทั้งการใช้ เคร่ืองมือทดสอบต่าง ๆ หากครูที่ปรึกษาด่าเนินการได้ เช่น แบบประเมินพฤตอกรรมเด็กนักเรียน (SDQ) แบบประเมนิ ความฉลาดทางอารมณ์(EQ) และแบบประเมนิ ความฉลาดทางสติปญั ญา (IQ) เป็นตน้ รูปแบบและรายละเอียดในระเบียนสะสมของแต่ละโรงเรียนมีความแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับความ ตอ้ งการของแต่ละโรงเรยี น แตย่ ่างน้อยควรครอบคลุมข้อมูลท้ังด้านการเรียนด้านสุขภาพ และด้านครอบครัว ระเบียนสะสม เป็นข้อมูลส่วนตัวของนักเรียน จึงต้องเป็นความลับและเก็บไว้อย่างดี มิให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 10 คู่มือระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น โรงเรียนหว้ ยข้าวก่าวิทยา เด็กอ่ืน ๆมาร้ือค้นได้ หากเป็นไปได้ควรเก็บไว้ที่ครูท่ีปรึกษาและมีตู้เก็บระเบียนสะสมให้เรียบร้อย ระเบียน สะสม ควรเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเน่ืองอย่างน้อย 3 ปี การศึกษาหรือ 6 ปีการศึกษาและส่งต่อระเบียน ไปยังครูท่ีปรึกษาใหม่ในปีการศึกษาต่อไปหรืออาจจัดครูที่ปรึกษาตามดูแลนักเรียนอย่างต่อเนื่องจนจบ มธั ยมศกึ ษาในแต่ละตอนหรือจนจบ 6 ปกี ารศกึ ษาก็ได้ 1.2 แบบประเมนิ พฤตกิ รรมเด็ก (SDQ) แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก ไม่ได้เป็นแบบวัดหรือทดสอบแต่เป็นเคร่ืองมือส่าหรับการคัดกรอง ด้านพฤติกรรม การปรับตัว ที่มีผลเกี่ยวเน่ืองกับสุขภาพจิต ซึ่งจะช่วยให้ครูท่ีปรึกษามีแนวการพิจารณา นักเรียนด้านสุขภาพจิตมากข้ึนแบบประเมินพฤติกรรมเด็กเป็นเครื่องมือท่ีกรมสุขภาพจิตเป็นผู้จัดท่า โดย พัฒนาจาก The Strengths and Difficulties Questionnaire (SDQ) ประเทศเยอรมนี ซงึ่ ใช้กนั แพร่ หลายในประเทศแถบยุโรป เพราะมีความเที่ยงตรง จ่านวนข้อไม่มาก คณะผู้จัดท่าของกรมสุขภาพจิต โดย แพทย์หญิงพรรณพิมล หล่อตระกูล เป็นหัวหน้าคณะได้ท่าการวิจัยเพ่ือวิเคราะห์ความเท่ียง และความตรง ของแบบประเมิน และหาเกณฑม์ าตรฐาน (Normal) ของเด็กไทย แบบประเมนิ พฤติกรรมเดก็ มี 3 ชดุ คอื 1) ชุดครเู ปน็ ผู้ประเมนิ เดก็ 2) ชุดที่พอ่ แม่ ผูป้ กครอง เป็นผปู้ ระเมินเด็ก 3) ชดุ ท่เี ดก็ ประเมินตนเอง ทั้ง 3 ชุด มีเน้ือหาและจ่านวนข้อ 25 ข้อเท่านั้น ทางโรงเรียนอาจเลือกใช้ชุดที่นักเรียนประเมิน เองชดุ เดยี ว หรืใชค้ วบคกู่ ับชดุ ทีค่ รทู ี่ปรึกษาประเมินเพื่อความเท่ียงตรงย่ิงขึ้น โดยระยะเวลาที่ประเมินไม่ควร ห่างจากนักเรียนประเมินตนเอง 1 เดือน ซึ่งหากเป็นไปได้ควรใช้แบบประเมินท้ัง 3 ชุดพร้อมกัน เพื่อ ตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลท่อี อกมา 1.3 วธิ ีการและเครือ่ งมืออน่ื ๆ ในกรณที ขี่ ้อมูลของนกั เรียนจกระเบียบสะสมและแบบประเมินพฤติกรรมเด็กไม่พอเพียงหรือเกิด กรณีทจ่ี าเป็นตอ้ งมีข้อมูลท่ีเพิ่มเติมอีก ครูทป่ี รกึ ษาก็อาจใช้วธิ ีการและเคร่ืองมืออื่นๆ เพ่ิมเติม เช่น การสังเกต พฤตกิ รรมอน่ื ๆ ในห้องเรยี น การสัมภาษณ์ และการเยยี่ มบา้ นนกั เรียน เป็นต้น 2. การคดั กรองนกั เรียน กรมสุขภาพจิต(2544 : 25)ได้กล่าวถึง ความส่าคัญของการคัดกรองนักเรียนว่าการคัดกรอง นักเรยี นเปน็ การพจิ ารณาข้อมลู ทเี่ กี่ยวกับตวั นกั เรยี น เพอ่ื การจดั กลุม่ นักเรยี นเปน็ 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มปกติ คือ นักเรียนที่ได้รับการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ตามเกณฑ์การคัดกรองของโรงเรียน แลว้ อยู่ในเกณฑ์ของกลุม่ ปกติ 2. กลุ่มเสี่ยง / มีปัญหา คือ นักเรียนจัดอยู่ในเกณฑ์กลุ่มเสียง / มีปัญหาตามเกณฑ์การคัดกรอง ของโรงเรียนต้องให้การช่วยเหลือ ปูองกันหรือแก้ไขปัญหาตามกรณีการจัดกลุ่มนักเรียนนี้มีประโยชน์ต่อครูท่ี ปรึกษาในการหาวิธีดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาให้ตรงกับปัญหาของ นักเรียน และมีความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา เพราะมีข้อมูลของนักเรียนในด้านต่างๆ ซ่ึงหากครูที่ปรึกษา ไม่ได้คัดกรองนักเรียนเพื่อการจัดกลุ่มแล้วความชัดเจนในเปูาหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาของนักเรียนจะมี STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 11 ค่มู อื ระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น โรงเรยี นหว้ ยข้าวก่าวิทยา นอ้ ยลงมผี ลตอ่ ความรวดเรว็ ในการชว่ ยเหลอื ซึ่งบางกรณีจ่าเปน็ ต้องแกไ้ ขเร่งด่วนผลการคัดกรองนักเรียนครูท่ี ปรึกษาจ่าเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ทาให้นักเรียนรับรู้ว่าตนเองถูกจัดกลุ่มเส่ียงมีปัญหา ซึ่งมีความ แตกตา่ งจากกลมุ่ ปกติ โดยเฉพาะนกั เรียนวัยรุ่นที่มีความไวต่อการรับรู้ (Sensitive) แม้ว่านักเรียนจะรู้ตัวดีว่า ขณะนี้ตนมพี ฤติกรรมอยา่ งไรหรือประสบกับปัญหาใดก็ตาม และเพื่อเป็นการปูองกันการล้อเลียนในหมู่เพื่อน อีกดว้ ย ดงั นั้น ครทู ่ปี รกึ ษาตอ้ งเก็บผลการคดั กรองนักเรยี นเปน็ ความลับ นอกจากน้ีหากครูท่ีปรึกษามี การประสานงานกับผู้ปกครอง เพ่ือการช่วยเหลือนักเรียนก็ควรระมัดระวังการสื่อสารท่ีท่าให้ผู้ปกครองเกิด ความรู้สึกว่าบุตรหลานของตนถูกจัดอยู่ในกลุ่มผิดปกติ แตกต่างจากเพ่ือนนักเรียนอ่ืนๆ ซึ่งอาจมีผลเสียต่อ นกั เรยี นในภายหลงั ได้ กรมสุขภาพจิต (2544 : 25-26) ได้กล่าวถึงการคัดกรองนักเรียนไว้ว่าการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อ การคดั กรองนักเรยี นนั้น ให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของครทู ีป่ รกึ ษาและยึดถือเกณฑ์การคัดกรองนักเรียนโรงเรียนเป็น หลกั ด้วย ดงั น้นั โรงเรียนจึงควรมีการประชุมครู เพ่ือการพิจารณาเกณฑ์การจัดกลุ่มนักเรียนร่วมกัน เพ่ือให้มี มาตรฐานหรือแนวทางการคัดกรองนักเรียนท่ีเหมือนกันเป็นท่ียอมรับของครูในโรงเรียน รวมท้ังให้มีก่าหนด เกณฑ์วา่ ความรนุ แรงหรอื ความถ่ขี องพฤติกรรมเทา่ ใดจงึ จัดอยใู่ นกลุ่มเสยี่ ง มีปญั หา 3. การสง่ เสริมนักเรียน กรมสุขภาพจิต (2544 : 29) ได้กล่าวถึงความส่าคัญของการส่งเสริมนักเรียนไว้ว่าการส่งเสริม นักเรียนเป็นการสนับสนุนให้นักเรียนทุกคนที่อยู่ในความดูแลของครูที่ปรึกษาไม่ว่าจะเป็นนักเรียนกลุ่มปกติ หรือกลุ่มเส่ียง มีปัญหา ให้มีคุณภาพมากข้ึน มีความภาคภูมิใจตนเองในด้านต่างๆ ซ่ึงจะช่วยปูองกันมิให้ นักเรียนทีอ่ ยูใ่ นกลมุ่ ปกติกลายเป็นนักเรียนกลุ่มเสี่ยง มีปัญหาและเป็นการช่วยให้นักเรียนกลุ่มเสี่ยง มีปัญหา กลับมาเป็นนักเรยี นกลมุ่ ปกตแิ ละมคี ณุ ภาพตามที่โรงเรียนหรอื ชมุ ชนคาดหวังต่อไป กรมสุขภาพจติ (2544 : 29) ไดก้ ลา่ วถงึ วธิ กี ารและเครื่องมอื เพอื่ สง่ เสรมิ ตวั เองไว้ว่า วิธีการและ เครือ่ งมอื เพอ่ื การสง่ เสริมนักเรียนมีหลายวิธีที่โรงเรียนสามมารถพิจารณาดาเนินการ คือการจัดกิจกรรม โฮม รมู (Homeroom) การจัดประชมุ ผปู้ กครองชน้ั เรียน(Classroom Meeting) การจัดกิจกรรมโฮมรูม เป็นกิจกรรมท่ีด่าเนินเพ่ือส่งเสริมนักเรียนเป็นรายบุคคลหรือเป็นรายกลุ่ม กไ็ ด้ ซงึ่ สถานทที่ ใ่ี ช้ในการจัดกิจกรรมโฮมรมู อาจเปน็ หอ้ งเรียนหรือนอกหอ้ งเรียนที่มีบรรยากาศเสมือนบ้านท่ี มีครูท่ีปรึกษาและนักเรียนเป็นดั่งสมาชิกในในครอบครัวเดียวกัน และมีการท่ากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ด้าน ต่างๆ เช่น การรู้จักตนเองของนักเรียน การรู้จักผู้อ่ืนและส่ิงแวดล้อม ทักษะในการตัดสินใจ ทักษะในการ ปรับตวั และการวางแผนชวี ติ เปน็ ตน้ กจิ กรรมเหล่านี้ครูและนักเรียนควรมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมด้วยกัน ทาให้ ครูประจ่าช้ัน/ครูที่ปรึกษา รู้จักนักเรียนมากขึ้นและเป็นการปูองกันปัญหาท่ีเกิดกับนักเรียนได้อีกทาง หนึง่ โดยมีแนวด่าเนินการจดั กิจกรรมโฮมรมู ดงั น้ี 1. ก่าหนดกจิ กรรมโฮมรมู โดยยดึ ความตอ้ งการของนักเรยี น ใหน้ กั เรียนมสี ่วนร่วมใน การจัดกิจกรรมโฮมรมู ดงั น้ี 1.1 สา่ รวจความตอ้ งการของนกั เรียนในการจัดกจิ กรรมโฮมรูม 1.2 พิจารณาเลือกหัวข้อและวธิ ีการจดั กิจกรรมใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการของ นกั เรียนหรือใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ในขณะน้นั ๆ และเปน็ เรือ่ งทันสมยั STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 12 คู่มอื ระบบดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน โรงเรยี นห้วยข้าวกา่ วิทยา 1.3 จัดกิจกรรมโฮมรูมแต่ละคร้ัง ควรมีการด่าเนินงานเป็นหลักฐานท้ังก่อนการด่าเนินการและ หลังการด่าเนินการ ซึ่งอาจเขียนในรูปแบบของการบันทึกการจัดกิจกรรมหรืออื่น ๆ รวมท้ังให้สรุปผลท่ีเกิด ข้ันกับนักเรียนหลังการจัดกิจกรรมทุกครั้ง ซึ่งการบันทึกอาจบันทึกในแผนการกิจกรรมหรือในแบบฟอร์ม บนั ทกึ แยกออกมาต่างหากก็ได้ ข้นึ อยู่กับความเหมาะสม และความสะดวกในการใช้ 1.4 ประเมินผลการจัดกจิ กรรมและจัดทา่ รายงาน 2. โรงเรียนก่าหนดแนวทางการจัดกิจกรรม โฮมรูมหรือมีคู่มือในการจัดกิจกรรมทุกคร้ัง โดย จุดมุ่งหมายเนื้อหาสาระที่สอดคล้องกับนโยบายของโรงเรียนในการพัฒนานักเรียนครูท่ีปรึกษาก็ด่า เนินการ ตามน้ัน แต่ใหม้ คี วามยดื หย่นุ ในการก่าหนดหัวข้อและวธิ กี ารดา่ เนินกจิ กรรมให้เหมาะสมและทนั สมัย 3. วิธีการผสมผสาน โดยยึดความต้องการของนักเรียนและนโยบายของโรงเรียนในการพัฒนา นักเรยี นในการจดั กิจกรรมโฮมรูม 4. วิธีอ่ืน ๆ ตามความเหมาะสมการจัดกิจกรรมประชุมผู้ปกครองนักเรียน เป็นการพบกัน ระหว่างครูที่ปรึกษากับผู้ปกครองนักเรียนท่ีครูท่ีปรึกษาดูแลอยู่ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และ ร่วมมือกันดูแลช่วยเหลือนักเรียน ระหว่างบ้าน โรงเรียน และผู้ปกครองด้วยกัน การประชุมผู้ปกครองจะท่า ให้นักเรียนได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากผู้ปกครองมากขึ้นหรือร่วมมือกับทางโรงเรียนในการปูองกันหรือแก้ไข ปญั หาของนกั เรียน โดยมแี นวดา่ เนินการดงั นี้ 4.1 การเตรียมการ ครูที่ปรึกษาควรเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลของนักเรียนแต่ละคนและกิจกรรมท่ีจะด่าเนินการ โดยก่าหนดวัตถุประสงค์ในการจัด กจิ กรรมที่ชดั เจน 4.2 การสื่อสาร ครูทีป่ รึกษาควรระมดั ระวงั คาพดู ที่กอ่ ใหเ้ กดิ ความรู้สกึ ทางลบหรือ ต่อต้านจากผู้ปกครอง เช่น การต่าหนินักเรียนหรือผู้ปกครอง การแจ้งข้อบกพร่องของนักเรียนในท่ีประชุม ควรใช้คาพูดท่ีแสดงถึงความเข้าใจในตัวนักเรียน แสดงถึงความห่วงใยของครูท่ีมีต่อนักเรียนทุกคนและอาศัย กิจกรรมท่ีทาให้ผู้ปกครองตระหนักในความรับผิดชอบ และต้องการปรับปรุงแก้ไขในส่วนท่ีบกพร่องของ นักเรยี น 4.3 การจัดกิจกรรมในการประชุม การท่ีจะให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในท่ีประชุมนั้น จ่าเปน็ ต้องใชก้ ิจกรรมต่างๆ โดยเร่ิมด้วยการสร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้ปกครองด้วยกันก่อนจึงจะมีกิจกรรม อ่ืนๆ ใหผ้ ูป้ กครองได้แสดงความคิดเห็นซ่งึ เป็นสาระทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน 4.4 การสรปุ ผล และการบันทึกการประชมุ ผู้ปกครองในการประชุมแต่ละคร้ังครูที่ปรึกษา ควรมกี ารสรปุ ผลและจัดทาเอกสารเป็นหลกั ฐานเพ่อื ประโยชนด์ งั น้ี 1. เปน็ หลกั ฐานในการจัดประชุมแตล่ ะครง้ั 2. เปน็ ข้อมูลสา่ หรับการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี นต่อไป 3. เปน็ ข้อมูลสาหรับการจัดประชมุ ให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ การของผู้ปกครอง 4. การป้องกนั และช่วยเหลอื นกั เรียน กรมสุขภาพจิต (2544 : 32) ได้กล่าวถึงความส่าคัญของการปูองกันช่วยเหลือนักเรียนไว้ว่า ใน การดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนครูท่ปี รกึ ษาควรใหค้ วามเอาใจใส่กับนักเรยี นทุกคนเทา่ เทยี มกัน แต่สาหรับนักเรียน STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 13 คมู่ ือระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น โรงเรยี นหว้ ยข้าวก่าวิทยา กลุ่มเสีย่ ง/มีปญั หานั้นจา่ เป็นอยา่ งมากทีต่ อ้ งใหค้ วามดแู ลใส่ใจอยา่ งใกล้ชิดและหาวิธีช่วยเหลือทั้งปูองกันและ การแกป้ ญั หา โดยไมป่ ลอ่ ยปะละเลยนักเรียนจนกลายเป็นปญั หาของสงั คม ประเทศชาตติ อ่ ไป กรมสุขภาพจิต (2544 : 32) ได้กล่าวถึง วิธีการและเครื่องมือเพื่อปูองกันและแก้ไขปัญหา นักเรียนไว้ว่า การปูองกันและแก้ไขปัญหาให้กับนักเรียนนั้นมีหลายเทคนิควิธีการแต่สิ่งที่ครูที่ปรึกษา จ่าเป็นต้องด่าเนินการมี 2 ประการ คือ การให้ค่าที่ปรึกษาเบ้ืองต้นกับนักเรียนเป็นการช่วยเหลือผ่อนคลาย ปัญหาให้ลดน้อยลงทั้งด้านความรู้สึก ความคิด และการปฏิบัติตนของนักเรียนในทางท่ีไม่ถูกต้อง โดยมุ่งหวัง ให้นกั เรยี นมกี ารเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางทด่ี งี ามหรอื พงึ ประสงค์ ปัจจัยส่าคัญที่จะท่าให้การปรึกษาเบื้องต้นมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือนักเรียน ครูที่ปรึกษา ควรมคี วามรู้และทกั ษะพน้ื ฐานดงั น้ี 1. จิตวิทยาวยั ร่นุ 2. ความตอ้ งการพ้นื ฐานของมนษุ ยท์ ้งั รา่ ยกายและจิตใจ 3. กระบวนการและทักษะการปรึกษาเบ้ืองต้นที่ส่าคัญคือ การสร้างสัมพันธภาพ การใช้ค่าถาม การรบั ฟังทั้งเนอื้ หาและความรสู้ กึ 4. แนวทางการแก้ไขปัญหาของนักเรียนในแต่ละลักษณะของปัญหา เช่น ด้านการเรียน สุขภาพ ครอบครัว หรือการใช้สารเสพตดิ การพนนั การหนีเรยี น เป็นตน้ แนวด่าเนินการ การให้ค่าปรึกษาครูท่ีปรึกษาควรมีความพร้อมในการให้ค่าปรึกษา ช่วยเหลือ นักเรียนด้วยความรู้สึกท่ีดีต่อนักเรียน ต้ังแต่เริ่มต้นจนจบการปรึกษา โดยมีกระบวนการในการปรึกษา คือ การสร้างสัมพันธภาพ พิจารณาท่าความเข้าใจปัญหา ก่าหนดวิธีการและด่าเนินการแก้ไขปัญหา ยุติการ ปรกึ ษา การเป็นผู้ให้คา่ ปรึกษาท่ดี มี ีคุณภาพนั้น ครทู ี่ปรึกษาควรปฏิบตั ดิ งั น้ี 1. รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการศึกษาหรือวิธีการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในด้านต่าง ๆ ซ่ึงอาจจะ รับการอบรมจากหน่วยงานภายนอก หรือโรงเรยี นจัดอบรมให้ 2. หมั่นฝึกฝนทกั ษะการปรึกษาและพัฒนาตนอยา่ งสม่าเสมอ 3. ศึกษา ค้นคว้าเพ่ิมเติมเก่ียวกับจิตวิทยาพัฒนาการหรือความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับการปรึกษา การ ดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียนการจัดกิจกรรมเพ่ือปูองกันและช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของนักเรียนในการปูองกันแก้ไข ปัญหาของนักเรยี น นอกจากจะให้ค่าปรึกษาเบ้ืองต้นแล้วการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการช่วยเหลือนักเรียนก็เป็นสิ่ง ส่าคัญ เพราะจะท่าให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพก่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจของครูทุกคน โดยมีแนว ด่าเนินการคือ ครูท่ีปรึกษาสามารถคิดพิจารณากิจกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาของนักเรียนได้หลายแนวทาง และท่ีสา่ คญั มี 5 แนวทาง คอื 1. การใชก้ จิ กรรมเสรมิ หลกั สูตร 2. การใช้กิจกรรมในหอ้ งเรียน 3. การใช้กจิ กรรมเพ่อื ช่วยเพอ่ื น 4. การใชก้ ิจกรรมซอ่ มเสริม 5. การใช้กจิ กรรมการส่ือสารกบั ผปู้ กครอง ส่าหรับกิจกรรมตามข้อ 2,3 และ 5 ครูที่ปรึกษาสามารถด่าเนินการด้วยตนเอง ส่วนข้อ 1 และ ขอ้ 4 จา่ เป็นตอ้ งมีการประสานงานเพอื่ ขอความร่วมมือจากครูอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องท้ังการสนับสนุนของผู้บริหาร STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 14 คู่มอื ระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น โรงเรยี นหว้ ยข้าวก่าวทิ ยา โรงเรียนการพิจารณากิจกรรมครูท่ีปรึกษาควรค่านึงถึงความเหมาะสมกับลักษณะปัญหา บุคลิกลักษณะของ นกั เรยี นแต่ละคนสภาพของชน้ั เรียน โรงเรียน และชุมชน 5. การสง่ ตอ่ นกั เรยี น กรมสขุ ภาพจิต (2545 : 36 ) ไดก้ ล่าวไวว้ ่า การสง่ ต่อนกั เรียนแบ่งเป็น 2 แบบ คือ 1. การสง่ ตอ่ ภายใน ครทู ีป่ รึกษาส่งต่อไปยังครทู ส่ี ามารถให้การชว่ ยเหลอื นักเรียนได้ ทง้ั นีข้ นึ้ อยูก่ ับลักษณะของปญั หา เช่น ครูแนะแนว ครพู ยาบาล ครูประจาวชิ าและครฝู าุ ยปกครอง เปน็ ตน้ 2. การสง่ ต่อภายนอก ครูแนะแนวหรือครฝู ุายปกครองเป็นผดู้ าเนินการส่งตอ่ ไปยัง ผู้เชี่ยวชาญ การส่งต่อภายใน หากส่งต่อไปยังครูแนะแนวหรือฝุายปกครองจะเป็นการแก้ไขปัญหาท่ียากต่อ การช่วยเหลือของครุท่ีปรึกษา เช่น ปัญหาเก่ียวกับจิตใจ ความรู้สึก ปัญหาพฤติกรรมที่ซับซ้อนหรือรุนแรง เป็นต้น ครทู รี่ บั ตอ่ ต้องการช่วยเหลอื อยา่ งมีระบบ และประสานการท่างานกับผู้เกี่ยวข้อง เพ่ือการช่วยเหลือท่ี มปี ระสิทธิภาพ แตห่ ากกรณที ี่ยากต่อการชว่ ยเหลอื อีก กส็ ่งตอ่ ผ้เู ช่ยี วชาญภายนอก กรมสขุ ภาพจิต (2544 : 36) ได้กล่าวถึงความส่าคัญของการส่งต่อนักเรียนไว้ว่า ในการปูองกัน และแก้ไขปัญหาของนักเรียน โดยครูที่ปรึกษาตามกระบวนการในข้อ 4 นั้น อาจมีบางกรณีที่ปัญหามีความ ยากต่อการช่วยเหลือ หรือช่วยเหลือแล้วนักเรียนมีพฤติกรรมไม่ดีขึ้นก็ควรดาเนินการส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะด้านต่อไป เพื่อให้ปัญหาของนักเรียนได้รับความช่วยเหลืออย่างถูกทางและรวดเร็วขึ้น หากปล่อยให้ เป็นบทบาทหน้าท่ีของครูท่ีปรึกษาหรือครูคนใดคนหนึ่งเท่านั้นความยุ่งยากของปัญหาอาจมีมากขึ้นหรือ ลกุ ลามกลายเปน็ ปญั หาใหญโ่ ต ยากตอ่ การแกไ้ ขรับนักเรยี นจากครูท่ีปรึกษาใหก้ ารปรึกษา / ช่วยเหลอื แนวทางการพิจารณาในการส่งต่อโดยครูท่ีปรึกษา การส่งนักเรียนไปพบครูอื่น ๆ เพ่ือให้การ ชว่ ยเหลือต่อไปนน้ั มแี นวทางการพิจารณาส่งต่อส่าหรับครูทป่ี รึกษา ดงั นี้ 1. นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรมคงเดิมหรือไมด่ ขี น้ึ หรือแยล่ ง แมว้ า่ ครูทป่ี รกึ ษาชว่ ยเหลอื ดว้ ยวธิ ีการใด ๆ 2. นักเรยี นไม่ใหค้ วามร่วมมอื ในการช่วยเหลอื ของครูท่ีปรึกษา เช่น นดั ให้มาพบแล้วไม่มาตามนัด อยู่เสมอ ให้ทากจิ กรรมหรือการช่วยเหลือก็ไม่ยนิ ดรี ว่ มกิจกรรมใด ๆ 3. ปญั หาของนกั เรยี นท่ีเปน็ เรอ่ื งเฉพาะดา้ น เช่น เกยี่ วกบั ความรู้สกึ ความซบั ซ้อนของสภาพจิตใจ ทจี่ า่ เปน็ ตอ้ งพิจารณาสง่ ตอ่ ผ้มู คี วามรเู้ ฉพาะทางเพอ่ื ด่าเนินการช่วยเหลอื ต่อไป แนวทางดาเนนิ การส่งต่อนักเรียนของครูทป่ี รกึ ษามีแนวดาเนินการ ดังนี้ 1. ประสานงานกับครูทจี่ ะช่วยเหลือนกั เรียนตอ่ เพื่อใหท้ ราบล่วงหนา้ ก่อน เพื่อให้ ร้รู บั นกั เรียนตอ่ ไปเตรียมการในการชว่ ยเหลือนกั เรียน 2. สรุปข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ และวิธีการช่วยเหลือท่ีผ่านมา รวมทงั้ ผลท่เี กดิ ขน้ึ กบั การชว่ ยเหลือนน้ั ให้ผทู้ ีร่ ับการช่วยเหลือนักเรียนทราบ โดยมีแบบบันทึกการส่งต่อ หรือ แบบประสานงานขอความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องเพ่ือให้ผู้รับช่วยเหลือนักเรียนต่อทราบข้อมูลเบ้ืองต้นของ นักเรียนและการด่าเนินงานของครูท่ีปรึกษาที่ผ่านมาทาให้สะดวกในการวางแผน ช่วยเหลือนักเรียนอย่าง ต่อเนอ่ื ง 3. ครูที่ปรึกษาควรช้ีแจงให้นักเรียนเข้าใจถึงความจาเป็นในการส่งต่อโดยใช้คาพูดท่ีสร้างสรรค์ ระมัดระวังมิใหน้ ักเรียนเกิดความรสู้ กึ ผดิ กงั วล หรือโกรธ เป็นต้น แต่ให้นักเรียนมีความรู้สึกที่ดีจากการส่งต่อ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 15 คมู่ ือระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนห้วยขา้ วกา่ วิทยา และยินดีไปพบครูที่จะช่วยเหลือตามแต่กรณีท่ีครูท่ีปรึกษาพิจารณาว่าเหมาะสม เพ่ือให้นักเรียนเกิดความ สบายใจ ยินดีรบั การช่วยเหลือจากครู อืน่ ๆ เช่น ครูแนะแนวครฝู าุ ยปกครอง ครูประจารายวิชา เป็นต้น 4. ครูท่ีปรึกษานัดแนะวัน เวลา สถานท่ี นัดพบกับครูท่ีรับการช่วยเหลือนักเรียนและส่งต่อให้ เรยี บร้อย เพอื่ รับวัน เวลา สถานทีท่ ่พี บกนั 5. ติดตามผลการช่วยเหลือนักเรียนอย่างสม่าเสมอ เพ่ือทราบความก้าวหน้าในการช่วยเหลือ นกั เรียนและความเปล่ยี นแปลงของนักเรียน จากการศึกษาองค์ประกอบของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่กล่าวมาน้ัน สรุปได้ว่า องค์ประกอบดูแลระบบช่วยเหลือนักเรียน มี 5 ประการ ได้แก่ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรอง นักเรียน การส่งเสริมนักเรียน การปูองกันและแก้ไขปัญหา การส่งต่อ โดยมีการประสานความร่วมมือจาก หลายฝุายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและผู้เรียน มีข้อมูล วิธีการ เคร่ืองมือท่ีมี ประสทิ ธิภาพ และชว่ ยเหลอื นักเรียนตรงกับสภาพ และทันการณ์ 6. การดาเนินงานตามระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น กระทรวงศกึ ษาธิการ (2547 : 35) ไดก้ ลา่ วถึง การด่าเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีครปู ระจา่ ชัน้ /ครูท่ีปรึกษาเป็นบุคลากรหลักในการดาเนินงาน มีภารกิจหลักที่เป็นหัวใจของ การด่าเนินงาน 5 กิจกรรม คือ 1. การรู้จกั นกั เรยี นเป็นรายบุคคล 2. การคดั กรองนกั เรียน 3. การสง่ เสริมและพฒั นานกั เรียน 4. การปอู งกันและแก้ไขปญั หา 5. การส่งต่อ กระทรวงศึกษาธิการ (2544 : 7 - 8) ได้กล่าวถึง การน่าระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนไปใช้ ในโรงเรียนเพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลน้ัน ได้อาศัยการท่างานที่มีหลักการบริหารจัดการอย่าง เป็นระบบ (PDCA) โดยมีขนั้ ตอนการดา่ เนินงาน ดงั น้ี ข้ันที่ 1 การเตรียมการและวางแผนด่าเนินงาน (Plan) มีการแต่งต้ังคณะกรรมการวิเคราะห์ สภาพความพรอ้ มพ้ืนฐานของโรงเรยี นและจดั ท่าแผนปฏบิ ตั กิ าร ขน้ั ท่ี 2 การปฏิบตั ิตามแผน (Do) มีการสรา้ งความตระหนกั และความเขา้ ใจกบั บุคลากร ในโรงเรียนแล้วดาเนินการตามแผนปฏิบัติงานที่จัดท่าขึ้น โดยเฉพาะการด่าเนินงานของครูท่ีปรึกษา ในการ บริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนท้ัง 5 ประการคือ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรอง นกั เรียน การส่งเสริมนักเรยี น การปูองกนั และแก้ไขปญั หา การสง่ ต่อ ข้นั ที่ 3 การก่ากับ ติดตาม ประเมินและรายงาน (Check) มีการติดตามประเมินผล เพ่ือทบทวน การดา่ เนินงานท่ผี ่านมา ขนั้ ท่ี 4 การปรับปรุงด่าเนินการได้มาตรฐาน (Action) น่าผลการประเมนิ คณุ ภาพภายใน มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยมีการจัดท่ารายงานผลการด่าเนินงาน เพอื่ เป็นขอ้ มลู สารสนเทศในการพัฒนาตอ่ ไป STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 16 คู่มอื ระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น โรงเรียนหว้ ยขา้ วก่าวทิ ยา ส่านักงานคณะกรรมการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้จัดท่าแผนภูมิแสดงกระบวนการด่าเนินงานดูแล ช่วยเหลือนักเรียน ดังภาพประกอบที่ 2 (สา่ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน, 2546 : 7) ช่วยเหลอื ได้ คณะกรรมการอ่านวยการ คณะกรรมการประสานงาน (ทมี ประสาน) คณะกรรมการดาเนินงาน (ทมี ท่า) ดา่ เนินงาน (ครทู ป่ี รกึ ษา) กลมุ่ พเิ ศษ กลมุ่ ปกติ กลมุ่ เสย่ี ง กลุ่มมีปญั หา ปูองกัน ได้ ไม่ได้ (กลุ่ม ชว่ ยเหลอื สง่ เสริม/พัฒนา ครแู นะแนว/ปกครองให้การชว่ ยเหลอื ได้ ผูเ้ รยี นไดร้ บั การพัฒนา ได้ ไม่ได้ ใหเ้ ป็นคนดี ไม่มีปญั หา มีความสุข และดารง ชว่ ยเหลอื ได้ ส่งตอ่ ผเู้ ชยี่ วชาญ ความเปน็ ไทย สา่ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ( 2546 : 21 ) ไดจ้ ัดทา่ แผนภมู ิแสดง กระบวนการด่าเนนิ งานตามระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนของครูที่ปรึกษา เพื่อให้เหน็ ความสัมพันธค์ วาม ตอ่ เนื่องในการดา่ เนินงาน ดังภาพประกอบ 3 STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 17 คูม่ ือระบบดูแลช่วยเหลือนักเรยี น โรงเรียนหว้ ยข้าวกา่ วิทยา 1. ร้จู ักนกั เรยี นรายบคุ คล 2. คดั กรองนกั เรียน กลุม่ พเิ ศษ กลมุ่ ปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุม่ มปี ญั หา 3. ส่งเสริม / พัฒนา 4. ปอู งกันและแกไ้ ขปัญหา พฤติกรรมดี ขน้ึ หรือไม่ 5. ส่งต่อ ( ภายใน : ครูแนะแนว / ปกครองหรอื ครูอ่ืน ๆ ภายในโรงเรียน กรมสุขภาพจิต ( 2544 : 13-14 ) ได้กลา่ วถึงปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ ประสทิ ธิภาพการดา่ เนนิ งานตาม ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน ไวด้ งั น้ี 1. ผ้บู ริหารโรงเรียน รวมทัง้ ผู้ช่วยบรหิ ารโรงเรยี นทุกฝุาย ตระหนักถึงความส่าคัญของระบบดูแล ชว่ ยเหลอื นกั เรียน และใหก้ ารสนบั สนุนการด่าเนินงาน หรอื ร่วมกจิ กรรมตามความเหมาะสมอย่างสม่าเสมอ 2. ครทู ุกคนและผ้ทู เ่ี กี่ยวขอ้ งจ่าเปน็ ต้องตระหนักในความสา่ คัญของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และมที ัศนคติท่ดี ตี ่อนกั เรียน มคี วามสุขทีจ่ ะพัฒนานกั เรยี นในทกุ ดา้ น STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 18 คู่มือระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน โรงเรียนห้วยข้าวกา่ วทิ ยา 3. คณะกรรมการหรือคณะท่างานทุกคณะ ต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดและมีการ ประชุมในแตล่ ะคณะอยา่ งสม่าเสมอตามทีก่ ่าหนด 4. ครูที่ปรึกษาเป็นบุคลากรหลักส่าคัญในการดาเนินงาน โดยต้องได้รับความร่วมมือจากครูทุก คนในโรงเรียน รวมท้งั การสนับสนุนเร่อื งตา่ ง ๆ จากโรงเรียน 5. การอบรมให้ความรูท้ กั ษะ รวมทั้งการเผยแพรข่ อ้ มูลความรู้แก่ครูท่ีปรึกษา หรือ ผู้เกี่ยวข้องใน เรื่องเออ้ื ประโยชน์ ตอ่ การดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี นเป็นสง่ิ จ่าเป็นโดยเฉพาะ เร่อื งทักษะการปรึกษาเบื้องต้นและ แนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของนักเรยี น ซง่ึ โรงเรียนควรดา่ เนินการอยา่ งตอ่ เน่ืองและสมา่ เสมอ 6. ผู้ปกครองและเครือข่าย การร่วมพัฒนาในทุกส่วนของสังคม มีความมุ่งมั่นในการด่าเนินการ ดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นและเยาวชนในเชิงบูรณาการอย่างเข้มแข็งจริงจัง การพัฒนาการด่าเนินงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเน้นการด่าเนินการอย่างต่อเน่ืองของ ครูท่ีปรึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพ ให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อเข้าสู่การประกัน คุณภาพระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นการจัดกระบวนการดูแลช่วยเหลือ (การส่งเสริมการปูองกัน การ แก้ไขปัญหา) โดยมีวิธีการเคร่ืองมือที่มีข้ันตอนการด่าเนินการพร้อมเอกสารหลักฐานการท่างานของครูที่ ปรกึ ษาในการประสานความร่วมมอื อยา่ งใกล้ชดิ กบั ครทู ี่เกี่ยวข้องพร้อมบคุ ลากรภายนอกรวมทั้งการสนับสนุน ส่งเสรมิ จากโรงเรยี นเพ่ือให้การดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี นได้กา่ หนดวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. มีระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นเชิงคุณภาพ 2. มโี ครงสรา้ งระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรยี นท่ชี ัดเจน 3. ครมู คี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทศั นคติและมีทกั ษะการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน 4. นกั เรียนได้รับการดแู ลอย่างทั่วถงึ และตรงตามสภาพปญั หา 5. นกั เรยี นอยใู่ นโรงเรียนอยา่ งมีความสขุ ประสบผลสา่ เร็จตามศกั ยภาพ 6. บทบาทหนา้ ท่ีของผบู้ ริหารโรงเรยี น การด่าเนินงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนจะประสบผลส่าเร็จได้ต้องประกอบด้วยทุกฝุาย ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน และบุคลากรอื่น ๆ (สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน , 2547 : 17) ผู้บรหิ ารในฐานะที่เป็นผู้น่าสูงสุดในสถานศึกษาย่อมสามารถบริหารจัดการและให้ความส่าคัญใน การด่าเนินระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรียนให้ประสบความสา่ เร็จ โดยมแี นวทาง การดา่ เนนิ งานดงั นี้ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 19 คู่มอื ระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรยี น โรงเรยี นห้วยขา้ วกา่ วิทยา ตารางที่ 1 แสดงบทบาทหน้าท่ขี องผูบ้ ริหารโรงเรียน บทบาทหนา้ ท่ี แนวทางดาเนนิ งาน 1. บริหารจดั การใหม้ รี ะบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน 1. ก่าหนดนโยบาย วตั ถุประสงค์การด่าเนนิ งาน ของโรงเรียนให้ชัดเจนและมีประสิทธภิ าพ ตามระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน 2. ประสานงานระหวา่ งสถานศึกษากับหน่วยงาน 2. สรา้ งความตระหนักให้ครูทุกคนและบุคคลท่ี และบคุ คลภายนอก ไดแ้ ก่ ผปู้ กครอง เครือข่าย เกี่ยวข้องเห็นคณุ คา่ และความจ่าเปน็ ของระบบการ ผู้ปกครอง องค์กรตา่ ง ๆ เชน่ สาธารณสขุ อา่ เภอ ดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น โรงพยาบาล สถานตี ่ารวจ 3. ก่าหนดโครงสรา้ งการบรหิ ารระบบการดูแล 3. ดูแล กา่ กับ นเิ ทศ ติดตามประเมนิ ผล ช่วยเหลอื นักเรียนใหเ้ หมาะสมกับโรงเรยี น 4. สนับสนนุ และให้ขวัญกา่ ลังใจในการด่าเนินงาน 4. แต่งตัง้ คณะกรรมการในการด่าเนนิ งาน 5. ประชุมคณะกรรมการและก่าหนดเกณฑ์จา่ แนก กลมุ่ นักเรยี น 6. สง่ เสริมให้ครทู ุกคน และบุคคลทเ่ี กี่ยวข้องได้รบั รู้ เพิ่มเติมมีทักษะเกี่ยวกบั ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน 7. เชญิ รว่ มเป็นกรรมการและเครือข่ายในการ ช่วยเหลือนักเรียน 8. ประชุมปรึกษาหารือและขอความรว่ มมือ 9. กา่ หนดปฏทิ ินการดาเนินงาน 10. นเิ ทศ ก่ากบั ตดิ ตาม ประเมนิ ผล 11. ยกย่อง ใหร้ างวลั เผยแพร่ผลการด่าเนินงานใน โอกาสต่าง ๆ ท่มี า : สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน, ( 2547 : 17-18 ) 7. ปัจจัยท่ีมีผลต่อประสิทธิภาพการด่าเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนปัจจัยท่ีส่งผลต่อ ประสิทธภิ าพของการดeเนนิ งานระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นมี ดงั น้ี (กรมสขุ ภาพจิต , 2546 : 3) 7.1 ผูบ้ รหิ ารโรงเรยี นรวมทง้ั ฝุายบรหิ าร ตระหนักถงึ ความส่าคญั ของระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน และให้การสนบั สนุนการดeเนนิ งานหรอื รว่ มกจิ กรรมตามความเหมาะสมสมา่ เสมอ 7.2 ครูทุกคนและผู้เก่ียวข้องจ่าเป็นต้องมีความตระหนักในความส่าคัญของระบบการดูแล ชว่ ยเหลือนกั เรียน มีทัศนคติทด่ี ตี ่อนักเรยี นและมีความสุขทจ่ี ะพฒั นานักเรียนทุกด้าน 7.3 คณะกรรมการหรือคณะทางานทุกคณะ ต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดและมีการ ประชมุ ในแต่ละคณะอยา่ งสม่าเสมอตามท่ีก่าหนด 7.4 ครทู ี่ปรึกษาเปน็ บคุ ลากรหลักส่าคัญในการดาเนินงาน โดยต้องได้รับความร่วมมือจากครู ทุกคนในโรงเรียน รวมทง้ั การสนับสนุนในเรือ่ งต่าง ๆ จากโรงเรียน 7.5 การอบรมใหค้ วามรู้และทกั ษะ รวมทง้ั การเผยแพร่ขอ้ มูลความรู้แก่ครูที่ปรึกษาหรือ ผเู้ ก่ียวขอ้ งในเรอ่ื งที่เอื้อประโยชน์ในการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน เป็นสง่ิ จา่ เปน็ โดยเฉพาะทกั ษะการปรึกษา STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 20 คมู่ ือระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี น โรงเรียนหว้ ยขา้ วก่าวิทยา เบือ้ งต้น และแนวทางการแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ ของนักเรยี น ซ่งึ โรงเรียนควรดาเนนิ การอย่างต่อเน่ืองและ สมา่ เสมอ 7. ทฤษฎี หลกั จติ วทิ ยาทเี่ กีย่ วขอ้ งกับระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน ในการด่าเนินงานตามระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นนนั้ บุคลากรทุกคนทเ่ี ก่ียวข้องควรมีความรู้ เกีย่ วกับทฤษฎีและจติ วทิ ยาทางการศึกษาที่สา่ คญั เพือ่ นาไปเป็นแนวทางในการดา่ เนินงานดังนี้ (อรทัย สวุ ารี , 2547 : 51) 1. ทฤษฎคี วามแตกต่างระวา่ งบุคคล มนุษย์มีความเชื่อในเรอ่ื งความแตกตา่ งระหว่างบุคคลมา ตัง้ แตส่ มัยพลาโตและอรสิ โตเตลิ เม่อื มีการศึกษาคน้ ควา้ เร่ืองราวมนษุ ย์ตามระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ก็ ย่งิ ทาใหเ้ ชือ่ วา่ มนุษย์มีความแตกตา่ งกนั จรงิ ยงิ่ เมื่อใช้เครื่องมที ่มี มี าตรฐานก็ยิง่ ท่าให้มีความม่นั ใจยิ่งขึน้ วา่ โดย พบว่า มนุษยม์ ีความแตกตา่ งกันในด้านตา่ ง ๆ เชน่ ด้านรา่ งกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตลอดจน ความสามารถ ความถนัด เจตคติ คา่ นิยม ความตอ้ งการ ความสนใจ กาญจนา ณ ล่าพูน (2542 : 9-10 อ้างถึงในเพญ็ ศรี นติ ยา. 2551 : 20) ได้กล่าวถึงเรอ่ื ง ความแตกต่างระหว่างบุคคลตามทฤษฎกี ารศึกษาเชิงจติ วทิ ยาไว้ดังนี้ 1. แม้มนุษย์จะมีสตปิ ญั ญาและมเี หตผุ ล ตลอดจนมีแนวโนม้ ท่จี ะพัฒนาตนเองไดแ้ ก่การทจ่ี ะ พฒั นาตนเองไดเ้ ต็มที่น้ัน ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากบคุ คลอ่นื 2. มนษุ ย์มีความแตกต่างกันทง้ั ในดา้ นลักษณะตา่ ง ๆ (Trait) เป็นต้นว่า ความสามารถ ความ ถนัด ความสนใจ สติปัญญา และปัจจัยสว่ นบคุ คล (Factor) เช่น ฐานะทางเศรษฐกจิ สงั คมของครอบครัว ถิ่น ทอ่ี ยู่อาศยั ล่าดบั ท่ีในการเกิด 3. ความรู้ ประสบการณ์ และการศึกษา 4. ความวิตกกงั วลและปัญหาทางอารมณ์ กญั ญชลี บุญสรณ์ (2542 : 26 อ้างถงึ ในเพญ็ ศรี นติ ยา. 2551 : 20) กลา่ วถึง แอดเลอร์ (Adler) นกั จิตวิทยาผ้มู ีชื่อเสียงชาวตะวนั ตกทา่ นหนึ่งวา่ ประสบการในวยั เด็กมคี วามส่าคญั มากท่าให้ส่งผล ต่อสุขภาพจติ ได้ เพราะจะทาใหเ้ กิดการสรา้ งวิถีทางแหง่ ชวี ิตใหม่ (Style of life) ในทางที่ถูกหรือผิดเลยก็ได้ ซง่ึ ประสบการณท์ ่ีมีผลใหค้ นเราสร้างวิถชี วี ิตทผ่ี ิด ๆ จ่าแนกไดด้ ังนี้ 1. เด็กท่ีมีปมด้อยทางร่างกายและล้มเหลวในการชดเชยปมดอ้ ยนัน้ 2. เดก็ ท่ีถกู ตามใจเปน็ เด็กเอาแตใ่ จต้องการใหส้ งั คมสนองความตอ้ งการของตนเองทุกอย่าง จงึ มี ปญั หาในการปรับตวั 3. เด็กที่ถกู ละท้ิงท่าใหเ้ กิดความรสู้ ึกเป็นศัตรตู ่อสงั คม การละทงิ้ เด็กทา่ ใหเ้ ด็กมีปมดอ้ ยมาก และ มีการชดเชยปมด้อยท่ีไมเ่ หมาะสม แสดงออกมาเป็นอาการผิดปกตทิ างจติ ใจได้ 2. จติ วทิ ยาวัยร่นุ นอกจากความรเู้ กีย่ วกบั ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลแลว้ ครทู ี่ปรึกษาหรือครู ประจาชนั้ หรือผ้ทู ่มี ีส่วนเกย่ี วขอ้ งในระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น ควรมคี วามรูเ้ กยี่ วกับจิตวิทยาวัยร่นุ เนือ่ งจากนักเรียนที่อยใู่ นระดับมธั ยมศึกษาเปน็ เด็กที่อยใู่ นวัยที่เรยี กวา่ วยั รุ่น ด้วยเป็นวยั ที่มลี กั ษณะต่าง ๆ ที่ น่าศึกษาด้วยสาเหตดุ งั นี้ (อรทยั สุวารี , 2547 : 56-57) 2.1 วยั รุน่ เป็นวยั หวั เล้ียวหวั ต่อจากวยั เดก็ มาสวู่ ยั ผใู้ หญเ่ ดก็ วยั รุน่ จงึ มคี วามสับสนเก่ียวกับ การปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับวัย บางครั้งก็คิดว่าเขายังเป็นเด็กเพราะครู ผู้ปกครอง บิดา มารดา ยังคงให้ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 21 ค่มู อื ระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน โรงเรียนห้วยข้าวก่าวิทยา ความเอาใจใส่ดูแล ยังไม่ปล่อยให้เขาทาอะไรได้อย่างอิสรเสรี และบางคร้ังเขาคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เน่ืองจากมรี ่างกายเติบโตเหมอื นผู้ใหญ่ทกุ อย่างและได้รับการบอกเล่าใหป้ ระพฤติตนอย่างผู้ใหญ่ ฉะน้ัน วัยรุ่น จะมีปญั หาในการปรับตัวมากบางคร้ังก็กลายเปน็ เด็กเกเร เป็นโรคจิต บางคนถงึ กบั ติดสารเสพตดิ กม็ ี 2.2 เด็กวัยรุ่นต้องการความรตู้ ้องการคา่ แนะนาในเรือ่ งการปรบั ตัวทางเพศที่เหมาะสม 2.3 วัยรุ่นเป็นวัยท่ีต้องการการเตรียมตัวส่าหรับอาชีพ เขาจะต้องท่าการส่ารวจทดสอบ ความรู้ความสามารถและความสนใจของตนในการทีจ่ ะเลอื กอาชีพ 2.4 วัยรุ่นเป็นวัยที่มีพัฒนาการท้ังทางร่างกาย สังคม จิตใจ และอารมณ์ ท่ีเป็น ลกั ษณะเฉพาะ ไมเ่ หมอื นกบั วยั อื่น จึงเป็นวัยท่ผี ู้ปกครองและครูควรจะตอ้ งศกึ ษาท่าความเข้าใจเพ่อื ประโยชน์ในการช่วยแนะแนวทางให้เขามีการปรับตัวอย่างเหมาะสมอันจะเป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ตอ่ ไป จากการศึกษาการด่าเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สรุปได้ว่าเป็นการจัด กระบวนการดูแลช่วยเหลือนกั เรยี น โดยมวี ิธีการประสานความรว่ มมืออยา่ งใกล้ชิดพร้อมเอกสารหลักฐานการ ทา่ งานของครทู ป่ี รกึ ษา ในการประสานควารรว่ มมืออย่างใกล้ชดิ กับครูทเ่ี กี่ยวข้องพร้อมบุคลากรภายนอกร่วม ทั้งการสนับสนุนส่งเสริมจากโรงเรียนเพื่อให้การดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้วัตถุประสงค์ โดยมีระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียนเชิงคุณภาพมีโครงสร้างระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ชัดเจน ครูมีความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ และมีทักษะการดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักเรียนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและตรงตามสภาพปัญหา นกั เรียนอยูใ่ นโรงเรยี นอย่างมคี วามสขุ ประสบผลสา่ เร็จตามศกั ยภาพ 8. บทบาทหน้าทข่ี องสถานศกึ ษา สถานศึกษา เป็นสถาบันที่ประกอบด้วยบุคคลต่างๆ ที่จะท่าให้การด่าเนินงานตามระบบการ ดแู ลช่วยเหลอื นักเรียนประสบผลสา่ เร็จ ซ่ึงประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาครู นักเรียน คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน และบุคลากรอืน่ ๆ 1. ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา ในฐานะที่ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้น่าสูงสุดในสถานศึกษาสามารถบริหารจัดการและให้ ความส่าคัญในการดา่ เนินงานระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียนให้ประสบผลส่าเร็จจึงควรมีบทบาทหน้าที่และ แนวทางด่าเนินงานดังนี้ บทบาทหน้าที่ แนวทางดาเนินงาน 1. บริหารจดั การให้มีระบบดูแล - ก่าหนดนโยบาย วตั ถุประสงค์ การด่าเนินงานตามระบบการดูแล ชว่ ยเหลือนกั เรยี นของสถานศึกษา ช่วยเหลือนกั เรยี น ให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ - สรา้ งความตระหนักให้ครทู ุกคนและบุคคลทีเ่ ก่ียวข้องเห็น คณุ ค่าและความจา่ เปน็ ของระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี น - ก่าหนดโครงสรา้ งการบริหารระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี นใหเ้ หมาะสมกบั สถานศึกษา - แตง่ ตั้งคณะกรรมการในการด่าเนินงานตามความเหมาะสม - ประชุมคณะกรรมการและกา่ หนดเกณฑจ์ ่าแนกกลุ่ม นักเรยี น STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 22 คู่มอื ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น โรงเรยี นห้วยข้าวก่าวิทยา - สง่ เสรมิ ใหค้ รูทุกคนและบุคคลทเี่ กีย่ วข้องไดร้ บั ความรู้ เพิ่มเติมมีทักษะเก่ียวกับระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน อย่างต่อเนื่อง 2. ประสานงานระหวา่ งสถานศึกษา -เชญิ ร่วมเปน็ กรรมการและเครือขา่ ยในการช่วยเหลอื นักเรียน กับหนว่ ยงานและบุคคลภายนอก -ประชมุ ปรกึ ษาหารอื และขอความรว่ มมือ เชน่ ผปู้ กครอง องค์กรตา่ งๆ สาธารณสุข โรงพยาบาล สถานีต่า ตรวจ ฯลฯ 3. ดแู ล ก่ากับ นิเทศ ติดตาม - กา่ หนดปฏิทินการด่าเนินงาน ประเมินผลสนับสนนุ และให้ขวัญ - นิเทศ กา่ กับ ตดิ ตาม ประเมินผล กา่ ลงั ใจในการดา่ เนินงาน - ยกยอ่ งใหร้ างวัลเผยแพรผ่ ลงานการด่าเนินงานในโอกาส ต่างๆ 2. ครปู ระจาชั้น / ครทู ีป่ รกึ ษา ครูประจ่าชน้ั /ครทู ่ปี รกึ ษา เป็นผู้ทอี่ ยใู่ กลช้ ดิ กับนักเรียนมากทส่ี ดุ และเป็นบุคลากรหลักในการ ดูแลช่วยเหลือนักเรียน จึงควรมบี ทบาทและแนวทางด่าเนินงานดังน้ี บทบาทหนา้ ที่ แนวทางดาเนนิ งาน 1. รูจ้ กั นักเรยี นเปน็ รายบุคคล - ศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มูลพ้ืนฐานของนักเรียนเป็นรายบุคคล จดั เตรยี มเคร่ืองมือเก็บข้อมลู นักเรียนรายบคุ คล - หาข้อมลู เพ่ิมเตมิ โดยนา่ เครอื่ งมือไปใช้ในการเก็บข้อมลู และ ปรับปรงุ ข้อมูลให้เป็นปัจจบุ นั - เกบ็ รวบรวมข้อมลู อย่างเป็นระบบและวเิ คราะห์ขอ้ มูล 2. คดั กรอง จ่าแนกกลุ่มนักเรียน - ดา่ เนินการคัดกรองนักเรยี นตามเกณฑท์ ี่ก่าหนด - สรุปผลการจา่ แนกนักเรียนเป็นกลุม่ - จดั กจิ กรรมเพ่ือสง่ เสริมโดย 3. จัดกิจกรรมตา่ งๆ เพื่อสง่ เสรมิ พฒั นา - เยี่ยมบ้าน/เยี่ยมวดั - จดั กจิ กรรมโฮมรมู - สรา้ งความสมั พันธ์ระหวา่ งบา้ น วัด โรงเรยี น - ประชุมผปู้ กครอง - จดหมายขา่ ว - จัดกจิ กรรมพัฒนาใหเ้ หมาะสมกับกลมุ่ นักเรยี น 4. จดั กจิ กรรมปูองกนั แก้ไข ช่วยเหลอื - ให้ค่าปรึกษา - ใหค้ วามช่วยเหลือเบ้ืองตน้ - ประสานความรว่ มมือกบั ผู้ปกครองในการช่วยเหลอื แก้ไข 5. สง่ ตอ่ - ด่าเนินการสง่ ต่อภายในไปยงั บุคคลหรอื ฝาุ ยทเ่ี ก่ียวข้อง 6. รายงานผล - รายงานผลระหว่างดา่ เนินการ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 23 คมู่ ือระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียน โรงเรียนหว้ ยขา้ วกา่ วทิ ยา - รายงานผลเมอื่ สิ้นสุด 3. ครูประจาชน้ั /ครูทวั่ ไป ครทู กุ คนเปน็ ผ้มู บี ทบาทสา่ คัญในการพฒั นาผ้เู รียนใหบ้ รรลตุ ามจุดม่งุ หมายของหลกั สตู ร มี หน้าทจ่ี ดั กิจกรรมการเรียนรู้และช่วยเหลอื นกั เรียน จงึ ควรมีบทบาทหน้าที่และแนวทางด่าเนินงานดงั น้ี บทบาทหนา้ ที่ แนวทางดาเนินงาน ดูแลนกั เรียนและใหค้ ่าปรึกษาเบอ้ื งต้นแก่ - ศกึ ษาสงั เกต ดูแล รวบรวมขอ้ มูล นกั เรียน - ประสานงานกับครูประจา่ ชน้ั /ครทู ี่ปรกึ ษาเพ่ือ สง่ เสรมิ ปอู งกัน แก้ไขพฤตกิ รรมนักเรียน - จัดกิจกรรมส่งเสรมิ ปูองกัน แกไ้ ข เพ่ือพัฒนา นกั เรยี น 4. ครแู นะแนว ครแู นะแนวเปน็ บุคคลที่มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อการจดั ระบบงานแนะแนว ซึ่งมีความ สัมพนั ธ์กับระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น จงึ ควรมีบทบาทหนา้ ทแี่ ละแนวทางดา่ เนนิ งานดังนี้ บทบาทหน้าที่ แนวทางดาเนินงาน 1. สนับสนุนครูประจ่าช้นั /ครทู ป่ี รึกษาใน - ให้คา่ ปรึกษาช่วยเหลอื แกค่ รูประจ่าชัน้ ครทู ่ปี รกึ ษา การดแู ลช่วยเหลือนักเรียน - ให้ความม่ันใจ ก่าลังใจกับผรู้ ว่ มงานในการปฏบิ ัติงาน - ใหค้ า่ ปรึกษาครอบคลุมทั้งด้านการเรยี นอาชพี ชวี ิต และสงั คม ทง้ั รายกลมุ่ และรายบุคคล - เตรียมเคร่ืองมือสนับสนุนระบบการดูแลชว่ ยเหลือ นกั เรียนอย่างครอบคลุมต่อเนือ่ ง และเป็นปจั จบุ นั - ให้คา่ ปรึกษาในการจดั ท่าข้อมลู นักเรยี นประกอบกับ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นในกรณีนกั เรียนย้ายทเ่ี รยี น 2. จดั กิจกรรมสง่ เสริมและพัฒนา - จัดกิจกรรมปอู งกันช่วยเหลือและแก้ไขพฤติกรรมนกั เรียน - ให้นักเรยี นจัดกิจกรรมสง่ เสริมพัฒนาเตม็ ศักยภาพของแต่ ละบุคคล 3. จัดกิจกรรมปูองกัน แก้ไข ชว่ ยเหลือ - ให้ค่าปรึกษา - ให้ความช่วยเหลือ - ประสานความร่วมมือกบั ครปู ระจา่ ชนั้ / ครทู ่ปี รกึ ษา ผ้ปู กครอง และผูเ้ กยี่ วข้อง - อน่ื ๆ 4. สง่ ต่อ - ส่งตอ่ ผเู้ ชย่ี วชาญภายนอก 5. ครูหวั หน้าชว่ งชั้นช้นั แนวทางดาเนินงาน บทบาทหนา้ ที่ - วางแผนการก่ากบั ติดตาม การทา่ งานของครู ประจ่าชน้ั /ครทู ่ปี รึกษาให้ชัดเจนและรับรโู้ ดยทัว่ กัน 1. ตดิ ตาม ก่ากบั การดแู ลช่วยเหลือ นักเรยี นของครูประจ่าชั้น / ครูท่ี STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
ปรกึ ษา STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 24 คู่มือระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น โรงเรียนหว้ ยขา้ วกา่ วทิ ยา 2. ประสานงานเกยี่ วขอ้ งในการดูแล ชว่ ยเหลือนักเรยี น - อา่ นวยความสะดวกแก่ครูประจ่าชัน้ / ครทู ป่ี รกึ ษา ในการด่าเนินงานระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียน - บนั ทกึ หลักฐานการปฏิบัตงิ าน และจัดท่ารายงาน ประเมินผลระบบ ส่งผู้บรหิ าร - จัดประชมุ ครูในระบบ เพื่อเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการดแู ล ชว่ ยเหลือนกั เรยี น - จัดประชุมกลุ่มเพ่ือปรกึ ษาปัญหารายกรณี - ให้คา่ ปรึกษาแกค่ รปู ระจ่าช้ัน/ครุทป่ี รกึ ษา - ตดิ ต่อประสานงานกับเครือขา่ ยทงั้ ภายในและ นอกสถานศึกษา 9. กระบวนการดาเนินงานตามระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น กระบวนการด่าเนินงานตามระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น เป็นความรบั ผดิ ชอบของครูท่ี ปรกึ ษาตลอดกระบวนการ โดยมีการประสานงานหรือรบั การสนับสนุนจากผู้บริหาร ครทู ี่เก่ยี วข้องรวมทง้ั ผปู้ กครอง ซ่ึงมวี ธิ กี ารและเครื่องมือตัวอย่างสรปุ ได้ ดงั นี้ กระบวนการด่าเนินงาน วิธกี าร เครอื่ งมือ 1. การรจู้ กั นกั เรยี นเป็นรายบุคคล ศึกษาขอ้ มูลจาก 1) ระเบยี นสะสม 1.1 ด้านความสามารถ 1) ระเบยี นสะสม 2) แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) - การเรยี น 2) แบบประเมนิ พฤติกรรมเดก็ (SDQ) หรือ - ความสามารถอ่ืน ๆ หรอื 3) อ่ืน ๆ เช่น 1.2 ด้านสขุ ภาพ 3) อื่น ๆ เชน่ - แบบประเมนิ ความฉลาดทางอารมณ์ - รา่ งกาย - แบบประเมินความฉลาดทาง (E.Q.) - จิตใจ - พฤตกิ รรม อารมณ์ (E.Q) - แบบสัมภาษณน์ กั เรยี น 1.3 ดา้ นครอบครวั - การสมั ภาษณน์ กั เรยี น - แบบสัมภาษณผ์ ปู้ กครองและการ - เศรษฐกิจ - การสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน เยย่ี มบา้ นนกั เรยี น - การค้มุ ครองนักเรียน - การเย่ียมบา้ นนักเรียน ฯลฯ - แบบบันทึกการตรวจสขุ ภาพด้วย 1.4 ด้านอืน่ ๆ ตนเอง 2. การคดั กรองนกั เรยี น วเิ คราะห์ขอ้ มลู จาก 1) เกณฑ์การคดั กรองนักเรยี น 2.1 กลุม่ ปกติ 1) ระเบยี นสะสม 2) แบบสรปุ ผลการคดั กรองและ 2.2 กลุม่ เส่ยี ง 2) แบบประเมินพฤตกิ รรมเด็ก (SDQ) ช่วยเหลือนักเรยี นเป็นรายบคุ คล 2.3 กลมุ่ มปี ญั หา หรือ 3) แบบสรุปผลการคดั กรองนกั เรยี น 3) แหลง่ ขอ้ มลู อ่นื ๆ เป็นหอ้ งเรียน 3. การส่งเสริมนกั เรียน (ส่าหรับ จัดกิจกรรมต่อไปนี้ 1) แนวทางการจดั กิจกรรมโฮมรูมของ นกั เรียนทุกกลมุ่ ) 1) กจิ กรรมโฮมรมู (Homeroom) โรงเรียน 2) ประชมุ ผปู้ กครองชัน้ เรยี น 2) แนวทางการจดั กจิ กรรมประชมุ (Classroom meeting) หรือ ผู้ปกครองชั้นเรยี นของโรงเรียน 3) กิจกรรมอน่ื ๆ ทคี่ รพู จิ ารณาวา่ 3) แบบบันทกึ /สรุปประเมินผลการ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 25 คู่มอื ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรยี นห้วยขา้ วกา่ วทิ ยา เหมาะสมในการสง่ เสรมิ นกั เรยี นใหม้ ี ดา่ เนินกจิ กรรม คณุ ภาพมากขึ้น * โฮมรมู * ประชมุ ผู้ปกครองชั้นเรยี น * อืน่ ๆ 4. การปูองกันและแก้ไขปัญหา 1) ใหก้ ารปรึกษาเบ้ืองตน้ 1) แนวทางการจัดกิจกรรมเพอื่ การ (จา่ เปน็ อยา่ งมากสา่ หรบั นักเรยี น 2) ประสานงานกับครูและผู้เกีย่ วขอ้ ง ปอู งกนั และแกไ้ ขปัญหาของนกั เรยี น กลมุ่ เสี่ยง/มปี ญั หา) อ่นื ๆ เพ่ือการจัดกิจกรรมส่าหรบั การ 5 กจิ กรรม ปอู งกนั และการช่วยเหลอื แกไ้ ขปญั หา 2) แบบบนั ทึกสรปุ ผลการคดั กรอง ของนักเรยี น และช่วยเหลอื นักเรยี นเปน็ รายบุคคล 2.1 กจิ กรรมในหอ้ งเรยี น 3) แบบบันทึกรายงานผลการดแู ล 2.2 กจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร ช่วยเหลอื นกั เรยี น 2.3 กิจกรรมเพื่อนชว่ ยเพื่อน (Buddy) 2.4 กิจกรรมซอ่ มเสริม 2.5 กิจกรรมสื่อสารกบั ผูป้ กครอง 5. สง่ ต่อ 1) บนั ทกึ การสง่ นกั เรียนไปยงั ครทู ่ี 1) แบบบันทกึ การสง่ ต่อของโรงเรยี น 5.1 สง่ ตอ่ ภายใน เกย่ี วข้องในการชว่ ยเหลือนกั เรยี น 2) แบบรายงานแจ้งผลการช่วยเหลอื 5.2 สง่ ตอ่ ภายนอก ต่อไป เชน่ ครูแนะแนว ฝาุ ยปกครอง นักเรยี น ครูประจา่ วิชา ครูพยาบาล เป็นตน้ ซง่ึ เปน็ การส่งตอ่ ภายใน 2) บนั ทึกการส่งนักเรยี นไปยัง ผเู้ ชี่ยวชาญภายนอกโดยครแู นะแนว หรือฝาุ ยปกครองเปน็ ผดู้ ่าเนินการ หมายเหตุ : สามารถพจิ ารณาเลอื กใช้วธิ ีการ และเครือ่ งมอื อืน่ ๆ เพ่ิมเติมนอกเหนือจากท่ีระบุเพื่อการ ดาเนนิ งาน อยา่ งมปี ระสิทธม์ ากยงิ่ ขึ้น ตามความเหมาะของสภาพโรงเรียน 10. ข้อทพี่ ึงตระหนักในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาของนักเรียน 1) การรักษาความลบั 1.1) เรื่องราวข้อมลู ของนักเรียนทใี่ หก้ ารช่วยเหลือและแก้ไข ต้องไมน่ า่ ไปเปิดเผย ยกเว้นเพือ่ ขอความช่วยเหลือนกั เรยี นกบั บคุ คลที่เกย่ี วขอ้ ง โดยไม่ระบุชอื่ -สกุลจรงิ ของนักเรยี นและการเปิดเผยควร เป็นไปในลกั ษณะที่ให้เกียรตินกั เรียน 1.2) บันทกึ ข้อมลู การชว่ ยเหลอื นักเรียน ควรเกบ็ ไว้ในที่เหมาะสมและสะดวกการเรยี กใช้ 1.3) การรายงานช่วยเหลือนกั เรยี น ควรรายงานในสว่ นท่ีเปิดได้ โดยใหเ้ กยี รติและค่านึงถงึ ประโยชน์ของนักเรียนเป็นสา่ คญั 2) การแก้ไขปัญหา 2.1) การชว่ ยเหลือแก้ไขปัญหาของนักเรียน ต้องพจิ ารณาสาเหตขุ องปัญหาใหค้ รบถว้ นและหา วธิ ีการช่วยเหลอื ให้เหมาะสมกบั เหมาะสมกบั สาเหตนุ นั้ ๆ เพราะปัญหามิไดเ้ กิดจากสาเหตุเพียงสาเหตเุ ดยี ว แต่อาจจะเกดิ จากหลายสาเหตุที่เก่ยี วเน่ืองสัมพนั ธก์ นั STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 26 คมู่ อื ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน โรงเรียนห้วยขา้ วก่าวิทยา 2.2) ปัญหาท่ีเหมือนกันของนักเรียนแต่ละคน ไม่จ่าเป็นต้องเกิดจากสาเหตุที่เหมือนกันและ วิธีการช่วยเหลือท่ีประสบความส่าเร็จกับนักเรียนคนหน่ึง ก็ไม่เหมาะกับนักเรียนอีกคนหน่ึงเนื่องจากความ แตกต่างของบุคคล ดังน้ันการช่วยเหลือโดยเฉพาะการให้การปรึกษาจึงไม่มีสูตรการช่วยเหลือส่าเร็จตายตัว เพียงแต่มีแนวทาง กระบวนการหรือทักษะการช่วยเหลือที่ครูแต่ละคนสามารถเรียนรู้ ฝึกฝน เพื่อการ นา่ ไปใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั แต่ละปัญหาในนกั เรียนแตล่ ะคน 11. การรูจ้ กั นักเรยี นเปน็ รายบุคคล 1. ความสาคัญ ด้วยความแตกตา่ งของนกั เรยี นแตล่ ะคนทม่ี ีพน้ื ฐานความเป็นมาของชีวิตท่ีไม่เหมือนกันหล่อหลอม ให้เกิดพฤตกิ รรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านบวกและลบ ดังนั้นการรู้ข้อมูลที่จ่าเป็นเก่ียวกับตัวนักเรียนจึง เป็นส่ิงส่าคัญ ท่ีจะช่วยให้ครูท่ีปรึกษามีความเข้าใจนักเรียนมากข้ึน สามารถน่าข้อมูลมาวิเคราะห์เพ่ือการ คัดกรองนักเรียน เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการปูองกันและแก้ไขปัญหาของนักเรียนได้อย่างถูกทาง ซ่ึง เป็นขอ้ มูลเชิงประจักษ์มใิ ช่การใช้ความรู้สึกหรือการคาดเดาโดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหานักเรียน ซ่ึงจะท่า ให้ไม่เกดิ ข้อผดิ พลาดตอ่ การช่วยเหลอื นักเรยี นหรือการเกดิ ได้นอ้ ยทีส่ ุด 2. พ้นื ฐานของนักเรียน ครทู ่ีปรกึ ษามขี ้อมลู เก่ยี วกับนักเรียนอย่างน้อย 3 ดา้ นใหญ่ ๆคือ 1. ด้านความสามารถแยกเป็น 1.1 ดา้ นการเรยี น 1.2 ด้านความสามารถอ่นื ๆ 2. ด้านสขุ ภาพแยกเป็น 2.1 ดา้ นรา่ งกาย 2.2 ด้านจิตใจ-พฤติกรรม 3. ด้านครอบครัวแยกเป็น 3.1 ดา้ นเศรษฐกิจ 3.2 ด้านการคุมครองนักเรียน 4. ด้านอื่น ๆท่ี ครูพบเพิม่ เติมซ่ึงมีความสา่ คญั หรอื เกย่ี วข้องกบั การดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น ข้อมูลนกั เรยี น รายระเอยี ดข้อมลู พ้ืนฐานที่ควรทราบ 1. ด้านความสามารถ -ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในแต่ละวิชา 1.2 ดา้ นการเรียน -ผลการเรียนเฉล่ยี ในแต่ละภาคเรยี น 1.3 ดา้ นความสามารถอ่ืนๆ -พฤตกิ รรมการเรยี นในห้องเรียนท่ีมีผลตอ่ การ เรยี นรู้ของนักเรียน เชน่ การไม่ต้งั ใจเรยี น ขาด เรียน เปน็ ต้น -ฯลฯ -บทบาทหนา้ ที่พเิ ศษในโรงเรียน -ความสามารถพิเศษ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 27 ค่มู อื ระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น โรงเรียนหว้ ยขา้ วก่าวทิ ยา 2. ด้านสุขภาพ -การเข้าร่วมกจิ กรรมต่างๆ ท้งั ในโรงเรยี นและ 2.1 ดา้ นรางกาย นอกโรงเรยี น -ฯลฯ ---------------------------- 2.2 ดา้ นจิตใจ -สว่ นสูง นา่้ หนัก -โรคประจา่ ตวั ความบกพรอ่ งทางรา่ งกาย เช่น 3. ด้านครอบครัว การได้ยนิ การมองเห็น 3.1 ด้านเศรษฐกิจ -ฯลฯ ---------------------------------------- --------------------------- -อารมณ์ซึมเศร้า/วิตกกงั วล 3.2 ดา้ นการคุม้ นักเรยี น -ความประพฤติ -พฤติกรรมอยู่ไม่นงิ่ /สมาธิส้ัน -บุคลกิ ภาพเก็บตวั /ขอ้ี าย -ฯลฯ -รายไดข้ องบดิ า มารดา/ผปู้ กครอง -อาชีพของผู้ปกครอง -ค่าใช้จา่ ยทนี่ ักเรียนไดร้ ับในการมาโรงเรยี น -ฯลฯ -จ่านวนพ่ีนอ้ ง/บคุ คลในครัวครอบ -สถานภาพของบิดา มารดา -บคุ คลที่ดแู ลรับผิดชอบนักเรียน -ความสา่ คญั ของบุคคลในครอบครัว -ลกั ษณะท่ีอยู่อาศัยและส่งิ แวดลอ้ ม -ความเจบ็ ปุวยของบุคคลในครอบครัวใชส้ ารเสพ ติด การตดิ สรุ า การพนนั ฯลฯ 3. วิธกี ารและเคร่ืองมือในการรูจ้ กั นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล ครูท่ปี รึกษาควรใชว้ ธิ ีการและเครือ่ งมือทีห่ ลากหลาย เพื่อให้ได้ข้อมลู นักเรียนทค่ี รอบคลมุ ทางด้าน ความสามารถ ด้านสขุ ภาพและด้านครอบครัว ท่ีส่าคญั คือ 1. ระเบยี บสะสม 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมเดก็ (SDQ) 3. วิธีการและเครอื่ งมือตา่ งๆ เชน่ การสมั ภาษณ์นกั เรียน การศกึ ษาจากแฟูมสะสมผลงาน การ เยีย่ มบา้ น การศึกษาข้อมลู จากแบบบนั ทึกการตรวจสุขภาพด้วยตวั เองซึง่ จัดท่าโดยกรมอนามัย เป็นต้น 1) ระเบยี นสะสม ระเบียบสะสมเป็นเครื่องมือในรู้แบบของเอกสารเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีเกี่ยวกับตัวนักเรียน โดย นักเรยี นเปน็ ผู้กรอกขอ้ มูล และครทู ป่ี รึกษานา่ ขอ้ มลู เหล่านน้ั มาศกึ ษา พจิ ารณาท่าความร้จู ักนักเรียนเบ้ืองต้น STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 28 ค่มู อื ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน โรงเรียนหว้ ยขา้ วกา่ วทิ ยา หากข้อมูลไม่พอเพียง หรือมีข้อสังเกตบ้างประการ ก็ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยวิธีการต่าง เช่นการสอบถาม จากนกั เรียนโดยตรง การสอบถามจากครูอื่นๆ หรือเพ่ือนๆข้อนักเรียน รวมทั้งการใช้เครื่องมือทดสอบต่างๆ หากครทู ป่ี รึกษาดา่ เนนิ การได้ รูปแบบและรายละเอียดในระเบียนข้อแต่และโรงเรียน มคี วามแตกแต่กันข้ึนได้อยู่กับความแตกต่าง ของแต่ละโรงเรียน แตอ่ ยา่ งนอ้ ยควรครอบคลมุ ข้อมลู ทางด้านการเรยี นด้านสขุ ภาพและด้านครอบครัว ระเบียนสะสม เป็นข้อมูลส่วนตัวของนักเรียน จึงต้องมีความลับและเก็บไว้อย่างดีมิให้ผู้ที่ไม่ เก่ียวข้องหรือเด็กอื่นๆมารื้อค้นได้ หากเป็นไปได้ควรเก็บไว้กับครูที่ปรึกษาและมีตู้เก็บระเบียนสะสมให้ เรียบรอ้ ย ระเบยี นสะสม ควรเกบ็ รวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 ปีการศึกษา หรือ 6 ปีการศึกษา และส่งต่อระเบียบไปยังครูที่ปรึกษาคนใหม่ในปีการศึกษาต่อไป หรืออาจจัดครูท่ีปรึกษาตามดูแลนักเรียน อย่างตอ่ เนื่อง จนจบมธั ยมศึกษาในแตล่ ะตอน หรือจนจบ 6 ปกี ารศกึ ษา 4. แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก ไม่ได้เป็นแบบวัดหรือแบบทดสอบ แต่เป็นเครื่องส่าหรับการคัดกรอง นักเรียนด้านพฤติกรรม การปรับตัว ท่ีมีผลเก่ียวเนื่องกับสภาพจิตใจซึ่งจะช่วยให้ครูที่ปรึกษามีแนวการ พจิ ารณานักเรียนดา้ นสขุ ภาพจิตมากขน้ึ แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก เป็นเครื่องมือที่กรมสุขภาพจิตเป็นผู้จัดท่าข้ึนโดยพัฒนาจากThe Strengths and Difficulties Questionnaire (SDQ) ประเทศเยอรมนี ซ่ึงใช้กันแพร่หลายในประเทศ แถบยุโรป เพราะมคี วามเท่ียงและความตรง จ่านวนข้อไม่มากนัก คณะผู้จัดท่าของกรมสุขภาพจิต โดย แพทย์หญิง พรรณพิมล หล่อตระกลู เปน็ หัวหน้าคณะและท่าการวิจยั เพื่อวิเคราะห์ค่าความเที่ยง ความ ตรงของแบบประเมนิ และหารเกณฑ์มาตรฐาน (NORM) ของเด็กไทย แบบประเมนิ พฤตกิ รรมเด็ก ม3ี ชุดคอื - ชุดท่ีครูเปน็ ผ้ปู ระเดก็ - ชุดท่พี อ่ แม่ ผู้ปกครอง เป็นผ้ปู ระเมินเดก็ - ชดุ ทีเ่ ด็กประเมินตัวเอง ท้ัง 3 ชุดมีเนื้อหาและจา่ นวนขอ้ 25 ข้อท่ากัน ทางทางโรงเรียนอาจเลือกใช้ชุดนักเรียนประเมิน ตนเองชุดเดียว หรือใช้ควบครูกับชุดที่ครูเป็นผู้ประเมินเพ่ือความแม่นตรงย่ิงข้ึนโดยระยะเวลาที่ประเมินไม่ ควรหากจากนักเรียนทป่ี ระเมนิ ตนเองเกิน 1 เดือน ซ่งึ หากเป็นไปดค้ วรใช้แบบประเมินทั้ง 3 ชุด พร้อม กนั เพอ่ื ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของผลทอ่ี อกมา 5. การคัดกรองนักเรยี น 1) ความสาคัญ การคัดกรองนักเรียน เป็นการพิจารณาข้อมูลที่เก่ียวกับตัวนักเรียน เพ่ือการจัดกลุ่มนักเรียนเป็น 2 กลุ่มคือ 1. กลุ่มปกติ คือ นักเรียนที่ได้รับการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ตามเกณฑ์การคัดกรองของโรงเรียน แลว้ อยู่ในเกณฑข์ องกลุ่มปกติ 2. กลุ่มเส่ียง/มีปัญหา คือ นักเรียนท่ีจัดอยู่ในเกณฑ์ของกลุ่มเส่ียง/มีปัญหาตามเกณฑ์การคัด กรองของโรงเรยี น ซึ่งโรงเรยี นต้องใหค้ วามช่วยเหลือ ปอู งกันหรือแก้ไขปัญหาตามแตก่ รณี STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 29 ค่มู ือระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียน โรงเรียนหว้ ยข้าวก่าวิทยา การจัดกลุ่มนักเรียนน้ี มีประโยชน์ต่อครูที่ปรึกษาในการหาวิธีการเพื่อดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ อย่างถกู ต้อง โดยเฉพาะการแก้ไขปญั หาของนักเรียนยิ่งข้ึน และมีความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา เพราะ มีข้อมูลของนักเรียนในด้านต่างๆ ซึ่งหากครูท่ีปรึกษาไม่ได้คัดกรองนักเรียนเพ่ือการจัดกลุ่มแล้ว ความ ชัดเจนในเปูาหมายเพ่ือการแก้ไขปัญหาของนักเรียนจะมีน้อยลง มีผลต่อความรวดเร็วในการช่วยเหลือ ซ่ึง บางกรณีจ่าเปน็ ต้องแกไ้ ขโดยเร่งด่วน ผลการคัดกรองนักเรยี น ครูที่ปรึกษาจ่าเป็นต้องระมัดระวังอย่างย่ิงท่ีจะไม่ท่าให้นักเรียนรับรู้ได้ว่า ตนถูกจัดกลุ่มอยู่ในกลุ่มเสยี่ ง/มีปญั หา ซึ่งมคี วามแตกตา่ งจากกล่มุ ปกติโดยเฉพาะนักเรียนวัยรุ่นท่ีมีความไว ต่อการรบั รู้ (sensitive) แมว้ ่านักเรียนจะรู้ตัวดีว่า ขณะนี้ตนมีพฤติกรรมอย่างไรหรือประสบกับปัญหาใดก็ ตามและเพื่อเป็นการปูองกันการล้อเลียนในหมู่เพื่อนอีกด้วยดังนั้น ครูที่ปรึกษาต้องเก็บผลการคัดกรอง นกั เรียนเป็นความลบั นอกจากน้ีหากครทู ี่ปรึกษามีการประสานงานกับผู้ปกครองเพื่อการช่วยเหลือนักเรียน ก็ควรระมัดระวังการสื่อสารท่ีท่าให้ผู้ปกครองเกิดความรู้สึกว่า บุตรหลานของตนถูกกลุ่มท่ีผิดปกติแตกต่าง จากเพ่อื นนกั เรยี นอื่น ๆ ซ่ึงอาจมีผลเสียต่อนักเรยี นในภายในภายหลังได้ 2) แนวทางการวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือการคดั กรองนกั เรยี น การวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือการคัดกรองนักเรียนนั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของครูที่ปรึกษาและยึดถือ เกณฑ์การคัดกรองนักเรียนของโรงเรียนเป็นหลักด้วย ดังนั้น โรงเรียนจึงควรมีการประชุมครูเพ่ือการ พิจารณาเกณฑ์การจักกลุ่มนักเรียนร่วมกัน เพ่ือให้มีความมาตรฐานหรือแนวทางการคัดกรองนักเรียนท่ี เหมือนกัน เป็นที่ยอมรับของครูในโรงเรียน รวมทั้งให้มีการก่าหนดเกณฑ์ว่าความรุนแรงหรือความถี่ของ พฤตกิ รรมเทา่ ใดจงึ จัดอยใู่ นกลุ่มเสี่ยง/มีปญั หา ส่าหรับประเด็นการพิจารณาเพ่ือจัดท่าเกณฑ์การคัดกรองและแหล่งข้อมูลเพ่ื อคัดกรองนักเรียน แตล่ ะด้าน มีตวั อย่างตามตารางต่อไปน้ี หัวข้อ การบนั ทกึ รายละเอยี ดแหล่งข้อมลู 1. ดา้ นการเรยี น -ปกติ ม.ต้น -เสย่ี ง - ระเบียนสะสม ( ขอ้ มูลด้านการเรียน) ม.ปลาย -ปัญหา - วิธกี ารอื่นๆ เชน่ สงั เกต สมั ภาษณ์ - นา่ ผลไปเปรียบเทยี บกับเกณฑก์ ารคัดกรองนักเรยี นว่าอยใู่ นกลมุ่ ใด 2. ดา้ นสขุ ภาพ -ปกติ หรือน่าผลไปเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของน้่าหนักและส่วนสงู -เสี่ยง 1) ดา้ นอารมณ์ -ปญั หา - ระเบยี นสะสม ( ขอ้ มูลด้านสุขภาพ) 2) ด้านความประพฤติ/ - วิธีการอ่นื ๆ เชน่ สงั เกต สมั ภาษณ์ เกเร - นา่ ผลไปเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์การคัดกรองนักเรยี นวา่ อยใู่ นกลมุ่ ใด 3) ด้านพฤตกิ รรมอย่ไู ม่ หรอื น่าผลไปเทยี บกับเกณฑม์ าตรฐานของน่้าหนักและสว่ นสงู นิง่ /สมาธสิ นั้ 4) ดา้ นความสมั พนั ธก์ บั -ปกติ - ระเบียนสะสม ( ข้อมูลดา้ นสขุ ภาพ) เพ่ือน -เสี่ยง - วธิ กี ารอนื่ ๆ เชน่ สงั เกต สัมภาษณ์ -ปญั หา - นา่ ผลไปเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์การคัดกรองนกั เรียนวา่ อยูใ่ นกลมุ่ ใด 5) ด้านสมั พนั ธภาพทาง STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM | สังคม 3. ด้านครอบครัว
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 30 คู่มือระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน โรงเรยี นห้วยข้าวก่าวทิ ยา หรือนา่ ผลไปเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของน้่าหนักและส่วนสูง 4. ดา้ นอน่ื ๆ -ปกติ - ระเบยี นสะสม (ขอ้ มลู ดา้ นครอบครวั ) 4.1 ด้านสารเสพตดิ -เสย่ี ง - อ่นื ๆ เช่น การใชส้ ารเสพตดิ ความปลอดภยั และปญั หาเก่ียวกับ 4.2 ด้านพฤติกรรม -ปัญหา เพศ ทางเพศ 4.3 ดา้ นความ ปลอดภยั 5. ดา้ น -ปกติ - ระเบียนสะสม ( ขอ้ มลู ดา้ นสุขภาพ) ความสามารถพเิ ศษ -เส่ียง - วิธีการอนื่ ๆ เช่น สงั เกต สัมภาษณ์ -ปญั หา - นา่ ผลไปเปรียบเทยี บกบั เกณฑก์ ารคัดกรองนกั เรยี นวา่ อยู่ในกลมุ่ ใด หรือน่าผลไปเทยี บกบั เกณฑม์ าตรฐานของนา่้ หนักและส่วนสงู เกณฑ์การคดั กรองนักเรียน 1. ด้านการเรยี น กล่มุ ปกติ กลมุ่ เสยี่ ง กลุ่มมปี ญั หา ม.ต้น [ ] ผลการเรียนเฉลย่ี 1.50-2.00 [ ] ผลการเรียนเฉลยี่ ตา่ กวา่ 1.50 เกรดเฉล่ีย [ ] มาเรยี นสายไม่ทนั คาบ 1 (3 ครัง้ ตอ่ สปั ดาห)์ [ ] อ่านหนังสือไม่ออก 2.00 – 3.49 [ ] ตดิ 0, ร, มส 1-2 วชิ าใน 1 ภาคเรียน [ ] ขาดเรยี นบอ่ ย ******** [ ] อา่ นหนังสอื ไมค่ ล่อง [ ] ตดิ 0, ร, มส., มผ. 3 วิชาข้นึ ไป ม.ปลาย [ ] อน่ื ๆระบ…ุ ………………………. [ ] ไมส่ ง่ งานหลายวชิ า เกรดเฉล่ีย [ ] ไมเ่ ขา้ เรยี นหลายครั้งโดยไมม่ ีเหตจุ า่ เป็น 1.75 – 3.24 [ ] เขียนหนังสอื ไม่ถกู ตอ้ งสะกดค่าผิดแม้แต่คา่ งา่ ยๆ [ ] อ่ืนๆระบ…ุ …………………….. 2. ดา้ นสุขภาพ 2.1 สขุ ภาพกาย กลมุ่ ปกติ กลมุ่ เสยี่ ง กลุ่มมีปัญหา [ ] นา่้ หนักผดิ ปกติและไมส่ มั พันธ์ กับส่วนสูงหรอื อายุ [ ] น้่าหนักผดิ ปกตแิ ละไมส่ มั พนั ธก์ บั เล็กนอ้ ย ส่วนสงู หรอื อายมุ ากชดั เจน [ ] สขุ ภาพร่างกายไม่แข็งแรง [ ] มคี วามพิการทางรา่ งกาย [ ] มีโรคประจ่าตวั ทสี่ ่งผลกระทบตอ่ การเรียนหรอื [ ] ปวุ ยเปน็ โรครา้ ยแรง/เร้อื รงั เจบ็ ปุวยบอ่ ย [ ] มปี ญั หาด้านสายตา/สั้น/เอยี ง (ไม่มีแว่นตาใส)่ [ ] มีปญั หาในการมองเห็น [ ] มีปญั หาในการได้ยนิ ไม่ชัดเจน [ ] มคี วามบกพรอ่ งทางการได้ยนิ มาก [ ] อื่นๆระบ…ุ ……………………............. [ ] บกพร่องในการพดู [ ] ออทิสติค [ ] อน่ื ๆระบ…ุ ……………………............. 2.2. สขุ ภาพจติ พฤติกรรม และสงั คม (SDQ) 1) ดา้ นอารมณ์ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มมีปญั หา 2) ด้านความประพฤต/ิ เกเร กลมุ่ ปกติ กลมุ่ เสย่ี ง กลุ่มมีปัญหา 3) ด้านพฤติกรรมอยไู่ มน่ ่ิง/สมาธิสน้ั กลมุ่ ปกติ กลมุ่ เสย่ี ง กล่มุ มีปัญหา 4) ดา้ นความสมั พนั ธ์กับเพือ่ น กล่มุ ปกติ กลมุ่ เส่ียง กลมุ่ มีปญั หา STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 31 คมู่ ือระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน โรงเรยี นหว้ ยขา้ วกา่ วิทยา สรุปขอ้ มลู แบบประเมนิ SDQ (จากคะแนนรวม 4 ด้าน) นักเรยี นอยใู่ นกลุ่ม 5) ดา้ นสมั พันธภาพทางสงั คม มีจุดแขง็ ไมม่ ีจดุ แข็ง 4. ดา้ นครอบครวั 4.1 เศรษฐกิจ กลมุ่ ปกติ กลมุ่ เสย่ี ง กล่มุ มีปญั หา รายได้ครอบครวั [ ] บดิ า หรือ มารดาตกงาน [ ] รายได้ครอบครวั ไมเ่ กิน 40,000 บาท มากกวา่ [ ] รายได้ครอบครวั 40,001 – 99,999 บาท ต่อ ปี 100,000 บาท ตอ่ ปี [ ] บดิ าและมารดาตกงาน ต่อ ปี [ ] ใชจ้ า่ ยแบบฟุมเฟือย [ ] บดิ าและมารดาตกงาน ขน้ึ ไป [ ] ได้เงินมาโรงเรียนวนั ละ………....…บาท [ ] ไมม่ เี งินซอ้ื อุปกรณก์ ารเรียน [ ] อน่ื ๆ [ ] มภี าระหนสี้ นิ จา่ นวนมาก คือ…………….........................................…….. [ ] อนื่ ๆ คอื ……………………………………….. 4.2 การค้มุ ครองนกั เรียน กล่มุ ปกติ กลุ่มเสย่ี ง กล่มุ มปี ญั หา [ ] พอ่ แมแ่ ยกทางกนั หรอื แต่งงาน [ ] มีความขดั แย้งและมกี ารใชค้ วามรุนแรงในครอบครวั ใหม่ [ ] ท่พี กั อาศัยอยูใ่ กลแ้ หล่งมว่ั สมุ / [ ] นกั เรยี นถกู ทารณุ /ท่าร้ายจากบคุ คลในครอบครวั /ผอู้ ืน่ สถานเริงรมย์ ที่เส่ยี งตอ่ สวสั ดิภาพ [ ] อยู่หอพกั [ ] ถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ [ ] มีบคุ คลในครอบครัวเจบ็ ปวุ ย [ ] ถูกรังแก/ขม่ ขู่/รีดไถ เงนิ หรอื สง่ิ ของ ด้วยโรคร้ายแรงเรื้อรัง [ ] บคุ คลในครอบครัวตดิ สารเสพ [ ] ไม่มผี ู้ดแู ล ตดิ หรอื เล่นการพนัน [ ] มีความขดั แย้ง/ทะเลาะกนั ใน [ ] ไดร้ บั ผลกระทบจากโรคร้ายแรง ครอบครัว [ ] อื่นๆ [ ] อ่ืนๆระบ…ุ …………………………… ระบ.ุ ….......................................... 4. ด้านอืน่ ๆ (ดรู ายละเอยี ดตามเกณฑ์การคัดกรองของโรงเรยี น) 4.1 ด้านสารเสพติด กลมุ่ ปกติ กลุ่มเสย่ี ง กล่มุ มีปญั หา 4.2 ด้านพฤตกิ รรมทางเพศ กลมุ่ ปกติ กลุ่มเสีย่ ง กลุ่มมีปญั หา 4.3 ด้านความปลอดภยั กล่มุ ปกติ กลุ่มเสีย่ ง กลุ่มมีปัญหา 5. ดา้ นความสามารถพเิ ศษๆ มี ระบุ....................................................................... ไมม่ ี (ไม่ชัดเจนในความสามารถดา้ นอื่น นอกจากดา้ นการ เรยี น) [ ] แววผนู้ ่า [ ] แววนกั คดิ [ ] แววสรา้ งสรรค์ [ ] แววนกั วชิ าการ [ ] แววนักคณติ ศาสตร์ [ ] แววนกั วิทยาศาสตร์ [ ] แววนักภาษา [ ] แววนกั กีฬา [ ] แววนักดนตรี [ ] แววนกั ศลิ ปิน [ ] แววนกั เทศน์ สรุปจากภาพรวมจากขอ้ มลู ทกุ ดา้ น (ทัง้ 5 ขอ้ ) นกั เรียนจดั อยู่ในกลมุ่ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 32 คูม่ ือระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น โรงเรียนห้วยข้าวก่าวทิ ยา กลมุ่ ปกติ หมายถึง ปกติในทุกดา้ นทีค่ ดั กรอง กลุ่มเส่ยี ง หมายถึง มีบางดา้ นปกติและเสย่ี ง กลมุ่ มีปัญหา หมายถงึ มปี กต/ิ เสยี่ ง/มีปญั หา(หากมปี ญั หาแมด้ า้ นเดยี วใหล้ งสรุปว่ามปี ญั หา) หมายเหตุ การคัดกรองอาจใช้วธิ กี ารอื่นๆ ชว่ ยในการคดั กรอง เช่น สัมภาษณ์ สังเกต สอบถาม จากครู หรือเพือ่ นของนักเรยี น การเยยี่ มวัด หรอื การเยย่ี มบา้ น 6. สรปุ การคดั กรอง 1. การคดั กรองมี 10 ดา้ น (ระเบียนสะสม 5 ด้าน + SDQ 5 ดา้ น) 2. การสรุปผลการคัดกรองในภาพรวมของนักเรียนว่าอยู่ในกลุ่มใด (ปกติ , เส่ียง , ปัญหา ) ช่องที่ 1 ของสมุดการดแู ลฯ) มีหลักเกณฑด์ ังน้ี - ถ้าทุกด้านปกติ จึงสรปุ วา่ ปกติ - ถ้าใน 10 ด้าน มีอยู่หลายกลุ่มให้ยึดตัวหนักเป็นหลัก เช่น มีเส่ียงและปัญหาปนกันให้ สรุปวา่ ปัญหา - ถึงแมจ้ ะมีเสยี่ งหรอื ปัญหาเพียงดา้ นเดยี ว ก็สรปุ ว่าอยใู่ นกลุม่ นนั้ มปี ัญหา 3. ในภาพรวมของตัวนักเรียน อาจจะอยู่ในกลุ่มปกติ ไม่ถึง ร้อยละ 80 ตามเกณฑ์ เน่ืองจาก พิจารณาจาก 10 ด้าน ซึ่งคนปกติจะสมบูรณ์ท้ัง 10 ด้าน ย่อมเป็นได้น้อย กลุ่มเสี่ยงจะมีมากเพียงแต่ เฝาู ระวังให้ค่าปรกึ ษาดกี วา่ ปล่อยให้เปน็ คนปกติ อาจจะมีโอกาสเป็นปัญหาได้ภายหลงั 4. ในแตล่ ะดา้ นนักเรยี นส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มปกติ ร้อยละ 80 เสี่ยงและมีปัญหา รวมกันไม่เกิน ร้อยละ 20 5. นักเรียนท่ีอยู่ในกลุ่มเส่ียงและมีปัญหา จะมีแบบการช่วยเหลือเป็นรายคน โดยด้านหน้าจะเป็น รายละเอียดการคัดกรองในแต่ละด้านซึ่งแบบฟอร์มน้ีจะติดตามนักเรียนทุกปีจนกระท่ังออกจากโรงเรียน ซ่ึง จะมกี ารสง่ ต่อทกุ ปี 6. เม่ือบันทึกการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเสร็จทุกด้าน แล้วสรุปภาพรวมตัวนักเรียนว่าอยู่ในกลุ่มใด โดยดูในแนวนอน 10 ด้าน ถ้าปกติทุกด้านจึงสรุปว่าปกติ ถ้ามีหลายด้านให้ยึดตัวหนักเป็นหลัก เช่น เสี่ยงกับปัญหา ให้ยึดปัญหา หลังจากนั้นจึงรวมผลการคัดกรองในแนวด่ิงทุกด้าน โดยแยกเป็นกลุ่มปกติ กลุ่มเสยี่ ง กลุม่ ปญั หาเปน็ จ่านวนคนและรอ้ ยละ ทัง้ 3 กลุม่ ในระดับห้องเรียน จากน้ันก็รวมเป็นรายงาน ผลของระดับโรงเรียนตอ่ ไป STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 33 คู่มือระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น โรงเรียนหว้ ยข้าวกา่ วทิ ยา 12. การวเิ คราะหแ์ บบประเมินจุดแขง็ จุดออ่ น(SDQ) (1) อารมณ์ (5) การคัดกรอง (2) ความ สมั พนั ธภาพ จาก ประพฤติ ทางสังคม SDQ (4) ความ (3) สมั พันธ์ พฤตกิ รรมอยู่ กบั เพ่อื น ไม่น่ิง/อยู่นง่ิ 1. แนะนาการใช้แบบประเมินพฤตกิ รรมเด็ก ( SDQ ) (สาหรบั ครู) คา่ ช้ีแจง แบบประเมนิ ตนเอง (SDQ) นี้ เปน็ แบบประเมนิ ของส่านักพฒั นาสุขภาพจิต กรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ พัฒนาจาก The Strengths and Difficulties Questionaire (SDQ) เป็น เครือ่ งมือทีผ่ ่านการวจิ ยั แล้วว่ามีประสทิ ธภิ าพในการคัดกรองปญั หาเด็กได้ดี สามารถชว่ ยเหลอื ครใู นการคดั กรองปญั หาและใหก้ ารชว่ ยเหลอื เบอ้ื งต้นแก่เด็กในโรงเรยี น แบบประเมนิ ตนเอง (SDQ) นี้ เหมาะทจ่ี ะใช้กบั เดก็ อายรุ ะหว่าง 4 - 16 ปี แบบประเมนิ แต่ละชุดมี 2 หนา้ หน้าแรกเปน็ ลักษณะพฤติกรรม จ่านวน 25 ขอ้ ซ่งึ มีลักษณะ ของพฤติกรรมท้ังด้านบวกและดา้ นลบ โดยสามารถจัดเป็นกลุ่มพฤตกิ รรมได้ 5 ดา้ น ได้แก่ 1. พฤติกรรมดา้ นอารมณ์ (5 ข้อ) 2. พฤติกรรมอยู่ไมน่ ่ิง / สมาธสิ ้นั (5 ขอ้ ) 3. พฤตกิ รรมเกเร / ความประพฤติ (5 ข้อ) 4. พฤติกรรมด้านความสมั พันธ์กับเพือ่ น (5 ข้อ) 5. พฤติกรรมดา้ นสัมพันธภาพทางสังคม (5 ข้อ) คะแนนรวมของกลุ่มท่ี 1 - 4 เป็นคะแนนที่แสดงถึงปัญหาพฤติกรรมของเด็กในด้านนั้น ๆ (Total Difficulties score) ส่วนคะแนนในด้านท่ี 5 เป็นคะแนนที่แสดงถึงจุดแข็งของเด็ก (Strength score) ซึ่งเป็นส่วนส่าคัญในการพิจารณาน่าจุดแข็งมาใช้เพ่ือให้การช่วยเหลือแก้ปัญหาในด้านอ่ืน ๆ แก่ เด็กต่อไป ในขณะเดียวกันคะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมก็เป็นตัวบ่งชี้ให้ครูได้ทราบถึงความยากง่ายใน STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 34 คมู่ ือระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน โรงเรียนห้วยขา้ วกา่ วิทยา การแก้ปัญหา ถ้าเด็กมีจุดแข็ง (คะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมสูง) การให้ความช่วยเหลือปัญหา พฤติกรรมจะง่ายกว่าเดก็ ทไ่ี ม่มจี ุดแข็ง (คะแนนด้านสมั พันธภาพทางสงั คมตา่ ) เปน็ ต้น หน้าท่ี 2 ในด้านหลังของแบบประเมิน เป็นการประเมินผลกระทบของพฤติกรรมว่ามี ความ เรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้าง ต่อตัวเด็กเอง มีผลต่อสัมพันธภาพทางสังคม และชีวิต ประจ่าวัน ของเดก็ มากนอ้ ยอยา่ งไร ซึง่ ในส่วนนีใ้ ชค้ ่าลงสรุปวา่ “เปน็ ระดับความรุนแรงของปัญหา” ขอ้ แนะน่าในการใช้ 1. แบบประเมินตนเอง (SDQ) มี 3 ชดุ คอื 1) แบบประเมนิ ทีน่ ักเรียนประเมนิ ตนเอง 1 ชดุ 2) แบบประเมินทค่ี รปู ระเมินนกั เรียน 1 ชดุ 3) แบบประเมนิ ท่ผี ู้ปกครองประเมินนักเรยี น 1 ชดุ แบบประเมินท้งั 3 ชุดน้ี มลี ักษณะข้อค่าถามคล้ายคลึงกับขอ้ ค่าถามในแบบประเมินท่ี นักเรียนประเมนิ ตนเอง ตลอดจนการตรวจใหค้ ะแนน ยกเวน้ เกณฑ์การแปลผลต่างกันเลก็ น้อย 2. ครูทปี่ ระเมินนักเรียน ตลอดจนผปู้ กครองท่ีจะประเมิน ควรรู้จักนักเรยี นและมีความ ใกล้ชิดกบั นกั เรียนมาระยะเวลาหนึง่ และควรประเมนิ ท้ัง 25 ข้อ ในคร้งั เดยี ว 3. ระยะเวลาท่ีนกั เรยี นประเมินตนเอง ครูประเมินนักเรยี น หรือผปู้ กครองเป็นผูป้ ระเมนิ นกั เรยี นควรเป็นระยะเวลาที่ใกล้กัน 4. ครัง้ แรกอาจใหน้ ักเรยี นประเมินตนเองกอ่ น แล้วครู/ผปู้ กครอง สามารถใชแ้ บบ ประเมินตนเองฉบบั ของครู / ผ้ปู กครอง ทา่ การประเมินนักเรยี นซ่า้ เพอื่ ดผู ลทไี่ ดว้ ่าสอดคลอ้ งกนั หรือไม่ 5. อาจใช้การสัมภาษณ์ หรือเครือ่ งมอื อ่นื ชว่ ยในการพจิ ารณาเพม่ิ เตมิ กรณที ่ีเห็นวา่ ผล ที่ได้ขัดแย้งกับความเป็นจริง อย่าลืมว่า ไม่มีเครื่องมือชนิดใดสมบูรณ์แบบ ขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมของ ผู้ตอบแบบประเมนิ เป็นส่าคญั แบบประเมนิ ตนเองชดุ น้เี ปน็ เพียง เครื่องมือเพ่อื ช่วยเหลอื ในการคัดกรองปัญหา นกั เรียนเท่านั้น ไมใ่ ช่เป็นตัวชีน้ ่าครใู นการตัดสนิ ปญั หานักเรยี น 6. การประเมินพฤตกิ รรมนกั เรียน เป็นการประเมินในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ยกเว้นการใช้เพ่ือ ตดิ ตามลกั ษณะพฤตกิ รรมของนักเรยี น STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 35 ค่มู ือระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น โรงเรยี นหว้ ยข้าวกา่ วิทยา การให้คะแนนและการแปลผล 1. ดา้ นหน้า การใหค้ ะแนนแยกตามรายด้าน 1. ด้านอารมณ์ ขอ้ ข้อคาถาม ไม่จริง อาจจะจริง จริง 2 3. มักจะบ่นวา่ ปวดศรี ษะ ปวดทอ้ ง 01 2 2 8. กงั วลใจหลายเรอ่ื ง ดูกงั วลเสมอ 01 2 13. ดไู ม่มีความสขุ ท้อแท้ 01 2 16. เครียด ไมย่ อมห่างเวลาอยูใ่ นสถานการณท์ ไ่ี มค่ ้นุ และ 0 1 จริง 2 ขาดความมน่ั ใจในตนเอง 0 2 24. ขกี้ ลัว ร้สู กึ หวาดกลัวไดง้ า่ ย 01 2 2 0-5 5-10 จริง รวมคะแนน........................จัดอยู่ในกล่มุ ปกติ เสีย่ ง/มีปญั หา 2 2 2. ด้านความประพฤติ/เกเร 2 0 ข้อ ขอ้ คาถาม ไม่จริง อาจจะจรงิ 0 5. มักจะอาละวาด หรือโมโหร้าย 01 7. เชื่อฟงั มกั จะทา่ ตามท่ผี ูใ้ หญต่ อ้ งการ 21 12. มักจะมเี รื่องทะเลาะววิ าทกบั เดก็ อ่ืน หรือรงั แกเด็กอืน่ 0 1 18. ชอบโกหก หรือข้ีโกง 01 22. ขโมยของของท่บี า้ น ทโี่ รงเรียนหรือท่อี น่ื 01 0-4 5-10 รวมคะแนน........................จดั อย่ใู นกลุ่ม ปกติ เส่ียง/มีปัญหา 3. ดา้ นพฤตกิ รรมอยู่ไม่นิ่ง/สมาธิสั้น ขอ้ ข้อคาถาม ไมจ่ รงิ อาจจะจริง 2. อยู่ไมน่ งิ่ นงั่ นง่ิ ๆ ไมไ่ ด้ 01 10. อย่ไู ม่สขุ วุ่นวายอยา่ งมาก 01 15. วอกแวกง่าย สมาธิสน้ั 01 21. คดิ ก่อนท่า 21 25. ท่างานไดจ้ นเสรจ็ มีความตง้ั ใจในการท่างาน 21 0-5 6-10 รวมคะแนน........................จดั อย่ใู นกลมุ่ ปกติ เส่ียง/มีปัญหา STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 36 คมู่ ือระบบดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน โรงเรียนหว้ ยขา้ วก่าวิทยา 4. ด้านความสัมพนั ธก์ ับเพ่ือน ขอ้ ขอ้ คาถาม ไมจ่ รงิ อาจจะจริง จริง 6. ค่อนข้างแยกตัว ชอบเลน่ คนเดยี ว 0 12 11. มีเพอ่ื นสนทิ 2 10 14. เป็นที่ชนื่ ชอบของเพอื่ น 2 10 19. ถกู เด็กคนอ่ืนล้อเลียน หรือรังแก 0 12 23. เขา้ กับผู้ใหญ่ได้ดีกวา่ เด็กวัยเดยี วกนั 0 12 0-3 4-10 รวมคะแนน........................จัดอยใู่ นกลุม่ ปกติ เสี่ยง/มปี ญั หา ด้านสมั พนั ธภาพทางสงั คม ขอ้ ข้อคาถาม ไมจ่ รงิ อาจจะจริง จริง 1. ห่วงใยความรู้สกึ คนอน่ื 0 12 4. เต็มใจแบง่ ปันสงิ่ ของให้เพ่อื น(ขนม, ของเลน่ , ดินสอ เปน็ ตน้ ) 0 1 2 9. เป็นที่พ่ึงไดเ้ วลาท่คี นอ่นื เสยี ใจ อารมณ์ไมด่ ี หรือไมส่ บายใจ 0 12 17. ใจดกี ับเดก็ ทเ่ี ลก็ กวา่ 0 12 20. ชอบอาสาชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืน (พ่อแม,่ ครู, เดก็ คนอนื่ ) 0 12 4-10 0-3 รวมคะแนน........................จดั อย่ใู นกลุ่ม ปกติ เส่ยี ง/มปี ญั หา สรปุ การให้คะแนนและการแปลผลในภาพรวม (นักเรียนประเมนิ ตนเอง) รายการประเมนิ ปกติ เสย่ี ง/มปี ญั หา คะแนนรวมพฤติกรรมท่เี ปน็ ปญั หา 0-16 17-40 (จากคะแนนรวมพฤตกิ รรม 4 ดา้ น) คะแนนรวมพฤตกิ รรมแต่ละด้าน 1. คะแนนพฤติกรรมดา้ นอารมณ์ 0-5 6-10 2. คะแนนพฤติกรรมเกเร/ความประพฤติ 0-4 5-10 3. คะแนนพฤติกรรมอยูไ่ มน่ ิ่ง/สมาธิสนั้ 0-5 6-10 4. คะแนนพฤตกิ รรมดา้ นความสัมพนั ธ์กับเพือ่ น 0-3 4-10 5. คะแนนพฤตกิ รรมดา้ นสัมพนั ธภาพทางสงั คม 4-10 ตา่ กวา่ 3ไม่มีจุดแข็ง (คะแนนจดุ แข็ง) เปน็ จุดแขง็ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 37 คู่มือระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน โรงเรยี นห้วยข้าวกา่ วิทยา 2. ดา้ นหลงั ประเมนิ ว่ามีความเรื้อรัง สง่ ผลกระทบต่อบคุ คลรอบตัวเด็ก มีผลต่อสัมพันธภาพทางสงั คมและ ชวี ติ ประจา่ วันของเด็ก ในการประเมนิ ว่าตวั เองมีปญั หาดา้ นอารมณ์ ดา้ นสมาธิ ด้านพฤติกรรม หรือความสามารถเขา้ กบั ผู้อ่ืนได้ ถ้าตอบวา่ “ไม่” ไม่ต้องคดิ คะแนนข้อต่อไป ถา้ ตอบว่า “ใช่” ให้พิจารณาแบบประเมินในหวั ข้อต่อไปน้ี - ปญั หาน้ที า่ ใหร้ สู้ ึกไม่สบายใจหรอื ไม่ - ปญั หานี้รบกวนชวี ติ ประจ่าวนั ในดา้ นตา่ ง ๆ หรอื ไม่ ใน 2 หัวขอ้ นี้ ถา้ ตอบว่า “ไมเ่ ลย” หรอื “เลก็ นอ้ ย” ให้ 0 คะแนน “คอ่ นข้างมาก” ให้ 1 คะแนน “มาก” ให้ 2 คะแนน ดังน้ี ข้อความ ไม่เคย เล็กนอ้ ย คอ่ นข้างมาก มาก ปญั หานท้ี า่ ให้ร้สู ึกไม่สบายใจ 00 12 ปญั หานรี้ บกวนชีวติ ประจ่าวันในดา้ นตา่ ง ๆ 00 12 ความเปน็ อยู่ทีบ่ า้ น 00 12 การคบเพื่อน 00 12 การเรียนในหอ้ งเรียน 00 12 กิจกรรมยามว่าง 00 12 สรปุ การแปลผลดา้ นหลัง คะแนนรวม 0 คะแนน = ปกติ คะแนนรวม 1 คะแนนข้ึนไป = เส่ียง/มีปญั หา STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 38 ค่มู ือระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรียน โรงเรยี นหว้ ยขา้ วกา่ วทิ ยา การแปลผลแบบประเมินพฤตกิ รรมเด็กฉบบั ครู / ผูป้ กครองประเมินนกั เรียน คะแนนจากแบบประเมินด้านหนา้ (25 ข้อ) แบบประเมนิ พฤตกิ รรมเด็ก ฉบบั ครปู ระเมนิ นักเรียน ปกติ เสี่ยง/มีปัญหา รายการประเมิน 0-15 16-40 0-3 4-10 คะแนนรวม 0-3 4-10 - คะแนนพฤติกรรมด้านอารมณ์ 0-5 6-10 - คะแนนพฤติกรรมเกเร 0-5 6-10 - คะแนนพฤตกิ รรมอยู่ไม่น่งิ 4-10 0-3 - คะแนนพฤตกิ รรมด้านความสมั พนั ธ์กบั เพ่ือน (มจี ุดแข็ง) - คะแนนพฤตกิ รรมด้านสัมพันธภาพทางสังคม (ไม่มจี ุดแขง็ ) แบบประเมนิ พฤตกิ รรมเด็ก ฉบบั ผปู้ กครองประเมนิ นกั เรียน ปกติ เสี่ยง/มีปัญหา รายการประเมิน 0-15 16-40 0-3 4-10 คะแนนรวม 0-3 4-10 - คะแนนพฤติกรรมด้านอารมณ์ 0-5 6-10 - คะแนนพฤติกรรมเกเร 0-5 6-10 - คะแนนพฤติกรรมอยู่ไมน่ งิ่ 5-10 0-4 - คะแนนพฤติกรรมด้านความสมั พันธก์ บั เพ่อื น (มจี ดุ แข็ง) - คะแนนพฤติกรรมดา้ นสมั พันธภาพทางสงั คม (ไม่มจี ุดแขง็ ) STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 39 คมู่ ือระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน โรงเรยี นหว้ ยข้าวกา่ วทิ ยา 13. การบริหารงานคุณภาพ การบริหารคณุ ภาพของเดมมิ่ง (The Deming Cycle) แนวคดิ ของ วัฏจกั ร PDCA เริ่มข้ึนครง้ั แรกโดยนกั สถติ ิ วอลท์ เตอร์ ซวิ ฮาร์ท (Walter Shewhart) เปน็ ผู้พัฒนาขึ้นเป็นคนแรกจากการควบคมุ กระบวนการเชิงสถิติ ในปี ค.ศ.1930 จนกระท่ังปี ค.ศ.1950 ไดม้ กี ารเผยแพร่อยา่ งกว้างขวางโดย เอด วารด์ เดมม่ิง (W.Edwards Deming) เชยี่ วชาญทางดา้ นการบรหิ ารคณุ ภาพหลายคนจึงเรยี กว่าวงจรบริหาร คุณภาพเดมมงิ่ หรือวฏั จกั ร PDCA และมผี ใู้ หค้ วามหมายของ การท่างานตาม PDCA ดังนี้ วินยั ทองแยม้ (2548 : ไม่มีเลขหน้า) ให้ความหมายของ PDCA คอื วงจรการบรหิ ารงาน คณุ ภาพประกอบด้วย P = Plan คือ การวางแผนงานจากวัตถุประสงค์และเปูาหมายท่ีได้กา่ หนดขึ้น D = Do คอื การปฏิบัตติ ามขั้นตอนในแผนงานท่ีได้เขียนไว้อย่างเป็นระบบและมคี วามต่อเนอ่ื ง C = Checkคอื การตรวจสอบผลการดาเนินงานในแต่ละขั้นตอนของการวางแผนว่ามีปัญหาอะไร เกดิ ขึน้ จ่าเปน็ ต้องเปลย่ี นแปลงแก้ไขแผนงานในขั้นตอนใด A = Action คอื การปรบั ปรุงแกไ้ ขในสว่ นทม่ี ีปัญหา หรือถ้าไม่มีปัญหาใดๆ ก็ยอมรบั แนว ทางการปฏิบัตติ ามแผนงานท่ีไดผ้ ลส่าเร็จ เพอ่ื นาไปใช้การทางานครัง้ ต่อไปเม่ือไดว้ างแผนงาน (P) นาไปปฏบิ ตั ิ (D) ระหว่างการปฏบิ ตั กิ ็ดา่ เนินการตรวจสอบ (C) พบปัญหากท็ าการแก้ไขหรือปรับปรงุ (A) การปรบั ปรุงกเ็ ร่ิมจากการวางแผนกอ่ น วนไปไดเ้ ร่ือยๆจึงเรียกว่าวงจร PDCA ดงั ภาพ PD AC ภาพประกอบที่ 4 วงจรการบริหารงานคุณภาพ PDCA ทมี่ า : วนิ ัย ทองแย้ม, (2548 : ไมม่ เี ลขหนา้ ) STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 40 คมู่ อื ระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น โรงเรียนห้วยข้าวก่าวทิ ยา ผ่องศรี สมยา (2544 : 65 ) กล่าววา่ การปฏิบัติงานใหเ้ กิดผลโดยใช้กระบวนการทeงานทมี่ ี คุณภาพ และการปฏิบัตงิ านให้ประสบผลสeเรจ็ จะต้องอาศัย PDCA ดงั นี้ 1. การวางแผน (Plan) เรมิ่ จากพิจารณาทบทวนเกยี่ วกับมาตรฐานคุณภาพการศึกษาและเกณฑ์ การพฒั นาของโรงเรียน จดั ท่ามาตรฐานรวมของโรงเรียน มาตรฐานการปฏิบตั งิ านของฝุาย/หมวด/งาน และ มาตรฐานการปฏบิ ัติงานของแตล่ ะบคุ คล 2. การลงมือทา (Do) ในแตล่ ะฐานะท่ีตนเก่ยี วข้อง ผบู้ รหิ ารปฏิบัติตามมาตรฐานของโรงเรียน หัวหน้าฝาุ ย/หมวด/งาน ครูปฏบิ ตั ิการตามมาตรฐานการปฏบิ ัตงิ านของแตล่ ะบุคคล เพื่อให้เกิดการปฏบิ ตั ิงาน ไปสูม่ าตรฐานคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน 3. การตรวจสอบ (Check) มีการทบทวนการปฏบิ ัตงิ านตามมาตรฐานในระดับบุคคล มีการ ประชุมเพ่ือตรวจสอบการปฏบิ ัติงาน ตามมาตรฐานในระดับฝุาย/หมวด/งาน และภาพรวมของโรงเรยี น 4. การปรับปรงุ /พฒั นา (Action) มกี ารนาเสนอผลงาน เพ่ือการปรับปรงุ /พัฒนาให้ถึงเกณฑ์ มาตรฐานสากล ประโยชนข์ องเชงิ คุณภาพ PDCA 1. การวางแผนงานกอ่ นการปฏิบตั ิงาน จะท่าใหเ้ กิดความพรอ้ มเม่ือได้ปฏิบัติงานจริงการวางแผน งานควรวางให้ครบ 4 ขน้ั ดังน้ี 1.1 ขน้ั การศึกษา คือ การวางแผนศกึ ษาข้อมูล วธิ ีการ ความต้องการของตลาด ดา้ น ทรัพยากรท่มี ีอยู่ 1.2 ขั้นเตรียมงาน คอื การวางแผนเตรียมงานด้านสถานที่ ความพรอ้ มของบุคลากร อุปกรณ์ 1.3 ขน้ั ดา่ เนนิ งาน คือ การวางแนวทางการปฏิบตั ิงานของแตล่ ะส่วน,ฝาุ ย 1.4 ข้นั การประเมนิ ผล คือ การวางแผนหรอื การเตรยี มการประเมินผลงานอยา่ งเป็นระบบ เพ่ือให้ผลทไี่ ดจ้ ากการประเมินเกิดการเทยี่ งตรง 2. การปฏิบัติตามแผนงาน ท่าให้ทราบขน้ั ตอน วธิ กี าร และสามารถเตรยี มงานล่วงหนา้ ด้วย ดงั น้นั การปฏิบตั งิ านก็จะเกดิ ความราบรนื่ และเรยี บร้อย นาไปส่เู ปาู หมายท่กี า่ หนดไว้ 3. การตรวจสอบ ให้ไดผ้ ลที่เทยี่ งตรงเชอ่ื ถือได้ ประกอบด้วย 3.1 ตรวจสอบจากเปาู หมายท่ีกา่ หนดไว้ 3.2 มีเครื่องมือที่เชือ่ ถอื ได้ 3.3 มีเกณฑ์การตรวจสอบท่ีชดั เจน มกี ารก่าหนดเวลาการตรวจท่ีแน่นอน 3.4 บุคลกรที่ทาการตรวจสอบต้องได้รบั การยอมรับจากทุกหน่วยงานที่เก่ยี วข้อง เมื่อการ ตรวจสอบได้รับการยอมรับ การปฏิบตั งิ านขั้นต่อไปกด็ าเนินงานต่อไปได้ 4. การปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องทีเ่ กดิ ข้นึ ไม่วา่ จะเป็นข้ันตอนใดกต็ ามเมอื่ มีการปรับปรุงแกไ้ ข คณุ ภาพก็จะเกดิ ขนึ้ ดังนน้ั วงจร PDCA จึงเรียกวา่ วงจรบริหารงานคุณภาพ วิภา สวา่ งสาร (2547 : 25-27 ) กล่าวว่า ฮโิ ตชิ คเุ ม (Hitoshi Cume) ไดก้ ลา่ วถึงจดุ มุ่งหมาย ทีแ่ ทจ้ รงิ ของ PDCA ซ่ึงเปน็ กิจกรรมพน้ื ฐานในการบรหิ ารคุณภาพนั้นมิใช่เพยี งแต่การปรับผลลัพธท์ เ่ี บีย่ งเบน ออกไปจากเกณฑ์มาตรฐานให้กลบั มาอยู่ในเกณฑท์ ี่ต้องการเทา่ นนั้ แต่เพือ่ ก่อให้เกดิ การปรับปรงุ ในแต่ละรอบ ของ PDCA อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ และมีการวางแผน PDCA ทม่ี ้วนไต่สูงขึน้ ไปเรอ่ื ยๆ วงจร PDCA มี ภารกิจ 4 ข้นั ตอน ดังนี้ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 41 คู่มือระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียน โรงเรยี นหว้ ยข้าวก่าวิทยา ขัน้ ท่ี 1 การวางแผน (Plan – P ) ขนั้ ที่ 2 การปฏิบตั ติ ามแผน (Do – D ) ขั้นท่ี 3 การตรวจสอบผลการปฏิบัตกิ าร (Check – C) ข้ันท่ี 4 การแก้ไขปญั หา (Action – A) จากการศึกษาเอกสารแนวทางการบริหารคุณภาพ ตามวงจร PDCA สรปุ ได้ว่าการบรหิ าร คุณภาพ เปน็ กิจกรรมพืน้ ฐานในการพัฒนาประสิทธภิ าพ และคณุ ภาพของการดาเนินงาน ซึ่งประกอบไปดว้ ย 4 ขั้นตอน คือ การวางแผน ปฏบิ ัติ ตรวจสอบ ปรบั ปรงุ ดาเนินกิจกรรม ตามวงจร PDCA อยา่ งเป็นระบบให้ ครบวงจรอย่างต่อเน่ือง หมนุ เวยี นไปเรือ่ ยๆ ย่อมสง่ ผลให้การดาเนนิ งาน เปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพและมี คณุ ภาพ *************** STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 42 คู่มือระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรยี น โรงเรยี นหว้ ยขา้ วกา่ วิทยา ระเบยี นสะสมนกั เรียนรายบุคคล (ปพ.8) ล่าดับที่ ............... โรงเรียนห้วยขา้ วก่าวิทยา อาเภอจุน จงั หวดั พะเยา *************** ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี...............ปกี ารศกึ ษา................. ช่อื ครูทีป่ รึกษา 1. ............................................................................. 2. ............................................................................. กรอกเม่อื วนั ที่............เดอื น...............................................พ.ศ. .............................. เขา้ เรยี นเม่อื วนั ที่ ..................... เดือน ............................... พ.ศ. ............................ 1. ประวัตสิ ่วนตัวผเู้ รยี น ดา้ นผูเ้ รยี น 1) นกั เรยี นชื่อ.........................................................นามสกลุ ............................................................................ ชือ่ เล่น...................................เลขประจ่าตัวนกั เรียน - - เลขที่ ................. เลขทบี่ ัตรประจ่าตวั นักเรยี น - - -- เกิดเมื่อวันท่ี.............................เดอื น.................................................................พ.ศ……………………...……......... หม่เู ลอื ด A(เอ) B (บี) AB (เอบี) O (โอ) ดา้ นครอบครวั 1) ช่ือ-สกุล บิดา ………………………….…………..……..................................................... 2) ชอื่ -สกุล มารดา …………………………………..……………………………………................. 3) ข้อมูลสถานภาพการอยรู่ ่วมกนั ของบดิ ามารดา (ใสเ่ ครอ่ื งหมายลงในชอ่ งท่ตี รงความคิดเห็นเพยี ง 1 ขอ้ ) อยดู่ ว้ ยกนั แยกกันอยู่ หย่ารา้ ง บิดาเสยี ชีวิต มารดาเสียชวี ติ ทง้ั บิดา มารดาเสยี ชีวติ อ่ืน ๆ ด้านเศรษฐกิจ 1) บิดามีอาชีพ .................................................................. รายได้ ............................................ บาทต่อเดือน 2) มารดามีอาชีพ ............................................................... รายได้ ............................................ บาทต่อเดอื น 3) ผูป้ กครองมีอาชีพ ......................................................... รายได้ ............................................ บาทตอ่ เดือน ด้านการคุ้มครองนักเรียน 1) มพี ี่รว่ มบิดามารดา จ่านวน……………..คน มนี ้องรว่ มบิดามารดา จ่านวน………………คน มพี ต่ี า่ งบิดามารดา จา่ นวน……………..คน มีนอ้ งต่างบดิ ามารดา จา่ นวน………………คน 2) ความสัมพนั ธข์ องบดิ ามารดา (ใสเ่ คร่อื งหมายลงในช่องทต่ี รงความคดิ เห็นเพียง 1 ข้อ) รักใคร่กนั ดี ทะเลาะกนั บางครง้ั ขดั แย้งทะเลาะกนั บอ่ ยคร้งั ขดั แย้งและท่าร้ายรา่ งกายบางครัง้ ขดั แย้งและท่าร้ายร่างกายบอ่ ยคร้ัง อืน่ ๆ 3) นักเรียนพักอาศยั อยู่กบั (ใส่เครอื่ งหมายลงในชอ่ งท่ีตรงความคดิ เหน็ เพยี ง 1 ข้อ) อยูก่ ับบิดามารดา อยูก่ ับบดิ า อยู่กับมารดา อยู่กบั พี่น้อง อยกู่ บั ญาติผูใ้ หญ่/ผ้ปู กครองที่ไมใ่ ชบ่ ดิ ามารดา พกั อยู่คนเดยี ว อย่กู บั เพื่อน/คนรูจ้ ัก STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 43 คูม่ ือระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น โรงเรยี นห้วยขา้ วก่าวิทยา 4) ช่อื ผ้ปู กครอง (นาย นาง นางสาว) …………………………………………………เก่ียวข้องเปน็ .............................. อาชพี ...................................... อยบู่ า้ นเลขท่ี........หมูท่ ี่........ซอย.........................ถนน.................................. ตา่ บล........................................อา่ เภอ.......................จังหวัด.......................... รหสั ไปรษณยี ์................................หมายเลขโทรศัพท์ตดิ ตอ่ ได้ 1) นกั เรียน ................................................. 2) ผปู้ กครอง .................................... เพื่อนสนทิ ของนกั เรียนใน โรงเรียน .................................................................................................................... .. ด้านสขุ ภาพ 1) ประวตั ิการเจ็บปุวย โรคประจ่าตัว………………………………………………………………………………………. เมื่อปี พ.ศ. ......................................การรักษา....……………….......................................................................... โรคท่ีเคยเปน็ ………………………………………………………………………………………. เม่อื ปี พ.ศ. ......................................การรกั ษา....……………….......................................................................... อาหาร ยา สารทแ่ี พ้………………………………………………………………………………. การผา่ ตดั และอุบัตเิ หตุรา้ ยแรง…………………………………………………………………….. เมื่อปี พ.ศ. ......................................การรกั ษา....……………….......................................................................... 2) การตรวจสายตา การได้ยินและชอ่ งปาก สภาพสายตา……………………………………………………………………………………….. สภาพการไดย้ ิน……………………………………………………………………………………. สภาพฟนั และสุขภาพในช่องปาก………………………………………………………………….. 3) บนั ทกึ การเจริญเติบโต ใหบ้ นั ทึกน้่าหนกั สว่ นสงู ปีละ 2 คร้งั 4) พฤติกรรมและอาการทางจิตเวช……………………………………………………………………………………………… 5) สภาพความบกพร่องทางด้านรา่ งกาย………………………………………………………………………………………. ดา้ นการเรียน 1) ผลการเรยี น กลมุ่ ปกติ กลุ่มเสี่ยง กลมุ่ มีปญั หา ม.ตน้ ( ) ผลการเรียนเฉล่ยี ม.ต้น 1.00-1.99 ม. ( ) ผลการเรียนเฉลีย่ ต่ากว่า 1.00 เกรดเฉลย่ี ปลาย 1.00-1.74 2.00 – 3.49 ( ) อ่านหนงั สือไม่คลอ่ ง ( ) อ่านหนงั สอื ไมอ่ อก ( ) มาเรียนสายมากกว่า 5 - 10 ครัง้ ใน 1 ( ) เขียนหนงั สือไมถ่ กู ตอ้ ง สะกดค่าผดิ แมแ้ ตค่ า่ ม.ปลาย ภาคเรยี น ง่าย ๆ เกรดเฉลีย่ ( ) ไม่เข้าเรยี นในรายวิชาตา่ ง ๆ 3 - 5 คร้ัง ตอ่ ( ) เรยี นไมเ่ ขา้ ใจในบทเรยี นทกุ วชิ า 1.75 – 3.24 1 รายวิชา ( ) มี 0 จา่ นวน 1 – 5 วิชา ใน 1 ภาคเรยี น ( ) มาเรยี นสายมากกวา่ 10 ครง้ั ใน 1 ภาค เรียน ( ) อน่ื ๆ คือ………………………………………………. ( ) ไมเ่ ข้าเรียนมากกว่า 5 ครั้ง ต่อ 1 รายวชิ า ( ) มี 0 มากกวา่ 5 วชิ า ใน 1 ภาคเรยี น STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 44 คู่มือระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี น โรงเรียนห้วยขา้ วก่าวทิ ยา ( ) อน่ื ๆ คือ………………………………………….. 2) วิชาทีช่ อบ ระบุ 1. ................................................................ 2. ........................................................... หมายเหตุ ระเบียนสะสม (ปพ.8) ควรใช้กระดาษอยา่ งดี เนื่องจากต้องใช้ตดิ ต่อกัน 6 ปี และควรเปน็ แฟมู ข้อมูล หรือเย็บเป็นรูปเล่มอย่างแขง็ แรง แผนทบ่ี า้ น และสถานทใี่ กล้เคยี งทีส่ าคญั แผนที่วัดท่ีสังกัดอย/ู่ พานกั STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 45 คู่มอื ระบบดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน โรงเรยี นห้วยขา้ วก่าวทิ ยา STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 42 คูม่ ือระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรยี น โรงเรียนห้วยข้าวกา่ วิทยา ภาคผนวก STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 43 คู่มือระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี น โรงเรียนหว้ ยข้าวกา่ วิทยา ภาคผนวก 1. แบบประเมินแบบประเมินจดุ แขง็ และจดุ ออ่ น(Strengths and Difficulties Questionnaire (SDQ)) (ตนเอง) (ดล.1) 2. แบบประเมนิ แบบประเมินจุดแข็งและจดุ อ่อน(Strengths and Difficulties Questionnaire (SDQ)) (ครู) (ดล.2) 3. แบบประเมนิ แบบประเมินจดุ แขง็ และจดุ อ่อน(Strengths and Difficulties Questionnaire (SDQ)) (ผู้ปกครอง) (ดล.3) 4. แบบบนั ทกึ คะแนนและวเิ คราะหผ์ ล (ดล.4) 5. แบบประเมนิ ความฉลาดทางอารมณ์ EQ (ดล.5) 6. แบบประเมนิ ความเครียดของนกั เรยี น (ดล.6) 7. แบบประเมินความสขุ ของนกั เรยี น (ดล.7) 8. ระเบียนสะสมนักเรียนรายบุคคล (ปพ.8) (ดล.8) 9. แบบคดั กรองนกั เรยี นรายบุคคล (จากระเบียนสะสม, แบบประเมนิ พฤติกรรมเด็ก (SDQ), และอน่ื ๆ) (ดล.9) 10. แบบสรุปรายงานผลการคัดกรองนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ดล.10) 11. แบบสรุปขอ้ มูลการคัดกรองนักเรียนเปน็ รายบุคคล (ดล.11) 12. แบบสารวจความคิดเห็นของนักเรียนในการจดั กจิ กรรมโฮมรูม (ดล.12) 13. แบบสารวจความตอ้ งการของนกั เรยี นในการจัดกิจกรรมโฮมรมู (ดล.13) 14. แบบบันทึกการจัดกจิ กรรมโฮมรูมสัน้ ( 10 – 20 นาที) (ดล.14) 15. แบบรายงานผลการจัดประชุมผ้ปู กครองนักเรียน ( Classroom meeting) (ดล. 15) 16. แบบบนั ทึกสรุปผลการประชุมผู้ปกครองช้นั เรยี น ( Classroom meeting) (ดล.16) 17. แบบบันทึกการเขา้ ร่วมประชมุ ผู้ปกครองในช้นั เรียน (ดล.17) 18. แบบประเมนิ ความพึงพอใจการจดั ประชุมผ้ปู กครองในช้นั เรียน (Classroom Meeting) (ดล.18) 19. หนังสือประสานสัมพันธผ์ ู้ปกครองกับครูที่ปรกึ ษา (ดล.19) 20. บนั ทึกการประชุมผู้ปกครอง (ดล.20) 21. แบบบันทกึ การใหค้ าปรึกษา (ดล.21) 22. แบบบนั ทกึ การประชุมให้คาปรกึ ษาเพ่ือแก้ปัญหานักเรียน (ดล.22) 23. แบบบนั ทกึ การติดตามดูแลนกั เรียน (ดล.23) 24. บันทกึ การสง่ ตอ่ ภายใน (โดยครูทปี่ รกึ ษา (ดล.24) STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM 44 คมู่ อื ระบบดแู ลช่วยเหลอื นักเรียน โรงเรียนห้วยขา้ วก่าวิทยา 25. แบบบันทึกการชว่ ยเหลอื นักเรียนทม่ี คี วามสามารถพิเศษ (จาแนกตามแวว อัจฉริยะ) (ดล.25) 26. แบบบันทกึ การช่วยเหลอื นกั เรยี นที่มคี วามต้องการพิเศษ (พิการหรอื บกพร่อง) (ดล.26) 27. แบบบันทึกการช่วยเหลอื นกั เรียนผู้ดอ้ ยโอกาสทัง้ หมด (ดล.27) 28. บนั ทกึ การสง่ ตอ่ นักเรียน (ภายใน) (ดล.28) 29. แบบรายงานแจ้งผลการช่วยเหลือนกั เรียน (ดล.29) 30. บันทึกการสง่ ตอ่ ภายนอก (ดล.30) 31. แบบบันทกึ การช่วยเหลือนักเรียนเปน็ รายบุคคล (ดล.31) 32. แบบบนั ทกึ การเยี่ยมบา้ น (โดยครูบันทกึ ข้อมูล) (ดล.32) 33. แบบบนั ทกึ การเย่ียมวัด (ดล.33) 34. แบบบันทึกการใหค้ าแนะนาจากครู/หรอื ผ้ตู รวจเย่ียมวัด (ดล.34) 35. รูปแบบรายงานผลการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน 36. คาสง่ั STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM ๔๖ คู่มอื ระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น โรงเรยี นห้วยขา้ วกา่ วทิ ยา แบบ ดล 1 หนา้ พ.ศ.2546 ตนเอง แบบประเมนิ จดุ แข็งและจดุ อ่อน Strengths and Difficulties Questionnaire (SDQ) ทาเคร่ืองหมาย X ในชอ่ ง ใตข้ อ้ ความ ไม่จรงิ จรงิ บ้าง จริงแน่นอน เพียงช่องเดยี วในแต่ละขอ้ คาถาม กรุณาตอบทกุ ขอ้ ให้ใกล้เคยี งความเป็นจรงิ ทีเ่ กิดข้นึ ในชว่ ง 6 เดอื นทีผ่ า่ นมา ชอ่ื เดก็ ………………………………………………………………………………..………. เพศของเดก็ ชาย วัน เดือน ปเี กิด……………………………………………………............................ ..อายขุ องเด…็ ………………ปี หญิง ไม่จรงิ จรงิ บา้ ง จรงิ แน่นอน 1. ฉันพยายามทาดีต่อผอู้ ื่น ฉนั ใสใ่ จความรสู้ ึกของผอู้ ่ืน 2. ฉันอยไู่ มส่ ุข ฉนั ไมส่ ามารถอยู่นงิ่ ได้นาน 3. ฉันปวดศรี ษะ ปวดท้องหรือคลนื่ ไส้บอ่ ยๆ 4 โดยปกตแิ ลว้ ฉันแบ่งปนั กบั ผ้อู น่ื ( อาหาร เกมส์ ปากกา ฯลฯ ) 5. ฉนั โกรธรุนแรงและมักควบคมุ อารมณไ์ มไ่ ด้ 6. ฉนั มกั อยกู่ ับตวั เอง ฉันมักเล่นคนเดยี วหรืออยตู่ ามลาพัง 7. โดยปกตแิ ล้ว ฉนั ทาตามที่คนอน่ื บอก 8. ฉันกังวลมาก 9. ฉันชว่ ยเหลือถา้ มีใครบาดเจ็บ ไม่สบายใจหรอื เจบ็ ป่วย 10.ฉันหยุกหยิก หรือดิน้ ไปดิ้นมาตลอดเวลา 11.ฉนั มเี พอื่ นสนทิ อยา่ งนอ้ ยหนง่ึ คน 12.ฉนั มเี ร่อื งตอ่ สบู้ ่อยๆ ฉันบงั คับใหผ้ ้อู ื่นทาตามทีฉ่ นั ต้องการได้ 13.ฉนั มกั ไมม่ ีความสขุ เศรา้ หรือรอ้ งไหบ้ อ่ ย 14.คนอน่ื ในวัยเดยี วกับฉันมกั ชอบฉนั 15.ฉนั วอกแวกง่าย ฉนั มีความลาบากท่จี ะใชส้ มาธิ 16.ฉันวิตกกงั วลเม่ืออยู่ในสถานการณใ์ หมๆ่ ฉนั เสียความม่ันใจงา่ ย 17.ฉันใจดีกบั เด็กทีอ่ ายุนอ้ ยกวา่ 18.ฉนั ถกู กล่าวหาวา่ พูดปดหรือขี้โกงบอ่ ยๆ 19.เดก็ คนอ่นื ๆแกล้งหรือรงั แกฉัน 20.ฉันมกั อาสาชว่ ยเหลือผอู้ ่ืน ( พ่อแม่ ครู เด็ก ) 21.ฉันคดิ กอ่ นทา 22.ฉนั เอาของท่ไี ม่ใช่ของฉันออกไปจากบ้าน โรงเรยี นหรอื ท่อี ืน่ 23.ฉันเข้ากับผใู้ หญไ่ ด้ดกี ว่าเขา้ กบั เดก็ วัยเดียวกัน 24.ฉันมคี วามกลัวหลายอยา่ ง ฉันหวาดกลัว 25.ฉนั ทางานทีท่ าอยไู่ ดเ้ สรจ็ ฉันมสี มาธดิ ี โปรดกรอกเพิม่ เตมิ ถ้าคณุ มคี วามเหน็ อน่ื ........ STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM ๔๗ ค่มู อื ระบบดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี น โรงเรยี นห้วยข้าวก่าวิทยา แบบ ดล 1 หลงั (โปรดพลิกหนา้ ถัดไป) พ.ศ.2546 ตนเอง โดยรวมคดิ ว่าตัวเองมีปญั หาในด้านอารมณ์ ด้านสมาธิ ด้านพฤติกรรม หรอื ความสามารถเข้ากับผู้อน่ื ดา้ นใดด้านหน่งึ หรือไม่ ไมม่ ี มปี ญั หา ปญั หา มปี ญั หา ปญั หา เลก็ นอ้ ย ชดั เจน อย่างรุนแรง ถา้ คณุ ตอบ “มปี ญั หา.......” โปรดตอบขอ้ 1) - 4) ต่อไปนด้ี ้วย 1 - 5 เดอื น 6 - 12 เดือน มากกวา่ 1 ปี 1) ปญั หาที่มี เกดิ ขึน้ มานานเท่าไรแล้ว น้อยกว่า 1 เดือน 2) คุณรสู้ กึ หงุดหงดิ หรือไม่สบายใจกบั ปัญหาทมี่ ีหรอื ไม่ เลก็ นอ้ ย คอ่ นขา้ งมาก มากทีส่ ดุ ไมเ่ ลย 3) ปัญหาทม่ี ี รบกวนชีวติ ประจาวนั ของคณุ ในด้านตา่ งๆ ตอ่ ไปนี้หรอื ไม่ ไม่เลย เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มากทส่ี ุด ความเป็นอย่ทู บ่ี า้ น การคบเพอ่ื น การเรยี นในห้องเรียน กจิ กรรมยามวา่ ง 4) ปัญหาท่มี ี ทาใหค้ นรอบขา้ งเกดิ ความยุ่งยากหรอื ไม่ ( ครอบครวั เพือ่ น ครู ฯลฯ ) น้อยกวา่ 1 เดอื น 1 - 5 เดอื น 6 - 12 เดือน มากกวา่ 1 ปี ลายเซน็ .......................................................……………………… วันที่ ................................. โปรดตรวจสอบอีกครงั้ ว่าทา่ นตอบครบทุกขอ้ ขอบคุณทใ่ี หค้ วามร่วมมือกรอกแบบประเมนิ นี้ Copyright Robert Goodman 2003 STUDENT CARE AND SUPPORT SYSTEM |
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111