Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รูปเล่มโครงการผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์พุดดิ้งนมสดน้องหมีผลไม้

รูปเล่มโครงการผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์พุดดิ้งนมสดน้องหมีผลไม้

Published by 21 ภาณุมาศ ศรีวิชัย, 2021-09-22 14:07:17

Description: รูปเล่มโครงการผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์พุดดิ้งนมสดน้องหมีผลไม้

Search

Read the Text Version

ผลิตภัณฑ์และบรรจุภณั ฑพ์ ดุ ดิ้งนมสดน้องหมผี ลไม้ จดั ทำโดย ภาณุมาศ ศรีวิชยั รหสั นักศกึ ษา 63302010049 ณัฐนันท์ บรู ณปรชี า รหสั นักศึกษา 63302010052 เสนอ อาจารยน์ พิ ร จทุ ยั รัตน์ รายงานนีเ้ ป็นส่วนหนงึ่ ของการศึกษา วชิ า โครงการ สาขาวิชา การบญั ชี ประเภทวชิ า บริหารธรุ กิจ ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาชลบรุ ี

ผลติ ภณั ฑ์และบรรจุภณั ฑ์พดุ ดง้ิ นมสดนอ้ งหมผี ลไม้ จดั ทำโดย นางสาวภาณุมาศ ศรวี ิชยั รหัสนักศกึ ษา 63302010049 นางสาวณฐั นันท์ บูรณปรีชา รหสั นักศกึ ษา 63302010052 เสนอ อาจารยน์ พิ ร จทุ ยั รัตน์ รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหน่งึ ของการศึกษา วิชา โครงการ สาขาวิชา การบัญชี ประเภทวชิ า บรหิ ารธุรกจิ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี

ใบรบั รองโครงการ ระดบั ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสงู ชน้ั ปีท่ี 2 (ปวส.) วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาชลบรุ ี โครงการ ผลติ ภัณฑ์และบรรจภุ ัณฑ์พุดด้ิงนมสดน้องหมีผลไม้ โดย 1. นางสาวภาณมุ าศ ศรีวิชยั รหสั นกั ศกึ ษา 63302010049 2. นางสาวณัฐนันท์ บูรณปรีชา รหัสนักศกึ ษา 63302010052 ชัน้ ปวส. 2/2 สาขาวชิ าการบญั ชี พิจารณาเห็นชอบโดย ………………………………………………. (นางนพิ ร จุทยั รตั น์) อาจารย์ทป่ี รึกษาโครงการ แผนกวชิ าบญั ชี คณะบริหารธุรกิจ

ช่อื ผลงาน โครงการการพัฒนาผลติ ภัณฑ์และบรรจภุ ณั ฑ์พดุ ดิ้งนมสดนอ้ งหมีผลไม้ ชอ่ื นกั ศกึ ษา ภาณุมาศ ศรวี ิชัย ณฐั นนั ท์ บรู ณปรชี า สาขาวชิ า การบัญชี ประเภทวิชา บรหิ ารธรุ กจิ ปกี ารศึกษา 2564 สถานศึกษา วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบรุ ี บทคัดยอ่ มีวัตถุประสงค์ 1. พฒั นาผลิตภัณฑพ์ ุดด้ิงนมสดน้องหมีและผลไม้ 2. พฒั นาบรรจุภัณฑใ์ ห้ เปน็ ท่ีนา่ สนใจและเพม่ิ ทางเลือกให้กับผบู้ รโิ ภค 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจจากกลุม่ เป้าหมายทม่ี ีต่อ บรรจภุ ัณฑแ์ ละผลติ ภณั ฑน์ มสดน้องหมี กลุ่มเปา้ หมายที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ ได้แก่ บคุ คลทั่วไป ขาย ในระบบออนไลน์ 38 ม.4 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000 จำนวน 25 คน เครอื่ งมือทใี่ ชใ้ น การศกึ ษาครง้ั นี้ เปน็ แบบสอบถามซ่ึงประกอบด้วยแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) แบบสอบถามปลายเปิด (Open Ended Questionnaire) และแบบสอบถามปลายปดิ (Close Ended Questionnaire) จำนวน 3 ตอน มีรายละเอียด ดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมลู ทวั่ ไปของผูต้ อบ แบบสอบถาม ตอนที่ 2 แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้บรโิ ภค แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ 1. ดา้ น คณุ ภาพผลิตภัณฑ์ 2. ด้านคุณภาพบรรจภุ ัณฑ์ 3. ด้านการออกแบบตราสินค้า 4. ดา้ นการใชง้ าน ผลิตภณั ฑโ์ ดยรวม ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ สถิติที่ใชใ้ นการวจิ ยั คอื 1. คา่ ร้อยละ (Percentage) 2. ค่าเฉล่ียเลขคณิต (Mean) 3. ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลการศึกษาพบวา่ 1. บคุ คลทวั่ ไปจากกลมุ่ เปา้ หมายสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 23 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 92.00 สว่ นใหญ่ อายุ 21 – 40 ปี จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 96.00 ส่วนใหญเ่ ปน็ อาชพี รบั จ้าง ท่วั ไป จำนวน 24 คน คิดเปน็ ร้อยละ 96.00 มีรายได้ 10,000 – 20,000 จำนวน 24 คน คิดเปน็ รอ้ ย ละ 96.00 2. ข้อมูลความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายต่อ การพัฒนาผลิตภณั ฑ์พดุ ดิ้งนมสดน้องหมผี ลไม้ แบ่งเปน็ 4 ดา้ น คือ ดา้ นคณุ ภาพผลิตภณั ฑ์ มีรสชาติทห่ี อมหวานของน้ำผึ้งเข้ากับผลไม้ มีเน้ือสัมผสั ของพดุ ด้งิ ทเ่ี นยี นนมุ่ ตวั พุดดิ้งมีความเดง้ และเซตตวั ดี มีสสี ันของตัวพุดด้งิ นมหมีและผลไม้ที่นา่ รับประทาน

และมกี ลน่ิ หอมของนมและน้ำผงึ้ ท่ีเด่นชดั ดา้ นคณุ ภาพบรรจภุ ัณฑ์ มีความคงทน สะดวกต่อการรับประทาน รูปทรงบรรจุภัณฑ์มี ความแปลกใหม่ มรี ปู ทรงท่ีเหมาะกบั ตัวผลิตภณั ฑ์ และมีสีสนั ทสี่ วยงาม สามารถดึงดดู ต่อผู้บรโิ ภค ด้านการออกแบบตราสนิ คา้ มีขนาดท่ีเหมาะสมกบั บรรจภุ ณั ฑ์ เปน็ ทสี่ ะดดุ ตานา่ จดจำ ดไู ด้ง่าย มีสสี นั สวยงามเหมาะกับตัวบรรจภุ ัณฑด์ ูทนั สมัยมากขึ้น และมีข้อมลู จดแจง้ ครบถ้วน ด้านการใชง้ านผลติ ภณั ฑ์โดยรวม ภาพรวมของตัวพดุ ดิ้ง รสชาติ เน้อื สัมผัสที่มีความนุ่ม สสี ัน ความแปลกใหมเ่ ขา้ กันไดด้ ี บรรจภุ ณั ฑ์ผลิตภัณฑส์ ะดวกต่อการใชง้ าน เปดิ รบั ประทานได้ง่าย และราคาของผลติ ภณั ฑพ์ ุดดิง้ ท่เี ป็นราคาท่ีสามารถจบั ต้องได้ คำสำคัญ พุดดงิ้ นมหมี ผลไม้

กติ ตกิ รรมประกาศ การศึกษาเร่ือง “โครงการผลิตภณั ฑ์และบรรจภุ ัณฑพ์ ุดด้งิ นมสดน้องหมผี ลไม้” ในครัง้ นี้ สามารถสำเร็จลลุ ่วงอย่างสมบูรณด์ ้วยความเมตตา จากอาจารย์นพิ ร จุทยั รัตน์ ที่ปรึกษาโครงการวจิ ัย ที่ให้คำปรึกษาแนะนำแนวทางที่ถูกตอ้ ง และเอาใจใสด่ ้วยดีตลอดระยะเวลาในการทำโครงการวิชาชพี ผู้ศึกษาร้สู กึ ซาบซ้ึงเปน็ อย่างยิ่ง จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสงู มา ณ โอกาสน้ี ขอขอบพระคณุ บิดา มารดา ร้านผลติ ภัณฑ์และบรรจภุ ณั ฑ์ขนมเบเกอร่ี และเพื่อน ๆ ทกุ คน ทไี่ ดใ้ ห้คำแนะนำชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ผู้ศกึ ษาโครงการมาตลอด โครงการจะสำเร็จลุลว่ งไปไม่ได้ หากไม่ มีบคุ คลดังกล่าวในการจัดโครงการ คณุ ค่าและประโยชนข์ องงานศึกษานี้ ผู้ศึกษาขอมอบเป็นกตญั ญกู ตเวทติ าแดบ่ ุพการี บรู พาจารยแ์ ละผู้มพี ระคุณทกุ ท่านท้งั ในอดตี และปัจจุบัน ที่ไดอ้ บรม สั่งสอน ท่ีแนะแนวทางใน การศกึ ษาจนทำให้ ผู้ศึกษาประสบความสำเร็จมาจนตราบทุกวันน้ี ภาณุมาศ ศรวี ชิ ยั ณัฐนนั ท์ บูรณปรีชา

สารบัญ หนา้ ปกนอก………………………………………………………………………………………………………………………………...ก ปกใน……………………………………………………………………………………………………………………………………ข ใบรับรองโครงการ………………………………………………………………………………………………………………….ค บทคัดย่อ……………………………………………………………………………………………………………………………….ง กิตตกิ รรมประกาศ………………………………………………………………………………………………………………….จ สารบัญ…………………………………………………………………………………………………………………………………ฉ สารบัญตาราง………………………………………………………………………………………………………………………..ช สารบัญภาพ…………………………………………………………………………………………………………………………..ซ บทท่ี 1 บทนำ…………………………………………..……………………………………………………………………………1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา……………………………………………………………………….1 วัตถุประสงค์ของโครงการ…………………………………………………………………………………………..2 ขอบเขตของการศึกษา……………………………………………………………………………………………….2 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะได้รับ………………………………………………………………………………………….3 นิยามศพั ท์………………………………………………………………………………………………………………..3 บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่เก่ยี วขอ้ ง………………………………………………………………………..4 จดุ ประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวชิ า และคำอธบิ ายรายวิชา………………………………………..4 แนวคิดการวิเคราะหก์ ารตลาดแบบการจัดองค์กรอุตสาหกรรม……………………………………….5 แนวคดิ เก่ยี วกับการขอรบั รองมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชุมชน…………………………………………………8 ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps),กลยุทธ์ตลาดออนไลน์………………………………….10 การบริโภคและทฤษฎพี ฤตกิ รรมผ้บู รโิ ภค (Buyer Behavior’s Model)………………………..20 แนวคิดการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์………………………………………………………………………………..23 ทฤษฎีกลไกราคา……………………………………………………………………………………………………..27 แนวความคดิ ของหลักการบญั ชีตน้ ทนุ ………………………………………………………………………..30 งานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวข้อง…………………………………………………………………………………………………..31

สารบญั (ตอ่ ) หนา้ บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนนิ การศกึ ษา……………………………………………………………………………………………..32 ประชากรและกลุม่ ตวั อย่าง……………………………………………………………………………………….32 เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการศกึ ษา…………………………………………………………………………………………32 ขั้นตอนในการสรา้ งเครอ่ื งมือ…………………………………………………………………………………….32 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ………………………………………………………………………………………………33 การวิเคราะห์ข้อมลู และสถติ ิที่ใช้ในการศึกษา………………………………………………………………33 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล……………………………………………………………………………………………….35 สญั ลักษณ์ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ………………………………………………………………………….35 การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู …………………………………………………………………………….35 บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ………………………………………………………………………..45 สรุปผลการศึกษา……………………………………………………………………………………………………..45 อภปิ รายผล……………………………………………………………………………………………………………..47 ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………48 บรรณานกุ รม……………………………………………………………………………………………………………………….49 ภาคผนวก……………………………………………………………………………………………………………………………50 ภาคผนวก ก แบบขออนุมตั โิ ครงการ แบบเสนอโครงการ……………………………………………..52 ภาคผนวก ข แบบสอบถาม……………………………………………………………………………………….59 ภาคผนวก ค เอกสารประกอบ (ภาพถ่าย)…………………………………………………………………..63 ประวัติผูจ้ ดั ทำ……………………………………………………………………………………………………………………..72

สารบญั ตาราง หนา้ ตารางท่ี 1 แสดงความถ่ีและร้อยละของกลุ่มเปา้ หมาย จำแนกตามเพศ…………………………………….36 ตารางท่ี 2 แสดงความถ่ีและร้อยละของกล่มุ เป้าหมาย จำแนกตามชว่ งอายุ……………………………….37 ตารางท่ี 3 แสดงความถี่และร้อยละของกลุ่มเป้าหมาย จำแนกตามสถานะ………………………………..38 ตารางที่ 4 แสดงความถแี่ ละรอ้ ยละของกลมุ่ เป้าหมาย จำแนกตามรายไดต้ ่อเดือน……………………..39 ตารางท่ี 5 แสดงค่าเฉลยี่ และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานโดยรวม…………………………………………………..40 ตารางท่ี 6 แสดงคา่ เฉลย่ี และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ด้านคณุ ภาพผลติ ภณั ฑ…์ ………………………….41 ตารางท่ี 7 แสดงค่าเฉลย่ี และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ด้านคณุ ภาพบรรจภุ ัณฑ์…………………………..42 ตารางท่ี 8 แสดงคา่ เฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ด้านการออกแบบสินคา้ ……………………………43 ตารางท่ี 9 แสดงค่าเฉลย่ี และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ด้านการใช้งานผลิตภณั ฑ์โดยรวม………………44

สารบญั ภาพ หน้า ภาพท่ี 1 จดั เตรียมอปุ กรณ์……………………………………………………………………………………………………63 ภาพที่ 2 เทนมตราหมีลงหม้อ 2 กระป๋อง……………………………………………………………………………….63 ภาพที่ 3 ตักนำ้ ผง้ึ ใส่ 1 ช้อนโตะ๊ …………………………………………………………………………………………….64 ภาพที่ 4 คนส่วนผสมให้เขา้ กัน………………………………………………………………………………………………64 ภาพท่ี 5 ใสผ่ งวนุ้ 1 ช้อนชา…………………………………………………………………………………………………..65 ภาพท่ี 6 คนผงวุ้นใหล้ ะลาย…………………………………………………………………………………………………..65 ภาพที่ 7 นำนมท่ีใส่สว่ นผสมครบแล้วไปเคีย่ วให้เดือด……………………………………………………………….66 ภาพที่ 8 เทนมทเี่ ค่ียวเดือดแล้วใสแ่ มพ่ มิ …………………………………………………………………………………66 ภาพที่ 9 นำไปแชต่ ูเ้ ยน็ ใหเ้ ซตตวั 15 นาท…ี …………………………………………………………………………….67 ภาพท่ี 10 เอาออกจากพมิ พ์ ตกแตง่ หนา้ หมี……………………………………………………………………………67 ภาพที่ 11 ตักตวั หมใี ส่บรรจภุ ณั ฑ์…………………………………………………………………………………………..68 ภาพที่ 12 ตกั ผลไม้ทีเ่ ตรยี มไว้ใสบ่ รรจภุ ณั ฑ์…………………………………………………………………………….68 ภาพที่ 13 เทนมลงใสบ่ รรจภุ ณั ฑ์……………………………………………………………………………………………69 ภาพท่ี 14 ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์………………………………………………………………………………………69 ภาพที่ 15 ขายผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจภุ ัณฑ์………………………………………………………………………………..70 ภาพท่ี 16 ทำแบบสอบถาม…………………………………………………………………………………………………..70 ภาพที่ 17 ประวตั ผิ ู้จัดทำ………………………………………………………………………………………………………72 ภาพที่ 18 ประวัตผิ จู้ ดั ทำ………………………………………………………………………………………………………73

บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา ในปัจจบุ นั อาหารคือ สง่ิ สำคัญในการดำรงชีวติ ของมนุษย์เพอ่ื ให้ประโยชนแ์ ละความ เจรญิ เตบิ โตของร่างกาย ผบู้ ริโภคสว่ นใหญม่ แี นวโน้วในการหาซื้ออาหารทร่ี ับประทานได้ง่ายและราคา ท่ีย่อมเยาว์ พดุ ดงิ้ เป็นเมนูของหวานทย่ี อดนยิ มของคนท่ชี อบขนมสายหวานท่ีสามารถทานไดแ้ ทบทุก ที่ ทกุ เวลา หาซอื้ ไดง้ า่ ย สะดวกรวดเร็ว เพียงแคแ่ ช่เย็นกส็ ามารถรับประทานได้ นยิ มรับประทานกัน ในกลุม่ คนจำนวนมากสามารถทานไดท้ ุกเพศทกุ วัย พดุ ด้งิ เป็นขนมสายหวานของฝรั่ง มีรสชาติหวาน หอมกลนิ่ นม ชวนใหน้ ่ารับประทาน เนื้อพดุ ดิ้งจะเนยี นนุ่มละมนุ ลนิ้ เหมือนเต้าฮวย ถา้ พดู ถึงพดุ ดิ้ง หลายคนอาจจะคดิ ว่าเปน็ เต้าฮวย รปู ร่างคล้ายๆกัน ทำให้รู้สกึ วา่ หา่ งไกลจากคนรักขนมหวานแบบ ไทยๆมาก แตต่ อนน้ีพุดดิง้ กลายเปน็ ขนมหวานยอดฮติ ท่ีมีคนทำมาขายเตม็ ท้องตลาดไปหมด ทง้ั นใ้ี ช้ ชือ่ พดุ ด้ิงและกรรมวิธีแบบพุดด้ิง บางคนบอกไม่เคยกินพุดด้ิงมาก่อน แต่ถ้าคนเคยกนิ เต้าฮวย นน่ั ก็ เป็นหนึง่ ในสายพนั ธพ์ ุดด้งิ แต่ปจั จุบนั พดุ ด้งิ ไดม้ ีหลายรสชาตมิ หี ลายหนา้ ทำขนึ้ มาเพ่ือใหเ้ กิดความ แปลกใหม่ทำใหค้ นที่ชอบขนมหวานได้ลองชมิ สังคมไทยในปจั จบุ ันน้ี นยิ มรับประทานของหวานกนั มากขึ้น โดยเฉพาะขนมท่ีทำจากแป้ง และน้ำตาลเปน็ ส่วนใหญ่ซง่ึ ไม่คำนึงถงึ สุขภาพ จงึ ทำให้พบว่าประชากรในประเทศไทยประสบปัญหา เกีย่ วกับสุขภาพมากข้นึ รวมไปถึงการมีนำ้ หนกั สว่ นสูงทไ่ี ม่ตรงตามเกณฑ์มาตรฐาน ซ่ึงการจะมี รูปร่าง หนา้ ตา ผิวพรรณรวมไปถงึ การมสี ุขภาพที่ดี ตอ้ งเกิดจากการทานอาหารใหค้ รบ 5หมู่ ออก กำลังกาย ผักผ่อนใหเ้ พียงพอรวมไปถงึ การควบคุมอาหาร ซ่ึงเม่ือพูดถึงการควบคมุ อาหารแลว้ จะรู้สึก ท้อ เนื่องจากต้องจัดสดั ส่วนอาหารคาว อาหารหวานให้เหมาะสมกับการใช้ชวี ิตประจำวัน ซ่ึงขนม หวานสว่ นใหญจ่ ะประกอบไปด้วยไข่ แป้ง และน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก ผู้คนส่วนใหญเ่ ขา้ ใจว่า ร่างกายต้องการน้ำตาลเพ่ือใช้เป็นพลังงานในแตล่ ะวัน แต่ในความเปน็ จริงแลว้ รา่ งกายต้องการ น้ำตาล เพยี งแค่ไม่เกิน 4 -6 ช้อนชาต่อวันเทา่ น้ัน ซง่ึ ขนมหวานในปัจจุบันใส่น้ำตาลทใี่ ช้ในการ ประกอบอาหารโดยท่วั ไปคือ น้ำตาลซูโครสหรอื น้ำตาลทราย ซง่ึ เมื่อรบั ประทานไปเป็นระยะเวลานาน หรอื ทานไปในปริมาณท่มี ากอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสขุ ภาพได้ น้ำตาลท่ีดีควรเปน็ น้ำตาลทไี่ ดจ้ าก ธรรมชาติหรอื น้ำตาลทีอ่ ยู่ในผลไมห้ รือน้ำนมท่ีไมไ่ ด้ปรุงแตง่ เข้าไปในภายหลัง และการรับประทาน ขนมหวานทที่ ำจากนมโคแท้และผลไม้จะทำให้เราไดส้ ารอาหารที่มีประโยชน์ ไม่วา่ จะเป็น แคลเซียม แร่ธาตุ วิตามนิ คาร์โบไฮเดรตและไขมันท่ดี ีรวมไปถึงสารอาหารจากนำ้ ตาลที่อยู่ในน้ำนมและผลไม้อีก

2 ดว้ ย การรับประทานขนมท่ีมีสารอาหารและใยอาหารท่ีครบถว้ น จะช่วยลดการดดู ซึมของ คอเลสเตอรอลและไขมนั ช่วยทำใหร้ ะบบย่อยอาหารและระบบขับถา่ ยทำงานไดด้ ี ทำให้รา่ งกายมีการ เจริญเตบิ โตอยา่ งเต็มที่ จึงคิดพัฒนาผลติ ภณั ฑ์พดุ ดงิ้ นมสดน้องหมีขน้ึ และเพิ่มผลไม้ในพุดด้งิ นมสดอีก ด้วย เป็นขนมหวานที่ใหส้ ารอาหารครบถว้ น รบั ประทานสะดวก แปลกใหม่ไม่ซำ้ ใคร สามารถ รบั ประทานไดท้ ุกเพศทุกวัยและยังไม่เป็นอนั ตรายตอ่ สุขภาพ ดงั นัน้ ทางคณะผจู้ ัดทำจงึ ได้จัดทำโครงการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์และบรรจภุ ณั ฑพ์ ุดดิ้งนมสดนอ้ ง หมีผลไม้ขึ้น เนอื้ พุดดิ้งจะทำจากน้ำนมสดเพื่อให้ได้กลนิ่ หอมจากนมสดและเพมิ่ สว่ นผสมจาก ธรรมชาติอย่าง น้ำผึ้ง ลงไปด้วยเพอ่ื เพม่ิ ความหวานใหก้ บั พุดดง้ิ นมสดหากทานคู่กับผลไม้ จะให้ รสชาติทแี่ ปลกใหม่และยังเพิ่มสีสันให้นา่ รับประทานมากข้ึน ตัวพุดดิง้ นมสดจะจัดทำในรูปของลูกหมี เพ่ือให้มีความนา่ รัก สดใสและยงั ใส่ชนิ้ เนือ้ ผลไมล้ งไปดว้ ยเพอ่ื ให้รสหวานแทรกดว้ ยรสเปรี้ยวนดิ ๆจาก ผลไม้ พดุ ดง้ิ นมสดนอ้ งหมผี ลไม้ จะใช้วัตถดุ บิ และส่วนผสมจากธรรมชาตเิ ท่านนั้ เพ่ือใหผ้ ู้บรโิ ภคได้รบั สารอาหารทค่ี รบถ้วน สามารถทานไดท้ ุกเพศทุกวัย และยังเปน็ การเพ่ิมมูลคา่ สินคา้ แปลกใหม่ ดู น่าสนใจมากข้นึ สะดวกต่อการรบั ประทานและยังเป็นขนมหวานทางเลือกใหมเ่ พ่อื สุขภาพอีกด้วย วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 1. พฒั นาผลิตภณั ฑ์พุดด้งิ นมสดน้องหมแี ละผลไม้ 2. พัฒนาบรรจภุ ณั ฑ์ให้เป็นที่น่าสนใจและเพิ่มทางเลือกให้กบั ผู้บรโิ ภค 3. เพือ่ ศึกษาความพงึ พอใจจากกลมุ่ เปา้ หมายท่มี ีต่อบรรจุภัณฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์นมสดน้องหมี ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตดา้ นเนื้อหาท่ีใชใ้ นการศกึ ษาครั้งนี้ ไดแ้ ก่ การพัฒนาพดุ ดิง้ นมสดน้องหมใี ห้มี คณุ คา่ ทางผลิตภณั ฑ์มากยงิ่ ขึ้น รวมไปถงึ การพัฒนาบรรจภุ ัณฑใ์ หเ้ ปน็ ท่นี า่ สนใจ มีความสะดวกสบาย ในการรับประทาน 2. ขอบเขตดา้ นกลมุ่ เปา้ หมายท่ีใชใ้ นการศกึ ษาครง้ั นี้ ไดแ้ ก่ บุคคลท่ัวไป ขายในระบบ ออนไลน์ 38 ม.4 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบรุ ี 20000 จำนวน 25 คน 3. ขอบเขตด้านระยะเวลาที่ใชใ้ นการศึกษาคร้งั นี้ ได้แก่ ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ตง้ั แต่วันท่ี 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ถึงวนั ท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ.2564

3 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะได้รบั 1. ไดผ้ ลิตภัณฑ์พุดดิ้งนมสดน้องหมีและผลไม้ 2. ไดบ้ รรจภุ ัณฑ์ให้เปน็ ท่ีน่าสนใจและเพมิ่ ทางเลอื กใหก้ ับผู้บริโภค 3. ได้ศึกษาความพงึ พอใจจากกล่มุ เป้าหมายทม่ี ตี ่อบรรจภุ ณั ฑ์และผลติ ภณั ฑน์ มสดน้องหมี นยิ ามศัพท์ นมหมี น้ำทีเ่ ป็นอาหารธรรมชาตมิ ีความสมบูรณแ์ ละมคี ุณค่าทางโภชนาการสงู อดุ มดว้ ยแร่ ธาตุอาหารครบทุกหมู่ คือ โปรตีน วติ ามนิ เกลอื แร่ คาร์โบไฮเดรต และไขมัน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ นำ้ ตาลนมหรอื แล็กโทส (lactose) และโปรตนี ทเ่ี รียกวา่ เคซนี (casein) จะพบในธรรมชาติคอื ในนม หรือนำ้ นมเทา่ น้ัน นมจึงมีความสำคญั อย่างย่ิงในการพัฒนารา่ งกายและสมองของเดก็ และเยาวชน น้ำผง้ึ เป็นอาหารหวานท่ีผ้ึงผลติ โดยใช้นำ้ หวานจากดอกไม้ พชื พันธุช์ นดิ ตา่ งๆ น้ำผ้ึงมัก หมายถึงชนดิ ท่ผี ลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพนั ธ์ุ Apis เนอื่ งจาก เปน็ ผ้ึงเกบ็ นำ้ หวานให้คุณภาพสูง และ สามารถเลีย้ งระบบกลอ่ งได้ น้ำผ้ึงมีประวตั กิ ารบรโิ ภคของมนุษยม์ ายาวนาน และถูกใชเ้ ป็นสารให้ ความหวานในอาหารและเคร่ืองด่มื หลายชนิด นำ้ ผ้ึงยงั มีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นยิ ม รสชาติ ของนำ้ ผง้ึ แตกต่างกันตามน้ำหวานท่ีไดม้ า และมนี ำ้ ผง้ึ หลายชนิดและเกรดทส่ี ามารถหาได้ ผลไม้ คำท่ีมาจากการประสมของคำว่า ผล และ ไม้ สามารถอธบิ ายได้ว่า สิง่ ทเี่ ป็นผลผลิตที่ เกดิ ขึน้ จากสง่ิ มชี ีวติ จำพวกพืช โดยลักษณะรวมๆ จะมีรูปทรงคลา้ ยทรงกลมหรอื ทรงรี ซ่ึงอาจมีความ แตกต่างกันบา้ งตามสายพันธุ์ โดยปกตผิ ลไม้จะตอ้ งมเี ปลอื กหรือมสี ิ่งทีห่ ่อหมุ้ เน้ือที่อยู่ขา้ งใน ซึง่ มกั จะ ถกู นำไปเป็นอาหารโดยมนุษย์หรอื สตั ว์ผลท่ีเกดิ จากการขยายพนั ธุ์โดยอาศัยเพศของพชื บางชนิด ซ่ึง มนษุ ยส์ ามารถรับประทานได้ และส่วนมากจะไม่ทำเปน็ อาหารคาว

บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจยั ที่เกย่ี วขอ้ ง ในบทน้จี ะนำเสนอเอกสารและงานวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง มีดังต่อไปน้ี 1. จดุ ประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา 2. แนวคิดการวิเคราะห์การตลาดแบบการจัดองค์กรอตุ สาหกรรม 3. แนวคิดเกย่ี วกับการขอรบั รองมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน 4. ทฤษฎีกลยุทธก์ ารตลาด (4Ps) และ (8Ps),กลยทุ ธต์ ลาดออนไลน์ 5. การบริโภคและทฤษฎีพฤติกรรมผบู้ รโิ ภค (Buyer Behavior’s Model) 6. แนวคิดการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ 7. ทฤษฎีกลไกราคา 8. แนวความคิดของหลกั การบญั ชีต้นทนุ 9. งานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วข้อง 1. จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา 1.1. จดุ ประสงค์รายวิชา 1.1.1 เข้าใจขัน้ ตอนกระบวนการสรา้ งหรือพัฒนางานอาชพี อย่างเปน็ ระบบ 1.1.2 สามารถบรู ณการความรูท้ ักษะในการสรา้ งและหรอื พัฒนางานในสาขาวิชาชีพ ตามกระบวนการวางแผน การดำเนินงาน การแก้ไขปัญหาประเมินผลทำรายงานและนำเสนอผลงาน 1.1.3 มเี จตคติและกิจนสิ ัยในการศกึ ษาค้นควา้ เพ่ือสร้างและหรอื พัฒนางานอาชพี ด้วย ความรบั ผดิ ชอบ มีวินัย คุณธรรม จรยิ ธรรม ความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์ ขยัน อดทนและสามารถทำงาน รว่ มกบั ผูอ้ ่นื 1.2 สมรรถนะรายวชิ า 1.2.1 แสดงความรเู้ ก่ียวกบั หลกั การและกระบวนการสร้างและ/หรือพฒั นางานอาชีพ อย่างเปน็ ระบบ 1.2.2 เขียนโครงสร้างและพฒั นางานตามหลกั การ 1.2.3 ดำเนนิ งานตามแผนงานโครงการตามหลักการและกระบวนการ 1.2.4 เก็บข้อมูลวิเคราะห์ สรุปและประเมินผลการดำเนินงานโครงการตามหลกั การ 1.2.5 นำเสนอผลการดำเนนิ งานด้วยรปู แบบวิธีการต่างๆ 1.3 คำอธิบายรายวิชา ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกย่ี วกับการบรู ณาการความรู้ และทักษะ ในระดบั เทคนคิ ที่สอดคลอ้ งกับ

5 สาขาวิชาชีพทศี่ ึกษา เพ่ือสร้างหรือพัฒนางานดว้ ยกระบวนการทดลอง สำรวจ ประดษิ ฐ์คิดคน้ หรือ การปฏิบตั งิ านเชิงระบบ การเลือกหัวข้อโครงการ การศึกษาคน้ คว้าข้อมูลและเอกสารอ้างองิ การ เขยี นโครงการการดำเนนิ งานโครงการ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล วเิ คราะห์แปรผล การสรปุ ผลการ ดำเนนิ งาน และจัดทำรายงาน การนำเสนอผลงานโครงการ ดำเนนิ การเปน็ รายบุคคลหรือกลมุ่ ตาม ลักษณะของงานใหแ้ ล้วเสรจ็ ในระยะเวลาท่ีกำหนด 2. แนวคิดการวิเคราะห์การตลาดแบบการจดั องคก์ รอุตสาหกรรม 2.1 ความจำเป็น ความต้องการ และความต้องการซอ้ื 2.1.1 ความจำเป็น (Needs) เป็นอำนาจพืน้ ฐานท่ีกระตุน้ ใหบ้ คุ คลเกดิ ความต้องการใน ส่ิงใดสิง่ หนงึ่ เพ่ือมาตอบสนองในสิ่งท่ีขาดหายไป แบง่ เป็น 3 ประเภท คือ 2.1.1.1 ความต้องการทางรา่ งกาย (Physical needs) เชน่ ปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผา้ ยารกั ษาโรค รวมทั้งความอบอุ่น ความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ นิ 2.1.1.2 ความต้องการทางสงั คม (Social needs) เช่น การยอมรบั ความรกั จากคนรอบขา้ ง 2.1.1.3 ความต้องการสว่ นบุคคล (Individual needs) ซึ่งแตกต่างกัน เชน่ ความตอ้ งการ ศึกษาหาความรู้ การแสดงออกถงึ ความเปน็ ตวั ของตวั เอง 2.1.2 ความต้องการ (Wants) เป็นส่งิ ทีส่ ามารถตอบสนองความจำเป็นไดซ้ ่ึงความ ต้องการของคนแต่ละคนจะแตกต่างกนั ออกไปขึ้นอยู่กบั วัฒนธรรม สังคม และบคุ ลิกภาพส่วนบคุ คล 2.1.3 ความตอ้ งการซื้อ (Demands) เปน็ ความต้องการในรูปของอำนาจในการซื้อ เนื่องจาก มนษุ ยม์ ีความต้องการไมจ่ ำเป็น แต่มเี งนิ จำกัด เพราะฉะน้ันจึงต้องเลอื กซอื้ เฉพาะผลิตภัณฑ์ ท่ีมคี ณุ ค่า และสามารถตอบสนองหรือสรา้ งความพึงพอใจสูงสดุ 2.2 ผลติ ภัณฑ์ (Products) เปน็ สงิ่ ที่ผผู้ ลติ หรอื นักการตลาดนำเสนอแก่ตลาดเพ่ือให้ ผู้บริโภคเกิด ความสนใจ (attention) การซ้ือ (acquisition) การใช้ (use) หรอื การบรโิ ภค (consumption) โดยผลิตภัณฑ์นน้ั ต้องสามารถตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของผูบ้ ริโภค แบง่ เปน็ 10 ประเภท ดงั น้ี 2.2.1 สนิ ค้า (Goods) เชน่ สินค้าอุปโภคบรโิ ภคต่างๆ สินค้าท่ผี ลติ จากโรงงาน เปน็ ต้น 2.2.2 บริการ (Services) เชน่ กจิ กรรมเก่ยี วกับการเดินทาง ที่พัก สุขภาพ รา้ นค้า ร้านอาหารหรอื ส่ิงบนั เทงิ ที่อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวติ ประจำวัน เป็นต้น 2.2.3 ประสบการณ์ (Experiences) เชน่ การดลู ะครหรือคอนเสิรต์ ต่าง ๆ การ

6 ทอ่ งเที่ยว 2.2.4 เหตกุ ารณ์ (Events) เช่น การแขง่ ขนั โอลิมปิค การจัดนิทรรศการ งานฉลอง ตา่ งๆ 2.2.5 บคุ คล (Persons) เช่น ดารา นักร้อง นักกฎหมาย นกั การเงนิ นักดนตรี หรอื ท่ี ปรกึ ษา ตา่ ง ๆ 2.2.6 สถานที่ (Places) เช่น สถานทท่ี อ่ งเทย่ี ว สถานทตี่ ากอากาศ นิคมอุตสาหกรรม พิพธิ ภัณฑ์ 2.2.7 ทรัพยส์ นิ (Properties) เชน่ ห้นุ ห้นุ กู้ สิทธบิ ัตร ลิขสิทธ์ิ สทิ ธิทางการคา้ 2.2.8 องคก์ ร (Organizations) เช่น ภาพลักษณ์และช่ือเสียงขององค์กร หรอื การเข้า ร่วมในชมรม/ หน่วยงาน/ องค์กรต่าง ๆ 2.2.9 ข้อมูลข่าวสาร (Information) เชน่ สารานกุ รมทางการตลาด นติ ยสารทใ่ี ห้ ข้อมูลทางด้านตา่ ง ๆ สถานวี ทิ ยทุ ่ใี ห้ข้อมลู ทางดา้ นการพยากรณ์อากาศหรือการจราจร องค์กรวิจัย หรอื ที่ปรึกษาที่ให้บริการทางดา้ นการขา่ วสารตา่ ง ๆ 2.2.10 แนวความคิด (Ideas) ขอ้ เสนอตา่ ง ๆ ทางการตลาดจะตอ้ งมีการรวมเอา แนวความคดิ เข้าไปดว้ ย เปน็ ความคดิ หรือมโนคตทิ ี่แฝงประโยชน์ให้กบั สงั คม 2.3 คุณคา่ ในสายตาของลกู ค้า ความพึงพอใจของลกู คา้ และคณุ ภาพ 2.3.1 คุณค่าในสายตาของลูกค้า (Customer value) ผลติ ภัณฑ์ท่ีนกั การตลาดเสนอ ขาย จะต้องมีคุณค่าในสายตาของลูกค้า (Customer value) ซ่งึ หมายถงึ ความแตกตา่ งระหว่างคุณ ค่าท่ีลกู คา้ ไดร้ ับจากการเป็นเจ้าของหรือใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ เปรียบเทยี บกบั ตน้ ทุนในการไดม้ าซึ่งผลิตภณั ฑ์ น้ัน ๆ 2.3.2 ความพงึ พอใจของลกู คา้ (Customer satisfaction) ผลิตภณั ฑท์ ีน่ ักการตลาด เสนอขาย นอกจากจะต้องมีคุณคา่ ในสายตาของลกู ค้าแล้ว ยงั จะต้องทำใหล้ ูกค้าเกิดความพึงพอใจ (Customer satisfaction) ซงึ่ เกิดจากคุณค่าทีล่ กู คา้ ได้รบั น้ันตรงหรอื สงู กวา่ คุณค่าท่ีได้คาดหวงั ไว้ 2.3.3 คณุ ภาพ (Quality) การทล่ี กู คา้ จะประเมนิ ว่า ผลติ ภัณฑม์ ีคณุ ภาพหรือไมน่ ั้นจะ ประเมนิ จากการที่ผลติ ภณั ฑส์ ามารถสรา้ งความพึงพอใจแก่ลูกคา้ ได้เพยี งใด 2.4 การแลกเปลี่ยน การทำธุรกรรมและการสรา้ งความสัมพนั ธท์ างการตลาด 2.4.1 การแลกเปลี่ยน (Exchange) เปน็ การกระทำที่ทำใหไ้ ด้มาซึง่ ส่งิ ที่ตอ้ งการจาก บุคคลอนื่ โดยการเสนอสิ่งอน่ื เปน็ การตอบแทน เชน่ สงิ่ ของ หรือคำสัญญา เปน็ ต้น 2.4.2 การทำธุรกรรม (Transaction) เปน็ การทำการค้าระหว่างบคุ คลสองฝา่ ย คือ

7 ระหวา่ งผซู้ อื้ กบั ผู้ขาย โดยตอ้ ง มลี ักษณะดงั น้ี 2.4.2.1 ต้องมีสองสิ่งทม่ี ีคุณค่า 2.4.2.2 มขี ้อตกลงหรือเงื่อนไข 2.4.2.3 มีระยะเวลาของการตกลง 2.4.2.4 มีสถานที่ในการตกลง 2.4.3 การสร้างความสัมพันธ์ทางการตลาด (Relationships marketing) การทำ การตลาดในปจั จุบนั จะต้องมุ่งเน้นไปทก่ี ารสรา้ งสมั พันธภาพทางการตลาด ซ่ึงหมายถึงกระบวนการ สร้าง รกั ษา และการเพม่ิ สัมพันธภาพกบั ลกู คา้ และผูม้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย เช่น พนักงานผปู้ อ้ นปจั จัยการ ผลติ ผกู้ ระจาย สินค้า ผ้คู า้ ปลกี ธนาคาร รัฐบาล ชุมชน เป็นตน้ 2.5 ตลาดและระบบตลาด 2.5.1 ตลาด (Market) หมายถงึ กลุ่มของผซู้ ื้อสนิ ค้าหรอื บริการที่มศี ักยภาพ คือ มี อำนาจในการซ้อื 2.5.2 ระบบตลาด (Marketing system) องค์ประกอบสำคัญในระบบการตลาด คือ องค์กรและตลาดซงึ่ เชือ่ มต่อกันดว้ ยการเคลื่อนย้ายของสงิ่ สำคญั 4 ประการ คือ 5.2.2.1 สินคา้ และบรกิ าร 5.2.2.2 การสอ่ื สารไปสู่ตลาด 5.2.2.3 จำนวนเงินทม่ี าส่อู งค์กร 5.2.2.4 ขอ้ มูลทอ่ี งค์กรได้รบั โดยรวมแล้วการตลาด หมายถงึ “การสรา้ งคณุ คา่ ” เพราะว่าการตลาดท่ีทนั สมัยจะต้องเนน้ การสรา้ งคณุ ค่าใหแ้ ก่ผู้บรโิ ภค โดยเริม่ ตน้ จากการกำหนด คณุ ลกั ษณะ (Attributes) ของสินคา้ สรา้ งจุดเดิน (Features) ให้สนิ ค้าแปลจุดเดน่ ดังกล่าวใหเ้ ป็น คุณประโยชน์ (Benefits) ของสินค้าและต้องไมจ่ บอยู่แค่ตรงน้ตี อ้ งคดิ ต่อไปวา่ จะให้คุณค่า (Value) อะไรแกผ่ บู้ รโิ ภค จึงจะทำให้ผู้บริโภครสู้ กึ วา่ สนิ ค้าทเี่ รานำเสนอให้กบั เขานนั้ คุ้มกบั ตน้ ทุนชวี ติ ของเขา ไมว่ ่าจะเป็นเงนิ ทีเ่ สียไป เวลาท่ีเสียไปและความพยายามท่ตี ้องเสียไป สินค้าใดท่ีมคี ณุ คา่ ไมค่ มุ้ ต้นทนุ ชีวติ ของลกู คา้ สินค้านนั้ ย่อมไม่ย่งั ยนื ในสนามแข่งขันทางการตลาด ดังนนั้ การเรยี นรู้ เร่อื งการตลาด จงึ เป็นสิง่ ท่นี ่าสนใจ เพราะได้สมั ผัสทัง้ ทางตรงและทางอ้อม อกี ท้ังเป็นเรื่องทใ่ี กลต้ ัวเรา ซึ่งสามารถ พบเหน็ ได้ในชวี ิตประจำวัน

8 3. แนวคดิ เกย่ี วกับการขอรับรองมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ ุมชน มาตรฐานผลติ ภัณฑช์ มุ ชน หมายถึง ข้อกำหนดทางวชิ าการที่สำนักงานมาตรฐาน ผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรม (อสม.) ไดก้ ำหนดข้ึน เพ่ือเป็นแนวทางแก่ผู้ผลติ ชมุ ชนในการผลิตสนิ คา้ ให้มี คณุ ภาพมาตรฐานผลติ ภัณฑช์ ุมชนและเปน็ เครื่องมือท่ีใช้เพื่อสนับสนุนผูป้ ระกอบการใหม้ ีแนวทางใน การผลิตสนิ คา้ ให้มีครุ ภาพเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์การใชง้ านและปลอดภยั ต่อผูบ้ รโิ ภคอกี ทั้งยงั สร้าง ความม่ันใจให้กับผูบ้ รโิ ภค เนอ่ื งจากมหี ลักเกณฑ์การตรวจสอบและมีหน่วยงานกำกับดแู ลทง้ั การให้ การรับรองและการตรวจตดิ ตามผลภายหลังได้รบั การรบั รองแลว้ ในสภาวการณ์ปจั จุบัน ผปู้ ระกอบการภายในประเทศมีอยู่หลายประเทศมีอยู่หลายระดับทงั้ ที่ เป็นผ้ปู ระกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดย่อมรวมถงึ ผผู้ ลิตในชมุ ชนผู้ประกอบการบางรายท สามารถผลติ สินค้าเพื่อ ส่งออกได้แต่ยงั มผี ูป้ ระกอบการจำนวนมากที่เปน็ ผู้ประกอบการขนาดย่อมและ ผู้ผลติ ในชุมชนท่ี ตอ้ งการการพฒั นาและการสง่ เสริมเพ่อื ยกระดบั ผลติ ภณั ฑ์ใหเ้ ป็นท่ยี อมรับกระทรวง อุตสาหกรรมจงึ ได้มอบหมายใหส้ ำนักงานอุตสาหกรรมจดั ทำโครงการมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชนข้ึนเพอ่ื เสริมสร้างให้ ชมุ ชนนำภมู ปิ ญั ญาและทรัพยากรในท้องถ่ินมาผลิตเป็นผลิตภัณฑท์ ี่มีคุณภาพ โครงการมาตรฐาน ผลติ ภัณฑ์ชุมชนให้การสนบั สนนุ ในด้านการกำหนดมาตรฐานเพื่อใช้เปน็ เกณฑ์ในการรับรองและ สามารถประกันคุณภาพให้กบั ผบู้ รโิ ภคตลอดจนเป็นแนวทางทเ่ี ชื่อมโยงผลติ ภัณฑจ์ ากชุมชนส่ตู ลาด ผ้บู ริโภคอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศต่อไป โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรบั รอง มาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชุมชน ดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1 ขอบข่าย 3.1.1 เอกสารนีก้ ำหนดนิยามคุณสมบัตขิ องผู้ยนื่ คำขอ การรบั รอง การตรวจติดตามผล การยกเลกิ การรับรองและอ่ืน ๆ ทเี่ กีย่ วข้องในการรบั รองคุณภาพผลติ ภณั ฑช์ ุมชน 3.2 นิยาม ความหมายของคำท่ีใชใ้ นเอกสารน้ี มดี ังต่อไปนี้ 3.2.1 การรบั รองคุณภาพผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน หมายถงึ การใหก้ ารรับรองคณุ ภาพ ผลิตภณั ฑ์ ชมุ ชนของผ้ผู ลติ ในชมุ ชนที่เกิดการรวมกลุม่ กนั ประกอบกจิ กรรมใดกิจกรรมหนึง่ ทัง้ ทจ่ี ด ทะเบยี นอย่างเป็นทางการหรือทีไ่ มม่ ีการจดทะเบียนเปน็ การรวมกล่มุ เองโดยธรรมชาติหรือชมุ ชนใน โครงการหนง่ึ ตำบล หนึ่งผลิตภณั ฑ์ ท่ีผ่านการคดั เลือกจากจงั หวัดหรือหนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้องตาม มาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนทสี่ ำนักงานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมไดป้ ระกาศกำหนดไวแ้ ลว้ 3.2.2 ผ้ยู ืน่ คำขอ หมายถงึ ผ้ผู ลิตที่อย่ใู นชมุ ชนหรือจากโครงการหนง่ึ ตำบล หน่งึ

9 ผลติ ภัณฑ์ ท่ีผา่ นการคดั เลอื กจากคระกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ) 3.2.3 ผไู้ ด้รบั การรบั รอง หมายถงึ ผยู้ ่ืนคำขอท่ีผ่านการตรวจประเมินแลว้ และไดร้ ับการ รบั รองจากคณะกรรมการมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชน 3.3 คุณสมบัติของผยู้ นื่ คำขอ 3.3.1 ผยู้ ่นื คำขอต้องมีคุณสมบัติในข้อหนงึ่ ขอ้ ใด ดังต่อไปน้ี 3.3.1.1 เปน็ ผผู้ ลติ ในชมุ ชนของโครงการ หนง่ึ ตำบล หน่ึงผลติ ภณั ฑ์ ได้รบั การ คัดเลือกจากคณะกรรมการอำนวยการหน่ึงตำบล หนึง่ ผลิตภณั ฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ) 3.3.1.2 เป็นกลมุ่ หรอื สมาชกิ ของกลุ่มเกษตรกร กลมุ่ สหกรณ์หรอื กล่มุ อื่น ๆ ตาม กฎหมายวสิ าหกจิ ชุมชน เช่น กลุม่ อาชีพ กลุ่มอาชีพก้าวหน้า กลมุ่ ธรรมชาติ เป็นตน้ 3.4 การรับรอง 3.4.1 การรับรองคุณภาพผลิตภณั ฑช์ ุมชน ประกอบด้วยการดำเนินการ ดังนี้ 3.4.1.1 ตรวจสอบสถานท่ีผลิตและเกบ็ ตัวอย่างจากสถานท่ผี ลติ สง่ ตรวจสอบ เพื่อ พจิ ารณาออกใบรับรอง 3.4.1.2 ตรวจติดตามผลคุณภาพผลติ ภณั ฑ์ชุมชนทไี่ ด้รับการรับรอง โดยส่มุ ซ้ือ ตัวอย่างท่ีไดร้ ับการรบั รองจากสถานท่ีจำหน่ายเพื่อตรวจสอบ 3.4.2 การขอการรับรอง ใหย้ น่ื คำขอตอ่ สำนักงานมาตรฐานผลติ ภัณฑอ์ ตุ สาหกรรม หรอื สำนกั งานอตุ สาหกรรมจังหวัด พรอ้ มหลักฐานและเอกสารตา่ ง ๆ ตามแบบที่สำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรมกำหนด 3.4.3 เมื่อได้รบั คำขอตามข้อ 4.2 แล้ว สำนกั งานมาตรฐานผลติ ภัณฑอ์ ตุ สาหกรรมจะ นดั หมายการตรวจสอบสถานท่ีผลติ เก็บตัวอยา่ งสง่ ทดสอบหรอื ทดสอบ ณ สถานทผ่ี ลิต 3.4.4 ประเมินผลการตรวจสอบวา่ เป็นไปตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ ุมชนทไ่ี ด้กำหนดไว้ หรอื ไม่ 3.4.5 ใบรับรับรองผลิตภณั ฑ์มีอายุ 3 ปี นับต้งั แต่วนั ท่ีระบุในใบรบั รอง 3.4.6 การขอต่ออายุใบรบั รองหรอื การออกใบรบั รองฉบบั ใหมเ่ มื่อใบรบั รองฉบับเก่าส้นิ อายุ ให้ดำเนนิ การตามขอ้ 3.4.2 ถงึ 3.4.4 3.5 เงื่อนไขและการตรวจติดตาม

10 3.5.1 ผู้ไดร้ ับการรบั รอง ตอ้ งรักษาไว้ซึ่งคณุ ภาพตามมาตรฐานผลติ ภัณฑช์ มุ ชนที่ กำหนด ไว้ตลอดระยะเวลาทีไ่ ดร้ บั การรับรอง 3.5.2 การประเมินผลการตรวจสอบตัวอย่างทีส่ ุ่มซอ้ื เพ่อื ตรวจติดตามผลตอ้ งเปน็ ไปตม มาตรฐานผลิตภัณฑช์ มุ ชนที่กำหนด 3.5.3 การตรวจตดิ ตามผลทำอยา่ งน้อยปีละ 1 ครั้ง 3.6 การยกเลิกการรับรองสำนักงานฐานผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรม จะยกเลกิ ใบรบั รอง กรณีใด กรณหี นงึ่ ดงั ต่อไปน้ี 3.6.1 ผลิตภณั ฑ์ท่ตี รวจติดตามผลไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชน 2 ครง้ั ติดตอ่ กนั 3.6.2 ผไู้ ด้รบั การรบั รองขอยกเลกิ ใบรบั รอง 3.6.3 มีการประกาศแก้ไขหรอื ยกเลิกมาตรฐานการผลติ ภณั ฑช์ ุมชนที่ได้กำหนดไว้ 3.6.4 เมอ่ื ใบรบั รองครบอายุ 3 ปี นับจากวนั ท่ีไดร้ บั การรับรอง 3.6.5 การกระทำอนั เป็นการฝา่ ฝนื หรือไมป่ ฏิบัติตามหลกั เกณฑแ์ ละเงอื่ นไขต่าง ๆ ท่ี กำหนดอวดอา้ งเกนิ ความเปน็ จรงิ โฆษณาการได้รบั การรับรองครอบคลุมรวมถึงผลิตภณั ฑท์ ี่การ รบั รอง 3.7 อืน่ ๆ 3.7.1 ในกรณีทยี่ กเลิกใบรับรอง ผู้ได้รบั การรบั รองต้องยตุ กิ ารใช้สิ่งพมิ พส์ ื่อโฆษณาทม่ี ี การ อ้างอิงถึงการได้รับการรับรองทง้ั หมด 3.7.2 สำนกั งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ไม่รบั ผิดชอบในการกระทำใด ๆ ของ ผู้ ได้รับการรับรองที่ได้กระทำไป โดยไมส่ จุ รติ หรือไมป่ ฏิบัติตามหรอื ฝ่าฝนื หลกั เกณฑ์และเงอ่ื นไขที่ กำหนด 4. ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps), กลยุทธ์ตลาดออนไลน์ 4.1 หลักการตลาด 4Ps หรอื สว่ นผสมทางการตลาดน้นั (Marketing Mix) มีสว่ นประกอบ ดว้ ยกนั ท้งั หมด 4 อยา่ ง ไดแ้ ก่ 4.1.1 ผลิตภณั ฑ์ (Product) ธรุ กจิ มอี งค์ประกอบหลักซง่ึ เปน็ ปัจจัยสำคัญอยา่ งแรก คอื ผลติ ภณั ฑส์ ินคา้ (Goods) หรือบรกิ าร (Service) สำหรบั ในส่วนสนิ ค้านั้นแบง่ ออกเปน็ สินค้าประเภท จับตอ้ งได้ และสนิ คา้ ประเภทจบั ต้องไม่ได้ สำหรับการบริการน้ันแบ่งออกเป็น บริการแบบมสี ่วนรว่ ม

11 และการบริการแบบไม่มสี ว่ นร่วม ดงั นัน้ สนิ ค้า และบริการจงึ นบั ได้ว่าเปน็ หวั ใจสำคัญของการดำเนิน ธรุ กจิ อยา่ งแท้จริง โดยตอ้ งมีคุณลกั ษณะสำคัญ คือ คุณภาพ (Quality) สำหรบั ในสว่ นของคุณภาพนั้น ยงั มคี วามหมายรวมถงึ ด้านความเหมาะสมในการใช้งาน คุณภาพการออกแบบ และคุณภาพตาม มาตรฐานท่กี ำหนดไว้อีกด้วย นอกจากนนั้ คณุ ภาพยงั เป็นตวั บง่ ช้สี ำคญั ถงึ ภาพลักษณข์ องธุรกิจเราอกี ด้วย 4.1.2 ราคา (Price) การกำหนดราคานับวา่ เป็นกลยุทธ์สำคญั อีกอยา่ งหนึ่งของการ ดำเนนิ ธรุ กิจ โดยมกั จะขึน้ อยู่กบั ปัจจัยตา่ งๆ เช่น ขนาดของตัวธุรกจิ ประเภทของสนิ ค้าท่ตี อ้ งการ จำหน่าย ค่าใชจ้ ่ายตา่ งๆ สงิ่ แวดลอ้ มทางการตลาด กฎหมาย ความเปล่ียนแปลกของราคาวตั ถุดบิ หรือแมแ้ ตร่ ะบบการจัดจำหน่าย ต้นทุนการผลิต และการส่งเสริมการขาย เปน็ ต้น สำหรับธุรกิจขนาด เล็กนน้ั การกำหนดราคาขายของสินค้าเปน็ สง่ิ จำเป็นอย่างย่ิง เน่ืองจากราคานน้ั เปน็ สิ่งทีใ่ ชว้ ดั ค่า และประโยชนข์ องตวั สนิ ค้า และยังเปน็ ตัวกำหนดว่าเราจะสามารถใชท้ รัพยากรที่มีอยู่อยา่ งจำกดั ไปใน ทศิ ทางใด จะสามารถขายสนิ ค้าอย่างไร จำนวนเท่าไหร่ ราคาขายจะเปน็ เคร่ืองบง่ ชสี้ ำคัญ ของ ความสามารถในการทำกำไรของธรุ กจิ น้ัน ท้ังนเ้ี น่ืองจากกำไรน้นั คำนวณจาก รายรบั หกั ลบดว้ ยต้นทนุ และรายรบั ได้จากปริมานจำนวนที่ขายคุณด้วยราคาต่อหน่วย อกี หนงึ่ กลยุทธก์ ารขายสินค้าที่นิยม นำมาใชก้ นั อย่างแพร่หลาย ได้แก่ การใหส้ ว่ นลด (Discount) การขายเชอื่ (Credit) และการฝากขาย (Consignment) และยังมกี ารใช้นโยบายการต้ังราคามาใช้อกี ด้วย นโยบายการต้งั ราคาแบง่ ออกเ 4.1.2.1 นโยบายราคาเพยี งราคาเดียว (One Price Policy) เป็นการเสนอขาย สินคา้ หรือบริการในราคามาตรฐานเดยี วกนั ไมว่ ่าจะซ้ือมากหรอื น้อยก็ตาม เช่น ราคาน้ำมัน ค่าขนสง่ สนิ คา้ คำตามน้ำหนัก หรือธุรกิจขายสินคา้ ราคาเดยี วท้งั รา้ น (ทุกอย่าง 20 บาท) 4.1.2.2 นโยบายราคาที่แตกตา่ งกัน (Variable Price Policy) มเี หตุมากจาก ความแตกตา่ งในด้านคณุ ลักษณะเฉพาะของสนิ ค้าหรือตวั บริการ และการเจรจาตอ่ รองของลูกค้า น่นั จงึ เป็นเหตุใหม้ ีการตน้ ราคาขายแตกตา่ งกัน เชน่ สินค้าทีม่ ีคณุ ภาพดีกวา่ จะมรี าคาทส่ี งู กวา่ สนิ คา้ ที่ คณุ ภาพรองลงมา เชน่ ราคาตว๋ั ชมภาพยนตรท์ ่ีนั่งธรรมดา กับทน่ี ั่งพเิ ศษ เสื้อผ้าแบรนด์ดังกับเสื้อผา้ ไม่มแี บรนด์ 4.1.2.3 นโยบายกำหนดราคาขายแบบแพ็กเกจ (Multiple Unit Package Pricing Policy) เป็นการกำหนดราคาขายโดยเปรียบเทียบความแตกตา่ งในดา้ นปริมาณสนิ คา้ ทซี่ ้ือ อธิบายงา่ ยๆ คือถ้าซอ้ื ในจำนวนมากราคาจะถูกกว่าซื้อในจำนวนน้อย เช่น เครอ่ื งดืม่ บะหม่ีกึ่ง

12 สำเรจ็ รปู สินค้าประเภทอุปโภคบรโิ ภค 4.1.2.4 นโยบายกำหนดราคาตามสายราคา (Price Lining-Policy) เปน็ รูปแบบ การกำหนดราคาสินค้า แบบต่อเนื่องตามขนาด และปริมานของสิน้ ค้า โดยแบง่ ตามขนาด ใหญ่ กลาง เลก็ ท้ังนี้เพ่ือความสะดวกแก้พนกั งานขาย และตัวลูกค้าเอง เชน่ นำยาบ้วนปาก ยาสีฟนั 4.1.2.5 นโยบายกำหนดราคาเชิงจิตวทิ ยา (Psychological-Pricing Policy) ธรุ กจิ อาจจะใชว้ ิธีการกำหนดราคาใหน้ า่ สนใจ โดยอาศัยหลกั จติ วิทยาซงึ่ เชื่อว่ามีผลโดยตรงต่อ พฤติกรรมการซ้ือสนิ ค้าของลูกคา้ หรอื ผบู้ รโิ ภค เชน่ สนิ ค้าทมี่ ีราคาลงท้ายเหมือนกนั 59, 89, 99 หรอื สนิ ค้าท่มี ีป้ายกำกบั เช่นสนิ คา้ ขายดี 4.1.2.6 นโยบายกำหนดราคาตามจำนวน (Unit Pricing-Policy) เปน็ รปู แบบ การต้นราคาให้แตกตา่ ง โดยอ้างอิงจากน้ำหนักของสินค้าต่อหน่วยเปน็ เกณฑ์ เช่น ซ้อื สนิ คา้ ท่ีมี น้ำหนกั ทีแ่ ตกต่างกนั 100 ,50 และ 30 กรัม ตัวสินคา้ จะมีราคาไม่เท่ากนั 4.3 ช่องทางการจัดจำหนา่ ย (Place) การนำสนิ ค้าไปให้ถงึ มอื ของลูกค้า โดยยึดหลกั ความมี ประสิทธิภาพ ความถกู ต้อง ความปลอดภัย และความรวดเร็ว วิธขี ายหรอื กระจายสนิ คา้ ทสี่ ามารถทำ ให้เกิดผลกำไรมากที่สุด ตอ้ งกระจายสนิ คา้ ใหต้ รงกลุม่ เปา้ หมายมากทส่ี ดุ หากเป็นสนิ ค้าทขี่ ายไป หลายๆ แหง่ วิธีการขาย หรอื การกระจายสนิ ค้าน้ันจะมีความสำคัญมาก โดยหลกั การของการเลอื กวิธี กระจายสินค้าน้นั ไม่ใชข่ ายให้มากสถานที่ ท่ีสดุ จะดีเสมอ เพราะมนั ข้นึ อย่กู ับว่า สนิ คา้ ของทา่ นคอื อะไร และกลมุ่ เป้าหมายท่านคอื ใคร 4.4 การสง่ เสรมิ การขาย (Promotion) เมื่อธุรกิจทราบว่าลูกค้าต้องการอะไร มรี สนยิ มแบบ ไหน เพ่ือที่จะสามารถสร้างโปรโมชั่นท่ตี อบสนองความต้องการของลกู ค้าได้โดยตรง แต่การส่งเสรมิ การขายนั้นมีความสัมพันธใ์ กลช้ ิดกบั งบประมาณ ดา้ นค่าใชจ้ ่ายอยา่ งมาก และควรจะต้องพยายามให้ ไดผ้ ลลัพธ์กลับคืนอยา่ งคุ้มค่าทส่ี ดุ ซง่ึ มีอยูห่ ลายวธิ ที ี่สามารถช่วยได้ท้งั ทางตรง และทางอ้อม 4.4.1 การโฆษณา (Advertsing) อาจจะใชค้ ำพดู หรือข้อความ โดยมีความหมายท่ีจะ ให้ลูกค้ามีความรสู้ กึ ดีต่อต่อสินคา้ หรือบรกิ ารน้นั รวมท้ังจูงใจให้เกิดความต้องการอยากทดลองสินคา้ หรือบริการของเรา 4.4.2 การขายโดยตรง (Direct Sales) เปน็ การขายโดยเขา้ ไปติดตอ่ ถึงตวั ลกู ค้า โดยตรง โดยการอธิบายรายละเอียดต่างๆ ของสนิ คา้ ให้ลูกค้าได้ทราบ หรอื ที่เรียกว่าการเสนอขาย โดยตอ้ งอาศัยเทคนคิ และวิธกี ารทนี่ า่ สนใจ

13 4.4.3 การสง่ เสรมิ การขายทางด้านลูกค้า (Consumer Promotion) เปน็ รูปแบบใน การสร้างสงิ่ ดงึ ดดู ใจใหก้ ับตัวลูกคา้ โดยตรง เชน่ การลด แลก แจก แถม หรอื การเล่นเกมเพื่อชงิ รางวลั เป็นการกระตุน้ ใหล้ ุกคา้ เกิดความสนใจ และมีความหวังในประโยชนท์ ไี่ ด้รบั จากตวั สนิ คา้ หรือบรกิ าร ของเรา 4.4.4 การบริการ (Service) เป็นรูปแบบการให้บรกิ ารทัง้ ก่อน และหลังการขาย (การ อธิบายคุณลักษณะทด่ี ี และการใชส้ นิ คา้ ก่อนลูกค้าจะทำการซ้อื เพื่อเป็นการเช้ือเชิญให้เกดิ สนใจ) การบริการขณะขาย (การสาธิตให้ลกู คา้ ไดช้ มก่อนทจี่ ะตดั สินใจซอื้ สินคา้ หรืออาจจะเปน็ การใหล้ ูกค้า ทดลองดว้ ยตัวเองก่อน) และบริการหลังการขายสนิ ค้าให้กับลกู ค้า เชน่ การซ่อมบำรุง หรอื ตรวจสอบ สนิ คา้ เมื่อลูกคา้ ได้ซ้ือไปแล้วโดยทำอยา่ งตอ่ เนื่อง เพ่อื สร้างความประทับใจระยะยาว 4.2 กลยทุ ธ์ทางการตลาด (Marketing Mix) หรือท่ีเรียกสัน้ ๆ ว่า 8P’s ซง่ึ ตอ้ งมแี นวทาง ความคดิ ทางการสื่อสารการตลาด (IMC) โดยอาศยั เครอื่ งมือการติดตอ่ ส่ือสารกับผ้บู ริโภคแบบ สมัยใหมซ่ ง่ึ แบ่งส่วนขยายเพ่ิมเติมจากเดิมอีก หลายสว่ นทัง้ งานศกึ ษาทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่ือมโยงสกู่ ารทำธรุ กิจสมัยใหม่ ซึง่ เน้นการสรา้ งผลกำไรสงู สุดบนความพอใจของผบู้ ริโภค ซึ่งเป็นการ ทำธรุ กิจระยะยาง (Long-Term Business) พรอ้ มกับพฤติกรรมท่เี ปลี่ยนไปของผบู้ รโิ ภคสมัยใหมซ่ ึ่ง เปล่ยี นไปอย่างมากดดยเฉพาะการแบ่งส่วนการตลาด (Segmentation) ซึ่งไมส่ ามารถแบ่งส่วน การตลาดแบบเดิม ๆ ไดแ้ ลว้ ซ่งึ การเอกสารการศึกษาในสว่ นแรกเป็นแนวทางทำธรุ กจิ และก่อให้เกิด พฤติกรรมในการเลือกซื้อผลติ ภณั ฑ์เสรมิ อาหารสว่ นท่เี อกสารอ่นื ๆ จะช่วยในการวางแผนการตลาด ในธรุ กจิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารท่มี ีความเกยี่ วขอ้ งและสอดคล้องกับการศึกษาในครั้งน้ี แนวคิดทางการ วางแผนกลยุทธท์ างการตลาดโดยใช้ 8P’s ซ่งึ ประกอบไปด้วยสว่ นผสมทางการตลาด ดงั นี้ 4.2.1 กลยทุ ธผ์ ลิตภัณฑ์ (Product Strategy) ส่ิงทต่ี อ้ งพิจารณาเกี่ยวกบั ผลิตภัณฑ์ คอื 4.2.1.1 แนวความคดิ ดา้ นผลติ ภัณฑ์ (Product Concept) เป็นคณุ สมบัตทิ ี่ สำคญั ของผลิตภัณฑท์ ่สี ามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค (Product) ได้ ต้องมีความ ชดั เจนในตัวผลติ ภณั ฑ์นั้น ๆ 4.2.1.2 คณุ สมบตั ิผลิตภณั ฑ์ (Product attribute) จะตอ้ งทราบวา่ ผลติ ภณั ฑ์ น้ันผลิตจากอะไร มีคณุ สมบตั ิอย่างไร ลกั ษณะทางกายภาพ ฟสิ กิ ส์ เคมี ชวี ะ ขนาด ความดี ความงาม ความคงทนทานดา้ นรปู รา่ ง รูปแบบของผลติ ภณั ฑท์ ี่มอี ยู่ในตัวของมนั เอง 4.2.1.3 ลักษณะเด่นของสินคา้ (Product Feature) การนำสนิ ค้าของบริษัทไป

14 เปรียบเทียบกับสินค้าของค่แู ขง่ แล้วมคี ณุ สมบัติแตกตา่ งกนั และจะต้องรู้วา่ สนิ ค้าเรามอี ะไรเดน่ กว่า เชน่ ลักษณะเด่นของ (Dior) คอื เป็นผลิตภณั ฑช์ น้ั นำจากปารสี 4.2.1.4 ประโยชน์ของผลติ ภณั ฑ์ (Product Benefit) พิจารณาวา่ สนิ ค้ามี ลักษณะเด่นอย่างไรบ้างและสินคา้ ใหป้ ระโยชน์อะไรกับลูกค้าบ้าง ระหวา่ งการให้สญั ญากับลกู คา้ กับ การพิสูจน์ด้วยลกั ษณะเดน่ ของสินค้า 4.2.2 กลยทุ ธร์ าคา (Product Strategy) ประเด็นสำคัญทจี่ ะต้องพิจารณา มดี ังนี้ 4.2.2.1 ตั้งราคาตามตลาด (Ongoing price) หรอื ตั้งราคาตามความพอใจ (Leading price) 1) ต้ังราคาตามตลาด (On going price) เหมาะสำหรับสนิ ค้าท่ีสร้าง ความแตกตา่ งได้ยากจึงไมส่ ามารถจะตั้งราคาใหแ้ ตกตา่ งจากตลาดค่แู ขง่ ขันได้นัน่ คือ การตงั้ ราคาตาม ค่แู ขง่ ขนั 2) ตงั้ ราคาตามความพอใจ (Leading price) เป็นการตั้งราคาตาม ความพอใจโดยไมค่ ำนงึ ถึงคู่แขง่ ขัน เหมาะสำหรับผลติ ภณั ฑท์ ี่มีความแตกตา่ งในตราสินค้า สนิ ค้าท่มี ี เอกลักษณส์ ว่ นตวั มภี าพพจน์ที่ดี จะตงั้ ราคาเทา่ ไหร่ก็ไม่มีใครเปรยี บเทียบ 4.2.2.2 สินค้าจะออกเปน็ แบบราคาสงู (Premium price) เมอื่ แน่ใจในคุณภาพ ที่เหนือกว่า และการยอมรับในราคาของลกู ค้า หรอื ราคามาตรฐาน (Standard) เม่ือใชก้ ารตงั้ ราคา โดยพิจารณาจากราคาของคแู่ ข่งขัน หรอื ตราสนิ คา้ เพื่อการแข่งขัน (Fighting brand) เป็นสินคา้ ด้อย คุณภาพกวา่ คูแ่ ข่งขันเล็กนอ้ ย 4.2.2.3 การตง้ั ราคาเทา่ กันหมด (One pricing) คือสนิ ค้าหลายอย่างท่ีมรี าคาตดิ อยู่บนกล่องหมายถงึ ไม่ว่าจะขายอยทู่ ี่ใดฤดูหนาวหรอื ฤดรู ้อนราคากเ็ ทา่ กันหมด หรือราคาแตกต่าง กนั (Discriminate price) ข้อดี คือสามารถเรยี กราคาไดห้ ลายราคา แตข่ ้อเสยี เราตอ้ งหาเหตุผลใน การต้ังราคาหลายอย่าง เพ่ือใหค้ นยอมรับได้ 4.2.2.4 การขยายสายผลิตภัณฑ์ (Line extension) ในกรณีนก้ี ารนำเสนอสนิ คา้ เริม่ ตน้ ดว้ ยราคาหนง่ึ แลว้ มีกลยุทธ์เผยแพรค่ วามนยิ มยังตลาดบน หรือตลาดล่าง 4.2.2.5 การขยบั ซ้ือสูงขึ้น (Trading up) เปน็ การปรับราคาสูงขึ้นทำใหไ้ ด้กำไร มากขึ้นจึงพยายามขายใหป้ ริมาณมากข้นึ หรือการขยับซ้ือลดลง (Trading down) เปน็ การผลิตสนิ ค้า ที่มีราคาแพงให้มคี ุณภาพกวา่ สินคา้ ท่รี าคาถกู เล็กน้อยแต่ ต้งั ราคาสูงกว่า เพือ่ ให้คนซื้อสินค้าที่

15 รองลงมา 4.2.2.6 การใช้กลยุทธ์ด้านขนาน (Size) คือ ไม่ทำขนาดเท่ากบั ผู้ผลติ รายอนื่ ๆ 4.2.3 กลยทุ ธ์การจดั จำหนา่ ย (Place Strategy) คอื กลยทุ ธ์เกยี่ วกบั วิธกี ารจัดจำหน่าย จะตอ้ งพจิ ารณาถึงรายละเอยี ด ดงั น้ี 4.2.3.1 ช่องทางการจัดจำหน่าย (Channel of distribution) เป็นเส้นทางที่ สนิ คา้ เคล่อื นยา้ ยจากผผู้ ลิตหรอื ผ้ขู ายไปยังผบู้ รโิ ภคหรือผู้ใช้ ซ่งึ อาจจะผา่ นคนกลางหรือไมฝ่ า่ ยคน กลางก็ได้ 4.2.3.2 ประเภทของรา้ นค้า (Outlets) ในทุกวันนจ้ี ะพบไดว้ า่ ววิ ัฒนาการของ การจดั จำหน่ายนั้นเป็นสง่ิ ท่ีเจริญเติบโตรวดเร็วมากประเภทของรา้ นค้ามีมากมายจนแทบจะตามไม่ ทนั จะขอเรยี งลำดับประเภทของรา้ นคา้ จากใหญ่ไปหาเล็ก 1) รา้ นค้าสง่ (Wholesale store) เปน็ ร้านคา้ ที่ขายสินคา้ ในปริมาณ มาก ลูกค้าสว่ นใหญ่เปน็ คนกลาง 2) รา้ นค้าขายของถูก (Discount store) เปน็ รา้ นค้าท่ีขายสินคา้ ราคา พิเศษ 3) รา้ นห้างสรรพสินคา้ (Department store) 4) ซูเปอรม์ ารเ์ ก็ตท่ีอยเู่ ด่ียว ๆ (Stand alone supermarket) เป็น ร้านท่ีมที ำเลเดีย่ วไม่ตดิ กบั ร้านคา้ ใด ๆ 5) ช็อปปิง้ ชุมชน (Community mall) เป็นร้านค้าทอ่ี ยูใ่ นย่านชุมชน 6) Minimart จะเหน็ ไดจ้ ากร้านค้าเล็ก ๆ ตามตึกอาคารสูง ๆ ใน โรงพยาบาล ซงึ่ ตง้ั อ่ัวเส็งเรม่ิ บุกตลาด Minimart พอสมควร 7) ร้านคา้ สะดวกซ้ือ (Convenience store) เป็นร้านคา้ ทขี่ ายสนิ คา้ อุปโภคหรือสินคา้ สะดวกซื้อ บางรา้ นจะเปิดบริการ 24 ชั่วโมง 8) ร้านค้าในป๊มั นำ้ มัน 9) ซุ้มขายของ (Kiosk) เปน็ รา้ นทจี่ ัดเปน็ ซุ้มขายของ บางครง้ั จัดเป็น บูท 10) เคร่ืองขายอตั โนมตั ิ (Vending machine) เปน็ การขายสนิ คา้ ผ่าน เคร่อื งจักรอัตโนมัติ

16 11) การขายทางไปรษณีย์ (Mail order) เป็นการขายสนิ ค้าซ่งึ ใช้ จดหมายสง่ ไปยังลูกค้า มีการลงในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ถ้าพอใจกส็ ง่ ข้อความส่งั ซ้อื ทางไปรษณยี ์ 12) ขายโดยแคตตาลอ็ ก (Catalog sales) 13) ขายทางโทรทัศน์ (T.V. Sales) 14) ขายตรง (Direct sales) การขายโดยใชพ้ นกั งานขายออกเสนอ ขายตามบ้าน 15) ร้านค้าสวัสดิการ เป็นรา้ นค้าที่ตงั้ ข้นึ เพ่ืออำนวยความสะดวกกับ พนักงานตามหนว่ ยงานราชการตา่ ง ๆ ของบรษิ ทั หรือสำนักงานต่าง ๆ 16) ร้านคา้ สหกรณ์ เป็นร้านคา้ ทต่ี ัง้ อยตู่ ามมหาวิทยาลัยและโรงเรียน ต่าง ๆ 4.2.3.3 จำนวนคนกลางในชอ่ งทาง (Number of intermediaries) หรอื ความ หนาแนน่ ของคนกลางในช่องทางการจดั จำหน่าย (Intensity of distribution) ในการพิจารณาเลือก ชอ่ งทางการจัดจำหน่ายจะมกี ระบวนการ 3 ขัน้ ตอน ดงั นี้ 1) การพจิ ารณาลือกลกู ค้ากล่มุ เปา้ หมายวา่ เปน็ ใคร 2) พฤติกรรมในการซ้ือของกลมุ่ เป้าหมาย เช่น ซ้อื เงนิ สดหรือเครดติ ต้องจัดสง่ หรอื ไม่ ซ้ือบ่อยเพียงใด 3) การพิจารณาท่ีต้ังของลูกค้าตามสภาพภูมศิ าสตร์ 4.2.3.4 การสนับสนนุ การกระจายตวั สินคา้ เข้าสู่ตลาด (Market Logistics) เปน็ กิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกบั การเคลื่อนย้ายปจั จัยการผลิต และตัวสนิ คา้ จากแหลง่ ปัจจยั การผลิตผ่าน โรงงานของผู้ผลติ แล้วกระจายไปยงั ผบู้ ริโภค 4.2.4 กลยทุ ธ์การส่งเสรมิ การตลาด (Promotion Strategy) กลยทุ ธก์ ารส่งเสรมิ การตลาดจะต้องประสานกับแผนการตลาดโดยรวมและควรกำหนดแผนการสง่ เสริมการตลาดที่ เฉพาะเจาะจง 4.2.5 กลยุทธก์ ารบรรจภุ ณั ฑ์ (Packaging Strategy) การตดั สินใจเลอื กรปู แบบการ บรรจุภัณฑแ์ ละประเภทวสั ดุของบรรจุภณั ฑ์มกั จะใช้กบั สนิ ค้าอุปโภคบริโภคท่ีพัฒนาใหม่หรอื เม่อื มี การปรบั ปรงุ เปล่ยี นแปลงสินค้าใหม่กลยุทธก์ ารบรรจภุ ณั ฑ์ มหี ลักในการพิจารณา ดงั น้ี 4.2.5.1 บรรจภุ ัณฑ์น้นั เหมาะสมทจี่ ะบรรจุสนิ ค้า (Put in) หรอื ไม่

17 4.2.5.2 สนิ คา้ เมอื่ วางบนชั้นแล้วไดเ้ ปรียบ (เดน่ ) (Put up) หรือไม่ 4.2.5.3 สนิ ค้าเมื่อนำเอามาใชแ้ ลว้ เกบ็ สะดวก (Put away) หรือไม่ 4.2.5.4 บรรจภุ ัณฑส์ วยงาม (Prettiness) หรือไม่ 4.2.5.5 สามารถเชิญชวนให้ใช้ (Pleading) ไดห้ รอื ไม่ 4.2.5.6 บรรจภุ ณั ฑส์ ามารถสะท้อนตำแหน่งครองใจของสนิ ค้า (Positioning) ได้ หรือไม่ 4.2.5.7 บรรจภุ ณั ฑส์ ามารถสะท้อนบุคลิกภาพของสินค้า (Personality) ได้ หรือไม่ 4.2.5.8 บรรจภุ ัณฑส์ ามารถปกป้องสนิ คา้ (Protection) ได้หรอื ไม่ 4.2.5.9 บรรจภุ ัณฑ์มีความสะดวกต่อการใช้งาน (Practicality) หรอื ไม่ 4.2.5.10 บรรจุภณั ฑท์ เ่ี ลอื กนน้ั สามารถทำกำไรได้มากข้ึน (Profitability) ได้ หรือไม่ 4.2.5.11 บรรจุภณั ฑ์นน้ั สามารถนำมาใช้ในการสง่ เสริมการตลาด (Promotion) ไดห้ รอื ไม่ 4.2.5.12 เป็นการบอกถึงวธิ ีการใช้สนิ ค้า (Preaching) ได้หรอื ไม่ 4.2.5.13 สามารถดแู ลรักษาสงิ่ แวดล้อม (Preservation) ไดห้ รือไม่ ถ้านำส่ิง เหลา่ น้ีมาพจิ ารณาท้งั หมด จะเห็นวา่ ในการออกแบบบรรจภุ ัณฑข์ องบรษิ ัทจะเปน็ โลโก้ ตัวหนงั สือ ตวั อักษร การเลอื กเป็นกระดาษ เปน็ โฟม เป็นฝาจกุ หรือเครอ่ื งหมาย สสี ันต่างๆ บรษิ ทั กจ็ ะได้บรรจุ ภณั ฑ์ท่ดี ี 4.2.6 กลยุทธก์ ารใช้พนักงานขาย (Personal Strategy) การขายโดยใช้พนักงานขาย จดั เป็นรปู แบบการปฏิบัติตัวต่อตวั ระหวา่ งกิจการกับลูกค้า ทัง้ นี้ เพ่ือม่งุ หวังคำสง่ั ซื้อด้วยรปู แบบการ ขายทแ่ี ตกตา่ งกนั การขายโดยพนักงานขายนัน้ เกยี่ วขอ้ งกับการจ้างพนักงานขาย การจัดการท่วั ๆ ไป เก่ียวกบั พนักงานขาย ตลอดจนการบริหารสินคา้ คงคลงั การเตรียมการเสนอขายและการบริการหลัง การขาย ในการพฒั นาแผนการขายนัน้ กจิ การจะเร่ิมตงั้ แต่การต้ังวัตถุประสงคแ์ ละปฏิบัตกิ าร ซึ่งต้อง มคี วามชดั เจนและสอดคล้องกับประเภทของธุรกิจ โดยอาจจะเป็นธุรกจิ คา้ ปลีก ธรุ กจิ การบริการหรอื ธรุ กิจการผลิต จากนน้ั จงึ กำหนดกลยุทธก์ ารขาย และการดำเนนิ งานการขาย โดยใช้พนกั งานขายนน้ั หวังผลลพั ธ์ เพ่ือเพิ่มยอดขายและขณะเดียวกันกเ็ พื่อสร้างสัมพนั ธ์ภาพระยะยาวกับลูกค้าอีกดว้ ย

18 นอกจากนี้ การขายโดยใช้พนักงานขายนัน้ ยังมกี ารใชโ้ ปรชวั ร์ เอกสาร ใบปลวิ วัสดุอุปกรณต์ า่ ง ๆ เพอ่ื ชว่ ยในการนำเสนอขายของพนักงาน ตลอดจนเป็นหลักฐานอ้างองิ และสามารถมอบไว้ให้ลกู คา้ เพื่อศึกษาข้อมูลเพ่มิ เตมิ 4.2.7 กลยุทธ์การให้ข่าวสาร (Public Relation Strategy) การให้ข่าวสารน้ันคอื รูปแบบ หนงึ่ ของการติดต่อส่ือสารทไี่ ม่เสียค่าใชจ้ ่ายในการซื้อสอ่ื ท้ังนี้ เพื่อสร้างทัศนคติที่เป็นบวกตอ่ สินค้า และกจิ การของเรา แตป่ จั จุบันการสอื่ สารโดยวธิ ดี ังกลา่ วอาจมคี ่าใช้จ่ายอน่ื ๆ รวมทั้งค่าใชจ้ ่าย ทางอ้อมเก่ยี วกับสอ่ื อกี ดว้ ยการใหข้ ่าวสารแก่สาธารณะชน น้ันเปน็ รูปแบบหนึง่ ของการประชาสัมพนั ธ์ การให้ข่าวสารจัดว่าเปน็ การสร้างภาพลกั ษณ์ในระยะยาวแกอ่ งคก์ รและตอ้ งการให้ผลลพั ธ์นี้ออกมาใน เชงิ บวกแก่องค์กร สง่ิ ทเ่ี ราต้องพิจารณาอยา่ งย่ิงในการให้ข่าวสาร คือ กล่มุ เปา้ หมายทีต่ ้องการไดร้ บั ขา่ วสารและส่ือโฆษณาทจ่ี ะใช้เพื่อการสอ่ื ขา่ วสาร 4.2.8 กลยทุ ธ์พลัง (Power Strategy) พลังในท่นี ี้ หมายถงึ อำนาจในการต่อรองและ ควบคมุ ซ่งึ ดูเหมอื นจะเป็นสิ่งท่ยี ากทีส่ ดุ ในการเนรมิตใหเ้ กิดข้ึน แต่กเ็ ป็นสงิ่ จำเปน็ และขาดเสียไม่ได้ ในองค์ประกอบตัว P ส่วนสุดทา้ ยนี้ เพราะอำนาจตอ่ รองจะเปน็ พลังพิเศษทน่ี ำมาใช้ตอ่ รอง แลกเปล่ยี นผลประโยชน์ทางการค้าให้บริษัทไดร้ บั ขอ้ เสนอท่ีดีทสี่ ุดในกรณีท่ไี มส่ ามารถตกลงกันตาม กรอบได้อยา่ งลงตัว 4.3 กลยทุ ธต์ ลาดออนไลน์ (Online Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านการโฆษณาบน สื่อออนไลน์ เช่น Facebook ,Twitter, Instagram, YouTube, ตลอดจนการโฆษณาบนเว็บไซต์ หรือ Google ฯลฯ อกี มากมายผ่านการใช้อินเทอรเ์ นต็ กลยุทธ์และชอ่ งทางในการทำตลาดออนไลน์ มีดงั น้ี 4.3.1 ช่องทางในการทำตลาดออนไลน์ 4.3.1.1 Social Marketing คือ การตลาดออนไลน์ที่เนน้ การเขา้ ถงึ กลุม่ คนบน โลก Social Network ต่าง ๆ ไมว่ ่าจะเปน็ Facebook, Twitter, Instagram ฯลฯ อีกมากมายโดย การตลาดบน Social Marketing มักจะได้รบั ความนยิ มมากกวา่ ชอ่ งทางอนื่ ๆ 4.3.1.2 Search Engine Marketing คือ การตลาดบน Search Engine เป็น การทำให้สินค้าตดิ หนา้ แรกของ Google หรือที่เรารจู้ ักกันในนามของ SEO (Search Engine Optimization) เปน็ การปรับแต่งเวบ็ ไซต์ หรือปรบั ปรุงเน้ือหาทีม่ ีคุณภาพ เพื่อให้เว็บไซต์หรอื สนิ คา้ ตดิ หนา้ แรกของ Google ทำใหล้ กู คา้ มีโอกาสในการคลิกเข้าถงึ สนิ ค้าได้มากกวา่

19 4.3.1.3 Email Marketing คือ การตลาดโดยใชช้ ่องทางของอีเมล์ เพื่อกระจาย ข่าวสาร หรอื นำเสนอโปรโมชัน่ ต่าง ๆ ไปยงั ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เรยี กไดว้ ่า Email Marketing เป็น ชอ่ งทางที่ใชต้ ้นทนุ การตลาดที่ถูกท่สี ุดเลยกว็ ่าได้ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกับการตลาดบนช่องทางอ่นื ๆ 4.3.1.4 Line Marketing คือ การตลาดผ่านแอพพลเิ คช่นั อยา่ งเช่น Line ดว้ ย การเผยแพร่ข่าวสาร อพั เดทโปรโมชัน่ ต่าง ๆ เรยี กไดว้ ่าเปน็ แอพพลิเคชั่นท่ีไดร้ ับความนิยมเป็นอย่าง มากในปัจจบุ ัน ด้วยการเกบ็ รวมขอ้ มูลพบวา่ ในประเทศไทยของเรามีผูใ้ ช้งานแอพพลเิ คช่ัน Line มากกวา่ 85% เลยทเี ดยี ว 4.3.1.5 Banner การทำโฆษณาโดยใช้ Banner ของเว็บไซตต์ า่ ง ๆ ก็เปน็ อีก หนึ่งกระแสท่คี ่อนข้างจะได้รบั ความสำคญั เพราะสามารถเข้าถึงลูกคา้ ได้อยา่ งตรงกลมุ่ เป้าหมาย เชน่ ธุรกจิ อาหารท่นี ำโฆษณาไปฝากไว้ตามเวบ็ ไซต์อาหาร หรือเว็บไซต์แหลง่ รวบรวมรา้ นอาหาร รีววิ ร้านอาหาร ในขณะทีธ่ รุ กจิ โรงแรมได้นำโปสเตอร์โฆษณาไปฝากไวต้ ามเว็บท่องเท่ยี ว เป็นตน้ 4.3.2 กลยทุ ธ์ตลาดออนไลน์ 4.3.2.1 มงุ่ เนน้ ทโ่ี ซเชยี ลเนต็ เวริ ค์ ทกุ วนั นี้เครือข่ายอย่างโซเชียลเน็ตเวิร์คไมว่ ่า จะเปน็ Facebook, Instagram, Twitter, Line และอนื่ ๆ คือ สอื่ ที่คนท่ัวไปใหค้ วามสนใจมากทีส่ ุด เพราะฉะนนั้ จำเป็นจะต้องมุ่งเน้นการตลาดไปทนี่ ่ีมากที่สุด 4.3.2.2 สรา้ งความนา่ สนใจบนโลกออนไลน์ ไมว่ ่าจะเป็นการทำคลปิ วดี ีโอ ,บทความ หรอื อะไรก็ตามแต่ทเ่ี ผยแพรล่ งในโซเชยี ลเน็ตเวิร์คแล้วจะโดนใจจนมคี นกดไลค์ และแชร์ไป ให้ไกลได้มากท่ีสุดย่ิงทำให้โด่งดังไดเ้ รว็ 4.3.2.3 ใชผ้ ูม้ ีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ ทุกวันนี้คำวา่ เน็ตไอดอล หรือเพจดงั ตา่ ง ๆ คอื สงิ่ ที่คนใหค้ วามสนใจมาก การฝากให้คนเหล่านีโ้ ฆษณาหรอื ประชาสมั พนั ธจ์ ะชว่ ยใหเ้ ขา้ ถงึ กล่มุ เปา้ หมายได้อย่างรวดเร็ว 4.3.2.4 สรา้ งตำแหนง่ ให้ธรุ กจิ หมายถึง การสรา้ ง Location ให้กบั ธุรกิจของ ตวั เองแล้วอาจใช้การตรวจสอบบ่อย ๆ ว่ามใี ครเช็คอนิ หรือไม่โดยเฉพาะธรุ กิจร้านอาหารจะค่อนข้าง ไดผ้ ลมากหากวางตำแหนง่ ธรุ กจิ ให้คนเช็คอินได้ 4.3.2.5 ใช้พนั ธมติ รบนโลกออนไลน์ ทุกวนั นเ้ี ว็บหรอื แอพพลเิ คชั่นทเี่ ปน็ ตวั กลางสำหรบั การขายสินคา้ มีมากมาย ธรุ กิจอาจเลือกใชช้ ่องทางเหลา่ นีใ้ นการทำการตลาดออนไลน์ ไดเ้ หมือนกัน เพราะบ่อยครง้ั ทีล่ กู ค้าเข้าไปเวบ็ เหลา่ นี้มากกวา่ เว็บขายสนิ คา้ โดยตรง

20 4.3.2.6 สร้างการเข้าถึงในหลากหลายอุปกรณ์ คือ หากมีเว็บไซต์แล้วกอ็ าจ สรา้ งแอพพลิเคชัน่ สำหรบั ความสะดวกสบายในการเขา้ จากมือถือท่จี ะช่วยให้เข้าถึงธุรกจิ ได้มากขน้ึ 4.3.2.7 พยายามทำใหล้ ูกคา้ เขา้ ใจงา่ ยมากทีส่ ดุ เช่น การสร้างโฆษณาหรอื แมแ้ ต่การจะให้ลูกคา้ ซื้อสนิ ค้าของเราควรทำอะไรทเี่ ข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะความยงุ่ ยากจะทำให้ เกดิ ความเบ่ือหน่ายในการซื้อสินคา้ หรอื บริการ 4.3.2.8 ใชก้ ารเกบ็ ขอ้ มลู มาเป็นการบา้ น ไมว่ ่าจะเป็นสถิตผิ เู้ ขา้ ชมเวบ็ ยอดไลค์ ยอดแชร์ ส่งิ เหลา่ น้ีสามารถนำมาเปน็ ข้อมูลเพ่อื ปรับเปลี่ยนหรอื ปรบั ปรุงกลยทุ ธ์ทางการตลาดใหเ้ กดิ ความน่าสนใจได้มากย่ิงขึน้ 4.3.2.9 สรา้ งกระแสท่ดี ีอยเู่ สมอ ซงึ่ ในความเปน็ จรงิ ของโลกออนไลน์ คือ อะไร ทีร่ วดเร็ว นา่ สนใจ การสร้างกระแสให้กับธุรกิจในทางทดี่ จี ะชว่ ยสรา้ งการจดจำให้กบั ผ้คู นบนโลก ออนไลน์ไดเ้ ป็นอย่างดี จนทำให้เกิดการจดจำและน่าเชื่อถือ 4.3.2.10 สร้างการ์ตนู จำลองใหเ้ ปน็ ภาพจำ หรือการใช้มาสคอตบนโลกออนไลน์ โดยการออกแบบ ให้มีความเข้าในธุรกิจพร้อมกับต้งั ช่ือให้น่าสนใจ จะช่วยสร้างภาพจดจำให้กับกลมุ่ ลุกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทงั้ ยังสามารถตอ่ ยอดในการขายสนิ คา้ ได้ดว้ ย 5. การบรโิ ภคและทฤษฎีพฤตกิ รรมผู้บริโภค (Buyer Behavior’s Model) 5.1 ประวัติความเป็นมาของ “ผู้บริโภค” ตามพระราชบัญญตั คิ มุ้ ครองผบู้ รโิ ภค พ.ศ. 2522 ให้ความหมายวา่ ไว้วา่ หมายถึง ผู้ซ้ือหรอื ผู้ไดร้ บั บรกิ ารจากผูป้ ระกอบธุรกจิ หรือผู้ซง่ึ ได้รับการเสนอ หรือชักชวนจากผู้ประกอบธรุ กจิ เพอื่ ใหซ้ ือ้ สินค้าหรือบริการ และความหมายรวมถงึ ผใู้ ชส้ นิ คา้ หรือผู้ ไดร้ ับบรกิ ารจากผปู้ ระกอบธุรกจิ โดยชอบ แม้มิได้เสียค่าตอบแทนก็ตาม “ผบู้ ริโภคคือพระราชา” เป็น คำกล่าว ท่ีใหค้ วามสำคัญแกผ่ ู้ประกอบธุรกจิ จะอยู่ไดต้ อ้ งอาศัยผู้บรโิ ภคแต่ในสังคมปัจจบุ ัน ผบู้ ริโภค มกั จะถูกเอาเปรยี บดว้ ยวิธกี ารต่าง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ จากการใช้กลยุทธ์ทางตลาดท่ีขาดคณุ ธรรม และความรับผดิ ชอบ ในอดีตคนไทยไม่คอ่ ยเห็นความสำคัญในเรือ่ งการใชส้ ิทธิของผู้บริโภคจงึ ถกู เอา รัดเอาเปรยี บ ทง้ั ในด้านคุณภาพและราคา มักจะไม่สนใจที่จะรกั ษาของตนเองใหม้ ากข้ึน อกี ท้ัง ประชาชนส่วนใหญย่ งั ขาดความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับสทิ ธิตา่ ง ๆ ที่ไดร้ ับการคมุ้ ครองตามกฎหมาย และไมท่ ราบถึง วธิ กี ารเลือกซ้ือสนิ ค้าและบริการทีถ่ ูกต้อง ตลอดจนขาดขอ้ มลู ประกอบการตดั สินใจ เลือกซ้ือสนิ คา้ และบริการรวมทัง้ ผบู้ รโิ ภคยังคงมีลกั ษณะไมส่ นใจท่ีจะเอาเร่ืองกบั ผปู้ ระกอบธรุ กิจที่ เอารัดเอาเปรยี บ ไม่มกี ารรวมตัวกันเพ่ือสร้างอำนาจในการต่อรองเพ่ือรักษาสิทธปิ ระโยชนข์ องตนเอง

21 ในตลาดปัจจบุ นั ถือว่าผู้บริโภคเปน็ ใหญ่ และมีความสำคัญทีส่ ดุ ของนักธุรกิจ จึงจำเป็นอยา่ งย่งิ ที่ ผู้บริหารการตลาด จะต้องศึกษากล่มุ ผู้บริโภคให้ละเอียด ถึงสาเหตุของการซื้อ การเปลยี่ นแปลงการ ซ้อื การตัดสินใจซ้อื ฯลฯ ซ่งึ ถ้าผู้บรหิ ารศกึ ษาถึงสาเหตุต่าง ๆ เหลา่ น้ี จะชว่ ยให้ผบู้ ริหารทายใจหรือ เดาใจกลุ่มผบู้ รโิ ภคของกิจการไดถ้ ูกตอ้ งว่า กลุ่มผู้บรโิ ภคเหล่านั้น ตอ้ งการอะไร มีพฤติกรรมการซ้ือ อย่างไร แรงจูงใจในการซ้ือเกิดจากอะไร แหลง่ ขอ้ มลู ทผ่ี ูบ้ ริโภคนำมาตดั สินใจซื้อคอื อะไร รวมท้ัง กระบวนการตัดสินใจซ้อื ข้อมูลตา่ ง ๆ เหลา่ นเ้ี ปน็ ประโยชน์ต่อการวางแผนทางการตลาด 5.2 ความหมายของพฤติกรรมผุ้บรโิ ภค 5.2.1 พฤติกรรมของผบู้ ริโภค (Customer Behavior) หมายถงึ เปน็ การกระทำโดย มนุษยแ์ สดงออกโดยไม่รู้ตัว การแสดงออกหรือการกระทำโดยธรรมชาตขิ องมนษุ ยส์ ามารถสง่ อทิ ธิพล ทางการตลาดได้ (Foxily & Sigurdsson,2013) กลุ่มบุคคลหรือครวั เรือน ซ่ึงซื้อหรือต้องการสินค้า หรือบรกิ ารเพอื่ การบริโภคสว่ นตัว หรือพฤติกรรมการตัดสินใจและการกระทำของผ้บู ริโภคทเี่ ก่ยี วข้อง กับการซื้อ และใชบ้ ริการสนิ ค้าเพื่อตอบสนองความต้องการและความพงึ พอใจของเขา การศึกษา พฤติกรรมผู้บรโิ ภคเปน็ การศึกษาพฤติกรรมในการตดั สนิ ใจเลอื กซ้ือสนิ คา้ และบริการต่าง ๆ เพือ่ ให้ ได้รับความพงึ พอใจสูงสดุ จากงบประมาณทม่ี ีอยู่อยา่ งจำกัด หรอื การกระทำหรือการแสดงออกน้ัน ๆ อาจมาจากการกระทบของปัจจัยภายนอก เช่น วัฒนธรรม และ สังคม หรือ การแสดงกิริยาอาการที่ เกีย่ วกับการซื้อ การใชก้ ารประเมนิ ผล การคน้ หาขอ้ มลู สินค้าหรอื บรกิ ารตามความต้องการหรือตาม การคาดหวงั ของผ้บู ริโภค 5.2.2 พฤตกิ รรมผูบ้ รโิ ภค คอื การแสดงปฏกิ ริ ิยาของบุคคลทเ่ี ปน็ กระบวนการเพื่อให้ ไดร้ บั สนิ คา้ หรือบริการตามความตอ้ งการของตน 5.2.3 พฤตกิ รรมผ้บู ริโภค คอื กระบวนการท่เี กย่ี วกบั การค้นหาข้อมูลการซื้อ การใช้ การประเมินผลในสินคา้ หรอื บรกิ าร หรือพฤตกิ รรมผบู้ ริโภค หมายถึง พฤตกิ รรมการซ้ือ การใช้การ ประเมนิ และการกำจัดสินคา้ หรอื บรกิ าร ของผบู้ รโิ ภคข้ันสุดทา้ ย ทซ่ี ้ือสนิ ค้าและบริการไปเพ่ือ ตอบสนองความต้องการของตนเอง หรอื เพ่ือกนิ หรือใช้ภายในครวั เรอื น ผ้บู ริโภคทุกคนทซี่ ือ้ สินค้าและ บรกิ ารไป เพอ่ื วตั ถุประสงค์เชน่ วา่ น้รี วมกันเรยี กวา่ ตลาดผ้บู ริโภค ผูบ้ ริโภคทัว่ โลกน้นั มีความแตกต่าง กนั ในลักษณะด้านประชากรศาสตร์อยู่หลายประเด็น เชน่ ในเรื่องของอายุรายได้ระดบั การศึกษา ศาสนาวฒั นธรรม ประเพณีค่านิยม และรสนยิ ม เป็นตน้ 5.3 ลกั ษณะทวั่ ไปของผูบ้ ริโภค มดี งั นี้

22 5.3.1 สงิ่ เร้า (Stimuli) ในทางการตลาดนั้น เราแบง่ ส่งิ เร้าออกเป็น 2 ประเภท คอื ส่ิง เร้าทางการตลาดกบั สิ่งแวดล้อมอ่นื ๆ ทางการตลาด ท่มี ีอิทธิพลต่อการตดั สินใจและพฤติกรรมของ ผ้บู ริโภค 5.3.1.1 สิ่งเรา้ ทางการตลาด ได้แก่ สิ่งท่เี ราเรยี กวา่ ส่วนประสมทางการตลาด หรอื 4P’s อันได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา ชอ่ งทางการจดั จำหนา่ ยและการส่งเสริมการตลาด 5.3.1.2 สงิ่ แวดล้อมอ่นื ๆ ทางการตลาด ทอี่ ยู่ล้อมรอบผบู้ รโิ ภค ได้แก่ เศรษฐกจิ เทคโนโลยี สงั คม การเมือง กฎหมาย และวฒั นธรรม ซึง่ มีอิทธิพลตอ่ การตัดสินใจของผบู้ รโิ ภค 5.3.2 กล่องดำ (Black box) คำน้ีเป็นนามธรรม โดยสมมตวิ ่ากล่องดำเปน็ ทรี่ วมเอา ปัจจยั ต่าง ๆ ได้แก่ วัฒนธรรม สังคม ลักษณะ สว่ นบคุ คลและลกั ษณะทางจิตวิทยาของผู้บริโภคแตล่ ะ คนเอาไว้ นอกจากน้ีในกล่องดำยังมีกระบวนการตัดสินใจซื้ออยู่อีกดว้ ย สิง่ เร้าเมื่อมาถึงกลอ่ งดำจะถูก ปัจจัยตา่ งๆ ดังกล่าวตกแต่งขัดเกลาแปรรปู ออกมาเปน็ การตอบสนอง ถ้าการตอบสนองเป็นไปใน ทางบวก กระบวนการตัดสนิ ใจซ้อื ทำงาน จนกระทัง่ มีการซื้อเกิดขึน้ ตามมา ถ้าตอบสนองเป็นไป ในทางลบ ผบู้ ริโภคคงไมล่ งมือซือ้ 5.3.3 การตอบสนอง (Response) เปน็ ผลลัพธจ์ ากอิทธพิ ลของปัจจยั และกลไกการ ทำงานของกระบวนการตัดสินใจซื้อท่ีอยใู่ นกล่องดำของผู้บรโิ ภค ถ้าการตอบสนองเป็นไปในทางบวก จะสงั เกตเหน็ ผบู้ ริโภคไปเลือกผลิตภณั ฑท์ จ่ี ะซ้ือ เลือกตราผลิตภณั ฑ์ทจี่ ะซ้อื เลือกร้านคา้ ท่จี ะซ้ือ เลือก จังหวะเวลาท่ีจะซื้อ และเลือกจำนวนทีจ่ ะซอ้ื เป็นต้น 5.4 ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การบริโภคและผลของการบรโิ ภค เป็นปจั จยั ทม่ี อี ิทธพิ ลท่ีกระทบต่อ พฤติกรรมของผ้บู รโิ ภคได้กว้างขวางที่สดุ ลึกล้ำท่ีสุด ซงึ่ แบ่งยอ่ ยออกเปน็ ดังต่อไปน้ี 5.4.1 วัฒนธรรมหลกั (Core culture) เปน็ สง่ิ ทีม่ ีอยู่ในทุกกล่มุ หรอื ในทกุ สงั คมของ มนษุ ย์ และเปน็ ตัวกอ่ ใหเ้ กดิ ค่านิยม การรับรู้ ความอยากได้ ไปจนถงึ พฤติกรรมของมนุษย์ สิ่งเหลา่ น้ี เมือ่ เกิดข้ึนแลว้ ก็ถ่ายทอดใหแ้ ก่กนั และกันมา และดว้ ยเหตุทแี่ ตล่ ะสงั คมก็มวี ฒั นธรรมหลกั เป็นของ ตนเอง ผลกค็ ือ พฤตกิ รรมการซอ้ื ของมนุษย์ในแตล่ ะสงั คมก็จะผิดแตกต่างกนั ไป 5.4.2 อนวุ ฒั นธรรม (Subculture) วัฒนธรรมของคนกล่มุ ยอ่ ยทรี่ วมกนั เข้าเป็นสงั คม กลมุ่ ใหญ่ จำแนกอนุวฒั นธรรมออกเป็น 4 ลกั ษณะ คือ 5.4.2.1 อนุวัฒนธรรมทางเช้ือชาติ (Ethnic subculture) 5.4.2.2 อนุวัฒนธรรมตามท้องถนิ่ (Regional subculture)

23 5.4.2.3 อนวุ ัฒนธรรมทางอายุ (Age subculture) 5.4.2.4 อนุวฒั นธรรมทางอาชีพ (Occupational subculture) 5.4.3 ชั้นทางสงั คม (Social class) หมายถึง คนจำนวนหนึ่งทม่ี ีรายได้ อาชพี การศกึ ษา หรอื ชาติตระกูลอย่างใดอย่างหนึง่ หรอื หลายอย่างเหมอื นกันและบคุ คลคนหน่ึง อาจมีการเคล่ือนไหล จากชัน้ ทางสังคมชัน้ หน่งึ ไปยงั ช้นั อน่ื ๆ ได้ทงั้ เลื่อนข้นึ และเลื่อนลง ปัจจัยทางสังคม (Social factors) ปจั จัยทสงสังคมทส่ี ่งอิทธิพลต่อกระบวนการตดั สนิ ใจของผู้บริโภคมมี ากมาย เชน่ กลุ่มอ้างองิ ครอบครวั บาบาทและสถานภาพในสงั คม เป็นตน้ 5.5 ทฤษฎพี ฤติกรรมของผูบ้ ริโภค คือ กระบวนการท่เี กี่ยวกบั การคน้ หาข้อมูล การซื้อ การ ใช้การประเมินผลในสนิ คา้ หรือบริการ จากความหมายของพฤติกรรมผ้บู รโิ ภคน้ี สามารถแยก ได้ดังน้ี 5.5.1 มีการแสดงกิริยาอาการของบคุ คล ด้วยการเดินทางไปจับจา่ ยหาซือ้ และใช้สินคา้ หรือบริการตามความต้องการของบุคคล 5.5.2 พฤตกิ รรมผู้บรโิ ภคเปน็ กระบวนการที่เก่ยี วกับการเปดิ รับสื่อ การพิสูจน์ความ ตอ้ งการ การตรวจสอบ การแสวงหาขา่ วสาร การจบั จา่ ย และการพูดคุยเพ่ือคน้ หาคำยนื ยนั 5.5.3 บคุ คลท่ีเกี่ยวข้อง ประกอบดว้ ย ผ้บู รโิ ภคคนสุดทา้ ยที่เป็นครอบครัวแมบ่ ้านหรอื ซื้อไปเปน็ ของขวัญใหบ้ ุคคลอื่น 6. แนวคดิ การออแบบบรรจุภัณฑ์ 6.1 ความหมายของบรรจภุ ณั ฑ์ หมายถึง เรือ่ งของวิทยาศาสตร์ และเรือ่ งของศลิ ปะที่ใชเ้ พ่ือ การบรรจุสินค้าโดยใช้เทคโนโลยที ที่ ันสมัยและไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับสิง่ แวดล้อม และบรรจุ ภณั ฑน์ ้นั จะต้องปกปอ้ งตวั สนิ ค้าให้อยู่ในสภาพท่ีดจี ากแหล่งผลติ จนถึงมอื ลูกคา้ โดยไม่ให้ได้รับความ เสยี หาย ท้ังนี้ บรรจุภัณฑน์ น้ั ๆ จะต้องมีตน้ ทุนของการผลิตทไ่ี ม่สงู จนเกนิ ไป 6.2 ความสำคญั ของการบรรจุภัณฑ์ มดี งั น้ี 6.2.1 รกั ษาคุณภาพ และปกป้องตวั สนิ คา้ เริม่ ตัง้ แต่การขนส่ง การเก็บให้ ผลผลิตหรอื ผลิตภัณฑ์เหลา่ น้ันมิให้เสียหายจากการปนเป้ือนจากฝุน่ ละออง แมลง คน ความชน้ื ความรอ้ น แสงแดด และการปลอมปน เปน็ ตน้ 6.2.2 ใหค้ วามสะดวกในเรือ่ งการขนสง่ การจัดเก็บความรวดเรว็ ในการขนส่ง เพราะ สามารถรวมหน่วยของผลิตภัณฑ์เหลา่ นน้ั เปน็ หนว่ ยเดียวได้ เชน่ ผลไม้หลายผลนำลงบรรจุในลงั เดยี ว หรือเครอื่ งดืม่ ท่ีเป็นของเหลวสามารถบรรจุลงในกระป๋องหรือขวดได้ เปน็ ตน้

24 6.2.3 ส่งเสริมทางด้านการตลาด บรรจภุ ณั ฑเ์ พ่ือการจัดจำหนา่ ยเป็นสง่ิ แรกทีผ่ บู้ รโิ ภค เหน็ ดงั นัน้ บรรจุภัณฑ์จะต้องจะทำหนา้ ท่บี อกกล่าวสง่ิ ต่าง ๆ ของตัวผลติ ภัณฑ์ โดยการบอกข้อมลู ท่ี จำเป็นทัง้ หมดของตวั สนิ คา้ และ นอกจากน้ันจะมีรปู ลักษณท์ ส่ี วยงามสะดุดตา เชญิ ชวนใหเ้ กดิ การ ตดั สนิ ใจซอื้ ซ่งึ การทำหน้าท่ดี ังกล่าวของบรรจุภัณฑ์น้ัน เป็นเสมอื นพนักงานขายท่ีไรเ้ สียง (Silent Salesman) 6.3 ประเภทของบรรจุภัณฑ์ 6.3.1 บรรจุภณั ฑเ์ ฉพาะหน่วย บรรจภุ ณั ฑจ์ ะห่อหมุ้ และสัมผัสกับผลติ ภัณฑโ์ ดยตรง บรรจภุ ัณฑ์ช้ันในจะทำหน้าที่หลักในการป้องกนั สินค้าจากความช้ืนและอากาศ ท่ีจะทำใหผ้ ลิตภณั ฑ์ เสียคุณภาพ คุณลกั ษณะมรี ูปร่างลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น เปน็ ขวด กระปอ๋ ง หลอด ถงุ กล่อง การ ออกแบบสามมารถทำใหม้ ีลกั ษณะพิเศษเฉพาะหรือทำใหม้ ีรูปร่างทเ่ี หมาะแก่การจบั ถือ และอำนวย ความสะดวกต่อการใช้ผลิตภัณฑภ์ ายใน พร้อมทงั้ ทำหนา้ ท่ีให้ความปกป้องแกผ่ ลติ ภณั ฑโ์ ดยตรง 6.3.2 บรรจุภัณฑช์ ั้นใน ทำหน้าท่ใี นการหอ่ หุม้ บรรจุภณั ฑ์ชน้ั ในไม่ใหไ้ ดร้ ับแรงกระแทก จากภายนอก บรรจุภณั ฑช์ ้นั ที่สองมีหนา้ ท่ีรวบรวมบรรจภุ ณั ฑช์ นั้ แรกไว้ด้วยกนั หรือเป็นชดุ ในการ จำหนา่ ยรวมตงั้ แต่ 2 – 24 ชิ้นข้ึนไป โดยมีวัตถปุ ระสงคช์ ัน้ แรกคือ ป้องกันรกั ษาผลิตภัณฑจ์ ากน้ำ ความชนื้ ความร้อน แสง แรงกระทบกระเทือน และอำนวยความสะดวกแกก่ ารขายปลกี ยอ่ ย เพื่อ ความสะดวกในการป้องกันและขนสง่ และทำหนา้ ที่ขายดว้ ยจึงต้องทำการออกแบบใหส้ วยงามดงึ ดูด ใจผู้บรโิ ภค เช่น กลอ่ งบรรจเุ ครอ่ื งด่ืมกระปอ๋ งชนิด 6 กระปอ๋ ง กล่องกาแฟชนดิ 50 ของหรือกล่อง บรรจุหลอดยาสีฟนั เป็นตน้ 6.3.3 บรรจุภัณฑช์ ัน้ นอกสดุ บรรจุภณั ฑ์ทีเ่ ป็นหนว่ ยรวมขนาดใหญ่ ทำหนา้ ท่ีในการ ป้องกนั ผลติ ภณั ฑ์ การขนถ่ายสนิ ค้าเปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธิภาพและรวดเร็วในระหว่างการขนสง่ ลกั ษณะของบรรจุภณั ฑน์ ้ี ได้แก่ หบี ไม้ลงั กล่องกระดาษค่อนข้างขนาดใหญ่ทบี่ รรจสุ ินค้าไว้ภายใน 6.4 ปัจจยั ที่ส่งผลตอ่ ราคาของบรรจุภณั ฑ์ ในกระบวนการสร้างสรรคบ์ รรจุภณั ฑ์ มี องคป์ ระกอบทีเ่ ข้ามาเกย่ี วข้องทส่ี ่งผลตอ่ ราคาของการพฒั นาบรรจภุ ัณฑ์ ท้ังต่อราคารวมและราคาต่อ หนว่ ย ดงั นี้ 6.4.1 ราคาตน้ ทนุ ของวสั ดบุ รรจภุ ัณฑ์ 6.4.2 ราคาของกรรมวธิ ีการผลิตบรรจุภัณฑ์ 6.4.3 ราคาของการเกบ็ รกั ษาและการขนส่ง

25 6.4.4 ราคาของเครอื่ งมือเคร่ืองจกั ร ท่ีใช้ในการผลติ และบรรจุภัณฑ์ 6.4.5 ราคาของการใชแ้ รงงานท่เี กีย่ วข้อง 6.5 ขอ้ มลู ประกอบการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ มีดังนี้ 6.5.1 ข้อมลู ดา้ นการตลาด ไดแ้ ก่ สถานที่จัดจำหน่าย ฤดกู าล 6.5.2 รูปแบบการกระจายสนิ คา้ (ปลกี -ส่ง) พฤติกรรมผุบ้ ริโภค 6.5.3 ปรมิ าณและมูลค่าของสินคา้ ในตลาด (สว่ นแบง่ ทางการตลาด) 6.5.4 ข้อมลู เกี่ยวกบั ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ประวตั ิความเป็นมา 6.5.5 คำอธบิ าย จุดเด่น ประโยชน์ ขนาดปริมาณบรรจุ ความถหี่ รือปริมาณการใชท้ ี่ใช้ ตอ่ ครั้ง ราคา ตน้ ทุนและข้อควรระวัง 6.6 ขน้ั ตอนการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 6.6.1 กำหนดกลุ่มเปา้ หมาย ถือเป็นเรื่องสำคญั ของการออกแบบบรรจุภณั ฑเ์ พราะ กลุ่มเปา้ หมายสามารถส่งผลกระทบต่อผลติ ภัณฑ์ไดโ้ ดยตรง ผ้ปู ระกอบการจะตอ้ งศึกษาและเรยี นรู้ ความต้องการของตลาดและความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค โดยกำหนดกลุม่ เป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อทีจ่ ะ ได้สามารถออกแบบบรรจภุ ัณฑใ์ ห้ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายใหม้ ากทส่ี ดุ กลุ่มเปา้ หมาย นอกจากจะมีความสนใจและความต้องการที่แตกต่างกันแลว้ กลมุ่ เปา้ หมายเดยี วกันแตช่ ว่ งอายตุ ่างกนั และมสี ถานะทางสงั คมที่แตกต่างกนั ก็ย่อมมีความต้องการแตกตา่ งกันดว้ ยเชน่ กนั ซงึ่ ทำให้ลักษณะ ของบรรจุภัณฑก์ ต็ ้องมีความแตกตา่ งกนั ไปตามกลุ่มเปา้ หมายนั้น ๆ หรอื บางครงั้ ผลิตภัณฑบ์ างอย่าง ผลติ ขน้ึ มาเพ่ือผบู้ ริโภคกลุ่มหน่ึง แต่ผูบ้ รโิ ภคอกี กลุ่มหน่ึงกลบั เป็นผู้เลือกและตัดสนิ ใจซ้ือ เชน่ อาหาร เสรมิ สำหรับเด็กหรอื นมผงสำหรับเด็กทารก จะเห็นไดว้ า่ ผลติ ภัณฑ์เหล่านี้ ทารกและเด็กมไิ ด้เป็น ผู้ เลอื กซ้ือ แต่ผู้เลือกและตัดสนิ ใจซือ้ กลับเปน็ ผู้ปกครอง ซงึ่ เป็นส่ิงท่แี สดงใหเ้ หน็ ว่าก่อนการออกแบบ บรรจภุ ัณฑผ์ ปู้ ระกอบการจำเปน็ ต้องการจำหนดกลุม่ เป้าหมาย เพื่อทำการศึกษาความต้องการของ กลมุ่ เปา้ หมายอยา่ งละเอียดรอบครอบ และคน้ หาวธิ วี ่าจะออกแบบอยา่ งไรให้บรรจภุ ณั ฑ์ของทท่าน สามารถดงึ ดูดความสนใจของผู้บริโภคตามกลุ่มเปา้ หมายให้ตัดสินใจเลอื กซื้อผลิตภณั ฑ์ของทา่ น 6.6.2 กำหนดช่ือตราสนิ คา้ (Brand) ตราสนิ ค้าใชเ้ ป็นชอ่ื หรอื เครื่องหมายสำหรับการ เรียกขานผลิตภณั ฑ์ ผปู้ ระกอบการจะต้องทำการกำหนดช่ือตราสินคา้ ใหเ้ รยี บร้อยก่อนการออกแบบ บรรจภุ ัณฑ์ โดยกำหนดใหช้ อ่ื ตราสนิ ค้ามคี วามเปน็ เอกลกั ษณ์ ชัดเจน น่าสนใจ ทสี่ ำคัญจะตอ้ งเป็นที่ จดจำไดง้ า่ ยแกผ่ ้บู ริโภคตราสินคา้ ทด่ี ีน้ันสามารถยกตัวอยา่ งไดด้ ังน้ี คือตง้ั ตามช่ือเจา้ ของกิจการ ต้งั

26 ตามความเชอ่ื อันเป็นมงคล ต้ังตามแหลง่ ที่มาของผลติ ภณั ฑ์ หรอื ต้งั โดยการผสมคำทม่ี คี วามหมายให้ เกดิ เปน็ คำใหมท่ ่ีมีเอกลกั ษณ์ ฯลฯ เป็นตน้ ลกั ษณะท่ีดีของตราสินค้าที่ดี มีดังน้ี 6.6.2.1 ส้นั กะทดั รัด จดจำไดง้ ่าย ออกเสียงได้งา่ ยมคี วามโดดเด่นเปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั 6.6.2.2 แปลเปน็ ภาษาตา่ งประเทศไดง้ ่ายมคี วามหมายทีเ่ หมาะสม 6.6.2.3 สามารถบอกถึงคุรสมบตั ทิ ีส่ ำคญั ของผลิตภณั ฑ์ 6.6.2.4 สอดคลอ้ งกบั คา่ นยิ มและวัฒนธรรมของกลมุ่ ลูกคา้ เป้าหมายสามารถ นำไปจดทะเบยี นการค้าได้ตอ้ งไมซ่ ้ำกบั ของเดิมท่มี ีอยู่ 6.6.3 วัสดทุ ่ีใช้ทำบรรจภุ ณั ฑ์ วสั ดมุ ีความจำเปน็ อย่างยงิ่ ตอ่ การออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ การท่ีผปู้ ระกอบการตดั สินใจว่าจะใชว้ ัสดุอะไรมาผลิตเป็นบรรจภุ ัณฑน์ ้นั ท่านควรคำนงึ ถงึ ความ ปลอดภัยของผูบ้ ริโภค ความรับผดิ ชอบตอ่ สิง่ แวดล้อม และคณุ สมบัติของวัสดุแตล่ ะประเภท ทจ่ี ะ นำมาผลิตบรรจุภัณฑ์เปน็ สำคัญ เนอื่ งวสั ดแุ ตล่ ะชนิดจะมคี ุณสมบตั ิทเ่ี ปน็ ข้อดีและข้อเสียในการ คุ้มครองผลิตภัณฑใ์ ห้คงคุณภาพ การยดื อายผุ ลติ ภัณฑ์ และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ที่ แตกต่างกันไป หากท่านเลือกใช้วสั ดไุ มถ่ ูกต้องนอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคและสงิ่ แวดล้อมแลว้ ยังเปน็ สาเหตใุ ห้เกดิ ต้นทนุ ในการผลติ ภัณฑ์ทเี่ พมิ่ ข้นึ อีกดว้ ย 6.6.4 รปู ทรง บรรจภุ ณั ฑท์ ม่ี รี ปู รา่ งสวยงาม สามารถสร้างความประทับใจให้กับผบู้ รโิ ภค ถงึ แมผ้ ูบ้ รโิ ภคจะยงั มิไดส้ ัมผสั กบั ตวั ผลิตภณั ฑ์ท่ีอยภู่ ายใน รปู ทรงของบรรจภุ ัณฑส์ ามารถสร้างความ เป็นเอกลักษณ์ได้ กลา่ วคือเมื่อผบู้ ริโภคเห็นรปู ทรงสามารถรับรูไ้ ด้ทนั ทวี า่ เป็นผลิตภัณฑ์อะไรและมชี ่อื ตราสนิ คา้ อะไร หรือจะเป็นผลติ ภณั ฑเ์ ดียวแตกต่างกนั ที่ช่ือตราสินค้า 6.6.5 สสี นั และกราฟฟิก สสี นั และกราฟฟิกนค้ี ือการรวบรวมของการใช้สญั ลักษณ์ ตวั อักษร ภาพประกอบ ลวดลายและพืน้ ผิว ซึง่ สว่ นประกอบทง้ั หมดสามารถบ่งบอกถงึ ชอ่ื ตราสินค้า ลักษณะผลิตภณั ฑ์ ที่บรรจุอยู่ภายในได้และสามารถแสดงถึงแหลง่ ทม่ี าของผลติ ภณั ฑไ์ ด้ด้วย 6.7 การออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ท่ีดี การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ให้มีความสวยงามและความแปลก ตา เทา่ นค้ี งไมเ่ พียงพอสำหรับบรรจภุ ณั ฑผ์ ลติ ภณั ฑ์อาหาร เพราะหัวใจของบรรจุภณั ฑ์ คือ การเก็บ รักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ใหค้ งอยยู่ ืนยาว ดงั น้นั การออกแบบที่ดีผปู้ ระกอบการควรคำนงึ ถงึ หน้าท่ี ของบรรจภุ ณั ฑเ์ ป็นสำคัญ ดังนี้ 6.7.1 ปอ้ งกนั ผลิตภณั ฑ์ บรรจภุ ัณฑ์ทเี่ หมาะสมในการบรรจุอาหารจะต้องสามารถ

27 ปอ้ งกันไมใ่ ห้อาหารสมั ผสั กับบรรยากาศภายนอก ซึง่ อาจจะเกิดการรว่ั การซมึ แสง ความรอ้ นเย็น 6.7.2 เก็บรักษาคุรภาพของผลติ ภณั ฑ์ บรรจุภัณฑท์ ต่ี ้องสามารถรกั ษาคณุ ภาพของ ผลติ ภัณฑม์ ิให้เปล่ยี นแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรอื รสชาติ 6.7.3 ยืดอายุผลตภัณฑ์ จะต้องสามารถนำเทคโนโลยีท่ีสลบั ซบั ซอ้ นมาชว่ ยในการ ออกแบบ เพื่อใหบ้ รรจภุ ณั ฑ์ สามารถยืดอายุการเก็บรกั ษาผลิตภัณฑใ์ หม้ ีอายยุ ืนยาว 6.7.4 ความสะดวกในการใชง้ าน 6.7.5 ความประหยดั ในการขนสง่ 7. ทฤษฎกี ลไกราคา 7.1 กลไกราคา หมายถึง ภาวะการณ์เปล่ยี นแปลงในระดับราคาสนิ คา้ และบริการอันเกดิ จาก แรงผลักดนั ของอุปสงค์และอุปทาน เม่ือผู้ผลติ พยายามปรับปรุงการผลติ และบริการให้สอดคล้องกับ ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค ดังนัน้ จะเหน็ ไดว้ า่ ราคาสนิ ค้าและบรกิ ารเปน็ ตวั แปรสำคญั ในการกำหนด อุปสงคแ์ ละอปุ ทาน ตลอดจนเป็นกระบวนการปรับเปลยี่ นราคาให้เข้าสู่จุดดลุ ยภาพ เชน่ เมื่อราคา สนิ ค้าและบรกิ ารเพ่ิมข้ึน โดยทั่วไปแล้วความต้องการซอ้ื หรืออุปสงค์กจ็ ะลดลง แต่อุปทานของสินค้า และบรกิ ารจะเพ่ิมขน้ึ กลไกราคาจะพบได้ในทกุ ตลาด ยกเว้น ตลาดแบบผกู ขาด เพราะกลไกราคาจะ เกดิ ไดเ้ ฉพาะตลาดที่มกี ารดำเนินกจิ กรรมทางเศรษฐกิจแบบผสมเท่าน้ัน โดยระบบเศรษฐกจิ เหลา่ น้ีจะ มกี ลไกราคา เปน็ ตวั กำหนดว่าจะผลิตสินคา้ ปริมาณเท่าใดและราคาเท่าใด 7.2 การกำหนดราคาสนิ คา้ และบริการในทางเศรษฐกิจ กำหนดไว้ 2 วิธี คอื 7.2.1 ใหก้ ลไกราคาเป็นเคร่ืองมอื ในการกำหนดราคาสนิ ค้าและบรกิ าร ซง่ึ จะ เปลย่ี นแปลงไปตามแรงผลักดันของอปุ สงค์และอปุ ทาน 7.2.2 รัฐบาลกำหนดราคาสนิ ค้าและบรกิ าร ดว้ ยการควบคุมและแทรกแซงราคาสินค้า และบรกิ าร ด้วยวธิ ีกำหนดราคา เมอื่ สินค้าทจ่ี ำเป็นขาดตลาด เพอ่ื ช่วยเหลอื ผบู้ รโิ ภค การประกนั ราคาข้ันต่ำเพ่ือช่วยเหลือผูผ้ ลติ การพยงุ ราคาสนิ ค้าไมใ่ ห้ตกต่ำมากเกนิ ไป เพ่ือช่วยเหลือผผู้ ลติ หรือ ผู้ขายไมใ่ ห้ขาดทุน 7.3 อปุ สงค์ (Demand) หมายถึง ปริมาณความต้องการซ้ือสนิ ค้าและบริการชนดิ ใดชนิด หนง่ึ ของผบู้ รโิ ภคท่เี ต็มใจจะซ้ือหามาได้ ณ ระดับราคาตา่ ง ๆ ทตี่ ลาดกำหนดให้ กล่าวคอื เม่ือ ผู้บรโิ ภคมคี วามต้องการท่จี ะซ้ือสินค้าและบริการนนั้ แลว้ ก็จะสามารถมกี ำลงั ซื้อสินค้าน้ันได้ แต่ถา้ ผบู้ ริโภคไมส่ ามารถทจี่ ะซื้อหรือไม่มีกำลังซ้อื ก็จะไมถ่ ือวา่ เป็นอปุ สงคต์ ามความหมายในทาง

28 เศรษฐศาสตร์ 7.3.1 กฎของอปุ สงค์ (Law of Demand) หมายถึง ผ้บู รโิ ภคมีความตอ้ งการซื้อสนิ คา้ และบริการในราคาต่ำ (ราคาถกู ) ในปริมาณมากกว่าซ้ือสินค้าในราคาสงู (ราคาสงู ) 7.3.2 ปจั จยั ท่มี ผี ลต่อการเปล่ียนแปลงอปุ สงค์การทีผ่ ู้บริโภคจะทำการซื้อสนิ คา้ ชนิดใด ชนดิ หนึ่งในขณะใดขณะหน่ึงเป็นจำนวนเทา่ ใดนน้ั ย่อมขน้ึ อยู่กบั ปัจจยั ต่าง ๆ ดงั น้ี 7.3.2.1 ราคาสินค้าและบรกิ าร (ตามกฎของอปุ สงค์) 7.3.2.2 รายได้ของผบู้ ริโภค 7.3.2.3 รสนิยมของผบู้ รโิ ภค 7.3.2.4 สมัยนยิ ม 7.3.2.5 การโฆษณาและเทคนคิ การตลาด 7.3.2.6 ราคาสนิ ค้าหรือบรกิ ารอ่นื ๆ ทต่ี ้องใช้รว่ มกันหรือแทนกันได้ 7.3.2.7 การคาดคะเนการข้นึ ลงของราคาของผู้บรโิ ภค 7.3.2.8 พฤตกิ รรมของผู้บรโิ ภค เช่น ฤดูกาล การศกึ ษา 7.3.2.9 ภาวะเศรษฐกจิ ขณะน้ัน ๆ 7.4 อปุ ทาน (Supply) หมายถงึ ปริมาณสนิ ค้าและบริการท่ีผู้ขายหรือผู้ผลติ ยินดขี ายหรือ ผลิตใหแ้ ก่ผู้ซื้อ ณ ระดับราคาตา่ ง ๆ ตามทีต่ ลาดกำหนดให้ กล่าวคอื เม่ือราคาสินค้าชนิดใดชนดิ หน่งึ เพิม่ สูงขึ้น ผู้ผลติ กย็ ินดีทจี่ ะเสนอขายมากข้นึ แต่ถา้ ราคาสินค้าชนดิ น้ันลดลงปรมิ าณของอุปทานก็จะ ลดลงตามไปดว้ ย 7.4.1 กฎของอุปทาน (Law of Supply) หมายถึง ผู้ผลิตมคี วามต้องการเสนอขายสน คา้ และบริการในราคาสนิ คา้ และบริการท่ีสงู (ราคาแพง) ในปรมิ ารมากกวา่ ราคาสนิ ค้าและบรกิ ารท่ีตำ่ (ราคาถูก) 7.4.2 ปัจจยั ท่มี ผี ลต่อการเปล่ียนแปลงอปุ ทานการท่ีผูผ้ ลิตจะผลติ สินคา้ เพ่อื สนอง ความตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภคท่ผี ู้ซ้ือมากน้อยเพยี งใดขึ้นอยกู่ บั ปัจจัยหลายประการ ดังน้ี 7.4.2.1 ราคาสินคา้ และบรกิ ารในขณะน้นั ๆ (กฎของอุปทาน) 7.4.2.2 ต้นทนุ การผลิตท่เี ปลย่ี นแปลง (วัตถดุ ิบ) 7.4.2.3 เทคโนโลยกี ารผลติ ท่นี ำมาใช้ 7.4.2.4 ฤดูกาล

29 7.4.2.5 สภาวะของตลาดและสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น 7.4.2.6 การคาดคะเนการขน้ึ ลงของราคาสินค้าและบริการของผ้ผู ลติ (การเกิด กำไร) 7.4.2.7 จำนวนผผู้ ลิตท่เี ป็นคู่แขง่ (ราคาสนิ ค้าและบริการชนิดเดียวกันทีม่ ีการ แขง่ ขันกัน) 7.5 ดุลยภาพ (Equilibrium) กลไกราคาทำงาน โดยได้รบั อทิ ธพิ ลจากทั้งผู้ผลิตและผ้บู ริโภค ซ่ึงเราสังเกตเห็นได้ว่า ณ เวลาใดเวลาหนึง่ ถา้ ปริมาณความตอ้ งการ หรอื ปรมิ าณอุปสงค์ต่อสนิ คา้ ใน ตลาดมีมากเกนิ กวา่ ปริมาณสินคา้ ทผ่ี ผู้ ลิตจะยินดีขายให้ ราคาสินคา้ ก็มแี นวโน้มที่จะปรบั ตวั สูงขึ้น เนื่องจากขาดแคลนของสินคา้ แต่ถ้าปรมิ าณสนิ คา้ ทีผ่ ผู้ ลติ ประสงคจ์ ะขายให้ผ้บู รโิ ภค หรือปริมาณ อุปทานของสนิ ค้ามากกวา่ ปริมาณสนิ ค้าทผี่ บู้ รโิ ภคประสงค์จะซือ้ ราคาสินคา้ น้ันจะมแี นวโนม้ ลดต่ำลง เมือ่ ปรมิ าณอุปสงค์และปริมาณอปุ ทานเท่ากันกบั ราคาสินค้าจึงจะอย่นู ิ่ง หรือท่เี รยี กวา่ มีเสถยี รภาพ ไมป่ รบั ขึ้นลงอกี ยกเวน้ ว่า จะมปี จั จยั อื่น ๆ ท่ที ำให้ตลาดต้องเปลีย่ นแปลงไปโดยการทำงานของกลไก ราคาจะทำให้การจัดสรรทรัพยากรสามารถดำเนนิ ไปได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพโดยที่รัฐบาลไม่จำเปน็ ต้อง เปน็ ผตู้ ัดสนิ ใจแทนผู้อ่นื การแขง่ ขันระหว่างผู้ซือ้ และผขู้ าย จะทำใหส้ ินค้ามรี าคาท่สี ะท้อนความขาด แคลนของสนิ คา้ หรอื ทรัพยากรนั้น ๆ ผูซ้ ้อื ยอ่ มทราบดีถึงความตอ้ งการทแ่ี ท้จริงของตน เช่นเดียวกบั ผผู้ ลิตก็ยอ่ มทราบดีกว่าผูอ้ ่ืนว่าต้นทุนการผลิตของตนเองเป็นอยา่ งไร และสมควรตอบสนองความ ต้องการสนิ คา้ ในท้องตลาดอย่างไร 7.6 อุปสงค์สว่ นเกนิ และอปุ ทานส่วนเกนิ 7.6.1 ภาวะอปุ สงค์ส่วนเกนิ หรอื อปุ ทานส่วนขาด คือ ถา้ สินคา้ ใดเป็นทต่ี ้องการมากจะ ทำให้ราคาสินค้าและบริการสูง ส่งผลให้สนิ คา้ และบริการขาดตลาด อปุ สงค์เกนิ จะเกิดขึ้นได้ กต็ ่อเมื่อ ราคาสนิ คา้ ตำ่ กวา่ จุดดลุ ยภาพ ซงึ่ หมายถึง ความต้องการซื้อมมี ากกวา่ ปรมิ าณสนิ คา้ และบริการที่ ผู้ผลิตทำการผลติ ออกมาขาย 7.6.2 ภาวะอปุ ทานสว่ นเกนิ หรอื อปุ สงคส์ ่วนขาด คือ ถ้าสนิ คา้ ใดเป็นท่ีตอ้ งการนอ้ ยจำ ทำใหก้ ารบรโิ ภคสนิ คา้ และการบริการต่ำ สง่ ผลทำให้สินค้าและบริการล้นตลาด อปุ ทานส่วนเกินจะ เกดิ ขึน้ ก็ตอ่ เมื่อ ราคาสินค้าอย่เู หนือจุดดุลยภาพ ซึง่ หมายถึงความต้องการซ้อื สนิ ค้าและบรกิ ารมนี อ้ ย กว่าปริมาณสนิ ค้าและบริการทีผ่ ู้ผลิตผลติ สินคา้ ออกมาขาย

30 8. แนวความคิดของหลกั การบัญชตี ้นทุน 8.1 ต้นทุนเปน็ มูลคา่ ของทรัพยากรท่ีใช้ในการผลิตหรือการใหบ้ รกิ าร เปน็ สว่ นทีเ่ รยี กวา่ มลู คา่ ของปจั จยั เขา้ (Input Value) ของระบบต้นทุนจงึ เป็นเงินสดหรือคา่ ใช้จา่ ยในรูปแบบอนื่ ทีจ่ ่าย ไปเพ่ือให้ได้มาซ่ึงบริการหรือผลผลติ ในทางธุรกจิ ต้นทนุ คือ คา่ ใชจ้ า่ ยส่วนทจี่ า่ ยไฟเพอื่ ให้ได้มาซึ่ง ผลตอบแทนหรือรายได้ ตน้ ทุนจงึ เป็นส่วนสำคญั ในการตดั สนิ ใจทางธรุ กิจต่าง ๆ ตน้ ทุนค่าใช้จ่าย และ ความสูญเสยี ตน้ ทุนคา่ ใชจ้ ่ายและความสญู เสยี โดยแท้จริงเป็นส่ิงเดยี วกนั แต่จะมคี วามหมายท่ี แตกตา่ งกนั ในดา้ นความหมายในการใชง้ าน ตน้ ทุนและความสูญเสยี ตา่ งกเ็ ปน็ คา่ ใช้จา่ ยท้งั สิน้ คา่ ใช้จ่ายไม่วา่ จะอยู่ในรูปแบบของเงนิ สดหรือสิ่งแลกเปลยี่ นใด ๆ ยอ่ มถอื ไดว้ า่ เป็นส่งิ ทจ่ี ่ายไปเพ่ือให้ ไดผ้ ลผลติ ค่าใช้จ่าย (Expense) หมายถงึ ตน้ ทุนในการให้ไดร้ ายได้สำหรบั ช่วงระยะเวลาใด ๆ เชน่ เงนิ เดือนในสำนักงาน ค่าใช้จา่ ยเปน็ จำนวนเงินหรือสง่ิ แลกเปลี่ยนท่ีจ่ายไป เพ่ือใช้ในการบรกิ ารซึ่งตัด ลดทอนจากสว่ นรายได้ในงวดบัญชีใด ๆ จึงมักจะใช้ในด้านรายได้ทางการเงินมากกว่าใชใ้ นระบบบัญชี ทรัพย์สนิ ต้นทุน (Cost) หมายถงึ ค่าใช้จ่ายทจ่ี า่ ยไปสำหรับปจั จัยทางการผลิต เพ่ือใหเ้ กิดผลผลิต ตน้ ทนุ จึงเปน็ สว่ นทใ่ี ช้สำหรบั นิยาม อัตราผลติ ภาพหรือผลิตภาพ (Productivity) ซ่ึงเท่ากับผลผลติ (Output) หารดว้ ยปจั จัยนำเข้า (Input) ตน้ ทุนจงึ เปน็ มลู ค่าทว่ี ัดไดใ้ นเชงิ เศรษฐศาสตร์ของ ทรพั ยากรทีใ่ ช้ และตน้ ทุนมลี ักษณะท่ีใชจ้ า่ ยไปเพอ่ื ให้ไดผ้ ลิตภณั ฑห์ รือการบริการทีถ่ ือเป็นสินทรัพย์ ได้ เชน่ คงคลังของวัสดุ งานระหวา่ งทำ และสนิ ค้าสำเร็จรปู ตน้ ทุน (Cost) กบั ความสูญเสีย (Lost) ความจริงแล้วมีความหมายในเชงิ เป็นค่าใชจ้ า่ ยทัง้ คูเ่ หมือนกัน แตถ่ ้าจะพจิ ารณาความแตกตา่ งของ ความหมายพอจะสรุปง่าย ๆ ได้ดงั นี้ 8.1.1 ตน้ ทุน คอื ค่าใช้จา่ ยทจ่ี า่ ยไปแลว้ เกิดผลผลิตหรือบรกิ ารท่ีเป็นสนิ ทรัพย์ หรือ ขอ้ มูลทางบญั ชี เพ่ือใชใ้ นการวางแผนและควบคุมการดำเนินงาน ในด้านการวางแผน ข้อมลู ตน้ ทุนท่ี ไดจ้ ะชว่ ยในการทำงบประมาณและประมาณการตน้ ทนุ การผลติ กำหนดราคาขาย ประมาณการผล กำไรและใช้ในการตดั สินใจการลงทุนและการขยายงาน ในด้านการควบคุม จะใช้ในการเปรยี บเทียบ ผลการดำเนนิ งานกบั งบประมาณตน้ ทนุ ท่ีกำหนดไว้เพ่ือชว่ ยให้ฝา่ ยบรหิ ารรบั รถู้ ึงการปฏิบัติท่ไี ม่มี ประสิทธภิ าพเม่ือสน้ิ รอบระยะเวลาบญั ชี 8.1.2 ความสูญเสยี คือ คา่ ใช้จา่ ยที่จ่ายไปแลว้ เกดิ ผลได้นอ้ ยกวา่ หรอื เสียหายที่ต้องจา่ ย โดยไมม่ ผี ลตอบแทน และเป็นค่าใชจ้ า่ ยทถ่ี ูกตัดออกจากสว่ นของผูถ้ ือหุน้ มากกว่าทจ่ี ะหกั จากส่วนของ การลงทุน ความสูญเสียท่ีเกิดขน้ึ ได้จากการตดั สนิ ใจทีผ่ ดิ พลาดหรอื เกิดจากส่งิ ผดิ ปกติตามธรรมชาติ

31 เชน่ ไฟไหม้ ตึกถล่ม เป็นตน้ ต้นทนุ กบั ความสญู เสยี เป็นสิง่ เดยี วกนั เพยี งแต่มเี สน้ แบง่ เขตซึ่งทำให้ ต้นทุนกลายเปน็ ความสูญเสยี เมอื่ ผลได้น้อยกวา่ ค่าใช้จา่ ย เมื่อปรับค่าใชจ้ า่ ยให้เกดิ ผลประโยชนม์ าก ข้นึ ทำใหส้ รา้ งผลได้มากกวา่ ความสญู เสยี จะกลายเปน็ ต้นทุนไป การเพม่ิ ขึ้นของคา่ ใช้จา่ ยในเชงิ ต้นทนุ จงึ เป็นส่ิงทไี่ ม่น่ากังวลเนอ่ื งจากจะได้ผลประโยชนเ์ พ่ิมขึ้น ในขณะเดียวกนั ถ้าสามารถลดคา่ ใชจ้ ่ายซึง่ เป็นตน้ ทนุ ลงไดโ้ ดยผลผลติ เท่าเดิมหรือมากกว่ากจ็ ะเป็นการดี แนวคิดตรงนีค้ งจะสามารถชว่ ยให้ ผ้บู รหิ ารเลกิ กังวลต่อต้นทุนและกังวลตอ่ ความสูญเสยี มากกว่า 9. งานวิจัยทเ่ี ก่ียวข้อง ฤทัย เรืองธรรมสิงห์และคณะ (2559) ได้ทำการศึกษาเรอื่ ง การพฒั นาสตู รพดุ ดงิ้ นมสดที่ ทดแทนด้วยน้ำนมขา้ วโพด ผลการศกึ ษาพบวา่ ขนมพุดดิ้งท่ีไดร้ ับการยอมรับมากทสี่ ุด เตรยี มจากสตู ร ท่ที ดแทนดว้ ยน้ำนมข้าวโพดร้อยละ 100 ผลิตภณั ฑ์ท่ีได้มสี มบัติทางกายภาพ ได้แก่คา่ L* a* b* ค่า ความแข็ง และคา่ ความยดื หยุ่นของเจล เท่ากบั 85.78 4.30 30.43 105.47 กรมั แรง และ 9.94 มลิ ลเิ มตร ตามลําดบั ขนมพดุ ด้งิ ที่ใช้น้ำนมข้าวโพดทดแทนนมสดรอ้ ยละ 100 มีคุณค่าทางโภชนาการ ใกล้เคียงกับพดุ ด้งิ สตู รควบคุม สว่ นสูตรที่ใชน้ ้ำนมข้าวโพดรอ้ ยละ 100 แทนนมสดและ วิปปงิ้ ครมี มี ปรมิ าณพลงั งาน คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน ลดลงถึงร้อยละ 60.17 36.49 และ 73.80 ตามลําดับ วภิ าวี พวงมาลและคณะ (2561) ได้ทำการศกึ ษาเรอื่ ง พุดดิง้ ถัว่ เหลอื งออร์แกนิค ผล การศกึ ษาพบว่า คุณลักษณะด้านรสชาตคิ ุณลักษณะด้านเนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มรี ะดบั ความพึงพอใจมากทส่ี ดุ ส่วนคณุ ลักษณะดา้ นสแี ละคณุ ลักษณะด้านกล่ิน มรี ะดับความพึงพอใจมาก สรุปโดยรวมแล้ว “พุดดิ้งถ่ัวเหลอื ง ออรแ์ กนิค (Organic Soybean Pudding)” เป็นเมนทู ่ีตอบสนอง ความตอ้ งการต่อผู้บริโภคทร่ี ักสุขภาพได้เปน็ อย่างดี ณภคั อร สงวนตง้ั (2558) ได้ทำการศึกษาเรื่อง พฤติกรรมผู้บริโภควัยทำงานใน กรงุ เทพมหานคร ต่อการบรโิ ภคขนมไทย ผลการศึกษาพบวา่ พนักงานสำนักงานในกรงุ เทพฯอายุ ระหว่าง 20ถงึ 60 ปีท่ีซื้อขนมไทย เปน็ เพศหญิง มีการศึกษา ระดบั ปริญญาตรี โดยเปน็ กลุม่ ที่ทำงาน ในระดบั หัวหน้างาน/เจ้าของ/ผบู้ ริหาร และกลุม่ เจ้าหน้าที่ ปฏบิ ัติงาน/แม่บา้ น ในสดั สว่ นใกลเคยี ง กัน สว่ นใหญน่ ยิ มซอ้ื ขนมไทยประเภทขนมสด และส่วนใหญ่ นยิ มซอื้ ขนมประเภทน่ึง/ต้ม /กวน นิยม ขนมไทยท่ใี ชว้ ัตถดุ ิบทีผ่ ลติ จากธรรมชาติ มากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคอื คงความเปน็ ขนมแบบ โบราณ การมีประโยชนต์ อ่ สุขภาพ ตามลำดบั โดยปจั จัยด้าน ผลติ ภัณฑ์ทีม่ ีผลต่อการตัดสินใจซอื้ ใน ระดบั มากทีส่ ดุ คือ มีรสชาติอรอ่ ยและมคี วามสะอาด สดใหม่ โดยซื้อเพ่ือรบั ประทานเอง มากทสี่ ดุ

บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ การศึกษา การพฒั นาผลิตภัณฑพ์ ุดดิ้งนมสดน้องหมีผลไม้ เปน็ การพฒั นาผลิตภัณฑ์พุดด้ิงนม สดนอ้ งหมผี ลไม้ ใหม้ ีความทันสมยั เปน็ ที่นา่ สนใจและเปน็ การเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงกลุ่มผ้บู รโิ ภค ใหม้ ากขึน้ โดยผู้ศกึ ษาไดด้ ำเนินงานตามลำดบั ข้นั ตอนดังตอ่ ไปนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 2. เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการศึกษา 3. ข้นั ตอนในการสรา้ งเครื่องมือ 4. การเก็บรวบรวมข้อมลู 5. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถติ ทิ ่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 กลุ่มเป้าหมายที่ใชใ้ นการศึกษาครง้ั น้ี ได้แก่ บุคคลทั่วไป (ลูกค้าออนไลน)์ จำนวน 25 คน ซ่งึ ได้มาจากการเลือกแบบบงั เอญิ (Accidental Sampling) 2. เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการศึกษา เครื่องมอื ที่ใช้ในการศึกษาคร้งั น้ี เปน็ แบบสอบถามซึ่งประกอบดว้ ยแบบมาตราสว่ นประมาณ คา่ (Rating Scale) แบบสอบถามปลายเปิด (Open Ended Questionnaire) และแบบสอบถาม ปลายปดิ (Close Ended Questionnaire) จำนวน 3 ตอน มรี ายละเอียด ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้บรโิ ภค ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ 3. ขัน้ ตอนในการสรา้ งเครอ่ื งมือ เครื่องมือจากแบบสอบถาม แบง่ ออกเปน็ 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ข้อ 1 เพศ ขอ้ 2 ช่วงอายุ ขอ้ 3 อาชพี ขอ้ 4 รายไดต้ ่อเดอื น

33 ตอนท่ี 2 แบบสอบถามความพึงพอใจผลิตภณั ฑแ์ ละบรรจุภณั ฑ์พดุ ด้ิงนมสดน้องหมีผลไม้ ลกั ษณะแบบสอบถามเปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณ 5 ระดบั ระดับท่ี 5 หมายถึง มีความพึงพอใจมากท่ีสดุ ระดับท่ี 4 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจมาก ระดับที่ 3 หมายถึง มีความพงึ พอใจปานกลาง ระดบั ที่ 2 หมายถงึ มีความพงึ พอใจน้อย ระดับที่ 1 หมายถึง มคี วามพอใจนอ้ ยท่ีสุด โดยกำหนดเกณฑก์ ารแปลความหมายข้อมูลที่เป็นคา่ เฉลีย่ ต่าง ๆ คือ ค่าเฉลีย่ ระหว่าง ความหมาย 4.51 - 5.00 ความพงึ พอใจในระดับมากที่สดุ 3.51 - 4.50 ความพึงพอใจในระดับมาก 2.51 - 3.50 ความพึงพอใจในระดบั ปานกลาง 1.51 - 2.50 ความพึงพอใจในระดับน้อย 1.00 - 1.50 ความพงึ พอใจในระดบั นอ้ ยที่สุด ตอนที่ 3 เป็นแนวคำถามปลายเปิดสำหรบั ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เติม และใหข้ ้อเสนอแนะต่าง ๆ 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล คณะผ้จู ดั ทำได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมลู ตามลำดับข้นั ตอน ดงั น้ี 4.1 ดำเนนิ การแจกแบบสอบถาม พุดดิ้งนมสดน้องหมีผลไม้ โดยแจกแบบสอบถามให้ กลุม่ เป้าหมายดว้ ยตนเอง และขอรับแบบสอบถามคืนดว้ ยตนเอง 4.2 เกบ็ รวมแบบสอบถาม พุดด้ิงนมสดนอ้ งหมผี ลไม้ เพื่อนำขอ้ มูลท่ไี ด้มาวเิ คราะห์ตอ่ ไป 5. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการศึกษา คะแนนท่ีได้จากแบบสอบถาม หาคา่ ร้อยละ รวมท้ังหาคา่ เฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้สูตร ดังน้ี

34 5.1 คา่ ร้อยละ เมื่อ P = ������ ������ 100 5.2 ค่าเฉลย่ี P F ������ n แทน รอ้ ยละ ������ แทน ความถีท่ ี่ตอ้ งการแปลงค่าให้เปน็ ร้อยละ เมือ่ ������ แทน จำนวนความถที่ ัง้ หมด ∑ ������ = ∑ ������ N 5.3 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ������ S.D. เม่ือ S.D. แทน ค่าเฉลยี่ ∑x แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมดในกล่มุ N แทน จำนวนคะแนนในกล่มุ X = √N∑X2−(∑X)2 N(N−1) แทน สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตัว แทน จำนวนคะแนนในกลมุ่ แทน คะแนนแต่ละตัวในกลมุ่ ข้อมูล

บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู การจดั การเรยี นรู้โครงการพัฒนาผลติ ภณั ฑพ์ ุดดง้ิ นมสดน้องหมผี ลไม้ ให้มีความทนั สมยั เป็นที่ น่าสนใจและเป็นการเพิ่มทางเลอื กในการเข้าถงึ กลุ่มผู้บริโภคใหม้ ากข้นึ ในครั้งนี้ ผศู้ ึกษาเสนอ ตามลำดบั ดังน้ี 4.1 สัญลกั ษณ์ทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู n แทน จำนวนคนในกลุ่มเป้าหมาย ������ แทน คะแนนเฉลยี่ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.2 การนำเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห์ในการศึกษาน้ี ผู้ศึกษาไดด้ ำเนินการวเิ คราะห์ออกเปน็ 3 ตอนดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 ข้อมลู ความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายต่อ การพัฒนาผลติ ภัณฑ์พุดดิ้งนมสดน้อง หมีหมผี ลไม้ แบง่ เป็น 4 ด้าน คือ 1. ดา้ นคุณภาพผลิตภัณฑ์ 2. ดา้ นคณุ ภาพบรรจุภัณฑ์ 3. ดา้ นการ ออกแบบตราสินค้า 4. ด้านการใชง้ านผลิตภัณฑโ์ ดยรวม ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะและความคิดเห็น

36 ตอนที่ 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางที่ 1 แสดงความถี่และร้อยละของกลมุ่ เป้าหมาย จำแนกตามเพศ สถานภาพ n = 25 จำนวน รอ้ ยละ เพศ ชาย 2 8.00 หญิง 23 92.00 25 100.00 รวม จากตารางท่ี 1 พบวา่ บคุ คลท่ัวไปจากกลุม่ เปา้ หมายเปน็ เพศหญิง จำนวน 23 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 92.00 เพศชาย จำนวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 8.00 เพศ ชาย 8% หญงิ 92% ชาย หญิง

37 ตารางที่ 2 แสดงความถีแ่ ละร้อยละของกลุม่ เปา้ หมาย จำแนกตามชว่ งอายุ สถานภาพ n = 25 จำนวน ร้อยละ อายุ ตำ่ กว่า 20 ปี 0 0.00 21 – 40 ปี 24 96.00 40 ปขี ึน้ ไป 1 4.00 รวม 25 100.00 จากตารางที่ 2 พบว่าบคุ คลท่ัวไปสว่ นใหญ่ อายุ 21 – 40 ปี จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 96.00 รองลงมาอายุ 40 ปขี ้ึนไป จำนวน 1 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 4.00 อายุ 4% 96% ตา่ กว่า 20 ปี 21 - 40 ปี 40 ปขี ึ้นไป

38 ตารางที่ 3 แสดงความถแี่ ละร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมาย จำแนกตามสถานะ สถานภาพ n = 25 จำนวน ร้อยละ สถานะ นักเรยี น/นกั ศกึ ษา 1 4.00 รับจ้างทัว่ ไป 24 96.00 ข้าราชการ/รัฐวสิ าหกจิ 0 0.00 อนื่ ๆ(ระบุ)........ 0 0.00 รวม 25 100.00 จากตารางท่ี 3 พบว่าบคุ คลทั่วไปส่วนใหญ่เป็นอาชพี รบั จ้างทว่ั ไป จำนวน 24 คน คดิ เป็น รอ้ ยละ 96.00 รองลงมานักเรียน/ศึกษา จำนวน 1 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 4.00 อาชีพ 1%0% 4% 95% นักเรียน/นกั ศึกษา รบั จ้างท่วั ไป ขา้ ราชการ/รัฐวสิ าหกิจ อืน่ ๆ(ระบ)ุ

39 ตารางที่ 4 แสดงความถ่แี ละรอ้ ยละของกลุ่มเป้าหมาย จำแนกตามรายไดต้ ่อเดือน สถานภาพ n = 25 จำนวน ร้อยละ รายได้ ต่ำกว่า 10,000 1 4.00 10,000 – 20,000 24 96.00 20,001ขนึ้ ไป 0 0.00 รวม 25 100.00 จากตารางที่ 4 พบว่าบคุ คลท่ัวไปสว่ นใหญ่ มีรายได้ 10,000 – 20,000 จำนวน 24 คน คิด เปน็ ร้อยละ 96.00 รองลงมาต่ำกวา่ 10,000 จำนวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 4.00 รายได้ 1% 99% ต่ากวา่ 10,000 10,000 - 20,000 20,001

40 ตอนท่ี 2 ข้อมลู ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายต่อ การพฒั นาผลิตภัณฑ์พดุ ด้ิงนมสดนอ้ งหมีผลไม้ แบง่ เป็น 4 ด้าน คือ 1. ด้านคุณภาพผลิตภณั ฑ์ 2. ดา้ นคณุ ภาพบรรจุภณั ฑ์ 3. ดา้ นการออกแบบ ตราสินคา้ 4. ด้านการใช้งานผลติ ภณั ฑโ์ ดยรวม ตารางท่ี 5 แสดงค่าเฉลีย่ และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน โครงการการพฒั นาพุดดิ้งนมสดน้องหมีผลไม้ และความพงึ พอใจตอ่ ผลติ ภัณฑ์และบรรจภุ ัณฑข์ องกลุ่มเปา้ หมาย สรปุ เปน็ รายด้านไดด้ ังนี้ สถานภาพ ระดบั ความพึงพอใจ ���̅��� S.D. ระดบั แปลผล 1. ดา้ นคณุ ภาพผลิตภัณฑ์ 4.69 0.23 มากที่สุด 2. ดา้ นคณุ ภาพบรรจุภณั ฑ์ 4.64 0.23 มากที่สดุ 3. ด้านการออกแบบตราสนิ ค้า 4.69 0.25 มากทส่ี ดุ 4. ดา้ นการใช้งานผลติ ภณั ฑ์โดยรวม 4.67 0.30 มากทสี่ ดุ รวม 4.67 0.03 มากทสี่ ดุ จากตารางท่ี 5 พบวา่ ความพึงพอใจของกลมุ่ เปา้ หมายที่มีต่อผลติ ภัณฑแ์ ละบรรจภุ ณั ฑ์ โดยรวมมคี วามพึงพอใจในระดับมากทส่ี ุด (������̅ = 4.67 และ S.D. = 0.03) และเม่อื พจิ ารณาเป็นราย ดา้ นแล้ว ทกุ ประเด็นมคี วามพึงพอใจในระดบั มากทส่ี ุด เริม่ จากดา้ นการออกแบบตราสนิ คา้ มีความพงึ พอใจในระดบั มากทส่ี ุด (������̅ = 4.69 และ S.D. = 0.25) รองลงมาคือด้านคุณภาพผลิตภณั ฑ์มคี วามพึง พอใจในระดบั มากที่สุด (������̅ = 4.69 และ S.D. = 0.23) ดา้ นการใชง้ านผลิตภัณฑโ์ ดยรวมมีความพงึ พอใจในระดับมากทีส่ ุด (������̅ = 4.67 และ S.D. 0.30) และดา้ นคุณภาพบรรจุภณั ฑ์โดยรวมมีความพงึ พอใจในระดับมากทส่ี ุด (������̅ = 4.64 และ S.D. 0.23) ตามลำดบั ความพึงพอใจของกล่มุ เป้าหมายโดยรวม 6 4 2 0 4. ดา้ นการใช้ งานผลิตภัณฑ์ โดยรวม 3. ด้านการ ออกแบบตรา สินค้า 2. ดา้ น คุณภาพบรรจุ ภัณฑ์ 1. ดา้ น คณุ ภาพ ผลิตภัณฑ์ คา่ เฉลยี่ สว่ นเบียงเบน