Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ฝึกอบรมเรื่อง ทฤษฎีการเรียนรู้

ฝึกอบรมเรื่อง ทฤษฎีการเรียนรู้

Published by s6102032910029, 2020-09-11 09:28:54

Description: ฝึกอบรมเรื่อง ทฤษฎีการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ ทฤษฎกี ารเรียนรู้ เป็นแนวความคิดที่ไดร้ ับการยอมรับวา่ สามารถใชอ้ ธิบายลกั ษณะของการเกิดการ เรียนรู้ หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ หลกั การสอน คือ แนวคดิ ที่เป็นหลกั ของการปฏิบตั ิ ทางการสอนที่สอดคลอ้ งกบั ทฤษฎีการ เรียนรู้ต่างๆ

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ ทฤษฎีการเรียนรู้สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มท่ี 1 ทฤษฎเี กย่ี วกบั การเรียนรู้ช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษท่ี 20 1. ทฤษฎขี องกล่มุ ทเ่ี น้นการฝึ กจิตและสมอง(Mental Discipline) ➢นกั คิดกลุ่มน้ี มีความเช่ือวา่ จิตหรือสมองหรือ สติปัญญา(mind) สามารถพฒั นาใหป้ ราดเปรื่อง ไดโ้ ดยการฝึก ในการฝึกจิตหรือสมองน้ีทาให้ บุคคลเรียนรู้ส่ิงท่ียากๆยง่ิ ยากมากเท่าไร จิตกจ็ ะ ไดร้ ับการฝึกใหแ้ ขง็ แรงแกร่งข้ึนเท่าน้นั

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 1. ทฤษฎขี องกล่มุ ทเี่ น้นการฝึ กจิตและสมอง(Mental Discipline) ➢ หลกั การในการจดั การเรียนการสอนตามทฤษฎนี ี้ เน้น การพฒั นาให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้โดยการกระตุ้น ความรู้ในตวั ผ้เู รียนให้แสดงออกมา ➢ วธิ ีการสอนแบบโสเครตสิ (Socratic Method)และวธิ ีการ สอนแบบบรรยาย(Didactic Method) เป็ นวธิ ีการสอน ตามทฤษฎนี ีท้ ใ่ี ช้คาถามเพ่ือดงึ ความรู้ในตัวผ้เู รียนออกมา ให้กระจ่างชัดและช่วยเพมิ่ เตมิ ประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน ซ่ึงวธิ ีการสอนทช่ี ่วยให้ผ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ได้ดี

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 2. ทฤษฎขี องกล่มุ ทเี่ น้นการพฒั นาไปตามธรรมชาติ(Natural Unfoldment) ➢นกั คิดกลุ่มน้ี มีความเช่ือวา่ ธรรมชาตคิ ือแหล่ง เรียนรู้สาคญั เดก็ ควรจะไดเ้ รียนรู้ไปตามธรรมชาติ การใชข้ องจริงเป็นส่ือในการสอนจะช่วยใหเ้ ดก็ เรียนรู้ไดด้ ี การเล่นเป็นการเรียนรู้สาคญั ของเดก็ การจดั การศึกษาใหเ้ ดก็ ควรพิจารณาระดบั อายเุ ป็น หลกั

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 2. ทฤษฎขี องกล่มุ ทเ่ี น้นการพฒั นาไปตามธรรมชาติ (Natural Unfoldment) ➢การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฎีนีเ้ น้นการ จดั ประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมี ความแตกต่างไปจากการจดั ให้ผู้ใหญ่ และยดึ เดก็ เป็ นศูนย์กลางให้เสรีภาพแก่เดก็ ได้เรียนรู้ ตามความต้องการและความสนใจของตน ให้ เด็กได้เรียนรู้ตามธรรมชาตแิ ละเป็ นไปตาม ธรรมชาติ โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคลและความพร้อมของเด็ก

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.ทฤษฎขี องกล่มุ ทเ่ี น้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคดิ (Apperception) ➢นกั คิดกลุ่มน้ี มีความเชื่อวา่ การเรียนรู้เกิดจากแรง กระตุน้ ภายนอกหรือส่ิงแวดลอ้ ม(neutral-passive)การ เรียนรู้เกิดจากการท่ีบุคคลไดร้ ับประสบการณ์ผา่ น ทางประสาทสมั ผสั ท้งั 5(sensation)และความรู้สึก (feeling)คือ การตีความหรือแปลความหมายจากการ สมั ผสั

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.ทฤษฎขี องกล่มุ ทเี่ น้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคดิ (Apperception) ➢การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฎนี ีเ้ น้น ให้ ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาท สัมผสั ท้งั 5 และสร้างความสัมผสั ระหว่าง ความรู้เดิมกบั ความรู้ใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียน เกดิ ความเข้าใจได้เป็ นอย่างดี

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ กลุ่มที่ 2 ทฤษฎเี กย่ี วกบั การเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 1.ทฤษฎกี ารเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ➢นกั คิดในกลุ่มน้ีมองธรรมชาติของมนุษยใ์ นลกั ษณะที่เป็นกลาง คือ ไม่ดี-ไม่ เลวการกระทาต่างๆของมนุษยเ์ กิดจากอิทธิพลของส่ิงแวดลอ้ มภายนอก พฤติกรรมของมนุษยเ์ กิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้า (stimulus response) การ เรียนรู้เกิดจากการเช่ือมโยงระหวา่ งสิ่งเร้าและการตอบสนอง กลุ่มพฤติกรรม นิยมใหค้ วามสนใจกบั “พฤติกรรม” มากเพราะพฤติกรรมเป็นส่ิงท่ีเห็นไดช้ ดั สามารถวดั และทดสอบได้ ทฤษฎีการเรียนรู้ในกลุ่มน้ี ประกอบดว้ ยแนวคดิ สาคญั ๆ 3 แนวดว้ ยกนั คือ

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ (Thorndike) มคี วามเช่ือว่า การเรียนรู้เกิดจาก การเชื่อมโยงระหวา่ งสิ่งเร้ากบั การตอบสนองซ่ึง มีหลายรูปแบบ บุคคลจะมกี ารลองผดิ ลองถูก ปรับเปลี่ยนไปเร่ือยๆ จนกวา่ จะพบรูปแบบการ ตอบสนองที่สามารถใหผ้ ลที่พึงพอใจมากท่ีสุด เม่ือเกิดการเรียนรู้แลว้ บุคคลจะใชร้ ูปแบบการ ตอบสนองที่เหมาะสมเพียงรูปแบบเดียว และจะ พยามใชร้ ูปแบบน้นั เชื่อมโยงกบั สิ่งเร้าในการ เรียนรู้ไปเร่ือยๆ

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 1.1 ทฤษฎกี ารเช่ือมโยง (Classic Connectionism) ของธอร์นไดด์ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎจี งึ เน้นท่ี การเปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนแบบลองผดิ ลองถูกบ้าง มีการสารวจความพร้อมของ ผู้เรียนซ่ึงเป็ นส่ิงจาเป็ นทตี่ ้องกระทาก่อนการ สอนบทเรียน เมื่อสิ่งเร้าหรือรางวัลท่ีผู้เรียนพงึ พอใจจงึ เป็ นส่ิงสาคญั ทจี่ ะช่วยให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 1.2 ทฤษฎกี ารวางเงื่อนไข (Conditioning Theory) ประกอบดว้ ยทฤษฎียอ่ ย 4 ทฤษฎี ดงั น้ี 1) ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอตั โนมตั ิของพาฟลอฟ (Pavlov, Classical Conditioning) • เน้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทว่ี างเงื่อนไข • สรุปแนวคดิ ตามทฤษฏีนีไ้ ด้ว่า การเรียนรู้ของ สิ่งมชี ีวติ เกดิ จากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าท่ีวางเงื่อนไข

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 2) ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอตั โนมตั ิของวตั สนั (Watson s Classical Conditioning) • เน้นการตอบสนองต่อส่ิงเร้าทวี่ างเง่ือนไขเช่นกนั • สรุปแนวคดิ ตามทฤษฎนี ีไ้ ด้ว่า การเรียนรู้จะ คงทนถาวรหากมีการให้ส่ิงเร้าทส่ี ัมพนั ธ์กนั น้ัน ควบคู่กนั ไปอย่างสมา่ เสมอ

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3) ทฤษฏีการวางเง่ือนไขแบบเนื่องของกทั ธรี (Guthrie s Contiguous Conditioning) • เน้นหลกั การจูงใจ • สรุปแนวคดิ ตามทฤษฎนี ีไ้ ด้ว่า การเรียนรู้ เมื่อเกดิ ขึน้ แล้วแม้เพยี งคร้ังเดียว กน็ ับว่าได้ เรียนรู้แล้วไม่จาเป็ นต้องทาซ้าอกี

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 4) ทฤษฎกี ารวางเง่ือนไขแบบโอเปอร์แรนต์ของสกนิ เนอร์ (Skinner’s operant Conditioning) • เนน้ การเสริมแรงหรือใหร้ างวลั • สรุปแนวคิดตามทฤษฎีน้ีไดว้ า่ การกระทาใดๆถา้ ไดร้ ับการเสริมแรงจะมีแนวโนม้ ที่จะเกิดข้ึนอีกการ เสริมแรงที่แปรเปลี่ยนทาใหก้ ารตอบสนอง คงทน กวา่ การเสริมแรงท่ีตายตวั • การจดั การเรียนการสอนตาม ทฤษฎนี ีจ้ ึงเน้นที่การ เสนอส่ิงเร้าในการเรียนการสอน การจดั กจิ กรรม อย่างต่อเนื่อง มีการเสริมแรงหรือให้รางวลั เพ่ือให้ ผู้เรียนเกดิ ความพงึ พอใจทจ่ี ะเรียนรู้

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • มีความเชื่อว่า ถ้าร่างกายเมื่อยล้า การเรียนรู้จะลดลง การตอบสนองต่อการเรียนรู้จะเกดิ ขึน้ ได้ดีทสี่ ุดเม่ือ ได้รับแรงเสริมในเวลาใกล้บรรลเุ ป้าหมาย • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฎนี ีจ้ งึ มัก คานึงถงึ ความพร้อมความสามารถและเวลาทผ่ี ู้เรียน จะเรียนได้ดีทสี่ ุด การจดั การเรียนการสอนควรให้ ทางเลือกทหี่ ลากหลายเพ่ือตอบสนองระดบั ความสามารถของผู้เรียน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 2. ทฤษฏกี ารเรียนรู้กล่มุ พทุ ธินิยม (Cognitivism) นกั คิดกลุ่มน้ีมีความเชื่อวา่ การเรียนรู้ของมนุษยไ์ ม่ใช่เรื่อง ของพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้า เพียงเท่าน้นั การเรียนรู้ของมนุษยม์ ีความซบั ซอ้ นยงิ่ ไปกวา่ น้นั การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการ กระทาและการแกป้ ัญหาต่างๆ การเรียนรู้เป็นกระบวนการ ทางสติปัญญาของมนุษยใ์ นการที่จะสร้างความรู้ความเขา้ ใจ ใหแ้ ก่ตนเอง ทฤษฎีในกลุ่มน้ีที่สาคญั ๆ มี 5 ทฤษฏี คือ

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 1) ทฤษฏีเกสตลั ท์ (Gestalt Theory) • แนวความคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของทฤษฏีน้ีคือ การเรี ยนรู้เป็ นกระบวนการทางความคิดซ่ึงเป็ น กระบวนการภายในตวั มนุษย์ บุคคลจะเรียนรู้ จากสิ่งเร้าท่ีเป็นส่วนรวมไดด้ ีกวา่ ส่วนยอ่ ย

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • หลกั การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ จะเน้นกระบวนการคดิ การสอนโดยเสนอ ภาพรวมก่อนการเสนอส่วนย่อยส่งเสริมให้ ผู้เรียนมปี ระสบการณ์มากและหลากหลาย ซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถคดิ แก้ปัญหา คดิ ริเริ่มและเกดิ การเรียนรู้แบบหยง่ั เห็นได้

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 2) ทฤษฏีสนาม(Field Theory) • แนวความคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของทฤษฏีน้ี คือ การเรียนรู้เกิดข้ึน เมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขบั ที่จะกระทาใหไ้ ปสู่จุดหมาย ปลายทางท่ีตนตอ้ งการ • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฏนี ีเ้ น้น การเข้าไปอยู่ ในโลก ของผู้เรียน การสร้างแรงจูงใจหรือแรงขบั โดยการจัดส่ิงแวดล้อมท้งั ทางกายภาพและจิตวทิ ยาให้ดึงดูดความสนใจและสนองความ ต้องการของผู้เรียนเป็ นสิ่งจาเป็ นในการช่วยให้ผู้เรียนรู้

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3) ทฤษฏีเคร่ืองหมาย(Sign Theory) ของทอลแมน(Tolman) • แนวความคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของทฤษฏีน้ีคือการ เรียนรู้เกิดจากการใชเ้ คร่ืองหมายตวั ช้ีทางใหแ้ สดง พฤติกรรมไปสู่จุดหมายปลายทาง • หลกั การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนีเ้ น้นเร่ือง การสร้างแรงขบั และหรือแรงจูงใจให้ผู้เรียนบรรลุ จุดมุ่งหมายใดๆโดยใช้เครื่องหมาย สัญลกั ษณ์หรือสิ่ง อ่ืนๆทเ่ี ป็ นชี้ทางควบคู่ไปด้วย

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 4) ทฤษฏีพฒั นาการทางสติปัญญา (Intellectual Development Theory) นกั คิดคนสาคญั ของทฤษฏีน้ีมีอยู่ 2 ท่าน ไดแ้ ก่ เพยี เจต(์ Piaget)และบรุนเนอร์(Bruner) • แนวความคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของทฤษฏนี ้ีเนน้ เร่ืองการพฒั นาการทางสติปัญญาของบุคคลท่ี เป็นไปตามวยั และเช่ือวา่ มนุษยเ์ ลือกท่ีจะรับรู้ส่ิงท่ี ตนเองสนใจและการเรียนรู้เกิดจากกระบวนการ คน้ พบดว้ ยตนเอง

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ คานึงถึงพฒั นาการทางสตปิ ญญาของผู้เรียนและจัด ประสบการณ์ให้ผู้เรียนอย่างเหมาะสมกบั พฒั นาการ น้ัน ให้ผู้เรียนได้มปี ระสบการณ์และมปี ฏิสัมพนั ธ์กบั สิ่งแวดล้อมมากๆ ควรเดก็ ได้ค้นพบการเรียนรู้ด้วย ตัวเอง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คดิ อย่างอสิ ระและสอน การคดิ แบบรวบยอดเพ่ือช่วยส่งเสริมความคดิ สร้างสรรค์ของผู้เรียน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 5) ทฤษฏีการเรียนรู้อยา่ งมีความหมาย(A Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล (ausubel) • เชื่อวา่ การเรียนรู้จะมีความหมายแก่ผเู้ รียน หากการเรียนรู้น้นั สามารถเช่ือมโยงกบั สิ่งใด สิ่งหน่ึงท่ีรู้มาก่อน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 5) ทฤษฏีการเรียนรู้อยา่ งมีความหมาย(A Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล (ausubel) • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฏนี ี้ คือ มกี ารนาเสนอความคดิ รวบยอดหรือกรอบมโน ทศั น์ หรือกรอบแนวคดิ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ ผู้เรียนก่อนการสอนเนื้อหาสาระน้ันๆ จะช่วยให้ ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาสาระน้ันอย่างมี ความหมาย

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3. ทฤษฏีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม(Humanism) • นกั คิดกลุ่มมนุษยนิยมใหค้ วามสาคญั ของความเป็น มนุษยแ์ ละมองมนุษยว์ า่ มีคุณค่า มีความดีงาม มี ความสามารถ มีความตอ้ งการ และมีแรงจูงใจ ภายในท่ีจะพฒั นาศกั ยภาพของตน หากบุคคลมี อิสรภาพและเสรีภาพ มนุษยจ์ ะพยายามพฒั นา ตนเองไปสู่ความเป็นมนุษยท์ ี่สมบูรณ์ ทฤษฏีและแนวคิดที่สาคญั ๆในกลุ่มน้ีมี 2 ทฤษฏี และ 5 แนวคิด

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.1 ทฤษฏีการเรียนรู้ของมาสโลว์ • แนวคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของทฤษฏีน้ี คือ มนุษยท์ ุกคนมีความตอ้ งการพ้ืนฐานตาม ธรรมชาติเป็นลาดบั ข้นั และตอ้ งการที่จกั ตนเองและพฒั นาตนเอง

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.1 ทฤษฏีการเรียนรู้ของมาสโลว์ • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฏีน้ีเนน้ การ เขา้ ถึงความตอ้ งการพ้ืนฐานของผเู้ รียนและ ตอบสนองความตอ้ งการพ้นื ฐานน้นั อยา่ งพอเพียง ใหอ้ ิสรภาพและเสรีภาพแก่ผเู้ รียนในการเรียนรู้มีการ จดั บรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ซ่ึงช่วยส่งเสริมให้ ผเู้ รียนเกิดประสบการณ์ในการรู้จกั ตนเองตามสภาพ ความเป็ นจริ ง

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.2 ทฤษฏีการเรียนรู้ของรอเจอร์ • แนวคิดเกี่ยวกบั การเรียนรู้ของทฤษฏีน้ี คือ มนุษย์ สามารถพฒั นาตนเองไดด้ ีหากอยใู่ นสภาวะที่ผอ่ น คลายและเป็นอิสระ การจดั บรรยายกาศที่ผอ่ น คลายและเอ้ือต่อการเรียนรู้และเนน้ ใหผ้ เู้ รียนเป็น ศูนยก์ ลาง โดยครูเป็นผชู้ ้ีแนะและทาหนา้ ท่ีอานวย ความสะดวกในการเรียนรู้ใหแ้ ก่ผเู้ รียนและการ เรียนรู้จะเนน้ กระบวนการเป็นสาคญั

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.2 ทฤษฏีการเรียนรู้ของรอเจอร์ • หลกั การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนีเ้ น้น การเรียนรู้กระบวนการเป็ นสาคญั ควรจดั สภาพแวดล้อมทางการเรียนให้อบอุ่น ปลอดภัย ครูควรสอนแบบชี้แนะโดยให้ผ้เู รียนเป็ นผู้นาทาง ในการเรียนรู้ของตนและคอยช่วยเหลือผู้เรียนให้ เรียนอย่างสะดวกจนบรรลุผล

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.3 แนวคิดเกี่ยวกบั การเรียนรู้ของโคมส์ • เช่ือวา่ ความรู้สึกของผเู้ รียนมีความสาคญั ต่อการเรียนรู้ มาก เพราะความรู้สึกและเจตคติของผเู้ รียนมีอิทธิพลต่อ กระบวนการเรียนรู้ของผเู้ รียน • เชื่อว่าความรู้สึกของผู้เรียนเป็ นหลกั การสร้างเจตคติท่ี ดตี ่อการเรียนรู้เป็ นสิ่งสาคญั ทจี่ ะช่วยให้ผู้เรียนเกดิ การ เรียนรู้ได้ดี

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.4 แนวคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของโนลส์ • เช่ือวา่ ผเู้ รียนจะเรียนรู้ไดม้ ากหากมีส่วนร่วม ในการเรียนรู้มีอิสระที่จะเรียนและไดร้ ับการ ส่งเสริมในการพฒั นาดว้ ยตนเอง • หลกั การจัดการเรียนการสอนความแนวคดิ นี้ เน้นการให้ผู้เรียนมสี ่วนร่วมในการโอกาสให้ ผู้เรียนได้เลือกส่ิงทเ่ี รียนด้วยตนเอง ลงมือ กระทาและยอมรับผลของการตดั สินใจหรือการ กระทาของตนเอง

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.5 แนวคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของแฟร์ • เชื่อวา่ ผเู้ รียนตอ้ งถูกปลดปล่อยจากการกดข่ี ของครูที่สอนแบบเก่า ผเู้ รียนมีศกั ยภาพและ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรคท์ ่ีจะกระทาสิ่ง ต่างๆดว้ ยตนเอง • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามแนวนีเ้ น้นการ ให้อสิ รภาพและเสรีภาพในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.6 แนวคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้ของอิลลิช • เชื่อวา่ สงั คมแห่งการเรียนรู้เป็นสังคมที่ตอ้ งลม้ เลิก ระบบโรงเรียน การศึกษาควรเป็นการศึกษา ตลอดชีวติ แบบเป็นไปตามธรรมชาติ โดยให้ โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนแก่บุคคลอยา่ งเตม็ ท่ี • หลกั การจัดการเรียนการสอนแนวคดิ นีเ้ น้นการจัด การศึกษาต่อเน่ืองไปตลอดชีวติ ไปตามธรรมชาติ

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 4) ทฤษฏีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกาเย่ ( Gagne s eclecticism ) แนวคิดเกี่ยวกบั การเรียนรู้ของทฤษฏีน้ี คือ ความรู้มีหลายประเภท บางประเภทสามารถ เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งรวดเร็วไม่ตอ้ งใชค้ วามคิดที่ลึกซ้ึง บางประเภทมีความซบั ซอ้ นมาก จาเป็นตอ้ งใช้ ความสามารถในข้นั สูง หลกั การจดั การเรียนการ สอนตามทฤษฏีน้ี คือ การจดั การเรียนรู้อยา่ งเป็น ระบบซ่ึงเริ่มจากง่ายไปหายากมีท้งั หมด 9 ข้นั ดงั น้ี

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 1.สร้างความสนใจ(Gaining attention) 2. แจ้งจุดประสงค์(Informing the learning) 3.กระตุ้นให้ผู้เรียนระลกึ ถึงความรู้เดมิ ทจี าเป็ น (Stimulating recall of prerequisite learned capabilities) 4.เสนอบทเรียนใหม่ (Presenting the stimulus) 5.ให้แนวทางการเรียนรู้ (Providing learning guidance)

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 6.ให้ลงมือปฏิบตั ิ (Eliciting the performance) 7.ให้ข้อมูลป้อนกลบั (Feedback) 8.ประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ (Assessing the performance) 9.ส่งเสริมความแม่นยาและการถ่ายโอนการเรียนรู้ (Enhancing retention and transfer)

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ กลุ่มท่ี 3 ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนร่วมสมยั ทฤษฎกี ระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล (Information Processing Theory) • ทฤษฎีน้ีมีแนวคิดวา่ การทางานของ สมองมนุษยม์ ีความคลา้ ยคลึงกบั การ ทางานของคอมพิวเตอร์

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฎนี ีค้ ือ การนาเสนอ สิ่งเร้าทผ่ี ู้เรียนรู้จกั หรือมขี ้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งน้ัน จดั ส่ิงเร้าในการเรียนรู้ให้ ตรงกบั ความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึ กการจาโดยใช้ วธิ ีการหลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจาเนื้อหาสาระ ใดๆ ได้เป็ นเวลานาน สาระน้ันจะต้องได้รับการเข้ารหัส (encoding) เพื่อนาไปเข้าหน่วยความจาเป็ นระยะยาว วธิ ีการเข้ารหัสสามารถทาได้หลายวธิ ีเช่น การท่องจาซ้าๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคดิ

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ ทฤษฎพี หุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ทฤษฎีน้ีมีความเช่ือพ้นื ฐานที่สาคญั 2 ประการ คือ 1.เชาวน์ปัญญาของบุคคลมไิ ด้มีเพยี งความสามารถ ทางภาษาและทางคณติ ศาสตร์เท่าน้ัน แต่มีอยอู่ ยา่ งหลากหลายถึง 8 ปะเภทดว้ ย

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • เชาวนป์ ัญญาดา้ นภาษา (Linguistic Intelligence) • เชาวนป์ ัญญาดา้ นคณิตศาสตร์หรือการใชเ้ หตุผล เชิงตรรกะ (Logical mathematical intelligence) • สติปัญญาดา้ นมิติสัมพนั ธ์(Spatial intelligence) • เชาวน์ปัญญาดา้ นดนตรี (Musical Intelligence)

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • เชาวน์ปัญญาดา้ นการเคล่ือนไหวร่างกายและกลา้ มเน้ือ (Bodily kinesthetic intelligence) • เชาวน์ปัญญาดา้ นความสมั พนั ธ์กบั ผอู้ ่ืน (Interpersonal Intelligence) • เชาวน์ปัญญาดา้ นเขา้ ใจตนเอง (Intrapersonal intelligence) • เชาวน์ปัญญาดา้ นเขา้ ใจธรรมชาติ(Naturalist intelligence)

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ คนแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะด้าน แตกต่างกนั ไปจากคนอ่ืน และมคี วามสามารถ ในด้านต่างๆ ไม่เท่ากนั ความสามารถท่ี ผสมผสานกนั ออกมาทาให้บุคคลแต่ละบุคคล มแี บบแผนซ่ึงเป็ นเอกลกั ษณ์เฉพาะตน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 2. เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงท่ี อยู่ทร่ี ะดับทต่ี นมตี อนเกดิ แต่ความสามารถ เปลย่ี นแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่ เหมาะสม

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ หลกั การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎนี ี้ คือ มีกจิ กรรมการเรียนรู้ทหี่ ลากหลายท่ี สามารถส่งเสริมเชาวน์ปัญญาหลายๆด้าน ให้ ความเหมาะสมกบั ข้นั พฒั นาการของผู้เรียน การสอนควรเน้นความเป็ นเอกลกั ษณ์ของ ผู้เรียน ภาคภูมใิ จในเอกลกั ษณ์ของตนเอง และ เคารพในเอกลกั ษณ์ของผู้อ่ืน รวมท้งั เห็นคุณค่า และเรียนรู้ทจี่ ะใช้ความแตกต่างของแต่ละ บุคคลให้เป็ นประโยชน์ต่อส่วนรวม

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 3.ทฤษฏกี ารสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) • เป็นทฤษฏีท่ีใหค้ วามสาคญั กบั กระบวนการและวิธีการของ บุคคลในการสร้างความรู้ความเขา้ ใจจากประสบการณ์ รวมท้งั โครงสร้างทางปัญญาและความเชื่อท่ีใชใ้ นการแปล ความหมายเหตุการณ์และส่ิงต่างๆเป็นกระบวนการที่ผเู้ รียน จะตอ้ งจดั กระทากบั ขอ้ มูล นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะ เป็นกระบวนการปฏิสัมพนั ธ์ภายในสมองแลว้ ยงั เป็น กระบวนการทางดา้ นสังคมดว้ ย การสร้างความรู้จึงเป็ น กระบวนการท้งั ดา้ นสติปัญญาและสงั คมควบคู่ไปดว้ ย

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • หลกั การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนีจ้ ะมุ่งเน้นไปท่ี กระบวนการสร้างความรู้(process of knowledge construction) เป้าหมายของการสอนเปลยี่ นจากการ ถ่ายทอดให้ ผู้เรียนได้รับสาระความรู้ทแี่ น่นอนตายตัว ไปสู่การสาธิตกระบวนการแปลและสร้างความหมายที่ หลากหลาย ผู้เรียนจะต้องเป็ นผู้จัดกระทากบั ข้อมูลหรือ ประสบการณ์ต่างๆและจะต้องสร้างความหมายให้กบั ส่ิง น้ันด้วยตนเอง โดยการให้ผู้เรียนอยู่ในบริบทจริง

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ ในการจดั การเรียนการสอนครูจะต้อง พยายามสร้างบรรยากาศทางสังคม จริยธรรมให้เกดิ ขนึ้ ผู้เรียนได้มบี ทบาทใน การเรียนรู้อย่างเตม็ ทโ่ี ดยผู้เรียนจะนา ตนเองในการเรียนรู้ บทบาทของครูจะเป็ น ผู้ให้ความร่วมมือ อานวยความสะดวกและ ช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามทฤษฏีนีม้ ี ลกั ษณะทยี่ ืดหยุ่นกนั ไปในแต่ละบุคคลใน บุคคล การประเมนิ ควรใช้วธิ ีท่ี หลากหลาย การวดั ผลจะต้องใช้กจิ กรรม หรืองานในบริบทจริงด้วย ซึ่งในกรณที ี่ จาเป็ นต้องจาลองของจริงมากส็ ามารถทา ได้ แต่เกณฑ์ทีใ่ ช้ในโลกความจริงด้วย

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 4. ทฤษฏีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการ สร้างสรรค์ชิ้นงาน(Constructionism) • แนวคิดของทฤษฏีน้ี คือ การเรียนรู้ท่ีดีเกิดจากการ สร้างพลงั ความรู้ในตนเองหากผเู้ รียนมีโอกาสไดส้ ร้าง ความคิดและนาความคิดของตนเองไปสร้างและนา ความคิดของตนเองไปสร้างสรรคช์ ิ้นงานโดยอาศยั ส่ือ และเทคโนโลยที ่ีเหมาะสม จะทาใหค้ วามคิดเห็นน้นั เป็ นรู ปธรรมมากข้ึน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ • หลกั การจดั การเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ ครู จะต้องทาหน้าทีอ่ านวยความสะดวกในการเรียนรู้ แก่ผู้เรียน ให้คาปรึกษาชี้แนะแก่ผู้เรียน เกือ้ หนุน การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็ นสาคญั • ในการประเมนิ ผลน้ันต้องมกี ารประเมินท้งั ทางด้าน ผลงานและกระบวนการซึ่งสามารถใช้วธิ ีการที่ หลากหลาย เช่น การประเมินตนเอง การประเมนิ โดยครูและเพื่อน การสังเกต การประเมินโดยใช้ แฟ้มสะสมงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook