แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 5 รหสั วชิ า...............2204-2103....................วชิ า................โปรแกรมตารางคำนวณ...................... หน่วยการเรยี นท่ี..2..การทำงานกบั ตารางขอ้ มูล.................................................ระดบั ช้ัน......ปวช.2...... หัวข้อย่อย...2.3...การจัดรปู แบบตารางข้อมลู ..............................................................เวลา....4....ชว่ั โมง 1. สาระการเรียนรู้ 1. การกำหนดรูปแบบการแสดงขอ้ มลู 2. การจดั ตำแหนง่ ให้กับข้อมูลในตาราง 3. การวางแนวข้อมูลในตาราง 4. การแสดงขอ้ มลู ให้เหน็ ทงั้ หมดในช่องตาราง 5. การกำหนดรูปแบบและขนาดตวั อักษร 6. การใส่เสน้ ขอบใหก้ ับตาราง 7. การเตมิ สีใหก้ บั ตาราง 8. การแทรกภาพลงในตาราง 9. การสร้าง SmartArt 10. การปรับแตง่ ภาพ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สามารถกำหนดรปู แบบการแสดงขอ้ มลู ได้ 2. สามารถจัดตำแหน่ง วางแนว และแสดง ข้อมูลในตารางได้ 3. สามารถกำหนดรูปแบบและขนาดตัวอกั ษรได้ 4. สามารถใส่เสน้ ขอบ และเตมิ สีให้กับตารางได้ 5. สามารถแทรกภาพและปรบั แต่งภาพได้ 6. สามารถสร้าง SmartArt ได้ 7. มีคุณธรรมจริยธรรม คา่ นยิ ม และมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 3. เนอื้ หาสาระ การจัดรปู แบบตารางขอ้ มลู การจัดรูปแบบตารางข้อมูล โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) มีความสามารถในการจดั รปู แบบได้หลายอย่าง เช่น การปรับแตง่ แถวและคอลัมน์ การจัดตำแหนง่ ข้อมลู การวาดตารางข้อมูล การกำหนดรูปแบบตัวอกั ษร การเติมสีให้ตาราง การปรบั แต่งตัวอักษร การสร้าง SmartArt และ การปรบั แต่งภาพ เปน็ ต้น ข้อมลู ท่พี ิมพ์ลงในตารางสามารถแบ่งไดเ้ ปน็
3 ประเภท คือ ข้อความ ตัวเลข และ วันท่ี/เวลา ซง่ึ เราสามารถกำหนดรูปแบบการแสดงขอ้ มูลให้ เหมาะสมกบั ความต้องการ สามารถทำไดโ้ ดยใช้ แท็บริบบอน (Tab Ribbon) โดยเลือก แทบ็ หนา้ แรก (Tab Home) หรือ ใชเ้ มาส์คลิกปุ่มขวาแล้วเลือกแถบเครือ่ งมือขนาดเล็ก (Mini Toolbar) ก็สามารถทำไดข้ ้นึ อยู่กับความต้องการของผ้ใู ช้โปรแกรมในท่นี ้ีจะอธิบายการกำหนดรูปแบบโดยใช้ เครอื่ งมือตามความเหมาะสม 1. การกำหนดรปู แบบการแสดงข้อมลู โดยปกติแลว้ เม่ือเราปอ้ นข้อมูลลงไปในเซลล์ ขอ้ มลู ท่ไี ด้จะมลี ักษณะพน้ื ฐานตามค่าเร่มิ ตน้ ที่ โปรแกรมต้งั คา่ ไว้ เช่น ตวั อกั ษรสีดำ ไมม่ เี ส้นขอบ รูปแบบเซลล์เป็นลักษณะทวั่ ไป เป็นต้น เราสามารถกำหนดรปู แบบการแสดงของข้อมลู ได้ตามตอ้ งการ รูปแบบการแสดงข้อความ ขอ้ มลู ท่จี ัดรปู แบบเป็นข้อความซ่งึ จะมที ั้งภาษาไทย ภาษาองั กฤษ หรอื ตวั เลขที่ไม่สามารถ คำนวณได้ โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) จะจัดให้ขอ้ ความทพ่ี ิมพ์ลง ไปในเซลล์ขอ้ มลู อยู่ชิดซา้ ยล่างเสมอ เช่น ชื่อ-สกุล ท่ีอยู่ เบอร์โทรศพั ท์ รหัสประจำตวั หมายเลข บตั รประชาชน เปน็ ต้น ดังนนั้ ถ้าเราต้องการป้อนข้อมลู ที่เป็นข้อความ เราจะตอ้ งกำหนดรูปแบบเซลล์ ให้เปน็ ข้อความ สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดังนี้ 6. ใชเ้ มาส์คลุมดำเซลล์ท่ีตอ้ งการกำหนดให้เป็นข้อความ 7. คลิกปุม่ ขวาของเมาสแ์ ลว้ เลือกจัดรปู แบบเซลล์ 8. เลอื กแท็บตัวเลข 9. เลือกขอ้ ความ 10. เลือกตกลง รปู แบบการแสดงตวั เลข ข้อมลู ที่เปน็ ตัวเลขสามารถนำไปคำนวณได้ จะมีเลขไทย และเลขอารบิค มีรปู แบบการแสดง หลายรปู แบบ เชน่ ทั่วไป ตวั เลข สกุลเงิน บัญชี เปอรเ์ ซน็ ต์ เศษสว่ นและ เชงิ วทิ ยาศาสตร์ เป็น ตน้ สามารถปฏิบัติไดด้ งั น้ี 1. ใชเ้ มาส์คลุมดำเซลล์ที่ตอ้ งการกำหนดใหเ้ ปน็ ตัวเลข 2. คลิกปมุ่ ขวาของเมาสแ์ ลว้ เลือกจัดรูปแบบเซลล์ 3. เลอื กแทบ็ ตัวเลข 4. เลอื กชนดิ ของตัวเลขตามท่ีตอ้ งการ 5. เลอื กตกลง รูปแบบการแสดงตัวเลขแบบต่างๆมีดงั นี้ แบบทั่วไป เม่อื เราเปิดใชโ้ ปรแกรม (Microsoft Office Excel 2007) แลว้ พมิ พต์ ัวเลขลงไป โปรแกรมจะตัง้ ค่าให้เปน็ แบบทั่วไป และจะจัดให้ข้อมลู อยู่ดา้ นขวาลา่ งเสมอ แบบตวั เลข ขอ้ มูลทีเ่ ปน็ แบบตัวเลขโปรแกรม (Microsoft Office Excel 2007) จะจัดชิดขวา ล่างเสมอพรอ้ มกบั กำหนดทศนิยม 2 ตำแหน่งใหเ้ ป็นค่าเร่ิมต้นถ้าต้องการปรบั เราสามารถปรบั เปลย่ี น
ได้ ถ้าตอ้ งการให้มตี ัวข้นั หลกั พัน (,) จะต้องใชเ้ มาสค์ ลกิ ให้มเี ครือ่ งหมายถูก (√) ตำแหนง่ ใชต้ วั ข้ัน หลกั พัน แบบสกลุ เงิน ขอ้ มลู ทีเ่ ป็นแบบสกุลเงิน โปรแกรม (Microsoft Office Excel 2007) จะ กำหนดคา่ เริม่ ตน้ โดยใส่ทศนยิ ม 2 ตำแหน่ง ให้เปน็ ค่าเริม่ ต้นถ้าตอ้ งการปรบั เราสามารถปรับเปลี่ยน ได้ แบบบัญชี ขอ้ มลู ทีเ่ ปน็ แบบบัญชโี ปรแกรม (Microsoft Office Excel 2007) จะกำหนดค่า เรมิ่ ต้นโดยใส่ทศนยิ ม 2 ตำแหน่ง ใสต่ ัวขนั้ หลักพนั (,) และมีสกลุ เงนิ เปน็ บาทไทย (฿) โดยโปรแกรมจะกำหนดใหส้ กุลเงนิ อยู่ชิดซา้ ย และจำนวนตัวเลขจะอยู่ชดิ ขวา ถา้ ต้องการปรับเปล่ียน ทศนยิ มเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ แบบเปอรเ์ ซน็ ต์ ขอ้ มูลทเี่ ป็นแบบเปอร์เซ็นต์โปรแกรม (Microsoft Office Excel 2007) จะ กำหนดค่าเรมิ่ ต้นโดยใส่ทศนยิ ม 2 ตำแหน่ง ถ้าตอ้ งการปรบั เราสามารถปรบั เปลย่ี นได้ แบบเชงิ วิทยาศาสตร์ ขอ้ มูลทเ่ี ป็นแบบเชิงวทิ ยาศาสตร์โปรแกรม (Microsoft Office Excel 2007) จะกำหนดคา่ เรม่ิ ตน้ โดยใส่ทศนยิ ม 2 ตำแหน่ง ถา้ ต้องการปรับเราสามารถปรบั เปล่ียนได้ รูปแบบการแสดงวนั ที่ ข้อมูลที่เปน็ รูปแบบวันทเ่ี ราจะตอ้ งกำหนดรูปแบบตามทต่ี อ้ งการ แล้วจึงทำการป้อนข้อมูล ตามรูปแบบทีก่ ำหนดโดยสามารถปฏิบตั ิไดด้ ังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลมุ ดำเซลล์ทตี่ อ้ งการกำหนดใหเ้ ปน็ รปู แบบวันท่ี 2. คลิกปมุ่ ขวาของเมาสแ์ ลว้ เลือกจัดรูปแบบเซลล์ 3. เลือกแท็บตัวเลข 4. เลือกวนั ท่ี 5. เลอื กกำหนดรปู แบบวันทต่ี ามท่ตี อ้ งการ 6. เลือกตกลง รปู แบบการแสดงเวลา ข้อมลู ท่เี ปน็ รูปแบบเวลา เราจะต้องกำหนดรูปแบบตามทีต่ อ้ งการ แล้วจึงทำการปอ้ นข้อมูล ตามรปู แบบที่กำหนดโดยสามารถปฏิบตั ไิ ดด้ ังนี้ 1. ใชเ้ มาสค์ ลุมดำเซลล์ที่ต้องการกำหนดใหเ้ ปน็ รปู แบบเวลา 2. คลิกปุ่มขวาของเมาสแ์ ลว้ เลือกจัดรปู แบบเซลล์ 3. เลอื กแทบ็ ตัวเลข 4. เลือกเวลา 5. เลอื กกำหนดรูปแบบเวลาตามทตี่ อ้ งการ 6. เลอื กตกลง
2. การจดั ตำแหนง่ ให้กับข้อมูลในตาราง การจดั ตำแหน่งข้อความสามารถทำได้ตามความต้องการ ซงึ่ เราสามารถกำหนดโดยใช้ แทบ็ ริบบอน (Tab Ribbon) โดยเลือก แท็บหน้าแรก (Tab Home) หรือ ใช้เมาสค์ ลกิ ปุ่มขวาแล้ว เลือกแถบเครือ่ งมอื ขนาดเล็ก (Mini Toolbar) ก็สามารถปฏบิ ัติได้ ข้นึ อยู่กับความเหมาะสม การจัดตำแหน่งของขอ้ มูลสามารถปฏบิ ตั ิได้ดังน้ี 1. ใช้เมาส์คลมุ ดำเซลล์ท่ตี ้องการกำหนดให้เปน็ รูปแบบการจดั ตำแหน่ง 2. เลือกแท็บหน้าแรก 3. เลอื กกล่มุ รูปแบบการจัดตำแหนง่ 3. การวางแนวขอ้ มลู ในตาราง ในการจดั พมิ พ์ข้อมูลลงในตารางอาจทำให้การแสดงข้อมูลไม่สามารถแสดงขอ้ มลู ไดท้ ง้ั หมด ดงั น้นั เราจะต้องปรับการวางแนวของขอ้ มูลเพอื่ ให้มองเห็นข้อมลู ท้ังหมดมีวิธีการปฏิบัตดิ งั น้ี 1. ใชเ้ มาสค์ ลมุ ดำเซลล์ท่ตี อ้ งการวางแนว 2. คลิกปุ่มขวาของเมาส์แล้วเลือกจัดรูปแบบเซลล์ 3. เลอ่ื นเมาสไ์ ปท่ีป่มุ สแี ดง คลิกปมุ่ ซ้าย แลว้ ลากเมาสต์ ามความต้องการหรือจะระบตุ ัว เลขท่ีช่ององศากส็ ามารถทำได้ 4. เลือกตกลง 4. การแสดงข้อมูลใหเ้ หน็ ทั้งหมดในช่องตาราง ในการจัดพิมพข์ ้อมูลลงในเซลล์อาจทำให้การแสดงขอ้ มลู ไม่สามารถแสดงข้อมูลไดท้ ัง้ หมด เราสามารถแสดงขอ้ มลู ทงั้ หมดได้ สามารถปฏิบตั ิได้ 4 วธิ ีดงั น้ี วธิ ที ี่ 1 ขยายคอลมั น์ของเซลล์ เราสามารถทำได้โดยการขยายคอลัมน์ของเซลล์ให้กว้างขึ้นตามท่ตี ้องการ วธิ ที ่ี 2 ย่อใหพ้ อดี เราสามารถกำหนดให้ขอ้ มูลพอดกี บั เซลลไ์ ด้สามารถปฏบิ ัติได้ดงั น้ี 1. เลือกเซลล์ทต่ี อ้ งการจะยอ่ ให้พอดกี ับเซลล์ 2. เลอื กจัดรปู แบบเซลล์ 3. เลอื กแทบ็ การจัดแนว 4. เลอื กย่อใหพ้ อดี (จะปรากฏเครื่องหมายถกู ) 5. เลือกตกลง วธิ ีท่ี 3 ตัดขอ้ ความให้แสดงหลายบรรทัดโดยไม่ขยายคอลมั น์ 1. เลือกเซลล์ที่ตอ้ งการ 2. เลอื กแทบ็ หน้าแรก 3. เลือกตดั ข้อความ วิธีที่ 4 ผสานเซลล์ การผสานเซลลส์ ามารถผสานเซลล์หลายๆเซลล์ให้เป็นเซลลเ์ ดียวกนั แตถ่ ้ามีข้อมลู อยู่หลาย เซลลโ์ ปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) จะเก็บข้อมูลที่อยู่ เซลลบ์ นซา้ ยสุด เสมอสามารถปฏบิ ัติได้ดังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลุมดำเซลล์ทีต่ ้องการผสาน
2. เลอื กแทบ็ หน้าแรก 3. เลือกผสานเซลล์ 5. การกำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษร การกำหนดรูปแบบและขนาดตวั อกั ษรเปน็ การกำหนดเพือ่ ความเหมาะสม เพอ่ื ความสวยงาม และเพื่อความชัดเจนของขอ้ มูล เราสามารถกำหนดไดค้ รั้งละ 1 ตัวอักษร หลายตวั อกั ษร ครั้งละ เซลล์ หรอื ครง้ั ละหลายๆเซลล์กไ็ ด้ ขนึ้ อยกู่ ับความตอ้ งการของเรา สามารถปฏิบตั ไิ ด้ 2 วธิ ีดงั น้ี วธิ ีท่ี 1 ใชแ้ ทบ็ ริบบอน (Tab Ribbon) เปน็ วิธีท่ีกำหนดรูปแบบตวั อกั ษรไดส้ ะดวกและรวดเร็วสามารถปฏิบัตไิ ด้ดงั นี้ 1. ใช้เมาส์คลุมดำเซลล์ที่ตอ้ งการจัดรปู แบบ 2. เลือกแทบ็ หน้าแรก 3. เลือกกล่มุ แบบอักษร มรี ายละเอียดดงั นี้ วิธีที่ 2 ใช้ แถบเครอ่ื งมอื ขนาดเล็ก ( Mini Toolbar) เป็นวธิ ที ่กี ำหนดรูปแบบตัวอักษรได้ละเอียดมากขึ้นสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดังนี้ 1. ใช้เมาส์คลุมดำเซลล์ทต่ี อ้ งการจัดรปู แบบ 2. คลิกป่มุ ขวาของเมาส์เลือกจดั รูปแบบเซลล์ 3. เลือกแท็บแบบอักษร มีรายละเอยี ดดังน้ี 6. การใส่เสน้ ขอบใหก้ บั ตาราง การใสเ่ สน้ ขอบตาราง เปน็ การกำหนดเพ่อื ให้เห็นแผน่ งานชัดเจนข้นึ และเปน็ การแบ่งขอ้ มูล ใหอ้ ยใู่ นรูปของตารางสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ 2 วธิ ี ดังนี้ วธิ ีที่ 1 ใช้ แท็บรบิ บอน (Tab Ribbon) เปน็ วิธีทใี่ ส่เส้นขอบได้สะดวกรวดเร็วสามารถปฏิบัตไิ ด้ดังนี้ 1. ใชเ้ มาสค์ ลุมดำเซลล์ทต่ี อ้ งการใส่เส้นขอบตาราง 2. เลอื กแท็บหน้าแรก 3. คลิกปมุ่ สามเหล่ียมเลือกเสน้ ขอบ 4. เลือกเส้นขอบไดต้ ามความต้องการ วธิ ีที่ 2 ใช้ แถบเคร่ืองมอื ขนาดเล็ก ( Mini Toolbar) เป็นวิธีที่ใสเ่ ส้นขอบได้ละเอียดมากข้ึนสามารถปฏิบตั ิไดด้ ังนี้ 1. ใช้เมาสค์ ลุมดำเซลล์ที่ตอ้ งการใสเ่ ส้นขอบตาราง 2. คลิกปมุ่ ขวาของเมาส์ เลือกจดั รูปแบบเซลล์ 3. เลอื กแทบ็ เสน้ ขอบ 4. เลือกรายละเอียดการจัดเสน้ ขอบ 4.1 เลือกลักษณะของเส้น 4.2 สขี องเสน้ 4.3 ลักษณะการขดี เสน้ ตาราง 5. ตกลง 7. การเตมิ สีใหก้ ับตาราง การเตมิ สีตาราง เป็นการตกแตง่ พ้ืนตารางใหส้ วยงามมากย่งิ ขึน้ สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ ดังนี้
1. ใชเ้ มาส์คลมุ ดำเซลล์ที่ตอ้ งการเติมสี 2. คลิกป่มุ ขวาของเมาส์ เลือกจัดรปู แบบเซลล์ 3. เลอื กแท็บการเตมิ 4. เลือกลกั ษณะการเตมิ 4.1 เลอื กเติมลักษณะพเิ ศษ 4.2 เลือกสีเพมิ่ เติม 4.3 เลือกลกั ษณะลวดลาย 4.4 เลอื กสีลวดลาย 4.5 เลือกสพี ้นื หลงั 5. ตกลง 8. การแทรกภาพลงในตาราง ในการจดั ทำตารางขอ้ มูลเพื่อเพิม่ ความสวยงาม เราสามารถแทรกภาพทตี่ อ้ งการไดจ้ าก แหลง่ ขอ้ มลู ต่างๆ ดงั น้ี การแทรกรูปภาพ การแทรกรูปภาพเปน็ การนำรูปภาพทมี่ ีอยแู่ ล้วมาใสใ่ นแผน่ งาน สามารถปฏิบตั ไิ ด้ดังน้ี 1. เลอื กตำแหนง่ เซลล์ที่ต้องการวางภาพ 2. เลือกแทบ็ แทรก 3. เลอื กรูปภาพ 4. เลอื กแหลง่ ข้อมูลทีเ่ ก็บภาพ 5. และเลือกภาพทีต่ ้องการ 6. เลอื กแทรก การแทรกภาพตดั ปะ เปน็ การแทรกรูปภาพสำเรจ็ รปู ท่ีมอี ยใู่ น คลปิ อาร์ต (Clip Art) นำออกมาใชง้ านไดท้ ันทไี ม่ ตอ้ งวาด สามารถนำออกมาใชง้ านได้ทนั ที สามารถปฏิบัติไดด้ ังน้ี 1. เลือกตำแหนง่ เซลล์ทีต่ อ้ งการวางภาพ 2. เลอื กแท็บแทรก 3. เลือกภาพตัดปะ 4. เลือกแหลง่ ข้อมูลภาพตดั ปะท่ีต้องการ และใช้เมาส์เลือกภาพแลว้ คลิกปุ่มซ้ายภาพท่ถี ูก เลอื กจะปรากฏท่ีแผน่ งาน พรอ้ มกบั แสดง แท็บรปู แบบ เพอ่ื ใช้ในการปรบั แต่งภาพ การแทรกรูปร่าง เป็นการแทรกรปู ร่าง ทมี่ ีอยูใ่ น คลิปอารต์ (Clip Art) สามารถนำออกมาใชง้ านได้ทนั ที สามารถปฏิบัตไิ ด้ดังนี้ 1. เลือกแทบ็ แทรก 2. เลอื กรูปรา่ ง 3. คลิกปุ่มซา้ ยของเมาสเ์ ลือกรปู รา่ งที่ตอ้ งการ 4. คลกิ ปมุ่ ซา้ ยของเมาสแ์ ล้ววาดรูปร่างที่เลือกลงแผ่นงานตามทีต่ ้องการ โปรแกรม จะแสดง แท็บรูปแบบ เพอ่ื ให้ตกแตง่ รปู แบบของภาพ
9. การสร้าง SmartArt การสร้าง SmartArt เปน็ การสร้างเพอ่ื นำเสนอข้อมลู ในรปู แบบต่างๆ เพอ่ื ความสวยงาม และความสะดวกในการนำเสนอข้อมลู สามารถปฏบิ ัตไิ ดด้ ังนี้ 1. เลอื กแท็บแทรก 2. เลือก SmartArt 3. เลอื กรปู แบบ SmartArt ตามที่ตอ้ งการ 4. เลือกตกลง 5. โปรแกรมจะแสดง แทบ็ ออกแบบ และแท็บรปู แบบ 6. พิมพข์ ้อมลู แลว้ ปรบั แต่ง การออกแบบ และรูปแบบได้ตามต้องการ 10. การปรบั แตง่ ภาพ การปรบั แต่งรปู ภาพเป็นการปรบั แต่งเพ่ือความเหมาะสมและสวยงามของรูปภาพ การปรับขนาดรูปภาพ การปรบั ขนาดรูปภาพ สามารถปฏิบัตไิ ด้ดงั น้ี 1. เลอื กภาพที่ต้องการปรับขนาด 2. เลื่อนเมาส์ไปตำแหนง่ จุดรอบๆ จุดใดจุดหน่งึ ให้เมาสป์ รากฏสัญลกั ษณ์ และ 3. คลกิ ปมุ่ ซา้ ยของเมาสแ์ ล้วลาก ย่อ-ขยาย ตามตอ้ งการ การหมุนรูปภาพ การหมุนรูปภาพ สามารถปฏบิ ตั ิไดด้ งั นี้ 1. เลอื กภาพท่ีตอ้ งการปรบั ขนาด 2. เลือ่ นเมาส์ไปตำแหน่งจดุ สีเขียว 3. คลกิ ปุ่มซา้ ยของเมาส์แล้วหมุน ซา้ ย-ขวา ตามตอ้ งการ การปิดภาพบางสว่ น การปดิ ภาพบางสว่ น สามารถปฏิบัติได้ดงั น้ี 1. เลอื กภาพทต่ี ้องการ 2. เลอื กแทบ็ รูปแบบ 3. เลือกครอบตัด 5. เล่อื นเมาส์มาตำแหน่งรอบๆ ของภาพจุดใดจุดหนึ่ง ใช้เมาสค์ ลกิ ป่มุ ซ้ายแลว้ ลากปิดภาพบางส่วนไดต้ ามตอ้ งการ การย้ายรปู ภาพ การย้ายรูปภาพสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้หลายวธิ ี ยกตวั อยา่ งดงั นี้ วิธที ่ี 1 ใชเ้ มาสค์ ลกิ รปู ภาพให้ Active ใช้เมาส์คลกิ ปมุ่ ซ้ายแล้วลากไปวางตำแหนง่ ทต่ี อ้ งการ วิธที ่ี 2 1. เลือกภาพที่ตอ้ งการ แล้วคลกิ ปุ่มขวาของเมาส์ 2. เลอื กตดั 3. เลือกตำแหน่งเซลล์ทีต่ อ้ งการวางภาพ
4. คลิกปุ่มขวาของเมาส์ แลว้ เลือกวาง วธิ ที ี่ 3 คลกิ รูปภาพให้ Active ใช้ลูกศรของคยี ์บอรด์ เลื่อนภาพ ซ้าย-ขวา ขึน้ -ลง ตามท่ตี ้องการ การคัดลอกรูปภาพ การคดั ลอกรูปภาพสามารถปฏิบตั ไิ ด้หลายวธิ ี ยกตวั อยา่ งดังนี้ วิธที ่ี 1 1. เลอื กรูปภาพที่ต้องการ 2. คลกิ ปุ่มขวาของเมาส์ เลอื กคดั ลอก 3. เลือกตำแหน่งเซลล์ทต่ี อ้ งการวางภาพ 4. คลกิ ปมุ่ ขวาของเมาส์ แลว้ เลือกวาง วิธีที่ 2 1. เลอื กรูปภาพทตี่ อ้ งการกด Ctrl ค้างไว้ใชเ้ มาส์คลิกปมุ่ ขวาแลว้ ลากเมาส์ไปตำแหน่งที่ ตอ้ งการปล่อยเมาส์ การปรับแตง่ รปู ภาพ การปรับแต่งรูปภาพสามารถปฏิบัตไิ ด้ดังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลกิ รูปภาพให้ Active แล้วดบั เบิ้ลคลกิ แทบ็ รปู แบบ จะแสดงให้ปรบั รูปแบบ ภาพตามท่ีต้องการ 2. ปรบั ความสวา่ ง ปรับความคมชัด หรอื เปล่ียนสี เป็นตน้ 3. ปรับลกั ษณะรปู ภาพ เปน็ ตน้ 4. เปล่ยี นรูปร่าง และเส้นขอบ เป็นตน้ 5. จดั แนว และ หมุนภาพ เป็นตน้ 6. ปรบั ขนาดของภาพ และ ปดิ บังภาพ เป็นตน้ 4. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 4.1 ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ทบทวนความรู้ เรอ่ื ง การเลือกใช้แผ่นงาน การเปลย่ี นชื่อแผ่นงาน การลบแผ่นงานและ การเพิม่ แผน่ งาน การสลับตำแหน่งแผน่ งาน การยอ่ /ขยาย และ ปดิ แผน่ งาน การซอ่ นและแสดง แผ่นงาน การเปล่ียนสแี ผน่ งาน การปอ้ งกนั แผ่นงานและการยกเลกิ การป้องกนั แผ่นงาน โดยการถามตอบเปน็ รายบุคคล 2. ครแู จกเอกสารขอ้ มลู เพื่อดรู ูปแบบการจดั ตารางขอ้ มูลแต่ละเซลล์ เพ่อื เชอ่ื มโยงการ จดั รูปแบบขอ้ มูลท่ีถูกต้อง 3. ครูอธิบายแนวทางและความจำเปน็ ในการจัดรปู แบบตารางขอ้ มลู โดยนักเรียนจะตอ้ ง เรียนรู้ เรื่องการกำหนดรูปแบบการแสดงข้อมลู การจัดตำแหนง่ ให้กับข้อมูลในตาราง การวางแนว ข้อมูลในตาราง การแสดงข้อมูลใหเ้ ห็นท้ังหมดในชอ่ งตาราง การกำหนดรูปแบบและขนาดตวั อกั ษร การใสเ่ สน้ ขอบใหก้ ับตาราง การเติมสีให้กับตาราง การแทรกภาพลงในตาราง การสรา้ ง SmartArt และการปรับแตง่ ภาพ
4.2 ข้นั สอน 1. นักเรียนศึกษาเอกสารประกอบการสอน เรือ่ ง การกำหนดรปู แบบการแสดงขอ้ มลู การจัดตำแหน่งใหก้ บั ข้อมูลในตาราง การวางแนวข้อมลู ในตาราง การแสดงขอ้ มลู ใหเ้ หน็ ทงั้ หมดในชอ่ ง ตาราง การกำหนดรปู แบบและขนาดตวั อกั ษร การใส่เส้นขอบให้กับตาราง การเตมิ สใี ห้กับตาราง การแทรกภาพลงในตาราง การสรา้ ง SmartArt และการปรับแต่งภาพ โดยให้นักเรียนบอกวิธกี าร กำหนดรูปแบบขอ้ มูล คนละ 1 แบบ 2. ครอู ธิบายเพ่ิมเติม เรือ่ ง การกำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล การจดั ตำแหน่งใหก้ บั ขอ้ มูลในตาราง การวางแนวขอ้ มลู ในตาราง การแสดงขอ้ มูลใหเ้ ห็นทงั้ หมดในช่องตาราง การกำหนด รูปแบบและขนาดตวั อกั ษร การใส่เสน้ ขอบใหก้ บั ตาราง การเติมสใี หก้ บั ตาราง การแทรกภาพลงใน ตาราง การสรา้ ง SmartArt และการปรับแต่งภาพ และให้นักเรยี นรว่ มอภิปรายหนา้ ช้ันเรยี น 3. ครูสาธติ การใช้โปรแกรม เร่ือง การกำหนดรูปแบบการแสดงข้อมลู การจัดตำแหน่ง ให้กบั ข้อมูลในตาราง การวางแนวข้อมูลในตาราง การแสดงขอ้ มูลให้เห็นทัง้ หมดในช่องตาราง การกำหนดรปู แบบและขนาดตัวอักษร การใส่เส้นขอบใหก้ ับตาราง การเตมิ สีให้กบั ตาราง การแทรก ภาพลงในตาราง การสร้าง SmartArt และการปรบั แต่งภาพ โดยให้นักเรียนไดร้ ว่ มอภิปรายหนา้ ชั้นเรยี น 4. นักเรียนฝกึ ปฏบิ ัติใชโ้ ปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เรอ่ื ง การกำหนดรูปแบบการแสดงขอ้ มูล การจัดตำแหนง่ ให้กับข้อมลู ในตาราง การวางแนวข้อมูลในตาราง การแสดงขอ้ มูลให้เหน็ ท้ังหมดในชอ่ งตาราง การกำหนดรูปแบบและขนาดตวั อกั ษร การใส่เสน้ ขอบ ใหก้ บั ตาราง การเติมสีใหก้ บั ตาราง การแทรกภาพลงในตาราง การสรา้ ง SmartArt และ การปรับแต่งภาพ และให้นักเรียนนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น คนละ 1 รปู แบบ 5. นักเรียนและครูร่วมกนั ตอบขอ้ ซกั ถามจากเพอื่ นในห้องเรียน 6. นกั เรยี นทำแบบฝึกปฏิบตั ทิ ่ี 2.3 เรอ่ื ง การจดั รูปแบบตารางขอ้ มลู โดยนักเรยี นสามารถศึกษาจากเอกสารประกอบการสอนเพิ่มเติมได้ 7. นกั เรียนและครูร่วมกนั ตรวจประเมนิ แบบฝึกปฏบิ ัตทิ ่ี 2.3 เร่ือง การจัดรปู แบบ ตารางข้อมลู 8. ครแู จ้งคะแนนให้นักเรียนทราบ 4.3 ขน้ั สรปุ 1. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ เรอ่ื ง การกำหนดรปู แบบการแสดงข้อมลู การจัดตำแหน่ง ให้กับข้อมูลในตาราง การวางแนวขอ้ มลู ในตาราง การแสดงข้อมูลใหเ้ หน็ ทงั้ หมดในช่องตาราง การกำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษร การใส่เส้นขอบใหก้ บั ตาราง การเติมสีใหก้ ับตาราง การแทรก ภาพลงในตาราง การสร้าง SmartArt และการปรับแตง่ ภาพ โดยครูคอยให้คำชีแ้ นะเพมิ่ เติม 2. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยที่ 2 เรอ่ื ง การทำงานกบั ตารางขอ้ มูล ด้วยความซ่อื สัตย์
3. ครตู รวจให้คะแนนและแจง้ คะแนนใหน้ ักเรยี นทราบ 5. สื่อการเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบฝึกปฏบิ ัติท่ี 2.3 เร่ือง การจดั รปู แบบตารางขอ้ มลู 3. แบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยที่ 2 เรอ่ื ง การทำงานกบั ตารางขอ้ มลู 6. งานที่มอบหมาย 1. ใหน้ ักเรียน ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เรอื่ ง การใช้สตู รคำนวณ 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล เครอื่ งมือการประเมนิ วธิ วี ดั และประเมิน เกณฑ์ แบบฝกึ ปฏบิ ัติที่ 2.3 การประเมนิ เรอื่ ง การจดั รปู แบบตารางขอ้ มลู ตรวจแบบฝึกปฏิบตั ิ ไดค้ ะแนน ขอ้ ละ 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 แบบทดสอบหลงั เรียนหนว่ ยท่ี 2 ถกู 1 คะแนน ข้นึ ไป เรอื่ ง การทำงานกบั ตารางขอ้ มูล ไมถ่ กู 0 คะแนน ตรวจแบบทดสอบ ได้คะแนน แบบสงั เกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม ขอ้ ละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะ ถูก 1 คะแนน ข้นึ ไป อันพงึ ประสงค์ ไมถ่ ูก 0 คะแนน สังเกตพฤตกิ รรม ไดค้ ะแนน ดี 2 คะแนน รอ้ ยละ 80 พอใช้ 1 คะแนน ข้นึ ไป ปรบั ปรุง 0 คะแนน
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 รหสั วิชา...............2204-2103...........................วิชา................โปรแกรมตารางคำนวณ...................... หน่วยการเรียนที่..3..การใช้สูตรและฟังกช์ นั ในการคำนวณ..............................ระดบั ชนั้ ......ปวช.2...... หัวขอ้ ยอ่ ย..3.1..การใช้สูตรคำนวณ.............................................................................เวลา....4....ชว่ั โมง 1. สาระการเรียนรู้ 1. โครงสรา้ ง สญั ลักษณ์ และลำดับความสำคัญของเครื่องหมายท่ีใชใ้ นการคำนวณ 2. ขอ้ ผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น 3. การสรา้ งสูตรคำนวณ 4. การแกไ้ ขสตู ร 5. การคดั ลอกสูตร 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สามารถบอกโครงสรา้ ง สัญลักษณ์ และลำดับความสำคญั ของเคร่อื งหมาย ที่ใช้ในการคำนวณได้ 2. สามารถบอกข้อผิดพลาดทีอ่ าจเกิดขน้ึ ได้ 3. สามารถสรา้ งสูตรคำนวณได้ 4. สามารถแก้ไขและคัดลอกสตู รได้ 5. มคี ุณธรรมจรยิ ธรรม ค่านิยม และมีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 3. เนือ้ หาสาระ การใช้สตู รคำนวณ โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) มคี วามสามารถในการคำนวณ คา่ ตา่ งๆมากมาย เปน็ การนำค่าต่างๆท่ีอย่ใู นเซลล์ขอ้ มูล คำนวณ วเิ คราะห์ ประมวลผล เพอื่ ให้ได้ ผลลพั ธต์ ามที่ตอ้ งการ โดยใช้สตู รคำนวณในรูปแบบต่างๆ เชน่ การนำคา่ ตัวเลข ตวั แปร หรือ การอ้างอิงเซลล์ข้อมูลต่างๆ นำมา บวก ลบ คูณ หรือ หาร เปน็ ต้น 1. โครงสรา้ ง สัญลักษณ์และ ลำดับความสำคัญของเครอ่ื งหมายทีใ่ ชใ้ นการคำนวณ โครงสร้าง การใชส้ ูตรคำนวณจะตอ้ งพมิ พเ์ คร่อื งหมายเทา่ กบั (=) นำหนา้ เสมอตามด้วยตัวแปร และตัวดำเนินการ ตัวแปรนี้อาจเป็นค่าคงที่ ตำแหนง่ เซลล์ ข้อความ ชื่อเซลล์ หรอื ฟงั กช์ นั ก็ได้ โดยผลลพั ธจ์ ะอยู่บนเซลล์ใดเซลล์หนงึ่ ที่เลือกไว้ ยกตัวอยา่ งเชน่ =A1+B1 =C2-D3, =(D3/C2)*( A1+B1), =(G3-B1)-( F4*G4), =2*3 เปน็ ต้น สัญลักษณ์ สัญลกั ษณ์ที่ใช้เปน็ เครอื่ งหมายในการคำนวณมีดงั นี้ เครื่องหมายท่ีใชใ้ นการคำนวณ เคร่อื งหมายในการคำนวณ ความหมาย + เครอ่ื งหมายแทนการบวก
- เครื่องหมายแทนการลบ * เคร่ืองหมายแทนการคูณ / เครื่องหมายแทนการหาร % เครือ่ งหมายแทนเปอร์เซ็นต์ ^ เครอื่ งหมายแทนการยกกำลงั = เคร่ืองหมายเทา่ กบั > เครื่องหมายมากกวา่ < เครอ่ื งหมายน้อยกว่า >= เคร่อื งหมายมากกว่าหรอื เทา่ กบั <= เครอ่ื งหมายนอ้ ยกวา่ หรอื เท่ากบั < > เครื่องหมายไมเ่ ท่ากับ : เครอ่ื งหมายใชอ้ า้ งองิ เซลล์จากเซลลแ์ รกจนถงึ เซลลส์ ดุ ทา้ ย & เครื่องหมายเชอื่ มข้อความเข้าด้วยกัน , เครอ่ื งหมายใชอ้ า้ งองิ ชว่ งเซลล์ทง้ั หมดท่ีอา้ งถงึ ลำดับความสำคญั ของเคร่อื งหมายในการคำนวณ การคำนวณนน้ั จะมีลำดับความสำคญั ของเครื่องหมายการคำนวณตา่ งกัน ซึง่ โปรแกรมจะคำนวณ จากลำดบั ความสำคญั แรกไปยงั ลำดบั ความสำคัญรองลงมาตามลำดับ แต่ถ้าเครอ่ื งหมายคำนวณอยใู่ น ระดบั เดยี วกัน โปรแกรมจะคำนวณจากซ้ายไปขวา ลำดับความสำคญั ของเครอ่ื งหมายในการคำนวณ ลำดับท่ี ลำดบั ความสำคญั ตวั คำนวณ ในการคำนวณ 1 คำนวนเคร่อื งหมายในวงเล็บ 2 () คำนวณตัวเลขทมี่ คี ่าตดิ ลบ เช่น -9 3 - คำนวณเปอร์เซ็นต์ เชน่ 30% โปรแกรมจะแปลงเปน็ % 0.3 4 คำนวณยกกำลัง 5 ^ คำนวณ คูณ และ หาร 6 * และ / คำนวณ บวก และ ลบ 7 + และ - นำขอ้ ความมาต่อกนั 8 ดำเนินการเปรยี บเทียบ & =, <, >, <=, >=
และ <> 2. ขอ้ ผดิ พลาดท่อี าจเกิดขึ้น การคำนวณดว้ ยสตู รหรือคำนวณด้วยฟงั ก์ชัน อาจมขี อ้ ผิดพลาดได้ เมอ่ื มกี ารทำงานเกย่ี วกบั สูตรหรอื ฟังกช์ นั การคำนวณของโปรแกรมอาจทำใหผ้ ลลัพธ์ไมถ่ กู ตอ้ ง โปรแกรมจะแสดงข้อความบง่ บอกถงึ ขอ้ ผิดพลาดปรากฏอย่ใู นเซลล์ ซง่ึ มีสาเหตหุ ลายอย่างด้วยกนั ยกตวั อยา่ งดังตอ่ ไปนี้ ข้อผิดพลาดท่ีอาจเกดิ ข้ึน ขอ้ ผดิ พลาด สาเหตุ ####### 1. ตวั เลขทพี่ ิมพ์ลงในเซลล์ หรือ ผลจากสูตรในการคำนวณ ยาวเกิน กวา่ ทจี่ ะแสดงในเซลล์ได้ #DIV/0! 2. เกดิ จากการนำวนั ที่ มาลบกันแลว้ มีค่าติดลบ #VALUE! #NAME? 1. เกดิ จากตัวหารมีค่าเป็น 0 หรือ มคี ่าว่าง 2. อาร์กวิ เมนต์ของบางฟังก์ชนั มคี ่าไมถ่ กู ตอ้ ง #N/A 1. เกดิ การใช้ operand ผิดประเภทหรืออารก์ ิวเมนตผ์ ดิ ประเภท เชน่ ข้อผิดพลาด ฟังกช์ นั ต้องการคา่ อารก์ ิวเมนตเ์ ปน็ ตวั เลข แต่กลับใสเ่ ปน็ ข้อความ #REF! 1. ชอ่ื เซลล์ที่ใช้ในสูตรไมถ่ ูกตอ้ ง 2. ช่ือฟงั ก์ชนั ทใี่ ชใ้ นสตู รไมถ่ กู ต้อง #NUM! #NULL! 1. ใสอ่ ารก์ ิวเมนตใ์ หฟ้ งั กช์ ันไม่ครบหรือไม่ถกู ตอ้ ง สาเหตุ 1. เซลล์ท่ีอ้างถึงในสตู รถกู ลบไป หรือ ถูกข้อมูลจากเซลลอ์ ื่นยา้ ยมาทบั แทนท่ี 2. มีการอ้างถึงข้อมลู ของโปรแกรมอื่นทไ่ี ม่ได้กำลงั ทำงานอยู่ขณะนนั้ 1. กำหนดอาร์กิวเมนต์ผิดประเภท 2. ผลของสูตรคำนวณไดต้ วั เลขมีค่ามากหรือน้อยเกนิ ไป 1. เกดิ จากการกำหนด Cell Reference ผดิ พลาด 3. การสรา้ งสูตรคำนวณ ในการสรา้ งสตู รคำนวณ เราสามารถป้อนสตู รคำนวณได้โดยใชเ้ คร่อื งหมายเท่ากับ (=) นำหน้าเสมอ ถา้ ไม่ใส่เคร่อื งหมายเทา่ กบั โปรแกรมจะเขา้ ใจว่าเป็นขอ้ ความ การคำนวณโปรแกรม สามารถคำนวณได้หลายแบบ การคำนวณค่าคงที่ การคำนวณค่าคงทสี่ ามารถปฏบิ ัติได้ดงั น้ี 4. คลกิ เลอื กเซลล์ทจ่ี ะใส่สูตร 5. พมิ พ์เคร่อื งหมายเทา่ กับ (=) ตามดว้ ยค่าคงท่ี โดยพิมพ์ลงในเซลล์หรือแถบสูตรกไ็ ด้ 6. กด Enter การคำนวณอ้างองิ ตำแหน่งเซลล์ การคำนวณอ้างองิ ตำแหน่งเซลล์ เราสามารถพมิ พ์หรอื ใชเ้ มาส์กไ็ ด้ สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
1. คลิกเลือกเซลล์ที่จะใส่สูตร 2. พิมพ์เครือ่ งหมายเทา่ กับ (=) ตามด้วยตำแหนง่ เซลล์โดยพิมพล์ งในเซลล์ 3. กด Enter การคำนวณอ้างอิงตำแหนง่ เซลล์โดยใชเ้ มาส์ 1. คลกิ เลือกเซลล์ที่จะใส่สูตรพิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ (=) 2. ใชเ้ มาส์คลกิ เลอื กเซลลแ์ รกท่ีตอ้ งการคำนวณ 3. พมิ พเ์ ครือ่ งหมายการคำนวณ ตามท่ีต้องการ 4. ใช้เมาสค์ ลกิ เลือกเซลล์ท่ีสอง แล้วกด Enter 4. การแกไ้ ขสตู ร สูตรคำนวณทีพ่ ิมพ์ไปแล้วถ้ามขี อ้ ผิดพลาดเราสามารถแก้ไขได้ 3 วธิ ีสามารถปฏบิ ัติได้ดงั น้ี วิธที ่ี 1 แก้ไขแถบสูตร 1. ใชเ้ มาส์คลกิ เลือกเซลล์สตู รที่ตอ้ งการแกไ้ ข 2. ใช้เมาสค์ ลกิ แถบสูตรแลว้ ทำการแกไ้ ขสตู รใหถ้ ูกต้อง วิธที ่ี 2 ใชฟ้ ังกช์ นั F2 1. ใชเ้ มาส์คลกิ เลอื กเซลล์สูตรทตี่ ้องการแก้ไข กดฟงั ก์ชนั F2 ทำการแก้ไขสูตรในเซลล์ ใหถ้ ูกต้อง วิธีท่ี 3 ดับเบลิ้ คลิกในเซลล์สูตร 1. ใชเ้ มาส์ดบั เบลิ้ คลกิ เซลล์สูตรท่ีตอ้ งการแก้ไข แลว้ ทำการแกไ้ ขสตู รในเซลลใ์ ห้ถูกต้อง 5. การคัดลอกสตู ร การคดั ลอกสูตรการคำนวณโดยอ้างอิงตำแหนง่ เซลล์มขี อ้ ดีคอื มีความรวดเร็ว มีความถกู ต้อง ของข้อมลู และท่สี ำคัญสามารถคัดลอกสูตรคำนวณท่ีมีลกั ษณะหรือรปู แบบเดยี วกนั ไม่ตอ้ งเสยี เวลาใน การพิมพส์ ูตรใหมใ่ ห้เสยี เวลา ซ่งึ สามารถปฏิบัตไิ ด้ 3 วิธีดงั น้ี วิธที ี่ 1 ใชเ้ มาส์ 1. ใชเ้ มาส์คลิกเซลล์สูตรตน้ ฉบับ เลอ่ื นเมาส์ไปตำแหนง่ มุมดา้ นขวาล่างใหส้ ญั ลักษณ์เมาส์ แสดงกากบาทสดี ำ ( ) 2. กดปมุ่ เมาส์ดา้ นซา้ ยค้างไว้ ลากไปตำแหน่งท่ีตอ้ งการ แล้วปลอ่ ยเมาส์ วิธที ่ี 2 ใช้แปน้ พมิ พ์ 1. ใชเ้ มาส์คลมุ ดำเซลล์สูตรตน้ ฉบับและเซลล์ท่ีตอ้ งการคดั ลอกสูตร 2. กดฟังก์ชนั F2 3. กด Ctrl+Enter วธิ ที ี่ 3 ใชค้ ำส่ังคัดลอก 1. ใชเ้ มาส์คลุมดำเซลล์สตู รตน้ ฉบับ 2. เลือกคดั ลอก 3. คลมุ ดำเซลล์ที่ตอ้ งการคัดลอก 4. เลอื กวาง
4. กระบวนการจดั การเรียนรู้ 4.1 ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยท่ี 3 เรือ่ ง การใชส้ ูตรและฟังกช์ นั ในการ คำนวณ 2. ครตู รวจให้คะแนนและแจ้งคะแนนให้นกั เรยี นทราบ 3. ครสู นทนากับนกั เรยี นเก่ยี วกับ โครงสรา้ ง สัญลกั ษณแ์ ละ ลำดบั ความสำคญั ของ เครอื่ งหมายทใ่ี ชใ้ นการคำนวณ ข้อผิดพลาดทอ่ี าจเกดิ ข้ึน การสร้างสตู รคำนวณ การแกไ้ ขสตู ร การคดั ลอกสูตร 4.2 ขั้นสอน 1. นกั เรยี นศึกษาเอกสารประกอบการสอน เรอื่ ง โครงสรา้ ง สญั ลกั ษณ์และ ลำดับ ความสำคัญของเคร่ืองหมายท่ีใช้ในการคำนวณ ข้อผดิ พลาดท่ีอาจเกดิ ข้นึ การสร้างสูตรคำนวณ การแกไ้ ขสูตร และการคัดลอกสูตร โดยใหน้ ักเรียนยกตวั อยา่ งสูตรการคำนวณ คนละ 2 ตวั อย่าง 2. ครสู าธติ เพ่ิมเตมิ เรอื่ ง ลำดับความสำคญั ของเครื่องหมายท่ใี ช้ในการคำนวณ ขอ้ ผิดพลาดท่ีอาจเกิดขนึ้ การสร้างสูตรคำนวณ การแกไ้ ขสตู ร และการคัดลอกสูตร 3. นกั เรียนฝกึ ปฏิบัติใช้โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เร่ือง ลำดบั ความสำคัญของเครื่องหมายท่ใี ชใ้ นการคำนวณ ข้อผิดพลาดทีอ่ าจเกดิ ขึน้ การสรา้ งสูตร คำนวณ การแก้ไขสูตร และการคัดลอกสตู ร และใหน้ ักเรยี นได้นำเสนอการใชส้ ตู รคำนวณคนละ 2 สตู ร 4. นกั เรียนและครูร่วมกนั ตอบข้อซักถามจากเพ่ือนในหอ้ งเรียน 5. นักเรียนทำแบบฝกึ ปฏิบตั ิท่ี 3.1 เร่อื ง การใช้สูตรคำนวณ โดยนักเรียนสามารถศึกษาจากเอกสารประกอบการสอนเพ่มิ เตมิ ได้ 6. นกั เรียนและครรู ่วมกนั ตรวจประเมนิ แบบฝกึ ปฏิบัตทิ ่ี 3.1 เร่อื ง การใช้สูตรคำนวณ 7. ครแู จง้ คะแนนให้นักเรยี นทราบ 4.3 ข้นั สรปุ 1. นักเรียนและครรู ่วมกันสรปุ เนอ้ื หาวชิ า เรอื่ ง โครงสร้าง สญั ลกั ษณ์และ ลำดบั ความสำคญั ของเครอื่ งหมายท่ีใช้ในการคำนวณ ข้อผดิ พลาดทอ่ี าจเกิดขน้ึ การสร้างสูตรคำนวณ การแกไ้ ขสูตร และการคัดลอกสูตร โดยครคู อยใหค้ ำช้แี นะเพิม่ เติม 5. สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ าโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 3 เร่อื ง การใช้สูตรและฟงั กช์ ันในการคำนวณ 3. แบบฝึกปฏบิ ัติท่ี 3.1 เร่อื ง การใช้สตู รคำนวณ
6. งานที่มอบหมาย 1. ใหน้ กั เรยี น ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เร่ือง การใชส้ ูตรคำนวณ 7. การวัดผลและประเมนิ ผล เครื่องมอื การประเมนิ วธิ วี ัดและประเมิน เกณฑ์ แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 3 การประเมนิ เรือ่ ง การใชส้ ตู รและฟงั กช์ ันในการ ตรวจแบบทดสอบ ทดสอบความรู้ คำนวณ ข้อละ 1 คะแนน พืน้ ฐาน ถกู 1 คะแนน แบบฝึกปฏบิ ัตทิ ่ี 3.1 ไม่ถกู 0 คะแนน ไดค้ ะแนน เรอื่ ง การใชส้ ูตรคำนวณ ตรวจแบบฝึกปฏิบัติ รอ้ ยละ 75 ขอ้ ละ 1 คะแนน ขึ้นไป แบบสังเกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม ถูก 1 คะแนน จริยธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะ ไม่ถกู 0 คะแนน ไดค้ ะแนน อนั พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรม รอ้ ยละ 80 ดี 2 คะแนน ขึน้ ไป พอใช้ 1 คะแนน ปรับปรงุ 0 คะแนน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 รหัสวชิ า...............2204-2103...........................วชิ า..................โปรแกรมตารางคำนวณ ........................ หน่วยการเรียนที่..3..การใช้สูตรและฟงั ก์ชันในการคำนวณ..............................ระดบั ชั้น......ปวช.2...... หวั ขอ้ ย่อย..3.1..การใชส้ ตู รคำนวณ.............................................................................เวลา....4....ชวั่ โมง 1. สาระการเรยี นรู้ 1. การอา้ งอิงตำแหนง่ เซลล์ 2. การคำนวณอ้างองิ ตำแหนง่ เซลล์ข้ามแผ่นงาน 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สามารถคำนวณอา้ งองิ ตำแหน่งเซลล์ได้ 2. สามารถคำนวณข้ามแผ่นงานได้ 3. มีคุณธรรมจริยธรรม คา่ นิยม และมคี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 3. เน้อื หาสาระ 1. การอ้างองิ ตำแหนง่ เซลล์ การอา้ งองิ ตำแหนง่ เซลลเ์ พ่ือใช้ในการคำนวณมรี ปู แบบการอา้ งอิง 3 รูปแบบดงั น้ี รูปแบบที่ 1 การอ้างอิงเซลล์แบบสัมพัทธ์ (Relative Reference) เม่ือเซลล์ถูกคดั ลอกไปตำแหน่ง เซลล์อนื่ ตำแหน่งเซลล์จะถูกเปลย่ี นตามโดยอัตโนมตั ิ เชน่ เซลล์ E2 ใสส่ ตู ร =C2*D2 เมื่อคดั ลอก สตู รไปตำแหนง่ E3 สตู รจะเปล่ยี นเปน็ =C3*D3 ใหโ้ ดยอตั โนมตั ิ การคัดลอกสูตรนั้นสามารถทำได้ ท้งั แนวต้ังและแนวนอน รปู แบบท่ี 2 การอา้ งองิ เซลลแ์ บบสมบูรณ์ (Absolute Reference) เปน็ การกำหนดคา่ ของตำแหนง่ เซลล์ไม่ใหม้ กี ารเปลีย่ นแปลง เช่น $B$8 หมายถงึ เซลล์ B8 จะคงทไ่ี มเ่ ปลี่ยนแปลงไมว่ า่ จะคดั ลอก สูตรไปเซลล์ใดกต็ าม จะมคี า่ เหมอื นเดมิ ถา้ ต้องการใส่เคร่อื งหมาย $ ให้อตั โนมตั ิให้กด F4 รปู แบบที่ 3 การอา้ งองิ เซลลแ์ บบผสม (Mixed Reference) เป็นการผสมระหว่างการอา้ งอิงแบบ สัมพทั ธ์ และแบบสมบรู ณ์ จะใช้ในกรณที ี่ต้องการใหต้ ำแหน่งเซลล์เปล่ียนบา้ งหรือคงทบี่ ้างเชน่ F$2 หมายถึง 2 คงท่จี ะไม่เปล่ียนแปลงตามหมายเลขบรรทัดของแถว ที่ถกู คัดลอก 2. การคำนวณอ้างองิ ตำแหน่งเซลลข์ า้ มแผ่นงาน การคำนวณขา้ มแผน่ งานเป็นการอา้ งองิ เซลลท์ อ่ี ยู่คนละแผ่นงาน มีรูปแบบการคำนวณดังน้ี =ชอ่ื ของแผ่นงานตามดว้ ยเครอ่ื งหมาย ! และ ช่อื เซลลท์ ่ีอา้ งอิงถึง ในการสร้างสูตรคำนวณสามารถใช้ เมาส์เลือกตำแหนง่ เซลล์หรือใช้คียบ์ อร์ดพิมพ์สตู รกไ็ ด้ เชน่ =Sheet1!A5+Sheet2!A6+Sheet3!A7 4. กระบวนการจดั การเรียนรู้ 4.1 ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ทบทวนความรู้ เรื่อง โครงสรา้ ง สญั ลกั ษณ์และ ลำดับความสำคญั ของเคร่อื งหมายทีใ่ ช้ ในการคำนวณ ขอ้ ผดิ พลาดท่อี าจเกิดข้นึ การสร้างสูตรคำนวณ การแก้ไขสูตร และการคัดลอกสูตร 2. ครนู ำเสนอ การคำนวณแบบการอา้ งองิ ตำแหน่งเซลล์ และการคำนวณอ้างองิ ตำแหน่ง เซลล์ขา้ มแผน่ งาน 3. ครูให้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 3 คน 4.2 ข้นั สอน 1. นกั เรยี นศึกษาเอกสารประกอบการสอน เรื่อง การคำนวณแบบอา้ งอิงตำแหน่งเซลล์ และการคำนวณอ้างองิ ตำแหน่งเซลล์ข้ามแผน่ งาน โดยใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่างการคำนวณโดยใช้ การอา้ งองิ ตำแหน่งเซลล์ กลุม่ ละ 2 ตัวอยา่ ง นำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 2. นกั เรียนออกมาอภปิ ราย วิธกี ารคำนวณแบบอ้างองิ ตำแหนง่ เซลลแ์ ละการคำนวณอา้ งอิง ตำแหน่งเซลล์ขา้ มแผ่นงาน 3. ครูอธบิ ายเพิม่ เติม เรื่อง วธิ กี ารคำนวณแบบอ้างองิ ตำแหน่งเซลล์และการคำนวณอ้างอิง ตำแหน่งเซลล์ข้ามแผน่ งาน 4. ครูสาธิตวธิ กี ารคำนวณแบบอ้างอิงตำแหน่งเซลล์ และการคำนวณอา้ งอิงตำแหนง่ เซลล์ ข้ามแผ่นงาน โดยใหน้ กั เรียนได้รว่ มอภปิ รายหน้าชั้นเรียน 5. นักเรียนฝึกปฏิบัติใช้โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เรอ่ื งการคำนวณแบบอ้างอิงตำแหน่งเซลล์และการคำนวณอา้ งอิงตำแหน่งเซลล์ขา้ มแผ่นงาน 6. นักเรียนและครูร่วมกนั ตอบขอ้ ซกั ถามจากเพ่อื นในห้องเรียน 7. นกั เรียนทำแบบฝกึ ปฏิบัติท่ี 3.1 เรอื่ ง การใชส้ ูตรคำนวณ โดยศกึ ษาจากเอกสาร ประกอบการสอน 8. นกั เรียนและครูร่วมกันตรวจประเมนิ แบบฝึกปฏบิ ตั ิที่ 3.1 เรอื่ ง การใชส้ ูตรคำนวณ 9. ครูแจ้งคะแนนให้นกั เรยี นทราบ 4.3 ขน้ั สรปุ 1. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรุปเนอ้ื หาวิชา เรอ่ื ง การคำนวณแบบการอา้ งอิงตำแหนง่ เซลล์ และการคำนวณอ้างอิงตำแหน่งเซลล์ขา้ มแผน่ งาน โดยครูคอยให้คำช้ีแนะเพม่ิ เติม 5. สอื่ การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ าโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบฝกึ ปฏิบัติที่ 3.1 เรือ่ ง การใช้สตู รคำนวณ 6. งานที่มอบหมาย 1. ใหน้ กั เรยี น ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เร่ือง การใช้ฟังก์ชนั คำนวณ 7. การวดั ผลและประเมินผล เคร่อื งมอื การประเมิน วธิ วี ดั และประเมิน เกณฑ์ การประเมนิ
แบบฝกึ ปฏบิ ัตทิ ่ี 3.1 ตรวจแบบฝกึ ปฏิบัติ ได้คะแนน เรอื่ ง การใช้สูตรคำนวณ ข้อละ 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 ถกู 1 คะแนน ขน้ึ ไป แบบสังเกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม ไม่ถกู 0 คะแนน จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะ ไดค้ ะแนน อนั พงึ ประสงค์ สงั เกตพฤติกรรม รอ้ ยละ 80 ดี 2 คะแนน ข้ึนไป พอใช้ 1 คะแนน ปรบั ปรุง 0 คะแนน
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 8 รหสั วชิ า...............2204-2103...........................วชิ า....................โปรแกรมตารางคำนวณ ...................... หนว่ ยการเรียนที่..3..การใชส้ ูตรและฟงั กช์ ันในการคำนวณ..............................ระดบั ชนั้ ......ปวช.2...... หวั ขอ้ ย่อย..3.2..การใชฟ้ ังกช์ นั คำนวณ.......................................................................เวลา....4....ชวั่ โมง 1. สาระการเรียนรู้ 1. ส่วนประกอบของฟงั ก์ชัน 2. ประเภทของฟงั ก์ชนั 3. การสร้างฟังกช์ นั คำนวณ 4. การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน SUM 5. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั MAX 6. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน MIN 7. การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน AVERAGE 8. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั COUNT 9. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน COUNTA 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สามารถบอกสว่ นประกอบของฟงั ก์ชันได้ 2. สามารถบอกประเภทของฟังก์ชันได้ 3. สามารถสรา้ งฟังก์ชนั คำนวณได้ 4. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั SUM ได้ 5. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน MAX ได้ 6. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั MIN ได้ 7. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน AVERAGE ได้ 8. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั COUNT ได้ 9. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั COUNTA ได้ 10. มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ค่านิยม และมคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 3. เน้อื หาสาระ การใชฟ้ ังกช์ นั คำนวณ การใชฟ้ งั กช์ ัน (Function) คำนวณคา่ ต่างๆ เป็นการคำนวณท่มี ีความสะดวกรวดเรว็ สามารถทำงานอยา่ งใดอย่างหนึง่ ได้เพยี งแค่ พิมพ์ฟังก์ชนั และใสค่ า่ อาร์กิวเมนต์ (Argument) ก็สามารถคำนวณไดแ้ ล้ว
1. สว่ นประกอบของฟงั ก์ชนั โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) มฟี ังก์ชนั ใหใ้ ช้งานมากมาย แตล่ ะฟังกช์ ันใช้งานแตกตา่ งกัน ฟังกช์ นั มีสว่ นประกอบดงั นี้ =ชื่อฟังก์ชนั (คา่ Argument1,คา่ Argument1…) 2. ประเภทของฟงั กช์ นั ประเภทของฟังกช์ ันทใี่ ชง้ านสามารถแบง่ ได้ดังนี้ 1. ฟงั กช์ ันทางคณิตศาสตร์ 2. ฟงั ก์ชนั ทางตรรกศาสตร์ 3. ฟงั ก์ชันทเ่ี กย่ี วกับวันที่ 4. ฟังกช์ นั ทีเ่ ก่ยี วกบั เวลา 5. ฟงั กช์ ันทเ่ี กี่ยวกบั การเงนิ 6. ฟังกช์ นั ที่เกี่ยวกบั ตวั อกั ษร 7. ฟังก์ชนั ทางสถิติ 8. ฟงั กช์ ันในการค้นหาข้อมูล 9. ฟังกช์ ันทางดา้ นวิศวกรรม 10. ฟังกช์ นั ในการจัดการฐานข้อมูล 3. การสรา้ งฟงั ก์ชันคำนวณ การสร้างฟงั ก์ชันคำนวณสามารถสร้างไดห้ ลายวิธี ยกตัวอย่างเชน่ วธิ ที ่ี 1 พมิ พ์ฟังกช์ นั ลงในเซลล์ หรือ พมิ พ์บนแถบสตู ร การพิมพ์ฟงั กช์ นั ลงในเซลล์ หรอื พมิ พ์บนแถบสูตร สามารถปฏิบตั ิได้ดังนี้ 5. ใชเ้ มาส์เลือกเซลล์ที่จะสร้างฟังก์ชันคำนวณ แลว้ พมิ พเ์ ครอ่ื งหมายเทา่ กับ (=) พิมพ์ฟงั กช์ ันตามท่ตี ้องการ แล้วกด Enter วิธีที่ 2 เลอื กจากฟงั กช์ ันไลบรารี (Function Library) การเลอื กจากฟังก์ชันไลบรารี สามารถเรียกใช้งานไดอ้ ย่างสะดวก ซึง่ อย่ใู น รบิ บอน แทบ็ สูตร โดย ฟงั ก์ชนั ไลบรารี จะแยกฟังก์ชนั ออกเปน็ ประเภทต่างๆสามารถปฏิบตั ไิ ด้ดงั น้ี 1. ใชเ้ มาส์เลอื กเซลล์ทีจ่ ะสร้างฟงั ก์ชนั คำนวณ แลว้ พมิ พ์เครื่องหมายเท่ากบั (=) 2. เลอื กแทบ็ สูตร 3. เลอื กจากฟังก์ชนั ไลบรารี ท่ีต้องการ วิธที ่ี 3 เลอื กฟังก์ชันจาก Name Box ปกติแล้ว Name Box จะเป็นเครอ่ื งมือบอกตำแหน่งเซลลห์ รือชือ่ เซลล์ แต่ถา้ พมิ พ์ เครอ่ื งหมายเทา่ กับ (=) ลงบนเซลล์ Name Box จะแสดงรายช่อื ของฟงั กช์ ันท่ีเคยเรียกใช้งานไป ก่อนหนา้ น้ันขึ้นมาให้เลือกสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดงั นี้ 1. ใชเ้ มาส์เลือกเซลล์ทีจ่ ะสรา้ งฟงั ก์ชนั คำนวณแล้วพมิ พ์เครอื่ งหมายเทา่ กับ (=) 2. เลอื กฟังก์ชันจาก Name Box 4. การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั SUM รปู แบบ =SUM(Number1,Number2,……)
ฟงั กช์ นั SUM ทำหนา้ ท่ี หาผลรวมของจำนวน Number เปน็ กลมุ่ ของจำนวนท่ีต้องการ หาผลรวม เครื่องหมายคอมม่า (,) เป็นตัวขน้ั ระหว่างกลมุ่ ของจำนวน ยกตวั อยา่ งเชน่ =SUM(E3:E5) หมายถงึ การหาผลรวมต้ังแต่ เซลล์ E3 ถึง E5 =SUM(C3:C5,E3:E5) หมายถงึ การหาผลรวมต้ังแต่ เซลล์ C3 ถงึ C5 และ เซลล์ E3 ถงึ E5 =SUM(C3,C5,E3) หมายถงึ การหาผลรวม เซลล์ C3 C5 และ E3 5. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน MAX รูปแบบ =MAX(Number1,Number2,……) ฟังกช์ นั MAX ทำหน้าท่ี หาค่าสูงสุดของจำนวน Number เป็นกลุ่มของจำนวนทตี่ อ้ งการ หาคา่ สูงสุด เครือ่ งหมายคอมม่า (,) เป็นตวั ขน้ั ระหวา่ งกลุ่มของขอ้ มลู ยกตัวอย่างเชน่ =MAX(E3:E5) หมายถงึ การหาคา่ สูงสุดตั้งแต่ เซลล์ E3 ถงึ E5 =MAX(E3:E5,C3:C5) หมายถงึ การหาค่าสูงสุดต้งั แต่ เซลล์ E3 ถึง E5 และ เซลล์ C3 ถึง C5 =MAX(C3,C5,E3,D4,E5) หมายถึง การหาคา่ สูงสดุ เซลล์ C3 C5 E3 D4 และ E4 6. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน MIN รปู แบบ =MIN(Number1,Number2,……) ฟังกช์ นั MIN ทำหนา้ ท่ี หาคา่ ต่ำสุดของจำนวน Number เปน็ กลมุ่ ของจำนวนท่ตี ้องการ หาค่าต่ำสดุ เคร่ืองหมายคอมม่า (,) เปน็ ตวั ขนั้ ระหว่างกลุ่มของจำนวน ยกตัวอยา่ งเชน่ =MIN(E3:E5) หมายถึง การหาค่าตำ่ สุดตั้งแต่ เซลล์ E3 ถงึ E5 =MIN(E3:E5,C3:C5) หมายถึง การหาค่าต่ำสุดต้งั แต่ เซลล์ E3 ถงึ E5 และ เซลล์ C3 ถงึ C5 =MIN(C3,C5,E3,D4,E5) หมายถงึ การหาค่าต่ำสุด เซลล์ C3 C5 E3 D4 และ E5 7. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน AVERAGE รปู แบบ =AVERAGE(Number1,Number2,……) ฟังก์ชนั AVERAGE ทำหน้าท่ี หาค่าเฉลยี่ ของจำนวน Number เปน็ กลุ่มของจำนวนที่ ตอ้ งการหาค่าเฉล่ยี เครอ่ื งหมายคอมมา่ (,) เป็นตัวขัน้ ระหวา่ งกลุ่มของจำนวน ยกตวั อยา่ งเช่น =AVERAGE(E3:E5) หมายถึง การหาค่าเฉล่ยี ต้ังแต่ เซลล์ E3 ถึง E5 =AVERAGE(E3:E5,C3:C5) หมายถึง การหาค่าเฉลยี่ ต้งั แต่ เซลล์ E3 ถึง E5 และ เซลล์ C3 ถงึ C5 =AVERAGE(E3,E5,C3,C5) หมายถงึ การหาค่าเฉลยี่ เซลล์ E3 E5 C3 และ C5 8. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั COUNT รปู แบบ =COUNT(Value1,Value2,……) ฟงั ก์ชัน COUNT ทำหน้าท่ี นับข้อมูลเฉพาะตัวเลข Value เป็นกลมุ่ ของขอ้ มูลทตี่ ้องการ นบั ตวั เลข เครือ่ งหมายคอมม่า (,) เปน็ ตัวขั้นระหว่างกล่มุ ของข้อมูล ยกตวั อยา่ งเชน่ =COUNT(E3:E5) หมายถึง การนับจำนวนตวั เลขต้งั แต่ เซลล์ E3 ถึง E5
=COUNT(E3:E5,C3:C5) หมายถึง การนบั จำนวนตวั เลขตั้งแต่ เซลล์ E3 ถึง E5 และ เซลล์ C3 ถงึ C5 =COUNT(E3,E5,C3,C5) หมายถงึ การนับจำนวนตวั เลข เซลล์ E3 E5 C3 และ C5 9. การคำนวณโดยใชฟ้ ังก์ชนั COUNTA รูปแบบ =COUNTA(Value1,Value2,……) ฟังก์ชนั COUNTA ทำหน้าที่ นบั ขอ้ มูลทั้งตวั เลขและข้อความ Value เปน็ กลุ่มของขอ้ มลู ท่ตี ้องการนบั เครือ่ งหมายคอมม่า (,) เปน็ ตวั ข้ันระหว่างกลุม่ ของขอ้ มูล ยกตัวอยา่ งเช่น =COUNTA(E3:E8) หมายถึง การนบั จำนวนต้ังแต่ เซลล์ E3 ถึง E8 =COUNTA(E3:E8,C3:C8) หมายถึง การนบั จำนวนต้ังแต่ เซลล์ E3 ถึง E8 และ เซลล์ C3 ถงึ C8 =COUNTA(E3,E5,C3,C5) หมายถงึ การนบั จำนวน เซลล์ E3 E5 C3 และ C5 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4.1 ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ทบทวนความรู้ เรอื่ ง การคำนวณแบบอา้ งอิงตำแหน่งเซลล์ และการคำนวณอ้างองิ ตำแหนง่ เซลล์ข้ามแผ่นงาน 2. ครใู หน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3 คน 3. ครนู ำเสนอ ส่วนประกอบของฟงั กช์ ัน ประเภทของฟงั กช์ ัน การสร้างฟังกช์ ันคำนวณ การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั SUM การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน MAX การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั MIN การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั AVERAGE การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั COUNT และการคำนวณโดยใช้ ฟังกช์ ัน COUNTA และให้นกั เรยี นร่วมอภปิ ราย 4.2 ขั้นสอน 1. นกั เรียนศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เร่อื ง ส่วนประกอบของฟังกช์ ัน ประเภทของ ฟงั ก์ชนั การสร้างฟงั กช์ ันคำนวณ การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั SUM การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน MAX การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน MIN การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั AVERAGE การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน COUNT และการคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั COUNTA โดยให้นักเรยี นนำเสนอฟังก์ชนั หน้าชั้นเรียน กลุ่มละ 2 ฟังกช์ ัน 2. ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ เรอื่ ง สว่ นประกอบของฟงั ก์ชัน ประเภทของฟังก์ชนั การสร้าง ฟงั กช์ ันคำนวณ การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั SUM การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั MAX การคำนวณโดยใช้ ฟังก์ชัน MIN การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน AVERAGE การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน COUNT และการ คำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั COUNTA 3. ครูสาธติ การสรา้ งฟังก์ชันคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั SUM การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั MAX การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน MIN การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน AVERAGE การคำนวณโดยใช้ ฟงั กช์ ัน COUNT และการคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน COUNTA และให้นกั เรียนมสี ่วนรว่ มโดยการ
ถามตอบเป็นรายบุคคล 4. นกั เรียนฝกึ ปฏิบัติใชโ้ ปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เร่ือง การสรา้ งฟงั ก์ชนั คำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน SUM การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั MAX การคำนวณโดยใช้ ฟงั กช์ นั MIN การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั AVERAGE การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั COUNT และการ คำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน COUNTA และให้นักเรียนนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น 5. นักเรยี นและครูร่วมกันตอบข้อซกั ถามจากเพือ่ นในหอ้ งเรยี น 6. นักเรยี นทำแบบฝกึ ปฏิบตั ิท่ี 3.2 เรื่อง การใชฟ้ งั ก์ชันคำนวณ โดยศึกษาจากเอกสาร ประกอบการสอน 7. นกั เรียนและครูร่วมกันตรวจประเมนิ แบบฝึกปฏบิ ัตทิ ี่ 3.2 เรือ่ ง การใช้ฟังก์ชันคำนวณ 8. ครูแจง้ คะแนนให้นกั เรยี นทราบ 4.3 ขั้นสรปุ 1. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุป เร่ือง สว่ นประกอบของฟังกช์ ัน ประเภทของฟังก์ชนั การสร้างฟงั กช์ ันคำนวณ การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน SUM การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน MAX การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน MIN การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน AVERAGE การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั COUNT และการคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน COUNTA โดยครคู อยให้คำช้ีแนะเพิม่ เติม 5. สื่อการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบฝกึ ปฏิบัติที่ 3.2 เรอ่ื ง การใชฟ้ งั กช์ นั คำนวณ 6. งานท่มี อบหมาย 1. ใหน้ กั เรยี น ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เรอ่ื ง การใช้ฟงั ก์ชันคำนวณ 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล เครื่องมือการประเมนิ วธิ วี ัดและประเมนิ เกณฑ์ แบบฝึกปฏิบัตมิ ท่ี 3.2 การประเมนิ เร่ือง การใชฟ้ ังกช์ ันคำนวณ ตรวจแบบฝกึ ปฏิบตั ิ ได้คะแนน ขอ้ ละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 แบบสงั เกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม ถกู 1 คะแนน ข้นึ ไป จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะ ไมถ่ ูก 0 คะแนน อันพึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรม ไดค้ ะแนน ดี 2 คะแนน ร้อยละ 80 พอใช้ 1 คะแนน ขน้ึ ไป ปรบั ปรงุ 0 คะแนน
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 รหัสวิชา...............2204-2103..........................วชิ า...............วิชาโปรแกรมตารางคำนวณ ...................... หนว่ ยการเรยี นท่ี..3..การใช้สูตรและฟงั ก์ชันในการคำนวณ..............................ระดบั ชัน้ .....ปวช.2....... หวั ขอ้ ยอ่ ย..3.2..การใชฟ้ ังก์ชันคำนวณ.......................................................................เวลา....4....ชัว่ โมง 1. สาระการเรยี นรู้ 1. การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน VAR 2. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน STDEV 3. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั MEDIAN 4. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั ROUND 5. การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั DATE 6. การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั NOW 7. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั TODAY 8. การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน HOUR 9. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั TEXT 10. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั VLOOKUP 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน VAR ได้ 2. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั STDEV ได้ 3. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน MEDIAN ได้ 4. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั ROUND ได้ 5. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน DATE ได้ 6. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน NOW ได้ 7. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั TODAY ได้ 8. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั HOUR ได้ 9. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั TEXT ได้ 10. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน VLOOKUP ได้ 11. มีคุณธรรมจรยิ ธรรม ค่านยิ ม และมคี ณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 3. เน้อื หาสาระ 1. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั VAR รูปแบบ =VAR(Number1,Number2,……) ฟังก์ชัน VAR ทำหน้าที่ หาค่าความแปรปรวน Number เปน็ กลมุ่ ของจำนวนทตี่ อ้ งการหา ค่าความแปรปรวน เครื่องหมายคอมมา่ (,) เป็นตัวขัน้ ระหว่างกลุ่มของจำนวน ยกตัวอย่างเช่น
=VAR(E2:E9) หมายถงึ การหาค่าความแปรปรวนต้งั แต่ เซลล์ E2 ถึง E9 =VAR(B2:B6,C2:C6) หมายถึง การหาค่าความแปรปรวนตั้งแต่ เซลล์ B2 ถึง B6 และ เซลล์ C2 ถึง C6 =VAR(B3,B5,D3,D5) หมายถงึ การหาค่าความแปรปรวน เซลล์ B3 B5 D3 และ D5 2. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน STDEV รูปแบบ =STDEV(Number1,Number2,……) ฟงั กช์ ัน STDEV ทำหนา้ ท่ี หาค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน Number เป็นกลุ่มของจำนวนที่ ต้องการหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เคร่ืองหมายคอมมา่ (,) เปน็ ตัวขัน้ ระหว่างกลุ่มของจำนวน ยกตัวอย่างเช่น =STDEV(E2:E7) หมายถงึ การหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ตงั้ แต่ เซลล์ E2 ถงึ E7 =STDEV(B2:B6,C2:C6) หมายถงึ การหาคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน ตั้งแต่ เซลล์ B2 ถึง B6 และ เซลล์ C2 ถงึ C6 =STDEV(B3,B5,D3,D5) หมายถึง การหาค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน เซลล์ B3 B5 D3 และ D5 3. การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน MEDIAN รูปแบบ =MEDIAN(Number1,Number2,……) ฟังก์ชนั MEDIAN ทำหนา้ ท่ี หาค่ากลาง Number เป็นกล่มุ ของจำนวนทีต่ ้องการหาค่า กลางเครอ่ื งหมายคอมมา่ (,) เปน็ ตัวขนั้ ระหว่างกลมุ่ ของจำนวน ยกตัวอย่างเชน่ =MEDIAN(E2:E7) หมายถึง การหาคา่ กลาง ตั้งแต่ เซลล์ E2 ถึง E7 =MEDIAN(B2:B4,C2:C4) หมายถึง การหาค่ากลาง ตัง้ แต่ เซลล์ B2 ถึง B4 และ เซลล์ C2 ถงึ C4 =MEDIAN(B3,B4,D3,D4) หมายถึง การหาค่ากลาง เซลล์ B3 B4 D3 และ D4 4. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน ROUND รูปแบบ =ROUND(Number,Num_digits) ฟงั กช์ นั ROUND ทำหน้าท่ี ปัดค่าตัวเลข Num_digits เป็นจำนวนหลักทศนยิ มเทา่ กบั ที่ ระบไุ ว้ ถา้ ตัวเลขมีค่าตั้งแต่ 5 ขนึ้ ไปใหป้ ัดขน้ึ ถา้ มคี า่ ตัง้ แต่ 4 ลงมาให้ปัดลง ยกตัวอยา่ งเช่น =ROUND(B2,2) หมายถึง ปัดคา่ ตวั เลขเซลล์ B2 ให้เปน็ คา่ ตัวเลข โดยมีจุดทศนยิ ม 2 ตำแหนง่ =ROUND(B3,1) หมายถงึ ปดั คา่ ตัวเลขเซลล์ B3 ใหเ้ ปน็ คา่ ตัวเลข โดยมจี ุดทศนิยม 1 ตำแหนง่ =ROUND(B4,0) หมายถึง ปดั ค่าตวั เลขเซลล์ B4 ให้เปน็ คา่ ตัวเลข โดยไมม่ จี ดุ ทศนยิ ม =ROUND(B5,-1) หมายถึง ปัดคา่ ตัวเลขเซลล์ B5 ให้เปน็ ค่าตัวเลขโดยมีค่าใกล้เคียงกับหลักสบิ =ROUND(B6,-2) หมายถึง ปัดคา่ ตวั เลขเซลล์ B6 ให้เปน็ คา่ ตวั เลขโดยมีค่าใกลเ้ คียงกับหลักรอ้ ย 5. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั DATE รูปแบบ
=DATE(Year,Month,Day) ฟงั กช์ ัน DATE ทำหนา้ ที่ แปลงตัวเลข วนั เดือน ปี ให้เปน็ วนั ที่ Year = ใส่ค่าปี ค.ศ. Month = ใส่คา่ เดอื น Day = ใส่ค่าวันที่ 6. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน NOW รปู แบบ =NOW() ฟังก์ชัน NOW ทำหน้าที่ แสดงวันทีแ่ ละเวลาปัจจุบนั ของระบบ ยกตัวอย่างเชน่ =NOW() หมายถงึ แสดงวันทแ่ี ละเวลาปัจจุบนั ของระบบ =NOW()+1 หมายถึง แสดงวันที่และเวลาปจั จุบันของระบบโดยวนั ที่จะเพิม่ 1 วัน แตเ่ วลาเหมอื นเดิม =NOW()-1 หมายถงึ แสดงวนั ทีแ่ ละเวลาปัจจุบันของระบบโดยวนั ทีจ่ ะลด 1 วัน แตเ่ วลาเหมอื นเดิม 7. การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั TODAY รูปแบบ =TODAY() ฟังกช์ นั TODAY ทำหนา้ ท่ี แสดงวนั ท่ีปจั จบุ นั ของระบบ ยกตวั อย่างเชน่ =TODAY() หมายถงึ แสดงวนั ทป่ี ัจจบุ ันของระบบ =TODAY()+1 หมายถงึ แสดงวนั ทีป่ จั จบุ ันของระบบโดยวนั ทีจ่ ะเพิ่ม 1 วนั =TODAY()-1 หมายถึง แสดงวนั ทป่ี ัจจบุ ันของระบบโดยวนั ทีจ่ ะลด 1 วนั 8. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั HOUR รปู แบบ =HOUR() ฟังกช์ นั HOUR ทำหนา้ ที่ แปลงข้อมูลเก่ียวกับเวลา โดยแสดงผลลพั ธเ์ ปน็ เลขจำนวนแต็มมี ค่าตงั้ แต่ 0 ถึง 23 เปน็ ค่าช่ัวโมงใน 1 วัน ยกตัวอยา่ งเช่น =HOUR(“18:20:30”) หมายถึง ช่วั โมงที่ 18 =HOUR(“22:30:15”) หมายถงึ ชวั่ โมงที่ 22 9. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน TEXT รูปแบบ =TEXT(Value,format_text) ฟังกช์ นั TEXT ทำหน้าท่ี แปลงคา่ เป็นขอ้ ความทอ่ี ยู่ในรูปแบบตวั เลขที่ระบุ Value คือ ตัวเลขหรือเซลลท์ ี่สามารถหาคา่ เปน็ ตวั เลข format_text คอื รูปแบบตวั เลขท่อี ยู่ในรูปของข้อความ ยกตัวอยา่ งเชน่ =TEXT(C5-B5,“h:mm”) หมายถงึ เซลล์ C5 ลบด้วยเซลล์ B5 และแสดงอยูใ่ นรปู เวลา 10. การคำนวณโดยใชฟ้ ังกช์ ัน VLOOKUP รูปแบบ =VLOOKUP(Lookup_Value,Table_array,Col_index_num,Range_lookup) ฟงั ก์ชนั VLOOKUP ทำหน้าที่ ค้นหาและแสดงขอ้ มูล
Lookup_Value คือ ค่าท่ีตอ้ งการค้นหาในคอลัมนแ์ รกของตาราง Table_array คอื ช่วงเซลลท์ ี่ตอ้ งการคน้ หา Col_index_num คอื คอลัมน์ท่ีต้องการแสดงข้อมลู โดยคอลัมนแ์ รกจะเป็น 1 คอลมั นต์ อ่ ไปจะเปน็ 2 และ 3 ตามลำดับ Range_lookup คือ คา่ ทางตรรกะท่กี ำหนดในการค้นหาขอ้ มูล ยกตวั อย่างเช่น =VLOOKUP(E4,$A$3:$C$7,2) หมายถึง เซลล์ E4 เปน็ ค่าคอลัมนแ์ รกของตารางทตี่ อ้ งการค้นหา โดยจะคน้ หาในตาราง A3 ถึง C7 และให้แสดงข้อมูลคอลัมนท์ ี่ 2 คอื ช่อื =VLOOKUP(E4,$A$3:$C$7,3) หมายถึง เซลล์ E4 เป็นคา่ คอลัมน์แรกของตารางที่ต้องการค้นหา โดยจะค้นหาในตาราง A3 ถึง C7 และใหแ้ สดงข้อมูลคอลัมน์ที่ 3 คอื เงนิ เดอื นสทุ ธิ 4. กระบวนการจดั การเรียนรู้ 4.1 ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ทบทวนความรู้ เรื่อง ส่วนประกอบของฟังกช์ ัน ประเภทของฟังก์ชัน การสร้างฟังก์ชัน คำนวณ การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน SUM การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั MAX การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน MIN การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั AVERAGE การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน COUNT และการคำนวณโดย ใชฟ้ งั ก์ชนั COUNTA โดยการถามตอบ 2. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน 3. ครูนำเสนอ การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั VAR การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั STDEV การคำนวณโดยใชฟ้ งั ก์ชัน MEDIAN การคำนวณโดยใชฟ้ งั ก์ชัน ROUND การคำนวณโดยใชฟ้ ังกช์ ัน DATE การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน NOW การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั TODAY การคำนวณโดยใช้ ฟังก์ชัน HOUR การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน TEXT และการคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั VLOOKUP 4.2 ขั้นสอน 1. นกั เรียนศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เรอ่ื ง การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน VAR การคำนวณโดยใชฟ้ ังก์ชนั STDEV การคำนวณโดยใชฟ้ งั กช์ ัน MEDIAN การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน ROUND การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน DATE การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั NOW การคำนวณโดยใช้ ฟังกช์ ัน TODAY การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั HOUR การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน TEXT และการ คำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั VLOOKUP โดยให้นักศึกษานำเสนอฟงั ก์ชนั การคำนวณกลมุ่ ละ 2 ฟงั ก์ชนั 2. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เรอ่ื ง การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน VAR การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน STDEV การคำนวณโดยใชฟ้ ังกช์ ัน MEDIAN การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั ROUND การคำนวณโดยใช้ ฟงั กช์ นั DATE การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน NOW การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั TODAY การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั HOUR การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน TEXT และการคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน VLOOKUP และใหน้ กั เรยี นอภปิ รายโดยการถามตอบเปน็ รายบุคคล 3. ครสู าธติ การใชโ้ ปรแกรม เรอ่ื ง การคำนวณโดยใชฟ้ งั ก์ชนั VAR การคำนวณโดยใช้ ฟงั ก์ชัน STDEV การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั MEDIAN การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน ROUND การ
คำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั DATE การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน NOW การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั TODAY การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั HOUR การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน TEXT และการคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั VLOOKUP โดยให้นักเรยี นได้รว่ มแสดงความคิดเหน็ เพ่อื ให้นักเรยี นมีส่วนรว่ มในการคดิ วเิ คราะห์ เน้ือหารายวิชา 4. นกั เรียนฝึกปฏบิ ัติใช้วิชาโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เรอ่ื ง การคำนวณโดยใชฟ้ งั ก์ชนั VAR การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน STDEV การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน MEDIAN การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน ROUND การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั DATE การคำนวณโดยใช้ ฟงั ก์ชนั NOW การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน TODAY การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั HOUR การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั TEXT และการคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั VLOOKUP และนำเสนอหน้า ช้นั เรียน 5. นกั เรยี นและครูร่วมกนั ตอบข้อซกั ถามจากเพอื่ นในห้องเรียน 6. นักเรยี นทำแบบฝกึ ปฏิบตั ิท่ี 3.2 เรอื่ ง การใชฟ้ ังก์ชนั คำนวณ โดยศกึ ษาจากเอกสาร ประกอบการสอน 7. นักเรยี นและครูร่วมกันตรวจประเมินแบบฝึกปฏบิ ัตทิ ี่ 3.2 เร่ือง การใช้ฟงั กช์ ันคำนวณ 8. ครแู จง้ คะแนนใหน้ ักเรยี นทราบ 4.3 ขน้ั สรุป 1. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปเนื้อหาวชิ า เรื่อง การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน VAR การคำนวณโดยใชฟ้ ังกช์ นั STDEV การคำนวณโดยใชฟ้ งั กช์ ัน MEDIAN การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน ROUND การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน DATE การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน NOW การคำนวณโดยใช้ ฟงั กช์ ัน TODAY การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน HOUR การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั TEXT และการ คำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั VLOOKUP โดยครูคอยใหค้ ำชแ้ี นะเพมิ่ เติม 5. สอ่ื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ าโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบฝึกปฏบิ ัติท่ี 3.2 เร่อื ง การใชฟ้ งั ก์ชนั คำนวณ 6. งานท่มี อบหมาย 1. ใหน้ กั เรียน ศึกษาเอกสารประกอบการสอน เรอ่ื ง การใช้ฟงั ก์ชันคำนวณ 7. การวดั ผลและประเมินผล วิธีวดั และประเมนิ เกณฑ์ เครือ่ งมือการประเมิน
แบบฝึกปฏบิ ัติท่ี 3.2 ตรวจแบบฝกึ ปฏิบตั ิ การประเมิน เร่อื ง การใชฟ้ งั กช์ ันคำนวณ ขอ้ ละ 1 คะแนน ได้คะแนน ถูก 1 คะแนน ร้อยละ 75 แบบสังเกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม ไมถ่ กู 0 คะแนน ขึน้ ไป จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ สงั เกตพฤตกิ รรม ได้คะแนน ดี 2 คะแนน รอ้ ยละ 80 พอใช้ 1 คะแนน ข้ึนไป ปรับปรงุ 0 คะแนน
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 10 รหสั วิชา...............2204-2103...........................วชิ า..................โปรแกรมตารางคำนวณ ....................... หนว่ ยการเรียนที่..3..การใชส้ ูตรและฟงั ก์ชนั ในการคำนวณ..............................ระดบั ช้ัน......ปวช.2...... หวั ข้อย่อย..3.2..การใชฟ้ ังกช์ นั คำนวณ.......................................................................เวลา....4....ชวั่ โมง 1. สาระการเรียนรู้ 1. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน IF 2. การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน IF ซ้อน IF 3. การคำนวณโดยใชฟ้ งั ก์ชนั SUMIF 4. การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน COUNTIF 5. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั PMT 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน IF ได้ 2. สามารถคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน IF ซ้อน IF ได้ 3. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั SUMIF ได้ 4. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั COUNTIF ได้ 5. สามารถคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน PMT ได้ 6. มีคุณธรรมจรยิ ธรรม ค่านยิ ม และมคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 3. เนอ้ื หาสาระ 1. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั IF รปู แบบ =IF(Logical,Value_if_true,Value_if_false) ฟงั กช์ นั IF ทำหน้าท่ี ตรวจสอบเง่ือนไขหาคา่ จริงหรอื เท็จแล้วตัดสินใจในการประมวลผล Logical คอื เงือ่ นไขทใ่ี ชต้ รวจสอบหาคา่ ความจริงหรอื เท็จ Value_if_true คอื ถ้าเง่ือนไขเปน็ จริงโปรแกรมจะส่งั ใหป้ ระมวลผล เช่น คำนวณ หรือแสดง ข้อความ Value_if_false คอื ถ้าเงือ่ นไขเป็นเทจ็ โปรแกรมจะสั่งใหป้ ระมวลผล เชน่ คำนวณ หรอื แสดง ขอ้ ความ ยกตัวอย่างเชน่ =IF(C2>7000,C2*5,C2*3) หมายถึง ถา้ เซลล์ C2 มากกว่า 7000 ให้ เซลล์ C2*5 แต่ถา้ เซลล์ C2 น้อยกวา่ หรือเท่ากับ 7000 ให้ เซลล์ C2*3 =IF(C2>7000,”ผจู้ ดั การ”,”ธรุ การ”) หมายถึง ถ้าเซลล์ C2 มากกวา่ 7000 ให้ พมิ พข์ ้อความ ผู้จดั การ แตถ่ ้าเซลล์ C2 นอ้ ยกว่าหรือเท่ากบั 7000 ให้ พมิ พ์ข้อความ ธุรการ 2. การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั IF ซอ้ น IF รูปแบบ
=IF(Logical,Value_if_true,IF(Logical,Value_if_true,IF(Logical,Value_if_true,Value_if_false ))) ฟังก์ชัน IF ซอ้ น IF ทำหนา้ ท่ี ตรวจสอบเงื่อนไขในกรณีที่มีหลายเง่ือนไข และหาค่าจริงหรอื เท็จแลว้ ตัดสินใจในการประมวลผล Logical คอื เงื่อนไขทีใ่ ช้ตรวจสอบหาคา่ ความจริงหรอื เทจ็ Value_if_true คือ ถ้าเง่ือนไขเปน็ จรงิ โปรแกรมจะส่งั ให้ประมวลผล เช่น คำนวณ หรอื แสดงขอ้ ความ Value_if_false คือ ถ้าเงอ่ื นไขเปน็ เท็จโปรแกรมจะสง่ั ให้ประมวลผล เชน่ คำนวณ หรอื แสดง ข้อความ ยกตวั อยา่ งเชน่ =IF(C4>7000,C4*30%,IF(C4>6000,C4*20%,IF(C4>5000,C4*10%,C4*1%))) หมายถงึ ถา้ เซลล์ C4 มากกวา่ 7000 ให้เซลล์ C4*30% ถ้าเซลล์ C4 มากกว่า 6000 ให้เซลล์ C4*20% ถ้าเซลล์ C4 มากกว่า 5000 ให้เซลล์ C4*10% แตถ่ า้ เซลล์ C4 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5000 ใหเ้ ซลล์ C4*1% 3. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน SUMIF รปู แบบ =SUMIF(Range,Criteria,Sum_range) ฟงั กช์ นั SUMIF ทำหนา้ ที่ หาผลรวมแบบมเี งอ่ื นไข Range คอื ขอบเขตข้อมลู ที่ตอ้ งการตรวจสอบเงอ่ื นไข Criteria คือ เงื่อนไขท่ีกำหนดให้คำนวณหาผลรวม Sum_range คือ ช่วงของเซลล์ท่ีตรวจสอบเงื่อนไขเพอ่ื นำมาคำนวณ ยกตวั อยา่ งเชน่ =SUMIF(C2:C5,\">7000\") หมายถงึ ให้หาผลรวมของเซลล์ C2 ถึง เซลล์ C5 รวมเฉพาะตัว เลขทีม่ ากกวา่ 7000 =SUMIF(C2:C7,\"การบัญช\"ี ,D2:D7) หมายถึง ให้หาผลรวมของเซลล์ D2 ถงึ เซลล์ D7 รวม ตวั เลขเฉพาะ ตำแหน่งการบญั ชีทอ่ี ยใู่ นเซลล์ C2 ถงึ เซลล์ C7 4. การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั COUNTIF รูปแบบ =COUNTIF(Range,Criteria) ฟงั ก์ชัน COUNTIF ทำหนา้ ที่ นบั จำนวนแบบมเี งอื่ นไข Range คอื ขอบเขตขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการตรวจสอบเง่ือนไข Criteria คอื เง่ือนไขท่ีกำหนดให้นับจำนวน ยกตวั อยา่ งเช่น =COUNTIF (C2:C5,\">7000\") หมายถงึ ใหน้ ับตวั เลขของเซลล์ C2 ถงึ เซลล์ C5 นบั เฉพาะตัว เลขทมี่ ากกว่า 7000 5. การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน PMT รปู แบบ
=PMT(rate,nper,pv,fv,type) ฟงั ก์ ชัน่ PMT ทำหนา้ ที่ คำนวณหายอดการชำระเงินสำหรบั เงนิ กู้ (Payment) หรอื ผ่อน ชำระตอ่ งวดจากการก้ยู ืม เช่น เงินกูซ้ ้อื บา้ น หรอื สนิ เชอื่ บคุ คล โดยคำนวณจากการชำระเงินคงท่แี ละ อตั ราดอกเบีย้ คงท่ี rate คือ อัตราดอกเบีย้ ตอ่ งวด (ดอกเบย้ี /12) nper คือ จำนวนงวดทัง้ หมดของการชำระเงิน (ปี*12) pv คือ จำนวนเงินกู้ fv คือ มูลคา่ ในอนาคตของเงินลงทนุ type คอื แทนคา่ วันครบกำหนดชำระเงนิ (ถา้ ไม่ใสโ่ ปรแกรมจะถือว่ามคี ่าเป็น 0 ค่า 0 แทนกำหนดชำระเงนิ ส้ินงวด, ค่า 1 แทนกำหนดชำระเงนิ ต้นงวด) ยกตวั อย่างเชน่ =PMT(B2/12,B3,-B4,B5,B6) หมายถงึ คำนวณหายอดการชำระเงินสำหรับเงินกู้ 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4.1 ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ทบทวนความรู้ เร่อื ง การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน VAR การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน STDEV การคำนวณโดยใชฟ้ ังกช์ นั MEDIAN การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน ROUND การคำนวณโดยใช้ ฟงั กช์ นั DATE การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั NOW การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน TODAY การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน HOUR การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั TEXT และการคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน VLOOKUP โดยการถามตอบ 2. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 3 คน 3. ครนู ำเสนอ การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั IF การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั IF ซ้อน IF การคำนวณโดยใชฟ้ งั ก์ชัน SUMIF การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั COUNTIF การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน PMT 4.2 ขัน้ สอน 1. นักเรยี นศึกษาเอกสารประกอบการสอน เรอ่ื ง การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ นั IF การคำนวณโดยใชฟ้ ังก์ชนั IF ซอ้ น IF การคำนวณโดยใชฟ้ ังก์ชนั SUMIF การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน COUNTIF การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั PMT และให้นกั เรียนนำเสนอการใชฟ้ ังก์ชันคำนวณกล่มุ ละ 3 ฟังกช์ นั โดยนำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น 2. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใน เรอ่ื ง การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน IF การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ ัน IF ซอ้ น IF การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั SUMIF การคำนวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั COUNTIF การคำนวณโดยใช้ ฟังกช์ ัน PMT และให้นกั เรยี นรว่ มโดยการถามตอบเป็นรายบุคคล 3. ครูสาธติ การใช้โปรแกรม การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชนั IF การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชัน IF ซ้อน IF การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน SUMIF การคำนวณโดยใชฟ้ ังก์ชนั COUNTIF การคำนวณโดยใช้ ฟงั ก์ชัน PMT และใหน้ กั เรยี นร่วมแสดงความคิดเหน็ โดยการถามตอบ 4. นักเรียนฝึกปฏบิ ตั ิใชโ้ ปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เรือ่ ง การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน IF การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน IF ซอ้ น IF การคำนวณโดยใช้ฟังก์ชัน SUMIF การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั COUNTIF การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั PMT 5. นักเรยี นและครรู ่วมกนั ตอบข้อซกั ถามจากเพ่อื นในห้องเรียน
6. นักเรยี นทำแบบฝึกปฏิบัตทิ ี่ 3.2 เรอื่ ง การใช้ฟงั ก์ชันคำนวณ โดยศกึ ษาจากเอกสาร ประกอบการสอน 7. นักเรยี นและครรู ่วมกันตรวจประเมินแบบฝึกปฏิบตั ทิ ี่ 3.2 เรอื่ ง การใช้ฟังกช์ นั คำนวณ 8. ครูแจ้งคะแนนให้นกั เรยี นทราบ 4.3 ขน้ั สรปุ 1. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรปุ เนอื้ หาวชิ า เรอื่ ง การคำนวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั IF การคำนวณ โดยใชฟ้ ังกช์ ัน IF ซ้อน IF การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน SUMIF การคำนวณโดยใช้ฟังกช์ ัน COUNTIF การคำนวณโดยใช้ฟงั กช์ นั PMT โดยครูคอยให้คำชแี้ นะเพิม่ เตมิ 2. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยท่ี 3 เรอ่ื ง การใชส้ ูตรและฟังก์ชนั ในการ คำนวณ ด้วยความซ่ือสัตย์ 3. ครตู รวจให้คะแนนและแจ้งคะแนนให้นักเรยี นทราบ 5. ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบฝกึ ปฏบิ ัติท่ี 3.2 เรอื่ ง การใช้ฟังก์ชันคำนวณ 3. แบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยที่ 3 เรอื่ ง การใชส้ ูตรและฟงั ก์ชันในการคำนวณ 6. งานที่มอบหมาย 1. ใหน้ ักเรียน ศึกษาเอกสารประกอบการสอน เรือ่ ง การสร้างแผนภูมิ 7. การวดั ผลและประเมินผล เครอื่ งมอื การประเมิน วิธีวดั และประเมนิ เกณฑ์ แบบฝกึ ปฏบิ ัตทิ ี่ 3.2 การประเมิน เรือ่ ง การใชฟ้ งั ก์ชนั คำนวณ ตรวจแบบฝกึ ปฏิบัติ ไดค้ ะแนน ขอ้ ละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 แบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยท่ี 3 ถูก 1 คะแนน ขน้ึ ไป เรอ่ื ง การใชส้ ูตรและฟงั ก์ชันในการ ไม่ถูก 0 คะแนน คำนวณ ตรวจแบบทดสอบ ไดค้ ะแนน ข้อละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 แบบสงั เกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม ถูก 1 คะแนน ขึ้นไป จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะ ไม่ถูก 0 คะแนน อนั พึงประสงค์ สงั เกตพฤตกิ รรม ไดค้ ะแนน ดี 2 คะแนน รอ้ ยละ 80 พอใช้ 1 คะแนน ขนึ้ ไป ปรับปรุง 0 คะแนน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11 รหสั วชิ า...............2204-2103...........................วิชา................โปรแกรมตารางคำนวณ...................... หน่วยการเรยี นที่..4..การสรา้ งแผนภมู ิ...............................................................ระดบั ชน้ั ......ปวช.2...... หัวขอ้ ย่อย..4.1..การสร้างแผนภูมิ...............................................................................เวลา....4....ช่ัวโมง 1. สาระการเรยี นรู้ 1. ส่วนประกอบของแผนภมู ิ 2. ชนดิ ของแผนภมู ิและลกั ษณะการใช้งาน 3. การสร้างแผนภมู ิ 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สามารถบอกส่วนประกอบ บอกชนิด ของแผนภมู ไิ ด้ 2. สามารถบอกลกั ษณะการใช้งานของแผนภูมไิ ด้ 3. สามารถสร้างแผนภูมิได้ 4. มีคณุ ธรรมจริยธรรม คา่ นิยม และมคี ุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 3. เนือ้ หาสาระ 1. การสรา้ งแผนภมู ิ การสรา้ งแผนภมู ิ (Chart) หรอื กราฟ (Graph) เปน็ การนำขอ้ มูลในตารางมาแสดงใหอ้ ยูใ่ น รูปของภาพ สามารถเปรียบเทยี บข้อมูลไดแ้ ละทำให้เข้าใจข้อมูลมากยิง่ ขึ้น โดยเฉพาะการนำเสนอ ขอ้ มูลทซี่ ับซอ้ น เชน่ ยอดขายสนิ ค้า สถติ ินักศึกษา รายได้ของประชากร เป็นตน้ 2. ส่วนประกอบของแผนภูมิ ส่วนประกอบของแผนภูมิ สว่ นประกอบ ความหมาย ช่ือแผนภมู ิ ชือ่ หรือหวั เร่ืองของแผนภมู ิ ใช้อธบิ ายภาพรวม พนื้ ทแี่ ผนภมู ิ พื้นท่ขี องแผนภมู ิภายในกรอบทั้งหมด พื้นท่ีแสดงขอ้ มูล บรเิ วณท่ใี ช้แสดงข้อมลู สัญลกั ษณแ์ ทนขอ้ มูล คำอธบิ ายการแทนสัญลักษณ์ของขอ้ มูลแตล่ ะชดุ ชื่อแกนตงั้ ชื่อของแกนตงั้ ชอื่ แกนนอน ชอ่ื ของแกนนอน สว่ นประกอบ ความหมาย ชดุ ข้อมูล สัญลักษณท์ ่ีใชแ้ สดงแทนข้อมลู แต่ละหมวดหมู่ แกนต้งั เส้นทใี่ ช้เปน็ แนวอา้ งองิ ในการแสดงคา่ ของข้อมลู แตล่ ะชนดิ หรือหมวดหมู่ แกนนอน เส้นท่ีใช้แสดงชนดิ หรอื หมวดหมู่ของขอ้ มูล แสดงคา่ ขอ้ มูล คา่ ระดับตำแหนง่ ของแกนตั้ง หมวดหมูข่ อ้ มลู กล่มุ ของขอ้ มลู ท่ีแยกออกเป็นแต่ละประเภทแต่ละชนดิ
3. ชนิดของแผนภูมิและลักษณะการใช้งาน แผนภูมิมหี ลายชนดิ ซึ่งแต่ละชนดิ มีลกั ษณะการใช้งานแตกต่างกัน ดังน้นั ผ้ใู ช้จะตอ้ งพิจารณา อย่างละเอียดว่าแผนภมู ชิ นดิ ใดเหมาะสมกับข้อมูลชนิดใด เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการส่อื ความหมายได้ ชัดเจนที่สดุ มีรายละเอยี ดดงั นี้ ชนิดของแผนภูมิและลักษณะการใช้งาน สญั ลักษณ์ ชนิดของแผนภมู ิ ลกั ษณะการใชง้ าน ใช้เปรยี บเทยี บความแตกต่างของข้อมูลในเชิง แผนภูมิแท่งแนวตงั้ 2 มิติ ปริมาณนยิ มใชก้ บั จำนวนคน จำนวนเงนิ จำนวนสิง่ ของ เป็นต้น แผนภูมิแท่งแนวตัง้ 3 มิติ คลา้ ยกับแผนภมู ิแท่งแนวต้ัง 2 มติ ิ เพียงแต่ แผนภมู ิแทง่ รปู ทรงกระบอก แสดงแบบ 3 มิติ แนวตั้ง เหมือนแผนภูมิแท่งแนวตงั้ 2 มติ ิแต่แสดงค่า แผนภูมิแท่งรปู ทรงกรวย ขอ้ มลู เปน็ รูปทรงกระบอก แนวตั้ง เหมอื นแผนภูมิแท่งแนวตงั้ 2 มิตแิ ต่แสดงค่า แผนภูมแิ ทง่ รูปทรงพรี ะมิด ขอ้ มลู เปน็ รปู ทรงกรวย แนวต้งั เหมือนแผนภมู ิแทง่ แนวตั้ง 2 มติ แิ ต่แสดงค่า ขอ้ มลู เปน็ รปู ทรงพีระมดิ แผนภมู เิ ส้น 2 มติ ิ แสดงคา่ ของขอ้ มูลและแนวโน้มภายในช่วง แผนภูมเิ สน้ 3 มิติ ระยะเวลาตา่ งๆ เช่น รายไดใ้ นชว่ ง 1 เดือน คล้ายกบั แผนภูมิเสน้ 2 มติ ิ เพียงแต่ แสดง แบบ 3 มติ ิ สัญลกั ษณ์ ชนดิ ของแผนภูมิ ลักษณะการใชง้ าน แผนภูมวิ งกลม 2 มิติ แสดงความสมั พนั ธข์ องขอ้ มูลแต่ละสว่ นเทียบ กบั ผลรวมของขอ้ มูลทัง้ หมด แผนภมู ิวงกลม 3 มิติ คล้ายกับแผนภมู ิวงกลม 2 มิติ เพยี งแต่แสดง แบบ 3 มิติ แผนภมู ิแท่งแนวนอน 2 มิติ ใชเ้ ปรียบเทียบขอ้ มูลเกีย่ วกับระยะทางและเวลา โดยแสดงแท่งกราฟเป็นแนวนอน แผนภูมแิ ทง่ แนวนอน 3 มติ ิ แผนภมู แิ ท่งรูปทรงกระบอก คล้ายกบั แผนภูมแิ ท่งแนวนอน 2 มติ ิ เพียงแต่ แนวนอน แสดงแบบ 3 มติ ิ เหมือนแผนภูมแิ ทง่ แนวนอน 2 มิติแต่แสดง ค่าขอ้ มลู เป็นรปู ทรงกระบอก
แผนภูมิแทง่ รปู ทรงกรวย เหมอื นแผนภมู ิแทง่ แนวนอน 2 มติ แิ ตแ่ สดง แนวนอน ค่าข้อมูลเปน็ รปู ทรงกรวย แผนภูมิแท่งรูปทรงพรี ะมิด แนวนอน เหมือนแผนภูมแิ ทง่ แนวนอน 2 มติ แิ ตแ่ สดง ค่าข้อมูลเปน็ รปู ทรงพีระมดิ แผนภมู พิ ้นื ที่ 2 มติ ิ แสดงแนวโน้มและผลรวมของขอ้ มลู ในช่วงเวลา แผนภูมิพนื้ ท่ี 3 มติ ิ ทก่ี ำหนด ซึ่งคล้ายกบั แผนภมู ิเส้น คล้ายกบั แผนภมู พิ ้ืนท่ี 2 มิติ แต่จะแสดงเปน็ 3 มติ ิ แผนภูมิกระจาย ใช้เปรียบเทยี บขอ้ มูล 2 ชุดเพ่อื วิเคราะห์แบบ เชงิ เสน้ หรอื ดูการแบง่ ช่วงของขอ้ มูล แผนภมู หิ ุ้น แสดงค่าสงู สดุ ตำ่ สุด และคา่ อื่นๆ ของขอ้ มลู แผนภูมิพ้ืนผิว ในแต่ละชว่ งเวลา แผนภมู ิโดนัส แสดงแนวโน้มโดยนำคา่ X และ Y มาเปรียบเทยี บเพื่อแสดงเป็นกราฟทม่ี ีผน้ื ผิว ต่อเนอ่ื ง คล้ายแผนภูมิวงกลมแตส่ ามารถแสดงขอ้ มลู ได้ ซบั ซ้อนกวา่ แสดงข้อมูลได้หลายชุดพรอ้ มกัน สญั ลกั ษณ์ ชนดิ ของแผนภูมิ ลักษณะการใช้งาน แผนภูมิฟองสบู่ คล้ายกับแผนภูมิกระจาย แต่มีตวั แปรคา่ ที่ 3 จะแสดงดว้ ยขนาดของฟองสบู่ แผนภมู ิเรดาร์ แสดงความสัมพันธ์ของข้อมลู ในรูปของขอบเขต พื้นทีจ่ ดุ ศูนยก์ ลางรว่ มกนั 4. การสรา้ งแผนภมู ิ การสรา้ งแผนภมู นิ ้ัน จะตอ้ งมขี ้อมูลอยู่ในแผน่ งานทพ่ี รอ้ มนำไปอ้างองิ และจะตอ้ งรู้ วัตถปุ ระสงคก์ ารนำเสนอหรือการนำไปใชง้ าน เพ่ือทีจ่ ะเลือกประเภทของแผนภูมิได้ถกู ตอ้ งและ สอดคลอ้ งกับข้อมลู ขอยกตวั อย่างการสรา้ งแผนภูมิ ดงั ต่อไปน้ี การสร้างแผนภูมแิ ทง่ แนวตั้ง 2 มิติ แผนภูมแิ ทง่ แนวตงั้ 2 มติ ิ ใช้เปรียบเทยี บความแตกต่างของข้อมลู ในเชิงปริมาณนิยมใชก้ ับ จำนวนคน จำนวนเงนิ จำนวนส่งิ ของ เป็นต้นสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ดงั นี้ 6. ใช้เมาส์คลุมดำเลอื กกลุ่มของข้อมูล 7. เลือกแท็บแทรก 8. เลอื กชนดิ ของแผนภูมิแบบคอลมั น์ 9. เลือกชนิดของแผนภูมิแท่งแนวต้ัง 2 มิติ การสร้างแผนภมู ิเสน้ 2 มิติ
แผนภมู ิเสน้ 2 มติ ิ เป็นการแสดงค่าของขอ้ มูลและแนวโนม้ ภายในชว่ งระยะเวลาตา่ งๆ เชน่ รายไดใ้ นช่วง 1 เดอื น สามารถปฏบิ ัตไิ ดด้ ังน้ี 1. ใช้เมาสค์ ลมุ ดำเลือกกลุม่ ของขอ้ มูล 2. เลอื กแท็บแทรก 3. เลือกชนดิ ของแผนภมู ิแบบเส้น 4. เลอื กชนิดของแผนภมู ิเส้น 2 มิติ การสร้างแผนภูมิวงกลม 2 มิติ แผนภมู ิวงกลม 2 มติ ิ แสดงความสมั พนั ธข์ องข้อมลู แตล่ ะสว่ นเทียบกับผลรวมของขอ้ มูล ทั้งหมด สามารถปฏิบัตไิ ดด้ ังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลมุ ดำเลือกกลมุ่ ของข้อมูล 2. เลอื กแทบ็ แทรก 3. เลือกชนดิ ของแผนภูมิแบบวงกลม 2 มติ ิ 4. เลือกชนิดของแผนภมู ิวงกลม 2 มิติ การสรา้ งแผนภมู ิแบบกระจาย แผนภมู ิแบบกระจาย ใชเ้ ปรยี บเทยี บข้อมูล 2 ชุดเพ่ือวิเคราะห์แบบเชิงเสน้ หรอื ดกู ารแบ่ง ช่วงของขอ้ มลู สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดังนี้ 1. ใช้เมาสค์ ลมุ ดำเลอื กกลมุ่ ของข้อมูล 2. เลือกแทบ็ แทรก 3. เลือกชนิดของแผนภมู ิแบบกระจาย 4. เลอื กชนิดของแผนภูมิแบบกระจาย 4. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 4.1 ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยท่ี 4 เร่ือง การสร้างแผนภมู ิ 2. ครูตรวจให้คะแนนและแจ้งคะแนนให้นักเรยี นทราบ 3. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั ส่วนประกอบของแผนภูมิ ชนดิ ของแผนภูมิ ลกั ษณะการ ใชง้ าน และการสรา้ งแผนภมู ิ โดยการซกั ถาม 4.2 ข้นั สอน 1. นักเรียนศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เรือ่ ง สว่ นประกอบของแผนภมู ิ ชนดิ ของ แผนภูมิ ลักษณะการใช้งาน และการสรา้ งแผนภมู ิ โดยนกั ศึกษายกตวั อย่างขอ้ มลู ท่ีสามารถนำมาสรา้ ง แผนภูมิ คนละ 1 ขอ้ มูล 2. ครสู าธติ เพิม่ เติม เรอ่ื งส่วนประกอบของแผนภมู ิ ชนดิ ของแผนภูมิ ลกั ษณะการใช้งาน และการสร้างแผนภมู ิ 3. นักเรยี นฝกึ ปฏบิ ัติใช้โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เรอื่ งส่วนประกอบของแผนภูมิ ชนดิ ของแผนภมู ิ ลักษณะการใช้งาน และการสร้างแผนภูมิ และให้ นักเรยี นนำเสนอวธิ ีการสร้างแผนภูมิ 4. นักเรียนทำแบบฝกึ ปฏิบัตทิ ่ี 4.1 เร่ือง การสร้างแผนภูมิ โดยนักเรียนสามารถศกึ ษา จากเอกสารประกอบการสอนเพม่ิ เติมได้
5. นกั เรียนและครรู ว่ มกันตรวจประเมินแบบฝึกปฏบิ ัติที่ 4.1 เร่ือง การสร้างแผนภูมิ 6. ครูแจ้งคะแนนให้นกั เรียนทราบ 4.3 ขั้นสรปุ 1. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ เน้อื หาวชิ า เรื่องสว่ นประกอบของแผนภมู ิ ชนิดของแผนภมู ิ ลักษณะการใชง้ าน และการสรา้ งแผนภูมิ โดยครคู อยใหค้ ำชแ้ี นะเพม่ิ เติม 5. สือ่ การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยที่ 4 เรอ่ื ง การสร้างแผนภูมิ 3. แบบฝึกปฏบิ ัติท่ี 4.1 เรื่อง การสร้างแผนภูมิ 6. งานทม่ี อบหมาย 1. ใหน้ กั เรยี น ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เรื่อง การจดั รูปแบบแผนภมู ิ 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล เครื่องมอื การประเมนิ วิธีวดั และประเมนิ เกณฑ์ แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 4 การประเมิน เรือ่ ง การสรา้ งแผนภูมิ ตรวจแบบทดสอบ ทดสอบความรู้ ขอ้ ละ 1 คะแนน พ้ืนฐาน แบบฝึกปฏบิ ัตทิ ่ี 4.1 ถกู 1 คะแนน เรื่อง การสรา้ งแผนภูมิ ไมถ่ กู 0 คะแนน ไดค้ ะแนน ตรวจแบบฝึกปฏิบัติ รอ้ ยละ 75 แบบสงั เกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม ข้อละ 1 คะแนน ขึ้นไป จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะ ถูก 1 คะแนน อนั พงึ ประสงค์ ไมถ่ กู 0 คะแนน ไดค้ ะแนน สงั เกตพฤตกิ รรม รอ้ ยละ 80 ดี 2 คะแนน ขึ้นไป พอใช้ 1 คะแนน ปรบั ปรุง 0 คะแนน แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 12 รหสั วชิ า...............2204-2103...........................วชิ า................โปรแกรมตารางคำนวณ......................
หน่วยการเรยี นที่..4..การสร้างแผนภูมิ...............................................................ระดบั ชัน้ ......ปวช.2...... หัวขอ้ ย่อย..4.2..การจดั รูปแบบแผนภมู ิ.......................................................................เวลา....4....ชว่ั โมง 1. สาระการเรยี นรู้ 1. การจดั รปู แบบแผนภูมิดว้ ยสไตล์ 2. การเปล่ียนชนดิ ของแผนภูมิ 3. การเลอื กลักษณะของแผนภมู ิ 4. การแกไ้ ขหรือเปลยี่ นแปลงขอ้ มูล 5. การเลอื ก/แก้ไขชุดขอ้ มูล 6. การจัดองคป์ ระกอบของแผนภูมิ 7. การตกแตง่ แผนภูมิ 8. การปรับขนาด การเคล่ือนยา้ ย การลบ และการคดั ลอกแผนภมู ิ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สามารถจัดรปู แบบแผนภมู ดิ ว้ ยสไตล์ได้ 2. สามารถเปลีย่ นชนดิ และเลือกลักษณะของแผนภมู ไิ ด้ 3. สามารถแกไ้ ขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมลู ได้ 4. สามารถเลือก/แก้ไขชุดขอ้ มูลได้ 5. สามารถจดั องค์ประกอบ ตกแต่ง ปรบั ขนาด เคล่อื นย้าย ลบ และ คัดลอกแผนภูมิได้ 6. มีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และมคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 3. เน้ือหาสาระ การจดั รูปแบบแผนภมู ิ 1. การจดั รปู แบบแผนภูมิด้วยสไตล์ เม่อื เราสรา้ งแผนภูมแิ ล้ว เราสามารถจัดรปู แบบแผนภูมไิ ด้อย่างรวดเร็วด้วยการเลอื กสไตล์ สำเร็จรปู ซ่งึ มีใหเ้ ลือกหลายรปู แบบสามารถปฏิบัติไดด้ ังน้ี 10. ใช้เมาส์เลอื กพืน้ ทแี่ ผนภมู ิ 11. เลอื กแทบ็ ออกแบบ 12. เลอื กรูปแบบ 2. การเปลยี่ นชนิดของแผนภูมิ แผนภมู ทิ เ่ี ราสร้างเสรจ็ แลว้ เมื่อนำมาพิจารณาดูแลว้ ไม่เหมาะสมกบั ขอ้ มูลทน่ี ำเสนอ ดูแล้วไม่เขา้ ใจ เราสามารถเปล่ียนชนิดของแผนภมู ไิ ด้ โดยจะเปลีย่ นทง้ั แผนภมู ิ หรือเลอื กเฉพาะข้อมลู ก็ได้ ขอยกตัวอยา่ งดงั ตอ่ ไปนี้ การเปลย่ี นชนิดของแผนภูมิ สามารถปฏิบัติไดด้ งั นี้ 1. ใช้เมาส์เลอื กพนื้ ทแ่ี ผนภูมิ 2. เลือกแทบ็ ออกแบบ 3. เลือกเปลี่ยนชนดิ แผนภูมิ 4. เลือกชนดิ ของแผนภูมิ
5. ตกลง 3. การเลอื กลกั ษณะของแผนภมู ิ เมอ่ื เราสรา้ งแผนภูมิครง้ั แรกโปรแกรมจะสรา้ งแผนภมู ิพื้นฐานมาให้ ซง่ึ จะประกอบดว้ ยขอ้ มูล ตามชนิดของแผนภูมิท่เี ลือก คำอธิบายสขี องข้อมูล ถ้าเราต้องการปรบั ปรุงองคป์ ระกอบอน่ื ๆเพิม่ เตมิ เชน่ ชอ่ื ของแผนภูมิ ชือ่ ของแกน หรอื ตารางข้อมูล เราสามารถเลือกเคา้ โครงแผนภูมิ เพอ่ื ปรับปรงุ แผนภูมิ สามารถปฏบิ ัตไิ ดด้ ังน้ี 1. ใช้เมาส์เลือกพน้ื ทแี่ ผนภูมิ 2. เลือกแทบ็ ออกแบบ 3. เลอื กเค้าโครงแผนภมู แิ ล้วพมิ พ์ข้อมลู ตามต้องการ 4. การแก้ไขหรอื เปลี่ยนแปลงข้อมลู แผนภูมทิ ่เี ราสรา้ งเสรจ็ แลว้ แตย่ งั ไมถ่ กู ใจหรอื ไม่เหมาะสมกับขอ้ มลู เราสามารถแก้ไขหรือ เปลยี่ นแปลงข้อมูลทพี่ ล็อตลงไปในแผนภมู ไิ ด้ เช่น สามารถเพมิ่ -ลดขอ้ มูล หรือสลับแนวข้อมูลได้ตาม ความต้องการ สามารถปฏบิ ัติไดด้ ังน้ี การเพมิ่ -ลดขอ้ มูล 1. ใช้เมาส์เลอื กพน้ื ท่แี ผนภูมิ 2. เล่ือนเมาสไ์ ปที่มุมของพื้นทเี่ ดมิ แล้วกดปุ่มด้านซ้ายของเมาสค์ ้างไวแ้ ล้วลากขยาย เพิ่มขนึ้ หรือลดลงก็ไดต้ ามต้องการ แผนภมู กิ จ็ ะเปล่ียนแปลงอตั โนมัตติ ามข้อมูลท่ีเลือก การสลบั แนวข้อมูล 1. ใชเ้ มาส์เลือกพ้นื ท่แี ผนภมู ิ 2. เลอื กสลบั แถว/คอลัมน์ 5. การเลือก/แก้ไขชดุ ขอ้ มลู นอกจากการแก้ไขข้อมูลและสลบั ชดุ ข้อมูลแล้ว เราสามารถจัดการขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ ในดา้ นอ่นื ๆ ไดอ้ ีก เชน่ การยกเลิกชุดข้อมลู การเลอ่ื นลำดบั ข้อมลู การเลอื กตำแหนง่ เซลลใ์ หม่ การเพิม่ ชุดข้อมลู ใหม่ เป็นตน้ สามารถปฏิบัติได้ดงั น้ี 1. ใช้เมาส์เลอื กพนื้ ทีแ่ ผนภมู ิ 2. เลอื กแทบ็ ออกแบบ 3. เลอื กข้อมูล 4. จะปรากฏหนา้ ตา่ งเลอื กแหลง่ ขอ้ มลู 5. ตกลง 6. การจดั องค์ประกอบของแผนภูมิ ภายในแผนภูมปิ ระกอบดว้ ยองคป์ ระกอบย่อยๆอกี มากมาย ซ่ึงแตล่ ะส่วนเราสามารถเพ่มิ องค์ประกอบได้ เพือ่ ใหแ้ ผนภูมมิ คี วามสมบรู ณ์มากยงิ่ ขึ้นสามารถปฏบิ ัติไดด้ งั น้ี 1. ใชเ้ มาส์เลอื กพื้นที่แผนภมู ิ 2. เลือกแท็บเค้าโครง 3. เลือกช่ือแกน ชือ่ แกน เปน็ ขอ้ ความทีใ่ ส่ลงไปในแผนภูมิ เพื่อบอกช่อื แกน ทง้ั แกนนอนและแกนตั้ง 4. เลือกคำอธิบายแผนภูมิ
คำอธบิ ายแผนภมู ิ เป็นคำอธบิ ายสญั ลักษณ์หรือสขี องชุดขอ้ มูลในแผนภมู ิ สามารถ เลือกคำอธบิ ายได้หลายแบบขึน้ กบั ความตอ้ งการ 5. เลอื กป้ายชื่อขอ้ มลู ป้ายชือ่ ขอ้ มูล เปน็ ขอ้ มูลทก่ี รอกลงในแผน่ งานแล้วนำมาสร้างแผนภูมิ สามารถนำมา แสดงรว่ มกับแผนภูมไิ ด้ เพือ่ จะไดด้ รู ายละเอยี ดของข้อมลู ได้มากขนึ้ 6. เลือกตารางข้อมลู ตารางขอ้ มลู เปน็ การเลือกแผนภูมิท่ีสามารถกำหนดใหม้ ีตารางข้อมูลเพือ่ ใหเ้ กิดความ ชัดเจนของขอ้ มลู 7. เลอื กแกน แกน เป็นการแสดงขอ้ มูล เราสามารถกำหนดรปู แบบการแสดงของแกนได้ตามความ ต้องการ 8. เลือกเส้นตาราง เส้นตาราง เปน็ การแสดงขอ้ มูลท่ีเราสามารถกำหนดเส้นตารางของแผนภูมิไดต้ าม ความต้องการ 7. การตกแตง่ แผนภมู ิ การตกแต่งสว่ นประกอบภายในแผนภมู เิ ปน็ การตกแตง่ เพือ่ ใหเ้ กิดความสวยงามตามความ ตอ้ งการของผู้ใชง้ าน เราสามารถตกแต่งไดท้ ัง้ ตวั เลข ตวั อกั ษร และพืน้ หลงั ของแผนภมู ิ ยกตัวอย่างเชน่ การตกแต่งพื้นหลังแผนภูมิ การตกแตง่ พื้นหลังแผนภูมิ สามารถปฏิบตั ิได้ดงั น้ี 1. ใชเ้ มาส์คลกิ เลอื กพ้นื หลงั แผนภูมิ 2. เลอื กแท็บรปู แบบ 3. เลอื กลักษณะรูปร่าง เตมิ สรี ูปร่าง เส้นกรอบรปู ร่าง ลกั ษณะพเิ ศษรูปร่าง หรอื ลกั ษณะ อกั ษรศลิ ป์ ตามต้องการ การตกแต่งแทง่ แผนภูมิ การตกแต่งแท่งแผนภูมิ สามารถปฏิบัติไดด้ ังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลกิ เลือกแท่งแผนภูมิที่ต้องการเปล่ยี นแปลง 2. เลือกแทบ็ รูปแบบ 3. เลอื กลักษณะรูปร่าง เตมิ สีรปู รา่ ง เสน้ กรอบรปู ร่าง หรอื ลักษณะพิเศษรปู รา่ ง ตามต้องการ การตกแต่งรปู แบบตัวอักษร การตกแตง่ รูปแบบตวั อกั ษร สามารถปฏิบัติไดด้ ังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลกิ เลอื กตวั อกั ษรท่ีตอ้ งการเปล่ยี นแปลง 2. เลือกแทบ็ รปู แบบ 4. เลือกลักษณะรปู ร่าง เติมสรี ปู ร่าง เสน้ กรอบรปู รา่ ง ลักษณะพเิ ศษรปู รา่ ง หรอื ลกั ษณะ อักษรศลิ ป์ เปน็ ตน้ 8. การปรับขนาด การเคลื่อนยา้ ย การลบ และการคดั ลอกแผนภูมิ
หลังจากท่ีสรา้ งแผนภูมิเปน็ ที่เรียบรอ้ ยแล้ว เราสามารถ ทำการปรบั ขนาด เคล่อื นยา้ ย หรอื ลบแผนภูมิไดต้ ามความตอ้ งการ สามารถปฏิบัติได้ดงั นี้ การปรบั ขนาดแผนภูมิ การปรบั ขนาดแผนภูมิ สามารถปรบั ขนาดได้เฉพาะพื้นที่แผนภมู ิหรือพืน้ หลังของแผนภมู ิ สามารถปฏิบตั ิไดด้ งั น้ี 1. ใชเ้ มาส์คลิกเลอื กแผนภูมิ 2. เลือ่ นเมาส์ไปบริเวณมมุ แผนภูมิให้ปรากฏสญั ลักษณ์ , หรือ กดป่มุ ซา้ ยของ เมาส์ค้างไวแ้ ลว้ ลากปรบั ขนาดตามท่ีต้องการ ถา้ ตอ้ งการใหแ้ ผนภูมิมีสัดส่วนเหมอื นเดิมใหก้ ดป่มุ Shift ค้างไว้แลว้ ลากเมาส์ การเคลอื่ นยา้ ยแผนภูมิ แผนภมู ิท่ีสร้างขึ้นอาจจะบังขอ้ มูล หรืออยู่ตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เราสามารถเคลือ่ นย้ายแผนภูมิ ไดต้ ามความตอ้ งการ สามารถปฏิบตั ไิ ด้ดังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลิกเลือกแผนภูมิ 2. เล่อื นเมาส์ไปบริเวณพื้นที่ของแผนภูมใิ หป้ รากฏสัญลักษณ์ กดปุม่ ซ้ายของเมาส์ คา้ งไว้แลว้ ลากไปตำแหนง่ ตามท่ีตอ้ งการ การลบแผนภูมิ ในกรณที ่ีต้องการลบข้อมูลบางอย่าง เชน่ แท่งแผนภูมิ ตัวเลข ข้อความ หรือแผนภูมิท้งั หมดท่ี ไม่ตอ้ งการ สามารถปฏบิ ัติได้ดงั นี้ 1. ใชเ้ มาส์คลิกเลอื กส่ิงท่ีตอ้ งการลบให้ Active (เลือกข้อมูลการบญั ชี) 2. กดปุ่ม Delete ผลลัพธ์จะไดด้ ังน้ี การคดั ลอกแผนภูมิ ในกรณที ี่ต้องการคัดลอกแผนภมู ิให้มีหลายๆแผนภูมิหรือต้องการคัดลอกไปยงั โปรแกรมอนื่ ๆ สามารถปฏิบัตไิ ด้ดังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลกิ เลือกแผนภูมใิ ห้ Active 2. กดปุม่ เมาส์ด้านขวาแลว้ เลอื กคัดลอก 3. ใชเ้ มาส์คลกิ เลือกตำแหน่งทต่ี ้องการวางแลว้ กดปุ่มเมาส์ด้านขวาแล้วเลอื กวาง 4. กระบวนการจดั การเรียนรู้ 4.1 ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ทบทวนความรู้ เร่ือง สว่ นประกอบของแผนภมู ิ ชนิดของแผนภูมิ ลักษณะการใชง้ าน และการสรา้ งแผนภูมิ โดยการถามตอบ 2. ครใู ห้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 3 คน 3. ครูนำเสนอ การจดั รปู แบบแผนภมู ิด้วยสไตล์ การเปลย่ี นชนดิ ของแผนภูมิ การเลือก ลกั ษณะของแผนภูมิ การแก้ไขหรอื เปล่ียนแปลงข้อมูล การเลือก/แก้ไขชดุ ข้อมูล การจัดองค์ประกอบ ของแผนภูมิ การตกแต่งแผนภูมิ และการปรับขนาด การเคล่อื นยา้ ย การลบ และ การคดั ลอกแผนภมู ิ โดยการถามตอบ 4.2 ข้ันสอน 1. นักเรียนศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เร่ือง การจัดรปู แบบแผนภมู ดิ ว้ ยสไตล์
การเปลี่ยนชนดิ ของแผนภูมิ การเลือกลกั ษณะของแผนภูมิ การแกไ้ ขหรอื เปลย่ี นแปลงขอ้ มูล การเลือก/แก้ไขชดุ ขอ้ มลู การจัดองค์ประกอบของแผนภูมิ การตกแตง่ แผนภูมิ และการปรบั ขนาด การเคลอื่ นยา้ ย การลบ และการคัดลอกแผนภมู ิ โดยใหน้ กั เรียนนำเสนอหน้าชน้ั เรยี น วิธกี ารตกแตง่ แผนภมู ิ กลมุ่ ละ 1 รูปแบบ 2. ครอู ธิบายเพมิ่ เติม เร่ือง การจัดรูปแบบแผนภมู ดิ ้วยสไตล์ การเปล่ยี นชนิดของแผนภูมิ การเลือกลักษณะของแผนภมู ิ การแกไ้ ขหรอื เปล่ียนแปลงขอ้ มลู การเลือก/แกไ้ ขชดุ ข้อมูล การจัด องค์ประกอบของแผนภมู ิ การตกแตง่ แผนภมู ิ และการปรับขนาด การเคลอื่ นยา้ ย การลบ และ การคัดลอกแผนภูมิ และให้นกั เรียนรว่ มอภิปรายแสดงความคิดเห็นโดยการถามตอบ 3. ครูสาธิตการใชโ้ ปรแกรม เรอ่ื งการจัดรูปแบบแผนภมู ดิ ว้ ยสไตล์ การเปลีย่ นชนิดของ แผนภูมิ การเลือกลกั ษณะของแผนภูมิ การแก้ไขหรือเปลีย่ นแปลงข้อมูล การเลอื ก/แกไ้ ขชุดขอ้ มูล การจัดองค์ประกอบของแผนภูมิ การตกแต่งแผนภูมิ และการปรับขนาด การเคล่ือนย้าย การลบ และการคดั ลอกแผนภูมิ และใหน้ ักเรยี นไดร้ ว่ มแสดงความคิดเหน็ โดยการถามตอบ 4. นักเรียนฝกึ ปฏบิ ตั ิใชโ้ ปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เร่ือง การจดั รูปแบบแผนภมู ดิ ว้ ยสไตล์ การเปล่ียนชนิดของแผนภมู ิ การเลอื กลกั ษณะของแผนภูมิ การแก้ไขหรือเปลย่ี นแปลงขอ้ มูล การเลอื ก/แก้ไขชดุ ข้อมูล การจัดองค์ประกอบของแผนภูมิ การตกแตง่ แผนภูมิ และการปรับขนาด การเคล่ือนยา้ ย การลบ และการคัดลอกแผนภูมิและนำเสนอ หน้าชนั้ เรยี นกลุ่มละ 1 เร่อื ง 5. นกั เรียนและครูร่วมกันตอบข้อซักถามจากเพือ่ นในหอ้ งเรียน 6. นกั เรียนทำแบบฝึกปฏิบัตทิ ่ี 4.2 เรอื่ ง การจัดรปู แบบแผนภูมิ โดยนักเรยี นสามารถศึกษาจากเอกสารประกอบการสอนเพ่มิ เติมได้ 7. นักเรยี นและครรู ว่ มกันตรวจประเมินแบบฝกึ ปฏิบตั ทิ ี่ 4.2 เรอ่ื ง การจัดรปู แบบแผนภูมิ 8. ครแู จง้ คะแนนใหน้ กั เรยี นทราบ 4.3 ข้ันสรุป 1. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ เนื้อหาวชิ า เร่อื ง การจัดรปู แบบแผนภมู ิด้วยสไตล์ การเปลีย่ นชนิดของแผนภูมิ การเลอื กลักษณะของแผนภมู ิ การแก้ไขหรอื เปลีย่ นแปลงขอ้ มูล การเลอื ก/แกไ้ ขชุดขอ้ มลู การจัดองค์ประกอบของแผนภูมิ การตกแตง่ แผนภมู ิ และการปรบั ขนาด การเคลอ่ื นยา้ ย การลบ และการคัดลอกแผนภมู ิ โดยครคู อยใหค้ ำชแ้ี นะเพ่ิมเตมิ 2. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยที่ 4 เรอ่ื ง การสร้างแผนภูมิ ดว้ ยความซื่อสตั ย์ 3. ครตู รวจให้คะแนนและแจ้งคะแนนให้นกั เรียนทราบ 5. สอื่ การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) 2. แบบฝึกปฏิบตั ิที่ 4.2 เรอ่ื ง การจัดรูปแบบแผนภูมิ 3. แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยท่ี 4 เรอ่ื ง การสรา้ งแผนภูมิ
6. งานทม่ี อบหมาย 1. ใหน้ กั เรยี น ศึกษาเอกสารประกอบการสอน เรือ่ ง ความร้เู บ้ืองต้นเกี่ยวกับฐานขอ้ มลู 7. การวดั ผลและประเมินผล เครอื่ งมอื การประเมิน วธิ ีวดั และประเมนิ เกณฑ์ แบบฝกึ ปฏบิ ัตทิ ี่ 4.2 การประเมนิ เรอ่ื ง การจดั รูปแบบแผนภมู ิ ตรวจแบบฝกึ ปฏิบัติ ได้คะแนน ขอ้ ละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 แบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยที่ 4 ถกู 1 คะแนน ขึ้นไป เรอื่ ง การสรา้ งแผนภมู ิ ไมถ่ กู 0 คะแนน ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น ไดค้ ะแนน แบบสังเกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม ขอ้ ละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะ ถูก 1 คะแนน ขน้ึ ไป อันพงึ ประสงค์ ไมถ่ กู 0 คะแนน สงั เกตพฤติกรรม ไดค้ ะแนน ดี 2 คะแนน ร้อยละ 80 พอใช้ 1 คะแนน ขึน้ ไป ปรบั ปรุง 0 คะแนน แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 13 รหสั วิชา...............2204-2103...........................วิชา................โปรแกรมตารางคำนวณ...................... หนว่ ยการเรยี นที่..5..การจัดการฐานข้อมูล.........................................................ระดบั ช้นั ......ปวช.2...... หวั ขอ้ ยอ่ ย..5.1..ความรู้เบ้อื งต้นเก่ียวกับฐานข้อมลู .....................................................เวลา....4....ชวั่ โมง 1. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของฐานข้อมลู 2. การสรา้ งตารางข้อมลู 3. การยกเลกิ สร้างตารางขอ้ มูล 4. การจดั เรยี งขอ้ มลู (Sort) 5. การใช้ตวั กรองข้อมูล (Filter) 6. การตรวจสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มูล 7. การหาผลรวมย่อยของข้อมูล 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สามารถบอกความหมายของฐานข้อมูลได้ 2. สามารถสร้างและยกเลิก ตารางขอ้ มูลได้ 3. สามารถจดั เรยี งขอ้ มูลได้
4. สามารถใช้ตวั กรองได้ 5. สามารถตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมลู ได้ 6. สามารถหาผลรวมยอ่ ยของข้อมูลได้ 7. มคี ุณธรรมจรยิ ธรรม ค่านยิ ม และมีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 3. เนื้อหาสาระ ความร้เู บือ้ งตน้ เกยี่ วกบั ฐานข้อมลู 1. ความหมายของฐานขอ้ มลู ฐานขอ้ มูล (Database) หมายถงึ ชุดของข้อมูลท่ีมีจำนวนมาก มาเกบ็ ไว้ดว้ ยกัน โดยมี รปู แบบการจัดเก็บข้อมลู ทีเ่ ป็นระบบ Microsoft Office Excel 2007 สามารถกรอกข้อมูลลงไปใน เซลล์ได้มากกวา่ 1 คอลมั น์ และมากกวา่ 1 แถว ในการจัดเกบ็ ข้อมลู ถ้ามีการจดั เก็บขอ้ มลู แบบต่อเน่อื งและข้อมูลมีความสมั พันธ์กัน Microsoft Office Excel 2007 จะถือวา่ ขอ้ มูลกลุ่มน้นั เปน็ ลกั ษณะฐานขอ้ มลู โดยอัตโนมัติ 2. การสรา้ งตารางข้อมลู การสร้างตารางขอ้ มลู เปน็ การสร้างเพอ่ื จดั การกบั ขอ้ มูลได้ง่ายและรวดเรว็ ทำไดโ้ ดยการแปลง ขอ้ มูลทเี่ ก็บให้เปน็ ตารางซึง่ มีวธิ ีการสร้างตารางขอ้ มลู ได้ 2 วิธีดงั นี้ วิธที ่ี 1 สร้างเป็นตารางขอ้ มูล ขอ้ มลู ทีก่ รอกลงไปในเซลลแ์ บบต่อเนือ่ งคือกลุม่ เซลล์ ถา้ ต้องการนำมาใชง้ านแบบฐานขอ้ มูล กน็ ำแปลงให้เปน็ ตาราง สามารถปฏิบัตไิ ด้ดงั นี้ 13. ใชเ้ มาส์คลมุ ดำเลือกกลุม่ ของขอ้ มูล 14. เลือกแท็บแทรก 15. เลือกตาราง 16. เลือกตกลง วิธที ่ี 2 จดั รปู แบบเป็นตาราง การสร้างตารางขอ้ มลู สามารถทำไดอ้ ีกแบบหนึ่งคือการจัดรปู แบบเป็นตาราง สามารถปฏบิ ัติได้ ดงั นี้ 1. ใชเ้ มาสค์ ลมุ ดำเลอื กกล่มุ ของขอ้ มูล 2. เลอื กแท็บหน้าแรก 3. เลือกจัดรปู แบบเป็นตาราง 4. เลอื กตกลง 3. การยกเลิกสร้างตารางขอ้ มูล เมื่อเราสรา้ งตารางข้อมลู แล้วถา้ ไม่ต้องการเราสามารถยกเลกิ ตารางข้อมูลให้กลับเปน็ ขอ้ มูล แบบช่วงเซลล์เหมือนเดิมได้ สามารถปฏิบตั ไิ ด้ดงั น้ี 1. ใชเ้ มาส์เลือกตาราง 2. ใชเ้ มาส์เลือกแท็บออกแบบ 3. ใชเ้ มาส์เลือกแปลงเปน็ ช่วง 4. เลอื กใช่ 4. การจดั เรียงขอ้ มลู (Sort)
การจัดเรียงข้อมูล เปน็ การจดั เรียงเพอื่ ให้ขอ้ มูลแบง่ ออกเปน็ หมวดหมู่ เพ่อื ความสะดวกใน การค้นหาขอ้ มูล หรอื เพ่อื ความสะดวกในการจดั การเก่ยี วกบั ข้อมูล สามารถทำได้ 2 แบบ คือ การจดั เรียงข้อมลู ในช่วงเซลล์ท่ัวไป และการจัดเรยี งข้อมูลทีจ่ ัดแบบตาราง สามารถปฏิบัตไิ ด้ดังนี้ แบบท่ี 1 การจัดเรยี งขอ้ มลู ในชว่ งเซลลท์ ว่ั ไป 1. ใชเ้ มาสค์ ลิกคอลมั นท์ ่ีต้องการจดั เรียง 2. เลือกแทบ็ ขอ้ มลู 3. เลอื กเรยี งลำดับตามต้องการ แบบที่ 2 การจดั เรียงข้อมลู ในตาราง 1. ใชเ้ มาส์คลิกปุ่ม AutoFilter ของคอลัมนท์ ่ีต้องการจดั เรยี งขอ้ มลู 2. เลอื กวิธกี ารจัดเรียงตามตอ้ งการ 5. การใชต้ วั กรองข้อมลู (Filter) การเกบ็ ข้อมูลจำนวนมากๆ อาจทำให้การเรียกใช้ข้อมลู มีความลำบากเพราะตอ้ งเล่ือนหน้าจอ เพ่อื ดขู ้อมูลท่ีต้องการและอาจจะดูได้ไมท่ ั่วถึงเพราะไม่ได้จัดข้อมลู ให้เปน็ หมวดหมู่ ดังนน้ั เรา สามารถใชต้ ัวกรองข้อมลู เพือ่ ใช้ในการคดั แยกขอ้ มลู ตามท่ีต้องการไดอ้ ย่างรวดเร็วซง่ึ มวี ธิ ีการกรองขอ้ มลู หลายแบบดงั นี้ การกรองข้อมลู จากตาราง การกรองขอ้ มูลจากตารางเราจะต้องแปลงตารางทีเ่ ป็นขอ้ มูลในชว่ งเซลลใ์ ห้ตารางข้อมลู เพอ่ื ท่ีจะ เรยี กใชก้ ารกรองขอ้ มลู ได้ สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดังน้ี 1. ใชเ้ มาสค์ ลกิ ปุม่ AutoFilter 2. กำหนดเง่ือนไขการกรองขอ้ มลู 2.1 ลา้ งตัวกรองขอ้ มูล 2.2 กรองขอ้ มลู ตามสี สีพนื้ หรอื สอี ักษร 2.3 กรองข้อมูล ข้อความหรือตัวเลข 2.4 แสดงขอ้ มูลเฉพาะที่เลือก 3. ตกลง การกรองข้อมูลสามารถกรองได้หลายแบบดงั นี้ การกรองขอ้ มูลจากสีพ้นื เซลล์ สามารถปฏิบัตไิ ด้ดังน้ี 1. ใชเ้ มาสค์ ลกิ ปุ่ม AutoFilter 2. เลอื กกรองตามสี 3. เลือกสเี ขียว การกรองข้อมลู จากสีตวั อักษร สามารถปฏิบตั ไิ ด้ดังน้ี 1. ใชเ้ มาสค์ ลกิ ป่มุ AutoFilter 2. เลอื กกรองตามสี 3. เลือกสนี ำ้ เงนิ การกรองข้อมลู แบบข้อความ สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดงั นี้
1. ใชเ้ มาส์คลิกปุ่ม AutoFilter 2. เลือกตวั กรองขอ้ ความ 3. เลอื กเงอ่ื นไขท่ตี ้องการ 4. ระบุตามเงอ่ื นไข 5. ตกลง หรือ กด Enter การกรองข้อมูลแบบตวั เลข สามารถปฏิบัติได้ดังน้ี 1. ใชเ้ มาสค์ ลกิ ปมุ่ AutoFilter 2. เลือกตัวกรองตวั เลข 3. เลือกเงอ่ื นไขที่ต้องการ 4. ระบุตามเงอ่ื นไข 5. ตกลง หรือ กด Enter การกรองขอ้ มลู แบบวนั ท่ี สามารถปฏบิ ัติไดด้ ังนี้ 1. ใชเ้ มาสค์ ลิกปุ่ม AutoFilter 2. เลือกตัวกรองวนั ที่ 3. เลือกเงอ่ื นไขทตี่ ้องการ 4. ระบุตามเง่อื นไข 5. ตกลง หรอื กด Enter 6. การตรวจสอบความถูกต้องของขอ้ มลู ข้อมูลท่ีต้องการจดั เก็บนน้ั มคี วามสำคญั อยา่ งยิง่ และต้องการความถูกต้องของข้อมูลไม่มี ขอ้ ผิดพลาดเกิดขึน้ Microsoft Office Excel 2007 มีความสามารถในการตรวจสอบข้อมลู ที่พมิ พ์ ลงไปในเซลล์ โดยเราสามารถกำหนดเง่อื นไขการตรวจสอบของข้อมูลตามท่เี ราตอ้ งการ สามารถปฏบิ ัติ ไดด้ ังนี้ 1. ใชเ้ มาส์คลกิ คลุมดำเซลลท์ ี่ต้องการตรวจสอบ 2. เลือกแท็บขอ้ มลู 3. เลอื กการตรวจสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มูล 4. เลอื กการตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมูล 5. เลือกแทบ็ การตั้งคา่ หรอื แท็บข้อความทใ่ี ส่ หรือ แท็บการแจง้ เตือนข้อผิดพลาด 6. กำหนดเง่อื นไขที่ต้องการ 7. ตกลง 7. การหาผลรวมยอ่ ยของข้อมลู การหาผลรวมสรุปยอ่ ยของข้อมลู จะทำได้กบั ขอ้ มูลทวั่ ไปท่ีจัดเกบ็ อยู่ในแผน่ งานเปน็ ผนื ตอ่ เนือ่ งคล้ายกบั ฐานข้อมลู และคอลัมน์ท่จี ะนำมาแบ่งกลมุ่ น้ันควรจะต้องเปน็ คอลมั นท์ ่ีมคี ่าข้อมูลใน เซลลซ์ ำ้ กนั อยเู่ พ่อื ใหเ้ ห็นความชดั เจนในการแยกกลมุ่ ยอ่ ย สามารถปฏิบตั ไิ ดด้ งั น้ี 1. ใชเ้ มาสค์ ลกิ เซลล์คอลัมนท์ ่ีจะแบง่ กลุ่มยอ่ ย 2. เลอื กแท็บข้อมูล 3. เลือกเรยี งขอ้ มูลตามเงอื่ นไขทกี่ ำหนด 4. เลือกผลรวมย่อย
5. เลือกคอลมั นท์ ี่จะแบ่งกลุม่ 6. เลอื กฟังกช์ ันที่จะสรุปผล 7. เลอื กคอลมั นท์ ี่จะสรุปผล 8. เลอื กการแสดงผลขอ้ มูล 9. ตกลง 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4.1 ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยที่ 5 เรอื่ ง การจัดการฐานขอ้ มลู 2. ครตู รวจให้คะแนนและแจง้ คะแนนให้นักเรียนทราบ 3. แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 3 คน 4. ครสู นทนากบั นักเรยี น เร่อื ง ความหมายของฐานข้อมลู การสรา้ งตารางข้อมูล การยกเลิกสร้างตารางขอ้ มลู การจดั เรียงข้อมลู การใชต้ วั กรองข้อมูล การตรวจสอบความถกู ตอ้ งของ ข้อมลู และการหาผลรวมย่อยของขอ้ มูล โดยให้นักเรียนซกั ถาม 4.2 ข้ันสอน 1. นักเรียนศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เรื่อง ความหมายของฐานขอ้ มูล การสรา้ ง ตารางข้อมูล การยกเลิกสรา้ งตารางขอ้ มูล การจัดเรยี งขอ้ มูล การใช้ตัวกรองข้อมูล การตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมลู และการหาผลรวมย่อยของข้อมูล โดยให้นกั เรยี นนำเสนอการจดั การฐานขอ้ มลู คนละ 1 รูปแบบ 2. ครสู าธิตเพ่มิ เติม เรอ่ื ง ความหมายของฐานข้อมลู การสรา้ งตารางข้อมูล การยกเลิก สรา้ งตารางข้อมลู การจดั เรียงข้อมลู การใช้ตัวกรองขอ้ มูล การตรวจสอบความถกู ต้องของขอ้ มลู และการหาผลรวมย่อยของขอ้ มลู โดยนักเรียนรว่ มแสดงความคิดเหน็ 3. นกั เรยี นฝกึ ปฏิบัติใชโ้ ปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office Excel 2007) เร่อื ง การสรา้ งตารางข้อมลู การยกเลิกสร้างตารางขอ้ มลู การจัดเรียงข้อมลู การใชต้ วั กรองข้อมูล การตรวจสอบความถูกตอ้ งของข้อมลู และการหาผลรวมย่อยของขอ้ มูล โดยให้นกั เรยี นออกมา นำเสนอการจัดการฐานขอ้ มูล กลมุ่ ละ 1 เรอ่ื ง 4. นกั เรียนทำแบบฝึกปฏิบตั ทิ ี่ 5.1 เรอ่ื ง ความรู้เบ้ืองตน้ เกย่ี วกบั ฐานข้อมูล โดยศึกษาจากเอกสารประกอบการสอน 5. นกั เรยี นและครูร่วมกนั ตรวจประเมินแบบฝกึ ปฏบิ ตั ทิ ี่ 5.1 เรอ่ื ง ความรเู้ บ้ืองตน้ เกี่ยวกับฐานข้อมูล 6. ครูแจง้ คะแนนใหน้ ักเรยี นทราบ 4.3 ขนั้ สรปุ 1. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ เนื้อหาวิชา เรื่องการสร้างตารางขอ้ มูล การยกเลกิ สร้าง ตารางขอ้ มูล การจัดเรยี งขอ้ มลู การใช้ตวั กรองข้อมลู การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมลู และการ หาผลรวมย่อยของขอ้ มลู 5. สื่อการเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาโปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Office
Excel 2007) 2. แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 5 เร่อื ง การจดั การฐานขอ้ มูล 3. แบบฝกึ ปฏิบตั ิที่ 5.1 เรื่อง ความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับฐานขอ้ มลู 6. งานท่ีมอบหมาย 1. ใหน้ กั เรยี น ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน เรือ่ ง การวิเคราะห์ข้อมูล 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล เคร่อื งมอื การประเมิน วิธีวดั และประเมิน เกณฑ์ การประเมนิ แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 5 ตรวจแบบทดสอบ ทดสอบความรู้ พ้ืนฐาน เร่ือง การจดั การฐานข้อมูล ข้อละ 1 คะแนน ได้คะแนน ถกู 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 ขึ้นไป ไม่ถกู 0 คะแนน ได้คะแนน แบบฝกึ ปฏิบัตทิ ี่ 5.1 ตรวจแบบฝกึ ปฏิบัติ รอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป เรอ่ื ง ความรเู้ บ้ืองต้นเก่ยี วกับฐานขอ้ มลู ขอ้ ละ 1 คะแนน ถูก 1 คะแนน ไมถ่ ูก 0 คะแนน แบบสังเกตพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม สังเกตพฤติกรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะ ดี 2 คะแนน อนั พึงประสงค์ พอใช้ 1 คะแนน ปรับปรุง 0 คะแนน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121