Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 18

แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 18

Description: แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 18

Search

Read the Text Version

1 แฟมสะสมผลงานของ 8 ชนั มธั ยมศึกษาปที 4/18 รายวชิ าศิลปะ2 ศ31102 (นาฏศิลปและการละคร) โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จงั หวดั สงขลา สาํ นกั เขตพนื ทีการศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตลู

:: เลขานกุ าร ชอื :รนิ รดา กาเลียง (เพลง) [email protected] Tell.0842722305 FB:Pleng rinrada สมาชกิ ในกลุ่ม GroupWork 0869580444 กลุ่ม:นาฏกรร นายภูวศิ ร์ วงศ์ชว่ ย (เรย)์ สมาชกิ ในกลุ่ม [email protected] นายณปกรณ์ ตันตสุทธกิ ุล(เอริ ธ์ ) Poowit Woungchuay (Ray) G-mail:[email protected] 084-252-3693 FB:Napakorn Tanyasuttikul line:Napakorn

k รองหวั หน้ากลุ่ม รม ชอื :นายพรลภัส โชติวรรณ (นาโน) Email:[email protected] tel:0919370493 FB:Pornlaphat Chotiwan หวั หน้ากลุ่ม ชอื : กุลนิษฐ์ ทองวไิ ล (จีจี) Gmail:[email protected] เบอรโ์ ทร:0638945286 FB: Kun LA Nit

ศิลปะ นาฏศิลป หมายถึง ศิลปะการฟ ได้แก่ สิงทีมนษุ ยส์ รา้ งขนึ สรา้ งอยา่ งประณีต ดีงาม หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟ เปนสิงทีมนษุ ยป์ ระดิษฐ์ขึนด้วย และสําเรจ็ สมบูรณ์ ศิลปะเกิดขึนด้วยทักษะ อนั โน้มน้าวอารมณ์และความรู คือ ความชาํ นาญในการปฏิบตั ิ ศิลปะประเภทนีต้องอาศัยการบ และการขบั รอ้ งเข้ารว่ มด้วย เพ หรอื เรยี กวา่ ศิลปะของการรอ้ ง การศึกษานาฏศิลป นาฏศิลปเปนสว่ นหนึงของศิลป จติ รกรรม สถาปตยกรรม วร นาฏศิลป นอกจากจะแสดงความเปนอาร ยงั เปนเสมอื นแหล่งรวมศิลปะแ น โดยมมี นุษยเ์ ปนศูนยก์ ลาง และถ่ายทอดสบื ต่อไป ทีมา https://guru.sanook.com https://kwenloveyou.wordpre นาฏ ความห หมายถึง การฟอนราํ หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ นับแต่การฟอนราํ พืนเมืองของชาวบา้ น: บุคคลสําคัญ พืนฐานนาฏ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี มีนามเดิมวา่ แผว้ สุทธบิ ูรณ์ เกิดเมือวนั ที ๒๕ ธนั วาคม ๒๔๔๖ เมืออายุ ๘ ขวบ ได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวธุ กรมหลวงนครราชสีมา และได้รบั การฝกหดั นาฏศิลป กับครูอาจารยผ์ ูท้ รงคุณวุฒิในราชสํานักเชน่ เจ้าจอมมารดาวาดและเจ้าจอมมารดาเขยี น ในรชั กาลที ๔ เจ้าจอมมารดาทับทิม ในรชั กาลที ๕ หม่อมแยม้ ในนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรสี ุรยิ วงศ์ หม่อมองึ ในสมเด็จพระบณั ฑูรฯ จนมีความรูค้ วามสามารถออกแสดงละครเปนตัวเอกในโอกาสทีแส ดงถวายทอดพระเนตรหน้าพระทีนัง ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั หลายครงั ทีมา https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi2- kar-saedng-natsilp-thiy/kar-pradisth-tha-ra-ni-kar-saedng- natsilp นาฏศิลปไทย แบ่งออกเปน 1.ราํ คือการแสดงทีมุ่งเน้นถึงศิลปะท่ว ไม่มีการแสดงเปนเรอื งราว ราํ บางชุดเปนการช บางชุดตัดตอนมาจากวรรณคดีหรอื บางทีก็ไม่จําเปนทีจะต้อง ชน่ การราํ หน้าพ 2.ระบาํ คือการแสดงทีมีความหมายในตัวใชผ้ ู้แสดงสองคน คือผูค้ ิดได้มีวสิ ัยทัศน์และต้องการสือการแสดงชุดนันผา่ นทางบทร ง หรอื การแต่งกายแบบ ทีมาจากแรงบัลด จากเรอื งต่างๆเชน่ วถิ ีชวี ติ วฒั นธรรม ปร และเปนการแสดงทีจบในชุดๆเดียว เ 3. ละคร คือการแสดงเรอื งราวโดยมีตัวละครต่างดําเนินเรอื งม ผูกปมของเรอื ง ละครอาจประกอบไปด้วยศิลปะหลาย การราํ รอ้ ง หรอื ดนตรี 4. มหรสพ' คือการแสดงรนื เรงิ หรอื การแสดงท มีรูปแบบและวธิ กี ารแสดงทีเปนแบบแผน เชน่ ก หนังใหญ่เปนต้น ทีมา : https://sites.google.com/site/zzenper07/natsil xxk-pe

ฟอนราํ ทีมาของนาฏศิลปไทยเขา้ ใจวา่ เกิดจากสภาพความเปนอยูโ่ ดยธรรมช ฟอนราํ าติของมนษุ ยโ์ ลกทีมีความสงบสุข ยความประณีตงดงาม ใหค้ วามบันเทิง มีความอุดมสมบูรณ์ในทางโภชนาหาร รส้ ึกของผูช้ มใหค้ ล้อยตาม มีความพรอ้ มในการแสดงความยนิ ดี บรรเลงดนตรี จึงปรากฏออกมาในรูปแบบของการแสดงอาการทีบง่ บอกถึงความกํา พือส่งเสรมิ ใหเ้ กิดคุณค่ายงิ ขนึ หนั ดรู ้ งราํ ทําเพลง ดังนันเมือประมวลทีนักวชิ าการเทียบอา้ งตามแนวคิดและทฤษฎี จึงพบวา่ ทีมาของนาฏศิลปไทยเกิดจากแหล่ง ๓ แหล่ง คือ เปนการศึกษาวฒั นธรรมแขนงหนึง เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ เกิดจากการเซ่นสรวงบูชา ปะสาขาวจิ ติ รศิลป อันประกอบดว้ ย และเกิดจากการรบั อารยะธรรมของประเทศอนิ เดีย ดังนี รรณคดี ดนตรี และนาฏศิลป ๑ เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ หมายถึง รยะของประเทศแล้ว เกิดตามพัฒนาการของความเปนมนษุ ยท์ ีอยูร่ ว่ มกันเปนกลุ่มชน และการแสดงหลายรูปแบบเขา้ ด้วยกั ซึงพอประมวลความแบ่งเปนขนั ได้ ๓ ขนั ดังนี 1.ขันต้น เกิดแต่วสิ ัยสัตว์ เมือเวทนาเสวยอารมณ์ ในการทีจะสรา้ งสรรค์ อนุรกั ษ์ ไม่วา่ จะเปนสุขเวทนาหรอื ทุกขเวทนาก็ตาม m/4062/ ถ้าอารมณ์แรงกล้าไม่กลันไวไ้ ด้ ก็แสดงออกมาใหเ้ หน็ ปรากฏ เชน่ ess.com/ เด็กทารกเมือพอใจ ก็หวั เราะตบมือ กระโดดโลดเต้น เมือไม่พอใจก็รอ้ งไห้ ดินรน หมายของนาฎศิลปไทย 2.ขนั ต่อมา เมือคนรูค้ วามหมายของกิรยิ าท่าทางมากขนึ ก็ใชก้ ิรยิ าเหล่านันเปนภาษาสือความหมาย ฏศิลปไทย ใหผ้ ูอ้ นื รูค้ วามรูส้ ึกและความประสงค์ เชน่ ต้องการแสดงความเสน่หาก็ยมิ แยม้ กรุม้ กรมิ ชม้อยชม้ายชายตา การกําเนิดนาฏศิลปไทย หรอื โกรธเคืองก็ทําหน้าตาถมึงทึง กระทืบ กระแทก เปนต้น 3.ต่อมาอกี ขนั หนึงนัน เมือเกิดปรากฏการณ์ตามทีกล่าวในขันที ๑ น 4 รูปเเบบ และขันที ๒ แล้วมีผูฉ้ ลาดเลือกเอากิรยิ าท่าทาง ซึงแสดงอารมณ์ต่างๆ นันมาเรยี บเรยี งสอดคล้อง วงท่า ดนตรี ติดต่อกันเปนขบวนฟอนราํ ใหเ้ หน็ งาม จนเปนทีต้องตาติดใจคน ชมความงาม จนเกิดเปนววิ ฒั นาการของนาฏศิลปทีสวยงามตามทีเหน็ ในปจจุบัน งมีเนือเพลงเ ๒ เกิดจากการเซ่นสรวงบูชา หมายถึง พาทยเ์ ปนต้น กระบวนการประกอบพิธกี รรมตามความเชอื ของกลุ่มชน นขึนไป ซึงพบวา่ การเซ่นสรวงบูชา รอ้ งเพล มนษุ ยแ์ ต่โบราณมามีความเชอื ถือในสิงศักดิสิทธิ จึงมีการบูชา ดาลใจ เซ่นสรวง เพือขอใหส้ ิงศักดิสิทธปิ ระทานพรใหต้ นสมปรารถนา ระเพณี หรอื ขอใหข้ จัดปดเปาสิงทีตนไม่ปรารถนาใหส้ ินไป เปนต้น ๓ การรบั อารยะธรรมของอนิ เดีย หมายถึง มีผูกเหตุหรอื การ อทิ ธพิ ลของประเทศเพอื นบ้านจากประวตั ิศาสตรข์ องประเทศไทยทีย แขนงเชน่ าวนานวา่ เมือไทยมาอยูใ่ นสุวรรณภูมิใหม่ๆ นัน มีชนชาติมอญ ทีใชใ้ นงานพธิ ตี ่างๆ และชาติขอมเจรญิ รุง่ เรอื งอยูก่ ่อนแล้ว การแสดงโขน ชาติทังสองนันได้รบั อารยะธรรมของอนิ เดียไวม้ ากมายเปนเวลานาน เมือไทยมาอยูใ่ นระหวา่ งชนชาติทังสองนี lp-thiy-baeng- ก็มีการติดต่อกันอยา่ งใกล้ชดิ en-4-prapheth ไทยจึงพลอยได้รบั อารยะธรรมอนิ เดียไวห้ ลายด้าน เชน่ ภาษา ประเพณี ตลอดจนศิลปะการแสดง ได้แก่ ระบาํ ละครและโขน ซึงเปนนาฏศิลปมาตรฐานทีสวยงามดังปรากฏใหเ้ หน็ นีเอง นอกจากนีแล้วการสรา้ งนาฏศิลปไทยของเรานีอาจด้วยสาเหตุหลาย ประการ เชน่ ๑ จัดทําขนึ เพอื การสือสาร หมายความถึง การแสดงนันอาจบ่งบอกชาติพนั ธุท์ ีมีเอกลักษณ์ทีดี ทังทางด้านการแต่งกาย ภาษา ท่วงทีทีแชม่ ชอ้ ย นอกจากนีแล้วในการสือสารอกี ทางนันคือนาฏศิลปได้พัฒนาจากรูป ลักษณ์ทีงา่ ย และเปนส่วนประกอบของคําพูดหรอื วรรณศิลป ไปสู่การสรา้ งภาษาของตนเองขนึ ทีเรยี กวา่ \"ภาษาท่าราํ \" โดยกําหนดกันในกลุ่มชนทีใชน้ าฏศิลปนันๆ วา่ ท่าใดมีความหมายอยา่ งไร เปนต้น ๒ เพอื ประกอบพธิ กี รรม ดังทีได้กล่าวอา้ งเรอื งการเซ่นสรวงไปแล้วในเบืองต้น วา่ กระบวนทัศน์ในเรอื งการฟอนราํ นันกระแสสําคัญอกี กระแสหนึง คือเรอื งความเชอื ความศรทั ธาในสิงทีมองไม่เหน็ นอกจากนีแล้วอตั ลักษณ์ทีโดดเด่นของคนไทยอกี ประการนันคือ การสํานึกกตัญ ูรูค้ ุณต่อผู้มีพระคุณ เชน่ พ่อแม่ ครูอาจารย์ หรอื บรรพชนทีควรเคารพ อาจมีการจัดกิจกรรมขนึ แล้วมีการรว่ มแสดงความยนิ ดีใหป้ รากฏนัก นาฏศิลปหรอื ศิลปนทีมีความชาํ นาญการจะประดิษฐ์รูปแบบการแสดงเขา้ รว่ มเพอื ความบนั เทิง และเพอื แสดงออกซึงความรกั และเคารพในโอกาสพธิ กี รรมต่างๆ ก็ได้ ๓ เพอื งานพธิ กี ารทีสําคัญ กล่าวคือเพอื ต้อนรบั แขกบ้านแขกเมืองทีมาเยยี มเยอื น ทังนีเราจะเหน็ วา่ ในประวตั ิของชุดการแสดง ๆ ชุด เชน่ ระบํากฤดาภินิหาร การเต้นรองเงง็ หรอื อนื ๆ การจัดชุดการแสดงส่วนใหญน่ ันจัดเพือต้อนรบั แขกคนสําคัญ เพอื บ่งบอกความยงิ ใหญข่ องความเปนอารยะชนคนไทย ทีมีความสงบสุขมาเปนเวลาหลายป แล้วเรามีความเปนเอกลักษณ์ภายใต้การปกครองทีดีงามมาแต่อดีต ดังนันวตั ถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมการแสดงในครงั นีอาจมีอยา่ ง หลากหลาย เพือเปนสิรมิ งคลด้วยก็ได้ ๔ เพอื ความบนั เทิงและการสังสรรค์ ตามนัยทีกล่าวนีพบวา่ ในเทศกาลต่าง ๆ ทังทีเปนประเพณีของคนไทยมีมากมาย เชน่ งานปใหม่ ตรุษสงกรานต์ ลอยกระทง วนั สารท์ เปนต้น เมือรวมความแล้วเราพบวา่ กิจกรรมทีหลากหลายนีมีบางส่วนปราก ฏเปนความบันเทิงมีความสนกุ สนานรนื เรงิ เชน่ อาจมีการราํ วงของหน่มุ สาว หรอื ความบนั เทิงอนื ๆ บนเวทีการแสดง นอกจากนีอาจรวมถึงการออกกําลังกายในสถานการณ์ต่าง ๆ เราพบวา่ ปจจุบนั นีจากประสบการณ์จัดกิจกรรมมักเกิดเปน ๕ เพือการอนรุ กั ษ์และเผยแพร่ นาฏศิลปเปนเอกลักษณ์อยา่ งหนึงของชุมชน ในชุมชนหนึงๆ มักมีการสืบทอด และอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมทางนาฎศิลปของตนเอาไวม้ ิใหส้ ูญหาย มีการสอนมีการแสดง และเผยแพรน่ าฏศิลปไทยใหท้ ้องถินอนื หรอื นําไปเผยแพรใ่ นต่างแดน ทีมาข้อมมูล:

ใบงานช้นิ ท5่ี แบบทดสอบ 1.ขอ้ ใดตอ่ ไปนีไ้ ม่ใชร้ ูปเเบบของนาฎศิลป์ไทย ก.รา ข.มหรสพ ค.ละคร ง.ร้องเพลง เฉลย ง.ร้องเพลง นางสาว กลุ นิษฐ์ ทองวิไล ม.4/18 เลขที่13 (หัวหน้ากลุม่ ) 2..บคุ คลใดคือบคุ คลสาคัญในวงการนาฏศิลป์ของไทย ก.เจ้าจอมมารดาลกู จันทร์ ข.หม่อมเจ้าอาภาพรรณี ค.ทา่ นผหู้ ญงิ แผว้ สนทิ วงศ์ ง.พระนางลักษมลี าวัน #เฉลย ค.ท่านผู้หญงิ แผว้ สนทิ วงศ์ นายพรลภัส โชตวิ รรณ เลขท่ี2 (รองหวั หน้ากลุ่ม) 3.ไทยไดร้ ับอิทธิพลทางดา้ นนาฏศิลป์ส่วนใหญม่ าจากประเทศใด ก.อินเดีย ข.จีน ค.สเปน ง.ลาว #เฉลย ก.อินเดยี นางสาว รินรดา กาเลย่ี ง เลขท1ี่ 5 (เลขาธกิ าร) 4.แตล่ ะทอ้ งถิน่ จะมชี ื่อทา่ การแสดงทีแ่ ตกต่างกันสาเหตหุ ลักมาจากขอ้ ใด ก.ภมู อิ ากาศ ข.ความเช่อื ค.ชวี ิตความเป็นอย่ขู องแตล่ ะภาค ง.ถูกทุกขอ้ #เฉลย ง.ถกู ทกุ ข้อ นาย ณปกรณ์ ตนั ตสทุ ธิกุล เลขท8ี่ (สมาชกิ ) 5.การแสดงนาฎศิลปไ์ ทย นยิ มอยเู่ พียงเรือ่ งเดยี วคอื รามเกียรติ์ ซึ่งไดเ้ ค้าเดมิ มาจากเร่อื งรามายณ ของอินเดยี คืออะไร ก.ละคร ข.ลิเก ค.โขน ง.ระบา #เฉลย ค.โขน นาย ภูวศิ ร์ วงศช์ ว่ ย เลขท่ี12 (สมาชกิ ในกลุ่ม)

1. ละครรำในสมยั อยธุ ยำมกี ่ีประเภท ก. 1ประเภท ข. 2ประเภท ค. 3ประเภท ง. 4ประเภท ผอู้ อก : นายปญุ ญพัฒน์ โชติกุล ม.4/16 เลขท่ี 7 2. เร่ืองของละครชำตรีมีกำเนิดมำจำกเรือ่ งอะไร ก. มโนรำห์ ข. โขน ค. หนังตะลงุ ง. อเิ หนำ ผู้ออก : นายพีรวัส พนั ธผ์ ล ม.4/16 เลขที่ 8 3. โรงละครเอกชนโรงใดเกดิ ขน้ึ ในสมยั ธนบุรี ก. ละครหลวงวชิ ิตณรงค์ ข. ละครเจ้าจอมมารดาอัมพา ค. ละครกรมพระพิทักษเ์ ทเวศน์ ง. ละครหลวงวิจติ รวาทการ ผู้ออก : นายอษั ฎา ทองจืด ม.4/16 เลขท่ี 10 4. บุคคลสำคัญของวงกำรนำศิลปแ์ ละกำรละครของไทยในสมัยอยธุ ยำไดแ้ กอ่ ะไรบ้ำง ก. ตารวจ ข. มหาดเล็ก ค. ถกู ข้อ ก ง. ถูกทง้ั ก. และ ข. ผอู้ อก : นายภัทรพล ชูใจ ม.4/16 เลขท่ี 9 5.ละครในกบั ละครนอกต่ำงกนั อยำ่ งไร ก.ละครในใช้ผู้หญิงแสดงและแสดงภายในวงั ส่วนละครนอกใชผ้ ชู้ ายแสดงและแสดงนอกวัง ข.วัฒนธรรม ค.เรอ่ื งในการแสดง ง.ถูกทั้ง ก.และ ค. ผอู้ อก : นายปรมะ สงั ข์รอด ม.4/16 เลขที่ 6









แบบทดสอบววิ ฒั นาการของนาฏศิลป์ และการละครไทย ยคุ สมัยรัตนโกสนิ ทร์ รชั กาลท1ี ถงึ ปัจจุบนั 1.บคุ คลในขอ้ ใดเป็นบคุ คลสาคัญในวงการนาฏศลิ ปข์ องไทยที่มีส่วนชว่ ยในการพฒั นานาฏศลิ ป์ไทยใน สมัยรชั กาลที่ 9 คือใคร ก.นายกรี วรศะรนิ ข.นางเฉลย ศุขะวณิช ค.ท่านผู้หญงิ แผ้ว สนทิ วงศ์เสนี ง.นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ เฉลย:ขอ้ ค.ทา่ นผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศ์เสนี ผอู้ อกขอ้ สอบ:นายนายศศนิ จนั ทรศั มี เลขท่ี 1 2.กรมมหรสพสร้างข้นึ ในสมยั รชั กาลใด เเละยบุ ลงในสมยั รชั กาลใด มีกรมอะไรมาเเทน ก.สรา้ งขึน้ ในสมยั รชั กาลท่ี9เเละยุบลงในสมัย ร.10 มีกรมศลิ ปะเเละความบันเทิงมาเเทน ข.สร้างขนึ้ ในสมยั รัชกาลที่1เเละยุบลงในสมยั รัชกาลท5่ี มีกองศิลปะวทิ ยาการมาเเทน ค.สรา้ งขึ้นในสมยั รชั กาลท6่ี เเละยุบลงในสมัยรัชกาลที่7 มกี รมศิลปากรมาเเทน ง.สรา้ งขน้ึ ในสมยั รัชกาลท่ี2 เเละยบุ ลงในสมยั รชั กาลที4่ มีกรมดุรยิ างค์เเละนาฏศาสตรม์ าเเทน เฉลย: ข้อ ค.สรา้ งขน้ึ ในสมยั รัชกาลท่ี6 เเละยบุ ลงในสมยั รัชกาลที่7 มกี รมศลิ ปากรมาเเทน ผู้ออกข้อสอบ:นายภาณุภัทร ทบผา เลขท่ี 11 3.สมัยรตั นโกสินทร์ มบี ทพระราชนพิ นธล์ ะครนอกในรชั กาลที่เทา่ ไร ก. รชั กาลท่ี 1 ข. รชั กาลท่ี 2 ค. รชั กาลท่ี 3 ง. รชั กาลที่ 4 เฉลย:ขอ้ ข.รชั กาลที่ 2 ผ้อู อกขอ้ สอบ:นายปยิ ากร เพชรหึง เลขท่ี 16 4.บุคคลใดได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตเิ ปน็ ศลิ ปินแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศลิ ป์-ละครรา) เม่อื พ.ศ. 2533 ก.นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ ข.นายกรี วรศะรนิ ค.นางเฉลย ศขุ ะวณชิ ง.ทา่ นผู้หญงิ แผ้ว สนิทวงศ์เสนี เฉลย:ข้อ ก.นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ ผอู้ อกข้อสอบ:นายศริ วิชญ์ พลภกั ดี เลขท่ี 17 5.ยุคใดทถ่ี ือไดว้ ่าเป็นยุคท่ีศิลปะด้านนาฎศิลป์ เจริญร่งุ เรอื งมาก เกดิ ข้นึ ในรชั สมยั ใด ก.พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ข.พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ค.พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ง.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวภมู พิ ลอดุลยเดช เฉลย:ข้อ ค.พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั ผอู้ อกขอ้ สอบ:นายอัฑฒชัย อารยะญาณ เลขที่ 18

ความเปนมา ของนาฎศิลปเเละการละครไทย จัดทําโดย น นาฎศิลปเเละการละครไทย เปนศิลปะทางมรดกด้านวฒั นธรรม แสดงถึงความเปนเอกลักษณ์ ความเปนม ของไทยมีประวตั ิความเปนมายาวนานและเกิดมีววิ ฒั นาการขึนในเเ 2564 ต่ละสมัย ได้เกิดบุคคลสําคัญในวงการละครไทยในเเต่ละสมัย อา้ งองิ เปนบุคคลทีชว่ ยสรา้ งสรรค์และ http://acad สืบทอดการแสดงใหค้ งอยูแ่ ละเปนทีรูจ้ ักสืบไปจึงจําเปนทีต้องศึกษา example.p เกียวกับประวตั ิความเปนมาของบุคคลสําคัญของวงการละครไทย เพอื เปนแบบอยา่ งทีดีในการปฏิบัติตนต่อไป ตังเเต่อดีต การนํามาป จนถึงทุกวนั นี สืบค้นวนั ที อา้ งองิ http: ววิ ฒั นาการของนาฎศิลปเเละการละครไทย ในปจจุบัน 3855_exam เจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รง รชั กาลที 2 เกิดเมือวนั ที 16 พฤษภาคม พ ศ 2364 (รชั กาลที ราชสมัยสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย : 2)เปนเปนขา้ ราชการชาวไทย ต้นสกุล \"เพ็ญกุล\" เปนยุคทองนาฏศิลปไทย เปนบุตรของหลวงจินดาพจิ ิตร (ด้วง) เนืองจากพระมหากษัตรยิ ท์ รงโปรดละครราํ ท่าราํ งดงามตามประเพณีแบบราชสํานัก มีการฝกหดั ทังโขน ได้เปนศิษยร์ ว่ มสํานักกับเจ้าฟามงกุฎทีอารามสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ละครใน (ขุน) ต่อมาเจ้าฟามงกุฎทรงขอรบั ไปเลียงและทรงออกนามวา่ \"พอ่ เพ็ง\" ละครนอกโดยได้ฝกผูห้ ญงิ ใหแ้ สดงละครนอกของหลวงและมีการปรั ครนั เสด็จทรงราชยเ์ ปนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั แล้ว บปรุงเครอื งแต่งกายยนื เครอื งแบบละครใน โปรดใหเ้ พง็ เปนหวั หมืนมหาดเล็กทีตําแหน่งเจ้าหมืนสรรเพธภักดี รชั กาลที 1 การนํามาประยุกต์ใชเ้ เละ เปนผูก้ ่อตังโรงละครอยา่ งตะวนั ตกโดยใชช้ อื วา่ ปรนิ ซ์เธยี รเ์ ตอร์ (Prince ในปจจุบนั ได้มีการนํานาฏศ Theatre) และการรเิ รมิ แสดงละครโดยเก็บค่าชม รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลก :โปรดรวบรวมตําราฟอนราํ าราํ รูปแบ รชั กาลที 3 และเขยี นภาพท่าราํ แม่บทบันทึกไวเ้ ปนหลักฐาน มีการพฒั นาโขนเปนรูปแบบละครใน มีการปรบั ปรุงระบําสีบท บนเวทีการแสดงมีการติด รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั : ซึงเปนระบํามาตฐานตังแต่สุโขทัย ควบคุมด โปรดใหย้ กเลิกละครหลวง จึงเปลียนไปเผยเเพรน่ อกวงั ในสมัยนีได้เกิดนาฏศิลปขึนมาหลายชุด เชน่ ระบาํ เมขลา-รามสูร ทําใหน้ าฏศิลปไทยเปนทีนิยมแพรห่ ลายในหมู่ประชาชน ในพระราชนิพนธเ์ รอื งรามเกียรติ ทําใหก้ า และเกิดการแสดงของเอกชนขึนหลายคณะ ววิ ฒั นาการของนาฎศิลปเเละการละครไทย ศิลปนทีมีความสามารถได้สือทอดการแสดงนาฏศิลปไทยทีเปนแบบ ยุคสมัยรตั นโกสินทร์ รชั กาลที 1 ถึงปจจุบนั แผนกันต่อมา จัดทําโดย นายภาณุภัทร ทบผา เลขที 11 การเปลียนแปลงและพฒั นาการของนาฎศิลปพร้ อมบุคคลสําคัญใน รชั กาลที 1 ถึงรชั กาลที 3 การเปลียนแปลงและพัฒนาการของนาฎศิลป รชั กาลที 1 ถึงรชั กาลที 3 สืบค้นวนั ที 21 กรกฎาคม 2564 อา้ งองิ https://sites.google.com/a/kw.ac.th/art_m6/hn wy-thi-1-wiwathnakar-lakhr-thiy/4-smay-ratnkosinthr เจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รง สืบค้นวนั ที 22 กรกฎาคม 2564 อา้ งองิ https://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าพระยามหนิ ทรศั กดิธาํ รง_(เพ็ง_เพ็ญกุล) เจ้าพระยาเทเวศร์ วงศ์ววิ ฒั น์ รชั กาลที 4 จัดทําโดย :นา เจ้าพระยาเทเวศร์ วงศ์ววิ ฒั น์ นามเดิม หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั : บุคคลสําคัญ ค เกิดวนั ที 18 พฤศจิกายน พ ศ 2395 (รชั กาลที โปรดใหม้ ีละครราํ ผู้หญิงในราชสํานักตามเดิมและในเอกชนมีการแส สืบค้นวนั ที 20 ดงละครผูห้ ญงิ และผูช้ าย ในสมัยนีมีบรมครูทางนาฏศิลป อา้ งองิ https:// 4)เปนพระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ ได้ชาํ ระพิธโี ขนละคร ทูลเกล้าถวายตราไวเ้ ปนฉบบั หลวง outline/hnwy- เปนผูใ้ หก้ ําเนิดละครดึกดําบรรพ์ มีคณะละครทีตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และมีการดัดแปลงการาํ เบิกโรงชุดประเรงิ มาเปน ราํ ดอกไม้เงนิ ทอง fbclid=IwAR2 FAh4QPYLa และได้รบั ราชการในการควบคุมกรมมหรสพหลวง จึงทําใหค้ ณะละครและกรมมหรสพซึงท่านเปนผูค้ วบคุมอยูม่ ีความเจรญิ เจ้าพระยาเทเว อา้ งองิ https:// รุง่ เรอื งมาก มีนักดนตรนี ักรอ้ งและนักแสดงทีมีชอื เสียงหลายคน หม่อมราชวงศ นักดนตรี เชน่ พระประดิษฐไพเราะ (ตาด) หลวงเสนาะดุรยิ างค์ (ทองดี) จัดทําโดย นาย หลวงบาํ รุงจิตรเจรญิ (ธูป สาตนะวลิ ัย) การเปลียนแป ถึงรชั กาลที 3 อา้ งองิ https:// wiwathnakar- การเปลียนแปลงและพฒั นาการของนาฎศิลปพรอ้ มบุคคลสําคัญใน รชั กาลที 4 ถึงรชั กาลที 6 นางลมุล ยมะคุปต์ รชั กาลที 5 เกิดเมือวนั ที 2 มิถุนายน พ ศ 2448 (รชั กาลที 5)ทีจังหวดั น่าน รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เมืออายุได้ 5 ขวบ บิดาได้พามาถวายตัวทีวงั สวนกุหลาบ :ในสมัยนีมีทังอนรุ กั ษ์และพัฒนานาฏศิลปไทยเพอื ทันสมัย เชน่ ฝกหดั นาฏศิลปด้วยความอดทนและตังใจจรงิ มีการพฒั นาละครในละครดึกดําบรรพ์ รวมทังมีพรสวรรค์เปนพเิ ศษจึงได้รบั การคัดเลือกใหฝ้ กหดั เปนตัวพระตัง แต่แรกเรมิ เรมิ รบั ราชการทีโรงเรยี นนาฏดุรยิ าคศาสตร์ พฒั นาละครราํ ทีมีอยูเ่ ดิมมาเปนละครพนั ทางและละครเสภา ได้ดํารงตําแหน่งครู และตําแหน่งผูเ้ ชยี วชาญการสอนนาฏศิลป และได้กําหนดนาฎศิลปเปนทีบทระบาํ แทรกอยูใ่ นละครเรอื งต่างๆ ประจําวทิ ยาลัยนาฏศิลปกรมศิลปากร เชน่ ราํ บําเทวดา- นางฟา ในเรอื งกรุงพาณชมทวปี ระบาํ ตอน ได้ถ่ายทอดท่าราํ และประดิษฐ์คิดค้นท่าราํ ทีงดงามไวม้ ากมาย เชน่ นางบุษบากับนางกํานันชมสารในเรอื งอเิ หนา เเละ ระบาํ ไก่เปนต้น ราํ แม่บทใหญ่ ราํ วงมาตรฐาน ได้เกิดบุคคสําคัญ เเละเปนผูว้ างหลักสูตรนาฏศิลปภาคปฏิบตั ิใหก้ ับวทิ ยาลัยนาฏศิลป และวทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษา รชั กาลที 6 นางเฉลย ศุขะวณิช :เกิดเมือวนั ที 11 พฤศจิกายน พ ศ 2447 (รชั กาลที 5)เปนผู้เชยี วชาญการสอนและ การออกแบบนาฏศิลปไทยแหง่ วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร มีความสามารถสูงในกระบวนท่าราํ ทุกประเภท และได้สรา้ งสรรค์ประดิษฐ์ผลงานด้านนาฏศิลปขึนใหม่มากมาย จนถือเปนแบบอยา่ งในปจจุบัน จนได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติสาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป) เมือ พ ศ 2530(รชั กาลที 9) รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั : เปนยุคทีศิลปะด้านนาฎศิลป เจรญิ รุง่ เรอื งมาก พระองค์โปรดใหต้ ังกรมมหรสพขึน มีการทํานบุ ํารุงศิลปะทางโขน ละคร และดนตรปี พาทย์ ทําใหศ้ ิลปะมีการฝกหดั อยา่ งมีระเบยี บแบบแผน และโปรดตังโรงเรยี นฝกหดั นาฎศิลปในกรมมหรสพ นอกจากนี ยงั ได้มีการปรบั ปรุงวธิ กี ารแสดงโขนเปนละครดึกดําบรรพ์เรอื งรามเ กียรติและได้เกิดโขนบรรดาศักดิทีมหาดเล็กแสดงคู่กับ ละครโขนเฉลยศักดิทีเอกชนแสดง

นายศิรวชิ ญ์ พลภักดี เลขที 17 มา ของนาฎศิลปเเละการละครไทย สืบค้นวนั ที 21 กรกฎาคม demic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1451273855_ pdf ประยุกต์ใชเ้ เละววิ ฒั นาการของนาฎศิลปเเละการละครไทย 21 กรกฎาคม 2564 ://academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/145127 mple.pdf ะววิ ฒั นาการของนาฎศิลปเเละการละครไทย จัดทําโดย นายอฑั ฒชยั อารยะญาณ เลขที 18 ศิลปนานาชาติมาประยุกต์ใชใ้ นการประดิษฐ์ท่ การเปลียนแปลงและพฒั นาการของนาฎศิลป รชั กาลที 6 ถึงรชั กาลที 9 สืบค้นวนั ที 21 บบของการแสดง มีการนําเทคนิคแสง สี เสียง กรกฎาคม 2564 อา้ งองิ https://sites.google.com/a/kw.ac.th/art_m6/hnwy-thi-1- เขา้ มาเปนองค์ประกอบในการแสดงชุดต่างๆ wiwathnakar-lakhr-thiy/4-smay-ratnkosinthr บุคคลสําคัญ นายกรี วรศะรนิ ,นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห,์ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ปรบั ปรุงลีลาท่าราํ ใหเ้ หมาะสมกับฉาก สืบค้นวนั ที 20 มิถุนายน 2564 ดตังอุปกรณ์ทีทันสมัย ทังระบบม่าน ฉาก แสง อา้ งองิ https://sites.google.com/site/natasintk/course-outline/hnwy-kar-reiyn-ru- ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีระบบเสียงทีสมบูรณ์ thi-4?fbclid=IwAR20qiDIjIdNPCQ6jLMD434qkMRSf-FAh4QPYLaF3Go- gDXluZXnhfbWw9E มีเครอื งฉายภาพยนตรป์ ระกอบการแสดง และเผยแพรศ่ ิลปกรรมทุกสาขานาฏศิลป รชั กาลที 7 และสรา้ งนักวชิ าการและนักวจิ ัยในระบบสูง ารเเสดงมีความสะดวกและมีความบนั เทิงมาก รชั สมัยสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั : ได้โปรดใหม้ ีการจัดตังศิลปากรขึนแทนกรมมหรสพทีถูกยุบไป ทําใหศ้ ิลปะโขน ละคร ระบํา ราํ ฟอน ยงั คงปรากฏอยู่ เพือเปนแนวทางในการอนรุ กั ษ์และพัฒนาสืบต่อไป การเปลียนแปลงและพฒั นาการของนาฎศิลปพร้ นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ อมบุคคลสําคัญในรชั กาลที 7 ถึงรชั กาลที 9 :เกิดเมือวนั ที 1 พฤษภาคม พ ศ 2469 (รชั กาลที 7)จังหวดั นนทบุรี ายปยากร เพชรหงึ เลขที 16 ท่านเปนนาฏศิลปทีมีความเชยี วชาญด้านนาฏศิลปไทย ครูลมุล ยมะคุปต์,นางเฉลย ศุขะวณิช,นายกรี วรศะรนิ ทังแบบพืนเมืองและแบบราชสํานัก 0 มิถุนายน 2564 รวมทังได้สรา้ งสรรค์ประดิษฐ์ชุดการแสดงต่าง ๆ /sites.google.com/site/natasintk/course- และนําไปแลกเปลียนวฒั นธรรมในหลาย ๆ ประเทศ -kar-reiyn-ru-thi-4? จนได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติ 20qiDIjIdNPCQ6jLMD434qkMRSf- สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป-ละครราํ ) เมือ พ ศ 2533(รชั กาลที 9) aF3Go-gDXluZXnhfbWw9E วศร์ วงศ์ววิ ฒั น์ สืบค้นวนั ที 22 กรกฎาคม 2564 รชั กาลที 8 /th.wikipedia.org/wiki/เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์_( ศ์หลาน_กุญชร) รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั อานันทมหดิ ล : ยศศิน จันทรศั มี เลขที 1 หลวงวจิ ิตรวาทการ อธบิ ดีของกรมศิลปากร ปลงและพฒั นาการของนาฎศิลป รชั กาลที 1 ได่ก่อตังโรงเรยี นนาฏศิลปดุรยิ างคศาสตรข์ ึนมา สืบค้นวนั ที 21 กรกฎาคม 2564 เพือปองกันไม่ใหศ้ ิลปะทางด้านนาฏศิลปสูญหายไป /sites.google.com/a/kw.ac.th/art_m6/hnwy-thi-1- ในสมัยนีได้เกิดละครวจิ ิตร ซึงเปนละครปลุกใจใหร้ กั ชาติ -lakhr-thiy/4-smay-ratnkosinthr และเปนการสรา้ งแรงจูงใจใหค้ นไทยหนั มาสนใจนาฏศิลปไทย และได้มีการตังโรงเรยี นนาฏศิลปแทนโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตร์ รชั กาลที 9 ทีถูกทําลายตอนสงครามโลกครงั ที 2 เพือเปนสถานศึกษานาฏศิลปและดุรยิ างคศิลปของทางราชการ รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช : มีการ และเปนการทํานบุ าํ รุง บนั ทึกภาพยนตรส์ ่วนพระองค์และจัด พธิ ไี หวค้ รู โขน ละคร เผยแพรน่ าฏศิลปไทยใหเ้ ปนทียกยอ่ งของนานาอารยประเทศ พิธคี รอบ และพธิ ตี ่อท่าราํ เพลงหน้าพาทยอ์ งค์พระพริ าพ พระราชทานครอบโดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ท่านผูห้ ญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ผู้ทีได้รบั ครอบจะต้องเปนศิลปนทีได้เลือกสรรแล้วเพอื ใหท้ ําพธิ คี รอบ เกิดเมือวนั ที 25 ธนั วาคม พ ศ 2446 (รชั กาลที 9)นามเดิมวา่ แผว้ สืบต่อไปซึงถือเปนพธิ ที ีมีความสําคัญสูงสุดของวงการนาฏศิลปและ สุทธบิ ูรณ์ เมืออายุได้ 8 ขวบได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอเจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวุธ การละครไทย กรมกลวงนครราชสีมา เปนผู้หนึงทีรว่ มฟนฟูนาฏศิลปไทยในสมัยทีแสดง ณ โรงละครศิลปากร นายกรี วรศะรนิ ทําหน้าทีในการฝกสอน อาํ นวยการแสดงไม่วา่ จะเปน โขน ละคร ฟอน ราํ ระบํา เซิง และยงั เปนผูป้ ระดิษฐ์คิดค้นท่าราํ ต่าง ๆ มากมาย เกิดเมือวนั ที 26 มกราคม พ ศ 2457 (รชั กาลที ท่านผูห้ ญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี 6)เปนศิลปนทีเชยี วชาญการสอนนาฏศิลป โขน ของวทิ ยาลัยนาฏศิลป ได้รบั ยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติสาขานาฏศิลป เมือ พ ศ กรมศิลปากร มีความสามารถในการแสดงโขนทุกประเภท 2528 โดยเฉพาะโขนตัวลิง ได้สรา้ งสรรค์และประดิษฐ์ผลงานด้านโขน- ละครไวห้ ลายชุด จนเปนทียอมรบั นับถือในวงการนาฏดุรยิ างคศิลป นายกรี วรศะรนิ ได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชุเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป-โขน) เมือ พ ศ 2531(รชั กาลที 9)

ข้อสอบละครรำ 5 ข้อ นางสาว นันย์นภัส แสงขาม เลขที่ 31 (หัวหน้ากลุ่ม) แบ่งหน้าที่ นาย ทศธร ทองสุวรรณ เลขที่ 5 (ข้อ4) นาย รัชยศวีย์ สุวรรณมณี เลขที่ 20 (ข้อ 2) นางสาว รินลดา ละวรรณแก้ว เลขที่ 28 (ข้อ1) นางสาว วริศรา จินนาวงศ์ เลขที่ 29 (ข้อ5) นางสาว ณัฏฐธิดา ขาวหนูนา เลขที่ 30 (ข้อ3) 1.ละครดึกดำบรรพ์เกิดขึ้นในสมัยใด? ก.สมัยรัชกาลที่4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ข.สมัยรัชกาลที่5 พระจุลจอมเกล้า (ตอบ) ค.สมัยรัชกาลที่6 พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ง.สมัยรัชกาลที่7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 2.ละครนอกดัดแปลงมาจากละครใด ก.ละครใน ข.ละครพันทาง ค.ละครโนห์ราห์ (ตอบ) ง.ละครดึกดำบรรพ์ 3.ละครพันทางเป็นละครแบบใด? ก.ละครผสม (ตอบ) ข.ละครพันทาง ค.ละครนอก ง.ละครใน 4.ละครที่พัฒนาขึ้นใหม่มีละครอะไรบ้าง? ก.ละครนอก ละครใน ข.ละครดึกดำบรรพ์ ละครพันทาง ค.ละครเสภา ละครชาตรี ง.ละครร้อง ละครสังคีต (ตอบ) 5.นายกรี วรศะริน เป็นศิลปินที่เชี่ยวชาญด้านใด? ก.ด้านการสอนนาฏศิลป์โขน (ตอบ) ข.ด้านการออกแบบนาฏศิลป์ไทยในวิทยาลัยนาฏศิลป์ ค.ด้านนาฏศิลป์พื้นบ้าน ง.ด้านนาฏศิลป์แบบราชสำนัก

ละครชาตรี ถือวา่ เปนต้นแบบของละครราํ นิยมใช้ ผูช้ ายแสดง มีตัวละคอน 3 ตัว คือ ตัวพระ ตัวนาง และเบด็ เตล็ด ( เปนตลก , ฤษี ฯลฯ ) เรอื งทีเล่นคือ “ มโนหร์ า ” ตอน จับนางมโนหร์ ามาถวายพระสุธน การแสดงเรมิ ด้วยการบูชาครูเบิกโรง ผูแ้ สดงออกมาราํ ซัดไหวค้ รู โดยรอ้ งเอง ราํ เอง ตัวตลกทีนังอยูเ่ ปนลูกคู่เมือรอ้ งจบจะมีบทเจรจาต่อ ละครนอก ดัดแปลง มาจากละคร ชาตรี เปนละครทีเกิดขึนนอกพระราชฐาน เปนละครทีคนธรรมดาสามัญนิยมเล่นกัน ผู้แสดงเปนชายล้วน ไม่มีฉากประกอบ นิยมเล่นกันตามชนบทท่าราํ และเครอื งแต่งกายไม่ค่อยพิถีพิถัน เรอื งทีใชแ้ สดงละครนอกเปนเรอื งจักร ๆ วงศ์ ๆ เชน่ สังข์ทอง มณีพิชยั ไกรทอง สังข์ศิลปชยั โม่งปา พกิ ุลทอง การะเกด เงาะปา ฯลฯ การแสดงดําเนินเรอื งรวดเรว็ โลดโผน ในบางครงั จะพูดหยาบโลน มุ่งแสดงตลก ใชภ้ าษาตลาด และไม่คํานึงถึงขนบธรรมเนียมประเพณี เปนศิลปนทีเชยี วชาญการสอนนาฏศิลป โขน ของวทิ ยาลัยนาฏศิลป นายกรี วรศะรนิ กรมศิลปากร ท่านมีความสามารถในการแสดงโขนทุกประเภท โดยเฉพาะโขนตัวลิง อกี ทังยงั สรา้ งสรรค์และประดิษฐ์ผลงานด้านโขน- ละครหลายชุด จนเปนทียอมรบั นับถือในวงการนาฏดุรยิ างคศิลป นายกรี วรศะรนิ ได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชุเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป-โขน) ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี นางเฉลย ศุขะวณิช เปนละครประ มีการข ขณะทีอายุได้ 8 ขวบได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เอเจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวธุ บุคคลสําคัญ กรมกลวงนครราชสีมา โดยได้รบั การฝกหดั นาฏศิลปในราชสํานักจากเจ้าจอมมารดาวาด และเจ้าจอมมารดาเขยี น สมัยทีแสดง ณ โรงละครศิลปากร ท่านทําหน้าทีในการฝกสอน อาํ นวยการแสดงไม่วา่ จะเปน โขน ละคร ฟอน ราํ ระบาํ เซิง และท่านยงั เปนผูป้ ระดิษฐ์คิดค้นท่าราํ ต่าง ๆ มากมาย : ท่านเปนผู้เชยี วชาญการสอนและ การออกแบบนาฏศิลปไทยแหง่ วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ท่านมีความสามารถสูงในกระบวนท่าราํ ทุกประเภท และได้สรา้ งสรรค์ประดิษฐ์ผลงานด้านนาฏศิลปขนึ ใหม่มากมาย จนถือเปนแบบอยา่ งในปจจุบัน ท่านได้รบั ปรญิ ญาครุศาสตรบณั ฑิตกิตติมศักดิ สาขานาฏศิลปสหวทิ ยาลัยรตั นโกสินทร์ วทิ ยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จนได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติสาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป) ฝกหดั นาฏศิลปด้วยความอดทนและตังใจจรงิ นางลมุล ยมะคุปต์ : รวมทังมีพรสวรรค์เปนพิเศษจึงได้รบั การคัดเลือกใหฝ้ กหดั เปนตั เปนนาฏศิลปทีมีความเชยี วชาญด้านนาฏศิลปไทย นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ วพระตังแต่แรกเรมิ ทังแบบพืนเมืองและแบบราชสํานัก ขณะทีอยูใ่ นวงั สวนกุหลาบท่านได้รบั เกียรติใหเ้ ปนตัวนายโรงของ บทบาททีท่านได้รบั การยกยอ่ งมากทีสุดคือ ตัวพระ ทุกเรอื ง ทังละครนอก ละครใน ละครพันทาง จากเรอื งอเิ หนา สังข์ทอง พระไวย ไกรทอง เรมิ รบั ราชการทีโรงเรยี นนาฏดุรยิ าคศาสตร์ ดํารงตําแหน่งครู แสดงเปนนางเอกในเรอื ง ละเวงวลั ลา ครูพิเศษ และตําแหน่งผู้เชยี วชาญการสอนนาฏศิลป ประจําวทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ท่านได้ถ่ายทอดท่าราํ และประดิษฐ์คิดค้นท่าราํ ทีงดงามไวม้ ากมา ย เชน่ ราํ แม่บทใหญ่ ราํ วงมาตรฐาน ราํ เถิดเทิง ระบํากฤดภินิหาร ระบําโบราณคดีชุด ทวารวดี ศรวี ชิ ยั เชยี งแสน ลพบุรี ท่านเปนผู้วางหลักสูตรนาฏศิลปภาคปฏิบัติใหก้ ับวทิ ยาลัยนาฏศิ ลป และวทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษา คณะนาฏศิลปและดุรยิ างค์

ละครใน เปนละครไทย ทีพระมหากษัตรยิ ท์ รงดัดแปลงมาจากละครนอก ใชผ้ ู้หญงิ แสดงล้วน และแสดงในพระราชฐานเท่านัน การแสดงละครไทยในมีความประณีตวจิ ิตรงดงาม ท่าราํ ต้องพถิ ีพถิ ันใหม้ ีความออ่ นชอ้ ย เครอื งแต่งกายสวยงาม บทกลอนไหเราะ สํานวนสละสลวยเหมาะสมกับท่าราํ เพลงทีใชข้ บั รอ้ งและบรรเลงต้องไพเราะ ชา้ ไม่ลุกลน เรอื งทีใชแ้ สดงมี 3 เรอื ง คือ อเิ หนา รามเกียรติ และอุณรุท ละครราํ แบบดังเดิม ( ละครราํ โบราณ ) ได้แก่ : เกิดในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ละครดึกดําบรรพ์ เกิดขึนในสมัยรชั กาลที 5 เปนละครทีพระเจ้า บรมวงศ์เธอ นําแบบอยา่ งมาจากละครโอเปรา่ (Opera) ของยุโรป กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ได้ทรงปรบั ปรุงขนึ ใหม่ โดยทรงนําเอาเสภาราํ มาผสมกับละครพันทาง ลักษณะการแสดงละครดึกดําบรรพ์ คือ ผู้แสดงรอ้ งและราํ เอง และยดึ รูปแบบของการแสดงละครพันทางเปนหลัก ไม่มีการบรรยายเนือรอ้ ง รูปแบบวธิ กี ารแสดง การแสดงละครเสภาจะดําเนินเรอื งด้วยการขับเสภา ผู้ชมต้องติดตามฟงจากการรอ้ งและบทเจรจาของผู้แสดง โดยมีต้นเสียงกับลูกคู่เปนผูข้ ับเสภา ส่วนถ้อยคําทีเปนบทขับเสภาหรอื บทขบั รอ้ งของผู้แสดง ผู้แสดงจะต้องขับเสภาหรอื รอ้ งเอง ละครราํ แบบปรบั ปรุง ได้แก่ ละครพนั ทาง เกิดหลังละครดึกดําบรรพ์ เปนละครราํ แบบละครนอกผสมละครในมีศิลปะของชาติต่าง ๆ ะเภททีใชศ้ ิลปะการรา่ ยราํ ดําเนินเรอื ง เข้ามาปะปนตามท้องเรอื ง ทังศิลปะการรอ้ ง การราํ และการแต่งกาย ขับรอ้ งและเจรจา เปนกลอนบทละคร ผสมกับศิลปะไทย โดยยดึ ท่าราํ ไทยเปนหลัก นิยมแสดงเรอื งทีเกียวกับต่างชาติ เชน่ พระอภัยมณี ขุนชา้ งขุนแผน ละครราํ แบ่งออกเปน 2 ประเภท พระลอ ราชาธริ าช สามก๊ก พญาน้อย ฯลฯ จึงมีลีลาของต่างภาษาตามท้องเรอื ง ละครราํ ละครทีพฒั นาขนึ ใหม่ ได้แก่ ละครรอ้ ง ละครสังคีต และละครพูด ละครราํ เปนศิลปะการแสดงของไทย ละครองิ ประวตั ิศาสตร์ ละครเพลง ละครเวที ละครวทิ ยุ ทีประกอบด้วยท่าราํ ดนตรบี รรเลง ละครโทรศัพท์ และบทขับรอ้ งเพือดําเนินเรอื ง รูปแบบการแสดงทีดําเนินเรอื งราว ละครราํ มีผู้แสดงเปนตัวพระ ตัวนาง เปนศิลปะทีอาจเกิดจากการนําภาพจากจินตนาการ และตัวประกอบ แต่งองค์ทรงเครอื งตามบท ประสบการณ์หรอื เรอื งราวต่าง ๆ มาผูกเปนเรอื ง มีเหตุการณ์เชอื มโยงเปนตอนๆ ตามลําดับ งดงามระยบั ตา โดยดําเนินเรอื งราวจากผู้แสดงเปนผู้สือความหมายต่อผูช้ ม ท่าราํ ตามบทรอ้ งประสานทํานองดนตรที ีบรรเลงจัง ละครไทยเปนละครทีมีรูปแบบการแสดงหลายลักษณะววิ ฒั นาการต ามยุคสมัยจัดประเภทละครไทยได้ ดังนี หวะชา้ เรว็ เรา้ อารมณ์ใหเ้ กิดความรูส้ ึกคึกคัก สนกุ สนาน หรอื เศรา้ โศก 1.1 ละครราํ แบบดังเดิม ( ละครราํ โบราณ ) ได้แก่ ละคร ชาตรี ละครนอก และละครใน ตัวละครสือความหมายบอกกล่าวตามอารมณ์ด้วย ภาษาท่าทาง โดยใชส้ ่วนต่างๆของรา่ งกาย วาดลีลาตามคํารอ้ ง จังหวะและเสียงดนตรี ละครราํ แบ่งออกเปน 2 ประเภท คือ 1.2 ละครราํ แบบปรบั ปรุง ได้แก่ ละครดึกดําบรรพ์ ละครพันทาง และละครเสภา สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวนันยน์ ภัส แสงขาม เลขที31 หวั หน้ากลุ่ม (หวั ขอ้ ละครราํ แบบดังเดิม) อา้ งองิ นาย ทศธร ทองสุวรรณ เลขที5 (หวั ข้อรูปแบบการแสดงทีดําเนินเรอื งราว) นายรชั ยศวรี ์ สุวรรณมณี เลขที20 (หวั ข้อละครราํ ) นางสาวรนิ รดา ละวรรณแก้ว เลขที28 (หวั ข้อละครราํ 2ประเภท) นางสาววรศิ รา จินนาวงศ์ เลขที29 สมาชกิ ในกลุ่ม (หวั ข้อบุคคลสําคัญ) นางสาวณัฏฐธดิ า ขาวหนนู า เลขที30 (หวั ข้อละครทีพฒั นาขนึ ใหม่) http://119.46.166.126/self_all/selfaccess10/m4/thai4_1/menu/ pem42_1.php https://sites.google.com/site/natsilp1/lakhr-ra วนั ที 20 มิถุนายน 2564 https://sites.google.com/site/natasintk/course-outline/hnwy- kar-reiyn-ru-thi-4

ละครพูดล้วนๆ ละครพูดล้วนๆ ละครสังคีต : การแสดงจะดําเนินเรอื งด้วยวธิ พี ูดใชท้ ่าทางแบบสามัญชนประกอบ เปนละครอกี แบบหนึงทีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า การพูดทีเปนธรรมชาติ ลักษณะพิเศษอยา่ งหนึงของละครชนิดนีคือ อยูห่ วั ทรงรเิ รมิ ขึน ในขณะทีตัวละครคิดอะไรอยูใ่ นใจ มักจะใชว้ ธิ ปี องปากพูดกับผูด้ ุ โดยมีววิ ฒั นาการมาจากละครพูดสลับลํา ถึงแม้จะมีตัวละครอนื ๆ อยูใ่ กล้ๆ ก็สมมติวา่ ไม่ได้ยนิ ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด เรอื งทีเเสดง-เรอื งทีเเสดงคือ เรอื งโพงพาง เมือ พ ศ 2463 และบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆกัน เรอื งต่อมาคือ เจ้าขา้ สารวดั ซึงทังสองเรอื งเปนพระราชนิพนธขิ องพระบาทสมเด็จ ดนตร-ี บรรเลงด้วยวงสากลหรอื วงปพาทยไ์ ม้นวม การเเต่งการ-เเต่งกายตามสมัยนิยม ตามเนือเรอื งโดยคํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของตัวละคร ผู้เเสดง-ในสมัยโบราณใชผ้ ู้ชายเเสดงล้วน ต่อมาใชผ้ ู้เเสดงชายจรงิ หญิงเเท้ จัดทําโดย นายปยม์ นัส แสงเกือหนนุ อา้ งองิ https://sites.google.com/site/natsilptjcnf/khw am-hmay-khxng-kha-wa-lakhr/lakhr-phud สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564 การแต่งกาย- แต่งใหเ้ หมาะสมถูกต้องตามบุคคลิกของตั วละครและยุคสมัย ผู้แสดง-ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ละครพูด ไม่มีเพลงรอ้ งผู้แสดงดําเนินเรอื งด้วย ละครพูดเรมิ ขนึ ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเ ใชผ้ ู้แสดงทังชายและหญิง จ้าอยูห่ วั ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ คําประพันธช์ นิดนันๆ ใหม้ ีการแสดงละครพูดสมัครเล่นเปนครงั แรก มีบุคคลิกและการแสดงเหมาะสมตามลัก เนือเรอื งละครพูดทีแสดงในสมัยนี ดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีรูจ้ ักกันอยา่ งแพรห่ ลาย 1. ละครพูดคํากลอน ษณะทีบง่ ไวใ้ น บทละคร พูดฉะฉาน ไหวพรบิ ดี ละครทีพัฒนาขึนใหม่ จากบทประพันธใ์ นพระบาทสมเด็จพร ะมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เชน่ เรอื งเวนิสวาณิช ทรงแปลเมือ พ ศ 2459 เรอื งพระรว่ ง ทรงพระราชนิพนธเ์ มือ พ ศ 2460 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เรอื งทีแสดง เปนยุคทองของละครพูด ประชาชนใหค้ วามสนใจต่อละครประเภทนีมาก 2. ละครพูดคําฉันท์ ได้แก่ เรอื งมัทนะพาธา เพราะเหน็ วา่ เปนของแปลกและแสดงได้งา่ ย พระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ ทาเรจง้าพอรยะูห่ รวั าชนิพบนรธรเ์ เมลืองดพนตศรคี 2ล4้า6ย6กับละครพูดดลน้วตนรๆ-ี 3. ละครพูดคําโคลง ได้แก่ เรอื งสีนา ิกา เพลงรอ้ ง-เพลงรอ้ งไม่มี ผู้แสดงดําเนินเรอื งโดยการพูดเ ของอจั ฉราพรรณ(อาจารยม์ นตรี ตราโมท) ประพันธเ์ มือป ปนคําประพนั ธช์ นิดนันๆ พ ศ 2469 จัดทําโดยนางสาวปวรศิ า ขวญั ดํา เลขที34 ม 4/16 ผู้แสดง- สืบค้นวนั ที21มิถุนายน2564 อา้ งองิ ใชผ้ ู้แสดงทังชายและหญงิ เหมือนละครพูดแบบรอ้ ยกรอง https://drive.google.com/file/d/1oQ_IdMHkBLyqLdc_9cGSwD5g9 เรอื งทีแสดง-ได้แก่ เรอื งชงิ นาง และปล่อยแก่ ซึงเปนของนายบวั K_8Lo8u/view?usp=drivesdk ทองอนิ บุคคลสําคัญ ดนตร-ี บรรเลงดนตรคี ล้ายกับละครพูดล้วนๆ ละครพูดสลับราํ แต่บางครงั ในชว่ งดําเนินเรอื ง ถ้ามีบทรอ้ ง ดนตรี มีเพลงรอ้ งเปนบางส่วน ก็จะบรรเลงรว่ มไปด้วย ทํานองขึนอยูก่ ับผู้ประพันธ:์ การแต่งกาย-เหมือนละครพูดล้วนๆ หรอื แต่งกายตามเนือเรอื ง เพลงรอ้ ง-เพลงรอ้ งเปนบางส่วน โดยทํานองเพลงขนึ อยูก่ ับผูป้ ระพันธท์ ีจะแต่งเสรมิ เข้ามาใน เรอื ง จัดทําโดยนางสาวปวรศิ า ขวญั ดํา เลขที34 ม 4/16 สืบค้นวนั ที21มิถุนายน2564 อา้ งองิ https://drive.google.com/file/d/1oQ_IdMHkBLyqLdc_9cGSwD5g9 K_8Lo8u/view?usp=drivesdk

ผู้แสดง ใชผ้ ูช้ าย และผู้หญิงแสดงจรงิ ตามท้องเรอื ง ละครรอ้ งล้วนๆ บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ตัวละครขบั รอ้ งโต้ตอ การแต่งกาย แต่งแบบสมัยนิยม การแต่งกาย- คํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของฐานะตัวละครตามท้องเรอื ง บกัน แต่งกายตามท้องเรอื ง และความงดงามของเครอื งแต่งกาย และเล่าเรอื งเปนทําน เพลงรอ้ ง-ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง ๒ ชนั เรอื งทีแสดง นิยมแสดงบทพระราชนิพนธใ์ น องแทนการพูด ทีมีลํานําทํานองไพเราะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั มีอยู่ ๔ เรอื ง ดําเนินเรอื งด้วยการร้ สถานทีแสดง มักแสดงตามโรงละครทัวไป คือ หนามยอกเอาหนามบ่ง ววิ าหพ์ ระสมุทร มิกาโด วงั ตี องเพลงล้วนๆ ดนตร-ี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ดนตรี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ไม่มีบทพูดแทรก เรอื งทีแสดง ได้แก่ เรอื งสาวติ รี เพลงรอ้ ง ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง ๒ ชนั มีลํานําทีไพเราะ จัดทําโดย นายณรงศักดิ นวลติง อา้ งองิ จาก สถานทีแสดง แสดงบนเวที มีการจัดฉากเปลียนตามท้องเรอื ง https://sites.google.com/site/natsilp1/lakhr-rxng สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564 จัดทําโดยนางสาวณัฐพร พลฑา เลขที43 ม 4/16 ละครรอ้ ง สืบค้นวนั ที 21 มิถุนายน 2564 ละครรอ้ งเปนศิลปการแสดงแบบใหม่ทีกําเนิดขึนในตอนป อา้ งองิ https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi2- kar-saedng-natsilp-thiy/kar-pradisth-tha-ra-ni-kar-saedng- ลายรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเล้าเจ้าอยูห่ วั ละครรอ้ งได้ปรบั ปรุงขึนโดยได้รบั อทิ ธพิ ลจากละครต่างประเ natsilp ทศ ละครรอ้ งนันต้นกําเนิดมาจากการแสดงของชาวมลายู เรยี กวา่ \"บังสาวนั \" ได้เคยเล่นถวายรชั กาลที ๕ ทอดพระเนตรครงั แรกทีเมืองไทรบุรี สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟามหาวชริ าวธุ ละครรอ้ งสลับพูด : ละครรอ้ งสลับพูด มีทังบทรอ้ ง และบทพูด ยดึ ถือการรอ้ งเปนส่วนสําคัญ สยามมกุฎราชกุมาร บทพูดเจรจาสอดแทรกเขา้ มาเพอื ทวนบททีตัวละครรอ้ งออกมานันเอง -ทรงตัง \"ทวปี ญญาสโมสร\" ขนึ ในพระราชอุทยานสราญรมย์ แม้ตัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ได้เนือเรอื งสมบูรณ์ และทรงมีส่วนรว่ มในกิจการการแสดงละครพูด มีลูกคู่คอยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก จึงได้ถวายพระเกียรติวา่ ทรงเปนผู้ใหก้ ําเนิดละครพูด ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง และยงั ทรงสนับสนนุ ละครพูดอยา่ งดียงิ ลูกคู่จะเปนผู้รอ้ งทังหมด ตัวละครจะทําท่าประกอบตาม ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูดทีดีเด่นเปนจํานวนมาก และทรงรว่ มในการแสดงด้วยหลายครงั ผู้แสดง ละครรอ้ งสลับพูด ใชผ้ ู้หญงิ แสดงล้วน ยกเวน้ แต่ตัวตลก หรอื จําอวด ใชผ้ ูช้ ายแสดง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ -มีชอื เสียงจากงานพระนิพนธห์ ลายชนิ ทีรูจ้ ักกันดี ได้แก่ การแต่งกาย ละครรอ้ งสลับพูด แต่งตามฐานะของตัวละคร บทละครพูดเรอื ง \"สรอ้ ยคอทีหาย\" ซึงเคยบรรจุในหนังสือเรยี นวชิ าภาษาไทยของกระทรวงศึกษาธกิ าร ดนตรี ละครรอ้ งสลับพูด บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม บทละครรอ้ ง เรอื ง \"สาวเครอื ฟา\" หรอื อาจใชว้ งมโหรปี ระกอบในกรณีทีใชแ้ สดงเรอื งเกียวกับชนชาติอนื ๆ ทังนียงั ทรงก่อตังโรงละครรอ้ งขึนในบรเิ วณตําหนักทีประทับ ชอื วา่ \"โรงละครปรดี าลัย\" เปนโรงละครรอ้ งแหง่ แรกในไทย เรอื งทีแสดง ละครรอ้ งสลับพูด แสดงเรอื ง ตุ๊กตายอดรกั ขวดแก้วเจียระไน เครอื ณรงค์ กากี ภารตะ สาวเครอื ฟา เจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรี -ประพนั ธล์ ะครพูดไว้ รวม 4 เรอื งได้แก่ บ๋อยใหม่ แม่ศรคี รวั หมันไว้ เพลงรอ้ ง ละครรอ้ งสลับพูด ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง 2 ชนั และตาเงาะ และยงั แต่งโคลงกลอนไวเ้ ปนจํานวนมาก ในกรณีทีตัวละครรอ้ งใชซ้ ออูค้ ลอตามเบาๆ เรยี กวา่ รอ้ งคลอ นอกจากนีเจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรไี ด้เปนผูแ้ ต่งเนือรอ้ งเพลงชาติ ไทยฉบับก่อนปจจุบันอกี ด้วย จัดทําโดย นายเมธาพร รกั ษ์ทอง อา้ งองิ จาก http://www.banramthai.com/html/lakhon8.html สมเดจ็ ฯเจ้าฟาภาณุรงั ษีสวา่ งวงศ์ สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564 -เปนนายกสมาคม\"แมจิกัลโซไซเอตี\" เเละจัดการแสดงละครเรอื งลิลิตนิทราชาครติ ขนึ ทรงเปนผู้กําหนดตัวละครเอง อาจารยม์ นตรี ตราโมท -ประพันธล์ ะครพูดคําโคลงไวม้ ากมายหลายเรอื ง ยกตัวอยา่ งเรอื งทีมีชอื เสียงเชน่ เรอื งสีนา ิกา และครูมนตรยี งั เปนครูผูป้ ระกอบพิธไี หวค้ รู และครอบประสิทธปิ ระสาทวชิ าดนตรไี ทยของกรมศิลปากร นอกจากนียงั กระทําพธิ ใี หแ้ ก่กองการสังคีตและวทิ ยาลัยนาฏศิลป พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ - เปนผู้นิพนธแ์ ละกํากับการแสดง ได้แก่ ตุ๊กตายอดรกั ขวดแก้วเจียระไน กากี ภารตะ สีปอมินทร์ พระยาสีหราชเดโช เปนเรอื งทีได้รบั ความนิยม ส่วนละครรอ้ งล้วนๆ เรอื งทีแสดง คือ เรอื งสาวติ รี จัดทําโดย นางสาวสุทธภิ า ยอดสุดเออื ม อา้ งองิ https://sites.google.com/site/sittipanareerat42 2/bth-thi2-kar-saedng-natsilp-thiy/kar-pradisth-tha- ra-ni-kar-saedng-natsilp สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564

ขอ้ สอบกลมุ่ ละครท่ีพฒั นาขึ้นใหม่ 1.ข้อใดคือเร่อื งทแี่ สดงในละครรอ้ งล้วน ๆ ก.เรอื่ งสาวิตรี ข.เรื่องกากี ค.เรอ่ื งโพงพาง ง.เรื่องเจา้ ขา้ สารวัด *เฉลย ก.เร่ืองสาวิตรี* ผ้อู อกขอ้ สอบ: นายณรงศักดิ์ นวลตง้ิ ม.4/16 เลขที่ 12 2.ละครร้องสลบั พดู มลี ักษณะการแตง่ กายอยา่ งไร ก.แต่งกายตามทอ้ งเร่ือง ข.แต่งกายแบบสมยั นิยม ค.แตง่ กายตามฐานะตวั ละคร ง.แตง่ ใหเ้ หมาะสมถกู ต้องตามบคุ ลกิ ของตวั ละครและยคุ สมยั *เฉลย ค.แต่งกายตามฐานะตัวละคร* ผู้ออกข้อสอบ:นายเมธาพร รักษ์ทอง ม.4/16 เลขท่ี 14 3.ละครพูดล้วน ๆ บรรเลงโดยวงดนตรีอะไร ก.วงดนตรีสากล ข.วงป่พี าทยไ์ มน้ วม ค.วงมโหรี ง.ถูกท้ัง ก. และ ข. *เฉลยข้อ ง.ถกู ท้ัง ก. และ ข. * ผู้ออกข้อสอบ:นายปีย์มนัส แสงเกื้อหนุน ม.4/16 เลขที่ 13 4.ละครสังคีต มีววิ ฒั นาการมาจากละครอะไร ก.ละครพดู ลว้ นๆ ข.ละครรอ้ ง ค.ละครพูดสลบั ลา ง.ละครพดู เเบบร้อยกรอง *เฉลย ค.ละครพูดสลบั ลา* ผู้ออกขอ้ สอบ:นางสาวณัฐพร พลฑา ม.4/16 เลขท่ี 43 5.ละครพดู แบบใดทไี่ มม่ ีเพลงร้องโดยผูแ้ สดงจะดาเนินเร่อื งโดยการพูดเป็นคาประพนั ธช์ นดิ นั้นๆ ก.ละครพดู สลับรา ข.ละครพดู แบบรอ้ ยกรอง ค.ละครพูดลว้ นๆ ง.ไม่มีข้อใดถกู ตอ้ งเนอ่ื งจากละครพูดต้องใชเ้ พลงรอ้ งในการดาเนนิ เร่อื งทุกประเภท *เฉลย ข.ละครพดู แบบร้อยกรอง* ผอู้ อกขอ้ สอบ:นางสาวปวรศิ า ขวญั ดา ม.4/16 เลขท่ี 34 ผ้ตู รวจสอบ: นางสาวสุทธภิ า ยอดสุดเออ้ื ม ม.4/16 เลขที่ 36

รบั ผดิ ชอบโดย นายพสิษฐ์ พัฒนาศรรี ตั น์ กลุ่ม |การเเสดงพนื เมือง 4ภาค เลขที10 ราํ กลองยาว 1. นายนนทภัทร สุวรรณรศั มี เลขที1 (หวั หน้ากลุ่ม) 2. นายอารกั ษ์ พิบูลยผ์ ล เลขที6 (สมาชกิ กลุ่ม) 3. นายกฤษฎา ทรกัณฑ์ เลขที7 (สมาชกิ กลุ่ม) 4. นายพสิษฐ์ พัฒนาศรรี ตั น์ เลขที10 (เลขา) 5. นางสาวฐิติกาญจน์ ไหมออ่ น เลขที14 (สมาชกิ กลุ่ม) ภาคกลางเปนทีรวมของศิลปวฒั นธรรม ภาคกลาง การแสดงจึงมีการถ่ายทอดสืบต่อกันและพัฒนาดัดแปลงขึน การเเสดงพนื เมือง ๔ เรอื ยๆ และออกมาในรูปแบบของ ขนบธรรมเนียมประเพณี และการประกอบอาชพี เชน่ เต้นกําราํ เคียว เพลงเกียวข้าว เพลงเรอื เพลงฉ่อย เพลงอแี ซว ลิเก ลําตัด กลองยาว เถิดเทิง เปนต้น บางอยา่ งกลายเปนการแสดงนาฏศิลปแบบฉบับไปก็มี เชน่ ราํ วง และเนืองจากเปนทีรวมของศิลปะนีเอง ทําใหค้ นภาคกลางรบั การแสดง ของท้องถินใกล้เคียงเข้าไวห้ มด แล้วปรุงแต่งตามเอกลักษณ์ของภาคกลาง คือการรา่ ยราํ ทีใชม้ ือ แขนและลําตัว เชน่ โขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ลิเก หุน่ หนังใหญ่ เปนต้น เต้นกําราํ เคียว ลําตัด ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี บุคคลสําคัญ ระบําตารกี ีปส โนรา ภาคใต้ โดยทัวไปภาคใต้มอี าณาเขตติดกับทะเลฝงตะวนั ตก และตะวนั ออก ทางดา้ นใต้ติดกับมลายู ทําใหร้ บั วฒั นธรรมของมลายูมาบา้ งประชากร จงึ มชี วี ติ ความเปนอยู่ ขนบธรรมเนยี มประเพณีและบุคลิกบางอยา่ งทีคล้า ยคลึงกัน คือ พูดเรว็ อุปนสิ ยั วอ่ งไว ตัดสนิ ใจ รวดเรว็ เดด็ ขาด มอี ุปนสิ ยั รกั พวกพอ้ ง รกั ถินทีอยูอ่ าศัย และศิลปวฒั นธรรมของตนเอง จงึ มคี วามพยายามทีจะชว่ ยกันอนรุ กั ษ์ไวจ้ นสบื มาจ นถึงทกุ วนั นี การแสดง ของภาคใต้มลี ีลาท่าราํ คล้ายกับการเคลือนไหวของร่ างกายมากกวา่ การฟอนราํ ซงึ จะออกมาในลักษณะกระต้นุ อารมณ์ใหม้ ชี วี ติ ชวี า และสนกุ สนาน เชน่ โนรา หนังตะลงุ รองเง็ง ตารกี ีปส เปนต้น หนังตะลุง พ่อขุนศรศี รทั ธา บุุคคลสําคัญ รบั ผดิ ชอบโดยนางสาว ฐิติกาญจน์ ไหมออ่ น เลขที14

รบั ผิดชอบโดย นายนนทภัทร สุวรรณรศั มี เลขที1 กลองสะบัดชยั ภาคเหนือ การแสดงของภาคเหนือเรยี กวา่ ฟอน เชน่ ฟอนเล็บ ฟอนเทียน ฟอนเงยี ว ฟอนสาวไหม เปนต้น ภาคเหนือนีมีการแสดงหรอื การรา่ ยราํ ทีมีจังหวะชา้ ท่าราํ ทีออ่ นชอ้ ย น่มุ นวล เพราะมีอากาศเยน็ สบาย ทีมา ทําใหจ้ ิตใจของผูค้ นมีความน่มุ นวล ออ่ นโยน ภาษาพูดก็น่มุ นวลไปด้วย เพลงมีความไพเราะ ออ่ นหวาน ผูค้ นไม่ต้องรบี รอ้ น ในการทํามาหากิน 1. สิงต่างๆ เหล่านันมีอทิ ธพิ ลต่อการแสดงนาฏศิลปของภาคเหนือ 2. นาฏศิลปของภาคเหนือ เชน่ ฟอนเทียน ฟอนเล็บ ฟอนมาลัย ฟอนสาวไหม ฟอนดาบ ฟอนเชงิ (ฟอนเจิง) ตีกลองสะบัดไชย ซอ ค่าว นาฏศิลปของภาคเหนือได้รบั อทิ ธพิ ลจากประเทศใกล้เคียง ได้แก่ พม่า ลาว จีน และวฒั นธรรมของชนกลุ่มน้อย เชน่ ไทยใหญ่ เงยี ว ชาวไทยภูเขา ยอง เปนต้น นอกจากมีของทีเปน \"คนเมือง\" แท้ๆ แล้วยงั มีนาฏศิลป ทีผสมกลมกลืนกับชนชาติต่างๆ และของชนเผา่ ต่างๆ อกี หลายอยา่ ง เชน่ อทิ ธพิ ลจากพม่า เชน่ ฟอนม่านมงคล ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา นาฏศิลปของชนเผ่าต่างๆ เชน่ ฟอนนก(กิงกาหล่า - ไทยใหญ)่ ฟอนเงยี ว (เงยี ว) ระบาํ เก็บใบชา(ชาวไทยภูเขา) เปนต้น ระบําชาวเขา 3. 4. ฟอนสาวไหม 5. 6. คํา กาไวย์ 7.www.veesmiletravel.com บุุคคลสําคัญ 8. 9. ๔ ภาค ครูเปลือง ฉายรศั มี บุุคคลสําคัญ 10. 11. ซิงกระติบข้าว 12. 13. ได้รบั อทิ ธพิ ลจากศิลปะของลาว ซึงมักเรยี กการละเล่นวา่ \"เซิง ฟอน และหมอลํา\" 14. 15. เชน่ เซิงกระติบขา้ ว เซิงโปงลาง เซิงแหยไ่ ขม่ ดแดง 16. ฟอนภูไท เซิงสวงิ เซิงบ้องไฟ เซิงกะหยงั 17. 18. เซิงตังหวาย ฯลฯ ภาคอสี าน ใชเ้ ครอื งดนตรพี ืนบ้านประกอบด้วย แคน พิณ ซอ กลองยาวอสี าน โปงลาง โหวด ฉิง ฉาบ ฆ้อง และ กรบั ส่วนกลุ่มอสี านใต้ ได้รบั อทิ ธพิ ลจากศิลปะของเขมร มีการละเล่นทีเรยี กวา่ \"เรอื ม หรอื เรอ็ ม\" เชน่ เรอื มลูดอนั เร (ราํ กระทบสาก) ราํ กระโน็บติงต็อง (ระบําตักแตนตําข้าว) ราํ อาไย (ราํ ตัด) วงดนตรที ีใชบ้ รรเลงคือวงมโหรอี สี านใต้ มีเครอื งดนตรี เชน่ ซอด้วง ซอตรวั เอก กลองกันตรมึ พิณ ระนาดเอกไม้ ปสไล กลองราํ มะนา และเครอื งประกอบจังหวะ การแต่งกายประกอบการแสดงแต่งแบบวฒั นธรร ม ของพืนบ้านอสี าน มีลักษณะลีลาท่าราํ และท่วงทํานองดนตรใี นการแ สดงค่อนขา้ งกระชบั กระฉับกระเฉง รวดเรว็ และสนกุ สนาน เซิงโปงลาง เซิงกะโป รบั ผิดชอบโดย นายอารกั ษ์ พิบูลยผ์ ล เลขที6

แบบทดสอบการแสดงพน้ื เมือง 4 ภาค 1. “ศิลปะการรา่ ยราท่ีมีจังหวะชา้ ท่าราท่อี ่อนช้อย นุ่มนวล เพราะมีอากาศเยน็ สบาย ทาให้จติ ใจของผคู้ น มีความนุ่มนวล อ่อนโยน ภาษาพูดกน็ ่มุ นวลไปด้วย” เปน็ ลักษณะการแสดงของภาคใด (ออกข้อสอบโดย นายนนทภทั ร สุวรรณรัศมี) ก.ภาคเหนือ ข.ภาคกลาง ค.ภาคอีสาน ง.ภาคใต้ 2. ”ได้รบั อทิ ธิพลจากศิลปะของลาว ซ่ึงมกั เรียกการละเล่นวา่ เซิ้ง ฟ้อน และหมอลา” เปน็ ลกั ษณะการแสดงของภาคใด (ออกขอ้ สอบโดย นายอารักษ์ พบิ ลู ย์ผล) ก.ภาคเหนือ ข.ภาคกลาง ค.ภาคอสี าน ง.ภาคใต้ 3. ท่านผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนี เปน็ บุคคลสาคญั ของภาคใด ข.ภาคกลาง (ออกข้อสอบโดย นายกฤษฎา ทรกัณฑ์) ง.ภาคใต้ ก.ภาคเหนือ ค.ภาคอสี าน 4. “โนรา” เปน็ การแสดงของภาคใด (ออกขอ้ สอบโดย นางสาวฐติ ิกาญจน์ ไหมออ่ น) ก.ภาคเหนอื ข.ภาคกลาง ค.ภาคอสี าน ง.ภาคใต้ 5. \"คนเมือง\" คือคนภาคอะไร (ออกข้อสอบโดย นายพสษิ ฐ์ พัฒนาศรีรตั น์) ก.ภาคเหนือ ข.ภาคกลาง ค.ภาคอีสาน ง.ภาคใต้

เฉลยทดสอบการแสดงพื้นเมือง 4 ภาค 1. “ศิลปะการรา่ ยราท่มี ีจังหวะชา้ ทา่ ราท่ีอ่อนช้อย นุม่ นวล เพราะมีอากาศเยน็ สบาย ทาให้จิตใจของผูค้ นมี ความน่มุ นวล ออ่ นโยน ภาษาพูดกน็ ุ่มนวลไปด้วย” เป็นลักษณะการแสดงของภาคใด (ออกข้อสอบโดย นายนนทภทั ร สุวรรณรัศมี) ก.ภาคเหนอื ข.ภาคกลาง ค.ภาคอสี าน ง.ภาคใต้ 2. ”ไดร้ ับอิทธิพลจากศลิ ปะของลาว ซึ่งมกั เรยี กการละเลน่ ว่า เซ้งิ ฟ้อน และหมอลา” เปน็ ลักษณะการแสดงของภาคใด (ออกข้อสอบโดย นายอารักษ์ พิบูลยผ์ ล) ก.ภาคเหนอื ข.ภาคกลาง ค.ภาคอีสาน ง.ภาคใต้ 3. ทา่ นผหู้ ญิงแผ้ว สนทิ วงศเ์ สนี เปน็ บคุ คลสาคัญของภาคใด ข.ภาคกลาง (ออกข้อสอบโดย นายกฤษฎา ทรกณั ฑ์) ง.ภาคใต้ ก.ภาคเหนือ ค.ภาคอสี าน 4. “โนรา” เป็นการแสดงของภาคใด (ออกข้อสอบโดย นางสาวฐิตกิ าญจน์ ไหมออ่ น) ก.ภาคเหนอื ข.ภาคกลาง ค.ภาคอีสาน ง.ภาคใต้ 5. \"คนเมอื ง\" คือคนภาคอะไร (ออกข้อสอบโดย นายพสิษฐ์ พัฒนาศรรี ัตน)์ ก.ภาคเหนอื ข.ภาคกลาง ค.ภาคอสี าน ง.ภาคใต้

















1 8