ศรญาณ ภาษติ คณุ ครนู ฤมล นนลอื ชา
ผ้แู ต่ง หม่อมเจ้าอศิ รญาณ แตง่ ข้นึ ในสมยั รัชกาลที่ ๔ มีเร่อื งเลา่ กันว่า หม่อมเจา้ อิศรญาณ มพี ระจริตทีไ่ มป่ กตินกั เคยทาอะไรผิดจรติ ไปอย่าง หนึ่งจงึ ถกู รชั กาลที่ ๔ ตรัสว่า บา้ ทาใหเ้ กิดความ นอ้ ยพระทัย จึงนพิ นธเ์ พลงยาวขึ้นบทหนึ่ง ภายหลัง เรยี กวา่ “ภาษิตอิศรญาณ”
ลักษณะคาประพันธ์ อิศรญาณภาษิต แตง่ ดว้ ย กลอนเพลงยาว มลี กั ษณะ เหมอื นกลอนสภุ าพ (กลอนแปด) แต่ขึ้นบทแรกด้วยวรรครบั และจบด้วยคาวา่ เอย ในสมัยก่อนผ้ชู ายนยิ มเขียนเพลงยาว ถงึ หญงิ ทรี่ ัก เพลงยาวทใ่ี ช้เป็นจดหมายรกั ลงทา้ ยดว้ ย “เอย” จึงเปน็ ทม่ี าของคาวา่ “ลงเอย”
อศิ รญาณภาษิต อศิ รญาณภาษติ มีเนอ้ื หาท่ใี หข้ ้อคดิ คตเิ ตือนใจ จึงเรยี กว่า ภาษิต สอนการปฏบิ ัตติ นใหเ้ หมาะสม บางตอนใชถ้ ้อยคาประชดเหน็บแนม ในการสอน
อิศรญาณภาษิต ๏ อิศรญาณชาญกลอนอักษรสาร เทศนาคาไทยให้เป็นทาน โดยตานานศภุ อรรถสวสั ดี หม่อมเจ้าอศิ รญาณผ้ทู รงเชี่ยวชาญในเชิงกลอนทรงนพิ นธ์ คากลอนสภุ าษติ โบราณ สงั่ สอนเตอื นใจไวเ้ พอ่ื เปน็ ทาน
อิศรญาณภาษติ ๏ สาหรับคนเจือจติ จรติ เขลา ดว้ ยมวั เมาโมห์มากในซากผี ต้องหาม้ามโนมยั ใหญย่ าวรี สาหรบั ขีเ่ ป็นม้าอาชาไนย สาหรับคนท่ีโงเ่ ขลาเบาปญั ญาทีไ่ ปลมุ่ หลงในความชั่วต้อง ฝกึ ใจให้รู้เท่าทนั กเิ ลส คอื เอาใจเปน็ นายบงั คบั ใจตวั เองให้อยู่ เหนอื กิเลส เพ่ือจะได้เปน็ พาหนะไปส่คู วามสุข
อศิ รญาณภาษิต ๏ ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณวา่ นา้ พึง่ เรือเสือพง่ึ ป่าอชั ฌาสัย เรากจ็ ิตคดิ ดูเล่าเขากใ็ จ รกั กันไวด้ ีกว่าชังระวงั การ
อิศรญาณภาษติ ผชู้ ายกับผู้หญงิ นนั้ ตา่ งกันดงั ขา้ วเปลอื กกบั ขา้ วสาร โบราณกล่าวไว้วา่ ชายเปรยี บเสมือนข้าวเปลือก หญิงเปรยี บเสมือนขา้ วสาร ซึง่ เป็นการสอนให้ ผูห้ ญงิ ร้จู ักรักนวลสงวนตัว เพราะผหู้ ญิงคลา้ ยกบั ขา้ วสารท่ผี า่ นการขัดสพี รอ้ มที่ จะนาไปหงุ อยา่ งเดียว ไมส่ ามารถนามาปลูกใหมไ่ ดอ้ ีก ขณะท่ีผชู้ ายเปรยี บเสมอื น ข้าวเปลอื กทส่ี ามารถนาไปเพาะปลูกและเจรญิ งอกงามใหม่ไดเ้ รอ่ื ย ๆ ซงึ่ ทง้ั ชาย และหญงิ ตา่ งกต็ ้องชว่ ยเหลอื เกือ้ กลู กัน เหมือนกับสานวน นา้ พึ่งเรอื เสอื พึง่ ปา่ และต้องนึกถึงใจเขาใจเรา รกั กันไวก้ ่อนจะดีกว่าการเกลียดชงั กัน
อิศรญาณภาษิต ๏ ผู้ใดดีดตี ่ออยา่ กอ่ กจิ ผใู้ ดผิดผ่อนพกั อยา่ หักหาญ สบิ ดีกไ็ ม่ถงึ กับกึง่ พาล เปน็ ชายชาญอย่าเพ่อคาดประมาทชาย ผใู้ ดทที่ าดีตอ่ เรา เราควรทาดตี ่อเขาตอบ ส่วนผู้ใดท่ีทาไม่ ดีต่อเราหรือทาไมถ่ กู ตอ้ งกไ็ มค่ วรโกรธหรอื ตดั รอน จนแตกหัก ทาความดีสบิ ครั้ง กไ็ ม่เท่าทาความช่ัวครง่ึ ครัง้ ความชั่วนั้นจะ ทาลายความดีลงจนหมดสนิ้ เกดิ เป็นชายก็ไม่ควรดถู ูกชายด้วยกัน
อศิ รญาณภาษติ ๏ รกั สั้นน้นั ใหร้ ู้อยู่เพยี งสน้ั รักยาวน้นั อยา่ ให้เยน่ิ เกนิ กฎหมาย มใิ ชต่ ายแต่เขาเราก็ตาย แหงนดูฟ้าอยา่ ใหอ้ ายแก่เทวดา ความรักความสมั พนั ธ์จะเป็นไปอย่างยาวนาน ต้องอาศยั การทาดีต่อกัน อยา่ งสม่าเสมอ และไมท่ าอะไรเกนิ ขอบเขตกฎหมาย อย่างไรเสียเราทุกคนก็ตอ้ ง ตาย ควรทาดตี ่อกันไว้ เวลาที่แหงนดูฟ้าจะได้ไมอ่ ายเทวดาทีอ่ ยบู่ นสวรรค์
อศิ รญาณภาษิต ๏ อยา่ ดถู กู บุญกรรมวา่ ทาน้อย น้าตาลย้อยมากเม่ือไรได้หนกั หนา อยา่ นอนเปล่าเอากระจกยกออกมา ส่องดูหนา้ เสยี ทีหนึ่งแลว้ จึงนอน
อศิ รญาณภาษิต อย่าดถู ูกความดที ท่ี าเพยี งเลก็ นอ้ ย เพราะมนั จะสะสมไปเร่ือย ๆ และมากขนึ้ ทุกที คลา้ ยกับการปาดนา้ ตาลท่แี ม้จะไหลออกมาเพยี ง เลก็ น้อย แต่หากเวลาผา่ นไป นา้ ตาลกส็ ามารถจะเพม่ิ จานวนข้นึ มาก เร่ือย ๆ ไดเ้ ชน่ กนั “อย่านอนเปลา่ เอากระจกยกออกมา” ตอ้ งการจะสื่อ ใหเ้ ราสารวจกาย จิตใจ และการกระทาของตวั เองในแต่ ละวัน เตอื นใจให้มสี ตหิ มัน่ ทบทวนตวั เองในทุก ๆ วัน
อศิ รญาณภาษติ ๏ เห็นตอหลักปกั ขวางหนทางอยู่ พเิ คราะห์ดูควรท้งึ แล้วจงึ ถอน เห็นเต็มตาแลว้ อยา่ อยากทาปากบอน ตรองเสียก่อนจึงคอ่ ยทากรรมทงั้ มวล
อศิ รญาณภาษิต เหน็ สิ่งใดกดี ขวางทางอยู่ จงพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่ จะเอาออกเพราะอาจเปน็ อันตรายได้ และเมอ่ื ไปเห็นการกระทา ของใคร อย่ารบี พูดออกไป ควรคดิ พิจารณาใหด้ เี สยี กอ่ น ก่อนที่จะพดู หรอื กระทาอะไรเพราะอาจนาผลรา้ ยมาสตู่ นเองได้ สอนใหร้ ู้จักคดิ ใครค่ รวญ ไตรต่ รองกอ่ นจะพดู หรอื ทาสิ่งใด
อศิ รญาณภาษติ ๏ ค่อยดาเนินตามไตผ่ ไู้ ปหน้า ใจความว่าผู้มีคุณอยา่ หนุ หวน เอาหลังตากแดดเปน็ นิจคดิ คานวณ รู้ถีถ่ ว้ นจึงสบายเม่ือปลายมือ ใหป้ ระพฤติปฏิบัตติ นตามผู้ใหญ่ เพราะย่อมมีความร้แู ละประสบการณ์ มากกว่า และอยา่ เปน็ คนอกตญั ญู จงมคี วามขยนั หมัน่ เพียรทางานอยู่เสมอ แลว้ จะมคี วามสุขสบายในภายหนา้
อศิ รญาณภาษิต ๏ เพชรอย่างดีมีค่าราคายิง่ สง่ ใหล้ ิงจะรู้คา่ ราคาหรือ ต่อผดู้ ีมปี ญั ญาจงึ หารอื ใหเ้ ขาลือเสียว่าชายนี้ขายเพชร
อศิ รญาณภาษติ การนาของมีค่าให้กับคนทไ่ี ม่ร้คู า่ ก็เหมือนกับ การนาเพชรไปใหก้ ับลิง ดงั น้นั เราควรจะสมาคมกับคน ทมี่ ีปญั ญาและมองเหน็ คา่ ของตวั เรา วรรคทบี่ อกว่า “ ให้เขาลอื เสยี วา่ ชายน้ีขายเพชร “ หมายถงึ ให้คน ร่าลือวา่ เรานนั้ มปี ญั ญาราวกับมีเพชรมากพอที่ จะอวดได้
อศิ รญาณภาษติ ๏ ของสิ่งใดเจา้ วา่ งามต้องตามเจ้า ใครเลยเลา่ จะไมง่ ามตามเสดจ็ จาไวท้ ุกสงิ่ จรงิ หรอื เทจ็ พริกไทยเม็ดนดิ เดียวเคีย้ วยังร้อน
อศิ รญาณภาษิต บทน้พี ดู ถึงการเห็นดเี หน็ งามตามเจ้านาย ตอ่ ให้ไม่ เหน็ ด้วยก็ตอ้ งเก็บไว้ข้างใน เพอ่ื ให้ไมเ่ ดอื ดร้อนตนเอง เพราะหากเดือดร้อนขน้ึ มาต่อให้เป็นเรื่องเลก็ เหมือน พริกไทยเมด็ เดียวก็กลายเป็นเร่อื งใหญโ่ ตไดเ้ ช่นกนั
อศิ รญาณภาษิต ๏ เกิดเปน็ คนเชิงดูใหร้ เู้ ท่า ใจของเราไมส่ อนใจใครจะสอน อยากใช้เขาเราต้องกม้ ประนมกร ใครเลยห่อนจะว่าตัวเป็นวัวมอ เกิดเปน็ คนตอ้ งรู้เท่าทันใจของตนเอง คือต้องสอนใจตนเองหรือเตือน ตนเองได้ และถ้าจะขอความชว่ ยเหลือจากผู้ใด เราต้องอ่อนน้อมถอ่ มตน เพราะไมม่ ีใครท่จี ะคดิ วา่ ตนเปน็ วัวให้คนอื่นใช้งาน
อศิ รญาณภาษิต ๏ เป็นบ้าจ้ีนิยมชมว่าเอก คนโหยกเหยกรกั ษายากลาบากหมอ อันยศศักดมิ์ ใิ ชเ่ หลา้ เมาแตพ่ อ ถ้าเขายอเหมอื นอย่างเกาใหเ้ ราคัน
อศิ รญาณภาษติ คนบา้ ยอชอบใหค้ นเขานยิ มยกย่องเปรียบเหมือนคนไมอ่ ยู่ กบั รอ่ งกับรอย ซง่ึ แก้ไขได้ยาก ยศ หรือตาแหนง่ น้นั กม็ ิใช่เหล้า จงเมาแต่พอควร อย่าไปยดึ ตดิ หลงยศ หลงตาแหนง่ คาเยินยอ ต่าง ๆ นั้น ถา้ เราหลงเช่ือ อาจทาให้เราเดอื ดรอ้ นได้
อศิ รญาณภาษติ ๏ บา้ งโลดเล่นเตน้ ราทาเปน็ เจ้า เป็นไรเขาไม่จับผดิ คิดดขู ัน ผีมนั หลอกช่างผีตามทมี นั คนเหมือนกนั หลอกกนั เองกลัวเกรงนกั
อิศรญาณภาษิต บางคนทาตัวเหมอื นเจา้ เขา้ สงิ ไม่มใี ครคิด จับผดิ วา่ เปน็ ผจี รงิ หรอื ไม่ แต่ตอ่ ให้เปน็ ผจี รงิ ก็ ปล่อยให้หลอกไป เพราะอย่างไรก็น่ากลัวน้อย กวา่ คนทม่ี าหลอกกันเอง
อศิ รญาณภาษิต ๏ สูงอยา่ ให้สงู กว่าฐานนานไปล้ม จะเรยี นคมเรียนเถิดอยา่ เปิดฝัก คนสามขามีปญั ญาหาไวท้ ัก ที่ไหนหลกั แหลมคาจงจาเอา
อศิ รญาณภาษิต ถา้ จะสรา้ งสงิ่ ใดที่สูงเกินสมดลุ ของฐานก็อาจจะทาใหล้ ม้ ได้ สอนใหร้ ู้จักประมาณตน ไม่ให้ทาอะไรเกินฐานะของตนเอง การศกึ ษาหาความรูก้ ต็ อ้ งขยันหมน่ั เพียรโดยไม่อวดรจู้ นเกนิ ไป และเราควรทจี่ ะปรกึ ษาหารือกบั ผใู้ หญ่เพราะมปี ระสบการณ์มา ก่อนเรา หากส่งิ ไหนทีด่ งี ามก็ควรจะจดจาและนาไปใช้
อศิ รญาณภาษติ ๏ เดินตามรอยผใู้ หญ่หมาไม่กัด ไปพูดขัดเขาทาไมขัดใจเขา ใครทาตึงแล้วหยอ่ นผ่อนลงเอา นกั เลงเกา่ เขาไมห่ าญราญนกั เลง
อศิ รญาณภาษติ เราควรประพฤติปฏบิ ัติตามแบบอยา่ งผใู้ หญซ่ ่ึงมี ประสบการณ์มากอ่ น เหมอื นกับสานวน เดนิ ตามผใู้ หญ่ หมาไม่กัด และไมค่ วรไปพดู ขดั ผูอ้ น่ื เพราะอาจขดั ใจเขาได้ นอกจากน้ี เราควรร้จู กั ยดื หยนุ่ ถา้ มคี นหาเร่อื งก่อนเราก็ จะไม่หาเรือ่ งตอบ
อศิ รญาณภาษติ ๏ เปน็ ผหู้ ญงิ แมห่ ม้ายทไี่ รผ้ วั ชายมักยว่ั ทาเลยี บเทียบขม่ เหง ไฟไหมย้ งั ไม่เหมือนคนทจ่ี นเอง ทาอวดเกง่ กบั ข่อื คาว่ากระไร
อิศรญาณภาษติ ในยุคสมยั ก่อนนน้ั มีมมุ มองวา่ การเป็นหญงิ หม้ายไมม่ ี สามีคอยปกปอ้ ง มโี อกาสถูกชายอ่ืนพูดจาแทะโลมขม่ เหง ส่วน ไฟไหมบ้ ้านยังไม่รา้ ยแรงเท่ากับคนทที่ าตนเองให้ยากจน ซง่ึ ใน ท่นี อี้ าจหมายถึงการหมดเงินไปกับกเิ ลสตณั หาต่าง ๆ และอย่า ทาตวั ทา้ ทายกฎหมาย และบทลงโทษ
อศิ รญาณภาษิต ๏ อันเสาหนิ แปดศอกตอกเปน็ หลกั ไปมาผลักบอ่ ยเข้าเสายงั ไหว จงฟงั หูไวห้ ูคอยดไู ป เชื่อน้าใจดีกว่าอย่าเชือ่ ยุ
อิศรญาณภาษิต เสาหินขนาด ๘ ศอกถกู ตอกลงบนพืน้ ดินอย่างม่ันคง เม่อื มีคนมาผลักไปผลกั มาเสาหินย่อมสั่นคลอน เหมือนใจคน ย่อมออ่ นไหวไปตามคาพูดของผู้อืน่ ได้ ฉะนั้น จงึ ควรฟังหไู ว้หู และคดิ ใหร้ อบคอบกอ่ นท่ีจะเชือ่ ใคร มีใจคอหนักแน่นไม่หลงเชื่อ คายุยงโดยง่าย ให้รู้จกั ไตรต่ รองให้ดีเสยี ก่อนท่ีจะคล้อยตาม คาพูดของผอู้ ่ืน
อศิ รญาณภาษติ ๏ หญิงเรยี กแม่ชายเรียกพ่อยอไวใ้ ช้ มนั ชอบใจขา้ งปลอบไม่ชอบดุ ที่ห่างปิดที่ชิดไชให้ทะลุ คนจักษุเหล่หล่ิวไพล่พลิ้วพลกิ ถา้ เราตอ้ งการขอความช่วยเหลือกค็ วรใช้คาพดู ออ่ นหวานเพราะ ไมม่ ใี ครชอบให้ใช้คาพูดห้วน ๆ หรือดุดนั และควรพดู จาใหร้ ้จู ักกาลเทศะ เช่น เมอ่ื เจอคนตาเหลก่ ็ควรรูจ้ กั เลี่ยงไมพ่ ูดตรง ๆ เพ่ือมใิ ห้เสียน้าใจ
อศิ รญาณภาษิต ๏ เอาปลาหมอเป็นครูดูปลาหมอ บนบกหนออตุ ส่าหเ์ สอื กกระเดอื กกระดิก เขายอ่ มวา่ ฆา่ ควายเสยี ดายพรกิ รกั หยอกหยิกยบั ทงั้ ตวั อย่ากลัวเลบ็
อศิ รญาณภาษิต เราควรเพียรพยายามแบบปลาหมอทอี่ ยูบ่ นบกแล้ว พยายามตะเกียกตะกายกลบั ไปในน้าให้ได้ สว่ นการฆ่าควาย แลว้ อย่าเสียดายพริกนั้น หมายถงึ หากจะทาการใหญ่ก็ไมค่ วร กลวั แต่ควรทาให้เต็มที่ ส่วนวรรคสดุ ท้ายต้องการจะส่ือว่า หากเราอยากจะหยอกล้อผอู้ ืน่ เราก็ควรไมก่ ลัวทีผ่ ู้อ่นื จะหยอก ลอ้ เรากลับบ้าง
อศิ รญาณภาษิต ๏ มิใชเ่ น้อื เอาเป็นเน้ือก็เหลอื ปล้า แต่หนามตาเข้าสักนิดกรีดยังเจบ็ อันโลภลาภบาปหนาตัณหาเย็บ เมยี รู้เกบ็ ผวั รู้ทาพาจาเริญ
อิศรญาณภาษิต คนเราถา้ ไมใ่ ชเ่ นอื้ คกู่ นั อยู่ดว้ ยกนั แม้จะเปน็ เรื่องเลก็ นอ้ ยก็ เจบ็ ปวดได้ เหมือนกับหนามตาเพียงนิดเดียวก็สร้างความเจ็บปวด ได้ไมน่ ้อย นอกจากนี้การใชช้ ีวิตร่วมกันระหว่างสามีภรรยา ควร ตัดความโลภ และตัณหาตา่ งๆ ออก ฝา่ ยสามีตอ้ งขยนั ทางาน เลีย้ งครอบครัว ส่วนภรรยาตอ้ งรจู้ กั เกบ็ หอมรอมรบิ จะทาให้ ครอบครัวเจรญิ ย่ิงขน้ึ
อิศรญาณภาษติ ๏ ถึงรจู้ รงิ นงิ่ ไว้อย่าไขรู้ เต็มทค่ี รู่เดียวเท่านั้นเขาสรรเสริญ ไม่ควรก้าเกนิ หน้ากอ็ ยา่ เกนิ อย่าเพลดิ เพลินคนชังนักคนรักนอ้ ย แม้ว่าเราจะรู้จริง เราก็ไม่ต้องอวดวา่ เรารู้ แมจ้ ะได้รับการชื่นชม จากผูอ้ น่ื กเ็ พยี งในระยะเวลาส้ัน ๆ ดงั นั้น อย่าทาอะไรเกินหน้าเกิน ตาผู้อน่ื เพราะจานวนคนทีร่ ักเราน้นั มีน้อยกวา่ คนทเี่ กลียดเรา
อศิ รญาณภาษิต ๏ วาสนาไม่คูเ่ คยี งเถียงเขายาก ถงึ มีปากมเี สยี เปลา่ เหมือนเตา่ หอย ผเี รือนตวั ไมด่ ีผีอน่ื พลอย พดู พล่อยพลอ่ ยไมด่ ปี ากขี้ร้ิว ผู้มีอานาจนอ้ ยกวา่ ยอ่ มไมส่ ามารถเถยี งผู้ทีม่ อี านาจสูงกวา่ ได้ ถึงแม้วา่ จะมปี ากในการพูดแตพ่ ดู ไปกไ็ รป้ ระโยชน์ หากไมร่ ะวังกายและใจ ของตนเองใหด้ ี ตัวเราจะประพฤตชิ ัว่ ไดโ้ ดยง่าย การพูดพล่อยๆ โดยไม่คิด ให้ดีก่อนพูดเป็นสง่ิ ที่ไมค่ วรกระทา
อศิ รญาณภาษติ ๏ แต่ไมไ้ ผอ่ นั หนงึ่ ตนั อันหนง่ึ แขวะ สีแหยะแหยะตอกตะบนั เป็นควนั ฉวิ ชา้ งถีบอยา่ ว่าเลน่ กระเด็นปลิว แรงหรอื หิวชัง่ ใจดจู ะสู้ชา้ ง
อิศรญาณภาษติ สอนใหไ้ มป่ ระมาทเพราะบางอยา่ งอาจจะมีพิษภัยกวา่ ทค่ี ิด อย่างไม้ไผ่อนั ทต่ี นั กับอกี อนั ที่เจาะเป็นรู เมอ่ื นามาสกี นั เบา ๆ กเ็ กิดความรอ้ นได้เหมอื นกนั และหากเราโดนช้างถบี หรอื ทาร้าย หากคิดจะแกแ้ คน้ เอาคนื ควรพิจารณาตัวเองใหด้ กี อ่ นว่ามี พละกาลงั มากพอจะสู้กบั ช้างหรือไม่
อศิ รญาณภาษิต ๏ ลอ้ งเู ห่าเลน่ ก็ไดใ้ จกล้ากลา้ แต่ว่าอยา่ ยักเยอ้ื งเขา้ เบ้อื งหาง ต้องวอ่ งไวในทานองคลอ่ งท่าทาง ตบหวั ผางเดียวม้วนจึงควรลอ้
อิศรญาณภาษิต ถ้าเราจะล้อเลน่ กบั งูเหา่ (สิง่ ทีด่ ูอนั ตรายและ เส่ียงภัย) จะต้องมีใจที่กลา้ หาญ คล่องแคล่ว วอ่ งไว ต้องรู้วธิ ีการจบั งู ไมจ่ บั งูเห่าขา้ งหาง และสามารถตบ หัวงูเหา่ ให้ตายในครงั้ เดยี วได้ หากไม่สามารถทาได้ งเู หา่ จะย้อนกลบั มากัดเราตายได้
อศิ รญาณภาษติ ๏ ถงึ เพือ่ นฝงู ทชี่ อบพอขอกนั ได้ ถ้าแม้ให้เสียทกุ คนกลวั คนขอ พ่อแมเ่ ล้ียงปิดปกเปน็ กกกอ จนแล้วหนอเหมอื นเปรตเหตดุ ว้ ยจน
อิศรญาณภาษติ การจะขออะไรกบั เพอ่ื นฝูงทช่ี อบพอกนั กส็ ามารถขอกันได้ แต่เราไม่สามารถใหท้ ุกคนท่ีเขา้ มาขอได้ เพราะพ่อแมก่ ็ดูแล ทะนุถถนอมเรามาอยา่ งดี กวา่ เราจะมที ุกสงิ่ อยา่ งจนวนั น้ี แตถ่ ้าเราใหค้ นอืน่ ไปจนหมดตวั สดุ ท้ายแลว้ เราจะกลายเป็น เหมือนเปรตทต่ี ้องไปขอสว่ นบุญกับผูอ้ ่นื
อศิ รญาณภาษติ ๏ ถึงบุญมไี มป่ ระกอบชอบไมไ่ ด้ ตอ้ งอาศัยคิดดจี งึ มีผล บุญหาไม่แล้วอยา่ ไดท้ ะนงตน ปถุ ุชนรักกบั ชังไมย่ ั่งยืน
อศิ รญาณภาษิต ถึงมีบญุ วาสนาก็ตอ้ งทาดีอยา่ งสม่าเสมอ คิดดี ทาดีบญุ จึงส่งผล เมื่อหมดวาสนาลงแล้วอย่า ทะนงตน ว่าเป็นผ้มู ีบญุ บารมี ความรักความชงั นน้ั เปน็ สงิ่ ที่ไมจ่ ีรัง ยง่ั ยนื เทา่ การทาความดี
วิเอครภศิ าราะญหษ์เานิตณื้อหา คณุ ครูนฤมล นนลือชา
Search